นับตั้งแต่วันที่อดุลย์ถูกทิ้งไว้ให้งงงันพร้อมคำขู่แปลกๆจากเจ้าของบ้าน เหมือนว่าเวลาเขาทำอะไรก็มักจะขัดหูขัดตาอีกฝ่ายไปซะหมด ได้ยินเสียงจิ๊ปากรำคาญทุกครั้งที่เจอหน้ากันแต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น รพีแค่หงุดหงิดด้วยสาเหตุอะไรก็เกินกว่าเขาจะคาดเดาได้ คิดว่าคงเพราะเขาจะฝ่าฝืนคำสั่งเลยเกิดความไม่ชอบใจ
อดุลย์เลยคงได้พับแผนการที่จะใช้ชีวิตของตัวเองไปอีกซักระยะ เขาไม่อยากจะมีปัญหาอะไรยอมได้คงต้องยอมไปก่อน ในซักวันหนึ่งที่เขาคงจะหมดความสำคัญกับบ้านหลังนี้คงมาถึง
“วันนี้ทำอะไรกินครับพ่อ”เสียงทักทายยามเช้าตรู่ของตะวันส่งมา ทั้งดาวและป่านหันกลับไปยิ้มทักทายคุณหนูของบ้านที่เดินมากอดรัดฟัดเหวี่ยงพ่อปิงปองของตัวเองอย่างที่เคยทำประจำ
“ทำไมตื่นเช้าจัง”อดุลย์ถามกลับแปลกใจ ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดีด้วยซ้ำ เขากับเด็กๆในบ้านกำลังทำอาหารเช้าง่ายๆแบบในทุกวัน ตอนนี้เหมือนเป็นหน้าที่ของอดุลย์รับผิดชอบไปเสียแล้ว
“ว่าจะไปไวหน่อยครับ อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้ไปเรียนทั้งอาทิตย์เพื่อนบอกว่ามีงานเพียบ เลยว่าจะแวะหอพวกเพื่อนลอกงานก่อน”ตะวันยิ้มตอบ ซบหน้าลงคลอเคลียราวลูกแมวเมื่อถูกมือบางยกขึ้นลูบหัวอ่อนโยน
“แล้วจะไปยังไง ให้พ่อไปส่งมั้ยเดี๋ยวยืมรถลุงโชนไปส่งก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ พี่วัชจะไปส่ง”
“คุณวัชรอ่ะเหรอ?”
“ครับ เห็นว่าวันนี้จะเข้ามาคุยกับพ่อด้วย เลยอาสามารับตะวันเพราะยังไงก็ต้องมาบ้านนี้อยู่แล้ว”เมื่อคืนคนที่อาสาโทรมาหาตะวันแจ้งกำหนดว่าตัวเองจะเข้ามาให้ฝากบอกพ่อปิงปองของตะวันด้วย เพราะวัชรไม่มีเบอร์ของอดุลย์
“ไม่ลำบากพี่เขานะตะวัน”คนตัวเล็กส่งสีหน้ากังวลออกมา ว่าด้วยเนื้องานของวัชรเป็นเลขาฯของรพี จะให้มาไปส่งตะวันก็กลัวว่าเจ้านายฝ่ายนั้นรู้จะพลาดเขม่นเขาอีก
“ชิว พี่วัชเขาใจดีนะ”พูดพลางหัวเราะเสียงใสก่อนจะขอตัวออกไปไม่ขัดขวางการทำอาหารของพ่อต่อ เห็นแว่บๆว่าวันนี้พ่อทำพะโล้ให้ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ของโปรดอีกแล้ว...
ไม่นานเท่าไรนักแขกของบ้านก็เข้ามาเยือน หนุ่มหน้าตี๋บอกเชื้อชาติยิ้มรับแสงสีส้มอ่อนๆในเช้าวันใหม่ เดินเข้ามาในครัวอย่างสนิทชิดเชื้อ
“สวัสดีครับคุณปิงปอง”คำเรียกแทนตัวที่ดูสนิทสนม อดุลย์ยิ้มพร้อมๆกับรับไหว้
“สวัสดีครับคุณวัชร”พร้อมๆกับดาวและป่านที่เอ่ยทักทายอย่างนอบน้อมแม้จะอายุมากกว่าอีกฝ่ายก็ตาม
“ตะวันตื่นหรือยังครับเนี่ย”
“อ้อ เดี๋ยวก็ลงมาครับ เมื่อกี้มาร้องตะแน่วๆหาของกินแล้ว ตอนนี้คงกำลังไปแต่งตัวอยู่ คุณวัชรทานข้าวเช้ามาหรือยังครับ”หนุ่มหน้าตี๋ส่ายหน้า มือขาวลูบที่ท้องตัวเองเพื่อยืนยันอีกทาง
“งั้นทานด้วยกันกับตะวันนะครับ ผมจะได้จัดให้เพิ่ม”
“งั้นรบกวนด้วยนะครับ”วัชรตอบอารมณ์ดี คนตรงหน้าอัธยาศัยดียิ้มแย้มตลอดเวลา ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นลูกน้องแม้ตัวเองจะอยู่ในฐานะที่เป็นครอบครัวของเจ้านายเขาก็ตาม
ซักพักพอตะวันลงมาดาวก็จัดโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อย วันนี้โต๊ะอาหารยามเช้าดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ปรกติจะมีแค่ตะวันคนเดียวที่นั่งบนโต๊ะ บางทีก็กินจากในครัวเลยด้วยซ้ำเพราะเขาออกจากบ้านแต่เช้า
แต่วันนี้พอมีผู้ร่วมโต๊ะอาหารคนใหม่มา อดุลย์เลยมานั่งเป็นเพื่อนด้วยแม้ว่าจะไม่ได้ร่วมทานด้วยกัน เพราะมันเช้าเกินไปเขารอทานพร้อมๆกับพวกดาวและป่านเสมอ
“น่าทานทั้งนั้นเลยนะครับ”หนุ่มตาเล็กพูดชมเอาใจ แต่ก็ไม่ได้เกินความจริง คนที่ยกอกขึ้นภูมิใจไม่ใช่คนทำแต่เป็ลลูกชายตัวแสบ
“อยู่แล้วพี่วัช พ่อปิงปองทำอาหารเก่งที่สุด”ตะวันพูดโอ้อวด
“อืม อร่อยจริงๆ ทำไมถึงไม่ลองทำร้านอาหารล่ะครับ”อีกครั้งที่ได้ยินคำถามแบบนี้ ที่จริงกับข้าวที่ทำไม่ได้รสชาติดีเลิศขนาดนั้น แต่คงเป็นเพราะมันเป็นรสที่ถูกปากมากกว่า อดุลย์ใส่ใจคนรอบข้างเสมอ รู้ว่าใครชอบทานอะไรแบบไหน ที่วัชรชมคงเพราะรสปากเดียวกับลูกชายที่ชอบรสจืดนิดๆ ถ้าเป็นศูรฝ่ายนั้นชอบพวกอาหารพื้นเมืองพวกน้ำพริก ส่วนรพีก็ชอบพวกผัดผักกับต้มยำ
“ไม่มีทุนขนาดนั้นหรอกครับ ถ้าเป็นแต่ก่อนเคยทำอยู่นะครับ ทำใส่ถุงไปเดินขายในตลาด แต่กำไรน้อยแล้วก็ต้องมีเวลา”อดุลย์บอกกลับยิ้มๆ สมัยตอนเด็กๆเคยช่วยแม่ของตัวเองทำกับข้าวเดินขายตามตลาดตามโรงงานแถวบ้าน ตอนที่เลี้ยงตะวันก็เคยทำไปขายในตลาดเหมือนกัน
“นี่ไงครับ ทำให้ห้างของเรา ทุนไม่ต้องหา กำไรเน้นๆ”คำพูดเล่นเรียกเสียงหัวเราะร่า แต่วัชรพูดจริง วันนี้ที่เข้ามาหาอดุลย์ก็เพราะได้รับคำสั่งแปลกๆจากเจ้านายให้มาคุยเรื่องหาอะไรให้คนในบ้านตัวเองทำ ถึงไม่เข้าใจเหตุผลก็เถอะ แต่ก็ต้องทำตามอย่างเดียว
“พูดเป็นเล่นไป ค่าเช่าที่ห้องยูนิตหนึ่งแพงกว่าเงินเดือนรวมค่าคอมฯของผมอีกนะครับ”
“นั้นมันแต่ก่อนนี่ครับ ทำได้จริงๆนะครับ ท่านประธานไม่หวงที่หรอกครับ ไม่เชื่อลองไปถามท่านได้นะครับ”เพราะฝ่ายนู้นบอกมาเองว่าถ้าอดุลย์อยากทำอะไรก็ให้วัชรจัดหาให้ วัชรคิดให้ใจขำๆ
“เหอะๆ”ยิ้มแห้งๆกลับ ให้ตายก็ไม่กล้าพูดหรอก แต่โดนคำขู่คราวที่แล้วก็ไม่อยากทำอะไรขัดใจอีกฝ่าย ถ้ามาขอที่ขอทางมีหวังคิดว่าเขาจะกอบโกยอีกแน่ๆ
“ไม่เอาหรอก พ่ออยู่ทำกับข้าวให้ตะวันคนเดียวก็พอแล้วเนอะ พ่อไปเปิดร้านก็ไม่มีเวลาทำกับข้าวสิเนอะพี่ป่านพี่ดาว”ตะวันขัดกลางปล้อง ไม่เห็นด้วยที่จะให้ไปพ่อไปทำงาน อยากให้อยู่สบายๆมากกว่า สองสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ร้องรับคำแข็งขัน ไม่ได้มีความคิดเห็นอะไร
“โห้ย อายุตั้งเท่าไรแล้วตะวันลูกแหง่นี่หน่า มีของอร่อยสมควรแบ่งปันนะ”
“พ่อปิงปองไม่ใช่ของกินนะพี่ เนอะพ่อเนอะ”เถียงตาใสแกล้งทำไม่รู้เรื่องทำเอาคนคนอื่นหัวเราะร่าไม่เว้นแม้แต่คนล้อเลียน
“....วัชร? มาทำอะไรแต่เช้า”เสียงเข้มดังขัดเสียงหัวเราะของคนในห้อง ดาวกับป่านพอเห็นว่าใครเป็นคนพูดก็เอ่ยขอตัวไปชงกาแฟให้เจ้าบ้าน รพีเดินเข้ามาให้ห้องอาหารห้องเล็กที่มีสามคนกำลังยิ้มแย้ม บนโต๊ะมีอาหารสามอย่างที่รู้ว่าฝีมือใครวางอยู่
ตื่นเช้าลงมาก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักเลยเดินเข้ามาดู เห็นรอยยิ้มของคนร่างบางที่เกิดจากลูกน้องของตัวเองก็รู้สึกขัดใจ ตั้งแต่วันนั้นที่ขู่อดุลย์ไปเขาก็พยายามเลี่ยงอีกฝ่ายมาตลอด ไม่เข้าใจตัวเองอยู่นานจนสุดท้ายก็สรุปได้
...ว่าคงเป็นเพราะตัวเองหวงของ ในเมื่ออดุลย์เป็นคนของเขา ก็ไม่มีสิทธ์หนีหายไปไหนโดยพลการโดยที่เขาไม่อนุญาต...
“ผมจะมาคุยธุระกับคุณปิงปองครับ”
“ธุระมันต้องมาเช้าขนาดนั้นเลยหรือไง”เสียงเข้มถามอย่างขัดใจ เลขาหน้าตี๋มองเจ้านายงงๆ รู้สึกตัวเองกำลังทำอะไรให้ท่านประธานโกรธ แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน
“เอ่อ ก็ผมอาสาไปส่งตะวันน่ะครับ ผมยังไม่ได้จัดการเรื่องรถเลยอาสามาก่อน”
“แล้วเรื่องรถว่าไง ดูแล้วใช่มั้ยว่าจะเอารุ่นไหน”หันมาถามคนเป็นลูก ตะวันส่ายหน้าหวือ
“คือตะวันไม่อยากขับรถ ยังไม่มีใบขับขี่ไม่อยากให้วุ่นวาย”
“แล้วจะเอายังไง?”
“ก็ไปกลับแท็กซี่เอาได้มั้ยครับ?”ยื่นข้อเสนอไป ตะวันรู้ว่าทุกคนเป็นห่วง แต่เขาไม่อยากทำตัวราวกับคุณหนูมีคนคอยรับส่ง ทุกวันนี้เพื่อนที่รู้ว่าตะวันขยับฐานะก็มีแค่ทานตะวันกับเพื่อนที่วิทยาลัยอีกสองคนเท่านั้น
“มันไม่สะดวก”รพีขัดเสียงเข้ม เป็นนิสัยไปแล้วที่ไม่ชอบคนขัดใจ
“เอ่อ...งั้นเดี๋ยวผม”อดุลย์จะบอกความคิดเห็นแต่ถูกสายตาคมหันตวัดมาจ้องใส่จนสะดุ้งน้อยๆ
“นายไม่ต้องหาเรื่องลำบาก ถ้าไม่อยากขับเองกลัวผิดกฎหมายก็ให้เอาคนขับที่บริษัทไป มีลูกจ้างก็ต้องใช้ ชั้นจ่ายเงินเดือนไม่ได้ให้พวกนั้นทำงานฟรีๆ”รพีรู้ว่าอดุลย์จะพูดอะไรเลยพูดขัด ไม่พ้นว่าอีกฝ่ายเสนอตัวมาขับรถรับส่งให้ลูกชายแน่ๆ
วัชรมองบทสนทนาตรงหน้าเงียบๆ รู้สึกอึ้งปนขำอยู่ในใจ ก็รู้อยู่หรอกว่าท่านประธานเป็นคนที่มักจะบังคับอะไรๆให้ได้อย่างใจตัวเอง ไม่ชอบคนขัดใจ แต่ก็ไม่ได้บังคับทั้งๆที่มีบรรยากาศอ่อนหวานแบบนี้ เป็นการบังคับที่แสดงออกถึงความห่วงใยแบบสุดๆ
“หัวเราะอะไรวัชร?”หนุ่มหน้าตี๋สะดุ้งตัว ไม่รู้ตัวว่าเขาเผลอหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ
“ปะ...เปล่าครับ”
รพีไม่ได้สนใจอะไรในคำตอบ พอดีกับที่ดาวและป่านยกถาดกาแฟเข้ามารพเลยเลือกนั่งลงที่หัวโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง แต่คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นสิ่งที่สาวใช้ยกมา
...กาแฟดำกับนมสองแก้ว กับเลม่อนฝานหนึ่งซีก...
ที่จริงเขาก็ดื่มแบบนี้ปรกติทุกวัน แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิมตรงที่
ทำไม...กับข้าวที่เขาไม่เคยแตะต้องถึงไม่ถูกยกมาด้วย
“ท่านประธานไม่ทานข้าวด้วยกันเหรอครับ”วัชรถามเมื่อเห็นเจ้านายมีแค่แก้วกาแฟสองแก้วเล็กๆ กลับต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อถูกสายตาดุตวัดมองมาที่ตัวเอง คิ้วเข้มขมวดแบบนั้น...อารมณ์เสียอยู่แน่ๆ
“เอ่อ...”
“กินเสร็จหรือยังชั้นมีเรื่องจะคุยกับนาย”รพีพูดโพล่งออกมาแล้วเดินฉับออกจากห้อง เป็นเชิงว่าให้คนที่ถูกถามตามไปทั้งๆที่ยังไม่รอฟังคำตอบ วัชรเดินตามออกไปงงๆ ช่วงนี้ถึงเป็นเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของรพีซักเท่าไร
“มีอะไรหรือเปล่าครับท่านประธาน?”วัชรเอ่ยถามเมื่อเดินตามเข้ามาในห้องรับแขกที่อยู่ใกล้ๆ รพีนั่งอยู่ที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ แหงนหน้าขึ้นมองวัชรขัดใจ
“เรื่องนลิน”
“ที่ว่าคุณนลินมีส่วนเรื่องที่ตะวันถูกทำร้ายใช่มั้ยครับ”
“ใช่...แล้วเรื่องที่เพื่อนนายไปสืบมาว่าการินมันเอางานลูกค้าไปขายให้โรงแรมของคุณสมยศด้วย”
“ครับ”วัชรรับคำเสียงแข็งขัน ด้วยว่าเพราะเป็นเรื่องงานที่เขารับผิดชอบ แม้จะยังไม่เข้าใจว่าทำอะไรขัดใจเจ้านายก็ตาม
“ชั้นพยายามติดต่อนลินแล้ว แต่ติดต่อเธอไม่ได้ เพราะงั้นนายจัดการให้ทนายจัดการซะยื่นเงินให้เธอตามสมควร ชั้นอยากได้ใบหย่าเร็วที่สุด แต่รู้ใช่มั้ยว่าขอบเขตที่ฝ่ายนู้นสมควรได้อยู่ตรงไหน”วัชรพยักหน้าเข้าใจ เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ตะวันถูกทำร้ายเขาก็ถูกใช้ให้ติดต่อภรรยาเก่าของเจ้านาย เขาก็พอเดาเรื่องราวได้ ที่รพีตัดสินใจเสียเงินคงอยากตัดปัญหาเรื่องนี้
“ส่วนเรื่องการิน ชั้นไปคุยกับคุณสมยศแล้ว คุณสมยศไม่ได้รู้เรื่องราวอะไร แต่เขารับปากแล้วว่าจะจัดการคนของเขาที่รับงานกับนายการินให้ ชั้นเองก็จะทำเป็นไม่รู้ แต่ถ้ามันไม่ยังไม่หยุดก็ไล่มันออกไปซะ”
“ท่านประธาน...จะปล่อยมันไปจริงเหรอครับ?”วัชรแปลกใจอีกครั้ง ที่เห็นรพีตัดสินใจแบบนี้ ตอนที่รู้เรื่องราวรพีดูโกรธเป็นฝืนเป็นไฟแสดงท่าทางว่าต้องจัดการคนที่มาคดโกงตนเสียงให้ได้
“ถ้ามันทำให้ทุกอย่างไม่ลามไปมากกว่านี้ ชั้นก็โอเค”เขาไม่รู้ว่านลินคิดจะทำอะไรตะวันอีกหรือเปล่า เท่าที่รู้มีข่าวว่าตะวันเป็นหัวโจกในวิทยาลัยที่ตัวเองเรียนอยู่ รูปใบหน้าตะวันถูกเผยแพร่ในวิทยาลัยช่างมากมายในกรุงเทพฯ แม้จะมีบางคนที่ไม่เชื่อข่าวพวกนี้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อ
“เรื่องเปิดตัวตะวันก็เลื่อนไปก่อน ให้ตะวันเรียนจบหรือพร้อมที่จะเข้ามาทำงานค่อยเปิดตัว”
“ครับ”วัชรยิ้มรับคำสั่ง ดีใจที่ท่านประธานของตัวเองแสดงท่าทีอ่อนโยนออกมาให้เห็น คิดไม่ยากว่าทุกอย่างที่ท่านประธานคิดและทำก็เพื่อลูกชายทั้งนั้น
ที่ปล่อยอีกฝ่ายเท่าที่จะปล่อยได้ก็เพื่อไม่อยากให้ความโกรธแค้นของอีกฝ่ายมาทำอะไรใครอีกอย่างที่ตะวันโดนมา
ที่ไม่เปิดตัวตะวันว่าเป็นทายาทเพราะไม่อยากให้ตะวันกลายเป็นจุดสนใจ
“ผมจะจัดการให้เร็วที่สุดนะครับ”รพีพยักหน้าบอกเป็นเชิงว่าหมดธุระจะคุยด้วย
“ครับ ท่านประธานจะเอาอะไรอีกมั้ยครับ เดี๋ยวผมจะกลับไปห้องอาหาร”
“งั้นฝากไปยกกาแฟมาให้ชั้นด้วย........เดี๋ยว!!!”รพีบอกเรียบๆ จนวัชรเกือบจะเดินออกไปจากห้องแล้วแต่ก็ถูกเสียงเข้มตะโกนเรียกเสียก่อน
“...ครับ?”คนเป็นเจ้านายเดินเข้ามาหาก่อนจะยื่นธนบัตรแบงค์สีเทาให้ลูกน้องที่ทำหน้าสงสัยใส่
“ค่าน้ำมันไปส่งตะวัน...แล้วก็ไปหาอะไรกินข้างนอกซะ”คำสั่งดุดันจนคนฟังเกรงไหล่
“แต่...”
“รีบไป แล้วหาอะไรกินมาเลย บ้านชั้นไม่ใช่ร้านอาหาร ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินซะ”เป็นอีกคำสั่งที่ฟังไม่เข้าใจ วัชรได้แต่ทำหน้างงพร้อมๆกับเงินที่ยัดเข้ามาในมือแบบแรงๆ มองแบงค์ที่ยับยู่ยี้แล้วเงยมองหน้าเจ้านายอีกรอบ
ถึงรพีจะเป็นคนที่ถือตัว แม้ไม่บ่อยครั้งแต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาทานข้าวที่บ้านหลังนี้ อาจจะเป็นครั้งที่สาม...ตั้งแต่ที่ทำงานด้วยกันมา
“ไปได้แล้ว”หนุ่มตาตี๋พยักหน้าแล้วกล่าวลาเจ้านาย เดินออกไปจากห้องเพื่อจะไปส่งลูกของเจ้านายไปเรียนในตอนเช้า พลางคิดไปตลอดทางว่าเขาทำอะไรให้ท่านประธานไม่พอใจหรือเปล่า
แต่...ตอนคุยเรื่องงานก็ปรกติดีทุกอย่าง...
ทั้งๆที่ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเคยเข้าใจว่าเขาเป็นเลขาที่เข้าใจรพีมาตลอด...นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ไม่เข้าใจ
แล้วสรุป...เขาทำอะไรผิดกันเนี่ย
ช่วงนี้เนื้อเรื่องเบาๆ ให้คนอ่านได้พออ่านแบบไม่ต้องเครียดบ้าง
เปรียบเหมือนฟ้าสงบก่อนพายุจะเข้า หือออออออ????