ทริปตั้งแคมป์ที่เขาใหญ่ผ่านพ้นไปเรียบร้อย แม้จุดประสงค์ของคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีจะพลาดไปซักหน่อยเพราะสองวันที่ในป่ารพีไม่ได้วาดรูปเลยแม้ซักรูปแต่กลับใช้เวลาไปกับการเที่ยวชมผืนป่าใหญ่ที่เขาเองก็มาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
คนที่ดูจะได้ผลประโยชน์สุดคงไม่พ้นเด็กชายวัยอยากรู้อยากเห็น ตะวันได้มาเห็นอะไรมากมายที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนในชีวิต บ้างอย่างเห็นแคในรายการที่แนะนำที่ท่องเที่ยว แค่ดูในโทรทัศน์ก็รู้สึกอยากไปบ้างดูซักครั้ง ยังมีอีกหลายที่ที่เคยเห็นแล้วอยากไป ไว้มีโอกาสจะลองไปขอให้...พ่อพาไป
พ่อรพี...
ตะวันเรียกรพีว่าพ่อในใจ นึกรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกัน ก่อนหน้าด้วยอคติมากมายทำให้เขาไม่ค่อยอยากจะเรียกรพีว่าพ่อเท่าไร ยิ่งรพีเองไม่ได้เรียกร้องหนำซ้ำยังมีท่าทีไม่สนใจเขาเลยคิดว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ต้องการเขาเป็นลูกเท่าไร
แต่สองวันหนึ่งคืนที่ผ่านมาทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายยอมให้มาเที่ยวด้วยจนทำให้ตัวเองผิดวัตถุประสงค์ของตัวเองแต่ก็ไม่บ่นอะไรออกมาซักคำ ขอบคุณที่พาตนมาเปิดหนูเปิดตา
และขอบคุณที่...ดีกับพ่อปิงปอง
“งั้นกูกลับเลยนะซัน กลับก่อนนะครับคุณอดุลย์ บายๆนะตะวัน”ไตรเทพโบกมือไปๆมาๆให้สามคนตรงหน้าอยู่ในโรงรถของบ้านหลังใหญ่ คนตัวสูงยืนหน้านิ่งมือถือข้าวของสัมภาระทั้งของตัวเองและอีกสองคน คนตัวเล็กที่ยืนข้างๆกันยิ้มให้เขาพร้อมกับโบกมือกลับข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็ถือเฟรมวาดรูปอันใหญ่ไว้ ส่วนคนที่เด็กสุดที่ยืนยิ้มหน้าแป้นก็อ้อนบอกให้พาไปเที่ยวอีก
ภาพตรงหน้า...ทำให้รู้สึกว่ามีความสุขลอยอบอวลอยู่เต็มไปหมด
“ขับรถกลับดีๆนะครับคุณเทพ”อดุลย์บอกพร้อมกับขอบคุณที่อีกฝ่ายพาไปเที่ยว อีกฝ่ายดูอ่อนล้าสุดๆเพราะเป็นคนขับรถทั้งขาไปและขากลับ แถมยังคอยดูแลดูอธิบายและพาเที่ยวตลอดแถมยังต้องขับรถกลับบ้านตอนดึกๆแบบนี้หลังจากมาส่งพวกเขาอีก
“ลุงเทพอย่าลืมที่สัญญากับตะวันไว้นะ”เด็กชายพูดเสียงร่าเริง ยิ้มแย้มลืมเวลาง่วงทั้งๆที่เวลามันเกือบจะเที่ยงคืนพรุ่งนี้ต้องตื่นฝ่ารถติดไปเรียนแต่เช้าอีกต่างหาก
“หือ สัญญาอะไรกัน ตะวันไปกวนอะไรลุงเขาหรือเปล่าฮึ”พ่อปิงปองถามใบหน้าขาวอมยิ้มน้อยๆรู้สึกดีที่เห็นตะวันเข้ากับคนบ้านนี้รวมถึงคนสนิทของครอบครัวนี้ได้โดยไว
“ความลับ!!”ลูกชายตัวดีบอกทะเล้นก่อนจะวิ่งหนีไปหัวเราะไป ทิ้งให้ความข้างหลังหัวเราะตามกับความร่าเริงของวัยรุ่น
“งั้นขอตัวจริงๆล่ะ ฝันดีนะครับ ฝันดีเว้ยซัน”
“เออ รีบกลับไปหาลูกหาเมียได้ล่ะ”คนที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นมา เริ่มรู้สึกหนักขึ้นมาเรื่อยๆคิ้วเข้มขมวดขัดใจเด็กในบ้านที่ไม่ยอมออกมาดูพวกเขาเสียทีครั้นจะให้คนอื่นช่วยถือก็ดู...ไม่ดี
“ฝันดีครับคุณเทพ”ร่างบางข้างๆบอก รพีหันมามองคนพูดเห็นสีหน้ายิ้มๆแล้วหงุดหงิด ไม่ค่อยเข้าใจพวกที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสุขเท่าไรนัก คนที่ยิ้มให้กับเรื่องทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นคนแบบไหน ใช้ชีวิตมาแบบไหน มองโลกอย่างไร
แล้วทำยังไงถึงได้เป็นแบบนั้น
ไม่ทันได้รู้ตัวในหัวของร่างสูงก็คิดแต่เรื่องของอดุลย์เต็มไปหมด ขนาดที่เขาเองก็ไม่ได้ฉุกใจหยุดคิดว่าทำไมต้องคิดเรื่องอีกฝ่ายได้มากขนาดนั้น แค่เห็นอดุลย์ยิ้มให้คนอื่นที่เพียงแค่เดินผ่านก็สงสัยว่ายิ้มทำไม แล้วขนาดเขาเองที่เคยทะเลาะกันมาอีกฝ่ายยังดูแลเขาใส่ใจเขา ทำไมถึงไม่โกรธแล้วแสดงธาตุแท้ของมนุษย์ออกมา
“ให้ผมช่วยถือมั้ยครับ”ร่างสูงสะดุ้งตัวเล็กน้อย เผลอคิดเรื่องคนข้างๆมากไปจนไม่รู้ตัวว่าเพื่อนขับรถออกไปตอนไหน ตรงหน้าคือรอยยิ้มที่นึกสงสัย
“ไม่เป็นไร”บอกแค่นั้นก่อนจะหันตัวเดินเข้าไปในบ้าน แต่ไม่ทันจะเข้าถึงตัวบ้าน ดาวก็รีบกุลีกุจ่อออกมาช่วยถือเป็นการใหญ่ หญิงสาวเอ่ยขอโทษที่ออกมาช้าเพราะตัวเองทำธุระส่วนตัวอยู่
รพีพยักหน้ารักคำไม่ได้พูดอะไรต่อ วางของทั้งหมดให้สาวใช้ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องหมายที่จะพักผ่อน
“เดี๋ยวค่ะคุณผู้ชาย!!”เสียงตะโกนเรียกของสาวใช้ที่ตอนนี้แบกช่วยกันแบ่งกันถือของกับอดุลย์เรียกไว้ มองชายหนุ่มอีกคนที่รื้อดูข้าวของว่าเป็นของใครก็นึกขัดใจ ทั้งๆที่ตนถือของมาทั้งหมดปฏิเสธให้อีกฝ่ายช่วยแต่สุดท้ายก็ไปแย่งหน้าที่ที่ดาวอีก
วุ่นวายซะจริงผู้ชายคนนี้
“...??”
“คุณวัชรมาฝากจดหมายไว้ให้คุณผู้ชายค่ะ”ดาวยื่นสิ่งที่เรียกว่าจดหมายแต่ที่จริงเป็นแค่กระดาษเอสี่พับซ่อนข้อความไว้ข้างในเท่านั้น
“เมื่อไร?”เสียงนิ่งเอ่ยถาม คิ้วขมวดอย่างเคยตัว เรื่องด่วนอะไรที่ที่ให้เลขาฯของเขาต้องฝากเรื่องไว้ในเมื่อพรุ่งนี้ก็ต้องทำงานต้องเจอกันอยู่แล้ว
“วันนี้ตอนเที่ยงๆค่ะ”รพีพยักหน้าหยิบกระดาษในมือของสาวใช้แล้วหมุนตัวกลับเดินขึ้นบันไดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ถึงห้องนอนรพีจัดการเปิดโทรศัพท์มือถือทันที เป็นที่รู้กันว่าถ้าเขาใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุดเขาจะปิดรับการสื่อสารจากทุกๆทาง
มือหนากดเบอร์หาวัชรทันทีที่เปิดเครื่องติด ไม่ได้นึกถึงเวลาเท่าไรเพราะวัชรทำงานให้เขาได้มากยิ่งกว่าเวลาเปิดของร้านสะดวกซื้อเสียอีก
“ครับท่านประธาน”เสียงปลายสายออกจะแหบนิดหน่อยจากการตื่นนอนกลางดึก แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้นึกรำคาญคนที่เข้ามาแม้แต่นอน อีกฝ่ายยินดีทำงานให้รพีแม้เนื้องานจะไม่เกี่ยวกับงานเลขาฯหรือล่วงเวลามากแค่ไหน เพราะเงินที่ได้รับตอบแทนมันสูงสมค่าเหนื่อย
“พรุ่งนี้เตรียมทีมบัญชีใหม่มาให้ผมด้วย ขอทีมไม่มีส่วนข้องเกี่ยวกับแผนกของนายการิน”เสียงเข้มเอ่ยบอกทันทีไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มากความ คนปลายสายก็รู้ใจท่านประธานพอที่ไม่ถามไถ่อะไรเพราะวัชรเองเป็นคนเขียนบอกไปเอง
แต่สงสัยว่าท่านประธานเองก็คงจะรู้อะไรมาก่อนเขาอยู่แล้วบ้าง เพราะในข้อความที่ให้ไปเขาแค่เขียนไปว่า
...ฝ่ายจัดเลี้ยงมีปัญหา...
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
ตึกเล็กๆเบื้องหลังโรงแรมที่ตั้งอยู่ข้างๆห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเครือเรืองรัตนโยดมเป็นตึกที่ทำงานที่แยกส่วนออกมา แผนกต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับห้างสรรพสินค้าจะถูกรวมเอาไว้ที่นี่ทั้งหมด
รายได้ส่วนใหญ่ของโรงแรมแห่งนี้มาจากห้องจัดเลี้ยงที่ว่ากันว่าทั้งไฮเทคฯและกว้างขวางหรูหราที่สุดในประเทศ ไม่แปลกที่เหล่างานสังสรรค์ต่างๆถึงอยากจะเข้ามาจัดงานในห้องใดห้องหนึ่งในโรงแรมนี้ เพราะแค่ชื่อที่จัดงานก็สามารถเรียกให้ผู้คนสนใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ภายในห้องทำงานส่วนตัวขนาดใหญ่ของประธานกรรมการฯ รพีและวัชรกำลังนั่งจ้องตัวเลขที่ปรากฏในแฟ้มสีน้ำเงินเข้มขนาดใหญ่ ทว่าจนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถหาจุดผิดปรกอะไรเจอในแฟ้มนี่เลย
“เย็นแล้วนะครับท่านประธาน”วัชรที่ก็ทำงานจนลืมเวลาเอ่ยเตือนเจ้านาย ที่ช่วงนี้งดรับใบเชิญไปงานสังคมเพราะต้องกลับไปทานข้าวเย็นที่บ้าน เว้นแต่งานไหนที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆรพีจึงต้องตกลงไป
“นายแน่ใจนะว่าทีมบัญชีทีมนี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับนายการิน”ร่างสูงเงยหน้าตรง ถอดแว่นสายตายาวออกก่อนจะบีบนวดที่ดั้งโด่งเบาๆเป็นการคลายความเมื่อยล้าทางสายตา
“แน่ใจครับ ทีมนี้ไว้ใจได้แน่นอนเป็นทีมของคุณนิลครับ”วัชรเอ่ยชื่อบุคคลที่เป็นหนึ่งในคนที่เจ้านายของเขาไว้ใจในที่ทำงาน นิลเป็นนักบัญชีที่ทำงานในส่วนของโรงแรมโดยตรง ดูบัญชีในส่วนของแขกที่เข้าพักเป็นส่วนใหญ่ ส่วนบัญชีในส่วนห้องจัดเลี้ยงจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งเป็นคนจัดการ
เมื่อเช้าหลังจากที่รพีก้าวเข้ามาในห้องทำงานที่วัชรมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เลขาหนุ่มชีแจ้งเรื่องที่ตนเขียนข้อความบอกเจ้านายไว้เมื่อวาน ด้วยเพราะคุณแทนไทหัวหน้าฝ่ายบุคคลเอาเรื่องปรึกษาว่าในหมู่พนักงานมีข่าวลือมาว่าการิน ผู้จัดการแผนกจัดเลี้ยงรวยขึ้นผิดหูผิดตา เงินเดือนครึ่งแสนที่ได้ในแต่ละเดือนไม่น่าจะมีเงินพอให้ออกรถสปอตสัญชาติยุโรปป้ายแดงได้
คุณแทนไทไม่เอาเรื่องนี้มาคุยแม้จะเป็นวันหยุดเพราะเขาต้องจัดการเรื่องข่าวลือ เพราะแม้แต่พนักงานเพียงคนเดียวก็สามารถสร้างผลกระทบมากมายมหาศาลได้ต่อบริษัท ถ้ามีข่าวออกไปว่าหัวหน้าระดับสูงคดโกงบริษัทคงไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก
วัชรเองรับฟังแล้วจัดการขับรถไปแอบดูบ้านของคนที่ถูกกล่าวหา หมู่บ้านจัดสรรขนาดกลางข้างนอกมีรถเก๋งเก่าๆที่วัชรจำได้ว่าเป็นของเจ้าของบ้าน ส่วนพื้นที่จอดรถในบ้านถูกจับจองด้วยรถสปอตตามที่ข่าวลือว่าไว้
แบบนี้มันผิดปรกติ...จนน่าจะเป็นไปได้ว่าการินโกงเงินของบริษัท?
“แต่ตัวเลขพวกนี้มันไม่ผิดปรกติเท่าไร”ถอนหายใจก่อนจะโยนแฟ้มหนาลงพื้นอย่างอารมณ์เสีย วันนี้ทั้งวันเขายังไม่ได้พักกายพักสมองเลยแม้ซักนิด ช่วงเช้าพอรู้เรื่องก็สั่งให้วัชรสั่งให้ฝ่ายบัญชีตรวจสอบย้อนหลังแบบเร่งด่วนแล้วสรุปตัวเลขส่งให้เขาก่อนตัวเองจะไปประชุมต่อในตอนเช้า ตกบ่ายก็นั่งอ่านตัวเลขที่ถูกสรุปมาอย่างถี่ถ้วน
ตัวเลขที่สรุปมาก็มีเงินที่ถูกยักยอกไปบ้างนิดหน่อย แต่เป็นหน่วยระดับไม่กี่พันบาทเป็นความคลาดเคลื่อนของตัวราคาประเมินที่รพีเองไม่ได้ซีเรียสตรงนั้นเท่าไรนัก แต่ถ้าโกงกันแค่นี้ไม่มีทางที่จะออกรถหรูได้แน่ๆ
หรือ...กำลังมองข้ามอะไรไป?
“วัชร...ไปเอาแฟ้มข้อมูลลูกค้าย้อนหลังมา ไปใส่ไว้หลังรถชั้น”คนถูกสั่งทำตาตี๋ๆโตอย่างตกใจ
“เอ่อ...ผมว่าเดี๋ยวผมช่วยท่านประธานดูดีกว่ามั้ยครับ”รพีส่ายหน้า
“นายดูบัญชีต่อไป ไปถามแทนไทว่าการินสนิทกับใครในบริษัทบ้างแล้วตรวจสอบการเงินพวกนั้นให้หมด”คำสั่งเสียงเข้มบอกถึงความเด็ดขาดในคำพูด วัชรรับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้องเจ้านายพลางยิ้มอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
เจ้านายของเขาคนนี้ถึงไม่ใช่คนที่ที่เก่ง ไม่ได้ถูกจับตามองด้วยความสามารถ แต่ใครจะรู้ว่าท่านประธานทุ่มเทมากขนาดไหนความมานะของรพีไม่มีใครเกิน ถึงไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้บริหารโดยสัญชาติญาณแต่รพีเป็นผู้บริหารได้เพราะสามัญสำนึกโดยแท้จริง
ลับหลังเลขาหนุ่มร่างสูงปล่อยตัวลื่นไหลไปตามพนักเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างกังวลในใจ ด้วยความที่ต้องอยู่ในโลกที่ต้องระแวงทุกคนมานาน ความรู้สึกบางอย่างว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องโกงเงินธรรมดาผุดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าไม่ใช่ว่านายการินเป็นน้องชายของนลินภรรยาเก่าที่ไม่กี่วันก่อนเขาด่าว่าอย่างแรงไปคงไม่ต้องกังวลขนาดนี้ ร่างสูงไม่ได้กลัวว่าฝ่ายนั้นจะมาร้าย ถึงร้ายมาก็ทำอะไรคนอย่างเขาไม่ได้เขามั่นใจ
แต่กังวลเรื่องถ้ามีข่าวที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในช่วงนี้คงจะไม่ดีเท่าไรนัก ยังไม่ผ่านเรื่องข่าวหย่าร้างถ้ามีเรื่องที่มีเรื่องโกงกันเกิดขึ้นอีกคงแย่ขึ้นอีกเท่าตัว
ถึงรพีไม่ได้รักการเป็นประธานฯ...แต่เขารักบริษัทแห่งนี้
เพราะมันเป็นสมบัติที่ศูรมอบให้...
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
เวลาหกโมงครึ่งทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะอาหารในบ้านหลังใหญ่ ศูรนั่งอยู่หัวโต๊ะขนาบข้างด้วยรพีและตะวันและอดุลย์ที่นั่งอยู่ข้างๆตะวันอีกทีหนึ่ง บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวน่าตาน่าทาน วันนี้อดุลย์ลงมาดาวกับป่านทำกับข้าวตอนเย็นเพราะตะวันโทรมาอ้อนเขาว่าอยากกินทับทิมกรอบเป็นของหวาน ครั้นจะมาทำแค่ของหวานให้ลูกอย่างเดียวก็ดูไม่ดีเท่าไรร่างบางจึงอาสาช่วยทำกับข้าวอีกแรง กับข้าววันนี้เลยดูน่าทานขึ้นมาเป็นพิเศษ
“วันนี้นึกครึ้มอะไรยัยดาว ทำหล่นปูซะด้วย ทำเป็นด้วยรึไม่เคยเห็นทำซักที”ศูรถามพลางมองถ้วยแก้วที่บรรจุหล่นปูสีขาวน่าทานวางพร้อมกับผักเคียงหลากชนิด
“หล่นปูคุณปิงปองทำค่ะคุณท่าน วันนี้มีทับทิมกรอบเป็นของหวานฝีมือคุณปิงปองเหมือนกันค่ะ”ถามหนึ่งตอบหลายอย่างนี่แหละนิสัยของดาว
“ฮือ อร่อยด้วย หัดทำมาจากไหนหรือดุลย์”ตักชิมแล้วร้องออกมาด้วยความพึงใจ
“ขอบคุณนะครับคุณท่าน สมัยก่อนผมอยู่คนเดียวก็ทำอาหารกินเองตลอดน่ะครับ ทำเป็นบ้างแต่ไม่อร่อยหรอกครับ”อดุลย์ตอบยิ้ม ภูมิใจในอกที่มีคนนึกชมอาหารที่เขาทำ
“อย่าทานเยอะครับ กะทิทั้งนั้น”เสียงเรียบเอ่ยขัด แต่เหมือนคนพูดไม่ได้สนใจอะไร ตักกับข้าวอย่างอื่นมาทานท่ามกลางรอยยิ้มเล็กๆที่บอกถึงความดีใจของคนเป็นพ่อ
“คุณทะ...คุณปู่กินกะทิไม่ได้เหรอครับ”ด้วยเพราะไม่ชินตะวันเลยลืมว่าพ่อปิงปองสอนให้เรียกศูรว่าคุณปู่ แต่บ่อยครั้งเขาก็หลงๆลืมๆ แต่ศูรดีกับพ่อปิงปองมากกว่าอีกคนเลยไม่ตะขิดตะขวงที่จะเรียกว่าปู่เท่าไรนัก
“อืม เป็นไขมันกับความดันน่ะโรคคนแก่”ศูรตอบยิ้มกว้างกว่าเดิม รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจจากครอบครัวมันเป็นแบบนี้...นานแล้วนะที่ไม่ได้รับความรู้สึกอย่างนี้มาให้หัวใจมีแรงมีกำลังจะเต้นต่อไป
“แย่จังเลยครับ ผมเองก็ไม่ทันสังเกตว่าดาวไม่เคยทำของมันๆทอดๆเท่าไร ถ้าคุณท่านชอบไว้เดี๋ยวคราวหน้าผมจะใช้นมแบบไร้ไขมันแทนกะทิสดนะครับ”อดุลย์ตำหนิตัวเองพูดยืดยาว ศูรรับคำด้วยรอยยิ้มที่ยังปรากฏไม่จางหายไป
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างแช่มชื่น ส่วนใหญ่เป็นบทพูดคุยของพ่อปิงปองและตะวัน ที่ลูกชายเล่าเรื่องนู้นนี่ในวิทยาลัยให้ฟัง พลอยให้คนอื่นๆบนโต๊ะอาหารได้ยินตามไปด้วย
และก็เหมือนได้เริ่มเป็นส่วนหนึ่งในช่วงการเติบโตของ...ลูก...
“แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตะวันจะขอตัวไปดูหนังสือพวกโปรแกรมคอมฯกับไอ้ดำนะครับพ่อ”เสียงเจื้อยแจ้วของคนที่อายุน้อยที่สุดบอกเสียงใส
“หืม คิดยังไง ไหนว่าตะวันจะเรียนโปรแกรมเทอมหน้าไงครับ ที่มาขอพ่อซื้อคอมฯ?”คิ้วเข้มลืมตัวขมวดเข้าหากันเหมือนทุกที สะดุดคำพูดที่ว่าตะวันมาขอให้อดุลย์ซื้อคอมฯให้ ทั้งๆที่เงินในบัตรที่ตะวันถือไว้จะซื้อมากี่เครื่องก็ไม่มีปัญหา
“ก็พอดีไอ้หนึ่งสองมันเรียนคอมฯกันเทอมฯนี้ แล้วเขาให้เขียนโปรแกรมส่งเป็นงานไฟนอลครับ ที่นี่พวกที่ทำเองไม่ได้ก็ไปจ้างให้คนนอกทำให้แล้วมีเพื่อนในห้องคนหนึ่งมันโคตรฉลาดเลยครับแต่แกมโกงไปเยอะ!!”เล่าเสียงตื่นเต้นจนคนที่นั่งฟังเงียบๆยังแอบสนใจไปด้วย
“แล้วยังไงต่อครับ?”
“ก็มันแกล้งทำเป็นว่ารับงานจากเพื่อนคนหนึ่งที่ฉลาดคิดแต่เขียนโปรแกรมไม่เป็นครับ ก็คุยรายละเอียดเกี่ยวกับตัวโปรแกรมที่ไอ้เพื่อนคนนั้นอยากทำเรียบร้อย สุดท้ายมันก็ขโมยไอเดียไปทำเองเฉยเลย มีเรื่องกันยกใหญ่เลยครับ”
“...หือ นิสัยไม่ดีเลยนะ ตะวันอย่าทำแบบนี้นะ”อดุลย์สั่งสอนลูกชายที่รับคับยิ้มแย้มก่อนจะเรียกร้องหาของหวานยกใหญ่ แต่ร่างสูงที่นั่งตรงข้ามนิ่งเงียบอย่างใช้สมาธิ
ในหัวกำลังครุ่นคิดเรื่องที่ตะวันพึ่งเล่าไปเมื่อครู่
...มันแกล้งทำเป็นว่ารับงานจากเพื่อนคนหนึ่ง...
...ก็คุยรายละเอียดเกี่ยวกับตัวโปรแกรมที่ไอ้เพื่อนคนนั้นอยากทำเรียบร้อย...
...ขโมยไอเดียไปทำเองเฉยเลย...
ไอ้การิน!!!!!!!!!
ขอบคุณที่ให้ทุกกำลังใจค่ะ หลายคนพิมมาว่าให้กำลังใจคนเขียน จะพยายามไม่หายไปนานอีกนะคะ
จะพยายามมาต่อให้ได้ทุกวัน แต่บางทีก็ไม่ได้อย่างเมื่อวาน
พอดีลูกสาวป่วยค่ะเป็นมือเท้าปาก เห็นคนอื่นเขาฮิตกันเลยเป็นซักหน่อย ฮ่าาา
ใครมีลูกมีหลานระวังกันนะค่ะช่วงนี้เป็นกันเยอะมากจริงๆ