## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]  (อ่าน 267943 ครั้ง)

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
คุณวัชรน่ารักจัง

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
รพีปากร้ายใจร้าย เชอะ. คนเขียนจ๋า สปป.ลาว อินเตอร์เน็ต แร็งส์ กว่า ไทยมากโข จะรอนะจ๊ะ

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ติดตามจ้า
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ติดตามมมมมมมมม

รพีนี่ร้ายจริงๆ :z6:

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 o13 o13 สู้ๆ นะคะ ขอบคุณมากๆ น้าา ตอนนี้เรื่องกำลังเข้มข้นแล้ววว  :hao7:

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
จี๊ดเลยๆ
นังโส โอโหแม่งร้าย 555+
เอามันไห้ตาย
อย่าร้ายแบบนี้กับปิงปองนะ น่ากลัวไป

ออฟไลน์ ใบโพธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถามจริงๆแกโตมาด้วยอะไรรพี
ปากนี่หมาสุดๆ สงสารอดุลที่ต้องมาลงเอยกับผู้ชายปากหมา

ออฟไลน์ poochai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
เข้ามารอ คิดถึงพ่อปิงปองแล้ว >_<

ออฟไลน์ Pz_ready

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1
กว่าหนึ่งเดือนที่ไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นภายในบ้านหลังใหม่ของอดุลย์ ตอนนี้เขากำลังเริ่มหาอะไรใหม่ๆทำในบ้านหลังนี้ ถ้านับจริงๆคนทำงานในบ้านหลังใหญ่มีกันแค่ไม่กี่คน ดาวกับป่านทำหน้าที่ดูแลในบ้านและงานครัวทั้งหมด ส่วนงานสวนก็มีลุงโชนและบริษัทที่จ้างมาตัดแต่งที่เข้ามาสองอาทิตย์ครั้งตามคำสั่งของเจ้าของบ้าน ส่วนบรรดาคนรถก็เป็นคนที่ขึ้นกับบริษัทไม่ได้พักอาศัยอยู่

เพราะแบบนั้นงานที่มีให้ทำในบ้านหลังนี้จึงมีค่อนข้างเยอะพอสมควรทีเดียวถ้าไม่ติดว่าดาวกับป่านชอบมาบ่นว่าปิงปองแย่งทำไปเสียหมด แต่ด้วยบ้านที่ทำความสะอาดอยู่แล้วทุกวันอยู่แล้ว งานบ้านส่วนใหญ่จึงเสร็จไม่เกินบ่ายของแต่ละวัน งานที่เหลือก็แค่ข้าวเย็นซึ่งเขาไม่ยุ่งด้วยกลัวว่าเจ้าของบ้านจะพาลไม่กินเหมือนมื้อเช้า

อดุลย์ยังคงทำข้าวเช้าแบบง่ายๆตามสไตล์ทุกเช้าเผื่อรพี และเช่นกันว่ารพีก็ไม่เคยรับข้าวเช้าเช่นกันทุกวัน แรกๆดาวโดนบ่นเรื่องที่เอามาเสิร์ฟแต่หลายๆวันเข้าไม่รู้ว่ารำคาญที่ดาวไม่สนใจคนค้านหรือเบื่อที่จะบ่นมากกว่ารพีเลยแค่มองว่าวันนี้คนทำทำอะไรทานและก็หยิบกาแฟขึ้นดื่มเหมือนในทุกๆวัน

ส่วนความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างรพีกับตะวันยังคงเหมือนเดิม อาจเพราะรพีกับตะวันไม่เคยหยุดที่นั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวไม่เคยทำความรู้จักกันแม้จะอยู่ด้วยกันมาเกือบๆจะสองเดือนแล้วก็ตาม

จะรู้เรื่องราวกันก็ผ่านทางวัชรเลขาฯส่วนตัวกันมากกว่า หลังจากวันที่วัชรเข้ามาคุยก็ได้พบกับตะวันในตอนบ่ายของวันนั้น เด็กหนุ่มคุยกับเลขาฯตาตี๋อย่างดีไม่มีอาการโกรธเกรี้ยว และยอมที่จะเก็บเรื่องเปลี่ยนนามสกุลไปคิดอีกด้วย

ส่วนด้านรพีถึงจะกลับมาทานข้าวเย็นบ้างและนอนที่บ้านทุกวันไม่ได้ค้างที่ออฟฟิตแล้วแต่ก็แทบจะไม่เจอกัน เช้ามาตะวันจะออกจากบ้านแต่เช้าก่อนทุกคน และรพีก็กลับช้ากว่าทุกคน เสาร์อาทิตย์ก็ออกไปตีกอล์ฟกับก๊วนธุรกิจหรือไม่ก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนเก่า

อย่างเช่นแบบในวันนี้

“คุณรพีตื่นหรือยังครับคุณปิงปอง”เสียงลุงโชนทักขึ้นมา อดุลย์ส่ายหัวตอบยิ้มๆพลางรดน้ำต้นไม้แบบที่ทำอยู่ทุกวัน

“อะไรกันเป็นคนนัดเองแท้ๆ แต่ยังไม่ตื่นแย่ซะจริง”
“ไงไง คุณอดุลย์สินะครับ”อดุลย์หันมองคนที่อยู่ข้างๆของลุงโชน มือบางทั้งสองข้างวางจากงานที่กำลังทำก่อนที่ตาโตจะเบิกกว้างออก ชื่อในอดีตผุดขึ้นมาในหัวแทบจะทันที

“...คุณ...เทพ”ปากบางพึมพำ ถึงไตรเทพจะเปลี่ยนไปมากจากแต่ก่อน มีริ้วรอยของอายุและรูปร่างจากการที่ดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆไม่เฟิร์มเหมือนก่อน แต่ใบหน้าของคนตรงหน้ายังเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน โครงหน้ากลมยาวเหมือนแตงกวาคิ้วเข้มที่ตัดกับผิวขาวดาวตาโตกับไรหนวดตามสันคางที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนา

“หือ...รู้จักกันด้วย?”คำพูดคำจาขี้เล่นไม่เคยเปลี่ยนแปลง อดุลย์จำไตรเทพได้ดีพอๆกับรพีเพราะไตรเทพเป็นหนึ่งในนักดนตรีที่เล่นในผับที่อดุลย์เคยทำงานอยู่ ซ้ำยังเป็นคนที่คุยเล่นกับพนักงานคนอื่นไปทั่ว กับอดุลย์ที่ตอนนั้นแต่งหญิงไตรเทพก็เคยเข้ามาแซวเล่น

“...”อดุลย์เลือกจะไม่ตอบคำถาม แต่ยิ้มส่งกลับไปให้แทน

“ขอเข้าไปรอมันในบ้านแล้วกันนะ แย่จริงๆทั้งๆที่มันชวนไปตั้งแคมป์แท้ๆตัวเองกับไม่ยอมตื่นซะนี่”คำบ่นของไตรเทพทำให้คนที่รู้เหตุผลอดจะแก้ตัวแทนไม่ได้

“เมื่อคืนคุณรพีกลับดึกครับเห็นว่ามีงานเลี้ยง กลับราวๆตีหนึ่ง”

“งานของเครือ xxx เชิญมาเหมือนกันแต่ขี้เกียจไป ยังไงขอไปรอในบ้านก่อนแล้วกันนะครับ”อดุลย์ยิ้มตอบก่อนจะเดินไปวางสายยางไว้ก่อนเดินนำผู้มาเยือนเข้ามาในตัวบ้าน

ไตรเทพมองตาหลังคนที่เดินนำหน้า คนที่รพีเคยเอาเรื่องมาบ่นให้ฟัง เห็นว่าสมัยก่อนเป็นกระเทยแบบที่แต่งหญิงเต็มตัว ไม่รู้อีท่าไหนถึงได้ไปเลี้ยงลูกแท้ๆของเพื่อนสนิทไปได้ แถมจะบอกว่าคนคนนี้ไม่รู้จักตะวันคงจะโกหกเกินไปหน่อยเพราะจากที่รพีเอารูปให้ดู คนตรงหน้าเคยทำงานในผับที่รพีและเขาเคยเล่นดนตรีอยู่ ดูจากช่วงเวลาก็ช่วงเดียวกัน

จะว่าน่าสงสัยก็น่าสงสัยแต่บางทีความบังเอิญมันก็เกิดขึ้นมาได้เหมือนกัน

“นี่คุณอดุลย์”

“ครับ?”

“อย่าว่าผมละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคุณเลยนะ ถามหน่อยซิว่าแต่ก่อนคุณเป็นกะเทยใช่มั้ย แล้วคุณก็รู้จักรพีมาก่อนใช่มั้ยอย่าปฏิเสธนะเมื่อกี้คุณเรียกชื่อผมทั้งๆที่ผมไม่เคยเจอคุณนะ”คนถูกถามหน้าเจื่อนลงทันตาเห็น ไม่แน่ใจว่าไตรเทพจำตัวเองได้หรืออย่างไร แต่อดุลย์ไม่อยากพูดถึงอดีตที่ผ่านมาเท่าไรนัก ยิ่งเป็นอดีตที่ก่อนจะเจอกับตะวันเขายิ่งไม่อยากพูด

“...คือ”

“...เฮ้ย ไม่ต้องทำหน้าตาซีเรียสแบบนั้นดิ ผมถามเพราะแค่สงสัยไม่ได้ถามเพราะระแวงหรืออะไรหรอกนะ พอดีไอ้ซัน...รพีน่ะมันเคยเอารูปคุณสมัยคุณแต่งสาวให้ผมดู ผมจำได้นะเครื่องแบบที่คุณใส่ ดูประวัติก็ใช่คุณเคยทำงานที่ผับที่พวกเราเคยทำงานอยู่”

“ผมขอไม่ตอบได้มั้ยครับคุณไตรเทพ ผมไม่รู้จะตอบอะไรจริงๆ แต่ผมไม่เคยคิดร้ายใครนะครับอันนี้ผมจริงจัง”ตากลมโตพยายามสื่อความนัยของตัวเองให้คนตรงหน้ารับรู้และเชื่อในคำพูด

ไตรเทพไม่ใช่คนที่ขี้ระแวงแบบรพี แถมไม่ได้เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายอย่างเพื่อนด้วย ช่วงวัยรุ่นรพีผ่านอะไรมาเขาก็รู้เพราะเขาเองก็ไม่ต่างกัน โชคร้ายหน่อยตรงที่ในวันที่รพีแย่สุดๆรพีไม่มีใครคอยจับมือในลุกขึ้นเหมือนตัวไตรเทพ

“ยังงั้นก็ได้ ที่จริงผมก็ไม่คิดว่าคนตัวเล็กๆบางๆอย่างคุณจะทำอะไรเจ้าซันได้หรอกนะ เจ้านั่นน่าสงสารกว่าที่คิดนะถึงจะชอบทำตัวให้น่าหมั่นไส้ก็เถอะ”

“คึ”อดุลย์เกือบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดค่อนแคะเพื่อนของไตรเทพกับสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนว่าเบื่อหน่ายขนาดไหนรวมทั้งน้ำเสียงของคำพูดที่ทำเอาอดุลย์นึกภาพออกเลยว่ารพีชอบทำตัวน่าหมั่นไส้แบบไหนบ้าง

“เห็นด้วยใช่มั้ยล่ะ...เออ!! จริงซิมาบ้านนี้ทั้งที ผมขอเจอหลานชายผมหน่อยได้มั้ย”เหมือนจะพึ่งนึกขึ้นออก ไตรเทพร้องหาและหันมองไปรอบๆหวังจะเจอเด็กที่เป็นลูกชายของเพื่อนสนิท

“เดี๋ยวคุณไตรเทพนั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปตามตะวันมาหา แล้วเดี๋ยวจะให้ดาวเอาน้ำมาเสิร์ฟนะครับ”อดุลย์บอกเสียงนอบน้อมก่อนจะหันหลังเดินออกแยกไปอีกทาง ให้ไตรเทพไปหัองรับแขกคนเดียวน่าจะไหว อีกฝ่ายเองก็เหมือนจะรู้จักบ้านหลังนี้ดีพอควร

อดุลย์เดินขึ้นมาบนตัวบ้านเดินเลยไปชั้นสามที่มีแค่เฉพาะส่วนด้านซ้ายของตัวบ้าน อดุลย์ไม่รู้หรอกว่าชั้นเดี่ยวๆนี่เจ้าของบ้านสร้างไว้ทำไม ตะวันเองก็ชอบใจห้องนอนของตัวเองจนไม่เคยนึกถามหาความเป็นมาเหมือนกัน

“ตะวันครับ ตื่นหรือยัง?”เคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเอ่ยถาม ได้ยินเสียงกุกกักในห้องนอน แปบเดียวลูกชายที่ตัวสูงกว่าเกือบคืบก็มายืนอยู่ตรงหน้าหน้าชี้ฟูทำให้มือบางอดไม่ได้ที่ต้องยกขึ้นลูบอย่างเอ็นดู

“วันเสาร์นะคร้าบพ่อ ปลุกตะวันอะไรแต่เช้าเลย”เสียงยานครางบอก สีหน้าขัดใจหน่อยๆแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร

“คุณไตรเทพ เพื่อนของคุณรพีเขาอยากคุยกับตะวันน่ะ”

“หือ ใครอีกล่ะ ไม่ไปได้มั้ยครับง่วงอ่ะ”หนุ่มน้อยร่างโปร่งงอแงจนได้มะเหงกของพ่อปิงปองแทน สุดท้ายตะวันก็จำยอมเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะเดินกอดเอวพ่อปิงปองตามพ่อไปหาคนที่ต้องการจะพบ

คนที่รออยู่นั่งอยู่บนโซฟาคู่กับเจ้าของบ้านที่ไม่รู้ว่าตื่นมาตอนไหน บนโต๊ะมีกาแฟและข้าวเช้าที่วันนี้อดุลย์ทำน้ำพริกหมูผัดกับปลาสลิดทอดทานกับข้าวร้อนๆ ก็เหมือนทุกวันที่รพีไม่แตะกับข้าวของเขาเลยหากแต่วันนี้มีคนช่วยจัดการอาหารตรงหน้าแทน

“สวัสดีครับ”เด็กหนุ่มยกมือสวัสดีทั้งพ่อแท้ๆและเพื่อนของพ่อก่อนจะกลับมาเกาะเอวพ่อปิงปองของเขาต่อ รพีหันมามองลูกชายแล้วนึกตำหนิในใจกับท่าทางที่เหมือนลูกลิงเกาะแม่ลิง

“อ้าวๆ สวัสดีครับตะวัน ลุงชื่อลุงเทพนะเป็นเพื่อนของพ่อเรา ยินดีต้อนรับนะ หล่อเหมือนมึงอยู่นะซัน สำเนานี่ลอกกันมาเป๊ะๆเลย”ตะวันยิ้มรับต่างจากอีกคนที่ถูกชมแบบอ้อมๆ ลุงเทพคนนี้ท่าทางจะเป็นคนเฮฮา พูดจาเอะอะเสียงดังแต่ก็ดูจริงใจดี ท่าทางจะสนิทกับ...เขามากพอสมควร

“ลุงเทพมีอะไรกับตะวันหรือเปล่าครับ เห็นพ่อปิงปองบอกลุงเทพอยากคุยด้วย”

“อ้อ เปล่าๆ แค่อยากเห็นหน้าน่ะ รู้ข่าวจากพ่อของเรามาสักพักแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมเลย วุ่นเลี้ยงลูกน่ะ เมียลุงพึ่งคลอดคนที่สามเมื่อเดือนก่อนนี่เอง เลี้ยงเด็กอ่อนมันยุ่งยากมากเลย ขนาดนี่คนที่สามแล้วก็ยังไม่ชินซักที”คำบ่นของเพื่อนขัดหูคนที่นั่งจิบกาแฟ บ่นไปตักข้าวใส่ปากไปหุ่นเลยเหมือนเสี่ยขึ้นทุกทีทุกที

“ถ้ายุ่งขนาดนั้นแล้วคุณตกลงไปแคมป์กับผมทำไมไตร ไม่ไปเลี้ยงลูกคุณซะละ”ไตรเทพเบ้หน้าใส่เพื่อน ดูก็รู้ว่าสร้างภาพเป็นคนสุภาพต่อหน้าคนไม่คุ้นเคย ทั้งๆที่ปรกติก็มึงมาพาโวยตลอด ถึงคำพูดแบบนี้จะไม่เหมาะกับคนวัยสี่สิบก็เถอะ

“แล้วคุณชวนผมทำส้นตีนอะไรครับ พูดหมาๆเดี๋ยวกูไม่ไปด้วยมึงจะร้องไห้กลับบ้านเถอะ”

“พูดไร้สาระ”รพีส่ายหัวเหนื่อยหน่ายยกกาแฟขึ้นดื่มพลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆ

“แล้วนี่มีมึงไปกับกูสองคนเหมือนเดิม?...ไม่ชวนลูกมึงกับคุณอดุลย์ไปด้วยล่ะ”
“ไปด้วยกันมั้ยตะวัน ไปมั้ยครับคุณอดุลย์”

“เอ้อ...ไปไหนกันเหรอครับ”ไม่ได้สนใจจะตามไปด้วยหรอก แต่ที่เอ่ยถามก็เหมือนถามตามมารยาทเท่านั้น รพีมองหน้าอดุลย์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่รพีก็ไม่ได้บอกห้ามคนชวน

มองไม่ออกจริงๆว่าคนๆนี้ต้องการอะไร

“ไปเขาใหญ่ใกล้ๆนี่แหละ ไปนอนที่อุทยานฯ นอนกลางดินกินกลางป่าสนุกนะ”

“น่าสนใจอ่ะพ่อ ไปกันเถอะ...ไปได้ใช่มั้ยครับ?”ตะวันหันไปถามคนที่จ้องมองพ่อปิงปองของตนอยู่ ตาคมทั้งสองหันมาสบตากันก่อนที่บรรยากาศจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ราวกับทุกคนพร้อมใจกันหยุดหายใจอย่างไรอย่างนั้น

“ตามใจ...ถามนายไตรเอาแล้วกันว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง”ว่าแค่นั้นก่อนจะยกกาแฟทั้งหมดซดลงคอแล้วลุกขึ้นกลับไปบนห้องเพื่อเตรียมตัวออกทริปที่ปรกติเป็นทริปเงียบๆ

“ตะวันจะไปจริงๆเหรอ”ตะวันพยักหน้าแรงๆ บ่งบอกความต้องการของตัวเอง ความจริงก็ไม่อยากขัดใจลูก รู้ว่าลูกคงอยากเที่ยวเล่นแบบนี้มานานแล้ว แต่ติดอยู่ที่คนที่ต้องไปด้วยนี่สิ...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




เวลาช่วงบ่ายแก่ๆรถกระบะที่ส่วนใหญ่ลุงโชนจะเอาไว้ไปซื้อต้นไม้ก็มาถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระหว่างทางมีแค่เสียงของลุงและหลานคนใหม่คุยกันมาตลอดทั้งทาง จะมีเสียงของอดุลย์แทรกขึ้นมาบ้างนิดหน่อย แต่ที่เหมือนไม่ได้มาเลยก็คงหนีไม่พ้นรพีที่นั่งหน้าคู่กับคนขับอย่างไตรเทพ

อดุลย์พึ่งรู้วันนี้นี่แหละว่าที่จริงแล้วงานอดิเรกของรพีคือการมาเที่ยวป่าเพื่อที่จะมาวาดรูปเป็นอีกเรื่องที่คนฟังอดทึ่งไม่ได้ ไตรเทพเล่าให้ฟังว่าฝีมือวาดรูปของรพีเข้าขั้นระดับอาจารย์ได้เลย ถึงจะไม่เคยเรียนสายด้านนี้มาแต่เพราะด้วยความชอบส่วนตัวและพอมีเวลาว่างเมือไรรพีก็จะมาเที่ยวป่าเพื่อจะมาวาดรูปสัตว์รูปวิวตลอด

คนที่ถูกพูดถึงไม่ได้เอยขัดอะไร ทำเสียงขัดใจที่ไตรเทพถือวิสาสะเล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้คนอื่นรับรู้ แต่ไม่อยากโวยวายทำตัวไม่สมอายุต่อหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกแท้ๆ

...ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน...

“เราพักกันที่นี่เหรอครับลุงเทพ”เสียงสดใสของตะวันเอ่ยถาม ดูๆไปมีตะวันนี่แหละที่ตื่นเต้นมากที่สุด อดุลย์เข้าใจว่าทำไมตะวันถึงแสดงท่าทีดีใจแบบนี้ก็ตลอดมาเขาแทบจะไม่เคยพาลูกมาเที่ยวเลยซักครั้ง

“ใช่ๆ ถึงบอกว่าตั้งแคมป์ก็เถอะแต่ที่จริงจองบ้านพักไว้น่ะ คนที่จะไปนอนเต็นท์มีแค่พ่อของตะวันนั้นแหละ”ไตรเทพบอกพลางขนของลงบ้านพักที่จองเอาไว้
“ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเที่ยว อากาศก็ไม่ได้หนาวมากเท่าไร แต่ช่วยไม่ได้นะถ้าเป็นซีซั่นหวังไปเถอะว่าหมอนั่นจะมา”

“จะหยุดพูดได้หรือยังไตร ผมว่าคุณหยุดพูดบ้างก็ดี หรือว่าจะไม่พูดอีกแล้ว?”ไตรเทพไม่ได้สนใจปากร้ายของเพื่อนสนิทหันไปสนใจสองพ่อลูกแทน ช่วงเวลาสามชั่วโมงที่เดินทางกันมาทำให้พอจะตัดสินได้ว่า

อดุลย์ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวซักนิด ติดออกจะเป็นคนซื่อๆด้วยซ้ำ ยิ่งเวลาที่พูดถึงตะวันเสียงที่บ่งบอกถึงความภูมิใจนั่นทำให้ไตรเทพอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ เขาเข้าใจอดุลย์ดีเพราะเขาเองก็มีลูก

เสียดายแทนเพื่อนสนิท...รพีไม่มีโอกาสที่จะมีความสุขที่แลกด้วยความเหนื่อยกายที่ต้องเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมา

“ตะวันอยากไปนอนเต็นท์บ้าง พ่อปิงปองนอนกับตะวันนะ”เด็กหนุ่มเข้ามาอ้อนคนเป็นพ่อ ก็อยากจะตามใจหรอกแต่

“มันต่างกันตรงไหนตะวัน ตั้งเต็นท์หน้าบ้านกับนอนในบ้าน...”เหมือนสิ่งที่พูดจะไปกระทบกับคนที่ตั้งใจจะนอนในเต็นท์เข้าเต็มๆ ตาคมมองจ้องอย่างดุๆ

“นอนในบ้านไปนั้นแหละ มีแค่เต็นท์เดียวชั้นไม่ชอบนอนกับคนอื่น”เสียงนิ่งราวกับไม่ได้โกรธ แต่ตาดุยังคงจ้องไม่เลิก

สุดท้ายตะวันก็ไม่ถูกตามใจ เลยต้องมาช่วยเก็บของในบ้านจนกระทั้งของทุกอย่างถูกจัดเข้าที่อย่างเรียบร้อยแดดภายนอกก็ร่มลงแล้ว ภายนอกบ้านมีเต็นท์ผ้าใบสีเขียวใบใหญ่กางอยู่หน้าบ้าน กับขาตั้งวาดรูปที่ยังไม่มีกระดาษติดไว้วางอยู่ ส่วนเจ้าของเต็นท์กำลังนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านพัก

ไม่นานรพีก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงนอนสองใบในมือตะวันเลยเดินเข้าไปหาใกล้ๆ

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยถาม ถูกพ่อปิงปองสอนมาตั้งแต่เด็กว่าให้ช่วยเหลือคนอื่น แล้วตะวันก็โตพอที่จะรู้ว่ารพีคือพ่อแท้ๆจะทำปั่นปึ่งใส่กันก็มีแต่พาลจะทำให้พ่อปิงปองไม่ดีใจ

“...”รพีชะงักมองคนที่เข้ามาพูดด้วย เกือบสองเดือนไม่ใช่ว่าไม่เคยคุยกันแต่จะเรียกว่าคุยก็พูดได้ไม่เต็มปากในเมื่อครั้งแรกคือทะเลาะกันเรื่องนามสกุลส่วนครั้งต่อๆมาคือรพีออกคำสั่งให้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆตลอด

“เอาไว้ตรงไหนครับ”ร่างโปร่งที่เตี้ยกว่ารพีหลายเซ็นต์แย่งของในมือมาถือไว้แล้วถาม เมื่อเห็นว่าพ่อแท้ๆของตัวเองไม่ตอบเลยเดินไปวางไว้ที่เต็นท์นอนของรพีแทน

“อยากได้อะไรถึงมาช่วย? จะนอนเต็นท์หรือ?”เสียงเข้มเอ่ยถาม ด้วยอะไรๆที่ผ่านมาทำให้สมองคิดหาเหตุผลรองรับการกระทำของคนอื่นตลอดเวลา ไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่ทำอะไรให้ใครแล้วไม่ต้องการอะไรตอบแทน

“ที่จริงก็อยากนอนครับ แต่อยากนอนกับพ่อปิงปองมากกว่า”ตอบตามที่ใจคิด คิ้วเข้มของคนที่สูงกว่าชะงักเล็กน้อยกับคำพูดของตะวัน

พ่อปิงปอง...

ทำไมรู้สึกคันหัวใจแปลกๆ...

“เอาถุงนอนไปซะ เมื่อคืนฝนตกคืนนี้ก็น่าจะตกถึงในห้องมันมีผ้าห่มแต่คงหนาวชั้นขอมาเผื่อนายกับพ่อของนาย”ตะวันพยักหน้าทำตามคำสั่งของคนที่สั่งเสร็จก็เดินหนีไปจัดของที่เต็นท์ตัวเองต่อ

จะคิดว่านี่คือความห่วงใยได้หรือเปล่า? ตะวันคิดคำถามขึ้นในใจแต่ก็ไม่อยากคิดต่อเลยสะบัดหน้าคลายความคิดพลันหางตาเห็นแสงไฟสีขาวกระพริบเพียงแค่วูบเดียวแล้วก็ดับไปตะวันหันไปพยายามมองแต่ก็ไม่เห็นอะไร คิดขำๆว่าตอนเย็นๆแบบนี้คงไม่มีเรื่องเนื่องสามัญสำนึกหรอกมั้ง

...อาจจะจริงที่ไม่มีสิ่งลี้ลับ...

...เพราะต้นตอของแสงที่เด็กชายเห็นเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ถ่ายภาพ...

...และดวงตาของคนที่ไม่ประสงค์ดีเท่านั้น...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2014 09:38:28 โดย Pz_ready »

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
พ่อปิงปองมาแล้ว  :oni1:

ตัวละครใหม่ออกได้เห็นอีกมุมของรพี  แหมเด็กโข่งมีปม แต่ก็ยังไม่เห็นใจนะเพราะทำไว้เยอะ :hao4:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
คนแก่ปากแข็งงงงงงง

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :really2: เย้ๆๆ มาแล้ววว =w= รพีเหมือนจะเริ่มเปิดใจนิดๆ นิดเดียวเท่านั้นนะ!

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
ดีใจฝุดๆๆ รพีเหมือนดีขึ้นนิดนึง

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เย้ๆ คนเขียนมาต่อแล้ว
อ่านๆไปก็รู้สึกว่ารพีก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ
ทิ้งท้ายไว้งี้แสดงว่าจะมีดราม่าอะไรต่อรึเปล่า
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า

ปล. คนอ่านรออ่านอยู่นะ ชอบเรื่องนี้มาก คนเขียนสู้ๆ เอ้า ฮึบๆๆ  :katai4:

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
เมียเก่าชิมิผู้ไม่ประสงค์ดีนั้นนะ
ปล.ตอนนี้คำผิดเต้มเลย อ่านบางจุดแล้วจะงงหน่อยๆ
ยกตัวอย่างอันนี้
" แถมจะบอกว่าคนคนนี้ไม่รู้จักตะวันคงจะโกหกเกินไปหน่อยเพราะจากที่ตะวันเอารูปให้ดู คนตรงหน้าเคยทำงานในผับที่ตะวันและเขาเคยเล่นดนตรีอยู่ ดูจากช่วงเวลาก็ช่วงเดียวกัน "
ตรงชื่อตะวันจริงๆต้องรพีใช่หรือเปล่า?

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z3: นังนั่นกลับมาอีกแล้วสินะ จะมาแบบไหนละอยากรู้จริงเชียว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ทริปกระชับความสัมพันธ์รึเปล่าเนี่ย อิอิ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เพราะตะวันอยากเที่ยว พ่อปิงปองเลยใจอ่อน. แล้วจะเชื่อมใจเป็นครอบครัวได้รึเปล่า. จากการทิ้งท้ายว่ามีผู้ประสงค์ร้าย

carenaka

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อแว้วว

ออฟไลน์ Pz_ready

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1
เมื่อความมืดมาเยือนบ้านพักบนอุทยานฯใหญ่ก็มีแค่แสงไฟหรี่ๆที่เปิดอยู่หน้าบ้านกับกองไฟที่ไตรเทพเป็นคนก่อให้เอาบรรยากาศเท่านั้นไม่ได้หวังพึ่งมันไล่สัตว์แมลงแต่อย่างใด

คนตัวเล็กสุดในกลุ่มกำลังยิ้มแย้มหัวเราะสดใสกับเรื่องเล่าของไตรเทพที่กำลังเล่าเรื่องตอนที่ตัวเองไปทำงานอยู่ทางใต้จนได้เมียแต่ฝ่ายพ่อตาหมายมั่นให้ลูกสาวรับช่วงต่อสวนยางแต่เขาไม่อยากอยู่ในที่ที่เวลาแค่ทุ่มกว่าๆก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้วเลยพาเมียที่กำลังท้องอ่อนๆหนีปืนพ่อตาขึ้นมาอยู่ที่กรุงเทพฯด้วยกัน

“นี่กว่าที่พ่อจะยอมให้ตาลมาอยู่นี่นะต้องปั้มลูกคนที่สองมาช่วยอ้อนอีกแรง”คนเล่ายิ้มไปพูดไป นึกถึงตอนนั้นแล้วก็อึดคิดถึงไม่ได้ สิบกว่าปีก่อนที่พอต้องก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ด้วยตัวไตรเทพไม่ได้ร่ำรวยแบบเพื่อนสนิท แต่เหมือนโชคดีมีคนรู้จักชวนไปทำบริษัททัวร์เล็กๆที่จังหวัดเกาะทางภาคใต้ จนพอมีเงินเก็บก็เริ่มที่จะหาอย่างอื่นทำต่อ ประกอบช่วงนั้นเจอคนรักก็เริ่มคิดจะก่อร้างสร้างตัวให้มั่นคงกว่าเดิม

ท้ายที่สุดไตรเทพก็ได้เป็นเจ้าของผับทำเลดีในกรุงเทพและบริษัทนำเที่ยวในประเทศรายใหญ่

“ลูกๆลุงไตรอายุเท่าไรกันบ้างครับ”ตะวันถามอย่างสนใจ คุณลุงคนใหม่เป็นคนคุยสนุก มีเรื่องตลกๆของตัวเองเยอะแยะไปหมด

“คนโตหก คนรองสาม คนเล็กพึ่งเกิด ห่างกันคนละสามปีพอดี ลุงวางแผนเอาไว้แล้วเจ๋งป่ะละ”มียักคิ้วโชว์ตามตอนพูดจบเรียกเสียงเฮฮาเพิ่มขึ้นได้อีกมาก

“ฮ่าๆๆ สุดยอดเลยครับ”ตะวันหัวเราะสดใส อดุลย์ที่มองตามก็พลอยมีความสุขไปด้วย เขาไม่ค่อยมีโอกาสพาลูกไปเที่ยวเท่าไร อย่างมากก็พาทะเลแถบสัตหีบเพราะพาตะวันไปไหว้กระดูกแม่ของเจ้าตัวที่เป็นคนท้องถิ่นแถวนั้น

เวลาผ่านไปเรื่อยๆในค่ำคืนที่มีแต่ความสุขแบบนี้ ขนาดอีกคนที่นั่งดื่มนั่งชมบรรยากาศเงียบๆยังพลอยมียิ้มที่มุมปากขึ้นมา อากาศดีๆก็ทำให้อารมณ์ดีตามไปด้วยจริงๆ

“งั้นขอตัวไปนอนก่อนแล้วกัน ไม่ไหวพอแก่แล้ว หัวค่ำหน่อยก็ง่วงซะแล้ว”ไตรเทพพูดขี้เล่นตามประสา แท้จริงแล้วที่แยกย้ายให้ไปนอนเพราะพรุ่งนี้มีนัดรวมกันแต่เช้า เห็นว่าเจ้าหน้าที่จะพาไปดูสัตว์เลยต้องตื่นเช้าเสียหน่อย

“ตะวันเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวพ่อเก็บตรงนี้ก่อน”อดุลย์บอกลูกชายตัวดีที่นั่งตาแป๋วอยู่ข้างๆรพีด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ ส่วนอีกคนก็ดูไม่ได้อึดอัดอะไรที่มีตะวันนั่งอยู่ด้วย

ตะวันพยักหน้าตอบก่อนจะลุกขึ้นแล้วตรงเข้าไปในบ้านพักที่อยู่ไม่ไกลเท่าไร ตรงนี้เลยเหลือแค่สองคน รพีมองอดุลย์ที่กำลังก้มๆเงยๆเก็บแก้วที่ใช้แล้วเข้าลังที่เตรียมไว้ข้างๆ มองอยู่นานจนคนถูกมองรู้สึกตัวถึงได้หันไปมองตอบ

“มี...อะไรหรือเปล่าครับ”จะว่าเป็นครั้งแรกเลยหรือเปล่านะที่ได้คุยกันตัวต่อตัวหลังจากวันที่เขาเข้าไปขอร้องให้เลิกทำร้ายกันซักที

“...”รพียังไม่ตอบแต่ก็ยังมองคนที่ตัวเล็กกว่าที่มีสีหน้าเหมือนหวาดๆตัวเองด้วยความถูกใจ เป็นความรู้สึกของคนที่อยู่เหนือกว่าคนตรงหน้า

“เอ่อ...”

“นอนกับชั้นมั้ย?”

“!!!”ทั้งๆที่คนที่ถามก็ถามเสียงเรียบๆแต่คนฟังกระโดดถอยหลังด้วยปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ พลางหันซ้ายขวาเพื่อหาทางรอดเอาไว้อีกทาง

“หึ ไม่เห็นต้องทำท่ากลัวขนาดนั้น ก็แค่ถามเผื่อเพื่อนายจะติดใจชั้น ใครจะรู้”รพีพูดขำๆ เลิกมองหน้าอีกฝ่ายแต่มองไล่ลงมาตั้งแต่คอขาวๆจนถึงสะโพกที่ทำเอาในหัวมีแต่คิดเรื่องลามก

“ม..ไม่...ไม่มีทางหรอกครับ!”เผลอตอบเสียงดังขึ้นมาหน่อย รพีฟังแล้วก็หัวเราะเบาๆออกมา

ใช่ว่าเดือนกว่าๆที่ผ่านไปเขาจะไม่เคยสังเกตคนที่น่าสงสัยคนนี้ ทั้งส่งเลขาฯให้มาทำความรู้จักดูพฤติกรรมต่างๆผ่านวัชร ก็ไม่ได้ดูแตกต่างจากที่อีกฝ่ายแสดงออก อีกทั้งแค่เวลาเดือนกว่าๆคนใช้ในบ้านทั้งหมดก็ชอบพออดุลย์มากขึ้นมากขึ้นจนเหมือนกับเป็นเจ้านายอีกคนของบ้านทั้งๆที่ก็เป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น

สุดท้ายเลยคือศูร...ช่วงเดือนที่ผ่านมาศูรเข้ามาทานอาหารเย็นที่บ้านใหญ่ด้วยทุกวันไม่มีขาด ศูรดูมีความสุขมากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่พ่อของเขาจะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม้ทำแต่สวนกับลุงโชนหรือไม่ก็ออกไปดูพันธ์ไม้แค่คนเดียว

ถ้าการมาอยู่ของอดุลย์ไม่ได้ก่อเรื่องเลวร้ายซ้ำยังเป็นผลดี...ก็คงมีแต่ต้องคอยระวังกันต่อไป

อย่างไรซะรพีก็ไม่เชื่อใจใครง่ายๆ

“ทำเป็นพูดดี สองครั้งก่อนยังร้องครวญครางไม่หยุดจนเสร็จด้วยซ้ำไป”วาจาหยาบจ้วงทำเอาใบหน้าขาวเริ่มแสดงสีออกมาด้วยความโกรธปนอับอาย

“คุณมันบ้า!..อ..โอ้ย!!”ไม่ทันได้ต่อว่ามากไปกว่านั้นร่างเล็กก็ถูกบีบกรามจนถึงกับต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“พ่อครับ เป็นไร?”เสียงตะวันดังออกมาจากในตัวบ้าน อดุลย์มองไปตามเสียงไม่เห็นตัวลูกชายก็โล่งใจไปหนึ่งเปราะ กลัวตะวันจะรู้เรื่องไม่ดีไม่งามจะที่เคยเกิดขึ้น

“ป..เปล่า พ่อสะดุดกิ่งไม้”ตะโกนตอบกลับในขณะที่ปากยังถูกบีบจากมือใหม่แต่ผ่อนแรงไม่ได้เจ็บแบบคราแรกที่มือนั้นลงแรงมา

“หึ จะว่าไปชั้นมีเรื่องให้บังคับนายเยอะแยะเต็มไปหมดเลยนะ แต่เอาเถอะชั้นก็ไม่อยากโดนหาว่าข่มขื่นอีกแล้ว”รพีปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ พลางยิ้มถูกใจที่ได้แกล้งอีกฝ่าย ใจจริงก็นึกแค่อยากจะกวนโทสะอีกฝ่ายเท่านั้น เห็นทั้งวันมานี่มีความสุขมากเกินไป

...เลยทำให้อารมณ์บูดเล่นๆ...

...ก็สนุกดี...

“ถามจริงๆนะครับ...”อดุลย์ยืนนวดกรามตัวเอง เดินถอยไปให้ห่างจากคนที่ทำร้ายร่างกายเมื่อครู่ด้วยสีหน้าหวาดๆ ที่กล้าคุยต่อไม่หนีไปคงเพราะบรรยากาศรอบตัวของคนตรงหน้าไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่โดนทำร้าย

“...?”

“ทำไมต้องทำร้ายผมแบบนั้น”...ผมก็มีหัวใจ...ประโยคหลังอดุลย์ไม่ได้พูดออกไป กลัวคนที่ชอบคิดระแวงจะรู้สึกแปลกกับคำของตัวเอง

คนถูกถามเงียบไปชั่วครู่ ในหัวกำลังคิดย้อนกลับไปในวันที่เข้าไปข่มขื่นคนตรงหน้าทั้งสองครั้ง จะว่าเกลียด...ก็ไม่ใช่เพราะความรู้สึกของรพียังไม่รุนแรงถึงขนาดนั้น

ครั้งแรกที่บ้านเก่าของอดุลย์ อาจจะเพราะด้วยความเมาและถูกศูรออกคำสั่งให้เรื่องที่จะให้สองพ่อลูกย้ายเข้ามาในบ้านของเขา รวมถึงอคติเมื่อรู้ว่าอดุลย์น่าจะเคยรู้จักตัวเองมาก่อนจนเกิดความระแวงขึ้นมา พอไปโวยวายเรื่องราวจึงเลยเถิด

ส่วนครั้งที่สอง...เขาก็แค่อาจจะกลับมาจากงานเหนื่อยๆ แค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเข้ามาเกาะเขากินก็ควรจะทำงานให้เขาบ้าง...และบางทีเวลานั้นเขาก็อาจจะมีความต้องการงานบนเตียง

“...”พอคิดไปคิดมารพีเองก็ไม่รู้สาเหตุแน่นอนเหมือนกัน ร่างสูงละที่จะไม่ตอบแต่ก็ไม่วายจะพูดกวนอารมณ์อีกฝ่ายด้วยวาจาที่ไม่เป็นมิตรเสียเลย

“ก็นะ...นายเป็นกะเทยชั้นก็นึกว่านายจะคุ้นเคย ขอใช้มาบริการชั้นนิดๆหน่อยๆก็ไม่น่าจะเป็นไร...แต่ ไม่ได้ก็บอก”บอกแล้วหันหลังเดินกลับเข้าเต็นท์ของตัวเอง ทิ้งคนที่ยืนน้ำตาคลอด้วยความอับอายและเจ็บใจไว้ข้างหลัง โดยที่ไม่รู้เลยว่ายิ่งตัวเองแสดงท่าทีอ่อนแอเท่าไร คนทำก็ยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นมากเท่านั้น

รู้สึกดีที่ได้เห็นว่าคนที่เป็นที่รักของคนอื่นโกรธตัวเองที่ทำอะไรเขาไม่ได้

...ดีพอๆกับตอนอยู่บนเตียงเลยล่ะ...



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




กลางดึกที่มีเสียงสัตว์แว่วมาได้ยินอยู่เป็นระยะๆ ร่างบางของอดุลย์ลืมตาขึ้นมาด้วยเพราะนอนไม่หลับ ในหัวยังคิดมากกับคำล้อเลียนของคนที่คงนอนหลับอยู่ในเต็นท์หน้าบ้านพัก ใบหน้าขาวหันไปมองลูกชายข้างๆตัวแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้

คำล้อจากรพีสร้างความหนักใจให้ตัวอดุลย์มาก ไม่ใช่เพราะคนที่พูดคือรพี แต่เรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริง...เป็นอดีตของอดุลย์ที่ไม่อยากให้ใครรับรู้ ที่สำคัญ...ไม่อยากให้ตะวันรู้เลย

ถึงช่วงนี้รพีมีท่าทีอ่อนลงกับเขามากก็ตาม แต่ไม่มีอะไรจะมารับประกันได้ว่ารพีจะไม่เอาเรื่องที่เคยขู่ขึ้นมาทำเป็นเรื่องจริง ไม่รู้ว่าวันไหนรพีเกิดบ้าขึ้นมาแล้วแฉเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกได้รับรู้

ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าตะวันรู้แล้วจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน

ความเถิดทูนที่เคยมีมาจะหายไปหรือเปล่า

แล้วความรักที่ลูกเคยมีให้จะหมดลงใช่มั้ย

อดุลย์ไม่รู้...เขาจึงกลัวเหลือเกินที่จะให้ตะวันได้รู้ความจริง

สองขาเล็กๆพาอดุลย์มาหยุดหนังอยู่หน้าบ้านพัก รอบตัวมีแต่ความมืดมิดมีแค่แสงไฟหรี่ๆจากบ้านพักหลังอื่นที่ตั้งอยู่ไกลๆเท่านั้น อากาศคืนนี้หนาวไม่หนาวมากอย่างที่ไตรเทพบอก แต่ก็หนาวกว่าปรกติอยู่ดี สองแขนกระชับกอดตัวเองเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย พลางเบาลมออกจากปากคลายความหนาวเหน็บอีกทาง

“นอนไม่หลับเหรอครับ?”เสียงปริศนาดังขึ้นอยู่ข้างหลัง อดุลย์หันไปมองก็เป็นเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนพามาที่บ้านพัก

“อ่าว คุณณรงค์ยังไม่นอนเหรอครับ”

“มาตรวจดูไฟน่ะครับ เสร็จแล้วก็จะไปนอนแล้ว”อดุลย์พยักหน้าตอบ ยิ้มอ่อนๆให้คนตรงหน้า
“แล้วนี่สรุปทำไมยังไม่นอนล่ะครับ อากาศแบบนี้น่านอนสบายดีนะครับ”

“ไม่ค่อยชินมั้งครับ แล้วผมก็ไม่ชอบอากาศหนาวๆเท่าไร พาลนอนไม่หลับเอา”บอกพลางทำตัวหนาวสั่นยืนยันคำพูด ณรงค์เห็นท่าหนาวตลกๆก็หัวเราะเสียงดังอย่างลืมตัว

“อย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ คุณก็รีบนอนนะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงจะไปเที่ยวนะ”อดุลย์พยักหน้าอีกครั้งก่อนจะณรงค์จะเดินเลี่ยงกลับออกไป

ส่วนอดุลย์เองก็ตัดสินใจกลับเข้าไปในบ้าน ไปข่มตานอนคงจะดีกว่ามายืนมืดๆอยู่แบบนี้ เมื่อกี้ที่สั่นไม่ใช่เพราะหนาวอย่างเดียวหรอก แต่สั่นตกใจตอนที่อีกฝ่ายทั้งด้วยมากกว่า

ลับร่างบางที่เดินหายเข้าไปในตัวบ้าน คนที่คิดว่านอนหลับสบายใจอยู่ในเต็นท์นั่งฟังบทสนทนาของทั้งคู่อยู่ในเต็นท์เงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างคนที่ไม่ได้อย่างใจ

อีกแล้ว...เกิดอยากจะไปกวนอารมณ์ใส่อดุลย์อีกแล้ว ไม่ชอบเลยที่เห็นอีกฝ่ายมีความสุข...ไม่ชอบ...ไม่ชอบ



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




เสียงซู่ซ่าจากมวลน้ำที่ตกกระทบกันดังไปทั่วทั้งบริเวณ ข้างหน้าของกลุ่มนักท่องเที่ยวตอนนี้คือน้ำตกเหวสุวัต คนที่ตื่นเต้นที่สุดคงไม่พ้นหนุ่มน้อยที่สุดในกลุ่มนี้

ตะวันเบิกตากว้างเดินไปเดินมาด้วยความชอบใจก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือที่ที่พ่อปิงปองซื้อให้ตอนที่เข้าเรียนวิทยาลัยขึ้นมากระหน่ำถ่ายรูป

อดุลย์เองก็ตื่นตาตื่นใจเช่นกัน เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกของตัวเขาเองที่ได้เห็นอะไรสวยงามแบบนี้ทั้งธรรมชาติที่รายล้อม มีสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยตามต้นไม้ที่อยู่รอบๆ

“ถ่ายรูปมั้ยครับพี่ปิงปองผมถ่ายให้”ณรงค์ถามร่างบางที่ยืนยิ้มอยู่ เจ้าหน้าที่หนุ่มเรียกสรรพนามใหม่กับอดุลย์ด้วยเพราะได้คุยกันอีกรอบตอนเช้า และเขาก็ได้รู้ว่าอดุลย์อายุเยอะกว่าตัวเองเกือบห้าปี

“ขอบคุณนะครับ”ยืนมือถือของตัวเองให้ พลางเรียกลูกชายเข้ามาถ่ายรูปด้วยกัน นึกเสียดายที่ไม่ได้เอากล้องดิจิตอลมาด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะได้เจออะไรสวยๆแบบนี้

“ไงซัน มีอะไรจะวาดยัง”ไตรเทพถามเพื่อนสนิทข้างๆ ทั้งเขาและรพีมากันบ่อยจนรู้แทบทุกอย่างเลยไม่ค่อยมีอาการอะไรเท่าไร

“...”ไตรเทพที่มองไปเรื่อยๆหันกลับมามองคนที่เอ่ยถามไปเมื่อครู่แต่เหมือนว่ารพีไม่ได้สนใจฟัง ไม่มีคำตอบอะไรจากร่างสูงข้างๆที่มองไปยังกลุ่มคนที่กำลงสนุกสนานกับการเก็บภาพลงมือถือ

“มองไรว่ะ”ถามทั้งๆที่เห็น นึกหวาดๆกับสายตาที่จ้องไป ทั้งเย็นเชียบและไร้ความรู้สึกจนอ่านไม่ออกว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้กำลังคิดอะไรอยู่

ให้ทายว่าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก

“คิดจะทำอะไรคุณอดุลย์เขาอีกละ แค่ชอบทำหน้ายักษ์เขายังกลัวมึงไม่พออีกเหรอ กูล่ะสงสารเขาจริงๆต้องมาอยู่กับคนแบบมึงเนี่ย”

“...ยังไง”รพีหันมาให้ความสนใจกับคนข้างๆจนได้ ตลอดเวลาที่ไตรเทพพูดเขาได้ยินหมดทุกอย่าง แต่แค่ไม่สนใจจะตอบโต้ด้วยก็เท่านั้น

“เฮ้อ กูรู้ว่ามึงไม่ชอบใจคุณอดุลย์เขา คงคิดว่าเขาจะเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่มึงลองมองดีๆซิกูว่าเขารักตะวันอย่างจริงใจไม่มีอะไรแอบแฝง กูเป็นพ่อคนเหมือนกันกูดูออกว่าเขารักลูกมึงแค่ไหน”ไตรเทพถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองคนที่พูดด้วยด้วยแววตาเหนื่อยล้าแทน จะว่าสงสารก็ใช่

“กูอยากเห็นมึงมีความสุขซักทีนะซัน”เพื่อนสนิทบอกจริงใจ

“เออ...ตอนนี้กูก็ไม่ได้ทุกข์อะไร”ไตรเทพส่ายหัวช้าๆ มึงไม่เข้าใจซัน...มีความสุข...กับไม่มีความทุกข์มันต่างกัน ตลอดมารพีก็บอกว่าตัวเองไม่เคยทุกข์ร้อนอะไร แต่ก็ไม่เคยเห็นเจ้าตัวมีความสุขซักครั้ง

ครั้งสุดท้ายที่ร่างสูงคนนี้ยิ้มกว้างจนเหมือนปากจะฉีก...เมื่อไรกันนะ?

“โอ้ย!!!”

“พ่อ!!”จู่ๆก็มีเสียงร้องเข้ามาขัดความคิดของไตรเทพ ทั้งสองคนมองไปยังต้นตอของเสียง เจอร่างขาวบางที่นั่งทำเสียงหน้าเจ็บปวดพลางลูบที่สะโพกเบาๆ

“ฮ่ะๆ เปล่าๆครับตะวัน พ่อแค่โพสท่ายากไปหน่อย สะดุดก้อนหินล้มเลย”ตอบเสียงใสเรียกเสียงหัวเราะทั้งจากลูกชาย เพื่อนสนิทของเขาและก็...เจ้าหน้าที่คนนั้น

“ไม่เป็นอะไรนะครับพี่ปิงปอง”มือหนากว่ายื่นหวังจะช่วยให้ลุกยืน แต่ไม่ทันอีกมือที่ยื่นไปคว้าคอเสื้อแล้วออกแรงดึงเบาๆร่างเล็กทั้งร่างก็ลอยหวือขึ้นมายืนอย่างง่ายดาย

“เอ้อ”ด้วยความงงไม่หาย อดุลย์ไม่ทันได้บอกขอบคุณรพีที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรอีกฝ่ายก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมสอดส่ายหาวิวสวยๆเพื่อเก็บภาพไปเป็นแรงบันดาลใจในรูปวาดของตัวเอง

“พ่อไม่เป็นไรนะครับ แก่แล้วทำไมไม่ระวังหน่อยกระดูกกระเดี้ยวหักมาลำบากน้า”ตะวันกระโดดเหยียบก้อนหินมาหาพ่อปิงปองถามล้อเลียน เห็นภาพเมื่อกี้แล้วยังงงไม่หาย

ตะวันที่อยู่ไกลจากคนเจ็บที่สุดเห็นตอนที่รพีลุกจากที่ที่ตัวเองนั่งอยู่ด้วยความเร็วก่อนจะเดินไวๆเข้าถึงตัวพ่อปิงปองเพียงแค่ไม่กี่วินาที

“พ่อยังไม่แก่ขนาดนั้นซะหน่อย”แจกมะเหงกให้ลูกชายตัวดี จะวันทำหน้ามุ้ยกลับร้องโอดโอยทั้งๆที่พ่อปิงปองทำเบาๆเท่านั้น

“ไปถ่ายรูปต่อไปเดี๋ยวพ่อไปขอบคุณคุณรพีเขาเสียหน่อย”

“ครับ ที่จริงเขาก็ใจดีเหมือนกันนะครับ”ตะวันร้องบอกอย่างคนที่เห็นเหตุการณ์ ถึงพ่อแท้ๆของตัวเองจะชอบทำหน้านิ่งใช้แค่สายตาคมดุๆจ้องมองจนพ่อปิงปองเกิดความกลัว แต่เมื่อกี้ก็ดูจะห่วงคนล้อไม่ใช่เล่น แถมยังพาพวกเขามาเที่ยวป่าแบบนี้ถึงจริงๆแล้วจะไม่ได้เป็นคนชวนก็ตามที

“ก็คงเป็นอย่างนั้นล่ะมั้ง”เห็นแววตาที่ลูกชายมองรพีต่างออกไป แต่ก่อนตะวันมักจะมองผู้เป็นพ่อด้วยสายที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ด้วยการพบเจอกันครั้งแรกไม่ค่อยน่าจดจำนัก แต่ตอนนี้สายตาตะวันเริ่มจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

รพีเริ่มพูดคุยกับตะวันมากขึ้น

ตะวันเองก็เริ่มเปิดใจให้กับพ่อคนใหม่ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ

...รู้สึกเหมือน...

...เวลาความสุขของตัวเองใกล้จะหมด...ยังไงไม่รู้...




แก้คำผิดตอนที่แล้วแล้วค่ะ ใครเจออะไรที่ผิดจนเนื้อเรื่องแปลกๆก็บอกกันได้ค่ะ คนเขียนเขียนๆไปก็ลงเลยไม่ค่อยได้นั่งทวนอ่าน เอาไว้มีวันหยุดยาวๆจะนั่งอ่านแล้วทยอยแก้คำผิดค่ะ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
สงสารปิงปองจัง กลัวลูกจะรู้อดีต

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
อยากอ่านต่ออออ

ทำไมเพิ่งได้อ่านเรื่องนี้

สนุกมากเลยค่ะ
อัพต่อให้จบนะคะ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
โอ้ย...อยากเดินเข้าไปกอดปิงปอง :'(

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
มันชักยังไงๆแล้วนะ555+
โอ้ยอ่านเรื่องนี้แล้วแบบว่าเกิดอาการหยุดไม่ได้อะ
อยากอ่านต่อเรื่อยๆ

ออฟไลน์ yaoisamasang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Yaoi-Sama/463499467036395?ref=hl
มาม่าอืดเต็มหมอล่ะ

ขอ​ของหวานบ้างนะคะ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด