ตอนที่ 26คุณคิดว่าแฟนเก่านี่เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนครับ?
สำหรับผมแล้วผมไม่รู้ เพราะผมไม่เคยเป็นแฟนเก่าใคร หรือจะมีใครมาเป็นแฟนเก่าผม ชีวิตผมมีแฟนอยู่แค่คนเดียวซึ่งก็คือเมล แต่เมลน่ะ... เมลน่ะ....
“บีบแก้วทำไม แก้วมันไปทำอะไรให้มึง” เสียงไอ้เต๋อดังลอยมา นั่นทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร
“เพราะมันสะท้อนหนังหน้ามึงไง กูเลยเผลอ”
“ไอ้ !@#$%@#^#&%^”
ผมปล่อยไอ้เต๋อง้องแง้งของมันไป ก่อนจะส่งแก้วให้ไอ้เต้ชงเหล้าแก้วที่เจ็ดมาให้
วันนี้พวกผมมาจัดกันเบาๆ ที่ร้านพี่เจ๋ง เพราะอีกตั้งสองวันกว่าจะสอบวิชาสุดท้าย ส่วนไอ้พวกภาคไฟมันมีสอบพรุ่งนี้เลยต้องแยกทางกันสักวัน ผมอาจจะไม่เข้าใจนะอารมณ์ที่ต้องตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือนี่ แต่มันต้องถึงขนาดแยกกันนอนด้วยเหรอวะ? เมลแม่งงงงงงงงง!!
“มึงเป็นไรเนี่ยไอ้เท็น ไหนบอกพวกกูมาดิ๊ ทำหน้าอย่างกะจะวางแผนฆาตกรรมคน” ไอ้คิมที่นั่งฝั่งซ้ายมือผมพูดขึ้นพร้อมกับยกแก้วมาชนด้วย
ผมไม่ได้ตอบ แค่ชายตามองพวกมันทีละคนแล้วยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“เออๆ ไม่บอกก็เรื่องของมึงเถอะ ว่าแต่ไอ้เต้ขอกูถามไรสักคำถามดิ”
“อะไรวะ?” ไอ้เต้ทำหน้ามึนๆ แล้วหันไปหาไอ้คิม
“วันก่อน ทำไมแฟนเก่ามึงต้องมาตบหน้าไอ้แม็คด้วยวะ”
ผมรู้สึกได้ว่าคำถามเดียวของไอ้คิมทำเอาไอ้แม็คกับไอ้เต้หลอดเสียงพิการอย่างเฉียบพลัน เห็นพวกมันนั่งขยับตัวกันอย่างอึดอัดแล้วก็พอรู้ว่าไอ้คิมจะไม่ได้คำตอบ
“เหล้าหมดแล้วนี่หว่า กูเดินไปบอกพี่เจ๋งก่อนนะ” แล้วไอ้เต้ก็ชิ่งหนีไปเลยเหลือเพียงไอ้แม็คที่ถูกประทุษร้ายนั่งอึนอยู่คนเดียว
“จะว่าก็ว่านะเว้ย ประเด็นแฟนเก่านี้เกิดขึ้นกับคู่รักทุกคู่อ่ะ กูแบบ ยังไงดีวะ ทุกวันนี้ก็ทะเลาะกับต่ายเรื่องนี้แหละ กูก็ไม่ได้ติดต่ออะไรเขานะ แต่ผู้หญิงแม่งคิดมากไง แค่เห็นกูกับเขาคุยกันดีๆ เข้าหน่อยแม่งคิดละ -_-“
ต่ายที่ไอ้คิมพูดถึงนี่คือแฟนคนล่าสุดของมันครับ เห็นบอกว่าคนนี้รักจริงหวังแต่ง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะหวังแต่งไปได้อีกกี่ปี
“เขาก็คงคิดว่ามึงยังอาลัยอาวรณ์คนเก่าของมึงอยู่นั่นแหละ ผู้หญิงถ้าเขาไม่รักเขาก็ไม่หวงไม่หึงมึงหรอกนะ” ไอ้แม็คพูดอย่างผู้รู้
“แค่เพื่อนที่ดีต่อกันเว้ย ถ้ากูยังอาลัยอาวรณ์เขา กูจะเลิกกับเขาทำไมล่ะ -_- แม่งไม่คิดบ้างอ่ะ กูล่ะเซ็ง ถ้าเขาทิ้งกูไปก็น่าคิดสิ แต่นี่กูเป็นคนขอเลิกนะ ต่ายแม่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
“ไอ้เพื่อนที่ดีต่อกันนี่แหละน่ากลัว มึงไม่รู้ไงว่าผู้หญิงบางคนแม่งก็ใช้ความเป็นเพื่อนบังหน้าทั้งนั้น”
ผมเบือนหน้าจากบทสนทนาปัญหาเมียของไอ้คิม ไม่รู้จากปัญหาแฟนเก่าของไอ้เต้ตบหน้าไอ้แม็คกลายไปเป็นเรื่องพี่ต่ายของมันได้ยังไง แต่ก็คงต้องขอบใจมันที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะมันทำให้ความหงุดหงิดของผมเบาบางลงไปบ้าง
ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดด
“ว่า?”
(เสียงเหวี่ยงจังเลย โกรธอะไรอยู่รึเปล่าครับ)
“ถ้าบอกว่าโกรธ?”
(เรื่อง?)
“ไม่รู้”
(ไม่รู้แล้วจะง้อถูกได้ยังไง หึหึ)
“ตลกมากไง”
(โห พาลซะงั้น)
ผมเผลอยิ้มออกมากับน้ำเสียงกลั้วหัวเราะของเมล คนอะไรแค่ได้ยินเสียงก็ทำให้ความหงุดหงิดผมหายไปได้ ไม่ยุติธรรมเลยยยยยย -*-
(ถ้าเมาก็โทรมานะ จะไปรับ)
“งั้นถ้าไม่เมาก็จะไม่มาใช่ไหม”
(เอ้...เป็นอะไรเนี่ย)
“งี่เง่าเหรอ”
(เปล่า ก็น่ารักดี งั้นเดี๋ยวไปรับนะ)
“อ่านหนังสือเสร็จแล้วไง”
(สามรอบได้แล้ว อ่านเยอะเดี๋ยวเบลอ)
“อือ”
(โอเคนะ เดี๋ยวเจอ...)
“ไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวไปหา” ผมตอบสวนกลับไปก่อนที่เมลจะทันพูดจบประโยค โลกแม่งกลมจริง ร้านเหล้ามีตั้งเยอะไม่เสือกจะมา ทุกทีก็ไม่เห็นหรือเพราะรู้ว่านี่เป็นร้านประจำของผมนางถึงมา -_-
(อ้าว)
“ไม่ให้มา จะไปหาไง”
(เออนะ หึหึ ขับไหวมั้ย)
“ไม่ได้เมา”
(โอเค รีบๆ มานะ)
“อือ”
ผมวางสายจากเมลก่อนจะกระดกเหล้าลงคออีกแก้ว ก็อยากให้มาอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่าสายตาผมเหลือบไปเห็นผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งเดินผ่านโต๊ะไป ผมก็ไม่ได้สนิทอะไรกับเธอคนนั้นหรอกนะ แค่รู้จักผ่านทางช่องแชทในเฟซบุ๊คของเมล ผมจะไม่สนใจก็ได้ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่บังเอิญเจอผมกับเมลบ่อยๆ แล้วชอบเข้ามาทักแบบสนิทสนม ทำตัวเหมือนคนคุ้นเคยอะไรเทือกๆ นั้น คือผมอยากจะถามนางเหมือนกันว่าต้องการอะไรจากสังคม -_-
“กลับไปเถอะพ่อคุณ ไปให้ไอ้เมลมันกล่อมนอนซะนะ กูกลัวแม่งจะเอาแก้วเหล้าทุบหัวตัวเองจริงๆ” ไอ้เต๋อพูดพลางส่ายหน้าเอือมๆ
“ทุบหัวมึงดีกว่ามั้ง -_-“
“เหี้ยเท็น อะไรๆ ก็มาลงที่กู”
“^_^ ไปละ”
“เออออออออออออ ได้ว่ากูเข้าหน่อยก็อารมณ์ดีตลอดแหละห่า -*-“
ผมวางเงินไว้สำหรับค่าเหล้าก่อนจะลุกออกมา ผ่านโต๊ะของผู้หญิงกลุ่มใหญ่ที่แต่งตัวได้น่า...มาก อกเป็นอก เอวเป็นเอว กันเลยทีเดียว แต่ถ้าจะมีแฟนเป็นผู้หญิงสักคนผมขอไม่เลือกพวกเธอล่ะครับ เพราะผมไม่ชอบให้แฟนตัวเองโชว์ของมากเกินไป ^_^
“อุ้ยยย เท็น มาคนเดียวเหรอคะ เมลไม่มาด้วยเหรอ” หญิงนางหนึ่งในกลุ่มนั้นทักผมที่กำลังจะเดินผ่านไป
“แล้วเห็นมั้ยครับ” บางคนก็แปลก เห็นเดินอยู่คนเดียวก็ยังถาม
“แหม เท็นก็ ตลกอยู่เรื่อยเลยนะคะ เนสฝากบอกเมลด้วยนะคะว่าดินเนอร์เมื่อวันก่อนขอบคุณมาก เนสชอบมากเลยค่ะ”
ผู้หญิงสวยนี่ตอแหลเก่งทุกคนรึเปล่าครับ??
“^^ หึ แล้วจะบอกให้ครับ”
“ค่าาาาาาาา”
ผมคอตั้งหลังตรงเดินออกมาจากร้าน ผู้หญิงชื่อเนสคนนั้นเป็นแฟนคนก่อนของคนก่อน ซึ่งก่อนน้ำฝนรายล่าสุดที่ก่อนจะมาคบกับผมอีกที ถึงเมลจะยืนยันว่าไม่จริงจังแต่ก็ถึงขั้นใช้คำว่าแฟน โปรโมชั่นแฟนนี่มีอะไรบ้างนะ เหมือนผมรึเปล่า? -_-
ผมมาถึงคอนโดของเมลตอนตีหนึ่งครึ่ง ความหงุดหงิดใจทำให้เห็นหน้าหล่อๆ ของมันแล้วอยากชกแรงๆ สักที
“หงุดหงิดอะไรมา”
“เจอแฟนเก่ามึง”
“อีกละ โลกจะกลมไปไหน -_-“
“ไปถามโลกดูสิ แล้วนี่จะนอนแล้วหรือไง”
“ก็นึกว่าจะไม่มาแล้ว”
“แล้วไม่โทรตาม”
“ไม่อยากวุ่นวาย”
“พ่องงงงงงง!”
“เท็น ไม่เอาน่า มาๆ มานั่งก่อน จะโกรธอะไรขนาดนั้น”
“ไม่ได้โกรธ แค่ไม่ชอบหน้าแฟนเก่ามึง”
“ทุกทีก็เห็นพูดดีกับเขา”
“มารยาทไง มารยาทน่ะรู้จักไหม”
“ครับๆ ใจเย็นๆ นะ”
ผมเอนหลังพิงกับอกของเมลก่อนจะถอนหายใจออกมา คบกันมาก็สองสามเดือนไม่มีชะนีหน้าไหนจะโผล่หัวมา แล้วนี่อะไร กูดีกับแฟนแป๊บๆ แม่งโผล่มาจากไหน จับปล่อยป่าให้หมดเลยดีมั้ยเนี่ย เซ็งจริงๆ
ต่อให้รู้ว่าเมลไม่ได้คิดอะไรแต่ผมก็ไม่ชอบเห็นใครมาเกาะแกะมัน ผมหงุดหงิดและไม่ชอบใจเลยที่คนอื่นจะต้องมาบอกผมว่าแฟนตัวเองชอบไม่ชอบอะไร ไม่ใช่หน้าที่ของใครเลยนะที่จะเสือกเรื่องนี้
“เก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิดก็เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ”
“งั้นก็ไปบอกให้แฟนเก่ามึงหยุดสร้างเรื่องเสียสุขภาพจิตให้กูสักทีสิ พูดมาได้ว่าไปดินเนอร์กับมึง เย็นวันก่อนมึงยังนอนเอากับกูอยู่เลยจะแยกร่างไปแดกข้าวกับมันได้ยังไง แฟนเก่ามึงจะตอแหลไปไหน แม่งดูละครไทยมากไปป่าวดอกกกกกก”
“โห เพิ่งรู้จริงๆ ว่าปากจัด”
“ก็กูไม่ชอบ”
“ครับๆ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ”
“อื้ออออ มือน่ะอยู่เฉยๆ เลย”
อะไรของมัน คนกำลังหงุดหงิดมาบิ้วอารมณ์อีโรติกอะไรกันตอนนี้วะ -*-
“คิดถึง” เมลกระซิบข้างๆ หู ก่อนริมฝีปากมันจะระดมจูบไปทั่วซอกคอผม
“คิดถึงแต่ก็ไล่กูไปนอนบ้าน”
“ก็อยู่กับเท็นแล้วไม่มีสมาธิ”
“เห็นหน้ากูแล้วอยากขนาดนั้นเลยไง”
“ก็รู้นี่ แล้วจะงอนทำไม หึหึ”
“งอนเรื่องอื่นเหอะ -*-“
“งั้นเดี๋ยวง้อหลายๆ ทีเลยดีป้ะ ^_^”
“ง้อหรืออะไรของมึง ไม่เอาอ่ะ พรุ่งนี้มึงสอบ ทีเดียวก็พอ”
“นึกว่าจะไม่ให้ทำ”
“ฮ่าๆ ก็คิดถึงเหมือนกันนี่”
“^_^ น่ารักอีกแล้ว”
เห็นเมลอย่างนี้แล้วผมก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของใครหลายๆ คนที่อยากมาแทนที่ผม แต่ใครหลายๆ คนทำไมไม่เข้าใจสักทีล่ะว่า ยังไงผมก็ไม่มีวันยกเมลให้กับใครแน่นอน ^^
.
.
.
“เมลคะ เนสซื้อเค้กมาฝากค่ะ จำได้ว่าเมลชอบ”
ผมเบือนหน้าไปอีกทางเพื่อเบ้ปาก กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ก็ไม่รู้ว่านางโผล่มาจากไหน แต่กล้านะ เดินเข้ามาทักผู้ชายถึงโต๊ะที่ก็มีผู้ชายนั่งกันอยู่เกือบสิบคน แล้วนี่อุตส่าห์ถ่อมาจากคณะอักษรที่ห่างจากคณะผมตั้งแสนโยชน์ คงบอกได้ว่า ‘ตั้งใจ’ มาหานั่นล่ะ
“ขอบคุณครับ”
“นั่งด้วยได้มั้ยคะ”
“ไม่เห็นเหรอครับว่าแค่นี้ก็จะเบียดกันตกเก้าอี้อยู่แล้ว มีว่างอยู่บนโต๊ะ จะนั่งก็เชิญนะครับ”
ทั้งโต๊ะเงียบกริบเพราะประโยคเมื่อกี้ไม่ใช่เมลพูด แต่เป็นผมต่างหาก ผมก็ถามตามความจริงนะไม่ได้จะกระแนะกระแหนใคร เนสหน้าเสียไปเล็กน้อยแถมรอยยิ้มหวานหยดยังดูเจื่อนลง
“ว่างเหรอครับเนส ไม่มีสอบเหรอ”
“ก็มีอีกทีตอนบ่ายค่ะ ว่าจะมาหาข้าวกินก่อน”
“โอ้โห -_- แล้วมาไกลถึงนี่เลยนะครับ ผมว่ากินที่คณะตัวเองดีกว่านะ มาเสียเวลากินที่นี่ก็ไม่อิ่มหรอก แถมยังไกล”
“เท็น”
“อะไรเหรอ -O-;”
ผมทำหน้าซื่อหันกลับไปมองเมล มันทำแค่ส่ายหน้าน้อยๆ พร้อมกับส่งสายตาปรามๆ มาให้
“เอ่อ...งั้นเนสไม่รบกวนแล้วนะคะ”
“ครับ เชิญ ว่าแต่เนสไม่รู้เหรอครับว่าตอนนี้เมลแพ้วานิลลา”
เมลหันมามองหน้าผมเป็นเชิงถามว่ามันไปแพ้ตอนไหน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะตอบอะไรมัน
“จริงเหรอคะเมล”
“เอ่อ...จริงครับ แต่ก็ขอบคุณนะครับที่มีน้ำใจ”
“อ่า...ค่ะ งั้นเนสขอตัวนะคะ”
เมื่อเนสเดินจากไปด้วยท่าทีรีบร้อนนิดๆ พวกเพื่อนๆ ที่ออกอาการใบ้แดกอยู่เมื่อครู่ก็พากันถอนหายใจ ก่อนไอ้เต๋อจะเปิดประเด็นร้อนขึ้นมาว่า
“มึงคิดว่าถ้าเมื่อกี้ไอ้เมลมันไม่ตอบว่าจริงจะเกิดอะไรขึ้น?”
“บึ้ม!” ไอ้ลินตอบพลางทำหน้าสยอง
“มึงต้องเข้าใจนะเหี้ยเท็นว่าพอข่าวที่มึงคบกับไอ้เมลกระจายออกไป สาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็อกหักรักคุดไปตามๆ กัน และที่รับไม่ได้สุดๆก็คงจะเป็นสาวแท้หรือแฟนคนแรกคนที่สองที่สามที่สี่ของไอ้เมลนั่นแหละ แล้วล่าสุดแฟนกูก็บอกว่าแพรร้องไห้ตาบวมอยู่สามสี่วันเมื่อรู้เรื่องนี้ เข้าใจป่ะ” ไอ้แต้มพูดขึ้นมา
แต่นี่เป็นความผิดของผมเหรอ? ก็ไม่ใช่ เรื่องกระจายข่าวคงเป็นไอ้ตะนอยนั่นแหละที่มันเอาไปเล่าไปลือกัน ส่วนเรื่องใครจะร้องไห้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับผม ผมไม่ได้ไปตบไปตีเขาซะหน่อย ทำไมต้องไปเห็นใจ มัวแต่ห่วงคนทั้งโลกผมก็ไม่มีวันมีความสุข คนที่ผมต้องห่วงคือเมลต่างหาก ในเมื่อเรายังมีความสุขกันดี ก็ไม่จำเป็นที่ต้องทะเลาะกันเพื่อให้คนอื่นมีความสุข
“เรื่องของกูมันไปหนักหัวใคร”
“อย่าเพิ่งหงุดหงิดน่า กูแค่ชี้แจงไง”
“ยุ่งวุ่นวายมากๆ กูสั่งเก็บแม่ง อยากให้เขารักก็ทำตัวดีๆ สิวะ มาแย่งหน้าด้านๆ แบบนี้เจอตีนกูก่อนเหอะ”
ผมทิ่มไส้กรอกในจานตัวเองแรงๆ ในขณะที่เมลยกมือขึ้นลูบหัว เหลือบมองก็เห็นมันยิ้มอยู่
-O- หล่ออ่ะ
“หงุดหงิดอีกแล้ว เอาน้ำแตงโมปั่นมั้ย เดี๋ยวไปซื้อให้”
“ไม่เอา อยากกินโกโก้ปั่น”
“ครับ”
เพื่อการนั้นเมลถึงได้ลุกออกจากโต๊ะไป ผมเลยต้องทนฟังไอ้พวกบ้านั่นคุยเรื่องหน้าอกผู้หญิงพร้อมกับกินไส้กรอกไปด้วย
“เออ เท็น แทงสนุ๊กป่ะเย็นนี้ กูนัดพวกไอ้เจนไว้”
“กินตังค์?”
“เยส”
“จัดไป”
“พรุ่งนี้สอบแล้วนะ พวกมึงยังจะเที่ยวกันอีกไง” ไอ้ฟิวที่นั่งเขี่ยข้าวอยู่ข้างไอ้มายด์อดไม่ได้ที่จะสอดขึ้นมา
“โอ้ยยยย วิชานี้กูอ่านยังไงก็ทำข้อสอบไม่ได้หรอก สู้หาอะไรคลายเครียดให้สมองปลอดโปร่งดีกว่าว่ะ” ไอ้เต่อตอบหน้าระรื่นเลยโดนไอ้ฟิวปาทิชชู่ใส่หัวมัน
“ว่าแต่พวกมึงมีใครเห็นไอ้กัสป่ะวะ ตั้งแต่สอบภาษาไทยเสร็จวันนั้นกูก็ไม่เห็นอีกเลย” ไอ้ลินถามขึ้น
“มันไปซุ่มอ่านหนังสือที่บ้านมันโน่น แม่มันเรียกตัวกลับ คงโดนบังคับไปดูตัวนั่นแหละ” ไอ้ฟิวเป็นคนตอบ
“โฮะ สมัยนี้ยังมีอยู่รึไง ไอ้การแต่งงานคลุมถุงชนเนี่ย”
“ถามไอ้เต๋อสิ เตี่ยมันก็จะจับแต่งงานกับลูกเจ้าของโรงสี” ไอ้เต้ให้คำตอบพลางยักคิ้วให้ไอ้เต๋อที่ทำหน้าลุกลี้ลุกลน
“จริงงงงงงงงงงงงงงเหรอวะ???” ไอ้เขต ไอ้แต้มและไอ้ลินประสานเสียงกัน เห็นไอ้เต๋อหน้าซีดแล้วกูสะใจ
“เชื่ออะไรไอ้เต้วะ” ไอ้เต๋อตอบไม่เต็มเสียง หน้าตาแม่งมีพิรุธมาก
“อ้าว ไม่ใช่มึงเหรอที่มาดี๊ด๊าบอกกับกูว่าจะได้แต่งงานกับน้องปลาบู่ทองที่แอบรักมาตั้งแต่เด็ก ลูกเจ้าของโรงสีเพื่อนเตี่ยมึงไง”
โห รักอมตะ รักนิรันดร รักมาตั้งแต่พ่อแม่สอนหัดเดิน ดูจากหน้าแล้วไอ้เต๋อไม่น่าจะมีมุมแอ๊บแบ๊วอย่างนี้นะ -_-
“น้องไม่ได้ชื่อปลาบู่ทองไอ้ควาย น้องชื่อโสน!”
“ว้า เรื่องจริงล่ะสิ ^^” ไอ้แต้มถามตาพราวระยับ
“เปลี่ยนชื่อเป็นพระวิจิตรจินดาดีมั้ยเหี้ยเต๋อ หึหึ” ไอ้เขตนัยน์ตาพราวไม่ต่างกัน
“ไอ้พวกเวรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรตะไลลลลลลลลลลลลล!!!”
แล้วไอ้เต๋อก็โดนล้อเรื่องนี้ไปประมาณครึ่งชั่วโมง เมลที่กลับมาพร้อมโกโก้ปั่นยังช่วยกันย่ำยีไอ้เต๋อด้วย แต่ผมบอกเลยว่าถ้ามีโอกาสก็จะเอามาล้อมันตลอดชีวิต ฮ่าๆๆๆ
“ยิ้มอะไรฐาปกรณ์” จะไม่ให้ถามได้ไง ก็แม่งมองหน้าผมแล้วยิ้มมาเป็นสิบนาทีแล้วเนี่ย
“ต้องมีเหตุผล?”
“แล้วไม่มีหรือไง”
“มี แต่ไม่บอก ^^”
“เออนะ จำไว้”
เมลก้มลงมากระซิบข้างหูผมว่า “ไว้บอกตอนที่อยู่กันสองคนนะ ไม่อยากให้ใครเห็นเท็นเขิน”
“ไอ้บ้า”
“หึหึ”
“ตลอดดดดด ตลอดเลยยยยยยยย ทำเหมือนโลกนี้มีกันอยู่สองคน เพื่อนนั่งกันอยู่เต็มโต๊ะ ไม่มีจะกลัวเพื่อนโดนมดกัดหรอกกกกก” ไอ้เต๋อเป็นบุคคลที่สมควรได้รับฝ่าตีนเป็นรางวัลจริงๆ พอหยุดแซวได้ไม่เท่าไหร่มันก็ซ่าทันที เมื่อกี้แม่งยังนั่งหูแดงใบ้แดกอยู่เลย -_-
“มึงอยากจะให้กูเรียกชื่อใหม่มึงจริงๆ ใช่ไหม หือออออ พระวิจิตรจินดา”
“พ่องงงงงงงงงงงงงงงง!”
“หึหึ”
“อย่าแกล้งมันเลยไอ้เท็น แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าเหี้ยนี่จะติดคุกอีกกี่ปี” ไอ้เต้ผู้รู้แจ้งเรื่องไอ้เต๋อบอกพลางทำหน้าเศร้าใจ ทุกๆ คนเลยตั้งใจรอฟังมันพูดต่อ แต่ไอ้ห่าเต้เสือกคว้าชาเย็นขึ้นดูดอย่างโคตรลีลา จนไอ้ลินที่อดรนทนต่อไปไม่ไหวต้องถามว่า
“ทำไมวะมึง”
“ก็น้องโสนอายุสิบหกเอง”
“ห้ะ!!!!! ไอ้เหี้ยพรากผู้เยาว์!!!” โดยไม่ได้นัดหมายไอ้เขตกับไอ้แม็คผสานเสียงกันขึ้นมาทันที ก่อนไอ้เต๋อจะตะโกนอย่างคับแค้นใจเรียกชื่อไอ้เต้ดังลั่นแถมยังหลุดปากเรื่องไม่ควรหลุดออกมาอีกต่างหาก
“ไอ้เหี้ยเต้ ไอ้ปากปีจอออออออออ ขอให้ไอ้แม็คไม่รักมึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!”
ขอปิดท้ายการเล่าด้วยหน้าอึ้งๆ ของชาวคณะและหน้าซีดเผือดของไอ้แม็คและไอ้เต้ล่ะครับ สวัสดี -_-
.................................................To be continue...................................................
รอนานมั้ยคะ ช่วงนี้ชีวิตๆ วุ่นๆ นิดหน่อยค่ะ กำลังจะเตรียมตัวทำงาน พรุ่งนี้ต้องไปตรวจสุขภาพอีก ตอนต่อไปอาจจะช้าหน่อย แต่จะมาแน่นอนค่ะ ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นนะคะ ยังรักพวกคุณเสมอ 
เต้กับแม็คมีแววสีม่วงมาหลายตอนแล้วมีใครพอสังเกตได้บ้างคะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
ปล. เท็นเมลมาแบบสบายๆ เราไม่รีบร้อนกันนะคะ 