ตอนที่ 23 : Hong Kong Crisis I : Rain(50%)
ฮ่องกงเดือนหกมีมรสุม ฝนตกสลับกับร้อนจัด จอมทัพบอกเขามาเช่นนั้น เพราะฉะนั้นทันทีเขาออกจากแอร์พอร์ต ฝนก็กระหน่ำเทมาแทบจะทันที มิถุนาเงยหน้าขึ้นมองฟ้าก่อนถอนหายใจเบาๆ ในขณะที่มาเฟียหนุ่มเดินตามออกมาจากเกท เพื่อไปยังรถที่มารอรับ
ผู้คนคลาคล่ำสมกับเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว ขบวนบอร์ดี้การ์ดเดินนำพวกเขาออกไปยังขบวนรถที่มารอรับ เจ้าพ่อมาเฟียคืนถิ่น...จอมทัพเป็นที่สนอกสนใจของคนโดยรอบเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเขาคือแจ็คกี้ หวัง ซีอีโอหนุ่ม ผู้เก่งกาจและหล่อเหลาแล้ว ชายหนุ่มยังเป็นที่จับตาในฐานะทายาทของตระกูลหวังผู้ยิ่งใหญ่ของฮ่องกงอีกเช่นกัน
มาเฟียหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนหยุดลงที่โรสลอยซ์คันหรูสีดำสนิท สักพักประตูข้างคนขับก็เปิดออก มาเฟียหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อคนว่าใครกำลังเดินลงมาจากรถ
ชายหนุ่มร่างโปร่ง ย้อมผมสีน้ำตาลมะฮอกกานี สวมสูทสีเทาทั้งชุด พร้อมใบหน้าคม ที่ไม่เชิงว่าจะหล่อหรือสวยกันแน่ แต่มีเสน่ห์อย่างพิลึก เขาเดินเข้ามาเมื่อล็อคเป้าหมายว่าคนตรงหน้าคือจอมทัพ ริมฝีปากบางเฉียบเผยยิ้มออกมาแล้วตะโกนเรียกชื่อทันที
“แจ็คกี้!”
“ไฮ เอเลน" มาเฟียหนุ่มยกยิ้มก่อนกอดเพื่อนสนิทหลวมๆ คนที่ชื่อเอเลนพ่นภาษาจีนชุดใหญ่ใส่จอมทัพ สักพักหนึ่งวิคเตอร์และเจย์จึงเดินตามออกมาพร้อมด้วยรถเข็นสัมภาระ เมื่อมือซ้ายเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า ก็ออกอาการหางกระดิกแทบจะทันที
มิถุนามองงานรวมญาติตรงหน้าด้วยใบหน้างงๆ ก่อนที่จะยิ้มออกมาเมื่อเอเลนส่งยิ้มมาให้ เอเลนตัวสูงพอๆกับเขา มิถุนาตัวสูงเกือบร้อยแปดสิบในฐานะนายแบบ มีแค่จอมทัพกับวิคเตอร์นั่นแหละ ที่ตัวใหญ่กว่าเขา...
จอมทัพเหลือบมองคนข้างกายก่อนพยักหน้ายิ้มๆให้เพื่อนสนิท เอเลนจึงทักทายมิถุนาด้วยภาษาอังกฤษพร้อมรอยยิ้มสวยๆ
“สวัสดีครับ มิถุนาใช่ไหม? ผมเอเลนนะครับ" เขาว่า "ได้ยินเรื่องคุณจากแจ็คกี้เยอะเลย ยินดีที่ได้พบคุณในฐานะคนรักของแจ็คกี้นะครับ"
“ครับ สวัสดี ผมมิถุนา" เขายิ้มตอบ มิถุนาสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เกือบระดับเดียวกับเจ้าของภาษา ในฐานะที่จบคณะทางภาษาและมีความสนใจด้านนี้มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีโอกาสได้ใช้มากนัก แต่เรื่องพวกนี้ก็เหมือนว่ายน้ำ เป็นแล้วเป็นเลย
“ผมเป็นเพื่อนสนิทของแจ็คกี้ตั้งแต่ไฮสคูลน่ะครับ เอาล่ะ เราขึ้นรถกันก่อนดีกว่า นายใหญ่รออยู่ที่บ้านแล้ว" เอเลนว่า ก่อนเดินนำไปที่รถ มิถุนาเห็นวิคเตอร์กับเจย์ขนสัมภาระไปไว้ที่รถอีกคันหนึ่ง ส่วนเขาถูกพาไปยังโรสลอยซ์คันหรู เขาขึ้นนั่งที่เบาะหลังคู่กับจอมทัพ ส่วนเอเลนนั่งเบาะข้างคนขับ และหันมาคุยด้วยเป็นระยะ
รถเคลื่อนตัวฝ่าสายฝนออกไปยังถนนใหญ่ เพราะฝนตก รถจึงค่อนข้างติดแม้กระทั่งปากทางออกของสนามบินก็ตามที มิถุนามองไปนอกหน้าต่างด้วยความสนใจ จริงๆเขาไปมาหลายประเทศแล้ว เนื่องจากหน้าที่การงาน แต่นี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาเหยียบฮ่องกง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของจอมทัพ ขบวนรถพาเข้าสู่ตัวเมือง จากพื้นที่โล่งสองข้างทาง จึงค่อยๆกลายเป็นตึกสูงระฟ้า และรถราที่เต็มท้องถนนไปหมด
“ไหนบอกว่าจะมาอีกสองวันข้างหน้า เล่นบอกเมื่อคืนว่าจะมาวันนี้ ถ้าฉันเคลียร์งานไม่ทันใครจะมารับนาย?” เอเลนบอกขึ้นมา จอมทัพไหวไหล่เบาๆ
“คนอื่นก็มีเยอะแยะ เรียกแท็กซี่ไปยังได้" มาเฟียหนุ่มว่าอย่างไม่ยี่หระ
“ประสาท คิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาหรือไง เดี๋ยวได้โดนเป่าหัวตายหรอก" เลขาของนายใหญ่เหวี่ยงใส่ทันที "นี่ขนาดยกขบวนมารับ ฉันยังเสียวๆตอนที่นายยังไม่ออกมาเสียที"
“ทำไม?” จอมทัพขมวดคิ้ว
“ก็เปล่า" เอเลนถอนหายใจเบาๆ เขาเหลือบมองหน้ามิถุนาที่นั่งเงียบแล้วยิ้มบางๆให้ราวกับจะให้กำลังใจ "ช่วงนี้เรามีเรื่องกับพวกเจิ้งนิดหน่อย"
“อือ ก็พอได้ยินจากป๋ามาบ้างเหมือนกัน" จอมทัพว่า "แต่คงไม่เลวร้ายหรอก ฝั่งเราก็ไ่ม่ได้ไปก้าวก่ายพวกนั้นอยู่แล้วนี่"
“พวกเจิ้งหาวเปลี่ยนประมุขของตระกูลแล้วนะ" เอเลนบอก "สักพักแล้ว เผื่อนายจะยังไม่รู้"
“ใคร?”
“เสี้ยวชุน ลูกชายเจิ้งหาว"
“เสี้ยวชุน? เรย์มอนด์น่ะนะ?”
“ใช่ ขึ้นมาแทนพ่อแล้ว แถมวิธีทำธุรกิจยังบ้าดีเดือดชนิดไม่เลือกวิธีอีกต่างหาก"
“ยังไง?”
“นายจำเส้นทางชิปปิ้งขนสินค้าไปญี่ปุ่นได้ไหม?”
“ได้"
“มันทับเส้นทางเราแล้วตอนนี้" เอเลนถอนหายใจออกมา
“แล้วป๋าว่าไง?” จอมทัพย้อนถาม เขามองหน้ามิถุนาก่อนหันกลับไปสนใจเอเลนต่อ
“นายท่านยังนิ่งอยู่ บอกว่าไม่อยากมีปัญหา เพราะสมัยเจิ้งเหอ พวกเขาก็ยินดีจะต่างคนต่างอยู่มาสักพักแล้ว"
“นั่นสิ ตอนแรกก็แปลกใจเพราะเห็นว่าไม่มีปัญหามาหลายปีแล้ว"
“เรย์มอนด์มีโครงการไปลงทุนที่ชายแดนจีน-ลาวด้วยนะ หมายถึงคาสิโน" เอเลนบอกต่อ "สักพักอาจรุกมาที่ชายแดนด่านไทย ฉันเลยกลัวนี่ไง ไม่รู้หมอนั่นมันมีแผนการอะไรกับนายหรือเปล่า ใครๆก็รู้นายปักหลักอยู่ไทยมาหลายปีแล้ว"
“นายเลยกลัวว่าเรย์มอนด์จะมาเป่าหัวฉันที่สนามบินใช่ไหม?” จอมทัพย้อนถาม เอเลนเงียบ แล้วก็พยักหน้า
“เออ นั่นแหละ"
“อย่ากังวลไปน่า แจ็คกี้ หวังตายไป ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เรย์มอนด์คงไม่สมองกลวงพอที่จะทำอะไรแบบนั้นหรอก"
“แจ็คกี้ ใครจะไปรู้...ถ้าเรย์มอนด์คิดจะกำจัดตระกูลหวังทิ้งเพื่อทางสะดวกในธุรกิจ คนที่ต้องฆ่า ก็คือนาย" เอเลนว่าอย่างจริงจัง สักพักเดียว ห้องโดยสารก็อยู่ในความสงบ "นายคิดว่ามันเล่นๆอีกไหมล่ะ?”
“......”
“นายเป็นผู้สืบทอดตระกูลหวังนะแจ็คกี้ อีกสักพัก นายก็จะขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับเสี้ยวชุน" เอเลนบอกเสียงเครียด "นายจะเป็นอะไรไปไม่ได้"
“ฉันรู้" จอมทัพบอกในที่สุด เขามองหน้ามิถุนา "ฉันจะไม่ตาย แต่ไม่ใช่ว่าเพราะฉันคือทายาทตระกูลหวังหรอกนะ"
“......”
“ฉันต้องอยู่เพื่อใครบางคนต่างหาก"
ขบวนรถหรูแล่นเข้าไปยังใจกลางเมือง ก่อนขับออกไปยังบริเวณชายฝั่งตะวันตกของเกาะฮ่องกง รถในช่วงเที่ยงวันเช่นนี้ติดขัดเล็กน้อย แต่ก็ไปได้เรื่อยๆ ไม่ถึงชั่วโมง รถหรูก็แล่นเข้ามาในย่านคนรวยของเกาะฮ่องกง เป็นบริเวณติดชายฝั่ง หรือปากอ่าวนั่นเอง คฤหาสน์หรูขึ้นเต็มบริเวณชายฝั่ง ฝนเริ่มซาลง และท้องฟ้าเริ่มเปิดเมื่อพวกเขาใกล้ถึงจุดหมาย และเมื่อขบวนรถเลี้ยวเข้าไปยังหลังประตูเหล็กบานใหญ่ สวนขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทางสำหรับรถทอดยาวไปจนเห็นตัวคฤหาสน์ไกลอยู่ลิบๆ เป็นคฤหาสน์หรูหราสไตล์ยุโรปสีขาว ทอดตัวยาวตลอดแนวหาด
ขบวนรถจอดลงที่บริเวณประตูบ้าน ขบวนเมดในชุดสีขาวกรมท่า และชายในชุดสูทสีดำยืนเรียงแถวต้อนรับการกลับบ้านของนายน้อยตระกูลหวัง เมื่อรถจอดสนิท ประตูรถก็เปิดออก มิถุนามองหน้าคนรักอย่างไม่มั่นใจ ก่อนค่อยๆก้าวลงจากรถเมื่อจอมทัพดันแผ่นหลังเบาๆ...
มิถุนาทำตัวไม่ถูกเมื่อได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขารอจนจอมทัพลงมายืนข้างๆกัน และสะดุ้งตกใจเมื่อเมดและบอร์ดี้การ์ดทั้งหมดโค้งคำนับต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง มาเฟียหนุ่มหัวเราะเบาๆกับท่าทางสะดุ้งตกใจของมิถุนา เขาจูงมือเล็กให้ก้าวเข้าไปในตัวบ้านด้วยกัน ซึ่งยังไม่ทันจะก้าวเข้าไป ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองสบายๆ กับใบหน้าคมคร้ามแบบที่มิถุนาคุ้นตา แม้วัยจะล่วงเลยมามากแล้วแต่ก็ยังดูดีเสมอ ก็ก้าวเข้ามาขวางไว้เสียก่อน
“กว่าจะกลับมาบ้านได้นะ"
เสียงทุ้มของชายชราเอ่ยขึ้นเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏบนใบหน้า มิถุนาไม่ต้องใช้เวลาเดาเลยสักนิด ว่าเขาคือใคร...เขาคือพ่อของแจ็คกี้ หวัง อย่างแน่นอน
“ป๋า...” จอมทัพเอ่ยเรียกคนเป็นพ่อแล้วขมวดคิ้วมุ่น
“ยินดีต้อนรับสู่ฮ่องกงนะ มิถุนา" ชายชราเอ่ยพร้อมรอยยิ้มใจดี มิถุนาอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบแทบจะทันที
“สวัสดีครับ"
“ติดแฟนไม่ยอมกลับบ้านล่ะสิแจ็คกี้ คราวก่อนเรียกตัวกลับมาก็ไม่กลับ" หวังหย่งหมินคาดโทษลูกชายคนเดียวทันที
“งานเยอะน่ะครับ" มาเฟียหนุ่มตอบปัด ก่อนจูงมิถุนาเข้าไปด้านใน "เข้าไปด้านในได้แล้วครับป๋า ฝนยังไม่หยุดเลย เดี๋ยวมิถุนาไม่สบายเอา" เขาว่า ประมุขตระกูลหวังพยักหน้ารับก่อนสั่งให้คนเอาข้าวของไปเก็บในบ้านของจอมทัพ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน...
แม้ว่าบ้านจะเป็นสไตล์ยุโรป แต่ภายในตกแต่งอย่างค่อนข้างร่วมสมัย หวังหย่งหมินเดินนำไปทางห้องกระจกด้านหลังบ้าน ซึ่งติดกับระเบียงหินอ่อน และชายหาดส่วนตัว มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่เบื้องล่าง สมกับบ้านของเจ้าสัวมาเฟียตระกูลหวังอย่างแท้จริง
“ชอบฮ่องกงไหม?” ประมุขของบ้านเอ่ยถาม มิถุนาที่ยืนมองไปยังด้านนอก ชายหาดขาวสะอาดตาทอดตัวแน่นิ่งอยู่ตรงหน้า
นายแบบหนุ่มหันกลับมามองมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ก่อนพยักหน้า "ครับ...ก็ชอบ แต่ผมยังไม่ได้ไปในตัวเมือง ก็เลยตอบไม่ได้ว่าชอบอย่างเต็มปาก" มิถุนาแบ่งรับแบ่งสู้
“อ้อ"
“แต่บ้านของคุณ...ผมชอบมากเลยล่ะครับ"
มิถุนายิ้มกว้าง ชายชรามองใบหน้าตรงหน้าแล้วเหลือบมองหน้าลูกชายตนเอง
“ชอบก็ดีแล้ว" ชายชราพยักหน้ารับ "จอมทัพโตที่นี่ แต่น่าเสียดายที่แม่ของเขาไม่มีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่"
“ครับ"
“ถ้าหนูได้มาอยู่กับจอมทัพที่นี่จริงๆ ฉันก็จะยินดีมาก" ชายชราว่ายิ้มๆ นั่นทำให้มิถุนานิ่งไปพักหนึ่ง
“ป๋าบอกให้นายมาเป็นนายหญิงที่นี่น่ะ" จอมทัพเลิกคิ้วกวนประสาท
“ผมรู้แล้ว!” มิถุนาค้อนใส่มาเฟียหนุ่ม ก่อนบอกผู้เป็นบิดาว่า เขาคงต้องคิดเรื่องนี้หลายตลบ เพราะหน้าที่การงานที่เขารัก ครอบครัว เพื่อน และทุกๆอย่างของเขา ก็ยังอยู่ที่เมืองไทย
จอมทัพไม่ได้อยู่บนตึกใหญ่มาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว เขาขอให้พ่อสร้างบ้านส่วนตัวชั้นเดียวที่แยกออกมากจากคฤหาสถ์ให้ เขาชอบอยู่ติดทะเล รักอาณาเขตส่วนตัว และแน่นอน นอกจากเอเลน เจย์ วิคเตอร์ และพ่อ จอมทัพก็ไม่ค่อยจะอนุญาตให้ใครเข้ามายุ่มย่ามในเขตส่วนตัวของเขาเท่าไหร่นัก
บ้านของจอมทัพเป็นสไตล์โมเดิร์น ตรงกลางบ้านเจาะเป็นบันไดวนลงไปยังชั้นล่างซึ่งเป็นส่วนของห้องพักผ่อนดูหนัง บ้านทั้งหลังดูสะอาดเอี่ยมเหมือนใหม่ อาจจะเพราะเจ้าของไม่ได้อาศัยอยู่มาหลายปี ประกอบกับมีคนมาทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา จอมทัพเดินไปเปิดม่านของห้องรับแขกออก ก่อนที่เอเลน วิคเตอร์ และเจย์ จะเดินตามกันเข้ามาจนเต็มบ้านไปหมด
“เดี๋ยวจะออกไปไหนไหม?” เอเลนเอ่ยถามมาเฟียหนุ่ม จอมทัพจึงหันมาถามความเห็นมิถุนาที่กำลังเดินสำรวจไปรอบๆ
“มิ อยากไปไหนหรือเปล่า?”
นายแบบคนเก่งเลิกคิ้ว ก่อนส่ายหน้าเบาๆ "ยังไงก็ได้ครับ"
“งั้นพักผ่อนก่อนไหม? เดี๋ยวคืนนี้ค่อยออกไปข้างนอกกัน"
“นายท่านชวนไปกินน้ำเต้าหู้ร้านประจำน่ะคืนนี้"
“ป๋าน่ะเหรอ?” จอมทัพถาม
“ใช่"
“ไปสิ" เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ กายสูงยืนกอดอกมองออกไปนอกกระจกบานหนา "เดี๋ยววิคเตอร์กับเจย์นอนที่นี่ก็ได้นะ หรือสะดวกจะขึ้นไปตึกใหญ่?”
“ผมอยู่ที่นี่แหละครับ" วิคเตอร์ตอบ "ห้องเดิม" เขายักไหล่
“เจย์ล่ะ?” นายท่านเอ่ยถามมือขวาของตน
“เดี๋ยวผมไปหาพ่อที่บ้านก่อน คืนนี้จะกลับมานอนที่นี่ครับ" เจย์ว่า พ่อของเขาเคยทำงานให้กับพ่อของจอมทัพมาก่อน ตอนนี้ปลดเกษียณไปแล้ว แต่ยังมาช่วยในงานเอกสารบ้างบางส่วน ซึ่งเลขาหลักในตอนนี้สำหรับนายท่านหวังคือเอเลน ซึ่งหลังจากเกษียณงานไป พ่อของเจย์ก็ได้รับบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปราวครึ่งกิโล บนถนนเดียวกัน ติดทะเลในย่านนี้เช่นกัน
“งั้นเจย์เอารถพี่ไปใช้นะ แล้วคืนนี้ไปด้วยกัน" เอเลนว่า ส่งกุญแจรถให้
“จริงๆเดี๋ยวผม...”
“จะเดินไปน่ะเหรอ ไกลอยู่นะเจย์" เอเลนท้วง "เอาไปเถอะ พี่ใช้รถที่บ้านใหญ่ได้" เขาคะยั้นคะยอ สุดท้ายเจย์ก็รับมาอย่างเสียมิได้
“ขอบคุณครับ"
“งั้นเดี๋ยวพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน และเจอกันตอนมื้อเย็นที่ตึกใหญ่ โอเคนะ"
“ครับ" เจย์รับปาก ส่วนวิคเตอร์พยักหน้าหงึก
“เอเลน ไปตีเทนนิสกัน" มือซ้ายผู้บ้าพลังออกปากชวนทันที เอเลนทำหน้าสยอง
“ฉันขี้เกียจน่ะวิคเตอร์ ไม่ไปได้ไหมเนี่ย? งานก็เยอะแยะ” เลขาคนเก่งอิดออดประท้วง แต่วิคเตอร์กลับไม่ยอม
“งานน่ะ เดี๋ยวผมช่วย"
“นายช่วยทำให้เจ๊งสิไม่ว่า" เอเลนเบ้หน้า
“งั้นให้เจย์ช่วยไง ใช่ไหมเจย์" ทีนี้กันไปหาพวก เจย์ที่ยืนนิ่งอยู่ได้แต่อ้าปากค้าง และหุบฉับลงเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ไม่ไปอ่ะ แดดร้อนน่าวิค พรุ่งนี้แล้วกัน"
“โนๆๆๆ เดี๋ยวเอเลนก็ผลัดไปอีก ไปเร็ว นานๆจะได้เจอกันที คราวก่อนเอเลนแพ้ผม กลัวใช่ไหมล่ะ?”
“ใครจะกลัวเด็กประสาทอย่างนายวิคเตอร์ ได้ เดี๋ยวคอยดู คราวนี้นายนั่นแหละ ตายคาคอร์ทแน่" เอเลนเอ่ยปากขู่อย่างเดือดดาล "แจ็คกี้ ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันเย็นนี้"
“โอเค"
ทุกคนเดินออกจากบ้านไปแล้ว เหลือเพียงจอมทัพที่ยืนอยู่กับมิถุนาเท่านั้น รอบๆตัวบ้านมีเวรบอร์ดี้การ์ดยืนคุ้มกันอยู่บริเวณส่วนต่างๆ แจ็คกี้ หวัง หันมามองใบหน้าจิ้มลิ้มของคนรัก ก่อนจูงมือมิถุนาให้ไปยังห้องนอน เขาเดินไปยังปีกขวาของบ้าน และผลักประตูเข้าไปด้านใน
ห้องนอนของจอมทัพกรุกระจกรอบด้าน มีม่านไว้สำหรับกันแดด เตียงนอนคิงไซส์วางอยู่กลางห้อง พร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่เหมือนไม่เคยถูกใช้งาน สัมภาระของพวกเขาถูกเอามาวางไว้หมดแล้ว มิถุนาทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียง ในขณะที่จอมทัพเดินไปปิดม่านเพื่อกันแสงแดด
“เพลียเหรอ?” มาเฟียหนุ่มถาม เลื่อนมือสัมผัสหน้าผากขาว "ตัวรุมๆด้วย"
“คงเหนื่อยเฉยๆน่ะครับ" มิถุนาว่า เลื่อนมือกุมฝ่ามือหนาเอาไว้ แล้วดึงออก "บ้านคุณนี่เหงาจังนะครับ ทำไมไม่ไปอยู่กับพ่อล่ะ?” มิถุนาเอ่ยถาม จอมทัพไหวไหล่เบาๆ
“ก็อยู่คนเดียวมันก็สบายใจดี บางทีวิคเตอรก็มานอนเป็นเพื่อน" เขาว่า "แต่ไม่ได้มาอยู่นานมากแล้ว หก-เจ็ดปีแล้วล่ะ ปกติกลับมาก็ไปอยู่บ้านกับพ่อ"
“อ้าว...แล้ว...”
“ก็นายมาด้วยไง" จอมทัพว่า เขาเอนกายลงนอนหนุนตักนิ่ม
“ผมมาด้วย...แล้วยังไง?” มิถุนาขมวดคิ้ว
“ก็อยากอยู่ด้วยกันสองคน" มาเฟียหนุ่มตอบออกมาตรงๆ ทำเอามิถุนาเม้มปากแน่น
“บ้าแล้ว"
“จริงๆ...” เขาเว้นวรรคหายใจ "บ้านหลังนี้ตอนที่รีโนเวทใหม่ ก็ตั้งใจจะชวนจุน...มาอยู่ด้วย" เขากระชับมือนิ่มไว้แน่น
“......” มิถุนาแทบหายใจไม่ทั่วท้อง
“แต่จุนก็ไม่เคยได้มาเหยียบที่นี่ พอจุนจากไป ฉันก็แทบจะย้ายไปไทยทันที" เขาบอกต่อ "แต่ฉันไม่อยากให้นายคิดว่า นายเป็นตัวแทนของใครหรอกนะ"
“ผมรู้...” มิถุนาว่า "แต่จริงๆบางทีก็อดคิดไม่ได้ มันดูงี่เง่าจังเลยนะครับ"
“ไม่หรอก" จอมทัพพึมพำ "ไม่งี่เง่าเลยสักนิด จริงๆแล้วฉันดีใจที่นายคิดแบบนี้"
“ประสาท" ริมฝีปากนุ่มพึมพำเบาๆ
“ถ้าเพื่อนนายตามมา หมายถึงตะวันกับคุณแทนไทน่ะ ให้เขามาพักที่นี่กับเราก็ได้นะ"
“ครับ เดี๋ยวผมจะโทรบอกให้" มิถุนาว่า "คุณจะอาบน้ำก่อนไหม?”
“ก็ดีเหมือนกัน" จอมทัพว่า "อาบด้วยกันไหม?” เขาทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“ไม่เอา! ไปเลย ไปอาบเลยครับ" มิถุนาเอ่ยปากใส่ ก่อนรุนแผ่นหลังกว้างไปทางห้องน่้ำ
“ถ้าจะเอาอะไรก็โทรบอกเมทได้เลยนะ โทรศัพท์บ้านกดเบอร์0”
“ครับ"
มิถุนารอจนจอมทัพเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า นิ้วยาวกดเปิดเครื่องมือสื่อสาร ก่อนรอมันบูทเครื่องจนหน้าโฮมปรากฏ มิถุนาเอนกายพิงกับหมอนตรงหัวเตียง เลื่อนหาเบอร์เพื่อนสนิท แล้วกดโทรออก...
เพราะโรมมิ่งสัญญาณมาแล้ว การโทรข้ามประเทศจึงไม่มีปัญหา มิถุนารอสักพักเดียวเท่านั้น ปลายสายก็รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงสดใสเหมือนเคย มิถุนาหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเสียงตะวันตะโกนมาตามสาย
(มิ! ถึงแล้วเหรออออออ)
“ฮัลโหล ตะวัน เราถึงแล้วล่ะ" เขาว่า
(เป็นไงบ้างอ่ะ วันนี้อากาศดีไหม?) ตะวันเอ่ยถามมาตามสาย (นี่เราอยู่กับปรางอ่ะ นัดกินข้าวกัน)
“อากาศวันนี้เหรอ เพิ่งฝนตกไปเอง ตอนนี้ร้อนๆแล้วล่ะ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย" มิถุนาว่า "ตะวัน คุณจอมทัพชวนมาอยู่ที่บ้านน่ะ ถ้าจะตามมา"
(จริงเหรอ?) ปลายสายเอ่ยถาม (ดีจัง แต่ไม่รู้ว่าพี่ท็อปจองโรงแรมไปหรือยังน่ะสิ ไม่ค่อยอยากรบกวนอะไรด้วย)
“ไม่รบกวนหรอก มีบ้านแยกออกมาส่วนตัวเป็นหลังเลย" มิถุนาว่ายิ้มๆ
(เหรอ...เดี๋ยวถามพี่ท็อปอีกทีน้าาา เออนี่มิ...ปรางจะคุยด้วยอ่ะ) ตะวันว่า
“เอาสิ"
สักพักเดียว เสียงของเฌอปรางก็ดังขึ้นมาตามสาย
(มิ...ฮัลโหล ฮันนีมูนเป็นไงบ้างจ๊ะ?) เปิดมาก็แซวกันเลยแบบนี้ แน่นอนว่าเฌอปรางไม่ผิดคน
“ปรางจะบ้าเหรอ มาทำงานต่างหากเล่า" มิถุนาปฏิเสธเสียงแข็ง
(เจอพ่อสามียัง?)
“ปรางงง"
(โธ่ๆ แซวนิดเดียวทำแฟนแจ็คกี้ร้องไห้เสียแล้ว ก็ได้ๆๆ คิดถึงมิจัง เดี๋ยวมะรืนฉันไปแคสงานแล้วนะ บินตั้งสิบกว่าชั่วโมง เหงาตายเลย) เฌอปรางบ่นยาว
“ปรางทำได้อยู่แล้ว"
(ขอบคุณนะมิ อยากไปหาที่ฮ่องกงจัง) เธอบ่น
“ก็ตามมาสิ มาเที่ยวด้วยกัน"
(อืมมม เดี๋ยวดูก่อนนะ ถ้าเสร็จไวล่ะก็ ไปหาแน่นอนเลย) นางแบบสาวว่า (เออนี่มิ...)
“หืม?”
(ได้ติดต่อเมบ้างหรือเปล่า?) เฌอปรางเอ่ยถาม ชื่อของใครบางคนทำให้มิถุนาชะงักกึก เมื่อนึกถึงประโยคสนทนาสุดท้ายระหว่างเขากับเมษาที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก
“เปล่าเลย มีอะไร...ไม่ดี...หรือเปล่า?” มิถุนาเอ่ยถามกลับ
(เปล่าหรอก) ปลายสายหยุดไปสักพัก (คือพี่นัชชาบอกว่า จู่ๆก็มีการสั่งถอดเมษาออกจากงานโฟโต้ชู้ทของนิตยสารที่รับงานไว้แล้วน่ะ งานถ่ายมะรืนนี้)
“ทำไมล่ะ?”
(ไม่รู้สิ ฉันโทรไปหาน้อง จะถามว่าโอเคไหม? แต่ติดต่อไม่ได้เลย ปิดเครื่องตลอดเลย)
“ทำไมอย่างนั้นล่ะ?”
(พี่นัชชาก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่มีแคนเซิลงานมาจากพี่เคดี้ ถามพี่เคดี้ พี่เคดี้ก็ไม่ยอมบอก ฉันจะชักจะไม่ชอบพี่เคดี้มากขึ้นทุกทีๆ) เฌอปรางร้องเหอะ (ถูกส่งไปให้ใครอีกหรือเปล่าเนี่ย?)
“......” มิถุนาได้ยินดังนั้นก็ตัวชาวาบทันที
(โอ้ย ตายแล้วมิ! ขอโทษ ไม่น่าพูดเลย ขอโทษนะ ฉันลืมไปเลยมิ) เฌอปรางละลักละล่ำขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรปราง" มิถุนาบอกทันที "ฉันไม่ได้อะไร แค่เป็นห่วงน้อง...ติดต่อไม่ได้เลยเหรอ?”
(อืม)
“ฉันจะลองติดต่อดูนะปราง" มิถุนาบอกกับปลายสาย
(โอเคจ๊ะ เที่ยวให้สนุกนะมิ)
“อืม ขอบคุณนะ"
มิถุนากดตัวสายด้วยหัวใจที่ไม่เป็นสุขสักเท่าไหร่นัก เขาเม้มปากแน่น เลื่อนนิ้วเปิดคอนแทคเบอร์โทร ก่อนหยุดลงที่เบอร์ของใครคนหนึ่ง เขาใช้เวลาชั่งใจเพียงครู่เดียวเท่านั้น แล้วกดโทรออกทันที...
tbc.
จริงๆเขียนไว้ยาวก่อนนี้ แต่ยังไม่เข้ารูปเข้ารอย จึงขอลงไว้เท่านี้ก่อนค่ะ ครึ่งตอนนะ ที่เหลือจะทยอยแต่งให้ดีกว่านี้ก่อนค่ะ
enjoy reading ค่ะ