คำทำนายและโชคชะตา
เสียงเปิดม่านและแสงแดดที่สาดส่องทำให้อลันที่นอนหลับอยู่ลืมตา เขามองบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ที่ดูคุ้นตากำลังเปิดม่าน เมลเลนท์... เมลเลนท์ เมลรอสเทียคงกลับมาจากแดนใต้แล้ว อลันชันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากที่นอน นานแล้วที่เมลเลนท์ไม่ได้มาเป็นคนเปิดม่านให้เขา เขามองแผ่นหลังที่ดูคุ้นตา เหมือนกับว่า... เมื่อคืนเขาฝันเห็นแผ่นหลังที่ดูคุ้นตานี้
อลันบิดตัวและลุกออกจากที่นอน เมลเลนท์ส่งรอยยิ้มเจ้าชู้แพรวพราวที่ทำจนติดเป็นนิสัยมาให้ อลันกรอกตา เจ้าเมลเลนท์ เจ้าคิดว่าข้าเป็นหนึ่งในสาวงามของเจ้าหรือไง
" เรื่องทางใต้เป็นอย่างไรบ้าง องค์ชายไคเธียสบายดีใช่ไหม"
อลันถามตอนที่อาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูเหมือนว่ามันนานมากแล้วจริงๆที่เขากับเมลเลนท์ไม่ได้ทำแบบนี้ อาจเป็นเพราะตั้งแต่เมลเลนท์แต่งงาน เมลเลนท์ก็ไม่มีเวลาว่าง และคงเป็นเพราะเขาเอาแต่ตามติดฝ่าบาท พวกเขาสองคนจึงไม่ค่อยได้ใช้เวลาสบายๆในช่วงเช้าด้วยกันแบบนี้
" องค์ชายไคเธียสบายดี การจัดการเรื่องกลุ่มกบฎก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งที่ยังไม่อายุสิบห้าก็สามารถจัดการเรื่องรางต่างๆได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมาก ตอนที่ข้าไปถึงองค์ชายก็สามารถจัดการกลุ่มกบฎได้หมดแล้ว เห็นว่าตัวหัวหน้ากลุ่มกบฎเป็นองค์ชายที่เหลือรอดจากการโค่นอำนาจคราวก่อน น่าสงสาร.. เห็นว่าเป็นเพียงองค์ชายองค์เล็กที่หนีรอดออกไปได้แต่ถูกราชครูวางแผนใช้เป็นหุ่นเชิดทางการเมือง องค์ชายไคเธียช่วยเหลือองค์ชายองค์เล็กไว้ ส่วนราชครูก็ถูกสั่งประหารร่วมถึงกลุ่มผู้ก่อกฎบทั้งหมด ส่วนพ่อมดที่กล้าต่อกรเจ้ากับฝ่าบาทเป็นพ่อมดนอกรีตที่ราชครูเรียมมาใช้งาน พอฝ่าบาทจัดการกับพวกมันได้ กลุ่มกบฎแดนใต้ที่รอซากศพมาเป็นกองหนุนจึงถูกกำจัดให้สิ้นฤทธิ์โดยง่าย"
เมลเลนท์ตอบแล้วยื่นชุดเข้าไปให้อลันหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ความจริงแล้วที่เมลเลนท์กลับมาคราวนี้ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องทางแดนใต้ที่จัดการได้เร็ว แต่เป็นเพราะสารด่วนจากอลันต่างหากที่ทำให้เมลเลนท์รีบกลับ เมลเลนท์มองอลันที่อยู่หลังฉากกั้น สารในข้อความนั้นทำให้เมลเลนท์ที่กำลังช่วยงานองค์รัชทายาทรีบกลับมาทันที
" ข้าจะเป็นต้นห้องของท่านไอร่า เจ้าต้องมาอยู่เคียงข้างฝ่าบาท จงรีบกลับมา"
เมลเลนท์ฟังเสียงสวมเสื้อผ้าที่ดังมาจากฉากกั้น เขาไม่รู้สาเหตุว่าทำไมฝ่าบาทจึงตัดสินใจเช่นนี้ เพราะตั้งแต่ทำพิธีผูกสัญญามอบชีวิตและวิญญาณ ฝ่าบาทก็ไม่เคยยอมให้อลันห่างกาย พวกเขาสามคนเป็นเหมือนพี่น้อง แต่อลันนั้นเป็นคนที่โครอสสนิทที่สุดเพราะลีเดียเป็นพระนมของฝ่าบาท ในขณะที่เมลเลนท์จะมีความสนิทรองลงมา แต่โดยรวมแล้วพวกเขาทั้งสามก็ถือว่ามีความสนิทสนมกันมากที่สุด เป็นเหมือนดั่งพี่น้องในสายเลือด จะมีก็เพียงแต่เซอร์คีเท่านั้นที่เข้ามาอยู่ในกลุ่มพวกเขาหลังสุด แต่เซอร์คีก็เลือกที่จะสนิทกับอลันคนเดียวมากกว่า นั่นจึงทำให้พวกเขาสนิทกับเซอร์คีในแบบธรรมดา ไม่ได้ถือเป็นพี่เป็นน้องกันอย่างที่พวกเขาสามคนเป็น
เมลเลนท์พยายามขบคิดถึงสาเหตุที่ทำให้ฝ่าบาทยอมให้อลันห่างกาย แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับท่านไอร่า แต่ถ้าให้พูดกันตามจริงแล้ว เมลเลนท์คิดว่าเซอร์คีน่าจะเข้ากับท่านไอร่าได้ดีกว่า ถึงเซอร์คีจะไม่ค่อยพูด แต่เรื่องการดูแลคนหรือการปกป้องผู้อื่นเซอร์คีก็ทำได้ดี อีกทั้งเซอร์คีกับท่านไอร่าก็เป็นหมอยาเหมือนกัน มีอะไรน่าจะพูดคุยกันได้มากกว่า
เมลเลนท์มองอลันที่ออกมาจากฉากกั้น อลันยังคงเป็นอลันเหมือนเช่นทุกวัน เป็นเหมือนอลันที่สงบนิ่ง อลันถือเป็นพี่ใหญ่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งคน แต่มันก็เป็นเพียงการแก่เดือนเท่านั้น อลันนั้นเกิดในช่วงหน้าหนาวจึงมีธาตุลม ในขณะที่โครอสนั้นเกิดในหน้าร้อนจึงมีธาตุไฟ และเขาที่มีอายุน้อยที่สุดเกิดในฤดูใบไม้ร่วงจึงมีธาตุดิน ในขณะที่เซอร์คี... เรื่องราวของเซอร์คีมีเพียงแต่อลันและโครอสเท่านั้นที่รู้
อลันไม่เคยปริปากบอกใครเรื่องที่มาของเซอร์คีแม้แต่เขา อลันเพียงแค่พาเซอร์คีมา แล้วรับเลี้ยงดูเหมือนเป็นน้องชาย เซอร์คีเทิดทูนและรักอลันสุดหัวใจ รรักเหมือนที่ฝ่าบาทรักท่านไอร่า แต่เรื่องนี้มีแค่เขาและฝ่าบาทที่รับรู้ ตอนแรกเขานั้นไม่พอใจ เพราะการที่เซอร์คีรักอลันขนาดนั้นนั่นหมายถึงการที่เซอร์คีจะไม่มีวันตายแทนฝ่าบาท ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่เคยนึกพอใจเซอร์คีในตอนแรก แต่หลังจากที่อลันได้ให้เซอร์คีกล่าวคำสาบานว่าจะปกป้องฝ่าบาทไปชั่วชีวิตเท่าที่อลันจะมีชีวิตอยู่ นั่นจึงทำให้เขายอมลงให้กับเซอร์คีบ้าง และยอมรับเซอร์คีมาเป็นสหายในที่สุด
แต่เรื่องที่น่าตลกที่สุดสำหรับอลันก็คือ อลันที่มีความสามารถมากมายหลายอย่างกลับมองไม่เห็นถึงความรักของเซอร์คีแม้แต่น้อย อลันนั้นรักและเอ็นดูเซอร์คีเหมือนน้องชาย สำหรับอลัน เซอร์คีคือเด็กน้อยที่น่าสงสารที่ตนเองต้องปกป้อง เขาเคยเปรยเรื่องนี้กับอลันแล้ว แต่อลันกลับหัวเราะแล้วพูดว่า เซอร์คีติดอลันเพราะเซอร์คีไม่มีใคร และเพราะอลันเป็นเหมือนพ่อและพี่ชาย เซอร์คีถึงได้รักอลันมากที่สุด
"
แล้วซักวันอลันจะรู้ตัวเอง เจ้าไม่ต้องบอกอลัน "
นั่นคือคำพูดของโครอสที่มีต่อเขาในตอนที่เขาทั้งสองคนปรึกษากันเรื่องนี้ โครอสนั้นไม่ได้ว่ากล่าวสิ่งใดที่เซอร์คีจะรักชอบอลัน ขอเพียงแค่เซอร์คีไม่ทำให้อลันลำบากใจก็เพียงพอ แต่สำหรับเขานั้น เขาอดที่จะแอบหมั่นไส้เล็กๆไม่ได้ ทั้งที่เขาเคยขออลันแต่งงานเพราะความเข้าใจผิดในวัยเด็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่หวงพี่ชายคนนี้ อลันเป็นคนใจดีและเด็ดเดี่ยว ซึ่งนั่นทำให้เมลเลนท์ประทับใจและตกหลุมรักในแบบที่เด็กไร้เดียงสาจะมี และอีกอย่าง.. อลันในวัยเด็กนั้นช่างน่ารักและไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อยบริสุทธิ์ อีกทั้งหน้าตาก็งดงามน่ารักเหมือนลีเดียตอนที่ยังสาว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงขอแต่งงานอลันได้ง่ายนัก
เมลเลนท์มองอลันที่เติบใหญ่เป็นชายหนุ่มชาติทหาร อลันมีรูปร่างเหมือนนักรบทั่วไป อาจจะดูผอมบางไปหน่อยเมื่อเทียบกับเขาหรือฝ่าบาท แต่ก็ถือเป็นชายชาติทหารอยู่ดี เซอร์คีรักอลันที่ตรงไหนนะ ที่แน่ๆคงไม่ใช่หน้าตา ถึงหน้าตาอลันจะอ่อนหวานกว่าสตรีทั่วไปแต่ก็ไม่ได้หวานเหมือนท่านไอร่า ถ้าให้หาคำตอบ คงไม่พ้นนิสัยใจดีห้าวหาญของอลันแน่ที่มัดใจเซอร์คีได้
เมลเลนท์พิจารณามองอลันอีกครั้ง วันนี้สายลมรอบตัวอลันดูสงบนิ่งเหมือนปกติ มันไม่ได้มีลมหวนหรือลลมพัดปลิวให้ฝุ่นลอยฟุ้ง ดูท่าวันนี้อลันคงอารมณ์ดีมากทีเดียว
" เจ้าน่าจะไปเยี่ยมลูกสาวข้าบ้างนะยอดรัก องค์หญิงเองก็ทรงบ่นถึงเจ้าทุกคืนวัน เจ้าน่าจะไปเป็นมารดาคนที่สองของบุตรข้า พวกเขาบ่นคิดถึงเจ้ามากทีเดียว"
เสียงหยอกเย้าหวานหูทำให้อลันคิ้วกระตุกแล้วนึกอยากขนลุก เขากัดฟันแล้วแยกเขี้ยวใส่สหายสนิทที่ยังยกยิ้ม เจ้าเมลเลนท์ยังคงยียวนกวนประสาทเรียกเขาว่ายอดรักไม่เลิก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเมลเลนท์ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเสียๆแบบนี้ซักที เขาไม่น่าเผลอตกปากรับคำแต่งงานเพราะความไร้เดียงสาเลย เพราะมันทำให้เขาต้องมาปวดหัวจนถึงทุกวันนี้ อลันพยายามข่มสติไม่ให้เอาดาบออกมาฟันคนปากดี เขาข่มอารมณ์แล้วส่งยิ้มกว้าง
" เมลเลนท์ที่รัก ถ้าข้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าสตรีที่เจ้าช่วยไว้จากการเป็นเหยื่อสังเวยของการสร้างซากศพ จะถูกเจ้าเลี้ยงดูอยู่ไม่ไกลจากปราสาทนี่ จะให้ข้าไปทูลองค์หญิงลูซิน่าดีหรือไม่ว่า มารดาคนที่สองของบุตรีเจ้าอยู่ที่ใด เจ้าจะได้เป็นลาแล้วไม่ต้องคอยมาพูดมากให้ข้าแสลงใใจแบบนี้"
คำขู่ของอลันมีผลให้เมลเลนท์ยิ้มเจื่อนทันที องค์หญิงลูซิน่าถือเป็นจุดอ่อนที่สุดในชีวิตของเมลเลนท์ พระเชษฐาภคินีของโครอสองค์นี้เป็นแม่มดที่ร่างกายงดงามเย้ายวน พลังมนต์ของนางมีมากเท่ากับพระสิริโฉมที่งดงามไม่ยิ่งหย่อน แต่ความหึงห่วงของพระนางก็มีมากเช่นกัน ดูเหมือนว่าองค์หญิงลูซิน่าจะได้รับพรข้อนี้มาจากพระชนนีมากทีเดียว
" ข้าว่ามันคงเป็นการรบกวนเจ้าไปหน่อยนะสหายรัก ว่าแต่เจ้าเรียกตัวข้ากลับมาด่วนนี่มีอะไร คงไม่ใช่แค่เรื่องการที่ให้ข้าเป็นต้นห้องของฝ่าบาทแทนเจ้ากระมัง"
อลันเหลือบตามองเมลเลนท์ที่ยอมเปลี่ยนท่าที เจ้าสหายตัวแสบ ถ้าไม่เอาองค์หญิงมาขู่ก็ไม่มีวันพูดเป็นการเป็นงานเด็ดขาด
" ฝ่าบาทสร้างวงเวทย์เพื่อคุ้มครองเจ้าแมวป่า.. ท่านไอร่าแล้ว เจ้าคงเคยเห็นหน้าท่านมาแล้วจากงานที่ฝ่าบาทให้ไปสืบ วันนี้เป็นเช้าวันที่สามของการแต่งงาน กว่าฝ่าบาทจะออกจากห้องบรรทมได้ก็คงเป็นวันพรุ่ง วันนี้ข้าจะมอบหมายงานในส่วนของข้าให้เจ้าทั้งหมด ต่อไปเจ้าจะต้องดูแลฝ่าบาทให้ดี ส่วนเรื่ององค์หญิงคงไม่ต้องเป็นห่วง ให้องค์หญิงมาอยู่กับพระชนนีที่ปราสาททิศใต้ก็ได้ บุตรีของเจ้าก็ให้ย้ายมา เจ้าจะได้ไม่ต้องลำบากไปกลับระหว่างบ้านกับปราสาท"
ปราสาททิศใต้เป็นปราสาทที่เป็นที่อยู่ของพระญาติและเชื้อพระวงศ์บางส่วน ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่ขององค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากโครอส มีพระชนนีเลโตย่า พระมารดาของฝ่าบาทเป็นผู้ดูแลสั่งสอนองค์ชายและองค์หญิงนอกจากราชครู และท่านอาจารย์ที่เชิญมาเป็นพิเศษ ส่วนพระญาติองค์อื่นก็มีเพียงแค่ท่านลุงหรือพี่ชายของพระชนนีเท่านั้นที่อยู่ที่ปราสาททิศใต้ ดังนั้นห้องที่ปราสาทใต้ส่วนใหญ่จึงเป็นที่อยู่ของเหล่านางกำนัลมากกว่า ส่วนองค์ชายและองค์หญิง จะอยู่ในปราสาทที่แยกตัวออกมาจากปราสาททิศใต้ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงามมากกว่าเพื่อให้สมเกียรติฐานะ
" แน่ใจว่าจะให้องค์หญิงอยู่กับพระชนนี ข้าไม่อยากให้ปราสาทใต้ลุกเป็นไฟแล้วฝ่าบาทต้องมาปวดหัวเพราะสองแม่ลูกทะเลาะกัน"
" ถ้าเช่นนั้น... หรือจะย้ายองค์หญิงไปอยู่ที่ปราสาทตะวันตก แต่ข้าว่าผลคงไม่ต่างกัน ถ้าอย่างไรให้องค์หญิงอยู่ที่หอคอยทางทิศใต้ก็ได้ มันแยกตัวออกมา ข้าจะให้คนไปตกแต่งใหม่ องค์หญิงจะได้ไม่ต้องไปพบหน้าพระชนนี" อลันเอ่ยถึงทางเลือก
เรื่องที่พระชนนีเลโตย่ากับองค์หญิงลูซิน่าไม่ถูกกันเป็นเรื่องที่รู้กันทั่ว แม้จะเป็นบุตรีโดยสายเลือด แต่องค์หญิงกับนายของเขาก็ไม่ค่อยที่จะโปรดพระมารดาตนเองเท่าไหร่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนายของเขาถึงรักและเชื่อฟังพระอัยยิกามากกว่า และตั้งแต่ที่พระอัยยิกาสิ้นพระชนต์และองค์หญิงแต่งงานออกจากปราสาท โครอสก็กลับไปเยี่ยมปราสาทแดนใต้น้อยมาก มีบ้างที่ไปดูองค์ชายหรือองค์หญิง แต่ส่วนใหญ่นายเหนือหัวของพวกเขาจะไม่เข้าไปเหยียบปราสาททิศใต้โดยไม่จำเป็น
" ข้าว่าเพื่อไม่เป็นการก่อปัญหา ให้องค์หญิงอยู่ที่บ้านอย่างเดิมก็ได้ ข้าจะกลับไปเยี่ยมนางให้บ่อย องค์หญิงคงต้องเข้าใจในเหตุผลที่ข้าต้องตามติดฝ่าบาท"
" เช่นนั้นเจ้าก็จัดการปัญหาในครอบครัวเอาเองแล้วกัน ทานอาหารเช้าไหม หรือว่าเจ้าจะออกไปดูงานเลย"
" ข้าทานมาแล้ว เมทิลล่าเพิ่งทำให้ข้าทาน อาหารจากแดนใต้รสชาติดีที่เดียว แต่ข้าชอบอาหารฝีมือเมทิลล่ามากกว่า"
อลันกรอกตา เมทิลล่าเป็นน้องสาวของเมลเลนท์ การที่เมลเลนท์พูดแบบนี้แสดงว่าเมลเลนท์ยังไม่ได้กลับไปหาองค์หญิงแน่
" ข้าขอร้องเลยนะเมลเลนท์ หากเจ้าเป็นต้นห้องของฝ่าบาท จงเลิกนิสัยเจ้าชู้ประตูดินซะ แม้ฝ่าบาทจะไม่ต่อว่าที่เจ้าหลายใจและมีเล็กมีน้อย แต่เจ้าควรให้เกียรติฝ่าบาทบ้าง ถ้าองค์หญิงวิ่งโล่มาทูลฟ้องฝ่าบาท ฝ่าบาทคงจะลำบากใจแน่"
" จะไม่มีวันเกิดเรื่องอย่างนั้นแน่นอน เอ่อ ตราบเท่าที่องค์หญิงจับไม่ได้น่ะนะว่าข้าแอบไปมีเล็กมีน้อยที่ไหนบ้าง"
ซึ่งก็คงเกินร้อย อลันคิดอย่างดูถูก
" อย่าเอาเรื่องไร้สาระมาทำให้ฝ่าบาทต้องปวดหัว แค่ที่ฝ่าบาทต้องไปจัดการกับบรรดาพระสนมและพระชายาแห่งปราสาทตะวันตกก็ยุ่งยากมากพออยู่แล้ว ถึงการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นความลับ แต่ถ้าฝ่าบาทเขาแต่ขลุกตัวอยู่ในปราสาทตะวันออก ซักวันคงมีเรื่องแน่"
เมลเลนท์ที่ได้ฟังคำเตือนของอลันก็นึกสงสารฝ่าบาทแทนไม่ได้ เขาได้รับการบอกเรื่องราวและการดำเนินไปของฝ่าบาทจากอลันทั้งหมดแล้ว และในฐานะที่เป็นบุรุษเหมือนกันเขานั้นเข้าใจดีเลยว่า อิสตรีสามารถนำพาเรื่องปวดหัวเข้ามาให้ได้ไม่หยุด ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นความผิดของพวกเขาที่มักมากและนิยมชมชอบกลิ่นหอมของดอกไม้เหมือนภมรเล่นไฟ แต่นั่นเป็นนิสัยที่มีในบุรุษทุกคน ซึ่งโครอสถือว่าโชคดีหน่อยที่ไม่ต้องปวดหัวมากเพราะมีอำนาจในมือเสร็จสรรพ บรรดาสาวงามแห่งปราสาทตะวันตก ทำได้มากสุดก็แค่ตบตีกันในปราสาทเท่านั้น ไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายกับฝ่าบาทมาก ก็ถ้าขืนเข้ามาวุ่นวาย คงไม่พ้นถูกตัดหัวหรือถูกไล่ออกจากเมือง
เหมือนอย่างกรณีพระสนมกรีชาที่หาญกล้าส่งคนมาวางยาพิษท่านไอร่าตามที่อลันเคยบอก ตอนนี้ก็ไม่รู้นางเป็นตายร้ายดีแค่ไหน เพราะการถูกขับไล่ไปอยู่แดนใต้ ก็ถืว่าเป็นการเนรเทศอย่างกลายๆ คงไม่มีใครกล้าช่วยเหลืออย่างออกนอกหน้า นอกจากบิดาของนางที่เป็นท่านรองแม่ทัพ ที่คงลอบส่งเงินไปช่วยเหลืออย่างเงียบๆ ในขณะที่องค์หญิงในสายเลือดก็ถูกส่งออกไปแต่งงานในแดนตะวันตกที่ห่างไกล มันไม่มีพรหมแดนติดกับป่ามนตรา เพราะมันเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีเกาะเล็กเกาะน้อยในอาณัติ ดังนั้นการถูกส่งไปที่นั่นก็คือการถูกขับไล่ดีๆนี่เอง
ซึ่งนั้นเป็นสาเหตุให้สตรีในปราสาทตะวันตกยอมสงบปากสงบคำได้อีกหน่อย แต่คงไม่พ้นที่จะวางแผนกันอย่างลับๆเพื่อหาทางกำจัดท่านไอร่า หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับท่านไอร่าเพื่อนำมากำจัดท่านไอร่าในทันทีที่มีโอกาส เฮ้อ... คิดแล้วปวดหัวชะมัด หวังว่าฝ่าบาทคงมีวิธีที่จะปกป้องท่านไอร่าได้นะ ไม่เช่นนั้นเขาต้องมานั่งปวดหัวและรับมือกับสตรีในปราสาทตะวันตกในฐานะต้นห้องคนใหม่แน่
" เอาน่า มันคงไม่แย่เท่าไหร่หรอก เจ้าเองก็ชอบดอกไม้งามนี่ ไปเดินเล่นปราสาทตะวันตกบ้าง เจ้าจะได้มีกำลังใทำงาน" อลันพูดปลอบอย่างรู้ใจ
" ดอกไม้งามที่มีหนามแหลมคมนั้นช่างน่าชวนพิศ แค่ดอกไม้ที่มีเข็มพิษ ข้าไม่คิดที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยง"
คำพูดของเมลเลนท์ทำเอาอลันหัวเราะลั่น ดูท่าเมลเลนท์จะหวาดกลัวปราสาทตะวันตกมากจริงๆ ช่างน่าสมน้ำหน้านัก นี่คงเป็นโทษที่เมลเลนท์เจ้าชู้ไม่เลิกกระมัง
เมลเลนท์ที่ได้ยินเสียงหัวเราะขำของอลันก็อดที่จะคว้าคอของอลันเข้ามากอดและกดหัวเล่นไม่ได้ เจ้าอลันตัวแสบ เห็นความกลุ้มใจปวดหัวของเขาเป็นเรื่องน่าสนุกหรือไง