CHAPTER 7
" ไม่!!! พอที!! อย่าแตะต้องตัวข้า!! หยุดทำร้ายข้าเสียที!!!"
" ไอร่า เจ้าอย่าได้กลัวข้า ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก"
" ไม่!! ไปให้พ้น!! อย่าแตะต้องตัวข้า!! ข้าเกลียดเจ้า!! ไปให้พ้นจากหน้าข้า!! ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าอีกแล้ว!!"
เสียงด่าทอที่คลุ้มคลั่งของไอร่า ทำให้โครอสเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ เขาพยายามร้องขอและอ้อนวอนให้คนงามเห็นใจ แต่คนงามของเขาเอาแต่ร่ำไห้และผลักไสเขา
" ขอร้อง.. ปล่อยข้าไปเถอะนะ ปล่อยข้าไปให้พ้นจากคนใจร้ายอย่างเจ้า หยุดย่ำยีทำร้ายข้าเสียที ถ้าเจ้ายังต้องการแค่ร่างกาย เจ้าจงเอาไป แต่ได้โปรด.. ฆ่าข้าก่อนเถิดนะ ฆ่าข้าให้ตาย ข้าจะได้ไม่ต้องทนอยู่อย่างเจ็บปวดอีก"
สิ้นเสียงคำพูดของร่างบาง โครอสเห็นไอร่ายกมีดสั้นที่เขาฉกฉวยมาได้ปักลงไปที่อกของตนเอง โครอสตะโกนลั่นและพยายามห้ามเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด
" ไม่!! ไอร่า อย่าทิ้งข้าไป ข้าขอโทษ ข้ารักเจ้า" โครอสพูดเสียงสั่นพลางพยายามกดห้ามเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด
" เอาไป.. ถ้าอยากได้ร่างกายนี้นักเจ้าก็จงเอาไป แต่เจ้า.. จะไม่มีวันได้ทำร้ายข้าอีก..แล้ว"
" ไม่ ไอร่า คนงามของข้า.. ข้ารักเจ้า ได้โปรดเถิดนะ ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไป"
" ..เจ้าไม่ได้ รักข้า.. เจ้าแค่.. หลงใหลข้า และคิดฉกฉวย.. หาประโยชน์จากข้าเท่านั้น.."
" ข้าเสียใจไอร่า ข้าขอโทษกับทุกการกระทำที่ผ่านมา ได้โปรดให้อภัยข้าเถิดนะ"
โครอสไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาหลั่งน้ำตาออกมาได้ ตอนนี้หัวใจของเขาปวดร้าวไปหมด เขากำลังทรมานกับการสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในหัวใจเขา
" ไอร่า.. ได้โปรด ลืมตามองตา ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้าจนหมดหัวใจ"
โครอสซบหน้าลงกับอกของคนงามที่บัดนี้เย็นชืด คนงามของเขาตายแล้ว และเขาเป็นผู้ที่บังคับฝืนใจจนร่างบางต้องเลือกที่จะจบชีวิตลง
" โครอส" เสียงเรียกหวานใสที่ดังขึ้นทำให้โครอสเงยหน้าขึ้นมา คนงามของเขาไม่ได้อยู่ในตายจากและเต็มไปด้วยเลือดอีกแล้ว
" ไอร่า.." โครอสร้องเรียก คนงามของเขากำลังแย้มรอยยิ้มที่สดใสราวกับเช้าวันใหม่ในฤดูใบไม้ผลิให้เขา ไอร่ากำลังเยื้ยงย่างเข้ามาใกล้และก้มลงมอบจุมพิตแสนหวานให้กับเขา
" โครอส.. "
" ไอร่า ข้านึกว่าจะเสียเจ้าไปเสียแล้ว" โครอสพูดแล้วกอดคนงามแน่นอย่างยินดีเมื่อได้รับจูบแสนหวาน
" เจ้าไม่มีวันเสียข้าไปอีกแล้ว ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป"
คนพูดของไอร่าทำให้โครอสตื้นตันจนยิ้มออกมา เขากอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น ในที่สุด.. คนงามของเขาก็จะกลับมาอยู่กับเขาแล้ว แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมแขนกำลังพูดบางอย่างออกมาที่ทำให้เขาหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ
" ข้าจะไม่มีวันจากเจ้าไปอีกแล้ว.."
" ไอร่า.. "
" ข้าจะไม่มีวันจากเจ้าไป ข้าจะอยู่ในใจเจ้าตลอดไป ดีหรือไม่โครอสที่รัก ข้าจะอยู่และย้ำเตือนให้เจ้าอยู่อย่างทุกข์ทน! ว่าจะทำให้เจ้าจดจำไปชั่วชีวิตว่าเจ้าคือผู้ที่สังหารข้า! เจ้าคือผู้ที่ทำลายหัวใจของข้า! ข้าจะเคียดแค้นเจ้าไปตลอดชีวิต! และเจ้า.. เจ้าต้องอยู่อย่างทรมานและรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต! โครอส! เจ้าจะไม่มีวันให้เจ้าลืมข้าไปชั่วชีวิต!"
น้ำเสียงและสีหน้าของไอร่าเปลี่ยนไปทุกครั้งที่กล่าวคำพูดด่าทอ คนงามของเขาเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นคลุ้มคลั่งและตะโกนด่าทอเขา เพื่อให้เขาได้สำนึกถึงสิ่งที่เคยทำลงไป การกระทำผิดที่มากและยากเกินกว่าที่จะได้รับการให้อภัย และตอนนี้ร่างบางกำลังหยิบยื่นบทลงโทษที่สาสมกับเขามาให้
" ดีหรือไม่โครอส ข้าจะทำให้เจ้าอยู่อย่างทรมานไปชั่วชีวิต"
สิ้นเสียงด่าทอ คนงามของเขากลับมาพูดเสียงหวานอีกครั้ง เขาเจ็บปวดหัวใจจนหลั่งน้ำตาออกมา นี่คือสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับสินะ
" ทำตามใจเจ้าเถิดนะคนงาม ถ้านั่นจะทำให้เจ้าอภัยให้ข้า"
" ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า โครอส เจ้าต้องอยู่อย่างเจ็บช้ำให้สมกับที่เจ้าทำร้ายข้า"
" ไอร่า.. "
" ลาก่อนโครอส เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าข้าอีก"
" ไม่.. อย่าทิ้งข้าไป.. ไอร่า.. ไอร่า!!!"
" ไอร่า!!!"
โครอสสะดุ้งตื่นขึ้นมาและหอบหายใจรัวแรง เขากวาดตามองไปรอบตัวเพื่อค้นหาร่างคนงามที่เดินจากไป แต่ไม่พบ.. เขาไม่มีวันได้พบคนงามของเขาอีกแล้ว..
โครอสผ่อนลมหายใจออกมา เขาไม่คิดว่าตนเองจะเป็นได้ขนาดนี้ ความรู้สึกผิดที่กัดกินใจเขาทำให้เขานอนฝันร้ายและมองหาร่างบางในความฝันทั้งที่เขาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง โครอสก้าวลงจากเตียงเพื่อออกไปสูดอากาศที่นอกกระโจมของกองทัพ ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ชายป่าของแดนใต้ โครอสเดินทางมาที่นี่เพื่อปราบกลุ่มกบฎที่คิดจะยึดครองแดนใต้คืน
" ฝ่าบาท.."
เสียงเรียกของอลันทำให้โครอสหยุดเท้า เขาปรายตามองอลันเล็กน้อยก่อนก้าวเดินต่อ
" เจ้าเคยพบรักแท้มาก่อนหรือไม่" โครอสเปรยถามขณะเดินเข้าไปในป่า เขาคงต้องเดินเล่นเสียหน่อย จิตใจของเขาจะได้สงบลงได้
" ฝ่าบาทก็ทราบดีว่าข้าไม่เคยคิดที่จะมีความรัก ทั้งตัวและวิญญาณของข้าได้มอบให้ท่านหมดแล้ว ข้าคงไม่คิดที่จะมีความรักให้วุ่นวาย"
คำตอบของอลันทำให้โครอสแค่นยิ้ม เขาคงเลือกคำถามผิดไปหน่อย
" แล้วเจ้ารู้จักความรักใช่หรือไม่ เจ้าคงไม่ปฏิเสธข้าอีกนะว่าเจ้าไม่รู้จักความรักเพราะเอาแต่ตามติดข้า"
อลันกรอกตา แค่เขาตอบคำถามยียวนนิดหน่อยก็หาทางยอกย้อนเขาได้ทันทีเชียว
" ข้าย่อมรู้แน่ว่าความรักคืออะไร และแน่ใจว่าท่านเองก็รู้จักมันเช่นกัน"
คราวนี้โครอสถอนหายใจออกมา ยามนี้อลันช่างทำตัวไม่ต่างจากพี่ชายที่กำลังสั่งสอนน้องชายที่เดินหลงทาง
" ข้าทำผิดมากไปใช่หรือไม่ เพราะข้าเล่นตลกกับความรัก ข้าจึงต้องเสียหัวใจไป"
" ไม่ใช่หรอกฝ่าบาท นั่นเพราะท่านไม่รู้ใจตนเองต่างหาก ท่านถึงไม่รู้ว่าข้ออ้างต่างๆมากมายที่ท่านทำนั้น เป็นเพราะท่านรักเขาและไม่อยากสูญเสียเขาไป"
อลันกล่าวในฐานะผู้ที่คอยเฝ้าดูโครอสอยู่ตลอดเวลา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านายของเขาตกหลุมพลางของตนเองตั้งแต่เมื่ิอไหร่ แต่เพราะเขาคิดเพียงแค่ว่านายของเขาอาจจะหลงใหลไปกับรักแรกเพียงชั่ววูบเท่านั้น หากเขารู้ว่านายของเขาจะรักเจ้าแมวป่ามากขนาดนี้ เขาคงลงมือทำอะไรซักอย่างเพื่อที่นายของเขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจแบบนี้
" ข้าไม่เคยคิดหาข้ออ้าง สิ่งที่ข้าทำลงไปทั้งหมดเป็นก็เพื่อประโยชน์ของแดนตะวันออกเท่านั้น เพียงแต่.."
" เพียงแต่ท่านเกิดหลงรักท่านไอร่าโดยที่ท่านไม่รู้ตัว"
อลันกล่าวต่อจนจบประโยค เขารู้ดีว่าโครอสทำทุกอย่างเพื่อแดนตะวันออก และการที่มีเจ้าแมวป่าเข้ามาก็ทำให้นายของเขาคิดที่จะยึดเอาแดนเหนือมาไว้ในครอบครองให้ได้ เพื่อเป็นการเรียกศักดิ์ศรีคืนมาหลังจากที่พระบิดาของโครอสได้พลาดท่าเสียทีจนพ่ายแพ้ย่อยยับกลับมา
" ข้าจะทำอย่างไรดีอลัน ข้าต้องทำยังไงถึงจะได้หัวใจกลับคืนมา"
" กระหม่อมไม่ทราบพะยะค่ะ เรื่องของหัวใจพระองค์ต้องเป็นผู้ที่แก้ไขด้วยองค์เอง"
โครอสถอนหายใจออกมา ถ้าเรื่องของความรักมันแก้ไขได้ง่ายนัก เขาคงไม่มาเดินเล่นและคิดหาทางแก้ปัญหาที่แก้ไม่ตกนี้
เมื่ออลันเห็นโครอสเงียบไปหลังจากถอนหายใจออกมา อลันเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน นายของเขาคงเครียดและรู้สึกผิดมาก และคงเพราะมันเป็นรักแรกถึงได้ทำให้นายของเขาเจ็บปวดมากขนาดนี้
" ข้าไม่เคยพบรักแท้ด้วยตนเอง แต่คิดว่าถ้าท่านต้องการที่จะรู้จักคำว่าความรัก ท่านน่าจะเริ่มจากคำว่าเสียสละ"
คำแนะนำของอลันทำให้โครอสครุ่นคิดและแปลความออกมาได้สองทาง ทางหนึ่งคือเขาต้องรู้จักปล่อยวางและปล่อยความรักนี้ไปเพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับร่างบาง อีกทางหนึ่งคือตอนนี้เขาได้รู้จักกับความรักแล้ว เขามีทางเลือกเพิ่มขึ้นมาคือจะรักมั่นต่อไปหรือจะหารักครั้งใหม่และถนอมความรักนั้นไว้โดยไม่ทำผิดพลาดซ้ำสอง
" เจ้าคิดว่าข้าจะทำได้หรือ คำว่าเสียสละไม่เคยมีอยู่ในความคิดของข้า สิ่งที่ข้าทำได้มีเพียงแย่งชิงและฉกฉวยทุกอย่างมาเป็นของตนโดยการใช้กำลังและสมองเท่านั้น"
" การเรียนรู้นั้นไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไป และข้าเชื่อว่าแค่เรียนรู้เรื่องการเสียสละคงไม่ยากเกินความสามารถของท่าน แต่ถ้าท่านหมดสิ้นและจนหนทางจริงๆ ข้าจะขอรับหน้าที่ในการฉุดตัวเจ้าแมวป่ากลับมาให้ท่านเอง"
" ข้านึกว่าเจ้าไม่ชอบไอร่าเสียอีก"
" ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบ สิ่งที่ข้าทำได้คือการรับใช้ท่านและทำให้ท่านมีความสุขเท่านั้น"
คำพูดของอลันทำให้โครอสหัวเราะออกมาได้ในรอบหลายวัน นี่ถ้าไม่รู้จักอลันมาก่อนเขาคงคิดว่านี่เป็นคำสารภาพรัก แต่ก่อนที่โครอสจะได้กล่าวเย้าอลันเพิ่มเติม เขาก็ต้องหยุดเดินเสียก่อนเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเวทมนต์ที่ลอยมา
" อลัน.. "
" พะยะค่ะ"
อลันเองก็รู้สึกได้เช่นกัน พวกเขาเดินพูดคุยกันจนมาถึงกลางป่าโดยไม่รู้ตัว โครอสนั้นรู้สึกได้ว่ามีกระแสไอเวทย์ลอยออกมาจากพื้นที่ด้านหน้า เขาส่งสัญญาณให้อลันย่อตัวลงก่อนเดินอย่างเงียบเชียบเข้าไปหาจุดกำเนิดของกระแสเวทย์
" พวกมันกำลังทำพิธี" อลันกระซิบเมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้ลานกว้างที่กำลังมีพิธีกรรมบางอย่าง
โครอสมองเห็นภาพตรงหน้าเช่นกัน กลุ่มกบฏที่เขาเดินทางมาเพื่อปราบปรามกำลังทำพิธีสังเวยดวงวิญญาณ โครอสเห็นสตรีและบุรุษอย่างละห้าคนกำลังถูกมัดอยู่ในใจกลางวงเวทย์ที่ถูกเขียนขึ้น สตรีห้าคนนั้นยังดูเป็นเพียงเด็กสาววัยแรกแย้มที่ยังไม่เคยผ่านการร่วมเสพสังวาส ในขณะที่ชายหนุ่มดูเป็นบุรุษที่ชั่วร้ายราวกับเป็นโจรป่าที่ถูกจับมาเพื่อเป็นเหยื่อในการสังเวยครั้งนี้
" ฝ่าบาท.." อลันเรียกโครอสเสียงเบา เขากำลังนึกขยะแขยงและหวาดกลัวกับภาพพีธีกรรมตรงหน้า
คนพวกนั้นกำลังทำพิธีเพื่อเรียกปีศาจมาจากเงาร้ายที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจของมนุษย์ อลันต้องหน้าซีดมากขึ้นเมื่อเห็นว่าพ่อมดคนหนึ่งกำลังเดินลากสตรีที่น่าจะเพิ่งคลอดทารกเข้าไปในวงเวทย์อีกห้าคน ในอ้อมกอดของสตรีเหล่านั้นมีเด็กทารกที่เพิ่งคลอดอยู่ด้วย
อลันมองโครอสที่กำลังกวาดตาไปรอบๆลานพิธี พวกเขานับจำนวนชายที่กำลังเดินเฝ้ายามได้ทั้งหมดสิบสอบคน ไม่รวมพ่อมดที่เป็นคนทำพิธีอีกห้าคน ทั้งหมดรวมเป็นสิบเจ็ด แบบนี้ไม่ดีเลย
" กลับไปตามนายทหารคงไม่ทันการ เจ้าจงไปลอบสังหารคนที่เฝ้ายามแล้วจัดการช่วยเหลือสตรีและทารกเหล่านั้น ข้าจะเป็นคนจัดการกับพวกพ่อมดเอง" โครอสบอกพร้อมส่งสัญญาณมือให้อลันดำเนินการตามคำสั่ง
อลันพยักหน้าตอบรับและเดินอ้อมไปตามแนวต้นไม้เพื่อทำการลอบสังหารทหารยามที่เฝ้าอยู่ตามคำสั่งของโครอส
ตอนนี้โครอสกำลังเรียกมนตราของตนอย่างเงียบๆ คืนนี้เป็นคืนไร้จันทร์พลังเวทย์ของเขาจะอ่อนกำลังที่สุดในช่วงนี้ โครอสเรียกกระแสมนตราอยู่ซักพัก จนเมื่อคิดว่าพร้อมเขารอเวลาเพื่อให้อลันทำการลอบสังหารทหารยามจนหมด เมื่อทหารยามคนสุดท้ายล้มลง โครอสเดินออกมาจากหลังต้นไม้เพื่อเผชิญหน้ากับพ่อมดทั้งห้าคนที่คิดทำพิธีชั่วร้ายอย่างการปลุกซากศพที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
พิธีการปลุกซากศพที่โครอสกล่าวถึงนี้เป็นพิธีการที่พวกพ่อมดนอกรีตใช้ปลุกคนตายขึ้นมาเพื่อทำการล้างแค้นผู้ใดซักคน พิธีการนี้ต้องอาศัยพ่อมดห้าคนในการร่ายเวทย์และทำพิธี การปลุกซากศพขึ้นมาต้องใช้เครื่องสังเวยถึงยี่สิบชีวิตในการทำพิธีหนึ่งครั้ง ขั้นตอนของการทำพิธีเป็นอะไรที่ชั่วร้ายจนแม้แต่คนใจแข็งอย่างโครอสรับไม่ได้ เหล่าพ่อมดผู้ทำพิธีจะจับสตรีที่เพิ่งคลอดลูกออกมาเป็นเครื่องสังเวยความแค้น พ่อมดเหล่านั้นจะบังคับให้สตรีที่เพิ่งคลอดทารกสังหารชายโฉดและดรุณีวัยแรกแย้มอย่างละหนึ่งคนเพื่อเป็นการรักษาชีวิตตนเองและลูกน้อย แต่นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของความทรมานเท่านั้น เพราะยามที่สตรีอุ้มบุตรทั้งห้าจ้วงแทงผู้ที่ถูกตรึงจนตาย เหล่าพ่อมดจะทำการร่ายมนต์ปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา แน่นอนว่าคนตายเหล่านั้นไม่ได้กลับมามีชีวิตอย่างแท้จริง พวกมันเป็นเพียงซากศพที่เดินได้ และซากศพเหล่านั้นจะเป็นซากร่างที่เต็มไปด้วยความแค้นที่ถูกฆ่า สำหรับชายโฉดมันคือความแค้นที่ถูกหยามเกียรติ และสำหรับสตรีแรกแย้มมันคือความแค้นที่ต้องจบชีวิตลงทั้งที่ยังไม่เคยมีความรัก
และเมื่อซากศพพวกนั้นกลับมาขยับแขนขาได้ สิ่งแรกที่พวกมันทำคือการแก้แค้น ซากศพเหล่านั้นจะกินสตรีและเด็กทารกทั้งเป็น ซากศพชายกินเนื้อหนังของสตรีที่ลงมือสังหารมัน ส่วนซากศพสาวจะกลืนกินเนื้อเด็กทารกเพื่อล้างแค้นและทดแทนสิ่งที่ตนไม่สามารถมีได้ หลังจากที่พวกมันกินสตรีและเด็กทารกจนไม่เหลือซาก พวกมันจะกลายร่างเป็นซากศพตัวเย็นชืด มีความเร็วและพละกำลังมหาศาลมากกว่าคนทั่วไป ซากศพเพียงคู่เดียวสามารถทำลายล้างหมู่บ้านเล็กๆได้ในช่วงข้ามคืน ไม่ต้องพูดถึงซากศพห้าคู่ พวกมันคงทำลายกองทัพทั้งกองทัพได้อย่างง่ายดายแน่
แต่ในโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ซากศพพวกนี้จะมีชีวิตอยู่ได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น ยามรุ่งสางเมื่ออาทิตย์สาดส่อง พวกมันจะถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิงของดวงอาทิตย์ และพ่อมดที่ทำพิธีนี้ได้ก็มีจำนวนไม่มากเพราะมันต้องใช้พ่อมดนอกรีตที่เป็นพ่อมดขั้นสูงถึงห้าคน และถ้าเกิดความผิดพลาดในระหว่างการร่ายเวทย์ มนตรานั้นจะสะท้อนกลับไปที่ตัวพ่อมดเอง พ่อมดที่ร่ายมนต์จะมีจุดจบโดยกลายเป็นซากศพเสียเอง ซากศพของพ่อมดจะไร้พลังมนต์ และได้แต่ยืนนิ่งรอให้ดวงอาทิตย์ฉายแสงมาแผดเผาทั้งที่ตนยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เพียงแต่ขยับตัวหนีไม่ได้เท่านั้น