CHAPTER 5
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่าน โครอสนอนกอดร่างเปลือยเปล่าที่เพิ่งสลบไสลไปอย่างแนบสนิท เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายสลบไปแบบนี้ แต่เพียงแค่สัมผัสนิดหน่อย ร่างกายเขาก็เกิดความปรารถนา เขาอยากกกกอดและกลืนกินร่างบางให้นอนร้องครางอยู่ใต้ร่าง อยากได้เสียงครางหวานที่ดังออกมาจากลำคอขาว อยากกลืนกินและอยากสั่งสอนให้คนปากดีได้รู้สำนึกว่าต่อไปอย่าได้คิดลองดีหรือดื้อดึงกับเขาอีก
โครอสกระชับกอดคนงามที่นอนกระสับกระส่าย คนงามของเขาคงนอนหลับฝันร้ายอีกแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนที่เขาหวงแหนหลับไม่สนิท ลิเดีย..แม่นมของเขามักมารายงานแก่เขาด้วยความกังวลใจอยู่เสมอเวลาที่แมวป่านอนหลับไม่สนิทแต่ไม่ยอมลืมตาตื่น และในบางครั้งที่ความฝันนั้นน่ากลัวเกิดไปอีกฝ่ายก็จะละเมอออกมา
แน่นอนว่าเครื่องรางที่เขามอบให้อีกฝ่ายสามารถช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่สวมใส่จากฝันร้ายได้ แต่ถ้าคนที่ตามจองเวรเป็นถึงกษัตริย์แห่งไซธีเรีย ผลของเวทมนต์ย่อมมีมากกว่าผู้ใช้มนตราทั่วไป อีกทั้งความผูกผันทางสายเลือดก็ไม่ใช่สิ่งที่เวทมนต์สามารถขัดขวางได้ เครื่องรางของเขาสามารถปกป้องคนงามจากการตามล่าด้วยเวทมนต์ทุกชนิด แต่มันไม่อาจต้านทานสายสัมพันธ์ทางสายเลือดที่เชื่อมโยงกันระหว่างหมู่พี่น้องได้
เขาไม่เคยได้ยินข่าวว่ากษัตริย์ไอเรสยังคงตามล่าเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่หลบหนี เขาเคยได้ยินแต่ข่าวที่ว่ากษัตริย์ไอเรสกำลังตามล่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าย่อมเป็นสัตว์ตัวเดียวกันกับที่เขาออกตามล่าจนพบเจ้าแมวป่าตัวนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าไอร่าจะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น สัตว์ที่ผู้คนในดินแดนแถบเหนือเชื่อว่ามันจะนำความรุ่งเรื่องมาสู่ผู้ที่ครอบครอง แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงทำไมกษัตริย์ไอเรสถึงได้ปล่อยไอร่าที่ตอนนั้นน่าจะยังเล็กให้หลุดรอดออกมาได้ เพราะถ้าเป็นเขา เขาจะเลือกกักขังคนที่ต้องการเอาไว้และจะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ
โครอสเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าของไอร่าออก ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดเข้ามา ใบหน้าหวานยิ่งดูงดงามหวานล้ำ หากมีคนบอกว่าคนที่นอนอยู่นี้เป็นภูตพรายนางไม้หรือเป็นเทพธิดาเขาก็เชื่อ จะมีผู้ใดกันที่มีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาเช่นนี้
" ความงามของเจ้าใครกันที่เป็นผู้สรรสร้าง หรือมารดาของเจ้าจะเป็นภูติหิมะจริงตามคำกล่าวอ้าง"
คำร่ำลื่อถึงความงามของพระนางไดโอนีเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วทุกดินแดน บางคนว่านางเป็นแม่มด บางคนว่านางเป็นธิดาของเทพเซพฟรีรัส เทพแห่งสายลมผู้นำสัญญาณแห่งฤดูใบไม้ผลิมาสู่ดินแดนที่ตนลอยผ่าน แต่ก็มีบางคนที่กล่าวว่านางเป็นภูติหิมะ โครอสคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ไอร่าจะมีสายเลือดของทวยเทพหรือภูตพรายปะปนมา เหล่าทวยเทพหรือภูตินางไม้มักนิยมลงมาสมสู่กับมนุษย์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนถึงมีมนตรา ยิ่งเป็นเหล่าเชื้อพระวงศ์ยิ่งมีมนตรามากกว่าคนธรรมดา เพราะต้นกำเนิดของทั้งสี่ราชวงศ์ล้วนมาจากทวยเทพ ก่อนที่ทั้งสี่ดินแดนจะแตกแยกออกมาตามนิสัยชอบแก่งแย่งชิงดีของมนุษย์
หากไอร่าเป็นลูกหลานที่มีเชื้อสายเทพยดาจริง คงไม่แปลกหากมีคำร่ำลือว่าคนงามของเขาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำความรุ่งเรืองมาให้ เพราะเหล่าเทพมักประทานพรแก่ลูกหลานของตน เพื่อเป็นของขวัญที่ไม่อาจเลี้ยงดูบุตรหลานในโลกมนุษย์ได้
โครอสก้มลงสูดกลิ่นกายหอมหวานอีกครั้ง กลิ่นหอมของอีกฝ่ายช่างเหมือนดอกไม้ป่าหลังถูกหยาดฝนในฤดูใบไม้ผลิ นัยน์ตาสีน้ำตาลดูสวยงามราวกับเปลือกไม้กลางป่าใหญ่ เส้นผมสีน้ำผึ้งก็ลื่นละมุนดุจแพรไหม นอกจากผิวขาวราวหิมะนี้แล้ว โครอสก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีอะไรที่แสดงว่าตนเป็นคนแดนเหนืออีก แม้แต่องค์แอติรอสที่มีนัยน์ตาสีน้ำตาลแต่มันก็เป็นเพียงสีน้ำตาลที่อ่อนจาง ไม่ได้ดูเหมือนตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิแบบนี้
" เสด็จพี่ไอเรส.. อย่า.. ได้โปรด.. ฮึก อย่าทรมานข้า"
เสียงละเมอที่มาพร้อมหยดน้ำตาทำให้โครอสต้องเกลี่ยหยาดน้ำตาออก ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าคนที่ตามจองเวรคนงามถึงในความฝันเป็นกษัตริย์แห่งไซธีรา แต่ทำไมกัน เพราะหากอีกฝ่ายอยากจับตัวคนงามของเขากลับไปจริง ทำไมเจ้าแมวป่าต้องร้องละเมอออกมาด้วยความเจ็บปวด ทั้งที่อีกฝ่ายอาจเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
โครอสกระชับกอดก่อนจะท่องมนต์เพื่อขับไล่ฝันร้ายที่เกาะกิน แสงสีทองอบอุ่นครอบคลุมไปทั่วร่างของร่างบางทันที่โครอสท่องมนต์จบ คนที่ได้รับการปกป้องเริ่มผ่อนคลายลง ทั้งยังขยับกายเข้ามาใกล้คนที่นอนกอดอย่างหาที่พึ่ง แม้เมื่อตื่นขึ้นมาเจ้าจะจำไม่ได้ว่ามีข้าปกป้องเจ้าอยู่ แต่ไม่เป็นไร.. เพราะข้าได้สาบานแล้วว่าจะปกป้องเจ้าจากทุกสิ่งที่เจ้าหวาดกลัว
หลังเสร็จสิ้นมื้อเช้า โครอสนั่งฟังรายงานจากอลันที่ห้องทรงอักษร อลันได้ทำการสืบหาตัวผู้บงการที่วางแผนทำร้ายไอร่าพบแล้ว ช่างรวดเร็วอย่างที่เขาคาดจริงๆ
" นางกำนัลที่เสียชีวิตไปมีชื่อว่า เนนีย่าพะยะค่ะ เป็นนางกำนัลคนสนิทของพระนางกรีชา กระหม่อมให้คนสอบสวนนางกำนัลที่เหลือของพระนางหมดแล้ว พวกนางสารภาพว่าถูกพระนางสั่งให้คนคอยจับตาดูท่านไอร่าไว้ ถ้ามีโอกาสก็ให้ฆ่าได้ทันที อย่าให้ท่านไอร่าได้มีโอกาสตั้งครรภ์พะยะค่ะ"
หลังจากแจ้งรายงานจบ อลันก็อดส่ายหัวไม่ได้ สตรีพวกนี้นี่เป็นอย่างไรกันนะ ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้าท่านไอร่าก็คิดที่จะฆ่าเสียแล้ว แถมยังคิดว่าท่านไอร่าเป็นผู้หญิงเสียอีก แม้อลันจะยอมรับว่าเจ้าแมวป่าดูผอมเพรียวบอบบาง แต่ก็ดูปราดเปรียวคล่องแคล่ว ไม่ได้ดูอ่อนหวานเรียบร้อยเหมือนผู้หญิงซักนิด แต่ก็อย่างว่าละนะ ปากคนคงยิ่งเสียกว่าปากกา จะเอาอะไรกับคำลือและเสียงเล่าอ้าง ที่ต่อให้ไม่มีมูลก็ยังมีคนโง่ที่หลงเชื่อเข้าไปได้
" สั่งให้ประหารคนของนางกรีชาทั้งหมด ส่วนนางกรีชาให้ไล่ไปอยู่กับไคเธียบุตรชายข้าที่เมืองรองแดนใต้ ให้นางใช้ชีวิตอย่างสามัญชนและสั่งห้ามนางไม่ให้กลับเข้ามายังเฮริออสอีก ส่วนบุตรสาวให้ส่งไปเป็นชายาของเจ้าชายไธโรคลอว์ตามสารขอเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแดนตะวันออกกับแดนตะวันตก"
" แต่องค์หญิงอายุแค่สิบสองชันษาเท่านั้นนะพะยะค่ะ กระหม่อมคิดว่าน่าจะรออีกซักสองปีค่อยส่งไปดีกว่า หรือไม่ก็ส่งองค์หญิงองค์อื่นไปแทน.."
" ส่งนางไป หรือไม่ก็ให้นางไปลำบากกับแม่ของนาง การที่ข้าไม่ให้นางแต่งงานกับขุนนางขั้นต่ำหรือไล่ออกจากปราสาทก็ถือว่าข้าปราณีมากแล้ว"
" แล้วท่านไกอาล่ะพะยะค่ะ พระองค์ไม่กลัวว่าท่านไกอาจะมาอาละวาดหรือไง ที่บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนถูกเนรเทศไปแบบนี้"
" หากมันมายุ่งวุ่นวายกวนใจข้า ข้าจะสั่งลดตำแหน่งมันให้เหลือแค่พลทหารราบ ลีเดียเข้ามารายงานเรื่องของไอร่าหรือยัง"
เยี่ยมไปเลย.. นายของเขาจะสั่งลดตำแหน่งรองแม่ทัพของท่านไกอาให้เหลือเพียงตำแหน่งพลทหารราบเนี่ยนะ ถ้าไม่ติดว่าเขายืนอยู่ในห้องทรงอักษร อลันก็อยากวิ่งไปกระโดดลงมาจากยอดปราสาทซักครั้ง
" ท่านแม่มารายงานแล้วพะยะค่ะ ท่านไอร่ามีไข้เล็กน้อย ตามตัวมีรอยแดงช้ำทั่วตัว มีแผลฉีกขาดแต่ไม่มาก ท่านหมอจัดยาให้แล้ว ตอนนี้กำลังนอนพักผ่อน และถ้าพระองค์อยากรู้ ท่านไอร่าไม่ได้ฝากอะไรมาถึงพระองค์พะยะค่ะ ไม่ได้ร่ำไห้หรือด่าทอ แต่ท่านแม่คิดว่าท่านไอร่าอาจคิดหนีออกจากปราสาท เพราะคงทนอยู่ให้ท่านทำร้ายไม่ไหว"
โครอสหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินคำประชดของอลัน ตั้งแต่ที่เขาย้ายไอร่าไปยังปราสาทฝั่งตะวันออก อลันก็บ่นไม่เลิกถึงเรื่องที่เขาเอาแต่หลงเจ้าแมวป่า ซ้ำยังมีการบ่นอีกว่าไอร่าเป็นบุรุษไม่ใช่สตรีที่เขาต้องมาคอยตามใจดูแลแบบนี้ แน่นอนว่าอลันยังไม่เคยเห็นใบหน้าของไอร่า อลันเคยเปรยถึงมนต์สเน่ห์ที่มักมีติดตัวมาของสตรีแดนเหนือ แต่เขารู้ดีว่าตนเองไม่ได้ถูกมนต์สะกด แม้จะถอดเครื่องรางที่สวมใส่ แต่ตัวเขาก็มีมนตราในตัวเองมากพอที่จะต้านมนต์สเน่ห์เล็กน้อยแบบนั้น
" ข้าทำร้ายเจ้าแมวป่าที่ตรงไหนกัน การที่ข้ามีสัมพันธ์กับสิ่งที่เป็นของข้าไม่ใช่สิ่งผิด หรือเจ้าจะกล่าวโทษข้าที่วางแผนแกล้งคนปากดีให้รู้สึกนึก"
อลันกรอกตา การที่โครอสเป็นคนขี้แกล้งชอบปราบพยศเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยนึกแปลกใจ แต่สิ่งที่เขาแปลกใจคือนายของเขาหวังอะไรจากคนผู้นี้ต่างหาก เพราะถ้าแค่หลงในรูปร่างหน้าตา นายของเขาคงไม่วางแผนทำอะไรไร้สาระอย่างการวางยาบนโต๊ะอาหารหรอก
" ทำไมฝ่าบาทต้องวางแผนทำอะไนยุ่งยากอย่างการวางยาด้วยพะยะค่ะ ท่านไอร่ามีอะไรที่ทำให้พระองค์ติดใจสงสัยหรือพะยะค่ะ"
อลันอดไม่ได้ที่จะถามออกไป แม้เขาจะรู้จักโครอสดี แต่บางครั้งเขาก็ตามความคิดของอีกฝ่ายไม่ทัน ไม่รู้ว่าคราวนี้นายของเขาจะวางแผนอะไรไว้อีก
" เจ้ารู้ข่าวที่กษัตริย์ไอเรสทำการตามล่าหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่อลัน "
" กระหม่อมเคยได้ยินข่าวนี้มาบ้างพะยะค่ะ แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นข่าวลวงเสียมากกว่า สิ่งที่กษัตริย์ไอเรสตามหาน่าจะเป็นคนมากว่าสัตว์ป่า เพราะแดนเหนือมีสัตว์ป่าหายากมากมายพออยู่แล้ว ซ้ำยังเป็นดินแดนที่ยังคงมีเหล่าภูติอาศัยอยู่ กษัตริย์ไอเรสไม่น่าจะตามหาอะไรไร้สาระแบบนั้นที่ป่ามนตราโซลซีสท์" นอกเสียจากว่ากษัตริย์องค์นั้นจะเสียสติไปแล้วจริงๆน่ะนะ
" อลัน เจ้าจงไปหาทางติดต่อพวกกบฏที่หนีมาจากแดนเหนือ หาคนที่มีตำแหน่งใหญ่และเคยทำงานในวังไซธีเรีย ไปสืบข่าวมาให้ได้ว่าสิ่งที่กษัตริย์ไอเรสตามหาคือสิ่งใดกันแน่ และตามสืบดูว่ายังมีเชื้อพระวงศ์แห่งไซธีราเหลือรอดอยู่อีกหรือไม่"
ฝ่ายอลันที่ได้รับคำสั่งก็ครุ่นคิดทันที ติดต่อกลุ่มกบฏงั้นหรือ ฝ่าบาทของเขาคิดจะเข้ายึดครองและทำสงครามกับแดนเหนือหรือไง แต่แดนตะวันออกติดพันธสัญญาห้ามย่างกรายเข้าสู่แดนเหนือ สัญญาผูกมัดที่เกิดขึ้นด้วยเวทย์ลงนามของกษัตริย์องค์ก่อนทำให้มันมีผลครอบคลุมถึงประชาชนชาวเฮริออสทั้งหมด แล้วนายของเขาจะยกทัพเข้าไปในเขตแดนของอีกฝ่ายได้อย่างไร
" หรือฝ่าบาทจะให้กระหม่อมตามหาตัวเจ้าชายแห่งไซธีเรียเพื่อทำการใช้สายเลือดลบล้างพันธสัญญา แล้วจึงทำการประกาศสงครามกับแดนเหนือหรือพะยะค่ะ"
โครอสยกยิ้มอย่างพอใจ อลันเป็นคนฉลาดและมักรู้เท่าทันความคิดเขา แต่บางครั้งก็ไม่อาจรู้ได้ทั้งหมด
" ข้าไม่ต้องตามหาเจ้าชายผู้ถูกพลัดพรากจากแดนเกิดให้เสียเวลาแล้วอลัน แม้ข้าจะอยากครอบครองแดนเหนือ แต่ตอนนี้ข้ามีสิ่งที่อยากครอบครองมากกว่า เจ้าจงไปสืบหาต้นตอของข่าวลือเกี่ยวกับสัตว์ศักสิทธิ์ว่าเริ่มต้นมาจากที่ใด ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นคำทำนายที่ออกมาจากผู้พยากรณ์ประจำราชสำนัก เหล่าคนในราชวงศ์ต้องรู้คำทำนายนี้แน่ ส่งคนออกไปตามหาข่าวให้ข้าโดยเร็วที่สุด เพราะไม่แน่ว่าข้าอาจได้ครองแดนเหนือและสิ่งมีค่าที่คนแดนเหนือต้องการ โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อและกำลังทหารของแดนตะวันออกเลยแม้แต่ซักคนเดียว"
แต่คงให้คนจากแดนเหนือห้ำหั่นกันเองแล้วคอยฉวยโอกาสตอนหลังสินะ อลันคิด
" กระหม่อมจะรีบสืบหาข่าวตามที่พระองค์ต้องการพะยะค่ะ"
เมื่อได้รับมอบหมายงานเสร็จสิ้น อลันขอตัวออกมาเพื่อที่จะได้สั่งงานลูกน้องให้ออกตามหากลุ่มกบฏจากแดนเหนือที่แอบซ่อนตัวอยู่ตามชายแดน เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าซักวันนายของเขาคงได้ใช้ประโยชน์จากคนกลุ่มนี้ เพราะการที่โครอสยอมปล่อยให้คนต่างแดนเข้ามาในประเทศง่ายๆ ทั้งที่ตนเองไม่อาจเข้าแดนข้าศึกได้นั้น ย่อมหมายความว่าซักวันคนกลุ่มนี้ต้องมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
" อลัน เจ้ากำลังจะไปที่ไหนกัน"
เสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้อลันหันไปหาต้นเสียง คนที่เรียกเขาคือสหายสนิทของเขานั่นเอง
" เมลเลนท์ เมรอสเทีย ข้านึกว่าเจ้าจะตายไปแล้วเสียอีก เจ้ารอดมือมาจากองค์หญิงลูซิน่าได้ยังไงกัน"
บุรุษหนุ่มที่ชื่อเมลเลนท์ยกยิ้มก่อนหัวเราะร่วนอย่างถูกใจ เมลเลนท์เป็นบุรุษเจ้าสำราญที่มีใบหน้าคมเข้ม มีผมสีน้ำอ่อนยาวระบ่า เจ้าตัวเป็นคนอารมณ์ดีและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ อลันคิดว่าทุกอย่างที่ประกอบเป็นเมลเลนท์ช่างทำให้อีกฝ่ายงดงามราวรูปสลัก แต่อลันคงชมชอบคนผู้นี้มากกว่านี้ถ้าเจ้าตัวไม่มีนิสัยหนึ่งที่น่ารังเกียจ
" ข้าย่อมต้องหาทางเอาตัวรอดมาได้อยู่แล้ว ข้าจะยอมตายได้ยังไงในเมื่อผู้ที่ลงมือฆ่าข้า ไม่ใช่เจ้า..อลันยอดรัก"
อลันแยกเขี้ยวใส่ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวจบ เจ้าเมลเลนท์ยังไม่ยอมหยุดเรียกเขาว่ายอดรักเสียที แค่เพราะเขาเผลอไปตอบรับคำขอแต่งงานของอีกฝ่ายเมื่อตอนเด็ก ก็ทำให้เจ้านี่เรียกเขาว่ายอดรักไม่ขาดปาก เขาอยากเอามีดมาตัดลิ้นเจ้าคนพูดนัก
" ถ้าเจ้ายังไม่หยุดเรียกข้าด้วยคำพูดชวนขนลุกแสลงหู ข้าจะไปทูลองค์หญิงลูซิน่าว่าเจ้ามีสตรีซุกซ่อนอยู่ที่ใดบ้าง และถ้าเจ้าคิดจะแหย่ข้าไม่เลิก ข้าจะทูลฟ้องว่าเจ้าเพิ่งได้ลูกสาวคนใหม่จากหญิงสาวที่เจ้าแอบช่วยเหลือไว้ตอนไปทำสงครามกับแดนใต้"
" โธ่.. อลัน ข้าแค่แหย่เจ้านิดเดียว เจ้าถึงกับต้องฆ่าข้าทางอ้อมเลยรึไง ขืนองค์หญิงทรงรู้เข้า ข้าคงถูกสาปให้กลายเป็นลาแล้วต้องวิ่งแจ้นมาให้ท่านพ่อมดถอนคำสาปอีกแน่"
อลันอดขำไปกับคำพูดของเมลเลนท์ไม่ได้ องค์หญิงลูซิน่าเป็นพระเชษฐภคินีของฝ่าบาท พี่สาวแท้ๆของโครอสผู้นี้เป็นแม่มดที่งดงามที่สุดในแดนตะวันออก นางถือเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวของเมลเลนท์ องค์หญิงลูซิน่าหลงรักเมลเลนท์มาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะการที่เขา เมลเลนท์ และโครอส มีท่านอาจารย์คนเดียวกัน ทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องเข้าวังเพื่อไปเรียนรู้และศึกษาวิชากับโครอสบ่อยๆ องค์หญิงทรงรักเมลเลนท์มากถึงขนาดขอให้โครอสพระราชทานงานแต่งงานให้ แน่นอนว่าเมลเลนท์ไม่รังเกียจแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าเมลเลนท์คิดหาผลประโยชน์ทางการเมือง แต่เป็นเพราะเมลเลนท์เป็นคนเจ้าชู้ การได้องค์หญิงที่แสนงามมาอยู่ข้างกาย ทำให้เมลเลนท์ไม่คิดเล่นตัวหรือปฏิเสธให้เสียเวลา
แต่ด้วยความเจ้าชู้ในกมลสันดานของเมลเลนท์ หลังจากผ่านช่วงน้ำผึ้งหวานไปได้สองปี เมลเลนท์ก็เริ่มซุกซ่อนแอบมีเมียเล็กเมียน้อยอยู่ไปทั่วดินแดน จนเจ้าหญิงลูซิน่าต้องคอยตามอาละวาดระรานสตรีเหล่านั้นให้ต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากเมือง และในครั้งแรกที่องค์หญิงลูซิน่าจับได้ว่าเมลเลนท์แอบไปมีชู้จนให้กำเนิดบุตรชายขึ้นมา ตอนนั้นองค์หญิงอาละวาดอย่างหนักจนสองแม่ลูกต้องรีบเผ่นหนีออกจากเมืองเพื่อหนีคำสาปแช่งที่ทำให้ถึงตายของพระนาง แต่เมื่อสองแม่ลูกคู่นั้นหนีไปได้ องค์หญิงจึงหันมาลงคำสาปใส่เมลเลนท์ให้กลายเป็นลาแทน แล้วจับขังอยู่ที่คอกม้าของตนเอง กว่าที่เมลเลนท์จะหนีออกมาได้ก็ใช้เวลาถึงสามวันก่อนจะวิ่งมาหาเขา บุ้ยใบ้ให้เขาพาไปหาท่านพ่อมดเพื่อลบล้างคำสาป
" ข้าว่าเจ้าเป็นลาก็น่ารักดี เจ้าจะได้ไม่ต้องคอยส่งเสียงยียวนชวนรำคาญหูให้ข้าเบื่อหน่าย"
" แต่ข้าไม่อยากกินหญ้าแล้วนะ เจ้าไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหนที่ต้องทนกินหญ้าแห้ง แต่ถ้าให้พูดตามความจริงแล้ว กินหญ้าก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ที่แย่คือข้าต้องนอนคนเดียวโดยไม่มีสตรีข้างกาย มันยอดแย่ซะจนข้าอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายเสียตั้งแต่วันแรก"
" เจ้านี่มัน.." อลันไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าเจ้าคนที่ไม่ยอมรู้สำนึกนี่แล้ว ช่างน่าสงสารองค์หญิงเสียจริงที่มีสามีแบบนี้
" ว่าแต่เจ้าจะไปไหนหรืออลัน ข้าว่าจะขอให้เจ้าพาข้าไปยังปราสาทฝั่งตะวันออกเสียหน่อย ได้ยินว่าฝ่าบาทมีคนโปรดคนใหม่ เห็นว่างามนักจนฝ่าบาทหวงห้ามไม่ให้ผู้ใดพบเห็น" เมลเลนท์ว่าแล้วเข้าไปคว้าคอของสหายสนิท เขาได้ข่าวมาว่าคนโปรดคนใหม่ของฝ่าบาทงามนัก แม้จะไม่ค่อยได้มีใครได้พบเห็น แต่คนที่เคยได้ดูแลรับใช้หรืออยู่ดูแลก็ส่งข่าวมาบอกว่าเป็นท่านหญิงที่งามนัก
เมลเลนท์ เมลรอสเทียลากคอสหายสนิทให้เดินไปทางปราสาทฝั่งตะวันออกโดยไม่ฟังเสียงร้องท้วงของอีกฝ่าย จนเมื่อถึงในที่สุดอลันจึงตัดสินใจใช้ไม้ตายที่ทำให้เมลเลนท์สามารถหยุดกึกได้ทันที
" ท่านไอร่าเป็นบุรุษ เช่นนั้นแล้วเจ้ายังจะอยากพบหน้าท่านไอร่าอยู่อีกไหม"
" อะไรนะ!"
ได้ผล.. เมลเลนท์ตะโกนเสียงดังลั่น เขาหยุดเดินในทันทีแล้วมองหน้าสหายสนิทอย่างไม่อยากเชื่อสายตาและเชื่อในรูหู แม้การมีสัมพันธ์กันระหว่างชายกับชายจะเป็นเรื่องปกติในชนชั้นสูง แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าฝ่าบาทจะเป็นไปกับเขาด้วย เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยเห็นโครอสสนใจผู้ชายเลยซักครั้ง แม้แต่เด็กหนุ่มรูปงามจากแดนใต้ที่ถูกส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ โครอสยังไม่ชายตาแลเลยซักนิด หนำซ้ำยังยกให้นายทหารที่นิยมเด็กชายไปได้อย่างหน้าตาเฉย
" แล้วทำไมถึงมีข่าวลือว่าท่านไอร่างามนัก เห็นว่างามยิ่งกว่าองค์ราชินีเสียอีก"
เมลเลนท์พูดเสียงโอดก่อนจะพูดเสียงเบาลงในประโยคหลัง ถึงเขาจะสนิทกับฝ่าบาทแค่ไหน แต่ถ้าปากไม่มีหูรูดของตนทำงานไม่ถูกเวลา เขาก็อาจถูกตัดลิ้นได้อยู่ดี
" ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าเป็นคนโง่ถึงขนาดยอมเชื่อข่าวลือไร้สาระที่มาจากปากนางกำนัล ถ้าท่านอาจารย์รู้เข้า ท่านต้องชีช้ำแน่ที่ลูกศิษย์คนโปรดโง่เง่าได้ขนาดนี้"
อลันว่าแล้วเดินกลับไปทางเดิม เจ้าเพื่อนคนนี้ทำให้เขาเสียเวลามากแล้ว แม้วันนี้นายของเขาจะมีประชุมขุนนางทำให้เขาไม่ต้องติดตามเหมือนทุกครั้ง แต่เขาก็ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เพราะเกิดนายของเขามีเรื่องสั่งการแล้วเขาไม่อยู่ เขาเกรงว่าคนที่ได้รับคำสั่งแทนเขาจะต้องตายไปซะก่อนโทษฐานทำงานไม่ได้ดั่งใจ
ขณะที่กำลังเร่งฝีเท้า อลันก็นึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนหนึ่งที่รู้ใจโครอสไม่ต่างจากเขา
" จริงสิเมลเลนท์ เจ้ามาหาข้าได้แสดงว่าวันนี้เจ้าว่างใช่ไหม"
" หืมม ใช่ ทำไมหรือ"
อลันส่งยิ้มหวานที่ทำให้เมลเลนท์นึกอยากถอนคำพูดของตนเอง ท่าทางแบบนี้คงไม่พ้น..
" ข้าต้องไปทำงานตามที่ฝ่าบาทมอบหมาย ดังนั้นวันนี้เจ้าช่วยตามรับใช้ฝ่าบาทแทนข้าหน่อย ตอนนี้ฝ่าบาทคงกำลังประชุมกับสภาขุนนางอยู่ เจ้ารีบตามไปช่วยเหลืองานฝ่าบาทเดี๋ยวนี้เลย"
" พอดีข้านึกขึ้นได้ว่าองค์หญิงสั่งข้าให้รีบกลับ ข้าคงไม่.."
" เจ้าคงไม่อยากให้องค์หญิงสาปเจ้าเป็นลาอีกหรอกใช่ไหม สหายข้า"
" ..ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย"
" ฝากด้วยนะเมลเลนท์ และข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนเลยว่า อย่าเข้าใกล้ท่านไอร่า และอย่าแอบดูใบหน้าท่านด้วย เขาว่าคนจากแดนเหนือมักมีเชื้อสายภูตพราย ข้าไม่อยากให้เจ้าหลงมนต์สะกดที่อาจจะมีอยู่บนตัวท่านไอร่า"
อลันกล่าวแล้วมองหน้าเมลเลนท์พยักหน้าอย่างขอไปที เขาหวังว่าตนเองคงไม่ต้องกังวลหรือปวดหัวกับเรื่องนี้มากนัก แต่เขาต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะเพียงแค่ฝ่าบาทหลงเจ้าแมวป่าที่เป็นคนมาจากแดนเหนือคนเดียวเขาก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว คงไม่ต้องให้สหายสนิทมาทำเรื่องให้เขาปวดหัวมากขึ้นไปอีก
ฝ่ายเมลเลนท์ที่พยักหน้าอย่างขอไปทีก็ไม่ได้สนคำเตือนสหายสนิทเลยซักนิด เพราะต่อให้อีกฝ่ายงามแค่ไหน เขาก็ไม่คิดว่าตนจะหลงเสห่ห์บุรุษด้วยกันได้อยู่แล้ว
เฮ้อ.. สิ่งที่เขากังวลน่ะก็มีแต่เรื่องที่ต้องไปฟังเรื่องปวดหูจากพวกขุนนางแก่หนังเหี่ยวที่เอาแต่พูดจาไร้สาระจนชวนปวดหัวต่างหาก