18 รักเอย จริงหรือที่ว่าหวาน...
http://www.youtube.com/v/4yXQzp0AsCc18( เจ็ดสิบเปอร์ ) รักเอย จริงหรือที่ว่าหวาน หรือทรมานใจคน
“ไอ้บลู” เหมือนมีเสียงตัวเหี้ยลอยมากระทบเยื้อก้วหู แต่ผมไม่สนใจครับ ทำไมวันนี้อากาศมันดีจังวะ
“เหี้ยบลู”คราวนี้ไม่เรียกเปล่าๆครับ ยังเอาขาหน้ามาตะกรุยแขนกูอีก
“มึงอย่าไปสนใจเลย...โปรดเข้าใจคนมีผัว”ทีนี้ผมหันควับเลยครับ...ไอ้สลัดปิน
“มีไร”ผมถามเสียงห้วนพร้อมหันไปมองไอ้ปินกับไอ้เฟาที่นั่งเสนอหน้าขนาบข้าง
อ้าว...วันนี้เหลือสองตัว แล้วไอ้เชี่ยแว่นหน้าม่อมันไปเปรี้ยวตีนกะเรกะราดอยู่ที่ไหนวะ ใครเจอมันโปรดแจ้งผมนะครับ คนแบบนี้ปล่อยเอาไว้ เดี๋ยวมันจะเป็นภัยสังคม
“ไอ้เฟามันมีเรื่องจะปรึกษา”ไอ้ปินพูด ส่วนไอ้เฟาก็ก้มหน้าก้มตา
“เรื่อง?”ผมถามไอ้เฟา แต่มันยังเงียบ
อ้าวไอ้ห่านี่ มึงคิดว่ามึงเป็นโสนน้อยเรือนงามที่ต้องกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากเวลาพูดรึไงห๊ะ...ผมจำถูกเรื่องใช่ปะวะ
“คนเยอะ...เย็นนี้ไปกินเหล้ากัน เดี๋ยวกูจะเล่า”มันพูดจบก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที
ไอ้ตัวกระผมก็ไม่ขัดดอกที่ท่านเฟาจะใจบุญสุนทานพากระผมออกไปเลี้ยงดริ๊งเย็นนี้ แต่กระผมนั้นเป็นคนมีบ่วงแล้วนะครับคุณ ถึงจะไม่ค่อยอยากยอมรับเท่าไหร่ แต่ทุกวันนี้กูก็มีสาระมีเป็นตัวเป็นตนแล้วนะเว่ย
“เอ่อ แปบนะ”ผมยิ้มแห้ง หยิบบีบีขึ้นมา ก่อนจะส่งข้อความไปหาไอ้เฮีย
‘เฮียวันนี้บลูไปกินเหล้ากับไอ้เฟานะ มันเครียด เฮียไปต้องรอนะ เดี๋ยวให้ไอ้เฟาไปส่ง’ผมกดส่งไปไม่นาน ก็ได้ข้อความตอบกลับ
‘ถ้าเมาก็โทรมา เดี๋ยวไปรับ’ผมคลี่ยิ้มบาง...นี่คงเป็นสัญญาณที่ดีต่อชีวิตคู่ ถึงเมื่อก่อนมันจะเอาแต่ใจขี้บังคับจนผมอึกอัดใจ แต่ตั้งแต่วันนั้น วันนั้นแหละ (อินเดอะคาร์ตรงตีนสะพานบางประกง) เหมือนเฮียมันจะเคารพสิทธิผมมากขึ้นนะ...มีเหตุผลขึ้น
‘กั๊บป๋ม’
ผมอมยิ้มหน้าบานแฉ่ง ก่อนจะกลับมามองเพื่อนรักสองคน แต่ผมก็ต้องสะดุ้งขึ้นมาทันที เมื่อเจอสายตาที่จ้องเขม็งมาทางผม
“หมันไส้!!!”ไอ้เฟากับไอ้ปินตะโกนพร้อมกัน
“อิจฉากูล่ะสิ”ผมยิ้มเหยียด
“เออ!!”มันทั้งคู่กระแทกเสียง
“ตรงนั้นน่ะ เสียงดังอะไร!!”อุ๊ย ชิบหายแล้วไหมล่ะพวกมึง...เจ้ดาเดินมาแล้วไอ้พวกเชี่ย “ถ้าไม่เรียนก็ออกไป”มาเรียบๆครับ แต่กูงี้หนาวไส้
จะออกไปได้เยี่ยงไร
ขาดอีกครั้งกูหมดสิทธิ์สอบแล้วครับคุณ
“ขอโทษครับ”พวกผมสามคนงึมงำบอก เจ้แกก็เดินไปสอนต่อ
เลิกเรียนผมสามคนก็แยกย้ายกันกับไปอาบน้ำอาบท่า ไอ้เฮียยังไม่มา สงสัยมีซ้อม วันนี้ผมเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มเพื่อขับผิวที่ของผมที่ขาวอยู่แล้ว ให้ดูขาวมาขึ้น สวมยีนส์ตัวเก่งที่แพงฉิบหาย เซ็ทผม ทาแป้งเด็กแคร์เสร็จก็โทรเร่งไอ้เฟาอีกรอบ แต่ไอ้ห่านี่เสือกตัดสายผมทิ้งซะงั้น
ผมตัดสินใจมารอมันข้างล่าง นั่งรอไม่ถึง5นาทีฟอร์จูเนอร์สีดำสนิทก็จอดเทียบหน้าหอ ผมรีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ไอ้เฟาหันมามองผมด้วยตาเป็นประกาย
“มึงหล่อแท้วะ”ผมได้แต่ยิ้มรับ...ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงอ่ะครับ ก็เล่นพูดความจริงซะขนาดนี้(ถุย)
“อ้าวไอ้เหี้ยปิน วันนี้มึงไม่ไปง้างปากคนปากแข็งอะไรหรอมึง”ผมถามไอ้ปินที่นั่งเป็นคุณชายอยู่ข้างหลัง
“ไม่เสือกสักเรื่องจะได้ไหม”มันพูดเสียงห้วน
“อ้าวไอ้ห่านี่ กูก็อุส่าถามด้วยความเป็นห่วง(ตรงไหนวะ)”
“มันอกหัก”ไอ้เฟาเฉลย ไอ้ปินก็หน้าหงิกไปยิ่งกว่าเดิม
“ทำไมวะ มีอะไรก็ปรึกษากูได้นะเว่ย”ยังไงซะกูก็เป็นพี่สะใภ้มึงนะ(ถุย)
“คืออย่างงี้ คนที่เปิดซิงไอ้ปินอ่ะ เขามีผัวอยู่แล้ว แล้วเข้าใจผิดว่าไอ้เหี้ยปินเป็นผัวเขาไรงี้”ไอ้เฟาพูดจบไอ้ปินก็เงื้อมือซัดกระโหลกไอ้ปากมากไปที
“โอ๊ย”ไอ้เฟาปล่อยมือจากพวงมาลัยมาคลำหัว...อย่าทำแบบนี้ กูเป็นมีครอบครัวแล้ว ไม่ใช่ไอ้บลูที่ตัวเปล่าเล่าเปลือยที่พร้อมจะตายพร้อมมึงทุกเมื่อเหมือนแต่ก่อนนะเฮ้ย
“ไม่ใช่ผัวเว่ย เขาแค่แอบชอบไอ้เหี้ยนั่นเฉยๆ”แล้วไอ้ปินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มึงจะไม่สู้หรอ”ไอ้ปินหันมามองผม ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆ “ไม่ล่ายลั่งจายคุณแม่เลยค่ะ”ผมพูดอย่างดัดจริต “มึงคิดดูนะ เมื่อก่อนกูเกลียดขี้หน้าไอ้เฮียจะตายห่า แล้วดูทุกวันนี้...ตอนนี้เขายังไม่ชอบ ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะเกลียดมึงสักหน่อย โอกาสสำเร็จมึงเยอะกว่าพี่มึงอีกนะ”
“ก็เขาไม่ได้ใจง่ายเหมือนมึงนี่”เออว่ะ...ไม่ใช่ล่ะสาส กูออกจะรักนวลสงวนตัว
“เดี๋ยวกูถีบ”ไอ้ปินยิ้มบาง “มึงออกมากับพวกกู แล้วถ้าสองคนนั่นแอบไปตกล่องปล่องชิ้น มึงจะไม่เสียใจหรอวะ แต่มึงตัดใจแล้วนี่เนอะ ปะสาสส แดกเหล้าย้อมใจโว้ย”ผมพูดก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มอิสเมิร์ฟที่ตั้งใจขับรถอยู่
“คนหลายใจ มีคนอื่นอยู่แล้วยังจะมาทำเจ้าชู้กะเค้าอีก”ไอ้เฟาทำสะดีดสะดิ้ง
“แต่ในหัวใจพี่ก็มีแต่ยาหยีนะจ๊ะ”ผมหอมแก้มไอ้เฟาอีกฟอด
“เค้าเขินนะ”พูดจบก็ชกเข้าไหล่ผมเต็มๆ
พลั่ก!!
กูเจ็บนะอิเตี้ย
“แม่ยอดขมองอิ่ม เล่นแรงแบบนี้เดี๋ยวจะเจอส้นตีนนะจ๊ะ”ผมพูดจบ ไอ้เฟาก็หันมาทำลอยหน้าลอยตาใส่ผม
“โอ้ยยยยยย”เสียงดังจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง
“เฮ้ย มึงเป็นอะไร”ผมถามไอ้ปินในขณะที่ไอ้เฟาพยายามเอารถเข้าข้างทาง
“มะ ไมเกรน... แล้วก็กูปวดท้อง กูยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า”ผมมองไอ้ปินที่นอนหน้าซีด
“ไอ้เฟา เดี๋ยวกูไปซื้อยาไมเกรน ส่วนมึงไปซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้มันนะ”ไอ้เฟาที่ดึงเบรกมือขึ้น พยักหน้ารับ
“มึงทนหน่อยนะ เดี๋ยวพวกกูมา”อิเตี้ยพูดจบ ผมกับมันก็ลงจากรถทันที
แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหน รถที่ควรจะอยู่นิ่งๆ เสือกออกตัวสู่ท้องถนนท่ามกลางสายตาของพวกผมสองคน....ไอ้เหี้ยปิน!!!
ผมกับไอ้เฟา ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่ราวสองนาที ก่อนจะตัดสินใจไปโบกพี่แท็กแล้วมุ่งสู่เป้าหมายที่เราต้องการจะไป ย่านรัชดายามค่ำคืน ยังคงรถเยอะเช่นเคย ถึงผับที่อิเตี้ยจองโต๊ะ โซนวีไอพีที่พวกผมนั่งนั้นดูเป็นส่วนตัวสมกับความเป็นผู้ดีในตัวผมจริงๆครับ
“มึงมีอะไรจะพูด”ผมเริ่มชิงเปิดประเด็น
“กูจะซิ่ว”มันพูด ก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกร
“ซิ่วทำไม”ผมถามเสียงแผ่ว...รู้สึกใจหายอย่างประหลาด
“มึงก็รู้เรื่องกูกับไอ้เอม มันเป็นความผิดพลาดทั้งกูและมัน กูอยากให้มันลืมๆไป แล้วทำตัวให้เป็นเหมือนเดิม”ผมนั่งฟังอย่างตั้งใจ “แต่มึงดูมันทำ มันจ้องจะเอากูตลอดเวลา ก้าวก่ายชีวิตกู ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกู”มันพูดแค่นั้นก็เบือนหน้าไปอีกทาง
“ไอ้เฟา มึงฟังกูนะ ถ้ามึงซิ่วด้วยเหตุผลที่ดีกว่านี้กูจะไม่รั้งมึงเลย แต่ถ้ามึงซิ่วด้วยเหตุผลนี้กูว่าไม่สมควร ส่วนเรื่องไอ้เอม กูว่าเป็นเรื่องปกติว่ะ มึงคิดดูนะ ไอ้เอมมันก็เหมือนหมามันฉี่ใส่เสาไฟฟ้านั่นแหละมึง หมามันฉี่ไว้ตรงไหนตรงมันก็ถือตรงนั้นเป็นของมัน ไอ้เอมก็เหมือนกันมันปล่อย-ปิ๊บ-ในตัวใคร คนนั้นก็ถือเป็นของมัน ก็ต้องหวงเป็นธรรมดา” พูเองกูก็งงเอง
“โถ ไอ้สัตว์ กูไม่น่าปรึกษามึงเลย”ไอ้เฟาพูดจบก็เป็นเวลาที่บริกรเอาของที่สั่งมาเซิร์ฟพอดี
นั่งไปสักพัก ไอ้เฟาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมก็ได้แต่นั่งกระดกไปพลางขณะรอมัน มีคนมาขอชนขอเบอร์บ้าง แต่ผมก็ปฏิเสธไปเกือบทุกราย บางรายดูปฏิเสธยากหน่อย ก็ให้เบอร์ไอ้เฮียไปแทน...โทรเลยครับมึง ถ้าอยากแดกตีนยามวิกาล
แบล็คหมดไปครึ่งขวด ผมแด็กไปสองแก้วกับเตกีร่าอีกช็อต เมาหัวแทบทิ่ม ไอ้เฟายังไม่ได้กรึ๊บสักอึก และเนื่องจากขากลับจากห้องน้ำมันเจอหญิงถูกใจ เลยพากลับมานัวเนียที่โต๊ะด้วย ผมได้แต่นั่งดูด้วยความเวทนา...บางทีผมควรก็จะเตือนไอ้เอมบ้าง
เพราะผมไม่ชอบไอ้เฟาในสภาพนี้เลยจริงๆ
เริ่มเมาผมก็เริ่มเลื้อย ผู้หญิงมาจากไหนไม่รู้แหละ กูนัวด้วยหมด ผมจำอะไรได้เป็นช่วงๆ ไม่รู้ออกจากผับตอนไหน แต่รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ แสงนีออนสว่างจ้าแยงเข้าเบ้าตา ผมมองผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังทำอะไรสักอย่างกับกล้ามเนื้อหน้าท้องผม มองไปที่โซฟา ผมเห็นไอ้เฟากำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนเดิมที่มันตกมา ผมหันมามองคนที่ยังคงเลื้อยผมอยู่... เอิ่ม อีนี่แม่งใครวะ
เธอเงยหน้ามองผม ก่อนจะยิ้มอวดเขี้ยวเล็กแหลมนั่น เอาเป็นว่าใครก็ไม่รู้แหละ แต่หน้ารักดี เอาเป็นว่าผ่าน... ผมช้อนหน้าเธอขึ้น ก่อนจะประกบปาก
ทั้งที่คนตรงหน้าสวยกว่า น่ารักกว่า เป็นแบบตัวเล็กๆ มีเขี้ยว แบบที่ผมชอบเลย แต่ทำไมผมกับไม่รู้สึกอะไรเลยวะ... ไม่เหมือนตอนจูบกับไอ้เฮีย
หรือผมจะไม่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้อีกแล้ววะ!!
แต่ช่างมันเหอะ... ในเมื่อทุกวันนี้ผมมีเฮียแล้ว จะให้สวยให้เด็ดยังไง ผมก็ไม่ต้องการ
“รำคาญ”ผมพูดแค่นี้ แล้วก็พลิกตัวหนี
ผมตัดสินใจหลับไปทั้งอย่างนั้น ในฝันผมเห็นไอ้เฮียด้วยครับ คิดถึงวันที่ผมกับมันมีซัมติงกัน แล้วมันก็พาลหงี่ขึ้นมาดื้อๆ...ช่างแม่ง กูไม่มีแรงว่าว
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าพร้อมความปวดหัว ปวดตัว และปวดหลัง ถ้าจำไม่ผิด เมื่อคืนผมนอนพื้นทั้งคืนเลยนี่หว่า เมาก็เมา เพลียก็เพลีย แถมต้องมาปวดหลังอีก... มันใช่เรื่องไหม
“พี่ชื่ออะไรหรอคะ”ผมมองคนที่นอนเกยอกผมอยู่
“บลู... อายุเท่าไหร่น่ะ”ผมถาม
“มิกะอายุ16ค่ะ”เธอยิ้มตาหยี ส่วนผมตาขวากระตุก... ราวว่าจะมีรางร้ายคืบคลาน
“มึงพรากผู้เยาว์ ส่วนกูอดแดก”ไอ้เฟาที่อยู่บนโซฟาพูดกับพ้นควันบุหรี่ออกมา...ไม่ยักรู้ว่ามันสูบ
“ไปสูบไกลๆดิ กูเลิกบุหรี่แล้ว”ผมพูด ไอ้เฟาก็เดินออกไปข้างนอกห้องเลย
“พี่เขาพูดชื่อแฟนออกมาน่ะค่ะ ผู้หญิงคนนั้นเลยอารมณ์เสียใหญ่เลย แฟนพี่เขาชื่อน่ารักเนอะคะ ชื่อเอม”คุณพระ ถึงอิเด็กนี่พูกมาก แต่ก็มีประโยชน์อยู่
แล้วเรื่องกูกับมันนี่เอาไง หวังว่าแค่วันไนท์สแตนนะอิหนู เพราะเรื่องนี้ถ้าผัวพี่รู้ แล้วตัวกูนั้นจะซวย
“พี่บลูน่ารักจังเลยค่ะ หุ่นก็ดี เป็นนักกีฬาหรอ”อย่ามาทำตาบ๊องแบ๊วใส่กูนะอิกระต่ายปีศาจ
“อาใช่ คาราเต้”ได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกไป “เขยิบหน่อยได้ไหม จะอาบน้ำ”ผมบอก มิกะก็ลุกขึ้นจากตัวผม
ผมหอบหิ้วเสื้อผ้าชุดเมื่อวานเข้ามาในห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันลงกลอน ใครอีกคนก็แทรกตัวเข้ามาในห้องน้ำ... อิเด็กนี่
“มิกะอาบด้วยนะคะ”ผมไม่ตอบ เปิดน้ำให้ไหลรินชำระบาปที่ผมก่อขึ้น... ไม่น่าเลยจริงๆ “ปั้น ชื่อเต็มๆอะไรหรอคะ แป้งปั้น ข้าวปั้น เห็นพี่เพ้อทั้งคืน... แฟนหรอ”ผมพยักหน้าพร้อมบอกว่า ประมาณนั้น
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็ลากไอ้เฟากลับทันที ส่วนผู้หญิงหรอ ช่างแม่ง กลับกันเองละกัน ใครจะด่าผมไม่มีความรับผิดชอบก็เอาเลย... ปวดหัว
ถึงหอผมก็ดิ่งขึ้นห้องทันที แต่พอเปิดประตูเข้าไปปั๊บ ภาพแรกที่ผมเห็นคือไอ้เฮียกวาดห้อง... อืม เกิดเหตุอัศจรรย์อะไรตอนกูไม่อยู่วะ
“กลับมาแล้วหรอ”มันส่งยิ้มหวานมาให้... ผมล่ะงง สภาพมันอย่างกับเมียหลวงรอสามี(?)กลับบ้าน “จะนอนพักไหม ดูมึงเพลียๆ”ถึงจะงงแต่ผมก็พยักหน้า ก่อนจะเก็บร้องเท้าเข้าตู้ แล้วพุ่งตัวไปที่เตียง
ถึงจะเพลียขนาดไหน แต่จิตใต้สำนึกผมมันก็หลับไม่ลงจริงๆ เฮียแม่งเดินป้วนเปี้ยน จะนอนก็นอนไม่ได้ ผมเลยลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วมองมันทำความสะอาดห้องอย่างขยันขันแข็ง.... มันเป็นเห้อะไร
พอทำความสะอาดห้องเสร็จมันก็ไปขัดห้องน้ำต่อ ผมล่ะปวดกบาล มันเป็นอะไรของมัน ทำตัวประหลาดๆ หลังจากดูมันขัดห้องน้ำจนฉ่ำใจ ผมก็เดินไปเปิดตู้เย็น แล้วเอานมรสสตอเบอร์รี่ออกมา แล้วกระดกรวดเดียวหมด... เจริญล่ะ กูแด๊กนมตอนแฮงค์
คลื่นในท้องเริ่มโหมกระหน่ำ ก่อนจะเริ่มหมุนติ่วๆขึ้นมาจุกบริเวณอก...มันกำลังจะมา อ้วกกำลังจะมา!!... ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ กอดชักโครกไว้แน่น แล้วคลายเมจิรสสตอเบอร์รี่ออกมาอย่างหมดไส้หมดพุง...ฮ๊าาา อ้วกสีจมปู
“โฮกกกกกก”นี่ถ้าไส้กับกระเพาะมันออกมาได้ มันก็คงจะออกมาแล้วล่ะ “เฮียปั้นออกไปก่อนได้ปะ บลูจะอาบน้ำ”ผมบอกทั้งที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่อ้วกสีชมพู
เฮียปั้นไม่พูดอะไร มันเดินออกไปเงียบๆ สักพักมันก็กลับมาพร้อมผ้าเช็ดตัว แล้วมันก็ออกไปอีกรอบ(พูดเองงงเอง) ผมล็อกประตู ฉีดน้ำล้างเป็ดโปร์บนพื้นที่ไอ้เฮียราดไว้บนพื้น... กัดซะเยื่อผนังตีนกูแทบกร่อน
ผมอาบน้ำไปอีกรอบของวันด้วยจิตใจขุ่นมัวและในหัวก็มัวหมอง เอาเป็นว่าตอนนี้ผมทั้งแฮงค์ มึน งง เบลอ แถมอยากจะอ้วกอีกด้วย ถึงนี่จะไม่ใช่ประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์กับสตรีครั้งแรก แต่นี่มันก็เป็นครั้งแรกที่ผมพรากผู้เยาว์(ไม่นับอิหลินนะ ตอนนั้นเป็นผู้เยาว์ทั้งคู่) โอ๊ยยย ปวดหัว
เด็กนั่นมันชื่ออะไรมิมินะ ห๊ะ มีคนตะโกนบอกมิสะ(นั่นมันเรื่องเดตโน้ตล่ะ) เอาเป็นว่าผมจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร จำได้ว่าอะไรมิมินี่แหละ ดังนั้นเรียกมิมิไปก่อน ผมบอกตรงๆเลยนะครับ ผมกลัวเด็กคนนี้จริงๆ เพราะก่อนผมจะกลับ เธอได้บอกว่า พี่จะต้องจำหน้ามิมิไปตลอดเลยล่ะ... อย่าว่าแต่หน้า ชื่อมึงกูยังจำไม่ได้เลย
อาบน้ำเสร็จผมก็พันท่อนล่างด้วยผ้าเช็ดตัว พอเปิดประตูห้องน้ำ ผมก็ต้องเจอกับไอ้เฮียที่ยังคงตีสีหน้ายิ้มแย้มอย่างผิดปกติ...เน้นตัวโตๆว่าผิดปกติ
“เฮียเป็นไรวะ”ผมเลิกคิ้วถาม
“ก่อนที่กูจะตอบมึงว่ากูเป็นอะไร”มันสาวเท้าเข้ามาหาผม ก่อนจะตะคอกประโยคที่เล่นเอาผมชาวาบไปทั้งตัวออกมา “มึงตอบกูมาก่อนไหม ว่าเมื่อคืนไปทำเหี้ย!อะไรมา!”
ชิบหายแล้วไหมล่ะ 
“ใครทำ”มันถามเสียงนิ่ง พร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปที่คอผม
ใครทำ? เชี่ยไรวะ
ผมรีบวิ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้งทันที ภาพสะท้อนเงาตัวเองในกระจกทำให้ผมเห็นรอยแดงช้ำๆที่ซอก ไหล่ และไหปลาร้า ทั้งหมดสามรอย...รอยนี้กูได้แต่ใดมา
“ว่าไงไหนว่าไปกินเหล้ากับไอ้เฟา แล้วทำไมมึงถึงมีรอยดูดกลับมา”ผมหันมองไอ้เฮียที่ยังคงยืนกอดอกอยู่ที่เดิม “ไปเอากับใครมา”ผมถึงกับสะดุ้ง...ชัดเลย
อิเด็กมิมิเล่นกูแล้วไหมล่ะ
“เฮียปั้น...คือบลูเมา นี่ใครคงดูดไว้ตอนบลูเมานั่นแหละ ไม่มีอะไรจริงๆ”ผมพยายามอธิบาย
“มึงกำลังโกหก”ไอ้เฮียถอนหายใจแล้วสาวเท้าเข้ามาหาผม “บอกความจริงกูมา... สัญญา ว่ากูจะใจเย็น”มันดึงผมเข้าไปกอด
ผมถึงกับน้ำตาไหล ไม่ใช่ซึ้งใจอะไร แต่อิเฮียมันกัดคอผมครับ...ไหนว่ามึงจะใจเย็นงายยย
พอไอ้เฮียกัดทับรอยสามรอยนั่นเสร็จ มันก็ลากผมที่ยืนน้ำตาปริ่มไปนั่งบนเตียง พอสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ผมกก็เริ่มเหล้า เรื่องที่ไปกินเหล้า จากนั้นก็เมา แถมตื่นมาอีกทีก็มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มานอนอยู่ข้าง
“มึงเลิกร้องไห้ได้แล้ว”เฮียพูดจบก็เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผม...นี่กูร้องไห้หรอ
ผมไม่รู้ตอนนี้ผมเป็นอะไร แต่ผมปวดใจพิกล หน่วงๆในอกยังไงก็ไม่รู้
“เฮียปั้น บลูขอโทษ”ผมโผเข้าไปกอดมันไว้...ผมไม่รู้ผมเป็นอะไร
แต่ผม...ไม่พร้อมจะให้เรื่องของผมกับมันจบลงแบบนี้
“กูไม่ยกโทษให้”มันพูดจบ ผมก็ได้แต่ปวดในอก...คำขอโทษมันแก้ไขอะไรไม่ได้จริงสินะ “จนกว่า”ผมเงยหน้ามองเฮียปั้นที่คลี่ยิ้มมองผมอย่าเจ้าเล่ห์ “มึงจะให้กูเอาเท่าจำนวนรอยบนตัวมึง”ริมฝีปากบางสวยกระซิบที่ข้างหูผม
อิเฮียยยยย สมองมึงมีแต่เรื่องแบบนี้ใช่ไหม กูเพิ่งนอกกายมึงไปนะเว่ย มึงต้องดราม่าด่ากูอะไรแบบนี้เซ่ ไม่ใช่มาชวนกูลงเตียงยิกๆอย่างนี้
“ว่าไง”นั่นๆยังถามเสียงกระเซ่าเร้าอารมณ์ต่ออีก เห็นแบบนี้กูก็เป็นคนมียางอายนะสาส จะให้ตอบว่าตามสบายนะเฮีย อะไรแบบนี้มันเสียเชิงกูนะเว่ย “ถ้าไม่ กูจะกลับบ้าน”ไอ้เฮียทำท่าจะลุก ผมก็รีบพุ่งกอดเอวมันไว้ทันที
“เฮียจะให้ผมพูดยังไง...ผมอายนะเว่ย”ผมพูดเสียงแผ่ว
“ถ้าคนที่ทำกับกูแบบนี้ไม่ใช่มึง กูคงจะทิ้งไปอย่างไม่ไยดี”มันพูด ผมก็ยิ่งกอดมันแน่น “แต่กูก็รักมึงมากเกินกว่าที่กูจะทิ้งมึงไปได้”มันลูบหลังผมเบาๆ
“ผมก็รักเฮียเกินกว่าที่ยอมให้เฮียทิ้งผมไปง่ายๆเหมือนกัน”ผมรักกอดเอวมันเหมือนเดิม
“มึงรักกู?”มันทวนคำ ผมงี้หน้าร้อนจนแทบจะระเบิด...ตั้งแต่เกิดมา นอกจากครอบครัวแล้วก็เพื่อนสนิท ผมยังไม่เคยบอกรักใครเลยนะเว่ย
“อือ อย่าพูดบ่อย...ผมอาย”
“แล้วเรื่องที่กูถามว่าไง”ผมถามเสียงแข็ง
กูอุส่าชวนออกทะเลไปแล้ว มึงจะว่ายน้ำกลับมาฝั่งห่าเห้อาราย
“อื๊อ”ผมครางตอบ
“อืออะไร ตอบให้ชัดๆ”จะคาดคั้นกูทำไมเนี่ย
“อือ นั่นแหละ”ผมบอก ชักเริ่มจะหงุด หน้ากูก็เหมือนกัน...มึงจะร้อนไปถึงไหน
“นั่นแหละอะไร”ไม่รู้แม่งโง่จริง หรือว่ามันแกล้งผม “ไม่งั้นกูจะกลับ”พยายามแกะมือผมออก แต่ผมกลับเกาะมันแน่นอย่างกับตุ๊กแกแทน
“เฮียจะเอาก็เอาดิ จะถามอะไรนักหนาวะ”ผมว่าเสียงดัง “กูอายนะเว่ย”อันหลังนี่บอกแผ่วๆพอ...มันเสียเชิงชาย
“งั้นก็ปล่อย”มันพยายามแงะมือผมออกจากเอว
“เฮียจะไปไหน บลูก็ยอมแล้วไง”ไปพูดเปล่า ผมงับเข้าเอวไอ้เฮียเต็มๆ...ไหนบอกว่าไปทิ้งกูไง กัดแม่งให้เอวขาดเลย
“โอ๊ย จะกัดพี่ทำไมเนี่ย...แล้วพี่ก็ไม่ได้ไปไหน แต่ถ้าบลูกอดแบบนี้ แล้วพี่จะเอาบลูยังไง”อย่าพูดด้วยโทนเสียงอ่อนโยนแบบนั้นนะ...กูจะละลาย
“จริงๆนะ...ถ้าปล่อยแล้วจะไม่หนีไปไหนนะ”ผมถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“จริงสิ จะหนีไปทำไม เมียโง่ๆน่ารักๆแบบนี้จะไปหาที่ไหนได้อีก”เอ่อ ตกลงว่ามันชมหรอด่าผมกันแน่วะ แต่ช่างมันเถอะ แค่มันไม่หนีไปไหนก็พอแล้ว
ผมคลายมือออก คนตรงหน้าก็ประครองหน้าผมขึ้นมาจูบทันที ส่วนผมก็ได้แต่ยึดไหล่หนาของไอ้เฮียไว้ หลับตาพริ้ม แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป อย่าที่มันควรจะเป็น
***
หลังจากที่จบสิ้นสามรอยสามยก ผมกับไอ้เฮียก็แต่งหล่อ ออกมาจากหอแล้วมุ่งหน้าบ้านไอ้เฮีย ผมนั่งมองเฮียปั้นจากหน้าเคาน์เตอร์ครัว พอตัดความอคติที่เคยมีออกไป ผมก็ต้องยอมรับกับตัวเอง ว่าผมแม่งน่าอิจฉาจริงๆ เพราะนอกจากที่ผมจะหล่อชิบหายแล้ว แฟนผมยังเพอร์เฟคอีก
“เฮียปั้น บลูอยากกินไวท์ซอสอ่ะ”ผมบอกเมื่อเห็นไอ้เฮียกำลังเคี่ยวไวท์ซอสอยู่
“กินไปสามรอบยังไม่พออีกหรอ”มันหันมายิ้มกรุ่มกริ่ม
อิเฮียยยย
กูหมายถึงไวท์ซอสในกระทะเว่ย
ไม่ใช่ไวท์ซอสที่มึงผลิตเอง
“นับวันยิ่งบัดสีนะครับเฮีย”ผมบอกแล้วก็เดินกระหย่องกระแหย่งไปที่ตู้เย็นเพื่อหาน้ำกิน
เอิ่ม...ไม่ต้องมามองผมแปลกๆกันเลยนะครับ ไอ้สาเหตุที่ผมต้องเดินเหมือนคนเดินไม่เป็นเนี่ยก็มาจากไอ้เฮียทั้งนั้นแหละครับ ถึงคราวนี้มันจะรุนแรงกับผมกว่าปกติ แต่ผมก็เข้าใจแหละครับ...แค่มันไม่โกรธผม ผมก็ดีใจแล้ว
Rrrrr
ผมหยิบบีบีขึ้นมาดู ทั้งๆที่มือยังไม่ทันจะได้เปิดตู้เย็น...มารคอหอยกูมากสลัด!
‘พี่บลูออกมาหามิกะได้ไหมคะ’
------------------จบ ตอน18
โถแม่ชะนีน้อยหอยสังข์ สงสัยต้องรอให้ชะนีรุ่นพี่กลับมาจัดการ

(เฮ่ย ตูไม่เบี้ยนนะเว่ย)
เมื่อวานคุณหญิงเขียดศรีไปเป็นคนขับรถให้เจ้าคุณแม่มาค่ะ
แถวปิ่นเกล้า(ปะวะ)ฝนตกบรรลัยเลยเจ้าค่ะ (ฝนก็ตกรถก็ติด)
อิฉันมาต่อแล้วนะเจ้าคะคุณซินดี้(บรรยากาศความเป็นผู้ดีปกคลุม

)
บอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ ที่เป็นกำลังใจเสมอมา
อย่าลืมช่วยดันกันน๊า

ต่อไปนี่ดราม่าส่วนตัว(ไม่อิงนิยาย)
วันนี้เพื่อน(อีกแล้ว)โทรมาเมาท์ค่ะ
แล้วนางก็เข้าประเด็น
เด็กสี่ขวบโดนคนเป็นเอดส์ข่มขืน แค่เห็นtopicมันคนฟังก็สลดเลยค่ะ
ไม่รู้จะสาปส่งไอ้คนที่ทำน้องด้วยคำพูดอะไรเลยจริงๆ น้องเพิ่งเกิดมาดูโลกนี้แค่4ปีเองนะคะ
แบบเรื่องก็ประมาณว่าแม่น้องเขาติดคุก2เดือน เลยเอาน้องไปฝากไว้ที่มูลนิธิอะไรสักอย่าง
แล้วพอแม่น้องเขามารับ ตอนดึกแม่เขาเห็นเลือดออก เลยถอดกางเกงน้อง เรื่องมันเลยแดงขึ้นมาค่ะ
รายละเอียดถ้าอยากรู้ต้องลองเซิร์ทกันเอา
แต่ประเด็นมันคือคุณเขียดสลดใจค่ะ
แทนที่เขาจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตอีกมากมาย แต่ต้องมาเจอสิ่งต่ำตรมของสังคมทำร้ายแบบนี้
แบบคุณเขียดเซนซิทีฟเกี่ยวกับเรื่องเด็กมากๆค่ะ เนื่องจากคุณเขียดมีหลานๆวัยนี้หลายคน
พอคิดมาว่าถ้าเด็กคนนั่นกลายเป็นหลายเราจะทำยังไง แบบเด็กวัยนี้มันใสมากนะเออ
คือแค่โดนข่มขืนน้องก็จิตใจไม่ปกติแล้ว แล้วนี่ยังติดโรคมาอีก แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่
เจอเรื่องแบบนี้ไปไม่ใช่สิ่งที่ดีหรอกเนอะ
ยังไงคนอ่านที่รักก็ต้องดูแลตัวเองนะคะ
ในสังคมสมัยนี้สิ่งเลวทรามมันเยอะจริงๆ ต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาทนะ
ปล.คนทำมันระยำจริง(ไม่รู้จะสรรหาคำใดจะมาพูด)
ปล2. ไปเล่าให้หม้าฟังนางหันมามองนิ่ง ก่อนบอกว่า 'ฉันรู้นานล่ะ'...คืออิเขียดมันไปอยู่รูไหนมา
