25.2ผมส่ายตามองดูตู้โชว์สินค้าบนห้างสรรพสินค้า กางเกงยีนส์ที่หุ่นโชว์ใส่อยู่ดูน่าจะเข้ากับเฟียสไม่น้อย แต่ปัญหามันอยู่ที่กระเป๋าตังค์ผมนี่สิ ทำไมมันเบาราวกับขนนกแบบนี้...
ช่วยไม่ได้นะ คงต้องหาอะไรที่ถูกกว่านี้หน่อยแล้ว
“จะซื้ออะไรล่ะ” เซฟถามผม
“อื้ม เนคไทล่ะมั้ง?”
“กำลังทำหน้าที่เมียอยู่หรือไง-o-”
“กะ...ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรนี่-3-”
“บ้านมันรวยไม่ใช่หรอ ของในห้างนี่มันคงมีเต็มตู้แล้วมั้ง”
“อืม เดินผ้าร้านนาฬิกามาเมื่อกี้ก็เห็นนาฬิกาเหมือนของเฟียสอยู่หลายเรือนเลย”
“ก็เอาของทำเองให้มันสิ”
“ของทำเอง*o*”
ที่เรียกว่า แฮนด์เมดสินะ เจ๋งไปเลยเฟียสคงจะชอบ><
“งั้นก็... พับจรวดให้เฟียสแล้วกัน><”
“เก็บไว้ให้ลูกมึงเล่นเถอะ-o-”
“อ่า พับกบก็ได้-3-”
“พับรถเลยสิ!”
“เออเนอะ! เฟียสชอบรถด้วย><”
“ดูหน้ากูด้วย...-_-”
“ง่า ถักผ้าพันคอก็ได้>3<”
“ไทยแลนด์แดนเตาอบ มึงจะถักผ้าพันคออีก ไม่ทราบว่าอีกกี่วันจะวันเกิดมัน?”
“สอง?”
ไม่ทันน่ะสิ! ถักยังไม่ถึง 15 เซนฯเลยด้วยซ้ำ!
“ทำไงดีล่ะOoO!”
“โอ่ะ! คิระโทรตามแล้วไปก่อนนะ”
“ทิ้งกันเฉยเลยT^T”
“ขอแค่เป็นของที่มึงทำด้วยใจ คนรับต้องยิ้มได้แน่ๆ”
มันโบกมือเป็นเชิงลา ผมยืนกอดกระเป๋ายิ้มส่งมัน ของที่ทำด้วยใจงั้นหรอ ยากจังนะ ผมไม่รู้ว่าจะทำมันออกมาดีหรือเปล่า ทำอะไรให้เฟียสดีล่ะ อาหารหรอมันไม่ใช่ของขวัญซะหน่อย
“อ่ะ! คุณหมีFeeออกคอลเลคชั่นใหม่หรอ*o*”
ผมแทบจะเข้าไปเกาะกระจกเอาหน้านาบทะลวงเข้าไปข้างใน
หมี?
รู้แล้วว่าผมจะทำอะไรให้เฟียสดี! ผมอมยิ้มแก้มปริมองตุ๊กตาตัวสีขาวในตู้โชว์ ถึงผมจะเย็บผ้าไม่เก่งแถมช้าอีกด้วย ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องทำของขวัญให้เฟียสเสร็จทันก่อนวันเกิดแน่นอน!
มีใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น ผมอยากจะถามคนๆนั้นจังเลยว่าทำไมกว่าจะสำเร็จมันถึงยากจัง แต่ตอนนี้ผมคงไม่ต้องถามแล้วล่ะ!
“เรียบร้อย!”
ไม่ยากอย่างที่คิดแค่หนึ่งวันกับอีกสองสามชั่วโมงเอง ผมจับแขนนุ่มนิ่มของตุ๊กตายัดนุ่นขึ้นมาขยับทดสอบว่ามันจะขาดหนือเปล่า แต่ดูรูปร่างภายนอกแล้วก็พอได้อยู่นะ แต่หูมันไม่ค่อยกลมเท่าไหร่เลยแหะ
เฟียสจะดูออกมั้ยเนี่ยว่าเจ้าจมูกโตตัวนี้มันคือ “หมี”
ทำไมผมต้องทำตุ๊กตาหมีงั้นหรอ ก็เพราะ....มันเหมือนเฟียสน่ะสิ
อารมณ์รุนแรง ขี้โมโห ดุร้าย ป่าเถื่อน นั่นแหละที่เหมือนกัน
“ตรงหูนี่แก้ใหม่ดีมันนะ ต้องเลาะหัวด้วยน่ะสิ”
ผมพลิกหนังสือไปหน้า How to ? รูปตุ๊กตาสันสดใสนอนเรียงรายอยู่บนกองนุ่นสีขาว ผมเลื่อนตามองรูปต้นแบบเปรียบเทียบกันเจ้าหมีที่ผมทำในมือ หมีของผมดูคอมันอ่อนๆงอๆไม่แข็งเหมือนตัวในรูปเลย
พรึ่บๆ
ผมจับเจ้าหมีน้อยเขย่าทดสอบกำลังตะเข็บระหว่างคอกับหัว
ผลที่ได้คือ....
ตุ้บ!
OoO!!
“ทำไมล่ะ!”
ผมเก็บหัวขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมา ผมว่าผมเย็บดีแล้วนะหลุดได้ไงกับเนี่ย! ผมเลื่อนตามองบนหน้ากระดาษตรวจสอบอีกรอบ
รอบนี้ผมท้อเลย...
“กรรม... เย็บผิดหมดเลยหรอเนี่ยT^T”
ก็ว่าทำไมหน้าตามันอัปลักษณ์จัง หูก็แหลม คอขาดอีก! ส่วนที่เดินเป็นคัดเวิร์คบนเสื้อน้องหมีก็บิดไปมาเส้นไม่สม่ำเสมอ ถ้าเอาเจ้าตัวนี้ไปให้เฟียสล่ะก็....
ไม่ไหว ๆ มันชุ่ยไปต้องทำใหม่!
…กรรม...
“ทำอะไรอยู่!”
เฮือก! ผมสะดุ้งเก็บหมีลงถุง ร่างสูงใหญ่เดินถือแก้วน้ำปั่นมานั่งบนโซฟาข้าง ๆ ผม ผมยิ้มแห้งๆ เอื้อมมือไปรับแก้วนมเย็นมาดูด
“อะไรอยู่ในถุง?”
เอ่อ... ก็ของขวัญ จะให้บอกแบบนั้นได้ไงกันเล่า!
“พอดีน้องทำหัวตุ๊กตาขาด เราก็เลยอาสาเย็บให้^^”
“มีน้องด้วยหรอ!”
“ละ..ลูกพี่ลูกน้องไง-o-”
ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ คนอย่างน้ำค้างไม่เคยมีกิ๊กซะหน่อย-.-
“งานวันเกิดน่ะ จัดที่ไหนหรอ”
“ก็ที่เดิม!”
เฟียสทิ้งตัวนอนตักผมอย่างเหนื่อย ๆ พลางถอนหายใจเบื่อ ว่าแต่ที่เดิมนี่มันที่ไหนล่ะ?
“เราไม่เคยไปงานวัเกิดเฟียสเลยนะ แอบไปกับใครมาเนี่ย มาที่ดงที่เดิม-.-”
“ไม่ได้ไปกับกิ๊กหรอกน่า! ถึงไปก็ไม่บอกหรอก!”
ผมดันหัวน้ำหนักประมาณสองกิโลกรัมออก เริ่มไม่สบอารมณ์ล่ะนะ ตุ๊กตงตุ๊กตาไม่แก้มันละ! ไมให้มันด้วย!
“เป็นไรเนี่ยหือ? จมูกบานหมดแล้ว!”
ผมยกมือบีบจมูกตัวเอง ผมทำจมูกบานหรอO..O
“ฮ่าๆ หึงอยู่หรอ!”
“เปล่าซะหน่อย>///<”
“โกหกระวังจมูกจะยาวแบบพินอคพิโอ้นะ!”
“ยาวก็ดีสิ ดั้งจะได้สูงๆ-3-”
“อยากดั้งสูงหรอ มาทำให้!”
“ไม่เอาOoO!”
ง่า! มันบีบจมูกผมอีกแล้ว ผมจะเป็นโรครูจมูกตับตันตายอยู่แล้วT^T ผมทุบคนตัวใหญ่ที่ชอบรังแกผม แต่มันไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
หมับ!
มือใหญ่คว้าข้อมือผมไว้ ผมกระพริบตาปริบๆ จู่ๆเฟียสก็เลิกเล่นหันมาจ้องมือผมเขม็ง
“มือไปโดนอะไรมา!”
ผมมองไปที่มือตัวเอง มันมีรอยขูดยาวแดงๆเล็กมาก ถ้าไม่สังเกตคงไม่เห็น รู้สึกจะโดนตอนเผลอสัปหงกเข็มเลยวาดยาวเลือดออกเลย เมื่อคืนก็ทำรายงานดึก นั่งเย็บตุ๊กตายันตี3 ผมก็นึกบ้าอะไรขึ้นมาไม่รู้เอาเข็มมาปักรอบๆที่นอนกันหลับ ตื่นมาเช้าพรุนไปทั้งตัวเลย
“จุดแดงๆนี่อีก!”
“ก็ยุงกัด แมวข่วนล่ะมั้งจำไม่ได้-o-”
“ทำไมขอบตาดำแบบนี้ ไม่ได้นอนหรือไง!”
“กะ...ก็ นิดหน่อยน่ะ”
“เมื่อวานโทรไปสามทุ่มบอกให้นอนไม่นอนหรอ!”
“ก็ทำรายงานอยู่><”
“มันน่า!!”
“อย่า>O<!”
เฟียสกดตัวผมลงกับโซฟาตัวเดียวกับเมื่อวานนี้แหละ! ไม่ต้องว่าความต่อเลยผมต้องโดนหมีโยกอีกแน่เลย><
“นอนซะ”
เอ๊ะ! ผมเบิ่งตามองใบหน้าคมสันที่คลายสีหน้าบึ้งตึง มือหนาอบอุ่นลูบไปตาเส้นผมละอ่อนแผ่วเบา เบาแบบที่หมีควายตัวหนึ่งจะทำได้ ผมเผลอยิ้มนิด ๆ เวลาเฟียสทำตัวอ่อนโยนแบบนี้แล้วผมรู้สึกชอบมากเลย ผมซบแก้มลงบนฝ่ามือใหญ่ ซุกหาไออุ่นกรุ่นๆจากมือคู่นี้ ถ้าเฟียสเป็นแบบนี้ตลอดไปก็ดีผมชอบโหมดนี้
“อ้อนแบบนี้เดี๋ยวก็ปล้ำซะหรอก!”
ไม่ต้องตลอดไปหรอก...แค่หนึ่งนาทียังทำไมได้เลย ผมเขยิบมือใหญ่ออกไปห่าง ๆ เกรงภัยจะมาเยือนประตูหลัง
“ไม่อ้อนต่อแล้วหรือไง!”
“ไม่ล่ะ-.-”
“ไม่อ้อนเดี๋ยวก็ปล้ำซะหรอก!”
โคตรเข้าใจยากเลยครับท่าน>O<! ผมจำต้องยอมอ้อนมันต่อ มืออุ่นๆของเฟียสทำให้ผมรู้สึกอยากหลับ
“เฟียส ปีนี้เราจะอยู่ฉลองวันเกิดให้เฟียสนะ”
ผมพูดเบา ๆ เฟียสยักคิ้วเอามืออีกข้างขยี้หัวผมเบาๆ (เบาของหมีควาย)
“ชักอยากปล้ำ...”
“พอเลย! ไม่คุยกับเฟียสแล้ว-///-”
“ฉันอยากฉลองวันเกิดกับน้ำ แล้วก็เพื่อน”
“พูดแปลกๆ วันเกิดก็ต้องฉลองกับเพื่อนอยู่แล้ว เอ๊ะ! หรือพวกนั้นไม่ได้มาฉลองด้วย?”
“มา”
อะไรของเขา ผมมองข้างเหลี่ยมคางที่มีไรเขียวอ่อน ๆ ดวงตาสีแดงมองดูไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ใกล้จันเกิดแล้วทำตัวให้มีความสุขหน่อยไม่ได้หรือไงนะ
“เฟียสเป็นอะไรหรอ”
“อะไร!”
“วันเกิดปีที่แล้วไม่สนุกหรอ”
“ก็ไม่สนุกซักปี”
“ทำไมล่ะ?”
“อยู่กับคนที่ไม่รู้จักมันสนุกไม่ออกหรอกนะ”
“คนที่ไม่รู้จัก? ในงานวันเกิด?”
งงจัง เฟียสมองหน้าผม ผมทำตาปริบๆบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้เค้าโง่มากนะตะเอง ถ้าไม่อธิบายล่ะก็เค้าจะลงไปกินหญ้าแล้วนะO.o
“งงไม่จอด”
“อะไรงงไม่จอด?”
“งงเลย”
“เล่นมุกได้ห่วยจริงๆ-_-”
“งานวันเกิดเฟียสมีคนที่ไม่รู้จักมาด้วยหรอ ถ้าไม่รู้จักแล้วให้เข้างานทำไมล่ะ”
“มันเป็นธุรกิจ”
“ไม่เข้าใจเลย-o-”
“เวลาจัดงานเราต้องแจกการ์ดเชิญบรรดาคู่ค้า ดารา คนมีชื่อเสียง ถึงจะไม่สนิทก็ต้องเชิญมันเป็นมารยาทส่วนหนึ่ง แฝงได้ด้วยธุรกิจอีกส่วนหนึ่ง เราจำเป็นต้องรู้จักคนให้มากและสร้างเครือข่ายการลงทุน...”
“เดี๋ยวๆ นี่งานวันเกิดหรืองานเปิดตัวบริษัท-o-”
“วันเกิด”
ดูไม่เหมือนงานวันเกิดเลยซักนิด สังคมของบ้านเฟียสเนี่ยต่างกับบ้านผมจังเลย วันเกิดของผมก็จัดกันเล็กๆมีพ่อ มีผม มีเซฟ หลังๆก็ถึงมีพวกเฟียสมาร่วมด้วย
“พ่อเฟียสเป็นคนจัดหรอ ใจร้ายจัง”
“พ่อฉันก็มีวันเกิดแบบเดียวกับฉัน เอาเถอะไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แทนฉันหรอกนะ”
ก็เฟียสน่าสงสารนี่นา
“เฟียสได้อยู่กับพ่อบ้างหรือเปล่า”
“อยู่จนเบื่อเลยล่ะ ฉันไม่ใช่เด็กพ่อแม่ไม่สนใจนะ!”
“ก็ดีแล้ว ดีแล้วที่พ่อแม่สนใจ”
ผมกอดเอวเฟียสไว้ รู้สึกอยากจะร้องไห้จังเลย ผมคิดว่าพ่อเฟียสคงจะเป็นพวกบ้างานยิ่งกกว่าพ่อผมซะอีก ดีจัง
“ฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบอะไรหรอกนะงานวันเกิดแบบนี้ ดีซะอีกสาวก็เยอะ!”
“เฟียส....” ผมจะยิงหมีล่ะนะ-*-
“แต่ปีนี้คงแย่หน่อย สงสัยจะไม่ได้แอ้มใครเลยเพราะแฟนจะไปด้วย!”
“ไม่ไปก็ได้! เราจะเผาพริกเผาเกลืออวยพรวันเกิดให้เฟียสแล้วกัน!”
“อวยหรือแช่งกันแน่!”
“ไม่รู้!”
“เดี๋ยวเราไปซื้อชุดกัน พรุ่งนี้จะได้ใส่ไปงาน!”
“เสื้อยืด กางเกงยีนส์ไม่ได้หรอ-o-”
“ฉันเคยคิดเหมือนกันนะ ถ้าน้ำใส่สูททักซิโด้จะเป็นยังไง”
“คงหล่อขึ้นมั้ง^^”
“น่าจับรูดแล้วทำข้างกำแพง!”
ประเด็นที่ให้ไปมีอยู่แค่นี้สินะไอ้หมีบ้า>///<
“เซทผมแล้วก็ดูดีนี่!”
ร่างสูงกำยำพิจารณามองคนตัวเล็กในชุดสูทแบบเรียบๆสีเงินอมเขียว ใบหน้าหวานชวนมองที่เคยมีเส้นผมระเกะระกะลูกตาถูกเสยปัดไปด้านข้าง เสื้อสูทครึ่งตัวโชว์เน้นแถบคาดเอวที่ดึงรั้งให้ช่วงลำตัวดูคอดกิ่วเชิญชวนสายตาให้คนตัวใหญ่หยุดจ้องมอง
“ปะ...แปลกๆหรอ”
คนตัวเล็กถามอย่างกังวล ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มพอใจ เจ้าร่างเล็กในชุดสูทก็น่ารักไม่เบา
“เห็นแล้วอยาก...”
“พอเลย!”
ใบหน้าหวานแดงเป็นลูกตำลึง ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดจบ เพียงมองสายตากรุ่มกริ่มก็รู้ไปถึงลิ้นไก่
“โห้ น้ำ! ชุดนี้น่ารักจังเลย”
ชายหนุ่มผมสีอ่อนเหลือบทองยาวปะบ่ายืนตะลึงไป
“ฟิลมาด้วยหรอ” เจ้าตัวเล็กขับเสียงถาม
“แน่นอน คิระ คาร์ลก็มานะ” ฟิลเตอร์บอกเสียงเจื้อยแจ้ว
“มันสองตัวไปไหน!” ผู้ชายเจ้าของวันเกิดถามเสียงเข้ม
“ยังไม่ทันถึงประตูเลยก็โดนผู้ใหญ่บ้าง โดนดาราป้า ๆ ลากไปหมดเหลือฉันรอดฝ่าดงมรณะมาได้คนเดียวเนี่ย”
“ไม่มีใครสนใจแกเลยหรอวะ!”
“ขอบคุณที่ตอกย้ำนะครับไอ้คุณเพื่อน เมื่อกี้พ่อแกฝากให้มาตามแน่ะ”
“อ่อ งั้นฝากน้ำด้วยนะ”
“จะพาทัวร์กินฟรีรอบงานเลยไม่ต้องห่วง!”
ฟิลเตอร์ยิ้มร่าพร้อมยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา เฟียสคลายสีหน้ากังวลลง ฝากเจ้ากวางน้อยของเขาไว้กับฟิลเตอร์เห็นจะปลอดภัยกว่าอยู่กับพ่อหนุ่มปลาดิบแช่แข็ง หรือโจ๊กเกอร์ช่างลวนลาม
“ไปแล้วหรอ”
ร่างสูงไม่ตอบเพียงแต่ก้มลงหอมแก้มกวางน้อยของเขาเบาๆก่อนจะเดินออกไป
“สงสัยได้ลงหน้าหนึ่ง ฮ่าๆ” ฟิลเตอร์เอ่ยล้อเจ้าตัวเล็ก
“มะ..ถึงขนาดนั้นหรอกน่า บ้าจริงทำไมมาทำในทีแบบนี้นะ”
มือเล็กจับแก้มตัวเอง มันช่างร้อนฉ่าราวกับปลาหมึกขึ้นจากเตา
“เซฟไม่มาหรอ” เอ่ยถามหาเพื่อนรัก
“คิระบอกว่าเซฟท้องเสีย เสียดายแทนเลยนะอาหารที่งานนี้อร่อยๆทั้งนั้นเลย”
“ไม่ต้องห่วง! เราจะกินแทนมันเอง”
“ฉันช่วยกินแล้วกันนะ ฮ่า ๆ ว่าแต่ถืออะไรมาหรอ”
ดวงตาสีอ่อนมองลงไปที่ห่อกระดาษมันสีสะท้อนแสงแวววับ
“ของขวัญหรอ? อะไรน่ะอยากรู้จัง”
“กะ...ก็ ไม่มีอะไรหรอก”
“เซอร์ไพรส์เฟียสสินะ”
“มะ..ไม่รู้ว่าเฟียสจะ...ชอบหรือเปล่า”
“ต้องชอบอยู่แล้วล่ะของที่คนรักเอามาให้น่ะ”
“เราทำเองด้วยนะ!”
“เจ๋งไปเลย! อยากรู้จังอะไรน่ะ”
“ก้มลงมาสิ”
ฟิลเตอร์ทำตามที่น้ำค้างบอก
“..ตุ๊กตาหมี”
“เก่งจัง! ฉันยังทำไม่เป็นเลย”
ใบหน้าน่ารักยิ้มปริ่มเมื่อถูกชม ฟิลเตอร์ได้แต่ยิ้มตามรอยยิ้มน่ารักน่าเอ็นดูนั่น
“แต่ของขวัญที่จะให้เฟียสต้องวางไว้บนโต๊ะหน้างานนะ”
ฟิลเตอร์บอกแล้วชี้ไปทางประตูทางเข้า ดวงตากลมเบิกขึ้นอย่างตกใจ เขาดันทำเป๋อถือของขวัญเข้ามาในงานเสียแล้ว
“เดี๋ยวพาไปนะ”
เหมือนรู้งาน เจ้าตัวเล็กยกมือปิดหน้าปิดตาม้วนอาย ฟิลเตอร์จึงเป็นฝ่ายหยิบของขวัญมาถือไว้แทน
“อ่ะ! คุณ? คุณเป็นนายแบบหรือเปล่าคะ? เอเจนซี่ไหนคะเนี่ย?”
สาวสวยในชุดรางตรีสีดำเมื่อมตรงดิ่งเข้ามาขวางทางระหว่างเดิน ฟิลเตอร์ยิ้มแห้ง ๆ คิดว่าจะรอดจากสังคมไฮโซนี่แล้วเสียอีก
“เปล่าครับ” ฟิลเตอร์ยิ้มตอบอย่างสุภาพ
“ดีจัง! มาอยู่สังกัดฉันมั้ยคะ ฉันชื่อ.....”
หนุ่มน้อยสองคนปั้นหน้าลำบาก
“ขอโทษนะครับ คือผมต้องเอาของไปไว้หน้างานน่ะครับ”
“ให้เพื่อนคุณเอาไปได้มั้ยล่ะคะ คือฉันอยากจะคุยกับคุณ”
ฟิลเตอร์ขมวดคิ้วอ้าปากจะปฏิเสธแต่ร่างเล็ก ๆ ด้านข้างก็ห้ามเอาไว้
“เดี๋ยวเราเอาไปวางเอง” น้ำค้างเอ่ย
“จะดีหรอ... ”
“ก็มันของเรานี่นา”
“ฉันจะรีบคุยไว้ๆแล้วตามไปนะ”
คนตัวเล็กพยักหน้าเดินฝ่าคนในงานไปวางของขวัญบนส่วนที่จัดไว้ได้สำเร็จ ดวงตาโตจ้องมองของขวัญกองใหญ่ที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ รวมมูลค่าแล้วคงมากพอจะซื้อรถสปอร์ตได้แน่ ๆ
“สวัสดีครับ”
เสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง เป็นชายหนุ่มหน้าตาคุ้นเคย ใบหน้าหวานเอียงคอพิจารณาชายหนุ่มคนนี้ว่าเคยเห็นที่ไหน สายตาก็ไปเจอป้ายโฆษณาใกล้ลิฟต์ซึ่งเฉลยให้ว่าเขาเป็นใคร
“คาเตอร์ พระเอกโฆษณาผ้าอนามัยใช่มั้ยครับ!”
อีกฝ่ายลอบสำลักไวน์แดงเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้น้ำค้างอีกรอบ
“ถุงยางอนามัยครับ ไม่ใช่ผ้าอนามัย”
“อ่อครับ”
คนตัวเล็กพยักหน้าเดินอ้อมหลังดาราหนุ่มไป
“เดี๋ยวสิครับ!”
“มะ..มีอะไรหรอครับ”
น้ำค้างหันกลับมาถาม
“เมื่อกี้ผมเห็นคุณอยู่กับคุณเฟียสต้า คิดว่าคงเป็นเพื่อนสนิทกันใช่มั้ยครับ”
“มีอะไรหรอครับ”
“ตอนนี้ผมเห็นว่ามีการเปิดโครงการสร้างคอนโดของบริษัทคุณพ่อของเพื่อคุณ ตัวผมเองก็สนใจจะร่วมลงทุน...”
ใบหน้าหวานซีดลง เขาเริ่มไปไม่ถูกผู้ชายตรงหน้ากำลังจะมาเจรจาเรื่องชวนงงกับทำไม
“โทษนะครับ ผมว่าไปคุยกับเจ้าของโปรเจ็คเองดีกว่านะครับ”
ใบหน้ายิ้มละมุนเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างการสนธนา น้ำค้างถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อฟิลเตอร์เดินมาช่วยเขาได้ทันเวลา
“ขอตัวนะครับ”
พูดจบฟิลเตอร์ก็จูงมือน้ำค้างออกมาให้ไกลจากผู้ชายคนนั้น
“ขอบคุณที่ช่วยนะ! ถ้าไม่ได้ฟิลเราคงยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้นอีกนานเลย”
“ขอโทษนะที่ทิ้งไว้คนดียว”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่ตกใจสุดๆเลยล่ะ มีดารามาคุยด้วยเนี่ย”
“เดี๋ยวก็ชิน ฮ่าๆ เราๆไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
“อื้ม!”
“กินเก่งชะมัดเลย”
คาร์ลล้อผมพลางหัวเราะ ผมมองจานตัวเองที่โล่งเกลี้ยง อาหารที่นี่อร่อยจริงๆเลยนะ รู้สึกเจริญอาหารมาก ๆ เลย
“ใครเอาลาซานญ่ามาไว้ในนี้เนี่ย จะกินยังไง” ฟิลบ่น
“ไปเติมกัน”
ผมสะกิดฟิล ไม่รู้เฟียสไปไหนแล้วตอนนี้ผมมีแค่ฟิล คาร์ล...เกือบลืมคิระแน่ะ
“เอาที่คาดเอวออกสิ” คิระพูดเนิบๆจนผมแทบไม่ได้ยิน
“ดะ...เดี๋ยวพุงออก-///-”
“ซัดเรียบขนาดนี้ยังห่วงพุงอีกหรอ ฮ่าๆ”
“เงียบไปเลยครับคุณมึง ไปน้ำเราไปพั๊บไก้ตรงโน่นกัน^^”
มันพั๊บไก่ด้วย ผมมองไปที่พนักงานผู้กำลังเฉือนเนื้อแผ่นใหญ่ซ้อนๆกัน มันเรียกอะไรผมไม่รู้ไอ้แท่งเนื้อที่โดนเสียบนั่นน่ะ แต่มันอร่อย!
“อีกเดี๋ยวก็แกะของขวัญแล้วล่ะมั้ง”
ฟิลบอกพลางจิ้มไส้กรอกวางใส่จาน
“แกะที่นี่เลยหรอ” นึกว่าเอาไปแกะบ้านซะอีก
“ไม่ต้องไปสนหรอก เรากินกันดีกว่า”
นี่ฟิลกำลังขุนตัวเองให้อ้วนอยู่หรือเปล่านะ คนตัวสูงต้องการพลังงานเยอะขนาดนั้นเลย แต่ผมเห็นคาร์ลกับคิระกินนิดเดียวเอง
~เราจะให้เจ้าของวันเกิดขึ้นมาแกะของขวัญแล้วนะครับ~
เสียงประกาศออกไมค์ดังกระหึ่มขึ้นมาแทนเสียงเพลงที่คลอเบา ๆ ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รอยยิ้มการค้าสินะ ผมไม่เคยเห็นเฟียสยิ้มแบบนี้เลย
“อ่ะ! ไส้กรอกมีไส้ด้วย”
ฟิลทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นน้ำสีแดงๆไหลย้อยออกมา
“ไอ้ลูกกลมๆนี่ก็อร่อยนะน้ำฉันชิมแล้ว”
ถ้าบอกว่าอร่อยก็เชื่อได้เลย ว่าแต่ฟิลกินเยอะไปหรือเปล่า
“เราเริ่มตันๆแล้วล่ะ”
“ถอดสายคาดท้องออกสิ”
“เอาจริงดิ-o-!”
“วันเกิดเฟียสมีปีล่ะครั้ง เพราะฉะนั้นอาหารอร่อยๆฟรีๆแบบนี้ก็มีปีละครั้งนะ”
ถอดก็ได้เห็นแก่งานวันเกิดเฟียสนะเนี่ย
~ตั๋วเครื่องบินท่องยุโรปครับ! กล่องต่อมาเป็นอะไรครับ เป็น...เป็น! แกรนด์เปียโน โห้ มิน่ากล่องใหญ่น่าดูเลย~
สุดยอดไปเลยนะของแต่ล่ะอย่าง ของขวัญผมใหญ่สุดก็ผ้าปูที่นอนล่ะมั้ง
“เวอร์จริง เหอะๆ”
คาร์ลเดินมาจกไส้กรอกจากจานฟิลไปกินหน้าตาเฉยฟิลงี้แยกเขี้ยวใส่เลย ผมมองไปที่เฟียสเขาแกะกล่องใหญ่อีกแล้ว มือใหญ่เปิดกล่องของขวัญใบยักษ์ออกและสิ่งที่อยู่ในนั้นก็เด้งขึ้นมาหาเขา
~ว้าว! เปิดมาเจอนางแบบสาวชาล่าซะด้วย เอ๊ะๆมันหมายความว่ายังไงกันนะครับ~
ร่างขาวกระจ่างในชุดบิกินีสีเพลิงกระโจนออมากอดเฟียส ริมฝีปากแดงเหมือนคนโดนตบปากแตกยกขึ้นประกบลงไปบนริมฝีปากของแฟนผม
“ชิบหายปิดตาไม่ทัน!!” คาร์ลร้องเสียงดัง
“ใจเย็นๆนะน้ำ ก็แค่อำเล่นๆล่ะมั้ง^^;” ฟิล
“จ้า^^”
ผมตอบพลางกัดไส้กรอกขาดสองท่อน หึ! รอก่อนนะ! ถ้าจับได้ล่ะก็....จะเคี้ยวให้แหลกเลย-*-
~มาดูของขวัญชิ้นถัดไปกันดีกว่านะครับ เลือกเลยครับ~
เฟียสยืนเลือกของขวัญบนโต๊ะก่อนจะหยิบขึ้นมา
..นั่นมัน!...
ผมมองกระดาษมันสีเขียวลายใบไม้ที่สะท้อนแสงแวววับ เฟียสคงไม่รู้หรอกมั้งว่าเป็นของผม หรือรู้นะทำไมยิ้มแปลกๆ เขาค่อยๆแกะกระดาษออก เปิดกล่องหยิบของที่อยู่ด้านในออกมา
~หมีครับ! ตุ๊กตาหมีเน่า อันนี้ของใครกันเนี่ยฮ่าๆ~
หมีเน่าหรอ...
ผมลดจานในมือวาง มองผู้คนในงานที่ขยับปากหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เฟียสเองก็ทำหน้างงเล็กน้อย คะ...คงจะไม่ชอบสินะ
“ตลกจัง ใครกันเอาของทุเรศๆแบบนั้นมาใส่กล่องของขวัญ”
“เป็นตุ๊กตาคอลเลคชั่นใหม่หรือเปล่าเธอ ฮ่าๆ”
“แหม ร้านไหนขายยะ ฉันจะได้ไม่ไปเหยียบ!”
“โหดร้าย ฮ่าๆ”
อึก! ตุ๊กตาที่ผมทำมันน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรอ ผมมองผู้หญิงสองคนข้างหน้าที่หัวเราะกันอย่างออกรส มันน่าตลกมากใช่มั้ย
“ตุ๊กตานั่น...”
“เรากลับก่อนนะ!”
ผมชิงพูดตัดบทฟิลแล้ววิ่งออกไปจากงาน ทำไมละ...ทั้งที่ผมตั้งใจทำแท้ ๆ ทำไมทุกคนถึงหัวเราะเยาะผม หรือผมไม่ควรจะมาที่นี่ตั้งแต่แรก ไม่สิ ผมไม่น่ารู้วันเกิดเฟียสแล้วทำของขวัญให้เฟียสเลย!
ภาพสีหน้ามึนงงของเฟียสยังสะท้อนอยู่ในหัวผม เขาคงไม่เคยนึกสินะว่าจะเจออะไรที่ตลกแบบนี้ ใครกันนะที่มันบ้าเอาตุ๊กตายัดนุ่นหน้าตาประหลาดๆมาใส่ให้เป็นของขวัญ
จะมีใครรู้หรือเปล่าว่าคนทำตุ๊กตาตัวนั้น ตั้งใจทำมันออกมาแค่ไหน
....ไม่มีใครรู้หรอก ถึงรู้ตุ๊กตาเน่า ๆ ตัวนั้นก็ยังมีค่าไม่มากไปกว่าแกรนด์เปียโน คงไม่ต่างอะไรกับขยะที่ดูไร้ค่าราคาไม่ถึงบาท..
“ฮึก ฮือๆ”
ผมไม่รู้เรื่องของเฟียสเลยจริง ๆ ไม่เคยรู้ว่าสังคมที่เฟียสอยู่มันจะต่างกับผมแบบนี้
ดวงตาสีแดงกร่ำสั่นไหวราวกับเปลวเทียนต้องลม ร่างสูงใจหายวาบมองดูร่างเล็กวิ่งหนีหายไปจากห้องโถงใหญ่ ร่างกายที่ถูกสั่งการจากก้นบึงของจิตใจสั่งให้เขาโจนทะยานลงจากเวทีวิ่งตามร่างเล็กๆนั้นไป ท่ามกลางความตกตะลึงของคนในงาน มีเพียงชายวัยกลางคนเสียผมสีเงินเท่านั้นที่ขยับยิ้มรู้
“มาๆฉันแกะต่อเอง” ประธานบริษัทใหญ่เอ่ย
“น้ำ!!! น้ำ!!”
เสียงตะโกนที่เรียกดึงความสนใจของเจ้าของชื่อ ฝีเท้าเล็กหยุดลงกระทันหันเมื่อเห็นว่าผู้ใดตามมาก็ออกตัววิ่งต่อ ใบหน้าหล่อเม้มปากจนเส้นเลือดปูด ออกแรงวิ่งไปทันกระชากแขนเล็กไว้ทัน
ร่างเบาโหวงปลิวถลาตามแรงดึงปะทะเข้ากับแผงอกแกร่ง ร่างเล็กสั่นโอนพยายามฝืนตัวจะดิ้นออกไป ชายหนุ่มยิ่งกอดรัดกลัวเจ้าของดวงใจจะหนีหายไปซ้ำรอยกับความหลังครั้งเก่า
“อย่าไปน้ำ!”
“ปล่อยเรานะ!!”
“น้ำจะไปไหน!!”
“เราจะกลับบ้าน!! ปล่อย!!”
ยิ่งถีบดิ้นมากเท่าไหร่ วงแขนแกร่งยิ่งโอบรัดร่างบางมากเท่านั้น คนตัวเล็กร้องครวญออกมาเพราะความเจ็บปวด แต่ความเจ็บอายนั้นยังมีผลเจ็บมากกว่าทางกาย
“ร้องไห้ทำไมน้ำ!”
“ฮือๆ ปล่อยเราก่อนสิ! เราเจ็บ!”
ร่างสูงยอมปล่อยแต่เจ้าตัวเล็กกลับคิดวิ่งหนี คนตัวใหญ่โถมตัวจับร่างเล็กกดเข้ากำแพง
“เป็นอะไร”
สีหน้าเคร่งเครียดแต่พยายามปรับเสียงให้เจ้าตัวเล็กเลิกกลัว
“เราอยากกลับบ้าน ฮือๆ ปล่อยเราเถอะ”
“น้ำ...”
“เราไม่อยากอยู่ที่นี่ เราอาย ฮือ”
“ไม่มีอะไรต้องอาย...!”
“เราอายน่ะสิ!! ตุ๊กตาที่เฟียสถือนั่นน่ะเราทำเอง! เฟียสทิ้งมันไปเถอะ! มันน่าเกลียด! ไม่มีราคา! ไม่น่าสนใจ! ทิ้งมันไปๆๆ!”
“ใจเย็นก่อนสิน้ำ!!”
มือใหญ่ประคองใบหน้านองน้ำตาเอาไว้อย่ากังวล เพราะเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั่นหรือที่ทำให้คนรักของเขาต้องวิ่งหนีออกมา
มือเล็กยื้อแย่งตุ๊กตาไว้ในมือก่อนจะปาทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี
“ทำอะไรน่ะ!!”
“มันไม่เหมาะกับเฟียสหรอก! เราจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว!!”
“คนอื่นมันใช่ฉันมั้ยน้ำ!”
“ฮึก!”
“คนอื่นจะว่าอะไรน้ำสนใจทำไม! ใครจะคิดอะไรพูดอะไรก็ช่างหัวมันสิ!”
“เฟียสไม่อายหรือไงที่มีแฟนแบบเรา แฟนที่ไม่รู้อะไรเลย! ไม่สนใจ! ไม่ได้เรื่องเลยซักอย่าง! เย็บผ้าง่ายๆยังทำไม่ได้!!”
มือใหญ่ดึงร่างสั่นเทาเข้าสู่อ้อมแขน เขาเริ่มกลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะถอดใจหนีหายไปจากเขาอีก เพียงเรื่องแค่นี้เท่านั้นคนอ่อนแอของเขาก็ร้องไห้โฮ ทั้งที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้ สุดท้ายก็ยังรักษาสัญญานั้นไม่ได้อยู่ดี
“ฉันไม่อาย! ที่จะเดินข้างๆน้ำ! แต่ฉันต้องตายถ้าไม่มีน้ำ! อย่าฟังคำพูกใครนอกจากฉัน! ฟังฉันนะน้ำ”
มือใหญ่ประครองใบหน้าหวานขึ้นสบตา
“ถ้าฉันรับน้ำที่เป็นน้ำไม่ได้เราคงไม่คบกันมาถึงทุกวันนี้หรอก..จริงมั้ย”
เสียงร้องสะอึกสะอื้นดูแผ่วลง ร่างสุงก้มลงเก็บตุ๊กตารุ่งริ่งแขนขาดขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วแนบไว้ที่กลางอก
“ฉันดีใจที่น้ำทำมันเพื่อฉัน”
ใบหน้าหล่อยิ้มเบาบางพลางตะกองกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน
“ฉันรู้ว่าน้ำตั้งใจทำมัน ฉันเห็นแววตามุ่งมันของน้ำ รอยยิ้มที่น้ำเผลอยิ้มออกมาเวลาทำมัน ความรู้สึกของน้ำทุกๆอย่างมันอยู่ในนี้”
ร่างสูงชี้ไปที่ตุ๊กตาในมือ
“หะ...เห็นตอนทำด้วยหรอ”
“เห็นสิ เพราะฉันมองน้ำอยู่ตลอด”
“เฟียส...”
“อย่าให้ฉันทิ้งมันเลย”
“อะ...อืม”
เจ้าตัวเล็กก้มหน้าจับมือใหญ่ข้างที่ถือตุ๊กตาขึ้นมา มองเม็กกระดุมสีเข้มอันเป็นดวงตาก่อนจะพูดออกมาเบาๆว่า
“เราขอโทษนะ น้องหมี..”
“คราวหน้าทำมาอีกนะ”
“หะ.. จะดีหรอ”
“ดีสิ จะใจร้ายให้มันอยู่ตัวเดียวหรอ”
“งื้อ”
ใบหน้าหวานส่ายไปมา
“อย่าให้มันทนเหงาอยู่คนเดียวอีกนะ...แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว”
ดวงตาสีแสดหรี่ลง ร่างเล็กพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเอ่ยตอบกับไป
“อืม จะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว”
ใบหน้าหล่อคลายยิ้มโล่งอกออกมา ทำให้ใบหน้าใสเผยยิ้มตาม
“แล้วอยากให้เราทำตัวอะไรดีล่ะ”
“กวางล่ะมั้ง”
“กวางหรอ กวางจะเป็นเพื่อนกับหมีได้ยังไง..”
“ก็กวางไม่ได้เป็นเพื่อนหมีซะหน่อย”
ดวงตากลมโตฉายแววสงสัย ร่างสูงจึงต้องเอ่ยคำเฉลยออกมา
“..กวางเป็นแฟนหมีต่างหาก..”
รอยยิ้มสดใสข้างแก้มดุจแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามายังกลางใจ ร่างสูงโอบกอดร่างเล็กไว้แน่นก่อนก้มลงประทับจูบตราตรึงที่ริมฝีปากสะพรั่ง
“รักนะ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยังงงอยู่มั้ยอ่า ปกติจะตัดให้ลุ้นไปต่อแต่เมื่อวานไม่ได้ตัดช่วงไคลแม็กซ์....
จบตอน ถ้ายังงงอยู่ก็...-o- เอางี้แล้วกันนะ งงตรงไหนบอกนะ
ถ้าแก้ได้จะแก้ให้จ้า

อ่อ พรุ่งนี้วันหยุดราชการนะคะ^O^
ไม่อัพนะคะ
อัพ จันทร์-ศุกร์ เว้นวันหยุดและวันหยุดราชการไปห่อข้าวต้มเข้าพรรษาด้วย55+ โชคดีวันเข้าพรรษานะคะ