เด็กผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดจะครองโลก by「aonair ( จบแล้ว)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดจะครองโลก by「aonair ( จบแล้ว)  (อ่าน 154283 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หูยย!! พะภูปมเยอะน่าดู รอรอต่อไปป!!

พี่ติก้อแมนซะ><

ออฟไลน์ fiixtion

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ความสุข อยู่กับเราไม่ได้นานซิน่ะ.................เครียดล่วงหน้า    :เฮ้อ:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 24

 

“เจ็ดหมื่นบาทถ้วนครับ”

กัสยื่นซองหนาสีน้ำตาลให้ติ ตอนนี้ภายในบ้านขนาดไม่ใหญ่นัก ยิ่งดูแคบลงถนัดตาเมื่อบรรจุสมาชิกกลุ่มคนอื่นๆซึ่งตามมาสมทบในตอนเช้าไปด้วย ทุกคนตกลงเตี๊ยมกัน ให้ลงยศทำทีเป็นว่าพายัยฟางออกไปเดินตลาด ปล่อยให้พวกเขาเป็นฝ่ายรับมือกับเจ้าหนี้ขาใหญ่เอง

“นี่พวกนายนอนด้วยกันจริงอะ?” เกต์เอ่ยปากถาม หลังเดินออกมาจากห้องนอนคับแคบที่ด้านในสุดของตัวบ้านชั้นล่าง

“เออ”

“เตียงเล็กขนาดนั้น มึงไม่ทับพะภูแบนเลยเรอะ” เปิดปากแซวหวังจะช่วยคลายบรรยากาศตึงเครียด ขณะที่คนถูกพาดพิงกลับยักยิ้มอย่างมีเลศนัย เรียวตาคมเหล่มองเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“กูก็อยากทับเหมือนกันแหละ แต่เขาไม่ให้”

พะภูได้ยินใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที รีบตวัดสายตาดุๆไปทางคนพูดจนติต้องรีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน ส่วนคนอื่นๆกลับแสร้งเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง แก้มร้อนวาบไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ของติกับพะภูมันก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดกำกวม หรือแม้กระทั่งร่องรอยแปลกๆตามร่างกาย ก็อดเขินคิดภาพตามไม่ได้จริงๆ ยิ่งกับคนแบบติที่ฟันสาวมานับร้อยแล้วด้วย...รู้สึกสงสารพะภูขึ้นมาจับใจเลยแฮะ

“แล้วไอ้ชุนอะไรนั่นจะมาเอาเงินเมื่อไร?” ศิลป์เป็นฝ่ายออกปากเปลี่ยนประเด็น ทำให้สมาชิกที่เหลือเริ่มกลับมาตีสีหน้าปกติได้สักที

“คงใกล้แล้วแหละ”

“แล้วจะเอาไง เล่นแม่งเลยมะ?” เกต์ถาม พร้อมหักนิ้วตัวเองเสียงดังกรอบแกรบ ติยืดตัวขึ้นมองพะภูที่กำลังส่ายหน้ากลับมาให้ ก่อนจะออกปากสั่งลูกน้องทุกคนเสียงดังฟังชัด

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ให้เงินมันไปก็พอ”

“โหว ไม่หนุกเลยอะ” เกมบ่นน้ำเสียงเบื่อหน่าย เลยโดนติดุด้วยสายตาไปตามระเบียบ

“ผมว่าก็ดีแล้วนะ ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยครับ” นิวที่ยืนขนาบข้างศิลป์อยู่ตลอดเป็นฝ่ายเสนอความเห็นขึ้นบ้าง พะภูพยักหน้ารัวแรงเพื่อเสริมทัพ ก่อนที่เกมจะยอมพยักหน้ารับรู้ตามอย่างเซ็งๆ

กริ๊ง กริ๊ง..

พูดถึงยังไม่ทันจะขาดคำ ดูเหมือนเจ้าหนี้ตัวปัญหาจะโผล่หน้าออกมาสักที พะภูถูกดันเข้าหลบหลังเกมไว้เพื่อความปลอดภัย ก่อนที่ติจะเป็นฝ่ายก้าวขาไปเปิดประตูออก เผยให้เห็นใบหน้ายียวนของคนโดนหักข้อมือเมื่อวาน พร้อมด้วยลูกน้องอีกฝูงใหญ่ ยืนขวางทางเดินหน้าบ้านจนเต็มบริเวณ

“ว่าไง”

ชุนทัก สีหน้าชิงชังอย่างไม่ปิดบังสักนิด ติไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยื่นซองเงินในมือไปให้ แต่ลูกชายเสี่ยพิชัยคนนี้กลับไม่ยอมรับ แถมชะเง้อคอเข้าไปด้านในหวังจะพบเจ้าของใบหน้าหวาน น้ำเสียงกวนประสาทเปล่งออกมาดังฟังชัด

“ฉันจะรับจากมือพะภูเท่านั้น”

“หา?”

“ไอ้เวรนี่!”

คนอื่นด้านในตัวบ้านส่งเสียงโวยวายขึ้นมาทันที พลางขยับเข้ามาใกล้หน้าประตูมากขึ้น แต่ท่าทางคนที่อารมณ์ไม่ดีสุดๆก็เห็นจะเป็นตินี่แหละ เขาต้องพยายามควบคุมตัวเองอย่างหนักที่จะไม่ปล่อยหมัดออกไป ได้แต่กำมือแน่นจนผนึกปิดซองสีน้ำตาลเปิดออก ท่ามกลางบรรยากาศมาคุ พะภูตัดสินใจแทรกตัวออกมาหยุดอยู่ข้างๆคนรักตน พร้อมส่งยิ้มให้ดูว่าไม่เป็นไร

“ผมจัดการเองครับ”

มือเล็กเอื้อมไปแกะกำปั้นของติออกช้าๆ ก่อนจะคว้าซองเงินมาไว้กับตัว คนสูงกว่ามีทีท่าเป็นห่วงยิ่งขึ้น แต่ก็โดนพะภูส่ายหน้าใส่ เกต์กับผาเป็นสองคนที่ช่วยเข้ามาดึงตัวติให้พ้นทางพลางตบบ่าเป็นเชิงให้ใจเย็น

“นี่เงินทีเหลือ เจ็ดหมื่นบาทครับ”

ชุนยิ้มพอใจ เอื้อมมือเข้ามารับซองเงินไปโดยไม่พลาดที่จะลอบสัมผัสมือนุ่มนิ่มตรงหน้า ทำเอาคนด้านหลังพะภูถึงกับเลือดขึ้นหน้า แต่ทว่ากลับถูกรุ่นน้องตัวเองรั้งไว้ จริงๆเลย เป็นคนบอกว่าไม่ให้มีเรื่อง แต่กลับเอาแต่จะพุ่งเข้าใส่ลูกเดียว แบบนี้ต้องเรียกว่าเป็นโรคหวงเมียเข้าขั้นหนักซะล่ะมั้ง

“อ่ะ” ซองในมือถูกส่งต่อให้ลูกน้องคนหนึ่งเอาไปนับ ระหว่างรอก็หันมาเปิดบทสนทนาใหม่กับเด็กตัวเล็ก

“เมื่อคืนฉันลองถามพ่อเรื่องครอบครัวนายยศ แปลกนะ”

“แปลก? อะไรครับ?”

“พ่อบอกว่านายยศไม่มีหลานชาย”

สิ้นเสียงของชุน พะภูก็รีบคว้ามือใหญ่ตรงหน้าลากออกไปให้ห่างจากจุดที่ยืนอยู่ ไม่ลืมที่จะหันมาส่งสายตาเพื่อคลายความกังวลใจให้กับคนด้านใน หลังจากทั้งคู่เดินไกลออกมา พวกลูกน้องของชุนก็ตรงเข้าล้อมประตูบ้านเอาไว้เพื่อกันไม่ให้มีใครถลาออกไปขัดขวางเจ้านายตน พะภูรีบปล่อยมือจากชุนทันทีที่หยุดฝีเท้าลง เพราะรู้สึกได้ถึงรัศมีน่ากลัวซึ่งแผ่ออกมาจากในตัวบ้าน

“มีอะไรจริงๆสินะ” ชุนว่า สายตาเหล่มองติที่ยืนชะเง้อคออยู่ไกลๆ พลางส่งยิ้มเย้ยหยันไปให้ ก่อนจะหันกลับมาสนใจร่างบางที่เริ่มตีสีหน้าไม่สบอารมณ์

“พ่อคุณจะมารู้เรื่องครอบครัวเราได้ยังไง แม่ผมเป็นน้องสาวของลุงยศ” ถามหยั่งเชิงออกไป แม้ว่าในใจจะกังวลไม่น้อยว่าชุนอาจรู้อะไรต่อมิอะไรดีกว่าที่คิดก็ได้

“พ่อเป็นผู้มีอิทธิพลของเมืองนี้ ทุกเรื่องของคนที่นี่เขารู้หมดแหละ”

“งั้นพ่อคุณก็คงรู้อะไรมาผิดๆแล้ว”

“ผิดเหรอ... แล้วเรื่องที่ว่าน้องสาวของนายยศเป็นภรรยานอกสมรสของนักธุรกิจรายใหญ่ และถูกไล่ตะเพิดออกมาหลังจากคลอดลูกสาวคนเดียวที่ชื่อพะพาย ก็ผิดด้วยหรือเปล่าล่ะ?”

รู้ถึงขนาดนี้เชียว!!? ชักสงสัยแล้วว่าเสี่ยพิชัยเป็นแค่มาเฟียใหญ่แห่งเมืองตราด หรือว่าเป็นหน่วยข่าวกรองชั้นหนึ่งกันแน่ เรื่องของครอบครัวพะพายซึ่งน้อยคนเหลือเกินจะรู้ก็ยังมีข้อมูลได้ แบบนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะแม้แต่สังคมวงในชั้นสูงก็ยังแทบไม่มีใครรู้เรื่องของแม่พะพายเลย

“ยังไม่หมดนะ พ่อยังบอกอีกว่า...เมื่อปีก่อน นายยศกับหลานสาวช่วยเด็กที่กำลังจะโดนจับไปขายมาได้คนนึง ถ้าให้ฉันเดา...เด็กคนนั้นคือนาย พะภู”

“!!!”

แม้ปากอยากจะเถียง แต่ร่างกายดันชาไปเสียทุกส่วน ไม่คิดว่าจะชุนจะพูดออกมาตรงๆแบบนี้ แถมยังรู้มากจนน่ากลัวทีเดียว

“ไม่ต้องห่วงหรอก เสี่ยพิชัยพ่อฉัน ไม่ใช่พรรคพวกของเสี่ยจิว ศัตรูของนายอยู่แล้ว”

“พะ...พอแล้ว!” ไม่อยากจะฟังไม่มากกว่านี้ ชื่อของคนคนนั้นที่นึกชิงชัง ยิ่งได้ยินก็ยิ่งหงุดหงิด มือเล็กที่สั่นเทารีบยัดซองเงินเข้าไปในมือใหญ่ตรงหน้าก่อนจะออกแรงผลักอกกว้างออกไป

“นี่เงินของนาย พวกเราใช้คืนหมดแล้ว อย่ามายุ่งกับลุงยศอีก” ทันทีที่พูดจบก็รีบหันหลังกลับและสาวเท้าออกไปให้พ้นบริเวณ หากแต่ว่าคำพูดสุดท้ายของชุนยังคงดังขึ้นให้พอได้ยินอยู่ไกลๆ

“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงอยู่กับอัครโภคิน”

ชุนส่งสัญญาณเรียกลูกน้องทั้งหมดให้ถอนตัว เขาหยุดมองแผ่นหลังของเด็กเมื่อครู่ที่กำลังหายไปหลังประตูสีไม้ ก่อนจะก้าวขาขึ้นรถด้วยท่าทีสงสัย จากทุกอย่างที่พ่อเล่าให้ฟังมันทำให้ยิ่งน่าแปลกใจ ถ้าคนที่พะภูสมควรเกลียดที่สุดคือเสี่ยจิว แล้วทำไมคนที่รักที่สุดถึงกลายมาเป็นกีรติได้ล่ะ...

หรือพะภูจะไม่รู้ว่า..........

 

“มึงไม่ไปด้วยกันแน่นะ?” เกต์ถามย้ำอีกครั้ง ขณะกำลังเปิดประตูรถออก ติได้แต่ส่ายหน้าและกวักมือไล่สองสามที จนเมื่อสมาชิกกลุ่มทั้งหมดกลับไปแล้ว ถึงได้โอกาสหันมาถามคำถามคาใจกับคนตัวเล็ก

“เมื่อกี้ออกไปคุยอะไรกับมัน?” พูดถึงตอนที่พะภูลากชุนออกไปพ้นสายตา

“เอ่อ..ป...เปล่าครับ” พะภูได้แต่ปิดบังพลางหันหลังให้ ไม่ยอมสบตาที่กำลังสั่นไหวแปลกๆ คนตัวสูงลอบถอนหายใจ ก่อนจะขยับเข้ามากอดรั้งร่างบางไว้จากทางด้านหลัง โน้มตัวฝังปลายจมูกลงกับเรือนผมอ่อนนุ่ม ความอบอุ่นถูกส่งผ่านเข้ามาจนเขารู้สึกสงบใจขึ้นมาก ความหงุดหงิดจากบทสนทนาเมื่อครู่หายไปราวกับถูกร่ายมนต์ใส่

“นี่ก็บอกฉันไม่ได้อีกแล้วงั้นเหรอ...”

น้ำเสียงน้อยใจทำเอาพะภูถึงกับเจ็บแปล็บ มือเล็กยกขึ้นเกาะแขนแกร่งที่กำลังโอบร่างตัวเองไว้ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาสีน้ำตาลซึ่งกำลังมองลงมาเช่นกัน สายตารู้สึกผิดทำให้ติรู้ดีว่าเขาคงยังไม่มีโอกาสรับรู้อะไรไปมากกว่านี้

“พี่ติ...”

พะภูเอี่ยวตัวเล็กน้อย ฝ่ามือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะแก้มเนียนซึ่งกำลังขยับใกล้เข้ามา ริมฝีปากหยุ่นค่อยๆประทับลงกับริมฝีปากบางของเขาแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มรุกไล่เพิ่มระดับความรุนแรงยิ่งขึ้นจนคนตัวเล็กหายใจแทบไม่ทัน ทั้งอ้อมกอดและรสจูบที่ได้รับ ทำให้เขาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างชัดเจน ความลังเลที่เคยมีมันค่อยๆคลายปมออกทีละเล็กทีละน้อย...

เมื่อแรกเริ่มเขาคิดได้อย่างเดียวคือการหลอกใช้กีรติเพื่อจุดประสงค์ของตัวเอง แต่ยิ่งได้ใกล้ชิด ได้รู้จัก และได้รัก... ความคิดต่างๆก็เปลี่ยนไป เขาเริ่มพอใจกับทุกวันที่เป็นอยู่ ทุกนาทีที่ได้อยู่กับติเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า ไม่ว่าจะร้องไห้หรือมีความสุข เขาก็ยังอยากอยู่เคียงข้างคนคนนี้ ความรู้สึกทั้งหมดมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ที่ยังไม่ได้คบกันด้วยซ้ำ

ตอนนี้เขาไม่ได้อยากใช้ประโยชน์อะไรจากกีรติอีกแล้ว ที่ต้องการก็มีแค่ให้ได้อยู่ด้วยกัน เมื่อไรที่นึกหวาดกลัวความทรงจำขึ้นมา พอเข้ามาอยู่ในรัศมีของผู้ชายคนนี้แล้วมันกลับรู้สึกปลอดภัย เพราะงั้นถึงได้อยากทิ้งอดีตทั้งหมดเอาไว้ อยากลืมความแค้นทั้งหมด และอยากใช้ชีวิตต่อไปในฐานะคนรักของติเท่านั้น

อยากจะเป็นแค่เด็กชายพะภู ที่รักพี่ติเท่านั้น...

“เรื่องของผมมันไม่มีอะไรหรอกครับ พี่รู้แค่ว่าผมรักพี่มากก็พอ”

พะภูหันตัวเองกลับไปเผชิญหน้าติตรงๆ มือเล็กกอบกุมมือสากของคนตัวใหญ่ไว้แน่น เขาตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยอดีตอันเลวร้ายทั้งหมดไป เหลือไว้แค่ปัจจุบันที่มีพะพายเป็นครอบครัวอันอบอุ่น มีเพื่อนพี่น้องที่ร่าเริง และมีติเป็นดั่งโลกทั้งใบของเขา

ไอ้เรื่องที่พะภูเคยเป็นใคร เคยโดนทำอะไรไว้ รวมทั้งเรื่องที่เคยคิดหลอกใช้คนตรงหน้า ขอให้มันเลือนหายไปเลย...เขาจะไม่คิดถึงมันอีก ตั้งแต่นี้ไป เขาขอเริ่มต้นใหม่ด้วยความรู้สึกรักอันแท้จริง ต่อแต่นี้จะมีแค่พะภูที่รักพี่ติและพะภูที่พี่ติรัก นั่นแหละดีแล้ว...เพราะว่าไม่อยากคิดถึงหรือแม้แต่พูดถึงเรื่องราวในอดีตอีกแล้ว...

“แต่ว่า..”

“ผมขอเป็นแค่พะภู คนที่อยู่ข้างๆพี่ไม่ได้เหรอครับ?”

นิ้วเรียวยกขึ้นปิดปากของติไว้ ก่อนส่งยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดออกไป คนตัวสูงขมวดคิ้วมุ่นพลางครุ่นคิดบางอย่าง เขาเองก็ไม่ได้อยากคาดคั้นเอาความอะไรจากพะภูหรอก และไม่เคยคิดสงสัยอะไรในตัวเด็กนี่ด้วย เพียงแค่อยากให้พะภูระบายความอึดอัดในใจออกมาให้เขารับรู้บ้าง แต่ถ้าไม่ต้องการเขาก็ไม่อยากบีบคั้น ได้แต่เชื่อว่าสักวัน คนตรงหน้าคงพร้อมที่จะเผยมันออกมาเอง

“ก็ได้...ฉันจะไม่ถามอีก”

“อดีตของผมมันไม่สำคัญเลย ถ้าเทียบกับความรู้สึกในปัจจุบันที่ผมรักพี่ เพราะงั้น...เชื่อใจผมนะ” คนตัวเล็กเขย่งปลายเท้าขึ้นสูง แขนบางโอบรอบคอติไว้ให้โน้มต่ำลงมาอีกครั้ง สายตาจริงจังทำให้ติคิดถึงอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากต้องยอมพยักหน้าโดยดี นั่นสินะ ปัจจุบันสำคัญที่สุดแล้ว แค่พะภูรักเขาก็พอแล้ว...

“ฉันเชื่อใจนาย”

รอยยิ้มอบอุ่นระบายอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ ภายในตัวบ้านที่ว่างเปล่า มีเพียงเสียงเต้นของหัวใจสองดวงที่ดังขึ้นพร้อมๆกัน จุมพิตอ่อนโยนถูกมอบให้แก่กันและกันนับครั้งไม่ถ้วน

------------------------------------------

เรื่องยังไม่จบน้าาา ! 555
คาดว่ายังต้องเจออะไรอีกเยอะ ;w;
แต่ช่วงนี้ไม่รู้จะได้มาอัพตอนไหน ไม่แน่นอนแล้ว
เจอไฟนอลโปรเจกพร้อมกัน 4 วิชา
แทบตายแล้วอะ T_____T
สัญญาว่าตอนปิดปีใหม่จะปั่นรัวๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากแต่งให้จบเลย
แต่คงยาก 555555 จิพยายาม
ตอนนี้ถ้ามาแต่งต่อได้ ก็จะอัพให้นะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกคน และขอบคุณทุกๆคอมเม้นมากจริงๆ <3

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
ยังไงต่อน้าพะภู เอาใจช่วย

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai1: :katai1: :katai1:อย่าม่าม่านะยังไม่อยากกิน :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อุ้ต้ะ อยากจะย้อนอดีตจุงเบยยยย

ออฟไลน์ fiixtion

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แล้ว ถ้าติ มารู้ที่หลังละ โอ้ย ไม่อยากจะคิด  :katai1:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 25

 

“ฮัลโหล”

โทรศัพท์ที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าบนโต๊ะหนังสือถูกกดรับจากคนที่เพิ่งวิ่งออกมาจากห้องน้ำ และคงไม่แปลกใจเท่าไรถ้าเกิดคนที่โทรมาไม่ใช่คุณหัวหน้าห้องสุดสวย ร้อยวันพันปีไม่เคยคุยโทรศัพท์กันเลย แล้วนี่อะไร หวังแค่ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรอกนะ

(พะภู จริงหรือเปล่า!?)

เดี๋ยวนะ ใครสอนให้เธอตั้งประโยคคำถามที่จับความอะไรไม่ได้เลยแบบนี้กัน เขาได้แต่เกาหัวน้อยๆ ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง

“อะไรเหรอ เราไม่เข้าใจอะ”

(ก็รูปในเฟซบุ๊กไง)

“เราไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กอะ มีอะไรหรือเปล่า?”

เพราะแลปท็อปมือสองเครื่องเดียวในบ้านเป็นของพะพาย เขาได้แค่ขอยืมใช้ทำงานบางครั้งบางคราวเท่านั้น และมือถือเก่ากึกของเขาก็ไม่ได้พร้อมใช้งานโซเชียลมีเดียใดๆ ทำให้ค่อนข้างขาดการติดต่อจากเพื่อนฝูงคนอื่นๆ หลายครั้งแล้วที่เพื่อนในห้องคอยแต่จะพูดถึงเรื่องราวในโลกออนไลน์ซึ่งเขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย

(ตอนนี้มีคนแชร์รูปนายกับพี่ธรไปทั่วเลย)

“ห๊ะ?”

จำไม่เห็นได้ว่าเคยไปถ่ายรูปกับธรตอนไหน แต่พอได้ยินแบบนี้กลับใจคอไม่ดีขึ้นมา ไม่รู้ว่าถ้าพวกติเห็นแล้วจะว่ายังไง ทั้งที่ไม่อยากให้ทั้งสองคนมีเรื่องกันอีกแล้วแท้ๆ

“รูปอะไรอะ?”

(มีคนถ่ายรูปพวกนายกินไอศกรีมด้วยกัน ตอนนี้แพร่ไปทั่วแล้ว)

บ้าน่า! เขาเคยโดนธรลากไปกินไอศกรีมจริงๆ ตอนก่อนหน้าจะคบกับติ ก็ไอ้ตอนที่ติเป็นบ้าหลบหน้าเขาไปนั่นแหละ ช่วงนั้นธรก็เข้ามาเทียวรับเทียวส่ง แถมบังคับพาไปไหนต่อไหนตามใจ โดยอ้างสิทธิ์ของความเป็นพี่-น้อง แม้ว่าหลายอย่างที่ธรทำ มันจะไม่ใช่สิ่งที่พี่น้องทำกันก็เถอะ

“อะ..เอิ่ม ไว้เราจะดูละกัน ขอบใจมากนะที่บอก”

(อ...อืม)

ทันทีที่วางสาย ก็รีบวิ่งลงบันไดไปหาพี่สาวที่เพิ่งกลับมาจากค่ายของคณะกรรมนักเรียน พอดีกับช่วงที่เขากลับมาจากตราด

“พี่พายยย”

“มีอะไร เดินดีๆ” คนเป็นพี่หันไปเอ็ด เมื่อเห็นพะภูทำท่าจะไถลลงมาจากขั้นบันได น้องชายบุญธรรมรีบวิ่งเข้ามานั่งตรงข้ามหน้าตาตื่น

“ในเฟซบุ๊ก มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“หือ? มีอะไรเหรอ พี่ยังไม่ได้เปิดดูเลย”

เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย พะภูที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสังคมออนไลน์อยู่ดีๆมาถามเรื่องเฟซบุ๊กมันน่าแปลก พลันมือขวาจับเมาส์คลิกเข้าไปยังบราวเซอร์อินเตอร์เน็ตทันที บนหน้า News Feed ของเว็บไซต์ชื่อดังปรากฏเป็นภาพน้องชายตัวเองกำลังนั่งกินไอศกรีมกับเด็กนักเรียนวิไลวิทย์ ดูเหมือนถูกแชร์ต่อๆกันมามากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง แถมยังมีจำนวนไลค์พุ่งขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก

“นี่เรารู้จักกับธรด้วยหรอ?”

คนโดนถามสะดุ้งเฮือก พยายามเลี่ยงที่จะสบสายตาด้วยการถือวิสาสะหันหน้าจอแลปท็อปมาทางตัวเอง พะพายไม่เคยรู้ว่าเขากับธรรู้จักกัน เพราะต้องทำงานพิเศษตลอด 6 วันต่ออาทิตย์ แถมกลับบ้านดึกทุกวันจนไม่มีโอกาสเคยเจอกันเลย หรือแม้แต่ติเอง พะพายก็ยังไม่เคยเจอตัวเป็นๆ พอรู้แค่ว่าเขาเข้าไปคลุกคลีอยู่กับคนกลุ่มนี้เท่านั้น

“ก็..นิดหน่อยครับ” ตอบออกไปเสียงแผ่ว สายตาจ้องมองภาพบนจออย่างอึ้งๆ ใครกันช่างแอบถ่ายได้มุมดีเหลือเกิน กล้องซูมเสียจนเห็นตราโรงเรียนชัดเจน และแน่นอนว่าใบหน้าของเขาและธรก็ปรากฏเด่นหราแบบไม่ต้องเดากันเลย

“พี่เคยบอกว่าเด็กวิไลวิทย์ดูเท่ดีก็จริง แต่พี่ไม่ได้อยากให้เราไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนี้หรอกนะ แล้วดูสิ กลายเป็นว่าไปสนิทสนมกับสองขั้วอำนาจใหญ่ซะได้”

พะพายถอนหายใจยาวเยียด ส่ายหน้าช้าๆเหมือนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเด็กตรงหน้า ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายแนะนำโรงเรียนอันธพาลแห่งนี้ให้ได้รู้จักเองก็ตาม แต่พอเอาเข้าจริง ก็ไม่อยากให้พะภูเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยเลย

รู้สึกเสียใจที่วันนั้นแนะนำน้องชายไปแบบนั้น เพราะไม่คิดว่าเจ้านี่จะบ้าขนาดพาตัวเองเข้าไปในดงสัตว์ป่าอย่างวิไลวิทย์จริงๆ ซ้ำร้ายดันอยู่ตรงกลางระหว่างสองราชสีห์ตัวเบ้งเสียอีก แบบนี้น่าเป็นห่วงว่าจะยิ่งเกิดเรื่องวุ่นวายเข้าไปใหญ่ ลำพังติแค่คนเดียวก็แย่พออยู่แล้ว สาบานได้ว่าถ้าเธอรู้สักนิดว่าติจะสร้างความเดือดร้อนให้น้องขนาดนี้ วันนั้นจะไม่ปริปากบอกว่าหมอนี่เท่เลยสักนิดเดียว ตั้งแต่พะภูถูกพวกกีรติลากไปเจออันตรายมากมาย ทัศนคติที่เคยมีต่อวิไลวิทย์ก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เชื่อสนิทใจแล้วว่าที่นั่นเป็นแหล่งบ่มเพาะอันธพาลไม่น่าคบอย่างที่ใครต่อใครว่าจริงๆ

“แต่ทั้งสองคนดีกับผมมากนะครับ” ยกเว้นก่อนหน้านี้ที่โดนติทำร้ายแทบขาดใจมาแล้วน่ะนะ

“ไม่รู้สิ แต่ตั้งแต่เราไปยุ่งกับกลุ่มกีรติ พี่ก็เห็นเจอเรื่องแย่ๆตลอด”

“ตะ..”

“แล้วนี่คิดยังไงไปรู้จักกับธรอีก สองกลุ่มนี้เขาเป็นอริกันนะ แบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ?” ไม่ทันได้โต้กลับ พะพายก็รัวใส่มาไม่ยั้ง แต่พะภูก็รู้ดีว่าพี่สาวพูดทุกคำเพราะว่าเป็นห่วงเขาเท่านั้นเอง เมื่อตอนครั้งแรกที่รู้ว่าเขารู้จักกับติ ก็ตกใจจนเกือบลมจับมาแล้ว

“ก็...ไม่หรอกครับ พี่ธรเป็นแค่พี่คนหนึ่งเท่านั้นเอง”

“แล้วติไม่ใช่แค่พี่รึไง?”

คนเป็นพี่ถามกลับแบบไม่ทันคิดอะไรมาก แต่ก็ทำเอาพะภูถึงกับตัวเกร็งเพราะหลุดปากพูดออกไปอย่างไม่ตั้งใจ เขายังไม่พร้อมให้พะพายรู้เรื่องที่คบกับติเลย ประเด็นไม่ใช่แค่เพราะว่าเป็นกีรติที่พะพายคงไม่ชอบใจนัก แต่มันอยู่ที่น้องชายตัวเองดันชอบผู้ชายด้วยกันนี่สิ!

“ก..ก็ เป็นพี่ครับ...”

ทำทีเป็นคลิกเมาส์เข้าไปยังรูปตัวเอง พลางก้มหน้าแทบติดจอ จนเมื่อตามมาถึงเฟซบุ๊กต้นตอของรุ่นน้องจากธารวิทยาก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อพบว่าจำนวนไลค์ แชร์ และคอมเม้นมันมากจนน่าตกใจ ทั้งๆที่ภาพถูกโพสลงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เท่านั้น

เขารีบเลื่อนเคอร์เซอร์ไปกดดูคอมเม้นทั้งหมดซึ่งมีมากกว่าร้อย แถมยังเด้งเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆจนแทบไล่ตามไม่ทันอีกต่างหาก ดูจากรูปโปรไฟล์เจ้าของคอมเม้นทั้งหลายแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะถูกส่งต่อไปอีกหลายทอด ถึงได้เต็มไปด้วยนักเรียนจากโรงเรียนอื่นมากมาย รวมทั้งคนที่ไม่คุ้นเลยก็เยอะเช่นกัน


Korawit Swt เด็กใหม่ไอ้ธร?
See Translation
Like · Reply · (Y) 35 · 2 hours ago

Minnie Tashar เดี๋ยวนี้วิไลวิทย์กับธารวิทยารักกันแล้วหรอ อิอิ
Like · Reply · (Y) 56 · about an hour ago via mobile

Nai’ Muang สัส สวีทนะมึงงง Tanyatorn Sirisopon
Like · Reply · (Y) 8 · about an hour ago

เจนนิตา ประสพสุข ชื่อพะภู อยู่ม.4 จ้า ตัวจริงหน้าตาน่ารักมากๆ เป็นเด็กทุนด้วย
Like · Reply · (Y) 63 · 26 minutes ago

Ornwalai Chokkit เราว่าเราเคยเห็นน้องคนนี้อยู่กับติ ไม่ใช่หรอ?
ถ้าเราเข้าใจผิดก็ขอโทษนะ (จากเด็กพิทยศึกษา)
Like · Reply · (Y) 39 · 13 minutes ago

Newyear Nartthapoom พะภูเป็นแฟนพี่ติครับ...
Like · Reply · (Y) 71 · 6 minutes ago via mobile
----------------------------------------------------------------------------
            Vida Party คบกันแล้วจริงๆใช่ไหมน้องนิว เห็นมานาน (:
            See Translation
            Like · 2 minutes ago


อะไรกันเนี่ยยยย!?

ดูเหมือนที่แย่กว่าการแอบถ่ายรูปคนอื่นมาลงเฟซบุ๊ก ก็เห็นจะเป็นไอ้พวกคอมเม้นชอบใจของใครต่อใครนี่แหละ กลายเป็นเรื่องพูดคุยสนุกปากไปซะแล้วสิเนี่ย ชักกังวลแล้วว่าเปิดเทอมจะทำหน้ายังไงดี แต่จะว่าไป ทางด้านของธรก็เงียบเลย ไม่รู้ว่าคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง แต่ถ้าให้เขาเดา...คิดว่าคงกำลังยิ้มกว้างหัวเราะมีความสุขอยู่แน่ๆ

แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือทำยังไงให้พะพายไม่บ้าจี้ตามอ่านคอมเม้นพวกนี้ ไม่งั้นเรื่องที่เขากับติคบกันคงได้ความแตกดังโพละ ถ้าต้องบอกก็ขอเวลาเตรียมตัวมากกว่านี้หน่อยเถอะ และแน่นอนว่าจะต้องออกมาจากปากของเขาเองเท่านั้น

กริ๊ง กริ๊ง...

ดั่งฟ้ามาโปรด เมื่อกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นรัวๆ หลังจากเสียงดับเครื่องยนต์ พะพายยกกองชีทออกจากตัก ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตู ปล่อยให้พะภูรีบกดปิดหน้าเฟซบุ๊กทิ้งซะ แต่ทันทีที่แขกปริศนาก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน พายุลูกใหญ่ก็ถูกซัดตามหลังมาด้วย ไม่ใช่ฟ้าหรอกที่มาโปรด...ตัวปัญหาชัดๆ

“พี่ติ!” คนโดนเรียกชักสีหน้านิดหน่อย ก่อนเดินมานั่งข้างๆพะภูตามคำเชิญของพี่สาว

“ทำไมอยู่ดีๆก็มาถึงบ้าน” คำถามนี้ไม่ได้ออกมาจากปากของคนเด็กสุด แต่กลับออกมาจากปากของพะพาย ซึ่งกำลังผลักแบบเรียนทั้งหมดออกห่าง เชิดหน้าขึ้นสู้กับผู้ชายที่เอาแต่ปั่นหัวน้องตัวเองเล่นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

“ฉันจะมาหาน้องเธอ ไม่ได้เรอะ”

“ก็แล้วมาทำไมเล่า บ้านนี้ไม่มีอะไรให้ทำหรอกนะ”

“ต้องมาเพราะไอ้รูปบ้าๆนั่นไง” ติหลุดขึ้นเสียงออกมาเล็กน้อย จนคนตรงข้ามถึงกับนิ่ง พะพายสูดหายใจเข้าเต็มปอด เตรียมพร้อมรับมือนักเลงชื่อโต โดยมีพะภูคอยนั่งสังเกตการณ์ใบหน้าขาวซีดอยู่ใกล้ๆ

“รูป? รูปธรกับพะภูอะเหรอ?”

“เออ”

คนตัวใหญ่เหล่ตามองผู้ชายข้างๆอย่างไม่พอใจนัก แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ไว้ให้ดีที่สุด เขาไม่ได้ไม่เชื่อใจคนรักคนนี้ แต่ไอ้ที่ไม่น่าไว้ใจก็คือคู่อริอย่างธรนั่นแหละ ถึงแม้จะเคยคุยกันเรื่องนี้จนจบไปแล้ว แต่ก็ห้ามไม่ให้หงุดหงิดไม่ได้ เพราะเขามั่นใจเหลือเกินว่าธรไม่ได้คิดกับพะภูแค่พี่น้องอย่างที่ว่าแน่นอน

“แล้วไงอะ น้องฉันมีสิทธิ์คบค้ากับใครก็ได้ไหม”

“แต่น้องเธอเป็นคนของฉัน”

“พี่ติ” มือเล็กยกขึ้นรั้งชายเสื้อของติไว้แน่น พะภูส่ายหน้าช้าๆเหมือนต้องการส่งสัญญาณเตือนบางอย่าง จนเมื่อพะพายพูดอีกประโยคกลับมา ก็ทำให้เขากระจ่างว่ามันหมายถึงอะไร

“นายจะมาทำตัวเหมือนพะภูเป็นลูกน้องนายไม่ได้นะ แล้วนี่อะไร หวงกันซะยิ่งกว่าแฟนอีก”

“นี่นายไม่ได้บอกเรื่องเราเหรอ?” ติสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม และเปลี่ยนมาคว้าข้อมือของคนข้างๆไว้แทน สายตาคาดคั้นถูกส่งไปให้จนพะภูทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าซีดเผือดเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่จนพี่สาวเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

“เรื่องของพวกนาย...หมายความว่ายังไง?”

“พะพาย น้องเธอไม่ใช่ลูกน้อง รุ่นน้อง หรือ เพื่อนฉัน...”

มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาจับมือพะภูไว้ นิ้วเรียวสอดประสานกันอย่างมั่นคง ก่อนจะชูขึ้นกลางอากาศ พะภูได้แต่ก้มหน้างุดพลางหายใจเสียงดัง คงถึงเวลาแล้วที่จะบอกความจริง ได้แต่หวังว่าพี่สาวคนนี้จะยอมรับและเข้าใจ

“เขาเป็นคนรักของฉัน”

--------------------------------------------

ฮึ่ยย อุตส่าห์รอปิดเทอม จะมาต่อนิยายยาวๆซะหน่อย
ดันเจอไฟนอลโปรเจกไป 2 วิชา เงิบเลย
ทำไมต้องมีงานช่วงวันหยุดด้วย โอ้ยยย
เลยกลับมาได้ทีละนิดละหน่อยอีกละ
แต่จะไม่หายไปเลยแน่นอนน้าาา จะมาต่อให้จบ !
ฝากไว้ด้วยจ้าา >< หายไปนอน อย่าเพิ่งลืมกันน้า


 :hao4: :katai5:

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ตามเข้ามาอ่านจ้าาา พี่ธรน่ารักจังงง
แบบนี้เป็นศัตรูหัวใจกับติเลยสินะหุหุ
ท่าจะมันส์แล้วสิ

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ในที่สุดก็ตามจนถึงตอนล่าสุดเย้! สนุกมากเลยค่ะ
เรื่องเสี่ยเจียนี่ยังไง เป็นไรกับติอ่ะะะ  :katai1:
พี่ธรดูน่าสงสัยสุดๆ ติอย่าเพิ่งโมโหนะะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
พี่ติเป็นลูกเสี่ยจิวเหรอคะ?

รอรอ :ling2:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 26

 

“เราจะเป็นเพศอะไร คบใครพี่ไม่ว่า แต่ทำไมต้องกีรติ?” คำถามแรกดังขึ้นทันทีที่สองพี่น้องก้าวขาเข้ามาในเขตห้องครัวหลังบ้าน สาบานว่าเมื่อครู่เธอเกือบจะเป็นลมไปแล้ว

“แต่พี่พายเป็นคนแนะ..”

“พี่ไม่เคยพูดสักคำ ว่าเขาเป็นคนดี”

“แต่ว่า...”

“ติอาจจะเป็นพี่ เป็นเพื่อนที่ใช้ได้นะ อันนี้พี่ก็ไม่รู้ แต่ในฐานะคนรักพี่มั่นใจว่ายังไงก็ไม่ดี”

ตอนนี้เธอรู้สึกผิดยิ่งกว่าเก่าอีก ที่ตอนนั้นเคยแนะนำผู้ชายชื่อ กีรติ อัครโภคิน ให้พะภูได้รู้จัก ก็ไม่ได้คิดนี่ว่าจะเป็นพวกเลวร้าย คอยก่อแต่ปัญหาตามข่าวลือจริงๆ นี่พาน้องเขาไปผจญอะไรมากี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ ยิ่งกว่านั้นก็คือ...สิ่งที่เพื่อนในชั้นเล่าต่อๆกันมาเรื่องอดีตของติกับพวกผู้หญิงทั้งหลาย

“พี่พายรู้ได้ยังไงครับ พี่ติเขาดีกับผมมากเลยนะ” พะพายเลิกคิ้วสูง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่น้องชายตัวเองทำทีปกป้องคนอื่นซะออกนอกหน้า พะภูดูเหมือนจะรู้ตัวเช่นกัน จึงค่อยๆปรับสีหน้าให้อ่อนลง พลางเดินมากุมมือพี่สาวไว้

“ผมรู้ว่าพี่พายเป็นห่วง แต่ว่าพี่ติไม่ใช่คนเลวร้ายหรอกครับ”

“เรารู้จักเขาดีแล้วเหรอ ชื่อเสียเยอะมากนะ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อยากจะเชื่อใจ...”

พะพายถอนหายใจ ยกมือขึ้นลูบหัวน้องตัวเองเบาๆ ถึงหลายคนจะมองว่าพะภูเป็นพวกบ้าบิ่น และเกลียดการถูกเอาเปรียบเข้าไส้ แต่ความจริงแล้วเด็กนี่ซื่อเกินกว่าจะตามคนอื่นทันซะอีก นิสัยคิดอะไรตื้นๆนั้นเขารู้จักมันดี และครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน

“พี่ยอมให้คบกับติก็ได้ แต่พี่ยังไม่ยอมรับนะ”

“........ขอบคุณครับ”

พะภูได้แต่ตอบรับหน้านิ่ง คิดว่าคงต้องใช้เวลาและอีกหลายๆอย่างเพื่อพิสูจน์ให้พะพายยอมรับ ก่อนที่ทั้งคู่จะอพยพกลับมานั่งรอบโต๊ะตัวเดิม มีติยืดตัวรอคำถามมากมายที่คาดว่าจะได้รับ

“นี่คบกันมานานรึยัง?” คนถามพยายามสะกดกลั้นอารมณ์หงุดหงิดไว้ พลางเลื่อนแลปท็อปกลับมาเปิดเล่นไปด้วย หวังช่วยคลายบรรยากาศตึงเครียดรอบห้อง

“เพิ่งคบกันตอนปิดเทอมนี้เองครับ”

“ถึงช่วงเวลาจะไม่นาน แต่ก็รักน้องเธอมากนะ” ติรีบแทรกขึ้นก่อน พร้อมใช้แขนแกร่งรั้งเอวพะภูเข้ามาแนบตัว แต่นั่นยิ่งทำให้พะพายรู้สึกหมั่นไส้มากขึ้นไปอีก

“แล้วพวกผู้หญิงทั้งหลายของนายล่ะ?”

“ไม่มีแล้ว มีพะภูคนเดียว”

“ใช่สิ นายฟันเสร็จก็ทิ้งหมดทุกคนอยู่แล้ว นี่ถ้าได้น้องฉันแล้วก็จะทิ้งไปเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”

พะพายไล่จี้แบบไม่เกรงใจพะภูที่เอาแต่นั่งฟังหน้าซีด เหตุก็เพราะเพื่อนต่างห้องของเธอเพิ่งหลุดปากเล่าให้ฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ข้ามคืนที่เคยมีกับติ บอกตรงๆว่าฟังแล้วใจหายวาบ แทบไม่อยากให้พะภูไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกเลย ตอนแรกเธอเข้าใจว่าคนพวกนี้ก็แค่เก่งเรื่องเตะต่อย มองจากสายตาคนนอกแล้วก็แอบดูเท่ดี อย่างกับหลุดออกมาจากในหนังหรือนิยาย แต่ถ้ารู้ว่าทำตัวแย่เรื่องผู้หญิงด้วย อันนี้เธอรับไม่ได้

“ไม่ พะภูกับผู้หญิงพวกนั้นไม่เหมือนกัน ฉันจะไม่ทิ้งน้องเธอเด็ดขาด” สายตาจริงจังถูกส่งไปให้คนตรงหน้า ความเงียบโปรยตัวเข้าปกคลุมทั่วบริเวณกินระยะเวลานานหลายนาที จนในที่สุดพะพายก็ยอมถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

“แล้วฉันจะรอดู วันนี้นายกลับไปได้แล้ว”

ติพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะฉุดแขนพะภูให้ลุกขึ้น เมื่อเดินออกมาพ้นสายตาของบุคคลที่สามแล้ว จึงเริ่มเปิดประเด็นหลักในการมาเยือนที่นี่อีกครั้ง

“ไหน อธิบายเรื่องรูปนั้นมาสิ”

“นั่นมันนานแล้วนะ ก็ตอนที่พี่ติไล่ผมออกจากวิไลวิทย์ไง” ตอบกลับด้วยท่าทางน้อยใจ ทำเอาคนตัวสูงถึงกับไปต่อไม่เป็น ได้แต่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอเบาๆ

“ตอนนั้นผมโดนพี่ธรลากไปนั่งเป็นเพื่อนเฉยๆหรอก คนอื่นไม่รู้อะไรก็แอบถ่ายรูปเก็บไว้น่ะสิ” พะภูอธิบายต่อไป หวังช่วยให้คนตรงหน้าใจเย็นขึ้นมาได้บ้าง

“เอาเถอะ ไว้วันหลังฉันพานายไปบ้างดีกว่า” ดูเหมือนว่าเขาต้องควบคุมให้หัวตัวเองเย็นลง ในเมื่อรู้ว่าภาพนั้นมันหลุดออกมาในช่วงที่เขาปล่อยปละละเลยพะภูเอง ขืนให้ซักไซ้ต่อไปรังแต่จะเอาชั่วเข้าตัวซะมากกว่า

“ผมไม่ไปยุ่งกับคนอื่นหรอก เชื่อใจกันบ้างสิ”

“ฉันเชื่อใจนาย แต่ฉันไม่เชื่อใจคนอื่น โดยเฉพาะมัน!” กระแทกเสียงลงตรงท้ายประโยค ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับส่ายหน้าด้วยความระอา จะว่ากีรติเป็นพวกขี้หวง หรือเป็นพวกขี้ระแวงคู่อริตัวเองกันแน่

“ตบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้ว” พะภูขยับเข้าไปใกล้คนโตกว่า ก่อนเงยหน้าขึ้นจูบคางมนเบาๆ เรียกรอยยิ้มของติกลับมาได้มากโข คนตัวสูงก้มลงหอมพะภูคืนฟอดใหญ่ ไม่ลืมที่จะสูดกลิ่นหอมหวานจากพวงแก้มสวย

“ถ้ารู้ว่าหึงแล้วนายยอมทำแบบนี้ ต่อไปจะหึงทุกวันเลย”

“พี่ติบ้า”

“อะแฮ่ม!”

เสียงกระแอมไอดังขึ้นขัดจังหวะจากด้านในตัวบ้าน พะภูเลิกหยิกแขนติและหันกลับไปมอง ก็เห็นพี่สาวตัวเองยืนทำหน้าปั้นปึ่งอยู่หน้าประตู ทั้งสองคนจึงรีบผละตัวออกจากกัน ก่อนที่ติจะโบกมือลาพลางสาวยาวเท้าๆขึ้นไปบนรถคันหรู

ตอนนี้เรื่องที่น่าเป็นห่วงกว่าธร ก็คือพะพายตัวดีนี่แหละ!

 

“ไอ้บ้า! ใครบอกให้ใช้น้ำยาเยอะขนาดนั้น” เสียงดุๆของพะพายดังขึ้นลั่นครัว เมื่อเห็นกลุ่มฟองที่ปกคลุมไปทั่วทั้งจานชาม แทบจะปิดวิสัยทัศน์ของอ่างสีเงินจนหมด ไม่มั่นใจว่านี่มาช่วยหรือมาเล่นกันแน่

“ก็เดี๋ยวมันไม่สะอาด”

“นี่ก็เยอะเกินย่ะ!”

ผู้หญิงหนึ่งเดียวในบ้านเดินไปกระแทกไหล่ติให้หลบทาง ก่อนจะเป็นฝ่ายจัดการทำความสะอาดจานข้าวทั้งหมดต่อเอง ทิ้งให้ตัวปัญหาเมื่อครู่ได้แต่ยืนมองอย่างสงบนิ่ง มีคนรักนั่งให้กำลังใจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อดไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะกับภาพที่เห็น ภายนอกจะดูเถื่อนแค่ไหน แต่ยังไงก็เป็นคุณชายอยู่ดีจริงๆนั่นแหละ แค่ล้างจานยังทำไม่เป็นเลย แบบนี้ทำให้พะพายประทับใจไม่ได้สักนิด

นี่ก็ปาเข้าไปวันที่สี่แล้ว ตั้งแต่ที่พะพายรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับติ หลังจากนั้นติก็มักแวะเวียนมาหาที่บ้านเป็นประจำ คอยซื้อของติดไม้ติดมือมาฝาก หวังเรียกคะแนนชอบใจจากพี่สาวคนสวย แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล หลังๆมานี้เลยเปลี่ยนมาช่วยทำงานบ้านตามคำสั่งแทน เผื่อได้คะแนนสงสารจากความพยายามบ้าง แต่ดูไปดูมา เห็นท่าจะยิ่งทำให้พะพายหงุดหงิดเสียมากกว่า

“ขอล้างมือหน่อยดิ” ติขยับเข้าไปใกล้อ่าง พยายามยื่นมือที่เปื้อนฟองเข้าไปขวางมืออีกคู่ซึ่งกำลังยกจานขึ้นมา แต่กลับโดนพะพายเอ็ดเสียงดัง

“อย่าเพิ่งยุ่ง!”

คนโดนว่าขมวดคิ้วมุ่นด้วยทีท่าไม่พอใจ ถ้าไม่ให้ล้างจานแล้วก็ขอล้างมือหน่อยเถอะ จะได้แอบฉวยโอกาสนี้ไปนั่งสวีทกับคนรักบ้าง ตั้งแต่ยอมอาสาให้พะพายจิกหัวใช้ ก็แทบไม่มีเวลาส่วนตัวกับพะภูเลย ขนาดอยู่ในบ้านเดียวกันยังรู้สึกไกลขนาดนี้ เขาทนไม่ไหวหรอก

ติหันไปป้ายฟองบนมือลงกับแขนของพะพาย ก่อนจะตีสีหน้าหงุดหงิด แต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้ครึ่งของอีกฝ่าย ที่กลายเป็นนางมารไปแล้ว เสียงโวยวายดังจนแสบแก้วหู แม้แต่พะภูยังต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ ไม่ง่ายเลยที่ติจะผ่านด่านพะพายไปได้ถ้ามันยังเป็นอยู่แบบนี้ ในเมื่อพะพายก็เอาแต่ตั้งแง่ แล้วติก็หมดความอดทนง่ายๆอยู่เรื่อย

เสียงแหลมสูงของคนเป็นพี่ยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ติก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกต่อไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างแข่งกันป้ายฟองสีขาวลงบนตัวอีกคนอย่างกับเด็กๆ เห็นแล้วมันทั้งน่าปวดหัวและน่าขันไปพร้อมๆกัน

“อะไรของเธอเนี่ย”

“ก็นายมาแกล้งฉันก่อนทำไมล่ะ!”

“ยัยบ้า เลอะหมดแล้วเห็นไหม!”

พะภูได้แต่นั่งมองคนรักกับพี่สาวตัวเองทะเลาะกันเสียงดัง เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปหมด แปลกชะมัดที่ส่วนหนึ่งในใจกลับรู้สึกเจ็บแปล็บขึ้นมา...

ทั้งสองคนตรงหน้าดูเหมาะสมกันมากจนน่าตกใจ... กีรติ ที่ยืนคู่กับผู้หญิงสวยๆ คงเป็นภาพที่เข้ากันดีมากกว่าเด็กผู้ชายอย่างเขาอยู่แล้วล่ะ บ้าจริงๆแฮะ ดันเพิ่งคิดได้เอาป่านนี้ ถ้าเกิดเขาไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าหาติตั้งแต่แรก ติก็อาจจะยังเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิง เขาคงยังไม่ได้ชอบผู้ชาย และน่าจะมีสาวๆรายล้อมเต็มไปหมด

ภายในจิตใจตอนนี้ มีความรู้สึกปั่นป่วนมากมายตีกันจนวุ่นไปหมด ทั้งเศร้า ทั้งอิจฉา ทั้งน้อยใจ ทั้งหงุดหงิด แล้วยังรู้สึกผิดด้วย เขาทำอะไรลงไป...เปลี่ยนชีวิตผู้ชายคนหนึ่งเลยนะ พะภู.....

เปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งไป ในขณะที่ก็เปลี่ยนจิตใจของตัวเองไปด้วย... ใช่สิ แผนตื้นๆของเขามันทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยน เขาทำให้ติตกหลุมรักเขา และทำให้ตัวเองตกหลุมรักติ ทั้งที่ความจริงมันไม่ควรเป็นแบบนี้เลย

“เอ้า เอาไปปอกมาให้พะภูกิน”

พะพายเลิกเล่นไร้สาระ และเดินไปล้างคราบน้ำยาออกจากตัว ก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบถุงแอ็ปเปิ้ลมาวางไว้ให้ติเห็น พยายามหว่านล้อมด้วยการใช้ชื่อพะภูมาอ้าง ทำให้อีกฝ่ายถึงกับรีบเปิดก๊อกน้ำทำความสะอาดตัวเอง และก้มตัวหามีดปอกผลไม้ทันที ทีงี้ล่ะเชื่องเชียวนะ

คนออกคำสั่งลากมือพะภูออกมานั่งรอที่โซฟา โดยปล่อยติทิ้งไว้ในห้องครัวตามลำพัง แล็ปทอปตัวเดิมถูกเปิดหน้าจอขึ้นอีกครั้ง พร้อมไล่สายตาอ่านคอมเม้นบนรูปของธรกับน้องชายตัวเองที่วันนี้ก็ยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่จบสิ้นสักที

“พี่พาย เลิกแกล้งพี่ติเถอะครับ” เสียงเด็กผู้ชายตรงหน้าดังขึ้น พร้อมสายตาอ้อนวอน

“ก็พี่ยังไม่ยอมรับนี่”

“แต่ก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย”

“นี่มันยังเล็กน้อยนะ ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำให้ไม่ได้ ก็ไม่มีปัญญาดูแลนายหรอก”

พะพายว่าเสียงฉุน เธอเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางความรักของพะภูนักหรอก แต่อย่างน้อยก็อยากลองดูนายติซะบ้าง ถ้าแค่ลำบากนิดๆหน่อยๆยังถอดใจ ก็คงยากที่จะยอมรับล่ะนะ ถึงยังไงช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา กีรติก็พิสูจน์ให้เห็นหลายๆอย่างแล้ว ว่าเขาค่อนข้างทุ่มเทให้พะภูจริง แต่เธอก็ต้องจับตาดูต่อไป ไม่แน่ว่าจะหมดโปรโมชั่นขึ้นมาเมื่อไรก็ได้

“พี่มาอยู่กรุงเทพคนเดียวตั้งแต่เด็ก ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจก็เหงา พี่ถึงดีใจมากที่มีภู...” เมื่อเห็นสายตาอ่อนใจของน้องชาย เธอจึงเริ่มอธิบายอย่างจริงๆจังๆ มืออุ่นเอื้อมเข้ากุมมือพะภูไว้ พยายามส่งทอดสายตาจริงจังไปให้

“พี่คิดเสมอว่า ไม่ใช่แค่พี่ที่ช่วยภูไว้ แต่คือภูที่ช่วยพี่ไว้เหมือนกัน เพราะงั้นพี่ถึงห่วงและหวงนายมาก ถ้าใครจะเข้ามาพรากนายไปจากพี่ พี่ก็อยากทำให้แน่ใจ ว่าเขาต้องดีพอที่จะยืนเคียงข้างนายได้”

ดวงตากลมโตสั่นไหวไปตามคำพูดของพี่สาว แก้มสองข้างชาวาบด้วยความรู้สึกผิด ก่อนที่น้ำใสๆจะเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา จนอีกฝ่ายถึงกับเบิกตากว้างท่าทางตกใจ

“ปะ เป็นอะไร? ซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ”

“พี่พาย ผมขอโทษ ฮึ..ก... ผมมันเลวที่คิดอิจฉาพี่พายซะได้”

“อิจฉาพี่?”

“เมื่อกี้ จู่ๆก็คิดว่า พี่พายกับพี่ติเหมาะสมกันมาก จนรู้สึกอิจฉาขึ้นมา...ทั้งที่พี่พายเป็นห่วงผมขนาดนี้แท้ๆ” ยิ่งพูดไป น้ำเสียงก็ยิ่งสั่น ทำเอาคนฟังทนไม่ได้ต้องรีบเขกหัวเล็กๆตรงหน้าเพื่อเรียกสติ พะภูร้องโอ๊ยพลางลูบหัวป้อย

“บ้าหรือไง อิจฉาพี่ทำไมในเมื่อติรักนาย”

“แต่ผู้ชายกับผู้ชายมัน...โอ๊ย!” ร้องออกมาเสียงดังกว่าเดิม เมื่อคนเป็นพี่ตีหน้าผากเขาซ้ำอีกครั้ง สีหน้าเคืองๆฉายอยู่ต่อหน้า ดูน่ากลัวใช่เล่นเลย

“มาถึงขั้นนี้แล้วยังพูดเรื่องนั้นอีกหรอ ชักสงสัยแล้วว่านายรักติจริงหรือเปล่า”

“รักนะครับ! ผมรักพี่ติจริงๆ”

“ถ้างั้นก็เลิกกังวลเรื่องนี้ได้แล้ว อย่าพูดว่าคนรักของตัวเองเหมาะสมกับใครต่อใครเลย พี่ว่าถ้าหมอนั่นได้ยิน คงเสียใจนะ มันฟังดูเหมือนว่านายกำลังผลักไสไล่ส่งเขายังไงไม่รู้”

“ปละ เปล่า...”

“เชื่อมั่นหน่อยสิ เชื่อมั่นในความรักของพวกนาย”

พะพายรีบแทรกขึ้นก่อน พร้อมยกมือขึ้นยีหัวพะภูแรงๆจนยุ่งไปหมด เด็กผู้ชายได้แต่ยิ้มรับทั้งคราบน้ำตา โชคดีจริงๆที่คนที่ช่วยเขาออกมาคือพะพาย เป็นมากกว่าครอบครัว และมากกว่าชีวิต ขนาดบ่นว่าไม่ยอมรับเขากับติ แต่ก็ยังมาพูดให้กำลังใจกันแบบนี้ เขานี่มันบ้าชะมัดเลย...บ้าที่คิดเรื่องบ้าๆออกไปได้ ถ้าจะอิจฉาก็ต้องอิจฉาใครต่อใคร ที่ไม่มีพี่สาวดีๆอย่างนี้มากกว่า

“เสร็จแล้ว”

เสียงทุ้มของบุคคลที่สามดังขัดจังหวะขึ้นมา จนพะพายต้องแอบหันไปสบถกับตัวเองเบาๆ พี่น้องเขาจะทำซึ้งยังจะมาขวาง ไอ้นี่มันมารผจญชัดๆ ไอ้บ้าที่จะมาแย่งความรักของพะภูไป เธอไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆแน่!

จานแอ็ปเปิ้ลที่ถูกปอกแบบเละเทะถูกวางลงบนโต๊ะตัวเตี้ย พะพายเบะปากไม่พอใจ ก่อนส่งสายตาดูแคลนไปให้ผู้ชายตัวโตไม่ได้เรื่อง แต่ดูเหมือนติไม่อยู่ในอารมณ์ต่อกรด้วย เขาเพียงแต่หันมาหาเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบที่แปลไม่ออก

“ดึกแล้ว วันนี้ขอค้างที่นี่เลยนะ”

“จะบ้าเหรอ กลับบ้านไ...อ..อะไรยะ”

เจ้าของผมสีดำยาวถึงกับชะงัก เมื่อเห็นสายตานิ่งจริงจังแบบที่ไม่เคย คิ้วเข้มสองข้างของติขมวดมุ่นอย่างคนเครียดจัด ดูเหมือนกำลังพยายามสื่อความหมายบางอย่างมาให้ จนเมื่อเธอหันไปเห็นใบหน้าฉงนของพะภูถึงเริ่มเข้าใจ คาดว่าเมื่อครู่ติคงได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกันเป็นแน่ และดูเหมือนมีเรื่องที่คู่รักข้าวใหม่ปลามันตรงหน้าต้องเคลียร์กันยาว

“อะ..เออ ก็ตามใจ” สุดท้ายก็ต้องยอมตกลง ก่อนจะลุกออกไปพ้นบริเวณเพื่อค้นหาหาชุดที่คนตัวสูงจะพอใส่ได้ หวังว่าเสื้อผ้าผู้ชายมือสองที่เคยซื้อเก็บไว้ตอนลดราคาล้างสต๊อกจะยังอยู่แถวไหนสักที่ในบ้าน

“แต่บ้านนี้มีห้องนอนแค...”

“ฉันจะนอนกับนาย”

ตอบทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ แถมยังพรวดพราดลุกขึ้นพร้อมดึงข้อมือเล็กให้ลุกตาม คนเป็นแขกถือวิสาสะลากเจ้าของบ้านขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ก่อนจะดันร่างเล็กเข้าไปภายในห้องนอนขนาดเล็ก กดล็อกประตูแน่นหนา

“พี่ติ?” พะภูเอ่ยปากออกมา เมื่อคนตัวใหญ่โผเข้ามากอดเข้าไว้แน่น พลางซุกไซ้ลงกับซอกคอขาวแบบไม่ให้ตั้งตัว

“ฉันรักนาย” พูดทั้งที่ยังระดมจูบไปทั่วคอเนียน ไต่ลงมาจนถึงไหปลาร้าซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อยืดสีน้ำตาล คนตัวเล็กพยายามยืดตัวหนีพร้อมดันตัวติออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล เสียงทุ้มยังคงดังก้องขึ้นมาภายในห้องที่เงียบสงัด

“แล้วก็ไม่เสียใจที่รักนายด้วย”

“พี่ติ เป็นอะไรครับ..อื้ออ”

แทนที่จะได้คำตอบ กลับเป็นกลีบปากอุ่นที่ทาบทับลงมาดูดกลืนสุ้มเสียงทั้งหมดไป ติออกแรงขบริมฝีปากล่างของพะภูเบาๆ ก่อนจะสอดไส้ลิ้นหนาเข้าไปสำรวจทั่วโพรงปากอย่างฉาบฉวย พะภูพยายามขัดขืนแต่ในที่สุดก็เป็นฝ่ายจำนนแต่โดยดี ร่างบางอาศัยแขนแกร่งของติในการพยุงตัวไม่ให้ทรุดลงไปเสียก่อน ในเมื่อลีลาการจูบของคนตรงหน้ามันเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆจนร่างเล็กถึงกับอ่อนยวบ นานพอตัวกว่าที่ติจะยอมถอนปากออกไปอย่างอ้อยอิ่ง และยังไม่วายทิ้งรอยจูบบางๆไว้ตรงมุมปากของคนเด็กกว่า พะภูรวบรวมสติและรั้งแขนเสื้อของติไว้ เพื่อให้ตัวเองได้กลับมายืนเต็มความสูง แก้มสองข้างแดงจัดด้วยความเขินอายระคนตกใจ

“มีอะไรเหรอครับ?”

“ฉันได้ยินนะ ที่นายพูดกับพะพาย”

“อ้ะ! ด..ได้ยิน? ตั้งแต่ตอนไหนครับ”

รีบถามออกไปทันที เพราะห่วงว่าติอาจรู้แล้วว่าเขากับพะพายไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นคงเลี่ยงที่จะเปิดเผยอดีตอันเลวร้ายของตัวเองไม่ได้ ทั้งที่เขาไม่อยากพูดหรือคิดถึงมันอีกแล้ว

“ตั้งแต่ที่นายบอกว่าฉันกับพายดูเหมาะสมกัน” ลอบถอนหายใจบางเบา ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับสายตาจริงจังอีกครั้ง

“ขอโทษครับ...ผมแค่คิดว่า ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า พี่ติเป็นผู้ชายที่ควรคู่กับผู้หญิง..”

“ถ้าเป็นแต่ก่อนฉันก็คงคิดแบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า เราทุกคนต่างเหมาะสมกับใครก็ตามที่เราเลือกแล้ว” ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่นอีกครั้ง มือใหญ่กดหัวพะภูให้ซบลงกับแผงอกกว้าง

“และตอนนี้ฉันก็รักนาย จะมีแค่นาย เข้าใจใช่ไหม...”

“พี่ติ...”

“อย่าสงสัยอะไรอีกนะ เพราะฉันคงเสียใจมาก ที่รู้ว่านายไม่เชื่อมั่นในความรักของเราเอาซะเลย”

“อืออ....ขอโทษครับ”

ร่างบางส่ายหัวดิ๊กเหมือนต้องการจะบอกว่า ‘ไม่อีกแล้ว’ ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความรู้สึกปนเปมากมาย ทั้งรู้สึกผิดที่เผลอคิดเรื่องแย่ๆ และทั้งปลื้มใจกับคำของคนตรงหน้า มือเล็กกอดตอบคนตัวใหญ่ไว้แน่นไม่แพ้กัน ก่อนจะปล่อยให้เสียงหัวใจสองดวงเต้นดังประสานขึ้นมาท่ามกลางความเงียบภายในห้องเล็กๆ

ผิดไปแล้วที่ดันรู้สึกไม่ดีกับคนทั้งคู่ซึ่งรักมาก ทั้งที่พะพายคิดแค่ว่าเป็นห่วงเขา และทั้งที่ติคิดแค่ว่ารักเขาเท่านั้น... ต่อไปนี้จะไม่คิดมาก จะไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว หวังแค่ว่าให้มีแต่เรื่องดีๆระหว่างพวกเขา อย่าได้เกิดเรื่องหมางใจใดๆอีกเลย...

-----------------------------------------------

รู้สึกเรื่องนี้ แต่งช้ามากกกก 55
สมองตันเป็นพักๆ ขี้เกียจเป็นช่วงๆ
ไม่มีอารมณ์อยู่เรื่อยๆ และไม่ว่างอยู่บ่อยๆ ฮรือออ!
แต่ยังยืนยันว่าไม่ทิ้งนะคะ
เพราะงั้นก็อยากให้ช่วยตามกันต่อไปด้วยน้า
อาจจะนานๆมาที แต่ว่าได้ต่อจนจบบริบูรณ์แน่นอน ;D
ขอบคุณทุกๆคอมเม้น และนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
จะตามอ่านจนจบเลยครับ

ชอบๆ เรื่องนี้

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
รอนานมาก
นานๆมาต่อทีก้อจะค่า

ออฟไลน์ jilantern

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
หรือว่าเสี่ยจิวที่เคยเป็นเจ้าหนี้พะภูจะเป็นพ่อพี่ติ -.-

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ไม่อยากให้ดราม่าเลย สงสารน้องพะภูจัง

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 27

 

Bouquet
[ยังไม่นอนหรอ] 9:48 PM
                                                   Read 9:50 PM [ยังครับ พี่เกต์ล่ะ]
Bouquet
[ยังเลย คิดถึงพะภูอยู่ <3] 9:50 PM
                                                   Read 9:51 PM [555]
                                                   Read 9:51 PM [ระวังพี่ติดุนะ]
Bouquet
[ไอ้ติขี้หวง] 9:53 PM
Bouquet
[อิจฉามัน  มีคนน่ารักให้นอนกอด] 9:53 PM
Bouquet
[วันหลังให้ฉันไปนอนด้วยสิ] 9:54 PM
                                                   Read 9:54 PM [55 ถามพี่ติก่อน]
Bouquet
[โห่วว] 9:55 PM


“คุยกับใครน่ะ?”

เสียงทุ้มของคนถูกพาดพิงดังขึ้นใกล้ๆ ทำเอาพะภูตกใจจนเผลอทำโทรศัพท์ราคาแพงของติหลุดมือ หลังจากที่ทั้งคู่อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย พะภูก็หาหนังสือเล่มสองเล่มให้ติอ่านฆ่าเวลา เนื่องจากในห้องของเขาไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก ส่วนตัวเขาก็กำลังเล่นมือถือของคนข้างๆอย่างสบายใจ เห็นว่าเกต์ทักแชทขึ้นมาพอดี ก็เลยเนียนคุยด้วยซะนานสองนาน

“พี่เกต์ชวนคุยครับ”

คนตัวเล็กหยิบมือถือส่งคืนให้เจ้าของ พร้อมทั้งขยับตัวขึ้นไปนอนเกยอยู่บนไหล่กว้าง ซึ่งอ้ารอต้อนรับร่างบางเอาไว้แล้ว มือข้างหนึ่งกอดรัดพะภูเอาไว้อย่างหวงแหน ส่วนอีกข้างก็วางหนังสือลง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเช็คข้อความเมื่อครู่ คิ้วสองข้างขมวดมุ่นขึ้นเรื่อยๆ หลังจากสบถคำด่าเพื่อนสนิทออกมาคำโต นิ้วเรียวก็เริ่มกดพิมพ์อะไรบางอย่างตอบกลับไป


                                                   Read 10:01 PM [สัสเกต์]
Bouquet
[เชี่ยติ กูจะคุยกับพะภู] 10:01 PM
                                                   Read 10:02 PM [ไม่ให้คุย]
                                                   Read 10:02 PM [แฟนกู กูหวง]

Bouquet
[ห่า หมั่นไส้!] 10:02 PM
Bouquet
[ทำไรกันอยู่] 10:02 PM
                                                   Read 10:02 PM [คิดว่าไง]
Bouquet
[เฮ้ย ทำไรวะ] 10:03 PM
Bouquet
[เดี๋ยวกูฟ้องพะพายนะโว้ย] 10:03 PM
                                                   Read 10:05 PM [ไปนอนได้ละมึง]
                                                   Read 10:05 PM [คนกำลังมีความสุข อย่ามากวน]
Bouquet
[ไอ้ติ! พะภูยังเด็กนะเว้ย] 10:05 PM
Bouquet
[มึงทำไรวะ] 10:06 PM

 
“พี่ติ! คุยอะไร พี่เกต์เข้าใจผิดหมดแล้ว”

คนตัวเล็กชะเง้อมองข้อความกำกวมบนหน้าจอก่อนจะต่อว่าคนพิมพ์ยกใหญ่ ใบหน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่ออย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งทำให้ดูน่าแกล้งเข้าไปอีก

“ยังไม่ได้ต่อจากที่โรงแรมเลยนี่”

ติว่าเสียงเจ้าเล่ห์ ไม่ทันที่พะภูจะขยับตัวหนี ก็ถูกคนโตกว่าพลิกตัวขึ้นคร่อมเอาไว้ ใบหน้าโน้มต่ำลงมาจนรู้สึกถึงลมหายใจชัดเจน ไอ้เรื่องที่โรงแรมมันก็น่าจะลืมไปได้แล้วนะ ยังขุดคุ้ยขึ้นมาได้อีก!

“ออกไปเลยครับ” มือเล็กพยายามดันอกกว้างด้านบนให้ออกห่าง แต่กลับทำให้ติกดตัวลงต่ำกว่าเดิมอย่างจงใจ

“ในเมื่อเราก็รักกัน นายต้องเป็นของฉันสักวันอยู่แล้ว”

“แต่ไม่ใช่วันนี้...อ๊ะ!”

คนด้านล่างเบือนหน้าหนีริมฝีปากอุ่นๆ จนคนแกล้งต้องหันมากดจูบลงกับคอขาวแทนอย่างช่วยไม่ได้ ติออกแรงดูดจนเกิดรอยแดงแสดงความเป็นเจ้าของชัดเจน ก่อนจะเชยคางพะภูให้หันกลับมาสบตากัน

“ไม่อยากรอแล้วอะ..”

เสียงออดอ้อนแบบที่พะภูไม่นึกอยากได้ยินนักดังขึ้นข้างๆใบหู ทำเอาคนเด็กกว่าขนลุกซู่ไปทั้งตัว แต่ก็ยังพยายามยืนยันคำเดิม พร้อมใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักร่างหนักอึ้งด้านบนออกไปอย่างยากลำบาก

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวพี่ติได้ผมแล้วจะทิ้งผมหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ที่พูดออกไปเป็นแค่การหยั่งเชิงตามคำพูดที่พะพายเคยเตือนไว้ ยังไงก็เชื่ออยู่เต็มอก ว่าติจะไม่เลิกรากันไปง่ายๆแบบนั้น แต่มันช่วยไม่ได้ ถ้าเขาไม่พูดอะไรสักอย่างก็คงสลัดบรรยากาศแปลกๆที่เป็นอยู่นี้ไม่หลุด

“ลองดูไหมล่ะ?” คนตัวโตดันพะภูลงราบกับเตียงอีกครั้ง พร้อมบดจูบหนักๆตามมาปิดกลีบปากบาง มือสากเลื่อนปลดกระดุมชุดนอนของร่างข้างใต้อย่างชำนิชำนาญ ลูบไล้ผ่านจุกสีชมพูหวาน

“อ๊ะ..”

“ขอนะ” ติถอนปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนเอ่ยขอเสียงแหบพร่า ไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะดิ้นขัดขืนแค่ไหน

“มะ..ไม่ครับ พี่ติ!”

หัวนมด้านหนึ่งถูกครอบครองโดยปากสีส้มธรรมชาติ ดูดดุนแรงๆจนร่างบางถึงกับตัวลอย มือเล็กทั้งสองข้างพยายามดันไหล่หนาตรงหน้าออกไป แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้ติรู้สึกสนุกสนานในการคุกคามคนรักตนยิ่งขึ้น เสียงจ๊วบจ๊าบดังระงมไปทั่วห้อง ทำเอาพะภูนึกอายจนแก้มและใบหูแดงก่ำ

“อื้อ!”

“จ..จ๊ว...บ”

“อะ...อ๊ะ”

ริมฝีปากอุ่นไต่ลงมาเรื่อยๆจนถึงหน้าท้องขาวเนียน แกล้งแหย่ลิ้นชื้นเข้าไปหยอกล้อภายในร่องสะดือ ทำเอาคนเด็กกว่ากลั้นเสียงครางแทบไม่ไหว ถึงอย่างนั้นก็ยังพอคุมสติได้อยู่ จึงทิ้งแรงทั้งหมดไปที่ขา ถีบร่างหนักๆด้านบนออกไปเสียงดังปัก

“โอ้ยย!” คนตัวใหญ่กลิ้งไปอยู่ปลายเตียง สายตาถมึงทึงจ้องเขม็งไปยังพะภูอย่างคาดโทษ

“ข..ขอโทษครับ”

“ภู...”

เมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของคนตรงหน้า ติถึงยอมลดอารมณ์โกรธลง พลางคลานช้าๆเข้าไปหาคนที่กำลังดันหลังจนติดหัวเตียงขณะติดกระดุมกลับอย่างลวกๆ มือใหญ่เอื้อมขึ้นลูบแก้มใสแผ่วเบาเป็นเชิงปลอบประโลม อีกใจหนึ่งก็ยังอยากหว่านล้อมให้ยอมตนสักที

“ไม่เอาครับพี่ติ ผมยังไม่พร้อม” ตอบกลับเสียงหนักแน่น พร้อมเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แสดงให้รู้ว่าเขาเองก็กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่เหมือนกัน

“โห...แต่ฉันมีอารมณ์แล้วอะ” พูดไปก็คว้ามือพะภูให้มาวางลงตรงเป้ากางเกงของตัวเอง ซึ่งมีบางอย่างกำลังแข็งขืนอยู่ภายใน

พะภูรีบตวัดสายตาดุๆไปทางติ ก่อนจะชักมือกลับทั้งที่ใบหน้าแดงเถือก ลามไปจนถึงใบหูและลำคอ เป็นบ้าหรือไงนะ อยู่ดีๆถึงได้จับมือเขาไปแตะตรงนั้น แถมยัง....โอ้ยยย สัมผัสมันติดมือหมดแล้ว!

“ห้องน้ำอยู่ด้านนอก ออกไปเลยครับ”

เจ้าของใบหน้าขึ้นสีชี้นิ้วไปทางประตูห้อง พร้อมยื่นคำขาด ไม่รอให้อีกฝ่ายมีโอกาสเถียงกลับ ก็รีบล้มตัวลงนอนและกระชากผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงไม่รับรู้อะไรอีก ติยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมต่ออีกสักพัก แต่ก็ไร้วี่แววว่าคนแกล้งหลับจะลุกมาคุยด้วยง่ายๆ

สุดท้ายเขาก็ต้องจำใจลากสังขารหนักอึ้งของตัวเองออกไปยังห้องน้ำด้านนอก รีบจัดการทำธุระของตัวเองให้เสร็จสิ้น ก่อนจะเดินกลับมาเพื่อเห็นว่าคนรักได้จมลงสู่ห้วงนิทราเป็นอันเรียบร้อยแล้ว ติลอบถอนหายใจเบาๆ และเอื้อมมือไปกดปิดไฟในห้อง

“ฝันดีนะ” จุมพิตบางเบาถูกมอบให้ร่างบางข้างๆบนเตียงหลังเดียวกัน ก่อนที่ตัวเขาจะหลับตาลง ปล่อยให้สติทั้งหมดค่อยๆเลื่อนลอยหายไป

 

“โอ๊ะ”

พะพายร้องเมื่อกองเอกสารของคณะกรรมการนักเรียนที่แบกลงมาจากชั้นบนร่วงหล่นไม่เป็นท่า พะภูซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่กับติรีบรี่เข้ามาก้มลงเก็บไปวางบนโต๊ะให้ แต่แทนที่จะได้ยินคำขอบคุณอย่างเช่นปกติ ครั้งนี้กลับกลายเป็นน้ำเสียงดุๆเชิงจับผิดเสียแทน

“พะภู เปิดเสื้อซิ”

“ครับ?”

ไม่ทันได้คำตอบอะไร พะพายก็ตรงเข้ามาเลิกชายเสื้อของเขาออกอย่างละลาบละล้วง ผิวขาวๆซึ่งบัดนี้กลับเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงปรากฏหราต่อหน้าพี่สาวคนดี ทำเอาเธอเกือบลมจับ สายตาส่อแววดุร้ายตวัดกลับไปทางผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวอยู่บนโซฟาใกล้ผุ

“ทำอะไรน้องฉัน!?”

“อะไร?” ทำเป็นตีหน้าซื่อถามกลับ ทั้งที่รู้อยู่ว่าหมายถึงอะไร

“ไม่ต้องมาทำไขสือ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?” พอเห็นว่าคงคุยกับติไม่รู้เรื่อง ถึงหันกลับมาซักไซ้เอาความกับพะภูแทน เด็กผู้ชายส่ายหน้ารัวเร็วทั้งที่ใบหูเริ่มขึ้นสีระเรื่อ

“เปล่านะครับ เรายังไม่มีอะไรเกินเลยกัน”

“แล้วไอ้รอยพวกนี้?”

“พี่พาย งานของคณะกรรมการนักเรียนยังไม่เสร็จเลยนี่ครับ ใกล้เปิดเทอมแล้วนะ”

ทำทีเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะถูกซักไปมากกว่านี้ และดูเหมือนข้ออ้างเรื่องงานจะใช้ได้ผล เมื่อพะพายเลิกถามต่อและย้ายไปนั่งลงตรงหน้ากองเอกสารมากมายบนโต๊ะแทน โชคดีที่ผู้หญิงคนนี้ยังให้ความสนใจเรื่องงานมากกว่า เขาถึงได้รอดจากการสอบสวนมาแบบเฉียดฉิว

“นายติ ออกไปซื้อน้ำตาลมาซิ ใกล้หมดแล้ว” แต่ยังไม่วายหันไปออกคำสั่งใส่แขกจอมโหด ที่ตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรกับเสือเชื่องๆตัวหนึ่ง

คนตัวโตส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ แต่ก็ยอมลุกออกจากโซฟาแต่โดยดี พะภูที่ตั้งท่าจะตามออกไปด้วยโดนคนเป็นพี่รั้งตัวไว้ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เลยทำได้แค่ส่งกำลังใจไปให้เท่านั้น เวลาผ่านไปสักพักโดยไม่มีการพูดคุยรบกวนการทำงานของพะพายเลย จนเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นนั่นแหละ

“ผมไปเองครับ” พะภูลุกออกจากโซฟาอย่างรู้หน้าที่ โดยมีพี่สาวคอยส่งสายตาระแวดระวังตามหลังไปให้ ที่หน้าประตูรั้วมีเพียงรถแวนสีดำติดฟิล์มหนาทึบ กับเด็กผู้ชายสองสามคนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาชอบกล

“มาหาใครครับ?”

ถามออกไประหว่างเดินเข้าใกล้รั้วบ้านสีกรมท่า เริ่มมองเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนชัดเจนขึ้นมาภายในความทรงจำ แต่ก่อนจะทันได้ทำอะไร หนึ่งในนั้นก็ชิงฉีดสเปรย์ประหลาดที่ถูกซ่อนไว้จนถึงเมื่อครู่ เข้าใส่ใบหน้าของคนตัวเล็กเต็มๆ รู้สึกเวียนหัวจนโลกหมุนได้แค่ครู่หนึ่ง ก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างง่ายดาย

เกิดเสียงกุกกักขึ้นภายในตัวบ้าน เมื่อพี่สาวคนเดียวเริ่มกังวลใจขึ้นมา พวกชายแปลกหน้าจึงรีบปีนข้ามรั้วที่สูงเพียงระดับหน้าอกเข้ามาช้อนร่างบนพื้นขึ้น และย้ายไปไว้บนเบาะของรถคันใหญ่อย่างทุลักทุเล ไม่ทันได้ปิดประตูรถดี เสียงแสบแก้วหูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“ไอ้พวกบ้า ทำอะไรน่ะ!!?”

“ชิบหาย”

ชายคนหนึ่งอุทาน มือใหญ่รีบกระแทกประตูรถให้ปิดตัวลง และหันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้เพื่อนคนอื่น ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในบ้านซึ่งไร้รั้วกั้นขว้าง พะพายยืนนิ่งกล้าๆกลัวๆอยู่กับที่ ไม่รู้ทำไมขาถึงไม่ยอมขยับไปไหนเลย พอคิดจะตะโกนขอความช่วยเหลือ ก็ถูกผู้ชายตรงหน้าต่อยเข้าที่ท้องน้อยจนตัวงอลงไปกับพื้น ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่าง พาลทำให้สติค่อยๆดับหายไปทีละน้อย ภาพสุดท้ายที่เห็นคือประตูรถแวนที่ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมร่างตัวเองที่โดนโยนเข้าไปภายในอย่างไร้ความอ่อนโยน

บ้าชะมัด ถ้าพะภูเป็นอะไรไปแล้วเธอจะทำยังไง...

ใครก็ได้ มาช่วยพะภูด้วย...

---------------------------------------------

มาปั่นก่อน เดี๋ยวจะเปิดเทอมละ
เห็นตารางเทอมสองแล้วจะเป็นลม
มีแต่วิชายากๆ ที่แบบ...ไม่ได้คิดว่าจะมาเจอในคณะนี้เลย ฮืออ
ไม่รู้จะได้มาต่ออีกเมื่อไร แต่ยังยืนยันว่าไม่ทิ้งนะค้า
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นและนักอ่านทุกท่านด้วย <3 จุ๊บบ
ป.ล. มันยังไม่ดราม่าหรอก... อุ้บ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ห๊ะ จะดราม่าแล้ว
โอโน่

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 28

 

รถสีดำจอดเทียบลงกับรั้วบ้านคนรัก ก่อนที่ร่างใหญ่ของกีรติจะเดินลงมาพร้อมถุงน้ำตาลในมือ ดวงตาเรียวหรี่มองประตูที่เปิดทิ้งไว้อย่างไม่มั่นใจ

“พะภู!” ร้องเรียกเสียงดังพลางก้าวขายาวๆเข้าไปด้านในบ้าน ประตูทุกบานถูกปลดไว้ ภายในไม่มีใครขานกลับแม้แต่เสียงเดียว กองเอกสารของพะพายยังคงตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยหน้าโซฟาคล้ายกับว่าไม่ได้ตั้งใจจะหายไปอย่างนั้น...นี่มันเรื่องอะไร!?

“พะภู! พะพาย!...บ้าชิบ”

ติ๊ด ติ๊ด

เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ขณะกำลังร้อนใจ ติรีบควักออกมาเปิดดูก็ปรากฏเป็นข้อความภาพจากเบอร์ที่ไม่เคยบันทึกไว้ แต่ก็พอจำได้ว่าเป็นเบอร์ของใคร

ภาพถูกฉายขึ้นมาบนหน้าจอ เห็นพะภูกับพะพายกำลังถูกมัดด้วยเชือกเส้นหนา นั่งพิงเสาผุๆอยู่ภายในสถานที่ร้างแห่งหนึ่ง ดูท่าท่างไม่มีสติทั้งคู่ ฉากหลังมองเห็นกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยกำลังยืนรายล้อมพร้อมอาวุธเต็มมือ แนบมาด้วยข้อความสั้นๆเชิงคำสั่งให้เขาไปหาเพียงลำพัง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจรับรองความปลอดภัยของตัวประกันได้

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!” มือใหญ่กดปิดภาพนั้นลงพลางกำโทรศัพท์แน่น ติรีบสาวเท้ากลับไปขึ้นรถอย่างคนเดือดจัด รีบมุ่งตรงไปยังห้างร้างแห่งหนึ่งใกล้ๆกับวิไลวิทย์ เขาประมาทมากเกินไปที่คิดว่าไอ้ตัวการในคราวนี้จะยอมรามือไปแล้ว

ขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ถนนเบื้องหน้าซึ่งแออัดไปด้วยรถรามากมาย ซึ่งไม่ได้สะทกสะท้านกับสกิลการขับรถแบบทรามๆของเขาเท่าไร นิ้วเรียวก็เอื้อมไปกดปุ่มโทรหารุ่นน้องในกลุ่มอย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดลำโพงจนเสียงต่อสายดังก้องไปทั่วทั้งคัน สักพักอีกฝ่ายก็รับสายพร้อมกรอกเสียงงัวเงียกลับมา

(ฮัลโหล ครับ)

“ไอ้นิว เรียกรวมตัวทุกคนด่วน”

(ครับ?)

“พะภูถูกไอ้แจนจับตัวไป!”

(ห๊ะ!!) เสียงแบบคนเพิ่งตื่นหายไปทันทีที่ได้ยิน และดูเหมือนรุ่นน้องตัวเล็กจะอุทานออกมาดังมากไปหน่อย ถึงปลุกร่างใหญ่ข้างๆตัวให้ตื่นขึ้นมารับรู้เรื่องราวอีกคน

(คุยกับใครอะ..)

(หวะ! พ..พี่ติ! ว่ายังไงนะครับ แล้วคราวนี้จับไปที่ไหน?)

นิวรีบกลอกเสียงแสบแก้วหูผ่านสัญญาณโทรศัทพ์เข้ามาอย่างลนลาน ทำเอาคนกำลังขับรถถึงกับขมวดคิ้วมุ่น จากที่หงุดหงิดอยู่แล้ว ก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดีเข้าไปอีก ไม่รู้ว่านิวเป็นบ้าอะไรหรือทำอะไรอยู่ถึงได้ดูวุ่นวายแปลกๆ แถมยังได้ยินเสียงคุ้นหูของใครอีกคนดังลอดออกมาอีกต่างหาก คุ้นมากจนแทบไม่กล้าเดา

“ที่เดิม แต่คราวนี้มันมีอาวุธ และขู่ให้ฉันไปคนเดียว”

(คนเดียว!? ไม่ไหวมั้งครับ พี่ติรอพวกเร..)

“นายจะให้ฉันรอได้ยังไง!?”

(อึ่ก.. ข ขอโทษครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบตามเข้าไปช่วยทันที)

“ไม่ ฉันจะให้พวกนายรออยู่ในจุดที่ปลอดภัย พอฉันช่วยพะภูออกมาได้แล้ว ถึงเข้าไปเก็บกวาดไอ้เวรนั่น)

(อะไรกันครับ แน่ใจได้ยังไงว่าพี่ติไปคนเดียว แล้วมันจะไม่ทำอันตรายพะภู)

“เรื่องนั้นฉันไม่รู้ แต่ถ้าฉันไม่ทำตามมันสั่ง พะภูก็ต้องไม่ปลอดภัยแน่อยู่แล้ว”

(แต่ว...)

สายจากหัวหน้ากลุ่มถูกตัดไปอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้พูดต่อ นิวรีบโยนมือถือตัวเองเข้ากระเป๋าสะพายหนังแท้ที่พาดอยู่บนเก้าอี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ ก่อนจะพรวดพราดลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่า แสงแดดอ่อนๆส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบผิวเนื้อสีขาวละเอียด ก่อนจะถูกบดบังด้วยกางเกงยีนส์สีซีดบนพื้น คนตัวเล็กหันไปออกปากเสียงจริงจังกับผู้ชายอีกคนบนเตียงยับย่น

“พี่ศิลป์แต่งตัวเร็วครับ พะภูถูกไอ้แจนจับไป”

“ว่าไงนะ!”

พอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับร้องอ๋อกับท่าทีร้อนรนของนิวในตอนนี้ ก่อนที่ศิลป์จะเด้งตัวออกจากที่นอน ตรงไปคว้าเสื้อกับกางเกงขึ้นสวมใส่อย่างว่องไว มือใหญ่คว้ามือถือขึ้นกดโทรออกหาเกต์ และสมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มที่ยังเหลืออยู่ เพราะดูเหมือนหลายคนจะบินไปพักผ่อนช่วงปิดเทอมตามต่างประเทศกันเสียเกือบหมด

ทางด้านติซึ่งเหยียบคันแร่งปาดหน้ารถคันอื่นๆมาตลอดทาง ก็มาถึงจุดหมายด้วยความเร็วไม่กี่นาที ที่หน้าประตูกลวงๆซึ่งเคยถูกเขาฟากท่อนไม้เข้าใส่ครั้งหนึ่ง ถูกกั้นไว้ด้วยเด็กนักเรียนใต้บัญชาการของคู่อริชื่อแจน

“หลบไป”

ติว่าเสียงต่ำ ก่อนที่ทุกคนจะรีบขยับตัวออกห่างจากบริเวณประตูตามแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากผู้มีอิทธิพลคนนี้ ปล่อยให้เขาเดินเข้ามาประชันหน้ากับเจ้าของข้อความอย่างง่ายดาย แจนยกยิ้มขึ้นอย่างไร้ความเกรงกลัว บนใบหน้าเปรอะไปด้วยแผลน้อยใหญ่ที่ได้จากการหาเรื่องต่อยตีกับกลุ่มนักเลงต่างๆภายในเมือง

“ตัวประกันคนเดิม แต่ทำไมคราวนี้หน้าซีดเชียว ไม่เห็นทำกร่างเหมือนก่อนหน้านี้เลยนะ...ไอ้ติ”

แจนโยนมือถือตัวเองส่งให้ลูกน้องใกล้ๆ และค่อยสาวเท้าเข้ามาท้าทายติอย่างวายร้าย ดูเหมือนว่าแจนจะรู้ทันเรื่องราวในคราวนี้ดี ตั้งแต่ข่าวการคบกันของติกับพะภูแพร่กระจายออกไปทางโลกออนไลน์ เขาก็ตามสืบเรื่องของเด็กธารวิทยาคนนี้อย่างละเอียดตั้งแต่วันแรกที่โผล่หน้ามายังวิไลวิทย์ จนมั่นใจว่านี่แหละคือจุดอ่อนของกีรติในปัจจุบัน และครั้งนี้เขาก็จะไม่พลาดอีกแล้ว

“มึงต้องการอะไรก็บอกมา”

มือหนากำแน่นจนเส้นเลือกปรากฏขึ้นชัดเจน ต้องพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เรียบเข้าไว้ ทั้งที่สายตาดุดันกำลังจับจ้องไปยังเบื้องหลังของกำแพงมนุษย์ตรงหน้า เห็นร่างของพะภูกับพะพายที่นั่งสงบนิ่งลอดออกมาจากระหว่างขาของพวกลูกน้องไอ้แจน ในมือมีทั้งมีดสั้น ท่อนไม้ และราวเหล็กกันเกือบทุกคน

“ง่ายมากก มึงก็แค่ก้มกราบขอร้องกูเท่านั้นเอง” รองเท้าขัดมันจงใจเหยียบลงตรงพื้นด้านหน้า ก่อนแสยะยิ้มพอใจ ท่ามกลางเสียงหัวเราะซุบซิบจากคนอื่นๆ

“ไอ้...แ..”

“ถ้ามึงขอร้องกูดีๆ รับรองว่าเด็กมึงปลอดภัย”

แจนไม่สนใจท่าทีเดือดจัดของติ ซึ่งดูคล้ายกับกาน้ำที่เตรียมระเบิดเต็มทีแล้ว คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันจนแทบเป็นโบ เส้นเลือดปูดขึ้นบนขมับและกำปั้นยิ่งเสริมให้ภาพของชายคนนี้ยิ่งดูน่ากลัว ถึงอย่างนั้นกลับต้องสะกดกลั้นความโกรธทั้งหมดไว้จนอวัยวะในร่างกายต้องสูบฉีดอย่างหนัก ติกัดฟันกรอดพร้อมพ่นลมหายใจรุนแรงออกมา ทันทีที่เห็นแจนหันหลังกลับไปนั่งลงตรงหน้าพะภูซึ่งยังคงสลบไม่ได้สติ

มือสากฟาดลงบนแก้มซ้ายขวาของเด็กผู้ชายตัวเล็ก ไม่นานนักเปลือกตาหนักอึ้งก็ค่อยๆลืมขึ้น พร้อมรับความรู้สึกมึนตื้อในหัว พะภูกระพริบตาถี่ๆสองสามที่พอให้สายตาคุ้นชินกับทิวทัศน์เบื้องหน้า พอเห็นแจนกับลูกน้อง รวมทั้งติที่ยืนแข็งเป็นหินอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็ถึงกับแผดเสียงดังลั่น

“พี่ติ!!!” ร่างบางรีบประมวลผลและลำดับเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยไปยังร่างของผู้หญิงข้างๆ สักพักพะพายก็เริ่มได้สติขึ้นมาอีกคน พร้อมกรีดร้องด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว

“ไอ้ติ” แจนลุกขึ้นว่าเสียงทุ้มต่ำ พลางก้าวเท้ากลับไปยืนอยู่ระหว่างร่างสูงของติ กับ ตัวประกันอ่อนเปลี้ยทั้งสองคนด้านหลัง ลูกน้องทั้งหมดเริ่มกระจายตัวกันออกไปตามจุดต่างๆรอบบริเวณ “กราบตีนกูสิ แล้วทุกอย่างจะจบ”

“ห๊า?...พี่ติ! อย่านะ!” พะภูรีบร้องบอก ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆให้ชัดเจนอีกครั้ง นี่มันบ้าอะไร ทำไมเขาถึงมาที่นี่แค่คนเดียว และคงบ้ายิ่งกว่าถ้าคนอย่าง กีรติ อัครโภคิน จะยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ เพื่อปกป้องคนอย่างเขา

ติทำท่าจะก้าวขาเข้าไปหาต้นเสียง แต่ก็ถูกพวกแจนสกัดไว้ทันที ตอนนี้เขาสับสนไปหมด น้ำเสียงเยาะเย้ยของแจน กับเสียงร้องจากพะภูมันตีกันจนวุ่น ไม่มั่นใจว่าตอนนี้กำลังรู้สึกอะไรอยู่ ทั้งเกลียดทั้งโกรธไอ้เหี้ยตรงหน้า แล้วก็ทั้งห่วงเด็กด้านหลังโน่น

เม็ดเหงื่อชุ่มไปทั่วทั้งตัวด้วยแรงกดดันมหาศาล บวกกับความเครียดที่เริ่มไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ติรีบสะบัดลูกน้องของแจนให้ออกห่าง พร้อมส่งเสียงฮึดฮัดอย่างคนเดือดจัด สายตามาดร้ายราวกับจะฆ่าให้ตาย จับจ้องตรงไปยังใบหน้ากวนส้นของแจนอยู่สักพัก ขณะที่เสียงของพะภูยังคงดังลอดเข้ามาภายในโสตประสาทตลอดเวลา

“ห้ามนะพี่ติ! พี่ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น!”

คำพูดของพะภูไม่ผิดเลย คนอย่างกีรติ อัครโภคิน หัวหน้ากลุ่มนักเลงที่ใหญ่ที่สุดในย่าน แถมยังเป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทอาหารและเครื่องดื่มอันดับต้นๆของประเทศ จะต้องมาก้มหัวกราบเท้าใคร มันใช่เรื่องที่ไหนกัน ศักดิ์ศรีของทั้งตระกูลและตัวเขาที่สั่งสมมาจะเอาไปโยนทิ้งไว้ไหนล่ะแบบนั้น!?

“เร็ว! หรือต้องให้เมียมึงกับพี่สะใภ้มึงเสียโฉมซะก่อน?”

“เชี่ยแจน ห้ามทำอะไรสองคนนั้น!”

ติคำรามลอดไรฟันอย่างเดือดดาล เมื่อเห็นแจนกำลังจะตั้งท่าหันไปกลับหาคนถูกจับ พะพายได้แต่เงียบราวกับถูกสาป ขณะที่พะภูก็เอาแต่ตวาดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนเสียสติ ทั้งที่ตัวเองจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้ ยังเป็นห่วงศักดิ์ศรีแทนเขาอยู่ได้ ดวงตากลมโตของคนรัก บัดนี้กลับหม่นหมองพร้อมทั้งหยดน้ำที่ค่อยๆเอ่อขึ้นมา ช่างเป็นภาพที่บีบหัวใจเขามากเกินไป...

มากเกินไปแล้ว...

แค่คิดว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หลังจากที่ยอมกราบเท้าคู่อริกะโหลกกะลานี่ ก็ปวดหัวมวนท้องจนแทบสำรอกให้ตายคาที่ เขาจะทนแบกหน้าแบกชื่อสกุลต่อไปยังไง ในเมื่อใครๆก็คงเอาแต่นินทา ถึงกีรติผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งครั้งหนึ่งยอมศิโรราบให้กับไอ้กระจอกจากโรงเรียนเล็กๆ ความเข้มแข็งและน่าเกรงขามของกลุ่มกีรติที่เขาสร้างขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่ใครจะเอามาบดขยี้ได้ง่ายๆแบบนี้ เพราะไม่เคยยอมใคร ถึงทำให้เขาไม่เคยแพ้ ความคิดที่จะให้คนอย่างเขาก้มหัวให้ คงเป็นได้แค่ความฝันปัญญาอ่อนของพวกหมาขี้เรื้อนเท่านั้น

.

.

.

ตราบเท่าที่เขายังไม่รู้จักความรักที่ชื่อ พะภู น่ะนะ!!

“พี่ติ!!!” พะภูตะโกนออกไปจนสุดเสียง พร้อมปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาอย่างคุมไม่ได้ ภายในใจถูกบีบรัดและเจ็บปวดเมื่อเห็นติค่อยๆชันเข่าข้างหนึ่งลงไปกับพื้น ท่ามกลางสายตาเย้ยหยันและสนุกสนานของไอ้พวกนักเลงไม่มีระดับ พะพายเองแม้จะส่งเสียงอะไรไม่ออก แต่ก็ตกใจกับภาพตรงหน้าไม่แพ้กัน ในเมื่อคนที่ยึดติดกับอำนาจบ้าบอรวมทั้งศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้อย่างกีรติ ตอนนี้กลับยอมลดตัวลงมาเกลือกกลั่วในแผนตื้นๆเสียได้

ติพยายามส่งสายตาไปให้พะภูเพื่อบอกให้สงบใจ เขาไม่เป็นไรหรอก เพราะคิดแล้วว่า...สิ่งที่ตัวเขาในตอนนี้จะยอมสูญเสียไปไม่ได้ ก็คือพะภูเท่านั้น

เขาค่อยๆทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าแจนซึ่งกำลังยักยิ้มอย่างพอใจ พลางเลื่อนรองเท้าสกปรกมาจ่อใกล้ๆ ได้แต่หัวเราะในลำคอให้กับความบ้าของตัวเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่สนใจไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความปลอดภัยของตัวประกันพรรค์นี้หรอก คงได้ยกพวกเข้าตะลุมบอนกันยกใหญ่ ถ้าไอ้ลูกน้องหรือผู้หญิงคนไหนที่พลาดโดนจับตัวมา โชคดีหน่อยก็รอดไป แต่ถ้าโชคร้ายก็อาจจะได้แผลบ้างไม่มากก็น้อย แต่ช่างปะไร แค่ไม่ตายเขาก็ไม่แคร์อยู่แล้ว แค่ได้กระทืบไอ้พวกเหี้ยนี่แล้วทำให้เรื่องมันจบก็พอ

แต่คราวนี้มันไม่ใช่ มันไม่เหมือนกัน ตัวประกันไม่ใช่ใครต่อใครที่เขาจะเพิกเฉยไปได้ นี่คือคนรักที่เขารักจริงๆ คนรักหนึ่งเดียวที่กลายมาเป็นจุดอ่อนชิ้นโตของเขา... ตอนนี้สิ่งที่ต้องสนใจ มีแค่ความปลอดภัยของพะภู ไม่ใช่ความเป็นกีรติ หรือแม้แต่ความเป็นอัครโภคิน ถึงได้ต้องยอมอดกลั้นความโกรธที่ใกล้ปะทุออกจากอกเต็มที ถ้าเป็นเรื่องของเด็กคนนี้ในตอนนี้...เขาไม่กล้าจะเสี่ยงกับอะไรทั้งนั้น

“พี่ติ อย่าทำแบบนี้!!”

คนตัวสูงทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของคนรัก พลางปิดตาลงและกัดปากแน่น พยายามสะกดอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านภายในร่างกายเอาไว้ แม้จะเจ็บใจที่ต้องทำเรื่องแบบนี้ แต่นี่คือหนทางที่จะช่วยให้พะภูปลอดภัย เขาถึงต้องทำ! ต้องทำ ทั้งๆที่รู้ดีว่า หลังจากนี้อาจต้องจมลงสู่ความรู้สึกผิดต่อตัวเอง และการสูญเสียความนับถือเชื่อใจจากใครต่อใครไปอีกนาน

แต่ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนคนนี้ เขาเองก็ทนไม่ได้เหมือนกัน...

“กราบกู ติ” แจนเร่งพลางเลื่อนเท้าเข้าไปใกล้กว่าเดิม ติเม้มปากแน่น มือทั้งสองทั้งกำหมัดจนเส้นเลือดปูดชัด สายตาว่างเปล่าตอนนี้ดูน่ากลัวและน่าเห็นใจยิ่งกว่าครั้งไหน จนพะภูถึงกับต้องเบือนหน้าหนี ไม่อาจมองภาพของคุณชายนักเลงผู้ยิ่งใหญ่ ที่ต้องมาโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรี และถูกกดดันจนหมดสภาพถึงขนาดนี้

ศีรษะของติค่อยๆก้มลงไปยังเบื้องล่าง ช้าๆ.....

ช้า...ช้า...

“อ๊ากกก!!”

เสียงหวีดร้องของหนึ่งในลูกน้องแจนดังขึ้น ทำให้ทุกคนต้องรีบหันไปมองยังด้านหลัง พบว่าเด็กผู้ชายเจ้าของผิวขาวซีดกับผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังถือเครื่องช็อตไฟฟ้าไล่จี้พวกถืออาวุธทีละคนทีละคน พร้อมทั้งกลุ่มวัยรุ่นคุ้นหน้าคุ้นตาอีกสิบกว่านายที่เริ่มกระจายตัวกันออกไปจัดการพวกของแจนด้วยมือเปล่า ดูช่ำช่องและเชี่ยวชาญการต่อสู้มากจนเริ่มได้เปรียบในเวลาเพียงไม่กี่นาที หลังจากแอบลอบเข้ามาจากด้านหลังห้างฯ

“ไอ้เวร!!” แจนคำรามอย่างโกรธจัด ตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปหาตัวประกันทั้งสองซึ่งยังคงขยับร่างกายไม่ได้ แต่ไม่ทันได้ทำตามใจ ก็ถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่ของติเสียก่อน

หัวหน้ากลุ่มกีรติใช้มือข้างหนึ่งปัดเศษฝุ่นออกจากกางเกง ก่อนจะปล่อยหมัดลุ่นๆออกไปปะทะกับใบหน้าเรียวของอริตัวแสบ ตามด้วยการจับทุ่มลงกับพื้นปูนของตัวห้าง และต่อยเข้าใส่อีกอย่างไม่ยั้งมือ ท่ามกลางเสียงตะลุมบอนรุนแรงจากทุกฝั่ง แจนที่ตามไม่ทันค่อยๆตาปรือด้วยความจุก ก่อนที่ติจะลุกขึ้นฝังส้นรองเท้ามันเงาลงไปกลางหน้าผากของร่างแน่นิ่งบนพื้น กดขยี้จนร่างข้างใต้หวีดร้องออกมาไม่เป็นภาษาพลางดิ้นขลุกขลักอย่างทรมานเต็มทน

“พี่ติ พอแล้ว!” ยังไม่ทันสาแก่ใจ มือเล็กของใครบางคนก็ตรงเข้ารั้งตัวเขาไว้ก่อน ติตวัดสายตากลับไปตามเสียงคุ้นหู และรีบผละตัวออกจากแจนเข้าหาพะภูทันที

“พะภู!”

ทั้งสองคนรีบสวมกอดกันและกันอย่างโหยหา จนไม่ทันสังเกตว่าบรรยากาศรอบข้างเริ่มสงบลงแล้วตามลำดับ กลุ่มกีรติเพียงกลุ่มเดียวสามารถจัดการกับพวกนักเลงติดอาวุธของแจนได้อย่างราบคาบ ไม่ต่างอะไรกับฟิล์มม้วนเก่าที่เคยเล่นไปแล้วครั้งหนึ่ง

“พะภู มานี่”

เสียงของผาดังขึ้นเรียกให้พะภูหลุดออกจากภวังค์ เมื่อหันไปเห็นสายตาจริงจังของคนที่เหลือ จึงยอมผละตัวออกจากติอย่างเชื่องช้า ก่อนที่เกต์กับศิลป์จะสาวเท้าเข้าไปฝากหมัดหนักๆลงกับใบหน้าเรียวของหัวหน้ากลุ่มตัวเองกันคนละที โดยมีผาคอยปิดปากไม่ให้พะภูส่งเสียงร้องโวยวายออกไป

“ไอ้พวกเวร! ทำอะไรวะ!?” ติรีบยันตัวเองลุกขึ้นหลังจากที่ล้มลงไปด้วยแรงต่อย ตั้งท่าจะเข้าไปหาเรื่องเพื่อนสนิททั้งสอง แต่กลับถูกหยุดไว้ด้วยคำพูดแดกดันของเกต์

“มึงสิไอ้เวร! ไม่เชื่อใจพวกกูหรือไง!?”

“กล้ามากสินะ บุกเข้ามาหาศัตรูคนเดียวแบบนี้” ศิลป์เสริมทัพขึ้นทันที สายตาดูโกรธเคืองและผิดหวังไม่ต่างจากคนอื่นๆ “พวกกูทุกคนห่วงพะภูไม่น้อยไปกว่ามึงหรอก แต่มึงรู้ไหม ว่าพวกกูก็ห่วงมึงเหมือนกัน!”

“พะภู บอกสิว่านายไม่ได้เอาหัวใจไอ้บ้านี่ไปอย่างเดียว แต่เอาสมองไปด้วยใช่ไหม!!”

เกต์หันมาเอาเรื่องพะภูซึ่งกำลังพูดไม่ออกเพราะโดนผาจับปิดปาก จนได้แต่แสดงความรู้สึกผ่านทางแววตาที่สับสนและมึนงงเท่านั้น

“ถ้ามึงคิดสักนิด มึงก็จะรู้ว่า มันง่ายมากในการจัดการไอ้พวกกระจอกนี่ โดยที่ไม่ทำให้พะภูเป็นอันตรายแม้รอยเล็บ อย่างเช่นที่ไอ้กัสวางแผนไว้เมื่อกี้” เกต์ยังคงว่าต่อไป พร้อมทั้งโยนความดีความชอบไปทางรุ่นน้องซึ่งกำลังก้มหน้าขยับแว่นตัวเองอย่างไม่ใส่ใจนัก

“อะไรวะ ก็ตอนนั้นกูตกใจอะ กูทั้งเป็นห่วงทั้งกังวล...แล้วก็กลัวด้วย มึงเข้าใจไหม กูจะเสี่ยงให้พะภูเป็นอันตรายไม่ได้”

“ด้วยการมองข้ามประสิทธิภาพของลูกน้องตัวเองไปเลยงี้ สัตว์! กูเกลียดมึงห้าวิ!”

“ไอ้เกต์ มึงกลับมาได้ละ” ศิลป์ทำท่ากวักมือเรียก เมื่อเห็นว่าเกต์ชักจะพูดจานอกออกประเด็น และเริ่มเข้าข่ายไร้สาระ

“ช่างเถอะครับ ยังไงเรื่องก็จบแล้ว ตอนนี้เราออกไปจากที่นี่ดีกว่า” ผายอมปล่อยมือออกจากพะภูในที่สุด และเป็นฝ่ายเตือนสติให้ทุกคนทราบ ว่านี่ไม่ใช่สถานที่ไว้คุยเล่น

ศิลป์ประกาศทิ้งท้ายให้ทุกคนไปเจอกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่งเพื่อเคลียร์ทุกเรื่องวันนี้ ก่อนจะแยกย้ายกันไปขึ้นรถของตัวเอง โดยมีนิวติดสอบห้อยตามมาอยู่เบาะหลังของรถติด้วยอีกคน เพราะถูกย้ำให้คอยดูแลสภาพจิตใจของพะพายให้ดี เนื่องจากเป็นคนเดียวที่ไม่เคยประสบเหตุการณ์เชิงนี้มาก่อน และดูท่าว่าจะตกใจไม่ใช่น้อยเลย

คนเก๋งสีดำค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบริเวณห้างร้างแห่งนี้ ระหว่างทางเต็มไปด้วยความเงียบอันชวนอึดอัด จนเมื่อพะภูส่งเสียงออกมา

“พี่ติ...วันหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะครับ”

“อะไร?”

“จะยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆได้ยังไง!” พะภูหันไปขึ้นเสียงใส่จนที่กำลังตีหน้าเครียดมองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า

“แต่ฉันทำเพื่อนายนะ”

“ก็นั่นแหละ ต่อไปห้ามนะครับ ผมทนเห็นพี่อยู่ในสภาพนั้นไม่ได้ ร้องไห้เลย..” คนตัวเล็กพูดเสียงอ่อยพลางทำแก้มป่องอย่างเด็กๆ ติค่อยๆชะลอความเร็วรถเมื่อมาถึงไฟแดงตรงทางแยก ก่อนจะหันไปเชยคางพะภูให้กลับมาเผชิญหน้าตนอีกครั้ง

“ที่ฉันยอมเพราะเห็นนายสำคัญที่สุดยังไงเล่า เพราะงั้นก็ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย สู้เก็บน้ำตาไว้ร้องตอนอยู่บนเตียงยังดีกว่า”

“อะแฮ่ม!” ไม่ทันที่พะภูจะได้โต้กลับ เสียงกระแอมไอที่จงใจขัดก็ดังแทรกขึ้นมาจากด้านหลัง เมื่อเงยหน้ามองกระจกก็พบว่าพะพายกำลังส่งสายตาคมกริบมาให้ จนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ผู้หญิงหนึ่งเดียวในนี้เริ่มเอ่ยปากพูดบ้าง หลังจากสงบจิตใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่ได้มากแล้ว

“นายติ”

“ห..หะ?”

“ขอบใจมากนะ”

“หื้อออ!?” คนตัวใหญ่ส่งเสียงอย่างไม่เชื่อหู พะพายที่เอาแต่จิกกัดเข้ามาตลอด ยอมพูดว่าขอบใจเนี่ยนะ นี่เรียกว่าการพัฒนาแบบก้าวกระโดดได้รึเปล่า

พะภูหันหลังไปส่งยิ้มให้พี่สาวตัวเอง และไม่ลืมมอบยิ้มสดใสแบบเดียวกันให้คนข้างๆ ติเองก็หลุดยิ้มกว้างแบบที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักออกมา พร้อมเอื้อมมือเข้าไปกุมมือพะภูไว้แน่น รถทั้งคันกลับสู่ความเงียบซึ่งต่างออกไป ก่อนที่เสียงใสเสียงเดิมจะดังขึ้นอีกครั้ง

“ต่อไปนี้ ก็ฝากดูแลน้องชายฉันด้วย”

รอยยิ้มทั้งสี่ระบายขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พอดีกับที่ไฟจราจรถูกสลับไปยังดวงสีเขียวสุกสว่าง เป็นสัญญาณแห่งการขับเคลื่อนไปข้างหน้า ท่ามกลางความอบอุ่นที่โอบล้อมไปทั่วทั้งคันรถ

---------------------------------------

บอกแล้วว่ายังไม่ดราม่าหรอก ;w;
ช่วงนี้หวานแหวว เยิฟๆ มาก
ถ้ายังไงขอคอมเม้นเป็นกำลังใจให้กันสักนิดนะคะ
เผื่อมีแรงปั่นนิยาย จะได้ไม่ดอง 5555

ขอบคุณนักอ่านทุกๆคนเลยนะคะ !  :กอด1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
น้องภูมาแล้วววว
เย้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
พะภูปลอดภัยเพราะได้พี่ติช่วยไว้แท้ ๆ

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 29

 

“พะภู จะไปวิไลวิทย์เหรอ?” รถแวนคันหรูจอดเทียบฟุตบาทหน้าป้ายรถเมล์ประจำธารวิทยา ซึ่งมีพะภูกำลังยืนรออยู่ ประตูถูกเปิดออกด้วยระบบอัตโนมัติ ก่อนที่คุณหัวหน้าห้องจะชะโงกหน้าออกมาถาม

ตั้งแต่เปิดเทอมสองมา ทุกคนในโรงเรียนดูจะเข้าหาและเกรงใจเขามากขึ้นด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ ทั้งที่เขาแอบกังวลไว้ว่าจะต้องถูกรังเกียจหรือไม่เห็นด้วยจากข่าวการคบหากับผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายที่ชื่อกีรติจากโรงเรียนอันธพาลข้างเคียง แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร เมื่อผู้หญิงหลายคนทั้งจากธารวิทธยาและวิไลวิทย์ ไม่เว้นกระทั่งจากโรงเรียนอื่นๆในละแวกนี้ คอยทำดีกับเขามากผิดปกติ บางครั้งก็จะมาชวนพูดคุยเรื่องราวความรักที่คงไม่ได้หวานสักเท่าไร ไม่ก็ถึงขั้นอยากได้รูปถ่ายคู่ของเขากับติซะงั้น

ส่วนพวกผู้ชายนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ไอ้พวกที่ไม่ได้สนใจก็โอเคอยู่หรอก แต่มันดันมีบางกลุ่มที่ชอบตีหน้าเสียดายเวลาเขาเดินผ่านบ่อยๆ จนชักไม่แน่ใจแล้วว่าเคยไปทำอะไรไว้ให้หรือเปล่า

“อะ..อือ”

“ไปด้วยกันสิ บ้านฉันต้องผ่านทางนั้นพอดี”

“เอ่อ...”

“ขึ้นมาเถอะ”

คุณหัวหน้าห้องบังคับตัดบท ก่อนจะเดินออกมาดันไหล่พะภูให้เข้าไปนั่งในรถ ระหว่างทางซึ่งไม่ไกลนักเป็นไปอย่างอึดอัดสำหรับเขา เพราะหัวหน้าห้องเอาแต่รุกไล่ถามไถ่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับติอย่างเช่นทุกที แถมดึงดันจะขอให้ทั้งคู่ไปเป็นแบบวาดภาพให้กับเธอ ในฐานะประธานชมรมศิลปะอีกต่างหาก

“ลองเอาไปคิดดูนะ เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ”

“อ่า ขอบใจนะ แล้วเจอกัน”

พะภูตอบรับก่อนจะก้มหัวเล็กน้อย ลงมาจากรถคันหรูที่ค่อยๆจอดลงหน้ารั้วโรงเรียนสีดำสนิท ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่จากนักเรียนวิไลวิทย์ ซึ่งแน่นอนว่ามีทีท่านอบน้อมกับเขามากขึ้นกว่าปกติจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว ว่ากันว่าเพราะตอนนี้เขามีฐานะเป็นคนรักของกีรติ พ่วงด้วยการเป็นคนรู้จักของธร

“มาหาติเหรอ?” กลุ่มผู้หญิงสองสามคนรี่เข้ามาทักทายด้วยคำถามที่เขาได้ยินมาตลอดตั้งแต่เปิดเทอมมา

“ค..ครับ”

“วันนี้พวกนั้นไม่ได้อยู่ที่ห้องนะ”

“เมื่อกลางวันพวกนั้นลงมาเล่นบอลที่สนาม แล้วดันเตะไปโดนกระจกห้องผอ. ตอนนี้เลยโดนใช้ให้ทำความสะอาดห้องเก็บของอยู่น่ะ”

พี่ผู้หญิงหนึ่งในนี้รีบอธิบายมาเป็นฉากๆ พอจะจินตนาการออกเลยว่าสถานการณ์เมื่อกลางวันมันเป็นยังไง แต่จุดที่น่าสนใจของเรื่องนี้ก็คือ วิไลวิทย์เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว! ใช่ เพราะผอ.ที่ว่า เป็นผอ.คนใหม่ที่ย้ายมารักษาการแทน เนื่องจากผอ.คนเก่าดันป่วยหนักกระทันหันระหว่างช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าผู้บริหารโรงเรียนคนใหม่นี้จะมีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าแค่การทำงานรับใช้ถุงเงินถุงทองจากพวกผู้ปกครองทั้งหลาย เห็นพวกคนในกลุ่มกีรติบ่นอยู่เนืองๆเรื่องการปรับเปลี่ยนระบบการเรียน และกฎเกณฑ์มากมาย ส่งผลให้โรงเรียนอันธพาลค่อยๆกลับเข้าสู่ระเบียบวินัยทีละน้อย

และคงไม่ผิดอะไร ถ้าเขาจะขอยืดอกอย่างภูมิใจว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน เพราะเด็กนักเรียนที่เคยโดนตามใจมาตลอดคงไม่มีทางอ่อนข้อให้ผอ.คนใหม่ ถ้าไม่ใช่ว่า สองขั้วอำนาจใหญ่อย่างกีรติและธัญธรยอมทำตามกฎ แล้วใครล่ะ ที่ทำให้สองคนนั้นกลายเป็นสิงโตเซื่องๆได้...หึ แน่นอนว่าเป็นเพราะคำสั่งเด็ดขาดจากเขาเอง

“ห้องเก็บของอยู่ถัดจากตึกสี่ไปทางด้านขวา เกือบติดรั้วโรงเรียนฝั่งนู้นน่ะ”

“อ๋อครับ ขอบคุณมากนะครับ”

พะภูก้มหัวให้ ก่อนมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่นักเรียนกลุ่มเมื่อครู่ชี้มา ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะมองเห็นตึกชั้นเดียวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท้ายโรงเรียน เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยกับการต้องเดินข้ามจากรั้วอีกฝั่งมาถึงอีกฝั่ง แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขายิ้มออก

เด็กนักเรียนผู้ชายล้วนเกือบยี่สิบคน กำลังเดินแบกโต๊ะ เก้าอี้ ลูกบอล บ้างก็ถือไม่กวาดกับผ้าเปียกแกว่งไปมา ได้ยินทั้งเสียงบ่น และเสียงตะโกนคุยกันเป็นระยะ ใบหน้าแต่ละคนเปื้อนไปด้วยเม็ดเหงื่อกับรอยฝุ่น สภาพไม่ต่างอะไรจากตอนออกไปหาเรื่องต่อยตีชาวบ้านเลย

“ทุกคน!” พะภูตะโกนเรียกความสนใจจากนักเรียนทั้งหมดตรงนั้น ก่อนจะวิ่งเข้าไปยกมือไหว้พวกรุ่นพี่ รวมทั้งทักทายเพื่อนชั้นเดียวกัน และจบลงตรงหน้าหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งบัดนี้กลับชุ่มไปทั้งตัว

“ใครครับเนี่ย?” คำถามสั้นๆ หลุดออกมาจากปากผู้มาใหม่ ทำให้สายตาทุกคู่ในบริเวณนี้จับจ้องไปยังใบหน้าเหลอหลาของเด็กม.4 ซึ่งกำลังยกถังน้ำออกมาจากตัวอาคาร

“ก็บอกว่าขอโทษ ขอโทษ จะเอาอะไรอีกครับ!” เกมโวยวายสร้างเสียงหัวเราะน้อยๆให้กับคนอื่น รวมทั้งพะภูด้วย เพราะเดาไว้ไม่ผิดเลย ว่าตัวการต้องไม่ใช่ใคร นอกจากนายจอมแสบคนนี้

“พี่ติ วันนี้ผมซื้อนี่มาด้วย”

พะภูส่งยิ้มให้กำลังใจเกมที่เพิ่งเดินผ่านไป และหันกลับมายิ้มกว้างให้คนรักตน พร้อมชูกล่องช็อกโกแลตบาร์ยี่ห้อดัง ของโปรดติขึ้นมา

“เฮ้ย คิดถึงอะ”

“ไว้ทำความสะอาดเสร็จแล้ว ค่อยกินนะครับ” คนตัวเล็กบอก ทำท่าจะเก็บกล่องขนมเข้ากระเป๋า แต่ก็ถูกติคว้ามือเอาไว้ได้ก่อน แถมยังโน้มหน้าลงมาใกล้ซะจนพะภูต้องผงะหนี ร่างสูงยิ้มกริ่มพร้อมทั้งอ้าปากค้างในอากาศอย่างคนเอาแต่ใจ

“จะกินตอนนี้แหละ ป้อนหน่อย”

พะภูรีบหลบสายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่ถูกส่งมาให้ ก่อนชั่งใจครู่หนึ่ง แอบเหลือบไปเห็นเกต์กำลังยืนถือไม้ถูพื้นมองมาด้วยสายตาเอือมสุดๆ แน่แหละ ตั้งแต่พวกเขาคบหากันอย่างเปิดเผย กีรติที่เคยผยองตอนนี้กลับอ้อนซะจนน่าหมั่นไส้ เรียกว่าชักหวานจนเลี่ยนไปหมดแล้ว

“เร็ว”

อืม แต่กีรติก็ยังคงเป็นกีรตินั่นแหละ!

สิ้นเสียงคำสั่งกลายๆ พะภูถึงยอมแกะห่อช็อกโกแลตออก ก่อนจะยื่นเข้าไปให้คนตัวสูงกัด ท่าทางพอใจของนักเลงขาใหญ่ แค่เพราะได้ทานขนมหวานของโปรดนี่มันน่ารักจนเขาอดยิ้มไม่ได้

“พะภู!”

อารมณ์ดีได้ไม่เท่าไร ก็ต้องมาหงุดหงิดใจอีกแล้ว หลังจากได้ยินเสียงของอริหมายเลขหนึ่งกำลังเรียกชื่อคนรักตัวเองมาแต่ไกลๆ ธรกำลังสาวเท้าใกล้เข้ามาพร้อมลูกน้องอีกสองสามคน ไม่ได้เกรงกลัวเลยว่าตรงที่ถิ่นใคร

“พี่ธร” คนตัวเล็กขานรับและส่งยิ้มบางออกไปเล็กน้อยพอเป็นมารยาท ใบหน้าเปื้อนยิ้มของธรดูไม่ดีเลยเมื่อมีรอยช้ำเป็นดวงที่มุมปาก แถมยังมีพลาสเตอร์ปิดแผลระหว่างขมับกับหางคิ้วไว้อีก

“อีกไม่ถึงสองอาทิตย์ก็จะมีงานแสดงกิจกรรมแล้วนะ”

“อ๋อครับ ช่วงนี้พี่พายยุ่งมากเลย”

“ทางนี้ก็เหมือนกัน”

นักเรียนชายร่างโปร่งก้าวเท้าออกมาข้างหน้า คนนี้ชื่อวินเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนของวิไลวิทย์ ซึ่งมีหน้าที่คอยประสานงานกับทางธารวิทยา เกี่ยวกับงานแสดงกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น งานนี้นักเรียนของสองโรงเรียนจะออกมาตั้งซุ้มโชว์ผลงานของแต่ละหมวดคณะและชมรม ถือเป็นงานสานสัมพันธ์ปีละครั้งของพวกเรา อ้อ แต่ประเด็นน่าแคลงใจก็คือทำไมคนแบบนี้ถึงมาเข้าร่วมกับกลุ่มของธรได้นี่แหละ

“ฉันฝากนี่ให้พายด้วยนะ ยัยนั่นปิดโทรศัพท์ตลอดเลย” ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกยื่นมาให้ด้วยใบหน้าคร่ำเครียด คนรับได้แต่ยิ้มแหยๆ ก็แน่ล่ะ...พะพายตัดขาดจากทุกคน เพราะตัวเองยังทำงานที่รับมอบหมายมาไม่เสร็จน่ะสิ

“แค่นี้ใช่ไหม กลับไปได้แล้ว” ติแทรกขึ้นมาทันทีพลางโบกมือไล่ แขนอีกข้างพาดลงกับบ่าพะภูอย่างจงใจแสดงความเป็นเจ้าของ

วินยักไหล่เหมือนไม่สนใจนัก ก่อนจะหันหลังกลับ รวมทั้งธรและลูกน้องที่เหลือด้วย ท่าทางจะเหนื่อยมีเรื่องแล้วล่ะมั้ง แต่ถึงอย่างงั้น เรื่องมันก็มาจนได้ เมื่อผีสางเทวดาตนไหนไม่ทราบมาดลใจให้พะภูเอื้อมมือเข้ารั้งชายเสื้อของธรไว้ ท่ามกลางสายตาจับจ้องจากทุกคนในบริเวณ โดยเฉพาะท่าทีตกใจจากร่างสูงข้างๆ

“อ..เอ่อ”

“อะไรเหรอ?” ทำเป็นพูดเสียงเรียบ ทั้งที่ใบหน้าแสดงออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งว่ากำลังดีใจ รวมทั้งสะใจขนาดไหน กับการถูกรั้งไว้ด้วยคนคนนี้

“แผล...ไปมีเรื่องกับใครอีกแล้วครับ?”

พะภูทำใจกล้าชวนสนทนาต่อ จนรู้สึกได้ถึงแรงกดจากไหล่ รู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้ติไม่พอใจแค่ไหน แต่เขาก็เป็นรุ่นน้องคนหนึ่งของธร มีสิทธิ์เป็นห่วงและถามไถ่ พูดต่อหน้าให้รู้กันไปเลยนี่แหละดี จะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ติเห็นว่า เขาไม่ได้มีอะไรในกอไผ่กับธรทั้งนั้น ถึงจะต้องไปหลบๆซ่อนๆ ทุกอย่างมาจากความรู้สึกในฐานะพี่น้องจริงๆ

“อืม ขอโทษนะ...ที่ทำให้เป็นห่วง” คนสุดท้ายตั้งใจพูดออกมาเสียงดังฟังชัด ราวกับต้องการเย้ยใครบางคนแถวนี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาดันเป็นสายตาจริงจังของคนตัวเล็ก พร้อมน้ำเสียงที่ดังยิ่งกว่า

“ใช่ครับ ผมเป็นห่วง พี่ติ พี่ธร และทุกคน ผมเป็นห่วงทั้งนั้น การใช้ชีวิตนักเรียนปกติมันยากมากเลยเหรอ... ถ้ายังดึงดันจะไปมีเรื่องกับใครอีก ผมโกรธจริงๆด้วย”

พะภูยื่นคำขาดต่อหน้าสมาชิกทุกคนที่ได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่นไล่กาท่ามกลางความเงียบของช่วงอาทิตย์ตกดิน ท่าทางเด็ดขาดกับน้ำเสียงฮึดฮัดของเขาไม่น่ากลัวพอจะทำให้ใครผวาได้ ถึงอย่างนั้นผลลัพธ์กลับน่าพอใจยิ่งกว่าที่คิด เพราะทุกคนต่างเข้าใจในความเป็นห่วงที่พะภูมีให้ และคิดไว้ว่าควรมีเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเช่นกัน

ธรยิ้มกว้าง พยายามกลั้นหัวเราะกับท่าทีน่ารักของเด็กตรงหน้า ก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมมือมายีหัวพะภูเล่นอย่างชอบใจ จนเมื่อติปัดมือเขาออกนั่นแหละ ถึงได้ฤกษ์ถอยทัพกลับแต่โดยดี ในขณะที่นักเรียนในกลุ่มกีรติต่างลอบยิ้มอยู่ในมุมของตัวเอง ผาวางไม้กวาดในมือลงพลางตะโกนข้ามหัวสมาชิกมาทางคนสร้างเรื่องเมื่อครู่

“พะภู จะมาเป็นเมียหรือมาเป็นแม่พี่ติกันแน่เนี่ย”

“ฮ่าๆๆ”

เด็กธารวิทยาได้แต่สะบัดหน้าหนีพร้อมกระเง้ากระงอดตีแก้มป่องอย่างเด็กๆ ทำให้ติต้องเข้ามารวบร่างบางไว้ในอ้อมแขนแกร่ง พลางซุกใบหน้าลงกับหลังคอขาวอย่างควบคุมไม่ได้ แบบนี้สิถึงได้กลัวว่าจะถูกธรหรือใครมาแย่งไป เพราะชอบทำตัวน่ารักมากจนเขาใจสั่นไปหมดเลย

“ผมจริงจังนะ”

“รู้แล้ว”

“แล้วยังไง?” พะภูเงยหน้าขึ้นสบตากับคนด้านหลัง ซึ่งกำลังมองลงมาเช่นกัน ดูเหมือนตอนนี้ทั้งสองคนได้เข้าสู่โลกของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อไม่มีทีท่าว่าจะสนใจสมาชิกคนอื่นที่ได้แต่เฝ้าดูเหตการณ์ตรงหน้านิ่ง

“ก็จะไม่ไปมีเรื่องแล้ว”

“แล้ว?”

“จะตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี เชื่อฟังอาจารย์ด้วย” คำพูดแต่ละคำเปล่งออกมาอย่างฝืนเต็มที สาบานได้ว่าคงต้องรออีกสักสิบปี กว่ากีรติจะทำอย่างที่ว่าได้จริงๆ

“ให้มันจริง”

“เออน่า พอใจยัง?”

พะภูผงกหัวเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกอดแขนหนาซึ่งวาดมาจากข้างหลังตน ค่อยๆปล่อยน้ำหนักลงพิงกับแผ่นอกกว้าง พรอ้มยิ้มกว้างแบบที่ติอยากเห็น

“ฉันยอมทุกอย่างเพื่อนายเลยนะ”

“รู้แล้ว”

“เชี่ย มดขึ้นไม้กวาด”

เสียงผาดังขึ้นขัดจังหวะบทสนทนาของสองตัวละครหลัก เรียกความสนใจจากสายตาทุกคู่ให้หันไปมองพร้อมปล่อยหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่ เกต์ที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำท่าเหมือนคนอยากอาเจียนอย่างหยอกล้อ ขณะที่ศิลป์ค่อยๆเคลื่อนตัวไปกระแซะต้นแขนบางของเด็กตัวเล็กอีกคน

“เป็นไร ซึ้งอ่อ?”

“อะไรครับพี่ศิลป์” นิวตีหน้าเหลอหลา ก่อนจะเบี่ยงตัวไปทางอื่นทันที ไม่อยากให้ใครจับสังเกตได้ว่ากำลังกลั้นยิ้มขนาดไหนอยู่

แต่ถึงจะเห็นว่ายิ้มก็คงไม่เป็นปัญหา ในเมื่อตอนนี้ รอยยิ้มน้อยใหญ่ต่างก็ระบายอยู่บนใบหน้าของทุกๆคน มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าที่เคย ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีเด็กธารวิทยาคนนี้

บางที เรื่องทั้งหมดมันอาจจะถูกกำหนดเอาไว้แล้ว พะภูอาจถูกลิขิตให้ต้องระหกระเหินไปเจอเข้ากับพะพาย ถูกดลบันดาลให้เกิดความรู้สึกคับแค้นชิงชัง อะไรบางอย่างทำให้พะพายพูดถึงผู้ชายที่ชื่อ กีรติ ในวันนั้น ก่อนที่ฟ้าจะนำพาทั้งคู่ให้มาพบเจอ...

ถ้าเพียงเพราะว่าชะตาทั้งคู่ต้องกัน...ก็อย่าให้มีวันที่ต้องจากเลย...

-----------------------------------------------

มาต่อสั้นๆ ;w;
ตอนนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้จบไม่เกิน 45 ตอน
ไม่รู้จะได้ป่าว เพราะขยันยืดเหลือเกิน 5555
ถ้ายังไงฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ ><
ถึงไม่ค่อยว่าง แต่ก็จะพยายามมาต่อน้า!

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
ขอฉากหวานๆ เพิ่มอีกจ้า

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 30

 

“ไม่เอาโบว์สีแดง”

นักเรียนหญิงในชุดสูทแบบพิธีการของโรงเรียนผู้ดีอย่างธารวิทยาเอ่ยปากเสียงแข็ง ก่อนจะชี้นิ้วไล่ให้เด็กรุ่นน้องท่าทางหงิมๆรีบไปจัดการงานตามสั่งให้เรียบร้อย ทั้งที่ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเอาโบว์ติดกรรไกรสีทองเท่านั้น แต่ยัยเฉิ่มนั่นก็ยังจะซื้อสีแดงเนื้อกำมะยี่บ้าบออะไรนี่มาอีก ทำให้ทุกอย่างยิ่งช้าไปกันใหญ่

นาฬิกาฉายเลข 05:45 ขึ้นมาบนหน้าปัด จวนเจียนเวลาฟ้าสว่างเต็มที แทบทุกพื้นที่ภายในเขตรั้วสีเงินวาวแห่งธารวิทยา กำลังวุ่นวายไปด้วยนานาซุ้มบริเวณ และการประดับตกแต่งอันละเอียดอ่อน เพื่อต้อนรับงานแสดงกิจกรรมแสนยิ่งใหญ่ ระหว่างสองโรงเรียนดังประจำเขต ซึ่งนี่เป็นปีที่เธอได้เข้ามาดูแลงานอย่างเต็มตัว และแน่นอนว่า ทุกความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น ย่อมต้องตกที่เธอเช่นกัน ถึงได้ทำเอาปวดหัวตุบๆมาร่วมอาทิตย์แล้ว

“ประธาน!” ขณะกำลังก้มลงอ่านตารางงานในมือ ใครบางคนที่ตามหาตัวมาตั้งแต่ ตี 3 ก็ยอมโผล่หน้ามาจนได้

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”

“ก็เหมือนจะนะ ประธานไปไหนมา ซ้อมกล่าวต้อนรับผู้ใหญ่กับแขกในงานรึยัง?”

พูดรัวเร็ว พร้อมยื่นกระดาษเล็กๆปึกบางไปให้ผู้ชายในชุดเต็มยศแบบเดียวกัน ประธานนักเรียนหน้าหล่อ ที่ชอบทำตัวเอื่อยเฉื่อยจนน่าตบ ยื่นมือรับเอกสารไปแบบงงๆ แต่ก็ยังฉายยิ้มอยู่ได้อย่างไร้ความกังวล ผิดกับตัวเธอที่ใกล้ระเบิดลงเต็มทีแล้ว

“ใจเย็นๆก็ได้”

“เย็นได้ยังไง งานจะเริ่มอยู่แล้ว”

“คิดว่าปีนี้จะเกิดปัญหาอะไรไหม?” ประธานไม่สนใจท่าทีร้อนรนของคณะกรรมการนักเรียนตรงหน้า แถมยังชวนสนทนาเข้าประเด็นอื่นซะงั้น

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ 15 ปี ที่ผ่านมา ไม่เคยพ้น เกิดเรื่องวุ่นวายเพราะพวกวิไลวิทย์ตลอด”

“วันก่อนหยกบอกว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่ทุกอย่างลงตัว”

“แหม ก็ขอให้จริงเถอะ” พะพายกระแทกเสียงลงหวังประชัด แต่ลึกในใจก็คาดหวังให้มันเป็นไปตามที่ยัยหยก ประธานชมรมโหราศาสตร์ของโรงเรียนว่าเช่นกัน

“ฉันก็รู้สึกได้ จริงๆนะ พวกผู้หญิงสองโรงเรียนเลิกเขม่นกันแล้วใช่ไหมล่ะ ยังเห็นแท็กรูปคุยกันในเฟซบุ๊กอยู่เลย ถ้าไม่รู้มาก่อนคงนึกว่าสนิทกันซะอีก”

“รูปน้องฉันอะนะ ยัยพวกนั้นก็มากไป..”

“ไม่นะ ดีออก การที่พะภูเข้าไปคลุกคลีกับพวกวิไลวิทย์นี่แหละ เป็นจุดกำเนิดความสัมพันธ์อันดีงามของสองโรงเรียน” ประธานพูดไปทั้งยังทอดสายตามองฟ้า ราวกับเพิ่งค้นพบว่าพระเจ้ามีจริง ทำเอาพะพายไม่กล้าแม้แต่จะเถียงต่อ

เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าควรยินดีหรือไม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า พะภู คือปัจจัยหลักสำหรับการเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา เห็นได้ชัดจากการที่กลุ่มนักเลงอย่าง กีรติ กับ ธัญธร เริ่มทำตัวสงบเสงี่ยมเป็นบ้างแล้ว รองมาก็คือพวกผู้หญิงบางกลุ่มจากสองโรงเรียน ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ร่วมแก๊งกันได้ซะงั้น เห็นว่าเป็นพวกรสนิยมชื่นชอบ ความสัมพันธ์ชายรักชายอะไรนี่แหละ ตอนแรกก็ตกใจนะ ว่ามันแปลกอยู่ แต่ดูไปดูมาก็ดีเหมือนกัน ทำให้คนที่เคยเกือบตบกันตายกลายมาเป็นหนึ่งได้ คงต้องบอกว่า พะภู น้องเธอ ไม่ธรรมดาจริงๆ

“เออ พายก็ว่างานปีนี้คงรอดนะ แต่ไม่แน่ใจว่าประธานจะรอดรึเปล่า”

“หือ?” คนตัวสูงขมวดคิ่วมุ่นอย่างสงสัยในคำพูดเมื่อครู่ แต่พอรู้สึกถึงแรงทึ้งผมจากด้านหลังพร้อมเสียงโวยวายใกล้ๆหู ถึงได้เข้าใจขึ้นมาในทันที

“ไอ้ประธาน! ทำไมเพิ่งโผล่หัวมาครับ!?”

“โอ้ย เจ็บอะ” ทำทีสะดีดสะดิ้งจนคนตัวเล็กกว่าต้องยอมถอนมือออก ก่อนจะก้าวมาเผชิญหน้ากันตรงๆ ประธานส่งยิ้มแห้งๆไปให้เจ้าของดวงหน้าบูดบึ้งสีขาวอมเหลือง แลดูสุขภาพดี

“ไม่ต้องมายิ้มเลย นี่ซ้อมกล่าวต้นรับผู้ใหญ่กับแขกรึยัง” โดนคำถามแบบเดียวกันถึงสองรอบภายในเวลาไม่กี่นาทีแบบนี้ทำเอากดดันขึ้นมานิดหน่อยแล้วแฮะ

“กำลังๆ”

“พี่พาย ติวจะมาปรึกษาเรื่องที่นั่งของชา” เมื่อเห็นโพยกระดาษในมือ ถึงได้ยอมลดระดับเสียงกลับมาคุยกับรุ่นพี่อีกคนต่อ ปล่อยให้ประธานจอมเรื่อยเปื่อยยืนท่องสคริปต์ต่อไป

“ต้องมีที่นั่งของชาด้วยหรอ” พะพายขึ้นเสียงสูงเมื่อไม่แน่ใจนักกับความคิดนี้ ชา เป็นรุ่นน้องม.5 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านผู้อำนวยการธารวิทยา แต่เขาก็เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่งที่มีสิทธิเท่าเทียมกับคนอื่นๆ ไม่เห็นสมควรว่าจะต้องจัดหาพื้นที่รับรองให้นักเรียนแค่คนเดียวขนาดนั้น

“ติวไม่รู้ ติวถาม”

“เอ่อ พี่ว่าไม่ต้องอะ ปีที่แล้วก็ไม่เห็นมีเลย”

“อืมๆ”

“ไหนๆมาแล้ว พี่ฝากเราคุมประธานด้วยแล้วกันนะ จะรีบไปตรวจเรื่องริบบิ้นเปิดงานก่อน”

ไม่รอให้อีกฝ่ายมีโอกาสปฏิเสธ ก็รีบออกตัวเดินไปอีกทาง พร้อมโบกมือเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังตีหน้าเหลอหลา ติวเป็นรุ่นน้องม.5 หนึ่งในคณะกรรมการนักเรียน ตัวเก็งประธานนักเรียนปีหน้า เรียกว่ามีความรับผิดชอบและเอาการเอางานมากยิ่งกว่าประธานคนปัจจุบันมากทีเดียว มากจนบางทีก็เริ่มสงสัยว่าคนไหนกันแน่ที่ดำรงตำแหน่งนี้อยู่จริงๆ ข้อเสียอย่างเดียวในตัวเด็กนั่นคือการถูกเลี้ยงมาแบบต้องเดินอยู่เหนือคนอื่นเสมอ จนขาดสิ่งที่จำเป็นบางอย่างไป นั่นก็คือสัมมาคารวะ

“พอพิธีช่วงเช้าจบแล้ว น้องติวไปเดินดูงานกับพี่ไหม?” คนตัวสูงลดกระดาษในมือลง พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนเด็กกว่า

“แต่เราต้องคอยดูแลความเรียบร้อยนะ”

“ก็เดินตรวจตราไง ชมรมคหกรรมทำคาเฟ่ด้วยแหละ คิดถึงช็อกโกแลตพุดดิ้งเมื่อปีที่แล้ว อร่อยสุดๆ พูดแล้วก็อยากกินเนอะ”

“อ้ะ...อ..อืม งั้นไปเดินตรวจตรานะ” ติวครุ่นคิดเพียงครู่หนึ่ง ก็ยอมเห็นดีเห็นงาม แต่ยังไม่วายกำชับเสียงแข็ง

“ครับ”

ประธานนักเรียนยิ้มกว้างอย่างพอใจ ในความใสซื่อของรุ่นน้องตรงหน้า ทำเป็นปากดีไป สุดท้ายก็ยังติดนิสัยเด็กๆจากการถูกตามใจแบบคุณชายนั่นแหละ คิดจริงๆหรือไงนะ ว่าตัวแค่นี้จะมีปัญญาขึ้นมาเหยียบหัวเขาได้ เอาแต่ตีหน้าถมึงทึงจนหัวคิ้วย่น ทั้งที่กำลังกลั้นยิ้มแทบตายเนี่ย ช่างเป็นภาพที่น่าดูเสียยิ่งกว่าอะไร เล่นซะไม่อยากจบการศึกษาแล้วต้องบอกลาเจ้าตัวแสบคนนี้เลย

เสียงพลิกหน้ากระดาษดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดประธาน เห็นติวกำลังเปิดสมุดโน้ตเล่มเล็กในมือตัวเองไปมาเหมือนกำลังไล่หาบางอย่าง สักพักก็ทำตาโตเป็นประกาย พร้อมยื่นสมุดเข้ามาให้ดู น้ำเสียงห้าวบ่งบอกความตื่นเต้นที่ซ่อนไม่มิด ยิ่งกระตุ้นให้เด็กตรงหน้าดูน่ารักน่าชังจนอดยิ้มตามไม่ได้ ถ้าไม่กลัวจะโดนเตะกลับมา เขาคงได้พุ่งเข้าไปกอดติวแล้วแน่ๆ

“ห้อง 4/3 เปิดร้านไอศกรีมด้วยนะ ไปตรวจแถวนั้นกันไหม แบบว่า...น้องอาจจะทำเลอะเทอะก็ได้”

“ครับ ไปครับ”

 

พอ 6 โมงกว่า ขบวนรถจากวิไลวิทย์ก็เคลื่อนตัวเข้าจอดภายในรั้วธารวิทยา พร้อมเด็กนักเรียนในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัดกับเนคไทสีเลือดหมู ประจำโรงเรียน คุณประธานนักเรียนจอมเฉื่อยชาโยนสคริปต์ใส่มือรุ่นน้องก่อนจะก้าวขึ้นกล่าวต้อนรับ พวกผู้ใหญ่ นักเรียน และแขกภายในงานอย่างคล่องแคล่ว ท่ามกลางความปลื้มปริ่มของเหล่าคณะกรรมการนักเรียนผู้ฝากความเชื่อใจไว้ให้กับคนคนนี้มาตลอดหนึ่งปีเต็ม แน่นอนว่าประธานเป็นคนมีความสามารถ ถึงจะดูเอื่อยๆ แต่เมื่อไรต้องเอาจริง ก็ทำงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมกับตำแหน่ง ประธานนักเรียนโรงเรียนผู้ดีอันดับหนึ่งของย่านนี้

หลังจากนั้น ท่านผู้อำนวยการของทั้งสองโรงเรียนก็ขึ้นกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมกันตัดริบบิ้น และแน่นอนว่าตัดด้วยกรรไกรประดับโบว์สีทอง ทั้งสองคนเดินมานั่งบนโซฟาตัวยาว พูดคุยกันอย่างออกรส ผิดกับทุกปีที่ผ่านมา เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ข่าวน่าสนใจก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่ว เรื่องที่ว่า รักษาการผอ.ของวิไลวิทย์คนนี้ เป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยมัธยมปลายของผอ.ธารวิทยา ยิ่งเป็นการสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือและความเป็นมิตรให้มีมากขึ้นกว่าเดิม

เสียงดนตรีดังออกจากลำโพงทุกตัวภายในโรงเรียน เพื่อช่วยสร้างสีสันให้กับงาน พร้อมเสียงเซ็งแซ่จากบรรดาซุ้มบูธมากมาย ของทั้งสองโรงเรียน ทั่วทั้งสนาม ลานกีฬา ลามไปจนถึงบริเวณที่จอดรถ รวมทั้งห้องหับทุกตารางแถวของอาคารเรียน ถูกแปรสภาพกลายเป็นนิทรรศการแสดงผลงานของบรรดานักเรียนจากชั้นปี และชมรมต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นวันที่สดใสและอึกทึกที่สุดในรอบปีทีเดียว

“พะภู ไปเดินงานกับฉันนะ”

เสียงทุ้มของธรดังขึ้นทันทีที่ทุกคนทยอยเดินลงจากรถบัสคันใหญ่ เพื่อมาพบนักเรียนธารวิทยาคนสนิทซึ่งยืนรออยู่แล้ว คนถูกชวนตีหน้าไม่ถูกเลยได้แต่อ้ำๆอึ้งๆอยู่นาน ธรกำลังทำให้เขาลำบากใจ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าอย่างไร เขาก็ต้องไปเดินดูงานวันนี้กับพวกติ

“พะภูจะไปกับพวกเรา”

ติเป็นฝ่ายตัดบท ก่อนเข้ามาล็อคคอพะภูไว้ให้ออกเดินไปด้วยกัน แต่คนตัวเล็กก็ยังไม่วายหาเรื่องอีกจนได้ เมื่อจู่ๆก็ยกแขนติออก แล้วอ้อมกลับไปดึงมือธรไว้ ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ จากสมาชิกของทั้งสองกลุ่ม

“ภู?”

“ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละครับ”

คนตัวเล็กสรุปเสียงเด็ดขาด และเข้ามากุมมือติไว้อีกข้างหนึ่ง ออกแรงลากผู้ชายตัวใหญ่ทั้งสองคนไปตามทางเดิน เข้าสู่ตัวงานซึ่งกำลังคึกคัก ไม่มีใครกล้าขัดคำพูดนายน้อยผู้นี้สักคน ทำให้นักเลงสองกลุ่มใหญ่แห่งวิไลวิทย์ ต้องยอมลงมาเดินเคียงกันอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนว่าสายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องมาทางพวกเขา เพราะภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นนาทีแห่งประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ ใครจะคิดว่าในชีวิตนี้ สองขั้วอำนาจใหญ่อย่างกีรติกับธัญธรจะยอมเดินอยู่บนลู่เดียวกัน เหตุเพราะจำนนต่อคำพูดของเด็กผู้ชายเพียงคนเดียว

“วันนี้ต้องทำตัวดีๆ อย่ามีเรื่องกันนะครับ” พะภูหันซ้ายหันขวา กำชับร่างสูงทั้งสองฝั่ง ซึ่งได้แต่พยักหน้าตอบรับอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก

“แล้วยัยเฟย์ไม่มาด้วยเรอะ?” ติส่งเสียงถามศิลป์ที่เดินตามหลังมาไม่ห่าง ข้างๆมีนิวคอยลอบมองอยู่ตลอดเวลา พะภูเองเมื่อได้ยินคำทักแบบนี้ก็พลอยอึดอึดใจไปตามกันด้วย

“ไม่รู้ดิ ไปทำผิดไว้แล้วไม่กล้ามาเจอหน้ากูมั้ง”

“อะไรของมึง?”

รีบถามกลับอย่างสงสัยในคำตอบส่อนัยบางอย่างเมื่อครู่ แต่ศิลป์ไม่คิดจะสานต่อบทสนทนาชวนหงุดหงิดใจนี้ จึงทำเพียงแค่ยักไหล่น้อยๆ ก่อนทำทีเป็นชี้โน่นชี้นี่ให้นิวดูไปตามทาง ติเลยเลิกซักไซ้ต่อ หันกลับมาดูแลเด็กข้างๆที่ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากศัตรูหมายเลขหนึ่ง กลุ่มนักเรียนขบวนใหญ่แหวกม่านผู้คนเข้ามาเรื่อยจนถึงบริเวณส่วนกลางของลานกีฬา พอมองเห็นร้านจำหน่ายเครื่องดื่มอยู่ในช่วงสายตา ติเลยแสร้งบ่นกับคนตัวเล็กเสียงอ่อย

“เอ้อ หิวน้ำอะ ไปซื้อให้หน่อยดิ”

“อ่า...ครับ” พะภูมองติสลับกับร้านขายน้ำใกล้ๆ พยายามไม่แสดงสีหน้าฉงนออกไปให้อีกฝ่ายอารมณ์เสีย ก็ถ้าหิวน้ำทำไมไม่เดินไปซื้อเองล่ะ แต่ช่างเถอะ เขายอมบริการให้ก็ได้ เห็นแก่ว่าช่วงนี้ทำตัวดีขึ้นมาโข

“ฉันก็..”

“เฮ้ย ธร ช่วงนี้เป็นไงบ้างวะ?”

ก่อนที่ธรจะได้ออกตัวอาสาไปซื้อน้ำเป็นเพื่อนกัน ติที่รู้ทันจึงรีบคว้าไหล่หนาของอีกฝ่ายเอาไว้ พลางตั้งคำถามโง่ๆที่ดูจริงใจน้อยเหลือเกิน ปล่อยให้คนตัวเล็กเดินหายเข้าไปในกลุ่มคนที่เรียงรายอยู่บริเวณซุ้มเครื่องดื่ม หวังให้สลัดหลุดจากมือของไอ้เวรตรงหน้า

ธรไม่ตอบอะไรเพียงแต่สะบัดตัวให้หลุดออกจากการเกาะกุม พลางส่งเสียงคำรามอยู่ในลำคอ กับท่าทีมีชัยของกีรติ สักพักหนึ่ง พะภูก็เดินกลับออกมาพร้อมน้ำอัดลมสองแก้วในมือ ข้างหนึ่งยื่นให้คนสั่ง อีกข้างก็ยื่นให้ธรที่ยังคงดูงงๆ

“หิวน้ำไหม ซื้อมาเผื่อ”

“อ๋อ.. หิวๆ ขอบใจนะ”

รับแก้วน้ำจากมือเล็กขึ้นมาดูดสองสามอึก ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้ติที่ยังคงตีหน้าเหวอ รู้สึกเข้าใจคำว่า หัวเราะทีหลังดังกว่า ก็ตอนนี้แหละ

“ไม่เห็นต้องซื้อให้มันเลย” ติบ่นเสียงน้อยใจ แต่ก็พยายามกลั้นอารมณ์เดือดปุดๆ เพราะถ้าเกิดมีเรื่องกันตอนนี้ พะภูโกรธตาย

ทางด้านคนใจดีเกินเหตุเห็นท่าทางหงุดหงิดของอีกฝ่าย จึงรีบใช้ศีรษะเข้าไปกระแซะถูไถ จนติเริ่มยิ้มออก ไม่รู้ด้วยจั๊กจี้หรือหมั่นเขี้ยวในความน่ารักน่าหยิกของคนรักตนกันแน่ เดินต่ออีกเดี๋ยวเดียว ก็ต้องชะงักกับเสียงร้องเรียกแสนคุ้นหู ดังออกมาจากซุ้มขนาดใหญ่ เลียนแบบเกมยิงปืนตามงานวัด

“พี่ติ พะภู!”

เกมโบกไม้โบกมือผ่านกลุ่มคนที่อออยู่ตรงด้านหน้า ถัดไปอีกหน่อย ก็เห็นผู้ชายสองคนยืนยิ้มให้ธรเช่นเดียวกัน พอแทรกตัวเข้าไปใกล้ได้แล้ว จึงทราบว่านี่เป็นซุ้มของนักเรียนวิไลวิทย์ ห้องม.4/2 ซึ่งดูเหมือนจะจับใจแขกในงานได้มากกว่าที่อื่นๆ คงด้วยการละเล่นอย่างที่เหล่าคุณหนูคุณชายแถวนี้ไม่ค่อยได้พบเจอบ่อยนักล่ะมั้ง

“พี่ธร ทำไมมาเดินด้วยกันได้ครับเนี่ย” เด็กสองคนซึ่งดูท่าจะเป็นลูกน้องของกลุ่มธัญธรรีบท้วง พลางเหล่สายตามองสมาชิกจากฝั่งกีรติด้วยท่าทีไม่ไว้ใจเท่าไรนัก

“ฉันมากับพะภูต่างหาก” ธรตอบกลับแบบไม่ยี่หระ ราวกับว่าคนอื่นๆนอกจากพะภูนั้นไร้ตัวตนในสายตาเขา

“สักหน่อยพี่”

เกมยิ้มร่าพลางแบมือขอเงิน ก่อนจะเลื่อนปืนอัดแก๊สกับกระสุนยางไปไว้ตรงหน้าติอย่างชักจูงแกมบังคับ พอเห็นติยอมหืออือตามรุ่นน้องในกลุ่มท่ามกลางเสียงโห่ฮาของสมาชิกคนอื่น ธรจึงควักเงินออกมายื่นให้ลูกน้องตัวเองบ้าง เพียงไม่กี่วินาที ลานหน้าซุ้มยิงปืน ก็กลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อมระหว่างสองขั้วอำนาจใหญ่แห่งวิไลวิทย์ มีนักเรียนและแขกเหรื่อต่างจับจองพื้นที่ทั่วบริเวณจนเกิดเป็นไทยมุงกินวงกว้าง

เกมยืนอธิบายกติกาของซุ้มยิงปืนตามแบบฉบับเขา โดยสิ่งของที่วางเรียงรายอยู่บนแท่น เป็นเพียงกล่องรูปทรงต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องยิงให้ล้มลงไป แล้วด้านในกล่องพวกนั้นก็จะมีกระดาษ เขียนบอกรางวัลที่จะได้เอาไว้

ปัง! ปัง!..

ปัง!...

ปัง! ปัง!..ปัง!...

เสียงกระสุนยางพุ่งออกจากปลายกระบอกปืนทั้งสอง รัวเร็วจนสายตาแทบจับไม่ทัน ติกับธรมีฝีมือการยิงปืนที่แม่นยำมากจนน่ากลัวพอๆกัน เกิดเสียงเชียร์ดังขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเรียกความสนใจจากผู้คนในงาน บรรยากาศมาคุระหว่างหัวหน้ากลุ่มทั้งสอง ค่อยๆจางลง แปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์สนุกคึกครื้นจากเสียงโห่ร้อง บวกกับดนตรีสร้างสีสันจากลำโพงตัวใหญ่ เชื่อว่าแม้แต่คนถือปืนทั้งสองเองก็คงไม่รู้ตัว ว่ากำลังฉีกยิ้มอยู่อย่างไม่ปิดบังสักนิด มันคงดีถ้าเขาเลิกเป็นศัตรูกันแบบถาวรไปเลย ทั้งที่สามารถมีความสุขร่วมกันได้ขนาดนี้แท้ๆ

ปัง!

เสียงปืนนัดสุดท้ายจากธรดังขึ้น ก่อนที่นักเรียนห้อง 4/2 แห่งวิไลวิทย์จะรีบกุลีกุจอนำผลสรุปออกมาประกาศให้รู้ทั่วถึงกัน ผู้ชายใส่แว่นสองคนช่วยกันหอบกล่องทรงต่างๆมาวางกองไว้ตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้า แทบทุกชิ้นเกิดร่องรอยการกระแทกอย่างแรงจนแทบฉีกขาด

“เสมอกัน!” เด็กแว่นคนหนึ่งประกาศก้อง ตามมาด้วยเสียงแหลมสูงของเกมที่ดูจะตื่นเต้นซะเหลือเกิน “แถมยิงล้มทุกนัดอีก!”

เสียงปรบมือดังสนั่นลานกีฬาขนาดกว้าง ก่อนที่ลูกน้องของทั้งสองฝั่งจะขยับเข้ามาช่วยกันเปิดกล่องแต่ละใบออก แต่ผลที่ได้กลับน่าผิดหวัง เมื่อกระดาษเกือบทุกใบ ปรากฏคำว่า ‘คุ้กกี้’ นอกจากนี้ก็มีของธรอีกสองใบ คือ ‘ปากกา’ กับ ‘ตุ๊กตาหมี’ ส่วนติมีดีอยู่แค่อันเดียวคือ ‘สร้อยข้อมือ’

ทั้งธรและติพร้อมใจกันไล่ตบหัวลูกน้องตัวเองกันคนละที จนคนยืนดูถึงกับหลุดขำออกมาก๊ากใหญ่ เกมรีบโบกไม้โบกมือพัลวัน พลางฉวยจังหวะอธิบายเสียงดังฟังชัด

“ก็พวกพี่ดวงไม่ดีเอง รางวัลใหญ่มันมีอยู่ แต่ไม่ใช่กล่องพวกนี้ต่างหากเล่า” ว่าจบก็หันไปสั่งเพื่อนร่วมห้องให้ขนของรางวัลออกมาแจกจ่าย หมู่มวลชนที่จับกลุ่มออกันเมื่อครู่ก็ค่อยๆทยอยหายไปเดินดูงานด้านอื่นต่อ

ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวกำลังกอด ปักรอยยิ้มดูน่ารักน่าชัง ถูกยื่นต่อให้พะภูทันทีที่ธรรับมา คนตัวเล็กส่ายหน้าอย่างเกรงใจแต่ก็ถูกคะยั้นคะยอให้รับจนได้ ติที่ยืนมองเหตุการณ์ลอบสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะคว้าต้นแขนของคนรักให้หันกลับมาสนใจตัวเอง สร้อยเส้นบางสีเงินวาวถูกบรรจงสวมรอบข้อมือเล็ก แถมยังโน้มตัวฝากรอยจูบหนักแน่นลงกับหลังมือขาว แบบไม่ยี่หระต่อสายของใครๆ ทำเอาธรต้องรีบเบือนหน้าหนีด้วยไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ

เดินต่ออีกหน่อยก็ต้องชะลอฝีเท้าลง ด้วยว่าถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่านักเรียนหญิงจากหลายๆโรงเรียน เสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่ว พร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อของพวกเธอ ยิ่งสร้างความงุนงงให้กับพวกเขามากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว จะว่าเพราะหน้าตาดีก็ไม่น่าเป็นกันขนาดนี้ และไม่เคยเจอแบบนี้ด้วยซ้ำ ตรงนี้ก็ไม่มีอะไร เป็นแค่ซุ้มเล็กๆของชมรมการ์ตูนจากธารวิทยา

“เล่มนี้เป็น 3P หรอ?”

เสียงสะดุดหูของคุณหัวหน้าห้อง ทำให้พะภูเผลอหันไปมอง เห็นเธอกำลังหยิบหนังสือการ์ตูนตีพิมพ์เองเล่มบางขึ้นมากวาดสายตาไปทั่ว ปกสีทะมึนถูกแต่งแต้มด้วยลายหยดเลือดดูน่ากลัว มีตัวการ์ตูนชายสามตัวนอนเกยกันอยู่บนเตียง ตั้งใจวาดให้มีใบหน้ายั่วยวนผิดแปลกไปจากความเป็นชาย ให้ตายเหอะ การ์ตูนเกย์นี่หว่า! แถมไม่เกย์เปล่า พวกคนในชมรมจงใจวาดออกมาให้มีใบหน้าละม้ายคล้ายตัวเขา ติ แล้วก็ธร ชัดๆ!

“รีบไปกันเถอะครับ”

รู้สึกลางไม่ค่อยจะดี เลยรีบปิดหูปิดตาลากแขนคนตัวใหญ่ทั้งสองให้ออกไปพ้นบริเวณ แต่ยังคงมีเสียงวี๊ดว๊ายและซุบซิบตามหลังมา พอให้หวั่นในใจ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าติหรือธรเห็นเข้า จะเกิดอะไรขึ้น ขี้คร้านจะไปร่วมเห็นดีเห็นงามแล้วขอให้วาดออกมาอีกเรื่อยๆน่ะสิ แบบนั้นไม่เอาหรอก จะยอมให้ตัวการ์ตูนที่หน้าเหมือนตัวเองถูกจับไปปู้ยี่ปู้ยำได้ไง

นักเรียนกลุ่มใหญ่ถึงสองกลุ่ม ค่อยๆเดินดูงานกันไปทีละโซน เผลอแป๊บเดียวท้องฟ้าด้านนอกอาคารเรียนก็มืดตัวลงจนเริ่มเห็นดาวชัดเจน พระจันทร์คืนนี้ทอแสงเป็นเสี้ยวสวย เรียกความสนใจจากสายตาหลายร้อยคู่ด้านล่างให้เงยขึ้นมอง แอบเห็นพะพายกับพวกคณะกรรมการนักเรียนวิ่งวุ่นไปทั่ว สักพักประธานนักเรียนของฝั่งวิไลวิทย์ก็ขึ้นเวทีหลักไปประกาศออกไมค์ เชิญชวนแขกในงานทุกคนให้เดินตามทางเท้าที่จัดเตรียมไว้ไปทางสวนดอกไม้ด้านหลังโรงเรียน พวกพะภูเองก็ไม่พลาดธรรมเนียมปิดงานของการแสดงกิจกรรมนี้เช่นกัน

สติ๊กเกอร์รอยเท้าเรืองแสงถูกติดเป็นทางยาวไปจนถึงต้นไม้สูงใหญ่อายุร่วมหลายสิบปี ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางวงล้อมของเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ จากฝีมือชมรมพฤกษศาสตร์ประจำโรงเรียน รอบๆบริเวณถูกประดับด้วยโคมไฟสีส้มแลดูอบอุ่น มีเสียงเพลงบรรเลงดังคลอขึ้นมาเบาๆ ผสานกับสายลมเย็นในช่วงหัวค่ำ เสริมให้บรรยากาศรอบตัวดูโรแมนติกเสียจนอดยิ้มกว้างตามความงดงามของมันไม่ได้

ก่อนจะเข้าสู่ลานดอกไม้ แขกในงานจะได้รับแจกกระดาษการ์ดคนละหนึ่งใบ เอาไว้เขียนความรู้สึกหรืออะไรก็ตาม เพื่อนำไปแขวนไว้ตามกิ่งใบของต้นไม้ด้านหน้า ถือเป็นธรรมเนียมประจำงานแสดงกิจกรรมนักเรียนทุกปี และดูเหมือนปีนี้จะยิ่งคึกครื้น ด้วยว่าทุกอย่างภายในงานดำเนินไปได้ด้วยดีเกินคาด ไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทหรือปัญหาใดๆให้พวกคณะกรรมการนักเรียนปวดหัว ทุกคนต่างยิ้มแย้มและเพลิดเพลินไปกับตัวงานจากซุ้มต่างๆ ท่ามกลางสายสัมพันธ์เส้นใหม่ที่คอยเชื่อมธารวิทยากับวิไลวิทย์เข้าไว้ด้วยกัน แน่นขึ้นกว่าเดิม

ไม่นานนัก ต้นไม้สีเขียวครึ้มก็ถูกแซมไปด้วยกระดาษสีขาวสว่าง พะภูก้มมองกระดาษในมือตัวเอง ที่เขียนไว้ว่า ‘ขอให้มีความสุขแบบนี้ทุกวัน’ แล้วคลี่ยิ้มบาง นำเอาไปแขวนไว้กับกิ่งเล็กๆกิ่งหนึ่ง มีกระดาษของธรกับติขนาบอยู่ทั้งสองด้าน เห็นธรลูบกระดาษของตัวเองแล้วก็หันมาจ้องหน้าเขานิ่ง สักพักก็เดินออกไปรวมตัวกับสมาชิกคนอื่น ปล่อยให้คนตัวเล็กได้แต่งง จนเมื่อถือวิสาสะเข้าไปจับอ่านกระดาษใบนั้นถึงเข้าใจขึ้นมาบ้าง

‘ยินดีที่ได้รู้จัก’

เป็นแค่คำสั้นๆง่ายๆ ที่เหมือนไม่มีความหมายมากมาย แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน ธรอาจดูเป็นคนเลวร้ายในสายตาของใครต่อใคร แต่สำหรับเขา ธรคือพี่ที่ดีมากคนหนึ่ง และเขาเองก็ยินดีที่ได้รู้จักผู้ชายคนนี้เช่นกัน

พะภูเผยยิ้มบางออกมา ก่อนตั้งท่าจะเดินไปรวมกับคนอื่น แต่อะไรบางอย่างรั้งให้เขาหันกลับไปมองกระดาษอีกใบของกีรติ ทันทีที่เห็นข้อความบนนั้น ความเย็นของอากาศซึ่งเริ่มจับตัวก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น แผ่ซ่านขึ้นมาตั้งแต่ปลายนิ้วจนถึงขั้วหัวใจ ใบหน้าแดงเรื่อชัดเจนอย่างห้ามไม่ได้ พร้อมกับที่มือเล็กเอื้อมเข้าไปสัมผัสกระดาษแผ่นบางตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง ตอนนี้เขาไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถหุบยิ้มได้อีกต่อไปแล้ว

‘You’re my chocolate’

ใครจะไปคิดว่าคนอย่าง กีรติ อัครโภคิน จะมีมุมหวานน่ารักแบบนี้กับเขาด้วย แค่ประโยคพื้นๆประโยคเดียว ก็เล่นเอาคนอ่านถึงกับเขินจนแทบม้วน เพราะรู้ดีว่า You ของติ ก็คือตัวเขานั่นเอง...

---------------------------------------------

ตอนนี้ยาวหน่อย ชดใช้ที่หายไปนาน
แต่คือการบ้านโคตรรรรเยอะอะ TT
คือไม่ไหวละ ร่างจะแหลกให้ได้เลย
ไม่สบายอีก เป็นลมดีกว่า..
 :z3:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 31

 

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง...

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นต่อเนื่องจนน่ารำคาญ พะพายรีบวางปากกาในมือแล้วตรงไปเปิดประตู ท่าทีร้อนใจของผู้ชายตัวใหญ่ในชุดลำลองราคาเฉียดหมื่นทำเอาเธอเผลอหัวเราะออกมาน้อยๆ

“เป็นบ้าอะไรยะ?” ส่งเสียงทักทายคนที่ได้ชื่อเป็น แฟนน้องชายตัวเอง ซึ่งทำท่าอยากจะกระโจนเข้ามาในบ้านเต็มทน

“พะภูอยู่ไหน?”

“อยู่บนห้อง มีอะไร..เฮ้ย!” พอปลดล็อคประตูรั้วได้ ติก็รีบพุ่งตัวเข้ามาจนพะพายต้องรีบคว้าแขนใหญ่เอาไว้อย่างไม่สบอารมณ์นัก พูดยังไม่ทันจะรู้เรื่อง อยู่ๆจะมาพรวดพราดเข้าบ้านคนอื่น เป็นบ้าอะไรมาอีกล่ะคราวนี้

“ก็น้องเธอน่ะสิ ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ ไม่ยอมรับโทรศัพท์ฉันเลย แถมไม่ค่อยมาหาที่โรงเรียนด้วย”

“น้องฉันก็ไม่ว่างบ้างปะ”

“แบบนี้เขาเรียกหลบหน้าแล้ว! อย่าบอกนะว่า...”

เพียะ!

มือเรียวฟาดลงกับไหล่แกร่งแบบไม่เกรงใจ เมื่อเห็นติทำท่าครุ่นคิดเหมือนจะจับผิดคนรักตัวเอง เธอรู้ดีว่าพะภูเป็นคนแบบไหน และแน่นอนว่าไม่ใช่เด็กสำส่อน!

“เพ้อเจ้อ!”

“ขอขึ้นไปหาพะภูได้ไหม?” ปากถามไป สายตาก็จับจ้องไปทางหน้าต่างห้องนอนของคนตัวเล็กที่บนชั้นสอง แอบมองเห็นเงาลางๆจากภายในยิ่งร้อนใจอยากจะไปเจอหน้าเสียเดี๋ยวนี้

“เออ แล้วอย่าไปโวยวายอะไรไม่เข้าเรื่องล่ะ”

สิ้นเสียงอนุญาต ติก็รีบก้าวเท้ายาวๆเข้าไปในบ้านอย่างคนคุ้นถิ่น ก่อนจะขึ้นบันได เปิดเข้าไปในห้องนอนของคนรักทันทีแบบไม่บอกกล่าว ทำเอาคนกำลังนั่งอ่านหนังสือบนเตียงสบายๆ ถึงกับหงายหลังด้วยความตกใจ

“พะ..พี่ติ!?”

มือใหญ่ดันประตูให้ปิดตัวลงพร้อมกดล็อคแน่นหนา ก่อนสาวเท้าหน้าตึงเข้ามาดึงมือพะภูไปกุมไว้อย่างหวงแหน หัวคิ้วขมวดยุ่งด้วยความไม่เข้าใจในหลายๆอย่าง เมื่อเห็นว่าร่างบางไม่ยอมปริปากพูดอะไร เขาถึงต้องยอมเปิดบทสนทนาเสียเอง

“นายหลบหน้าฉันทำไม?”

“เอ่อ ก็ไม่ได้หลบหน้าสักหน่อย”

“โทรมาก็ไม่รับ แถมไม่ยอมไปหาที่โรงเรียนอีก พวกผู้หญิงมาถามหานายทุกวัน ฉันก็ไม่รู้จะตอบยังไงนะ” คนตัวใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจจนอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ จะสักกี่คนกันที่มีโอกาสได้เห็นด้านนี้ของกีรติ ทำเป็นงอนอย่างกับเด็กๆ ทั้งที่ตัวโตอย่างกับหมีควาย

“โธ่ พี่ติ คิดมากจัง ก็ช่วงนี้ม.6เริ่มทยอยสอบเข้ามหาลัยกันแล้ว ผมไม่อยากรบกวนพี่ เลยพยายามเว้นออกมาให้พี่มีเวลาอ่านหนังสือไงครับ”

นี่ถือเป็นเหตุผลหลักที่ช่วงนี้เขาทำตัวห่างเหินออกมา แต่บางส่วนเป็นเพราะว่าตัวเขาเองก็ต้องรับมือกับการสอบของทางโรงเรียนเช่นกัน เวลาติโทรมาทีไร ก็ต้องคุยด้วยจนเลยเถิดทุกที กว่าจะได้วางสายก็ปาไปเกือบเช้า เป็นแบบนี้เขาจะหลุดทุนเอาน่ะสิ

“อะไร เหตุผลนี้เหรอ ยิ่งนายหายไป ฉันยิ่งไม่เป็นอันทำอะไรเลยมากกว่า” แขนแกร่งวาดเข้ามาโอบไหล่พะภูอย่างเคยชิน ก่อนฝังปลายจมูกลงกับแก้มเนียน ตั้งใจออดอ้อนเต็มที่ จนคนเด็กกว่าได้แต่ถอนหายใจยาวเหยียด และยืดตัวขึ้นฝากรอยจูบบางเบาบนคางมนเหมือนเป็นการขอโทษ

“ไม่หายไปก็ได้ครับ”

“น่ารัก” ติฉีกยิ้มกว้าง พลางบีบจมูกพะภูเบาๆอย่างเอ็นดู จนคนตัวเล็กอดยิ้มตามไม่ได้ นี่สรุปว่าเขาก็แพ้เหลี่ยมกีรติอีกจนได้ใช่ไหม เฮ้อ!

“แล้วนี่...อื้อ!”

ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ คนคิดถึงใจแทบขาดก็ทำการรวบรั้งร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนบดเบียดริมฝีปากเข้าหากลีบปากนุ่มหยุ่นอย่างจาบจ้วง พะภูสะดุ้งเฮือกกับการกระทำแบบปุบปับของคนตัวใหญ่ หากก็ปล่อยให้ลิ้นหนาแทรกเข้ามาควานหาความหวานจากโพรงปากอุ่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็คิดถึงติอยู่ไม่น้อยระหว่างที่ทิ้งระยะห่างออกมา เพิ่งรับรู้ว่าการต้องไกลกันมันทำให้ยิ่งโหยหาขนาดไหน

“อืมม..” ติใช้มือหนึ่งประคองใบหน้าสีระเรื่อของคนรักไว้อย่างทะนุถนอม อีกข้างก็ฉวยโอกาสสอดผ่านเสื้อยืดตัวบางเข้าไปลูบโลมทั่วทั้งแผ่นหลัง

ลิ้นร้อนไล่ฉกไล่ดูดลิ้นเล็กกันพัลวัน จนแผ่นอกบางเริ่มกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงด้วยว่าหายใจไม่ทัน แก้มสองข้างร้อนผ่าวจากลีลาการจูบที่เร่าร้อนไม่แพ้ใครของคนตรงหน้า มือใหญ่เลื่อนเข้ายึดท้ายทอยสวยไว้เมื่อเห็นท่าว่าคนตัวเล็กกำลังคิดขืนตัวหนี ก่อนที่ติจะใช้ร่างกายกำยำของตัวเองโถมทับร่างบางลงนอนราบไปกับผืนฟูก จนหนังสือบนเตียงหลบตุบไปอยู่บนพื้น มือที่เคยลากไปตามแผ่นหลังเนียน ค่อยๆเคลื่อนมาหาติ่งไตสีชมพูภายใต้เนื้อผ้า ออกแรงเขี่ยเบาๆเป็นการหยอกล้อ เล่นเอาพะภูถึงกับตัวกระตุก อุณภูมิในร่างกายพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสติแทบกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศ การเล้าโลมอย่างตรงไปตรงมาที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ทำให้เจ้าของใบหน้าหวานเริ่มเผลอไผลไปกับทุกอณูความรู้สึก ซึ่งถูกกระตุ้นขึ้นจากเบื้องลึกของจิตใจจนร่างทั้งร่างอ่อนยวบไปตามแรงถวิลหา

“อื้อ..ออ”

ปากบางเผลอครางออกมาเสียงแหบเครือ ทันทีที่ติถอนจูบออกไป ลากลิ้นชื้นลงกับหัวนมชูชันอย่างชำนิชำนาญ เสื้อยืดที่สวมใส่ถูกเลิกขึ้นมาอยู่เหนืออก ปล่อยให้คนตัวใหญ่เข้าครอบครองเม็ดสีชมพูสวยได้ถนัดถนี่

“พะภู...”

มือเล็กขยุ้มเส้นผมสีดำสนิทเพื่อระบายอารมณ์ เมื่อติเริ่มลากไล้มือหนาไปมาอย่างสะเปะสะปะ ก่อนมาหยุดอยู่บริเวณหน้าท้องเกร็ง จงใจวนนิ้วเรียวไปตามแนวสะดือ ก่อนผลุบหายเข้าไปใต้ขอบกางเกงยางยืดรวมทั้งชั้นในตัวเล็ก กอบกุมเอาความอ่อนไหวของร่างบางเอาไว้อย่างเต็มไม้เต็มมือ ยิ่งเพิ่มแรงทึ้งเส้นผมสลวยให้เพิ่มมากขึ้นไปตามกระแสอารมณ์ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ติมีโอกาสแตะต้องร่างกายตรงหน้าได้มากถึงขนาดนี้ แล้วก็คุ้มค่ากับการรอคอยเสียจริงๆ เมื่อตอนนี้ใบหน้าหวานกลับแดงก่ำซะจนน่าหยิก แถมยังเอาแต่หลับตาปี๋เหมือนเด็กๆ ยิ่งกระตุ้นความกระหายของเขาเข้าไปอีก เพียงสัมผัสเบาๆ ก็ทำให้ส่วนสงวนของพะภูชื้นแฉะขึ้นมา พร้อมกระดิกตัวคล้ายว่ากำลังเชื้อเชิญยังไงยังงั้น

“พ..พี่ติ หยุด” พยายามส่งเสียงห้ามปรามออกไปอย่างยากเย็น เมื่อสติมันเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หากแต่ไม่ต้องการให้อะไรๆมันเลยเถิดจนเกินห้ามใจ

“จ๊..วบ”

กีรติไม่สนใจเสียงประท้วงแหบพร่า กลับดูดดึงเนื้อขาวๆอย่างแรง จนเกิดร่องรอยความเป็นเจ้าของไปทั่ว พะภูเริ่มหอบหายใจถี่ ก่อนใช้สองมือทาบปิดเรียวปากของตัวเองไม่ให้ส่งเสียงน่าอายออกไป ในขณะที่ติก็เริ่มย่ามใจ ดึงกางเกงที่ขวางกั้นทั้งสองเอาไว้ลงไปพักตรงข้อเท้า ก่อนตรงเข้าครอบครองแก่นกายขนาดพอดีตัวอย่างจู่โจม

“อ๊ะ!”

คนตัวเล็กแอ่นหลังไม่ติดฟูก ทุกครั้งที่ปลายลิ้นสากตวัดถูกส่วนยอดรัวแรง ติทั้งกดจูบทั้งโลมเลียส่วนแข็งขืนของคนรักอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ราวกับสัตว์ป่าที่อยากอาหารมาเป็นเวลานาน มือใหญ่ช่วยรูดรั้งแก่นกายขึ้นลง เสริมให้คลื่นอารมณ์ถาโถมเข้าใส่ร่างบางด้านล่างจนหัวคิ้วขมวดยุ่ง

“ฮะ...พ พี่ติ ออกไป..ผมจะ...”

พะภูเกร็งตัวบิดซ้ายขวาเหมือนคนทรมาน ย้ายมือที่ปิดปากตัวเองไปดันศีรษะติให้ออกห่างจากจุดสงวน เพียงไม่นาน ร่างกายก็กระตุกรุนแรง ปลดปล่อยของเหลวกลิ่นคาวออกมา เปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องและมือใหญ่

ติรีบลุกไปหยิบกล่องกระดาษทิชชู่บนโต๊ะหนังสือมาเช็ดไม้เช็ดมือ และทำความสะอาดระหว่างขาให้คนรัก ซึ่งกำลังนอนหอบร่วนทั้งๆที่ยังคงหลับตา คนตัวสูงโน้มกายเข้าหาร่างบางอีกครั้งเพื่อจูบปลอบขวัญ มือใหญ่ลูบศีรษะน้อยไปมาหวังช่วยให้พะภูคลายใจ

พอได้สติแล้ว คนตัวเล็กก็รีบพรวดพราดลุกจากเตียง มือดึงกางกางกลับขึ้นสวมใส่อย่างลวกๆ พลางจ้องหน้าคนต้นเหตุอย่างเอาเรื่อง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับยิ้มกริ่มเหมือนมีความสุขนักหนา ทำให้พะภูต้องตีไหล่ไปทีด้วยขัดเคืองใจ แก้มสองข้างแดงซ่านจนถึงใบหู

“พี่ติบ้า!”

เพราะเข้ามาฉวยโอกาสเอาจากช่องว่างความคิดถึง ทำให้เขาเองก็เผลอไผลไปกับรสอารมณ์เผ็ดปนหวานเมื่อสักครู่ ติเอาแต่หัวเราะจนตาหยีก่อนจะดึงมือพะภูลุกขึ้น ส่งสัญญาณว่าให้ไปทำความสะอาดตัวให้เรียบร้อยอีกทีในห้องน้ำ แต่คนตัวเล็กกลับรั้งข้อมือกลับในจังหวะหนึ่ง ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาให้หัวก่อตัวเป็นความรู้สึกผิดเล็กๆในใจ ทั้งที่ติเป็นฝ่ายเรียกร้องและต้องการขยับความสัมพันธ์ทางกายของพวกเขาอยู่ตลอด แต่เขากลับไม่เคยให้อะไรติได้เลยด้วยอ้างว่าไม่พร้อม กลายเป็นติซะเองที่มาปรนเปรอความสุขให้โดยไม่ปริปากบ่นหรือแสดงทีท่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย ทั้งทีตัวเองก็คงมีอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่ข้างในเช่นกัน แต่มีแค่เขาที่ได้ปลดปล่อยมันออกมา...

ดูเหมือนความคิดของพะภูจะฉายผ่านแววตาทอใสชัดเจนเสียจนอีกฝ่ายรับรู้ได้ ถึงออกแรงบีบมือเล็กไว้แน่น พลางส่ายหน้าน้อยๆ พร้อมเผยรอยยิ้มบางแลดูอ่อนโยนผิดจากทุกที เขายอมรับว่าตัวเองนึกปรารถนาในร่างกายของเด็กตรงหน้ามากเหลือเกิน แต่ถ้าพะภูยังไม่พร้อมเขาก็ย่อมรอได้ อย่างที่พยายามหักห้ามใจมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แค่วันนี้คนตัวเล็กยอมให้เขาละลาบละล้วงถึงเพียงนี้ก็นับว่าเป็นพัฒนาการที่ดีมากพอแล้ว ส่วนเรื่องนอกเหนือจากนี้ สักวันก็คงมาถึงเอง ไว้พะภูพร้อมจริงๆเมื่อไร วันนั้นจะเอาให้ไม่ได้นอนเลยเชียว

“ได้เห็นหน้าแดงๆของนายก็คุ้มแล้ว” คนตัวสูงแกล้งหยอกเพื่อทำลายบรรยากาศชวนอึดอัด ก่อนจะตรงเข้าหอมแก้มพะภูอีกครั้งเร็วๆ “รู้สึกดีรึเปล่า? ตอบมาแค่นี้แหละ”

ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามสุดเถรตรงจนดวงตาคนฟังเบิกกว้าง สักพักก็หลุบต่ำลง พึมพำอะไรบางอย่างออกมาแผ่วเบา ถึงอย่างนั้นก็ยังดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน ทำเอากีรติถึงกับฉีกยิ้มพอใจอย่างหุบไม่อยู่ รีบดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น

“อือ...”

“น่ารักไปแล้ว”

ยิ่งโดนชม โดนกอด ก็ยิ่งทำให้พะภูเขินจนตัวม้วน ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตามองใบหน้าของคนด้านบน เลยทำได้แค่ซบศีรษะลงกับแผงอกแกร่งจนแทบกลืนหายเข้าไปในเนื้อผ้า น่ารักไปแล้วอะไรกันเล่า นี่ทั้งเขินทั้งอายจนตัวจะระเบิดอยู่แล้ว!

“พี่ติบ้า..” เสียงแผ่วหลุดลอดออกจากลำคอ ยิ่งทำให้ติรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก สงสัยว่าตัวเขาจะบ้าจริงๆเสียด้วย เพราะดันดีใจทุกครั้งที่ถูกเด็กนี่ต่อว่าตลอดเลยน่ะสิ

“ไปอยู่กับฉันนะ”

“หะ?” สิ้นคำพูดแปลกๆ พะภูถึงเริ่มกลับมาได้สติและผละตัวออกอย่างงุนงง

“ไปอยู่เป็นกำลังใจให้ฉันไง”

“เอ่อ..”

“ไปเล่นเป็นเพื่อนน้องน้ำฝนด้วย” แหนะ อันนี้จะหลอกด่าว่าเขาเป็นเพื่อนลูกหมารึเปล่า แต่พูดแล้วก็คิดถึงเหมือนกันแฮะ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ก็ไม่เคยกลับไปเล่นด้วยอีกเลย

“แต่ว่า..”

“นะนะ”

ฮึ่ยย กีรตินี่มารยายิ่งกว่าผู้หญิงอีกนะ พอเข้าอีหรอบนี้ทีไรก็ชอบตีหน้าออดอ้อน พร้อมส่งเสียงมุ้งมิ้งผิดกับหน้าโหดๆตลอด แบบนี้ใครไม่แพ้ก็แย่แล้ว

“ก็ได้ครับ...แต่ต้องไปขอพี่พายก่อนนะ”

คนตัวใหญ่ดีใจได้แค่วินาทีเดียว ก็ต้องกุมขมับเมื่อพูดถึงชื่อพี่สาวจอมเข้มงวด ติเบ้ปากเหมือนเซ็งเต็มทีที่จะต้องไปต่อล้อต่อเถียงกับพะพาย เมื่อรู้อยู่แล้วว่าคงไม่ยอมเห็นดีเห็นงามกับเขาง่ายๆ แต่พะภูก็ยังให้กำลังใจด้วยการตบไหล่พลางหัวเราะใส่น้อยๆ รู้สึกมั่นใจขึ้นเยอะเลยแหม!

พะภูขอตัวเข้าห้องน้ำไปทำความสะอาดคราบไคลให้เรียบร้อย ด้วยห่วงว่าใครจะมาได้กลิ่นแปล่มๆไม่พึงประสงค์เอาได้ สักพักก็พากันลงไปนั่งจุมปุกอยู่บนโซหาตัวประจำ มีพะพายนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ใกล้ๆ ในที่สุดติก็รวบรวมความกล้าเปิดปากถามออกไป

“พาย...ฉันขอให้พะภูไปอยู่ด้วยได้ไหม?”

“หา?” รีบละสายตาจากกองชีทมากมายบนโต๊ะตัวเตี้ยแบบพับเก็บได้ และเหลียวตามองร่างสูงโปร่งด้านหลังอย่างหาเรื่อง

“ให้พะภูไปค้างที่ฉันสัก...สองสามปี โอ้ย” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกพะภูตีเข้าที่แขนอย่างแรงจนชะงัก สายตาตำหนิถูกส่งมาทำให้ติต้องรีบแก้ประโยคเสียใหม่ แอบเสียดายนิดๆ “ให้ไปค้างกับฉันสักสองสามเดือนได้ไหม?”

“ไปทำไม?” คราวนี้หันมามองหน้าคนเป็นน้องก่อนตั้งคำถาม ทำให้พะภูต้องออกตัวอธิบายด้วยคนอย่างช่วยไม่ได้

“เห็นว่าน้องหมาที่บ้านคลอดลูกเป็นโหล คนรับใช้ไม่ค่อยจะพอ เลยอยากไปช่วยดูแลสักพัก จนกว่ามันจะโตแล้วค่อยเอาให้คนอื่นต่อน่ะครับ”

พะพายหรี่ตามองน้องชายนิ่งเหมือนกำลังจ้องจับผิด ฟังดูคล้ายคำโป้ปดยากจะฟังขึ้น หากแต่รู้ดีว่าพะภูชอบพวกลูกหมาลูกแมวเป็นนิจ ผิดที่เธอไม่เคยอนุญาตให้เลี้ยงเอง หลังจากคิดไปมาจนอีรุงตุงนังกันอยู่ในหัว สุดท้ายจึงยอมพยักหน้าฝืนๆให้แต่โดยดี เรียกรอยยิ้มจากติได้มากทีเดียว พะภูก้มหัวขอบคุณพี่สาว ก่อนทั้งสองคนจะรีบพากันกลับขึ้นไปบนห้อง จัดเตรียมเสื้อผ้าเพื่อเดินทางสู่คฤหาสน์อัครโภคิน มีพะพายมองตามไม่ห่าง...ยอมให้ครั้งนี้ไม่ได้แปลว่าเลิกห่วง แต่เพราะกีรติได้พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดถึงความจริงใจและซื่อตรง เพราะงั้นจะถือว่านี่เป็นรางวัลตอบแทนความรู้สึกที่มีให้น้องชายแสนรักของเธอแล้วกัน แต่ถ้าเกิดอะไรไม่ดีไม่งามขึ้น เธอเองก็พร้อมจัดการนักเลงขาใหญ่คนนี้อย่างไม่ลังเลเช่นกัน!

---------------------------------------------------

จะสอบมิดเทอมแล้ว อ๊ากกกก  :katai4:
คือใกล้จบเต็มทีละ แต่ก็ไม่จบสักที
เป็นงี้ตลอดเลย คือตกม้าตายตอนจบ 5555
มักจะหมดอารมณ์แต่งแล้วงี้ ;w;
แต่ไม่ได้ ยังไงก็ต้องจบ ! ขอฝากให้ติดตามกันต่อด้วยนะคะ ><

ออฟไลน์ fiixtion

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
ขออนุญาต ดอง นิยายเรื่องนี้ชั่วคราวนะคะ
หลังจากไม่ได้มาต่อซะนาน แล้วไม่ได้แจ้งไว้เลย
ก็เลยถือโอกาสมาแจ้งอย่างเป็นทางการ
เพราะว่ายุ่งมาก ในหลายๆ เรื่อง
แถมไอ้สมองส่วนที่เอาไว้คิดนิยายเรื่องนี้
เหมือนมันจะหายไปอย่างไม่มีสาเหตุค่ะ ;w;
ต้องขอโทษด้วยจริงๆ /(_  _")\
แต่รับรองว่า จะกลับมาต่อให้จบ ในวันใดวันหนึ่งแน่นอน !

ส่วนนิยายเรื่องก่อนหน้านี้
ก็ยังอยู่ในกระบวนการตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิต นะคะ
สามารถรอติดตามรูปเล่มกันได้ค่ะ
หรือถ้าสนใจ ก็ลองเข้าไปอ่านๆ ดูก่อนได้นะคะ ;)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37393.90
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2014 19:29:08 โดย mooaiir »

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 32

 

โฮ่ง! โฮ่ง!

เสียงเห่าฟังดูตื่นเต้นดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ร่างบางบนเตียงขนาดใหญ่ค่อยๆงัวเงียผงกหัวขึ้นมอง เห็นลูกหมาตัวกลมบ๊อก เจ้าของเส้นขนสีน้ำตาลทองเป็นประกาย กำลังกระโดดขึ้นมาหา

“น้องน้ำฝน”

พะภูกวักมือเรียกน้องน้ำฝน ซึ่งมีขนาดตัวอ้วนโตขึ้นผิดจากครั้งแรกที่เจอกัน เจ้าหมาน้อยรีบกระโจนขึ้นมาอยู่บนแผงอกบางตามเสียงขาน พลางเลียแก้มเนียนของคนเพิ่งตื่นอย่างอารมณ์ดี พะภูหัวเราะด้วยจั๊กจี้ก่อนอุ้มสัตว์เลี้ยงตัวอุ่นมาไว้ในอ้อมกอด สายตากวาดมองไปทั่วห้องนอนโอ่อ่า

“เจ้านายแกไปไหนฮะ?”

ก้มถามลูกหมาตาแป๋วลอยๆ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวและเดินลงยังโถงด้านล่าง มีน้ำฝนวิ่งดุ๊กดิ๊กตามมาไม่ห่าง เรียกรอยยิ้มจากแม่บ้านผู้พบเห็นได้ทุกคน ตอนนี้สมาชิกในบ้านต่างก็เข้าใจตรงกันว่า นี่คือคนของคุณชายเล็กแห่งอัครโภคิน มีสิทธิเท่าเทียมติและตาลทุกประการ

พะภูยกมือไหว้แม่บ้าน คนรับใช้ทุกคนอย่างเป็นกันเอง โดยไม่ถือตัวเลยสักนิด ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจกันยกใหญ่ กลายเป็นว่าใครๆต่างก็อยากมารับใช้ว่าที่คุณชายคนใหม่ของบ้าน เจ้าของใบหน้าหวานก้มตัวผ่านเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร มีลูกสาวคนเดียวของตระกูลนั่งจิบชา อยู่อย่างสบายอารมณ์ พอเห็นรุ่นน้องขวัญใจก็รีบวางถ้วยชาสไตล์อังกฤษลง และหันมากวักมือเรียกพะภูให้เข้าไปหาทันที

“อรุณสวัสดิ์ครับ” คนเป็นแขกยกมือไหว้ท่าท่างเงอะงะ เมื่อเหลือบตามองนาฬิกาบนผนังแล้วเห็นว่านี่มันเลยคำว่า เช้า มานานแค่ไหน

“เมื่อคืนนอนไม่หลับหรอ?”

ตาลทักอย่างรู้ทัน เพราะไม่คิดว่าคนอย่างพะภูจะตื่นนอนเอาสายโด่งขนาดนี้หากไม่มีเหตุผลรองรับ อีกทั้งขอบตาที่คล้ำขึ้นจนสังเกตได้ เห็นแล้วมันน่าจับไปเข้าโรงหมอขอยาบำรุงผิวพรรณมาติดไว้เสียจริงๆ เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครอยากเห็นเด็กคนนี้เสียรูปเสียโฉมเป็นแน่

“ครับ สงสัยแปลกที่ แต่ช่วงนี้ก็นอนดึกติดต่อกันจนร่างกายมันจำไปแล้วมั้งครับ” พะภูรีบอธิบาย ก่อนหันไปก้มหัวให้แม่บ้านคนหนึ่ง ซึ่งยกสำรับอาหารเข้ามาวางให้

“จะไม่ดีต่อร่างกายเอานะ”

“แต่ช่วงนี้ใกล้สอบมิดเทอม เลยต้องอ่านหนังสือเยอะหน่อยครับ”

“ขยันจริงเรา”

ว่าไปตัวเธอเองยังไม่เริ่มแตะหนังสือสักกะผีกเดียว ขนาดว่าไม่ใช่คนขี้ก่งขี้เกียจอะไรแล้วนะ ยังแพ้ความขยันของคนตรงหน้าไปเยอะเลย แต่คงเพราะว่าแต่ละคนมีเทคนิคการท่องหนังสือแตกต่างกันด้วยมั้ง ส่วนตัวเธอน่ะแปลกกว่าชาวบ้าน ถ้าไม่ไปอ่านเอาตอนไฟลนก้นจริงๆ มันจะไม่ยอมเข้าหัว ก็เลยต้องมาติวสอบภายในสามวันสุดท้ายทุกที

“ไม่ได้หรอกครับ เป็นเด็กทุนต้องรักษาเกรด”

“ถ้าหลุดทุนก็ให้พี่ติจ่าย ไม่เห็นเป็นไร”

“ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย” คนเป็นนักเรียนทุนรีบโบกไม้โบกมือพัลวันพลางเบิกตากว้าง เหมือนจะจับความเอาจริงในคำพูดของตาลเมื่อครู่ได้ ทำเอาอีกฝ่ายหลุดหัวเราะพรืด

“ล้อเล่นก็ได้”

“ละ แล้วนี่ พี่ติไปไหนหรอครับ ตื่นมาก็ไม่เจอแล้ว” รีบขวนเปลี่ยนเรื่อง ทำท่าเป็นกวาดตามองหาคนหายต๋อมแบบไม่ยอมบอกกล่าว

“ไปช่วยงานคุณอาที่บริษัทมั้ง เห็นช่วงนี้แวบไปบ่อยๆ”

“อ๋อ..”

พยักหน้าเข้าใจ ก่อนยกช้อนข้าวต้มขึ้นตักอาหารทาน ไม่กล้าซักถามอะไรยืดยาว เดี๋ยวจะหาว่าเข้าไปก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวเสียเปล่าๆ แต่ก็แอบแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าคนท่าทางลอยไปลอยมาแบบติ จะนึกสนใจช่วยกิจการทางบ้านกับเขาด้วย ภาพพจน์ดูดีมีอนาคตขึ้นมาเฉยเลย

พอกินข้าวสายเสร็จ ก็ขอตัวกลับขึ้นห้องไปอ่านหนังสือ แต่เอาเข้าจริงกลับอ่านไม่รู้เรื่องสักตัวอักษร เมื่อในหัวเอาแต่คิดว่าเมื่อไรเจ้าของห้องถึงจะกลับมาสักที จะไปไหนมาไหนก็สิทธิ์ของเขา พะภูรู้ดี แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้ที่ไม่ยอมบอกกล่าวกันบ้างเลย ใจหายนะ ตื่นมาแล้วไม่เจอใครเนี่ย ทั้งที่เมื่อคืนเป็นฝ่ายเข้ามาออเซอะขอกอดท่าเดียวแท้ๆ

หนังสือวิชาภาษาไทยในมือ ถูกวางลงกับพื้นฟูก ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นขนาดเล็กภายในห้องนอนของแฟนตัวเอง มีน้องน้ำฝนเดินตามทุกฝีก้าว ราวกับแม่ลูกตัวติดกันก็ไม่ปาน ดูเหมือนทุกอย่างด้านในเครื่องสี่เหลี่ยมจะเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตล้วนๆ แค่เห็นก็ชวนเลี่ยนแล้ว ไม่เป็นเบาหวานตายให้มันรู้ไปสิ แต่อ่านหนังสือไม่เข้าหัวแบบนี้ ลองหาอะไรทานเป็นของว่างหน่อยดีกว่า

ว่าแล้วก็ปิดตู้เย็นชาร์ลีลง และเลือกหยิบนูเทลล่ากับแครกเกอร์ที่ตั้งอยู่ในตะกร้าด้านบนมาแทน พอหันหลังจะเดินกลับเตียงเท่านั้นแหละ เสียงประตูก็เปิดขึ้น พร้อมร่างสูงกำยำในเสื้อเชิ้ตผูกไทดูแปลกตา ท่าทางดีใจเมื่อเห็นหน้าต้องรีบกลบซ่อนไว้ เพราะนึกขึ้นได้ว่าควรจะเคือง อยู่ๆมาทิ้งเขาไว้ ไม่พูดอะไรสักคำได้ไง

“ทำอะไรอยู่?”

ไม่ยอมตอบคำถาม กลับเดินไปนั่งแหมะอยู่ปลายเตียง มีน้องน้ำฝนกระโดดตามขึ้นมานอนเฝ้าใกล้ๆ สนใจแค่การเปิดฝาเฮเซลนัทบดผสมโกโก้ในมือ

คนตัวใหญ่เลิกคิ้วสูงกับท่าทีเฉยเมยของคนรัก ก่อนจะเดินเข้ามาหาและโน้มตัวต่ำ ฝังปลายจมูกโด่งๆลงบนแก้มป่องๆ มือหนึ่งดึงเนคไทให้คลายออก อีกข้างใช้ยึดท้ายทอยสวยไม่ยอมให้ร่างเล็กหันหนี แต่พอจะเคลื่อนเข้าหาเรียวปากบางเท่านั้น ก็ถูกพะภูผลักออกอย่างรุนแรงพร้อมขยี้แก้มระเรื่อตัวเองไปด้วย แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด จนติถึงกับใจหายวาบ รีบเอ่ยปากเสียงอ่อน

“เป็นอะไรเหรอ?”

“เปล่าครับ” คนตัวเล็กตอบกลับเสียงห้วน พลางทำปากยื่นเหมือนเด็กๆ ติจึงค่อยหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ก่อนวาดแขนเข้าโอบไหล่บางเป็นการหยั่งเชิง หัวไหล่มนยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนอยากขืนหนี

“ถ้าเปล่า ก็ต้องหันมาคุยกันดีๆ” พยายามใช้โทนเสียงอ่อนทุ้มเข้าสู้ มือข้างที่เหลือเชยคางเรียวได้รูปให้หันกลับมาสบสายตากัน หัวคิ้วของคนตัวเล็กขมวดยุ่งจนอดสงสัยไม่ได้ หรือว่าจะไม่พอใจที่เขาหายไปเมื่อเช้าโดยไม่ได้บอก “ไหน งอนอะไรก็ว่ามา”

“เมื่อเช้าไปไหนมา..” ในที่สุดก็ใจอ่อน ยอมเปิดปากพูดด้วยแต่โดยดี เหตุเพราะแพ้ไอ้น้ำเสียงหวานๆ กับสายตานุ่มลึกนี่แท้ๆเชียว

“ไปทำงาน”

“ไม่บอกก่อน” เริ่มส่งเสียงน้อยใจออกมาอย่างไปปิดบัง ทำให้ติต้องเพิ่มแรงบีบที่มือ หวังช่วยส่งผ่านความรู้สึก ก่อนค่อยๆอธิบายอย่างใจเย็น

“คุณอาเรียกตัวไปตั้งแต่เช้า เห็นเราหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก”

พะภูนั่งจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง สมองประมวลผลทำความเข้าใจ ความจริงเขาก็ไม่ถึงกับโกรธอะไร เพียงแต่ตกใจมากกว่า ก็ไอ้การตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคนที่เรารักอยู่ มันน่ากลัวนี่น่า...น่ากลัวจนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

“ทีตัวเองหลบหน้า ฉันยังไม่ว่าเลย” ติรีบเสริมติดตลกเพื่อคลายบรรยากาศชวนอึดอัด ถึงพะภูจะไม่เห็นด้วยกับประโยคเมื่อครู่ แต่ก็ยอมรับว่าสบายใจขึ้นแล้ว... ทีเขาหลบหน้าแล้วติไม่ว่าอะไรงั้นเหรอ เหอะ ไม่ว่า แต่มาลากตัวถึงบ้านเลยน่ะสิ!

“เอาคืนนี่” พะภูแกล้งต่อยหมัดเบาๆไปที่อกกว้าง ก่อนทั้งคู่จะเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกัน ดูเหมือนมันช่างยากเย็น กับการไม่มีอีกฝ่ายอยู่เคียงข้างจริงๆด้วย

“งั้นต่อไปจะบอกทุกอย่างเลย นายก็ด้วย”

“อือ”

พอเคลียร์ข้อกังขาแล้ว บรรยากาศภายในห้องก็กลับมาสดใสหวานชื่น ราวกับดอกไม้แรกผลิอีกครั้ง คนตัวเล็กหันกลับไปเปิดกระปุกนูเทลล่าออก แล้วตักทาลงบนแครกเกอร์แผ่นบาง รีบยื่นให้คนรักอย่างเอาใจ ติกัดลงคำหนึ่ง แล้วส่งต่อให้พะภูอีกคำ สลับกันอยู่อย่างนั้นจนลืมนึกไป ว่ายังมีกองหนังสืออีกมากต้องอ่านให้จบ

มันคงดูบ้ามาก ที่เขาสองคนเดินมาถึงจุดนี้ได้ ทั้งที่ฝ่ายหนึ่งเคยแต่คิดใช้ประโยชน์โดยปราศจากความรู้สึก และอีกฝ่ายหนึ่งเคยนึกเกลียดขี้หน้าจนอยากจะไล่ไปให้ไกลสุดฟ้า แล้วใครจะคิดล่ะว่า สองคนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักกันได้จริงๆ แถมความรักที่มีมันยิ่งเอ่อล้นมากขึ้นทุกวัน มากจนไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่นใดที่อาจมาทำลายความสัมพันธ์ครั้งนี้.....

 

ตลอดหลายวันที่พะภูเข้ามาใช้ชีวิตในบ้านอัครโภคิน บอกตามตรงว่าแทบไม่เป็นอันอ่านหนังสือ เดี๋ยวก็มีน้องน้ำฝนคอยมาคลอเคลียให้เล่นด้วย เดี๋ยวก็มีกีรติมาโลมเลียให้สติหลุดอยู่บ่อยครั้ง เป็นแบบนี้มาตลอดไม่เว้นแม้แต่คืนก่อนสอบครั้งสำคัญของคนตัวใหญ่ เพื่อนำคะแนนที่ได้ไปยื่นเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ชักไม่มั่นใจว่าเขามาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้ติสอบผ่านหรือทำให้แย่กว่าเดิม ถึงอย่างนั้น คนควรจะเครียดกลับมีท่าทีสบายใจเกินคาด

ประมาณหนึ่งอาทิตย์ให้หลัง ผลคะแนนก็ถูกส่งมาที่บ้าน แอบเห็นติเปิดซองดูไม่ถึงสามวิก็เก็บกลับ ใบหน้านิ่งเฉยเสียจนเดาไม่ถูกว่ามันดีหรือร้ายกันแน่ ไอ้จะไปถาม ก็กลัวจี้ถูกจุดไม่เหมาะไม่ควร ด้วยรู้ดีว่านักเรียนม.6 มักอ่อนไหวง่ายกับเรื่องมหาวิทยาลัยเอาซะมากๆ ได้แค่เพียงเอ่ยปากเตือนให้รีบยื่นคะแนนไปเสียให้เสร็จสิ้น ที่เหลือก็มีแค่รอผลผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์เท่านั้น

การสอบมิดเทอมของทางโรงเรียนเองก็จบลงอย่างสวยงามไปตามๆกัน โชคดีที่เขาออกจะหัวไวผิดจากเด็กคนอื่น ถึงแม้ไม่มีเวลาท่องตำรามากนัก แต่ก็ถือว่าทำข้อสอบได้เป็นที่น่าพอใจ

การรอคอยผ่านพ้นไปได้เกือบหนึ่งเดือนเต็ม ผลประกาศรอบแรกจากมหาวิทยาลัย คณะต่างๆก็เริ่มทยอยออกมาให้ลุ้นกันจนหัวใจแทบหยุดนิ่ง โดยส่วนใหญ่จะเป็นของภาคอินเตอร์หรือไม่ก็การสอบตรงต่างๆ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของเหล่าเด็กโครงการภาคภาษาอังกฤษหรือพวกหัวกะทิกันอยู่แล้ว ได้ข่าวคราวพวกรุ่นพี่ที่ธารวิทยากับวิไลวิทย์หลายคน ดูท่าว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และกีรติก็เช่นกัน เขามารู้ทีหลังว่าคะแนนสอบภาษาอังกฤษกับคณิตศาสตร์ที่ติยื่นไป มันสูงลิ่วจนแทบจะติดท็อปของนักเรียนปีนี้เลยทีเดียว ส่วนพะพายเองก็โล่งไปได้เปลาะใหญ่ๆ เมื่อผลประกาศออกมาว่าผ่านเข้าสู่รอบสัมภาษณ์ของโครงการรับตรงจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ ตอนโทรมาบอกข่าวคราว ได้ยินเพียงแค่เสียงสะอื้นด้วยความดีใจของพี่สาวคนเก่งเท่านั้น เล่นเอาเขาแอบน้ำตาซึมตามไปด้วย เพราะความรู้สึกปลามปลื้มยินดีในครั้งนี้ แต่สำหรับเด็กอีกหลายชีวิตที่เหลือซึ่งเล็งเป้าเอาไว้ที่การแอดมิชชั่น ก็ยังคงต้องเหน็ดเหนื่อยกับการอ่านหนังสือสอบกันต่อไป

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อคุณผ่านด่านแรกเข้าสู่การสัมภาษณ์ได้ นั่นก็การันตีไปได้หลายเปอร์เซ็นแล้วว่าคุณต้องได้เข้าศึกษาตามวาดฝันเป็นแน่ แต่ก็ยังไม่เห็นใครกล้าพอฉลองใหญ่ เมื่อยังคงตุ่มๆต่อมๆกับการพิจารณาขั้นสุดท้าย ซึ่งจะมีขึ้นในอีกประมาณ 20 วันถัดไป แต่ในขณะที่ใครต่อใครยังคงเก็บงำความเครียดไว้ กีรติเจ้าเก่า ก็ยังเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คน ซึ่งดูเรื่อยเปื่อยเสียจนน่าหมั่นไส้ ไม่ตื่นเต้นยังพอว่า แต่อย่ามาทำท่าเหมือนการสอบเข้ามันเป็นเรื่องง่ายได้ไหม ในเมื่อความจริงแล้วมันไม่ใช่! พูดไปก็ชักหงุดหงิด ไม่รู้ชาติที่แล้วร่างสูงทำบุญด้วยอะไรไว้ เกิดมาถึงฉลาดหลบในได้เสียขนาดนี้ นี่ขนาดเขาหัวดีพอจะเป็นนักเรียนทุนโรงเรียนชั้นหนึ่ง เขายังเครียดกับเรื่องมหาลัยแล้วเลย

แต่ละวันผ่านไปอย่างเรื่อยเปื่อย เขามาอาศัยชายคาคนอื่นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ถึงขนาดเรื่องนี้แว่วไปกระทบหูทางพ่อแม่ของติที่ต่างประเทศ ไม่แน่ใจว่าข่าวที่หลุดลอดไปนั้นมันมีเนื้อความยังไงกันแน่ แต่เขาเองก็ไม่ได้ทอดทิ้งพะพายมาเสวยสุขอยู่ภายใต้ตระกูลใหญ่อย่างเดียว ยังคงกลับบ้านตัวเองบ้างบ่อยครั้ง ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก เพราะพะพายเอาแต่สนใจเรื่องแฟ้มสะสมผลงานที่จะนำไปยื่นในวันสัมภาษณ์ อีกยังเตรียมอ่านหนังสือเผื่อแอดมิชชั่นเอาไว้อีก สมกับเป็นนักเรียนทุน มักจะมีความขยันมากเกินกว่าคนอื่นเป็นปกติ เพราะเขาก็เช่นกัน

ส่วนทางติ เกต์ กับศิลป์ ซึ่งสอบเข้าที่เดียวกัน ก็เพิ่งมาปั่นทำแฟ้มผลงานเอาไม่กี่วันก่อนสอบตามสไตล์ ดีที่วันสอบสัมภาษณ์ตรงกับวันหยุด เหล่าคนที่ไม่มีข้ออ้างหยุดเรียนอย่างพวกม.4-5 อย่างเขา เลยมีโอกาสมาให้กำลังใจถึงภายในมหาลัยขนาดกว้างขวาง เห็นรุ่นพี่นักศึกษาเดินผ่านไปผ่านมาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เขาเองก็อยากเข้าเรียนที่เดียวกับติเหมือนกันนะ

“เป็นไงบ้างครับ?” รีบลุกเข้าไปหารุ่นพี่ทั้งสามซึ่งเดินหน้าสบายออกมาจากตึก หลังผ่านไปชั่วโมงกว่า

“ก็ไม่ไง”

ติตอบแบบไม่ใส่ใจ ก่อนก้มลงดูดน้ำในมือพะภู ส่วนศิลป์เองก็ตรงเข้าหานิวซึ่งหาซื้อน้ำมารอรับเช่นกัน ทิ้งให้เกต์ยืนทำหน้าเบ้อย่างน้อยใจ จนนิวต้องรีบรี่เอาน้ำอีกขวดมาส่งให้ เดี๋ยวจะถูกจับผิดเอาได้

“โล่งแล้วทีนี้”

“ไม่นะครับ ยังมีสอบไฟนอลรออยู่อีก” พะภูเตือนหน้าเครียด ทำเอาบรรยากาศโล่งอกกลับมาอึดอัดอีกครั้ง รู้สึกเหมือนเพิ่งสอบมิดเทอมไปไม่ทันไรนี่เอง แป๊บๆจะไฟนอลอีกแล้ว ชีวิตนักเรียนมันจะมีแค่นี้หรือยังไง!

แต่ก็จริงที่ว่าความเครียดยังคงไม่หายไป และดำเนินต่อมาตลอดหนึ่งเดือน จนถึงการสอบสุดท้ายก่อนจบชั้นปี ไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาได้ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว หนึ่งปีแล้วสินะที่เขากับติได้พบกัน และได้เปลี่ยนแปลงหัวใจเขาไป

เมื่อสัญญาณหมดเวลาสอบวิชาสุดท้ายดังขึ้น พะภูก็รีบยื่นกระดาษคำตอบให้อาจารย์ ก่อนพุ่งไปยังป้ายรถเมล์ เตรียมตัวเข้าประชุมใหญ่ภายในกลุ่มกีรติ แน่นอนว่ามันสำคัญมาก ในเมื่อสามหัวขบวนผู้ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มนี้มา กำลังจะจบการศึกษาจากโรงเรียนอย่างสมบูรณ์ในอีกไม่กี่อึดใจ แว่วมาว่าผาคงได้ขึ้นตำแหน่งหนึ่งในสามแทนใครสักคน ส่วนที่เหลือเห็นลือกันต่างๆนาๆ ว่าอาจดึงตัวนักเรียนนอกกลุ่มให้มาเข้าร่วม แต่เรื่องนั้นยังดูน่าสนใจน้อยกว่าสิ่งที่พะภูได้ทราบมา...การประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ของศิลป์กับนิว!

“ขอโทษที่มาช้าครับ” เด็กธารวิทยาพูดไปหอบไป หลังจากสมาชิกคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูห้องสามชั้นสองให้เหมือนทุกที

“พี่ทั้งสามคนกล่าวอะไรกันหมดแล้วน่ะ ประกาศตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มคนใหม่แล้วด้วย” เกมรีบเดินเข้ามากระซิบบอก พอกวาดสายตามองก็เห็นว่าทั้งห้องเต็มไปด้วยความโกลาหล เสียงพูดคุยโต้แย้งดังเซ็งแซ่จนดูวุ่นวานกันใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?

“ทำไมทุกคนดูสับสนล่ะ พี่ผาไม่ได้ขึ้นแทนหรอกเหรอ?”

“พี่ผาขึ้นมาแทนพี่เกต์ พี่นัทขึ้นมาแทนพี่ศิลป์” พะภูอ้าปากอ๋อ หันมองคนชื่อนัทที่เพิ่งถูกพูดถึง เห็นว่าเป็นประเภทพูดน้อยต่อยหนัก ไม่ค่อยผิดจากพี่ศิลป์เท่าไรนัก แต่ส่วนใหญ่มักค่อยช่วยวางแผนอยู่เบื้องหลังมากกว่า เพราะไม่ได้มีนิสัยพิศวาสการอาละวาดอย่างคนอื่น แต่จากการเล่าขาน เห็นว่าเมื่อไรต้องลงมือ ก็สู้ได้ไม่แพ้คนเป็นหัวหน้ากลุ่มเลยทีเดียว

“ก็ดีนี่”

“ไม่หรอก เพราะคนที่ขึ้นแทนพี่ติเป็นคนนอก ก็เลยไม่พอใจกัน”

“ให้คนนอกมาเป็นหัวหน้ากลุ่มเนี่ยนะ!?”

พะภูโพล่งออกมาเสียงดังจนสายตาหลายสิบคู่หันมามอง รวมทั้งพี่ใหญ่ทั้งสามซึ่งกำลังยืนแจงอะไรบางอย่างกับแนวหน้ารุ่นถัดไปอยู่บริเวณมุมหนึ่งของห้อง คนตัวเล็กเลิกคิ้วขึ้นสบตาติอย่างไม่แน่ใจ ก่อนหันกลับมาคุยกับเกมต่อด้วยใบหน้าคร่ำเครียด

“ไม่รู้เรียกคนนอกได้ไหม จริงๆแล้วเป็นญาติพี่ตินั่นแหละ เรียนม.ปลายอยู่ต่างประเทศ แต่เห็นว่าเบื่อแล้วเลยจะกลับมาเข้าวิไลวิทย์เอาช่วงม.6”

“ญาติพี่ติเหรอ...” ส่งเสียงประหลาดใจน้อยๆ เพิ่งรู้ตัวว่าเขาเองไม่ได้รู้เรื่องครอบครัวของติเลยสักนิด

“อืม ชื่อกรณ์ ณัฐกรณ์ อัครโภคิน เป็นญาติทางพ่อ เหมือนว่าพี่เกต์กับพี่ศิลป์ก็รู้จัก แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครเคยได้ยิน เลยยังโวยวายกันอยู่น่ะ”

“ทุกคนฟัง จะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ... ฉันขอให้พวกนายยอมรับกรณ์เข้ามานำกลุ่ม ภายใน 3 เดือน ถ้ามันยังทำให้ทุกคนไม่พอใจ ฉันจะไล่มันออกเอง”

ติตบโต๊ะเรียกความสนใจจากสมาชิกในห้อง ก่อนพยายามอธิบายเสียงเข้ม แต่ละคนหันมองหน้ากันเลิ่กลัก แต่สุดท้ายก็ต้องจำยอมเห็นชอบจนได้ แม้ยังมีหลายส่วนไม่พอใจนักก็ตาม ต่อไปนี้คงเป็นกรณ์ ซึ่งจะต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็น ว่าสามารถคุมกลุ่มกีรติได้อย่างว่าจริงๆ

พอทุกคนเริ่มสงบ ศิลป์ก็เป็นฝ่ายกระแอมไอเสียงดัง เพื่อเรียกสายตาหลายสิบคู่อีกครั้ง คนตัวสูงใหญ่ปัดเส้นผมที่เริ่มยาวลงมาปรกหน้าออก ก่อนผงกหัวให้นิวเดินมาอยู่ข้างหน้าห้องเคียงกัน ท่ามกลางความสนอกสนใจของสมาชิกคนอื่น เกต์กับติยืนมองการกระทำของเพื่อนรักอย่างงุนงง ผิดกับพะภูที่เอาแต่ลุ้นจนตัวโก่ง

“คือว่า ฉันมีอะไรจะบอก”

“...”

“ฉันเลิกกับเฟย์แล้ว”

เสียงโห่ดังขึ้นเล็กน้อย เหมือนผิดหวังกับความตื่นเต้นเมื่อครู่ แค่เลิกกับแฟนนี่ต้องประกาศเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้เชียวเหรอ เห็นปกติก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนคนเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ยัยเฟย์นั่นดูไม่สนใจกลุ่มด้วย คิดไว้ตั้งนานแล้วว่าต้องไปกันไม่รอด

“คือฉันไม่ได้รักเฟย์อยู่แล้ว พวกนายก็พอรู้ใช่ไหม ต้องทนคบเพราะทางบ้านจัดหาให้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ฉันกับญาติเพิ่งจับได้ว่าครอบครัวยัยเฟย์ ตั้งใจเข้าหาเพื่อมาโกงบริษัทของคุณย่าฉัน ตอนนี้เลยตัดขาดกันเรียบร้อย”

“ดีแล้วพี่” รุ่นน้องคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาจากบริเวณกลางห้อง ตามมาด้วยเสียงเห็นด้วยอีกมากมาย ทำเอาคนพูดถึงกับโล่งไปเปลาะหนึ่ง ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด มือซ้ายเอื้อมเข้ากุมมือเล็กของเด็กข้างๆ พอให้บางสายตาเริ่มนึกสงสัย

“จบเรื่องเฟย์แล้ว ฉันเลยอยากสารภาพอะไรหน่อย...”

นิวเงยหน้ามองคนรักตัวเองซึ่งเริ่มมีเหงื่อซึมขึ้นตามขมับ ค่อยๆเพิ่มแรงบีบที่มือเพื่อส่งผ่านกำลังใจและความรู้สึก ทั้งห้องเงียบสนิททันทีที่ศิลป์ยกมือที่กุมกันอยู่นั้นขึ้นกลางอากาศ แทบทุกคนเกิดอาการอ้าปากค้างดวงตาเบิกกว้างหลังจากสิ้นเสียงแถลงไข

“ฉันกับนิว เราคบกันอยู่”

พะภูลอยระบายลมหายใจเบาๆ ทำให้เกมซึ่งกำลังช็อคจับได้ว่าที่นั่งข้างกันอยู่นี่ รู้เรื่องนี้มาตลอดสินะ แต่นั่นยังไม่แย่เท่าเกต์ ซึ่งยกมือชี้หน้าศิลป์ทันที ทั้งที่ขากรรไกรค้างจนพูดอะไรไม่ออก ส่วนตินั้นกลับสงบนิ่ง จ้องลึกเข้าไปภายในดวงตาสีดำสนิทของเพื่อนตรงหน้า ความตกตะลึงแผ่ไปทั่วทั้งห้อง นานมากจนผาต้องรีบทำใจกล้าแทรกกลางปล้องออกมา

“กูคิดแล้ววว!” คนเสียงดังรีบส่งสายขอความช่วยเหลือไปทางเกมซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มสมาชิก ส่วนคนโดนเพ่งเล็งก็เอาแต่ตีหน้าเหลอเหลาพลางชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ แต่ก็ยอมลุกขึ้นตบโต๊ะดังป๊าบ แสงไฟพร้อม แอคติ้งมาเต็ม

“เออใช่! ตอนไปเที่ยวทะเล พี่ศิลป์ถึงอ้างนู้นอ้างนี่ให้ตัวเองได้นอนกับนิวใช่มะ”

“พี่ศิลป์เป็นคนพานิวเข้ากลุ่มด้วยนี่ ก็สงสัยอยู่แล้วเชียว”

คนในกลุ่มที่โดนทั้งเกมและผาส่งสายตามากดดัน รีบยกเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาพูด ทำให้คนอื่นๆเริ่มคุ้ยหาอีกหลายๆเรื่องในความทรงจำขึ้นมาแฉซะจนหมดเปลือก จากบรรยากาศมาคุเมื่อครู่ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าสนุกสนานกันไปหมด ปล่อยให้สองคนด้านหน้ายืนหน้าแดงแข็งทื่อไม่ไหวติง

เกต์ตบหน้าผากตัวเองแรงๆ เหมือนอยากจะโทษความไม่นึกคิด ทำไมถึงดูไม่ออกทั้งที่ศิลป์ก็ชอบทำตัวหลุดวิสัยอยู่บ่อยครั้ง แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ได้อะไรขึ้นมา เลยยอมพยักหน้าให้ทั้งสองคนเป็นสัญญาณแห่งความเข้าใจ ติหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปแตะบ่าผาเบาๆเป็นเชิงขอบคุณ และเดินตรงเข้าไปตบหลังศิลป์เสียงดังตุบ ทำเอาทั้งห้องเงียบกริบอีกครั้ง

“รักกันนานๆ”

คำพูดแสนสั้นจากคนเป็นหัวหน้า เรียกรอยยิ้มคืนมาบนใบหน้าของสมาชิกทุกคน ภายในห้องเล็กๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งมิตรภาพและความรัก แม้จะเศร้ากับการจากลา แต่ทุกวินาทีที่ผ่านมาก็มีค่ามากจนกลายเป็นความสุขเอ่อท่วมหัวใจ

ใครจะรู้ว่ากลุ่มนักเรียนนักเลงอย่างพวกเขา จะมีมุมสดใสอย่างเด็กม.ปลายทั่วไปเหมือนกัน และความสัมพันธ์นี้ มันก็แนบแน่นมั่นคงยิ่งกว่าใครต่อใครเสียอีก...

กล้าพูดได้เลยว่า กลุ่มกีรติ... เป็นกลุ่มที่ดีนะ


----------------------------------------

อหหหห หายไปประมาณ 6 เดือน TT
ฟีลมันกลับมาล่ะ ถ้าเป็นไปได้
อยากแต่งให้จบภายในปีนี้ 55555
ละอีเรื่องเก่าอ่า The missing piece
เฮอร์มิตบอกว่าต่อคิวนานมาก (เกือบลืมไปแล้ว)
กว่าจะเปิดให้จองอาจจะเป็น เมษา ปีหน้าเลยค่ะ ;w;


 :hao5:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 33

 

หลังจากปิดเทอมใหญ่มาไม่ทันข้ามคืน พวกโครงการสอบตรงของพะพายก็ประกาศผลผู้ผ่านการสัมภาษณ์ รับรองการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน และเป็นไปตามคาด พะพายขึ้นโผผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาอย่างไม่ต้องสงสัย พะภูเลยถือโอกาสขอลากลับบ้านไปนอนฉลองกับพี่สาวสองคน พอรุ่งขึ้นรถยนต์คันหรูจากอัครโภคินก็ตามมารับกลับแบบไม่ให้หายใจหายคอ ทำเอาพะพายอดต่อว่ากับความเอาแต่ใจของกีรติไม่ได้

“อีกไม่กี่วัน คณะฉันจะประกาศแล้ว นายต้องคอยอยู่ใกล้ๆ เป็นกำลังใจสิ” คนตัวสูงบ่นอุบ พลางเคล้าเคลียไปตามพวงแก้มขาวของคนในอ้อมกอด บนเตียงขนาดใหญ่ พะภูกำลังสนใจรายการทีวี ขณะเอนตัวลง ซบอกกว้างของติแทนพนักวางหลัง

พอเห็นพะภูไม่สนใจ เลยโน้มหน้าเข้าไปขบใบหูเล็กเบาๆเป็นการแกล้ง มือสองข้างลากผ่านเนื้อผ้าไปตามแผ่นอกบางหวังกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก

“พี่ติ ไม่เอา” คนเด็กกว่าว่าเสียงดุ พยายามแกะมือซุกซนออกจากร่างกาย และเหมือนฟ้าเป็นใจ ส่งให้โทรศัพท์มือถือเครื่องบางของติส่งเสียงดังน่ารำคาญออกมา

ร่างสูงยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยอมลุกไปหยิบมือถือบนโต๊ะขึ้นมาดู พอเห็นว่าใครโทรมาก็รีบกดรับสายและค่อยปลีกตัวออกไปคุยด้านนอก ทิ้งให้แขกนั่งเก็บกำความสงสัยบางเบาเอาไว้ลำพัง ผ่านไปไม่ถึงนาที เสียงมือถือตัวจิ๋วของเขาก็ดังขึ้นบ้าง เห็นเป็นข้อความเข้าจากคนคุ้นเคย พอเปิดอ่านก็ถึงกับยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่ได้

‘สอบติดแล้วนะ พาไปเลี้ยงไอศกรีมเลย ^^ (พี่ธร)’

นิ้วเรียวรีบกดพิมพ์ข้อความตอบกลับ ลืมเรื่องของติไปชั่วขณะ ตอนนี้มีแต่ความยินดีปรีดาไปกับความสำเร็จของรุ่นพี่ที่เขาเองก็นึกเคารพอยู่ไม่น้อย รู้สึกเข้าใจถึงความสุขเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากขึ้นกว่าเดิม จากที่ต้องเหน็ดเหนื่อย พยายาม ต้องมุ่งมั่น ตั้งใจ และฝ่าฟันการแข่งขันกับใครมากมาย สุดท้ายมันก็คุ้มค่ากับทุกอย่าง จริงๆสินะ

‘ยินดีด้วยครับ เดี๋ยวขอพี่ติก่อน จะโทรไปบอกอีกทีนะ’

ติ๊ด

รีบกดรีโมทปิดเสียงทีวี เพื่อมานั่งใช้ความคิด หาทางหว่านล้อมให้ติยอมปล่อยตัวเขาไปหาธรสักสองสามชั่วโมง แต่พอทั้งห้องเงียบลง จึงได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ด้านนอกแว่วเข้ามาชัดเจนกว่าเดิม แม้ไม่อยากสอดรู้สอดเห็น แต่ก็ยังได้ยินอยู่ดี

“ตอนนี้ผมก็พยายามใกล้ชิดเขาให้มากที่สุด จะได้ตายใจ”

“อาก็รู้ว่าผมเต็มใจจะช่วย”

“ผมยอมแลกได้อยู่แล้ว ขอให้ไว้ใจผมเถอะ... ผมจะช่วยอาจับเขาให้ได้”

“ครับ สวัสดีครับ”

พอไม่ได้ยินเสียงคุยต่อ พะภูก็รีบกดเปิดทีวีกลับขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องลนลานแบบนี้ด้วย อาจเพราะว่าไม่อยากให้รู้ว่าเขาแอบได้ยินเรื่องที่คุยกัน แม้ว่าจะไม่เข้าใจก็ตาม แต่นั่นก็คือการเสียมารยาท

“ม..มีอะไรเหรอครับ?”

“ไม่มีอะไร”

ติตอบแบบไม่ใส่ใจ ก่อนจะย้ายตัวเองกลับมานั่งซ้อนหลังพะภูเหมือนเก่า เกยคางมนอยู่บนศีรษะเล็กอย่างสบายใจ ทำให้คนข้างหน้าต้องรีบสะบัดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกไปจากหัว ตอนนี้ควรคิดว่าจะทำยังไงให้ติอนุญาตเรื่องธรมากกว่า

“เอ่อ พี่ติ...”

“หึ?”

“พี่ธรสอบติดแล้วนะครับ” โพล่งออกมาอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาคนฟังถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ชักสังหรณ์ว่าจะมีเรื่องน่าหงุดหงิดให้ต้องแสบใจเล่นอีกแล้วสิ

“อือ แล้วไง” น้ำเสียงห้วนขึ้นทันที

“ผมขอออกไปเจอพี่เขาหน่อยได้ไหม..?” ค่อยๆหันไปช้อนตาใส่อย่างออดอ้อน เสียงใสอ่อยลงเหมือนไม่แน่ใจนัก กลัวน่ะกลัว แต่เขาก็อยากทำอะไรๆอย่างบริสุทธิ์ใจไว้ก่อน

“โทรไปก็พอ ตอนนี้แหละ”

“โธ่ พี่ติ แค่วันเดียวเอง ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีสักหน่อย” พะภูเริ่มโอด ก่อนพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้าอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา มือเล็กทั้งสองข้างรั้งเสื้อของติไว้แน่น พยายามส่งสายตาขอความเห็นใจออกไป

“งั้นฉันไปด้วย”

“พี่ธรคงยอมหรอก..”

บ่นเสียงแผ่ว พลางยื่นปากอย่างไม่พอใจ จนคนตัวใหญ่นึกหมั่นเขี้ยว ต้องหยิกแก้มป่องๆนั่นไปที ก่อนเลื่อนมือหนาไปพักลงบริเวณสะโพกมนสวย ทำเป็นมองทีวีเหมือนมีอะไรน่าสนใจนักหนา ส่วนทางด้านพะภูก็ยังไม่ถอดใจ รีบขยับตัวเข้าซบลงกับแผงอกกว้างด้วยท่าทีออเซาะแบบที่ไม่มีวันทำกับใครคนไหน

“ผมไปทานไอศกรีมกันแถวโรงเรียนนี่เอง ในร้านมีคนตั้งเยอะ ใช่ว่าอยู่กันสองต่อสองซะเมื่อไร ไม่เห็นต้องห่วงเลย น้า~”

พยายามเอ่ยปากอธิบายเสียงหวาน พลางเขย่าแขนแกร่งไปด้วยอย่างรบเร้า ติเองก็ยังเอาแต่จับจ้องไปที่จอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ด้วยรู้ดีว่า ถ้าเผลอหันมองคนในอ้อมแขนเมื่อไร เป็นต้องยอมใจอ่อนเผลอไผลไปด้วยทุกที ถึงพะภูจะไม่คิดอะไร แต่ไอ้ธรน่ะคิดแน่! แค่ปลายตามองหน่อยเดียวก็เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว อย่างมันน่ะ คิดจะง้าบพะภูอยู่แน่นอน

“พี่ติอ่า! ไม่รู้ด้วยแล้ว ยังไงผมก็จะไป”

พอโดนเมินใส่ เลยคิดจะไม่สนใจบ้าง รีบลุกออกห่างจากคนขี้ระแวงโดยไม่ลืมจะฝากหมัดเล็กๆเอาไว้กลางหน้าท้องแข็ง ทำเอาติจุกจนตัวงอ ตวัดสายตาโกรธเคืองเข้าใส่ เพื่อพบว่าอีกฝ่ายก็กำลังจ้องเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดไม่แพ้กัน

“ก็หวงนี่” ท่าทางชักไม่ดี สงสัยต้องใช้ไม้อ่อนเข้าประโลมไว้ก่อน ถ้าโดนพะภูโกรธขึ้นมาจริงๆเดี๋ยวจะแย่เอา เพราะรู้แก่ใจดีอยู่ ว่าสุดท้ายแล้วคนที่ต้องแพ้ก็คือเขาเอง

ร่างบางทำเป็นสะบัดหน้าหนี ทันทีที่ติขยับเข้ามาโอบเอวเขาไว้หลวมๆ จมูกโด่งไล้ตั้งแต่ใบหูจนถึงหัวไหล่มน ทำให้คนตัวเล็กต้องส่งเสียงปรามอยู่ในลำคอ ก่อนจะผละตัวออกด้วยท่าทีกระเง้ากระงอดอย่างเห็นได้ชัด คนถูกผลักไสใจหายวูบ จนแล้วจนรอดก็ต้องยอมเอ่ยปากอนุญาตด้วยว่าไม่อยากถูกเมินตลอดแบบนี้ ถึงจะไม่เห็นด้วยอย่างแรงก็เถอะ

“ป..ไปก็ได้ ยอมให้ไปแล้ว อย่างอนนะ”

นิ้วเรียวสะกิดไหล่คนตัวเล็กให้หันกลับมามองหน้ากันเป็นการหยั่งเชิง ก้อนหนืดๆถูกกลืนลงคออย่างรีรอ เมื่อพะภูยังคงเอาแต่ตีสีหน้าบูดบึ้ง จำใจต้องย้ำให้ฟังอีกรอบเพื่อความชัดเจน

“นายจะไปหาไอ้ธรก็ได้”

“.....”

เงียบไปสักพักพอให้คนตัวใหญ่ได้ลุ้นจนตัวโก่ง ก่อนจะยอมเผยยิ้มกว้างออกมา พร้อมกระโจนเข้ากอดรัดเอวแข็งของเขาอย่างกับเด็กโดนตามใจ ทำเอาเผลอยิ้มตามไปด้วยกับท่าทีน่ารักของคนตรงหน้า เห็นไหมล่ะว่า ยังไงเขาก็ต้องแพ้ เฮ้ออ..

“พี่ติน่ารักที่สุดเลย”

เมื่อพอใจแล้วก็กลับมาเป็นลูกหมาเซื่องๆ ขี้ออดขี้อ้อนเหมือนเก่า นอกจากเอ่ยหยอดคำหวานให้ร่างสูงได้ชื่นใจแล้ว ยังยืดคอขึ้นหอมแก้มติอีกฟอดใหญ่ แก้มขาวๆแดงเรื่อขึ้นมาจากความดีใจอีกทั้งขวยเขิน เพราะถ้าไม่ยอมทำถึงขนาดนี้ เดี๋ยวอีกฝ่ายเกิดเปลี่ยนใจไม่ให้ไปขึ้นมาก็แย่สิ นี่ถือเป็นรางวัลที่ยอมตามใจก็แล้วกันนะ

“ใครน่ารักกันแน่..” คนโดนขโมยหอมหมาดๆบ่นเสียงเรียบ ก่อนโยนตัวพะภูลงราบกับเตียง และตามเข้าประกบปากอย่างนึกหมั่นเขี้ยวในความออเซาะเมื่อครู่ แล้วจะทำให้รู้ ว่าริอ่านมายั่วกีรติแล้วจะเจออะไร

“อื..มม”

ภายในห้องนอนหรูหรา มีเสียงจากโทรทัศน์ดังแข่งกับเสียงดูดปากอย่างเร่าร้อนของคนสองคนนานหลายนาที แทบจะลืมไปเลย ว่าก่อนหน้านี้ยังเล่นเป็นพ่อแง่แม่งอนกันอยู่ ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังจมดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ คนด้านบนก็กำลังคิดหนักในหัว ว่าจะจัดการกับการพบกันของพะภูและธรยังไง...

 

“เข้าไปในร้านแล้วครับ”

(ตามเข้าไป)

“ครับ”

เด็กผู้ชายเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนรีบดึงชายเสื้อของชายตัวใหญ่อีกคนเข้าไปในร้านไอศกรีมชื่อดังแถวโรงเรียน ตามคำสั่งของอดีตหัวหน้ารุ่นพี่ ที่บอกมาว่าให้ตามดูพะภูกับธรในวันนี้ไว้ให้ดี บทขี้หึงขี้หวงเนี่ยไม่เป็นรองใครเลยจริงๆ แต่คนที่เดือดร้อนทำไมเป็นเขาทุกที! ถ้าคราวนี้เกิดถูกจับได้ นอกจากจะโดนติแหวใส่แล้ว อาจจะถูกเพื่อนต่างโรงเรียนอย่างพะภูโกรธเอาอีก เพราะงั้นถึงต้องลากตัวศิลป์ให้มาร่วมชะตากรรมด้วยกัน ให้รู้ไว้ซะบ้างว่าการทำหน้าที่หน่วยสอดแนมของกลุ่มน่ะมันไม่ง่าย!

“บอกไว้ก่อนว่าผมไม่มีเงินนะ” เสียงพะภูดังขึ้น จังหวะเดียวกับที่นิวและศิลป์หาที่นั่งได้จากโต๊ะตัวใกล้ๆ แต่ทว่าอยู่ในมุมหลบสายตาอย่างพอดิบพอดี แอบเห็นธรหัวเราะออกมาท่าทางน่าขนลุกยิ่งนัก สาบานได้ว่าไม่มีทางได้เห็นภาพแบบนี้ในเวลาปกติเป็นแน่

“งั้นสั่งที่เดียว มากินด้วยกันไหม?”

“ก็ดีครับ” คนกระเป๋าแห้งยิ้มแหย และรับหนังสือเมนูมาจากพนักงานสาว

ร้านนี้คือสถานที่ที่ธรเคยบังคับลากถูเขามาอยู่บ่อยๆช่วงหนึ่ง และก็เป็นต้นเหตุทำให้มีภาพหลุดออกไปทางเฟซบุ๊กเมื่อคราวนู้นด้วย ครั้งนี้เขาเองก็แอบเตรียมใจไว้บ้างแล้วกับการเข้าใจผิดที่อาจมีตามมา เพราะแถวนี้น่ะ ไม่พ้นหูพ้นตาพวกเด็กธารวิทยากับวิไลวิทย์นักหรอก ถ้าจะมีใครผ่านมาเจอแล้วตีความเป็นอื่นไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งเดียวที่ต้องการคือความเชื่อใจจากติเท่านั้นแหละ

“ผมเอาสตรอเบอรี่ ส่วนพี่ธรก็...วานิลลา?”

“รู้ใจ”

ธรยิ้มแซว ก่อนถือวิสาสะเอื้อมเข้าหยิกแก้มเด็กตรงหน้าอย่างเบามือ เล่นเอาคนในร้านซึ่งกำลังลอบมองอยู่ ต้องรีบเบือนหน้าหลบด้วยความเขินอายไปตามๆกัน ผิดจากคนโดนแกล้งที่ทำได้แต่หัวเราะฝืนๆ และขืนตัวหนีเล็กน้อย ส่วนศิลป์กับนิวก็ถึงกับเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าธรจะกล้าถึงเนื้อถึงตัวพะภูขนาดนี้ ทั้งที่รู้ดีว่าเป็นของของใครแท้ๆเชียว แบบนี่สิถึงได้น่าเป็นห่วง

“ท็อปปิ้งสามอย่างค่ะ” พนักงานบอก พร้อมผายมือไปทางอีกหน้าหนึ่งของเมนู พะภูกับธรช่วยกันไล่สายตาไปสักพัก ก่อนจะได้ข้อตกลงสุดท้าย

“ช็อกโกแลต วิปครีม กับอัลมอนด์ครับ”

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” หนังสือเมนูถูกเก็บกลับ หลังจากที่จดรายการตามสั่งเรียบร้อยแล้ว คิดอยู่ตั้งนานสุดท้ายก็เลือกแต่พวกเบสิคจนได้สิน่า

“แล้วนี่คิดเรื่องมหา’ลัย รึยัง?” ธรชวนเปิดประเด็นเครียด เล่นเอาพะภูถึงกับถอนหายใจยาวเหยียด ใช่สิ ตัวเองโล่งแล้วหนิ สอบติดคณะดีๆที่ดังๆไปแล้ว ตอนนี้คนที่สมควรคิดมากน่ะเขาเอง!

“คิดแล้วแต่คิดไม่ออก”

“เหรอ ไม่เป็นไรหรอก ค่อยๆตัดสินใจ”

“พวกพี่เนี่ย ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้เลย” ทั้งที่เป็นแค่คุณชายนักเลง ที่เอาแต่คอยหาเรื่องต่อยตี แถมหนีเรียนประจำ แต่ทำไมถึงได้สอบติดกันด้วยคะแนนสูงลิ่วทั้งนั้นก็ไม่รู้ แบบนี้ตัวเขาที่ท่องตำราแทบเป็นแทบตายก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้โง่คนหนึ่งเลยสิ คิดแล้วชักหงุดหงิดแฮะ อิจฉาจริงว้อยย

“อ้าว อย่าดูถูกสิครับ”

“ดูผิดมากกว่า”

พะภูบ่นอุบ ก่อนหลุดหัวเราะออกมา ไม่นานนัก ของหวานสุดโปรดก็เสิร์ฟถึงที่ หน้าตาน่าทานจนน้ำลายแทบเยิ้ม และดูเหมือนจะยั่วคนใกล้ๆแถวนี้ให้ทนไม่ได้ตามไปด้วย นิวถึงรีบยกมือขอเมนูมาสั่งอะไรทานบ้างเพื่อฆ่าเวลา

“แต่ไม่คิดว่านายจะออกมาได้นะ เห็นว่าถูกขังอยู่ในปราสาทอัครโภคินไม่ใช่หรือไง?” คนตัวใหญ่พูดติดตลก พลางตัดไอศกรีมคำหนึ่งยื่นให้เด็กตรงหน้าอย่างขอร้องแกมบังคับ พะภูเลยต้องยอมเปิดปากรับป้อนอย่างเก้กัง ก่อนตอบกลับคำถามเมื่อครู่ยาวเหยียด

“ก็เกือบไม่ได้แล้ว ขอร้องอยู่ตั้งนาน จนโกรธกันนิดหน่อยด้วย แต่พี่ติก็ยอมอ่อนข้อให้จนได้แหละ พี่ธรเองก็น่าจะทำดีกับพี่ติไว้นะ เอาแต่เขม่นกัน แบบนี้พี่ติไม่มีทางเชื่อหรอกว่าพี่ไม่ได้เลวร้ายน่ะ” แล้วมันก็ลำบากคนกลางอย่างเขาเอามากๆเลยด้วย!

“ท่าจะยาก”

“ก็ลองดูก่อนสิ เอ้อ ว่าแต่...ใครขึ้นมาคุมกลุ่มธัญธรแทนเหรอครับ?”

“น้องชายฉันเองอะ”

“อ๋อออ.....ห๊ะ!?” พะภูหันขวับเมื่อเสร็จสิ้นการประมวลผลคำว่า ‘น้องชาย’ เขาไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลยว่าธรมีน้องด้วย อาจจะเพราะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นล่ะมั้ง แต่ก็เหนือความคาดหมายนิดหน่อยแฮะ

“ลูกคนละแม่น่ะ ย้ายไปต่างประเทศตั้งแต่ม.ต้น แต่เพิ่งได้ฤกษ์กลับมา เพราะพ่อไม่ค่อยสบาย” คนโตกว่าค่อยๆเล่ารายละเอียดด้วยท่าทีสงบนิ่งผิดจากปกติ น้ำเสียงห้าวที่ฟังดูหยิ่งยโส ตอนนี้กลับแผ่วปลายเสียจนคนฟังใจคอไม่ดี

“คุณพ่อพี่ธร...เป็นอะไรมากเหรอครับ?”

“ไม่เป็นไรหรอก” พยายามฝืนยิ้ม ด้วยไม่อยากให้บรรยากาศดีๆที่หาได้ยากต้องสลายไป ก่อนจะลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู เหมือนอยากจะขอบใจในความเป็นห่วง

คนตัวเล็กเลือกที่จะไม่ขัดขืน แถมยังออกตัวป้อนไอศกรีมคำต่อไปให้ธรอีกต่างหาก คนใกล้ซึมเมื่อสักครู่เลยมีแรงกลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง มันคงดูน่าขำจริงๆ ที่คนอย่างเขาซึ่งเคยเที่ยวเล่นไปกับใครต่อใครมากหน้าหลายตา ยอมเสียเวลาเพื่อเด็กตรงหน้าคนเดียว ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกัน...เขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าความประทับใจนั้นมันจะพัฒนาขึ้นมาง่ายดายถึงเพียงนี้...

อีกด้านหนึ่งของร้าน นิวกับศิลป์เริ่มตีหน้าซีด ไม่มีอารมณ์รับประทานของหวานบนโต๊ะอีกต่อไป เพราะภาพเมื่อครู่ ดูจากสายตาคนนอกแล้ว มันคล้ายกับคู่รักเสียจริง ให้ตายเถอะ! นึกไม่ออกเลยว่าถ้าติมาเห็นจะเกิดอะไรขึ้น งานนี้ได้มีคนเจ็บไม่ก็น้ำตาร่วงแน่

“พ..พี่ศิลป์ เอาไงดีอะ?”

“เงียบไว้ละกัน มันคงไม่มีอะไรหรอก”

“ก็ต้องไม่มีอะไรอยู่แล้ว แต่พี่ติคงไม่เชื่ออะเนอะ”

“อือ เพราะงั้นก็ไม่ต้องบอก”

นิวพยักหน้ารับรู้ ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเล่น พยายามไม่ใส่ใจอะไรนัก เวลาผ่านไปสักพัก ไอ้เรื่องที่ว่าจะไม่เกิดมันก็เกิดจนได้ เมื่อวิดีโอหนึ่งถูกแชร์ต่อกันภายในโซเชียลมีเดีย เพียงไม่กี่นาทีที่แล้วนี่เอง นิ้วเรียวเล็กเลื่อนไปกดปิดเสียงโทรศัพท์ ก่อนกดเปิดวีดิโอที่ว่าขึ้นมาดูเงียบๆ ปรากฏภาพธรกับพะภูตั้งแต่เริ่มหาที่นั่งภายในร้านจนถึงฉากเมื่อสักครู่ ความยาวร่วม 20 นาที โดยมีจำนวนคนดูแล้วไม่ต่ำกว่า 500 คน ในเวลาเพียงแค่น้อยนิดนั้น! ชักจะมากไปแล้ว!!

คนตัวเล็กรีบยื่นโทรศัพท์ในมือให้ศิลป์ดูต่อ ก่อนจะไล่กวาดสายตาไปรอบๆบริเวณร้านเพื่อหาต้นตอของวีดิโอดังกล่าว แต่ท่าทางจะเป็นเรื่องยาก เมื่อเห็นกลุ่มสาวๆหลายคนกำลังจับจ้องไปทางธรกับพะภูเป็นสายตาเดียว ไม่สามารถบ่งชี้ได้เลยว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวการของความร้าวฉานที่อาจเกิดขึ้น เดาว่าพวกเธอไม่มีความตั้งใจแบบนั้น แต่บางครั้ง การทำอะไรสนองใจตัวเองแบบไม่ยั้งคิด ก็อาจทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้เหมือนกัน อย่างเช่นครั้งนี้ ซึ่งเริ่มมองเห็นเค้าลางไม่ดีมาแต่ไกลๆแล้ว

 “เก็บเงินด้วยครับ” ยังคิดทางแก้ไม่ออก เสียงธรก็ดังขึ้น ก่อนที่พนักงานจะเดินเข้ามาหา ตั้งท่าว่าจะกลับกันแล้ว แบบนี้มีหวังทำได้แค่ภาวนาให้ติไม่เห็นคลิปบ้าๆเมื่อกี้ด้วยเถอะ ขี้หึงขนาดนั้นมีหวังคิดเองเออเองจนองค์ลงอีกแน่

สายตาหวาดหวั่นจับจ้องไปยังคนรักเบื้องหน้าเหมือนต้องการขอคำแนะนำบางอย่าง แต่ดูเหมือนศิลป์เองก็จนปัญหา ได้แต่เหลียวหลังมองสองคู่กรณีเดินพ้นไปจากประตูร้านกระจกใส ก่อนพยักหน้าให้เด็กอีกคนรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวต่อไป จากประสบการณ์ความเป็นเพื่อนติมานาน เขารู้ได้เลยว่าติจะต้องโมโหและไม่ฟังใครในสการณ์แบบนี้ สิ่งที่ทำได้ก็คงมีแค่คอยตามไปช่วยเหลือห่างๆเท่านั้น

 

“วันนี้ ขอบใจมากนะ”

ธรลูบหัวพะภูอีกครั้งอย่างย่ามใจ ก่อนจะโบกมือให้เด็กที่กำลังเปิดประตูลงจากรถคันหรูของตน ความจริงก็อยากรอส่งให้แน่ใจ แต่ถ้าต้องมาเจอหน้าอริหมายเลขหนึ่งในถิ่นของฝ่ายนั้น คาดว่าจะยับยั้งความเกลียดชังในใจไม่ไหว เลยขอตัวก่อน

เมื่อธรขับรถออกห่างจนลับสายตาแล้ว พะภูจึงเดินตรงไปกดกริ่งหน้าประตูรั้วขนาดใหญ่ รออยู่สักพักก็เห็นพี่แม่บ้านสองคนเดินก้มหน้าก้มตา ยกสัมภาระทั้งหมดของเขาลงมากองอยู่บนพื้น สีหน้าท่าทางไม่เต็มใจนัก ไม่ทันมีใครได้เปิดปากถามหรืออธิบาย นายน้อยของบ้านก็กระแทกเท้าตึงตังออกมา ไม่เก็บซ่อนความเดือดดาลในใจไว้เลยแม้แต่น้อย

“นี่มันอะไรครับ?” กลั้นใจถามออกไปด้วยท่าทีงุนงง ติไม่ตอบ เพียงแต่หันไปไล่คนรับใช้ทั้งสองให้กลับเข้าบ้าน ก่อนปรายสายตาดุดันมาทางเจ้าของคำถามเมื่อครู่ มือสองข้างกำหมัดแน่นเหมือนต้องการระงับอารมณ์

“หวานกันจนไอศกรีมขมเลยมั้ง”

“หะ?”

“ก็คิดว่านายจะรักษาเนื้อรักษาตัวซะบ้าง แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นฝ่ายให้ท่าเสียเอง!”

“พี่ติพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ!?” พะภูเริ่มขึ้นเสียงบ้างเมื่อถูกปรามาสคำโต หากแต่ยิ่งสร้างความปั่นปวนให้กับอีกฝ่าย จนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา

“มีคนส่งคลิปพวกนายสองคนวันนี้มาให้..”

“ว่าไงนะ?”

“เดี๋ยวหยิกแก้ม เดี๋ยวลูบหัว เดี๋ยวป้อนไอศกรีม ท่าทางมีความสุขนักนี่! ถ้าอย่างนั้นก็ไปอยู่กับมันเลยแล้วกัน!!” สิ้นเสียงกระแทกกระทั้น กระเป๋าใบหนึ่งก็ถูกเตะอย่างแรงมากองอยู่แทบเท้าคนตัวเล็ก ซึ่งได้แต่มองตามการกระทำไร้เหตุผลของร่างสูง น้ำใสๆเริ่มคลอขังอยู่ภายในดวงตากลมคู่สวย ซึ่งบัดนี้กลับหม่นหมอง อยู่ๆจะลากตัวมาก็พามา อยู่ๆจะไล่ให้ไปก็ถีบส่งกันแบบนี้ นี่เหรอคนรักกัน!? ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเลย กีรติ!!

“พี่จะไม่ให้ผมอธิบายเลยใช่ไหม...”

“เห็นอยู่ทนโท่ ยังต้องอธิบายอะไรอีกเหรอ”

“เฮ้ย! ไอ้ติ” ไม่ทันจะโต้เถียง เสียงทุ้มของศิลป์ก็ดังขึ้นด้านหลัง มีนิวยืนหอบฮั่กอยู่ใกล้ๆ ทั้งสองคนตั้งท่าจะช่วยแก้ตัว แต่กลับถูกสายตามาดร้ายของคนเป็นหัวหน้ากดไว้ จนพูดอะไรไม่ออก

“เด็กที่วิ่งไล่ตามผู้ชาย...มันก็ใจง่ายแบบนี้เองสินะ”

“พี่ติ!!”

เพียะ!

คนตัวเล็กแผดเสียงดังลั่น ก่อนยืดแขนขึ้นตบหน้าติรุนแรงจนคนที่เหลือถึงกับสะดุ้ง น้ำตาหยดใสไหลลงอาบแก้มแดงก่ำด้วยความโกรธ ศิลป์รีบเรียกสติคืนและตรงเข้าปรามเพื่อนสนิท ไม่ให้ตอบโต้อะไรกลับไป

“พะภู ไปก่อนเถอะ” นิวรีบสะกิดเสียงสั่น ก่อนก้มตัวยกกระเป๋าสัมภาระบนพื้นขึ้นมา และดันหลังให้คนสะอื้นเดินออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ไม่ไกล

แอบเห็นสายตาถมึงทึงด้วยความกราดเกรี้ยวไม่ต่างกัน ปรากฏอยู่บนใบหน้าของทั้งสองฝ่าย กีรตินะกีรติ...ปล่อยให้อารมณ์หึงหวงเข้าครอบงำจนทำร้ายใจคนที่รักที่สุดไปแล้ว อย่าเป็นฝ่ายมานั่งร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่าทีหลังแล้วกัน

-------------------------------------------

หลังจากนี้จะทยอยแต่ง ทยอยลงให้จบนะคะ

 :katai4:

ออฟไลน์ NOPKAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-1
อ่านทันแล้วววววววววว อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ T^T

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด