ตอนที่ 42ธันว์ “หวัดดีครับ...สวัสดีครับ... สวัสดีค่ะอาหมอ สวัสดีค่ะเจ็กธี อาเจ็กยังหล่อไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
“หวัดดีเด็กๆ หนูนลินเข้าใจพูด แต่มันคือเรื่องจริง ฮ่าๆ วันนี้เต็มที่เลยนะเด็กๆ อาหมอเค้าเลี้ยง...ขอบคุณครับเฮีย”
เจ็กธีรูปหล่อของผมยิ้มปลื้มอารมณ์ดีใหญ่เชียว หลังถูกไอ้นลินเอ่ยชมซึ่งๆหน้า ก่อนอาเจ็กจะหันมาขยิบตาใส่ผมและเพื่อนๆอย่างขี้เล่น ยามเอ่ยถึงเจ้ามือของมื้อนี้ และมีหันไปขอบคุณคนเลื่อนเก้าอี้กิตติมศักดิ์ดีกรีดอกเตอร์ ด้วยเสียงนุ่มๆพร้อมยิ้มเต็มหน้า ทำเอาไอ้นลินถึงกลับปิดปากกรี๊ดเบาๆออกมา ก่อนหันไปซุบซิบกับยัยธารณ์ที่นั่งข้างผมเสียงเบาด้วยความอัดอั้นเต็มกำลัง
“น้องธารณ์ อาหมอภีมนี่สุภาพบุรุษเนอะ เทคแคร์เจ็กธีดีแบบนี้ตลอดเลยเหรอคะ” คุณอาทั้งสองไม่ได้รู้ตัวครับว่าโดนไอ้ผู้หญิงซ่าแอบพูดถึงอยู่ ด้วยตอนนี้อาเจ็กธีกำลังก้มดูรายการอาหารเล่มเดียวกับอาหมอภีม
“ใช่ค่ะเจ๊ ตั้งแต่ธารณ์จำความได้นะ อาหมอภีมเอาใจเจ็กธีแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยน ธารณ์ล่ะอิจฉาอยากมีแบบนี้บ้างจัง...เฮียธันว์ไม่ต้องยิ้มเลย” ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน แล้วทำไมหวยถึงออกที่ผมได้ครับ
ผมที่นั่งฟังสาวๆคุยกันแบบเงียบๆไม่มีปากเสียงตั้งแต่เข้ามานั่งในร้านนั้น จึงชี้นิ้วจิ้มอกตัวเองและเลิกคิ้วใส่ยัยน้องสาวจอมแสบ ที่หันมาหาเรื่องกันด้วยสีหน้างอนๆปากยื่นๆ จนน่าจับบิดไปมานักเชียว ก่อนผมจะถามออกไปว่าประเด็นนี้ผมเกี่ยวอะไรด้วย
“เกี่ยวสิคะ เพราะเฮียธันว์ก็มีคนตามใจขั้นเทพ ในแบบที่ธารณ์โคตรอิจฉาน่ะสิคะ...จริงมั้ยคะเจ๊เหมยอิง ทำไมธารณ์ถึงไม่มีคนแบบอาหมอภีม หรือเฮียหลี่ผิงมาจีบมั่งอ่ะ...คิกๆ” เต็มที่เลยครับน้องสาวที่รัก อยากแซวอะไรอาเฮียสุดที่รักก็แซวได้เต็มที่เลย
เมื่อครู่ยัยธารณ์ยังหน้าบึ้งเป็นตูดเป็ด ทีตอนนี้ล่ะหัวเราะร่าปากกว้างยิ่งกว่าดอกเยอบีร่าที่ปักอยู่บนโต๊ะ ไปพร้อมๆกับคู่หูต่างวัยอย่างไอ้นลินและเจ๊เหมยอิงคนสวยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมยกมือยีหัวน้องสาวตัวแสบด้วยความมันเขี้ยว จนน้องร้องโวยวายออกมาแบบไม่คิดห่วงสวยสักนิด ทำให้ผู้ร่วมโต๊ะที่เหลืออย่างคู่อาภีมเจ็กธีและคู่ไอ้นนไอ้พี่เบส มองมาอย่างให้ความสนใจ ซึ่งผมต้องรีบลดมือลง
เมื่อคนที่เป็นต้นตอความอิจฉาผมของยัยธารณ์ครั้งนี้ หัวเราะเสียงทุ้มหูคลอเบาๆ ก่อนจะปรามผมออกมาไม่ให้แกล้งน้อง และมีแอบแต๊ะอั๋งผม ด้วยการดึงมือข้างนั้นของผมไปกุมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมจึงหันมายู่หน้าไม่พอใจเข้าใส่เฮียหลี่ผิง
“ฮึๆ อย่าแกล้งน้องครับ โตแล้วนะเรา แถมโตจนแต่งงานได้แล้วด้วย...จริงมั้ยครับ”
“จริงค่ะ ฮิๆ” คนตอบน่ะไม่ใช่ผมอยู่แล้ว แถมยังหัวเราะน้ำเสียงบาดหูใส่พี่ชายอย่างผมอีก รู้แบบนี้ผมเอาตาธรณ์มาปราบพี่สาวตัวแสบด้วยซะก็ดี เพราะยัยธารณ์แพ้ทางน้องชายคนเล็ก ชนิดที่ว่าพี่ชายคนโตอย่างผมยังงง
หลังจากผมตวัดส่งสายตาดุๆใส่ยัยธารณ์ ซึ่งไม่เคยได้ผลแล้ว เพราะน้องยังยิ้มยียวนใส่ผมได้อย่างน่าหมั่นไส้ ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเอาเรื่องคนของตัวเองแทน อย่างการกำราบพญามังกรด้วยการเรียกชื่ออาเฮียเสียงแข็ง
“เฮียหลี่ผิง! ใครกันแน่ที่ขี้แกล้ง เดี๋ยวธันว์ไม่ยอมโตซะเลย จะได้ไม่ต้องแต่ง ชิ!” คุณว่าดีมั้ยครับ ผมจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับไอ้เฮียขี้แกล้งคนนี้ เอาให้แห้งเหี่ยวอยู่คนเดียวซะเลย
ผมกระตุกยิ้มเย้ยใส่ตาเฮียหลี่ผิงที่ตาค้างไปแล้ว ด้วยอาเฮียคงไม่คิดว่าผมจะตอบกลับแบบนี้ ปฏิกิริยาตอบรับจากประโยคของผมคือ เสียงหัวเราะโห่ฮาจากน้องจากเพื่อนไม่เว้นแม้แต่พี่สาวคนสวย
ส่วนคนเป็นอาทั้งคู่แม้จะไม่ได้หัวเราะเสียงดังอะไรนัก แต่ก็ส่งยิ้มล้อเลียนให้หลานอย่างผมได้เริ่มทำตัวไม่ถูกน่ะสิครับ ผมก็ว่าเลือกประโยคตอบโต้เด็ดๆแล้วเชียว แล้วทำไมทุกคนถึงทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเด็กอย่างงี้ล่ะ
ผมเหล่มองเฮียหลี่ผิงอีกครั้ง และก็ต้องแปลกใจเพราะมาเฟียรูปหล่อ กลับมาส่งยิ้มหวานตาพราวใส่ผมได้อีกครั้งแล้ว จนผมเริ่มระแวง แถมประโยคต่อมายิ่งยืนยันได้ว่า หากผมคิดจะต่อกรกับพญามังกรตัวนี้ ผมคงต้องกลับมาฝึกวิทยายุทธอีกหลายกระบวนท่าเลยเชียวล่ะ
“น้องธันว์เป็นเด็กแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ครับ เฮียจะได้มีแฟนเด็กตลอดเวลา และถึงน้องธันว์จะไม่ยอมโต เฮียก็จะจับแต่งทั้งอย่างนี้นี่แหละ ไม่อยากรอไปกว่านี้แล้ว”
คุณอย่าได้ถามว่าหลังประโยคนี้ทั้งเพื่อนและน้องจะโห่ดังแค่ไหน เอาเป็นว่ามันดังกว่าครั้งแรกอ่ะครับ รู้งี้ผมไม่ชวนไอ้เพื่อนสนิทและยัยธารณ์มาทานอาหารมื้อนี้ซะก็ดี เพราะสร้างความอับอายให้ผมชะมัด ดูสิ! โต๊ะอื่นหันมามองกันให้พรึ่บ คงสงสัยล่ะครับว่าใครปล่อยลิงปล่อยค่างเข้ามาในร้านหรูขนาดนี้
ใช่แล้วครับ คุณฟังไม่ผิดหรอกที่มื้อนี้พวกเราอยู่ในร้านอาหารสุดหรู แทนที่จะเป็นผับชิกๆสักที่ ตามที่ผมได้จินตนาการไปล่วงหน้า เมื่อได้ยินคำชวนของอาเจ็กธีว่าจะต้อนรับผมกลับไทย ด้วยการพาผมมาเปิดหูเปิดตา ซึ่งผมมีอาการผิดหวังเล็กๆ ยามรู้จุดหมายเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตอนที่อาเจ็กธีโทรมาบอกด้วยเสียงเซ็งๆ คงไม่ต้องเดาว่าผู้ที่กำหนดสถานที่นั้นคือใคร ถ้าไม่ใช่อาหมอสุดหล่อขี้หวงของผมผู้ที่เป็นเจ้ามือครั้งนี้
แต่ในเวลาต่อมาผมก็มีอาการหมั่นไส้ขึ้นมาแทนที่ ยามหันมาบอกเฮียหลี่ผิงถึงกำหนดการและสถานที่ของมื้อเย็น ด้วยอาเฮียถึงกลับยิ้มกว้างด้วยความถูกใจทันที เพราะตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลด้วยกัน ท่านมาเฟียใหญ่มีบ่นน้อยๆและออกอาการตื๊อหน่อยๆมาตลอด ว่าไม่อยากให้ผมออกไปเที่ยวคืนนี้ อยากให้พักผ่อนอยู่บ้านมากกว่า คงเพราะเกรงใจคนชวนอย่างอาเจ็กธี ไม่เช่นนั้นมาเฟียขี้บังคับคงแผลงฤทธิ์สั่งห้ามผมแล้วเหอะ
ในความเป็นจริงการอยู่บ้านไม่ใช่การพักผ่อนเสมอไป อย่างเมื่อคืนขนาดว่าเราเพิ่งเดินทางถึงไทย ผมยังโดนท่านมาเฟียใหญ่จับกินตั้งแต่หัววันด้วยซ้ำ
“ทานแซลมอนรมควันมั้ยครับ เฮียจำได้นะว่าเป็นของโปรดน้องธันว์ อืม ถ้าไม่อยากทานจะเปลี่ยนเป็นพวกสเต็กแทนก็ได้เอามั้ย” คำถามที่มาพร้อมความอบอุ่นจากมือหนาที่สอดประสานเข้ากับฝ่ามือ และสายตาที่ทอดอ่อนอยากเอาใจของเฮียหลี่ผิง ทำให้อาการปั้นปึ่งที่มีค่อยๆคลายลง แต่ผมยังคงไว้ฟอร์ม ด้วยการตอบเพียงสั้นๆให้มาเฟียรูปหล่อได้เอาใจผมต่อไป
“สเต็กแซลมอน” ผมตอบออกไปแค่เนี้ย ทำไมต้องดีใจถึงขั้นฉีกยิ้มกว้างจนคนมองตาพร่าด้วยเนี่ย
‘แน่ะ! สาวโต๊ะข้างๆยิ้มค้างตาเยิ้มไปซะแล้ว’ ผมรีบทำทีสนใจเมนูตรงหน้าทันที เพื่อดึงความสนใจของมาเฟียรูปหล่อมาไว้ที่ผมคนเดียว
หลังจากนั้นเฮียหลี่ผิงก็เสนอพวกเมนูสลัดเมนูซุปน่าทานหลายรายการมาให้ผมเลือก ผมก็เริ่มเพลินสิครับ แต่ก็รู้นะว่าโดนหลอกล่อด้วยของกินอยู่ แต่ผมยอมที่จะเดินตามแผนท่านมาเฟียเจ้าเล่ห์ ด้วยอยากหลบหนีสายตาล้อเลียนหลายคู่บนโต๊ะ
ระหว่างที่พวกเรากำลังเพลินกับเรื่องเล่าของยัยธารณ์ ที่ดูมีความสุขนักหนายามน้องเล่าว่าวันนี้เจ้าตัวพาอาเจ๊คนสวยไปไหนมาบ้างนั้น กลับมีเสียงทักทายหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ ขอผมร่วมโต๊ะด้วยคนได้มั้ย” คำทักทายภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างเป็นทางการ ด้วยน้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างโต๊ะ
ผมถึงกลับกระตุกยิ้มและหันมาสบตากับคนข้างตัวอย่างรู้กัน ไม่ต้องเห็นหน้าผมก็รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร ถ้าไม่ใช่...
“อเล็กซ์...อเล็กซ์วง Chic อยู่ที่นี่ได้ยังไง เจ๊นลินรู้จักเหรอคะ” ยัยธารณ์ตั้งสติได้ก่อนใคร หันไปถามคนที่โดนนายอเล็กซ์จ้องไม่วางตา ตั้งแต่นายนี่เดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะ ด้วยความสงสัยปนตื่นเต้น
สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังไอ้นลินเป็นจุดเดียว ด้วยส่วนใหญ่อยากรู้คำตอบไม่ต่างจากยัยธารณ์นัก ซึ่งมีเพียงผมและอีกไม่กี่คนเท่านั้น ที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมลอบสบตาทั้งกับไอ้นนและไอ้พี่เบสนิดหนึ่ง ก่อนจะพากันก้มหน้าซ่อนยิ้มไว้เต็มกำลัง
เมื่อใบหน้าไอ้นลินตอนนี้โคตรตลก เพราะมันอ้าปากเหวอค้าง และจ้องนายอเล็กซ์ตาโตแทบถลนออกนอกเบ้า ส่วนแววตานั้นสะท้อนอารมณ์ออกมาหลากหลาย ทั้งไม่เชื่อสายตา คาดไม่ถึง ตกใจ และสุดท้ายเขินอาย!
“มะ...มาได้ไงวะ” ในที่สุดเพื่อนตัวแสบก็หลุดคำพูดออกมาจนได้ หลังจากค้างไปนานหลายวิ จนคนรอบข้างเริ่มเป็นห่วง แต่ก็ทำเอาคนมาใหม่ถึงกลับจ้องไม่วางตา และฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
แต่หลังจากนั้นผมตกใจแทบช็อกหัวใจเกือบวาย เมื่อไอ้นลินแก้มแดง! ซึ่งไอ้นนเองก็มีอาการไม่ต่างจากผม จนทั้งเฮียหลี่ผิงและไอ้พี่เบสถึงกลับหัวเราะน้อยๆออกมา ยามที่เห็นอาการของเราทั้งคู่ หรือกรรมจะติดจรวดตามสนองเราสองคนเข้าแล้ว ที่เมื่อครู่มีความสุขอยู่บนความทุกข์ของเพื่อนสนิท
ส่วนยัยธารณ์และเจ๊เหมยอิงเอง ก็มีอาการแปลกใจกับอาการของไอ้นลินไม่น้อย ทั้งคู่มองไอ้นลินกับนายอเล็กซ์สลับไปมา ก่อนจะสบตากันเองและค่อยๆคลี่ยิ้มเหมือนรู้อะไรดีๆออกมา ผู้หญิงนี่เซ้นท์แรงจริงๆเลยนะว่ามั้ย
“อเล็กซ์ใช่มั้ย นั่งก่อนสิ รู้จักกับหลานอาที่ฮ่องกงรึไงกัน ดูท่าจะสนิทกันมากอยู่นะ”
คำถามของอาหมอภีมค่อยๆดึงสติผมกลับมาจากภาพน่าตกใจ บวกฝ่ามืออบอุ่นของมาเฟียรูปหล่อที่ลูบหลังมือผมเบาๆอย่างปลอบประโลมด้วย ทำให้ผมต้องพยายามตั้งสติด้วยการสะบัดหัวน้อยๆ และกระพริบตาเรียกสติอยู่หลายที จนเกิดเสียงหัวเราะเบาๆจากคนที่ใช้สายตาอ่อนโยนมองผมอยู่ ทำให้ผมสามารถจับภาพและรับรู้เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าได้อีกครั้ง จากปลายนิ้วอุ่นๆที่ไล้เกลี่ยไปมาข้างแก้ม
สำหรับคนที่โดนป้อนคำถามใส่นั้น แม้จะละสายตาจากสาวแก้มแดงมามองอาหมอภีมแล้ว แต่นายอเล็กซ์เองเหมือนจะยิ่งอารมณ์ดียิ้มกว้างขึ้นได้มากกว่าเดิม
“ครับ พวกเรารู้จักกันที่ฮ่องกง ผมขอแนะนำตัวเองนะครับ...”
หลังจากนั้นนายอเล็กซ์ก็แนะนำตัวเอง แก่อาหมอภีมและอาเจ็กธีด้วยท่าทางเป็นมิตร ก่อนเฮียหลี่ผิงจะเป็นฝ่ายแนะนำคุณอาทั้งคู่และยัยธารณ์กับเจ๊เหมยอิงให้รู้จัก ซึ่งนายอเล็กซ์เองก็หันมาทักทายผม ไอ้นน และไอ้พี่เบสอย่างสนิทสนม ก่อนหยุดสายตาไว้ที่ไอ้นลิน ที่พยายามเก๊กหน้านิ่งจ้องตากลับอย่างไม่นึกเกรง แต่สุดท้ายแม่บัวงามคนกล้าของใครๆ กลับหลบตาผู้ชายเป็นครั้งแรก!
คืนนี้จะมีอะไรน่าตกใจเกิดขึ้นกับผมอีกมั้ยเนี่ย นี่ถ้ามีอีกครั้งนะ ผมว่าผมคงได้หัวใจวายอยู่ตรงนี้นี่แหละ แต่จะโทษใครก็ไม่ได้นอกจากตัวผมเอง ในเมื่อผมเป็นหนึ่งในตัวการให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งนี้ขึ้น คุณคงอยากรู้แล้วสินะว่าทำไมนายอเล็กซ์นักร้องดังของฮ่องกง ถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ และคุณคงไม่เชื่อหากผมจะบอกว่านี่คือเรื่องบังเอิญ ซึ่งก็ถูกของคุณ เพราะโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญครับ
หากคุณจะจำกันได้ว่านายอเล็กซ์ขอร้องผมว่าอยากเจอและอยากขอโทษไอ้นลินด้วยตัวเอง ซึ่งผมก็ได้ท่านมาเฟียใหญ่ข้างตัวนี่แหละ ที่เกลี้ยกล่อมเพื่อนสนิทให้ยอมเจอนายอเล็กซ์ได้ในที่สุด ทั้งๆที่มันไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ก็จนด้วยเหตุผลที่เฮียหลี่ผิงยกขึ้นมา และไอ้นลินคงเกรงใจไอ้เฮียของมันด้วยแหละ จึงทำให้หลังจากการเจรจาครั้งนั้นอีกราวๆสามวัน นายอเล็กซ์กับไอ้นลินก็ได้มาเจอกัน โดยมีผมกับเฮียหลี่ผิงและไอ้นนกับไอ้พี่เบสเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ หรือจะเรียกว่าเป็นสักขีพยานรักของคู่รักคู่ใหม่ก็ว่าได้ คุณอย่าเพิ่งตกใจไปครับ เพราะผมได้ตกใจเผื่อพวกคุณไปแล้วเรียบร้อย
วันนั้นเหมือนจะไม่มีอะไร ด้วยนายอเล็กซ์มาเจอไอ้นลินในสภาพหล่อวิ้ง ขนาดผมยังมองตาค้างกับลุคนักร้องขวัญใจสาวๆ จนเฮียหลี่ผิงยังเขม่น ส่วนไอ้นลินมีอาการประดักประเดิด ด้วยทำกับเค้าไว้เยอะ เรียกว่าไม่กล้าสบตากับนายอเล็กซ์ได้นาน หมดมาดสาวมั่นประจำกลุ่ม ทำเอาผมและไอ้นนยังนึกขำปนสงสารเพื่อนสนิทไม่ได้เลย
บทสนทนาวันนั้นจะไม่มีอะไรเลย เพราะต่างฝ่ายต่างสำนึกตัวว่าตัวเองผิดและขอโทษกันไปมา หากไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการอยากเอาชนะเกิดขึ้น ซึ่งมันคงเป็นพันธุกรรมโดดเด่นประจำกลุ่มเราไปแล้ว
โดยไอ้นลินมันมีสิ่งนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ทำให้มันพยายามเถียงหน้าดำหน้าแดงว่าตัวมันผิด แม้นายอเล็กซ์จะเป็นสุภาพบุรุษอยากโชว์แมนแค่ไหน ถึงกลับถอดใจยอมแพ้ ยกความผิดให้สาวแกร่งไปจนได้ ซึ่งเพื่อนผมมันก็แปลกเพราะเถียงกับเค้าแทบตาย พอตัวเองได้สิ่งที่ต้องการกลับมานั่งหน้าบูด ทำเอาพวกผมที่เหลือตามไม่ทัน และหลุดขำไปกับอารมณ์แปรปรวนแบบผู้หญิงของมัน
ไอ้นลินจึงยิ่งหน้าบูดกว่าเดิมและแทบจะจับพวกผมกิน แต่มีเพียงคนเดียวที่มองมันด้วยสายตาที่แตกต่าง จนผมเองยังสะดุดตากับแววตาชื่นชมปนถูกใจของนายอเล็กซ์ และผมต้องอึ้งตะลึงค้าง เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของนายอเล็กซ์ในวันนั้น
‘ในเมื่อคุณนลินอยากจะรับว่าตัวเองผิด ทั้งๆที่จริงเราก็ผิดทั้งคู่ ผมก็จะไม่ขัดใจ จะยอมตามใจคุณก็ได้ แต่คนผิดก็ต้องรับบทลงโทษนะครับ...หรือคุณไม่กล้า’ มีคนท้าขนาดนี้ เพื่อนผมไม่มีทางปฏิเสธแน่นอนครับ เพราะตอนนั้นไอ้นลินสวนคำนายอเล็กซ์ออกไปทันที
‘ฮึๆ ดีครับ...คุณอาจจะยังไม่รู้อะไร ตอนนี้มีข่าวลือไปทั้งบริษัท เรื่องที่ว่าผมฉุดแฟนคลับสาวสวยมาเริงสวาทกลางคอนโด จนเช้ามาจึงโดนเธอซ้อมซะอ่วมก่อนจะชิ่งหนีไป ดังนั้นคุณต้องมารับบทเป็นแฟนผม เพื่อช่วยกู้หน้าผมไว้ และรอจนกว่าข่าวลือพวกนั้นจะซาลง’
เป็นไงครับ สมกับที่ทำผมอึ้งตะลึงตาค้างมั้ย และไม่ได้มีเพียงผม เพราะไอ้นนกับไอ้พี่เบสก็มีอาการไม่ต่างจากผมเช่นกัน ยิ่งไอ้นลินไม่ต้องพูดถึง เพราะไอ้อาการเถียงขาดใจก่อนหน้านี้ไม่มีให้เห็นสักนิด จะมีก็แต่เฮียหลี่ผิงเท่านั้น ที่หรี่ตามองนายอเล็กซ์เหมือนรู้เท่าทันอะไรบางอย่างอยู่ก่อนแล้ว
สุดท้ายไอ้นลินก็หาเสียงตัวเองเจอ แต่ก็ตะกุกตะกักซะจนผมนึกเห็นใจ เพราะระดับสาวแกร่งเมื่อรับปากไปแล้ว ไม่มีทางจะกลับคำแน่นอน แม้เจ้าตัวจะประหม่าและไม่แน่ใจกับเรื่องนี้สักแค่ไหนก็ตาม
‘นะ...นานเท่าไหร่ ฉันต้องรับบทเป็นแฟนนายนานเท่าไหร่กัน’ ผมยังเผลอพยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามไอ้นลินไม่ได้เลย ก่อนหันไปจ้องนายอเล็กซ์เอาคำตอบเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งคำตอบของนายอเล็กซ์คือสามเดือน
สิ้นเสียงนายอเล็กซ์นั้น เฮียหลี่ผิงถึงกลับพ่นลมออกจากจมูกทันที ยามนั้นผมมองตาอาเฮียก็รู้ได้เลยว่าเฮียหลี่ผิงรู้อะไรดีๆเข้าแล้ว แต่ผมก็ยังไม่คิดจะถามตรงนั้น
บทสรุปของเหตุการณ์วันนั้น คือไอ้นลินได้เปลี่ยนสถานะจากสาวโสด มาเป็นคนมีแฟนแล้วแบบเบลอๆ และมีแฟนหนุ่มกลับไปส่งถึงคอนโด ส่วนผม ไอ้นน และไอ้พี่เบสนั่งมองหน้ากันไปมาพักหนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ด้วยสภาพงงๆเบลอๆไม่ต่างจากไอ้นลิน แต่ผมก็มีโอกาสได้ซักไซ้เฮียหลี่ผิงได้ถนัด ซึ่งคำตอบของอาเฮียสุดที่รักวันนั้น ก็ทำเอาผมน็อกกลางอากาศอีกรอบ
‘นายอเล็กซ์แผนสูง เวลาสามเดือนมากพอ ที่จะทำให้แฟนกำมะลอเปลี่ยนเป็นแฟนตัวจริงได้ น้องธันว์ไม่สงสัยเหรอครับ ว่าทำไมนายอเล็กซ์ถึงอยากขอโทษน้องนลินด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ไม่จำเป็นสักนิด...นายนั่นสนใจนลินเข้าแล้ว’
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมคงไม่ต้องบอกว่านายอเล็กซ์จะรุกเพื่อนผมขนาดไหน เอาเป็นว่าขนาดไอ้นลินอยู่ในช่วงสอบ ใช้เวลาอยู่มหาวิทยาลัยมากกว่าคอนโด เรายังเห็นนักร้องนำวง Chic เทียวไปมาให้สาวๆในมหาวิทยาลัยได้กระชุ่มกระชวยไม่ขาด ซึ่งแฟนกำมะลออย่างไอ้นลิน แม้ภายนอกจะดูนิ่งและควบคุมตัวเองได้ดี ไม่มีหวั่นไหวไปกับการเอาใจใส่ของอีกฝ่าย
แต่เพื่อนสนิทอย่างผมและไอ้นนรู้ดีเชียวล่ะ ว่ายามเจ้าของรูปร่างสมาร์ทและใบหน้าที่สาวๆต่างหลงใหลนั้นหมุนตัวเดินออกไป สายตาไอ้นลินที่มองเมินมาตลอด กลับจับจ้องไม่วางตา ทำให้ผมกับไอ้นนต้องมาคุยกันลับหลังไอ้นลิน ก่อนจะฟันธงว่าคงถึงเวลาที่เจ้าแม่ประจำกลุ่มคงได้ลงจากคานแล้ว แต่เราก็ยังไม่ไว้ใจนายอเล็กซ์อยู่ดี เพราะยังกังขาไม่น้อย ว่าทำไมนักร้องดังถึงมาสนใจผู้หญิงอย่างไอ้นลินได้ ไม่ใช่ว่าเพื่อนผมไม่สวย แต่ไอ้นิสัยขี้โวยวาย และนิสัยห้าวทโมนที่ค่อนมาทางผู้ชายนั้น มันเป็นการยากที่จะมีผู้ชายสักคน มาให้ความสนใจง่ายดายเช่นนี้
จนกระทั่งสอบเสร็จทั้งไอ้นนและไอ้นลินเตรียมย้ายของกลับไทย ผมก็เพิ่งคิดขึ้นได้ว่าจะมีผลต่อข้อตกลงการเป็นแฟนของทั้งคู่รึไม่ ซึ่งผมก็ถึงบางอ้อว่าทำไมไอ้นลินถึงยอมตกลงง่ายดาย นอกเหนือจากการที่มันไม่อยากผิดคำพูดกับนายอเล็กซ์นั่น เพราะไอ้นลินมันวางแผนไว้ว่ายังไงมันก็ต้องกลับไทย และตั้งใจไม่บอกนายอเล็กซ์ ร่วมกับปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆจนหมดข้อตกลง
แต่มันกลับไม่ได้เป็นไปตามที่ไอ้นลินคิด เพราะก่อนเดินทางกลับไทยเพียงวันเดียว ผมกับไอ้นนได้รับการติดต่อจากนายอเล็กซ์ให้ออกมาเจอกัน ไอ้ครั้นจะไม่ไปก็นึกเห็นใจคนโทรมาอ้อนวอนอยู่นาน พอได้เจอได้คุยกับนายอเล็กซ์ ผมก็นึกขอบคุณเฮียหลี่ผิงไม่ได้ที่เป็นคนช่วยผมตัดสินใจในการออกมาครั้งนี้ เพราะความในใจของนายอเล็กซ์ที่มีต่อเพื่อนสนิทของผม ถูกถ่ายทอดออกจากปากเจ้าตัวจนหมด ด้วยท่าทางน่าเชื่อถือและสายตามุ่งมั่นจริงใจ
ผลของวันนั้นคือการที่นายอเล็กซ์แห่งวง Chic ได้มาปรากฏกายอยู่ ณ ที่นี้อย่างไรล่ะครับ แต่มันกลับทำให้ผมและไอ้นนมีอาการน้ำท่วมปาก อึกอักไปไม่เป็น ยามไอ้นลินมันกระซิบถาม หลังจากมันหาโอกาสลากผมกับไอ้นนออกมาจากโต๊ะอาหารได้
“ใครเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการให้นายอเล็กซ์นั่นมาที่นี่ บอกกูมา อย่าคิดปิด ไม่งั้น...ฮึๆ”
............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ฮิ้ววว สาวซ่าขายออกแล้ว ปลื้มปริ่มจริงๆ แต่ดูท่า
เพื่อนสนิททั้งคู่คงโดนสาวซ่าคาดคั้นไม่น้อยล่ะน้า
ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะคะ บอกเลยว่าเป็นการรวมตัว
ละครที่เยอะที่สุด เหนื่อยโฮก
แต่ก็คุ้มน้าเพราะได้พา
ทุกตัวละครมาฉลองหมั้นให้เด็กน่ารักอย่างน้องธันว์กับหลี่ผิง
เจอทุกตัวละครได้ในวันศุกร์นี้จ้า
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ปล.จะมีตอนพิเศษให้ 2 ตอนหลังจากจบน้า^^