“คุณออยเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ปืนผงกหัวขึ้นจากพื้นระล่ำระลักถามโดยไม่คำนึงถึงตัวเอง
อาณกรหายใจรัวเร็วด้วยความตกใจมือวางแนบบนอกแกร่งอุดมด้วยมัดกล้ามอย่างคนทำงานหนัก ทั้งตัวเกยทับอยู่บนตัวของปืนแทบจะไม่มีส่วนใดๆ เลยที่ได้รับบาดเจ็บเว้นเสียแต่จมูกที่กระแทกกับหลังของปืนเท่านั้น ศีรษะเล็กสั่นหวือ
“นายล่ะ เจ็บตรงไหน”
ปืนยังไม่อาจประมวลความเจ็บปวดของตัวเองได้ เพราะเอาแต่ห่วงคนตัวเล็กมากกว่า หนุ่มตัวใหญ่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เผลอยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าคนที่ห่วงไม่บาดเจ็บตรงไหน
“ไม่ครับผมไม่เจ็บเลย”
“ไม่เจ็บบ้าอะไร หัวนายแตกนะ!”
ปืนเลิกคิ้วสูง ก่อนจะรับรู้ถึงของเหลวเหนียวหนืดที่ค่อยๆ ไหลเข้าตาบดบังใบหน้าขาวใสของอาณกร เขาไม่รู้ว่าหัวไปกระแทกกับอะไรเข้า
อาณกรขืนตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงก่อนจะฉีกเอาชายเสื้อของตัวเองขาดเป็นทางยาว เลือกเอาส่วนที่สะอาดที่สุดเช็ดไปที่รอยเลือด แถวนี้มืดเลยไม่อาจเห็นได้ว่าหัวของปืนแตกตรงไหน
“เดินไหวไหม”
ปืนพยักหน้าหงึก อยากจะบอกเหลือเกินว่าเพียงแค่แววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของคนตรงหน้าต่อให้โดนรถทับเขาก็ไม่รู้จักคำว่าเจ็บหรอก…
****************
ดินอยากจะกัดลิ้นตายให้ได้ เขาอยากจะตบปากตัวเองนักที่ดันเสนอความคิดบ้าๆ ให้กับเจ้านาย ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าแค่พูดเล่นพี่เสือดันทำจริงขึ้นมา น้ำลายเขาเหนียวยิ่งกว่าตอนที่โดนคุณออกจับได้ว่าแอบนินทาเสียอีก เหงื่อไหลเต็มหลังรู้สึกว่าหายใจไม่ทั่วท้องมากขึ้นทุกขณะ มือใหญ่สีเข้มสะกิดที่แผ่นหลังกว้างของลูกพี่เพื่อถามให้แน่ใจอีกรอบ
“เอาจริงหรือพี่”
“กูเคยพูดเล่นหรือไง”
คำตอบที่ได้รับยิ่งทำเอามือสั่นยิ่งกว่าเดิม อยากจะหันหลังกลับเสียเดี๋ยวนี้แต่ถ้าทำอย่างนั้นเขาคงหมดทั้งที่กินที่อยู่อย่างถาวรแน่
“ตะ..แต่ ถ้าโดนจับได้ คุกเลยนะพี่”
“ก็อย่าให้โดนจับได้ซิไอ้โง่”
ร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่เชื่อมจากตัวอาคารพักฟื้นที่เคยมาใช้บริการอยู่สามวัน เขารอให้ไอ้ดินที่คุ้นพื้นที่มากกว่าเดินนำหน้าเพราะคราวก่อนมันเป็นคนพาพิกเร็ตมาที่นี่ ทางเดินเริ่มแคบลงพร้อมกับแสงไฟที่น้อยลงไปด้วยแต่กระนั้นก็ยังพอมองเห็นบ้านพักหลังเล็กที่ตั้งอยู่ส่วนท้ายของโรงพยาบาลพอดี
“เอ่อ...ห้องหมอมะรุมอยู่ทางขวาครับ”
เขาพยักหน้ารับรู้ ก้าวดุ่มๆ ขึ้นไปบนบ้านไม้สองชั้นทันที เขาไม่กลัวว่าไอ้หมอคิมหันต์อะไรนั่นจะรู้เพราะคืนนี้มันอยู่เวรกลางคืน ส่วนไอ้หมอหน้าตุ๊ดมันน่าจะอยู่ที่บ้านพักแล้ว บ้านอยู่แค่นี้มันคงไม่เอาเตียงคนไข้นอนทั้งคืนแน่ คำพูดที่เป็นแค่คำลอยลมของดินดังขึ้นในความคิด แค่เขาบอกว่าเบื่อมันก็เสนอไอเดียหลุดโลกออกมา
“พี่ไม่ชอบหมอมะรุมใช่ไหม”
“เออ” เขากระแทกเสียงตอบ
“งั้นก็ลองไปฉุดมาแกล้งดีไหมล่ะ เอามาเป็นเพื่อนเฝ้าไร่ก็ดีเหมือนกันนะ”
เขาหยุดไตร่ตรองคำพูดเล่นๆ ของดินอยู่ชั่วนาที สำหรับคนอย่างนายเสือความคิดฝ่ายดีมันไม่ค่อยจะอยู่แล้วด้วยเลยไม่มีอะไรมาค้าน เขาทำให้แค่พูดเล่นเป็นเรื่องจริงขึ้นมา เมื่อเย็นเขาช่วยมันไปตอนนี้ได้เวลาทดแทนบุญคุณแล้วแต่มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก ในยามที่สมองไร้แอลกอฮอล์เข้าไปแทรกแซงความเจ็บปวดจากอดีตมันจะคอยตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา
ภาพของพวกกึ่งเพศยั่วยุคนรักของเขาเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เพราะไอ้อีพวกนั้นทำให้ปารินทิ้งเขาไป
“พะ..พี่เสือเอาจริงหรือ”
ไอ้ดินขี้ขลาดจนเขาหงุดหงิด เขาหันไปมองมันใช้ตาดุๆ สงบความหวาดหวั่นของมัน ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดสู่ชั้นสอง ประตูทั้งสองห้องปิดสนิทไอ้ดินบอกว่าห้องของไอ้แกงส้มมะรุมอยู่ด้านซ้าย หัวเสียเล็กน้อยที่มันล็อคจากด้านใน ไม่อยากจะใช้มารยาทผู้ดีแต่เมื่อมันไม่อาจเปิดดังใจก็เลยต้องทำ มือหนาเคาะไปที่ประตูหนักๆ สองสามที รอฟังเสียงตอบรับจากด้านใน มันยังคงเงียบสนิทเลยเคาะไปอีกชุดใหญ่คราวได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
“หมอคีย์หรือ รอหน่อยนะครับ”
เกือบนาทีเต็มๆ กว่าที่ประตูห้องจะเปิดออก ศีรษะเล็กอยู่ระดับคางของเขาเงยขึ้นไฟในห้องสว่างมากพอที่จะทำให้มันเห็นหน้าเขาชัด ตาของมันเบิกโพลงด้วยความตกใจ คงอยากจะถอยหนีแต่สังขารไม่อำนวยเพราะตอนนี้ก็ยืนอยู่ด้วยไม้ค้ำยัน
“นายเสือ!”
“ผมมาทวงบุญคุณครับคุณหมอมะรุม”
*******************
“นายจะพาฉันไปไหน เลี้ยวรถกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ”
แต่รถกระบะคันเดิมที่เห็นเมื่อตอนเย็นยังคงมุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่ยอมชะลอความเร็วลงแม้แต่ไมล์เดียว คุณหมอตัวเล็กใจเสีย มือเย็นเยียบของเขาจับเบาะหนังเก่าๆ ไว้แน่น ถึงจะมีนายดินอยู่ด้วยแต่สถานการณ์ตอนนี้มันไว้ใจไม่ได้ มีอย่างที่ไหนจู่ๆ ไอ้บ้าหน้าดุนี่ก็บุกขึ้นมาทวงบุญคุณตอนตีหนึ่งแถมยังจับเขาแบกใส่บ่าพาขึ้นรถมาอีก
“นายดินๆ ช่วยบอกให้นายเสือพาฉันกลับบ้านหน่อยซิ”
“ผมเองก็จนปัญญาเหมือนกันครับ” ดินบอกเสียงอ่อยจากแค็บด้านหลัง
วรทย์อยากจะร้องไห้เสียให้ได้ นี่มันวันมหาซวยของเขาแท้ๆ
พศินเลี้ยวรถเข้าสู่บริเวณไร่เคียงฟ้า เขาไม่ได้ใช้เส้นทางปกติเพราะเกรงว่าอาณกรจะเข้ามายุ่งเสียก่อนเลยใช้ทางลัดที่เฉพาะคนในไร่เท่านั้นที่รู้ รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่แต่คุณภาพของเครื่องยนต์ดีเยี่ยมลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ ไม่ถึงชั่วโมงมันก็มาจอดที่ปลายไร่ใกล้กับจุดที่ตั้งกลุ่มเฝ้าปาล์ม
“ถึงแล้วคุณหมอ” เจ้าของไร่เคียงฟ้ากดยิ้มลึกที่มุมปาก ตาคมเป็นประกายวาววับด้วยความยินดี ยิ่งสะใจกว่าเดิมที่ได้เห็นตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
‘ไปเถอะยัยแพรว อยู่กับไอ้บ้านนอกนี่แกมีแต่จะต่ำลงไปหาความสบายกับพี่โยดีกว่า’คำพูดของหนึ่งในเพื่อนผิดเพศของปารินดังก้องในความคิด ใบหน้าของมันซ้อนกับใบหน้าขาวซีดเผือดของคนตรงหน้า มือใหญ่กระชากต้นแขนเรียวขึ้นไม่สนใจท่าทางตื่นตกใจของไอ้ดินแม้แต่น้อย
“ไปตอบแทนบุญคุณกันหน่อยดีกว่า กูไม่เอาอะไรมากหรอกแค่อยากจะลองของแปลกสักหน่อยเท่านั้นเอง”
เขารู้ตัวว่ามันไร้เหตุผลสิ้นดีที่เขาความเลวของคนอื่นมาโยนใส่ให้คนอื่น แต่คนอย่างไอ้เสือทำอะไรไม่เคยคำนึงถึงเหตุผลอยู่แล้ว ไอ้หมอตัวเล็กขืนตัวไว้เต็มที่ไม่ยอมผ่อนตัวไปตามแรงดึง เขาปล่อยมือจากแขนเล็กเหมือนแขนเด็กของมันแล้วออกจากนอกรถก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่ง เปิดประตูออกช้อนร่างมันขึ้นจากเบาะรถโดยไม่ปล่อยโอกาสให้มันได้ตั้งตัว
“ปล่อยฉันนะนายเสือ เกิดบ้าอะไรขึ้นมา บอกให้ปล่อยไง!”
วรทย์ใช้มือยึดประตูรถยนต์เอาไว้ แต่แค่คนที่มีกำลังมากกว่าออกแรงกระชากทีเดียวมือของเขาก็เลื่อนหลุดอย่างง่ายดาย หมอหนุ่มใจเสียยิ่งกว่าเดิมอยากจะร้องไห้เสียให้ได้ นายเสือตอนนี้ต่างจากคนที่ช่วยขับรถจับคนร้ายให้เขาลิบลับทั้งที่ยังไม่ทันข้ามคืนด้วยซ้ำ
“พี่เสือ พอเถอะมั้งสงสารคุณหมอ”
“เสือกไอ้ดิน!” คนที่รู้จักแยกแยะตวาดลูกน้องเสียงดัง กระชับอ้อมแขนให้แน่นมากขึ้นเพราะหมอหนุ่มดิ้นรนจนน่ากลัวจะตกลงไป ถึงตัวมันจะเบาแต่แรงเยอะไม่น้อย
ร่างสูงก้าวดุ่มเข้าสู่กลุ่มลูกน้องที่เหลืออีกสองสามคน แต่ไม่มีไอ้ปืนคิดว่ามันยังไม่กลับจากไปส่งอาณกร
“เฮ้ย! พี่เสือเอาจริงหรือวะ”
“อุ้มมาเสียด้วยหยั่งกับส่งตัวเจ้าสาวเข้าห้องหอ”
“แต่เจ้าสาวคนนี้ไม่มีนมว่ะ”
วรทย์หน้าชา ร่างเล็กดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งนั่นอย่างไม่ยอมแพ้ แต่กำลังของนายเสือมีกว่าหลายเท่า มือที่โอบรอบแผ่นหลังและใต้เข่ารัดแน่นไม่ต่างจากงูเหลือมรัดเหยื่อ
“ไอ้พวกห่า ปากเสีย!” คนเจ้าแผนการที่ตอนนี้เสียวสันหลังวาบกับความคิดบ้าๆ บอๆ ของตัวเอง ร่างกำยำสาวเท้าเร็วๆ ตามลูกพี่ไป สงสารคุณหมอตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจับใจ “พี่เสือ ผมว่าพี่หมอกลับเถอะ ถ้าหมอคีย์อะไรนั่นกลับมาแล้วไม่เจอเพื่อนเราจะซวยเอานะ”
“มึงนั่นแหล่ะหุบปาก แล้วก็คอยดูออยให้กูด้วย”
ทั้งคำพูดและน้ำเสียงของเจ้านายไม่ได้บอกสักนิดว่าจะล้อเล่น ตัวเขาเองแค่พูดเล่นแต่ลูกพี่กลับเอาคำหยอกเล่นมาทำจริง แถมความซวยยังตกมาที่คุณหมอตัวเล็กนี่อย่างหาเหตุผลไม่ได้
“แล้วพี่จะทำอะไรหมอมะรุม”
“ทวงบุญคุณนิดหน่อย”
ผู้เป็นนายบอกเพียงเท่านั้นก่อนจะก้าวยาวๆ จากไป ทิ้งไว้แต่ความงุนงง สับสนแถมยังรู้สึกผิดจับหัวใจ ดินมองตามแผ่นหลังกว้างที่หายเข้าไปในกระท่อมเล็กๆ ที่อยู่ไม่ห่างจากจุดที่ยืนมากนัก ชายหนุ่มยกมือทึ้งหัวตัวเองเพิ่งจะรู้ว่าไอ้ความทะลึ่งปนปากเสียของตัวเองมันสร้างหายนะยิ่งใหญ่ได้แค่ไหน…
*****************
ประตูไม้ไผ่ถูกปิดด้วยปลายเท้าของคนร่างใหญ่ แรงปิดที่ไม่เบานักส่งให้บ้านทั้งหลังสะเทือนไปด้วย วรทย์ยังไม่หยุดดิ้นแม้ว่ามันจะไม่อาจทำให้อีกคนปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้ก็ตาม ภายในบ้านที่ถูกสร้างขึ้นง่ายๆ มืดสนิท กลิ่นหญ้าแห้ง และกลิ่นเหม็นอับคลุ้งไปทั่วอากาศ ตัวของเขายังอยู่ในอ้อมแขนของคนที่เป็นฮีโร่เมื่อตอนเย็น แต่อีกอึดใจต่อมาก็ถูกวางลงอะไรบางอย่างที่เขาเดาว่ามันเป็นแคร่ เขากระถดตัวหนีไม่สนใจว่าอาจจะตกไปอีกด้านนึงก็ได้ แต่แผ่นหลังของเขามันไปชนกับตัวบ้านที่ทำขึ้นจากใบจากแทน
เขามองไม่เห็นว่าตอนนี้นายเสือผู้บ้าระห่ำอยู่ส่วนใดของบ้าน แต่เสียงฝีเท้ามันไม่ได้ห่างจากเขาเลย ความหวาดกลัวทำให้เขาตัวสั่น
“นอนคุยเป็นเพื่อนหน่อยก็แล้วกัน เฝ้าไร่อย่างเดียวมันโคตรเบื่อเลยว่ะ”
แสงไฟสว่างวาบพร้อมกับคำพูดชวนขนลุก คุณหมอร่างเล็กพยายามใช้ขาข้างปกติเสือกกายเข้าไปชิดกับผนังบ้านบางๆ นั่นมากกว่าเดิม ดวงตาโตกลมฉายแววประหวั่นพรั่นพรึงมองไปยังร่างสูงอย่างไม่คลาดเคลื่อน พศินยกตะเกียงขึ้นสูงเปลวไฟสีส้มนั่นสาดส่องใบหน้าให้ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ร่างสูงปีนขึ้นมาแคร่ ขยับเข่าเพียงแค่สองครั้งก็ถึงตัวเขาแล้ว ไฟจากตะเกียงร้อนผ่าวมาถึงที่หน้า เขาหันหน้าหนีมันแต่ปลายคางกลับโดนยึดให้กลับมาที่เดิม
“คิดออกไหมว่าจะตอบแทนบุญคุณกูอย่างไรดี”
“นะ..นายจะให้ฉันทำอะไรก็บอกมาเลย แต่พาฉันกลับบ้านก่อน” เขาพยายามต่อรอง แต่นัยน์สีนิลดุดันคู่นั้นมันไม่ได้อ่อนแสงลงสักนิด
“ถ้าอย่างนั้นกูคิดให้ก็แล้วกัน เมื่อคราวก่อนมึงกัดของกูซะบวมแต่กูจะให้โอกาสมีอีกรอบ ถ้าทำดีเราจะไม่มีอะไรติดค้างกันแต่ถ้ามึงกัดกูอีกรับรองว่ามันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่มึงได้ทำ”
วรทย์เบิกตากว้าง รสชาติสะอิดสะเอียดย้อนกลับเข้ามาในความรู้สึกอีกจนได้ เขาเบือนหน้าหนีพยายามดึงเอาปลายนิ้วแข็งๆ ที่คางตัวเองออก เขารังเกียจตัวเองเหลือเกินที่แค่ปลายนิ้วก็ยังไม่อาจดึงมันออกไปได้
“ไม่เอา ฉันไม่ทำ!”
อีกฝ่ายกระตุกยิ้ม ตะเกียงถอยห่างจากใบหน้าไอร้อนลดน้อยลงเช่นเดียวกับอุณหภูมิในร่างกายที่เย็นเยียบไปด้วย เขามองตามเปลวไฟที่ส่องสว่างอยู่บนพื้นปูนหยาบแล้ววกกลับมาที่ใบหน้าคมคร้ามของอีกคน หมอหนุ่มหลับตาลงพยายามนับหนึ่งถึงสิบ ด้วยวิชาชีพทำให้เขาเป็นคนมีสมาธิและใจเย็นแม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะไม่อำนวยเลยสักนิดก็ตาม วรทย์สามารถระงับความตื่นกลัวได้สำเร็จจำได้ว่าเมื่อคราวที่แล้วเขาหลอกล่อให้ไอ้บ้านี่ด้วยการสมยอม และคราวนี้มันอาจจะได้ผลก็ได้
“ก็ได้ ถ้าทำให้แล้วนายต้องพาฉันกลับบ้านด้วย”
คิ้วหนายกสูง ไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับดึงร่างที่เล็กกว่าเกือบครึ่งขึ้นมาอยู่บนตัวเองแล้วเป็นฝ่ายลงไปอยู่ด้านล่างแทน ตาคมสีดำมองไปตามโครงหน้าที่หวานเกินผู้ชาย จริงอย่างที่ไอ้ดินพูดไอ้หมอแกงส้มมะรุมมันหน้าตาน่ารักถ้าเป็นผู้หญิงคงโดนผัวเอาเช้าเอาเย็นแน่ แถมยังแผนสูงอีกด้วย มันคิดว่าเขาจะหลงกลมันอีกรอบแต่คราวนี้มันคิดผิด พอหยุดเหล้าสมองเขาก็มีรอยหยักมากขึ้น
ร่างเหวี่ยงที่ไม่เบานักทำให้ข้อเท้าของเขากระเทือน แต่ความเจ็บมีน้อยกว่าความกลัวมือของเขาวางคร่อมร่างใหญ่ ใบหน้าห่างกันแค่คืบแสงสว่างจากตะเกียงมีมากพอที่จะเห็นโครงหน้าคมเข้ม ก่อนหน้านี้เขารู้ว่านายเสือหน้าตาดีแต่พอไม่มีไอ้ไรหนวดเคราความหล่อเหลายิ่งปรากฏให้เห็นมากขึ้น วรทย์กลั้นลมหายใจพลางเคลื่อนตัวหนีแต่เอวด้านหลังกลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยฝ่ามือหนา
“จะว่าไป ปากมึงก็สวยเหมือนกันนะ น่าจูบดี”
ตากลมเบิกกว้างจนแทบจะถลน ริมฝีปากอุ่นจัดยื่นเข้ามาประกบทาบทับได้อย่างพอดี ลมหายใจร้อนระอุปะทะใบหน้า ชั่วอึดใจที่เขาตั้งสติได้สองมือยกขึ้นยันอกหนาให้ออกห่าง เขาหลับตาและเม้มปากแน่นไม่ยอมให้ปากหนารุกรานไปมากกว่าเดิม แต่แล้วปากที่ถูกบดคลึงก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ วรทย์เปิดตาขึ้นความดีใจเกิดขึ้นเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงจะยอมเลิกรา ทว่าความยินดีถูกลบล้างเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนร้ายกาจ
“ถ้ามึงไม่ยอมให้กูจูบดีๆ คืนนี้ปากมึงเปื่อยแน่”
“อื้อ”
ยังไม่ทันได้อ้อนวอน ตอบโต้ หรือแม้แต่จะขัดขืน ร่างเขาก็โดนรวบไปติดกับอกแกร่งเสียแล้ว ริมฝีปากเข้มเข้ามาทาบติดคราวนี้รุกหนักทั้งกดย้ำ เคล้าคลึงมากกว่าเดิม เขาเผลอต่อต้านไปตามสัญชาตญาณปากปิดแน่นอีกครั้ง แต่พศินก็ทำตามอย่างที่ว่าจริงๆ เขาไม่ขอเรียกสิ่งนี้ว่าจูบ เพราะมันไม่อ่อนหวานเลยสักนิด ปากเขาเจ็บระบมจนเริ่มจะทนไม่ไหวซ้ำลมหายใจก็ลดน้อยลงจนต้องอ้าปากออก ทว่ามันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่เพียงแค่ริมฝีปากเผยอจากกันเรียวลิ้นใหญ่ร้อนก็สอดเข้ามาในโพรงปากได้สำเร็จ จูบที่ทั้งลำลึกและดูดดื่มอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
พศินรัดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน ฝ่ามือกางเต็มแผ่นหลังขณะที่ปากบดเคล้าอยู่ที่กลีบปากบาง ไอ้หมอหน้าตุ๊ดมันหัวดื้อ เขาขู่มันไปขนาดนั้นก็ยังจะต่อต้านแต่พอมันหายใจไม่ออกเขาก็ใช้จังหวะนั้นสอดลิ้นเข้าในปากมันจนได้ จำไม่ได้แล้วว่าเขาไม่ได้จูบกับใครมานานแค่ไหน ตั้งแต่ปารินทิ้งไปเขาก็ห่างหายจากเซ็กส์ วันๆ อยู่แต่กับเหล้าและความทุกข์จนลืมความสุขทางกายอย่างที่ผู้ชายควรจะได้รับ เขาบอกกับตัวเองว่าที่พยายามบังคับจูบจากไอ้หมอมะรุมนี่เป็นเพราะร่างกายโหยหาการปลดปล่อย ไม่ยอมรับว่าทั้งกลิ่นตัวและเนื้อตัวนุ่มนิ่มนั่นเป็นตัวกระตุ้นทำให้เขาทำเรื่องบ้าๆ นี่กับเพศเดียวกัน
เขาซอกซอนไปทั่วปากอุ่นชื้น มันพยายามหดลิ้นหนีแต่เขาก็ไล่ตามไม่ลดละ จะบอกว่ามันไม่ประสาก็คงไม่ใช่เพราะมันสามารถหลบเขาได้ แต่คงไม่เชี่ยวเท่าเขา เลือดในกายที่เคยเย็นเยียบร้อนขึ้นหลายองศา ความกระสันที่หลับใหลมานานนับปีถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และเขารู้ดีว่าถ้าหากไม่ได้รับการระบายมันจะไม่ลดลงง่ายๆ...
*****************
ตอนนี้ยาวกว่าปกติ ๑ หน้า เพราะดิ้นรนจะให้มี nc เลยออกมาทะแม่งๆ เนอะ ฮ่า อย่าว่าเค้านะเค้าอยากแต่ง nc นี่นา
ยังมีตอนหน้านะจ๊ะ