Beautiful hangover เมารัก [ตอนพิเศษ ช้าง : พิกเล็ต] หน้า ๕๐
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Beautiful hangover เมารัก [ตอนพิเศษ ช้าง : พิกเล็ต] หน้า ๕๐  (อ่าน 580915 ครั้ง)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้





1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

 :mew3: ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ กวาง ค่ะ เคยแต่งฟิคกับนิยายปกติแต่นิยายวายอย่างเต็มขั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก

อาจหาญเอามาลงให้อ่านกัน ไม่ประสาเรื่องหมอกับโรงพยาบาลเท่าไหร่นะคะ

แต่อยากลองแต่งดู ผิดพลาดประการใดแนะนำได้เลยนะคะ

อาจแต่งไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ก็อย่าถือสากันเลยนะคะ แต่อยากแต่งมากจริงๆ

อิมเมจตัวละครไม่มีค่ะให้คนอ่านจิตนาการเองได้เลย ^^

แค่ผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ กับผู้ชายตัวใหญ่ผิวคล้ำก็บรรเจิดแล้วจ้า

เกริ่นเรื่องไม่ค่อยเป็นค่ะ อ่านเลยแล้วกัน เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมากแค่หมอน่ารักกับคนขี้เมาเท่านั้นเอง
  :mew4:

Beautiful hangover เมา...รัก

สารบัญ

ตอนที่...๑ คุณหมอมะรุม


ตอนที่...๒ นายเสือ


ตอนที่...๓ ไข่ม้วน


ตอนที่...๔ คนไข้ขี้เมา VS คุณหมอหน้าขาว


ตอนที่...๕ เข้าถ้ำเสือ


ตอนที่...๖ แค่เอาคืนอย่าคิดมาก ๕๐%


ตอนที่...๖ แค่เอาคืนอย่าคิดมาก ๑๐๐%


ตอนที่...๗ หมอป่วยเสือก็ป่วย๕๐%


ตอนที่...๗ หมอป่วยเสือก็ป่วย๑๐๐%


ตอนที่...๘ โด่ไม่รู้ล้ม


ตอนที่...๙ ฮีโร่หรือโจรลักพาตัว


ตอนที่...๑๐ ทวงบุญคุณ๖๐%


ตอนที่...๑๐ ทวงบุญคุณ๑๐๐%


ตอนที่...๑๑ มะรุมมะตุ้มรุมทั้งมะรุม


ตอนที่...๑๒ หรือว่าพวกเดียวกัน


ตอนที่...๑๓ ไม่รู้ใจตัวเอง


ตอนที่...๑๔ ของขวัญวันเกิด


ตอนที่...๑๕ ชอบหรือไม่ชอบ


ตอนที่...๑๖ คนในอดีต


ตอนที่...๑๗ คนลืมยาก


ตอนที่...๑๘ คนเห็นแก่ตัว


ตอนที่...๑๙ คนฉวยโอกาส


ตอนที่พิเศษ ๒๖+๑๔ ครึ่งแรก


ตอนที่พิเศษ ๒๖+๑๔ ครึ่งหลัง


ตอนที่...๒๐ ผู้หญิงคนเดิม


ตอนที่...๒๑ เพื่อนร้าย


ตอนที่...๒๒ ความช่วยเหลือจากผู้ที่ร้องขอ


ตอนที่...๒๓ เจ็บของฉันฝันเป็นของเธอ


ตอนที่...๒๔ หวานนักรักนี้


ตอนที่...๒๕ สิ่งที่ดีที่สุด


ตอนที่...๒๖ อวสาน


ตอนพิเศษ รักสามเส้าเราสองสามคน ครึ่งแรก


ตอนพิเศษ รักสามเส้าเราสองสามคน ครึ่งหลัง


ตอนพิเศษ Frist Love


ตอนที่...๑ คุณหมอมะรุม


   มือขาวยกขึ้นป้องมองฝ่าแดดที่สะท้อนถนนยางมะตอยจนเป็นไอระยิบเพื่ออ่านป้ายที่เห็นในระยะสายตา สะกดให้แน่ใจว่ามันถูกต้องไม่ใช่เพราะว่าร้อนจนหน้ามืดตาลายอ่านผิด ชั่วอึดใจในการใช้สายตาสู้กับแดดถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ร่างเล็กกระชับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในมือมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ตัดตรงสถานที่ ที่อีกหลายปีต่อจากนี้เขาจะต้องพักพิง ‘โรงพยาบาลอโนทัย’

    เหงื่อผุดขึ้นเต็มหลังจนเปียกชุ่ม แต่ไม่ได้สนใจเพราะตัวอาคารสีขาวที่ไม่ไกลมันสำคัญกว่า สองขาหนักอึ้งเพราะต้องเดินมาเกือบสามกิโลเมตรแต่จะโทษใครได้ในเมื่อเขามาไม่ทันรถสองแถวที่วิ่งรับคนเข้าออกอำเภอนี้เพียงเที่ยวเดียวต่อวันเอง เดินมาเป็นชั่วโมงก็ยังไม่เห็นรถวิ่งผ่านมาซักคันอีกคันอย่าว่าแต่รถเลยแม้แต่หมาซักตัวเขาก็ยังไม่เห็น มีแต่ทางลูกรังขรุขระเป็นหลุมบ่อ สองข้างทางมีหญ้าสูงท่วมหัวเศษดินลูกรังติดตามกิ่งใบจนเป็นสีส้ม มองข้ามหญ้าไปก็เป็นต้นไม้สูง สลับกับอ้อยอีกสิบไร่ๆ สุดลูกหูลูกตา พอชื้นใจอยู่บ้างที่เห็นเสาไฟฟ้า ถึงจะกันดาลแต่มีไฟฟ้าก็พอทำเนาไม่อย่างนั้นหนุ่มเมืองกรุงอย่างเขาคงอยู่กับตะเกียงไม่ได้แน่

    วรทย์หยุดพักขาที่ใต้ต้นตะขบต้นใหญ่ให้ร่มเงาได้ดีพอควร ก้มหน้าหอบหายใจมองดูลูกตะขบที่สุกหล่นเกลื่อนไม่ใช่เพราะไม่ได้ทำความสะอาดแต่เพราะไอ้ต้นนี้ลูกมันดกร่วงได้ตลอดเวลา คงไม่มีใครมีเวลามากวาดมันทิ้งได้ทั้งวัน ภายในรั้วโรงพยาบาลเงียบกริบต่างจากโรงพยาบาลทั่วไปไม่มีคนไข้พุพล่าน รถพยาบาลวิ่งเข้าวิ่งออกเป็นว่าเล่น เสาธงโดดเด่นอยู่ด้านหน้าอาคารสีขาวขุ่นคร่ำคร่าจากอายุการใช้งาน ธงชาติไทยปลิวไสวเพราะลมร้อน ต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวแห้งเพราะขาดการดูแล ไม่สดชื่นแถมชวนหดหู่ พ่วงกับคำว่าโรงพยาบาลยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่น่ามาเยี่ยมเยียนหรือแม้แต้จะฝากชีวิตไว้ซักนิด...หากคนเจ็บไม่มีสิทธิ์เลือกแต่ให้น่ากลัวกว่านี้ก็ต้องมา

    ทั้งคนเจ็บกับเขาไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ชีวิตของนายแพทย์คนใหม่อย่างเขาก็เช่นกัน เขาถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อชดใช้ทุนคืนให้กับรัฐบาลตามสัญญาซึ่งทำไว้ตั้งแต่ก่อนเข้ารับการศึกษา หลายคนปฏิเสธที่จะมาเป็นหมอในโรงพยาบาลที่ห่างไกลความเจริญ แต่เขาไม่คิดอย่างนั้นยิ่งห่างไกลคำว่าเจริญมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องการบุคลากรในการช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นคุณภาพชีวิตเพื่อนำไปสู่ความเจริญที่แท้จริงเวลา ๓ ปีต่อจากนี้เขาจะใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด ลมเย็นเริ่มพัดผ่านมาบ้างบวกกับร่มที่ได้จากต้นตะขบความเหนื่อยที่สะสมน้อยลง ร่างกายเขายังแข็งแรงพักฟื้นนิดหน่อยก็หายมือเรียวขาวยกคอเสื้อโบกสะบัดไล่ความชื้นจากเหงื่อ รู้สึกว่ามันพอจะแห้งบ้างจึงก้มลงถือกระเป๋าที่ตั้งทับลูกตะขบไปหลายลูกกำกระชับก้าวเดินเข้าสู่ชายคาโรงพยาบาลอโนทัย

    ภายในตัวอาคารต่างจากภายนอกลิบลับ ที่เห็นๆ ก็ความเย็นและแสงแดดที่ผ่านเข้ามาไม่ได้ ที่จริงมันไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่เห็นจากด้านนอก ยังมีคนไข้นั่งรอรับการรักษาอยู่ถึงจะบางตาไปบ้างแต่ในอำเภอที่มีหมู่บ้านไม่ถึงสี่สิบหมู่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก ถึงจะมีคนไข้จากอำเภอใกล้เคียงมาเข้ารับการักษาด้วยแต่จะให้หนาตาเหมือนโรงพยาบาลในเมืองใหญ่ๆ คงเป็นไปได้ยาก เสียงเภสัชกรประกาศเรียกคนไข้รับยา สลับการเรียกให้เข้ารักษาไม่ต่างจากโรงพยาบาลทั่วไปแต่เรียบร้อยและสงบกว่ามาก ด้วยจำนวนคนไข้ที่มีไม่เยอะนั่นเอง

    เขาเดินไปหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายยาก้มตัวมองลอดผ่านช่องเล็กๆ เข้าไปที่นี่ไม่มีแผนกประชาสัมพันธ์เลยต้องถือวิสาสะ

    “เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมนายแพทย์วรทย์ ที่จะทำงานที่นี่น่ะครับ” เขาเอ่ยแนะนำตัวเองรู้สึกระดากกระเดื่องไม่น้อยเขาไม่ชินกับการที่ต้องเป็นฝ่ายพูดกับคนอื่นยกเว้นคนไข้

    พยาบาลดึงผ้าปิดปากออกเอียงคอมองหนุ่มน้อยหน้าใสผิวขาวชื้นเหงื่อ โหนกแก้มแดงคงเพราะถูกแดดเผา ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนที่สั่งซื้อจากแค็ตตาล็อกเครื่องสำอางไทยทำคลี่แย้ม แต่ดวงตาฉายแววงุนงง

    “เอ่อ...ทำหนังสือแจ้งมาแล้วเหรอคะ”

    “ครับ ผมทำหนังสือแจ้งมาตั้งแต่เมื่อสามเดือนที่แล้ว”

    “เอ..เดี๋ยวพี่ถามหัวหน้าพี่ก่อนนะ”

    เขาไม่ได้ตอบโต้อะไรแต่เบี่ยงตัวหนีเพื่อเปิดทางคนไข้ที่รอให้เรียกคิวตัวเอง ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้มองไปที่จุดใดเป็นพิเศษ ไอร้อนในตัวทุเลาลงมากเขารอคำตอบจากพยาบาลอยู่พักใหญ่ถึงได้เรื่อง

    “น้องคะ น้อง” พยาบาลคนเดิมกวักมือเรียกโผล่หน้าจากรูเล็ก เขาเห็นแค่ปากกับจมูกเธอเท่านั้น

    วรทย์ย่อตัวจนระดับความสูงเท่ากับช่องเล็กๆ “ครับ”

    “ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ เรื่องมาถึงแล้วล่ะจ้ะแต่หัวหน้าพี่เขาดันลืม น้องชื่อวรทย์ พิทักษ์ชน เนอะ”

    “ครับ” เขายิ้มรับ โล่งใจไปทีที่หนังสือส่งตัวของเขาไม่ได้ตกหล่นที่ไหน

    “พี่ชื่อพรพิมล เรียกพี่มลก็ได้ ยินดีต้อนรับค่ะคุณหมอวรทย์” พยาบาลที่เขาเพิ่งรู้ชื่อเมื่อสองวินาทีที่แล้วยิ้มกว้างต้อนรับ เขาเองก็ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน

    “เรียกผมว่ามะรุมก็ได้ครับ”

    “ค่ะ หมอมะรุม”


    คุณหมอมะรุมหรือน้องมะรุมของพี่ๆ พยาบาลทั้งหลายถูกเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็นทางการด้วยส้มตำ น้ำตก คอหมูย่าง ลาบหมู และข้าวเหนียวหลังจากนั้นอีกห้าชั่วโมงถัดมาก่อนหน้านั้นมีบุรุษพยาบาลพาเขาไปบ้านพักที่อยู่ไม่ห่างจากตัวโรงพยาบาลมากนัก สภาพไม่ต่างกันมากนักโทรมจนเสื่อม บ้านไม้สองชั้นที่โดนปลวกทำลายไปบ้างแล้วบางส่วน เพราะหนังสือส่งตัวถูกเก็บจนลืมเลยไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมาบ้านเลยไม่มีคนทำความสะอาดฝุ่นหนาเตอะแค่ย่ำลงไปก็เป็นรอยเท้าชัดเจน อยากจะทำความสะอาดก่อนจะเข้าพักจริงแต่เพราะเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางแค่เดินยังอ่อนแรง แต่ถ้าไม่ทำแล้วเขาจะได้ยังไงระหว่างที่กำลังชั่งความคิดเขาก็ได้ยินเสียงสนทนาดังจากหัวบันไดบ้านพัก

    “ไปนอนบ้านหมอก่อนก็ได้จะให้เขานอนที่นี่ได้ยังไงฝุ่นหนาขนาดนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยหาคนมาทำความสะอาดอีกที”

   เขาชะโงกหน้ามองหาเจ้าของเสียง เห็นแค่เส้นผมสีดำปกคลุมศีรษะทุยสวย กับเสื้อกาวน์สีขาวคนพูดคงเป็นหมอเหมือนกันกับเขา เพราะได้ยินผู้ชายคนนั้นเรียกแทนตัวเองว่า ‘หมอ’

    “คุณหมอมะรุมครับ”

    บุรุษพยาบาลผิวเข้มเงยหน้าขึ้นร้องเรียก ทำให้อีกคนเงยหน้าตามด้วยวรทย์กลืนน้ำลายกระพริบตาถี่ดึงหน้ากลับทั้งที่ยังไม่ได้เห็นอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาจำใจต้องเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้านหยุดที่หัวบันไดตากลมมองชายที่ขึ้นชื่อว่าแปลกหน้าทั้งสอง ก่อนจะเป็นฝ่ายแนะนำตัวเพื่อการสร้างมิตรที่ดียาวไปถึงลู่ทางของการงานในอีก ๓ ปีของตัวเอง

    “เอ่อ ผมนายแพทย์วรทย์ครับ เรียกว่ามะรุมก็ได้” เขาก้มหัวให้เป็นเชิงทักทาย หมอหนุ่มอีกคนเดาจากสายตาอายุคงหนีไม่ห่างกันเท่าไหร่พยักหน้ารับ

    “ชื่อแปลกดี ผมหมอคีย์อยู่อายุรกรรม” หมอคีย์แนะนำตัวสั้นๆ คิ้วหนานั่นโดดเด่นบนใบหน้าขาว ริมฝีปากบางสีสดขยับเอื้อนเอ่ยต่อ “คืนนี้ไปพักกับผมก่อนก็แล้วกัน บ้านผมมีสองห้องอยู่ใกล้ๆ กัน หลังนี้ไม่ไหวหรอกฝุ่นหนายิ่งกว่าถนนลูกรังไว้พรุ่งนี้ผมจะให้แม่บ้านมาทำความสะอาดให้”

    สรุปความได้ว่าคืนนี้เขาได้พักกับหมอคีย์แผนกอายุกรรม บุรุษพยาบาลคนนั้นอาสาช่วยถือกระเป๋าแต่หมอคีย์ปฏิเสธรับหน้าที่นี้เอง เขาทำแค่เดินตามจะเอ่ยปากห้ามอะไรก็ง้างปากไม่ออกหมอคีย์แนะนำส่วนต่างๆ ของบ้านคร่าวๆ แล้วชี้ไปยังประตูอีกบานบอกว่านั่นคือที่พักของเขาคืนนี้ กระเป๋าถูกส่งคืนมือเจ้าของอีกครั้งหมอคีย์หายไปทันทีเขาไม่ทัน
ได้ดูว่าไปที่ไหนเหนื่อยเกินจะสนใจใคร กระเป๋าวางหน้าเตียงเล็กขนาดสามฟุตเหมาะกับชายไทยร่างกะทัดรัดของเขายิ่ง
นัก หน้าต่างถูกเปิดครบทุกบานลมเย็นพัดโชยช่วยดับร้อนไม่ต่างจากพัดลม ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหลับทันทีที่หัวแตะโดนหมอนจนเกือบหกโมงเย็นหมอคีย์ถึงได้มาปลุกแล้วก็โดนลากมาโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพักที่อยู่ถัดไปอีกสองสามหลัง ถึงจะมึนงงเพราะยังไม่ตื่นดีแต่เพราะที่โต๊ะส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงเล่นเอาเขินแก้มึนไปได้เหมือนกัน

    เก้าอี้หินอ่อนเข้าชุดกันเหลือเพียงหนึ่งตัวเขากับหมอคีย์จำเป็นต้องนั่งคู่กัน แต่เพราะหมอคีย์ไม่ได้แสดงทีท่าลำบากหรือรังเกียจอะไรซ้ำยังหยิบจาน ช้อนส้อมวางลงตรงหน้าให้เขาเลยผ่อนคลายความเกร็งลงไปได้บ้าง

    “เป็นไงบ้างที่นี่กันดารดีใช่มั้ยล่ะ”

    พยาบาลคนแรกที่เขาคุยด้วยตอนที่สอบถามเรื่องหนังสือส่งตัวจำได้ว่าชื่อพรพิมล เอ่ยถามพลางตักคอหมูย่างใส่จานให้เขา วรทย์ยิ้มรับบางพยักหน้าไปหน

    “ครับ ผมมาไม่ทันรถด้วยเลยเดินซะขาลาก”

    “ชาวบ้านแถวนี้เขามีรถเองกันแทบทุกบ้านไม่กระบะก็มอเตอร์ไซด์รถสองแถวเลยวิ่งแค่วันละเที่ยว” พี่พยาบาลคนเดิมอธิบายเพิ่ม

    “ซื้อมอเตอร์ไซด์ซักคันก็ดีเหมือนกันนะเดินทางสะดวกหน่อย แต่ถ้าจะไปไหนให้หมอคีย์ไปส่งก็ได้” พยาบาลอีกคนบอกตักส้มตำปูปลาร้าเข้าปากแล้วส่งเสียงซี๊ดซ๊าด “เผ็ดไปนะแกให้เจ๊เปียวใส่พริกกี่เม็ดเนี่ยไอ้ขวัญ”

    “ไม่ได้นับเห็นหยิบเป็นกำ” คนที่ตอบเขาไม่รู้ว่าเป็นพยาบาลหรือเปล่าเพราะเธอไม่ได้สวมเครื่องแบบเหมือนคนอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ เธอชื่อขวัญ

    “ซื้อทำไม ไปรถผมก็ได้” หมอคีย์บอกเรียบๆ ปั้นข้าวเหนียวจิ้มกับส้มตำไทยสีสันไม่จัดจ้านเท่ากับปูปลาร้าที่แดงด้วยพริกแห้ง

    “ใจดีจังน้า หมอคีย์เนี่ย” พี่มลแซวยิ้มๆ ส่งปีกไก่ย่างให้เขา “ที่นี่เราอยู่กันแบบนี้ ข้าวเหนียวส้มตำแกงถุง เห็นกันดาลๆ อย่างนี้ขับรถไปอีกห้านาทีก็เจอตลาดแล้วแต่ไม่มีเซเว่นกับโลตัสหรอกนะ”

    “ครับ” วรทย์รับคำค่อยตักคอหมูย่างเข้าปากอาหารที่สองของวันล่วงมาตอนเกือบจะหกโมงเย็นน่าแปลกที่มันไม่ยักจะหิวคงเป็นเพราะตอนที่เดินมาที่โรงพยาบาลเขากินน้ำหมดไปเป็นขวดกระหายจนลืมหิว

    จากนั้นวงข้าวเย็นก็กลายเป็นวงสนทนาส้มตำ น้ำตก ไก่ย่างกลายเป็นของแค่ของประดับทุกคนถามไถ่ประวัติความเป็นมา ทั้งเรื่องที่เรียน ที่บ้านหรือแม้แต่คนรัก

    “น้องมะรุมมีแฟนหรือยังหน้าตาน่ารักอย่างนี้สงสัยไม่รอดแหง ชักอยากจะเห็นหน้าแฟนแล้วซิว่าจะน่ารักกว่าหรือเปล่า” พี่อรหรืออรอนงค์หัวหน้าพยาบาลพูดไปหลิ่วตาไปไม่น่าเกลียดแต่น่าขำมากกว่า วรทย์อมยิ้มสั่นหัวแทนคำตอบ พี่อรตบเข่าฉาดคล้ายถูกใจ “นั่นไง! น่ารักอย่างนี้ผู้หญิงที่ไหนจะอยากได้เป็นแฟน เล่นน่ารักกว่าผู้หญิงซะนี่”

    “พี่อรก็พูดเกินไป แต่ถ้าเป็นพี่ๆ ก็ไม่อยากได้หมอมะรุมเป็นแฟนหรอก อยากเอาไว้ดูเล่นดีกว่า เห็นแล้วเพลินตาดีชะมัด” พี่มลช่วยสำทับอีกเสียง สองสาวพากันมองคุณหมอตากลมหน้าใสที่ส่วนสูงเลยพวกตนมาไม่ถึงห้าเซนดี วรทย์ยกแก้วเป็บซี่ขึ้นดื่มแก้เขินเขาเคยโดนเพื่อนผู้หญิงชมบ่อยๆ ว่าน่ารักแถมยังเคยโดนเพื่อนและรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชายจีบอีกด้วย แต่เพราะยังไม่พร้อมมีความรักไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงเขาปฏิเสธหมด

   “แล้วหมอคีย์ล่ะมาทำงานที่นี่จะสองปีแล้วถูกใจลูกสาวบ้านไหนบ้างหรือยัง” ขวัญถามเลยไปยังหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน แม้จะเว้นระยะห่างเอาไว้แต่ไออุ่นจากกายคนตัวใหญ่ยังแผ่มาถึง วรทย์เหลือบมองเสี้ยวหน้าขาวอดรอฟังคำตอบไปกับเขาด้วยไม่ได้

    “ไม่มีหรอกครับ ผมมันพวกรักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน” หมอคีย์ตอบเรียบๆ นิ่งๆ ไม่มีการยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้เก้อแก้เขิน
อย่างที่เขาทำ ใบหน้านิ่งสงบเหมือนผืนน้ำแต่ไม่ให้ความรู้สึกเย็นชามันชวนอบอุ่นเสียมากกว่า วรทย์ถอนสายตาจากร่าง
สูงผินหน้าเข้าสู่วงสนทนาอีกครั้ง สองหนุ่มปฏิเสธไม่มีความรักแต่อีกสาวสาวต่างพากันถ่ายทอดประสบการณ์ความรักให้
ฟัง เขาจำเรื่องของแต่ละคนไม่ได้แต่สรุปได้ความว่าพี่อรมีสามีแล้วเป็นเจ้าของอู่ใหญ่อยู่ในตัวเมืองมาทำงานแบบไปกลับส่วนอีกสองสาวยังโสดสนิทด้วยกันทั้งคู่ โดยให้เห็นผลว่าสวยเลือกได้ กว่าปาร์ตี้เล็กๆ เลี้ยงต้อนรับคุณหมอคนใหม่จะเลิกก็เกือบสองทุ่มเป็นการกินมื้อเย็นนานที่สุดของวรทย์เลยก็ว่าได้ หมอหนุ่มเดินตามหมอรุ่นพี่เพราะต้องพักบ้านหลังเดียวกันระหว่างรอทำความสะอาด หมอคีย์ที่เพิ่งรู้ชื่อจริงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าว่าชื่อคิมหันต์

    แม้จะเพิ่งหัวค่ำแต่เพราะความเป็นชนบทเพียงแค่ความมืดโรยตัวปกคลุมทุกอย่างเป็นสีดำ หมดแสงสว่างทุกอย่างก็ราวกับจะกลืนไปหายกับความมืดมิด เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องขับขานแทนเสียงรถที่วิ่งบนถนนแสงไฟในตัวอาคารเป็นเพียงแห่งเดียวที่ไม่ทำให้ที่แห่งนี้ดูน่ากลัวเกินไปนัก เพราะกระทั่งบ้านพักที่เขาต้องพำนักในคืนนี้ยังดูน่ากลัวมันเป็นเงาทะมึนดูคล้ายบ้านผีในหนังไทยจนอดขนลุกไม่ได้ ถึงจะเป็นหมอเชื่อในวิทยาศาสตร์แต่ก็อดหวั่นไม่ได้ แปลกที่แปลกทางเสียด้วยเผลอยกมือไหว้ลมไหว้อากาศไปกันไว้ดีกว่าแก้เขาไม่อยากตื่นมาแล้วเจอใครมานั่งอยู่ปลายเตียงเหมือนที่เคยเห็นในหนัง

    “ทำอะไร”

    มือที่ยกขึ้นประนมไว้ระดับหน้าอกลดลงวูบสั่นหัวปฏิเสธ หน้าร้อนกับประกายในตาคมของหมอคีย์ถึงแสงจากตัวอาคารจะส่องมาไม่ถึงแต่ก็มองเห็นอยู่ดี หมอรุ่นพี่เลิกใส่ใจท่าทางประหลาดของอีกฝ่ายก้าวไปบนบันไดอย่างแม่นยำแม้จะไม่มีไฟให้แสงสว่าง วรทย์ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่เดิมไม่กล้าขึ้นบันไดตามไปเพราะกลัวพลาดตกกระทั่งนีออนหลอดยาวเปิดขึ้นแสงจ้าทำตาฝ้าแต่แค่เสี้ยวนาทีก็ปรับสภาพได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองหาเจ้าของบ้านก็พบว่ายืนรออยู่ชั้นสองแล้ว

    “จะยืนรอเจ้าที่มาอวยพรก่อนนอนหรือไง”

    ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำสองวรทย์รีบปีนขึ้นบันได แต่อารามตกใจทำให้ก้าวผิดขาขวาก้าวพลาดเสียหลักหงายหลังชายหนุ่มอุทานด้วยตกใจคิดว่าคงได้ตกลงไปหัวร้างข้างแตกแน่ หากทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่คาดการณ์ทั้งร่างถูกดึงด้วยพลังมหาศาล ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มตาช้อนมองคนที่กอดตัวเองแน่น “ซุ่มซ่ามกว่าที่คิดนะครับหมอมะรุม”

    กลิ่นหอมเย็นเคล้ากลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่มรายล้อมรอบตัว มือขาวเผลอยึดเสื้อเนื้อนุ่มที่ท่อนแขนแข็งแรงแน่นใจยังเต้นไม่เป็นปกติขาสั่นเหมือนตอนเข้าไปพบอาจารย์ใหญ่ครั้งแรก วรทย์สูดเอากลิ่นนั่นเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ตั้งสติให้มั่น

    “ขอบคุณครับหมอคีย์” พึมพำขอบคุณ

    หมอหนุ่มตัวโตค่อยปล่อยมือจากผู้ตัวตัวบางผิวขาวเมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะล้มพับลงไป ใบหน้าคมอมยิ้มมองดูคุณหมอคนใหม่ที่กำลังตั้งหลักบนเท้าอีกครั้ง

    “คุณกลัวผีด้วยเหรอ”

    “ปะ เปล่าไม่ได้กลัว แค่ไม่ชิน” หมอกับผีเป็นเหมือนเส้นขนาน เขาไม่เคยเห็นแบบที่ออกมาแหวกอกปลิ้นตาเหมือนในหนังไทยมากที่สุดก็ตอนผ่าร่างอาจารย์ใหญ่ (วิชามหกายวิภาคศาสตร์,Gross Anatomy) นั่นแหล่ะ

    “บ้านนอกก็อย่างนี้แหล่ะ หัวค่ำก็เข้านอนกันหมดบ้านใครบ้านมัน ถ้าอยากเจอแสงสีก็ต้องเข้าเมือง”

   หมอวรทย์พยักหน้าหงึกหงัก จำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันผ่านผับผ่านบาร์รวมไปถึงคาราโอเกะหลายร้านอยู่เหมือนกันไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปใช้บริการบ้างหรือเปล่า

    “ไปนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวกับผู้อำนวยการ”

    
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2015 22:39:01 โดย libra82 »

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
คิมหันต์ตบที่ไหล่เล็กเบาๆ เพิ่งสังเกตว่าหัวของคุณหมอคนใหม่สูงเลยคางมาไม่กี่เซนเท่านั้นเอง เขาสูงร้อยแปด
สิบคาดว่าอีกคนคงสูงไม่เกินร้อยเจ็ดสิบห้าแน่นอน ตัวก็ผอมบางไม่รู้ว่าจะมีเรี่ยวมีแรงรบรากับคนไข้ถิ่นห่างไกลความ
เจริญได้ครบสามปีหรือเปล่า เขารอจนกระทั่งคนตัวเล็กหายเข้าไปในห้องติดกันรอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะลื่นล้มไปอีกรอบ จึงค่อยตัดสินใจกลับเข้าห้องของตัวเองบ้างพร้อมกับหัวใจที่แช่มชื่นกว่าทุกวันราวกับว่าสิ่งดีๆ กำลังจะเกิดในอีกไม่ช้านี้...

    หมอวรทย์ตื่นเช้ากว่าปกติทั้งที่อากาศต่างจังหวัดดีกว่าที่กรุงเทพฯ หลายเท่า แต่เพราะแปลกที่แปลกทางฝืนบังคับร่างกายให้หลับไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงไก่ขันตอนตีสี่พอดี อยากลงจะไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นก็ไม่กล้าเพราะห้องน้ำอยู่ด้านล่างของตัวบ้าน จะเปิดไฟเองก็ดันไม่รู้ว่าสวิตช์ไฟอยู่ตรงไหนอีก หยิบจับอะไรไม่ค่อยจะถูกนักจะไหว้วานเจ้าของบ้านยิ่งไม่กล้าเพราะแค่รบกวนที่นอนก็มากเกินไปแล้ว เลยจำต้องนั่งหัวโด่บนเตียงรอให้แสงแรกของวันปรากฏขึ้นทีละน้อย แต่ก็ทำท่าจะเคลิ้มหลับไปหลายหนกระทั่งได้ยินเสียงกุกกักหน้าห้องก็กระโดดผึงลงจากเตียงเงี่ยหูฟังจนแน่ใจว่าไม่ใช่เสียงเจ้าที่ที่ออกมาทักทายตอนเกือบจะหกโมงเช้า

    “หมอมะรุมตื่นหรือยังครับ” เสียงหมอคีย์ คนแปลกถิ่นถอนหายใจยาวเปิดประตูให้ มองผู้ชายตัวสูงที่ยังอยู่ในชุดนอน เขายิ้มแหยให้ไปเพราะยังเก้อเขินกับมิตรใหม่อยู่มากพอควร

    “นอนไม่หลับล่ะซิ ตอนมาวันแรกผมเองก็นอนไม่หลับเหมือนกันแต่พอได้ทำงานกลับมาหลับเป็นตาย” หมอคีย์พูดยิ้มๆ “ลงไปหากาแฟกินกันดีกว่า หน้าโรง’บาลมีร้านขายกาแฟปาท่องโก๋ขาย” เขามือวิสาสะยื่นมือไปจับมือเล็กกว่า อมยิ้มเมื่อเห็นว่าคุณหมอตัวเล็กทำหน้าเหรอหราแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ปล่อยให้เขาลากไปจนถึงหน้าโรงพยาบาลอาแปะเส็งกำลังยืนตักน้ำเต้าหู้ให้ลูกค้าอยู่พอดี ข้างๆ กันป้าหมวยยิ้มร่าอวดฟันทองเรียกลูกค้าขาประจำที่ร้านขายโจ๊กของตัวเอง ความคึกคักมาเยือนพร้อมกับแสงตะวันของวันใหม่และจะโรยราไปเมื่อแดดทอแสงแรงขึ้น

    แผงร้านค้าชนิดเก็บได้ตั้งเรียงรายกันเกือบสิบร้าน ตั้งแต่ร้านขายน้ำเต้าหู้ โจ๊ก ข้าวราดแกง ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ดอกไม้ ผลไม้กระทั่งผักปลาช่วยเพิ่มความสดชื่นได้มากทีเดียว เมื่อวานเขามาตอนเที่ยงนอกจากกำแพงขุ่นๆ เขาก็ไม่พบสิ่งใดอีกแต่ตอนเช้ามันต่างกันลิบลับ เสียงแม่ค้าร้องเรียกลูกค้ามันกระตุ้นให้กระปี้กระเป่าตากลมมองร้านนู้นทีร้านนี้ที คนกรุงฯ ชินตากับแผงลอยพวกนี้ดีแต่ไม่บ่อยครั้งที่เขาจะได้มาเยือน ได้แต่นั่งรถผ่านเท่านั้น

    “หมอมะรุมอยากกินอะไร โจ๊กมั้ย เช้าๆ กินโจ๊กก็ดีเหมือนกันนะ”

    คนที่ชวนมาสะกิดถาม เขากวาดตามองไปรอบๆ อย่างชั่งใจ จะให้ถูกต้องเรียกว่าชั่งจมูกมากกว่าว่ากลิ่นไหนมันเชิญชวนเขาได้ดีกว่ากัน ปรากฏว่าไอ้หมูปิ้งควันลอยฟุ้งไปทั่วพร้อมกลิ่นที่หอมยิ่งกว่าสเต็กในร้านดังชนะไปใสๆ ด้วยกลิ่นที่แรงกว่าใคร

    “หมูปิ้งครับ”

    น้ำย่อยในกระเพาะทำงานทันทีทั้งที่เพิ่งจะหกโมงกว่าๆ เท่านั้น เขาเดินตรงนี่ไปแผงขายหมูปิ้งแม่ค้าอายุไม่มากปิ้งหมูจนหน้ามัน ปากเรียกลูกค้าแต่มือพลิกหมูไม่หยุด หมอคีย์มองตามแผ่นหลังเล็กไปยิ้มๆ ก่อนจะพาตัวเองไปยังร้านปาท่องโก๋ร้านประจำของตัวเอง เช้าๆ เขากินได้แค่กาแฟกับปาท่องโก๋เท่านั้น

    “เอาหมูปิ้งห้าไม้ครับ” น้ำลายทำท่าจะไหลเข้าไปทุกที เพราะเมื่อวานกินแต่ส้มตำมันเลยย่อยเร็วเช้ามาถึงได้หิวเร็วนัก แม่ค้าหน้ามันเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างเมื่อได้ลูกค้ารีบกุลีกุจอคว้าหมูปิ้งห้าไม้ให้เขาพร้อมทั้งถึงข้าวเหนียวเขารีบพยักหน้ารับเอาสองถุงไปเลยจะได้อยู่ยาวจนถึงมื้อเที่ยง ทั้งหมูและข้าวเหนียวในถุงพลาสติกเกือบจะถึงมืออยู่แล้วทว่ากลับโดนฉกไปต่อหน้าต่อตา เขามองตามถุงพลาสติกไปด้วยความตกใจไม่ต่างจากแม่ค้า

    “เฮ้ย! นั่นมันของน้องคนนี้เขานะไอ้ห่าดิน”

    “ก็ฉันหิวนี่ อะนี่ตังค์” ไอ้คนที่ตัดหน้าแย่งหมูปิ้งไปมันควักเงินแบงค์ร้อยส่งให้แม่ค้า แกทำปากขมุบขมิบคล้ายกับจะด่าแต่พอมันแค่เขม่นตาใส่แกก็ยอมรับเงินรีบนับเงินทอนส่งให้แต่มันกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ทิปอ่ะเจ๊ รู้จักทิปมะ โอ๊ย!”

    “ทิปพ่อมึงซิ! เจ๊พรเอาหมูใส่ถุงคืนคุณคนนี้เขาไป ไอ้ห่าดินไอ้ตะกละ”

   วรทย์ยืนมองคนแปลกคนแรกกินหมูปิ้งที่ควรเป็นของเขาหน้าตาเฉย แต่พอจะกินไม้ที่สองก็โดนคนแปลกหน้าคน
ที่สองตบเข้าให้ที่หัวจนไอ้คนหน้าด้านแย่งหมูเขาหน้าคะมำ อยากจะขำแต่สถานการณ์ไม่อำนวยเขาไม่รู้จักใครเลยกระทั่งแม่ค้าที่ได้ยินคนที่เป็นมือตบเรียกว่าเจ๊พร

   “ก็กูหิว เมื่อคืนพี่เสือชวนกินแต่เหล้ากับแกล้มก็ไม่มีตื่นมาโคตรหิว”

    “กูก็หิวรีบๆ ไปซื้อโจ๊กได้แล้ว เดี๋ยวไปช้าพี่เสือเล่นมึงกูไม่ช่วยด้วย”

    จะเรียกอาการที่เป็นว่าอยู่เอ๋อแดกก็คงจะไม่ผิดนัก หมูปิ้งยังไม่ได้กินแถมต้องมาดูคนแปลกหน้าตอบโต้กันอีก คนที่เป็นมือตบหันมายิ้มให้เขาคล้ายจะขอโทษ พลางช่วยเอาถุงหมูปิ้งอันใหม่ส่งให้แล้วรีบลากคอไอ้คนที่ยังยืนกินอยู่ให้ตามกันไป

    “อย่าไปถือสาไอ้พวกนี้มันเลยนะคะ มันถือว่ามีนายคอยคุ้มกะลาหัว ไอ้ปืนไม่ค่อยเท่าไหร่แต่ไอ้ดินนี่ซิกร่างไปทั่วหวิดๆ จะโดนตีนคนแถวนี้หลายรอบแล้วเขาเกรงใจบารมีเจ้านายมันเลยปล่อยให้มันลอยหน้าลอยตาอยู่” แม่ค้าหมูปิ้งที่เข้าใจว่าชื่อเจ๊พรร่ายยาวส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจ แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทันทีที่ได้รับเงินจากเขา ความอยากอาหารลดไปเกือบครึ่ง “เออ! ว่าแต่น้องเพิ่งมาอยู่ใหม่เหรอคะ อยู่บ้านไหนล่ะหน้าตาผิวพรรณไม่ใช่คนแถวนี้แน่เลยสงสัยมาจากที่เดียวกับหมอคีย์แน่เลย”

    เจ๊พรช่างจ้อถามต่อ เขาเงียบไปชั่วอึดใจเพราะตามอารมณ์แกไม่ทันก่อนที่คำตอบจะค่อยๆ ผุดออกมา “เอ่อ ผมเป็นหมอมาใหม่ครับ เพิ่งมาเมื่อวานชื่อวรท์เรียกว่ามะรุมก็ได้”

    “ต๊าย! คุณหมอคนใหม่ หน้าใส๊ใส” แม่ค้าหมูปิ้งยิ้มตาพราว “เสียดายพี่เกิดเร็วไปหน่อยไม่อย่างนั้นจะป่วยเช้าป่วยเย็นเลย” เปลี่ยนสรรพนามใช้เรียกตัวเองจาก ‘เจ๊’ เป็น ‘พี่’ อย่างทันควัน

    “พอเลยเจ๊พรเดี๋ยวพี่หวินก็ตามาแหวกอกหมอมะรุมเอาหรอก”

    คุณหมอคนใหม่สะดุ้งน้อยๆ เมื่อมีน้ำหนักถ่ายทอดลงมาที่ไหล่ กลิ่นกาแฟโชยแทรกหมูปิ้ง วรทย์หันไปมองเจ้าของแขนที่พาดบนไหล่อย่างสนิทสนมหมอคีย์หรือคิมหันต์ยกแก้วใสๆ บรรจุกาแฟสีน้ำตาลเข้มไปเกือบเต็มขึ้นซด มันเป็นการซดจริงๆ แค่พริบตาเดียวมันพร่องไปครึ่งแก้ว

    “โอ๊ย! หมอคีย์เจ๊ก็แซวไปตามเรื่องตามราวหน้าตาน่ารักอย่างนี้ไม่เหมาะจะเป็นสามีใครหรอก เหมาะกับเป็น...” แกเว้นช่วงยกตาพราวเอามือป้องปากฝั่งเขาให้หมอคีย์ได้ยินคนเดียว “...เป็นเมียมากกว่า”

    หน้าเขาร้อนวูบเสียงเจ๊พรแม่ค้าขายหมูปิ้งเบาเสียที่ไหน ทำเป็นยกป้องแต่เสียงดังจนแม่ค้าแผงข้างๆ ยังได้ยินหันมามองเขาซ้ำยังหัวเราะคิกคัก หวังจะให้หมอคีย์ช่วยรายนั้นกลับหัวเราะสมทบเพิ่มไปอีกเสียง แค่เกิดมาตัวเล็กกว่าคนอื่นแต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสามีของใครไม่ได้เสียหน่อย

    “โธ่เจ๊พร ไปล้อหมอมะรุมดูซิหน้าแดงหมดแล้ว” หมอคีย์ว่ายิ้มๆ ออกแรงรั้งไหล่ให้ห่างจากแผงขายหมูปิ้ง แล้วพามานั่งระงับความอายที่ร้านปาท่องโก๋แทน “แปะเอากาแฟมาแก้เขินแก้วนึง”

    “ผมไม่ได้เขิน!” วรทย์แย้งแต่หน้าแดงไม่เลิก ยิ่งผิวขาวมันยิ่งเห็นชัด ตากลมตวัดค้อนคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดึงเอาหมูปิ้งมากินแก้โมโหในส่วนสูงที่น้อยนิดของตัวเอง...ก็ไม่ได้น้อยนักหรอกตั้งร้อยเจ็บสิบสอง

    “ไม่เขินก็ไม่เขิน”

    หมอตัวสูงผิวขาวที่เริ่มจะคล้ำเพราะแรงลมแรงแดดพูดยิ้มๆ ดึงหมูปิ้งเจ๊พรมากินบ้าง กาแฟกับหมูปิ้งไม่ได้เข้ากันเลยจริงๆ...


    การทำงานวันแรกไม่ได้เกินไปกว่าที่คิด เขาถูกแนะนำตัวอย่างเป็นทางการต่อหน้าหมอและพยาบาล อีกรอบ ในโรงพยาบาลเล็กๆ มีหมออยู่สี่คนรวมเขาด้วยก็เป็นห้า พยาบาลไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่เพราะผลัดกันเข้าเวร อาจจะประมาณสิบสองหรือสิบสามคน คนไข้คนแรกของการเป็นหมอเต็มตัวเป็นเด็กหญิงวัยห้าขวบที่เป็นไข้หวัดเพราะตากฝน เกือบจะราบรื่นดีแต่แม่หนูดันร้องไห้ดิ้นพล่านตอนที่ต้องฉีดยาร้อนถึงพยาบาลและผู้ปกครองที่ต้องช่วยกันจับ กว่าจะฉีดยาได้เล่นเอาหูชาเพราะเสียงเด็กหญิงดังยิ่งกว่าติดเครื่องขยายเสียงเสียอีก ฉีดเสร็จแล้วก็ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นซุกหน้าลงกับอกมารดา ไม่มองหน้าเขาอีกเลยคงจะโกรธที่เขาทำให้เจ็บตัว...พ้นช่วงเช้าไปเกือบราบรื่นถ้าไม่นับรวมแม่หนูน้อยหน้าบึ้งคนนั้น แปลกใจนิดหน่อยที่โรงพยาบาลเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากแหล่งชุมชนแต่กลับมีคนที่ดั้งด้นมารักษา เยอะกว่าเมื่อวานตอนที่เขาเพิ่งมาถึง

    “ไปกินข้าวกันค่ะ ช่วงบ่ายคนไข้ซาลงแล้ว” พยาบาลชื่อวิวที่บังเอิญเข้าเวรแล้วมาเจอเขาพอดีเอ่ยชวน ใบหน้าจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อยพ่วงกับดวงตาเป็นประกายและน้ำเสียงสดใสอ่อนหวานมีส่วนช่วยให้เด็กคนนั้นหยุดร้องไห้ได้เร็วขึ้น เขาเห็นเธอพร่ำพูดอะไรบางอย่างก่อนจะดึงเอาอมยิ้มรสอะไรซักอย่างสีส้มๆ ส่งให้ถึงจะยังสะอื้นแต่ก็หยุดเสียงแสบแก้วหูได้ชะงักดีนัก

    ร่างที่สูงมากกว่าไม่กี่เซนลุกขึ้นบิดตัวเอี้ยวไปมาไล่ความเมื่อยขบ เขามีหน้าที่ตรวจตามอาการหากหนักมากคนป่วยจะถูกส่งต่อไปยังแพทย์เฉพาะทาง ที่นี่มีผู้อำนวยการแค่คนเดียวไม่มีหมอผ่าตัด รักษาแค่ระดับพื้นฐานตรวจ จ่ายยา ฉีดยาบ้างแต่ถ้าต้องผ่าตัดก็จะมีรถส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในตัวเมือง

    “แล้วพี่วิวกินที่ไหนล่ะครับ” เขาถาม แม้จะไปสำรวจพื้นที่มาบ้างแล้วแต่เมื่อเช้าตอนที่เดินผ่านโรงอาหารไม่แน่ใจว่ามีแม่ค้าเปิดร้านหรือเปล่า หมอคีย์ไม่ได้บอกอะไรไว้ด้วย

    พยาบาลวิวยิ้มหวานอวดไรฟันขาว “วิวห่อข้าวมาค่ะ ที่นี่มีร้านข้าวร้านเดียวอาหารก็จำเจน่าเบื่อจะตายสู้ทำเองห่อเองกินเองดีกว่า”

    ‘แล้วผมจะกินอะไรล่ะ’ ชายหนุ่มพึมพำในใจมองดูสะโพกมนที่ห่างออกไป คงต้องพึ่งร้านอาหารเพียงร้านเดียวตามที่เธอบอก อาหารจำเจดีกว่าไม่มีอะไรให้จำเจสองขาที่ยาวน้อยกว่าชายไทยทั่วไปนิดหน่อยก้าวออกจากห้องตามพยาบาลคนสวยไปบ้าง หากแต่เพียงแค่หน้าประตูห้องก็ต้องสะดุดกับเสียงเอ็ดขรม

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
“แค่ฉีดยาจะร้องทำไมนัก ห๊ะ! พ่อเราบอกว่าเป็นผู้ชายห้ามร้องไห้”

    “แต่กิ่งแก้วเป็นผู้หญิงนะ!”

    “นั่นแหล่ะ จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ห้ามร้องไห้”

    “แง๊ ก็พิกเล็ตไม่โดนฉีดยาไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บ แง๊!”

    สิ้นคำเสียงแสบแก้วหูที่หายไปพักใหญ่ก็กลับมาอีกครั้ง แม่หนูคนเดิมร้องไห้ยกใหญ่แถมคราวนี้ไม่มีผู้ปกครองที่มาด้วยกันอยู่คอยห้ามคอยปลอบอีกด้วย วรทย์ยืนหันรีหันขวางเขาไม่เป็นโรคไม่ถูกกับเด็กซักเท่าไหร่นักให้รักษาน่ะทำได้แต่จะให้กล่อมมันยกยิ่งกว่าเย็บเส้นเอ็นให้ติดกันเสียอีก

    “เงียบ! ไม่งั้นเราจะไม่ให้ขนมกินนะ” เด็กชายคนเดิมแผดเสียงดังแข่งกับเสียงร้องไห้ คุณหมอหนุ่มยอมเยี่ยมหน้าออกมาดู ชักจะสนใจเจ้าเด็กเสียงดังขึ้นมาตงิดๆ

    “ฮึกๆ เอาหลายๆ อันด้วย”

    “ก็ได้แต่กิ่งแก้วต้องหยุดร้องไห้ก่อนเราหนวกหู”

    คิ้วเรียวเรียงกันยกขึ้นด้วยความแปลกใจจำได้ว่าตอนฉีดยาแม่หนูคนนี้ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ทั้งขู่ทั้งปลอบกันอยู่นานสองนานกว่าจะยอมเงียบ จะว่าเงียบคงไม่ถูกนักต้องบอกว่าหมดแรงเสียมากกว่าแต่เพียงแค่เด็กชายที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่นี่พูดไม่กี่ประโยคก็สามารถหยุดเสียงร้องไห้ได้

    “อ้าว! คุณหมอมายืนทำอะไรตรงนี้คะ ไปโรงอาหารไม่ถูกเหรอคะเดี๋ยววิวพาไปก็ได้ค่ะ”

    ใบหน้าขาวใสหันกลับไปมายังต้นเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ตาใสมองผู้ชายตัวไม่สูงเลยถ้าเทียบกับคนที่บ้านใส่
เสื้อสีขาวตัวยาว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นหมอ ถึงจะไม่ได้แก่เหมือนลุงหมอก็ตาม

    “พิกเล็ตคนนี้แหล่ะที่ฉีดยาเราน่ะ”

    ตาใสแจ๋วเปลี่ยนเป็นวาววับราวกับกดปุ่มได้ จากที่แค่เอี้ยวตัวมองกลายเป็นหมุนกลับมาทั้งตัวร่างเล็กหนักไปทางป้อมขยับเท้าเข้าหา เงยหน้ามองคุณหมอหน้าขาวคิ้วหนาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดาขมวดแน่นปากเม้มเป็นเส้นตรงแขนยกขึ้นแล้วชี้ไปด้านหน้าพ่นวาจาอย่างไม่เกรงใจ

    “นายกล้าดียังไงมาฉีดยาเพื่อนเรา เพื่อนเรามันเจ็บไม่รู้หรือไง”

    อึ้ง ทึ่งและเกือบเสียวสันหลัง..เกือบนาทีทีเดียวกว่าที่จะตั้งตัวติดเกิดมาไม่เคยโดนใครชี้หน้าซ้ำไอ้คนแรกที่กล้าทำดันเป็นเด็กชายตัวป้อมๆ ตาโตๆ เสียอีก น้ำลายเหนียวกะทันหันหมดคำพูดลงไปดื้อๆ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนไปทำร้ายเด็กแล้วโดนผู้ปกครองเล่นงาน พลันสติหวนคืนวรทย์สะบัดหัวเล็กน้อย เอียงคอมองหนุ่มน้อยที่ทำเอาเขาหลงว่าเป็นหนุ่มใหญ่ไปได้หลายวินาที คุณหมอหน้าขาวกระแอมเบาเตือนตัวเองพร้อมกับเรียกกำลังใจไปด้วยในตัว

    “แต่ถ้าหมอไม่ฉีดเพื่อนของหนูก็จะไม่หายนะครับ” พยายามยิ้มใช้สุภาษิตใจดีสู้เสือ? เข้าว่า พลางย่อตัวให้ส่วนสูงเกือบเท่ากัน เจ้าเด็กตัวแสบไม่หลบตาแถมยังทำหน้าบู้ไม่เลิก

    “กินยาเอาก็ได้ตอนเราป่วยลุงหมอก็เอายาให้เรากินไม่เห็นต้องฉีดยาเลย”

    “มันไม่เหมือนกันครับ” เมื่อมองใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าเด็กชายคนนี้ตาสวยน่าดู ที่เห็นว่ากลมๆ ที่แท้มันคมไม่ใช่เล่นชักอยากจะรู้แล้วว่าได้ตาสวยๆ นี่มาจากพ่อหรือแม่ เขาทำใจกล้าเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่เกร็งเบาๆ เจ้าตัวดีไม่ได้ปัดออกแต่เหล่ตามอง มือที่ชี้หน้าเขาเมื่อครู่ลดลงไว้ข้างตัวแล้วเรียบร้อย “หมอไม่ได้แกล้งเพื่อนหนูนะครับ แต่ถ้าไม่ฉีดยาเพื่อนหนูจะไม่หาย”

    เด็กชายพิกเล็ตทำปากยื่นมองหน้าขาวๆ ของคุณหมอ ไอ้รอยยิ้มบนหน้านั่นมันทำให้อารมณ์ขุ่นๆ ในใจลดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนพี่จ้าในช่องจ๊ะทิงจ้าเลยดูทีไรอารมณ์ดีเมื่อนั้น มือที่แตะอยู่บนไหล่ก็อุ่นนุ่มด้วยไม่เหมือนของพ่อเสือแข็งยิ่งกว่าด้ามหนังสติ๊กซะอีก

    “แต่เพื่อนเราเจ็บ”

    “เจ็บแปบเดียวเดี๋ยวก็หายหรือว่าหนูอยากให้เพื่อนป่วยอยู่อย่างนี้ ตอนป่วยมันทรมานจะตาย ตัวก็ร้อน หัวก็ปวดแถมยังต้องกินยาขมๆ อีก”

    หมอหน้าขาวยิ้มอีกแล้ว เด็กชายตัวกลมก้มหน้าไอ้ลมร้อนๆ ที่พ่นออกหูเมื่อครู่มันหวนย้อนตีขึ้นมาบนหน้า พิกเล็ตเจ้าหมูสีชมพูที่ตั้งตามการ์ตูนแก้มแดงเรื่อรีบหมุนตัวเดินกลับแต่ไม่วายสูดเอากลิ่นหอมๆ จนกลิ่นเขียวๆ ของยาเก็บไว้ในปอด วันนี้ต้องเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พ่อเสือฟังโรงพยาบาลของลุงหมอมีพี่หมอหน้าขาวมาทำงานด้วย

    วรทย์ยกคิ้วสูงอีกรอบไอ้เท่าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเขามันหายไปทั่วพริบตา เจ้าเด็กตัวกลมเดินเร็วรี่ตรงปรี่ไปหาหญิงร่างท้วมที่มากับเด็กหญิงที่โดนเขาฉีดยาไปรายแรกของวัน แล้วซุกอยู่ด้านหลังเอาแต่หน้ายื่นมามองเป็นระยะๆ หมดสิ้นลายหนูน้อยจอมซ่าส์ไปอย่างน่าพิศวง

    “พี่ต้องขอโทษคุณหมอด้วยนะคะ คุณหนูแค่เป็นห่วงกิ่งแก้วมากไปหน่อยเท่านั้น”

    เขาไม่ได้เอะใจกับคำขอโทษของเธอ แต่สะดุดกับคำว่า ‘คุณหนู’ มากกว่า เริ่มจะมองเห็นเค้ารางบางอย่างไอ้ท่าทางเอาแต่ใจวางอำนาจอยู่ในทีคงได้รับมาจากฐานะที่ยกสูงขึ้น เจ้าเด็กพิกเล็ตนี้คงเป็นลูกท่านหลานเธอของผู้มีบรรดาศักดิ์ในพื้นที่แน่

    “ไม่เป็นไรหรอกครับน้องน่ารักดี ชื่อพิกเล็ตเหรอเราน่ะ” ประโยคหลังเขาเอียงคอถามเจ้าตัวแสบ หัวทุยๆ พยัก
หน้าอยู่กับต้นขาของคนที่เรียกว่าคุณหนูแล้วหดคอกลับไป ส่วนเด็กหญิงที่เขาเข้าใจว่าชื่อกิ่งแก้วเกาะอยู่อีกฝั่งสิ้นเสียงรอง
ไห้ไปพักใหญ่แล้ว

    “ยังไงพี่ขอตัวก่อนนะคะ ดูท่าเจ้ากิ่งแก้วจะไม่ไหวตาปรอยเต็มที”

    “ครับ อย่าลืมให้กินยาตามที่หมอสั่งนะครับ”

    หญิงคนนั้นพยักหน้ารับไวๆ จัดการอุ้มร่างของเด็กหญิงไว้ในอ้อมแขน แม่หนูเอาคางเกยไหล่ช้อนตามองเขาแล้วหลุบตาหนี ส่วนเจ้าตัวดีอีกคนหันมามองหน้าเขาอีกทีแล้วรีบวิ่งตามไปมือเกาะชายเสื้อแจ วรทย์ยืนมองจนทั้งสามลับตาไปหวังว่าเจ้าพิกเล็ตที่อ้วนเกือบเท่าหมีพูห์จะไม่เอาพ่อมาด่าเขาถึงโรงพยาบาลหรอกนะ...


    “เด็กที่ชื่อพิกเล็ตน่ะเหรอ เป็นลูกของนายเสือคนแถวนี้รู้จักกันดี อ้อ! ไอ้สองคนเมื่อเช้าที่เราเจอก็ลูกน้องนายเสือเหมือนกัน”    

    ข้อสงสัยถูกคลายออกเมื่อเอาไปถามจากหมอคีย์ที่ตอนนี้เขายกตำแหน่งเพื่อนสนิทให้ไปแล้ว เพราะนอกจากหมอคีย์เขาก็แทบจะไม่มีใครให้คุยด้วยอีก เหล่าพยาบาลทั้งหลายที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานไม่เห็นหน้าอีกเลยหมอคีย์บอกว่าบางคนมีวันหยุดวันนี้ บางคนก็เข้าเวรดึก เลยไมได้เจอกัน ส่วนตัวหมอคีย์เองเข้าเวรดึกตลอดทั้งสัปดาห์ส่วนของเขาน่าจะเริ่มอยู่เวรดึกในสัปดาห์หน้า

   “แล้วคนที่ชื่อเสือเป็นใครเหรอครับ” เขาถามต่อขณะตักไข่พะโล้เย็นๆ เข้าปาก ร้านอาหารเพียงหนึ่งเดียวรสชาติไม่ได้แย่ซักเท่าไหร่แต่เมนูอาหารน่าเบื่ออย่างที่พยาบาลวิวว่าจริงๆ

    “เป็นเจ้าของไร่ปาล์มที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอนี้ ผมไม่ค่อยได้เจอเขาเท่าไหร่หรอกแต่กับผู้อำนวยการนี่สนิทกันพอดี เห็นโทรมาตามกันอยู่บ่อยๆ”

    “ผู้อำนวยการ? ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของเราน่ะเหรอครับ”

    คิมหันต์พยักหน้า “ไม่รู้ว่าไปรู้จักกันได้ยังไง แต่ถ้าให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลไปรักษาให้ถึงบ้านแสดงว่าไม่ธรรมดาจริงๆ”

    วรทย์กระพริบตารัวถี่กลืนไข่ขาวลงคอแทบจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ รู้สึกถึงรางร้ายที่อาจจะทอดมาถึงตัว  ภาวนาขออย่าให้เจ้าพิกเล็ตตัวกลมนั่นไปเล่าเรื่องเขาให้พ่อฟัง เพราะเขาไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนของท่านผู้อำนวยการ คิดให้น่ากลัวกว่านั้นบางทีพรุ่งนี้พิกเล็ตอาจจะพาไอ้สองคนที่เจอเมื่อเช้ามาเล่นงานเขาก็เป็นได้รู้สึกอิ่มตื้อขึ้นมาดื้อๆ วางช้อนลงยน้ำขึ้นดื่มจบการกินมื้อกลางวันอย่างกะทันหัน

    หัวหนักๆ เพราะเพิ่งตื่นเบาขึ้นเรื่อยๆ เขามองแก้มเนียนของคุณหมอหน้าใสเพลินตา จริงอย่างที่เจ๊พรว่าคุณหมอมะรุมหน้าใสจริงๆ คล้ายผิวเด็กเนียนละเอียด ขาวลออตาผิดกับคนแถวนี้ อดห่วงไม่ได้ถ้าหากไม่ดูแลตัวเองโดนแดดร้อนๆ กับลมแรงๆ สีผิวก็อาจจะเปลี่ยนเอาได้ เขามองตามือขาวรวบช้อนเข้าหากัน นิ้วเรียวจับรอบแก้วยกขึ้นจรดริมฝีปากอิ่มฉ่ำสีสด น้ำพร่องเกือบหมดแก้วแล้ววางลงที่เดิม

    “อิ่มแล้วเหรอครับ” เขาถามเพราะข้าวในจานหายไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ คุณหมอคนใหม่พยักหน้าหงึกคิดว่าคงอิ่มยาวเลยไปอีกหลายมื้อเลยทีเดียว “ไม่ต้องคิดไปมาหรอกครับ นายเสือน่ะถอดเขี้ยวแล้วตั้งแต่โดนเมียทิ้ง”

    “เมียทิ้ง?”

    “ครับ” คิมหันต์รับคำ ที่จริงเขาไม่ใช่พวกสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านแต่บังเอิญได้ยินขาเมาห์นินทาให้ฟัง เรื่องนายเสือเลิกกับเมียดังสนั่นตำบลลามทุ่งไปถึงขั้นอำเภอ แต่มาเร็วก็ไปไวไม่ถึงสัปดาห์ชาวบ้านก็เปลี่ยนเรื่องนินทาแต่เจ้าของประเด็นดังยังไม่หายโศกเศร้าเสียใจเขาได้ยินได้ยินว่านายเสือกินเหล้าเมาหัวทิ่มไม่เว้นแต่ละวัน จากคนเอาการเอางานกลายเป็นไอ้ขี้เมาไปเสียแล้ว “ตอนนี้เมาหัวราน้ำไม่มีปัญญาลุกขึ้นมาเอาเรื่องใครหรอกครับ สบายใจได้”

    วรทย์ลอบผ่อนลมหายใจด้วยโล่งอก หากแต่ก็ต้องขมวดคิ้วฉับถ้านายเสือคนนั้นเป็นพวกขี้เมาไปแล้ว...แล้วเจ้าพิกเล็ตตัวกลมนั่นล่ะ เด็กแค่ห้าขวบจะใช้ชีวิตยังไงแม่ก็หนีไปพ่อก็เมา...นึกแปลกใจตัวเองที่ทำไมต้องเก็บเอาเรื่องของ
เด็กที่เพิ่งเจอกันยังไม่ถึงน้านาทีมาคิดด้วย หรือเพราะในตาคู่นั้นมันมีอะไรที่ทำให้เขาลืมไม่ลง...

    คืนนี้เขายังคงสิงสถิตนอนที่บ้านหมอคีย์เช่นเคยเพราะบ้านพักหลังที่เขาต้องไปพักมีจุดที่ต้องซ่อมแซมหลายที่แค่ทำความสะอาดไม่พอ พี่สินบุรุษพยาบาลเจ้าเดิมทำหน้ายุ่งเดินมาบอกตอนเย็นเขาจึงต้องทำตัวเป็นกาฝากไปอีกหลายคืน เผลอๆ อาจเป็นเดือน บ้านไม้สองชั้นดูน่ากลัวกว่าเดิมเมื่อต้องอยู่คนเดียว ยามที่เท้าเหยียบบนแผ่นไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดชวนเสียวสันหลังชอบกล เขาไหว้เจ้าที่เจ้าทางไปแล้วเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานไม่เชื่อเรื่องผีสางแต่ของไม่เห็นก็อย่าไปลบหลู่ คืนนี้หมอคีย์เข้าเวรเขาเลยต้องนอนคนเดียว ถึงจะพูดคุยกันไม่มากเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกถูกคอกับหมอหนุ่มรุ่นพี่คนนี้

    ร่างเล็กพร้อมเข้านอนในชุดสบายๆ เสื้อยืดเก่าเก็บเนื้อบางมีรูโหว่เพราะอายุการใช้งาน กับกางเกงใส่เตะฟุตบอลเนื้อลื่นไม่ค่อยได้เตะเท่าไหร่เพราะตลอดหกปีเขาทุ่มเทให้กับการเรียนมากกว่ากิจกรรม เวลาว่างเลยคลุกตัวอยูในแต่ในห้องสมุดมืดก็กลับบ้านร่างกายถึงไม่ค่อยจะมีกล้ามเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา เตียงนอนสามฟุตครึ่งไม่ได้ใหญ่เกินไปสำหรับเขา ห้องพักส่วนตัวเล็กกว่าห้องเก่าเป็นเท่าตัวแต่กลับไม่อึดอัด หน้าต่างบานเก่าๆ เปิดรับลมกลางคืนแทนพัดลมไม่ต้องเปลืองไฟ ดีที่ยังมีมุ้งลวดกันยุงไม่อย่างนั้นต้องโดนรักษาเองเพราะไข้เลือดออก หัวค่ำวันนี้เงียบเหงากว่าเมื่อวานไร้เสียงพูดคุยของบรรดาเหล่าพยาบาลช่างจ้อ วรทย์ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมฟุ้งคิดว่าหมอคีย์คงให้ใครไปซักมาใหม่ไอ้กลิ่นอับๆ ไม่มีเหลือให้แสบจมูก เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีโต๊ะขนาดเมตรกว่าๆ มาตั้งด้วยทั้งที่เมื่อวานนอกจากเตียงกับตู้เสื้อผ้าก็ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนอีก มีโคมไฟดวงพอประมาณตั้งอยู่ริมโต๊ะ พร้อมกับอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ใส่อยู่ในกล่องอลูมิเนียมซึ่งประยุกต์มาจากกล่องใส่ขนมอบแห้ง ที่น่ารักไปกว่านั้นคือบนโต๊ะมีขวดสปอร์นเซอร์อยู่ด้วย แต่มันไม่ได้ทำหน้าที่ใส่น้ำชูกำลังแต่กลายเป็นแจกันชั่วคราว มีดอกพุทธรักษาสีขาวปักอยู่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ แทรกให้ชื่นใจเป็นระยะ ไม่ต้องเดาให้ปวดหัวฝีมือหมอคีย์แน่นอนเพื่อนใหม่น่ารักกว่าที่คิด ท่าทางนิ่งๆ ติดเย็นชาพูดน้อยแต่ได้ใจความซ่อนมุมดีๆ เอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ คุณหมอคนใหม่เอนกายลงบนเตียงเกือบนุ่มแต่ยังไม่ง่วงซักนิด ที่นี่ไม่มีทีวีให้คลายเหงาแต่คิดว่าคงอยู่ในห้องหมอคีย์ ตากลมเหลือบมองหลอดนีออนกลางห้องสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ง่วงเพราะความคิดวิ่งวนอยู่กับดวงตาใสๆ ของเด็กชายพิกเล็ต หมดห่วงเรื่องที่โดนพ่อของเจ้าตัวกลมมาเล่นงานไปแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังห่วงอยู่

    ไม่ได้ห่วงสวัสดิภาพของตัวเอง แต่ดันไปเป็นห่วงความเป็นอยู่ของเด็กคนนั้นแทนเสียนี่ เด็กที่เพิ่งโตได้ไม่กี่ปีแต่ต้องมาเจอปัญหาใหญ่ของชีวิต แม่หนีไป อยู่กับพ่อขี้เมาถึงจะรวยจนถึงขั้นจ้างคนมาดูแลแต่ความรักจากพ่อและแม่สำคัญที่สุด เด็กจะมีความสุขได้อย่างไรหากปราศจากดูแลที่แท้จริงจากผู้ให้กำเนิด ทำไมคนเป็นแม่ถึงได้ใจดำนักทิ้งเด็กหน้าตาน่ารักตาใส่แจ๋วนั่นได้ยังไง

    ร่างเล็กพลิกตัวนอนตะแคงไอ้เรื่องอยากรู้ว่าตาสวยๆ นั่นได้มาจากใครยังไม่หาย เขาเผลอจินตนาการไปถึงหน้าพ่อแม่ของพิกเล็ต แต่พอนึกได้ว่านายเสือเป็นเพื่อนกับท่านผู้อำนวยการก็เลยคิดว่าพ่อของพิกเล็ตคงจะมีอายุมากพอดู แต่ถ้าแก่ขนาดนั้นยังกินเหล้าหัวราน้ำก็น่าสมเพชเกินไปหน่อย วรทย์พลิกกลับมายังอีกด้านตามองไปยังรูเล็กของซี่มุ้งลวดจากมุมนี้เขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้ แถมยังเลยไปถึงตัวอาคารของโรงพยาบาลอีกด้วย ไฟยังติดอยู่บอกให้รู้ว่าพร้อมที่จะรักษาคนป่วยทันทีเมื่อมาถึง สัปดาห์หน้าเขาจะต้องเข้าเวรช่วงกลางคืนไม่รู้ว่าในพื้นที่ห่างไกลตัวเมืองจะมีคนเจ็บกะทันหันให้รักษาหรือเปล่า เปลือกตาชักหนักขึ้นทุกทีความง่วงคืบคลานเข้าหาเพราะความคิดเริ่มหลุดลอยไปไกล ที่สุดแสงนีออนก็หายไปจากสายตาความมืดเข้ามาแทนที่ ร่างเล็กซุกกายเบียดหมอนข้างกลิ่นหอม ดอกพุทธรักษาหอมเย็นช่วยขับกล่อมให้ฝันดี...

 **โปรดติดตามตอนต่อไป**


***ตอนที่สองขอตรวจทานคำผิดกับแก้ไขข้อมูลก่อนนะคะเดี๋ยวเอามาให้อ่านกัน ริอาจแต่งคุณหมอต้องเหนื่อยเยี่ยงนี้แล***



ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
แอบมาจิ้มพี่กวาง :z13:

แบบยาวมากกกก จิค่อยๆอ่านแล้วมาเม้นต์เน้อ คุณหมอมะรุม :กอด1:


+++++++++

มีเจ๊เปียวด้วยอ่ะ! *ประเด็นสำคัญ กร๊ากก >_<

รอเปิดตัวพี่เสือค่ะพี่กวาง แค่คุณหมอเจอเจ้าหนูพิกเล็ตก็เก็บมาคิดเป็นห่วงขนาดนี้แล้ว ถ้าเจอพี่เสือจิเป็นยังไง ไม่อยากจะจิ้น~

ปล. คุณหมอคีย์สุดเท่อย่ามาแย่งหมอมะรุมของพี่เสือเค้านะ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2013 00:37:06 โดย wanmai »

Praewparin

  • บุคคลทั่วไป
ป้ากวางจ๋า....  *กระโดดกอดด้วยความรัก
ในที่สุดก็อ่านหมอมะรุมหน้าขาวแล้ว(เรียกตามพิกเล็ต)  o13
หมะมะรุมน่ารักจังเลยห่วงใยเด็กตัวน้อยๆที่โดนแม่ทิ้งด้วย
ยัยแม่นี่ก็นิสัยไม่ดีเลย ทิ้งลูกได้ไง!!!

ตอนนี้พี่ทิกเกอร์(วอนโดนพี่เสือเตะ) ยังออกมาแค่ชื่อ
ออกมาช้าระวังหมอคีย์คว้ามะรุมไปกินนะ หุหุ

ทั้งหมดอยากจะบอกว่าหนูพิกเล็ตหมูอ้วนสีชมพูน่ารักมากๆๆๆๆ
ขอเป็นแม่ยกพิกเล็ต *ชูป้ายไฟ  :o8:

ขอบคุณสำหรับเมารักตอนนี้นะคะป้าจ๋า
จะรอตอนต่อไป ไว้จะแวะไปทวงบ่อยๆ
(ทุกวันนี้ยังไม่บ่อย จิกยังกะไก่ 5555)

ปอลิงโป้. ชอบชื่อเรื่องมาก beautiful hangover เย้~ *ใส่ทำนองเพลง
ไว้เจอกันวันเสาร์คอนน้องจีเนอะ สู้ๅคร้าบ :bye2:

ออฟไลน์ MiU

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
อ่านทีแรกนึกว่าหมอคีย์คว้าตำแหน่งพระเอกไปกินแล้วซะอีก รอพ่อเรือพ่วงเสืออีกคน  :z1:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1

ออฟไลน์ shoky_9

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
 :mew3:  ตามมาอ่านค่ะ

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ ๒...นายเสือ    


     ‘แพรวรักพี่เสือที่สุดเลย รักมากกว่าใครในโลกนี้ แพรวสาบานว่าแพรวจะไม่รักใครอีกนอกจากพี่เสือ’

    ‘เชื่อได้เหรอ’

    ‘ถ้าไม่เชื่อแพรวสาบานให้ธรณีสูบเลยก็ได้ แม่พระธรณีเจ้าขาหากลูกช้างเปลี่ยนใจไปจากพี่เสือคนนี้ขอให้ท่านสูบ...’

    ‘พอแล้ว ไม่ต้องสาบงสาบานหรอก ให้เวลาพิสูจน์ก็พอ’

    …แล้วเวลาก็ได้พิสูจนใจคน แค่ไม่กี่ปีคนที่บอกว่ารักนักรักหนาก็จากลาทิ้งคนโง่มีเขาบนหัวนอนจมน้ำเมาเคล้าน้ำตามานานเกือบจะปีแล้ว หัวหนักๆ ฝืนยกขึ้นเพราะถ้อยคำที่ใครบางคนเคยบอกไว้มันย้อนกลับมาตอกย้ำความช้ำให้ทบทวีสูงขึ้น ไหนใครว่าเวลาจะเยียวยาแผลในใจได้แล้วทำไมเขายังไม่หายเสียที...เจ็บที่สุด หนักหนาที่สุด เหมือนทุกอย่างพังทลายลงต่อหน้า ไร้เรี่ยวแรงลุกขึ้นมาใหม่หมดกำลังใจดำเนินชีวิตต่อไปเหมือนเถาวัลย์ที่ขาดต้นไม้ให้เกาะเกี่ยวเลี้ยวพัน ล้มลงตายซากมีร่างกายแต่ปราศจากวิญญาณเหมือนผีดิบเดินได้เข้าไปทุกที

    ร่างหนาเอนหัวที่หนักไม่ต่างจากหินพิงกับเสาไม้ต้นใหญ่เพราะมันไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ เรอเอาแก็สที่อยู่ในท้องออกมาลูกใหญ่กลิ่นไม่พึงประสงค์อวลไปในอากาศแทรกปะปนกับแอลกอฮอล์ที่ไม่เคยห่างมือตลอดเฉียดๆ ปีที่ผ่านมา ลำคอแห้งผากจนต้องควานหาขวดที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมายกซดแก้กระหายไม่สนใจว่ามันจะเป็นน้ำอะไร เหยี่ยวหมาเหยี่ยวแมวหรือเหยี่ยวคนก็จะกิน โชคดีที่น้ำที่ผ่านลงคอคือน้ำเมาฝีมือไอ้ดินรสชาติบาดคอจนต้องหลับตาแต่พอมันไหลลงกระเพาะแล้วค่อยดีหน่อย ตาพร่าจนแยกแยะภาพไม่ออกตีรวมกันจนทุกสิ่งที่มองเห็นคล้ายภาพวาดแนวแอบสแตรคเอกซ์เพรสชันนิสม์ผู้ไม่เคยมีศิลปะในหัวใจแค่นยิ้มให้ตัวเอง บางทีถ้าสนใจอะไรซักอย่างคงไม่หมกมุ่นอยู่กับทุกข์โศกอยู่นานนับปีอย่างนี้ก็ได้ ขวดที่เพิ่งวางลงไปได้ไม่ถึงนาทีถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากแตกๆ อีกครั้งแต่คราวนี้มันไม่มีน้ำขมแสบคอไหลลงมาอีก มือใหญ่ปาขวดเปล่าทิ้งอย่างไม่ไยดี ควานหาขวดใหม่แต่นอกจากพื้นว่างๆ ก็ไม่พบสิ่งใดอีก คิ้วหนาขมวดครางฮึ่มในคอด้วยขัดใจ พยายามเปล่งเสียงเรียกหาน้ำเมาเพื่อนใจ

    “ครายอยู่ม่างวะ...เอา เอื๊อก เหล้ามาห้าย...กู หน่อย” น้ำเสียงยานคางสลับกับลูกเรอที่พ่นออกมาผสมกันจนฟังแทบไม่ออกดังก้องห้องโถงโล่ง ไม่มีเสียงใดๆ ตอบรับ ไม่รู้หรอกว่ากี่โมงกี่ยามกันแล้วแต่ถ้าหากเจ้าของไร่เคียงฟ้าเรียกหาก็ต้องพร้อมรับใช้ แต่ตอนนี้กระทั่งหมาซักตัวก็ยังไม่เห่าราวกับทั้งบ้านเหลือแต่เขาเพียงผู้เดียว

    เคร้ง

    เสียงขวดกระทบกันทำตาที่จวนจะปิดค่อยๆ หรี่ขึ้นอีกรอบ ภาพแอบสแตรคเอกซ์เพรสชันนิสม์ตรงหน้าค่อยๆ ชัดขึ้นสีที่ผสมกันมั่วๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างจนพอมองออกว่าเป็นหน้าของคน ไมใช่คน...แต่เป็นเด็ก เด็กที่เขารู้จักตั้งแต่เจ้าตัวถือกำเนิดมาบนโลกเฮงซวยใบนี้ ลมในท้องตีรวนจนต้องเรอออกมาปากแห้งๆ ยกยิ้มให้อยู่ที่อยู่เบื้องหน้ากลิ่นแป้งเด็กโชยกลบกลิ่นของเสีย

    “พิกเล็ตเหรอลูก”

    “พ่อจ๋าไปนอนบนห้องเถอะ”

    หน้าที่สากยิ่งกว่าถนนลูกรังถูกมือนุ่มๆ ของเด็กชายแตะเบาๆ พร้อมกับลำตัวอุ่นๆ ที่แทรกเข้ามาในอ้อมแขน หน้ากลมซุกที่อกของบิดา ถึงใครจะว่าพ่อเขาขี้เมาแต่คนขี้เมาคนนี้คือพ่อที่เลี้ยงเขามา พ่อแค่เมาอีกเดี๋ยวก็หายเขาเคยเห็นลุงหนั่นเมาพอเช้าก็หาย แต่พ่อของเขาหนักกว่าหน่อยกินเหล้าทั้งวันเลยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหายเมา เขาได้แต่รอหวังว่าพ่อเสือคนเดิมจะกลับมา น้ำตาอุ่นไหลผ่านแก้มเย็นเห็นพ่อทีไรมันทั้งเสียใจทั้งสงสาร พ่อเสียใจที่แม่แพรวหนีไปเขาเองก็เสียใจเหมือนกันแต่ในเมื่อแม่ไม่รักเขากับพ่อ เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจแค่มีพ่อ มีอาออย น้าเมี่ยง แล้วก็กิ่งแก้วก็พอแล้ว มีแค่แม่แพรวเท่านั้นที่ไม่รักเขา คนอื่นๆ รักเขาทั้งนั้น

    ตัวพ่อเหม็นเขียวพี่เมี่ยงเคยบอกแต่เขาไม่สน เพราะเมื่อไหร่ที่เสียใจอ้อมอกนี้มันอบอุ่นพร้อมกกกอดเขาเสมอ เด็กชายเบียดหน้ากับอกกว้างของบิดามาขึ้นมือบีบแขนที่โอบร่าง ‘พ่อจ๋าเมื่อไหร่จะกลับมาหนูรอนานแล้วนะ’

    น้ำอุ่นเหมือนที่ไหลจากตาของเขาหยดแหมะลงบนบ่า เด็กชายพิกเล็ตตัวกลมเงยหน้ามองพ่อของเขากำลังร้องไห้มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่พ่อร้องไห้อยู่เสมอตั้งแต่แม่แพรวหนีไป พ่อด่าทุกคนที่ห้ามไม่ให้พ่อกินเหล้าแต่พ่อไม่เคยด่าแม่ที่หนีไปซักคำ ลำแขนกลมเหนี่ยวคอแข็งกอดรัดร่างใหญ่ของคนเป็นพ่อแน่นหัวใจเขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน สองพ่อลูกกอดกันร้องไห้เงียบๆ ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้พิกเล็ตเหนื่อยเหลือเกินห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ยากเลยเพราะเขาเรียนรู้วิธีห้ามความเสียใจได้มาพักใหญ่แล้ว อยากจะสอนให้พ่อมั่งแต่พ่อก็เมาเกินกว่าจะตั้งสติรับรู้ เด็กชายคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย

    “พ่อจ๋าขึ้นไปนอนบนห้องเถอะเดี๋ยวหนูพา”

    เด็กชายวัยแค่ห้าขวบกับส่วนสูงที่ยังไม่พ้นหนึ่งร้อยเซนติเมตรพยายามจะยกแขนหนักๆ ของบิดาพาดบ่าเล็กๆ ของตัวเองใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดทั้งดึงทั้งลากแต่พ่อตัวใหญ่เหมือนเสาที่พ่อนั่งพิงเลยไม่ขยับไปไหน พ่อไม่ได้กินเหล้าแต่น้ำตาพ่อไหลไม่หยุด เขาชอบให้พ่อกินเหล้ามากกว่าร้องไห้ไม่มีเสียงอย่างนี้

    “เดี๋ยวอาช่วย”

    เด็กชายหันมองผู้มาใหม่ อาออยก้มลงยิ้มให้เขาพลางจับแขนของพ่อพาดบ่าตัวเองแทนแล้วดึงตัวของพ่อขึ้น อาออยตัวเซเพราะพ่อตัวใหญ่กว่าอาออยเยอะ เขาช่วยดันหลังพ่อให้แล้วเอาแขนอีกข้างพาดบ่ามือวาดไปด้านหลังโอบเอวพ่อเอาไว้ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดลากพ่อขึ้นไปข้างบน

    “พิกเล็ตไปเอาน้ำเย็นใส่กะละมังมา เดี๋ยวอาจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้พ่อเรา”

    พิกเล็ตพยักหน้ารัววิ่งปรื๋อลงไปด้านล่างหาอุปกรณ์ตามที่อาออยบอก อาณกรหรืออาออยของพิกเล็ตมองสภาพที่เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าดูไม่ได้ของเจ้านายตัวเอง เกือบปีแล้วที่พศินหรือพี่เสืออยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคนอย่างนี้ มือเรียวที่ขาวกว่าคนอื่นๆ ในไร่เคียงฟ้าไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้คนเมา ไม่ได้นึกรังเกียจกลิ่นสาบที่ปนกับกลิ่นแอลกอฮอล์ไม่ใช่เพราะทำใจได้ แต่มันชินแล้วต่างหากเกือบๆ ปีที่เขาต้องทำหน้าที่พาพศินเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งที่เมามายจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ซึ่งก็เป็นอย่างนี้แทบทุกวัน แผงอกสีทองแดงเปลือยเปล่ากล้ามเนื้อที่เคยแข็งตึงจนใครๆ อิจฉาค่อยๆ
คลายลงและในไม่ช้ามันจะสลายจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก... ‘เมื่อไหร่พี่เสือคนเดิมจะกลับมา’

    “อาออยน้ำเย็นมาแล้วจ้า”

    เด็กชายตัวน้อยทำหน้าที่ตัวเองได้ดีเยี่ยม เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องดูแลปรนนิบัติบิดาตั้งแต่เริ่มแรกที่พ่อของตัวเองเปลี่ยนไปด้วยซ้ำ พิกเล็ตเข้มแข็งมาก เข็มแข็งกว่าพ่อด้วยซ้ำเขาไม่เคยเห็นเจ้าตัวดีร้องไห้หาแม่ซักคำ ได้แต่ทำหน้าชิงชังหากมีใครพูดถึง ซ้ำยังไล่เตะไอ้พวกปากดีที่ล้อตอนที่แพรวหนีไปใหม่ๆ ด้วยซ้ำ สองน้าหลานช่วยกันจับคนเมาตัวใหญ่พลิกซ้ายพลิกขวาเช็ดตัวทำความสะอาดให้ ดีที่สิ้นฤทธิ์ไม่อย่างนั้นคงโดนตะเพิดหนีไม่ทันแน่

    “เมื่อไหร่พ่อจะหายเมาล่ะอาออย” พิกเล็ตถามเมื่อพ่อถูกเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ไม่มีกลิ่นเหม็นนอนหลับบนเตียงเรียบร้อยแล้ว อาออยสั่นหน้าพึมพำพอได้ยินกว่าไม่รู้ “หนูอยากให้พ่อหายเมา”

    “อาก็อยากเหมือนกัน”

    อาณกรบอกหลานชาย ถึงไม่ใช่หลานแท้ๆ แต่ก็รักพิกเล็ตไม่น้อยไปกว่าพศินและมากกว่าผู้หญิงคนนั้นที่ทิ้งไปอย่างไม่ไยดีอีกด้วย เขาไม่อาจให้คำมั่นกับเจ้าตัวดีว่าเมื่อไหร่พศินจะหายเมาเพราะมันนานเหลือเกินแล้ว พี่หมอบอกว่าบางทีพศินอาจจะเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มซึ่งคงต้องหาทางรักษา แต่ก็คงเป็นไปได้ยากเขารู้ดีว่าเจ้าของไร่เคียงฟ้าหัวรั้นแค่ไหน ตอนปกติก็ดื้ออย่างกับอะไรดี ไม่ต้องพูดถึงตอนเมาแค่มีคนห้ามไม่ให้กินเหล้าไอ้คนๆ นั้นโดนเตะซะแทบแย่ สงสารก็แต่พิกเล็ตแม่หนีไปพ่อก็เมาเด็กชายคงเคว้งน่าดู เขากับคนอื่นๆ ต้องช่วยกันให้ความรัก ช่วยกันดูแล ทำหน้าที่แทน
พ่อที่คงใช้เวลาอีกนานกว่าฟื้นตัวจากความเจ็บปวด...

   เสร็จสิ้นภารกิจเอาคนเมาเข้านอนสองน้าหลานก็พร้อมใจกันท้องร้อง อาณกรยิ้มเจ้าตัวกลมที่ได้ชื่อมาจากตัวการ์ตูนที่มารดาหลงรัก พิกเล็ตจับมือเขาแน่นอ้อนอยากกินไข่ยัดใส่ น้าชายใจดีรับอาสาทำให้เพราะวันนี้น้าเมี่ยงพี่เลี้ยงและแม่ครัวประจำตัวพิกเล็ตพากิ่งแก้วหนีเข้าไปดูชุดสวยใส่เต้นงานโรงเรียนในตัวเมือง พิกเล็ตไม่ได้ร่วมการแสดงเพราะเป็นเด็กผู้ชายซึ่งเจ้าตัวก็แสนจะยิ่งดีใครจะใส่ชุดที่สะท้อนไฟวับๆ อยู่บนเวทีมีคนดูเต็มไปหมดน่าอายจะตายไป อาออยของพิกเล็ตจัดการตอกไข่สามฟองทำเผื่อตัวเองด้วย แล้วส่งส้อมให้เจ้าตัวกลมช่วยตี แล้วหันไปจัดการหั่นเครื่องของไข่ยัดไส้ เด็กชายชะเง้อมองน้าชายที่ทยอยใส่หมูสับ และผักอีกสองสามอย่างลงในกระทะผัดจนได้กลิ่นหอม แล้วยกกระทะใบนั้นวางไว้บนเตาแก็สอีกอันใส่น้ำมันน้อยๆ พอกระทะร้อนก็จัดแจงเอาไข่ที่เด็กชายพิกเล็ตช่วยตีเทใส่ พิกเล็ตทำตาโตตอนที่อาออยยกกะทะขึ้นแล้วร่อนไข่เหลืองๆ จนมันเต็มกระทะ

    ไข่ยัดใส่เสร็จภายในไม่กี่นาทีด้วยความชำนาญของพ่อครัวตัวเล็ก ในยามที่ท้องหิวหากรอให้คนทำให้มีหวังอดตายกันพอดี สองน้าหลานตักข้าวร้อนๆ ใส่จานของตัวเองนั่งกินบนโต๊ะในห้องครัวนั่นแหล่ะเก็บล้างง่าย กินข้าวอิ่มก็ตบท้องจนเรอออกมา อาณกรอมยิ้มกับเสียงเรอของหลานชายก่อนจะชวนให้มาล้างจานเก็บทำความสะอาดจนเรียบร้อย เขาดีใจที่พี่เสือได้ลูกชายเลี้ยงง่ายถึงพ่อจะเมาบัดสบแต่ลูกน่ารักใครก็เอ็นดู

    “ไปเที่ยวในเมืองกันมั้ย ของสดหมดแล้ว”

    อาณกรเอ่ยชวนหลานชายเมื่อล้างจานและคว่ำเสร็จเรียบร้อย พิตเล็ตพยักหน้ารัวถึงจะอยากอยู่กับพ่อทั้งวันแต่ก็อยากออกไปเที่ยวในเมืองด้วย เพราะในเมืองมีร้านขนมเยอะแยะเต็มไปหมดอยากได้ขนมเอาไว้ให้ตัวเองแล้วก็เผื่อกิ่งแก้วอีกคน

    “พาหนูไปซื้อหนมด้วยนะ ช็อกโกเลตหมดแล้วเดี๋ยวกิ่งแก้วร้องไห้หนูไม่มีให้”

    ผู้เป็นน้ายิ้มรับจูงจับมือน้อยก่อนจะพากันขึ้นรถจิ๊ปสีเหลืองปมน้ำตาลเพราะสนิมที่เล่นงาน ล้อรถที่ไม่เคยทรยศค่อยๆ เคลื่อนออกจากไร่เคียงฟ้าสู่ตัวเมือง สองน้าหลานพูดคุยหัวเราะตามประสาพอจะลืมเรื่องหดหู่ลงไปได้บ้าง
    อาณกรจอดรถที่ลานจอดรถในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ เขามาที่นี่สัปดาห์ละสองครั้งเพราะมีหน้าที่ต้องจับจ่ายทั้งของแห้งและสดสำหรับคนในไร่ ของสดไม่เท่าไหร่เพราะตลาดตอนเช้าแถวบ้านมีให้ซื้อได้ทุกวันแต่ของแห้งต้องพึ่งพาร้านสะดวกซื้อ เด็กชายพิกเล็ตกระโดดลงจากรถโดยไม่ต้องรอให้น้าอุ้ม เจ้าตัวน้อยคว้ามือนุ่มของน้าอย่างรู้หน้าที่

    “เอาอันนี้ด้วยนะอาออย พ่อชอบกิน”

    คนเป็นน้าพยักหน้าอนุญาตเมื่อหลานชายหยิบถุงไส้กรอกรมควันใส่ลงในรถเข็น พิกเล็ตความจำดีขนาดพี่เสือไม่กินมันมาเกือบแต่ก็ไม่เคยลืมซื้อ สุดท้ายก็เสร็จกิ่งแก้วกับเมี่ยงอยู่ดี เขาได้ของแห้งประเภทเครื่องกระป๋องมาอีกหลายอย่างพิตเล็ตหยิบนู่นจับนี่ใส่รถเท่าที่จะนึกได้

    “พรุ่งนี้คุณครูให้ห่อข้าวไปกินด้วย อาออยจะทำให้หนู”

    “ห่อข้าวเหรอ” อาณกรทำท่าคิดหวนนึกถึงตอนตัวเองอายุ 5 ขวบ จำไม่ได้ว่าสมัยนั้นเขาต้องห่อข้าวไปกินกับเพื่อนๆ ด้วยหรือเปล่า

    “ครับ กินข้าวด้วยกัน อาออยทำให้หนูหน่อยนะ ไม่อยากให้น้าเมี่ยงทำมันไม่อร่อย”

    หนุ่มร่างเล็กหัวเราะนึกเมนูอาหารที่เหมาะกับเด็กวัย 5 ขวบและระดับชั้นอนุบาล พลางเข็นรถไปด้วย เพราะคิดเพลินเลยไม่ทันไม่ได้มองทางข้างหน้าหน้ารถเข็นจนชนกับคนเข้า

    “อุ๊ย! ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”

    อาณกรปล่อยมือจากรถเข็นทันทีรีบวิ่งเข้าไปหาร่างของผู้โชคร้ายที่นั่งงอตัวอยู่บนพื้น เพิ่งเห็นตอนที่เข้าไปใกล้ว่า
เขากุมมือที่กลางลำตัวสัดส่วนสำคัญเสียด้วย ร่างเล็กย่อกายให้เท่ากันเผลอยกมือลูบหลังด้วยความเป็นห่วง คนที่โดนรถเข็นมรณะของเขาเป็นผู้ชาย เจ้าตัวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นใบหน้าเหยเกแดงจัดปากขบแน่นข่มความเจ็บปวดชนิดกะทันหันที่มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เจ้ากล่องดวงใจถูกโจมตีด้วยมุมของรถเข็นทั้งเจ็บทั้งจุกทั้งอาย

    “ขอโทษนะครับ ผมไม่ทันได้มอง”

    อยากจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่มันจุกจนพูดไม่ออก คนเคราะห์ร้ายพยายามจะยันตัวขึ้นแต่ก็ต้องทรุดลงไปอีกรถเข็นคันเล็กเสียที่ไหนแถมยังบรรจุของมาเกือบเต็มเขาไม่หน้าเขียวก็ดีแค่ไหน อาณกรรีบเข้าช่วยประคองมือเล็กจับที่ต้นแขนใหญ่กล้ามเนื้อแข็งแรงบอกถึงสุขภาพของเจ้าของ พิกเล็ตยืนมองห่างๆ อย่างห่วงๆ คุณลุงคนนั้นไม่พูดซักคำแต่ทำหน้าเหมือนโดนประตูหนีบนิ้ว

    “อ้าวหมอคีย์! เป็นอะไรไปครับ”

    บุคคลที่สี่เข้ามาสมทบทำหน้าเลิกลั่กมองเขา พลางเข้ามาช่วยพยุงคนเจ็บโดยไม่ต้องร้องขอ

    “เอ่อ..ผมเข็นรถไปชนเขาเข้าน่ะครับ” อาณกรตอบคำถามแทน ตอนนี้คนดวงซวยยังยืดกายไม่ได้เลยถึงจะลุกขึ้นมาแล้วตัวยังงอสีหน้าไม่เก็บอาการซักนิด เขาเริ่มใจเสียมันหนักหนากว่าที่คิดจุดยุทธศาสตร์เสียด้วยดีไม่ดีไปโดนเส้นอะไรเข้าให้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าหนักถึงขึ้นต่อมอะไรแตกเขาคงได้โดนแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายแน่

    ผู้มาใหม่กระพริบตารัว แค่รถเข็นแต่ทำไมหมอคีย์ถึงได้ทำหน้าเหมือนจะตาย พอก้มมองอาการของคุณหมอตัวสูงอีกทีถึงได้ถึงบางอ้อ คงจะโดนกล่องดวงใจเข้าพอดีถึงได้หน้าแดงหน้าดำอยู่อย่างนี้ วรทย์เกือบหลุดขำพรืดดีที่กลั้นได้เสียก่อนไม่อย่างนั้นคงโดนคนเจ็บค้อนใส่แน่

    “อ้อ เราช่วยพาเขาไปนั่งตรงนั้นก่อนมั้ยครับ” คนไม่ตั้งใจพยักหน้าเห็นด้วยทันที

    “พิกเล็ตอยู่เฝ้ารถแป๊บนึงนะลูกเดี๋ยวอามา”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
พิกเล็ต?..วรทย์หันไปมองร่างเล็กที่ยืนอยู่ใกล้รถเข็นมรณะ เด็กชายตัวกลมที่เข้ามาอยู่ในความทรงจำของเขาตั้งแต่เมื่อวานรกระพริบตาปริบๆ มองเขาอยู่เช่นกัน เจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับยื่นมือไปจับรถเข็นไว้ตามคำบอกของน้าชาย

      หนุ่มตัวเล็กสองคนช่วยกันประคองคุณหมอตัวใหญ่ที่ดันเจ็บเสียเองมานั่งพักที่เก้าอี้ตัวยาวหน้าร้านหนังสือ คิมหันต์ถึงกับถอนหายใจเสียดังเมื่อร่างกายส่วนล่างได้รับการผ่อนคลาย เมื่อกี้ตอนที่เดินเขาจะตายเสียให้ได้จังหวะการก้าวย่างมันเสียดสีกับคิมหันต์ตัวน้อยเจ็บจนจุก น้ำตาซึมอย่างน่าอาย

    “นั่งพักก่อนนะเดี๋ยวผมจะรีบไปจ่ายเงินแล้วจะพาไปหาหมอ”

    “ไปทำไมล่ะครับ ก็นี่ล่ะหมอ” วรทย์ว่ายิ้มๆ เลยได้ค้อนจากหมอเจ็บเข้าวงใหญ่

    “คุณเป็นหมอเหรอครับ คนไหนกันล่ะ” อาณกรมองหน้าขาวสลับกับหน้าแดงของคนเจ็บ ได้คำตอบเป็นนิ้วเรียวขาวที่ชี้ทั้งตัวเองและคนที่นั่งอยู่ “สองคนเลยเหรอครับ”

    “ครับ ผมเพิ่งมาอยู่ใหม่ ส่วนคนนี้น่าจะอยู่มาสองสามปีแล้ว ใช่มั้ยครับหมอคีย์”

    ไม่มีคำตอบใดๆ ให้ หมอคีย์เบือนหน้าหนีรู้ถึงไหนอายถึงนั่นเป็นหมอแท้ๆ แต่กลับมานั่งป่วยหนัก แถมเจ็บตรงไหนไม่เจ็บดันมาโดนจุดสำคัญ รักษาไม่ได้เสียด้วยนอกจากจะรอให้มันหายเองคงอีกพักใหญ่เชียวล่ะ

    อาณกรใช้เวลาพักใหญ่เพื่อให้หายงง ก่อนจะนึกขึ้นได้พอดีกับหางตาที่เห็นรถเข็นของตัวเองเคลื่อนไหวอยู่ไกลๆ เจ้าพิกเล็ตตัวดีกำลังทำหน้าที่แทนตัวเองแล้ว “รอก่อนนะครับเดี๋ยวผมมา”

    วรทย์มองตามร่างเล็กพอๆ กับตัวเองที่วิ่งผลิวไปในทิศทางเดิมที่เพิ่งจากมา เขามองผู้ชายคนนั้นคว้ารถเข็นที่กำลังเคลื่อนที่ช้าๆ ด้วยฝีมือของเจ้าตัวดีชื่อน่ารัก เขาเหลียวกลับมามองคนอาการเกือบหนักอมยิ้มน้อยๆ ล้วงกระเป๋าเอา
ยาดมที่บังเอิญพกติดตัวมาด้วยส่งให้ หมอคีย์เบ้หน้าแต่ก็ไม่ปฏิเสธ คุณหมอตัวเล็กย่อกายลงนั่งบนโต๊ะตัวเดียวกัน

    “ยังไม่ได้ซื้อปลากระป๋องเลย กาแฟด้วย น้ำตาลก็ยังไม่ได้ไปดู แชมพู ยาสีฟัน สบู่”

    เพราะยังจุกไม่หายเลยไม่ได้ต่อปากต่อคำกับคนข้างๆ ถ้าหากไม่พูดไปยิ้มไปเขาคงคิดว่าเจ้าตัวกังวลกับสารพัดของใช้ที่ต้องจับจ่ายเพื่อเอามาใช้สอยเป็นแน่ แต่ทั้งปากที่ยกสูงและตาที่วาววับด้วยความขบขันมันทำให้ต้องทำหน้างอแทน คิดแล้วมันซวยจริงๆ อุตส่าห์ไม่ไปร้านขายของชำในตลาดหวังจะพามาเดินตากแอร์คลายร้อนแต่ดันโชคร้ายของก็ไม่ได้แถมน้องชายยังโดนทำร้ายอีกด้วย


    ไม่ถึงห้านาทีสองน้าหลานก็กลับมาตามที่บอกไว้พร้อมกับรถเข็นมรณะ น้าของพิกเล็ตที่ยังไม่ได้แนะนำตัวกับใครเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดขณะที่อาการของหมอคีย์ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ไอ้จุกหน่วงๆ ที่ท้องทุเลาลงแต่ส่วนสำคัญยังปวดตุบถ้าเคลื่อนไหว เขาเลยนั่งนิ่งเป็นหุ่นทั้งที่อยากจะเดินหนีแทบตาย

    “ไปครับ เดี๋ยวผมพาไปหาหมอ”

    พิกเล็ตยังจับมือน้าชายแน่น แต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังผู้ใหญ่เหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกับคุณหมอตัวขาย เด็กชายคอยยื่นหน้ามองเป็นระยะและจะหลบหลังต้นขาน้าชายเมื่อคุณหมอมองกลับมา

    “แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอกครับ หายจุกก็เดินได้แล้ว” คุณหมอหน้าขาวของพิกเล็ตบอกยิ้มๆ ก่อนจะยักคิ้วให้หมอเจ็บที่มองตาเหลือก

    “ขอโทษจริงๆ นะครับผมไม่ทันมองคุณ เอ่อ..”

    “หมอเจ็บนี่ชื่อคีย์ครับ ส่วนผมวรทย์เรียกว่ามะรุมก็ได้” หมอไม่เจ็บแนะนำทั้งตัวเองทั้งหมอรุ่นพี่เสร็จสรรพ “ไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่ได้โดนเส้นประสาทสำคัญอะไรแค่จุกเท่านั้นเอง”

    อาณกรถอนหายใจเสียงดัง สีหน้าคลายกังวลไปได้บ้างเขาเองก็เป็นผู้ชายรู้ดีว่าหากจุดสำคัญโดนกระทบอย่างแรงมันทั้งจุกทั้งเจ็บแค่ไหน ส่วนนั้นมีเส้นประสาทมากมายหากเสียหายไปซักเส้นเดือนร้อนไปหมดแน่ แต่เพราะคนที่บอกเป็นหมอคนโชคร้ายก็เป็นหมอเมื่อได้รับคำยืนยันค่อยสบายใจขึ้นหน่อย แต่จะให้ทิ้งไปโดยไม่รับผิดชอบอะไรเลยก็ไม่อาจทำได้ในเมื่อเขาเป็นคนผิดอย่างน้อยก็ควรจะทำอะไรเพื่อไถ่โทษบ้าง

    มือเล็กที่กำเนื้อผ้ากางเกงกระตุกยิกๆ อาณกรเอี้ยวตัวไปมองหลานชายที่จู่ๆ ก็กลายเป็นเด็กขี้อายขึ้นมา เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามเจ้าตัวดีฉลาดพอจะรู้ว่าน้ากำลังอยากรู้อะไร

    “หนูยังไม่ได้กับข้าวไปกินโรงเรียนพรุ่งนี้เลย”

    “เอ่อ อาลืมไป ทำไงดีไปซื้อที่หน้าโรงเรียนก่อนดีมั้ย”

    หลานชายสั่นหน้ากับความคิดของผู้เป็นน้า ถ้าซื้อไปมันจะมีความหมายอะไรมันก็ไม่ต่างจากกินอาหารในถาดหลุมของโรงเรียนหรอก พิกเล็ตหน้างอเบะปากอยากจะร้องไห้

    “ไปกับหมอก็ได้ หมอเองก็ยังไม่ได้ของใช้”

    เด็กชายพิกเล็ตชะโงกหน้ามองคนพูด คุณหมอหน้าขาวยิ้มให้พอดีเจ้าตัวดีหดหน้ากลับเม้มปากแน่น

    “จะดีเหรอครับ รบกวนเปล่าๆ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยังไม่ได้ของเลยยังไงฝากคุณ..”

    “เอ่อ...ออยครับ”

    “อ้อ ยังไงฝากคุณออยดูหมอคีย์ให้หน่อย เอายาดมให้ดมอีกพักนึงก็เดินได้แล้ว” พูดจบคุณหมอตัวเล็กก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาใกล้เด็กชายพิกเล็ตที่ยังกำมือแน่นกับกางเกงอาออย “ไปกับหมอ ไม่เอาๆ ไปกับพี่นะ พิกเล็ตอยากห่ออะไรไปกินที่โรงเรียนครับ”

    พิกเล็ตยังไม่ตอบคำถามแต่กลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะขยับปากพึมพำตอบกลับไป “ไก่ทอด”

    “ไก่ทอดเหรอ” คุณหมอหน้าขาวยิ้มกว้าง ยื่นมือมาข้างหน้า “งั้นเราไปซื้อไก่กัน”

    พิกเล็ตเงยหน้ามองน้าชายเพื่อขอความเห็น อาณกรพยักหน้าอนุญาตเด็กชายถึงได้ยอมปล่อยมือจากต้นขาแล้วส่งมืออีกข้างให้กับคุณหมอหน้าขาวที่เพิ่งได้ยินชื่อว่า ‘หมอมะรุม’

    เมื่อเด็กและผู้ใหญ่หายเข้าไปยังสโตร์สินค้าจึงเหลือแค่ผู้ใหญ่สองคน อาณกรรู้สึกประดักประเดิด แขนขาจะขยับไปทางไหนก็ขัดไปหมด เขาไม่ใช่คนขี้อายแต่ก็ไม่ใช่พวกใจกล้าที่พร้อมจะผูกมิตรกับคนทั่วไปได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เขาเพิ่งจะประทุษร้ายไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาชื่อหมอคีย์เป็นหมอแต่ไม่รู้ว่าสังกัดที่โรงพยาบาลไหน หรืออาจจะเป็นคลินิกแห่งใดแห่งหนึ่งในจังหวัดนี้ เขามันหัวแข็งป่วยยากเลยไม่เคยเฉียดไปโรงพยาบาลหรือคลินิกอย่างดีก็ยาอนามัยที่เด็กในบ้านมันขอมาติดไร่ไว้ คนตัวเล็กกว่าผ่อนลมหายใจแผ่วช้าไม่อยากให้เขารู้หรอกกว่าตัวเองกำลังหนักใจ ถึงจะเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากความไม่ระวังของเขาแต่ยังไงซะหมอคีย์คนนี้ก็ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาอยู่ดี อาณกรหย่อนสะโพกลงนั่งทับที่หมอมะรุมเพิ่งลุกไป ยาดมที่คุณหมอตัวเล็กว่าวางอยู่ใกล้ๆ ต้นขาของคนเจ็บ เขาไม่ได้หันมามองแต่คงจับการเคลื่อนไหวด้วยความรู้สึก

    “เอ่อ..คุณหมอดีขึ้นหรือยังครับ”

    คิมหันต์ปรายตามองเจ้าของรถเข็นเพชฌฆาตที่เกือบจะประหารคิมหันต์น้อย เจ้าตัวทำหน้าแหยอย่างลุแก่โทษเขาเบือนหน้าหนีไม่ใช่ว่ายังไม่หายโกรธแต่อาการมันยังไม่ดีมากพอจะสนทนากับใครได้ เพียงชั่วอึดใจเขาก็ต้องหันหน้ากลับมาอีก กลิ่นเย็นๆ ของการบูรที่อยู่ในยาดมลอยอยู่ใต้จมูกกลิ่นหอมของอะไรบางอย่างปะปนมาด้วย มือขาวโบกไปมาไวๆ

    “ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ทันได้มองจริงๆ คุยกับหลานเพลินไปหน่อย” เขาจำไม่ได้แล้วว่าผู้ชายตัวเล็กคนนี้พูดคำว่าขอโทษกี่ครั้งกันแล้ว แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เขาโกรธผู้ชายคนนี้ไม่ลง ที่สำคัญมันเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครตั้งใจเข็นรถมาชนกล่องดวงใจคนอื่นหรอก เขาทำแค่พยักหน้าพยายามรวบรวมกำลังเปล่งคำถามกลับไปบ้าง

    “เด็กคนนั้น เอ่อ หลานคุณเหรอ”

    “อ้อ ครับ ชื่อพิกเล็ตลูกพี่ชาย ไม่ใช่ซิ ลูกเจ้านายน่ะครับ” อาณกรหันกลับไปมองหลานชายแต่ว่าไม่อยู่สายตาเสียแล้วคุณหมอคนนั้นคงพาไปแผนกของสุดที่อยู่ด้านในสุดแล้ว

    ไม่มีใครพูดอะไรอีกอาณกรยังทำหน้าที่โบกลมพร้อมกับยาดมให้กับหมอเจ็บต่อไปเงียบๆ ความอึดอัดในคราแรกค่อยๆ หายไป พร้อมกับอาการทางกายที่ทุเลาลงเรื่อยๆ...

    “อยากกินตรงไหนของไก่อ่ะ”

    วรทย์ก้มลงถามเด็กชายวัยห้าขวบที่หัวเพิ่งเลยเอวเขามานิดหน่อย เจ้าตัวกลมเอียงหัวไปมาตามองที่ตู้เย็นขนาดใหญ่บรรจุทุกสัดส่วนของไก่ไว้เต็มแผง ก่อนจะชี้นิ้วป้อมๆ ไปที่ส่วนที่เป็นปีกบน

    “น่องครับ”

    คุณหมอตัวเล็กอมยิ้ม ด้วยวัยเพียงแค่ห้าขวบไม่รู้หรอกว่าส่วนที่บอกว่าเป็นน่องคือส่วนที่เป็นปีกด้านบนของไก่ เขาพยักหน้าลอดมือเข้าหยิบแพ็คโน้นแพ็คนี้ขึ้นมาดูตั้งแต่วันเวลาที่ผลิตรวมทั้งแหล่งที่มา

    “ที่บ้านอยู่กันกี่คน”   

   พิกเล็ตกรอกตาไปมา ยกนิ้วขึ้นมานับจำนวนคนที่อยู่ในบ้านก่อนจะเงยหน้ามองคนถาม “หนูไม่หนูหรอกครับ นิ้วหนูไม่พอนับ”

    วรทย์ถึงกับยิ้มกว้างให้กับความไร้เดียงสาของเด็กชาย พิกเล็ตที่เห็นตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อวันก่อนเท่าไหร่นัก ไอ้
ท่าทางกางปีกป้องกันเพื่อนกับคำพูดที่โตเกินตัววันนี้ไม่มีให้เห็นเหลือแต่ความเยาว์วัยอย่างเด็กวัยห้าขวบเท่านั้น แต่ความ
เฉลียวฉลาดในดวงตาไม่ได้หายไปไหน คุณหมอหน้าขาวย่อกายลงจนระดับความสูงเกือบเท่ากับพ่อหนูน้อย มือขาวยกขึ้นลูบศีรษะเล็กแผ่วเบาด้วยนึกเอ็นดู

    “เอาอย่างนี้หนูอยู่กับใครที่บ้านบ้าง”


ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
“อ๋อ!” เจ้าตัวดีลากเสียงยาว “หนูอยู่กับพ่อเสือ อาออย พี่เมี่ยง กิ่งแก้ว น้าดิน น้าปืน  ป้าโส ลุงหอม ยายจิตรแล้วก็”

    “เดี๋ยวก่อนๆ” วรทย์รีบยกมือห้ามก่อนที่รายชื่อผู้อาศัยในบ้านเดียวกันจะพรั่งพรูออกมาอีก มิน่าเล่านิ้วของเด็กน้อยถึงไม่พอกับจำนวนคน ท่าทางบ้านของพ่อหนูพิกเล็ตจะมีเยอะกว่าจำนวนนิ้วจริงๆ “ทำไมอยู่กันเยอะจัง เหมือนโรงเรียนเลย”

    “ที่ไร่ของพ่อเสือกว๊างกว้าง คนเลยอยู่กันเยอะแยะ” มือป้อมยกมือวาดขนาดของไร่ แต่มันกางได้ยังไงก็ได้แค่นิดเดียวเทียบกับไร่ของพ่อเสือไม่ได้ซักนิด

    “พ่อเสือของพิกเล็ตคงรวยน่าดูเลยเนอะ”

    หัวกลมสั่นไว “ไม่รวยหรอกครับ น้าเมี่ยงบอกว่าถ้าพ่อรวยกว่านี้แม่คงไม่หนี...”

    ใบหน้าสดใสหมองลงอย่างเห็นได้ชัด เด็กชายหลุดคำพูดทั้งหมดลงพร้อมกับก้มหน้าต่ำ ความผิดปกตินั้นไม่ได้หลุดลอดสายตาของผู้ที่ผ่านโลกมาก่อนเขาลุกขึ้นพลางดึงมือน้อยขึ้นมาด้วย ไม่คิดจะถามถึงประโยคที่ค้างไว้ ไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดของเด็กน้อย

    “งั้นพี่ว่าเราซื้อไปหลายๆ แพ็คก็แล้วกันเนอะ ทำอย่างอื่นด้วยก็ดีนะเอาไปแต่ไก่ทอดน่าเบื่อตายเลย แล้วพิกเล็ตชอบกินอะไรอีก”

    ใบหน้าขาวใสเงยขึ้นช้อนตาขึ้นมองพี่ชายที่เป็นหมอรักษากิ่งแก้วด้วย “ชอบกินไข่ครับ แต่วันนี้อาออยทำไข่ยัดใส่แล้ว”

    วรทย์เอียงคอเป็นฝ่ายใช้ความคิดบ้าง กระชับมือนิ่มในมือแน่นกว่าเดิมเล็กน้อย ไข่ต้มก็น่าเบื่อไป ไข่ดาวไข่เจียวยิ่งแล้วใหญ่ห่อไปกินโรงเรียนหมดความร้อนไม่อร่อยกันพอดี

    “ไข่ม้วนมั้ย พิกเล็ตเคยกินไข่ม้วนหรือเปล่า” หน้ากลมด้วยพวงแก้มใสสั่นปฏิเสธอีกครั้ง เคยกินแต่ไข่ตุ๋น ไข่ต้มไข่ม้วนไม่เคยเห็น “งั้นเราทำไข่ม้วนอีกอย่างนึงก็แล้วกันเนอะ”

   “อาออยทำไม่เป็นหรอกครับ”

    หัวคิ้วของเจ้าของความคิดขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาลืมไปว่าพิกเล็ตไม่ได้อาศัยอยู่กับเขาแต่อยู่กับน้าชาย พ่อเสือและอีกสารพัดรายชื่อที่ได้ยินเมื่อครู่ ไม่แน่ใจว่าคนอื่นๆ จะทำไข่ม้วนเป็นหรือเปล่า

    “งั้นเราทำอย่างอื่นมั้ย เอาที่อาออยทำเป็น”

    “แต่หนูอยากกินไข่ม้วน”

    “เอาไงดีล่ะ พี่ทำเป็นแต่อยู่คนละบ้าน” เขามองหน้าเด็กชายที่ขมวดคิ้วมุ่นใช้ความคิดหนักไม่ต่างกัน

    “พี่ทำแล้วเอามาให้หนูที่โรงเรียนได้หรือเปล่า”

    คราวนี้เป็นวรทย์ที่ขมวดคิ้วบ้าง แม้จะนึกรักและเอ็นดูเจ้าหนูน้อยตัวกลมนี่แต่ก็ไม่ได้สนิทมากพอที่ถึงขั้นจะทำอาหารให้ที่สำคัญเขาไม่รู้ด้วยว่าโรงเรียนของพิกเล็ตตั้งอยู่ที่ไหน ถึงบอกชื่อโรงเรียนก็ไปไม่ถูกอยู่ดี แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังมันก็ทำให้เขาปฏิเสธไม่ลงเช่นกัน พิกเล็ตมองเขาตาแป๋วรอให้เขาตอบรับความคิดของตัวเอง ตอบรับได้อย่างเดียวห้ามปฏิเสธ คุณหมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ไม่ให้เด็กจับผิดสังเกตได้ เสนอเมนูเองก็ต้องรับผิดชอบ ริมฝีปากสี
สดคลี่แย้ม

    “ตกลง พี่จะทำไปให้แล้วโรงเรียนของเราอยู่ที่ไหนล่ะ”

    พิกเล็ตบอกที่ตั้งของโรงเรียน เขาคิดว่าคงละเอียดมากพอดูแต่เพราะไม่คุ้นชินกับจังหวัดนี้เลยนึกภาพตามคำบอกไม่ได้เห็นทีคงต้องพึ่งหมอคีย์อีกแล้ว สองหนุ่มต่างวัยที่กลายเป็นเพื่อนซี้ภายในเวลาอันรวดเร็วพากันซื้อของจำเป็นของแต่ละคน เมนูไข่ม้วนของคุณหมอมะรุมมีส่วนประกอบไม่กี่อย่าง ถ้าเป็นของญี่ปุ่นดั้งเดิมจะไม่มีสาหร่ายแต่เขาอยากเพิ่มสีสันให้เมนูนี้เสียหน่อยเลยใส่สาหร่ายแผ่นลงไปด้วยตอนตัดจะได้สีสวยน่ากินมากขึ้นตั้งชื่อว่าสาหร่ายไข่ม้วน เขาอธิบายขั้นตอนคร่าวๆ ให้พิกเล็ตฟังเด็กชายพยักหน้าทำเออออ แต่ที่จริงแล้วคงไม่รู้เรื่องอะไรแค่ไม่อยากโดนเขาตำหนิมากกว่า

    เขาได้ของใช้ครบถ้วนไม่ขาดแต่มีเกิน เขาซื้อเผื่อคนเจ็บที่นั่งหน้าดำหน้าแดงรออยู่ที่หน้าร้านหนังสือด้วยรายนั้นเปรยว่าอยากได้อีโดสเปรย์กระป๋องใหม่เขาไม่รู้หรอกว่าคิมหันต์ใช้กลิ่นอะไรแต่เลือกกลิ่นเดียวกับที่เขาใช้

    “ได้ของครบแล้วครับ”

    ผู้ใหญ่พ้นร้อยเจ็ดสิบมาสองเซนจูงมือป้อมมาหยุดตรงหน้าหมอเจ็บและคนไม่เจ็บ สองหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอาณกรมองที่ไปหลานชายตัวเองก่อน พิกเล็ตช่วยหิ้วถุงที่มีของในนั้นไม่กี่ชิ้น ส่วนหมอมะรุมหิ้วมาพะรุงพะรังเต็มมือไปหมดมองเห็นแพ็คของสดอยู่หลายแพ็คเลยทีเดียว

    “ทำไมคุณซื้อไก่มาหลายแพ็คจัง”

    “ก็พิกเล็ตบอกว่าที่บ้านมีคนเยอะผมก็เลยซื้อมาเผื่อ”

    เจ้าตัวดียิ้มกว้างอวดฟันที่ยังมีครบไม่หักซักซี่ “พี่มะรุมบอกว่าจะทำไข่ม้วนให้ด้วยพรุ่งนี้จะเอาไปให้ที่โรงเรียน”

    “ได้ยังไง รบกวนพี่เค้า” อาณกรปรามหลานชาย เขาไม่อยากรบกวนคุณหมอทั้งสองเพราะแค่ทำร้ายหมอคีย์ก็ไม่รู้จะไถ่โทษยังไงแล้ว

    “ไม่เป็นไรครับไม่ได้รบกวนอะไร ถือซะว่าเป็นการสำรวจพื้นที่ไปในตัว ใช่มั้ยครับหมอคีย์” เจ้าของชื่อตวัดตามองทันที เลิกคิ้วสูงเป็นคำถามแต่ได้รอยยิ้มละมุนที่มุมปากสวยๆ กลับมาแทน “กินข้าวตอนสิบเอ็ดโมงเนอะ”

    พิกเล็ตพยักหน้ารัว ยิ้มกว้างกว่าเดิมอยากเห็นไข่ห่อสาหร่ายไวๆ เจ้าตัวกลมเกาะขาน้าชายแต้เอาใจไว้ก่อนเดี๋ยวอาออยจะเปลี่ยนใจ

    “หมอคีย์เดินได้หรือยังผมว่าน่าจะค่อยยังชั่วแล้วมั้ง หน้าไม่เขียวแล้วนี่”

    อาณกรเหลียวกลับไปมองคนเจ็บอีกครั้ง สีหน้าเขาดีขึ้นอย่างที่หมอมะรุมว่าจริงๆ แถมยังขยับนั่งท่าปกติได้แล้วด้วย คิมหันต์พยักหน้าน้อยๆ มองดูถุงพลาสติกในมือของเพื่อนร่วมวิชาชีพ

    “ผมดีโอสเปรย์มาให้ด้วยแต่ไม่รู้ว่าใช่กลิ่นที่หมอคีย์ใช้อยู่หรือเปล่า”

    “กลิ่นอะไรผมก็ใช้ได้หมดยกเว้นกลิ่นพิมเสน” ปลายนิ้วเรียวปัดแถวๆ จมูกตัวเองวันนี้เขาดมไอ้เจ้าพิมเสนเย็นๆ จนรู้สึกว่าการรับรู้กลิ่นมันถูกทำลายไปชั่วขณะ น้าชายของพิกเล็ตไม่เว้นจังหวะให้เขาได้ดมกลิ่นอื่นเลยทำเหมือนเขาเป็นคนท้องรอคลอดไปได้ แค่จุกจนเดินไม่ได้เท่านั้นเอง

    อาณกรหลบตาคมที่บังเอิญเงยขึ้นมามองพอดี เขาขยับห่างจากคนเจ็บโอบรอบไหล่หลานชาย “ต้องขอโทษพวกคุณอีกครั้งนะครับ เอาไว้มีโอกาสผมจะพาพวกคุณเที่ยวไร่เคียงฟ้า ผมจะต้อนรับคุณอย่างดีเลย”

    “คุณอยู่ไร่เคียงฟ้าเหรอ”

    “ครับ หมอคีย์รู้จักไร่เคียงฟ้าด้วยเหรอครับ”

    “คนในอำเภอนี้ใครมั่งไม่รู้จักไร่เคียงฟ้า” เขากล่าว ไม่ใช่เย้ยหยันแต่เป็นเรื่องจริง ไร่เคียงฟ้าใหญ่ที่ผลิตปาล์มสด
ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัด แถมชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าของไร่ก็ขจรขจายไม่ได้น้อยไปกว่ากัน ตั้งแต่เรื่องที่เมียหนีไป
จนถึงความขี้เมาหยำเปที่เป็นที่โจษขานไปทั่วอำเภอพักใหญ่ เขาเองเคยเห็นเจ้าของไร่อยู่สองสามครั้งตอนที่หมอนั่นมาหาท่านผู้อำนวยการ ใครจะไปคิดว่าเมาหนักขนาดนั้นจะเป็นเพื่อนกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่ผู้ชายตัวเล็กคนนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อนรวมทั้งเด็กที่ชื่อพิกเล็ตคนนี้ด้วย

    “ผมไม่แน่ใจว่าหมอรู้จักไร่เราในทางไหน แต่ก็ดีใจนะครับที่หมอรู้จักไร่เคียงฟ้า” ชั่ววูบในดวงตาคู่นั้นมันหมองลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เพียงแค่กระพริบตามันก็กลับมาเปล่งประกายเหมือนเดิม “ว่างเมื่อไหร่โทรหาผมเลยนะครับ ผมจะไปรับพวกคุณถึงที่ เอ่อ..คุณเป็นหมอที่ไหนกันเหรอครับ”

    “อ้าว! หมอคีย์ยังไม่ได้บอกเหรอครับ” วรทย์ทำท่าแปลกใจ อยู่ด้วยกันตั้งนานสองนานนึกว่าจะถามไถ่เล่าอะไรให้กันฟังบ้าง ดูอย่างเขากับพิกเล็ตยังคุยกันตั้งหลายเรื่องยกเว้นเรื่องส่วนตัว อาณกรสั่นหน้าไม่กล้าบอกหรอกว่าตั้งแต่ถูกทิ้งให้อยู่กันตามลำพังได้คุยกับคุณหมอตัวใหญ่คนนี้แค่สองประโยคเท่านั้นเอง “เราเป็นหมอที่โรงพยาบาลอโนทัยครับ”

    อาณกรเกือบจะร้องอ๋อ เขาเองก็เขลาเสียจริงอำเภอนี้มีโรงพยาบาลอยู่แค่ที่เดียว คลินิกก็มีไม่กี่ที่หรือถ้าอยู่ในตัวจังหวัดคงไม่พากันมาซื้อของถึงอำเภอห่างไกลอย่างนี้ เขาก้มดูนาฬิกาเลยเวลาที่กำหนดไว้มากโขจึงต้องรีบเอ่ยคำลา ไม่มีใครคัดค้านยกเว้นเจ้าตัวดีที่ทำหน้าอาลัยเมื่อต้องจากพี่ชายคนใหม่

   พิกเล็ตโบกมือลาพี่หมอหน้าขาว ไม่วายกำชับให้พี่ชายเอาสาหร่ายม้วนไข่ไปให้ที่โรงเรียนด้วย วรทย์รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะถึงคนที่จะทำหน้าที่พาเขาเอาไข่ม้วนไปส่งจะยังไม่ตกปากรับคำก็ตาม คิมหันต์ยันกายขึ้นได้แล้วไอ้ที่จุกที่ท้องดีขึ้นมากจนเกือบจะเป็นปกติ ส่วนน้องชายที่สุดรักก็ทุเลาเจ็บลงไปเยอะไม่มีอะไรไปกระทบกระเทือนมันอีกนอนพักอย่างสงบซักคืนก็คงหาย…

   สองน้าหลานกลับถึงไร่เคียงฟ้าตอนเกือบได้เวลามื้อเย็นพอดีเมี่ยงยืนคอยท่าเพราะไม่มีอะไรพอจะทำมื้อเย็นได้เลย พอเห็นรถก็ยิ้มร่ารอรับของที่คุณออยซื้อมา นึกเอะใจกับไก่ในแพ็คโฟม

   “ซื้อปีกไก่มาทำไมเยอะแยะคะคุณออย”

    “ฉันจะทอดให้พิกเล็ตไปโรงเรียนพรุ่งนี้”

    “น้องพิกเล็ตกินคนเดียวเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ” เมี่ยงยังไม่หายสงสัย ชูถุงของสดพิจารณาว่าเย็นนี้ควรจะทำอะไรกินดี

    “ไม่อยากกินหรือไง ถามเยอะจริงไปเก็บบวบหลังบ้านมาหน่อยวันนี้ฉันจะทำแกงเลียง”

    เมี่ยงเลิกสงสัยเมื่อคุณออยเสียงแข็งขึ้น ผู้ชายคนนี้ตัวเล็กจริงแต่ถ้าโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่ตัวใหญ่อย่างไอ้ดินยังหัวหด หญิงสาวรีบเดินเอาของสดไปใส่ตู้เย็นแล้วไปเก็บบวบที่ปลูกไว้ตามที่ได้รับคำสั่งทันทีทันใจ

    บนโต๊ะอาหารมีแค่สองน้าหลานตามเคย เจ้าของบ้านไม่เคยลงร่วมวงกินข้าวด้วยกันมาเกือบปีแล้วพิกเล็ตเคยไปตามตื้อพ่ออยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่ได้ผล นานวันเข้าก็เบื่อเลิกล้มความตั้งใจไปเองแต่คนทำก็ยังแบ่งทั้งข้าวและกับข้าวไว้เผื่อเสมอ...เผื่อว่าสักวันเขาอยากจะกินข้าวแทนเหล้ากับน้ำตาบ้าง

    “ไข่ม้วนมันเป็นยังไงเหรออาออย หนูไม่เคยได้ยิน” เจ้าตัวดีเอ่ยระหว่างที่รอเมี่ยงเอาขนมที่ซื้อมาจากในอำเภอมาให้ วันนี้กิ่งแก้วหลับเร็วเลยไม่มีใครมาแย่งกิน

    “ก็ไข่เจียวธรรมดาแต่ใส่น้ำ...”

    เพล้ง! โครม!

    เสียงของวัตถุอะไรบางอย่างตกกระทบพื้น เรียกเอาความสนใจของสองน้าหลานไปสิ้นทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นบนของบ้านเข้าใจตรงกันว่าต้นตอของเสียงต้องมาจากที่ใด ไม่มีใครร้องบอกอาณกรกระโจนลงจากเก้าอี้วิ่งไปยังที่
หมายทันที พิกเล็ตวิ่งตามน้าชายไปติดๆ

   ประตูไม้สักแท้ถูกกระชากออกอย่างแรง ร่างของคนที่ทำให้เกิดเสียงโครมใหญ่นอนนิ่งอยู่หน้าคว่ำอยู่กับพื้น อาณกรถลาเข้าหาคนที่นับถือเสมือนพี่ชายแท้ๆ ยกมือประคองศีรษะตกใจเมื่อได้เห็นเลือดสดๆ ไหลเปรอะเปื้อนตั้งแต่ไปถึงชุดที่เขาเพิ่งเปลี่ยนให้เมื่อตอนกลางวัน ไม่ใช่แผลจากที่ล้มแต่แผลจากอวัยวะภายในถูกทำลาย น้ำตาคลอด้วยความห่วงสุดหัวใจมือไม้สั่นไปหมดนึกเกลียดที่ไม่เคยห้ามพศินได้ ทั้งที่หมอก็เตือนแล้วแท้ๆ

    “อาออย พ่อเป็นอะไร”

    พิกเล็ตทรุดตัวนั่งลงใกล้ๆ มองดูบิดาที่นอนนิ่งมีเลือดไหลเต็มไปหมดแต่ไม่มีแผล แต่ไม่ได้ตกใจเหมือนน้าชายพ่อเคยเป็นอย่างนี้มาแล้ว แต่ก็ไม่อาจทำใจนิ่งเฉยอยู่ได้ มือน้อยสอดเข้าช้อนหลังใหญ่ของบิดาช่วยน้าชายประคองอีกแรง

    “ให้หนูตามลุงหมอมั้ย”

    คนเป็นหน้าพยักหน้าพร้อมกับน้ำตาร่วงอาบแก้มพอดี เด็กชายปล่อยมือจากหลังบิดาเดินกึ่งวิ่งไปยังโทรศัพท์ของน้าชายกดหมายเลขของลุงหมอได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องเสียเวลามานั่งทบทวน โทรมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งพ่อเสือของเขาหาหมอบ่อยยิ่งกว่าเขากับกิ่งแก้วรวมกันเสียอีก

    ลุงหมอของพิกเล็ตมาถึงไร่เคียงฟ้ารวดเร็วทันใจ แต่กว่าที่ลุงหมอจะมาเขาก็กับอาออยและพี่เมี่ยงอีกคนก็ช่วยพ่อขึ้นมานอนบนเตียงแล้ว เสื้อเปรอะเลือดถูกอาออยจัดการเปลี่ยนให้ใหม่วันนี้พ่อใส่เสื้อไปสามตัวแล้ว ลุงหมอใช้หูฟังตรวจนู่นนี่เหมือนอย่างที่เคยทำ ลุงหมอทำหน้าเหมือนเขาตอนเบื่อข้าวกลางวันที่โรงเรียนไม่มีผิด

    “อาอุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าให้ไอ้เสือกินเหล้า อาการกำเริบจนได้”

    “ผมห้ามจนไม่รู้จะห้ามยังไงแล้ว ถามจริงๆ เถอะอาว่าพี่เสือจะฟังผมมั้ย ขนาดอามันยังไม่ฟังเลย” อาณกรเองก็เหนื่อยหน่ายใจไม่ต่างกัน ทุกครั้งที่เห็นอาการของพี่ชายกำเริบเขาจะต้องตกใจจนเสียน้ำตาทุกทีไป ตากลมหลุบมองพี่ชายต่างสายเลือดทั้งเป็นห่วงทั้งโกรธตีกันยุ่งเหยิงไปหมอจนนึกอยากจะกระชากขึ้นมาต่อยสักทีสองที

    คราวนี้เป็นนายแพทย์ผู้ทำการรักษาที่พูดไม่ออกบ้าง ที่อาณกรพูดไม่ได้เกินจริงเลยซักนิดขนาดเขาเป็นอาแท้ๆ ของมัน มันยังไม่ยอมฟังนับประสาอะไรกับคนที่เด็กกว่า บอกเตือนเป็นร้อยรอบพันรอบผลก็เหมือนเดิมพศินกินเหล้าหนักจนเป็นโรคแอลกอฮอล์ลิซึ่มภายในระยะเวลาไม่ถึงปีด้วยซ้ำ จนโรคร้ายทำลายอวัยวะภายในคราวก่อนไอออกมาเป็นเลือดจนถึงถูกหามส่งโรงพยาบาล วันนี้ไม่รู้ว่าไอหรืออาเจียนแต่จากจำนวนเลือดคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า ลำพังตัวมันเขาไม่สงสารเท่าไหร่หรอก ห่วงก็แต่เจ้าตัวเล็กเสียแม่ไปแล้วคนนึงถ้ากำพร้าพ่ออีกเด็กแค่ห้าขวบจะรับไหวได้ยังไง ด้วยฐานะที่เป็นทั้งอาและหมอเขาเลยกลายเป็นนายแพทย์ประจำตัวของไอ้หลานไม่รักดี ข่าวลือที่ว่าเป็นเพื่อนรักต่างวัยไม่จริงซักนิดความจริงเขากับพศินผูกพันกันมากกว่านั้น เพราะมันคือลูกชายของพี่ชาย

    “เออๆ ช่วงนี้ก็อย่าเอาอะไรให้มันกินซักสามวัน น้ำก็กินไม่ได้นะรู้มั้ย แล้วอาจะดูให้”

    อาการของพศินยังไม่หนักจนถึงขั้นต้องผ่าตัด แต่ถ้ายังไม่รักษาตัวคงอีกได้ตัดกระเพาะทิ้งแน่

    พิกเล็ตนั่งบนเตียงข้างบิดาหมอบกายลงหนุนหัวกับท่อนแขนที่ยังแข็งแรงของพ่อ เจ้าตัวน้อยไม่ร้องไห้งอแงมองดูลุงหมอกับอาออยเถียงกันเงียบๆ เขาไม่รู้หรอกว่าพ่อป่วยเป็นอะไรแต่พอพ่อกินเหล้าเยอะๆ ทีไรต้องไอออกมาเป็นเลือด ได้ยินลุงหมอบอกว่าถ้ายังไม่หยุดกินพ่อต้องตัดกระเพาะทิ้ง แต่เขาก็ไม่รู้อีกนั่นแหล่ะว่ากระเพาะมันอยู่ตรงไหน รู้จักแต่ใบกระเพรา มือน้อยวางบนอกของบิดาดีใจที่หน้าอกด้านซ้ายมันยังเต้นอยู่ คุณครูสอนว่าหัวใจคนเราอยู่ตรงนี้ถ้ามันเต้นแสดงว่ายังไม่ตาย แต่ถ้าวันไหนมันหยุดเต้นพ่อของเขาจะตาย สำหรับเขาพ่อจะเป็นอะไรก็ได้แต่อย่าตายเท่านั้นพอ หัวเล็กเสือกเข้าชิดอกสูดเอากลิ่นยาที่ลุงหมอฉีดให้กับกลิ่นเลือดที่ยังเหลืออยู่ไว้ในปอด

    “พ่อจ๋า พรุ่งนี้หนูจะได้กินไข่ม้วนแล้ว พ่ออิจฉาหนูมั้ยเพราะพ่อไม่เคยกินอะไรเลยนอกจากเหล้า”

*** เมื่อไหร่จะเจอกันซะทีล่าาาา**** :z3:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
นายเสือนี่ก็ช้ำรักจริงๆ :katai5:

สงสารพิกเลต

Praewparin

  • บุคคลทั่วไป
แงๆฮือๆ อ่านแล้วน้ำตาท่วมจอ สงสารเด็กชายพิกเล็ต
แค่ 5 ขวบเอง คำพูดไร้เดียงสาบางคำกลับทิ่มใจ ฉึกๆ  :sad4:
เกลียดนังแพรว นังแม่ใจร้ายใจยักษ์ใจมาร สมน่ำหน้าที่ลูกจะเกลียด
โมโหพี่เสือด้วย ขนาดลูกแค่ 5 ขวบยังคิดได้ หาเมียใหม่ดีกว่ามานั่งกินเหล้าตั้งเยอะ  :m16:
ไม่รู้จะอยู่รอดจนได้หมอมะรุมเป็นเมียใหม่หรือกระเพาะทะลุตายก่อน!!!

อีกคู่นึงคือน้าออยกับคุณหมอคีย์แน่ๆเลย อิๆ
คู่นี้ก็น่าเชียร์เหมือนกันนะ  :laugh:


อ้อ! เรียกปีกไก่บนว่าน่องเหมือนพิกเล็ตเด๊ะเลย 55555
รอตอนต่อไป *กระโดดจุ๊บแก้มป้า :กอด1:

Praewparin

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงเจ้าพิกเล็ตหมูสีชมพู  :mew1:

ออฟไลน์ Artemis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +600/-14
ขออนุญาตเข้ามาติดตามอ่านด้วยคนนะคะ ขอปักหมุดเอาไว้แน่นๆก่อน
พอดีตอนนี้อยู่ตจว เลยอ่านไม่ค่อยถนัด เนตช้ามาก กลับกทมเมื่อไร จะอ่านให้ฉ่ำปอดเลย

ขอบพระคุณค่ะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
สงสารพิกเล็ต

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
สงสารพิกเล็ต
ทำไมพ่อเสือไม่นึกถึงลูกให้มากๆ
ทำไมพ่อเสือไม่รักตัวเอง ผู้หญิงมีแค่คนเดียวในโลกหรือไง
พ่อเสือไม่สมกับที่เกิดมาเป็นผู้ชายเลย

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
 :hao4:  เมื่อไหร่จะเจอกันน้อออออ หมอมะรุมกับพ่อเสืออออ
พ่อเสือเอ๊ยยยย แค่แม่ญิงทิ้งไปคนเดียวววว สงสารพิกเก็ตบ้างน้ออออออ   :katai1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เมาอะไรขนาดนั้น ไม่รักลูกรักตัวเองซะเลย
หมอมะรุมมาสั่งสอนให้หนักๆ นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
เจอกันหลังตัดกระเพาะเลยเหอะ
มัวแต่เมา พี่หมอคีย์มันทำคะแนนแล้วนะ
คึ คึ ชอบอา(น้า)ออย น่ารักดี

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
แงงงง ตอนนี้ทำหนูร้องไห้อ่ะพี่กวาง สงสารหมูน้อยพิกเล็ต :m15:

ตอนหน้าเขาจิได้พบกันแล้วใช่ไหมอ่า ต้องได้พบกันในห้องผ่าตัดแน่เลย พี่เสือจะไปตัดกะเพรา เอ้ย! กระเพาะ!!

เอาใจช่วยคุณหมอมะรุมกับหนูพิกเล็ตรับมือกับพี่เสือขี้เมาให้ได้ค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่...๓  ไข่ม้วน


    ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ ดวงตาที่ปิดสนิทและร่างกายที่ไร้การขยับเขยื้อนมันราวกับว่าเจ้าของร่างหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เขาแค่ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากเคลื่อนไหว ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้ความคิดหลุดลอยเวียนวนอยู่กับเรื่องเดิมซ้ำซาก เหมือนหนูติดกับดักทั้งที่แค่ยกขาก้าวหนีก็พ้นแล้วแต่เขากลับไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงๆ ใด ปล่อยให้ทุกข์โศกถาโถมเล่นงานจนเสียผู้เสียคน น้ำเมาพรากเอาความสามารถทั้งมันสมองและร่างกายหายไปสิ้น

    เสียงพูดคุยของผู้ใหญ่สองคนไม่อาจลอดเข้ามาในการได้ยินได้ ทว่าเสียงเล็กๆ ที่ดังใกล้หัวใจมันเด่นชัดเหลือเกิน

    ‘พ่อจ๋า พรุ่งนี้หนูจะได้กินไข่ม้วนแล้ว พ่ออิจฉาหนูมั้ยเพราะพ่อไม่เคยกินอะไรเลยนอกจากเหล้า’

    ในขณะที่หัวอกของผู้เป็นพ่อกลัดหนองเจ้าตัวเล็กก็คงไม่ต่างกัน กลิ่นหอมของแชมพูเด็กโชยเข้าปอดมันติดไปทุกครั้งที่หายใจเข้าน้ำตาที่หมดไปจากร่างกายแต่เจิ่งนองในหัวใจไหลซ้ำลงที่เดิม เขามันเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ไม่ต้องให้ใครบอกเขารู้ตัวเองดีเพียงแต่หัวใจมันอ่อนล้าและเจ็บปวดจนเกินกว่าจะทำหน้าที่พ่อได้ ‘ไข่ม้วนเหรอ ใครทำให้ เมื่อก่อนพ่อก็ชอบกิน แม่ชอบชวนพ่อไปกินที่กรุงเทพฯ บ่อยๆ’ แล้วภาพในวันวานก็กลับมาเล่นงานให้หัวใจเพิ่มรอยช้ำซ้ำอีกรอย รู้ซึ้งถึงคำว่า ‘สามวันจากนารีเป็นอื่น’ แล้วจริงๆ…

    “พ่อจ๋าหนูไปโรงเรียนก่อนนะ วันนี้หนูเอาไก่ทอดไปโรงเรียนด้วย อาออยทอดเผื่อพ่อด้วยนะ แล้วตอนเย็นหนูจะเอาไข่ม้วนมาฝาก”

    เป็นประจำทุกวันที่เด็กชายพิกเล็ตต้องเข้ามาลาบิดาก่อนไปเรียนหนังสือ เจ้าตัวกลมกระโดดขึ้นเตียงพ่อไม่เคยตื่นก่อนเขาเลยตั้งแต่แม่หนีไป มาทีไรพ่อหลับสนิทกรมเสียงดังทุกที แต่วันนี้ไม่มีเสียงกรนแต่พ่อก็ยังไม่ตื่นอยู่ดี จมูกเล็กจรดที่ข้างแก้มสากๆ ของพ่อไม่เคยรังเกียจสารพัดกลิ่นกลับรักมันเพราะมันทำให้รู้ว่าพ่อยังอยู่กับเขา ถึงพ่อจะตัวเหม็นเหมือนถังขยะ หรือเป็นไอ้ขี้เมาเหมือนอย่างที่เพื่อนเคยล้อเขาก็รักพ่อที่สุด แล้วก็รักอาออยด้วย

    “ไปโรงเรียนได้แล้วเดี๋ยวสาย”

    “ครับ” พิกเล็ตกระโดดลงจากเตียงส่งมือให้ผู้เป็นอาที่ยืนรออยู่ปากประตู มืออาออยไม่ใหญ่เท่าพ่อแต่อุ่นพอกัน สองอาหลานคุยกันเหมือนทุกวันแต่วันนี้เจ้าตัวดีดูจะตื่นเต้นกับเมนูที่พี่ชายตัวขาวสัญญาไว้ว่าจะเอามาส่งให้ตอนก่อนกินข้าวเที่ยง

    อาณกรทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถไปรับไปส่งพิกเล็ตและกิ่งแก้วตั้งแต่เด็กทั้งสองเพิ่งเข้าโรงเรียน กิ่งแก้วเป็นลูกสาวคนงานในไร่ที่บังเอิญเกิดปีเดียวกับพิกเล็ตเลยได้สิทธิ์เป็นเพื่อนสนิทของลูกชายเจ้าของไร่ไปโดยปริยาย ส่วนเด็กคนอื่นๆ ก็โตเกินกว่าจะเป็นเพื่อนเล่นได้แล้ว กิ่งแก้วยืนยิ้มอวดฟันหลอรออยู่ที่รถแล้วในมือมีปิ่นโตเหมือนกันเห็นว่าเจ๊กลอยแม่ของกิ่งแก้วทำผัดผักไปให้

    “กิ่งแก้วไม่ได้เอาไก่ทอดไปหรอก เดี๋ยวซ้ำกับของพิกเล็ต”

    เจ้าของชื่อพยักหน้ารัวเห็นด้วยก่อนที่ลำตัวจะถูกอุ้มขึ้นและวางลงที่เบาะหนังที่ด้านหน้าของรถกระบะด้วยฝีมือของอา อาออยดันเบาะที่เขานั่งอยู่เขยื้อนไปด้านหน้าเล็กน้อยเปิดช่องให้กิ่งแก้วเข้าไปนั่ง

    “ไปกันได้แล้วจะเจ็ดโมงอยู่แล้ว”

    เกือบเจ็ดโมงครึ่งรถกระบะแบบแค็บสีน้ำเงินของอาออยก็จอดที่หน้าโรงเรียนประจำอำเภอ เจ้าตัวดีสองคนรอให้ผู้เป็นอาเปิดประตูให้แล้วส่งมือให้จับจูง อาออยจะไม่ยอมปล่อยมือจนกว่าทั้งคู่จะถึงมือคุณครูที่รอรับอยู่หน้าโรงเรียน

    “สวัสดีครับครูอุ้ม ฝากเจ้าตัวแสบสองหน่อนี่ด้วยนะครับ”

    ครูอุ้ม ครูประจำชั้นของเจ้าสองแสบของอาณกรยิ้มรับ ก่อนจะยกมือรับไหว้นักเรียนตัวน้อยพิกเล็ตหันกลับมาโบกมือให้ผู้เป็นอา เกือบจะหมุนตัวเดินเข้าโรงเรียนแต่โดนรั้งไว้เสียก่อน

    “เดี๋ยวก่อนพิกเล็ต” อาณกรย่อกายนั่งลงบนหลังเท้าจนระดับความสูงเท่ากับหลานชาย มือเรียวยื่นจัดชุดนักเรียนให้เข้าที่ พิกเล็ตมองตาใส “ถ้าวันนี้ไม่ได้กินไข่ม้วนห้ามร้องไห้งอแงเข้าใจมั้ย แล้วตอนเย็นอาจะทำให้กิน โอเคมั้ย”

    “แต่พี่มะรุมสัญญาแล้วว่าจะมา”

    “เขาเป็นหมอรักษาคนป่วยนะ จะมาหาเราได้ยังไง” อาณกรยิ้มให้หลานชาย มือวางบนหัวกลม “ห้ามงอแง เป็นลูกผู้ชายห้ามร้องไห้”

   “พ่อร้องทุกวันเลย” เจ้าตัวดีย้อน จะแย้งก็ไม่ได้อีกเพราะหลักฐานมีให้เห็นอยู่ทนโท่

    “เรื่องของผู้ใหญ่น่า เอาเป็นว่าถ้าตอนกลางวันไม่ได้กิน เย็นนี้อาจะทำให้กินแถมไอติมแท่งนึงด้วย ตกลงนะ”

    “ครับ” พิกเล็ตรับคำแข็งขัน ถึงจะเถียงบ้างแต่เด็กชายก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี

    อาณกรปล่อยให้หลานกลับเข้าโรงเรียนไป เขายืดกายเต็มความสูงของตัวเองพลางระบายลมหายใจออกช้าๆ ไม่อยากให้พิกเล็ตตั้งความหวังไว้สูงนักกลัวจะผิดหวัง

    “ไม่ต้องกลัวไปหรอกค่ะเดี๋ยวอุ้มช่วยดูให้ พิกเล็ตแกเข้มแข็งกว่าที่คุณออยเห็นนะคะ”

    เมื่อครูประจำชั้นรับปากเขาก็ค่อยเบาใจลงหน่อย ถึงวันนี้คุณหมอมะรุมจะไม่มาตามสัญญาแต่อย่างน้อยหลานชายของเขาก็จะได้เรียนรู้ถึงความผิดหวัง เขาเอ่ยลาครูอุ้มก่อนจะกลับที่รถยนต์ของตัวเองมุ่งหน้ากลับไร่เคียงฟ้าทำหน้าที่แทนเจ้าของตัวจริงต่อไปอย่างไม่มีกำหนด…


   อีกสิบนาทีจะสิบเอ็ดโมงครึ่ง ตากลมคอยสอดส่องมองไปที่ประตูห้องเรียนอยู่เรื่อยๆ เพื่อนๆ และครูอุ้มเริ่มช่วยกันจัดโต๊ะอาหารแบบชั่วคราวแล้ว โดยแปลงจากโต๊ะนั่งเรียนหนังสือเอามาต่อกันเป็นวงกลมเสียงพูดคุยดังจอแจทุกคนตื่นเต้นกับการเอาอาหารมากินด้วยกัน ปกติแล้วก็กินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารด้วยกันทุกวันแต่วันนี้มันพิเศษตรงที่ผู้ปกครองจะทำอาหารให้ ต่างฝ่ายต่างอวดว่ารสมือของแม่หรือของยายอร่อยกว่า พิกเล็ตถอนหายใจแรงๆ จำไม่ได้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว ดูเหมือนว่าความหวังที่จะได้กินไข่ม้วนที่ใส่สาหร่ายด้วยจะค่อยๆ ห่างไปทุกที

    “พิกเล็ตกิ่งแก้วเรียกแล้วไปนั่งที่เถอะจ้ะ”

    เด็กชายยังไม่ละสายตาจากบานประตู แม้ตัวจะถูกรั้งไปในทิศทางที่ครูอุ้มพาไปกิ่งแก้วนั่งคอยอยู่พักใหญ่แล้วกวักมือเรียกเพื่อนตั้งนานแต่ก็ไร้การตอบรับเอาแต่จ้องไปที่ประตูตั้งตั้งยังไม่เลิกเรียนวาดรูป

    “พิกเล็ตมองอะไรอ่ะ”

    “มองพี่มะรุมพี่เค้าบอกว่าจะเอาไข่ม้วนมาให้”

    กิ่งแก้วเอียงคอมองตากรอกขึ้นด้านบนพยายามนึกว่าตัวเองรู้จักคนที่ชื่อพี่มะรุมด้วยหรือเปล่าใช้เวลาแค่กระพริบตาก็สรุปได้ว่า ไม่รู้จัก “ใครเหรอ”

    “ก็หมอที่ฉีดยาให้กิ่งแก้วเมื่อวันก่อนไง วันที่ไปโรง’บาลอ่ะ”

    “อ๋อ~” คราวนี้เด็กหญิงความจำสั้นเกิดจำขึ้นมาได้ แต่พูดถึงโรงพยาบาลที่ก้นเจ็บแปลบขึ้นมาเชียว “แล้วพิกเล็ตรอเค้าทำไมอ่ะ”

    “ก็พี่มะรุมสัญญาว่าจะเอาไข่ม้วนมาให้ เราอยากกิน”

    “หมอน่ะชอบโกหก บอกเราว่าไม่เจ็บทั้งที่มันเจ็บเกือบตายแน่ เอ้อ! แล้วไข่ม้วนเป็นยังไงเหรอ”

    พิกเล็ตสั่นหัวบอกว่าไม่เคยเห็นเหมือนกัน อดใจหายกับคำพูดของกิ่งแก้วไม่ได้หมอชอบโกหกบอกว่าไม่เจ็บแต่ก็เจ็บ บอกจะมาแต่ก็ไม่มา จนได้เวลากินข้าวกลางวันที่บานประตูนอกจากครูอุ้มก็ไม่มีใครอีก อาออยบอกไว้ว่าอย่าเสียใจเพราะเย็นนี้อาออยจะพาไปกินไข่ม้วนแถมไอติมอีกหนึ่งแท่งแต่ยังไงเขาก็ยังอยากกินไข่ม้วนของพี่มะรุมมากกว่าอยู่ดี

    “เอาล่ะเด็กๆ กินข้าวกันได้แล้วจ้ะ ไหนดูซิบอมห่ออะไรมา” เสียงครูอุ้มดังขึ้นเป็นการส่งสัญญาณของมื้อกลางวันอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้ยินหรอกว่าเด็กชายบอมเลขที่หนึ่งห่ออะไรมากิน และไม่อยากรู้ด้วย

    ครูอุ้มไล่ถามเมนูอาหารจากเด็กๆ ตามลำดับเลขที่ทุกคนตอบฉะฉานด้วยความมั่นใจ บางคนก็ตอบถูกบางคนก็ตอบไม่ถูกโดนล้อโดนแซวกันไปบ้าง เรียกความครึกครื้นได้ดี

    “พิกเล็ตวันนี้อาออยทำอะไรมาให้คะ”

    “...........”

    “พิกเล็ตอาออยทำอะไรให้กินเอ่ย”

   “..........”

    “พิกเล็ต”

    ไร้เสียงตอบรับจากเด็กชาย กิ่งแก้วหันมองหน้าครูอุ้มทีสลับกับหน้าเพื่อนรักทีแต่พิกเล็ตก็เงียบไม่ยอมตอบคำถามเหมือนไม่ได้ยินทั้งที่เสียงครูอุ้มดังเหมือนครูใหญ่พูดหน้าเสาธงตอนเช้าเลย ศอกเล็กๆ กระทุ้งสีข้างเพื่อเรียกให้เพื่อนเลิกมองที่หน้าประตู มันได้ผลพิกเล็ตสะดุ้งหันมองหน้า กิ่งแก้วพยักพเยิดไปทางครูอุ้มที่รอคำตอบอยู่แต่ดูท่าพิกเล็ตจะไม่ได้ยินคำถามเลยต้องกระซิบบอกให้อีกรอบ

    “ไก่ทอดครับ”

    เมื่อได้ยินคำตอบครูอุ้มก็ถามไปที่เด็กคนต่อไป พิกเล็ตเอาช้อนเขี่ยข้าวในกล่องพลาสติกสีส้มไปมาไม่อยากกินอะไร ไม่ได้ห้ามตอนที่กิ่งแก้วหยิบไก่ในกล่องอีกใบแจกเพื่อนแล้วตักเอาผัดผักของตัวเองลงในกล่องข้าวให้เขา

    “พิกเล็ตไม่กินข้าวเหรอ เพื่อนๆ จะกินไก่หมดแล้วนะ”

    ครูอุ้มเดินอ้อมมาด้านหลังมืออุ่นแตะลงที่ไหล่เล็กของลูกศิษย์ตัวน้อย นึกสงสารที่เด็กชายผิดหวังจากการรอคอยใครซักคน

    “ผมไม่หิว” พิกเล็ตสั่นหน้า ด้วยวัยเพียงห้าขวบอาจจะยากซักหน่อยกับการรับมือกับความผิดหวังหน้าที่ของครูคือต้องปลอบใจหากพิกเล็ตรับมันได้ ครั้งๆ ต่อไปก็จะไม่เสียใจเท่านี้อีก

    “ถ้าไม่กินอาออยจะเสียใจน้าอุตส่าห์ตื่นมาทำให้แต่เช้า พิกเล็ตไม่เสียดายเหรอที่ไก่ทอดอร่อยๆ ของอาออยโดนเพื่อนแย่งกินหมดเลยน่ะ”

    เขาเงยหน้ามองคุณครู รอยยิ้มอบอุ่นประดับบนใบหน้าตาสวยๆ ของคุณครูมองไปที่กล่องที่ยังเหลือไก่อีกน่องเด็กชายพยักหน้ารับพลางใช้ช้อนตักไก่ใส่กล่องข้าวแสดงความเป็นเจ้าของไว้ก่อนที่โดนเพื่อนแย่งไปอีกแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากกินอยู่ดี

    “โทษทีนะครับ เด็กชายพิกเล็ตอยู่ห้องนี้หรือเปล่าครับ”

    พิกเล็ตเงยหน้ามองไปยังบานประตูที่เพิ่งละสายตามาได้แค่ไม่กี่นาที ตรงนั้นมีผู้ชายตัวขาวสูงเท่าอาออยยืนอยู่เด็กชายยิ้มกว้างส่งมือโบกหยอยๆ กลางอากาศกวักเรียกพี่มะรุมด้วยความดีใจอย่างที่สุด

    “พี่มะรุม”

    วรทย์ส่งยิ้มให้เด็กชายตัวกลมเขาลืมตัวเผลอโบกมือกลับจนหน้ากลมๆ ของพิกเล็ตถูกบังด้วยใบหน้าหวานน่ารักของหญิงสาวใส่ชุดกากีแทน

    “มาหาใครเหรอคะ” ครูอุ้มถามเสียงหวานแม้ไม่รู้จักชื่อ ไม่เคยเห็นหน้าแต่พอจะเดาได้ว่าผู้ชายคนนี้คงเป็นคนที่พิกเล็ตคอยอยู่แน่

    “เอ่อ ผมมาหาพิกเล็ตน่ะครับเอาข้าวกลางวันมาส่ง” นายแพทย์หนุ่มบอก ชูปิ่นโตสามเถาในมือให้ดูเพื่อเป็นการ
ยืนยันเจตนา ลมหายใจเขายังรัวเร็วเพราะอัตราการเต้นของหัวใจยังไม่เข้าที่จำไม่ได้ว่าวิ่งถามมากี่ห้องกว่าจะเจอห้องที่พิกเล็ตเรียน นึกด่าตัวเองที่สะเพร่าไม่ยอมถามชื่อชั้นให้ชัดเจนเลยเสียเวลาหาบวกกับเวลาหลงทำให้เขามาถึงช้าไปหลายนาที
เลยทีเดียว

    “เด็กชายพชรดนัย มีผู้ปกครองมาพบจ้ะ”

    เจ้าของชื่อยืนยิ้มข้างขาครูอุ้มก่อนที่จะเรียกชื่อจบด้วยซ้ำ มือน้อยยื่นตรงหน้ารอรับปิ่นโตที่พี่หมอหน้าขาวทำมาให้ วรทย์ส่งปิ่นโตให้ด้วยความเต็มใจอยากจะเข้าไปร่วมวงมื้อกลางวันด้วยแต่โดนคุณครูคนสวยห้ามไว้เสียก่อน “วันนี้เฉพาะเด็กค่ะ ผู้ปกครองวันหลัง”

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
เขาไม่ได้กลับทันที่แต่ยืนเกาะขอบหน้าต่างมองเจ้าแก้มใสจ้วงตักกินไข่ม้วนที่เขาลุกขึ้นมาทำตั้งแต่หกโมงเช้า ทำเพื่อเด็กคนอื่นๆ ด้วย และเพราะไม่รู้จำนวนเด็กเลยทำมาสองปิ่นโตคิดว่าคงพอสำหรับเด็กกิน

    “มาช้าไปหลายนาทีเลยนะคะ พิกเล็ตไม่ยอมกินข้าวเลยมองแต่ที่ประตู”

    “เอ่อ ขอโทษครับพอดีผมเพิ่งมาอยู่ไม่ค่อยชินกับเส้นทาง” เขาละสายตาจากพิกเล็ตมายังครูประจำชั้น

    เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ยิ้มให้เขาก่อนจะก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ สิบห้านาทีต่อมามื้อเที่ยงของเด็กอนุบาลก็หมดลง พิกเล็ตวิ่งมาหาเขาแทบจะทันทีที่เก็บของลงในกล่องข้าวที่แก้มยังมีข้าวติดอยู่ แถมไม่ได้มาคนเดียวเอาเด็กหญิงที่วันก่อนเพิ่งจะร้องไห้ลั่นโรงพยาบาลมาด้วย

    “กิ่งแก้วบอกว่าอยากกินไข่ม้วนอีกฮะ”

    “เราไม่ได้บอกซะหน่อย” เด็กหญิงกิ่งแก้วแย้ง ซ่อนตัวอยู่หลังพิกเล็ตอาศัยลำตัวที่หนากว่าบดบังตัว

    “เอาไว้พี่มีเวลาจะทำมาให้กินอีกนะ” เขายิ้มให้เด็กน้อยทั้งสอง อยากจะคุยต่ออีกสักหน่อยแต่ครูประจำชั้นก็เรียกตัวกลับเสียก่อนเพราะได้เวลานอนกลางวัน

    “พี่มะรุมฮะ อย่าลืมมาเที่ยวบ้านพิกเล็ตนะฮะ ผมอยากให้พี่มะรุมทำไข่ม้วนให้พ่อกินด้วย” พิกเล็ตตะโกนบอกขณะที่เดินต่อแถวตามเพื่อนๆ ไปเอาแป้งจากคุณครู เด็กคนอื่นๆ ก็พลอยมองเขาไปด้วยถึงจะเป็นเด็กชั้นอนุบาลแต่ก็อดเขินไม่ได้ คุณหมอตัวเล็กยกมือเกาหัวแก้เก้อพยักหน้ารับส่งๆ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าไร่เคียงฟ้าอยู่ที่ไหน เขาโบกมือลาเจ้าตัวดีและผองเพื่อนที่ยื่นคอมองกันหน้าสลอน ยอมเสียเวลาครึ่งวันเพื่อทำไข่ม้วนห่อสาหร่ายให้เด็กที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่สองวัน
    วรทย์ถอนหายใจยาวๆ รู้สึกเหมือนเพิ่งลงจากวอร์ดไม่มีผิด ภารกิจเอาไข่มาส่งลูกคนอื่นเสร็จสิ้นได้เสียที คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ตื่นมาตั้งแต่ไก่โห่ทำในครัวของหมอคีย์รกไปหมด คาดคั้นบีบบังคับให้คุณหมอตัวสูงวาดแผนที่ให้ แถมยังโทรถามมาตลอดทางรบกวนเวลาการทำงานอย่างจงใจ แต่พอได้เห็นรอยยิ้มของพิกเล็ตเขากลับไม่รู้สึกว่าเวลาพวกนั้นมันสูญเปล่า กระดาษใบเดิมถูกดึงจากกระเป๋ากางเกงตอนมาก็ต้องดูแผนที่ตอนกลับก็ต้องอาศัยมันเหมือนกัน คงอีกพักใหญ่เลยกว่าจะคุ้นชินกับเส้นทาง...


    “กูบอกให้เอาเหล้ามาไง หูมึงหนวกหรือไง!”

    สิ้นคำพูด ทั้งหมอน ผ้าห่ม โคมไฟ หรืออะไรก็ตามที่อยู่ใกล้มือถูกโยนโครมลงมาหมด เมี่ยงสะดุ้งโหยงแทบยกเท้าหนีชิ้นส่วนของโคมไฟที่แตกกระจายจนไร้ค่า รีบลนลานคว้ากระป๋องไม้กวาด ผ้าขี้ริ้วออกจากห้องไปทันที คงต้องรอให้เจ้านายหลับเสียก่อนแล้วค่อยหาเวลาและความกล้ามาเก็บทำความสะอาดอีกครั้ง ไม่น่าเสี่ยงขึ้นมาตอนนี้เลย
    “เมื่อไหร่จะหายเมาซะทีวะ น่ากลัวขึ้นทุกวัน”

    “บ่นอะไรเมี่ยง”

    สาวใช้ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อโดนทัก หันไปมองทางต้นเสียงเห็นเป็นคุณออยเลยพอเบาใจนึกว่าเป็นนายเสือตามลงมาด่าข้อหารักสะอาดไม่รู้จักเวล่ำเวลา

    “โธ่คุณออยตกใจหมด” เมี่ยงยกมือลูบอก ก่อนจะทำหน้าบู้ใส่ “ก็คุณเสือซิคะ ร้องแต่จะกินเหล้า กินจนข้าวปลากินไม่ได้แล้วรึยัง”

    อาณกรถอนหายใจ ออกไปทำงานตากแดดยังไม่เหนื่อยใจเท่านี้พศินเรียกหาแอลกอฮอล์เข้าร่างกายทั้งที่มัน
เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องนอนหยอดน้ำเกลือแท้ๆ ไม่รักตัวเองอย่างนี้ยาดีขนานไหนๆ ก็ช่วยไม่ได้ เขาไม่ต่อว่าที่เมี่ยงบ่นเพราะเข้าใจความรู้สึกของเด็กสาวดี เขาเดินกลับเข้าไปในครัวเห็นว่ายังพอมีไก่ทอดที่ทำให้หลานเหลืออยู่บ้างกับกับข้าวอีกสองสามอย่าง หลังจากล้างมือจนสะอาดก็จัดการตักข้าวใส่จาน กับข้าว แล้ววางลงในถาด ไม่ได้เอาไปให้คนป่วยแต่เอาไปกินเองเพียงแต่ใช้ห้องคนป่วยแทนห้องครัวชั่วคราวเพราะอาหมอสั่งห้ามไม่ให้กินอะไรสามวันสามคืน

    “มาอีกทำเหี้ยอะไร! ถ้าไม่เอาเหล้ามาก็ไปให้พ้นหน้ากู!” เจ้าของห้องตวาดลั่นเมื่อบานประตูที่เพิ่งปิดไปได้ไม่กี่นาทีถูกเปิดออกอีกครั้ง เขาเกลียดแสงสว่างที่พร้อมกันมันทำเขาตาพร่ามองอะไรไม่ถนัด “หูมึงหนวกหรือไง ปิดประตูซิโว๊ย!”

    “เป็นผีดิบหรือไงชอบอยู่ในที่มืดน่ะ”

    เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของผู้หญิงแต่เป็นของใครบางคนที่เขารู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ร่างหนาพลิกหน้าหนีไม่อยากต่อล้อต่อคำกับมัน เพราะไม่เคยชนะซักที

    ผ้าม่านสีเลือดหมูหม่นถูกดึงออกกว้างเปิดรับแสงสว่างยามเที่ยงจนต้องหลับตาหนี ยิ่งเกลียดยิ่งเจออยากจะขยับลุกเดินหนีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แค่หายใจยังลำบากมันเจ็บไปหมดไม่ใช่แค่ที่ตัวแต่รวมไปถึงหัวใจด้วย

   “ห่าเอ๊ย! จะเปิดผ้าทำไมวะ มันแสบตา”

    คนถือวิสาสะไม่สนใจคำสบถนั่นซักนิดกลับลากเอาเก้าอี้แถวนั้นๆ มาวางถาดที่ถือมา หย่อนสะโพกลงปลายเตียงใกล้เท้าของเขา กลิ่นอาหารลอยกรุ่นในอากาศจนคนป่วยต้องเหล่ตามอง แต่พอตากลมหันกลับมามองก็เมินหนีทำทีเป็นไม่สนใจ

    “วันนี้ตัดปาล์มส่งโรงงานเกือบหมดแล้วนะเหลืออีกไม่กี่แปลง ปีนี้ราคาดีหน่อยเพราะน้ำมันมันขึ้น” อาณกรรายงานตามหน้าที่พลางจ้วงแกงเทโพรดข้าวแล้วตักใส่ปากรอเคี้ยวจนหมดแล้วพูดต่อ “ฉันให้คนงานปรับหน้าดินยกร่องแล้วก็ลงปาล์มใหม่แล้ว”

    พศินพิงหัวที่หนักกว่าครกหินกับหัวเตียง ตาอ่อนล้าปิดลงหลังที่เปิดมาได้ไม่กี่ชั่วโมง กระเพาะของเขามันร้องขออาหารแต่สมองมันไม่ต้องการ อยากได้แต่น้ำเมาที่ดับเอาความทุกข์ไปได้ชั่วคราว ลำคอเขาแห้งผากเกลียดร่างกายตัวเองที่อ่อนแอจนป่วยแม้แต่น้ำยังกินไม่ได้แถมไอ้หน้าหมายังเอาข้าวมากินล่ออยู่ได้

    ‘พ่อจ๋า พรุ่งนี้หนูจะได้กินไข่ม้วนแล้ว พ่ออิจฉาหนูมั้ยเพราะพ่อไม่เคยกินอะไรเลยนอกจากเหล้า’

    คำพูดของลูกชายดังเข้ามาในห้วงคำนึง เมื่อคืนเขาเก็บเอาประโยคสุดท้ายที่ได้ยินเอาไปฝัน แต่เป็นความฝันที่อิงจากเรื่องจริงทั้งสิ้น ตั้งแต่ตอนที่ได้พบกับปารินครั้งแรก เดทแรกที่เธอขอให้เขาพาไปร้านอาหารญี่ปุ่นเพราะอยากชิมลิ้มรสปลาดิบ พอลืมตาตื่นขึ้นมาความฝันมันตามหลอกหลอนหัวใจเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนอยากได้เหล้าช่วยดับทุกข์ในใจ เขาฟังเสียงการบดเคี้ยวอาหารของอาณกรไปเงียบๆ น้ำย่อยในกระเพาะทำงานหนักขึ้นทุกทีแต่เพราะถูกสั่งถามจึงไม่อาจแตะต้องอะไรได้

    “วันนี้พิกเล็ตห่อข้าวไปกินโรงเรียนฉันทำไก่ทอดให้” อาณกรพูดเรื่อยๆ ข้าวใกล้หมดจานแล้วท้องก็เริ่มตึง

    แค่ไก่เหรอ? คิ้วหนาเผลอยกขึ้นเขาจำได้ดีที่ลูกชายพูดมันไม่ใช่ไก่ทอดแต่เป็นไข่ม้วน “ไข่ม้วนล่ะ”

    เสียงแหบห้าวเปล่งถามไปด้วยสงสัย อาณกรเอี้ยวตัวกลับมามองคิ้วยกสูงไม่ต่างกับเขา “อะไร อยากกินเหรอไอ้ไข่ม้วนน่ะ พ่อลูกนี่เหมือนกันชะมัด”

    “เปล่า เห็นพิกเล็ตบอกว่าจะได้กินไข่ม้วน”

    “ไม่รู้จะได้กินหรือเปล่า เค้าก็แค่รับปากไปอย่างนั้นแหล่ะ” อาณกรตอบคล้ายไม่ใส่ใจอะไรแต่ลึกๆ แล้วเขาเองก็ไม่อยากให้หลานชายผิดหวังเหมือนกัน หวังว่าคุณหมอคนนั้นจะรักษาสัญญา

    “เค้าไหน?”

    “เอาเถอะ เดี๋ยวเย็นนี้ก็รู้เอง อิ่มแล้วผมไปแล้วนะ”

    “ถามทำไมไม่ตอบ”

    “ถ้าอยากรู้ก็เลิกเหล้าก่อนซิ” คำย้อนที่เล่นเอาคนฟังสะอึก ความอยากรู้หยุดนิ่งที่เข้ามาแทนคือความหมองหม่นเขาไม่ได้สำนึกในคำพูดของหนุ่มรุ่นน้องหรอกแต่มันทุกข์เสียจนพูดไม่ออก ที่กินเหล้าไม่ใช่เพราะขาดสติแต่เพราะเขาไม่อยากให้มีสติต่างหากจะได้ไม่ต้องคิดอะไร เจ็ดปีที่ยาวนานสิ้นสุดลงไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ความรักความผูกพันที่ถักทอกลายเป็นสายใยและก่อกำเนิดทายาทแห่งความรักนั้นมันหมดความหมายเมื่อทุกอย่างจืดจางเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเธอก็ทิ้งเขาเพราะเบื่อหน่ายกับชีวิตที่จมปลักดักดาน พศินเบือนหน้าหันมองหน้าต่างเมื่อความโศกเข้าปกคลุมพื้นที่ใจอีกครั้งแต่ก็เกลียดความทรงจำของตัวเองเหลือเกินไม่ว่าจะมองไปมุมไหนภาพของผู้หญิงคนนั้นก็จะตามผุดขึ้นมาหลอกหลอนให้ชอกช้ำเสมอไป แล้วมันผิดหรือไงที่เขาเลือกที่จะให้ตัวเองไร้ความคิด

    อาณกรถอนหายใจยาวอยากตบปากตัวเองที่เผลอหลุดความต้องการออกมาเสียได้ เขามองร่างสูงใหญ่ที่ยังความกำยำแข็งแกร่งพอให้เห็นอยู่บ้าง โครงหน้าหล่อเหลาคมเข้มแม้จะหันข้างก็ยังทำเอาใจสั่นทั้งต่างเพศและเพศเดียวกัน แพขนตายาวแทบจะไม่กระพริบทอดสายตามองไปยังกระจกเปื้อนๆ นั่นราวกับมันมีอะไรน่าสนใจ แต่เขารู้ดีว่าพศินไม่ได้มองกระจกแต่มองเลยผ่านออกไปขณะที่ความคิดคงวนเวียนอยู่แต่กับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ทำให้พี่เสือของเขามีสภาพเหมือนตายทั้งเป็นอยู่อย่างนี้ เขาหมดสิ้นหนทางที่ดึงเอาพี่เสือคนเดิมกลับมาได้แต่เยียวยาไปตามอาการช่วยงานได้เท่าที่กำลังกายและกำลังใจยังเหลืออยู่

    “ทนหน่อยนะอีกสองวันถึงจะกินอะไรได้ แล้วจะทำไข่ม้วนให้กิน”

    ผู้ชายตัวขาวร่างเล็กบอกทิ้งท้ายก่อนจะดึงประตูไม้สักบานใหญ่ปิดลง...พิษรักมันหนักหนานักเขาเองถึงไม่เคยได้รับคำนั้นแต่ก็พอจะรู้ว่ามันสาหัสเพียงใด...จากการที่รักข้างเดียว...


    “เฮ้ยพี่! หมอให้ออกมาเดินได้แล้วเหรอ”

   ปืนร้องถามเจ้านายที่เดินลากขาเนือยๆ มาทางพวกเขา ไอ้ดินรีบกระโดดลงจากแคร่ทำหน้าที่ลูกน้องที่แสนดีประคองพี่เสือเอามือพาดบ่าโอบเอวเรียบร้อย

    “หาเหล้าให้กูกินหน่อย” พศินบอก หย่อนสะโพกนั่งลงบนแคร่สะบัดตัวหนีจากแขนไอ้ดินก่อนจะคว้าช้อนตักเอาลาบเป็ดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ โดยไม่สนใจคำเตือนของอาหมอ เขาอยากกินก็จะกิน กินแล้วมันลืมดีกว่าอดแล้วเจ็บหัวใจ

    “ได้จ้ะพี่ วันนี้ฉันมีม้ากระทืบโลงด้วย”

    “ไอ้เหี้ยดิน! หมอเขาไม่ให้พี่เสือกินเหล้า” ปืนตลาดเพื่อนลั่น ดินคอหดกระพริบตามองเจ้านายปริบๆ

    “แต่กูอยากกิน มึงกินเงินเดือนใครกูหรือหมอ”

    ปืนจนใจอยากจะปรามแต่เพราะตัวเองเป็นแค่ลูกน้องกินเงินเดือนของพศิน เลยได้แต่มองดูด้วยความเป็นห่วงไอ้ดินก็เหลือเกินจ้วงแก้วลงในไหยาดองที่ไปเหมามาจากร้านน้องนีคนสวยส่งให้เจ้านายอย่างเอาใจ

    ในท้องของเขาเหมือนมีน้ำกรดหกใส่มันทั้งเจ็บทั้งปวดแต่ก็ฝืนใจทน เหล้าดีกรีแรงแก้วแล้วแก้วเล่าถูกเทลงในกระเพาะตามด้วยอาหารรสจัดฝีมือไอ้ปืนอีก ถ้ามันจะตายก็ตายไปเลยเขาไม่อยากจะสนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว เพียงแค่ไม่อยากเห็นภาพของผู้หญิงคนนั้น

    “เฮ้ยไอ้ปืน ยำไข่ดาวมึงสุดยอดไปเลยว่ะ แม่งโคตรแซ่บ”

    ‘พ่อจ๋า พรุ่งนี้หนูจะได้กินไข่ม้วนแล้ว พ่ออิจฉาหนูมั้ยเพราะพ่อไม่เคยกินอะไรเลยนอกจากเหล้า’

    มือช้อนตักยำไข่ดาวแล้วจ้องมันเขม็ง จู่ๆ คำพูดของลูกชายก็หวนแทรกเข้ามาอีก ในหูเขาอื้ออึงด้วยประโยคนี้อยู่หลายครั้ง..ลูก...ลูกชายของเขา ช้อนในมือทิ้งลงในจานแต่ไม่ใช่จานยำไข่ดาวมันพลาดไปโดนถ้วยใส่ต้มยำไก่บ้าน น้ำต้ม
ยำทั้งร้อนทั้งจัดจ้านด้วยเครื่องเทศกระฉอกนอกถ้วย หยดนึงพุ่งเข้าตาคนทำช้อนร่วงปัดแก้วเหล้าหล่นพื้น

    “ไอ้เหี้ย!”

    พศินอุทานลั่นมือปัดไปทั่วแทบจะกวาดเอาทุกอย่างลงจากแคร่ มือขยี้ตาอาการปวดแสบตัวร้อนไม่ได้หายไป ชายหนุ่มลุกขึ้นทันควัน แต่ก้าวพลาดเหยียบแก้วร่างหนาเสียหลักหน้าคะมำ หัวฟาดเข้าที่แคร่อย่างจัง

    “พี่เสือ!”


    “เป็นไงบ้าง สนุกมั้ย”

    วรทย์หันไปค้อนใส่คนถามอย่างอดไม่ได้ ช่างกล้าถามออกมาได้เขาเพิ่งได้เข้าไปในเมืองแค่ครั้งเดียวใครจะไปจำทางได้แถมลายมือคุณหมอรุ่นพี่ก็ไก่สองเขี่ยสมเป็นหมอ เขาว่าตัวเองลายมือหนักแล้วเจอของหมอคีย์เข้าไปตาลายจนหลงทางต้องทำใจกล้าหน้าด้านลงไปถามทางจากแม่ค้าแถวนั้น กว่าจะไปถึงโรงเรียนของพิกเล็ตเกือบหมดเวลาพักเที่ยงพอดี

    “หายจุกหรือยังล่ะ” เจอคำถามย้อนเข้าให้คิมหันต์เองเลยค้อนเข้าให้บ้าง ถามมาได้ไม่คิดหรือไงว่าเขาจะอายถึงจะหน้าไม่ได้ขาวใสเหมือนเจ้าตัวแต่ก็ไม่หนาเท่าคอนกรีต ยิ่งหัวเสียใหญ่เมื่อได้เห็นตาวาวคล้ายจะเย้ยกันของอีกฝ่าย
“คุณออยแรงดีกว่าที่คิดอีกนะ เห็นตัวเล็กๆ อย่างนั้นก็เถอะ”

    “หยุดพูดไปเลยผมไม่อยากได้ยินชื่อผู้ชายคนนั้น”

    “จะว่าไปผมก็ชักอยากจะไปไร่เคียงฟ้าเหมือนกันนะ ท่าทางน่าสนใจดี”

    คิมหันต์เผลอบิดปาก “อย่าไปบ้าจี้ตามเขาเลยน่า”

    “ผมไม่ได้บ้าจี้ซักหน่อย”


ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
พูดจบก็ลุกขึ้นใช้มือปัดเศษดินออกจากกางเกงใกล้ได้เวลาเข้าเวรแล้ว เสียดายเวลาพักที่มีน้อยไปนิดนอนกลางวันไปได้แค่สองชั่วโมงเอง

    “เจอกันตอนเช้าหมอคีย์ไข่ม้วนอยู่ในตู้เย็นนะผมทำเผื่อไว้เยอะเลย”

   “แหมดีใจจังได้กินของเหลือด้วย” คิมหันต์ประชดกลับบ้าง เลยได้ลิ้นแดงๆ แลบใส่มาให้ “แลบมากๆ เดี๋ยวก็ดูดให้ซะหรอก”

    “ว่าไงนะ!” คนพูดแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเดินหนีไปเฉย วรทย์เผยอยกมือขึ้นปิดปากลิ้นหยุดเคลื่อนไหวทันที หน้าร้อนกับทีเล่นทีจริงของคิมหันต์ “พูดบ้าอะไร ดูดได้ที่ไหนผู้ชายด้วยกัน”

    จากนั้นก็บ่นพึมพำคนเดียวคำพูดของคิมหันต์พลอยให้นึกย้อนไปถึงสมัยเรียน คิมหันต์ไม่ใช่คนแรกหรอกที่พูดจาหมาหยอกไก่กับเขาแบบนี้ ทั้งหนุ่มรุ่นพี่รุ่นน้องทั้งสาขาเดียวกันหรือต่างสาขาก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน ถึงจะบอกจนปากแทบจะฉีกถึงหูว่าเขาเป็นผู้ชายแต่มีใครฟังที่ไหน นึกจะเกลียดพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากมารดาตงิดๆ...


   เขานั่งหาวตั้งแต่สี่โมงจนถึงตอนนี้เกือบจะสองทุ่มอยู่แล้ว ภายในแผนกฉุกเฉินยังคงเงียบสงบบรรยากาศชวนให้เคลิ้มหลับเสียจริง พยาบาลที่ทำหน้าอยู่เป็นเพื่อนกันนั่งติดหน้าจอทีวีรอชมละครเรื่องโปรด ส่วนพี่สินนั่งหาวหวอดประจำที่ตาจวนจะปิดเต็มที

   ทว่าความสงบถูกรบกวนด้วยเสียงล้อเบียดมากับพื้นถนน มันหยุดตรงหน้าประตูพอดีวรทย์เผลอยื่นหน้ามองผ่านกระจกบานใหญ่ ด้วยความสนใจอดตื่นเต้นไม่ได้เพราะไอ้เสียงเครื่องยนต์มันทำให้เขาหายง่วงนอน ประตูรถกระบะสีแดงเลือดหมูสนิมเกรอะเปิดผัวะ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ลักษณะคุ้นตาจะกระโดดลงมาก่อนแล้วยื้ออะไรบางอย่างในรถ โดยที่ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับมารีบวิ่งออกมาช่วยดึงอีกแรง

    พี่สินทำหน้าที่เฉียบไวรถเข็นประจำที่ตั้งรถยนต์จอดลงแล้ว วรทย์เห็นผู้ชายสามคนกำลังช่วยกันทั้งดึงทั้งลากและประคองชายอีกคนที่มีเลือดไหลเต็มศีรษะ บุรุษพยาบาลรีบเข็นรถเข้ามาในแผนกคุณหมอคนใหม่วิ่งตามไปติด

    “เขาเป็นอะไรมาเหรอครับ?” มือขาวเมื่อไปแตะรอยแผลใหญ่ที่หน้าผากเลือดสีแดงฉานไหลเป็นทางอย่างน่ากลัว
แต่ด้วยอาชีพแล้วไม่อาจรังเกียจได้

พี่สินกับคนที่มาด้วยกันช่วยกันยกร่างสูงใหญ่ขึ้นเตียงเพราะนอกจากจะได้รับบาดเจ็บแล้วผู้ชายคนนี้ยังเมามากอีกด้วยด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจัดที่ปนแทรกกับกลิ่นเลือดและกลิ่นยาภายในแผนกฉุกเฉิน

    “เรื่องของกู! พวกมึงพากูมาที่ไหนวะเนี่ย” คนเจ็บปัดมือที่แตะแถวๆ หน้าผากอย่างนึกรำคาญ

    “เมาตกแคร่ครับหัวกระแทกกับหินคุณหมอช่วยดูให้หน่อย” ปืนบอกเสียงสั่นอดเป็นห่วงเจ้านายไม่ได้เลือดออกเยอะจนใจหาย เขาเหยียบคันเร่งแทบแย่กลัวพี่เสือจะเลือดออกหมดตัวตายก่อนจะมาถึงโรงพยาบาล

    “เชิญญาติคนเจ็บออกไปด้านนอกก่อนครับ”

    พี่เปียวที่วันนี้เข้าเวรดึกเป็นเพื่อนเขารีบจัดหาอุปกรณ์ให้อย่างทันท่วงที ทุกคนรู้หน้าที่ผ้าม่านถูกดึงปิดเพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

     “อยู่นี่ซักคืนนะพี่เสือ ผมไปก่อนเมียอยู่คนเดียวด้วยเดี๋ยวหนีไปอีกคน” ดินพูดติดตลกเป็นนิสัยแต่มันทำร้ายหัวใจคนได้ยินยิ่งนัก

    “ไอ้สัตว์! พ่อมึงตาย จะไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็ไปเลย พวกมันไว้ใจไม่ได้ซักคน ไม่มีใครรักกูจริง กูมันหมาหัวเน่า ไอ้พวกควายเอ๊ย!” แผลที่หน้าผากไม่เจ็บซักนิดแต่แผลที่ใจรักษายังไงก็คงไม่หาย มันฝังลึกยิ่งกว่ารากต้นไทรซะอีก

    “ไอ้ห่าดิน! เล่นไม่รู้เรื่องนะมึง” ปืนหันไปด่าคู่หูที่ยังเล่นไม่เลิก ทั้งที่เจ้านายกำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาหันไปมองคุณหมอหน้าขาวแถมยังหวานยิ่งกว่าแม่ค้าขายยาดองเสียอีกดวงตาทั้งคาดหวังและฝากฝัง “ยังไงฝากคุณหมอด้วยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมารับ”

     “ครับ ไม่ต้องห่วง ผมจะทำให้เต็มที่” ริมฝีปากสีสดแบบไม่ต้องพึ่งลิปสติกคลี่แย้มแต่เป็นเหมือนคำมั่นพร้อมผ้าม่านถูกกระตุกปิดลง

    ร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำจนดำยื่นหน้าข้ามไหล่เล็กไปมองคนเมาหัวแตกเลือดไหลอาบบนเตียงอีกทีเอาเถอะอยู่ในมือหมอยังไงก็ปลอดภัย ปืนหมุนตัวกลับไปหาเพื่อนที่นั่งหน้ามึนรออยู่ด้านนอก

    แม้อยากจะอยู่เฝ้าดูอาการของเจ้านายแค่ไหนแต่ที่ไร่สำคัญกว่ายังไม่มีใครรู้ว่าพี่เสือเจ็บ ในข้อหาที่ไม่ยอมปรามเจ้านายเขาต้องกลับไปรับผิดชอบ “มึงอยู่เฝ้าพี่เสือเลยไอ้ห่าหิน”

    “เรื่องอะไรล่ะ กูจะกลับไปหาเมียกู” ดินแย้งทันที หน้ายู่เป็นตูด

    “มึงไม่ต้องมาโวย ไอ้สัตว์! แทนที่จะช่วยกันห้ามดันส่งแก้วเหล้าให้พี่เสือ มึงอยู่เลย”

    “ไม่เอา! ก็ถ้าไม่ให้กินกูก็ไม่ได้เงินเดือน แล้วมึงอ่ะ ทีตัวเองกลับบ้านนะไอ้ควาย”

    “กูจะกลับไปบอกคุณออย ถ้ามึงไม่อยู่เป็นเพื่อนพี่เสือกูจะฟ้องคุณออยว่ามึงเป็นคนชวนพี่เสือทีนี้มึงอดเงินเดือนแน่”

    คำขู่ได้ผล ดินฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดไม่ใช่ว่าไม่ห่วงเจ้านายหรอกแต่เพราะไม่อยากโดนยุงหาม มุ้งสักหลังก็ไม่มีน้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบ อยากจะอ้าปากค้านอีกซักนิดแต่เพราะชื่อของอาณกรทำให้พูดอะไรไม่ออกรู้กันทั้งไร่ว่านอกจากพี่เสือแล้วคุณออยนี่แหล่ะน่ากลัวที่สุด ตัวเล็กๆ แต่เด็ดขาดบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ อดคืออด จำต้องนั่งกอดอกหน้าตูมอยู่เป็นเพื่อนพี่เสือตามที่ได้ห่าปืนว่า

    ปืนถอนหายใจระอาในพฤติกรรมเห็นแก่ตัวของเพื่อน แต่พอเบาใจที่มันรับปากเขารีบกลับไปที่รถเตรียมใจรับความผิด ทำไปแล้วค่อยมาสำนึกถ้าตอนนั้นเขาห้ามพี่เสือได้คงไม่ต้องมารู้สึกผิดอยู่อย่างนี้...   


    เก้าโมงเช้าคนงานจากไร่เคียงฟ้าแห่กันมาเป็นโขยงโดยมีอาณกรเป็นแกนนำ เขาไม่ได้บอกเรื่องที่พศินหนีไปกินเหล้าจนหัวฟาดแคร่ให้พิกเล็ตฟังเพราะไม่อยากให้หลานไม่สบายใจมากกว่าเดิม แค่กันไม่ให้พิกเล็ตไปลาพ่อก่อนไปเรียน
แล้วรีบจับเด็กสองคนขึ้นรถก่อนจะบึ่งรถมาที่โรงพยาบาลทันที ส่วนคนอื่นๆ มาดักรออยู่หน้าโรงพยาบาลแล้วโดยที่ไม่ได้
นัดหมาย ทีแรกเขาคิดว่าคนที่ทำการรักษาพศินคือหมอปยุตผู้ที่ทำหน้าที่หมอประจำตัวมาตั้งแต่แรก แต่พอปืนอธิบายรายละเอียดรูปร่างลักษณะมันกลับไปเหมือนมิตรใหม่ที่เขาเพิ่งเจอไปเมื่อไม่กี่วันก่อน คนที่ทำไข่ม้วนให้พิกเล็ต

    คิดแล้วยังโมโหไม่หาย ห้ามแล้วห้ามอีกบอกจนปากจะฉีกถึงหูแต่ไอ้คนหัวดื้อก็ไม่เคยฟังยังหนีไปกินเหล้าอีกจนได้ เขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่พศินเกิดอุบัติเหตุแต่เป็นปืนที่ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินบอระเพ็ดบอกกับตนว่าพศินกินเหล้าแถมยังล้มหัวฟาดแคร่อาการร่อแร่ถูกพาไปโรงพยาบาลแล้ว เขาโกรธจนแทบจะกระโดดต่อยไอ้คนพูดแต่หน้าที่สลดของปืนทำให้ได้แต่ข่มความโกรธปนเป็นห่วงเอาไว้ ที่จริงปืนไม่ได้ผิดอะไรเพราะความหัวดื้อ งี่เง่าและโง่เขลาเบาปัญญาของพศินเองต่างหาก เขาไล่ปืนกลับไปเก็บเรื่องนี้ไม่เพียงคนเดียวไม่ได้บอกใคร จนเกือบตีหนึ่งปืนมาบอกอีกทีว่าพศินปลอดภัยแล้วจากการรายงานของดินที่อยู่เฝ้าที่โรงพยาบาล

    แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้คนงานเกือบยี่สิบคนถึงได้มารอได้ ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นปากติดโทรโข่งของดินเป็นแน่ถึงตัวจะอยู่ที่โรงพยาบาลแต่ใช้โทรศัพท์โทรบอกคนอื่นๆ ดินยิ้มอวดฟันขาวตัดกับสีผิวยืนรออยู่หน้าโรงพยาบาลรีบบอกตึกที่พักโรงพยาบาลเล็กๆ มีห้องพิเศษไม่กี่ห้องเท่านั้น อาณกรถอนหายใจยาวจะไล่ใครกลับก็ดูจะทำร้ายน้ำใจกันเกินไปทุกคนมาด้วยความเป็นห่วงพศิน จำต้องเดินนำหน้าขบวนแห่กันไปเยี่ยมคนป่วยแต่มองไปเหมือนขบวนประท้วงเสียมากกว่า

    วรทย์กำลังอ้าปากหาวพอดีตอนที่ประตูเปิดเข้ามา อาการง่วงนอนหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นจำนวนคนที่แห่กันเข้ามาในห้องพักฟื้น ร่างบางรีบยืดกายเต็มความสูงปั้นยิ้มแหยๆ ส่งไปให้ญาติของผู้ป่วยที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีมากถึงเพียงนี้

    “อ้าว! หมอมะรุม”

    เขาหันไปตามเสียงร้องทัก ทั้งดีใจทั้งแปลกใจที่เห็นอาณกรอยู่ในหมู่ญาติด้วย “สวัสดีครับคุณออย”

    “ตอนที่ปืนบอกผมก็กะแล้วต้องเป็นหมอมะรุมแน่เลย”

    คุณหมอตัวเล็กขยับห่างจากเตียงคนไข้เพื่อเปิดทางให้บรรดาญาติๆ ที่หน้าไม่เหมือนกันซักคน อาณกรแยกตัวออกมาดูจะเป็นคนเดียวที่อยากรู้อาการของคนตัวใหญ่ที่นอนหลับบนเตียง คนอื่นๆ แค่เป็นห่วงเท่านั้น

    วรทย์สลัดหัวไล่อาการมึนงงเพราะอดนานไปเสียหลายชั่วโมง ทั้งที่เลยเวลาออกเวรแล้วแต่เขายังทำหน้าที่อยู่เพราะอยากจะเจอญาติคนไข้ด้วยตัวเอง

    “คุณออยเป็นญาติคุณพศินหรือครับ”

    “เปล่าครับ เป็นรุ่นน้อง”

    “อ้าว! แล้วทำไม”

    “ผมทำงานให้เขาครับ จำได้มั้ยที่ผมบอกไปว่าผมอยู่ไร่เคียงฟ้า ไอ้ขี้เมาหัวแตกนั่นเป็นเจ้าของไร่เคียงฟ้าครับ”

   “เจ้าของ? งั้นก็เป็นพ่อของพิกเล็ตซิครับ”

    “ใช่แล้วครับ พ่อแท้ๆ เป็นคนทำแต่ไม่ได้เป็นคนเบ่ง” อาณกรพูดติดตลก “แล้วอาการพี่เสือ เอ่อ..ผมหมายถึงนายพศินนี่แหล่ะครับ”

    “แผลที่หัวไม่เท่าไหร่เย็นแค่ห้าเข็มพักซักสองสามวันก็หายแล้ว แต่โรคแอลกอฮอล์ลิซึ่มน่าเป็นห่วงมากครับ คนไข้มีเลือดออกในกระเพาะ ผมเพิ่งตรวจสอบดูประวัติดูเหมือนว่าท่านผอ.จะเป็นคนดูแลคนไข้รายนี้เองด้วย”

    “ครับหมอปยุตเป็นคนดูแลพี่เสือมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เห็นอย่างนี้เขาเป็นญาติกันนะครับ หมอปยุตเป็นอาของพี่เสือ”

    วรทย์พยักหน้ารับรู้ดูเหมือนว่าคนไข้ที่ชื่อนายพศินคนนี้มีอะไรน่าสนใจมากขึ้น ตั้งแต่เป็นเจ้าของไร่เคียงฟ้า เป็นพ่อของพิกเล็ตแถมยังเป็นญาติกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี้อีกด้วย แต่นอกจากความสนใจมันน่าเป็นกังวลมากกว่าอาการของโรคแอลกอฮอล์ลิซึ่มหนักไม่ใช่น้อย มีโอกาสที่คนไข้อาจจะขับถ่ายเป็นเลือดจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเด็ดขาด

    “หมอปยุตสั่งห้ามแล้วครับ อยู่ระหว่างการรักษาแต่ก็ดื้อไปกินอีก”

    “ผมคงให้หมอปยุตลงมาดูอาการเอง ระหว่างที่ทำการรักษาคงต้องให้อยู่ที่นี่ อยู่ในความดูแลของหมอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงน่าจะดีกว่า”

    อาณกรไม่ค้านซักคำอยู่บ้านไม่มีใครกล้าขัดใจพศินถึงได้หนีไปกินเหล้าได้ อยู่ที่นี่มีคนดู มีคนห้ามไม่มีใครกลัวในบารมีการรักษาตัวน่าจะดีกว่า

    “อย่างนั้นดีที่สุดแล้วครับ แล้วนี่ตื่นขึ้นมาบ้างหรือยัง”

    “ยังครับ ผมให้ยาแก้ปวดไปคงหลับไปอีกพักใหญ่”

    หมอข้อสงสัยแล้ว อาการของพศินไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายถึงไม่ใช่หมอก็เดาออก เขาเหนื่อยหน่ายใจแต่ไม่เคยท้อใจ หวังว่าการรักษาครั้งนี้จะทำให้พศินเลิกเหล้าได้เด็ดขาด สงสารแต่พิกเล็ตแม่หนีไปแล้วพ่อยังเมาอีกเด็กแค่ห้าขวบมันหนักหนาเกินไปที่รับมือ

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ เพลียเหลือเกิน”

    “ครับ ขอบคุณหมอมะรุมมากนะครับ”

    เขายิ้มรับในคำขอบคุณเกือบจะหมุนตัวเดินออกจากห้องแล้วทว่ากลับนึกขึ้นมาได้ “พิกเล็ตยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ย”
    อาณกรยกคิ้วสูง “ยังครับ”

    วรทย์แสดงความเห็นด้วย ด้วยการแค่พยักหน้าเท่านั้น คงเป็นการดีที่เด็กชายจะไม่รับรู้ที่เลวร้ายเกินไปเขางับประตูปิดเงียบเชียบก่อนจะบิดกายไล่ความเหนื่อยล้าวันนี้คงหลับเป็นตายแน่นอน…


    “คืนนี้พิกเล็ตนอนคนเดียวก่อนนะ อามีธุระ”

   หลานชายตัวกลมเอียงหน้ามองผู้เป็นอาตาแป๋ว ผงกหัวรับอย่างงงๆ อยากจะถามว่ามีธุระที่ไหนถึงได้ทิ้งให้เขานอนคนเดียวแต่ท่าทางของอาออยเร่งรีบเสียจนไม่กล้าเอ่ยปากถาม พิกเล็ตก้มหน้าอ่านตำราเรียนต่อการบ้านทำเสร็จตั้งแต่โรงเรียนแล้วไม่เหมือนกิ่งแก้วที่อ้างว่าปวดมือเอากลับมาทำบ้าน แต่เขารู้ว่าพอหลับหลังครูอุ้มการบ้านที่ถูกเกือบทั้งหมดเป็นฝีมือของน้ากลอย เขาไม่เคยให้พ่อหรือว่าอาออยทำให้หรอกการบ้านของเขา เขาต้องทำเองครูอุ้มบอกไว้อย่างนั้น

    ทบทวนตำราเรียนจนได้เวลาอาบน้ำอาออยที่บอกว่ามีธุระแต่ยังเดินวนเวียนอยู่ในบ้านสำรวจประตูหน้าต่างไม่เสร็จ ความสงสัยใคร่รู้ยังมีอยู่ไม่หายไปไหนแต่ยังไม่กล้าถามอยู่ดี เด็กชายเดินขึ้นบันไดกำลังจะไปอาบน้ำแต่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เก็บกระเป๋า เลยเดินลงกลับมาทว่าหูแว่วได้ยินเสียงสนทนาของผู้เป็นอาขึ้นเสียก่อน

   “เออ คืนนี้ฉันจะเฝ้าพี่เสือเอง นี่กำลังปิดประตูหน้าต่างอยู่ให้พิกเล็ตอยู่กับเมี่ยงสองคนมันอันตราย เดี๋ยวพี่ดินโทรบอกให้พี่ปืนมาอยู่เป็นเพื่อนให้ด้วยนะ”

    อาออยวางโทรศัพท์แล้วรีบเดินไปเช็คประตูหน้าต่างอีกรอบ ประโยคของผู้เป็นอายังดังก้องในหู ทำไมอาออยต้องไปเฝ้าพ่อด้วย ในเมื่อพ่ออยู่ที่นี่แล้วทำไมต้องปล่อยให้เขาอยู่กับพี่เมี่ยงสองคนในเมื่อพ่อก็ยังอยู่ในห้อง หรือว่าพ่อจะไม่ได้อยู่บ้าน ความอยากรู้ของเด็กชายวัยห้าขวบไม่หมดเพียงแค่นั้นเขาอยากรู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหน อยากรู้ว่าอาออยจะไปที่ไหน ร่างเล็กรีบวิ่งลงจากบันได กวาดทุกอย่างลงกระเป๋านักเรียนในเมื่ออยากรู้ก็ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง…

**ขอโทษนะคะที่หายไปนานพอดีช่วงนี้วุ่นอยู่กับนิยาย (ปกติ) ของตัวเอง เพราะทำมืออย่างเต็มที่เล่มแรกเลยหาเวลามาลงให้อ่านยากหน่อย ตอนหน้าพี่เสือจะได้เจอหมอมะรุมแล้ว ขอกลับไปแก้บทให้ดุเดือดกว่านี้อีกนิดแล้วจะเอามาให้อ่านกันนะคะ ป.ล. เรื่องการรักษาโรคแอลกอฮอล์ลิซึ่มอาจจะไม่ถี่ถ้วนอย่าว่ากันนะคะ**


Praewparin

  • บุคคลทั่วไป
คิดไว้แล้วว่าหมอมะรุมจะต้องไม่ทำให้พิกเล้ตผิดหวัง
แอบมาฮาตอนอาออยบอกว่าเป็นลูกผู้ชายห้ามร้องไห้
แต่ก็จริงของพิกเล็ตเพราะอิพี่ทิเกอร์ร้องไห้ทุกวันเลย กร๊ากกกกก
เจอเด็กย้อนเข้าไป เงิบเลย  :hao3:

ตอนหน้าจะเจอได้เจอกันแล้วสินะ จะรอดูหมอมะรุมจัดการเสือขี้เมา
รีบๆหายนะพี่เสือ หมอคีย์เขารุกขึ้นทุกวัน
*ชูป้ายเชียร์พ่อพิกเล็ต ไม่ได้อยูาข้างพี่เสือแค่อยากให้พิกเล็ตมีแม่ใหม่ 5555

ออฟไลน์ Cosinesine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อัพแล้ววววว
รอเรื่องนี้อยู่เลยค่ะ ชอบมากๆๆๆๆๆ

ตอนหน้าพี่เสือต้องอาละวาดใส่หมอมะรุมแน่ๆ 5555
ลุ้นๆๆ ติดตาม อิอิ

atblueann

  • บุคคลทั่วไป
ชอบ ชอบเรื่องนี้อ่ะ ชอบมาก อยากให้เจอกันเร็วๆ หวังว่าหมอจะทำให้หนูน้อยได้มีพ่อที่ปกติ ไม่ขี้เมาซักที
สงสารเจ้าหนูมาก ยิ่งพูดถึงตอน พ่ออิจฉาหนูมั้ยเพราะพ่อไม่เคยกินอะไรเลยนอกจากเหล้า น่าสงสารมากอ่ะ
มาต่อเร็วๆนะ อยากบอกว่าเฝ้ารอเรื่องนี้มาก มาคอยทุกวัน อยากอ่าน คิดถึงหมอมะรุม 55555 อยากอ่าน
ตอนเจอกันซักที มาต่อเร็วๆๆๆๆๆน้าๆๆๆๆๆๆๆ   ขอบคุณผู้แต่งมากๆๆๆๆๆๆๆเรื่องนี้สนุกมากจริงๆๆ

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ฮือ ฮือ เจ็บปวด   :sad4: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด