ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ กวาง ค่ะ เคยแต่งฟิคกับนิยายปกติแต่นิยายวายอย่างเต็มขั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก
อาจหาญเอามาลงให้อ่านกัน ไม่ประสาเรื่องหมอกับโรงพยาบาลเท่าไหร่นะคะ
แต่อยากลองแต่งดู ผิดพลาดประการใดแนะนำได้เลยนะคะ
อาจแต่งไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ก็อย่าถือสากันเลยนะคะ แต่อยากแต่งมากจริงๆ
อิมเมจตัวละครไม่มีค่ะให้คนอ่านจิตนาการเองได้เลย ^^
แค่ผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ กับผู้ชายตัวใหญ่ผิวคล้ำก็บรรเจิดแล้วจ้า
เกริ่นเรื่องไม่ค่อยเป็นค่ะ อ่านเลยแล้วกัน เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมากแค่หมอน่ารักกับคนขี้เมาเท่านั้นเอง Beautiful hangover เมา...รัก
สารบัญ
ตอนที่...๑ คุณหมอมะรุม
ตอนที่...๒ นายเสือ
ตอนที่...๓ ไข่ม้วน
ตอนที่...๔ คนไข้ขี้เมา VS คุณหมอหน้าขาว
ตอนที่...๕ เข้าถ้ำเสือ
ตอนที่...๖ แค่เอาคืนอย่าคิดมาก ๕๐%
ตอนที่...๖ แค่เอาคืนอย่าคิดมาก ๑๐๐%
ตอนที่...๗ หมอป่วยเสือก็ป่วย๕๐%
ตอนที่...๗ หมอป่วยเสือก็ป่วย๑๐๐%
ตอนที่...๘ โด่ไม่รู้ล้ม
ตอนที่...๙ ฮีโร่หรือโจรลักพาตัว
ตอนที่...๑๐ ทวงบุญคุณ๖๐%
ตอนที่...๑๐ ทวงบุญคุณ๑๐๐%
ตอนที่...๑๑ มะรุมมะตุ้มรุมทั้งมะรุม
ตอนที่...๑๒ หรือว่าพวกเดียวกัน
ตอนที่...๑๓ ไม่รู้ใจตัวเอง
ตอนที่...๑๔ ของขวัญวันเกิด
ตอนที่...๑๕ ชอบหรือไม่ชอบ
ตอนที่...๑๖ คนในอดีต
ตอนที่...๑๗ คนลืมยาก
ตอนที่...๑๘ คนเห็นแก่ตัว
ตอนที่...๑๙ คนฉวยโอกาส
ตอนที่พิเศษ ๒๖+๑๔ ครึ่งแรก
ตอนที่พิเศษ ๒๖+๑๔ ครึ่งหลัง
ตอนที่...๒๐ ผู้หญิงคนเดิม
ตอนที่...๒๑ เพื่อนร้าย
ตอนที่...๒๒ ความช่วยเหลือจากผู้ที่ร้องขอ
ตอนที่...๒๓ เจ็บของฉันฝันเป็นของเธอ
ตอนที่...๒๔ หวานนักรักนี้
ตอนที่...๒๕ สิ่งที่ดีที่สุด
ตอนที่...๒๖ อวสาน
ตอนพิเศษ รักสามเส้าเราสองสามคน ครึ่งแรก
ตอนพิเศษ รักสามเส้าเราสองสามคน ครึ่งหลัง
ตอนพิเศษ Frist Loveตอนที่...๑ คุณหมอมะรุม
มือขาวยกขึ้นป้องมองฝ่าแดดที่สะท้อนถนนยางมะตอยจนเป็นไอระยิบเพื่ออ่านป้ายที่เห็นในระยะสายตา สะกดให้แน่ใจว่ามันถูกต้องไม่ใช่เพราะว่าร้อนจนหน้ามืดตาลายอ่านผิด ชั่วอึดใจในการใช้สายตาสู้กับแดดถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ร่างเล็กกระชับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในมือมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ตัดตรงสถานที่ ที่อีกหลายปีต่อจากนี้เขาจะต้องพักพิง ‘โรงพยาบาลอโนทัย’
เหงื่อผุดขึ้นเต็มหลังจนเปียกชุ่ม แต่ไม่ได้สนใจเพราะตัวอาคารสีขาวที่ไม่ไกลมันสำคัญกว่า สองขาหนักอึ้งเพราะต้องเดินมาเกือบสามกิโลเมตรแต่จะโทษใครได้ในเมื่อเขามาไม่ทันรถสองแถวที่วิ่งรับคนเข้าออกอำเภอนี้เพียงเที่ยวเดียวต่อวันเอง เดินมาเป็นชั่วโมงก็ยังไม่เห็นรถวิ่งผ่านมาซักคันอีกคันอย่าว่าแต่รถเลยแม้แต่หมาซักตัวเขาก็ยังไม่เห็น มีแต่ทางลูกรังขรุขระเป็นหลุมบ่อ สองข้างทางมีหญ้าสูงท่วมหัวเศษดินลูกรังติดตามกิ่งใบจนเป็นสีส้ม มองข้ามหญ้าไปก็เป็นต้นไม้สูง สลับกับอ้อยอีกสิบไร่ๆ สุดลูกหูลูกตา พอชื้นใจอยู่บ้างที่เห็นเสาไฟฟ้า ถึงจะกันดาลแต่มีไฟฟ้าก็พอทำเนาไม่อย่างนั้นหนุ่มเมืองกรุงอย่างเขาคงอยู่กับตะเกียงไม่ได้แน่
วรทย์หยุดพักขาที่ใต้ต้นตะขบต้นใหญ่ให้ร่มเงาได้ดีพอควร ก้มหน้าหอบหายใจมองดูลูกตะขบที่สุกหล่นเกลื่อนไม่ใช่เพราะไม่ได้ทำความสะอาดแต่เพราะไอ้ต้นนี้ลูกมันดกร่วงได้ตลอดเวลา คงไม่มีใครมีเวลามากวาดมันทิ้งได้ทั้งวัน ภายในรั้วโรงพยาบาลเงียบกริบต่างจากโรงพยาบาลทั่วไปไม่มีคนไข้พุพล่าน รถพยาบาลวิ่งเข้าวิ่งออกเป็นว่าเล่น เสาธงโดดเด่นอยู่ด้านหน้าอาคารสีขาวขุ่นคร่ำคร่าจากอายุการใช้งาน ธงชาติไทยปลิวไสวเพราะลมร้อน ต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวแห้งเพราะขาดการดูแล ไม่สดชื่นแถมชวนหดหู่ พ่วงกับคำว่าโรงพยาบาลยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่น่ามาเยี่ยมเยียนหรือแม้แต้จะฝากชีวิตไว้ซักนิด...หากคนเจ็บไม่มีสิทธิ์เลือกแต่ให้น่ากลัวกว่านี้ก็ต้องมา
ทั้งคนเจ็บกับเขาไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ชีวิตของนายแพทย์คนใหม่อย่างเขาก็เช่นกัน เขาถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อชดใช้ทุนคืนให้กับรัฐบาลตามสัญญาซึ่งทำไว้ตั้งแต่ก่อนเข้ารับการศึกษา หลายคนปฏิเสธที่จะมาเป็นหมอในโรงพยาบาลที่ห่างไกลความเจริญ แต่เขาไม่คิดอย่างนั้นยิ่งห่างไกลคำว่าเจริญมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องการบุคลากรในการช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นคุณภาพชีวิตเพื่อนำไปสู่ความเจริญที่แท้จริงเวลา ๓ ปีต่อจากนี้เขาจะใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด ลมเย็นเริ่มพัดผ่านมาบ้างบวกกับร่มที่ได้จากต้นตะขบความเหนื่อยที่สะสมน้อยลง ร่างกายเขายังแข็งแรงพักฟื้นนิดหน่อยก็หายมือเรียวขาวยกคอเสื้อโบกสะบัดไล่ความชื้นจากเหงื่อ รู้สึกว่ามันพอจะแห้งบ้างจึงก้มลงถือกระเป๋าที่ตั้งทับลูกตะขบไปหลายลูกกำกระชับก้าวเดินเข้าสู่ชายคาโรงพยาบาลอโนทัย
ภายในตัวอาคารต่างจากภายนอกลิบลับ ที่เห็นๆ ก็ความเย็นและแสงแดดที่ผ่านเข้ามาไม่ได้ ที่จริงมันไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่เห็นจากด้านนอก ยังมีคนไข้นั่งรอรับการรักษาอยู่ถึงจะบางตาไปบ้างแต่ในอำเภอที่มีหมู่บ้านไม่ถึงสี่สิบหมู่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก ถึงจะมีคนไข้จากอำเภอใกล้เคียงมาเข้ารับการักษาด้วยแต่จะให้หนาตาเหมือนโรงพยาบาลในเมืองใหญ่ๆ คงเป็นไปได้ยาก เสียงเภสัชกรประกาศเรียกคนไข้รับยา สลับการเรียกให้เข้ารักษาไม่ต่างจากโรงพยาบาลทั่วไปแต่เรียบร้อยและสงบกว่ามาก ด้วยจำนวนคนไข้ที่มีไม่เยอะนั่นเอง
เขาเดินไปหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายยาก้มตัวมองลอดผ่านช่องเล็กๆ เข้าไปที่นี่ไม่มีแผนกประชาสัมพันธ์เลยต้องถือวิสาสะ
“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมนายแพทย์วรทย์ ที่จะทำงานที่นี่น่ะครับ” เขาเอ่ยแนะนำตัวเองรู้สึกระดากกระเดื่องไม่น้อยเขาไม่ชินกับการที่ต้องเป็นฝ่ายพูดกับคนอื่นยกเว้นคนไข้
พยาบาลดึงผ้าปิดปากออกเอียงคอมองหนุ่มน้อยหน้าใสผิวขาวชื้นเหงื่อ โหนกแก้มแดงคงเพราะถูกแดดเผา ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนที่สั่งซื้อจากแค็ตตาล็อกเครื่องสำอางไทยทำคลี่แย้ม แต่ดวงตาฉายแววงุนงง
“เอ่อ...ทำหนังสือแจ้งมาแล้วเหรอคะ”
“ครับ ผมทำหนังสือแจ้งมาตั้งแต่เมื่อสามเดือนที่แล้ว”
“เอ..เดี๋ยวพี่ถามหัวหน้าพี่ก่อนนะ”
เขาไม่ได้ตอบโต้อะไรแต่เบี่ยงตัวหนีเพื่อเปิดทางคนไข้ที่รอให้เรียกคิวตัวเอง ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้มองไปที่จุดใดเป็นพิเศษ ไอร้อนในตัวทุเลาลงมากเขารอคำตอบจากพยาบาลอยู่พักใหญ่ถึงได้เรื่อง
“น้องคะ น้อง” พยาบาลคนเดิมกวักมือเรียกโผล่หน้าจากรูเล็ก เขาเห็นแค่ปากกับจมูกเธอเท่านั้น
วรทย์ย่อตัวจนระดับความสูงเท่ากับช่องเล็กๆ “ครับ”
“ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ เรื่องมาถึงแล้วล่ะจ้ะแต่หัวหน้าพี่เขาดันลืม น้องชื่อวรทย์ พิทักษ์ชน เนอะ”
“ครับ” เขายิ้มรับ โล่งใจไปทีที่หนังสือส่งตัวของเขาไม่ได้ตกหล่นที่ไหน
“พี่ชื่อพรพิมล เรียกพี่มลก็ได้ ยินดีต้อนรับค่ะคุณหมอวรทย์” พยาบาลที่เขาเพิ่งรู้ชื่อเมื่อสองวินาทีที่แล้วยิ้มกว้างต้อนรับ เขาเองก็ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน
“เรียกผมว่ามะรุมก็ได้ครับ”
“ค่ะ หมอมะรุม”
คุณหมอมะรุมหรือน้องมะรุมของพี่ๆ พยาบาลทั้งหลายถูกเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็นทางการด้วยส้มตำ น้ำตก คอหมูย่าง ลาบหมู และข้าวเหนียวหลังจากนั้นอีกห้าชั่วโมงถัดมาก่อนหน้านั้นมีบุรุษพยาบาลพาเขาไปบ้านพักที่อยู่ไม่ห่างจากตัวโรงพยาบาลมากนัก สภาพไม่ต่างกันมากนักโทรมจนเสื่อม บ้านไม้สองชั้นที่โดนปลวกทำลายไปบ้างแล้วบางส่วน เพราะหนังสือส่งตัวถูกเก็บจนลืมเลยไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมาบ้านเลยไม่มีคนทำความสะอาดฝุ่นหนาเตอะแค่ย่ำลงไปก็เป็นรอยเท้าชัดเจน อยากจะทำความสะอาดก่อนจะเข้าพักจริงแต่เพราะเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางแค่เดินยังอ่อนแรง แต่ถ้าไม่ทำแล้วเขาจะได้ยังไงระหว่างที่กำลังชั่งความคิดเขาก็ได้ยินเสียงสนทนาดังจากหัวบันไดบ้านพัก
“ไปนอนบ้านหมอก่อนก็ได้จะให้เขานอนที่นี่ได้ยังไงฝุ่นหนาขนาดนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยหาคนมาทำความสะอาดอีกที”
เขาชะโงกหน้ามองหาเจ้าของเสียง เห็นแค่เส้นผมสีดำปกคลุมศีรษะทุยสวย กับเสื้อกาวน์สีขาวคนพูดคงเป็นหมอเหมือนกันกับเขา เพราะได้ยินผู้ชายคนนั้นเรียกแทนตัวเองว่า ‘หมอ’
“คุณหมอมะรุมครับ”
บุรุษพยาบาลผิวเข้มเงยหน้าขึ้นร้องเรียก ทำให้อีกคนเงยหน้าตามด้วยวรทย์กลืนน้ำลายกระพริบตาถี่ดึงหน้ากลับทั้งที่ยังไม่ได้เห็นอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาจำใจต้องเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้านหยุดที่หัวบันไดตากลมมองชายที่ขึ้นชื่อว่าแปลกหน้าทั้งสอง ก่อนจะเป็นฝ่ายแนะนำตัวเพื่อการสร้างมิตรที่ดียาวไปถึงลู่ทางของการงานในอีก ๓ ปีของตัวเอง
“เอ่อ ผมนายแพทย์วรทย์ครับ เรียกว่ามะรุมก็ได้” เขาก้มหัวให้เป็นเชิงทักทาย หมอหนุ่มอีกคนเดาจากสายตาอายุคงหนีไม่ห่างกันเท่าไหร่พยักหน้ารับ
“ชื่อแปลกดี ผมหมอคีย์อยู่อายุรกรรม” หมอคีย์แนะนำตัวสั้นๆ คิ้วหนานั่นโดดเด่นบนใบหน้าขาว ริมฝีปากบางสีสดขยับเอื้อนเอ่ยต่อ “คืนนี้ไปพักกับผมก่อนก็แล้วกัน บ้านผมมีสองห้องอยู่ใกล้ๆ กัน หลังนี้ไม่ไหวหรอกฝุ่นหนายิ่งกว่าถนนลูกรังไว้พรุ่งนี้ผมจะให้แม่บ้านมาทำความสะอาดให้”
สรุปความได้ว่าคืนนี้เขาได้พักกับหมอคีย์แผนกอายุกรรม บุรุษพยาบาลคนนั้นอาสาช่วยถือกระเป๋าแต่หมอคีย์ปฏิเสธรับหน้าที่นี้เอง เขาทำแค่เดินตามจะเอ่ยปากห้ามอะไรก็ง้างปากไม่ออกหมอคีย์แนะนำส่วนต่างๆ ของบ้านคร่าวๆ แล้วชี้ไปยังประตูอีกบานบอกว่านั่นคือที่พักของเขาคืนนี้ กระเป๋าถูกส่งคืนมือเจ้าของอีกครั้งหมอคีย์หายไปทันทีเขาไม่ทัน
ได้ดูว่าไปที่ไหนเหนื่อยเกินจะสนใจใคร กระเป๋าวางหน้าเตียงเล็กขนาดสามฟุตเหมาะกับชายไทยร่างกะทัดรัดของเขายิ่ง
นัก หน้าต่างถูกเปิดครบทุกบานลมเย็นพัดโชยช่วยดับร้อนไม่ต่างจากพัดลม ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหลับทันทีที่หัวแตะโดนหมอนจนเกือบหกโมงเย็นหมอคีย์ถึงได้มาปลุกแล้วก็โดนลากมาโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพักที่อยู่ถัดไปอีกสองสามหลัง ถึงจะมึนงงเพราะยังไม่ตื่นดีแต่เพราะที่โต๊ะส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงเล่นเอาเขินแก้มึนไปได้เหมือนกัน
เก้าอี้หินอ่อนเข้าชุดกันเหลือเพียงหนึ่งตัวเขากับหมอคีย์จำเป็นต้องนั่งคู่กัน แต่เพราะหมอคีย์ไม่ได้แสดงทีท่าลำบากหรือรังเกียจอะไรซ้ำยังหยิบจาน ช้อนส้อมวางลงตรงหน้าให้เขาเลยผ่อนคลายความเกร็งลงไปได้บ้าง
“เป็นไงบ้างที่นี่กันดารดีใช่มั้ยล่ะ”
พยาบาลคนแรกที่เขาคุยด้วยตอนที่สอบถามเรื่องหนังสือส่งตัวจำได้ว่าชื่อพรพิมล เอ่ยถามพลางตักคอหมูย่างใส่จานให้เขา วรทย์ยิ้มรับบางพยักหน้าไปหน
“ครับ ผมมาไม่ทันรถด้วยเลยเดินซะขาลาก”
“ชาวบ้านแถวนี้เขามีรถเองกันแทบทุกบ้านไม่กระบะก็มอเตอร์ไซด์รถสองแถวเลยวิ่งแค่วันละเที่ยว” พี่พยาบาลคนเดิมอธิบายเพิ่ม
“ซื้อมอเตอร์ไซด์ซักคันก็ดีเหมือนกันนะเดินทางสะดวกหน่อย แต่ถ้าจะไปไหนให้หมอคีย์ไปส่งก็ได้” พยาบาลอีกคนบอกตักส้มตำปูปลาร้าเข้าปากแล้วส่งเสียงซี๊ดซ๊าด “เผ็ดไปนะแกให้เจ๊เปียวใส่พริกกี่เม็ดเนี่ยไอ้ขวัญ”
“ไม่ได้นับเห็นหยิบเป็นกำ” คนที่ตอบเขาไม่รู้ว่าเป็นพยาบาลหรือเปล่าเพราะเธอไม่ได้สวมเครื่องแบบเหมือนคนอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ เธอชื่อขวัญ
“ซื้อทำไม ไปรถผมก็ได้” หมอคีย์บอกเรียบๆ ปั้นข้าวเหนียวจิ้มกับส้มตำไทยสีสันไม่จัดจ้านเท่ากับปูปลาร้าที่แดงด้วยพริกแห้ง
“ใจดีจังน้า หมอคีย์เนี่ย” พี่มลแซวยิ้มๆ ส่งปีกไก่ย่างให้เขา “ที่นี่เราอยู่กันแบบนี้ ข้าวเหนียวส้มตำแกงถุง เห็นกันดาลๆ อย่างนี้ขับรถไปอีกห้านาทีก็เจอตลาดแล้วแต่ไม่มีเซเว่นกับโลตัสหรอกนะ”
“ครับ” วรทย์รับคำค่อยตักคอหมูย่างเข้าปากอาหารที่สองของวันล่วงมาตอนเกือบจะหกโมงเย็นน่าแปลกที่มันไม่ยักจะหิวคงเป็นเพราะตอนที่เดินมาที่โรงพยาบาลเขากินน้ำหมดไปเป็นขวดกระหายจนลืมหิว
จากนั้นวงข้าวเย็นก็กลายเป็นวงสนทนาส้มตำ น้ำตก ไก่ย่างกลายเป็นของแค่ของประดับทุกคนถามไถ่ประวัติความเป็นมา ทั้งเรื่องที่เรียน ที่บ้านหรือแม้แต่คนรัก
“น้องมะรุมมีแฟนหรือยังหน้าตาน่ารักอย่างนี้สงสัยไม่รอดแหง ชักอยากจะเห็นหน้าแฟนแล้วซิว่าจะน่ารักกว่าหรือเปล่า” พี่อรหรืออรอนงค์หัวหน้าพยาบาลพูดไปหลิ่วตาไปไม่น่าเกลียดแต่น่าขำมากกว่า วรทย์อมยิ้มสั่นหัวแทนคำตอบ พี่อรตบเข่าฉาดคล้ายถูกใจ “นั่นไง! น่ารักอย่างนี้ผู้หญิงที่ไหนจะอยากได้เป็นแฟน เล่นน่ารักกว่าผู้หญิงซะนี่”
“พี่อรก็พูดเกินไป แต่ถ้าเป็นพี่ๆ ก็ไม่อยากได้หมอมะรุมเป็นแฟนหรอก อยากเอาไว้ดูเล่นดีกว่า เห็นแล้วเพลินตาดีชะมัด” พี่มลช่วยสำทับอีกเสียง สองสาวพากันมองคุณหมอตากลมหน้าใสที่ส่วนสูงเลยพวกตนมาไม่ถึงห้าเซนดี วรทย์ยกแก้วเป็บซี่ขึ้นดื่มแก้เขินเขาเคยโดนเพื่อนผู้หญิงชมบ่อยๆ ว่าน่ารักแถมยังเคยโดนเพื่อนและรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชายจีบอีกด้วย แต่เพราะยังไม่พร้อมมีความรักไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงเขาปฏิเสธหมด
“แล้วหมอคีย์ล่ะมาทำงานที่นี่จะสองปีแล้วถูกใจลูกสาวบ้านไหนบ้างหรือยัง” ขวัญถามเลยไปยังหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน แม้จะเว้นระยะห่างเอาไว้แต่ไออุ่นจากกายคนตัวใหญ่ยังแผ่มาถึง วรทย์เหลือบมองเสี้ยวหน้าขาวอดรอฟังคำตอบไปกับเขาด้วยไม่ได้
“ไม่มีหรอกครับ ผมมันพวกรักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน” หมอคีย์ตอบเรียบๆ นิ่งๆ ไม่มีการยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้เก้อแก้เขิน
อย่างที่เขาทำ ใบหน้านิ่งสงบเหมือนผืนน้ำแต่ไม่ให้ความรู้สึกเย็นชามันชวนอบอุ่นเสียมากกว่า วรทย์ถอนสายตาจากร่าง
สูงผินหน้าเข้าสู่วงสนทนาอีกครั้ง สองหนุ่มปฏิเสธไม่มีความรักแต่อีกสาวสาวต่างพากันถ่ายทอดประสบการณ์ความรักให้
ฟัง เขาจำเรื่องของแต่ละคนไม่ได้แต่สรุปได้ความว่าพี่อรมีสามีแล้วเป็นเจ้าของอู่ใหญ่อยู่ในตัวเมืองมาทำงานแบบไปกลับส่วนอีกสองสาวยังโสดสนิทด้วยกันทั้งคู่ โดยให้เห็นผลว่าสวยเลือกได้ กว่าปาร์ตี้เล็กๆ เลี้ยงต้อนรับคุณหมอคนใหม่จะเลิกก็เกือบสองทุ่มเป็นการกินมื้อเย็นนานที่สุดของวรทย์เลยก็ว่าได้ หมอหนุ่มเดินตามหมอรุ่นพี่เพราะต้องพักบ้านหลังเดียวกันระหว่างรอทำความสะอาด หมอคีย์ที่เพิ่งรู้ชื่อจริงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าว่าชื่อคิมหันต์
แม้จะเพิ่งหัวค่ำแต่เพราะความเป็นชนบทเพียงแค่ความมืดโรยตัวปกคลุมทุกอย่างเป็นสีดำ หมดแสงสว่างทุกอย่างก็ราวกับจะกลืนไปหายกับความมืดมิด เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องขับขานแทนเสียงรถที่วิ่งบนถนนแสงไฟในตัวอาคารเป็นเพียงแห่งเดียวที่ไม่ทำให้ที่แห่งนี้ดูน่ากลัวเกินไปนัก เพราะกระทั่งบ้านพักที่เขาต้องพำนักในคืนนี้ยังดูน่ากลัวมันเป็นเงาทะมึนดูคล้ายบ้านผีในหนังไทยจนอดขนลุกไม่ได้ ถึงจะเป็นหมอเชื่อในวิทยาศาสตร์แต่ก็อดหวั่นไม่ได้ แปลกที่แปลกทางเสียด้วยเผลอยกมือไหว้ลมไหว้อากาศไปกันไว้ดีกว่าแก้เขาไม่อยากตื่นมาแล้วเจอใครมานั่งอยู่ปลายเตียงเหมือนที่เคยเห็นในหนัง
“ทำอะไร”
มือที่ยกขึ้นประนมไว้ระดับหน้าอกลดลงวูบสั่นหัวปฏิเสธ หน้าร้อนกับประกายในตาคมของหมอคีย์ถึงแสงจากตัวอาคารจะส่องมาไม่ถึงแต่ก็มองเห็นอยู่ดี หมอรุ่นพี่เลิกใส่ใจท่าทางประหลาดของอีกฝ่ายก้าวไปบนบันไดอย่างแม่นยำแม้จะไม่มีไฟให้แสงสว่าง วรทย์ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่เดิมไม่กล้าขึ้นบันไดตามไปเพราะกลัวพลาดตกกระทั่งนีออนหลอดยาวเปิดขึ้นแสงจ้าทำตาฝ้าแต่แค่เสี้ยวนาทีก็ปรับสภาพได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองหาเจ้าของบ้านก็พบว่ายืนรออยู่ชั้นสองแล้ว
“จะยืนรอเจ้าที่มาอวยพรก่อนนอนหรือไง”
ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำสองวรทย์รีบปีนขึ้นบันได แต่อารามตกใจทำให้ก้าวผิดขาขวาก้าวพลาดเสียหลักหงายหลังชายหนุ่มอุทานด้วยตกใจคิดว่าคงได้ตกลงไปหัวร้างข้างแตกแน่ หากทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่คาดการณ์ทั้งร่างถูกดึงด้วยพลังมหาศาล ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มตาช้อนมองคนที่กอดตัวเองแน่น “ซุ่มซ่ามกว่าที่คิดนะครับหมอมะรุม”
กลิ่นหอมเย็นเคล้ากลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่มรายล้อมรอบตัว มือขาวเผลอยึดเสื้อเนื้อนุ่มที่ท่อนแขนแข็งแรงแน่นใจยังเต้นไม่เป็นปกติขาสั่นเหมือนตอนเข้าไปพบอาจารย์ใหญ่ครั้งแรก วรทย์สูดเอากลิ่นนั่นเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ตั้งสติให้มั่น
“ขอบคุณครับหมอคีย์” พึมพำขอบคุณ
หมอหนุ่มตัวโตค่อยปล่อยมือจากผู้ตัวตัวบางผิวขาวเมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะล้มพับลงไป ใบหน้าคมอมยิ้มมองดูคุณหมอคนใหม่ที่กำลังตั้งหลักบนเท้าอีกครั้ง
“คุณกลัวผีด้วยเหรอ”
“ปะ เปล่าไม่ได้กลัว แค่ไม่ชิน” หมอกับผีเป็นเหมือนเส้นขนาน เขาไม่เคยเห็นแบบที่ออกมาแหวกอกปลิ้นตาเหมือนในหนังไทยมากที่สุดก็ตอนผ่าร่างอาจารย์ใหญ่ (วิชามหกายวิภาคศาสตร์,Gross Anatomy) นั่นแหล่ะ
“บ้านนอกก็อย่างนี้แหล่ะ หัวค่ำก็เข้านอนกันหมดบ้านใครบ้านมัน ถ้าอยากเจอแสงสีก็ต้องเข้าเมือง”
หมอวรทย์พยักหน้าหงึกหงัก จำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันผ่านผับผ่านบาร์รวมไปถึงคาราโอเกะหลายร้านอยู่เหมือนกันไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปใช้บริการบ้างหรือเปล่า
“ไปนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวกับผู้อำนวยการ”