“พอเถอะไอ้ไนท์ มึงจะแดกหรืออาบแทนน้ำ แดกเผื่อยันชาติหน้าเลยหรือไงวะ เดี๋ยวแม่งก็น็อคตายก่อนพอดี” ไอ้นนท์คว้าแก้วเหล้าในมือผมออกไป ตอนนี้มันกับผมกำลังอยู่ในผับประจำ หลังจากเหตุการณ์เมื่อกลางวัน...ผมเลยชวนไอ้นนท์ออกมาดื่ม...เผื่อว่าแอลกอฮอล์จะช่วยลบล้างความเจ็บปวดในใจผมได้บ้าง... เผื่อว่ามันจะช่วยเจือจางความเศร้าในหัวใจผมให้บรรเทาลง
“มึงอย่าห้ามกูนะไอ้นนท์ ไอ้เชี่ยแม่งโคตรเจ็บ กูเจ็บว่ะ เจ็บจนคิดว่าจะตาย อยากร้องไห้ แต่ไม่รู้ทำไมน้ำตาถึงไม่ไหลออกมา” ผมพยายามแย่งแก้วเหล้าที่ไอ้นนท์พยายามดึงหลบผมให้ได้
“กูรู้ว่ามึงเจ็บ แต่ไหนมึงเคยบอกกูว่าเป็นแค่เพื่อนก็พอใจแล้ว”
“กูทำไม่ได้ว่ะ กูรักมัน ยิ่งอยู่ใกล้กันทุกวัน กูก็ยิ่งรักมันมากขึ้นเรื่อยๆ...ถึงมันจะโคตรของโคตรโง่ ซื่อบื้อแบบไร้ลิมิต ชีวิตสิ้นคิดไปวันๆ สร้างเรื่องหนักใจให้คนอื่น ถูกปั่นหัวได้ตลอดเวลา และชอบทำให้ใครต่อใครสับสนว่านี่มันคนหรือควาย แต่กูก็รักมัน มึงเข้าใจไหม ว่ากูรักมัน!” สาบานว่าที่พูดไปทั้งหมดผมชมไอ้ปอนด์ทั้งนั้น
“เชี่ยกูโคตรอยากให้ไอ้ปอนด์มาได้ยิน คำสารภาพรักมึงแม่งถึงใจสัดๆ ฟังแล้วอยากซัดตีนเข้าหน้า”
“มันเจ็บจะขาดใจอยู่ตรงหน้าเธอ...แต่ต้องเก็บไว้ไม่แสดงว่าเสียใจ...โฮ้โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ~~~~~” เพลงเก่าหน่อยแต่อารมณ์พลอยได้ครับ ตอนนี้ใหม่เก่าผมก็เศร้าได้หมดไม่เกี่ยง
“เมาแล้วเรื้อนนะไอ้สัด เพลงสมัยไหนของมึงวะก็ช่างขุดมาร้อง” ไอ้นนท์ทำหน้าเหนื่อยใจ กูชอบความเป็นวินเทจกูผิดตรงไหน?!
“เพราะรักแล้วช้ำ...รักมันทำลาย...ทำลายจิตใจ...ให้เราเป็นบ้า...เพราะรักแล้วเสีย...เสียทั้งน้ำตา...ที่เราไม่เคยเสียให้ใคร” จัดไปอีกเพลง ของวาย น็อต เซเว่น จริงๆเพลงนี้วงแคลชเอามาคัฟเวอร์ใหม่ แต่ผมชอบแบบเวอร์ชั่นเก่ามากกว่ามันรุนแรงกระแทกทุกความรู้สึกดี เหมือนบดขยี้หัวใจผมให้ดำดิ่งยิ่งกว่าเดิม
“เก็บความรักที่พ่ายแพ้...เพราะคนคนหนึ่ง...ทิ้งความเจ็บช้ำ...ที่เกาะกินในใจ...ทิ้งลงแม่น้ำ...แล้วลืมทุกอย่าง...นั่งมองดู “ขี้” ลอยไป~~~~~” ไอ้นนท์จัดท่อนร้องต่อให้ผม หน้ามึงอินกว่ากูอีกสัด! แล้วเสือกด่าว่ากูโบราณ จัดมาขนาดนี้กูจะไม่ต่อให้ก็กระไรอยู่
“ปล่อยให้ไหลไป...ให้ลอยลงสู่ “คอห่าน”...ให้หายไป...ให้ “ขี้” อย่าคืนย้อนมา~~~~~” ดำดิ่งจริงๆด้วยครับ ลึกลงถึงคอห่านกันเลยทีเดียว ในหัวมาทั้งภาพและกลิ่น หน้าไอ้ปอนด์ลอยไปกับกองขี้แล้วครับตอนนี้ มึงทำอะไรกับอารมณ์ดราม่ากูเนี่ยไอ้เชี่ยนนท์!
“พอเถอะ เพลงดีๆเขาเสียหมดว่ะไอ้ไนท์” ยังมีหน้ามาด่ากูอีก! ได้ข่าวควายที่ไหนแปลงเพลงส่งต่อให้กูซะดิบดี
“กูกำลังเศร้าอยู่นะเว้ย กูเสียใจ กูเจ็บ กูเจ็บมึงเข้าใจกูไหมวะ?!” ยื่นมือไปกระชากคอเสื้อมันเข้ามาแล้วตะโกนใส่หน้ามันเต็มๆ กลัวว่ามันจะไม่ได้ยินและไม่รับฟังที่ผมพูด
“เออ กูเข้าใจ”
“ไม่ มึงไม่เข้าใจกู~~~~~” กู่ร้องออกไปอย่างสุดจะทนจนมันเบือนหน้าหนี สงสัยมันคงเริ่มเข้าใจความเจ็บปวดของผมขึ้นมาบ้างแล้ว
“พอเถอะ กูเข้าใจแล้ว”
“กูเจ็บ กูเจ็บมากมึงรู้ไหม~~~~~” ซัดประโยคคร่ำครวญใส่หน้ามันเข้าไปอีก ระบายออกไป ระบายออกให้หมด กลัวมันจะไม่รู้ กลัวมันจะไม่เข้าใจความรู้สึกผม
“กูบอกว่ากูเข้าใจแล้ว! แต่ถ้ามึงยังไม่เลิกสาดน้ำลายคลุกเคล้ากลิ่นเหล้าใส่หน้ากูนะ มึงจะเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจเพราะโดนกูกระทืบไอ้ไนท์” รีบปล่อยแขนแล้วถอยหน้าออกห่างจากมันทันที ห่า เหม็นเหล้าก็ไม่บอกน้ำลายนิดๆหน่อยๆทำเป็นรังเกียจไปได้
“เมาแล้วนิสัยเปลี่ยนทุกทีสิมึง ยังกับคนละคน เจ้าชายที่ไหน...มึงมัน ไอ้เกรียนชัดๆ”
“กูเจ็บนี่หว่า กูเจ็บ กูเสียใจ”
“กูเข้าใจมึงนะไอ้ไนท์...พูดไปทุบอกไปดังพลั่กๆจะเจ็บก็ไม่แปลก กูว่าไม่เขียวม่วงก็อาจช้ำเลือดช้ำหนองได้” มึงเข้าใจสถานการณ์กูจริงๆไหมเนี่ย?!
“กูไม่ดราม่าแล้วแม่ง! คิดผิดจริงๆชวนมึงมาแดกเหล้าปรับทุกข์เป็นเพื่อน”
“คิดได้ก็ดี กูแค่ไม่อยากให้มึงเครียด แต่มึงคิดถูกแล้วละที่ชวนกูมาเป็นเพื่อน เพราะถ้ามึงชวนไอ้ธามมา มึงจะปวดประสาทมากกว่าเดิมหลายล้านเท่า” อืม...กูพอจะเห็นภาพเลย แค่คิดกูก็ปวดหัวปรี๊ดขึ้นมาทันที
“ไอ้นนท์กูปวดฉี่ว่ะ” จริงๆก็ปวดนานแล้วละครับ แต่ลืมไปชั่วขณะ
“มึงก็ไปห้องน้ำสิวะ หรือจะต้องให้กูตามไปช่วยจับ...ให้” เรื่องจัญไรละไม่เคยแพ้ไอ้คิมกับไอ้ธามเลยนะมึง ถ้ามันอยู่กันครบองค์ ความอัปมงคลได้มาเยือนทันที
“เออๆ เดี๋ยวกูมา” ลุกขึ้นจากโต๊ะแบบเซนิดๆเป๋หน่อยๆถอยหน้าถอยหลังสรุปก็ยังเดินไปได้ไม่ถึงไหน ให้ตายสิ ผมยืนฉี่แม่งตรงนี้เลยได้ไหม?!
“เฮ้อ...” ในที่สุดผมก็พาตัวเองฝ่าฝูงชนเข้ามาในห้องน้ำจนได้ จัดแจงปลดตะขอกำลังจะรูดซิบลง
“อ๊า...อืม...อ๊ะ อย่าสิคะแทน”
“มันจั๊กจี้นะแทน...อร๊าย...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ” ใครมาไออะไรแถวนี้ สเลดพันคอหรอครับคุณผู้หญิง สเต็ปซิลหน่อยไหม? ลูกคอเป็นจินตหรา พูนลาภกันเลยทีเดียว
“คริ คริ แทนอย่าแกล้งสิคะ อ๊า”
“หือ?” เหมือนได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วๆ หรือผมเมาแล้วตาลายเลยดูป้ายด้านหน้าผิดมาเข้าห้องน้ำผู้หญิงแทน เอาวะ! ติดตะขอกลั้นฉี่แล้วเดินปรี่ออกไปดูป้ายใหม่อีกรอบ เผื่อพลาดผมจะได้ไม่โดนการ์ดลากตัวออกไปโทษฐานทำตัวเป็นไอ้โรคจิตหื่นกามเข้าห้องน้ำผู้หญิง
“...................” ด้วยความมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้มองภาพซ้อนกัน แม่ง! กูเดินไปจ้องใกล้ๆก็ได้วะ เดินเข้าไปแล้วจ้องป้ายที่ติดไว้ห่างจากสายตาเพียงคืบ โอเค! สัญลักษณ์ผู้ชาย กูเข้าถูกแล้ว กลับไปใหม่ เสียเวลาฉี่กูฉิบหาย เมาแล้วหูแว่ว เมาแล้วรั่ว เรื้อน เกรียนเหมือนที่พวกไอ้ปอนด์เคยว่าจริงๆ
“อ๊า...คิคิ...ไม่เอานะแทน...อ๊า...เดี๋ยวใครมาเห็น...นี่มันห้องน้ำชายนะ” หูแว่วอีกแล้วครับ แต่เอาเถอะ ผมไม่สนใจอะไรแล้วปวดฉี่จะแย่
“เฮ้อ.....................” จัดการทำธุระของตัวเองเสร็จก็เดินไปที่อ่างล้างมือ เปิดก๊อกน้ำผิดๆถูกๆเพราะมองเห็นหัวก๊อกแยกออกเป็นสองหัว ไม่รู้หัวไหนจริงหัวไหนปลอม กว่าจะล้างได้ก็ยืนงงอยู่นาน จากนั้นก็ค่อยๆเดินเซกลับโต๊ะตัวเดิมที่ไอ้นนท์นั่งป้อสาวอยู่ ห่า กูไปฉี่ไม่กี่นาที ได้สาวมาควงแล้ว เรื่องหน้าหม้อละไม่มีใครเกิน
“โอ๊ะ!...” ยังไม่ทันคืบคลานซมซานเป็นเพลงพี่เสกโลโซกลับเข้าโต๊ะ จู่ๆไฟในผับก็ดับลง ก่อนจะมีดนตรีดังกระฮึ่มขึ้นมา พร้อมดีเจออกมาสแคชแผ่นเสียงเป็นจังหวะโจ๊ะให้โยกย้ายส่ายสะโพกหนักกว่าเดิม ไฟแสงสีเปิดขึ้นครบครัน ลำพังที่ดิ้นๆกันอยู่ตอนนี้ก็มันส์จนแทบลงไปชักตายที่พื้นกันเลยทีเดียว สายตามองไปเห็นกลุ่มสาวสวยเต้นกันอยู่ข้างหน้าไปไม่ไกลนัก ขอไปเต้นกับพวกเธอซักหน่อยดีกว่า เพราะกลับไปตอนนี้ก็เป็นก้างขวางคอไอ้นนท์มันอยู่ดี ก้าวขากำลังจะเดินแทรกตัวไปด้านหน้า ไหล่ก็ถูกชนเข้าซะก่อน คู่กรณีเดินแทรกตัวผ่านหน้าไป
“เดินไม่ดูคนรึไงวะ!” ปากผมก็พูดไปก่อนความคิดซะแล้ว แสงไฟสลัวๆบวกกับความมึนเมาที่มีอยู่เป็นทุนเดิมทำให้การมองเห็นของผมบกพร่องอย่างรุนแรง เห็นหน้าเลือนลางไม่ชัดรู้แต่มันตัวเท่าผม ใบหน้าคม มีสาวเกาะแขนอยู่ข้างๆ มันหันไปกระซิบพูดกับผู้หญิงก่อนเธอจะเดินออกไป ส่วนมันก็หันมาเล่นเกมส์จ้องตากับผมแทน สภาพกูยังไม่พร้อม แบบนี้กูก็กระพริบตาก่อนสิวะ
“สัด! นี่มึงอีกแล้วหรอ” พูดเหมือนรู้จักกัน กูไปรู้จักมึงตอนไหนไม่ทราบ เดินชนคนอื่นไม่มีขอโทษยังมาลามปามตีสนิทอีกนะมึง
“มึงเป็นใคร กูไม่เคยรู้จัก” เสียงคุ้นนะ หน้าก็....อืม กูยอมรับก็ได้ว่ามึงหล่อ...แต่ก็ยังหล่อน้อยกว่ากู
“ด่ากูไว้เจ็บแสบแล้วทำเนียนไม่รู้จัก มึงนี่มันโคตรกวนตีนเลยไอ้ไนท์” อ๊าวววววววววววววว! เรียกชื่อท่านไนท์ถูกด้วยหรอคร้าบบบบบบบบ
“มึงเป็นญาติฝ่ายไหนของบุพการีกูไม่ทราบ กูถึงต้องจดจำ ถึงต้องทำเป็นรู้จักมึงด้วย”
“ไอ้เชี่ย!” มันเดินมากระชากคอเสื้อผมทันที เอาสิ ต่อยกูเลย กูก็อยากเจ็บตัวเหมือนกัน...อยากจะรู้...ว่าเจ็บกาย...มันจะหนักหนากว่าใจที่กูเจ็บอยู่ตอนนี้ไหม?!
“เหม็นเหล้า มึงเมา” ใครเมา กูไม่ได้เมา!
“มึงนั่นแหละเมา กูไม่ได้เมา!” ตะโกนใส่หน้ามันไปทั้งที่มันยังกระชากคอเสื้อผมอยู่
“เมาแล้วเกรียนฉิบ! ไอ้รั่วเอ้ย...กูถือคติไม่กระทืบคนเมา บัญชีนี้กูจะเก็บไว้คิดกับมึงทีหลังตอนที่มึงสติดีๆ” ปล่อยคอเสื้อผมเป็นอิสระได้มันก็ถอยห่างผมไปเล็กน้อย แต่ไม่ห่างมาก เพราะเพลงในผับมันดัง ถ้าพูดไกลกันก็จะไม่ได้ยิน
“บัญชีเชี่ยไร? กูเรียนถาปัตย์ แม่งมั่ว!”
“เมาไม่เมา ความกวนตีนมึงยังเหมือนเดิม”
“กวนอิม? เวร ครีมกวนอิมอาซิ่มกูใช้ แต่กูไม่ได้ใช้ ไอ้ห่า นี่ในผับมึงมาขายครีมกวนอิมทำส้นตีนอะไรครับ” โอ๊ะ! เซเพราะถูกใครชน ตัวผมเลยถลาเข้าไปหามัน มันเลยจับแขนผมพยุงไว้ทั้งสองข้าง
“ไอ้เชี่ย! มึงกลับบ้านไปเลยไป”
“กูคนกรุงเทพฯแต่กำเนิด ภูมิลำเนาเกิดกูคือกรุงเทพมหานคร กูไม่ได้อยู่เลย มึงจะให้กูกลับเลยทำห่าอะไร?!” ตะโกนใส่หน้ามันอย่างดัง ผมชักจะโมโหแล้วนะเนี่ย! ทำไมมึงคุยไม่รู้เรื่องแบบนี้วะ?!
“โอเคๆ กูชื่อแทน กูรู้จักกับมึง มึงมากับใครเดี๋ยวกูพาไปหาเพื่อน มึงจะได้กลับบ้าน”
“ชื่อแคน?”
“ไอ้สัด! ชื่อกูเพราะๆมึงเสือกเรียกซะกลายเป็นหมอลำ กูจะทำยังไงกับความเกรียนของมึงดีเนี่ย! กูชื่อแทน ไม่ใช่แคน!”
“แคนไม่มี กูมีแต่เปียโนกับกีตาร์ เบสไอ้ธามยืมไปเล่นเมื่อปีที่แล้วจนตอนนี้มันก็ยังไม่คืนกูเลย มึงไปขอยืมคนอื่นเถอะ”
“เว้ย!!!!!!!!!!!!! กูจะฆ่ามึงไอ้ไนท์ กูบอกว่า กู! ชื่อ! แทน!”
“แหวน? แหวนกูไม่ชอบใส่ ทำหายบ่อยๆเลยไม่ใส่ มึงไปหาที่อื่นเถอะ”
“ส้นตีน!...” เห็นมันโวยวายจนหอบผมก็แปลกใจ นี่ผมทำอะไรผิดไป? โลกก็เอียงๆยังไงไม่รู้...จู่ๆมันก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น...รู้สึกได้ถึงความร้อนจากตัวมัน...ได้กลิ่นโคโลญจน์ของ Bvlgari จางๆ...กลิ่นเดียวกับที่ผมใช้...กลิ่นเดียวกับที่ผมชอบ...ใบหน้าลางๆที่เห็นเป็นภาพซ้อนเลื่อนขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าผม...ลมหายใจอุ่นๆเฉียดรดข้างแก้ม...กลิ่นเหล้าลอยเข้าจมูก...ริมฝีปากร้อนแตะโดนใบหู “กูชื่อ...............................แทน...........” กระซิบแผ่วเบา...แต่ได้ยินชัดเจน...ตัวมันถูกชน...ริมฝีปากเดิม...จมลงที่ข้างแก้ม...กดลงที่แก้ม...แก้มบุ๋มลงไป...แบบนี้...เขาเรียกว่าอะไรวะ?
“แทน...แทนก็แทน มึงนี่โคตรเข้าใจยากเลยว่ะ” บอกมันไปแบบนั้น มันถอยออกไปเว้นระยะเท่าเดิม...ข้างแก้มยังรู้สึกอุ่น...เพราะอะไร...หัวสมองเบลอ...โลกเอียง...อยากอ้วก
“ไอ้ไนท์ เชี่ย! ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลย...อ้าว เพื่อนพี่เหนือ?” ไอ้นนท์เดินมาหิ้วปีกผมไว้ พยุงตัวไม่ไหว.........................นี่ผมเมาอยู่หรอ? เพิ่งรู้ตัว มันยืนคุยกับแคนซักพัก บ่นงุ้งงิ้งอะไรกันไม่รู้รำคาญหู แคนมึงไปไกลๆทีดิ ได้ยินเสียงมึงแล้วกูปวดประสาท ง่วงนอน อยากหลับ
“ขอโทษนะพี่ ปกติมันไม่เกรียนแบบนี้หรอกถ้ามันไม่เมา” ใครเวียนเทียน? วันนี้วันพระหรอวะ? เวียนเทียนที่วัดไหน? ห่า ไม่ชวนกูเลย!
“พามันกลับไปซะ ก่อนที่กูจะหมดความอดทนกระทืบมันตายคาตีนกูไปซะก่อน แล้วคราวหลังอย่าเสือกให้มันแดกเหล้าอีก ถ้ามึงยังไม่อยากให้เพื่อนมึงตายคาตีนใครก่อนวัยอันควร” แคนแม่งพูดมากว่ะ แคนพูดไม่หยุดเลย แคนน่ารำคาญ
“ครับๆ...ไปเชี่ยไนท์ เมาเยี่ยงหมา กลับบ้านเลยมึง เดี๋ยวกูไปส่ง” ไอ้นนท์ว่ามาแบบนี้ จากนั้นผมก็ไม่มีสติรับรู้อะไรอีก รู้สึกตัวอีกทีก็นอนแผ่อยู่บนเตียงที่บ้าน โดนแม่บ่นใหญ่ว่าทำไมปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนั้น................................................ซึ่งผม..............จำอะไรไม่ได้เลย รู้แค่ว่าไปกินเหล้ากับไอ้นนท์มาแค่นั้น
“ไอ้นนท์ ตกลงวันนั้นกูเมาแล้วทำอะไรไปบ้างวะ?” สบโอกาสเลยถามมัน ผมจำอะไรไม่ได้เลย กลับมาบ้านยังไง ตอนไหน ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่ที่รู้ดีเลยคือ...นิสัยการเมาแล้วเกรียนของตัวเอง...ปกติผมจะนิ่งๆ จะไม่พูดถ้าไม่จำเป็น หรือไม่สนิทใจ เป็นสุภาพบุรุษ พูดจาดี แต่เมื่อเหล้าเข้าปาก...ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในทันที...ความกวนตีนผมจะพุ่งปรี๊ดทะลุปรอดทันที นั่นทำให้ผมกังวลสุดๆ กับภาพลักษณ์เจ้าชายของตัวเอง
“กูว่ามึงคงไม่อยากรู้ ถ้ามึงรู้กูว่ามึงคงเอามีดเชือดคอตัวเองตาย” แม่งขนาดนั้นเลยหรอวะ กูไปก่อวีรกรรมกวนตีนใครไว้บ้างเนี่ย ในชีวิตนอกจากกวนตีนไอ้เชี่ยแทนไปสองครั้งตอนนั้นแล้วกูก็ไม่เคยกวนตีนใครอีกเลยนะ!
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ?”
“อืม ช็อตเด็ดที่กูเห็น กูจะเก็บไว้จนวันตาย ถึงจะสยองไปหน่อยก็เถอะ”
“ช็อตเด็ดอะไรวะ? มึงพูดแบบนี้กูยิ่งอยากรู้”
“เอาเถอะ มึงรู้แค่แก้มมึงไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปเท่านั้นพอ” พูดจบมันก็เดินหนีผมไปในทันที แล้วก็ไม่คิดจะอธิบายให้ผมได้เข้าใจ แก้ม? ทำไม?
“.............................” ผมมองไปยังโต๊ะหินอ่อนที่ไอ้ปอนด์นั่งอยู่กับไอ้นนท์ที่เพิ่งเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ปอนด์ยังมีรอยยิ้มเหมือนเดิม...เป็นปอนด์คนเดิม...ที่เปลี่ยนไปคือปอนด์เป็นของใครอีกคน “เด็กเหนือ” หลายวันที่ผ่านมาปอนด์อยู่กับไอ้เหนือนั่นบ่อยๆ คอยไปหาที่คณะมันทุกวัน ผมทำได้แค่แอบเป็นห่วง คอยถามปอนด์ว่ามีอะไรให้ช่วยไหม...แต่ปอนด์ก็ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากผมเลยซักครั้ง...ช่วงรับน้องไอ้เหนือมาหาปอนด์บ่อยๆ ผมเห็นปอนด์โดนดุ หงุดหงิดใจแค่ไหน ก็ต้องอดทนไว้ เพราะยังไงผมก็เป็นแค่ “เพื่อน” ที่ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายชีวิตปอนด์...ผมไม่ขออะไรมาก...ขอแค่มันยังยิ้มได้แบบนี้...ผมก็ดีใจแล้ว
“ไอ้หล่อโคตรพ่อ มึงมาก็ดีรับนี่ไป” ไอ้ต้นยื่นเอกสารบางอย่างใส่ในมือผม ทันทีที่ผมเดินเข้าไปรวมกลุ่ม
“เอกสารอะไรวะ?”
“ค่ายอาสา” ไอ้คิมตอบ ผมจึงเปิดเอกสารอ่านรายละเอียดดู
“น้องปัตถ์คิด...พี่วิศฯสร้าง ใครแม่งคิดชื่อค่ายวะ?!”
“ก็ถามกันแบบมึงทุกคนนี่แหละ ไม่รู้จะแบ๊วไปไหน” ไอ้ปอนด์ตอบผม
“แล้ว “ดอนเกิบหาย” มันคือที่ไหนในประเทศไทยกันวะ?!”
“ก็ถามกันแบบมึงทุกคนนี่แหละ เกิดมากูก็เพิ่งเคยเจอหมู่บ้านที่รักษาแม้แต่รองเท้าของตัวเองไว้ไม่ได้แบบนี้” ไอ้ธามมันแสดงความคิดเห็นบ้าง หน้าแม่งจริงจังสุดๆ คิดทีกูละเพลียกับมึงจริงๆ
“ไปกับปีสามวิศวะฯ................................................................ปีสาม...เชี่ยแล้วไง”
ศัตรูผมเรียนอยู่วิศวะ!
ศัตรูผมเรียนอยู่ปีสาม!
ศัตรูผมแค้นผมมาก!
ศัตรูผมชื่อ...................................ไอ้เชี่ยแทน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมรู้ซึ้งแล้ววันนี้.................................ว่าความ “บังเอิญ” มันเกิดขึ้นได้ซ้ำซ้อน กว่าที่คิด!!!!!!!!!!!!!
เข้าค่ายครั้งนี้.............คงต้องมีนองเลือด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ตอนนี้เป็นของคู่รักนองเลือดโดยเฉพาะค่ะ ใครที่รอมานานได้อ่านกันซักที I-AM มันจะแบ่งเรื่องราวของแต่ละคู่เป็นแต่ละEpนะคะ หวังว่าคงไม่งงกัน ส่วนคู่หลักก็อย่าหลงลืมกันนะ พี่เหนือน้องปอนด์ยังมีเรื่องราวอีกมากมายเลยค่ะ เป็นไปได้ก็อยากให้ชอบทุกคู่เลย

ปล.ให้ดอกไม้เหมือนเดิมจ้าาาาา

ปล.2 ทุกความเห็นถือเป็นกำลังใจของนักเขียน และ คนอัพนิยายเสมอ

ปล.3 I-AM ก็ชอบคู่มิน-ธาม เพราะมันบอกนิสัยแปลกเหมือนมัน
