Wife House Down#3
"ปิดเพลงเดี๋ยวนี้นะ!" เสียงหวานตวาดเสียงดังจากอีกฝากของห้อง คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จหน้าแดงก่ำ มือที่กำผ้าขนหนูอยู่สั่นระริก
ฟงอวิ๋นสะดุ้ง กด Pause บนเครื่องเสียงทันตาเห็น หันกลับมามองแหยๆ ด้วยสายตาคำถาม
"เพลงนี้ไม่ดี" น้ำแกงเดินอาดๆ ข้ามห้อง ไม่สนใจจะแต่งตัวก่อนแล้ว
"เอ้ยยย กะลังมันนะแกง!" ร้องเสียงดัง รีบเปิดหยิบแผ่นซีดีที่อยู่ในเครื่องออกมาใส่กล่องอย่างทะนุถนอม เล่นเอาน้ำแกงยิ่งปรี๊ดแตก
"เอามานี่นะ! บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าฟัง!" มือเรียวรีบคว้ากล่องซีดี แต่แทนที่คนตัวโตจะยอมให้เหมือนเคย ฟงอวิ๋นรีบเอาแผ่นซีดีไปซ่อนด้านหลังไวว่อง
"แกง! มีเหตุผลหน่อย นี่เพลงใคร ? เอ็มมิเน็ม... แรปเปอร์ระดับโลกเชียวนะ!"
น้ำแกงอ้าปาก.... แล้วหุบ รู้แต่หน้าตัวเองร้อนฉ่า อยากด่าคนตรงหน้าให้จั๋งหนับเสียที แต่ติดที่ไม่เคยมีใครสอนคำด่า คำหยาบคายให้ ส่วนเรื่องจะพูดน่ะเหรอ แค่อ้าปากก็โดนคุณนายแม่ตีตายแน่!
"ฮึ๊ย! รู้ใช่ไหมว่าแกงไม่ชอบคำหยาบ!"
ฟงอวิ๋นครางอย่างอ่อนใจ ยิ่งเห็นคนตรงหน้าลุกเป็นไฟแล้วยิ่งสงสาร น้ำแกงดูทันโลก แต่บางเรื่องกลับกลายเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา
"แต่นี่... ภาษาอังกฤษนะแกง..." คุณนายแม่น้ำแกงเป็นอาจารย์สอนภาษาไทยที่เฮี้ยบที่สุด... ที่เคยสอนฟงอวิ๋นสมัยมัธยมต้น เป็นเหตุว่าทำไมน้ำแกงจึงโตมาเหมือนผ้าพับไว้ จะเดิน จะกิน จะนั่ง จะพูด จะนอนคุณนายแม่ก็อบรมมาอย่างดี ดูเรียบร้อย สวยงาม มีมารยาทผู้ดี ต่างกับคุณสามีลิบลับ แถมคุณพ่อน้ำแกงยังเป็นผู้พิพากษาเสียอีก... ครอบครัวราชการที่แสนอบอุ่นนี้ทำเอาฟงอวิ๋นขนหัวลุกทุกครั้งที่นึกถึง
"ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้! คิดว่าแกงฟังไม่รู้เรื่องเหรอ! ถึงแกงจะห่วยเคมี แต่แกงเก่งภาษาอังกฤษนะ!"
คุณสามีอ้าปากค้าง... ลูกคุณนายแม่สอนภาษาไทย... ที่เกลียดคำหยาบคาย เกลียดภาษาวิบัติ... สุดขาดใจนี่เอาแต่ใจสุดๆ เหมือนกัน
กับคนอื่นน้ำแกงทั้งอ่อนหวาน ใจดี... แต่กับเขานี่....!
"เอา - มา - ให้ - แกง" คนงามกัดฟันกรอด จ้องเขาอย่างกับกินเลือดกินเนื้อ
ยอดชายไม่มีทางเลือก ได้แต่มองแผ่นซีดีรุ่นลิมิเต็ดที่ฝากพี่ชายคนโต - จั่นเจา หิ้วมาจากอเมริกาเชียว.... หลุดลอยไปอยู่ที่มือสวยๆ แล้วซีดีของนักร้องคนโปรดก็ถูกปลิวลงถังขยะ....
"อ๊ากกก เอ็มมิเน๊มมมมมมมมม" คนตัวโตครางระทวยเสมือนว่าเสียเมีย รีบโผเข้ากอดถังขยะเหมือนลูกคนแรก "โฮฮฮ กว่าจะได้มา ต้องไปทำงานกับเฮียจั่นเจาต้องหลายเดือนนน โฮฮฮ"
น้ำแกงเม้มปากแน่น ในหัวยังเต้นตุบๆ กับเนื้อเพลงหยาบคายไม่หาย
คนบ้าอะไร! ชอบฟังเพลงที่มีแต่คำด่า!
ยิ่งคิดยิ่งลุกเป็นไฟ น้ำแกงก้าวฉับๆ ไปเก็บหมอนและผ้าห่ม ฟงอวิ๋นจึงเงยหน้าจากซีดีสุดหวง
"แกง จะไปไหนอ้ะ ?"
น้ำแกงค้อนใส่ หยิบเครื่องนอนไปโยนโครมหน้าโซฟา ฟงอวิ๋นรีบถลาข้ามห้องมากอดเอวแน่น
"แก๊งงง วันนี้ทำไมนอนข้างนอกอ่ะ!? ฟงขอโทษ ฟงผิดไปแล้วววว"
ร่างเพรียวบางเหมือนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ใบหน้าสีน้ำผึ้งเนียนแดงก่ำ มือเรียวทั้งกระชาก ทั้งแกะไอ้ตัวโตออกจากตัว ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ... หวาน
"ไม่ใช่... แกงไม่ได้นอนข้างนอก...."
ฟงอวิ๋นเงยหน้ามองด้วยดวงตาสั่นระริก ริมฝีปากจะยกขึ้นยิ้ม แต่คำพูดถัดมาจากยอดรักทำให้ฟงอวิ๋นใจสลาย
"ฟงต่างหาก... ที่ต้องนอนข้างนอก....!"
น้ำแกงนอนอุดหู ขดตัวอยู่ในผ้าห่ม... หึ! นอนสบายไปตั้งเยอะ! ฟงอวิ๋นน่ะทั้งขี้ร้อน ทั้งนอนดิ้น ทั้งกอด ทั้งก่ายไม่เลือก พอนอนคนเดียวเลยยิ่งสบาย!
คืนนั้นน้ำแกงหลับปุ๋ย สบายอารมณ์....
...ปล่อยใครบางคนนอนครางฮือๆ อยู่นอกห้อง!
วันถัดมา ไอ้เจตน์ เพื่อนของฟงอวิ๋นคนหนึ่งนั่งคุยเรื่องศิลปินโปรด น้ำแกงที่อยู่ในวงสนทนาด้วยถึงได้รู้จักบ้าง
"นี่ไง" เจตน์ชูโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ให้น้ำแกงเห็นภาพเอ็นมิเน็มบ้าง
"หืม ?" น้ำแกงมองอย่างสนใจ มองภาพฝรั่งหัวทอง ตัดสั้นเกรียนแล้วหัวเราะเบาๆ "ดูอัธพาลจัง"
"...นั่นแหละ บุคลิกแก ฮาๆ ป่วนๆ กวนๆ ไปทั่วอ่ะ แต่แกเก่งอะ แต่งเพลงให้ลูกสาวด้วย... บางเพลงก็นะ... เจ็บดี แกงลองฟังป่ะ ?"
"เฮ้ย... ไม่เอา เราไม่ชอ...." สายไปเสียแล้ว เพื่อนๆ ในกลุ่มเกิดนึกสนุก อยากแกล้งคุณชายประจำห้องเล่นดูบ้าง เลยรีบหยิบเฮดโฟนขึ้นครอบศีรษะ เสียงร้องหวานๆ ของนักร้องสาวเกริ่นนำขึ้นก่อน แล้วจึงตามด้วยท่อนแรพ....
น้ำแกงอึ้งไปเลย แล้วรีบดึงหูฟังออก หยิบเนื้อร้องในมือนายเก่ง เพื่อนอีกคนมาดู
"เอ๊ะ ?"
"เพลงนี้ป๋าแต่งให้กับแฟนเพลงคนนึงที่คลั่งแกมากน่ะ... จนฆ่าตัวตาย"
น้ำแกงยัดเนื้อเพลงใส่มือเพื่อน ก่อนยื้อโทรศัพท์มือถือของเพื่อนอีกคนมาดู
"คนนี้เหรอ ?"
เจตน์พยักหน้าหงึกๆ เลื่อนหน้าจอให้เพื่อนดูรูปถัดไป "หุ่นแม่งโคตรฟิตวะ กูจะเลี้ยงกล้ามมั่ง!"
หลายวันผ่านไป....
"เฮ้ยยย เหี้ยฟง ยืมซีดีป๋าหน่อยดิ๊" เก่งตบไหล่เพื่อนดังป๊าบ แต่ที่ได้กลับมากลับเป็นสายตาดุดันเอาเรื่อง จนเพื่อนกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
"ฮะ.. ถ้ามึงไม่สะดวก..."
"เหี้ย! อย่าพูดชื่อมันให้กูได้ยินอีก!"
"หะ! ใครวะ! ป๋าเอ็มเรอะ ?"
ฟงอวิ๋นคำรามโฮกเป็นคำตอบ
อีกด้านหนึ่ง น้ำแกงนั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อน มีดิกชันนารีเล่มโตและทอล์กกิ้งดิคอยู่ข้างๆ ถัดมาเป็นมิสเตอร์โจนส์ ครูฝรั่งหนุ่มแน่นที่โน้มตัวมาคุยอย่างสนิทสนม
และด้านหน้าของน้ำแกงคือแผ่นเนื้อเพลงของเอ็มมิเน็ม... และภาษาไทยที่น้ำแกงบรรจงแปล....
ไม่ต้องบอกเลยว่า ในผนังห้องที่ฟงอวิ๋นนับเป็นรังรักของเขาและคนงามนั้นเต็มไปด้วยโปสเตอร์รูปฝรั่งหนุ่ม มีกล้าม สักลาย หัวเกรียน.... ลามไปถึงเดสท๊อปในคอมพิวเตอร์....
...และถึงน้ำแกงจะยอมให้เขากลับเข้าไปนอนด้วยแล้วก็ตาม แต่น้ำแกงก็สั่ง 'งด' ทุกชนิด! จะปาก จะมือ จะสอดใส่อะไรก็ตาม ห้ามสนิท! เหตุเพราะ... ภรรยาคนงามต้องรีบตื่นมาให้มิสเตอร์โจนส์สอนศัพท์แสลงจากเพลงของเอ็นมิเน็ม
หางคิ้วของฟงอวิ๋นกระตุกไม่หยุด... ฮึ! เขาปาซีดีป๋าเขาทิ้ง
...ไม่เกิดเป็นฝรั่งมังค่าให้มันรู้ไปโว้ย! เมียถึงได้ไม่รัก!
Wife House Down#4
ทั้งชีวิตน่ะ น้ำแกงไม่คิดจะรักใครได้เท่านี้... เป็นความรักที่ต่างจากคุณพ่อคุณแม่ เป็นความรักที่แลกมาด้วย 'ความอดทน'
แต่จะให้พูดน่ะ... ลืมไปได้เลย! ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นผู้ชายนะ จะให้มาบอกรักผู้ชายด้วยกันเองมันตะหงิดๆ พิกล
รัก... รัก... ฟงอวิ๋น ไอ้ตี๋มาก... เพราะฉะนั้น... น้ำแกงถึงต้องใช้ความอดทนมากที่สุดเหมือนกัน!
อย่าคิดว่าน้ำแกงเป็นลูกคุณหนูผู้ดีที่ใจเย็น เรียบร้อย คือส่วนใหญ่น่ะใช่ น้ำแกงใจเย็นที่สุดในชั้น ใจดีที่สุดในบ้าน แต่ทุกอย่างย่อมมีขีดจำกัด
ข้อแรกน้ำแกงรักสะอาด สะอาดนี่หมายถึงทุกเรื่องนะ ใจสะอาด วาจาสะอาดและทำตัวสะอาด... แต่ดันมารักกับคนที่ไม่ค่อยสะอาดอย่างฟงอวิ๋นนี่สิ!
"ฟง!" น้ำแกงนับหนึ่งถึงร้อยในใจ ไม่อาจตวาดแว้ดได้ เพราะไม่อยากทำตัวเป็นผู้หญิงให้คนรักดูถูก และอีกอย่าง ทำไม่เป็นด้วย... ใบหน้าสวยๆ เลยได้แต่ปั้นยิ้ม... เย็นยะเยือก
ชายหนุ่มคนรักหันกายกลับมา ตาที่มองไม่ค่อยจะเห็นอยู่แล้วปรือแทบจะเป็นขีดเดียว กลางดึกของคืนวันอังคารแบบนี้ จู่ๆ ก็ถูกเรียกตอนกำลังหลับฝันหวานแบบนี้ เป็นใครก็ลืมตาไม่ขึ้นทั้งนั้น
ดวงตาคมหวานของภรรยาเรืองรอง มือปัดผ้าห่มผืนโตที่ใช้คลุมสองร่างทิ้ง ก่อนจะกระโดดลงจากเตียง เท้าสะเอว เอ่ยเสียงห้าว "บอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าตดในผ้าห่ม!"
ฟงอวิ๋นมองท่าทางพิโรธของคนสวย ร่างหนากระพริบตาปริบๆ แล้วเลิกผ้าห่มดู...
...โอ๊กกก!
หัวสมองที่ยังเรียงลำดับไม่เต็มที่ตื่นทันตา ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้คนรัก...
น้ำแกงไม่ยิ้มตอบ หันหลังให้แล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้า กระชากผ้านวมออกมาแล้วลากไปนอนนอกห้อง ทิ้งไว้แต่ฟงอวิ๋นตะกายลงจากเตียงมากอดเอวง้องอน
เรื่องนอนยังไม่จบสิ้น... ในวัยเดียวกัน น้ำแกงจัดว่าค่อนข้างสูง แต่ตัวโปร่งบาง ไม่ว่าจะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนเสียที ดังนั้น บนเตียงคิงไซส์ น้ำแกงจึงนอนสบายๆ กินที่แค่หนึ่งส่วนสี่ แถมยังนอนเรียบร้อย ไม่ค่อยดิ้นเท่าไหร่ แต่ฟงอวิ๋นน่ะสิ...
...นอกจากไซส์หมีควายแล้ว ยังนอนดิ้นจนน้ำแกงแทบจะขอเลิกอยู่หลายรอบ
คืนหนึ่ง ฟงอวิ๋นเริ่มต้นนอนด้วยฝั่งหนึ่งของเตียง แต่เช้าถัดมา กลับพบว่าภรรยาที่รักย้ายลงไปนอนข้างล่าง... แถมด้วยอาการเย็นชาทั้งวัน
...หรือกระทั่งเสียงกรน! น้ำแกงไม่รู้ว่าตัวเองกรนไหม แต่คุณแม่การันตีมาแล้วว่ากรนเสียงเบาเท่ามนุษย์พึงมี แต่ฟงอวิ๋นน่ะ... โรงสีข้าว! ไม่รู้จะสะเทือนลั่นไปไหน น้ำแกงน้ำตาแทบไหลด้วยความเสียใจที่มารักกับไอ้มนุษย์คนนี้
...ดังนั้น ไอ้ฉากหวานๆ ของน้ำแกงกับโกลเด้น ไซส์หมีควายนั้น แทบจะหาได้น้อยมาก! น้ำแกงไม่ไว้ใจพอจะนอน 'ซบอกแล้วหลับไป' เหมือนในนิยายแสนหวาน กลัวว่าคุณสามีจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงตัวเองจนคอหักน่ะสิ!
แต่อย่าเห็นเป็นเรื่องตลกนะ! น้ำแกงอดทนกับไอ้คุณฟงอวิ๋นเกือบครึ่งปี ในที่สุดก็พบว่ามันบั่นทอนทำลายสุขภาพของตัวเองมากเหลือเกิน ถึงน้ำแกงจะรักฟงอวิ๋นมาก แต่ก็รักพ่อแม่ด้วยเหมือนกัน คนสวยกลัวเหลือเกินว่าฟงอวิ๋นจะเผลอทำตัวเองคอหักตายเสียก่อนจะได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่
ผลจึงปรากฏว่า น้ำแกงนั่งเก็บข้าวของ วางกระเป๋าไว้ข้างตัว พอสามีที่รักกลับจากจ่ายตลาดมา ก็พบคุณภรรยาเตรียมบอกเลิก น้ำตาของคนงามนองหน้า บอกเสียงสั่นเครือเหมือนว่าฟงอวิ๋นเพิ่งนอกใจเมียแล้วทุบตี ทำร้ายร่างกายจนสาหัสว่า
"เลิกกันเถอะ"
"ม่ายยยยยย" เหมือนในมิวสิควิดีโอเปี๊ยบ ยอดชายปล่อยถุงกระชาย ผักตำลึง น้ำมันพืช หมูสามชั้นลงพื้น วิ่งโผเข้าหาร่างบอบบาง กอดแนบแน่น น้ำหูน้ำตาเริ่มไหลพอกัน
น้ำแกงเบี่ยงตัวออก ไม่ใช่เพราะใจร้าย แต่เพราะน้ำมูกคนตัวโตเริ่มย้อยแล้วต่างหาก "แกงไม่ไหวแล้วล่ะฟง เราเข้ากันไม่ได้จริงๆ"
"ไม่นะ ไม่! ฟงทำไรผิด แกงบอกฟงสิครับ! ฟงรักแกงนะ!" เสียงคนรักละล่ำละลัก วิ่งโผเข้าหา น้ำแกงอยากร้องไห้ด้วยคน น้ำมูกมันติดเสื้อ!
"ฟงไม่ผิด แต่เราเข้ากันไม่ได้" น้ำแกงฝืนตัวออก แต่คนตัวโตติดหนึบแต่กว่าติดกาวตราช้าง
"ทำมายยย แกงบอกฟงนะ ฟงจะได้ปรับปรุง" ฟงอวิ๋นฟูมฟาย เป็นภาพที่ดูไม่ได้... เอ่อ... อุบาทว์เลยด้วยซ้ำ ภาพผู้ชายตัวโต ใส่เสื้อกล้ามเก่าๆ กางเกงบอลสีซีดกอดเอวคนตัวบาง หน้าตาสะสวย
ทำไมน้ำแกงจะไม่รู้ว่าฟงอวิ๋นรักตัวเองขนาดไหน แต่ความรักที่บั่นทอนอายุขัยของตัวเองนี่... น้ำแกงก็ไม่ไหวนะ คิดได้แล้วคนสวยก็ออกแรงหนึ่งเฮือก ผลักคนรักออกไป แล้วรีบฉวยกระเป๋า ฟงอวิ๋นอ้าปากค้าง
ร่างบางวิ่งหนีไปถึงประตู หันกลับมามอง...
ก็พบคนตัวโตนั่งไร้เรี่ยวแรงอยู่...
หัวใจน้ำแกงอ่อนยวบ...
...ไม่ใช่ไม่รักนะ...
...แต่แกงกลัวตาย!
น้ำแกงกลับไปอยู่บ้านได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว ยาวนานพอๆ กับการหยุดเรียนของคนตัวโต มิใยที่คนรอบข้างจะถามไถ่เท่าไหร่ เขาก็ยังปิดปากเงียบ เพราะสาเหตุการบอกเลิกนี่มันทุเรศทุรังจริงๆ
แต่ไม่ใช่แค่ฟงอวิ๋นหรอกที่ทรมาน เขาเองกลับทรมานกว่า...
...ฟงอวิ๋นรัก... และปักใจมั่นกับเขาคนเดียว ทุกสิ่งที่อย่างที่ฟงอวิ๋นทำ... น้ำแกงรู้ว่าฟงอวิ๋นรักน้ำแกงมากแค่ไหน
'แกง... ฟงมีสองอย่างที่กลัวที่สุดในชีวิต...'
'ฟงกลัวน้ำแกงบอกเลิก... กับน้ำแกงหายไปจากชีวิตฟง'
พอเริ่มห่างกัน น้ำแกงก็เห็นแต่ข้อดีของอีกฝ่ายเรื่อยๆ
ฟงอวิ๋นไม่เคยนอกใจ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ฟงอวิ๋นเจนสนามมากพอจะรู้ได้ว่าใครกำลังอยากสานสัมพันธ์ ฟงอวิ๋นไม่เคยต้องให้น้ำแกงต้องเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องนี้เลย ฟงอวิ๋นไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ติดเกม ติดเพื่อน... จะติดอย่างเดียวก็บาสเกตบอล ฟงอวิ๋นดูแลน้ำแกงดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ งานบ้านทุกอย่าง... ยกเว้นซักผ้า ฟงทำให้น้ำแกงหมด
ฟงอวิ๋นไม่เคยหงุดหงิดใส่น้ำแกง ไม่เคยโกรธ ไม่ว่าน้ำแกงจะงี่เง่า ขี้งอน เอาแต่ใจแค่ไหน
ฟงอวิ๋นทำอาหารอร่อย...
ฟงอวิ๋นตัวใหญ่ แข็งแรง สามารถอุ้มน้ำแกงได้...
ฟงอวิ๋นมีกล้ามแขนที่สวยมาก น้ำแกงชอบมอง...
ฟงอวิ๋นชอบบอกรัก... ให้น้ำแกงละลาย
ฟงอวิ๋นขับรถเก่ง... ไม่ว่าน้ำแกงอยากไปไหน ฟงอวิ๋นก็จะพาไป ไม่ว่าที่นั้นจะแดดร้อน คนเยอะ รถติดขนาดไหน... ฟงอวิ๋นก็ไม่เคยบ่นสักคำ
ฟงอวิ๋นจูบเก่งมาก...
...น้ำแกงแนบใบหน้ากับหมอน น้ำอุ่นร้อนค่อยๆ ไหลจากดวงตา
ที่สำคัญที่สุด... ฟงอวิ๋นรักน้ำแกง
หัวใจดวงน้อยค่อยๆ อุ่นวาบ ฟงอวิ๋นรักน้ำแกง...
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตา หลับตาพริ้มด้วยความยินดี...
...น้ำแกงคิดถึงฟงอวิ๋นนะ
และ... ต่อให้ถูกถีบตกเตียงอีก... ก็ยังคุ้มกว่าการนอนคนเดียวแบบนี้!
วันถัดมา ไม่ต้องให้น้ำแกงไปถึงที่ ฟ้ายังไม่ทันสาง พระยังไม่ออกมาบิณฑบาตเลย ออดหน้าบ้านก็ดังสนั่น น้ำแกง ท่านผู้พิพากษาไกรสร และคุณครูนาถลดาก็สะดุ้งตื่น
คุณครูนาถลดาควานแว่นข้างเตียง พลางสะกิดสามี "คุณคะ ใครมา ?"
"นั่นสิ" เสียงคุณพ่อยังเบลอๆ เปิดเก๊ะหาแว่นเช่นกัน "ผมไม่ได้นัดใครนะ ลูกศิษย์คุณหรือเปล่า ?"
"ไม่นี่คะ" คุณครูและคุณแม่เริ่มกระตือรือร้นบ้าง คุณแม่ของน้ำแกงเป็นคุณครูหัวโบราณ สอนวิชาภาษาไทยที่โรงเรียนมัธยมชายล้วน ทั้งดุทั้งเฮี้ยบ แต่ก็เป็นที่พึ่ง ที่ปรึกษา ที่เคารพของนักเรียน พอช่วงวันสำคัญๆ เช่นวันปีใหม่หรือวันสงกรานต์ ก็จะมีลูกศิษย์ลูกหามาอวยพร บางคนก็มาแวะเยี่ยมหรือแม้กระทั่งบางคนก็ยังส่งจดหมายคุยกับคุณครูอยู่ เคยมีหลายกรณีตั้งแต่น้ำแกงเป็นเด็กแล้ว ที่เด็กๆ มีปัญหาจะมากดออดหาคุณครูกลางดึก บางคนก็โทรมา ซึ่งคุณครูก็ไม่เคยละเลยใครสักคน ลูกศิษย์ทุกคนที่คุณครูนาถลดาสอนไป คุณครูจำได้หมดทุกคน เช่นนี้แล้ว คุณครูจึงต้องลุกจากเตียง จัดเผ้าผม เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ส่วนท่านผู้พิพากษาไกรสรก็เป็นที่นับหน้าถือตา ท่านเป็นคนตรง แต่ใจดี มีเมตตา ประจำอยู่ศาลเด็ก จึงมีผู้ปกครองบ้าง เด็กบ้าง อัยการหรือกระทั่งลูกศิษย์ลูกหามาแวะเยี่ยมบ่อยๆ ซึ่งท่านก็เปิดประตูรับทุกคน แต่ถึงจะมีคนมาแวะเยี่ยมเยียนบ่อยแค่ไหน ก็ไม่เคยมีใครแวะมาตอนเช้าตรู่แบบนี้
สองสามีภรรยาจึงตัดสินใจไม่ปลุกลูกชาย เผื่อว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงของเด็กๆ
พอลงจากบ้านทรงไทยชั้นเดียว หมาเกือบสิบตัวของท่านผู้พิพากษายืนประจันบาญอยู่หน้าประตูรั้ว ส่งเสียงเห่าขรม หมาพวกนี้น่ะ... ท่านผู้พิพากษาและคุณครูนาถลดาช่วยกันเก็บมาเลี้ยง ทุกๆ ตัวเป็นหมาจร หลายตัวพิการต้องพึ่งล้อ หลายตัวตาบอด มีรอยแผล ล้วนเกิดจากคนรังแกทั้งสิ้น แต่สามคนพ่อแม่ลูกก็ช่วยกันเลี้ยง ประคบประหงมมาจนรอด และยังมีแมวจรอีกหลายตัวที่ครอบครัวเลี้ยงไว้ ตอนนี้เจ้าฝุ่น เจ้าแต้ม แมวสีดำเพศและแมวสีกระดำกระด่างกำลังคลอเคลียขาคุณครูนาถลดาที่กำลังเดินไปเปิดไฟ
พอไฟสว่าง และท่านผู้พิพากษาเดินมายังประตูรั้ว ผู้บุกรุกก็ยกมือไหว้งกๆ ชูของในมือเหมือนผู้ต้องหา
"อ้าว นั่น? นายฟงอวิ๋น ?"
ฟงอวิ๋นยิ้มแห้งๆ ใบหน้าซีดเซียว เจ้าของบ้านมองหน้าคนหลังประตูแล้วเกือบผงะ
ฟงอวิ๋นดูเปลี่ยนไปจากคราวก่อนมาก... เที่ยวที่แล้วที่มาแวะหา ยังดูร่าเริงดี แต่เที่ยวนี้กลับห่อเหี่ยว ผอมโซ เสื้อผ้าเขรอะ ใบหน้าซูบผอม รอยใต้ตาคล้ำเป็นวง ผมยุ่งเหยิงมันเยิ้ม
"สวัสดีครับ ท่านไกรสร"
"ไหว้พระเถอะลูก เข้ามาก่อนๆ" รั้วประตูเคลื่อนดังเกร่งกร่าง ฟงอวิ๋นช่วยพ่อตาปิดประตูแล้วเดินตามต้อยๆ
"อ้าว นั่น ?" คุณนาถลดาหยีตามอง "นายยุทธภพ แซ่เอ็ง ?" ถึงตอนนี้ฟงอวิ๋นจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกเขยแล้ว แต่แม่ยายก็ยังเรียกชื่อเต็มพร้อมนามสกุลเหมือนสมัยเรียนอยู่ดี
ฟงอวิ๋นยกไหว้ ยิ้มซีดให้ มือยกตะกร้า พูดตะกุกตะกัก "เอ่อ... อาจารย์... คุณนาถ ผะ... ผมมาหาน้ำแกงครับ"
"มาทำไมเช้าขนาดนี้ล่ะ ?" คุณนาถลดาพาลูกศิษย์ที่ริมาเป็นลูกเขยไปนั่ง ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็เดินงัวเงียออกมาจากห้อง "คุณแม่ ใครมาอะ ?"
"น้ำแกงงงงงงงงงงง!" ลูกเขยตัวดีทิ้งตะกร้าผลไม้ วิ่งสี่คูณร้อยเข้าหาภรรยาสุดที่รัก ไม่สนใจผู้ใหญ่สองคนที่นั่งหัวโด่สักนิด
"เฮ้ย! ฟง!"
หลังจากโดนเสียงตวาดของคุณครูก็ทำให้ทั้งฟงอวิ๋นและน้ำแกงนั่งพับเพียบบนพื้นกระดานเรียนร้อย น้ำแกงอดบ่นอุบอิบไม่ได้
"นายยุทธภพ แซ่เอ็ง เธอมาหาน้ำแกงทำไมเช้าๆ ?" คุณนาถลดาลงดาบแรก ฟงอวิ๋นขนลุกซู่ ตาของคุณครูดุดันเหมือนลูกชายไม่ผิดเพี้ยน
"มาหาน้ำแกงครับ" ตอบซื่อๆ หน้าซื่อๆ เล่นเอาศรีภรรยาอยากมุดกระดานตาย
มือเรียวหยิกเอวพ่อตัวดี แต่นอกจากจะไม่รับมุขแล้ว ยังยกมือไหว้แม่ยายท่วมหัวเหมือนไว้ศาลพระภูมิ "ผม... ผม... ผมมาง้อเมียกลับบ้านครับ!"
ท่านผู้พิพากษาไกรสรที่เลี่ยงไปจิบกาแฟในครัวถึงกับสำลัก สาวเท้าเร็วๆ มาเตือน "ฟงอวิ๋น ฉันบอกแล้วว่าอย่าเรียกลูกชายฉันแบบนั้น!"
ลูกเขยยกมือไหว้อีกปะหลก ดูไปคล้ายนักมวยไหว้ครู
"เออ ที่ลูกชายฉันกลับบ้านเพราะทะเลาะกับเธอเหรอ ? ฉันเห็นน้ำแกงบอกว่าเลิกกับเธอแล้วนะ ?" ดาบที่สองลงตามมาติดๆ แทบฟันลูกเขยหัวแบะ
น้ำแกงแทบร้องไห้ คุณแม่นะคุณแม่! เลิกแล้ว แต่ถ้าง้อก็ยอมอ่ะ!
"ครับ" ตัวลูกเขยหด ห่อไหล่ "แกงบอกเลิกผมแล้ว..." น้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนน้ำตาจะเริ่มไหลแหมะ พร้อมกับน้ำมูกหยดย้อย "ฮือออ แต่ผมไม่รู้ว่าแกงบอกเลิกทำไมมมม โผมมทำอะไรผิดดด"
น้ำแกงก้มหน้างุด ไม่กล้าตอบจริงๆ
"อ้าว ? ไม่ใช่เพราะเธอรังแกหรอกเหรอ ?" ดาบที่สามฟาดฟันไม่เหลือเยื่อใย แม่ยาย ลูกเขยสักนิด
ฟงอวิ๋นละล่ำละลักตอบ "ผมไม่ได้รังแกแกงจริงๆ ครับ ผมสาบาน! ผมดูแลแกงอย่างดี ไม่เคยนอกใจ ไม่เคยกินเหล้าเมายา กวาดบ้านถูบ้าน..." น้ำแกงรีบเอามืออุดปากไอ้คนตัวโต
คุณนาถลดาหรี่ตาลง "แน่ใจนะว่าไม่เคยรังแก ?"
น่ากลัวจับใจ.... ขนท้ายทอยร่างสูงใหญ่ลุกชัน ถึงตอนนี้แม่ยายจะไม่ได้ถือไม้เรียว แต่รสชาติของไม้มะยมก็ลืมไม่ลงจริงๆ "มะ... ไม่... อะ...." ตาตี่ๆ เบิกกว้างเท่าที่จะทำได้ ก่อนหน้าจะซีดลง
"เธอทำอะไร ?" คุณนาถลดาขยับแว่น ถามเสียงเย็น เด็กหนุ่มจึงยอมจำใจดึงมือสุดที่รักออกจากปาก ก่อนตอบเสียงแผ่ว อับอาย ก้มหน้าก้มตางุดๆ อย่างลุแก่โทษ
"ผม.... ผม..."
"ทำอะไร ?" คราวนี้ไม่ใช่แค่แม่ยาย แต่ท่านผู้พิพากษาก็ผสมโรงด้วย ฟงอวิ๋นกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เงยหน้าตอบ
"ผมบังคับให้น้ำแกงอมของผม! แล้วผมยังแทงสวนจนจุกคอ แล้ว...แล้วอุ้มน้ำแกงเล่นท่าลิงอุ้มแตง แกงสู้แรงผมไม่ได้เลย...."
คุณนาถลดาส่งเสียงกรี๊ดลั่นบ้าน ท่านผู้พิพากษาทำถ้วยกาแฟตกพื้น น้ำแกงเอาหน้าซุกไม้กระดานอย่างอับอาย
กว่าน้ำแกงจะยอมเปิดปาก พระก็บิณฑบาตแล้ว ผลไม้ที่ฟงอวิ๋นเอามาฝากก็ถูกคุณนาถลดาปาใส่หน้าลูกเขยเกือบหมดสิ้น จนตอนนี้สภาพฟงอวิ๋นย่ำแย่ยิ่งกว่าคำว่าเลวร้าย กลิ่นผลไม้ไทยนานาชนิดส่งกลิ่นอบอวลไปหมด
"ฟงนอนดิ้น..." ตอนนี้น้ำแกงยอมพูดแล้ว เพราะกลัวไอ้ผัวเฮงซวยจะเอาเรื่องบนเตียงมาประจานอีก แต่เจ้าตัวไม่ยอมนั่งข้างสามี นั่งซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนแม่ ตาแดงๆ แก้มแดงๆ เล่นเอาฟงอวิ๋นมองเคลิ้ม
"แล้วทำไมลูก ?" คุณนาถลดารักลูกเสียจนไม่สนใจว่าลูกชายจะโตจนมีผัว... โตจนขนาดนี้แล้ว คนเป็นแม่กระชับอ้อมแขนกอดลูกแน่น
"ถีบแกงตกเตียง..." อันนี้กลั้นใจตอบ ซุกหน้ากับอ้อมกอดแม่ อับอายเหลือเกิน
"โถ... ลูกแม่..." คุณนาถลดาก็ลำเอียงเสียจนกระเท่เร่ ฟงอวิ๋นเลยออกปากบ้าง
"แกง... จริงเหรอ ?" ไม่พูดเปล่า หน้ายังซีดเป็นไก่ต้ม ประหนึ่งทำร้ายร่างกาย ฆาตกรรมใครมา
น้ำแกงน้ำตานองหน้า พยักหน้าตอบ ฟงอวิ๋นพึมพำเหมือนเสียสติ "ที่... ที่... ที่...ผ่านมา ฟงทำร้ายแกงมาตลอด..." เอาอีกคน น้ำหูน้ำตาเริ่มนอง "ฟงขอโทษษษ ฟงมันเลววววว สมแล้วที่แกงจะเลิก"
"ไม่นะ ไม่ใช่ความผิดฟง แกงต่างหากที่เอาแต่ใจ" น้ำแกงผวาออกจากอ้อมแขนแม่ ไปโอบกอดคนรักแน่นหนึบ
ท่านผู้พิพากษาเดินออกจากห้องน้ำมา พร้อมชุดสูทเรียบร้อยสำหรับทำงานก็พบกับละครน้ำเน่าไม่อิงนิยายที่ห้องนั่งเล่น ท่านผงะเล็กน้อย ก่อนจะรอฟังลูกชายต่อ
"ฮึก... ไม่นะ ฟงขอโทษ แกงเจ็บมั๊ย ? ฟงมันเลวววว"
น้ำแกงเช็ดน้ำตา ส่ายหน้า อ้าปากจะปลอบแฟนขี้แย แต่บิดาสาวเท้าเข้ามาปิดฉากเสียก่อน
"แกง!"
"ครับ ?" น้ำแกงยกชายเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาสามี
"นี่หนีมาเพราะพี่เค้านอนดิ้น ?"
น้ำแกงหน้าแกงก่ำ ไม่ยอมตอบพ่อ แต่คุณพ่อรู้นิสัยลูกชายดีจึงถอนหายใจแรง "ไป ไปเก็บเสื้อผ้า กลับไปกับพี่เค้าซะ ล้างหน้าล้างตากันด้วย ทั้งสองคนแหละ"
เรื่องวันนั้นจึงจบลงแต่โดยดี
แต่หลังจากที่ลูกชายและลูกเขยขับรถออกจากบ้านไปแล้ว คุณนาถลดาก็งึมงำ "ฮืออ คุณคะ ฉันรักของฉัน เลี้ยงลูกมาป่านนี้ ทำไมลูกชายฉันถึงไปมีผัววววววววววววววว!"
// ตอนที่สี่นี่คาแรกเตอร์ไม่นิ่งค่ะ เขียนเอามันส์ไปหน่อย

ไว้จะรีใหม่ แล้วมาเมาท์กันกับพี่เสือน้องต่ายภาคปกตินะคะ