39. พี่เสือ น้องกระต่ายกับอุ้งมือ
เวลาผ่านไปราวกับติดปีก ปล่อยให้เด็กๆ เติบโตล่วงเข้าอีกปี แต่กระต่ายน้อยยังคงไม่เติบโตขึ้นเลย ส่วนสูงของน้องเล็กดูราวกับหยุดลง ครั้งสุดท้ายที่วัดส่วนสูงคือเมื่อวานซืนที่น้องไปรับพี่เสือที่ค่ายมวยพร้อมกับคุณพ่อ แล้วครูเบิ้มจับเด็กชายวัดส่วนสูงด้วยแผ่นวัดส่วนสูงประจำค่ายนั่นแหละ พี่หนูจิ๊บและป้านกก็วิ่งมามุงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ครูเบิ้มลากเอวเจ้าตัวบางไปยืนเทียบแผ่นวัดส่วนสูง คุณพ่อตามมาด้วยใจระทึก
"เอาละนะ" ครูเบิ้มประกาศ คว้าหนังสือคู่สร้างคู่สมของป้านกมาเป็นไม้บรรทัด คุณพ่อลุ้นจนกลั้นหายใจ
"เอาเลยๆ" สองสาวส่งเสียงเชียร์ กระต่ายน้อยหลับตาแน่นปี๋ รอรับผล
ครูเบิ้มโน้มตัวลง บรรจงวางนิตยสารอย่างบรรจงบนหัวทุยนุ่มนิ่ม
เงียบสงัด....
"เอิ่มมม..." เสียงห้าวของครูเบิ้มดังขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนกวักมือเรียกภรรยา "นก มาดูหน่อย"
ป้านกไม่รอช้า กระโดดเข้าไปหาหลานชายทันที ทันทีที่ชะโงกหน้าไปดูผลก็ชะงักเช่นกัน ก่อนหันกลับมาหาทุกคนด้วยรอยยิ้มปลอบใจ
"หนึ่งร้อย...."
กระต่ายน้อยกัดริมฝีปากแน่น
"หนึ่งร้อย... สี่สิบ....!" ป้านกกลั้นใจตอบ ไม่กล้าหันกลับไปมองหน้าแสนน่ารักของหลานชาย
"ฮึก...." เอาแล้วไง... ป้านกเตรียมกระโดดออกจากที่เกิดเหตุ พี่หนูจิ๊บรีบวิ่งมากู้สถานการณ์
"เอ่อ...กับอีก.... สี่มิลฯ!"
"ฮึกกก สี่มิลลลลล" กระต่ายน้อยทวนคำ น้ำตาเริ่มจะหยด พี่เสือปาดเหงื่อแรงๆ ก่อนจะรีบบอก
"ปีที่แล้วแค่หนึ่งร้อยสี่สิบเองนะครับ" ว่าพลางรีบกอดน้องเล็กแนบอก หันเหความสนใจไปที่อื่นโดยไว ยิ่งโตกระต่ายน้อยยิ่งอ่อนไหวเรื่องส่วนสูง เด็กน้อยยังคงคาดหวังว่าจะสูงขึ้น หนึ่งปีที่ผ่านมา น้องน้อยพยายามดื่มนม... ถึงแม้จะแพ้ทุกครั้ง พยายามจะเล่นกีฬา... ถึงจะแม้จะลงท้ายด้วยแพ้เหงื่อตัวเอง... จนสุดท้ายลงเอยที่ว่ายน้ำ แต่พอลงสระเท่านั้น แสงแดดเมืองไทยที่แสนร้อนแรงก็ทำให้เจ้าตัวเล็กหนังลอกเป็นแผ่นๆ คุณแม่เลยต้องพาลูกชายไปว่ายน้ำได้แค่ตอนเย็นๆ ที่ไม่มีแดดเท่านั้น
แต่ถึงยังไง เด็กน้อยก็ไม่โตขึ้น....
"ฮึกกก แต่แค่สี่มิลเอง" น้องย้ำ น้ำใสกลบดวงตากลม มือเล็กกำเสื้อพี่เสือแน่น ก็พี่เสือแตะที่หนึ่งเจ็ดสิบเจ็ดแล้ว แต่กระต่ายยังสูงได้แค่อกพี่เสือ!
หลังวันนั้นมา กระต่ายก็อารมณ์เสียตลอด ขนาดกลับบ้านมาแล้ว พี่เสือจะปิดไฟนอน แก้มกลมๆ กลมดิกนั่นป่องเหมือนสัตว์เล็กที่อมของกินไว้เต็มปาก ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวนั้นยังไม่หายป่องเลย พี่เสือเลยอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่
"คนดีของพี่เสือ สูงแค่นี้ก็ดีแล้วครับ"
กระต่ายน้อยแยกเขี้ยวเหมือนจะขู่ แต่ดูยังไงก็เหมือนกระต่ายน้อยที่พยายามพองขนมากกว่า
พี่เสือหัวเราะลั่นอย่างถูกใจ จับเจ้าตัวเล็กมาฟัดจนแก้มยุ้ย กระต่ายน้อยทำปากยื่น หน้าแดงก่ำ สองมือพยายามยันอกพี่ชาย
"ไม่เอาแล้ว!"
"ไม่เอาอะไร ?" พี่ชายยังแหย่ไม่เลิก มือคีบเส้นผมนุ่มละเอียดไปด้วย
กระต่ายน้อยสะบัดหน้าพรืด แก้มนวลยิ่งขึ้นสีจัด ไม่รู้เพราะอาย เขินหรือเพราะโดนฟัดจนแดงกันแน่ "ไม่ให้พี่เสือหอมแล้ว!"
คนตัวโตยอมคลายอ้อมกอด มือละจากผมนุ่มนิ่มเป็นผลักคนตัวขาวให้ล้มไปนอนกับฟู และคร่อมตัวทับ "ไม่หอมก็ได้..." เสียงพี่เสือทุ้มต่ำ เจ้าเล่ห์จนกระต่ายชักไม่ไว้ใจ
"....จูบเลย!" สิ้นคำ กระต่ายน้อยหมดสิทธิ์ได้อุธรณ์ต่อศาล ฝ่ายจำเลยโน้มกายมาประทับริมฝีปากลงที่ปาก หมดทางหนี ได้แต่ยอมนอนนิ่งๆ ให้พี่เสือจูบแต่โดยดี
อาจเพราะโดนจูบบ่อย... กระต่ายน้อยเลยรู้ดีว่าขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์ กระต่ายตัวนิดเดียวเอง จะเอาแรงที่ไหนไปสู้พี่เสือได้ กระต่ายเลยจำยอม พอพี่เสือเอาลิ้นมาเล็มเลียที่ริมฝีปาก กระต่ายรู้ตัวดีว่าต้องเผยอปากออก ให้พี่เสือควานคว้าน ดูดกลืนลิ้นของกระต่าย
และพี่เสือก็จะดูดกลืนวิญญาณของกระต่ายไป....
...บางที พี่เสือก็ใจร้ายแบบนี้แหละ
กระต่ายหลับเป็นตาย เมื่อคืนหลังจากโดนจูบแล้ว พี่เสือก็ไม่ยอมปล่อย ยังแหย่น้องไม่เลิก จนกระต่ายเริ่มโวย พี่เสือก็ใช้วิชามาร จั๊กจี้จนกระต่ายดิ้นตัวงอ ไม่ใช่แค่เด็กชายที่โดนจั๊กจี้แล้วหัวเราะจนปวดท้อง แต่พี่ชายนี่สิ เป็นคนแกล้งแท้ๆ กลับหัวเราะไม่แพ้กระต่าย
ทั้งอ้อนวอน ทั้งออดอ้อน กระต่ายต้องลงทุนไปปีนอกพี่เสือ นอนบนตัวพี่เสือเชียวนะ พี่เสือถึงยอมปล่อยให้น้องนอน
...ไม่อย่างนั้นพี่เสือคงแกล้งน้องจนถึงเช้า แถมยังปล้ำจูบกระต่ายจนปากเจ่อแน่ๆ
บนเตียงนุ่มๆ หลังโต กระต่ายขยับตัวอย่างไม่สบายตัว พี่เสือรีบบรรจงห่มผ้าห่มให้ ปรับเครื่องปรับอากาศแล้วจูบหน้าผากมน เพียงเบาบาง เหมือนแมลงปอแตะผิวน้ำ กระต่ายยังหลับอุตุจึงไม่เห็นแววตาเจ็บปวด... และรักอย่างมากมายที่ถ่ายทอดมา
พี่เสือไปอาบน้ำแล้ว กระต่ายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเสียงครางแผ่วเบา ที่เจ้าตัวตั้งใจจะเก็บเงียบนั้นเป็นชื่อกระต่าย... วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา
พี่เสือออกไปทำงาน... น้องน้อยถึงได้ตื่นบ้าง ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาก็ใจหายทุกที เมื่อไม่เห็นร่างใหญ่โตของพี่ชายนอนข้างกาย
หากกระต่ายโต.... กระต่ายจะทำงานเยอะๆ มีเงินเยอะๆ พี่เสือจะได้ไม่ต้องออกไปทำงานและกอดกระต่ายได้จนถึงเช้า
แต่ตอนนี้กระต่ายยังเด็ก... แถมตัวเล็กกะจิดริด วันก่อนตอนไปค่ายมวย เจอเด็กๆ อายุน้อยกว่าตั้งเยอะแต่ตัวสูงกว่ากระต่ายอีก!
เด็กน้อยทำแก้มพองลม แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำบ้าง... ถึงตัวเล็ก เขาก็จะทำในสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด
ร่างเล็กขาวสะอาดกระโดดหยองแหยง พลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ในหัวมีแต่เมนูโปรดของพี่ชาย
ถึงจะเข้าเทอมใหม่ เลื่อนชั้นใหม่ แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนัก กระต่ายยังคงสูงเท่าเดิม เพื่อนๆ ก็กลุ่มเดิม คงจะมีแต่วิชาเรียนที่เปลี่ยน พี่เสือรับหน้าที่ตรวจดูตารางเรียนของน้องแล้ว กระต่ายตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษหนักๆ เหมือนเมื่อก่อน เพราะตอนนี้พื้นฐานของกระต่ายดีขึ้นมาก
ลูกโป่งเป็นคนแรกที่สองพี่น้องเจอ ร่างขาวๆ นั้นคล้ำลงไปหน่อย สูงขึ้นนิดหน่อยแต่ยังร่าเริงเช่นเคย "โว้ววว ต่ายน้อย!"
กระต่ายน้อยยิ้มแป้น กระโดดเข้าหาเพื่อน "เป็นไงบ้าง ?"
"สนุกมากกกก ป้าเจ๊พาไปเที่ยวล่ะ"
ตอนปิดเทอม กระต่ายได้ยินลูกโป่งโทรมาโม้ทุกวัน จึงไม่ตื่นเต้นอะไรนัก
"สอางค์ล่ะ ?"
"อยู่ห้องพักครู เห็นว่าจะเอาไปประกวดมารยาททราม.... งาม!" เปลี่ยนคำทันควันเมื่อฝาแฝดพี่มองตาดุๆ
"เออ ใช่ๆ มีของฝากล่ะ" ลูกโป่งกุลีกุจอหยิบขนมออกจากกระเป๋า
"ไปไหนมาเนี่ย ?" พี่เสืออดไม่ได้ ยื่นมือไปช่วยน้องถือของ ดูของแต่ละอย่างสิ เข้ากันที่ไหน กาละแม ชอกโกแลตสวิส มันฝรั่งทอดถุงโตจากต่างประเทศ แมกเน็ตรูปเทพีเสรีภาพ ของเล่นจากดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง
"นับแป๊บ... ตอนแรกไปโตรอนโต แล้วน้าธี ป้าเจ๊อ่ะก็พาไปเที่ยวนิวยอร์ก ทีนี้เพื่อนแกกลับมาจากยุโรป เลยเอาชอกโกแลตมาฝาก ไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ป้าเจ๊เลยพาไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ แล้วก็กลับไทย... สี่ห้าวัน ตาก็บ่นอยากไปทะเล... ป้าเจ๊เลยพาไปชะอำกับหัวหิน"
"น้ามึงนี่ว่างชิบ"
"เห็นว่าได้วันหยุดอ่ะ" ลูกโป่งไม่สะเทือนกับคำด่า จัดการแจกของเสร็จแล้วก็ถามหาเพื่อน "โบ้กับฝนอะ ?"
"ยังไม่เห็นเลย" กระต่ายน้อยตอบ จ้องถุงชอกโกแลตในมือพี่เสือตาเป็นมัน
พี่ชายรับรู้ได้ถึงสายตาคมกริบของกระต่ายจอมตะกละจึงรีบยัดขนมใส่กระเป๋า "มึงโทรดิ๊"
"โทรไม โบ้มันแดกข้าวที่โรงอาหารแน่ๆ ฝนสายๆ ค่อยมามั้ง"
เด็กๆ จึงได้เคลื่อนย้ายไปโรงอาหาร
เช้าขนาดนี้ โรงอาหารยังแน่นขนัด พี่เสือมองปราดเดียวก็หาจัมโบ้กับฝนเจอ แต่ที่ประหลาดคือ...
"ตรงนั้น" พี่เสือชี้ กระต่ายกับลูกโป่งมองตาม คิ้วสวยขมวดมุ่นอย่างไม่เชื่อนัก แล้วร้องออกมาพร้อมเพื่อน
"กระเจี๊ยบ!"
"การันต์!"
นักเรียนดีเด่นอย่างกระเจี๊ยบมานั่งทำอะไรเช้าๆ ที่โรงอาหารกับ... จัมโบ้!?
ที่ผ่านมาหัวหน้าห้องมักจะไปขลุกอยู่ห้องพักครูเสมอ เพราะกระเจี๊ยบเป็นเด็กดี เรียนเก่ง เป็นลูกรักคุณครู ดังนั้นคุณครูมักใช้กระเจี๊ยบกรอกคะแนนบ้าง จัดของบ้าง โดยให้ขนมเล็กๆ น้อยตอบแทน จึงหาได้ยากยิ่งที่กระเจี๊ยบจะออกมาเดินท่อมๆ ตอนก่อนเคารพธงเช้าแบบนี้
ส่วนจัมโบ้น่ะหรือ... แค่มาก่อนเข้าเรียนได้ก็เก่งแล้ว สอางค์ต้องเดินไป 'ประกันตัว' จัมโบ้จากฝ่ายปกครองแทบทุกวัน จัมโบ้เองก็โดนตีแทบทุกวันเหมือนกัน ถึงแม้เพื่อนสาวหน้าตายอย่างสอางค์จะยิ้มเย็น แดกดันขนาดไหน จัมโบ้ก็ไม่สะทกสะท้าน ยังคงความสายไว้คงเส้นคงวา
แต่นี่อะไรกัน.... จัมโบ้เด็กเกเร กับกระเจี๊ยบลูกรักคุณครูนั่งใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนี้ ? กระต่ายน้อยต้องขยี้ตาเพื่อความแน่ใจ พี่เสือมองคนตัวเล็กสองคนที่ยืนอึ้งอยู่แล้วถอนหายใจ เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเองพี่ชายเลยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ได้แต่จูงมือน้องเล็กให้เดินไปสมทบกับเพื่อน
โต๊ะท้ายสุดของโรงอาหารมีร่างสูงใหญ่ของจัมโบ้ ร่างผอมแห้งเกร็นของกระเจี๊ยบและเด็กหญิงที่วันนี้ผูกเปียเดี่ยวตึงเปรี๊ยะ มัดริบบิ้นสีดำตามกฏโรงเรียนสีหน้าบอกบุญไม่รับอยู่
เบื้องหน้าเพื่อนทั้งสามมีจานอาหารคนละอย่าง จัมโบ้กำลังกินข้าวผัดหมู กระเจี๊ยบนั่งเขี่ยข้าวราดแกงอย่างระทมทุกข์ ส่วนฝนซดต้มยำมาม่าโฮกๆ
"ดีจ้าโบ้ ฝน รัน" กระต่ายน้อยทักทายแจ่มใส แม้จะไม่ค่อยเข้าใจภาพตรงหน้านัก
ประหลาดพิกล... จัมโบ้กับฝนน่ะธรรมดา เพราะสองคนนี้ออกมาหาอะไรกินบ่อยๆ แต่กระเจี๊ยบนี่สิ.... ได้ยินว่าเป็นมังสวิรัติมาตลอด ทำให้ผอมแห้ง ผิวเหลืองซีด แต่ตอนนี้นั่งเขี่ยหมูกระเทียมในจานซึมๆ เหมือนลังเลว่าจะกินหรือไม่กินดี
ฝนวางมาม่าลง คว้าขวดน้ำของกระเจี๊ยบขึ้นซดอึกๆ ก่อนจะตอบ "ดีๆ ต่ายน้อย"
กระเจี๊ยบพยักหน้า จัมโบ้ดูนิ่งกว่าที่เคย ลูกโป่งแอบเบ้ปาก พี่เสือได้ยินแว่วๆ ว่า "เก๊กชิบหาย..."
"ไปไหนมามั่ง ?" ลูกโป่งถาม นั่งลงข้างฝนโดยไม่ต้องรับเชิญ
"ไม่ได้ไป" จัมโบ้ตอบเสียงขรึม
ฝนส่ายหน้า "กูกลับบ้านนอก เหมือนทุกปี"
"กูไปลงนรกมา" กระเจี๊ยบตอบอย่างหมดอาลัยตายอยาก วางช้อนส้อมลงเชิงยอมแพ้
"อีเจี๊ยบ! มึงอยากตายเรอะ! หมายความว่าไงที่ลงนรก" จู่ๆ จัมโบ้ก็แว๊ดลั่น ท่าทางโมโหจัดจนกระต่ายกลัว
"นรกสิสัด! มีเหี้ยอะไรนักหนาถึงตามกูมาบ้าน!" เสียงกระเจี๊ยบไม่ลดราวาศอก แต่เหมือนจะร้องไห้ชอบกล กระต่ายเห็นหัวหน้าห้องแอบเขยิบตัวถอยด้วยซ้ำ ปากพึมพำเสียงเบา
"กูบอกแล้วว่ากูเป็นมังฯ บังคับกูแดกเนื้ออยู่ได้..."
กระต่ายอ้าปากค้าง พี่เสือจึงสะกิดฝน แล้วก็ได้คำตอบเป็นหน้าเมื่อยๆ กลับมา
"กูเบื่อพวกมึงชิบหายแล้ว! โป่ง ต่าย เสือไปกัน แม่งอย่าสนใจไอ้ห่าพวกนี้เลย!"
ลูกโป่งเงียบสนิท ใบหน้ากรุ้มกริ่มแต่เพื่อนรู้ดีว่าหูขาวๆ นั่นกางเป็นจานเรดาห์รับสัญญาณเรื่องชาวบ้านแน่ๆ
"มีอะไรเหรอ ?" กระต่ายถูกต้อนออกจากที่เกิดเหตุอย่างงงๆ ฝนทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนจุ๊ปากแล้วรีบโบ้ยให้พี่ชาย
"ถามพี่เสือแน่ะ"
ลูกโป่งทำตาโต มองตามนิ้วชี้ของฝนไปยังเพื่อนตัวโต และได้รับคำตอบเป็นฝ่ามืออรหันต์ตบศีรษะ
"เสือกเรื่องชาวบ้าน!"
กระต่ายกระพริบตาปริบๆ พึมพำเสียงเบา "เสือก ?" คำนี้ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน... แต่ที่พูดนั่นหมายถึงกระต่ายหรือ... ? กระต่ายรู้ว่าเป็นคำด่า คำหยาบ เป็นคำไม่ดีที่คุณแม่ไม่ให้พูด แต่กระต่ายไม่รู้ความหมาย
"ไม่ครับ ไม่ใช่ มามะ เดี๋ยวพี่เสือเล่าให้ฟัง" พี่เสือทั้งปฏิเสธ ทั้งกล่อมเด็กน้อยเป็นพัลวัน ฝนจะห้ามเนื้อนุ่มหวานของกระต่ายเข้าปากเสือก็ไม่ทันแล้วเมื่อกระต่ายน้อยจับมือพี่เสือ ยอมให้พี่ชายจับจูงไปอีกทางอย่างว่าง่าย
เด็กหญิงถอนหายใจ หันกลับมามองไอ้เพื่อนตัวขาวที่ทำตาโตอย่างหมั่นไส้ อดไม่ได้เลยโบกศีรษะไปอีกที
"เสือก!"
ปกติพี่เสือก็เป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจนั่นแหละ คือไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทั้งเพื่อน สิ่งแวดล้อม เรื่องของตัวเอง โลกของพี่เสือหมุนตามน้องน้อยตลอดเวลา ถึงจะพอรู้เรื่องของจัมโบ้บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก นอกจากให้กำลังใจบ้างตามโอกาส เรื่องจะนินทาหรือเล่าเรื่องของคนอื่นไม่เคยอยู่ในหัว จนกระทั่งสุดที่รักทำตาบ๊องแบ๊ว เอียงคอรอฟังนั่นแหละ พี่เสือก็ถือโอกาสก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ คว้ามือน้อยเข้ามุมอับหลังสแตนด์ แล้วแอบลวนลามน้องนิดๆ หน่อยๆ
"พี่เสือ ?" กระต่ายเรียก พี่ชายชักจะยังไงๆ แล้ว ตั้งแต่โดนดึงตัวมา พี่ชายก็อ้างให้จุ๊บแก้มบ้าง ซบไหล่บ้าง แต่กระต่ายจะรู้เหรอว่าโดนฉวยโอกาส เลยได้แต่ทวงถาม
"ครับ ?" พี่เสือยิ้มหวานเหมือนคนบ้า กระต่ายน้อยทำตาโต รอฟังแบบนี้น่ารักชะมัด! "เอ่อ...อ่อ... เรื่องจัมโบ้"
น้องเล็กพยักหน้า ไม่ได้สนใจฟังเพราะอยากรู้อยากเห็นเหมือนลูกโป่งหรอก แต่กระต่ายเป็นห่วงเพื่อนมากกว่า เพราะจัมโบ้ดูแปลกๆ ไป เหมือนจะหงุดหงิดง่าย หน้าตาดุดัน ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเป็นคนร่าเริงแท้ๆ
พี่เสือยังไม่หยุดยิ้ม แสร้งโอบไหล่บางกระชับเข้าหาตัวแล้ว โน้มกายกระซิบ....
...เผาเพื่อนหมดจด เหลือแต่ขี้เถ้า
พี่เสือไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นก็จริง ยิ่งเรื่องบอกต่อยิ่งน่ารำคาญ... แต่กับน้องเล็ก... ถ้ากระต่ายอยากฟัง ต่อให้กลายร่างเป็นคุณป้าขาเมาท์ตามร้านเสริมสวยก็ยอม!
สอางค์กลับมาทันเคารพธงชาติพอดี รู้สึกทะแม่งๆ ตั้งแต่เห็นหน้าตากลั้นยิ้ม แก้มแดงแจ๋ของกระต่ายน้อยแล้ว ยิ่งลูกโป่งเพื่อนรักทำท่ากระดี๊กระด๊าผิดปกติยิ่งทำให้คิ้วกระตุก
"มีไรวะ ?"
ฝนทำหน้าที่ตอบเพลียๆ "อีโบ้"
แค่นั้นเอง สอางค์ก็ยิ้มบาง แต่ดูไม่น่าไว้ใจนัก "กูว่าละ เป็นไง ? ลุ้นจนเยี่ยวเหนียวเลยสิมึง"
"กูว่ามีสิทธิชวด มันคิดว่ามันเป็นใครวะ ? นายหัวหฤษฎิ์รึไง ?"
"ตบจูบๆ"
"กูกลัวอีเจี๊ยบจะตายก่อนถึงจูบ"
"ตัวมันผอมชิบหาย! กูกลัวกระดูกแม่งหัก!"
"ลมพัดก็ปลิวละ.... อีโบ้ก็นะ..."
"มันมาแล้ว.... กับอีโบ้"
"...ดอก... หน้าตาเฮฮาลัลล้าบาหลีมาก!"
"อีโบ้อ่ะนะ หน้าอีเจี๊ยบแม่งเหมือนคนโดนของ!"
บทสนทนาที่รัวเป็นปืนกลทำให้กระต่ายน้อยชักมึนแล้ว เจ้าตัวน้อยเลยได้แต่กระพริบตาปริบๆ เกาะแขนพี่ชาย พี่เสือส่ายหน้า พึมพำ
"ไอ้พวกยุ่งเรื่องชาวบ้าน!"
ถึงกระต่ายจะรู้ว่าจัมโบ้ชอบกระเจี๊ยบ แต่ถ้าพี่เสือไม่บอก เขาไม่มีทางเชื่อแน่ๆ เพราะจัมโบ้ชอบทำหน้าโหด เสียงดุ บางทีตวาดใส่กระเจี๊ยบก็มี
กระต่ายไม่เข้าใจการแสดงออกแบบนี้เลย ถ้าชอบ ต้องกอด ต้องทนุถนอมสิ ขนาดพี่เสือรักกระต่าย พี่เสือยังตามใจกระต่ายเลย หรือกระต่ายที่รักตุ๊กตาเสือน้อยมากๆ กระต่ายยังระวังเวลากอดเลย
วันนั้นทั้งวันกระต่ายเลยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ....
...อาจจะไม่เงียบก็ได้
เพราะอยากรู้นัก เจ้าตัวเล็กเลยจับชายเสื้อพี่ชายตลอด บางทีก็ทำตาโต ห่อไหล่ ปากร้องถามอย่างงุนงง "พี่เสือ ทำไมโบ้ทำแบบนั้นอ่ะ.... โบ้ชอบรันต์จริงๆ เหรอ ?"
พี่ชายเหนื่อยใจ สุดจะอธิบายให้น้องเล็กเข้าใจได้ว่า คนบางคนก็รัก แต่แสดงออกไม่เป็น พี่เสือเลยได้แต่พยักหน้า อือออตอบไปตามเรื่อง
ส่วนสอางค์ ฝน และลูกโป่งนั้นเห็นได้ชัดว่าสนุกบนความทุกข์ของจัมโบ้ จนกระต่ายแปลกใจ เพราะไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ ช่วยสนับสนุนความรักของเพื่อนหรือขัดคอกันแน่
กระต่ายได้แต่กระพริบตาปริบๆ
แม้โรงเรียนจะเลิกแล้ว กระต่ายก็ยังหยุดคิดเรื่องเพื่อนสองคนไม่ได้ กระต่ายก็เป็นเช่นนี้ เพราะรู้ตัวดีว่าหัวไม่ดี เด็กน้อยจึงต้องคิดทีละเรื่อง บางทีก็คิดจนเหม่อลอย... พยายามไขปริศนาของเพื่อนสองคนที่ตัวเองไม่เข้าใจ แม้พี่เสือจะเรียกหลายครั้ง บางทีก็ไม่ตอบพี่ชายก็มี พี่เสือจึงดูหงุดหงิดเป็นพิเศษ เมื่อแยกย้ายกับเพื่อนแล้ว พี่เสือก็พาน้องที่เดินล่องลอยมารอคุณพ่อที่หน้าโรงเรียนพลางบอก
"ที่รัก ฟังพี่เสือนะ" พี่เสือกุมมือน้อยแน่น พยายามเรียกความสนใจคนตัวเล็กคืนมา "หยุดคิดเรื่องจัมโบ้ กระเจี๊ยบได้แล้ว"
เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองตามเสียงเรียก แต่พี่เสือรู้ดีว่ากระต่ายยังสับสน เขาทั้งหงุดหงิด ทั้งน้อยใจ ทั้งหึงหวงเป็นเด็กๆ จนชักจะเกลียดตัวเองบ้างแล้ว
ไม่ชอบ... ไม่ยอม... ให้กระต่ายคิดถึงเรื่องคนอื่น เอาใจใส่คนอื่นแบบนี้... ต่อให้เป็นเพื่อนก็ไม่เว้น
กระต่ายต้องรัก ต้องมีแต่พี่เสือเท่านั้น!
"กระต่าย...." เสียงพี่เสือทอดต่ำ "กระต่ายมีสิทธิคิดได้แต่เรื่องพี่เสือคนเดียว เข้าใจไหมครับ ?"
ยิ่งได้ฟังพี่เสือพูด กระต่ายยิ่งงงหนักเข้าไปอีก "อ้าว...."
หมายความว่ายังไงหนอ ? คุณแม่บอกว่าการคิดถึงคนอื่นเป็นเรื่องดี และคุณพ่อก็บอกว่าพอมีปัญหาหรืออะไรที่ไม่เข้าใจ ให้ค่อยๆ คิดทีละเรื่องๆ พอกระต่ายทำตาม ทำไมหน้าตาพี่เสือถึงบูดบึ้งขนาดนั้น...
...วันนี้อากาศก็ไม่ร้อนนี่นา กระต่ายไปเข้าห้องน้ำกับพี่เสือ กินข้าวหมดจานด้วย ไม่ได้ทำอะไรให้พี่เสือโกรธเลยนะ...
หรือใครจะทำให้พี่เสือหงุดหงิด ?
ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม เสียงดุของพี่ชายก็ตวัดห้วนแทบเป็นเสียงเอ็ดใส่ "คิดถึงแต่พี่ สนใจแต่พี่! เข้าใจไหมครับ!"
กระต่ายเบิกตาโต ริมฝีปากอิ่มเบิกค้าง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่เสือถึงพูดแบบนั้น.... แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของจัมโบ้อย่างไร กระต่ายเป็นห่วงเพื่อนนะ พี่เสือไม่ห่วงบ้างเลยหรือไง
ความเงียบเข้าปกคลุมสองพี่น้องเงียบๆ บรรยากาศยิ่งน่ากระอั่กกระอ่วน ถึงกระต่ายจะหัวไม่ดี แต่ก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวของฝาแฝด กระต่ายเลิ่กลั่ก ไม่กล้าอ้าปากถามมากไปกว่านี้ เพราะหน้าคมๆ ของพี่ชายขมวดเข้าหากันมากยิ่งขึ้น เหมือนกับว่ากระต่ายทำอะไรบางอย่างผิดพลาดไป... มากๆ
น้องเล็กกลืนน้ำลาย ไม่ชอบพี่เสือแบบนี้เลย... พี่เสือไม่ค่อยโกรธน้องเท่าไหร่ แต่ถ้าโกรธมาก็น่ากลัวมาก... มือที่พี่เสือกุมแน่นนั้นเริ่มชื้นเหงื่อจนเหนอะหนะ กระต่ายอยากดึงมือออก แต่สีหน้าดุดันของพี่ชายทำให้กระต่ายจำใจให้พี่กุมต่อไป
กระต่ายเครียดจนคิ้วเรียวขมวดมุ่น ภาวนาในใจให้คุณพ่อมารับไวๆ ตอนนี้กระต่ายอึดอัดเหลือเกิน หากพี่เสือเอ็ดหรือดุด่าคงดีกว่านี้ แต่นี่พี่เสือเล่นนิ่งเงียบ... เงียบจนกระต่ายกลัว
กระต่ายไม่รู้เลยว่า... พี่ชายกำลังเครียดขึ้ง... โมโหตัวเองขนาดไหน คำพูดที่ตวาดออกไปยังวนเวียนอยู่ในหัว ไม่อยากเลย... ไม่อยากทำตัวโง่ๆ พูดจาดุดันใส่น้อง... ยิ่งสีหน้ากระต่ายซีดเซียว ทั้งเศร้าและตกใจยิ่งทำให้รู้สึกผิด
...พี่เสือได้แต่กระชับมือบางให้แน่นเข้า ตัวน้องเกร็งไปหมด คงจะกลัวพี่เสือมาก...
...ถ้าหากไม่ใช่ที่หน้าโรงเรียนแบบนี้ เรื่องคงจะง่ายกว่านี้ พี่เสือจะดึงตัวน้องน้อยเข้าอก ปลอบขวัญเอ่ยทั้งคำรักและขอโทษ จูบแก้มนวลจนกว่าน้องจะหายตกใจ
...แต่ตอนนี้อยู่ท่ามกลางฝูงชน ถึงอยากจะทำมากแค่ไหน ก็ได้แต่กลั้นเอาไว้ พี่เสือรู้ว่าต้องพูดอะไรสักอย่าง ให้น้องหายกลัว...
แต่ยังไม่ทันจะอ้าปาก ทันใดนั้น...
"อ๊ะ! สองพี่น้อง!" เสียงทักใสๆ ทำลายความเงียบ พร้อมๆ กับคนทักหน้าตาสดใสพอๆ กันจากด้านหลัง
"พี่น้ำแกง!" กระต่ายทัก รู้สึกโล่งใจขึ้นมาโข เผลอตัวปล่อยมือที่กุมแน่นกับพี่เสือออกไป พี่เสือได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กที่โผเข้าหารุ่นพี่คนสวย
"มาทำไร กลับบ้าน ?" พี่น้ำแกงในชุดนักเรียนชาย ผิวสีน้ำผึ้งสวยผ่องจนหลายๆ คนแอบหยุดมอง ดวงตาโตหากเรียวกว้างนั้นสุกใส สะสวยจนกระต่ายนึกชอบใจ เรือนผมสีดำสนิทเหมือนนกกาน้ำถูกมัดไว้ต่ำๆ ตรงท้ายทาย หากปอยผมบางส่วนที่หลุดลงมากลับทำให้ยิ่งดูสวยยิ่งขึ้น น้ำแกงยิ้มใส เข้ามากอดเจ้าตัวเล็กที่นึกเอ็นดูมานาน
กระต่ายน้อยพยักหน้า ยินดีให้พี่น้ำฟัดแต่โดยดี โดยลืมไปเลยว่าพี่ชายยืนหน้าบูดข้างๆ "ฮะ พี่น้ำแกงอ่ะ ?"
พี่น้ำแกงจับมือน้อยแล้วแกว่งเล่น ทำเป็นมองไม่เห็นบรรยากาศอึดอัดก่อนหน้านี้ "เหมือนกัน..."
"แล้วพี่ฟง..."
"มันไปวนรถ เดี๋ยวมา เออ! เอางี้ ต่ายน้อยกลับกับพี่ไหม ?"
พี่เสือเฉยไม่ได้แล้ว ร่างสูงใหญ้รีบฉกเอวสุดที่รักมาก่อนจะโดนคนสวยขโมยไป "ต่ายน้อย อย่าเถลไถล!"
"อ๊ะ!"
"นี่ แค่ไปส่งเอง อย่าดุหน่อยเลย" พี่น้ำแกงยิ้มหวาน แต่มือบางดึงมือหนาออกอย่างแนบเนียน "ไปนะ ต่ายน้อย"
กระต่ายน้อยชอบพี่น้ำแกงอยู่แล้ว แล้วยังเมื่อครู่มีบรรยากาศกระอั่กกระอ่วนกับพี่เสืออีก... คนตัวเล็กมองตามมือใหญ่ ดวงตาพี่เสือหรี่ลงอย่างไม่ชอบใจ กระต่ายไม่ชอบแบบนี้เลย...
ถ้าไปกับพี่น้ำแกง... ก็จะขึ้นรถพี่ฟง รถเก๋งคันเก่าแต่ก็ติดแอร์เย็นสบาย ไม่ต้องรอคุณพ่อด้วย... แถมยังมีพี่น้ำแกงที่กระต่ายชอบมาก พี่น้ำแกงทั้งสวย ทั้งใจดี ไหนจะพูดเพราะอีก รถพี่ฟงยังมีขนมซุกไว้เยอะแยะ กระต่ายจำได้ งานกีฬาสีครั้งที่แล้ว พี่น้ำแกงแกะขนมให้กระต่ายกินตั้งเยอะ ไม่ดุกระต่ายด้วย พี่ฟงถึงจะแปลกๆ ชอบพูดอะไรแปลกๆ กับพี่น้ำแกงตอนที่คิดว่ากระต่ายไม่เห็นว่า
'เหมือนมีลูกเลยเนอะแกง'
กระต่ายไม่เข้าใจ แต่ยังไงพี่ฟงก็ใจดีเหมือนกัน แล้วไหนตอนปิดเทอมจะไม่ได้เจอรุ่นพี่ทั้งสองอีก...
หัวเล็กคิดจนแทบระเบิด ไปกับพี่น้ำแกงดีกว่าเห็นๆ กระต่ายจะได้หนีพี่เสือด้วย...
...คนตัวเล็กหันกลับไปมองพี่ชายที่ลดมือลง ไม่ได้เอื้อมมาจับมือกระต่ายเหมือนก่อนหน้า
หน้าตาพี่เสือบอกยาก... เพราะพี่เสือหน้าดุอยู่แล้ว ยิ่งทำหน้าเฉยเมยยิ่งเดาใจลำบาก... ไม่เหมือนพี่น้ำแกงที่ร่าเริงตลอดเวลา
...ให้ใครเลือก ก็ต้องอยู่กับคนหน้าตาสะสวย ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่แล้ว
กระต่ายยิ้มกับตัวเอง
เรื่องง่ายๆ ทั่วไปแบบนี้กระต่ายรู้ดี...
กระต่ายพยักหน้าแน่วแน่ ดวงตาเป็นประกาย "ไม่เป็นครับ เดี๋ยวหนูกลับกับพี่เสือเอง..."
พี่น้ำแกงผงะเล็กน้อย ก่อนจะกลั้นยิ้มจนแก้มบุ๋ม "โอเค งั้นก็ได้... ความรักมีหลายแบบสินะ... งั้นกลับบ้านดีๆ นะเด็กๆ"
กระต่ายคิดว่าตัวเองเข้าใจคำตอบของรุ่นพี่ ร่างเล็กพยักหน้ารับ พี่น้ำแกงขยับปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่รถยนต์คันเก่าก็มาจอดข้างๆ พี่น้ำแกงเสียก่อน พี่ฟงในรถลดกระจกลง ร้องทักฝาแฝด ส่วนพี่น้ำแกงโบกมือให้ ก่อนจะขึ้นรถลับสายตาไป
น้องเล็กมองส่งรุ่นพี่ รอยยิ้มหวานยังประดับบนใบหน้า ก่อนจะสอดมือกุมมือใหญ่ของคนข้างตัว "เราก็กลับบ้านกันเถอะนะ พี่จ๋า"
พี่เสือไม่ตอบคำ มีเพียงแต่แรงบีบกระชับแน่นตอบกลับมา
กระต่าย 'เลือก' แล้ว...
กระต่ายรักพี่เสือที่สุด.... ไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับใครบนโลก... กระต่ายก็จะรัก จะเลือกพี่เสือคนเดียวเท่านั้น
.....