Hour#20 -Senior- เพียงแค่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาลัยเสียงกลองก็ดังสนั่นบอกให้รู้ว่าเทศกาลรับน้องกลับมาแล้ว และเริ่มมาก่อนที่ปีสูงๆอย่างพวกผมจะเริ่มเรียนเสียเอก เดินเรียบฟุตบาทของคณะเพื่อนบ้านก็เห็นระบบโสตัสอันเข้มข้นอย่างที่สถาปัตอย่างผมไม่เข้าใจว่า วิศวะจะเคร่งไปไหนครับ แต่อย่างว่าแต่ละคณะก็มีวิธีรับน้องต่างกันไป ผมจำได้ว่าวันแรกที่ผมมารับน้องมีกฏระเบียบที่เคร่งมากของสถาปัตคือ ผู้ชายและผู้หญิงห้ามแตะเนื้อต้องตัวกัน เด็กปีหนึ่งคณะผม ผู้หญิงจะต้องใส่กระโปรงกลอมข้อเท้าผูกแกละและห้ามแต่งหน้า ส่วนผู้ชายต้องติดกระดุมครบทุกเม็ดผู้ไทด์รองเท้าหนังกลางอุณภูมิ 30 กว่าๆของบ้านเรา ส่วนเฮดว๊ากในปีนั้นด้วยเหตุบังเอิญหรือนรกแกล้งก็ไม่ทราบได้ดันเป็นสายรหัสเดียวกับผม ผมเลยค่อนข้างโดนรับน้องแบบจัดหนักจนเป็นลมอันเป็นที่มาของตำนานรักผมกับวาโย และการรับน้องของคณะผมที่แข่งกันสร้างสันกับจิตกรรมคืออะไรที่ปวดตับมากทุกปี ผมจำได้ว่าปีที่ฟากัสมันเป็นเฮด มันสั่งให้น้องเอาหินที่วางอยู่ในคณะกลับไปเลี้ยงให้โต ผมที่ได้ยินคำสั่งตอนแรกยังแบบ เชี้ยไรของมึง น้องเขาจะเลี้ยงยังไง แต่พอเจอคำสั่งของจิตกรรมที่ให้เอานกไม้กลับไปเลี้ยงให้บินได้แล้วถึงได้รู้ว่าแมร่งนัดกันมา สรุปไม่มีน้องคนไหนผ่านคำสั่งนี้ คือกูว่ามึงลงโทษน้องทันทีที่สั่งยังปราณีกว่าวะ
พูดถึงวาก็พาลถึงเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้ เมื่อเช้าวาไปทำงานแต่เช้าครับ ผมที่ระเห็จมานอนห้องวาก็ได้แต่งัวเงียลุกขึ้นมาทอดไข่ดาว ปิ้งขนมปัง เวฟใส้กรอก ชงกาแฟรอคุณชายเขามาทาน ยิ่งพอเห็นวาเดินผูกเนคไทด์มาเห็นผมเอาคางเกยโต๊ะพร้อมอาหารเช้าครบเซ๊ท เจ้าตัวก็ยิ้มยียวนไม่พูดอะไรยิ่งสะกิดต่อมร้อนตัวของผม รู้ตัวเลยว่าที่ทำเนี้ยไม่ต่างอะไรจากคู่ข้าวใหม่ปลามัน ภรรยาทำอาหารเช้าส่งสามีไปทำงาน แต่ยังไงละปกติคนทำหน้าที่นี้คือวาแต่วันนี้มันพิเศษตรงเป็นวันทำงานวันแรกของวานิ่
"ชื่นใจจัง" เสียงทุ้มต่ำจากด้านหลังและวงแขนของวาที่คล่อมผมเอาไว้ สัมผัสอุ่นบศรีษะพาเอาเลือดสูบฉีดด้วยความเขินอาย ตบท้ายด้วยก่อนที่วาจะออกไปทำงานเห็นเนคไทด์ที่ยังไม่เข้าที่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปประชิดตัวและจับเนคไทด์ให้เป็นระเบียบโดยมีมือของเจ้าของเรือนร่างอันสบบูรณ์แบบที่เข้ากับชุดสูทราวกับสูทตัวนี้ถูกตัดมาเพื่อวา เมื่อจัดเสร็จจึงเงยหน้าบอกให้คนตัวสูงปล่อยเอวผมเสียทีแต่กลายเป็นโดนขโมยจูบรับอรุณซะงั้น จูบเสร็จเจ้าตัวก็เดินอารมณ์ดีออกไปพลางกำชับว่าถึงมหาลัยแล้วให้ไลน์บอกด้วย ให้มันได้แบบนี้สิ
"เฮ้ย เอทางนี้ๆ" เสียงตะโกนเรียกฉุกความคิดผมให้กลับมายังเหตุการณ์ปัจจุบัน มองไปก็เห็นภูมิและฟากัสนั่งอยู่ตรงโต๊ะหินตัวประจำพร้อมแขกที่ได้รับเชิญอีกสามคนนั่งยิ้มสล่อนอยู่
"หวัดดีคร้าบพี่เอ" สามหน่อประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียงที่ดูก็รู้ว่ากวนตีน
"กองไว้ตรงนั้นอะ"
"แรงอะ" ปองบ่นกระปอดกระแปดเมื่อผมที่เป็นพี่รหัสตัวเองไม่ได้สนใจใยดีอะไรมันเท่าไร ผู้ชายสามคนที่นั่งอยู่นี้เป็นหลานรหัสของผม ภูมิ และ ฟากัสมันครับ
ผู้ชายตัวสูงหน้าตี๋ผิมขาวราวกับกินผงซักฟอกไปหมดโลกชื่อ คูปองครับ อะ ชื่อน่ารักใช่มั้ย ตอนแรกที่ผมเห็นชื่อหลานรหัสก็คิดไปว่าเป็นผู้หญิงหน้าม้าผมลอนสวย แต่พอไอ้ไอซ์น้องรหัสผมพาไปดูตัวก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเสียอารมณ์ ก็ใครมันจะไปดีใจละครับในเมื่อสายรหัสผมเป็นผู้ชายล้วนแถมนะแถม ผมเป็นคนที่เตี้ยที่สุดในสายจนบางครั้งคนอื่นคิดว่าผมเป็นน้องรหัสไอ้ไอซ์กับปอง
"พี่เอปิดเทอมเป็นยังไงบ้าง เห็นเฮียกัสเล่าให้ฟังว่าได้กับพี่วาแล้วหรอ" ข้าวปั้นหลานรหัสไอ้กัสถามผมพลางทำสายตาล้อเลียนพลางแทคมือกับไอ้ลุงรหัสอย่างเข้าคู่ ข้าวปั้นนี้แทบจะเรียกได้ว่าร่างอวตารของฟากัสเลยก็ว่าได้ครับ นิสัยนี้โขลกมาพิมพ์เดียวเป๊ะจนน้องหญิง สายรหัสหญิงเดียวเดียวของฟากัสส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจเวลาเลี้ยงสาย น้องเขาบอกว่าตัวเองรู้สึกเหมือนเด็กเสี่ยเมื่ออยู่กับฟากัสและแม่เล้าเวลาไอ้ปั้นเข้าไปอ้อนมืออ้อนตีน นี้ยังไม่รวมผู้ชายคนอื่นในสายน้องหญิงอีกนะครับ
"หึ" เหนื่อยจะตอบเพราะเดี๋ยวก็โดนลุงรหัสมันซักฟอกอยู่ดี
"พี่เอครับรอยที่คอปิดหน่อยก็ดีนะครับ ผมกลัวพี่เอจะโดนฉุดซะก่อน"
"มึงนั้นแหละจะโดนกูฉุดคนแรกไอ้กี"
กีหลานรหัสภูมิ พร้อมคำอธิบายพิเศษคือมันกวนตีนมากที่สุดสามโลก กวนจนผมเอือมถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเดือนคณะผมอยากจะดักตีหัวมันซักที และมันไม่ได้กวนแค่เฉพาะผมนะครับ กวนตั้งแต่สุนัขหน้ามหาลัยยันคณะบดี พอดีคุณกีนั้นเขาเป็นหลายชายคนโปรดของคณะบดีครับเห็นว่าลูกคนเดียวหลานคนเดียวของตระกูลทุกคนเลยประคบประหงมมันอย่างดี เด็กโดนสปอยว่าง่ายๆผู้หญิงนี้อย่าให้นับแทนมันเลยครับสิบมือยังไม่พอแต่ความกวนของมันไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรเพื่อนภูมิของผมเลยครับ นิ่งสงบดั่งหินผาตลอดเวลาเพราะมันโดนไอ้กัสกวนตีนจนชิน
"พอๆทักทายกันพอหอมปากหอมคอ น้องเอเรื่องรอยที่คอมึงเดี๋ยวกูกลับมาเคลีย เอาล่ะที่เรียกมาคงรู้ตัวใช่มั้ยว่าจะโดนอะไร" ภูมิจิกตาใส่ผมก่อนจะไล่ไปที่คอผมที่ยังมีรอยแดกเจืออยู่ อะไรเล่าไม่ได้อยากจะโชว์นะแต่ให้ใส่คอเต่ามามันแปลกกว่าเดินคอแดงมาอีกเปล่าวะ
"ถึงเทศกาลทาสในเรือนเบี้ยแล้วสินะ" กีมันกอดอกมองหน้าปู่รหัสมันที่กระตุกยิ้มมุมปากอยู่
"แน่นอนไม่งั้นกูจะเสียเวลาแทคมึงทำไมครับ"
"เพราะผมหล่อ เป็นหน้าเป็นตาของสายรหัส"
"ไว้วันเกิดมึงกูจะซื้อกระจกให้ละกันนะ"
"ปีที่แล้วเห็นเฮียภามช่วยงานเฮียกลอฟ์แล้วบอกเลยว่าผมท้อแท้วะพี่" ปั้นมันหันไปบ่นกับปู่รหัสมันที่นั่งกระดิกเท้าอยู่ข้างๆ
"แล้วยังไงพอพวกมึงมาอยู่สถานะเดียวกับพวกกูพวกมึงก็ทำแบบพวกกูแหละ ทำอย่างกับพวกกูไม่เคย"
"มันไม่เหมือนกันดิ่เฮีย ก็เฮียอะนิสัยแย่ ขี้บ่น บ้าอำนาจ เอาแต่ใจ โอ้ย!"
"ปากนะมึงไอ้คุณปั้น เดี๋ยวกูปั้ดสั่งตัดสาย"
"เฮียไม่กล้าหรอก ถ้าเฮียตัดสายใครจะมาช่วยงานเฮีย" พูดอีกมันก็ถูกอีกครับ ถ้านับสายทั้งหมดแล้วมันเป็นหน้าที่ของคนที่อยู่ปี 3 ครับ ที่จะมาทำหน้าที่ช่วยทำโปรเจคจบของรุ่นพี่ ช่วยนี้ตั้งแต่เหลาไม้ ขัดกระดาดทรายยังวางโครง
"งั้นถ้ามึงไม่ช่วยกูจะไปตามมึงถึงบ้าน"
"สายรหัสคู่นี้จะทะเลาะกันอีกนานมั้ยวะ ดูหลานกูนั่งเงียบไม่ปฏิเสธซักคำ" ผมส่ายหัวขำๆไอ้ปั้นมันเป็นเด็กช่างเถียง ไอ้กัสก็เป็นพวกของขึ้นง่ายเวลาโดนหลานมันกวนใส่
"ปฏิเสธได้ด้วยหรอ" ปองเหลือบตามองผมแล้วถามหน้าตาย
"อ้าวไอ้นี้"
"พอ อย่าให้พวกกูต้องใช้ไม้แข็ง บอกให้ทำก็ทำสิว่ะ คุมรับน้องหรือก็เปล่าไม่ได้ให้มาช่วยทำทั้งหมดซะหน่อย"
"แหมะ ทำเหมือนจำไม่ได้ว่าโทรมาหาผมตอนห้าทุ่ม ผมอยู่ผับ ให้ไปซื้อข้าวกล่องมาให้บอกจะกินเดี๋ยวนี้ สั่งยิ่งกว่าแม่อะ" เรื่องนี้ดูจะฝังใจไอ้ปั้นมากครับเพราะเห็นมันบ่นเรื่องนี้ทุกครั้งเวลาโดนฟากัสสั่งให้มันทำนู้นนี้ วันนั้นจำได้ว่ากำลังนั่งทำงานกันอยู่บนสตูดิโอ ปั้นมันเดินหน้ามุ่ยในสภาพผมถูกเซ๊ทเป็นอย่างดี เสื้อเชิ้ตแบรนดังน้ำหอมกลิ่นฟุ้งเดินถือถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งพร้อมน้ำแร่มาประเคนลุงรหัสมัน
"ก็มึงว่างมั้ยละไอ้ปั้น"
"ถ้าพี่กำลังจะล่าเหยื่อนี้เรียกว่าว่างมั้ย แล้วทีพี่เอยังไม่เคยโทรเบียดเบียนปองเลย"
"นั้นมันมีผัวคอยส่งข้าวส่งน้ำปะ" แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับกูและวาวะ
"เออ ผมก็ไม่ใช่ผัวเฮียกัสซะหน่อย"
"รุกกูได้ก็เอา แต่ระวังรองเท้าเบอ 43 จะไปอยู่บนหน้าอกมึง" ฟากัสชกอดอกกระดิกปลายเท้าไปมาอยู่ข้างๆ ไอ้ภูมิที่มองสองคนนี้ตีกันก็อดส่ายหน้าอย่างระอาใจไม่ได้
"พอๆไอ้สองตัวนี้ ใครไม่รู้คิดว่าแมร่งเกลียดกัน"
"เออ คุยกันเฉยๆยังเหมือนจะตีกันขนาดนี้" ผมสมทบคำไอ้ภูมิพลางมองหลานรหัสตัวเอง โชคดีที่มันไม่ได้มีนิสัยแบบปั้นไม่งั้นผมคงตัดสายไปตั้งแต่แรกละไม่ให้อยู่ท้าทายอำนาจแบบไอ้ปั้นหรอก
"ไป ไปได้แล้วพวกมึงอะ หมดธุระแล้ว"
"โหวพี่ภูมิ เรียกให้มาทั้งที่พวกผมไม่มีเรียน บทจะไล่ก็ไล่กันแบบนี้เนี้ยนะ"
"แล้วยังไงกี อย่าคิดว่าพวกกูไม่รู้ว่ามานี้จะมาเล็ง ปี1"
"หึหึ ไปแล้วพี่ หวัดดี"
"พี่วาทำงานแล้ว พี่เอไม่ต้องเหงาเนอะเดี๋ยวผมพาไปเดินเล่นบ่อยๆ"
"พอเลยไอ้ปองตามเพื่อนมึงไปเลยนะ แล้วพาไปเดินเล่นมันหมาแล้วมั้ย"
"อ้าวก็เหมือนว่าเป็นพี่เขยรหัส โอ้ย! พี่เอตีมาได้ไปแล้วคร้าบ" คูปองยกมือไหว้ประหลกๆก่อนจะเดินตามกีกับปั้นออกไป
"น้องเอทีนี้ก็เหลือแต่พวกกูละ ไหนตอบพวกกูมาซิว่าเดินหัวเถิกโชว์คิสมารค์เนี้ยกลัวคนไม่รู้หรือไงว่ามีผัวแล้วอะห่ะ" ภูมิแหวกคอเสื้อผมออกพลางจิ้มแรงๆไปที่รอยจางๆพาเอาหน้าผมขึ้นสีด้วยความอาย
"ภูมิแรงไปครับคุณภูมิ แต่นะน้องเอพวกกูไม่เคยสอนให้มึงทำตัวแบบนี้นะ"
"อะไรเนี้ย พวกมึงจะมาโวยวายอะไรขนาดนี้" รู้สึกเหมือนโดนรุมยังไงชอบกล นี้กูเป็นเพื่อนพวกมึงนะไม่ใช่ลูก
"ก็ไม่ได้อะไร แต่กูถามอย่างดิ่" ฟากัสเป็นประเด็นโดนมีภูมิยิ้มเย็นชวนขนลุกในคำถามของพวกมัน
"อะไรว่ะ"
"ของไอ้วามันใหญ่มั้ย"
"วามันเก่งมั้ยมึง"
"ไอ้ ไอ้เชรี้ย" ดันหน้าพวกมันสองคนออกไปไกลๆเมื่อมันเขยิ่บเข้ามาใกล้พลางถามเสียงเบา มองหน้าเพื่อนตัวดีที่ฟากัสยกยิ้มมุมปากโดยมีภูมิมองผมมาด้วยสายตาล้อเลียนอย่างเห็นได้ชัด
"อ้าวไอ้นี้ ทำมาเป็นเหนียมอาย"
"ห่าไอ้กัส กูเคยถามมึงซักคำมั้ยว่าของมึงใหญ่หรือเปล่า เรื่องส่วนตัวมั้ย"
"อ้าวอยากรู้หรอกหรอก็ใหญ่พอตัวนะ เนอะไอ้ภูมิ"
"ไอ้สัดนี้กวนตีนกูละ เห็นแต่ตอนเหี่ยวๆไว้มึงพงาดสู้โลกเมื่อไรค่อยมาให้กูดูนะ"
"ฮาๆๆๆๆๆ"
"พวกมึงไปเห็นกันมาตอนไหนวะ"
"เด็กน้อยอย่างมึงอย่ารู้เลย" ฟากัสยกนิ้วชี้ส่ายไปมาด้วยท่วงท่าผู้มากประสบการณ์ ได้ข่าวกูอายุเท่ามึงนะครับ
"แล้วยังไงเอ วามันเก่งมั้ย ลีลาดีเปล่ากูได้ยินข่าวมานานละว่าวามันเด็ดจริงเห็นทั้งหญิงทั้งชายเคลิ้มกันมาหลายคน"
"ไอ้เชี้ยภูมิ ถามกูแบบนี้คิดว่ากูจะคิดยังไงห่ะมันจะไปเคยทำให้ใครเคลิ้มแล้วมาเกี่ยวอะไรกับกู"
"อ้าว งอนครับงอน อย่ามาทำตัวงี่เง่าน้องเอ พี่ฟากัสจะสอนอะไรให้นะ พอเป็นแฟนกันแล้วอย่าทำตัวหน้าเบื่อโดยการหึงไม่เข้าท่า อดีตชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันผ่านไปแล้ว อะไรทีเมื่อก่อนเคยเป็นอย่าให้มันเยอะ หรือเปลี่ยนไปมากเมื่อเป็นแฟนกันเข้าใจเปล่า"
"เออ งี่เง่าให้พอน่ารัก อย่าให้ถึงขั้นน่ารำคาญเพราะสันดาลผู้ชายก็ใช่ว่าจะยอมทนได้หรอกนะ แต่ สำหรับวาที่ทนมึงมาแต่เด็กคงจะชินสินะ"
"นี้ตกลงพวกมึงกำลังเตือนสติกูแบบแปลกๆอยู่สินะ"
"เออ มึงมันไม่เคยมีแฟน มึงยังไม่รู้ตัวหรอกว่าความรักและความเป็นเจ้าของมันเปลี่ยนนิสัยคนเราได้ยังไงบ้าง อะไรที่มึงไม่คิดว่ามึงจะทำได้นั้นแหละตัวดีเลย"
"ใช่ พวกกูเป็นเพื่อนมึงเลยอยากเตือนมึงไว้ ขี้เกียจมาคอยปลอบเวลาทะเลาะกับวา พ่อทูลหัวของมึงยิ่งดุๆอยู่ก็รู้" รู้ดิ่ห่า โดนดุน้ำตาคลอมาหลายรอบละ
"กูควรจะขอบคุณสินะ"
"เออ เพื่อนอย่างพกวกูหาที่ไหนไม่ได้แล้วนะบอกไว้ก่อน"
"แล้วตกลงตอบกูได้ยังว่าของวามันใหญ่มั้ย อาจจะเห็นไม่ชัดเอาเป็นว่าจุกมากมั้ยมึง"
"ไอ้เชี้ยฟากัส!!" ผมเดินหนีออกมาอย่างหงุดหงิดใจกับคำถามปนเขินอายเมื่อคิดถึงคำถามที่มีอยู่ในใจของตัวเอง
"แกเข้าไปดิ่" เสียงพูดคุยกันไม่ดังมากจากข้างตัวเมื่อผมเดินผ่านกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ดูจากรองเท้าผ้าใบสีขาว กระโปรงกรอมเท้าแล้วก็รู้ได้ไม่อยากว่าเป็นเด็กปีหนึ่ง บทสนทนาที่ติดใจว่ามันเกี่ยวกับผมหรือเปล่า
"เฮ้ยไม่กล้าอะ"
"แต่นี้แกเข้ามาที่นี้เพราะพี่เขาไม่ใช่หรอวะ"
"เออ เอาก็เอาวะ.....เอพี่เอคะ"
"อะ ครับ" หันไปยิ้มรับเมื่อเด็กผู้หญิงตัวเล็กยืนเรียกผมด้วยอาการตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิดพาลเอารู้สึกตัวเองเหมือนดาราอย่างไงอย่างงั้น
"คือ หนูชื่อมิน เป็นแฟนคลับพี่เอกับพี่วาอะคะ"
"ห่ะ" คำอธิบายแนะนำตัวของคนตรงหน้าพาเอาผมอุทานเสียงหลงอย่างลืมตัว กลับมาแล้วสินะบรรยากาศนี้ เปิดเทอมทีกลับมาที จะดีใจหรือยังไงดีเนี้ย คิดไปก็ลืมไปเลยว่าช่วงนี้ไม่ได้เข้าไปเชคเพจ ปานนี้จะอัพเดทเรื่องของผมกับวาไปถึงไหนแล้วเนี้ย แต่ที่มั่นใจเลยว่าไอ้เปรี้ยวมันได้ประกาศไปแล้วแน่ๆว่าผมกับวาคบกันแล้ว
"คือหนูตามแฟนเพจพี่มาซักพักแล้ว หนูชอบคู่เอวามาก ตั้งแต่พี่สองคนเป็นเพื่อนกันจนคบกัน มันน่ารักมากๆเลยคะ และสอบเข้าที่นี้เพราะอยากเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันกับพี่เอและพี่วา" รู้สึกไปเองมั้ยว่าเหมือนเห็นลำแสงบางอย่างทอประกายมาตาดวงตาน้องเขา เหมือนมีฉากหลังเป็นดงดอกไม้สีชมพู
"อาครับ เออ ขอบคุณครับ"
"เออ ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ"
"ได้ครับ" ยิ้มรับอย่างงงตัวเองว่าทำไมถึงตอบตกลง ก่อนจะยืนข้างน้องเขาและยิ้มให้กล้อง เพราะปกติผมเป็นคนไม่ค่อยชอบให้ใครเข้ามาถามเรื่องผมกับวาเท่าไร แต่พอตอนนี้คิดได้ว่าเราสองคนคบกันจริงอย่างที่คนอื่นเขาจิ้นกันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มรับ หรือผมจะโดนเปรี้ยวเล่นของใส่จากการอ่านนิยายและการ์ตูนวายที่มันยัดเยียดมาให้มากเกินไป
"กรี้ด ขอบคุณคะ พี่เอน่ารักมากเลย แล้วพี่วาไม่ได้มาด้วยหรอคะ"
"วันนี้วาทำงานวันแรกครับ"
"เสียดายจังอยากเจอพี่วาตัวจริง จะได้ถ่ายรูปคู่กับพี่วาพี่เอ แหะๆ" น้องมินเอามือลูบผมอายๆกับความคิดของตัวเองจนผมอดที่จะยิ้มตอบไม่ได้
"เดี๋ยววันพุธวาเขามาลองชุดครุยยังไงก็เจอมันวันนั้นก็ได้"
"จะ จริงหรอคะ ขอบคุณคะที่บอกและนี้คุ๊กกี้คะหนูทำมาให้พี่เอกับพี่วาทาน แล้วก็รักกันนานๆนะคะ หนูเอาใจช่วย" น้องผู้หญิงคนนั้นส่งขนมใส่มือผมก่อนจะวิ่งออกไปหาเพื่อนที่ยืนมองอยู่ไกลๆพลางคุยกันเสียงดัง ผมได้แต่ยืนมองถุงคุ๊กกี้อย่างขำๆกับปฏิกิริยาน้องเขา กำลังจะหยิบมือถือไลน์บอกวาเรื่องเมื่อครู่ก็ได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นหูจากด้านหลังเสียก่อน
"พี่เอครับ" รู้สึกเปิดเทอมวันแรกตัวเองป็อปยังไงก็ไม่รู้ ปกติเวลาไปไหนในมหาลัยจะไปกับวาหรือไม่ก็ภูมิและฟากัสตลอด เพิ่งรู้ว่าคำว่า พี่เอ จะขายดีแบบนี้
"อ้าวว่าไงกาย ไม่ได้คุมรับน้องหรอ" ยิ้มให้รุ่นน้องข้างคณะพลางมองไปยังลานใต้ต้นไทรที่มีเด็กปีหนึ่งนั่งก้มหน้าติดพื้นอย่างพร้อมเพรียง
"เดี๋ยวกลับไปครับ เห็นพี่เอเดินผ่านมาเลยอยากมาทักพี่เอก่อน ไม่ได้เจอตั้งหลายเดือนคิดถึง"
"อา แล้วเป็นไงบ้างเป็นเฮดว๊าก เห็นตะโกนกดดันซะพี่กลัวแทน" รู้เจตนาของคนที่อยู่ตรงหน้าชัดเจน เพราะเทอมแรกของปีที่แล้วเขาเป็นคนที่เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของผมจนผมตั้งรับไม่ถูกอยู่หลายครั้ง แต่พอเทอมสองก็หายไปจนผมนึกว่าเจ้าตัวเขาเปลี่ยนใจแล้วไปหาคนอื่นแทน
"ก็ทำไปตามบทบาทแหละครับ แต่ถ้าพี่เอกลัวเดี๋ยวผมช่วยปลอบ" กายยิ้มตอบด้วยสายตาวาววับก่อนจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ยังไม่ทันที่ผมจะได้สงสัยกับปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปคนที่น่าจะเป็นคำตอบก็เข้ามาถึงตัวผมแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอก ผมว่าวามันคงมีวิธีปลอบเอได้ดีกว่าคุณ" มือที่พาดไหล่มาจากด้านหลังพร้อมคำพูดเสียงเรียบของภูมิพาเอาผมเกือบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ผมเป็นพวกรับมือไม่ค่อยถูกเวลามีคนมาพูดจีบอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้เลยได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปทุกครั้ง
"แล้วนี้ไม่กลับไปคุมน้องต่อแล้วหรอ หรือหน้าที่ของคุณไม่สำคัญพอจนมายุ่งกับเพื่อนผมแบบนี้"
"ฟากัส" เอ่ยปรามฟากัสเบาๆแต่เพื่อนผมทั้งสองคนไม่ได้สนใจผมเลยด้วยซ้ำแต่กลับจ้องหน้านิ่งไปยังกาย
"หน้าที่สำคัญ แต่พี่เอสำคัญกว่า"
"หึ ดูเหมือนฟันเฟืองของวิศวะตัวนี้เก็บไว้ก็คงจะไร้ประโยชน์" ภูมิหัวเราะในลำคอกับคำตอบของรุ่นน้องต่างคณะคนนี้
"ขนาดหน้าที่ของตัวเองยังละเลยแล้วออกมาจีบเพื่อนผมแบบนี้ ชักสงสัยระบบการปกครองของคณะคุณแล้วซิว่ายังจะศักดิ์สิทธิอยู่มั้ย" ฟากัสกดเสียงต่ำพูดอย่างกดดันกึ่งเย้ยหยั่นในคณะของอีกฝ่าย ผมเห็นกายกำหมัดตัวเองแน่นเมื่อเห็นท่าไม่ดีเลยได้แต่ตัดบทก่อนที่กายจะได้โต้ตอบอะไรออกไป
"กายกลับไปคุมน้องต่อเถอะ ไว้เจอกันนะ" ลากเพื่อนสองคนที่ทำตัวโหดเกินตัวจริงทุกครั้งที่เจอกายออกไปอย่างรวดเร็ว ได้ยินกายตะโกนสั่งรุ่งน้องเสียงดังอย่างที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าตัวแทบจะคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่
"นี้ก็โหดใส่กายเขาตลอด" หันไปคุยกับเพื่อนสองคนที่ตอนนี้ปรับโหมดราวกับบทสนทนาเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น
"ก็มันน่าหมั้นใส้ปล่าววะ หลายทีแล้วนะมันอะ ไม่รู้ว่าที่ของตัวเองอยู่ตรงไหน"
"มึงมันไม่รู้อะไรน้องเอ วามันกางปีกปกป้องมึงจนเคยตัว"
"แล้วยังไงก็ กูก็ไม่เห็นกายมันจะอะไรเลย"
"ก็มึงไม่เห็นไง โว๊ะไม่พูดแล้วขึ้นห้องได้ละจารย์รอคุยด้วย" ฟากัสพลักหัวผมไปทีก่อนจะเดินนำขึ้นอาคารไป หันไปมองหน้าภูมิอย่างงงๆ โดยที่เจ้าตัวทำเพียงพลักหัวผมอีกทีและเดินตามฟากัสไป
"ตกลงกูพลาดอะไรไปวะเนี้ย" อดถามตัวเองอย่างงุนงงไม่ได้ นี้มีเรื่องให้ทดไว้ในใจเพิ่มอีกแล้วไง เอรัณ
To be con
Blue Talkช่วงนี้เราเป็นเด็กดี ไม่หายไปเป็นเดือนมาต่อนิยาย เคยเป็นมั้ยเหมือนเวลางานมันกดดันมากจนเกินไปก็อยากจะหนีความจริงโดยการมาแต่งนิยาย
ตอนนี้พระเอกเราค่าตัวแพงออกมาน้อยมาก เพราะอยากจะให้เห็นว่าชีวิตเอเป็นยังไงในเวลาที่วาไม่ได้อยู่ในมหาลัยด้วยแล้วในที่สุดเรื่องนี้ก็มาครึ่งเรื่องแล้ว วะฮู้ว ต่อจากนี้ไปก็จะเป็นการคลายปมทั้งหมดโดยมีตัวละครที่ชื่อกายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญเลย แล้วเจอกันตอนหน้าน้าทุกคน 