ตอนที่เหลือคะ"ไหนใส้อั่วกู"
"แล้วแคปหมูกูอ่ะ"
ไอ้เพื่อนเวร ทันทีที่มันสองคนเห็นผมเดินมามันก็เดินผ่านหน้าผมไปและเข้าไปคุ้ยๆลังกระดาษลังใหญ่และถุงพลาสติกใบใหญ่ในรถเข็นข้างหลังผมทันที ไม่มีสักคำที่จะเอ่ยชื่อผมให้ได้ยิน นี้ถ้าคนอื่นที่มารอรับญาติคงเข้าใจว่าผมกับวาชื่อ ใส้อั่ว กับ แคปหมูไปแล้วแน่ๆ วาที่ปล่อยมือจากรถเข็นให้ภูมิกับฟากัสหยิบนู้นจับนี้เลิกคิ้วมองผมที่ยืนกอดอกมองเพื่อนบังเกิดเกล้าสองตัวที่ไม่ได้สดใจจะทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของผมแม้แต่น้อย
"พอเลยพวกมึง เพื่อนมึงยืนหัวโด่อยู่นี้มึงคิดจะสนใจกันบ้างมั้ย ใช่ซินะ ปิดเทอมไปต่างประเทศกันทั้งคู่ แทนที่จะติดต่อกูสักนิดว่าอยากได้อะไรมั้ยก็ไม่มี กูมันหมาหัวเน่านิ่" ปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมาเพื่อนสองคนของผมมันหายสาปสูบไปตามประเทศต่างๆเลยครับ ฟากัสมันกลับไปอยู่กับพ่อแม่มันที่อิตาลีตามปกติ ส่วนภูมิเห็นว่าลุงมังจะเปิดร้านอาหารไทยในโตเกียวเลยให้มันไปช่วงออกแบบร้านให้
"เออ รู้ตัวก็ดีเพราะฉะนั้นอย่ามาดราม่า วาสวัสดี ลังนี้ของกูใช่ป่ะ" ฟากัสไม่แม้แต่จะชายตามองผมแต่หันไปหาวาพลางชี้ไปที่ลังแคปหมูชื่อดังของตลาดสันปาขอยที่แม่ผมแหกขี้ตาตื่นไปเอามาที่ตลาด
"มั้ง ใช่ป่ะเอ แม่เขาแยกเอาไว้ต่างหากหรือเปล่า"
"แยกเอาไว้ ลังนั้นแหละ เอาไปแบ่งกันเอง อีกลังอะของกูวางเลยภูมิ" อย่าๆ ม๊ากูไม่ใจดีขนาดซื้อของให้ลูกนอกคอกอย่างพวกมึงสองลังใหญ่หรอกนะ นั้นอาหารทั้งเดือนของกูและวาเลยนะ ภูมิทำปากขมุบขมิบได้หน้าถีบมากพลางวางลังลงที่เดิมก่อนจะหันมามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า และเท้าจรดหัว นี้มึงเกลียดกูสินะ ภูมิ
"หายไปสองเดือนมึงสาวขึ้นเปล่าวะเอ" ห่ะ!! แม่เจ้าดูมันพูด กัดปากทำหน้าไม่ถูกไม่รู้จะตอบไอ้คนถามยังไงดี หันไปหาวาก็เห็นอดยิ้มหัวเราะในลำคอเบาๆอยู่
"เพิ่งจะสำนึกว่าต้องทักทายกูสินะ และไอ้เลวถ้าจะทักกูแบบนี้วันหลังไม่ต้องทัก"
"ก็จริงนิ่ มึงดูหน้าน้องเอดิ่กัส ขาวใสขึ้นนะมึง ได้กับวาแล้วอะดิ่" เอามือเชยคางผมขึ้นเอียงซ้ายเอียงขวาแล้วไปขอความเห็นจากเพื่อนตาน้ำข้าวด้านข้าง
"กูว่าได้กันแล้วชัวร์"
"ได้บ้านมึงดิ่ ยังเว้ย ไม่รู้อย่าเดามั่วกูเสียหาย"
"ก็มึงไม่บอก" นั้นไงคำนี้จากภูมิ ผมว่ามันสองคนรู้อะไรแล้วแน่ๆเลยถึงได้เปิดประเด็นเรื่องผมกับวาและคาดคั้นอย่างผิดสังเกต ปกติมันจะแซวเล่นตามปกติแต่ไม่ถึงขนาดนี้ นี้มันแอบไปติดต่อเพื่อนมัธยมผมเปล่าเนี้ย
"แล้วจะให้บอกยังไง เอาแบบส่งไลน์ไปบอกเลยป่ะว่า เฮ้ยพวกมึงกูคบกับวาแล้วนะ คู่จิ้นของมหาลัยเรียลแล้ว งี้อะหรอ"
"เออ ทำแบบนั้นก็ดีนะ"
"ตลกแล้วครับฟากัส ไม่น่าละ แจ้นอาสาจะมารับกู สรุปคือจะมาอัพเดทข่าวว่างั้น"
"เป็นเพื่อนกันมา สี่ปี ในที่สุดก็ทันพวกกูนะ ถ้าโทรไปมึงก็ตัดสายก็ดิ่ เรื่องแบบนี้ถามต่อหน้าเลยดีกว่า จะได้แซวถนัด ฮาๆๆๆ"
"งั้นไว้กลับไปกูจะสั่งทำคัทเอ้าติดบนทางด่วนเลยดีมั้ยว่ากูกับวาเป็นแฟนกันแล้ว"
"กุว่าแค่แฟนคลับมึงสองคนรู้ เผลอๆจะได้ลงวารสารน์มหาลัย"
"ใครขอคบใครก่อนวะ ให้กูเดา วาป่ะ" ฟากัสหันไปถามวาที่ยืนยิ้มอย่างเดียวไม่พูดอะไร หรือแย่งพวกผมพูดไม่ทันก็ไม่รู้
"กูว่าเอวะ หน้าโง่ๆอย่างมัน ไม่ทันวาหรอก คงโดนปั่นหัวมาไม่งั้นมันคิดไม่ออกหรอกว่ามันรู้สึกยังไงกับวา"
"ห่า วิเคราะห์ซะอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์จริงเลยนะ"
"แล้วตกลงใครขอใครก่อนวะ"
"โถ่ว แมนๆอย่างกู ก็ต้องเป็นฝ่ายขอก่อนดิ่ว่ะ ใจๆอ่ะ ลูกผู้ชายไม่อายจะขอใครเป็นแฟนเว้ย" ยืดอกอย่างภาคภูมิทั้งที่ภาพความทรงจำวันนั้นย้อนเขามาในหัวอย่างกับจะมาเยาะเย้ยกัน ถ้าพวกมันรู้ว่าผมร้องไห้ฟูมฟายขอคบวานะ โดนล้อยันน้องหนึ่งบวชจริงๆ เหลือบตาไปมองวาก็เห็นเจ้าตัวมองมาที่อยู่อยู่ก่อนแล้ว สายตาระยิบระยับอย่างล้อเลียน เดินเข้ามาใกล้กันจนแขนชิดแขนก้มลงกระซิบเบาๆทีหูผมพอให้ได้ยินกันสองคน
"หรอ" บี1 คำว่า หรอ คำเดียวของบี1 บี2 ทดไว้ในใจนะ
"แล้วตกลงเอยังไม่เสร็จวาอีกหรอ" ฟากัสถามขึ้นมาอีกรอบด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ
"ต้องรอเอเข้าศึกษาก่อนนะ ก็ไม่เข้าใจว่าจะศึกษาทำไม" วาโยครับ ช่วยประหยัดคำพูดเหมือนที่ผ่านมาจะดีมาก คุณมึงจะมาพูดมากอะไรเอาตอนนี้ครับ แล้วเรื่องการศึกษาด้านนี้ของผมอย่าได้คิดว่าไร้สาระเชียวนะ
"เออ มึงจะไปคุ้ยตำราให้มันเหนื่อยทำไม ให้วาสอนก็สิ้นเรื่อง" ฟากัสบ่นพลางเดินเข้าไปในลิฟท์และกดเลขชั้นที่จอดของรถ
"เออ มึงจะศึกษาทำไมว่ะเพราะยังไงวาก็รุกมึงอยู่ดี....กดชั้นสองทำบ้าไรไอ้กัส รถมึงอยู่ชั้นสาม ไอ้ห่านี้จอดเองเคยจำบ้างมั้ย"
"ไม่รู้ กูไม่จำกูเดินตามมึงอย่างเดียว"
"แล้วนี้มาด้วยกันได้ไงวะ" ชิงเปลี่ยนเรื่องดีกว่าครับ บทสนทนาดูไม่ปลอดภัยกับความเป็นชายของผมมากไปทุกทีๆ
"ก็ไอ้ห่านี้เป็นสัมพเวสีที่บ้านกูมาสามวันละตั้งแต่มันกลับมาจากอิตาลี กูไปเที่ยวญี่ปุ่นกลับมายังไม่ทันเอาของออกจากกระเป๋าไอ้นี้ก็มากดออดหน้าบ้าน บอกเหงาห่าไรของแมร่งก็ไม่รู้ เออ น้องเอกูซื้อคิทแคทชาเขียวมาฝากแต่ไอ้กัสแดกหมดแล้ว เสียใจด้วยนะ"
"อ้าวไอ้นี้แล้วจะไปบอกมันทำไมว่ะ ก็แบบมันอร่อยอะมึง กูไม่เคยกินไงเลยแบบ...."
"ไอ้เพื่อนชั่ว บินไปญี่ปุ่นซื้อมาให้กูเดี๋ยวนี้เลยนะ" ของโปรดผมเลยนะนั้น กินครั้งแรกตอนพี่เฟิร์สซื้อมาให้หลังจากนั้นก็เหมือนเสพติดอะ อยากกินไม่หยุดดีที่พี่เฟิร์สไปญี่ปุ่นบ่อย ไม่เข้าใจทำไมเขาไม่เอาเข้ามาขายในไทยนะ
"อย่ามาเวอร์ เนี้ยเดี๋ยวกูไปซื้อให้เลยที่ละลายทรัพย์ ทำมาหน้างอ"
"แล้ววาเริ่มทำงานวันไหนว่ะ"
"วันจันทร์นี้ก็เริ่มแล้ว แต่พรุ่งนี้เข้าไปรายงานตัวกับหัวหน้าก่อน"
"แมร่งดูมีอนาคตว่ะ ดูพวกกูดิ่ยังเรียนไม่จบเลย" ฟากัสบ่นออกมาพลางถอนหายใจ เหมือนเป็นโรคติดต่อที่ผมและภูมิก็ถอนหายใจออกมาเหมือนกันทันทีที่คิดถึงเรื่องอนาคต
"เรียนจบต้องสอบใบประกอบวิชาชีพอีก กูเบื่อ"
"วามันก็ต้องสอบเหมือนกันแหละหน่า ถึงอนาคตมันจะไม่ริบหรี่เท่าพวกเราก็เหอะ เฮ้อ" เป็นมั้ยครับพอเรียนมาจนถึงปีสุดท้ายหัวข้อสนทนาก็ไม่พ้นเรื่องอนาคต ว่าจบไปแล้วทำอะไร อนาคตเป็นยังไง พอมานั่งคิดๆดูนี้ผมอยู่ปี 5แล้วหรอเนี้ย ทำไมรู้สึกยังไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลยวะ วิชาความรู้เนี้ย
ฟากัสขับรถมาส่งพวกผมที่คอนโดเสร็จก็กลับเลย เห็นมันบอกช่วงนี้ติดซีรีย์เกาหลีอะไรของมันไม่รู้ เห็นมันบอกจะรีบกลับไปดูน้องพรีมบอกตอนใหม่ออกแล้ว ผมว่ามันรีบกลับไปแย่งของกินกับภูมิมากกว่าทั้งที่ความจริงมันก็เอาตัวเองมากินข้าวบ้านภูมิอยู่ทุกวันอยู่แล้วนะ
ผมเดินตามวาขึ้นมายังห้องของวาก่อน วาวางลังกระดาษและถุงอาหารไว้บนโต๊ะ โดยที่ผมลากกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ตรงประตูแล้วเดินทิ้งตัวดิ่งลงกับโซฟาแสนนุ่มกลางห้องของวา นอนหลับตาได้ยินเสียงก็อกแก๊กๆมาจากในครัว วาคงกำลังเอาของเรียงใส่ตู้เย็นอยู่แน่เลย อย่างที่เขาว่าไว้มีเพื่อนดีสบายไปทั้งปี แล้วนี้ไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นแฟน ทำบุญด้วยอะไรน้า เอรัณ ชีวิตดีจริงๆ
"เอ ลุกเอาเอาเสื้อผ้าในกระเป๋าใส่ตะกร้า จะได้เอาไปซัก" ผมขอถอนคำพูด แฟนผมนี้มันไม่เคยสปอยผมเลยจริงๆ
หลังจากเรียงของจัดของเสร็จแล้วผมก็สไลด์ตัวเองตามวามาในห้องนอนของวาแล้วทิ้งตัวเองลงบนที่นอน กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอ่อนๆของผ้าห่มทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก วาคงให้พี่แนนมาปัดกวาดห้องไว้ก่อนแล้ว แรงยวบข้างๆตัวบอกให้รู้ว่าวาทิ้งตัวลงมานั่งบนเตียงด้วยกัน ผมหลับตากระเถิบตัวให้วาเข้ามานั่งเหยียดขาบนเตียงและยกหัวนอนบนตักของวา ถูหน้าไปมากับหน้าท้องของวาเมื่อวายกมือลูบเส้นผมของผมเบาๆ
"ระวังจะไม่ได้ลุกจากเตียง" วาพูดเสียงเบากึ่งกระซิบ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าวาหมายถึงอะไรเพราะที่ผมทำมันเรียกว่ายั่วชัดๆ แต่ผมก็รู้อีกแหละว่าวาไม่ทำอะไรผมหรอก เชื่อใจก็ส่วนแต่ถ้าวาควบคุมตัวเองไม่ได้ผมคงเสร็จวานานแล้วละครับ เพราะตอนที่ยังไม่เป็นแฟนกันผมเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยยั่ววา ถึงจะไม่รู้ตัวก็เหอะว่าที่ทำมันเรียกว่ายั่ว
"หิวข้าวยัง"
"หิว แต่ง่วงนอนอีกแล้วอะ"
"นอนไม่ได้"
"รู้แล้ว บ่นตลอดอะนอนตอนเย็นแล้วจะปวดหัวเนี้ย"
"หึหึ แล้วเอเคยทำตามมั้ยละ"
"ไม่เคยทำ" พลิกตัวลืมตาเงยหน้าขึ้นมองวาพลางยักคิ้วให้อย่างท้าทาย วาสายหัวน้อยๆก่อนจะตบหน้าผากผมเบาๆหนึ่งที
"ลุกเหอะ จะพาไปกินข้าวข้างนอก"
"ไม่ลุก ไม่ให้วาลุกด้วย"
"เอาแต่ใจ"
"ก็เพราะมีคนคอยตามใจ"
"ก็อยากเอาใจ"
"งั้นก็ต้องทำใจ เพราะเอจะเอาแต่ใจกับวา" จ้องมองลึกไปในดวงตาของวาที่มองผมอยู่ตลอด สายตาของวาที่ไม่เคยละไปจากผม สายตาที่แสดงทุกความรู้สึกที่มีต่อผมอย่างไม่ปิดบัง ไม่รู้ความรู้สึกของผมจะส่งถึงวาเหมือนกันหรือเปล่า ไม่รู้ว่ามันจะมากมายเท่าความรู้สึกที่วามีให้ผมหรือไม่
แสงแดดอ่อนๆสีส้มเป็นประกายส่องเข้ามาในห้องนอนของวา ลมเย็นๆพัดจนได้เห็นผ้าม่านที่ปลิวแผ่วเบาอยู่ด้านข้าง รี่ตาลงกับแสงแดดที่ส่องเข้ามาในตาก่อนจะรู้สึกว่าแสงแดดนั้นค่อยๆหายไปเพราะมีเงาของใครอีกคนเข้ามาบังเอาไว้ ยิ้มเล็กๆที่มุมปากเมื่อระยะห่างระหว่างใบหน้าผมกับเจ้าของห้องค่อยๆน้อยลงๆ จนปลายจมูกแนบชิดกัน ใกล้จนเห็นว่าดวงตาของวาที่เป็นสีดำสนิทกันกำลังสะท้อนภาพของผมอยู่
ผมหลุดหัวเราะออกมาเล็กๆเมื่อวาเอาจมูกโด่งของตัวเองถูเบาๆกับปลายจมูกของผม ก่อนจะยกศรีษะขึ้นถอยห่างจากผมเล็กน้อยและมองลงมาที่ผมนิ่งๆ ผมยกยิ้มและเอื้อมมือทั้งสองไปจับแก้มสากของวาและลูกไปที่ปลายคางของวาเบาๆก่อนจะดึ้งรั่งใบหน้านั้นให้เข้าใจใกล้ผมอีกนิด อีกนิด จนริมฝีปากของเราทั้งคู่สัมผัสกัน
เรียวลิ้นของวาละเรียดอยู่ที่ริมฝีปากของผมก่อนที่ผมจะเปิดออกให้วาเข้ามาสำรวจด้านใน ยกมือคล้องคอวาอย่างลืมตัวก่อนจะรู้สึกว่าร่างกายถูกรั้งให้ลอยขึ้นและแนบสนิทลงกับพื้นเตียงอันแสนนุ่ม ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ไม่รู้ว่ามันจะเลยเถิดไปถึงไหน รู้แค่ว่าตอนนี้สิ่งที่วากำลังชักนำผม มันทำให้ผมรู้สึกดี
รู้สึกตัวอีกทีตอนที่วาจูบลงเบาๆที่ต้นคอริมกกหู ก่อนจะกอดผมไว้แน่น สัมผัสลมหายใจอุ่นจัดของวาพร้อมสัมผัสโป่งพองตรงกางเกงยีนส์ทั้งของวาและของผมทำให้ผมรู้ว่าอารมณ์ของพวกผมมาไกลกว่าทุกครั้ง และถ้าหากวาจะพาอารมณ์นี้ไปไกลกว่าเดิม ผมจะพร้อมหรือยังนะ
"เอ"
"หื้ม"
"ไปกินข้าวกัน" ห่ะ หลังจากจูบกู ชักนำกูไปสู่กระบวนการติดเรท มึงจบด้วยการชวนกูไปกินข้าวเนี้ยนะ เฮ้ย!! หรือผมจะไม่มีเสนห์กันแน่นะ ไม่ได้แล้ว เห็นทีต้องศึกษาอย่างจริงจังซะแล้วเอรัณ แต่ไม่เป็นไรทดไว้ในใจก่อนเพราะตอนนี้ท้องผมก็ร้องแล้วเหมือนกัน
"กินซูชินะวา"
To Be con
=Blue Talk=
อื้มม สุดท้ายก็ตัดสินใจแยกตอนเดทไว้อีกตอนเดี่ยวๆเลยดีกว่าเพราะเขียนไปเขียนมา มันยาวเว้ยเฮ้ย
