"จิ้นดีนัก เดี๋ยวจัดให้"
Hour#17 -Morning talk-"วา วา"
"อืมมม"
"วา มึงตื่นมาคุยกับกูก่อนดิ่" ดูเหมือนคนที่ผมเรียกร้องควสามสนใจจะไม่ให้ความร่วมมือกับผมง่ายๆ วาเพียงแค่รี่ตาขึ้นมามองผมเพียงเล็กน้อยก่อนจะหลับจาลงเหมือนเดิมจนผมต้องเขย่าไหล่มันอีกที
"หื้ม อะไรเอ นี้กี่โมง"
"หกโมง" พอวาได้ยินเวลาเหมือนมันจะสงสัยว่าทำไมผมถึงตื่นเช้าขนาดนี้ทั้งที่ปกติถ้าพระอาทิตย์ไม่ส่องหัวผมไม่มีทางตื่นเด็ดขาด
"ยังเช้าอยู่เลย เพิ่งนอนไปตอนตีสามเองไม่ใช่หรอ" วาพูดเสียงแหบตามแบบคนเพิ่งตื่นนอน มองวาที่ยกเอาแขนขึ้นพาดหน้าผากตัวเองจนเห็นกล้ามเนื้อส่วนแขนของวาอย่างชัดเจน บวกกับเสื้อยืดคอวีสีขาวตัวนิ่มของวาที่ชอบใส่นอนเป็นประจำ เห็นกี่ครั้งก็อดอิจฉาไม่ได้
หุ่นดีชะมัด
"อย่าเพิ่งนอนต่อดิ่ จะมาขี้เซาอะไรเอาตอนนี้ ตื่นนน" ผมกระแซะเข้าไปใกล้วาแล้วพยายามดึงแขนวาให้ลุกขึ้น ถ้าวามันจะให้ความร่วมมือดีโดยการฝืนแรงผมขนาดนี้นะ
"อะไร...เอ้าว่ามา" วาลุกขึ้นอย่างเร็วจนผมที่ยื่นตัวเข้าไปคล่อมวาอยู่ผงะอกอย่างตกใจ วาเอนตัวพิงหัวเตียงแล้วมองตรงมา
"มึง มึง"
"อืม กูทำไม"
"ตกลง กูกับมึง..อืม เอ่อ" แมร่งเอาไงดีวะเริ่มต้นไม่ถูก ถ้าถามออกไปวามันจะหาว่าผมไร้สาระมั้ยเนี้ย
"ให้ไวน้องเอ กูไม่ได้ตื่นมาฟังมึงอ้ำๆอึ้งนะ"
"ไอ้นี้อย่าดุกูสิ....คำถามคือ ตกลงเมื่อคืนกูกับมึง เป็นแฟนกันจริงๆใช่ป่ะ"
"ห่ะ ฮาๆๆๆ นี้คือตื่นแต่เช้ามาเพื่อถามคำถามนี้เนี้ยนะ" เหมือนวาจะอึ้งไปในตอนแรกกับคำถามก่อนที่เจ้าตัวจะหลุดหัวเราะออกมา
คือกูถามคำถาม ไม่ได้เล่นมุขตลกให้มึงดูครับ วาโย
"เออ ทำไม หยุดหัวเราะเลย ก็คนมันไม่มั่นใจนี้หว่า กลัวตื่นมาแล้วกลายเป็นกูฝันไป" ถ้าบรรดาเพื่อนคนอื่นๆผมได้ยินมันได้ล้อผมยันน้องหนึ่งบวช
"เหมือนกัน" วามองหน้าผมนิ่งๆแล้วพูดออกมาเบาๆ กระแสเสียงของวาที่เจื่อความกังวลใจอยู่ในทีทำให้ผมรับรู้ว่า เรื่องที่ผมกังวลมันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
"อะไรเหมือนกัน"
"เมื่อคืนวาก็กลัวว่าจะกลายเป็นวาที่ฝันไป ก็เลยนอนจ้องหน้าเอยันเช้า...น่าขำนะ ไม่กล้านอนเพราะกลัวว่าถ้าหลับตาไปแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ทุกอย่างมันอาจจะหายไปก็ได้"
"ดูหนังมากไปละ"
"ก็คงงั้น แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าเป็นเรื่องจริง...ดีจัง" วาเอื้อมมือมาจับแก้มผมแล้วลูบเบาๆอย่างอ่อนโยน จู่ๆก็ทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเอามือไปวางไว้ตรงไหน ขนาดตายังไม่กล้ามองวาตรงๆเลยด้วยซ้ำ นี้ผมกลายเป็นสาวน้อยตาหวานไปตั้งแต่เมื่อไรเนี้ย
"เขินหรอ"
"ไอ้เหี้ย ถามตรงไปมั้ย"
"เวลาเอเขินนี้...น่ารักดีนะ" ผมหันขวับมองวาตาโตอย่างตกใจ แม่เจ้า นี้ผมเพิ่งรู้นะเนี้ยว่าวามันปากหวานขนาดนี้ แล้วดูตามันแวววับซะ นี้ตกลงตลอดเวลาที่เราเป็นเพื่อนกันมากูพลาดมุมนี้ของมึงไปสินะ
"นี้พูดแบบนี้กับผู้หญิงผู้ชายมากี่คนแล้วเนี้ย"
"หึหึ ไม่เคยพูด"
"อย่ามาตอแหล"
"จริงๆ ไม่เคยพูด ส่วนใหญ่จะทำเลย คืนเดียวจบไม่รู้จะพูดไปทำไมให้เสียเวลา"
"มึงนี้ก็เลวดีเนอะ" สาบานว่าที่พูดไปนี้ไม่ได้หึงอดีตของวามันนะครับ จริงๆ
"ก็ไม่เคยบอกว่าเป็นคนดี"
"นี้ตกลงกูคิดผิดมั้ยเนี้ยที่คบกับมึง" ส่ายหัวมองหน้ามาที่เจ้าตัวกระตุกยิ้มมุมปากมาให้
"ของแบบนี้ มันต้องดูๆกันไป รับปากไม่ได้หรอก"
"อ้าว นี้จะไม่พูดอะไรหวานๆ แบบ มึงจะรักกูตลอดไปอะไรแบบนี้หน่อยหรอ ปกติคนเพิ่งคบกันมันพูดกันไม่ใช่หรอ"
ผมเห็นเวลาพวกไอ้กัส กับ ภูมิพูดตลอดเวลามันพูดกับบรรดาแฟนๆของมัน แต่เอาจริงๆตอนผมได้ยินพวกมันพูดแบบนั้นผมก็รู้แหละว่ามันพูดไปงั้นๆให้แฟนมันรู้สึกดี แต่คนเราก็ตลกนะครับ รู้ว่าเขาพูดโกหก แต่เรากลับยินดีกับคำโกหกนั้น
"พูดไปก็เท่ากับโกหกอนาคตเป็นยังไงเรายังไม่รู้ วาไม่อยากเริ่มต้นคบกับเอด้วยการโกหก เพราะฉะนั้นเอาเป็นว่า วันนี้วารักเอ และพรุ่งนี้วาก็รักเอเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ พูดแบบนี้โอเคมั้ย"
"อืม...โอเค" ดีใจมากๆกับคำพูดของวา ถึงแม้มันจะดูเหมือนไม่รับปากกันว่าเราจะเป็นแบบนี้กันไปนานแค่ไหน แต่วาแค่ชี้ความจริงให้ผมเห็นว่า ทุกสิ่งล้วนไม่มีอะไรยั่งยืน ความรักก็เช่นกัน แต่ทำไมความจริงข้อนี้ที่วาชี้ให้ผมเห็นกลับไม่ทำให้ผมกังวล แต่มันยิ่งทำให้ผมมั่นใจในตัววามากขึ้น
"ไหน มากอดทีดิ่"
"อะไร ขอกันง่ายไปป่ะ" พูดเหมือนจะไม่ยอมแต่ผมก็คลานไปเอนตัวพิงกับอกวาเรียบร้อยแล้ว
ถ้าสถานะความเป็นเคะผมจะชัดเจนอย่างที่พวกแฟนคลับจิ้นกันขนาดนี้นะ ม๊าเอขอโทษ เอแมนสู้วาไม่ได้จริงๆ
"หึหึหึ" วาหัวเราะในลำคอราวกับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ วงแขนแกร่งของวาที่ซ้อนอยู่หลังกระชับแรงกอดมากขึ้นก่อนจะจูบเบาๆที่ไหล่ซ้ายของผม
"มึงว่า พอเราเป็นแฟนกันแล้วกูกับมึงต้องทำตัวยังไงวะ"
"คือยังไง ทำตัวแบบไหน"
"ก็แบบคือกูว่าเมื่อก่อนกูกับมึงก็ใกล้ชิดกับแบบนี้อยู่แล้วมันเลยจะดูไม่ค่อยออกปล่าวว่ะว่าเราเป็นแฟนกัน"
"อืม...แล้วไงอีก"
"ก็ไม่แล้วไง"
"วาว่าเราไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก เป็นแบบเดิมแหละดีแล้ว เป็นแบบที่เอเป็นมาตลอด เพราะนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้วารักเอ การที่เราเป็นแฟนกัน มันก็แค่ทำให้ความรู้สึกของเราชัดเจนออกมาเป็นสถานะ แต่สุดท้ายไม่ว่าจะยังไง จะกอดจูบกัน หรือ แค่นั่งข้างกันเฉยๆ ถ้าเรารักกันยังไงก็คือรักกันอยู่ดี"
"แต่วาต้องเปลี่ยนอะไรเพื่อเอนะ" เอนตัวออกมามองหน้าวาชัดๆอย่างจริงจังในสิ่งที่ผมอยากให้วาเปลี่ยน วาขมวดคิ้วอย่างกังวลกับสิ่งที่ผมกำลังจะพูด
"เปลี่ยนอะไร"
"เปลี่ยนจากการที่ชอบเก็บอะไรไว้คนเดียว มาเป็นแบ่งไว้ที่กูบ้าง เปลี่ยนจากการที่ชอบดูแลกู มาเป็นให้กูดูแลมึงบ้าง"
"หึหึหึ อยากให้วาเปลี่ยนอะไรอีก" แรงกอดกระชับแน่นขึ้นอีกนิด พร้อมกับความอบอุ่นของแก้มวาที่เข้ามแนบกับใบหน้าของผม วากระซิบถามเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน
"อืม อยากให้วามั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ ว่าตัววามีค่าสำหรับเอเสมอ"
"ครับ"
"แล้วก็.... ติดไว้ก่อน คิดออกแค่นี้ ไว้คิดออกมากกว่านี้แล้วจะมาบอกอีกที"
"โอเคครับ...แล้วนี้ยังไง จะนอนต่อมั้ย"
"ตาสว่างแล้ว แต่อยากนอนให้มึงกอดต่ออีก" เอนตัวพิงอกวาอีกครั้งแล้วโยกหัวไปกระทบกับคางวาเบาๆ
"ใครสอนให้พูดแบบนี้ หื้ม น้องเอ" วาพูดเสียงหลงอย่างไม่คาดคิดว่าผมจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
"ฮาๆๆ ชอบอะดิ่"
"อื้ม ชอบแต่พูดผิดเวลาระวังโดนปล้ำ" ผมลืมไปว่าตอนเช้า อะไรๆมันไปไกลได้ง่าย แต่อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลย ผู้ชายเหมือนกันเข้าใจได้อยู่
"ไม่ต้องปล้ำหรอก เดี๋ยวกูสมยอมเอง"
"หึหึ ปากดี"
"แน่นอน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ขอกูไปศึกษาก่อน"
"ฮาๆๆๆ ศึกษายังไง ไปนั่งอ่านฟิค กับ การ์ตูนหรอ ใช้ไม่ได้จริงหรอก"
"อันนี้ถามลึกไปครับ ขอไม่ตอบ หน้ากูยังไม่ด้านพอ" จุกเลยครับ จับทางผมได้อีก วานี้พูดคล้ายๆเปรี้วยเลย นี้ตกลงไอ้หนังสือพวกนั้นมันปฏิบัติจริงไม่ได้จริงๆหรอเนี้ย แล้วเขาจะแต่งกันมาทำไมเยอะแยะ
"งั้นเช้านี้วาสอนอะไร เบสิคๆให้ก่อนมั้ย"
"เช่น"
"จูบยังไงให้หายใจทัน"
"อะไร อย่ามามั่ว กูหายใจได้เหอะ เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๋อย"
"เหมือนเมื่อคืนจะไม่ใช่แบบนี้นะ"
"นั้นมันเมาอยู่"
"เมาดิบอะนะ"
"อะไร เมาจริงเหอะ"
"หึหึ"
"พอแล้ว ไม่พูดกับมึงแล้ว พูดไปเหมือนกูมีแต่เสียกับเสีย" นี้ผมไม่ได้หนีปัญหานะครับ แค่รู้สึกวันนี้อยากอาบน้ำเร็วขึ้นมาเฉยๆ สาบาน
To be con
-Blue Talk-นี้ตกลงสองคนนี้มันเป็นคู่รักประเภทไหนกันแน่นะ ถามตัวเองเบาๆ เหมือนน้องเอจะแหวกกฏของการเป็นเคะตัวบาง อ่อนหวาน ขี้อาย แก้มแดงระเรื่อจริงๆ แต่คิดไปมา ก็สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่น้อยๆ ถ้าจะออกมารูปแบบนี้ก็คงไม่แปลกอะไร เราชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติทั้งคำพูดและการกระทำแบบนี้ที่สุด ไม่ใช่ว่าขี้อายมันไม่ดี แต่บางที ปากตรงกับใจบ้างจะเป็นอะไรไป จริงมั้ย ฮาๆๆๆๆ
เห็นมานานว่ามีบางคนคิดว่าสองคนนี้เหมือนเต๋าคชา จุดนี้เราไปถามเพื่อนที่เป็นแอดมินเพจเต๋าชา มันบอกว่า แกก็ได้อยู่นะ แต่จุดนี้แล้วแต่จะจิ้นเลยจ้า จิ้นแล้วอิน ก็จิ้นไป กร๊ากกกกกก

พีเอส จะพยายามไม่ให้นิยานเรื่องนี้เป็นนิยายรายเดือน พยายามจะเป็น อาทิตย์ครึ่งตอน....เขาพยายามปั่นอยู่นะ

สงสารเด็ก ป โท ที่กระแดะมาเรียนที่อังกฤษด้วยเถิดหนา >< เจอกันจ้า