The missing piece : by「aonair」
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The missing piece : by「aonair」  (อ่าน 29449 ครั้ง)

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
*v* หวาน  อ่านแล้วเขินแหะ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
น่ารัก แต่ตอนหน้าจะดราม่าไหมนี้

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
คุณฌาณน่ารักมากเลยยย ><

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 14
เดินทางอีกครั้ง


 

เสร็จสิ้นงานที่ร้านดอกไม้ ฌาณก็หายตัวไปเร็วยิ่งกว่าแสง ทิ้งให้ผมต้องเดินขึ้นคอนโดคนเดียวอย่างเปลี่ยวเหงา นี่ถ้าเกิดมีใครเข้ามาฉุดผมไปจะว่ายังไง ใช่ซี่ พอได้ผมแล้วก็ทิ้งกันไปเลยนะ :( อะไร คิดอะไรครับ ก็ได้หัวใจผมไง ฮ่าๆๆ เขินว่ะ คิดอะไรออกไป

แต่จริงๆก็ดีแล้วแหละ ห่างกันบ้างเหอะ ถึงผมจะยอมรับว่ารักฌาณแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่ได้พิศวาสอยากจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรอกนะ ผมว่าคนรักกันก็ต้องให้พื้นที่ส่วนตัวแก่กันบ้าง มาตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ทุกวันแบบนี้เดี๋ยวก็เบื่อตายก่อน...อ้อ แต่ผมก็ไม่ได้เบื่อหรอกนะ ผมชอบฌาณในตอนนี้ ตอนที่มีแต่รอยยิ้มอบอุ่นให้ ไม่ได้เย็นชาเหมือนแต่ก่อน มือของฌาณก็นุ่มและอุ่น จนทำให้ผมกลายเป็นไอ้บ้าที่ยอมให้ผู้ชายโอบกอดได้เป็นวันๆ อืม..เหมือนคนบ้าเลย

บ้าที่รักมันเนี่ยะ! -//-

ผมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆในหัว ก่อนจะพาตัวเองไปหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ขนมปังภายในร้านมินิมาร์ทเจ้าเดิม คราวนี้ผมซื้อขนมปังไส้เมล่อนไปให้ฌาณด้วย เพราะรู้แล้วว่าเขาชอบอะไรหลังจากที่เคยเปิดใจคุยกันไปวันก่อน พ่วงด้วยนมจืดยี่ห้อดังที่ฌาณบ่นอยากดื่มแต่ก็ไม่ยอมซื้อสักที เหมือนจงใจให้คนหน้าตาดีแถวนี้มาซื้อให้ พอคิดเงินจ่ายตังค์อะไรเรียบร้อย ผมก็เดินเอ้อระเหยมาด่อมๆมองๆอยู่แถวใต้คอนโด เผื่อว่าฌาณจะกลับมา แต่เมื่อยังไม่เห็นวี่แววไอ้หมีนั่น ผมจึงต้องเดินคอตกกลับห้องไปคนเดียว นี่เปล่าน้อยใจหรอกนะที่หมอนั่นทิ้งผมไว้แล้วหายหัวไปโดยไม่บอกอะ

ไม่นานผมก็พาตัวเองเข้ามาในห้อง พลางโยนถุงสินค้าในมือไปตั้งแหมะอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเริ่มรกเต็มที จากการที่เราเอาแต่ค้นนู้นนี่นั่นแบบไม่ถามเจ้าของสักคำ แต่แหม เจ้าของมันก็ผมปะ แค่อยู่ในโลกคนละใบเท่านั้นเอง

นั่งรอสักพักคิดว่าเจ้าบ้าฌาณจะกลับมา ก็ไม่มาสักที ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วแหละ คราวนี้ถ้ากลับมาจะไม่ให้เข้าห้อง... เอ๊ะ แต่มันมีกุญแจ งั้นก็ไม่ให้นอนด้วยเลย เป็นไงล่ะ!

“ชิ”

ผมส่งเสียงไม่พอใจออกมา ก่อนจะเดินไปที่ด้านนอกระเบียง คว้าเอาผ้าเช็ดตัวพื้นหนึ่งมาไว้ในมือ ดึงผ้าม่านปิดให้เรียบร้อย พร้อมเลิกเสื้อยืดบนตัวออกเพื่อเตรียมไปอาบน้ำ ถ้าให้รอนายฌาณก็คงไม่เป็นอันทำอะไรพอดี ไปอาบน้ำให้สบายใจดีกว่า

กริ๊ก

เสื้อของผมถูกทิ้งลงไปกองกับพื้นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดออก เผยให้เห็นผู้ชายหน้าตาคุ้นเคยที่กำลังก้าวเท้าเข้ามา ใบหน้าส่อแววตกใจเล็กน้อย ในมือมีถุงพลาสติกจากมินิมาร์ทด้านล่าง พอมองออกว่าของด้านในก็คือสิ่งเดียวกับที่ผมเพิ่งซื้อมาไม่ผิดเพี้ยน

“ไปไหนมา?” ผมหันกลับไปเผชิญหน้ากับร่างสูงซึ่งกำลังตรงเข้ามา ถุงพลาสติกในมือของเขาถูกวางทิ้งไว้ข้างๆถุงของผมบนโต๊ะ มีความวูบไหวแปลกๆเกิดขึ้นในดวงตาคู่ตรงหน้า

“เป็นอะไร?” ถามว่าไปไหนมา เสือกตอบกลับด้วยคำถามว่า เป็นอะไร ตลก!!

“ไม่ได้เป็นอะไร แล้วไปไหนมา?”

“ไม่บอก”

ไอ้หมีฌาณทำหน้ากวนตีนใส่พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนน่าหมั่นไส้ ผมเลยชักสีหน้ากลับไปที ก่อนจะก้มลงหยิบเสื้อบนพื้นขึ้นมาหวังจะสวมมันกลับอีกครั้ง เพราะผมว่ามันคงไม่ดีถ้าให้ยืนเปลือยท่อนบนอยู่กับผู้ชายคนนี้สองต่อสอง

แล้วก็นั่นแหละ.. สิ่งที่ผมกลัวมักเกิดเร็วกว่าที่คิดตลอด เมื่อฌาณขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นและถือวิสาสะดึงเสื้อยืดในมือผมโยนทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะตรงเข้ารวบต้นขาสองข้างของผมไว้แน่นและยกร่างทั้งร่างของผมขึ้น จนผมต้องร้องโวยวายไม่เป็นภาษาออกมาด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว

“เฮ้ยยย!!”

ไม่ทันไรตัวผมก็ถูกโยนลงบนเตียงดังตุ้บ ตามมาด้วยร่างใหญ่ของฌาณที่ขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้อย่างรวดเร็ว มือสองข้างของผมก็ทำหน้าที่ได้ดีด้วยการพยายามผลักไหล่กว้างตรงหน้าออกห่าง แต่ดูเหมือนพลังของมนุษย์ธรรมดาอย่างผมจะสู้หมีควายอย่างคนด้านบนไม่ได้ เขาถึงไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย แถมยังยิ้มร่าอย่างสนุกสนานเต็มที เออ เห็นผมสู้ไม่ได้แล้วมีความสุขใหญ่ ไอ้เลว หลุดออกไปได้นะ ไม่ตายดีแน่! แต่ตอนนี้ผมว่านะ ผมต้องไม่ได้ใช้ชีวิตดีๆแน่ๆเลย TT

สายตากรุ้มกริ่มปนเจ้าเล่ห์แบบที่ผมไม่นึกชอบมัน ถูกส่งมาให้ จนผมต้องเบือนหน้าหนีอย่างห้ามไม่ได้ และนั่นก็ยิ่งทำให้ฌาณดูชอบใจ ถึงกับหัวเราะหึหึออกมา ถ้าไม่ติดว่าไม่อยากจะมองหน้า ผมว่าจะหันไปซัดเข้าให้สักเปรี้ยง

“ออกไปดิ๊ อึดอัด”

ผมทำทีขึ้นเสียง ทั้งที่ตอนนี้ทั่วใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดใกล้เข้ามา สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายตวัดสายตาดุดันกลับมาจ้องหน้าฌาณเขม็ง เมื่อเขาเริ่มละลาบละล้วงร่างกายด้านบนที่เปลือยเปล่าของผมมากขึ้น

สองมือของผมพยายามจะดึงแขนแกร่งของฌาณที่กักตัวผมไว้ออก แต่กลับไม่ส่งผลใดๆ แถมคนตัวใหญ่ยังเหิมเกริมด้วยการจงใจปัดป่ายมือข้างหนึ่งผ่านยอดอกของผมที่เริ่มชูขึ้นอย่างน่าอับอาย ริมฝีปากของผมเม้มแน่นด้วยความไม่พอใจ ผิดกลับอุณภูมิในร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำเอาคนด้านบนยิ่งได้ใจเข้าไปอีก

“ได้ไหม?”

“อึ่ก”

ผมรีบกลั้นเสียงที่คอยจะหลุดลอดออกมา น้ำเสียงอ้อนวอนจากฌาณเอ่ยคำถามแปลกๆขึ้น ปลายจมูกโด่งได้รูปของเขาคลอเคลียไปตามส่วนต่างๆของร่างกายผม ยิ่งเร้าให้ความรู้สึกบางอย่างภายในจิตใจนี้สั่นไหว

ผมตัดสินใจที่จะเงียบ ไม่พูดอะไรออกไป สายตาเสมองไปอีกทางด้วยความเขินอาย แก้มสองข้างร้อนวูบขึ้นมาจนแทบเป็นลม แต่การที่ผมไม่พูดอะไร นั่นแปลว่าผมได้บอกคำตอบออกไปแล้ว..

รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาของฌาณ ก่อนที่เขาจะรีบปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกไปอย่างลวกๆ พร้อมโน้มตัวเข้ามาใกล้จนน่าใจหาย สัมผัสเสียวปลาบจากริมฝีปากนุ่มทาบทับลงบริเวณแผงอกบาง ตามมาด้วยความเปียกชื้นจากลิ้นอุ่นๆที่ไล้เลียอย่างสะเปะสะปะ จนมาหยุดอยู่ที่ต้นคอขาว ฌาณดูดตรงจุดนั้นแรงๆพอให้เกิดรอยแดงชัดเจน และเริ่มลากลิ้นกลับลงไปตวัดเล่นกับติ่งไตสีหวาน การกระทำของเขาไม่ได้น่าอายมากเท่ากับการที่ร่างกายของผมเริ่มขยับไปเองตามห้วงอารมณ์ที่ค่อยๆปะทุขึ้น

“อะ..อ๊ะ!”

สองมือที่เคยคิดจะต่อต้าน กลับยกขึ้นโอบรอบคอของคนด้านบนให้โน้มต่ำลงมามากขึ้น เรียกรอยยิ้มน่าพอใจจากฌาณได้เป็นอย่างดี เขายอมทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอ่อนหวานต่ออีกสักพัก พอให้ผมคุ้นชินกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ก่อนที่จะปล่อยให้อารมณ์รุนแรงเข้าครอบงำจิตใต้สำนึก และเริ่มบทเรียนรักอันเร่าร้อนซึ่งแผดเผาร่างของเราทั้งคู่ไปพร้อมๆกัน

หัวสมองของผมขาวโพลน อารมณ์รักปะทุรุนแรงจนอยู่เหนือเหตุผลทั้งมวล ส่งให้เราทั้งคู่เดินหน้าเข้าสู่ประตูแห่งสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าบานไหนๆ ผมทิ้งความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เคยมีทิ้งไป และเป็นฝ่ายยอมให้ฌาณปรนเปรอความสุขเข้าใส่อย่างน่าไม่อาย

ทั้งร่างกายและจิตใจของเราราวกับถูกหลอมรวมเป็นหนึ่ง ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างด้วยว่าไม่คุ้นชิน แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีอย่างน่าประหลาดจนไม่อาจปฏิเสธได้ ผมและฌาณต่างปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกขึ้นมามีอำนาจเหนือตัวเองอย่างรวดเร็วและง่ายดาย ตอนนี้มีเพียงหยดหยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นคลุมกายของเราทั้งสองคน พร้อมกับน้ำตาจากความสุขล้นปรี่ซึ่งเอาแต่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างของผมอย่างควบคุมไม่ได้ ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆจนน่ากลัว...ในที่สุดร่างของเราทั้งคู่ก็พร้อมใจกันกระตุกเกร็งแรงๆเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกที่ล้นทะลักออกมา

“อ อ๊า...อ๊าาา!!”

ฌาณค้างท่านั้นอยู่อีกสักพัก ก่อนที่จะยอมถอนตัวออกไป พอให้ผมได้มีเวลาหายใจหายคอ หลังจากเพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาอันน่าตกใจนั้นมา แม้ว่ามันจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วและกระทันหัน แต่ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างการกระทำนั้น มันไม่ใช่ความรู้สึกผิวเผินเรียบง่ายอย่างแน่นอน ทว่ามันคือความจริงใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ ซึ่งคนสองคนพร้อมจะมอบให้แก่กัน

หน้าอกของผมกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงจากความเหน็ดเหนื่อย ลมหายใจหอบถี่ดังก้องไปทั่วห้องนอน ก่อนที่ฌาณจะโน้มตัวลงมาอีกครั้ง คนตัวสูงบดขยี้ริมฝีปากอุ่นลงมาบนริมฝีปากบางของผมเหมือนเด็กที่กำลังหิวโหยเต็มที รสจูบเร่าร้อนถูกมอบให้แก่กันเป็นเวลานาน จนเมื่อคนด้านบนเก็บเกี่ยวความหวานเป็นที่พอใจแล้ว จึงยอมถอนปากออกไป แต่ก็อ้อยอิ่งเต็มที

เราสองคนประสานสายตากันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี แต่ฌาณก็ยังตามมาเชยคางผมให้กลับไปมองเขาจนได้ รอยยิ้มจริงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าแดงระเรื่อ ทำเอาผมเผลอยิ้มตามไปด้วยอย่างห้ามไม่ได้ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มากยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก

ท่ามกลางความเงียบภายในห้อง ไม่ต้องมีคำพูดใดเลย... เพียงแค่รอยประทับแผ่วเบาบนหน้าผากของผมที่ฌาณมอบให้ ก็เป็นเครื่องสื่อถึงใจได้เป็นอย่างดี

ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก... เขาไม่ต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เลย แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรที่สวยหรูด้วย.. แต่กลับทำให้ผมรักมากจนแทบเป็นบ้าแบบนี้ มันถึงได้น่ากลัวมาก...

น่ากลัวว่าผมจะขาดเขาไปไม่ได้...

“ปลาย.. รักฉันรึเปล่า?”

อยู่ดีๆฌาณก็ถามขึ้น พร้อมพลิกตัวลงมานอนข้างๆ พลางโอบศรีษะผมให้เข้าไปซบลงกับแผงอกกว้าง แหมยังกล้าถาม ถ้าไม่รักก็คงไม่ยอมให้ทำเรื่องแบบนี้หรอกนะไอ้บ้า! นี่ทึ่มจริงหรือจงใจแกล้ง! พนันว่าอย่างหลังชัวร์ -0-

“อืออ”

ผมลากเสียงแผ่วปลายแบบไม่เต็มปากนัก เกิดเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจอยู่ในลำคอของอีกฝ่าย มือใหญ่ของฌาณที่กำลังลูบหัวผมเปลี่ยนมาตีเบาๆ

“ว่าไงนะ?”

“อื้ออ!”

ผมกลั้นใจกระแทกเสียงกลับไปใบหน้าแดงก่ำ ทำเอาคนตัวสูงหัวเราะร่าก่อนจะกดจมูกลงมาคลอเคลียกับเส้นผมชุ่มเหงื่อของผมเล่นอย่างไม่นึกรังเกียจ เมื่อฌาณเห็นผมทำท่าจะปล่อยสติให้หลุดลอยและหลับไป เขาก็ขยับตัวเล็กน้อย มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะเล็กๆข้างเตียงมา ก่อนจะจัดการทำความสะอาดเนื้อตัวของผมให้อย่างอ่อนโยน

คนตัวสูงจงใจแกล้งด้วยการขบเม้มไปตามต้นขาด้านใน ขณะที่ทิชชู่ในมือกำลังเช็ดเอาคราบของเหลวขุ่นออกไปจากจุดสงวน ทำเอาตัวผมกระตุกเฮือกอย่างน่าอับอาย ซึ่งนั่นถือเป็นความภิรมย์ของฌาณเชียวละ

ตอนนี้ผมไม่คิดที่จะหลับอีกแล้ว กลับยกตัวเองขึ้นจ้องหน้าฌาณด้วยสายตาตำหนิ แต่ฌาณก็ไม่ได้สนใจและลุกออกจากเตียงไป เอาทิชชู่ในมือทิ้งลงถังขยะใบเล็กในห้อง ผู้ชายหุ่นดีในร่างเปลือยเดินอย่างไร้ยางอายไปที่โต๊ะตัวใหญ่ ก่อนจะควานหาอะไรบางอย่างในถุงพลาสติกของมินิมาร์ทด้านล่างที่เขาเพิ่งไปซื้อมา

ไม่นานนัก ฌาณก็กลับมานั่งบนเตียงเหมือนเดิมพร้อมอะไรบางอย่างในมือที่กำลังส่องกระทบแสง ผมมองมือของฌาณสลับกับใบหน้ายิ้มแย้มของเขาไปมาสักพัก กว่าที่เขาจะยอมแบมือออก เผยให้เห็นสร้อยข้อมือสีเงินประดับจี้รูปดอกไม้บานสองเส้น เมื่อเพ่งให้ดีจะเห็นตัวอักษร CP สลักอยู่บนนั้น

“ฉันไปสั่งทำมา ให้เหมือนกับของเราในโลกนี้”

“อ่า” นี่คือเหตุผลที่เขาหายไปสินะ อืม ถ้าแบบนี้ค่อยฟังขึ้นหน่อย จะให้อภัยก็ได้ที่ทิ้งผมไว้คนเดียว

“ฉันใส่ให้นะ”

ผมพยักหน้าน้อยๆและยกแขนข้างหนึ่งขึ้น ปล่อยให้ฌาณสวมสร้อยข้อมือนั้นเข้ามา ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายใส่ให้ฌาณบ้าง เราทั้งคู่เผยรอยยิ้มกว้างออกมาเมื่อมองแขนสองข้างที่มีเครื่องประดับคู่กัน ผมชั่งใจกับตัวเองเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ฌาณมากขึ้น และตรงเข้าสวมกอดเขาอย่างเก้ๆกังๆ

“ขอบคุณนะ”

คนตัวสูงแน่นิ่งไปสักพัก คงจะตกใจที่เห็นผมทำแบบนี้ เพราะผมเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน ในที่สุดฌาณก็ยกแขนขึ้นกอดตอบ พลางกระชับร่างของผมเข้าไปใกล้กว่าเดิม ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดอยู่บริเวณหลังคอทำเอาผมเสียววาบ หลังจากการสวมกอดที่ยาวนาน ฌาณก็เริ่มพรมจูบไปทั่วตัวของผมอีกครั้ง ไล่จากบ่าลงมาเรื่อยๆจนถึงหน้าท้อง ซึ่งกระเพื่อมขึ้นลงไปตามความรู้สึกในร่างกาย

ก่อนจะทันรู้ตัว ร่างของผมก็ถูกฌาณอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแกร่งเสียแล้ว เขาค่อยๆพาผมลงจากเตียงและตรงเข้าไปในห้องน้ำ ทำนองเพลงรักถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้งภายในพื้นที่คับแคบ เสียงครางของเราทั้งคู่ดังก้องสะท้อนอยู่ภายในห้องน้ำเล็กๆแห่งนี้ ยิ่งเสริมให้อารมณ์ภายในตัวของเราปะทุออกมามากขึ้น ทั้งผมและเขาต่างก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้แก่กัน ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้เบื่อ

เวลาผ่านไปนานพอตัวกว่าที่เราจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ผมกำลังนอนหอบเป็นลูกหมา และปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวไหลลงมาชะโลมร่างกายซึ่งเปรอะเปื้อนไปทั่ว ฌาณตะแคงตัวอยู่ข้างๆภายในอ่างใบเดียวกัน สองมือลูบไล้ไปตามร่างกายของผมหวังจะช่วยทำความสะอาด

“ฌาณ..” ผมเรียกชื่อคนตัวสูงเสียงแผ่ว ก่อนจะเอื้อมมือไปรั้งคอของเขาให้โน้มใกล้เข้ามา จูบเย้ายวนถูกมอบให้อย่างลืมอาย ถือเป็นของตอบแทนสำหรับความสุขที่เขาเติมเต็มมาให้

คนตัวใหญ่จูบตอบอย่างชำนิชำนาญ น้ำในอ่างแทบจะเดือดขึ้นมาจากความเร่าร้อนของผู้ชายคนนี้ รวมทั้งหัวใจดวงน้อยของผมที่ทำท่าจะระเบิดออกด้วยเช่นกัน

“ปลาย รัก..”

“อืมม ม..”

ผมได้แต่ครางตอบเมื่อฌาณถอนริมฝีปากออกไป และเปลี่ยนมาลงลิ้นกับยอดอกของผมแทน แต่แล้วผมก็ต้องฝืนตัวเองไว้ พลางผลักคนตัวใหญ่ออกห่าง ฌาณมองผมด้วยสายตาตกใจมากจนผมต้องรีบอธิบายแทบไม่ทัน

“พอแล้ว เหนื่อย”

“เหนื่อยแต่ก็ชอบปะ”

ผมสบถออกมาแทบจะทันที ที่ไอ้บ้าฌาณเริ่มพูดจาลามปามแบบคนได้ใจ กำปั้นเล็กๆอัดเข้าไปกลางอกของผู้ชายที่เอาแต่หัวเราะร่า ผิดกับผมที่ได้แต่ตีหน้างอเหมือนคนแพ้ ฌาณหยุดหัวเราะและเริ่มอมยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย วินาทีต่อมาเขาก็เข้าครอบครองริมฝีปากของผมอีกครั้ง

วันนี้เราจูบกันนับครั้งไม่ถ้วน ริมฝีปากสีส้มธรรมชาติแดงเรื่อขึ้นด้วยแรงบดขยี้ เกิดแผลบางๆขึ้นเล็กน้อยจากอารมณ์ที่เดือดพล่านของเราทั้งคู่ ฌาณค่อยๆถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเริ่มทำความสะอาดเนื้อตัวให้ผมอย่างจริงจัง เราอาบน้ำแต่งตัวและย้ายมานั่งกินขนมปังกับนมกล่องบนพื้นกำมะหยี่ สร้อยข้อมือสีเงินวาวส่องสว่างล้อเล่นกับแสงจากหลอดไฟนีออน ดูน่ามองยิ่งขึ้นบนข้อมือทั้งสองข้างของเราสองคน

“ว่าไงพวกนาย”

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ดีๆยัยเด็กผีสองตัวก็โผล่ออกมากลางอากาศ ใบหน้าแดงก่ำประหลาด จนผมนึกอะไรขึ้นมาได้... จะว่าไปไอ้เด็กพวกนี้ต้องคอยตามดูการใช้ชีวิตของพวกเราอยู่ตลอด แปลว่าเมื่อกี้...

เห็นสินะ.. เห็นแล้วสินะ... ว๊ากกกกก!!! นี่ผมกำลังจะทำให้เด็กเสียคนทางอ้อมรึเปล่าเนี่ยะ!!

“อายุขัย 5 ปี กับช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ คุ้มหรือยัง?” JM เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน สายตาจับจ้องมาที่เราสองคนสลับกันไปมา โดยมี CD สังเกตการณ์อยู่ด้านหลัง ผมหันมองหน้าฌาณแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะตอบเด็ก JM กลับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ก็คุ้มพอ”

“ก็ดี... ฉันมีทริปมาเสนอ นั่นก็คือโลกใบที่ 1 ซึ่งนับว่าเป็นโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุด”

“...”

CD เลิกคิ้วขึ้นหน่อยๆเมื่ออยู่ๆ JM ก็เสนอขายทริปอื่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่หรี่ตามอง JM ที่ยังพยายามขายของให้กับผมและฌาณ

“โลกใบนั้นเป็นโลกใบเดียวที่ไม่มีกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตตายตัว เพราะถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับนักเดินทางอย่างพวกนาย จึงไม่ต้องกังวลว่าจะแยกจากกันไปใช้ชีวิตที่ถูกกำหนด นายจะได้พักผ่อนอยู่ในโลกที่เหมือนสวรรค์เลยล่ะ”

“แลกกับอายุขัย 5 ปีอีกสิ?” ผมเบะปาก ไอ้พวกเซลล์บ้าบอ เอาแต่รีดไถชีวิตคนอื่นเป็นผักปลาไปได้

“แต่โลกใบนั้นมันพิเศษมากอย่างที่บอก และพวกนายจะได้อยู่ด้วยกันนานเท่าที่ต้องการ ไม่ต้องเดินตามบทบาทของใคร ไม่ต้องกังวลหรือระแวงเรื่องการแสดงด้วย ถือว่าเป็นการฮันนีมูนเลยด้วยไง”

คำว่า ‘ฮันนีมูน’ สะกิดเข้าที่ใจของเราทั้งคู่ เมื่อทั้งผมและฌาณต่างหันมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนจะรีบหลบสายตาด้วยความเขินอาย มือข้างที่วางราบไปกับพื้นห้องถูกวางทับด้วยมือใหญ่ของใครอีกคน พอดีกับที่ความอบอุ่นถูกส่งผ่านเข้ามา

รอยยิ้มกว้างปรากฏให้เห็นบนหน้าของ JM อย่างผู้มีชัย เสริมให้หน้าตายัยนั่นยิ่งดูประหลาดขึ้นไปอีก ผิดกับใบหน้าเรียบเฉยจนน่าหวั่นเกรงของเด็ก CD ซึ่งเป็นใบหน้าแบบที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย เธอลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมช้าๆ พร้อมกับที่ JM ก็ลอยมาอยู่ที่หน้าของฌาณเช่นกัน

“ไปพักผ่อนให้สบายใจ แล้วดื่มด่ำกับความรักให้เต็มที่เถอะ”

ผมแทบไม่สนใจสิ่งที่ JM กำลังพล่าม สายตาจับจ้องไปที่ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยของฌาณ ซึ่งกำลังส่งสัญญาณบอกให้ผมทำใจให้สงบและไม่ต้องกังวลอะไร มือซ้ายของผมถูกดึงเข้าไปกุมไว้แน่นขึ้น

“ขอแค่ได้อยู่กับนาย ให้ฉันเสียอายุขัยอีกเท่าไรก็ยอม”

นั่นคือคำพูดเดียวจากปากของฌาณที่ทำลายทุกความกังวลในใจของผมลง ความกลัวแปลกๆก่อนหน้านี้สลายหายไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนนั่น พร้อมๆกับความอบอุ่นที่มือข้างนี้ เหมือนกัน… ขอแค่ได้อยู่กับฌาณ ผมก็ยอมเหมือนกัน

ที่โลกใบนั้น เราจะได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไปใช่หรือเปล่า…?

ช่องว่างสีดำดูน่ากลัวฉายขึ้นเบื้องหน้าของเราทั้งสอง ฌาณกุมมือผมไว้แน่น หลังจากที่เด็กผีทั้งคู่ทำการดึงเอาค่าแลกเปลี่ยน 5 ปีไปแล้ว แรงดึงดูดมหาศาลเหมือนคราวก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง พาเอาร่างของเราหายเข้าไปในห้วงมิติบางอย่างที่มืดสนิท ความปั่นปวนมวนท้องก่อตัวขึ้นในฉับพลัน สมองปวดแปลบไปหมด

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!

“อะ..อะไร”

ผมพยายามอย่างมากในการเปล่งเสียงออกไป เมื่อความมือมิดเบื้องหน้ากลับปรากฏแสงสีขาวแสบตาวูบวาบขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งอย่างผิดปกติ เสียงแสบแก้วหูที่คล้ายกับไฟฟ้าช็อตดังกระเทือนอยู่ในโสตประสาน ส่งให้ผมกับฌาณเกาะกุมกันไว้แน่นยิ่งขึ้น หัวใจเต้นรัวด้วยความกลัวประหลาด และดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ผมที่คิดมากไปเอง เพราะแม้แต่ยัย CD ก็ยังตกใจจนหน้าบูดเบี้ยว พอจะมองเห็นว่าเธอกำลังพยายามว่ายฝ่าคลื่นความว่างเปล่าตรงเข้ามาหา แต่เมื่อผมยื่นมือออกไปหวังจะรั้งตัวไว้ กลับมีแรงดูดน่ากลัวที่พาตัวผมให้แยกห่างออกไป

“JM! เธอเอาทริปหมดอายุมาใช้ใช่ไหม?!!”

เสียงตะโกนของ CD ดังก้องในทั่วห้วงแห่งเวลานี้ ใบหน้าของ JM เต็มไปด้วยหยดเหงื่อ ดวงตากลอกไปมาราวกับคนเสียสติ ผมเห็นว่าเธอเอาแต่หันซ้ายหันขวาเลิกลั่ก ปากเล็กๆพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา สักพักก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลมปรี๊ดออกมา

“สินค้าหมดอายุ มัน..จะ ใช้การ…มะ.. ไม่…ได้”

CD พยายามแผดเสียงดังลั่นอีกครั้ง แต่พอถึงช่วงหลังของประโยค การรับรู้ของผมก็ดันเพี้ยนไปเสียเฉยๆ เมื่อหันมองคนข้างๆก็ต้องตกใจ เมื่อร่างของฌาณกำลังถูกแรงลมน่ากลัวพัดออกไปอีกทาง ในขณะที่ตัวผมเองก็กำลังถูกแรงปริศนาดูดไปในทิศฝั่งตรงข้ามเช่นกัน

“ฌาณ!!/ปลาย!!”

เราทั้งคู่ได้แต่ตะโกนขานชื่ออีกฝ่ายในวินาทีที่มือหลุดออกจากกัน ร่างของฌาณถูกดึงไปไกลมากจนลับสายตา CD กับ JM หายไปแล้ว…

เมื่อผมกระพริบตาอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็กลับกลายเป็นตึกเก่าโทรมๆ? สายตาของผมอยู่ในระดับที่สูงผิดปกติเหมือนว่าขาไม่ได้เหยียบอยู่กับพื้น และก็จริง เมื่อผมเพิ่งรู้ตัวในวินาทีต่อมาว่าผมกำลังอยู่ในท่าทางของคนที่กำลังจะก้าวขาลงจากบันไดสูง

ไม่มีเวลาพอให้ตั้งตัวหรือแม้แต่คุมสติ เท้าของผมหยั่งลงโดยที่แตะไม่โดนอะไรนอกจากอากาศ พร้อมๆกับร่างทั้งร่างที่ไถลลงไปตามขั้นบันไดหลายสิบขั้นตรงหน้า ภายในหัวมีเพียงเสียงกรีดร้องและภายในร่างกายก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากแรงกระแทก ในที่สุดตัวผมก็กลิ้งมาหยุดลงตรงพื้นปูนแข็งๆ พร้อมกับสติที่ค่อยๆลอยหลุดไป…..

 



“ความจำเสื่อม!?”

“ครับ ความรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิต และเรื่องทั่วๆไปไม่มีปัญหา แต่ดูเหมือนคนไข้จะจำอย่างอื่นไม่ได้เลย รวมทั้งตัวเขาเองด้วย”

“ขอผมเข้าไปเยี่ยมเขาหน่อยครับ”

เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นที่หน้าห้องของโรงพยาบาลเอกชนราคาแพง ไม่ทันไรประตูสีเทาก็เลื่อนออก เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งของผู้ชายอายุราว 28 ผมซอยสั้นสีดำชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่กลับดูน่าดึงดูดมากกว่าที่จะดูน่ารังเกียจ เขารีบรุดเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงซึ่งมีผมนอนอืดอยู่

ใบหน้าเรียวหล่อเหลาเต็มไปด้วยความกังวล คิ้วหนาสองข้างขมวดมุ่น พลางไล่สายตาไปทั่วบริเวณ ก่อนจะถือวิสาสะเข้ามาจับเนื้อต้องตัวผมเอาดื้อๆ

“ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม? เจ็บตรงไหนบ้าง?”

สีหน้า สายตา และน้ำเสียง ล้วนแต่เต็มไปด้วยความห่วงใยอันผิดปกติ ดวงตาสีนิลหยุดลงที่ใบหน้าเรียบเฉยของผมเหมือนต้องการคำตอบ ผมได้แต่นิ่งจนคนตัวใหญ่ยอมผละมือออกไปจากร่างกาย

“ผมไม่เป็นอะไร ว่าแต่… คุณเป็นใครครับ?”

“ไม่จริง…”

คำพูดเสียงแผ่วเบาอย่างคนสิ้นหวังเปล่งออกมาพอให้ได้ยิน สายตาที่ราวกับจะตำหนิตัวเองของเขายิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจ ความจริงแล้วผมก็ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมคือใครก็ยังจำไม่ได้ แล้วมาอยู่ในโรงพยาบาลนี้ได้ยังไง โดนอะไรมา ไม่รู้เลยสักอย่าง

“เธออาจกำลังสับสน แต่ฉันขอให้เธอฟังฉัน และเชื่อฉัน..”

ผู้ชายแปลกหน้าเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆพลางดึงมือข้างหนึ่งของผมไปกุมไว้ ผมอยากจะชักมือกลับอยู่หรอกถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าที่ดูเจ็บปวดมากดันฉายอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ผมยอมนอนเงียบๆและฟังเขาอย่างที่บอก ความจริงแล้วผมอาจจะสับสนน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ

“เธอชื่อปลาย เป็นพนักงานร้านขนมปัง ส่วนฉันชื่อรัฐเป็นลูกค้าประจำ เราสองคนสนิทกันนะ หรือฉันคิดไปเองคนเดียวก็ไม่รู้สิ แต่ช่างเถอะ.. เธอน่ะถูกหลอกจนติดหนี้ก้อนโตก็เลยโดนเจ้าหนี้ตามล่า ดูเหมือนจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอหายตัวไปอย่างปริศนาเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดฉันก็ให้คนออกตามหาจนพบเธอนอนสลบอยู่ในตึกร้าง แล้วก็ช่วยพามาที่นี่ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะ…ความจำเสื่อม”

แรงบีบที่มือเกิดขึ้นเมื่อคนที่ชื่อรัฐพูดมาถึงส่วนท้าย สายตาของเขาหลุบต่ำลงพลางกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง คิ้วสองข้างยังคงขมวดเข้าหากันเหมือนคนเครียดจัด นั่นยิ่งทำเอาผมไม่เข้าใจ… เราสนิทกันขนาดที่เขาจะต้องมานั่งเสียใจแบบนี้เลยเหรอ ทั้งๆที่เป็นแค่พนักงานขายขนมปัง กับลูกค้าขาประจำก็แค่นั้น

“ครอบครัว.. ครอบครัวของผมล่ะ?” ผมถามหาสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่คุณรัฐกลับเงียบไปสักพัก พลางตีสีหน้าเศร้าหมองขึ้นไปอีก

“เสียใจด้วยนะ พ่อแม่ของเธอเสียไปตั้งแต่เธอยังเด็กน่ะ แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก หลังจากนี้ฉันจะดูแลเธอเอง หนี้ของเธอฉันก็จัดการเรียบร้อยแล้วนะ เธอจะย้ายมาอยู่กับฉันก็ได้”

“เอ่อ.. ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคงมีบ้าน..ใช่ไหม?” ผมถามเสียงอ่อย รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตนไม่ได้มีครอบครัวอยู่แล้ว

“เธอพักอยู่ที่ห้องเช่าเก่าๆแถวนี้”

“งั้นก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะกลับไปอยู่ที่นั่น”

“แต่ว่า..”

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ แต่ที่ผมหายไป.. งานคง…”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันอธิบายให้เจ้านายเธอที่ร้านขนมปังฟังแล้วล่ะ เธอกลับไปทำงานต่อได้”

ผมยิ้มออกมา พอจะคลายสีหน้าตึงเครียดของคนตรงหน้าลงไปได้บ้าง แปลกคนจริงๆนะ เป็นห่วงผมขนาดนี้ ดูแลผมขนาดนี้ ทำเพื่อผมขนาดนี้… ทำไมกัน

ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมลืมไปจริงๆ ความจำเสื่อมงั้นเหรอ…น่ากลัวเหมือนกันแฮะ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะลนลานไปเพื่ออะไร ยิ่งได้ฟังประวัติตัวเองจากที่คุณรัฐเล่าก็ยิ่งใจเย็นได้ เพราะดูเหมือนชีวิตของผมก่อนหน้านี้มันก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว ก็แค่ชีวิตตัวคนเดียว ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครเท่านั้น…

แต่ทำไมกันนะ…ลึกๆแล้วผมกลับรู้สึกแย่มาก เหมือนกับว่าเรื่องที่ลืมไปมันสำคัญมาก… สำคัญต่อตัวผมมาก…

และสำคัญต่อใครบางคนมาก…?


--------------------------------------------------

กลับมาแล้วววว! ตอนนี้ยาวอะ แต่งเพลินจริงๆ
แล้วแบบ.. มีหลายอารมณ์มาก 555
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของภาคย้อนอดีตแล้วเน่อ พอจะเข้าใจเรื่องกันแล้วยังเอ่ย?
ใครที่เดาๆไว้ว่า ความจำเสื่อม ก็ถูกเพ็งเลย 55
ยังไงก็ฝากติดตามต่อไปด้วยนะค้า~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2013 20:17:16 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Kaame

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เองงง  :o12: :o12: :o12:
จริง ๆ แล้วก็คือรักกันมาก แต่ปลายจำไม่ได้สินะ T T

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
อย่าบอกนะ ว่าปลายแค่เพ้อไปเอง  :hao5:

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เรื่องมันเศร้า TT_________TT เดาต่อไม่ถูกว่าจะเป็นเช่นไร ตอนหน้าน่าจะต่อจากปัจจุบัน?? พ่อฌาณจะสะกิดอะไรบ้างไหมน้อ

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
เหมือนจะเก็ทละ

แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันใช่อย่างที่คิดมั้ย

 :katai1:

คือปลายความจำเสื่อมมาตลอดใช่มั้ยเนี่ย
ที่จริงก็คือปลายเดียวกันกับที่ฌาณตามหา

ใช่มั้ย???????

 :katai1:

โอ๊ยยยยย

รอเฉลยยยย

ลุ้นนนนนนนน :katai4:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
เนี่ยะๆ มีคนเดาเรื่องถูกเป๊ะๆด้วย 5555
คือมันก็ไม่ได้ซับซ้อนไรมากเลยนะ เพราะคนแต่งก็มีสกิลไม่มาก กร้ากกก

แอบมาแง้มว่าหลังจากนี้ ฌาณ บทหาย ;w; ฮ่าๆ
แล้วจะมีอีกคนมาแย่งบทไปแทน

ถ้าไม่ผิดพลาด จะมาอัพอีกทีวันที่ 7 นะคะ
ฝากติดตามกันด้วยเน่อ ><

 :katai5:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1511
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
นั่นไงว่าแล้วววว สรุปคือปลายเดียวกันจริงๆด้วย ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 15
ออกตามหา


 

ปัจจุบัน : โลกใบที่ 23

 

แรงกระชากบางอย่างพาตัวผมกลับมานั่งอยู่บนโซฟาโทรมๆ เปลือกตาสองข้างค่อยๆลืมขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพเบื้องหน้าคือห้องเช่าเก่าๆของผมในโลกใบที่ 23 นั่นเอง... กลับมาแล้ว

กลับมาพร้อมทั้งความทรงจำที่เคยหายไป...

ผมนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานพอตัว น้ำตาไหลลงมาอย่างหยุดไม่ได้ ไหลออกมาแบบนั้นโดยปราศจากเสียงใดๆ... หัวใจมันถูกบีบรัดจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ความทรงจำคอยย้อนกลับมาทำร้ายกันภายในหัวสมอง ยิ่งเร้าให้รู้สึกเจ็บช้ำ

ผมคนนี้ในโลกใบที่ 23... ผมที่ได้เจอฌานในโลกใบที่ 27... กับปลายคนนั้นที่รักกับฌานในโลกใบที่ 18... ทั้งหมดล้วนเป็นคนเดียวกัน

คือผมเอง.. ผมเองฌาน... ผมเองที่รักคุณ

“ขอโทษ”

น้ำเสียงสั่นเครือหลุดออกมาจากปากของ CD ซึ่งกำลังลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้า มือเล็กๆนั่นพยายามจะเอื้อมเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ แต่มือของผมกลับปัดมันออกไวกว่าความคิด ผมห้ามตัวเองไม่ให้โกรธไม่ได้ ห้ามไม่ให้ถลึงตาใส่ยัยเด็กตรงหน้าที่เริ่มร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายไม่ได้

“ฮึก..ขะ.. ขอโทษ นะ..”

“ทั้งที่รู้อยู่แล้ว...”

ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้ว ว่าผมคือใคร ว่าปลายคนนั้นคือใคร ทั้งที่เป็นแบบนั้น เธอกลับนิ่งเฉยเพียงเพราะกลัวตัวเองเดือดร้อนแค่นั้น!! นี่ไง เหตุผลที่ผมเกลียดพวกเซลล์ขายของนัก เอาแต่นึกถึงตัวเอง แล้วเที่ยวหลอกชาวบ้านอย่างนึกสนุกแบบนี้!!

“ฮือ...ขอโทษ.. ขอโทษนะ.. โฮฮฮ ฮฮ !!”

มือสองข้างของผมกำหมัดแน่นจนปวดไปหมด ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ปล่อยกำปั้นออกไปปะทะเข้ากับใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาของเด็กคนนี้

เธอเอาแต่กรีดร้องและปล่อยให้น้ำตาพรั่งพรูออกมาจนดูน่ากลัว ความเจ็บปวดของภาพตรงหน้าทำให้ผมหยุดร้องไห้ลงได้ ราวกับว่าเธอแบ่งเอาไปแล้ว... ความรวดร้าวในใจของผม ราวกับว่าเธอพยายามที่จะแบ่งมันไป เพื่อชดเชยความผิดอันน่ารังเกียจที่ได้กระทำ

“ทำไม...?” ผมถามเสียงสั่น พลางเอื้อมมือออกไปคว้าตัวของ CD เข้ามาใกล้ เธอทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาเหมือนคนเสียสติ

“กฎ.. ม..มันเป็นกฎนี่น่า ฮึก...”

“ทำไมนะ..”

“ถะ..ถ้าเข้าไปยุ่ง ฉันก็ต้องตาย แน่ๆ..ฮือออ”

“ทำไม...”

ผมเองก็คล้ายว่าจะกลายเป็นคนบ้าเต็มที เสียงที่เปล่งออกไปได้มีเพียงแค่คำๆเดิมซ้ำไปซ้ำมา มือสองข้างโอบรัดร่างเล็กของ CD เข้ามาไว้ในอ้อมกอดแน่นหนา พอดีกับที่น้ำตามันไหลออกมาอีกครั้ง หัวใจที่เคยเต้นถี่รัวเพราะแรงโกรธ ตอนนี้กลับสูบฉีดอย่างเนิบช้า...

ใช่แล้ว หัวใจ... หยุดไปเลยก็ได้ ถ้ามันจะทำให้ผมไม่ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ขอร้องล่ะ หัวใจ...หยุดเต้นสิ หยุดสักที! หรือว่าผมควรจะควักมันออกมาเลยดีล่ะ ก็หัวใจดวงนี้มันเป็นดวงเดียวกันกับที่เคยเต้นโครมครามเวลาที่อยู่กับฌาณนี่น่า... แล้วถ้าไม่มีมันล่ะ

ถ้าไม่มีมัน.. ผมก็จะสามารถลืมฌานได้หรือเปล่า

ลืมไปเลยดีหรือเปล่า... ลืมไปเลย...

“ทำไมนะ ทำไม...”

“ฮืออ.. ฉะ..”

“ทำไมผมถึงต้องมาเจอเธอด้วย?”

“....โฮฮฮฮฮฮ!!!!”

CD ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ช่างเป็นความเจ็บปวดที่ราวกับพายุจริงๆ เสื้อของผมถูกเธอดึงทึ้งอยู่ภายในวงแขน ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงตรงหน้า... ร่างกายผมหยุดนิ่ง ปล่อยให้น้ำตาไหลราวกับคนที่หมดสิ้นทุกสิ่ง เวลาภายในห้องผ่านไปช้าเหลือเกิน ถึงอย่างนั้นน้ำตามันก็ยังไหลอยู่ ไหลออกมาทั้งที่พูดอะไรไม่ออกเลย หัวใจก็ได้แต่ปวดร้าวอยู่อย่างนี้ ช่างทรมานจริงๆ..

นานมาก..กว่าที่ผมและ CD จะเรียกสติกลับคืนมาและห้ามน้ำตาไว้ได้ ในขณะที่เธอพยายามพูดจาปลอบใจ ผมกลับปล่อยให้คำพูดเหล่านั้นลอยผ่านหูไป พลางทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าในตอนนี้กลายเป็นสีดำ ดวงดาวบนนั้นก็จางเหลือเกิน

เหมือนกันเลย... ภายในจิตใจของผมตอนนี้ก็เป็นสีดำ และไม่มีแสงที่จะเป็นความหวังเหมือนกันเลย...

“อย่าเป็นแบบนี้สิ” CD ยังคงพยายามพูดต่อไป แต่ผมไม่ทันได้ฟังว่าเธอพูดอะไร คำพูดนั้นก็กลับลอยหายไปเสียก่อน.. ดวงตาผมคงไร้แวว ข้างในจมูกมันแสบ ขอบตาทั้งสองข้างก็ร้อนผ่าว หัวสมองมันว่างเปล่าไปหมด...

“ทำไมถึงเอาแต่เหม่อแบบนี้”

“...”

“โธ่ ปลาย...”

ลืมดี? ไม่ลืมดี? ลืมไปเลยดี? หรือจะไม่ลืมดี?

ตอนนี้มันเจ็บ เจ็บไปหมด รู้สึกเหมือนว่าแค่ขยับตัวอีกเพียงเล็กน้อย..ร่างกายนี้ก็จะแหลกละเอียดลง หัวใจของผมกำลังถูกใครสักคนบีบรัดจนน่าอึดอัด ผมว่ามันน่าโมโหนะ... มันน่าโมโหโชคชะตา ที่เอาแต่เล่นตลกไม่รู้เวลาแบบนี้...

ทั้งๆที่หัวใจกำลังอ้อนวอน ให้ทิ้งทุกอย่างไปแล้วลืมซะเลย จะได้ไม่ต้องทนทรมานกับความเป็นจริงที่โหดร้าย ความจริงที่ได้รู้เอาในวินาทีที่ช้าเกินไป แต่ว่านะ.. ลึกลงไปข้างในมันกลับร่ำร้อง บอกว่าไม่ให้ลืม บอกว่าจะลืมไปไม่ได้

จะลืมผู้ชายคนนั้นไม่ได้.. คนที่เอาความสุขมาเติมให้ คนที่คอยปลอบโยนด้วยความอบอุ่น คนที่ทำให้หัวใจเต้นรัวจนหยุดไม่ได้คนนั้น.. ก็เพราะว่ารักมากขนาดนั้น แล้วจะให้ลืมง่ายๆได้ยังไงเล่า! ต่อให้พูดว่าอยากลืม หรือว่าควรจะลืมไปซะคงดีกว่า แต่มันก็ทำไม่ได้นี่น่า!

เราน่ะ...ไม่มีทางที่จะลืมสายตาซึ่งเคยเย็นชาจนน่ากลัว หรือจะเป็นสายตาเจ้าเล่ห์อย่างที่ไม่ชอบเลยนั่นก็ด้วย ไม่ว่าจะอะไรก็ลืมไม่ได้ ไม่สิ.. ไม่ใช่ว่าลืมไม่ได้ แต่เพราะว่าเรา ไม่อยากจะลืมมันเองมากกว่า

“พาไปที..”

ผมละสายตาออกจากท้องฟ้ายามค่ำคืน และหันกลับมาจ้องหน้า CD ท่ามกลางความเงียบ แต่วินาทีที่เห็นหน้าเธอ ผมก็ห้ามน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ น้ำเสียงที่เปล่งออกไปสั่นเครือ พูดออกไปด้วยความทรมานเหลือเกิน

“พากลับไปที”

“ป..ไปไหน?”

“โลกใบที่ 27”

 

“ฌาณ!!”

ผมโพล่งชื่อของคนรักขึ้นมาทันทีที่ก้าวขาเข้ามาภายในร้าน Snow Farm หลังจากที่เดินทางจากโลกใบที่ 23 กลับมาที่โลก 27 อีกครั้ง พี่ทิพย์ยังคงอยู่ที่นี่ สายตาจ้องมาทางผมด้วยความงุนงงระคนตกใจ

“ปลาย! ไปไหนมา?”

“พี่ทิพย์ ฌานอยู่ไหนครับ??”

“พอปลายออกไปจากร้าน คุณฌานก็รีบตามออกไปเลย แต่พอกลับมาก็มีท่าทีแปลกๆ ตอนนี้อยู่หลังร้าน” ผมเผลอส่งเสียงไม่พอใจในลำคอเพราะเห็นว่าพี่ทิพย์เอาแต่ร่ายยาว เมื่อรู้ที่อยู่ของคนที่ตามหา ก็รีบรุดไปหาทันที แผ่นหลังของฌานคือสิ่งแรกที่ได้เห็นหลังจากประตูเปิดออก

“ฌาณ!”

“...”

“ฌาณ!!”

ผมร้องอย่างดีใจเมื่อคนตัวใหญ่หันหน้ากลับมาหา ไม่ทันรอให้เขาตอบอะไรกลับ ผมก็เป็นฝ่ายตรงเข้าไปสวมกอดฌาณไว้แน่น มือทั้งสองข้างเผลอขย้ำเสื้อยืดของฌานด้วยอารมณ์ภายในตัวที่กำลังพุ่งสูงขึ้น ไม่เคยคิดว่าการได้เห็นหน้าเขา จะทำให้ผมดีใจมากมายถึงขนาดนี้เลย

“นี่..นาย!”

ได้มีความสุขอยู่เพียงครู่เดียว ทุกอย่างกลับพังทลายลงเมื่อฌานดันตัวผมออกอย่างแรงจนน่าใจหาย สายตาดุดันถูกส่งมาให้พร้อมกับคำพูดแปลกๆ

“นายคงจะเป็นน้องชายของพี่รัฐที่ทิพย์พูดถึงสินะ”

“เอ๊ะ...?”

“แปลกจริงๆ ทำไมถึงจำไม่ได้ว่ารับนายเข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร ฉันเป็นอะไรเนี่ย” เขากึ่งพูดกึ่งพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองทางอื่นยิ่งทำเอาผมงงมากขึ้นอีก อะไรกัน.. ทำไม ฌานถึง...

หรือว่านี่จะเป็นฌานของโลกนี้ ก็แปลว่าฌานที่ผมหาอยู่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วงั้นสิ!

“CD!” ผมร้องเรียกยัยเด็กผีเต็มปากเต็มคำ โดยไม่ห่วงเลยว่าฌานคนนี้จะเข้าใจไปยังไง ไม่ถึงวินาที คนถูกเรียกก็ปรากฏตัวให้เห็น สีหน้ารู้สึกผิดยังคงสื่อออกมาชัดเจน

“ฌาณไปแล้วใช่ไหม?”

“...”

อีกครั้งกับความเงียบอันน่าอึดอัด และชวนให้โมโห เพราะกฎบ้าบอไร้สาระของพวกเซลล์ขายทริป ทำให้เด็กนี่ไม่สามารถบอกข้อมูลอะไรกับลูกค้าได้ นอกจากให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตบนโลกแต่ละใบเท่านั้น น่าขำสิ้นดี สุดท้ายก็เป็นแค่นโยบายที่ตั้งขึ้นเพื่อหวังรีดไถอายุขัยจากผู้ใช้บริการ ในสถานการณ์แบบนี้ไง! แต่ช่างเถอะ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูด แต่ดูจากหน้าตาท่าทาง รวมทั้งความผิดปกติของฌานคนนี้ ก็พอจะรู้ได้ไม่ยากว่าผมเดาถูกแล้ว

“เอ่อ.. 40... ไปที่โลก 40

ผมชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเลือกตัวเลขจาก 1-50 ออกไป CD พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะทำการดูดเอาค่าเดินทางไปจากตัวผม พร้อมๆกับช่องว่างแห่งมิติบางอย่างซึ่งโผล่ออกมาอยู่เบื้องหน้า ผมรีบก้าวขาเข้าไปตามแรงดึงดูดมหาศาลที่ส่งออกมา มีเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นที่นึกหันกลับไปสบสายตากับฌานคนเมื่อครู่ เขากำลังมองมาที่ผมเช่นกัน แต่ด้วยสายตางุนงงเป็นที่สุด แล้วก็เป็นสายตาแบบที่ผมไม่คุ้นเคยจริงๆด้วยสิ

เราเสียเวลามวนท้องเวียนหัวกันเหมือนทุกครั้ง ก่อนที่ผมลืมตาขึ้นมาพบกับโลกใบใหม่ ทั้งๆที่อยากจะตะโกนชื่อของฌานออกไปดังๆตั้งแต่วินาทีแรกที่มาถึง แต่สุ่มเสียงทั้งหมดกลับถูกดูดกลืนหายไปเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าคืออะไร...

ห้องเลคเชอร์ขนาดใหญ่ ที่นั่งแถบหน้าเต็มไปด้วยนักศึกษาในชุดสีขาวดำแลดูมีเกียรติ ทุกคนแถวนั้นกำลังขะมักเขม้นจดเนื้อหาตามเสียงจากลำโพง ถัดออกมาอีก หลายคนเริ่มวุ่นวายอยู่กับกลุ่มเพื่อนของตัวเอง บ้างก็นั่งแต่งหน้า เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่างกับสมุด ซึ่งเชื่อแน่ว่าไม่ใช่การเรียน ส่วนผมน่ะเหรอ... ก็นั่งเหรอหราอยู่เอาเกือบท้ายสุดของห้องเลยน่ะสิ

เมื่อก้มลงมองที่โต๊ะตัวจิ๋ว ก็เห็นสมุดโน้ตว่างเปล่ากับปากกาด้ามเดียวนอนแหมะอยู่บนนั้น เสื้อผ้าที่ผมสวมใส่ก็ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นชุดนักศึกษาเช่นกัน ที่นี่มัน…มหาวิทยาลัย!? เป็นอีกครั้งที่ผมโผล่มาในโลกที่ตัวเองได้เรียนหนังสือ แถมคราวนี้ยังมีโอกาสได้เข้ามานั่งเรียนจริงๆซะด้วย

“นักศึกษา”

เสียงทุ้มถูกกดให้ต่ำลงจนน่ากลัว ผมค่อยๆเงยหน้ามองอาจารย์ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้านักศึกษาเกือบร้อยคนในที่แห่งนี้ สองมือรีบยกขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงที่อาจเล็ดรอดออกมาด้วยความตกใจ บ้าไปแล้วแน่ๆ! อาจารย์ในมหาวิทยาลัยของผมที่โลกใบนี้..

คือคุณรัฐอย่างนั้นเหรอ!?

------------------------------------------

ตัวขโมยบทโผล่แล้ว xD
ตอนต่อไปไม่รู้จะได้ลงเมื่อไร เพราะว่าไฟล์ของตอนนั้นอยู่ในคอม
แล้วคอมเสีย ;w; ที่ลงตอนนี้ได้เพราะเคยเซฟไว้ใน usb อ่า
เซ็งเลย อยากอัพไวๆ (แม้จะแต่งไม่ทัน 55)
คือช่วงนี้ชอบรัฐมาก อยากให้มีคนพูดถึงรัฐบ้าง 55555

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
สงสารปลายจัง เสียค่าเดินทางตั้งมากมาย กว่าจะเจอกัน ปลายคงเหลือเวลาไม่มากแล้วสิ....

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คุณร๊าดดดดดดด โผล่มาขโมยซีนทุกทีสิน่า 5555
แต่ยังไงเสียบทเธอก็คือ พระรอง นะเออ >,,,,,<

แอบกลัวจังว่าสุดท้ายต่อให้ใช้เวลาจนแทบไม่เหลือแล้ว....ก็ยังไม่เจอกัน
แต่ว่านะครั้งนั้นที่ CD ใช้ทริปหมดอายุ  เป็นความผิดพลาดของเซลล์  ปลายเอาไปฟ้อง สคบ. ได้นะ แหะๆ

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
โห งี้กว่าจะเจอ ตายกันพอดี

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 16
อีกครั้งและอีกครั้ง


 

สายตาของผมจับจ้องไปที่คุณรัฐซึ่งกำลังทำหน้าที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในตอนนี้อยู่ ภายในหัวก็กำลังประมวลเหตุการณ์บ้าๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับชีวิต สรุปว่าเมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน ระหว่างที่ผมกำลังหนีเจ้าหนี้ ผมก็ได้เดินทางไปที่โลก 18 ไปเจอกับฌานและได้รักกันมาก่อน แต่เพราะเหตุขัดข้องระหว่างที่พวกเรากำลังจะเดินทางไปโลกใบที่ 1 ทำให้ทั้งผมและฌานถูกดีดกลับมาที่โลกใบเดิมของตัวเอง แล้วก็เป็นอย่างที่ยัย CD คอยย้ำแต่ผมคงไม่ทันได้ฟังเอง... เรื่องที่ว่าเราจะโผล่กลับมา ณ จุดจุดเดิมกับขาไปพอดีเป๊ะ นั่นทำให้ผมพลาดตกบันได ความจำเสื่อม

หลังจากนั้น CD ก็ปรากฏตัวขึ้นมาหลอกผมอีกครั้ง และนำพาผมไปที่โลก 27 ที่นั่นผมได้เจอฌานซึ่งกำลังออกตามหาตัวผม ซึ่งเป็นตัวผมจริงๆ แต่ผมดันจำไม่ได้เอง ถึงทำให้เราต้องคลาดกัน.. มันคงดีกว่าถ้าความทรงจำจะกลับคืนมาในเวลาที่ยังอยู่ข้างๆเขา แต่ความโชคร้ายทำให้ผมนึกเรื่องทั้งหมดได้ ในตอนที่หนีจากฌานมาแล้ว พอกลับไปที่โลก 27 ฌานก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไป เขาคงจากไปเพราะรู้ว่า ปลายของโลกใบนั้นยังไม่ใช่ปลายที่เขาตามหาอยู่ดีนั่นแหละ

บ้าบอชะมัดเลยเนอะ นี่มันละครเรื่องอะไรหรือไง ทำไมถึงได้โหดร้ายนักล่ะ?

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกไปก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอีกครั้ง ไม่นานนัก คุณรัฐก็บรรยายสรุปเนื้อหาของวันนี้อย่างรวบรัด ก่อนจะบอกลานักศึกษา เป็นอันจบการเรียนการสอนลง นักศึกษาส่วนใหญ่รีบกรูกันออกไปจากห้อง ยังเหลือแค่บางคนที่ตรงเข้าไปพูดคุยกับคุณรัฐอย่างเด็กคงแก่เรียน พอเห็นว่าไม่เหลือใครแล้ว ผมจึงรีบวิ่งเข้าไปดักหน้าคุณรัฐซึ่งทำท่าจะเดินออกจากห้อง

“คุณร.. ไม่สิ อาจารย์ครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?”

“ว่ามาสิ”

“ที่นี่มีนักศึกษาที่ชื่อ ฌาณ หรือเปล่าครับ?”

ยากเลยสิ… ไอ้คำถามกว้างสุดขอบโลกแบบนี้ ต่อให้เป็นโดราเอม่อนก็คงไม่รู้หรอกครับแหม่! แต่ผมก็อยากลองเสี่ยงถามดู เพราะถ้าไม่ใช่คุณรัฐ ผมก็ไม่รู้จะแบกหน้าไปปรึกษาใครแล้วจริงๆ เพราะคนที่ผมรู้จักที่นี่มันน้อยเหลือเกิน

ยังไงก็ตาม ฌาณจะต้องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมแน่ เพราะยัย CD เคยบอกว่า ‘โดยปกติแล้ว คนที่มีความสัมพันธ์หรืออาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน ก็จะมีความสัมพันธ์บางอย่าง หรืออย่างน้อยก็อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน ในโลกทุกๆใบเช่นกัน’

แล้วจากการเดินทางที่ผ่านมาผมก็รู้แล้วว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ โลกใบที่ 23 โลกดั้งเดิมของผม คุณรัฐเป็นลูกค้าร้านขนมปังที่ผมทำงานอยู่ ขณะเดียวกันฌาณก็เป็นคนในพื้นที่นั้นเหมือนกัน ถึงแม้ว่าผมจะเคยเห็นหน้าเขาแค่ไม่กี่ครั้งก็ตามที พอมาที่โลก 27 คุณรัฐก็กลายมาเป็นพี่ชายของผม ส่วนฌาณก็เป็นเจ้านาย และโลก 18 ที่ผมกับฌาณเป็นคนรักกัน ในขณะที่คุณรัฐก็เป็นคนสนิท

ในโลกทุกๆใบ ผมและคนเหล่านี้จะต้องมีบางอย่างเชื่อมโยงหรือเกี่ยวเนื่องกันอยู่ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่มันก็จะต้องมีอยู่แน่ๆ… สายสัมพันธ์ที่จะสามารถพาผมไปพบกับฌาณได้

“ถามอะไรของเธอ”

“เอ่อ.. ขอโทษครับ มันอาจจะดูแปลก แต่ว่ามันสำคัญกับผมมาก!”

ผมยังคงตื้อเอาคำตอบโดยไม่สนใจว่าคุณรัฐจะตีสีหน้าเบื่อหน่ายเพียงใด หวังว่าการกระทำของผมคงไม่ทำให้ชีวิตตัวเองให้โลกนี้ลำบากหรอกใช่ไหม ผมกำลังแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับอาจารย์อยู่หรือเปล่าเนี่ย แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องทำ ผมต้องหาฌาณให้เจอ!

“แล้วไม่รู้ชื่อจริงหรือไง?” คุณรัฐถอนหายใจ และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีจนได้ แต่น่าเสียใจที่ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับฌาณน้อยเกินไป

“เอ่อ ไม่ทราบครับ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ เธอคิดว่าที่นี่มีนักศึกษากี่คนกัน”

ผมได้แต่ก้มหน้างุดยอมรับความเป็นจริง คุณรัฐทำท่าเหมือนจะเดินผ่านผมไป… บางทีฌาณอาจไม่ใช่นักศึกษา ถ้าเขาเป็นรุ่นน้องคุณรัฐไม่กี่ปี และมีอายุมากพอจะเปิดร้านของตัวเองก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาจบปริญญาแล้ว ก็หมอนั่นหน้าเด็กนี่ ใครจะไปเทียบอายุถูกเล่า!

“อะ..อาจารย์ล่ะครับ? มีอาจารย์ชื่อฌาณหรือเปล่า เอ่อ…อายุน้อยกว่าอาจารย์ไม่กี่ปีน่ะครับ” ผมผายมือไปทางคุณรัฐ ก่อนที่เขาจะเดินพ้นจากประตูห้องไป

ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกนึกโกรธตัวเอง ทั้งๆที่เราก็รักกันมากขนาดนั้น แต่ภายในเวลาอันแสนสั้น เรากลับไม่ได้พูดคุยเรื่องของกันและกันมากเท่าที่ควรเลย โดยเฉพาะพวกเรื่องสำคัญ…ก็นะ เราเอาแต่มัวตื่นเต้นกับโลกที่ไม่ใช่ของเรา และเสียเวลาไปกับการขุดคุ้ยเรื่องราวที่ไม่ใช่ของเรา บทสนทนาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับปัจจุบันในตอนนั้นเท่านั้นเอง ใช่แล้ว…ยังมีอีกตั้งหลายเรื่องที่อยากพูดคุยด้วย มีคำถามอีกตั้งมากมายที่รอคำตอบ เพราะอย่างนี้ถึงต้องหาเขาให้เจอให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยเศษเสี้ยวของชีวิตตัวเองก็ตาม

“อืม… ใช่อาจารย์ชาญชัย คณะรัฐศาสตร์หรือเปล่า?”

“เอ่อ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ถ้ายังไง..”

“จะพาไปเจอแล้วกัน”

“ข.. ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ!”

ผมรีบก้าวขาตามคุณรัฐออกไปจากห้อง เลียบไปตามทางเดินของมหาวิทยาลัยอันใหญ่โต แผ่นหลังของผู้ชายตรงหน้าตอนนี้ราวกับเทวดา ผมอาจจะเคยพูดถึงคุณรัฐในแง่ที่ไม่ดีมาก่อน แต่ก็รู้แก่ใจว่าจริงๆแล้วคุณรัฐเป็นคนดีขนาดไหน แม้แต่ในโลกใบนี้ หรือโลกอื่นๆที่ผ่านมาเองก็เหมือนกัน คุณรัฐดีกับผมเสมอเลย ดีจริงๆ…ดีจริงๆที่ได้รู้จักคนคนนี้

เราเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ก่อนจะเจอกับป้ายคณะรัฐศาสตร์แปะหราอยู่บนยอดตึก คุณรัฐเดินนำไปจนถึงห้องปรับอากาศห้องหนึ่ง ด้านในมีอาจารย์อยู่แค่สองท่านเท่านั้น

“อาจารย์ชาญชัย”

“อ้าว อาจารย์รัฐฐา สวัสดีครับ”

อาจารย์ชาญชัยที่ว่าเงยหน้าขึ้นจากกองหนังสือบนโต๊ะเพื่อทักทายผู้มาเยือน ผู้ชายท่าทางภูมิฐานในชุดสูทชั้นดี รับกับแว่นตากรอบดำดูไม่แก่จนเกินไปกำลังยิ้มกว้างมองเราทั้งคู่ด้วยสายตาประหลาดใจ

“พอดีว่าเด็กคนนี้กำลังตามหาอาจารย์ที่ชื่อ ฌาณ น่ะครับ ว่าไงล่ะ?” คำสุดท้ายนั่นคุณรัฐหันมาถามผมซึ่งได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น ผมส่ายหน้าเล็กน้อย ในอกเต็มไปด้วยความเกรงใจแบบสุดๆ แต่คุณรัฐกลับทำเพียงถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะหันไปขอโทษอาจารย์ชาญชัย พลางดึงมือของผมให้เดินตามออกไปจากห้อง

“ข้างๆนี้เป็นตึกคณะศิลปกรรม มีอาจารย์รูปหล่ออายุยังน้อยชื่อ ชาญวิทย์ คิดว่าคงใช่คนที่เธอตามหานะ”

“อ๊ะ ครับ! อาจจะใช่นะ” อาจารย์รูปหล่ออายุยังน้อย นี่แหละใช่เลย ต้องใช่แน่ๆ ขอให้ใช่ทีเถอะ อ่า.. แต่ถึงจะใช่ฌาณจริงๆ ก็อาจจะเป็นแค่ฌาณในโลกใบนี้ ไม่ใช่คนที่เราตามหาสักหน่อย

จะว่าไปแล้ว เปอร์เซ็นที่เราจะเจอกันมันเกือบจะเป็นศูนย์ด้วยซ้ำ ในเมื่อผมก็กำลังตามหาเขาอยู่แบบนี้ แล้วเขาก็กำลังตามหาผมเช่นกัน แต่จะบอกให้รออยู่ที่ไหนสักแห่งก็ทำไม่ได้หรอก เพราะผมไม่รู้ว่าฌาณผ่านไปที่โลกไหนบ้างแล้ว และเขาคงจะไม่ย้อนกลับไปที่โลกใบเดิม เอาเป็นว่าตอนนี้ ผมแค่อยากจะค้นหาเขาให้สุดความสามารถ โดยมีโชคเป็นเดิมพันเท่านั้นแหละ

คุณรัฐพาผมลัดสนามไปถึงตึกคณะศิลปกรรม มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเตรียมงานบางอย่างอยู่แถวนั้น และดูเหมือนพวกเราจะต้องเร่งฝีเท้ามากขึ้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตานัก ในที่สุดก็มาถึงห้องพักอาจารย์ ปอยผมสีดำโผล่พ้นจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ราคาแพงทำเอาใจผมเต้นรัว ความหวังบางอย่างก่อตัวขึ้น พอดีกับที่คุณรัฐเดินเข้าไปทักทายเป้าหมาย

“อาจารย์ชาญวิทย์ ขอเวลาสักครู่นะครับ”

“สวัสดีครับอาจารย์รัฐฐา”

“พอดีว่าเด็กคนนี้เขาอยากลองพบคุณ”

ผมรีบรุดเข้าไปหาโต๊ะตรงหน้า เพื่อจะพบว่า… เขาไม่ใช่ฌาณ

“ว่าไง มีอะไรเหรอ?”

“เปล่าครับ ขอโทษครับ” ในใจมันเจ็บแปลบขึ้นมาวูบหนึ่ง ความหวังที่เคยก่อตัวขึ้นพังทลายลงอย่างรวดเร็ว สองขาของผมรีบพาตัวเองออกมาหยุดหอบอยู่ที่หน้าบันได เสียงฝีเท้าหนักหน่วงของใครบางคนดังขึ้นไล่หลังมาติดๆ

“สรวิชญ์!”

“ขอโทษครับอาจารย์ คนที่ผมตามหาคงไม่ได้อยู่ที่นี่” ผมโค้งตัวจนหัวแทบจะติดพื้น เพื่อขอโทษกับการต้องมาเสียเวลาแบบนี้

“เย็นมากแล้ว วันนี้กลับก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะช่วยหาต่อ”

“เอ่อ..”

“เดี๋ยวฉันไปส่ง”

“เอ้ยย! มะ ไม่เป็นไรครับ”

ทั้งๆที่พูดว่าไม่เป็นไร แต่คุณรัฐกลับทำเป็นไม่สนใจแล้วดันหลังผมให้เดินลงบันไดอย่างขัดขืนไม่ได้ ด้านนอกเริ่มมีฝนตกปอยๆและดูท่าว่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เราเดินลอดใต้อาคารเรียนมาโผล่ที่จุดจุดแรกเพื่อไม่ให้เสื้อผ้าต้องเปียก แต่กลับกินเวลาค่อนข้างมากจนท้องฟ้ายิ่งอึมครึมจนดูน่ากลัว คุณรัฐชี้นิ้วไปที่ลานจอดรถใกล้ๆ พอให้เห็นรถญี่ปุ่นสีเงินซึ่งกำลังจอดหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขายืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดสูทสีกรมท่าออกมาโยนใส่หัวของผมพอดีเป๊ะ

“อ..อะไรครั..”

ไม่ทันที่ผมจะถามจบ คุณรัฐก็ยกกระเป๋าสีดำในมือขึ้นป้องศรีษะ และออกตัววิ่งตรงไปทางรถของตัวเองเสียแล้ว ฝนเริ่มตกหนักขึ้น ทำให้ผมต้องยอมกระชับเสื้อสูทของคุณรัฐไว้แนบหัว ก่อนจะวิ่งตามเข้าไปนั่งในรถ ตรงเบาะข้างๆคนขับ ชุดสูทถูกถอดออกและยื่นกลับไปให้เจ้าของซึ่งกำลังวุ่นอยู่กับการควานหาบางอย่าง ไม่นานนัก ทิชชู่ซองหนึ่งก็ถูกส่งมาให้ผมเช็ดเนื้อตัวส่วนที่เปียกฝน ทั้งที่คนเปียกกว่าคือเขาแท้ๆเลย

เฮ้ย เดี๋ยวนะ! แล้วบ้านผมที่โลกนี้อยู่ไหนล่ะ จะไปบอกทางถูกได้ไง ตายละ เดี๋ยวอีกแป๊บนึงคุณรัฐต้องหันมาถามว่า ‘แล้วบ้านเธออยู่ไหน?’ แน่ๆ อ๊ากกก ผมคงไม่ทำชีวิตตัวเองที่นี่พังด้วยการทำตัวโง่กลับบ้านไม่ถูกหรอกนะ ;;;

รถยนต์ถูกสตาร์ทขึ้นและออกตัวนิ่มนวล ไร้การพูดคุยใดๆจนขับมาถึงถนนใหญ่… ผู้ชายด้านหลังพวงมาลัยก็ยังคงปิดปากเงียบ มีแค่บางครั้งที่เขาแอบหันมามองหน้าผมเฉยๆเท่านั้น อะไร? ไม่ถามเรอะ ทำไมล่ะ หรือว่าจะรู้ทางอยู่แล้ว หรือบนโลกนี้เราเป็นเพื่อนบ้านกันงี้? เดาไม่ถูกแฮะ แต่การที่คุณรัฐรู้ทางกลับบ้านของนักศึกษาหนึ่งจากหลายร้อยมันนับว่าไม่ธรรมดา แปลว่าเราต้องมีความสัมพันธ์ด้านอื่นกันอีก นอกจากแค่อาจารย์นักเรียนแบบนี้ แต่เป็นความสัมพันธ์ด้านไหนนั้น.. ผมก็ไม่กล้าเดาจริงๆ

“แวะกินข้าวด้วยกันก่อนนะ”

“เอ่อ…” ถ้าจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดในร้านอาหารแล้วค่อยมาพูดก็ไม่ต้องพูดเลยครับ ยังไงผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่!

ประตูสีดำดูเรียบหรูถูกคนตัวสูงเปิดออก ก่อนที่พวกเราจะอพยพไปจับจ้องโต๊ะอาหารที่ด้านในสุดของร้าน มันในสุดจริงๆ จนแทบไม่มีลูกค้าคนใดเลยนอกจากเราสองคนเท่านั้น

แก้วน้ำเปล่าทรงแปลกตาถูกเอื้อมมาวางไว้บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เสียงคุ้นหูประหลาดจะดังขึ้นด้านหลังเพื่อรับออเดอร์ หัวใจของผมกระตุกวูบ ไม่ได้ยินเสียงของคุณรัฐที่กำลังสั่งอาหารอีกต่อไป เพียงแต่ซุ่มเสียงของพนักงานชายคนนี้กลับดังขึ้นแทนในโสตประสาท ปลายนิ้วของผมชาเกร็ง ก่อนที่ร่างกายจะบังคับให้หันไปมองคนที่ว่านี้ช้าๆ

ใบหน้าเรียวสวย ผิวสีขาวอมเหลืองรับกับเส้นผมสีดำสนิท และยิ่งดูดีเมื่อประกอบเข้ากับดวงตากลมสีน้ำตาลตรงหน้า ผมไล้สายตาลงมาถึงจมูกที่โด่งเป็นสัน และริมฝีปากที่ส้มธรรมชาติอันแสนคุ้นเคย ไม่ผิดแน่ นี่ไง… ผู้ชายที่ผมตามหา!

“ฌาณ!”

ผมพรวดพราดลุกขึ้นจนพนักงานรับออเดอร์คนนี้ตกใจ สายตาของเราประสานกันเพียงครู่หนึ่ง ก่อนที่ปลายนิ้วของผมจะเอื้อมออกไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้ แต่แล้วผมกลับสัมผัสเอาได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อฌาณถอยหนีออกไปพลางตีสีหน้างุนงงเป็นที่สุด

“นาย.. ไม่รู้จักฉันเหรอ?”

“ไม่ครับ คิดว่าไม่แน่ๆ”

สายตาของผมหลุบต่ำลงด้วยใจที่แห้งเหี่ยวผิดหวัง สัมผัสบางเบาจากมือเล็กๆปรากฏขึ้นที่ไหล่ขวา CD นั่นเองซึ่งรีบเผยตัวออกมาปลอบใจกัน ตอนนี้ผมเหมือนคนตาบอดที่คลำทางไม่ถูก CD เองก็มาถึงจุดที่ช่วยอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะหลังจากเราคลาดกับฌาณในโลกใบที่ 27 ยัยเด็กนี่ก็ไม่รู้ตำแหน่งของฌาณเช่นกัน แต่ช่างเถอะ ต่อให้รู้ก็คงบอกไม่ได้อยู่ดี

“ไปเถอะ” ผมพูดหับ CD เสียงแหบพร่า สายตาหันมองทั้งฌาณและคุณรัฐซึ่งมีท่าทีประหลาดใจไม่แพ้กัน ไม่ทันไรผมก็รีบทิ้งบรรยากาศแปลกๆนั้นไว้ แล้ววิ่งหนีออกมาจากร้าน CD ลอยมาหยุดรอผมไว้แล้ว..

“33!”

ผมรีบคิดหาตัวเลขสักตัว ก่อนที่ CD จะรีบเปิดประตูมิติ พร้อมให้ผมทะยานไปสู่โลกใบต่อไปอีกครั้ง วินาทีสุดท้ายก่อนที่ช่องว่างอันมืดสนิทนี้จะปิดตัวลง ยังพอได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังของคุณรัฐซึ่งแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงมากมาย ขอโทษครับ แต่ผมจะหยุดไม่ได้…

เป็นอีกครั้งที่ผมต้องทนกับแรงกระชากบ้าๆนี่ จนในที่สุดทุกอย่างก็สงบลง ดวงตาสองข้างค่อยๆปรือขึ้น ภาพตรงหน้าคือโรงอาหารขนาดใหญ่สักที่ บนโต๊ะมีชามก๋วยเตี๋ยวน้ำตกวางอยู่ ที่นั่งตรงข้ามก็เช่นกัน คนส่วนใหญ่ในที่นี้รวมทั้งตัวผมด้วย สวมใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันหมด คล้ายๆว่าจะเป็นโรงงานอะไรบางอย่าง

ผมนั่งเอ๋ออยู่ได้ไม่นาน ก็เกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาใกล้ๆ ใครบางคนกำลังเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับแก้วน้ำสองใบที่ถูกวางลงบนโต๊ะ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ ผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง!

-------------------------------------

คุณรัฐเป็นคนดีนะ
ไม่รู้จะมีใครสนใจบ้างไหม 555
ตอนนี้แต่งไม่ค่อยจะทัน หัวตันงะ ;w;
แต่จะพยายามไม่หายไปอีกนะค้า
ถ้ายังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปด้วยน้า~

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1511
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
ตอนแรกสงสารฌาณที่ตามหาปายในโลกต่างๆตอนนี้สงสารปายแทนแล้ว
เมื่อไหร่ความรักครั้งนี้ของทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยกันจริงๆเสียที
เกิดอาการเกลียด CD ขึ้นมาตงิดๆ
ถ้ายังหากันไม่เจออยู่แบบนี้อายุขัยของปายจะไม่หมดก่อนหรอเนี่ย  :katai1:


mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 17
ต่อไป


 

“เหม่ออะไรน่ะ?”

“ค…คุณรัฐ”

“เอ้า ชานมของนาย”

แก้วน้ำใบหนึ่งถูกเลื่อนมาอยู่ตรงหน้า พอดีกับที่คุณรัฐทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามผม เราเจอกันอีกแล้ว.. เป็นคุณรัฐอีกแล้วที่มาอยู่ต่อหน้าผม แต่นั่นก็ทำให้ผมอุ่นใจ ว่ายังมีคนที่ผมพึ่งพาได้อยู่

“ที่นี่ที่ไหนครับ?” คำถามที่ดูโง่และบ้ามากถูกส่งออกไป ทำเอาคนฟังถึงกับผงะด้วยความงุนงง มือใหญ่เอื้อมเข้ามาใกล้คล้ายจะวัดไข้ ผมจึงต้องรีบเอนตัวหนีพร้อมตีหน้าบูดบึ้ง คุณรัฐชักมือกลับพลางหัวเราะน้อยๆ

“ก็ที่ทำงานของพวกเราไง”

“ทำงาน..งานอะไรครับ?”

“FFP บริษัทอาหารแช่แข็งไง เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”

คุณรัฐทำหน้างงกว่าเดิมแต่ก็ยอมตอบคำถามแต่โดยดี นั่นทำเอาผมเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้น พวกเราทั้งหมดที่นี่คงเป็นพนักงานในโรงงานของบริษัทอาหารแช่แข็งที่ว่า และนี่ก็คงจะเป็นช่วงพักกลางวัน โดยที่ผมมีคุณรัฐเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานอย่างนั้นสินะ พอจะเข้าใจสถานการณ์บนโลกนี้ละ ต่อไปก็ต้องถามถึงฌาณ!

“คุณรัฐ รู้จักคนชื่อฌาณหรือเปล่าครับ?”

“คุณรัฐ? ทำไมเรียกซะสุภาพแบบนั้นล่ะ แล้วคนชื่อฌาณที่ว่า ก็ไม่ใช่เจ้านายพวกเราหรอกเรอะ”

“หะ?”

“คุณฌาณ ลูกชายของคุณเกรียงไกร เจ้าของบริษัทนี้ไง นายไม่เป็นไรแน่นะ?”

คุณรัฐเริ่มมองผมด้วยสายตาแปลกๆ แต่ผมไม่มีเวลามานั่งอธิบาย บนโลกนี้ฌาณคือเจ้านายของผมงั้นเหรอ แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะ ผมต้องไปหาเขา…

“ตายยากแฮะ คุณฌาณมาโน้นแล้วไง”

เสียงคุณรัฐดังขึ้น ผมจึงรีบตวัดสายตาไปตามนิ้วของผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายที่ปมคุ้นเคยดีในชุดสูทราคาแพงกำลังเดินหน้ามุ่ยตรงเข้ามาในโรงอาหาร พร้อมกับลูกน้องอีกสองคนที่ขนาบข้างมาด้วยกัน ท่าทางน่าเกรงขามไม่เบาทีเดียว แล้วถ้าพนักงานต่ำต้อยอย่างผมจะกระโจนเข้าไปถามคำถามแปลกๆมันคงไม่ดีแน่ ไม่อย่างนั้นชีวิตของผมที่นี่คงพังลงอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้างั้น…ผมก็ควรจะเข้าไปพูดคุยในฐานะของลูกจ้างสินะ

“ปลาย!”

คุณรัฐเรียกไล่หลังมาทันทีที่ผมเดินตรงไปยังจุดที่ฌาณรอสั่งอาหารอยู่ ลูกน้องสองคนตรงนั้นหันมองผมแปลกๆ แต่ไม่ทันที่ใครจะเข้าห้าม ผมก็ชิงเรียกฌาณเอาไว้ได้ก่อน ท่ามกลางสายตางุนงงของกลายคนตรงนั้น ฌาณหันมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะพ่นคำพูดที่ทำให้ผมเข้าใจคำตอบทุกอย่างออกมา

“นาย…ใครน่ะ?”

“อะ..เอ่อ ขอโทษครับ”

ผมพูดได้เพียงแค่นั้น ก่อนจะออกวิ่งไปอีกทาง ให้พ้นจากบริเวณโรงอาหารนี้ ระหว่างทางยัย CD ก็มาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมตีสีหน้าหน่ายใจเต็มทน ผมรู้… รู้ว่าเธอคิดอะไร แต่ผมไม่อาจยอมรับ…

“ยังจะไปต่ออีกเหรอ?”

“ไปสิ.. ต้องไป ดีกว่าอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลย”

“ปลาย…”

“ไปโลกใบที่ 5 กันเถอะ”

CD เงียบไปพักหนึ่ง จนเริ่มได้ยินเสียงคุณรัฐแว่วมาแต่ไกล เธอจึงยอมเปิดทางให้ผมเดินทางต่อไป โลกใบที่ 5 ใจร้ายกับผมมากตรงที่ว่า ฌาณในที่นี้มีคนรักแล้ว แถมยังเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักจนน่าใจหายอีกต่างหาก ส่วนคุณรัฐก็โผล่มาเป็นรุ่นพี่ของผมเช่นเคย เราเดินซื้อของกันอยู่ในห้างแล้วบังเอิญเจอฌาณพอดี แต่แค่เห็นฌาณกำลังสวีทหวานกับสาวน้อยข้างกาย โดยเมินผมที่กำลังจะตรงเข้าไปทัก แค่นั้นก็สรุปได้แล้วว่าเขาไม่ใช่ฌาณที่ผมตามหาแน่นอน ทั้งที่ไม่ใช่คนเดียวกัน แต่พอเห็นภาพแบบนั้นแล้วมันก็อดเจ็บใจไม่ได้ ผมกำลังคิดว่าถ้าเราได้เจอกันแล้ว เราจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในสังคมได้จริงเหรอ ในเมื่อสังคมมันกำหนดไปแล้วว่า ให้ผู้ชายคู่ผู้หญิงนี่น่า…

ไม่สิ.. ผมจะคิดแบบนั้นไม่ได้ ยังไงเราก็ต้องได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หรือต่อให้ต้องเจ็บปวดจากแรงกดดันของสังคมหรืออะไรก็ตาม ตราบใดที่ยังอยู่เคียงข้างฌาณ ผมก็ไม่หวั่น ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือการหาตัวเขาให้เจอเท่านั้น ต้องเจอ…จะต้องหาเจอแน่!

“11!”

ผมส่งเสียงบอก CD ที่เผยตัวออกมาทันทีที่รู้ว่าฌาณไม่ใช่ฌาณ หลังจากที่ผมหาข้ออ้างปลีกตัวออกมาจากคุณรัฐและคนหมู่มากได้แล้ว เราก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางอีกครั้ง

โลกใบที่ 11 ก็ยังคงไม่ใช่โลกที่ฌาณคนนั้นแวะมา ซ้ำร้ายยังเป็นโลกที่ผมได้เจอกับฌาณในงานนัดบอร์ด รวมทั้งทิพย์ น้ำตาล เกียร์ และผู้หญิงที่เป็นแฟนของฌาณในโลกใบที่ 5 อีกด้วย เป็นภาพที่หน้าเจ็บปวดอีกครั้งเวลาที่ต้องเห็นฌาณทำตาหวานใส่ผู้หญิงคนอื่น ขณะที่ผมหลบมาเข้าห้องน้ำเพื่อจะเดินทางต่อ ก็บังเอิญลื่นล้มแล้วได้คุณรัฐเข้ามาช่วยไว้ นั่นคือทั้งหมดของโลกใบนี้ โลกใบที่ผมไม่เจอฌาณ…

“พอได้แล้วปลาย” CD โผล่หน้าออกมาภายในห้องน้ำห้องเล็กๆ เธอมีสีหน้าแย่ไม่แพ้ผมเลยทีเดียว

“…”

“นายก็รู้ว่าสิ่งที่นายทำอยู่มันไร้ประโยชน์แค่ไหน ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่นายจะได้เจอฌาณ โดยที่ทั้งสองคนต่างก็ออกเดินทางไปเรื่อยๆแบบนี้ ทางเดียวที่จะได้เจอกัน คือนายกับฌาณต้องเดินทางไปลงที่โลกใบเดียวกันในเวลาเดียวกันเท่านั้น ซึ่งมันแทบไม่มีโอกาสจะเกิดขึ้นเลย!”

CD ร่ายยาวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงโมโหระคนห่วงใย ผมได้แต่นิ่งเงียบและหลุบสายตาลงเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ยัยนี่พูดมามันจริงทั้งหมด โอกาสที่จะได้เจอฌาณน้อยมากจนแทบไม่มี ในเมื่อฌาณก็กำลังเดินทางไปเรื่อยๆ และผมก็กำลังเดินทางไปเรื่อยๆเช่นกัน ถ้าเพียงแค่เราไม่ได้ลงที่โลกใบเดียวกันในเวลาเดียวกัน เราก็จะคลาดกันทันที ซึ่งมันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

ถึงยังไง… ผมก็ยอมนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ นี่คือการลงทุนของผม ผมยอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อตามหาฌาณ แม้โอกาสมันจะน้อยแค่ไหนก็ตามที ความจริงก็คือ.. ไม่ว่าทางไหน โอกาสที่จะได้เจอฌาณก็ริบหรี่พอกันทั้งนั้น เพราะผมไม่รู้อะไรเลย

ถ้าผมยอมหยุดอยู่ที่โลกใบใดใบหนึ่ง เพื่อรอให้ฌาณมาพบ ก็ไม่แน่ว่าโลกใบนั้น ฌาณอาจเคยแวะมาและไม่เจอผมแล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงไม่กลับมาอีก และผมก็ไม่รู้เลยว่าต้องรอจนตายหรือเปล่า ในขณะเดียวกัน ถ้าผมออกตามหาแบบนี้ โอกาสที่เราจะคลาดกันก็สูงลิ่วจนน่ากลัว ถ้าเป็นอย่างนี้.. ไม่ว่าจะทางไหน มันก็แย่พอกันไม่ใช่เหรอ

ถ้างั้นสู้ให้ผมได้ทำอะไรบ้างจะดีกว่า ถ้าปล่อยให้ตัวเองได้แต่รออยู่เฉยๆ ถ้าไม่เป็นบ้า ผมก็ต้องเฉาตายแน่ๆ ใช่แล้ว..ถ้าต้องอยู่เฉยๆแล้วได้แต่รอ ผมคงได้เป็นบ้าจนตายแน่ๆ…

“นายก็แค่เอาชีวิตตัวเองมาทิ้ง โดยหวังว่าความเจ็บปวดจะบั่นทอนลงบ้างจากการทำอะไรสักอย่างเท่านั้น”

ผมกำหมัดแน่น พร้อมกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงด้วยว่าโดนยัยเด็กตรงหน้านี้จี้ใจดำเข้าให้พอดี คำพูดที่เหมือนจะต่อว่า แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงมากมายทำให้ผมไม่กล้าเถียงอะไรกลับไปเลย มันจริงทั้งหมด..เป็นอย่างที่ CD ว่ามาทั้งหมดเลย ผมก็แค่พยายามทำอะไรสักอย่าง เพื่อหวังว่าจะลืมความเจ็บปวดที่มันสุมกันอยู่ในอกนี้ได้บ้าง แม้หนทางที่เลือกมันจะดูไร้ค่ามากก็ตามที

แต่ถ้าฟ้าเคยนำทางให้ผมได้เจอกับฌาณมาแล้วถึง 2 ครั้ง ปาฏิหาริย์แบบนั้นอาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้ไม่ใช่เหรอ! เพราะยังเชื่อแบบนั้น ผมถึงไม่อยากทำได้แค่รอ ถ้าต้องรออย่างไร้จุดหมายแบบนั้น สู้ให้ผมแลกทั้งชีวิตกับการออกตามหาเขาอีกครั้ง โดยเดิมพันไว้ด้วยโชคชะตาทั้งหมดไม่ดีกว่าเหรอ!

“ต่อไปคือโลกใบที่ 49”

ผมทำเป็นไม่สนใจคำพูดของ CD และจงใจตอกหน้าเธอกลับไปด้วยการซื้อขายครั้งใหม่ ยัยนั่นส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยอมเปิดทางให้ผมแต่โดยดี แน่นอนว่ามันแลกด้วยอายุขัยที่เหลือน้อยเต็มทีแล้ว…

“เหวออ”

แรงกระแทกทำให้ผมส่งเสียงร้องแปลกๆออกมา จนเมื่อทุกอย่างสงบและภาพตรงหน้าก็ชัดเจนขึ้นมา ถึงได้รู้ว่าตอนนี้กำลังโดยสารอยู่บนรถ เมื่อหันไปมองด้านนอกก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเพิ่งจะออกมาจากสนามบิน ที่นั่งข้างๆของผมมีผู้ชายร่างสูงโปร่งกำลังนอนหลับ ใบหน้าเรียวขาวรับกับเส้นผมที่ดำสนิทอย่างที่คุ้นตา.. คุณรัฐนั่นเอง

ผมเลือกที่จะนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ภายในรถแท็กซี่คันเล็ก ตลอดทางผมไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกไปเลย จนกระทั่งรถจอดลงตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง คุณรัฐรู้สึกตัวและเป็นคนกุลีกุจอลงมายกกระเป๋าเดินทางของผมให้ ใจดีเหมือนทุกทีเลยแฮะผู้ชายคนนี้

“แล้วไว้จะโทรหานะ”

“เอ่อ.. ครับ”

ผมตอบรับแบบงงๆ และยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้น นานมากจนรถแท็กซี่ที่มีคุณรัฐนั่งไปด้วยขับออกไปไกลจนลับสายตา ไม่ทันจะคิดอะไรต่อ เสียงเปิดประตูด้านหลังก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงเรียกที่ตอนนี้เริ่มจำได้ดีอีกครั้ง ด้วยว่าเพิ่งเจอกันมาในโลกใบหนึ่ง… เสียงของคุณแม่

“ปลาย เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีไหม?”

ความเป็นห่วงเป็นใยของคนเป็นพ่อเป็นแม่คือสิ่งแรกที่ผมได้รับ พร้อมทั้งความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมาทางอ้อมกอดนี้ด้วย จากสถานการณ์ทั้งหมด ผมคิดว่าตัวเองคงเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเป็นแน่

“ค..ครับ”

“ทำไมถึงไม่ยอมให้แม่ไปรับนะ แล้วรูมเมทของลูกล่ะ?”

รูมเมท? อ่า… คุณรัฐหรือเปล่า คุณรัฐอาจจะเป็นรูมเมทของผมตอนที่อยู่ต่างประเทศ ก็เลยกลับมาด้วยกันเหรอ อย่างนั้นรึเปล่านะ แต่ยังไงก็ต้องตอบอะไรสักอย่างออกไปแล้วแหละ

“กลับ..กลับไปแล้วครับ”

“ช่วงที่ลูกไม่อยู่ มีคนย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านข้างๆแล้ว ไว้ไปสวัสดีเขาหน่อยนะ ตอนนี้ไปพักผ่อนเถอะ”

แม่เหล่ตามองตัวบ้านที่ตั้งอยู่ข้างบ้านของผมด้วยสายตาที่แปลไม่ค่อยจะออก เหมือนกับว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ยังไม่ได้บอกผม อ้ะ แต่ยังไงก็เป็นเกิดของโลกนี้ อาจจะไม่เกี่ยวกับผมมากก็ได้มั้ง ตอนนี้คงต้องพักผ่อนอย่างที่บอก แล้วตอนเช้าค่อยออกตามหาฌาณ เพราะการเดินทางข้ามโลกบ่อยๆมันไม่ดีต่อสภาพร่างกายเอาซะเลย ไม่รู้ว่าเหนื่อยจากการเดินทาง หรือเหนื่อยเพราะโดนดูดชีวิตไปกันแน่

 

“โอ้โห เก่งนะเนี่ย”

เสียงพูดคุยระหว่างครอบครัวผม กับสองสามีภรรยาของบ้านข้างๆ ดังขึ้นไม่ขาดสายตั้งแต่ที่เราก้าวขาเข้ามาทักทาย มันน่าแปลกที่ผมรู้สึกคุ้นหน้าสองคนนี้ยังไงพิกล และยิ่งแปลกเมื่อพบว่าบทสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้น มันมีจุดที่ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์บางอย่างพอดิบพอดี

“เอ่อ แล้ว.. เรื่องนั้นว่ายังไงบ้างคะ?” หลังจากบทสนทนาอันรื่นเริง แม่ก็เป็นฝ่ายทำลายมันลงด้วยการตรงเข้าสู่เรื่องราวบางอย่างซึ่งผมไม่ค่อยเข้าใจ สีหน้าและแววตาของสองสามีภรรยาหมองลงอย่างชัดเจน

“ยังไม่ได้เรื่องเลยค่ะ”

“เอ่อ… อะไรเหรอครับ?” ผมคิดว่าผมคงบาปมากในการส่งคำถามโหดร้ายนี้ออกไป รู้ทั้งรู้ว่าที่คุยกันอยู่ต้องไม่ใช่เรื่องน่ายินดี แต่ก็ยังอยากจะถามเพื่อให้เขาขุดคุ้ยมันขึ้นมาอีก ไม่รู้อะไรดลใจเหมือนกันนะ แต่รู้สึกเหมือนว่าผมสมควรรู้เรื่องนี้

“คือว่า ลูกชายของป้าหายตัวไปน่ะจ้ะ”

“ประมาณ 6 เดือนได้แล้วล่ะ หายไปโดยไม่มีร่องรอยอะไรเลย”

อะไรกัน เหตุการณ์ที่ดูคุ้นเคยอย่างประหลาดนี่.. ลูกชายที่หายตัวไป 6 เดือนโดยไร้ร่องรอยงั้นเหรอ 6 เดือนนี่มันคือช่วงเวลาตั้งแต่ที่เราออกเดินทางข้ามมิติครั้งแรกหนิ เฮ้ย! ไม่จริงน่า…หรือว่าโลกใบที่ 49 ก็คือ…

โลกของฌาณ !!

“ลูกชาย! เอ่อ.. มีรูปลูกชายคุณป้าไหมครับ?”

“เอ๊ะ ม..มีจ้ะ”

คุณป้าดูติดจะงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ยอมลุกไปหยิบกรอบรูปใบหนึ่งที่หลังบ้านออกมาให้ พ่อกับแม่ของผมหันมาส่งสายตาห้ามปรามเป็นช่วงๆ แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลามาเคร่งเรื่องมารยาท เพราะการตามหาฌาณน่ะสำคัญกว่า!

“นี่จ้ะ”

ผมรีบรับกรอบรูปในมือคุณป้ามาดู แล้วก็ต้องรีบยกมือปิดปากเพื่อกลั้นเสียงที่จะหลุดลอดออกไปทันที ผู้ชายร่างสูงในชุดครุยของวันรับปริญญากำลังมองกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมสีดำถูกเซ็ตขึ้นอย่างสง่า พร้อมทั้งดวงตาสีน้ำตาลนั่นด้วย ไม่ผิดเลย.. นี่คือฌาณจริงๆ นี่คือครอบครัวของฌาณ บ้านของฌาณ โลกของฌาณ!

“ปลาย มีอะไรหรือเปล่า?” คราวนี้คุณพ่อเป็นฝ่ายเอื้อมมือมาแตะไหล่ผมเบาๆ พลางดึงกรอบรูปในมือคืนกลับไปให้เจ้าของ

“เอ่อ.. เปล่าครับ ผมขอเข้าห้องน้ำได้หรือเปล่า”

“อ้ะ ห้องน้ำข้างล่างเสีย ต้องเข้าข้างบนนะ เดี๋ยวป้าพาไป”

ผมก้มตัวผ่านผู้ใหญ่ทั้งหมดตรงนั้น ก่อนจะเดินตามคุณป้าขึ้นไปยังชั้นบน มีแวบหนึ่งที่คุณป้าหันไปมองประตูบานหนึ่งที่ชั้นนี้ ซึ่งดูลักษณะแล้วเหมือนจะปิดล็อกมานาน นั่นคงจะเป็นห้องนอนของฌาณล่ะมั้ง แต่ว่าฌาณน่ะไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณป้ากับคุณลุงต้องเจ็บปวดขนาดไหนนะตลอด 6 เดือนผ่านมานี้ ลูกชายคนเดียวหายตัวไปต้องทำใจไม่ได้แน่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังฝืนยิ้มกันอยู่อีก บ้าชะมัดเลย เพราะผมหรือเปล่า หรือเพราะพวกเซลล์ชั่วๆนั่น ที่ทำให้ฌาณต้องพรากจากครอบครัวไปนานขนาดนี้..

“คุณป้าครับ”

“จ้ะ?”

“ผม..จะต้องตามหาลูกชายคุณป้าให้เจอให้ได้ครับ”

“เอ๊ะ?”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ผมพอจะทิ้งไว้ให้ได้ ก่อนที่จะเดินทางต่อไป ตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้ตามหาฌาณเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เพื่อครอบครัวของเขาด้วย ขอร้องล่ะนะโชคชะตา ช่วยนำพาเราให้กลับมาเจอกันอีกครั้งที!!

“CD! ไปที่โลก 38”

“อะ..อือ”

แม้ว่ายัยเด็กนี่จะไม่พอใจกับการเดินทางแบบไร้ประโยชน์ของผมนัก แต่เธอก็ไม่อาจจะปฏิเสธการแลกเปลี่ยนราคาแพงนี้ได้ ไม่สิ.. เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธลูกค้าที่เต็มใจจะยกอายุขัยให้ได้ต่างหาก

วืดดดด…

สายลมอันรุนแรงเป็นตัวนำทางให้ผมลอยไปสู่โลกอีกใบอย่างเช่นทุกที แล้วผมก็ทำได้แค่หลับตาสนิทเท่านั้น จนเมื่อแรงกระชากและกระเทือนทั้งหลายสงบลง ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างกายในลักษณะที่แปลกประหลาดระคนน่ากลัว

ผมลืมตาขึ้นมาภายในห้องขนาดกว้างที่มีเพียงแสงริบหรี่จากดวงไฟสีส้ม ร่างกายมันทั้งเจ็บปวดและเย็นวาบ พอกลอกสายตาดูดีๆถึงได้พบว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่าและหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงที่ยับย่น เนื้อตัวทั้งเหนียวและชะโลมไปด้วยเหงื่อ รู้สึกถึงอะไรบางอย่างแปลกๆภายในร่างกาย ที่ด้านบนมีร่างใหญ่ของใครอีกคนกำลังทำท่าจะทับลงมา จนผมต้องกรีดร้องดังลั่นพร้อมปัดป่ายมือไปทั่วด้วยความตกใจ

“ว๊ากกก!!!”

“โอ๊ยย!”

เสียงร้องคุ้นหูดังขึ้น ก่อนที่ข้อมือสองข้างของผมจะถูกพันธนาการไว้ด้วยมือใหญ่ของใครอีกคน มีคำถามบางอย่างส่งตรงออกมาจากดวงตาสีดำสนิทตรงหน้า ใบหน้าเรียวเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ พอๆกับเส้นผมที่เปียกชุ่มจากความเหน็ดเหนื่อยบางอย่าง

“เป็นอะไรของนาย!?”

“ค..คะ…”

อะไรกัน! อะไรกันครับ โลกใบนี้มันอะไรกัน!? ทำไมผมถึงต้องมานอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยที่มีผู้ชายคนนี้คร่อมตัวไว้ด้วย แล้วทำไม! ทำไมคนที่ขึ้นคร่อมผมอยู่นี่ถึงกลายเป็นคนคนนี้ไปได้!!




ทำไมครับ คุณรัฐ ??!!!!

------------------------------------------

โอ้ย อยากจิอวยคุณรัฐมากเลย 55555
คุณรัฐของโลก 38 แบบ... ถูกใจเรามากอะ ฮ่าๆ
ตอนนี้แอบแต่งไม่ทัน อาจจะลงช้านิดนึงนะ
แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันไปเด้อ
พอดีช่วงนี้ติดงานแปลการ์ตูน ;w;
ก็เลยไม่ค่อยได้แต่งต่อเท่าไร แต่จะพยายามไม่ให้หายไปแน่นอนค่ะ
ติดตามกันต่อไปด้วยน้า ~

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ม่ายเซ่ โลก 38 ไม่ผ่านนะ รับไม่ได้

ยังคงยืนยันคำเดิมนะค้าบบบ ไปฟ้อง สคบ เพราะสินค้าไม่ได้มาตรฐาน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2013 19:38:28 โดย Monochrome »

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1511
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เห้ยยย คุณรัฐ !!! แลดูจะใกล้ความจริงแล้วว

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 18
สุดท้าย


 

“อุ๊บ!?”

คุณรัฐไม่รอคำตอบหรือแม้แต่คำพูดใดๆ กลับตรงเข้าจู่โจมริมฝีปากที่อ้าค้างของผมอย่างรวดเร็วและชำนาญ มือใหญ่ยังคงรวบข้อมือบางของผมไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหน ก่อนที่ลิ้นร้อนจะค่อยๆสอดใส่เข้ามาควานหาความหวานบางอย่างซึ่งผมไม่เต็มใจจะให้!

“อ..อื้ออ!!”

การกระทำของคุณรัฐช่างน่ากลัวผิดกับคุณรัฐที่ผมเคยเจอมาในโลกทุกๆใบ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังแฝงความอ่อนโยนบางอย่างอยู่ลึกๆ เมื่อเขาเห็นท่าทีขัดขืนรุนแรงจากผม ถึงได้ยอมถอนปากออกไปพลางตีสีหน้าสับสน

“เป็นอะไรน่ะปลาย??”

“ฮ..ฮั่ก…”

เสียงหอบถี่ของผมทำให้คุณรัฐยอมคลายแรงบีบที่มือออกบ้างพลางยกตัวขึ้น พอให้สายตาของเราประสานกันอย่างชัดเจน ใบหน้าของผมร้อนผ่าว อีกทั้งคำพูดที่ตั้งใจจะเปล่งออกไปก็ตะกุกตะกักเต็มที

“น..นี่ มัน.. อะไรกัน ครับ”

“อะไร ฉันไม่เข้าใจ”

“อึ่กก!”

ตัวของผมกระตุกวูบ เมื่ออยู่ดีๆคุณรัฐก็ตวัดลิ้นลงกับยอดอกสีหวานอย่างไม่บอกกล่าว แถมยังเมินคำถามกับท่าทีสับสนของผมไปเลยด้วย เป็นอีกครั้งที่ผมพยายามดิ้นหนี แต่ก็แทบไม่เกิดผล เมื่อคนตัวใหญ่ทั้งรวบข้อมือผมไว้แน่น ทั้งยังกดทับร่างผมไม่ให้เคลื่อนไหวดั่งใจอีก คำพูดงึมงำบางอย่างหลุดออกมาจากปากของคุณรัฐขณะที่กำลังพรมจูบลงไปทั่วร่าง ซึ่งเต็มไปด้วยรอยแดงและรอยขีดข่วนของตัวผมในโลกนี้

“วันนี้ฉันจ่ายเงินให้แม่เล้าขี้งกของนายเพิ่มเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้อยู่กับนายนานขึ้นเชียวนะ”

“หะ!?”

บอกสิครับว่าผมแค่หูฟาดไปเอง…

.

.

ว๊ากกกกกก!! ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ไม่มีคำว่าเงิน ไม่มีคำว่าแม่เล้า ไม่มีอะไรทั้งน๊านนน ไม่จริ๊งงงงง!!!!

ไม่จริงใช่ไหมเรื่องที่ว่าตัวผมในโลกใบนี้ เป็นแค่ ผู้ชายขายตัว !!?

“คุณรัฐ อย่าครับ!!”

ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการร่นตัวขึ้นมาพลางตะโกนลั่น เมื่อคุณรัฐเริ่มไล้ปลายจมูกต่ำลงไปทุกที ข้อมือทั้งสองข้างของผมถูกเปลี่ยนมารวบไว้ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็กำลังง่วนกับการเค้นคลึงสะโพกมนของผมอย่างคนรู้งาน

“เป็นอะไรไป ฮึ?” ดูเหมือนคุณรัฐจะเริ่มโมโห เมื่อคิ้วสองข้างขมวดมุ่นเข้าหากัน พร้อมทั้งจ้องมองผมด้วยสายตาดุดันแบบที่ไม่ชอบเลย แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมผละออกจากหน้าท้องของผมจนได้

คุณรัฐที่ยังคงตีสีหน้าหงุดหงิด เคลื่อนตัวขึ้นมาขบเม้มใบหูของผมเบาๆ ทำเอาร่างทั้งร่างของผมเสียวปลาบขึ้นมาอย่างน่าอับอาย คนตัวใหญ่ยังคงไม่ยอมปลดพันธนาการที่ข้อมือของผมออก ลมหายใจอุ่นเป่ารดอยู่บริเวณซอกคอเร้าให้อารมณ์แปลกๆในตัวมันแล่นปราด เสียงกระซิบที่ฟังดูน่าอายดังขึ้นใกล้ๆ

“เมื่อกี้ยังร้องหาฉันอยู่เลย”

“อ..อะ…”

ผมคิดอยากจะพ่นคำด่าออกไปจริงๆให้ตาย แต่จากคำพูดทั้งหมดในหัว ผมกลับเปล่งมันออกไปไม่ได้เลยสักคำพูดเดียว ได้แต่นอนตัวสั่นด้วยทั้งโกรธและอายอยู่อย่างนี้เท่านั้น

ไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ คุณรัฐก็เริ่มรุกไล่เข้ามามากขึ้นอีกครั้ง พลางตรึงข้อมือผมไว้แน่นหนากว่าเดิม ลิ้นร้อนกลับมาหยอกเย้ากับติ่งไตสีชมพูทั้งสองข้างไปมา โดยไม่คิดจะสนใจเสียงร้องห้ามปรามของผมเลยแม้แต่น้อย จนวินาทีที่ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังเสียดสีอยู่ที่กลางหว่างขา น้ำตาที่เอ่อขึ้นมานานก็พลันไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าทั้งสองข้างแดงก่ำและร้อนขึ้นจนน่าหวาดกลัว ขาและเท้าทั้งสองข้างพยายามที่จะดันร่างคนตัวสูงออกไปแต่ก็ไม่ง่ายเลย

สุดท้าย..สิ่งที่สามารถหยุดการกระทำทั้งหมดของคุณรัฐลงได้ กลับเป็นเสียงสะอื้นกับหยดน้ำตาที่มันไหลออกมาไม่ขาดสายของผมเอง ดูเหมือนว่าคุณรัฐจะช็อคไปเมื่อเห็นผมนอนร้องไห้เป็นเด็กแบบนี้ คนตัวใหญ่คลายมือที่รวบแขนของผมไว้ออก ก่อนจะผละตัวออกไป เป็นจังหวะเดียวที่พอให้ผมรีบชักขาทั้งสองข้างกลับเข้ามาแล้วเอาแต่คดตัวเหมือนคนเป็นไข้ มือข้างหนึ่งไวพอที่จะดึงผ้าห่มตรงนั้นขึ้นมาคลุมโปงร่างทั้งร่างของตัวเองไว้ เนื้อตัวสั่นไปหมดด้วยความกลัวอันเหลือล้น คุณรัฐที่กลายเป็นแบบนี้ผมไม่ชอบเลย…

“ฮึก..ก..”

“ปลาย”

ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบรับเสียงเรียกจากคุณรัฐ แต่กลับแสดงให้เขาเห็นถึงท่าทีหวาดกลัวมากขึ้นด้วยการกระชับผ้าห่มเข้ามา และยิ่งคดตัวจนแทบจะกลายร่างเป็นกุ้งโดนลวกอยู่แล้ว

“ฉันขอโทษ”

เสียงแผ่วเบาอย่างสำนึกผิดเต็มทีดังขึ้นใกล้ๆ เตียงขนาดใหญ่ยุบตัวลงเล็กน้อย เดาว่าคุณรัฐเพิ่งย้ายมานั่งพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆผมนี่เอง หลังจากคำกล่าวขอโทษนั้น ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความเงียบ มีเสียงหายใจรุนแรงของเราทั้งคู่กับเสียงสะอื้นที่ยังหลงเหลืออยู่ของผมดังขึ้นเป็นระยะๆ นานพอตัวกว่าที่ผมจะคลายความกลัวและอึดอัดใจออกไปได้บ้าง

ผมลังเลที่จะขยับตัว แต่ก่อนจะทันได้ทำอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือของใครสักคนก็ดังขึ้นเสียก่อน เกิดการเคลื่อนไหวขึ้นบนเตียงอีกครั้ง ก่อนที่เพลงเรียกเข้านั้นจะหยุดลง พอดีกับที่คุณรัฐกรอกเสียงห้วนๆกลับไป

“ว่าไงไอ้ฌาณ”

ห้ะ! อะไรนะ เมื่อกี้คุณรัฐพูดว่า ฌาณ ใช่หรือเปล่า!? เขาอยู่ไม่ไกลจากที่นี่งั้นเหรอ เขาเป็นอะไร สวมบทบาทอะไรบนโลกใบนี้? หรือว่าจะเป็นรุ่นน้องของคุณรัฐอีก??

“ฌาณ!”

ผมลืมทุกสิ่งอย่างและร้องชื่อคนที่โหยหาออกมา ผ้าห่มที่คลุมกายไว้ถูกกระชากออกไปด้วยมือตัวเอง หมดสิ้นแล้วความอายในเรือนร่างที่เปลือยเปล่า มือเล็กเอื้อมเข้าไปคว้าโทรศัพท์ในมือของคุณรัฐมาอย่างถือวิสาสะ ท่ามกลางความตกใจของเจ้าของ

“ฌาณ นี่ผมเอง! ผมปลายนะ!”

(ปลาย?… เด็กของรัฐมีอะไรกับฉัน)

“อะ…”

ไม่ใช่… ไม่ใช่ฌาณ.. นี่ก็ยังไม่ใช่อีกเหรอ…

โทรศัพท์ในมือผมถูกคุณรัฐแย่งกลับไป ได้ยินเขาคุยอะไรบางอย่างกันต่ออีกนิดหน่อยก็วางสายลง คนตัวสูงหันกลับมามองผมด้วยสายตาจับผิด มีความหงุดหงิดฉายอยู่ในแววตาคู่นี้ แต่คนที่ควรจะโมโหน่ะคือผม โมโหคำพูดต่ำช้าที่คุณรัฐพูดออกมาอย่างไม่คิดนั่น!

“อย่าร่านให้มากนัก”

ผลัวะ!

กำปั้นเล็กถูกส่งออกไปปะทะกับแก้มเนียนของคนตรงหน้าแทบจะทันทีที่เขาพูดจบ คุณรัฐหน้าเสียไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาถลึงตาใส่อย่างโกรธจัด แต่ความเดือดดาลในตัวเขาก็ถูกระงับลงได้อีกครั้ง ด้วยน้ำใสๆที่เอ่อขึ้นมาจากดวงตาทั้งสองข้างของผม รวมทั้งน้ำเสียงที่สั่นเครือนี่ด้วย

“กรุณาอย่าพูดแบบนั้นกับตัวผมอีกเลยนะครับ”

“ข..ขอโทษนะ”

คุณรัฐลุกออกไปจากเตียงและหายเข้าไปในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเป็นห้องอาบน้ำ ไม่นานเขาก็เดินกลับออกมาในสภาพที่สวมเสื้อคลุมเอาไว้ ในมือถือชุดคลุมอีกตัวตรงมาทางผมที่ยังนั่งหนาวอยู่บนเตียงลำพัง

“ฉันขอโทษจริงๆ แต่เพราะวันนี้นายทำตัวแปลกไป ฉันก็เลยสับสน” คนตัวสูงพยายามอธิบาย พลางขยับมานั่งตรงหน้าผม เสื้อคลุมผืนเรียบถูกคลี่ออก ก่อนที่คุณรัฐจะพยายามสวมมันให้กับผมอย่างเก้ๆกังๆ

ผมนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาใดๆ ปล่อยให้คุณรัฐเป็นฝ่ายสวมใส่เสื้อผ้าให้อย่างว่าง่าย ผมไม่รู้หรอกนะว่าตัวผมบนโลกใบนี้เป็นคนยังไง ผมอาจจะร่านแบบที่คุณรัฐว่าก็ได้ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มาทำอาชีพแบบนี้และเจอเรื่องแบบนี้หรอกใช่ไหม บางทีผมอาจจะนอนกับคุณรัฐมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เดาจากความสนิทสนมที่คุณรัฐแสดงออกมา แล้วก็.. ร่องรอยบนตัวที่ยังหลงเหลืออยู่ รวมทั้งของเหลวที่มันเริ่มไหลย้อนออกมาจากช่องทางด้านหลังอันแสนน่ารังเกียจนี่ด้วย…

มันชัดเจนอยู่แล้วว่าบนโลกใบนี้ ผมก็เป็นแค่ผู้ชายขายตัว ผมมีอะไรกับคุณรัฐก่อนที่ตัวผมจะเดินทางมาถึงด้วยซ้ำ และสิ่งนี้มันก็คงเกิดขึ้นจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว… แต่ว่านะ ยังไงนี่ก็คือผมไม่ใช่เหรอ ในเมื่อรูปร่างหน้าตานี้ก็คือผม แล้วจะให้บอกว่าไม่ใช่ผมก็คงทำไม่ได้หรอก ถ้าอย่างนั้น ก่อนจะจากไป.. ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือตัวเองในโลกนี้

“ผม…”

มือเล็กเอื้อมขึ้นคว้าชายเสื้อของคุณรัฐไว้ทั้งที่ยังสั่นเทา น้ำตามันพร้อมที่จะไหลออกมาทุกเมื่อ และดูเหมือนว่าผมที่เป็นแบบนี้จะสะกดคุณรัฐได้อยู่หมัดดีเหลือเกิน แววตาที่เคยเกรี้ยวกราดเมื่อครู่สงบลงแล้ว ตอนนี้คุณรัฐก็เป็นเหมือนคุณรัฐในโลกใบอื่นๆที่ผมเคยเจอมา.. ใจดี และ อ่อนโยนด้วย

“ผมไม่อยากมีชีวิตแบบนี้..”

ความเงียบถูกลากเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณเป็นเวลานาน คุณรัฐขยับใกล้เข้ามาอีก ก่อนจะคว้าตัวผมเข้าไปกอดไว้หลวมๆ มือใหญ่ลูบหัวผมไปมาเหมือนจะปลอบโยน เสียงทุ้มคุ้นเคยดังอยู่ข้างหู

“ไปอยู่กับฉันนะ..”

“…”

“ออกไปจากที่นี่ด้วยกันกับฉัน”

“ฮึก..แต่คุณรัฐก็จะทำกับผมเหมือนเมื่อกี้.. เหมือนทุกที ฮึ..ก และเหมือนทุกคน ใช่ไหมล่ะ”

ผมเผลอขยำเสื้อคุณรัฐอย่างแรงด้วยอารมณ์หวาดกลัวในตัว ไม่รู้ว่าแสดงได้สมบทบาทเกินไปหรือเปล่า แต่ว่าน้ำตามันกลับไหลไม่หยุดจริงๆ ผมเวทนาตัวเอง และเห็นใจตัวเองที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

“ขอโทษนะ แต่ต่อไปนี้ถ้านายบอกว่าไม่ ก็จะไม่ทำอีกแล้ว”

คุณรัฐกระชับอ้อมกอดเข้ามา พอดีกับที่เสียงหัวใจของเขาดังชัดเจนขึ้น เวลาถูกทิ้งช่วงต่ออีกสักพักเพื่อให้ผมร้องไห้จนพอ ก่อนที่จะถึงเวลาต้องตัดสินใจ ผมจะเชื่อผู้ชายคนนี้ในโลกใบนี้ได้ไหม แต่นอกจากคุณรัฐแล้วผมจะหวังพึ่งพาใครได้อีกก็ยังคิดไม่ออก

ถ้าผู้ชายคนนี้หยุดการกระทำเพราะเห็นแก่น้ำตาของผมจริง เขาก็อาจไม่ใช่คนที่ใจร้ายขนาดนั้น แล้วถ้าอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นในตอนนี้เป็นของจริง ผมก็คิดว่าคุณรัฐตรงหน้านี้ไว้ใจได้..

“มอบชีวิตนายให้ฉันนะ…” คุณรัฐคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าผมให้ชัดเจน สายตาของเราประสานกันเนิ่นนานอย่างมีความหมาย

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ไหน คุณรัฐก็จะยังเป็นคุณรัฐใช่ไหมครับ…
 .
 .

“ครับ”

ผมตอบรับเสียงหนักแน่น เพราะมันคงเป็นคำตอบเดียวในตอนนี้ที่จะช่วยชีวิตผมได้ ไปอยู่กับคุณรัฐก็คงไม่แย่ไปกว่านรกที่นี่หรอกนะ

คนตัวใหญ่ยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อได้ยินคำตอบอันน่าพอใจ ริมฝีปากของผมถูกฉวยเอาไปอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเพราะความตื่นเต้นดีใจของคนตรงหน้า ปละผมก็ต้องพยายามแทบบ้าในการไม่โต้ตอบอะไรออกไป ในที่สุดเราทั้งสองคนก็อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย พร้อมรับมือกับแม่เล้าขี้งกที่ว่า..

เราลงลิฟต์มาถึงชั้นล่างสุดเพื่อพบกับเหล่าบอดี้การ์ดของคุณรัฐ ซึ่งกำลังยืนล้อมรอบผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางอู้ฟู่รออยู่แล้ว เธอคนนั้นจิกสายตาลงที่ผมอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะหันไปเอาเรื่องคุณรัฐที่เพิ่งรับสมุดทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าเล่มหนามาไว้ในมือ

ตัวผมถูกแยกมาไว้ใกล้ๆรถสีดำคันหรูซึ่งจอดเทียบอยู่ตรงหน้าโรงแรมขนาดใหญ่ ไม่ได้ยินเลยว่าเขากำลังพูดอะไรกัน แต่เท่าที่สายตาจะมองเห็น บทสนทนาดูท่าจะยากพอตัว ผู้หญิงคนนั้นทำท่าหาเรื่องหลายครั้งหลายหน และกินเวลานานกว่าที่คุณรัฐจะเป็นฝ่ายกระตุกยิ้ม พลางจดปากกาลงกับสมุดเล่มนั้น และฉีกกระดาษแผ่นหนึ่งส่งไปให้แม่เล้านั่น

เขาเดินยิ้มกลับมา พอดีกับที่คุณบอดี้การ์ดคนหนึ่งหันมาเปิดประตูและดันหลังผมให้เข้าไปนั่งในรถ คุณรัฐขึ้นรถตามมาพลางส่งสมุดเล่มนั้นกลับคืนไปให้ชายร่างใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ

“ยัยปากแดงนั่นเรียกเงินเยอะชะมัด”

“ช่างมันเถอะ”

“เอ่อ…ผู้หญิงคนนั้นเรียกเยอะมากหรอครับ ความจริงตัวผมไม่น่าจะแพงขนาดนั้น” ผมชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

คุณรัฐเอื้อมมือมายีหน้าม้าผมเล่นเหมือนคนอารมณ์ดีนักหนา แล้วมันก็ยิ่งน่าอายเมื่อผู้ชายทั้งสองคนข้างหน้ากำลังมองดูพวกเราผ่านกระจกมองหลังแล้วอมยิ้มบางอย่าง

“ต่อให้มากขนาดไหนก็เป็นแค่ตัวเลขที่ยัยนั่นต้องการ ไม่ใช่ราคาค่าตัวของนาย เพราะว่าปลายน่ะ.. วัดค่าไม่ได้เลยต่างหาก”

มันน่าอายจริงๆที่คุณรัฐพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้หน้าตาย แถมยังรั้งตัวผมเข้าไปหอมแก้มอย่างถือวิสาสะซะอีก ชักจะได้ใจไปหน่อยแล้วมั้ง.. แต่แปลกแฮะ ที่ผมไม่นึกจะขัดขืนอีก เพราะว่าอยากตอบแทนบุญคุณของคุณรัฐงั้นเหรอ หรือเพราะชินชากับการกระทำแบบนี้ซะแล้ว.. หรือว่า… ผมเริ่มเปิดใจให้คนตรงหน้าบ้างแล้ว?

รถคันหรูขับไปเรื่อยๆจนหยุดลงตรงหน้าบ้าน..ไม่สิ ใหญ่เว่อร์ขนาดนี้ต้องเรียกคฤหาสน์ถึงจะถูก เราหยุดลงหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่งซึ่งคงเป็นที่พักอาศัยของคุณรัฐไม่ผิดแน่ มาถึงตอนนี้ผมคงไม่กล้าถามแล้วแหละว่าจริงๆแล้วคุณรัฐทำอาชีพอะไร ทำไมถึงได้ร่ำรวยผิดปกติแบบนี้ แม้ว่าในโลก 23 คุณรัฐ ทายาทของบริษัท TIS ก็รวยโคตรเหมือนกันก็เถอะนะ แต่ไม่ยักเห็นทำตัวโอ่อ่าขนาดนี้เลย

เราถูกนำทางโดยแม่บ้านสูงวัยท่านหนึ่งไปยังห้องนอนที่ใหญ่โตเป็นพิเศษ บางทีนี่อาจจะเป็นห้องของคุณรัฐ ล่ะมั้ง? แบบนี้แปลว่าอะไร แปลว่าผมต้องนอนกับคุณรัฐเรอะ!

“เอ่อะ ห้องนี้??”

“นี่ห้องของนาย ส่วนห้องของฉันอยู่ถัดไป ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้ทุกคนในบ้านได้หมด รวมทั้งฉันด้วยนะ”

คุณรัฐเอียงคอยิ้มกว้างแบบที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าดูน่ารักมาก! เขากดไหล่ผมให้นั่งลงบนเตียงนุ่ม ก่อนที่ตัวเองจะลงไปคุกเข่าอยู่แทบพื้น มือใหญ่ประคองมือของผมไว้อย่างอ่อนโยนพลางก้มลงจูบที่หลังมือเบาๆ ทำเอาหัวใจเผลอเต้นรัวไปวูบหนึ่งเลยนะเนี่ย แย่ละ ;;; แต่ว่าจะไม่ให้ประทับใจคงยากนะ เพราะเขาทำดีกับผมมากถ้าไม่นับเรื่องบนเตียงตอนนั้น แล้วการที่คุณรัฐพาผมออกมาจากนรกนั่นและให้เราแยกห้องกันผมว่ามันลึกซึ้งกว่าที่เห็นมากเลย เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเขาตั้งใจจะมอบชีวิตใหม่ให้ผมจริงๆ

เขาไม่ได้ปฏิบัติต่อผมเหมือนผู้ชายขายตัวอีกแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องนอนกับคุณรัฐ ไม่ต้องปรนเปรออะไรให้อีก กลับกัน.. คุณรัฐกำลังให้เกียรติผมในฐานะของคนคนหนึ่ง ซึ่งมีค่าพอที่จะได้ใช้ชีวิต

“คุณรัฐ เป็นคนดีจริงๆสินะครับ”

“ไม่หรอก.. ความจริงแล้วฉันใจร้าย เพราะฉันช่วยนายเพื่อที่จะได้ครอบครองนาย”

คุณรัฐยกมือผมขึ้นไปประคองใบหน้าตัวเองพลางส่งสายตาอบอุ่นมาให้… ไม่เลยครับ ผมไม่คิดว่าคุณรัฐใจร้ายเลย แล้วตัวผมในโลกนี้ก็คงไม่คิดว่าคุณรัฐใจร้ายเหมือนกัน

“นายรออยู่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปหาอะไรมาให้กิน”

“อะ เอ่อ!” ผมรั้งชายเสื้อคุณรัฐไว้ในวินาทีที่เขาลุกขึ้น คนตัวสูงหันมามองหน้าผมอย่างสงสัย มือใหญ่แกะมือผมออกพลางกุมไว้หลวมๆ สายตาคำถามถูกส่งมาให้

“คุณรัฐ..จะ... จะดูแลผมให้ดีที่สุดใช่ไหมครับ?”

“อืม.. ก็ เท่าที่สองมือนี้จะทำได้ล่ะนะ”

ผู้ชายตรงหน้ายิ้มอ่อนโยนอีกครั้งพลางปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระ และแบมือสองข้างของตัวเองขึ้นกลางอากาศเป็นสัญญาบางอย่าง เมื่อผมยิ้มตอบ เขาถึงยอมหันหลังเดินออกไปจากห้องกว้างขวางแห่งนี้ ยัยเด็ก CD ปรากฏตัวขึ้นแทบจะทันทีแบบไม่ต้องสั่งให้เมื่อยปาก

“พอได้แล้ว...กลับกันเถอะปลาย”

“อะไร?”

“กลับโลกของนาย โลกที่ 23”

“ได้ยังไงล่ะ ฉันยังไม่เจอฌาณเลย”

“ต้องให้พูดอีกกี่ครั้ง! นายก็รู้ดีว่าที่ทำอยู่มันไร้ประโยชน์ มีโอกาสสักกี่เปอร์เซ็นกันที่นายสองคนจะได้เจอกัน!!?”

เป็นอีกครั้งที่เด็กนี่ขึ้นเสียงกับผมอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก แต่คนอย่างเธอจะกล้ามาสั่งสอนหรือให้คำแนะนำอะไรได้อีก ก็ตัวเองไม่ใช่เหรอที่ทำให้ผมต้องทำแบบนี้ ต้องคลาดกับปลาย และต้องออกตามหาเขาอยู่แบบนี้น่ะ

“โดยปกติพวกฉันไม่สามารถเข้าแทรกแซงการตัดสินใจของลูกค้าได้เลย ต่อให้ลูกค้าเลือกทางที่เสี่ยง แม้รู้ก็พูดไม่ได้ แต่เพราะฉันรู้สึกผิดต่อนาย ฉันถึงอยากจะช่วย”

CD ร่ายยาวกว่าทุกครั้ง แม้ร่างกายจะดูเหมือนเด็กบ้าคนหนึ่ง แต่คำพูดและท่าทีของเธอตอนนี้มันก็น่ากลัวไม่น้อยทีเดียว ในแววตาและน้ำเสียงนั่น ผมจับมันได้... ความห่วงใยที่อยู่ในนั้น แต่ว่ามันก็ยังไม่พอ ไม่พอที่จะชดเชยความผิดของเธอ

“สิ่งที่ฉันกำลังจะพูด จะทำให้ฉันถูกพิจารณาพักงานในอนาคต แต่จะบอกอะไรให้นะ! โอกาสที่จะได้เจอฌาณมากกว่าการเดินทางไร้ค่านี่ก็คือ การกลับไปที่โลกของนาย!”

เปรี๊ยะ!

มีกระแสไฟฟ้าแล่นออกมาจากนาฬิกาข้อมือเรือนใหญ่ที่พวกเซลล์ใส่ติดตัวตลอดเวลา มันชัดเจนมากจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เส้นแสงสีเงินตวัดไปรอบๆข้อมือของเด็กนั่น ขณะที่เจ้าตัวก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ถึงอย่างนั้นก็ยังคงพูดต่อไป สายตามุ่งมั่นจ้องมาทางผมอย่างสื่อความหมาย

“โอกาสที่นายฌานจะสะกิดใจแล้วกลับไปหานายที่โลก 23 นั้นมีอยู่… เพราะว่าฌานไม่ได้โง่ และเพราะว่านายที่ใช้ชีวิตร่วมกับเขาในโลก 27 คือของจริง! บางทีตอนน..อึ่ก!!”

CD พูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องหยุดกะทันหัน บางทีอาจเป็นเพราะกระแสไฟฟ้านั่นก็ได้ ตอนนี้เธอหยุดลอยตัวและทรุดลงกับพื้นเบื้องล่างแล้ว วินาทีต่อมาเสียงเตือนประหลาดกับเสียงผู้ชายก็ดังขึ้นมาจากนาฬิกาข้อมือเรือนนั้น เด็กตัวเล็กพยายามใช้มือปิดหน้าปัดนาฬิกาไว้ทำให้ได้ยินเสียงบ้าๆนั่นไม่ชัดเท่าไรนัก

แต่ที่ผมพอจะจับความได้จากเสียงทุ้มที่เล็ดลอดออกมา ก็เข้าใจได้ว่า เธอถูกตีตราโทษข้อหากระทำผิดกฎของเซลล์มิติอย่างที่พูดจริงๆ รวมทั้งบอกวันเวลาของการประชุมพิจารณาความผิดไว้อย่างชัดเจนอีกด้วย บ้าจริง ไอ้กฎไร้สาระนั่นมันมีผลน่ากลัวขนาดนี้จริงๆเหรอเนี่ย ถ้าการพูดแค่นั้นต้องโดนถึงขนาดนี้ ผมก็พอเข้าใจนิดหน่อยแล้วว่า ทำไมยัยนี่ถึงไม่กล้าบอกเรื่องที่ผมความจำเสื่อม บางทีอาจไม่ใช่แค่พักงานหรือไล่ออก.. แต่เป็นการทำลายทิ้ง

“ปลาย! กลับกันเถอะ!”

เสียงส้นรองเท้าหนักๆดังขึ้นด้านนอกประตู ยิ่งกดดันให้ผมต้องตัดสินใจ ใบหน้าเปื้อนเหงื่อและร่องรอยความเจ็บปวดยังคงปรากฏให้เห็น... บ้าชะมัด ผมคงไม่ถูกยัยเด็กนี่หลอกอีกแล้วหรอกนะ!!

“ป..ไป กลับไปก็ได้”

ช่วงว่างขนาดใหญ่ถูกฉายขึ้นต่อหน้าผมทันที พร้อมทั้งกระแสลมมหาศาลที่พัดตัวผมเข้าไปเหมือนเช่นทุกที ในใจตอนนี้หวังให้ตัวผมในโลก 38 ทำตัวดีกับผู้มีพระคุณอย่างคุณรัฐ แต่ก่อนหน้านั้น หวังว่าผมคงไม่บ้าเพราะจำเรื่องราวที่ถูกพาออกมาจากเล้าไม่ได้หรอกนะ

ผมลืมตาขึ้นมาบนโซฟาเน่าๆตัวเดิม นี่แหละโลกของผม... ยัยเด็กต้นเหตุลอยตัวขึ้นสูงผิดปกติ สายตาที่ราวกับจะร้องไห้ถูกส่งมาให้ พร้อมๆกับคำพูดที่กรีดแทงหัวใจผมไปด้วย



“ขอโทษนะปลาย แต่อายุขัยของนาย.. ไม่พอที่จะเดินทางอีกแล้ว”

-------------------------------

งื้อออ ไม่ชอบคุณรัฐกันหรอ เราชอบอ่า 555
ถ้ากะไม่ผิด อีกประมาณ 3 ตอน จะจบแล้วแหละ
เรื่องนี้สั้นมาก ;w;
แต่ช่วงนี้แต่งไม่ถึงไหนเลยอะ
หนีไปติ่งเจมส์ มาร์ เกือบทุกวัน T_____T 555555
ยังไงก็ติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ ><'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2013 21:43:47 โดย mooaiir »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่ชอบคุณรัฐอย่างมากครับ  ฌาณปลายเท่านั้น 55555

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1511
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
สุดท้ายท้ายสุดจะเจอกันไหมน้อ
อายุขัยไม่เหลือแล้วหรอ ><
ชอบคุณรัฐตอนนี้อ่ะในที่สุดก็ได้สมหวังกับปลายซักที
 ในที่สุดเฮียแกก็สมหวัง จะได้ไม่ต้องมาแย่งปลายปัจจุบัน (เกี่ยว?55)
สาธุขอให้เจอกันเถอะ ^^

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 19
ชีวิตที่เหลือ


 

“CD!!!!!!!!!”

นั่นคือเสียงตะโกนลั่นห้องครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างทั้งร่างของผมจะทรุดลง ศรีษะกระแทกถูกพื้นห้องเสียงดังปัก เจ็บไปหมด แต่ที่เจ็บกว่ามันไม่ใช่ร่างกายส่วนไหนเลย ที่เจ็บจริงๆ เจ็บจนแทบจะฉีดขาดออกมาก็คือจิตใจของผมตอนนี้มากกว่า

หลังจากคำเฉลยอันน่าทุเรศของไอ้เด็กบ้า ที่หลอกให้ผมเดินทางกลับมาอีกครั้ง ผมก็เอาแต่ตะคอกเหมือนคนไม่มีสติอยู่ภายในห้องแคบๆ CD ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว เธอชิงหายตัวไปตั้งแต่ทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ มีแค่ผมที่ยังเอาแต่กรีดร้องเหมือนคนบ้า น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างหยุดไม่ได้เป็นเวลานาน นานมากจนผมรับไม่ได้ไม่ไหวอีกแล้ว...

ดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆตอนนี้แสบร้อนไปหมด ทั้งปากทั้งมือมันสั่นเทา หัวใจก็ร้าวเต็มทน.. มันยิ่งกว่าทุกอย่าง ยิ่งกว่าทุกครั้ง เพราะตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว นอกจากอยู่เฉยๆแล้วรอ... ไม่รู้ว่าต้องรออะไร รอฌาณที่อาจไม่ย้อนกลับมา.. หรือรอเวลาตายของตัวเอง...

ผมหลับตาลงช้าๆพร้อมกับเสียงสะอื้นสุดท้าย ก่อนที่จะปล่อยให้สติสัมปชัญญะทั้งหมดหลุดลอยออกไป ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราที่ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกแล้ว.......

 

ความอบอุ่นที่มือขวาค่อยๆชัดเจนขึ้นมาในโสตประสาต ผมพยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งของตัวเองขึ้นช้าๆ ร่างกายอ่อนแรงนอนราบไปกับเตียงสีขาวโพลน ห้องที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าช่างกว้างขวางและเต็มไปด้วยกลิ่นที่ไม่ชอบเลย บนที่นั่งข้างเตียงมีผู้ชายตัวใหญ่นอนฟุบหัวอยู่ใกล้ๆ มือทั้งสองข้างของเขากำลังกุมมือผมไว้ไม่ปล่อย เส้นผมสีดำสนิทตรงหน้านี้ผมคุ้นเคยดี

เป็นเขาอีกแล้ว ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยผมไว้เหมือนทุกที...

“คุณรัฐ”

ขอโทษค่ะ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก... เอิ่ม

“คุณรัฐ”

ผมเรียกคนข้างๆอีกครั้งเสียงดังขึ้น พยายามจะดึงมือที่ถูกเกาะกุมไว้ออกแต่ก็ไม่เป็นผล ดูเหมือนคุณรัฐจะรู้ตัวแล้ว แต่กลับจับมือผมไว้แน่นกว่าเดิม เส้นผมที่ปรกหน้าเรียวถูกสะบัดไปไว้ด้านหลัง ก่อนที่สายตาเป็นห่วงเป็นใยจะรีบส่งมาทางผมทันที

“ปลาย!” คุณรัฐเรียกผมเสียงดังเหมือนกลัวห้องข้างๆไม่ได้ยิน เขาทำท่าเหมือนจะลุกเข้ามากอดแต่ก็ต้องชะงักไว้เท่านั้น เมื่อผมรีบตีสีหน้าตกใจ

“เธอ.. เป็นยังไงบ้าง ยังรู้สึกไม่ดีตรงไหนรึเปล่า?”

ถ้าบอกว่าที่ใจจะดูเสี่ยวไปรึเปล่า แต่ว่ามันจริงครับ เพราะใจผมมันร้าว และมันกำลังจะแหลกลงในไม่ช้านี้อยู่แล้ว แต่ผมไม่อยากเอาแต่ร้องไห้ตอนนี้ เพราะคุณรัฐไม่สมควรจะต้องมาเป็นห่วงผมมากไปกว่านี้อีกแล้ว ความจริงก็คือ ไม่มีใครในโลกใบนี้เลยที่ผมจะสามารถระบายความรู้สึกออกไปได้ ไม่ว่าจะพูดอะไรไป ก็คงมีแต่คนหาว่าผมบ้าเท่านั้น ผมถึงพูดเรื่องนี้ไม่ได้...ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำเหมือนว่าไม่เป็นไร แล้วรอต่อไปเท่านั้น

ช่วงเวลาที่ผมสลบไปมันดูช่างยาวนาน และในตอนนั้นผมฝัน... ในฝันมันเจ็บปวดมาก เพราะมันมีแต่เรื่องราวของฌาณเต็มไปหมด และในฝันผมก็ได้คิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายผมก็ได้ข้อสรุปกับตัวเอง ว่าผมคงทำได้เพียงแค่รอจริงๆ

ครั้งนี้ผมไม่มีอะไรจะไปวางเดิมพันกับใครได้ แต่ผมก็แค่อยากวอนขอให้ฟ้าเห็นใจผมบ้าง ช่วยทำให้ฌาณสะกิดใจแล้วกลับมา.. CD พูดถูกบางอย่าง... ผมที่อยู่กับฌาณ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็คือของจริง ผมถึงยังหวังแม้เพียงเล็กน้อย ว่าฌาณอาจจะรู้สึกได้บ้าง

ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเจ็บปวด... เจ็บปวดที่ได้แต่อยู่เฉยๆ และรอไปวันๆแบบนี้ รอทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่มีคำใบ้ใดๆให้ผมเลย บางทีฌาณอาจไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำได้แค่รออยู่ดี.....

“ไม่..ไม่ครับ ผมไม่เป็นไร”

“ถ้ามีอะไรต้องรีบบอกผมนะ” ผมพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน แต่ก็พยายามฝืนยิ้มกลับไปให้ ในที่สุดคุณรัฐก็ยอมปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระและกลับไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง

“แล้วผมมาที่นี่ได้ยังไง?” สายตาของผมกวาดไปรอบๆห้องอีกครั้ง โรงพยาบาล...

“ก็ตั้งแต่ปลายหายตัวไป ผมก็แวะไปดูที่ห้องเช่าทุกวัน จนเมื่อวานซืน ผมได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้อง ก็เลยขอให้เจ้าของห้องเช่าเปิดประตูให้ จนพบเธอนอนสลบอยู่นั่นแหละ”

“เมื่อวานซืน...นี่ผมหลับไป 2 วันเลยหรอครับ!?”

“อืม ผมเป็นห่วงมากเลยนะรู้ไหม”

“ขอโทษครับ”

ผมก้มหัวเล็กน้อย พอดีกับที่คุณรัฐเอื้อมเข้ามากุมมือผมไว้อีกครั้งอย่างถือวิสาสะ แล้วผมก็ไม่กล้าจะชักมือกลับ ด้วยว่าแพ้ใบหน้าแบบนี้อีกจนได้.. ใบหน้าที่ดูห่วงใยจนเกินไปของคุณรัฐ

“อย่าหายไปแบบนี้อีกเลยนะ”

“คุณรัฐ...”

“จำได้ไหมเมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน เธอก็หายไป.. แล้วก็กลับมาทั้งที่จำอะไรไม่ได้”

พอคุณรัฐพูดมาถึงตรงนี้ ผมก็ต้องรีบหลบสายตาทันที เพราะไม่อยากให้คุณรัฐต้องเห็นสีหน้าเจ็บปวดของตัวเอง ผมทำทีเป็นเสมองไปทางอื่นพลางหลับตาลงเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตามันไหล แต่แล้วกลับต้องเบิกตาขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวของมือข้างที่ถูกเกาะกุมอยู่นี้ อยู่ๆน้ำเสียงของคุณรัฐก็สั่นเครือ จนผมต้องรีบหันกลับมามองด้วยความเป็นห่วง

“ผมกลัว.. กลัวว่าเธอ จะเป็นอะไร..ไปอีก”

“...”

“ผมรู้ตัวว่า ต่อให้ต้องเริ่มความสัมพันธ์กับเธอใหม่ อีกสักกี่ครั้ง.. ผมก็จะทำ แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ไม่อยากให้เธอลืม ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ปลาย...”

“คุณรัฐ” คิ้วสองข้างของผมขมวดมุ่น สีหน้าเจ็บปวดยิ่งกว่าของคนตรงหน้า ทำเอาใจของผมเบาหวิวไปเลย

“...อย่าหายไปอีกเลย”

ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งคิดได้ว่า ช่วงเวลาที่ผมหายไปเพื่อพบกับใครคนหนึ่ง... มีใครบางคนที่นี่ กำลังรอคอยและเป็นห่วงผมมากขนาดนี้

ไม่แพ้กันเลย... การรอคอยตัวผมสำหรับคุณรัฐแล้ว มันคงเจ็บปวดไม่แพ้ผมที่ต้องรอคอยฌาณเลย...

“ขอโทษครับคุณรัฐ แต่ผมคงไม่ไปไหนอีกแล้ว”

ไม่ไปอีก..เพราะว่าไปไม่ได้อีกยังไงล่ะ...

 

“กินอีกหน่อยนะ”

ช้อนสีเงินถูกยื่นเข้ามาใกล้ปาก ผมจ้องมองข้าวเละๆกับกุ้งชิ้นโตบนนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าให้คนตัวสูงข้างๆ คุณรัฐคอยมาอยู่ดูแลผมที่ห้องเช่าซอมซ่อเป็นเวลาหลายวันแล้ว ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ตอนแรกเขายืนยันจะให้ผมไปพักที่บ้านเขาด้วยซ้ำ เพราะผมเอาแต่เหม่อลอยแล้วก็ไม่ยอมขยับตัวจนน่าใจหายนั่นแหละ แต่ผมรู้สึกอ่อนแรงมากจริงๆนี่น่า โชคดีอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือการที่ คุณรัฐไม่ซักถามถึงการหายไป และไม่เคยกดดันให้ผมพูดมันออกมาเลย

“ผมอิ่มแล้วครับ”

“จะอิ่มได้ไง เธอเพิ่งกินไปไม่ถึงห้าคำด้วยซ้ำ”

“ผมอิ่มแล้วจริงๆครับ”

“ปลายอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ผมจะให้แม่ครัวทำมาให้”

“ไม่ต้องหรอกครับ”

การมีคุณรัฐมาอยู่ข้างๆในตอนนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องน่ารำคาญครับ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นที่ยึดเหนี่ยวหนึ่งเดียวเช่นกัน เพราะความห่วงใยอย่างจริงใจที่คุณรัฐมอบให้ ผมเลยยังไม่ฟุ้งซ่านจนสติแตกไปอีก อย่างน้อยก็ยังใจเย็นอยู่ได้เพราะมีเขาคอยอยู่ด้วยนี่แหละ

คุณรัฐดีกับผมมาก จนผมไม่กล้าแม้แต่จะทำให้เขาเป็นห่วง..

“แล้วคุณรัฐหนีงานมาอยู่กับผมแบบนี้มันดีแล้วหรอครับ”

“มันไม่ดีหรอก แต่ถ้าให้ผมทิ้งปลายที่เป็นแบบนี้ไว้ ก็คงไม่ดีเหมือนกัน”

“คุณรัฐกลับไปทำงานเถอะครับ”

คนถูกทักเงียบไป คุณรัฐเดินเอาชามข้าวที่เหลือเกินครึ่งของผมไปวางทิ้งไว้ในอ่างล่างจาน ก่อนจะเดินกลับมาประคองตัวผมให้เอนหลังลงกับหมอนบนที่นอน จุมพิตบางเบาสัมผัสลงบริเวณหน้าผาก เป็นการกระทำที่กลายเป็นเรื่องธรรมดาของเขาไปแล้ว นับตั้งแต่ที่ผมฟื้นขึ้นมาวันนั้น คุณรัฐไม่ยอมอยู่ห่างจากผม และไม่ยอมให้ผมอยู่ห่างจากเขา

แน่นอนว่าผมเป็นฝ่ายยอมให้คุณรัฐเข้ามาชิดใกล้ถึงขนาดนี้ ก็เพราะแพ้ความดีล้วนๆ ผมเลิกสนใจว่าคุณรัฐจะกอดจะจูบผมยังไง ตราบใดที่เขาไม่ทำให้ผมนึกกลัว ผมก็ไม่อยากต่อว่าผู้มีพระคุณคนนี้นักหรอก อีกอย่าง...บางครั้งเขาก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพี่ชายอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน

“เดี๋ยวตอนเย็นผมจะเอาสร้อยข้อมือมาคืนนะ”

“สร้อยข้อมือ.. อะไรครับ?”

“ผมเก็บเอาไว้ตั้งแต่ 6 เดือนก่อน ตอนไปช่วยเธอที่ตึกร้างนั่น แต่ผมลืมมันไปสนิทเลยจริงๆ ขอโทษด้วย ทั้งที่มันสำคัญมาก..”

6 เดือนก่อน... สร้อยข้อมือที่ฌาณสั่งทำให้ สร้อยข้อมือสีเงินติดจี้รูปดอกไม้บาน สลักตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัวอย่างสื่อความหมาย เส้นนั้นเอง... ส่วนหนึ่งของความทรงจำของเรา

“ชะ ช่วยเอามาคืนผมด้วยครับ!”

“ได้สิ งั้นเย็นนี้เจอกันนะ”

“ครับ”

“พักผ่อนด้วยล่ะ”

“ครับ”

ไอ้ท่าทางนิ่งๆแบบเนี้ย สาบานเลยว่าไม่ได้ยอมกลับไปทำงาน เฮ้อ ผมนี่แย่จริงๆเลยเนอะ นอกจากทำอะไรเรื่องฌาณไม่ได้แล้ว ยังกลายมาเป็นภาระให้คุณรัฐอีก

เอ๊ะ...

เดี๋ยวสิ.. ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆนะ เมื่อกี้ตอนที่คุณรัฐพูดถึงเรื่องสร้อยข้อมือ ทำไมเขาถึงรู้ว่ามันสำคัญมากล่ะ คุณรัฐน่าจะเพิ่งเคยเห็นผมใส่สร้อยนั่นเมื่อตอนที่มาช่วยไว้เท่านั้นนี่น่า

???

 

 ความสงสัยที่ค้างอยู่ในใจถูกขจัดออกไปแทบจะทันที เมื่อคุณรัฐกลับเข้ามาหาในตอนเย็น พร้อมยื่นสร้อยข้อมืออันชวนคิดถึงมาให้ ผมเอาแต่น้ำตาคลอเบ้าขอบคุณไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พลางลากไล้นิ้วมือไปตามรอยสลักบนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ผมซื้อขนมปังของโปรดปลายมาด้วยนะ”

คุณรัฐว่าพลางยื่นซองขนมปังยี่ห้อดังมาให้ มืออีกข้างเอื้อมเข้าเช็ดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาพาลจะไหลเต็มที ผมรับขนมปังซองนั้นมามองอย่างงุนงงครู่หนึ่ง จนอีกฝ่ายสังเกตได้

“มีอะไรเหรอ?”

“ผมไม่เคยกินไส้ถั่วแดงนี่ครับ”

“เอ๊ะ?”

ผมยกซองขนมปังไส้ถั่วแดงขึ้นให้คุณรัฐเห็นเต็มตา รู้สึกว่าเขาก็กำลังงงอยู่เหมือนกัน คุณรัฐดูแลผมมากไปจนเพี้ยนแล้วรึเปล่า ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางลืมว่าผมชอบอะไร และแน่นอนว่าไม่ใช่ถั่วแดงเละๆ เพราะที่ผมซื้อประจำก็คือขนมปังไส้ครีมต่างหาก

“อ้าว เอ่อ..ปลายไม่กินไส้อื่นนอกจากครีมนี่น่า แล้วทำไมผมถึงซื้อไส้ถั่วแดงมาล่ะเนี่ย”

“คุณรัฐเหนื่อยไปหรือเปล่าครับ ไม่ต้องมาดูแลผมแล้วก็ได้นะ”

“มะ ไม่หรอก! ฉันอยากดูแลนาย ขอให้ฉันอยู่ดูแลนายนะ!”

คนตัวสูงแทบจะพุ่งเข้ามาหาผมบนเตียง ทำให้ผมต้องรีบพยักหน้าตกลงพลางตีสีหน้าตกใจ เห็นแบบนี้แล้วผมยิ่งต้องโทษตัวเอง ผมมันเป็นได้แค่ตัวปัญหา.. การเดินทางของผมคือการทำร้ายทุกคน

ผมเดินทางไปทำไมตั้งแต่แรก ทำไมถึงต้องไปผูกสัมพันธ์กับฌาณและจบลงด้วยการทำให้เขาเจ็บปวด ตลอดมาผมคือเหตุผลที่ทำให้ฌาณต้องแลกทุกอย่าง กับการออกตามหาคนที่ไม่มีวันเจอ ในขณะเดียวกัน ก็ทิ้งคุณรัฐเอาไว้เบื้องหลัง ให้คอยแต่เป็นห่วงและกังวลเกี่ยวกับตัวผมมาตลอด ผมมันเลวร้ายมากที่ทำให้คุณรัฐกลายเป็นผู้ชายแปลกๆ เพราะเขาเอาแต่เพ้อเสมอว่า ‘กลัวผมจะหายไป’

ผมมีชีวิตอยู่ตอนนี้เพื่ออะไรกันแน่ เพื่อทำให้ใครต่อใครเดือดร้อนงั้นเหรอ... หลายครั้ง มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวสมอง ความคิดที่ว่าฌาณคนนั้นอาจไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ถ้าการเดินทางกะโหลกกะลาของผมเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถทำให้อายุขัยบั่นทอนลงจนแทบไม่เหลือได้ แล้วนับประสาอะไรกับฌาณ ที่ออกตามหาผมมาตั้งหลายต่อหลายเดือน.. ป่านนี้เขาอาจจะ...

พอคิดได้แบบนั้นแล้ว มันก็ยิ่งช้ำใจ... การใช้ชีวิตของผมตอนนี้ยิ่งดูไร้ค่า หากว่าไม่มีฌาณอยู่แล้ว บางทีผมอาจไม่ต้องรอ เพราะฌาณอาจไม่มีวันกลับมาได้อีก และบางที..ผมก็อาจไม่ต้องอยู่ที่นี่ เพื่อเป็นภาระให้ใครอีกแล้ว

“ผม...ไม่อยากมีชีวิต อีกต่อไปแล้ว ครับ”

“พูดอะไรน่ะ!?”

ความคิดผมมันดังออกมา ทำให้คุณรัฐรีบคว้าตัวผมไปเขย่าอย่างแรงเหมือนต้องการเรียกสติ แววตาสองข้างของผมเหม่อลอยออกไปในที่ไกลๆ ขณะที่เสียงของคุณรัฐยังดังก้องขึ้นมาในโสตประสาต

“เธอจะคิดแบบนั้นไม่ได้นะ! ชีวิตของเธอสำคัญมาก อย่างน้อยก็สำหรับฉัน!”

“แต่ผมเอาแต่ทำให้คุณรัฐเดือดร้อน!”

“ไม่เลย!”

น้ำตามันพรั่งพรูออกมาอาบแก้มทั้งสองข้างของผม หัวใจปวดร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับวันนั้น..ที่ได้รู้ความจริงว่าผมไม่มีวันได้เจอฌาณ คุณรัฐมีท่าทีตกใจมากและพยายามรั้งข้อมือของผมไว้ เมื่อผมเริ่มใช้กำปั้นเล็กๆทุบลงกับอกตัวเองอย่างโหดร้าย เสียงกรีดร้องจากภายในมันหลั่งไหลออกมาไม่หยุด

“หยุดนะ ปลาย! นายน่ะต้องมีชีวิตต่อไป!”

“ผมทำไม่ได้! หัวใจผมเต้น แต่มันก็เจ็บปวด! ผมเจ็บไปหมดเลยครับ..ฮึก..”

“หยุดเถอะ!!”

สายตาที่พร่ามัวของผมประสานเข้ากับสายตาห่วงใยอย่างรุนแรงของคุณรัฐ เราต่างแย่งกันยื้อข้อมือของผมไว้ท่ามกลางเสียงสะอื้นภายในห้องเล็กๆ

ชีวิตที่เหลืออยู่ของผม มันไม่สามารถทำให้อะไรดีขึ้นมาได้ ฌาณคงหายไปแล้ว.. ทิ้งไว้ก็แค่ความรู้สึกอันหนักหน่วงที่มันบีบรัดอยู่ในใจผมเท่านั้น ทุกวันนี้ที่ผมหายใจ ก็เพื่อทำให้คุณรัฐลำบากมากขึ้นไปอีก รวมทั้งทำให้ตัวเองเจ็บช้ำมากขึ้นไปอีก ก็เท่านั้น!

“ต้องทำยังไง แล้วผมต้องทำยังไง!? ในเมื่อมันเจ็บไปหมด!!!

ความทรงจำดีๆ ที่ผมไม่สามารถมีมันได้อีกแล้ว.. เต็มไปหมด เต็มหัวสมองของผมไปหมด แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไงล่ะ ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งปวดร้าว แต่จะให้ไม่คิดถึง ก็ทำไม่ได้!!

ผมกรีดร้องจนเสียงที่จะเปล่งออกไปมันแหบพร่า ดวงตาทั้งสองข้างแสบไปหมด ข้อมือเกิดรอยแดงจากแรงเสียดสีเมื่อครู่ ก่อนที่คุณรัฐจะถือวิสาสะรวบร่างทั้งร่างของผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอด คนตัวสูงกระชับวงแขนแน่นขึ้นเพื่อไม่ให้ผมดิ้นหนี เสียงหัวใจถี่แรงที่รู้สึกได้ทำให้ผมเริ่มใจเย็นลงตามลำดับ จนเมื่อคุณรัฐพูดอะไรบางอย่างออกมา... อะไรบางอย่าง ที่เขาไม่สมควรจะพูดมันออกมาได้ในโลกใบนี้...

“ถ้างั้นก็ลืมไปเลยสิ...ลืมไปเลย...”

“...”

“ผู้ชายที่ชื่อ ฌาณ”

!!!!??

------------------------------------

ใกล้จบมากมากกกกกก
แต่ยังแต่งไม่จบเลย 5555
สงสัยตกม้าตายตอนจบอีกอะ TT
ชอบแต่งปิดเรื่องได้ห่วยทุกที เสียใจ 555
ฝากติดตามกันไปจนสุดทางด้วยนะคะ ><

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 20
ข้อเสนอ


 

“ค..คุณรัฐ พูดอะไร น่ะ”

“เอ่อ ผม.. ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันรู้สึกได้ว่าเธอกำลังทุกข์ใจ เพราะผู้ชายคนนั้น”

คุณรัฐผละตัวออกไปพลางกลอกตาขึ้นลงเหมือนคนกำลังสับสน กลายเป็นผมที่เอาแต่เขย่าตัวคนตรงหน้าไปมาอย่างต้องการคำอธิบายจากคำพูดเมื่อครู่

“ผู้ชายคนนั้น หมายถึงฌาณน่ะเหรอ คุณรัฐรู้จักฌาณเหรอครับ!?”

“ไม่..ผมไม่รู้จัก”

“ไม่รู้จักแล้วจะพูดชื่อนั้นออกมาได้ยังไงครับ ทำไมถึงรู้เรื่องฌาณ!” คำพูดของคุณรัฐกลับกลายเป็นน้ำมันที่จุดไฟแห่งความหวังริบหรี่ขึ้นมา รวมทั้งทำให้ผมเริ่มเสียสติอีกครั้ง

“ผมก็ไม่รู้!!”

“อึ่ก!”

สายตาดุดันแต่กลับสั่นไหวประหลาดจ้องมาทางผม พอดีกับที่แขนแกร่งตรงเข้ามาดันไหล่ของผมไว้ เพื่อไม่ให้เป็นบ้าไปมากกว่านี้ คุณรัฐขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าเสียใจถูกส่งมาให้

“ตลอดมาผมเอาแต่ฝัน... เป็นฝันที่ยาวนานและเหมือนจริงมากจนน่าตกใจ”

“...”

“ในฝันนั้นมีเธอ.. มีเขาคนนั้น ผู้ชายที่ชื่อฌาณ แล้วก็ใครต่อใครอีกมากมาย”

ดวงตาของผมค่อยๆเบิกกว้างขึ้นทีละนิดตามจังหวะการเล่าเรื่องของคุณรัฐ น่าแปลกที่ความฝันของเขามันช่างดูคุ้นเคยอย่างประหลาด การที่เราจะฝันถึงคนที่ไม่เคยเจอมาก่อน แม้กระทั่งคนที่ไม่มีอยู่จริง มันสามารถเป็นไปได้ แต่สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็คือ การที่คุณรัฐฝันถึงเรื่องราวที่น่าจะเกิดขึ้นจริง... เพียงแต่ไม่ใช่ในโลกใบนี้ก็เท่านั้น

“ความฝันนั้นถูกตัดไปตัดมา เหมือนกับว่าผมและทุกคน กำลังดำเนินชีวิตอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป”

“ตัดไปตัดมา?”

“ใช่ เหมือนเรื่องราวหลายๆเรื่องที่ถูกตัดภาพสลับกันไปมา ทำให้ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก”

“คุณรัฐ ฝันแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ”

“มันเกิดขึ้นไม่นาน หลังจากที่เธอหายไปในคราวนี้”

ไม่ใช่การฝันแบบเรื่องราวต่อเนื่อง แต่เป็นภาพตัดไปมางั้นเหรอ หมายความว่ายังไง... ไม่ใช่ความตั้งใจที่จะให้คุณรัฐได้เห็นเรื่องราวเหล่านั้น เรื่องราวบนโลกใบอื่นๆที่เราเดินทางไป แต่เหมือนเป็นแค่ความผิดปกติบางอย่าง ที่ส่งผลให้คุณรัฐได้เห็นมัน

ผิดปกติ ขัดข้อง ผลกระทบ ??

เป็นไปได้ไหมว่า การเดินทางที่มากเกินไปของเรา ทำให้ความทรงจำของบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างคุณรัฐ เกิดการบิดเบือนและกลายเป็นถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน !?

โอ้ยย บ้าน่า! ไอ้เรื่องเข้าใจยากแบบนี้ ผมไม่ถนัดเลยจริงๆ แถมเด็กบ้าที่เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดดันไม่อยู่แล้วด้วย แบบนี้ผมจะไปเอาคำตอบที่ใครละเนี่ย!

“ปลาย”

“ค..ครับ?”

“ความฝันของผม กับการที่เธอหายตัวไป แล้วกลายเป็นแบบนี้ มันเกี่ยวข้องกันใช่ไหม?”

“...”

ถ้าบอกออกไป ก็ใช่ว่าคุณรัฐจะเชื่อ.. ไม่สิ คุณรัฐต้องเชื่อคำพูดของผมแน่เลย แต่ถ้าทำแบบนั้นก็แปลว่า ผมจะดึงคุณรัฐเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องบ้าๆ ที่มีแต่ความโกลาหลนี่ จะดีแน่เหรอ แค่นี้ก็ทำให้คุณรัฐเดือดร้อนมากพออยู่แล้ว.. แต่ว่า...สายตามุ่งมั่นของคุณรัฐในตอนนี้ มันทำให้ผมเชื่อใจที่จะพูดออกไปเสียเหลือเกิน

“ปลาย?”

“...”

“...”

“.....ครับ.. มันเกี่ยวข้องกัน”

ผมเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้คุณรัฐฟัง ทั้งเรื่องเซลล์ เรื่องทริป เรื่องความรู้สึกที่เหมือนถูกกระชากตัวออกไปในอีกมิติหนึ่ง และเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นในโลกทุกใบที่ผมเผชิญมา คนฟังเอาแต่เงียบและพยักหน้าตอบรับเป็นครั้งคราวเท่านั้น สายตาจริงจังของผมคงสื่อไปถึงคุณรัฐได้ ทำให้เขาไม่ขัดหรือแทรกอะไรขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ผมรู้สึกได้เลยว่าคุณรัฐเชื่อในสิ่งที่ผมเล่าจริงๆ แสดงว่าความฝันที่คุณรัฐพบเจอมา ต้องไม่ธรรมดาแน่

“โหดร้ายเกินไป” นั่นคือคำพูดแรกที่หลุดออกมาจากปากคุณรัฐ หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลง ผมได้แต่หลุบตาต่ำและพยายามกลั้นน้ำเสียงสั่นเครือเอาไว้

“ครับ.. โหดร้ายจริงๆ”

“เราต้องรู้เรื่องนี้”

คุณรัฐว่าเสียงเด็ดขาดพลางหันไปค้นกระเป๋าถือสีดำของตัวเอง เขาหยิบแท็บเล็ตราคาแพงออกมาและเชื่อมต่อเข้ากับเว็บไซต์ค้นหาทันที คำว่า ‘ทริปข้ามมิติ’ ถูกใส่ลงไปเป็นอย่างแรก ไม่น่าเชื่อว่าการค้นหาง่ายๆจะสามารถทำให้เราได้ข้อมูลของเรื่องนี้มากขึ้นได้

ผลการค้นหาในหน้าท้ายๆ มีบางเว็บไซต์ และบางบล็อก พูดถึงเรื่องที่ใกล้เคียงกันนี้ แต่ดูเหมือนข้อมูลส่วนใหญ่ถูกลบออกไปอย่างหาสาเหตุไม่ได้ มีเพียงไม่กี่อันเท่านั้น ที่ยังหลงเหลือให้เราค้นคว้าได้บ้าง

สิ่งที่เหลือคือนิยายออนไลน์ของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเล่าเรื่องราว เกี่ยวกับเซลล์ขายทริปข้ามมิติ ที่โผล่ออกมาหลอกล่อตัวเอกให้เดินทางไปยังโลกใบอื่น เพื่อไปพบกับชีวิตรูปแบบอื่นของตัวเอง ชื่อของเซลล์ในเรื่องนี้ก็คือ TJ เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัวต่อกัน เหมือนกับเซลล์ที่ผมพบเจอมาไม่มีผิด

 

‘ฉันถูกแรงกระชากขนาดใหญ่พัดพาไปยังโลกต่อไปอีกครั้ง’

‘เสื้อผ้าของฉันเปลี่ยนไป เนื้อตัวมีรอยแผลเกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ นี่คงเป็นสิ่งที่ตัวฉันในโลกนี้ถ่ายทอดมาให้เช่นทุกที ระยะก้าวของฉันสั้นลงเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบให้ชัดเจน’

‘มันน่าแปลกที่คุณพ่อของโลกใบที่ 9 มีความทรงจำบางอย่างที่คล้ายคลึงกับคุณพ่อในโลกของฉันจริงๆ อะไรคือสิ่งที่ทำให้ท่านรู้เรื่องที่ไม่น่าจะรู้ได้นะ!?’

‘วันนี้ TJ อธิบายให้ฟังว่า การเดินทางข้ามมิติ อาจจะส่งผลกระทบต่อความทรงจำของตัวเราหรือคนรอบข้างในโลกแต่ละใบได้ แต่โอกาสจะเกิดต่อการเดินทางครั้งหนึ่งก็น้อยมาก เหอะ พูดแบบนี้แปลว่าจะบังคับให้ฉันหยุดเดินทางเรื่อยเปื่อยแล้วแน่ๆเลย’


 

เรานั่งอ่านนิยายเรื่องนี้จนเกือบจะจบ เนื้อหาอาจไม่หวือหวา แต่ประเด็นน่าสนใจ.. น่าสนใจเพราะเป็นสิ่งที่เรากำลังตามหานั่นแหละ ทุกอย่างที่ถูกเล่าผ่านตัวละครเอกมันช่างเหมือนกับสิ่งที่ผมสัมผัสมาไม่ผิดเพี้ยน และเป็นอย่างที่ผมตั้งข้อสังเกตจริงๆ เรื่องความฝันของคุณรัฐ มันเกิดจากการที่ผมเดินทางหลายต่อหลายครั้งนั่นแหละ

“ถ้าสิ่งที่นิยายเรื่องนี้เล่าคือความจริง เราอาจเจอฌาณคนนั้นได้ ในตัวของฌาณบนโลกนี้นะ” คุณรัฐพูดจาน่าสับสน จนเขาต้องรีบขยายความเมื่อเห็นหน้างุนงงของผม

“เพราะเซลล์ในนิยายบอกว่า การเดินทางข้ามมิติ อาจส่งผลต่อความทรงจำของทั้งเจ้าตัวและคนรอบข้าง”

“แต่เขาบอกว่าโอกาสจะเกิดมันน้อยมาก คุณรัฐเอง ก็คงเป็นแค่หนึ่งในล้านล่ะมั้งครับ”

“เขาว่าโอกาสจะเกิดต่อการเดินทางหนึ่งครั้งนี่ แต่ทั้งปลายและฌาณ ต่างก็เดินทางไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง การกระทำของพวกเธออาจกำลังปั่นป่วนสมดุลของโลกทั้ง 50 ใบอยู่ก็ได้นะ”

“คุณรัฐไม่ต้องพูดเพื่อให้กำลังใจผมหรอกครับ ความจริง.. ผม...ไม่อยากตั้งความหวังอะไรอีกแล้ว”

“ปลาย..”

คุณรัฐตีสีหน้าเสียใจอีกครั้ง จนผมต้องฝืนยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้คนตรงหน้ายิ่งกังวล ห้องทั้งห้องเงียบไปนานจนน่าอึดอัด สายตาของผมยังคงทอดไปยังหน้าจอแท็บแล็ตที่เปิดค้างไว้ นิยายเรื่องนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผม เพียงแต่ว่าตอนจบของมัน สวยงามกว่าของผมมาก ขณะที่ในหัวเริ่มคิดถึงเรื่องราวเดิมๆ และน้ำใสๆก็พร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ เสียงทุ้มของอีกคนก็ดังขัดขึ้นก่อน

“ถ้ามันเจ็บปวดทรมานนัก ก็ลืมมันไปซะจะดีกว่าไหม”

“หมายความว่ายังไงครับ?”

“ผมรู้จักศาสตร์หนึ่ง ว่าด้วยการสะกดจิตเพื่อควบคุมหรือบิดเบือนความคิดของมนุษย์ บางที.. เธออาจใช้มันเพื่อลบเลือนบาดแผลในใจได้”

“ให้ผมลืมงั้นเหรอ..”

“ดีกว่าต้องทนทรมานเพียงลำพังตลอดไปไม่ใช่เหรอ ผมน่ะ.. ไม่อยากเห็นเธอต้องเป็นแบบนี้หรอกนะ”

ผมได้แต่นิ่งเงียบไป ในสมองก็พยายามทบทวนทุกอย่างให้ดี ถ้าลืมได้จริงจะเป็นยังไงกัน ก็คงไม่ต้องทนเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ล่ะมั้งนะ... จะมีชีวิตที่ยังเหลือต่อไปโดยที่ไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อ ฌาณ... อย่างนั้นน่ะเหรอ...

“วันนี้เธอคงเหนื่อยมากแล้ว ลองคิดดูให้ดีนะ พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง ฉะนั้น..มะรืนจะมาเอาคำตอบ ลาก่อนครับ”

คุณรัฐคงเห็นผมคิดหนัก ถึงจงใจหาเรื่องกลับทั้งที่ปกติจะอยู่ด้วยกันถึงมืดค่ำแท้ๆ มีเวลาอีกหนึ่งวันกับไม่กี่ชั่วโมงสำหรับการตัดสินใจสำหรับข้อเสนอนี้

ในตอนนี้ที่ผมได้แต่ทนเจ็บปวดและกลายเป็นคนป่วย ป่วยที่ใจจนกายมันล้าตามไปด้วย สุดท้ายก็กลายเป็นแค่ภาระของทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ส่วนภายในก็เอาแต่ร้าวระบมจนอยากร้องไห้ทุกสิบนาทีอยู่ตลอด มีชีวิตอย่างไร้ความหมาย ในเมื่อฌาณที่กำลังรออาจไม่อยู่แล้วจริงๆ การหายใจของผมในวันนี้มันดูไร้ค่า แต่ถ้าผมแค่ลืมเรื่องราวทั้งหมด ผมก็ไม่ต้องจำ และก็ไม่ต้องเจ็บ จะได้ก้าวเดินต่อไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นก็อาจจะดีเหมือนกัน...

ทำยังไงดี...ผมควรจะตอบไปว่าอะไรดี?

ออฟไลน์ Eternal luv

  • ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตนะ...ของกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
 :z13: รู้สึกว่าคุณรัฐแปลกๆ พยายามเชียร์ให้ลืม ณานเกินไป
ขอให้ทัั้งสองเจอกันไวๆนะ

ปลายอย่าลืมณานเลยนะ

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 21
อีกด้านหนึ่ง


 

[AA]

22 มิ.ย. 2556, 08.15 น.


 

ใครกันช่างคิดให้มีประชุมตอนเช้าแบบนี้ ไม่นึกถึงคนที่ต้องการการพักผ่อนบ้างหรือไง ตั้งแต่ถูกบรรจุเป็นเซลล์ประจำ ก็ถูกโยนงานใหญ่มาให้ด้วยการดูแลผู้ชายที่ชื่อ ฌาณ เขาคือหนึ่งในไม่กี่คน ที่ได้รับสิทธิพิเศษบางอย่างจากเจ้านาย เหตุก็เพราะความวุ่นวายเมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน ที่เซลล์รุ่นพี่ไปก่อเรื่อง เอาทริปหมดอายุไปใช้งานนั่นแหละ

ไม่มีใครยอมปริปากเล่ารายละเอียดของเรื่องในตอนนั้นให้ฟัง อาจเพราะนิสัยของคนที่นี่ที่ไม่คิดจะยุ่งเรื่องของคนอื่น และอาจจะเพราะความอัปยศในวงการที่ไม่อยากพูดถึงด้วยล่ะมั้ง

สิ่งที่ฉันได้รับมอบหมายมานอกจากการดูฌาณแล้วก็คือ นาฬิกาเรือนใหญ่ สัญลักษณ์ของเซลล์ขายทริป ปกติแล้วบนหน้าจอจะแสดงผลแค่สามช่องรายการ หนึ่งคือวันเวลาอย่างเช่นนาฬิกาทั่วไปควรจะเป็น สองคืออายุขัยที่เหลือของลูกค้าในตอนนั้น และสามก็คือจำนวนครั้งที่ลูกค้าคนนั้นสามารถเดินทางได้ โดยทุกครั้งที่ลูกค้าเดินทาง ตัวเลขบนหน้าจอก็จะลดลง พร้อมๆกับตัวเลขบอกอายุขัยด้วย

แต่ของฌาณมันต่างออกไปเพียงเล็กน้อย เพราะจากความเสื่อมเสียของเซลล์อย่างเราในคราวนั้น เจ้านายยอมออกโรงเจรจากับเจ้าตัวเอง สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปที่ดูยังไงเราก็ไปโกงเขา คือการยอมให้ฌาณซื้อทริปแบบเหมาจ่าย ในราคาพิเศษ โดยแลกอายุขัย 50 ปี กับการเดินทางอีก 40 ครั้ง จะเรียกว่าคุ้มก็เหมือนจะใช่ เพราะการเดินทาง 40 ครั้ง ปกติต้องใช้อายุขัยตั้ง 200 ปี แต่ฌาณกลับได้มันในราคาแค่ 50 ปีเท่านั้น แล้วถ้าฌาณใช้ทริปไม่ครบ 40 ครั้ง แต่ดันเจอปลายก่อน เขาก็อาจมีชีวิตต่อไปได้ แต่ต้องไม่เดินทางอีกก็แค่นั้น ฟังยังไงก็น่าประทับใจเสียไม่มี

ทั้งที่ความเป็นจริง...มันไม่ได้คุ้มเลย เจ้านายมีความสามารถหยั่งรู้อนาคต แถมยังเป็นพวกละโมบแบบต่ำช้า เพราะอย่างนั้นฉันถึงว่าเราไปโกงเขา ตอนนี้ฉันได้รับรู้ว่า ในวันนั้นตอนที่เจ้านายยื่นข้อเสนอนี้ให้กับฌาณ เจ้านายคงมองเห็นอนาคตที่จะเป็นไปอยู่แล้ว ว่ายังไงฌาณก็จะต้องใช้ทริปไปเรื่อยๆ และยังไม่สามารถเจอปลาย สุดท้ายคนที่มีแต่ได้ก็คือเจ้านายเอง

ช่องบอกอายุขัยของฌาณมันหยุดนิ่ง จนกว่าช่องบอกจำนวนการเดินทางจะเป็น 0 อายุขัยของเขาถึงจะเริ่มออกเดินหน้าสู่การสิ้นสุดอีกครั้ง และตอนนี้มันก็.....

“AA! ได้เวลาประชุมแล้วนะ”

“อ๊ะ.. ค่ะ”

รุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาตามด้วยสีหน้าเร่งรีบ ทุกคนได้แต่ลนลานไปให้ถึงห้องประชุมภายในเวลานัดหมาย ทุกคนต่างเกรงกลัวเจ้านาย.. และหลายคนก็เกลียดเขา เพราะความโลภจนน่าขยะแขยงนั่นแหละ กฎทุกอย่างที่เขาตั้งขึ้นสำหรับพวกเรา ล้วนแต่ทำเพื่อสร้างความลำบากให้กับลูกค้า และจงใจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับปัญหาที่จะเกิดกับลูกค้า สุดท้ายมันจะจบลงด้วยการที่ ลูกค้าเหล่านั้นต้องจำใจยอมแลกอายุขัยที่เหลือเพื่อเดินทางไปหาหนทางหรือการแก้ไข ส่วนเซลล์อย่างพวกเรา.. ก็ได้แต่รับความผิดแทน กลายเป็นพวกเลวทรามในสายตาของมนุษย์หลายต่อหลายคน

ฉันเข้าทำงานนี้ได้ 6 เดือนกว่า กับการติดตามลูกค้าเพียงรายเดียว ถึงอย่างนั้นก็ได้ประสบกับหลากหลายเหตุการณ์ และได้ร่วมซึมซับความทรงจำอีกมากมาย ทุกๆวันที่เห็นฌาณเอาแต่ตีสีหน้าเจ็บปวด ฉันก็ได้แต่รังเกียจตัวเอง คำถามมากมายมันลอยขึ้นมาในหัว

เราอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร? สิ่งที่ทำอยู่มันดีจริงหรือไม่? จริยธรรมของการประกอบอาชีพนี้อยู่ที่ไหน? ทำไมถึงต้องทำลายชีวิตของใครสักคน? อะไรคือจุดมุ่งหมายของการเป็นเซลล์ทริป? เพื่อกลั่นแกล้งมนุษย์เช่นนั้นหรือ? อีกนานแค่ไหน...ต้องเป็นมารร้ายสำหรับพวกลูกค้าไปอีกนานแค่ไหน? แล้วยังต้องเห็นความรวดร้าวของคนเหล่านั้นอีกมากเท่าไรกัน?

“ลูกค้าหมายเลข 0005689 อายุขัยปัจจุบันคือ 4 ปี 11 เดือน 3 วัน 20 ชั่วโมง กับอีก 45 นาที ไม่สามารถเดินทางต่อได้แล้วค่ะ”

เสียงคุ้นหูของเพื่อนร่วมงานตัวร้ายอย่างยัย CD ดังขึ้นเรียกฉันให้ตื่นจากภวังค์ เธอกำลังลุกขึ้นรายงานผลการปฏิบัติงานเป็นคนสุดท้าย รุ่นพี่บางคนที่นั่งอยู่ตรงนี้หลุบสายตาลง พวกนี้คือคนที่รู้เรื่องราวเมื่อ 6 เดือนก่อนนี่น่า หมายความว่ายังไง ทำไมถึงมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับการสรุปผลของ CD... เดี๋ยวสิ

ลูกค้าของ CD คนล่าสุด ก็คือปลายจากโลกใบที่ 23 ไม่ใช่เหรอ ปลายที่เกือบจะทำให้ฌาณเขวคนนั้น ทำไมอยู่ดีๆอายุขัยถึงลดลงมากขนาดนี้ เขาไปเจออะไรมา? เกิดอะไรขึ้น?

“ดีมาก ส่วนเรื่องการพิจารณาความผิดของเธอ เรายังคงยืนยันวันและเวลาตามเดิม ขอให้มาตามนัดหมายด้วย”

“....ค่ะ”

“ทุกคนเลิกประชุมได้”

เจ้านายหายตัวไปทันทีหลังบอกลาทุกคนในที่ประชุม รุ่นพี่หลายคนก็ใช้วิธีการเดียวกัน แต่บางกลุ่มก็ใช้การเดินทางประเภทอื่นคละกันไป ฉันรีบใช้จังหวะนี้เข้าไปประชิดตัว CD และลากให้มาคุยกันที่โต๊ะตัวหนึ่ง ไม่ไกลจากห้องประชุมเมื่อครู่นัก แววตาของเธอสั่นไหว มีความรู้สึกมากมายไหลรวมอยู่ในนั้น ทั้งความตกใจ และความเสียใจด้วย

“มีอะไร ฉันรีบ”

“เกิดอะไรขึ้นกับปลายที่โลก 23?”

“กฎข้อ 3 บอกไว้ว่า ห้ามแทรกแซงการทำงานของเซลล์คนอื่นๆ”

“ฉันไม่ได้แทรกแซง ฉันแค่สอบถาม! อีกอย่าง.. เธอไม่ได้ทำงานดูแลผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ไม่ผิดถ้าฉันจะรู้”

“เขาก็แค่เดินทางมากไป จนอายุขัยบั่นทอนก็เท่านั้น” CD พูดจาคล้ายว่าต้องการตัดบท สายตาของเธอไมได้มองตรงมาทางฉัน ผิดปกติมากเกินไป...

“ฉันว่าคงต้องเปลี่ยนคำถามกันใหม่...”

“อะไรของเธอ ฉันต้องไปแล้ว” ฉันรีบรั้งข้อมือของ CD ให้กลับมานั่งที่เหมือนเดิม สายตาเกรี้ยวกราดตวัดมาทางนี้ แต่ฉันไม่กลัว CD ในตอนนี้ไม่น่ากลัวเลย เพราะในแววตาของเธอมันอัดแน่นไปด้วยความสับสนจนคนรอบข้างรู้สึกได้ทีเดียว

“ปลายที่โลก 23 คือใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์ทริปหมดอายุเมื่อ 6 เดือนก่อน?”

“ในที่ประชุมเมื่อ 6 เดือนก่อน สรุปกันว่า จะไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก”

“เธอกลัวการถูกไล่ออก มากกว่าความเกรงกลัวต่อบาปอีกเหรอ!”

CD เหมือนจะอึ้งไป แต่ก็รีบตีสีหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยไว ฉันรู้ดีว่ายัยนี่ก็รู้สึกผิดเต็มทน ไม่งั้นคงไม่เป็นแบบนี้ ปลายที่โลก 23...หรือว่านาย.....

“ปลายที่โลก 23 คือปลายที่ฌาณกำลังตามหาใช่ไหม?”

เปรียะ..

เสียงกระแสไฟอ่อนๆดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือของ CD ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งพลางเบือนหน้าหนี ให้ตายเหอะ! เป็นแบบนี้อีกแล้วหรอ ทุกครั้งที่ฉันตามสืบเรื่องของฌาณกับปลาย นาฬิกาข้อมือของรุ่นพี่ทุกคนที่ไปถามมาก็เป็นแบบนี้ สุดท้ายก็เลยไม่มีใครยอมบอก เพราะกลัวโดนลงโทษกันหมด แต่ครั้งนี้ฉันไม่อยากยอมแพ้อีกแล้ว.. ไม่สิ... ฉันยอมแพ้ไม่ได้แล้วต่างหาก

“ขอร้องล่ะ CD บอกฉันมาเถอะ เรื่องของฌาณกับปลายมันเป็นยังไงกันแน่ ขอร้องล่ะนะ!”

“...”

“CD! ฉันขอร้องจริงๆ!” ฉันออกแรงเขย่าร่างที่เริ่มสั่นเทิ้มของคนข้างๆ กระแสไฟสีฟ้าตวัดไปรอบๆนาฬิกาเรือนนั้นมากขึ้น

“...”

“เธอเข้ามาเป็นเซลล์ เพื่อจะช่วงชิงความสุขของผู้คนเหรอ!!?”

“ฉันบอกไม่ได้ก็คือไม่ได้สิ!!”

“แต่ฌาณกำลังจะตาย!!!!”

“อึ่ก!”

“ฌาณกำลังจะตาย ได้ยินไหม!!?”

ฉันไม่สนใจอีกแล้วว่า CD จะเป็นยังไง ตอนนี้เหมือนตัวเองสติแตก เพราะเอาแต่เขย่าร่างของคนตรงหน้าอย่างแรง สลับกับการก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ตัวเลข 1 แสดงจำนวนครั้งที่ฌาณสามารถเดินทางต่อได้ ดูแย่มากพอๆกับตัวเลขซึ่งแสดงอายุขัยที่เหลือของเขา... เพราะมันคือ 43 นาที เท่านั้นเอง น้อยมากจนน่าใจหายเชียวล่ะ...

“ความจำเสื่อม..”

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ

เสียงของยัย CD แผ่วเหลือเกิน รู้สึกได้ว่าเธอกำลังพยายามอย่างหนักในการต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ข้อมือ กระแสไฟฟ้าน่ากลัวเกี่ยวกระหวัดไปรอบๆตัวเธอ น่ากลัวกว่าครั้งไหนที่ฉันเคยเห็นมา ไม่นานนักเสียงสั่นเครือก็กลายเป็นเสียงสะอื้น CD ผลักตัวของฉันให้ออกมาจากรัศมีตัวเธอพลางส่งเสียงตะโกนออกมา

“เมื่อ 6 เดือนก่อน ตอนที่ปลายกับฌาณคลาดกัน ปลายประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อม ปลายคนนั้น..”

“CD!!” ไอ้พวกทหารในชุดคลุมสีกากี ลูกไล่ของเจ้านายโผล่หัวออกมาจากความว่างเปล่า ไวจนไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว CD ถูกจับพันธนาการอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังพอทันที่จะได้พูดเฉลยสุดท้าย

“ก็คือปลายที่โลก 23!!”

ฉันได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน ก่อนจะรีบพาตัวเองหายตัวออกมาจากที่แห่งนั้นให้ไวกว่าการจับกุมตัว ภาพสุดท้ายที่มองเห็นคือร่างของ CD ที่ถูกกดลงกับพื้น พร้อมกับเสียงประกาศถึงโทษทัณฑ์ของเธอ ฌาณซึ่งรออยู่ที่โลก 15 มีสีหน้าตกใจพอๆกันเมื่อเห็นว่าฉันกำลังทำหน้ายังไงทันทีที่โผล่ตัวออกมา

“AA เป็นอะไร?”

“ฌาณ ฟังนะ...”

 

“วิ่งไปทางทิศเหนือแล้วจะเจอทางแยก”

ตึก ตึก ตึก..

เรารีบเดินทางครั้งสุดท้ายมาที่โลก 23 แทบจะทันทีหลังจากฉันเล่าเรื่องทั้งหมดจบ นาฬิกาซึ่งบอกเวลาชีวิตของฌาณเริ่มต้นนับถอยหลังอีกครั้ง... 14 นาที คือเวลาที่เหลือในตอนนี้

เพราะฉันมันอ่อนแอเอง ทำได้แต่ก้มหัวให้กับผู้มีอำนาจอย่างเจ้านาย ยอมไหลไปกับธารความเลวทั้งๆที่รู้แก่ใจดี เซลล์ทุกคนก็ทำได้แค่นั้น เพราะความกลัว จึงไม่กล้าที่จะต่อสู้กับความชั่ว สุดท้ายก็ทำได้แค่จำใจทำร้ายคนดี เพราะเอาแต่คิดถึงตัวเองทั้งนั้นเลย

ฉันหายตัวได้ แต่ฉันพาอีกคนไปด้วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฌาณคงไม่ต้องมาวิ่งไปรอบเมืองเพื่อตามหาห้องเช่าของปลายแบบนี้ แต่ก็คงต้องโทษโชคด้วยเหมือนกัน เพราะความโชคร้ายสำหรับคนคู่นี้มันไม่จบสิ้นง่ายๆ เมื่อฌาณดันโผล่ออกมาในรถทัวร์ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปต่างจังหวัด ทั้งที่ความจริงบ้านของเขาอยู่ในละแวกเดียวกับปลายแท้ๆ เราก็เลยเสียเวลาโบกรถกลับมากันอีกหลายนาที และเพราะว่าซอยแถวนี้มันแคบมาก ทำให้ไอ้แท็กซี่บ้านั่นไม่ยอมขับเข้ามา ฌาณเลยต้องเหนื่อยวิ่งแบบเอาตายอยู่อย่างนี้

เมื่อแหงนมองฟ้าก็เห็นเพียงแค่ผืนผ้าสีดำ สิ่งที่นำทางให้ฌาณมีแค่แสงจันทร์ กับแสงไฟข้างทางริบหรี่เท่านั้น แต่ว่า...ในใจของเขา มันก่อเกิดดวงไฟอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา ดวงไฟที่เรียกว่าความหวัง

“เลี้ยวขวาข้างหน้านี้เลย”

“ฮั่ก.. ฮ..”

“ทนหน่อยนะ ตรงไปเรื่อยๆจะเจอร้านขนมปัง ก็อีกไม่ไกลแล้ว”

ฉันได้แต่ปลอบคนข้างๆที่เริ่มเหนื่อยเต็มทีหลังจากการวิ่งติดต่อกันไม่หยุด เม็ดเหงื่อไหลลงมาตามขมับ บวกกับเสียงหอบท่ามกลางความเงียบของซอยเปลี่ยว มีแค่ดวงตาแพรวอันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเท่านั้น ที่ทำให้แน่ใจว่าร่างกายนี้จะไม่ล้มลงไปเสียก่อน นาฬิกาชีวิตของฌาณถ้าจะเดินช้ากว่านี้อีกสักหน่อยก็คงดีหรอก...

’00:06:52’

เราใช้เวลาอีกไม่เท่าไรก็มาถึงหน้าห้องเช่าเก่าๆของปลาย แน่นอนว่ามีคนกึ่งหลับกึ่งตื่นเฝ้าอยู่ข้างล่าง ไม่รอให้เสียเวลามากกว่านี้ ฌาณก็เป็นฝ่ายออกตัววิ่งไปก่อนอย่างไม่บอกกล่าว ฉันได้แต่ตามไปจนมาถึงด้านหลังของตึก ทางนี้มีแต่ระเบียงรั้วเล็กๆเอาไว้สำหรับตากผ้า ส่วนห้องของปลายน่ะอยู่ที่ชั้น 3 ตรงหน้านี้เอง

“อย่าบอกนะว่า..”

“ฮึบ”

เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด นายฌาณลงทุนปีนระเบียงของตึกนี้แบบไม่กลัว จะเรียกว่าบ้าหรือบ้าดี! ถ้าตกลงมาได้ตายก่อนเวลาแน่.. อ่า... ไม่ควรพูดแบบนี้สินะ เพราะถึงยังไง เวลาของเขาก็เหลือไม่มากแล้ว ฉันลอยตัวขึ้นไปยืนรออยู่ที่ด้านบน ตรงระเบียงห้องของปลายพอดี สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอนาฬิกาสลับกับใบหน้าเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ไม่ท้อแท้ของฌาณ เสียงปลายรองเท้ากระทบพื้นระเบียงดังขึ้นรัวๆด้วยความตื่นเต้น

’00:01:36’

ช่างเป็นเวลาที่น่ากลัวเหลือเกิน... น้อยเสียจนน่ากลัวเหลือเกิน...

“มาเร็ว!”

ฉันยื่นมือออกไปรอรับมือใหญ่ของคนที่กำลังปีนขึ้นมาอย่างยากลำบาก ฌาณลังเลเพียงแวบหนึ่งก่อนจะยอมคว้ามือเล็กๆไว้ อย่าดูถูกกันมากไป ถึงเรื่องอื่นจะช่วยไม่ได้ แต่แรงช้างอย่างเรา ไม่แพ้ใครแน่!

“ฮึ่บ!”

ไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างใหญ่ของฌาณก็ถูกดึงขึ้นมายืนหอบอยู่ข้างกันตรงระเบียงแห่งนี้ เราทั้งคู่ต่างหันมองเข้าไปด้านในทั้งที่มีกระจกทึบกั้นอยู่ รอยแยกของผ้าม่านเผยให้เห็นเงาลางๆของคนคุ้นเคย ซึ่งกำลังหลับสนิทบนเตียงขนาดเล็ก น้ำใสๆมันเอ่อขึ้นมาที่ขอบตาทั้งสองข้างของฌาณ ช่างเป็นภาพที่ทั้งน่าเจ็บปวดและน่าดีใจในเวลาเดียวกัน

10

เสียงทุ้มน่ากลัวดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือของฉัน เพื่อเตือนให้รู้ถึงเวลา 10 วินาทีสุดท้ายของชีวิตคนตรงนี้ ใบหน้าของฌาณซีดลงไปแวบหนึ่ง ก่อนที่มือใหญ่จะรีบเอื้อมเข้าไปเปิดประตู...ประตู.....

กึก กึกก

ประตูล็อค !!?

---------------------------------------------

 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Eternal luv

  • ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตนะ...ของกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
  :hao5: โอ ณานไม่นะ ต้องได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกันซิ
ค้างอะ ขออีกได้ป่าวคนเขียน  :katai4:  :katai4:

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
ทำไมเราเพิ่งมาเห็นนิยายดีดี อย่างนี้ ชอบเรื่องนี้มากเลย
 ขอให้เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้ด้วยเถอะ แล้วก็ขอให้คุณรัฐ มีความสุขซะที  อ่านไปเศร้าไป

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 22
ฉันคิดถึงเธอ


 

22 มิ.ย. 2556, 07.50 น.

 

ผมตื่นเช้ามาพร้อมกับความสับสนที่ยังอยู่ในหัว ไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำยังไงต่อไป กับความรู้สึกตอนนี้... ผมไม่อยากลืมเรื่องของเรา แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมก็มีแต่จะค่อยๆแหลกสลาย จะต้องตายไปพร้อมกับความรู้สึกเสียใจแน่ เพราะว่าผมไม่มีความมั่นใจเลย ว่าตัวเองจะสามารถยืนหยัดต่อไปได้ โดยที่ยังมีเรื่องติดค้างในใจแบบนี้... สุดท้ายเราก็ไม่ได้พบกัน ในฐานะของคนรักกัน และคงไม่มีวันแล้ว

โชคชะตาหรือฟ้าเบื้องบน อะไรก็ตามที่ขีดเส้นให้มันเป็นแบบนี้... ใจร้ายมาก แค่วินาทีเดียวก็ไม่ยอม แค่เสี้ยววินาทีก็ไม่ได้ แค่ให้ผมกับฌาณได้เจอกันอีกครั้งก็ไม่ให้ ใจร้ายเกินไปจริงๆ

โคร่กก

อ่า...ผมเข้าใจความสำคัญของคุณรัฐก็ตอนนี้แหละ พอผมกลายเป็นไอ้บ้าที่เอาแต่เหม่อลอย แล้วพอไม่มีคุณรัฐมาดูแล ก็ลำบากขึ้นมาเชียว ตลกนะ ทั้งที่แต่ก่อนก็เคยอยู่ได้ ทำไมตอนนี้มันเป็นแบบนี้ล่ะ เฮ้ออ... ยังไงก็เหอะ ตอนนี้คงต้องออกไปซื้ออะไรมากินก่อน ไม่งั้นได้นอนตายสมใจแน่

แม้แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าก็ทำร้ายสายตาผมได้ นี่คือผลจากการหมกตัวอยู่แต่ในห้องทึบๆเป็นเวลาหลายวัน จนแทบจะลืมว่าอากาศข้างนอกเป็นยังไงน่ะสิ แถมดูเหมือนเรี่ยวแรงผมมันก็ไม่เต็มร้อย ถึงได้ใช้เวลาเดินไปมินิมาร์ทนานกว่าปกติ

ที่ชั้นวางขนมปัง มีขนมปังยี่ห้อต่างๆมากมาย ไส้ รส และรูปแบบก็แตกต่างกันไป ดูๆแล้วก็น่าทานซะหมด จะติดก็แค่.. อาการฝังใจว่าต้องซื้อแต่ยี่ห้อเดิมเท่านั้นเนี่ยแหละ ในโลกใบที่ 27 ขนมปังไส้ครีมที่ผมชอบ คือไส้ที่พี่ทิพย์เกลียดที่สุด เธอชอบไส้เมล่อน ส่วนฌาณไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ ส่วนโลกใบที่ 18 ผมกลับกลายเป็นคนที่ชอบกินขนมปังไส้ถั่วแดง ทั้งที่ความจริงไม่ค่อยชอบเอาเสียเลย

เออ...ดี แม้แต่ขนมปัง ก็ยังมีความทรงจำให้ชวนคิดถึงมันเลย เฮ้อออ ผมรีบๆหยิบขนมปังไส้ครีมมาไว้ในมือ พ่วงด้วยนมจืดหนึ่งกล่อง ก่อนจะจ่ายเงินและเดินเอื่อยเฉื่อยออกมา ผมก้าวขาช้ายิ่งกว่าตอนมาซะอีก ก็เลยทำให้ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรชัดเจนกว่าทุกที พื้นที่รกร้างในละแวกนี้ถูกนายทุนซื้อไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง เพื่อทำเป็นอเวนิวเล็กๆไปแล้ว คงดีกว่านี้ถ้าเขาจะขยายพื้นที่สวนสาธารณะข้างๆให้กว้างขึ้นแทน

ผมหยุดพักบนม้านั่งในสวนสาธารณะที่ว่า ดูเหมือนการไม่ได้ขยับตัวนานๆจะทำให้ร่างกายผมแก่ขึ้นไปอีกหลายปี มันล้าๆ ไม่รู้เพราะเหนื่อยใจ หรือเพราะใกล้ตายแล้วกันแน่ เหอะๆ ไม่ตลกเลย...

จึก จึก

ในระหว่างที่กำลังปล่อยความคิดไปเพลินๆ ก็รู้สึกถึงแรงจิ้มที่แก้มซ้าย พอหันไปก็พบกับดอกกุหลาบสีแดงที่ถูกยื่นเข้ามา มีหยดน้ำเกาะอยู่บนกลีบดอกเล็กน้อยพอให้ดูชุ่มชื่น เหตุการณ์คุ้นเคยนี้ไม่ได้น่าตกใจเท่ากับเจ้าของดอกไม้ เด็กสาวท่าทางใจดี ผมยาวประบ่าสีคาราเมลสวยถูกดัดเป็นลอนบางๆดูน่ารักขึ้นไปอีก เธอกำลังส่งยิ้มกว้างมาให้ผม และเป็นยิ้มที่ชวนคิดถึงจริงๆให้ตาย

“น้ำตาล..”

“อ้าว เรารู้จักกันด้วยหรอคะ?”

ใช่จริงๆหรอเนี่ย น้ำตาล พนักงานแสนน่ารักของร้านดอกไม้ Florem ในโลก 18 กำลังยืนอยู่ต่อหน้าผมในโลก 23 ทั้งที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่กลับถึงเวลาที่ได้พานพบแล้วหรือยังไง

“เอ่อะ ผม.. หมายถึง ผมของคุณอะครับ สีน้ำตาลสวยดีนะ” โอ้ยอยากกัดลิ้นตัวเองตายตรงนี้เลย ความสามารถในการแถของผมทำไมมันจัญไรขนาดนี้วะครับ!

“อ่อ ขอบคุณค่ะ ถ้างั้นช่วยรับดอกกุหลาบนี้ไว้ด้วยนะคะ”

ผู้หญิงตัวเล็กยิ้มกว้างอีกครั้งพลางยื่นกุหลาบดอกนั้นมาให้ ก่อนที่จะเดินตรงไปหาคนอื่นๆในสวนสาธารณะนี้ ผมก้มลงมองดอกไม้ในมือ เห็นแท็กเล็กๆติดเอาไว้ บนนั้นพิมพ์โลโก้บางอย่าง พร้อมคำบรรยายใต้ภาพที่ว่า ‘ร้านดอกไม้เปิดใหม่ พบกันที่แซนด์อเวนิว 28 กรกฎาคมนี้’ อะไรกัน ขนาดในโลกนี้เธอก็ยังจะทำงานร้านดอกไม้เรอะ หางานอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง

แล้วคิดได้ไงเอากุหลาบมาจิ้มแก้มชาวบ้านเขาอะ?

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกเดินออกไปจากบริเวณนี้ จังหวะการเดินยิ่งช้าลงเรื่อยๆ เพราะในหัวเอาแต่คิดไปมาถึงเรื่องราวในอดีต กุหลาบสีแดงงั้นเหรอ...

‘ส่งมาดิ จะให้ตัดหนามใช่มะ’

‘เปล่า อันนี้ให้’

‘บ้าหรือไง?’

‘อือ ก็บ้าไง’


ฮ่ะๆ บ้าจริงๆนั่นแหละ ไอ้พวกที่ชอบเอาดอกไม้จิ้มแก้มคนอื่นเนี่ย มีแต่พวกบ้าทั้งนั้นเลย ร้านดอกไม้อะไรกัน ทำไมต้องมาเปิดแถวนี้ด้วยล่ะ

คราวนี้ผมเปลี่ยนมาก้าวขาให้ไวขึ้นแทน หวังว่าจะช่วยให้ไม่ต้องคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ไม่ทันไรก็มาหยุดลงตรงหน้าประตูห้องตัวเองแล้ว แต่ก่อนจะได้เปิดประตูเข้าไป ผมกลับต้องสะดุดกับโปสเตอร์แผ่นหนึ่งที่ถูกเสียบไว้ข้างใต้ประตู เมื่อหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นแผ่นโฆษณาร้านค้าในอเวนิวที่ใกล้จะเปิดอีกเช่นเคย

ตัวอักษรสีสันน่ารักพาดลงไปตามแนวกระดาษแผ่นบาง มีตัวการ์ตูนรายล้อมเต็มไปหมด พร้อมกับคำอธิบายข้างใต้ชื่อร้านว่า ‘ร้านน้ำแข็งใสเปิดใหม่ พบกันที่แซนด์อเวนิว 28 กรกฎาคมนี้’ อะไร......นี่ลอกไอ้ร้านดอกไม้เมื่อกี้มาใช่ม้าย!? ลอกกันมาเห็นๆเลยนี่หว่า!

เดี๋ยวดิ! ข้างใต้สุดของแผ่นโฆษณามีเบอร์โทรติดต่ออยู่ด้วย ไอ้เบอร์ของร้านน่ะไม่สนใจหรอก แต่เบอร์ของเจ้าของร้ายเนี่ยสิ... หมายความว่ายังไงที่วงเล็บหลังเบอร์ไว้ว่า (คุณทิพย์) อย่าบอกเชียวนะว่าคือทิพย์เดียวกับที่ทำงานร้าน Snow Farm น่ะ

ชักจะตลกใหญ่แล้วนะ...

‘ฉันให้นายมาทำงาน ไม่ได้ให้มาเล่น’

‘ทำได้ดีมาก’

‘รู้ได้ไง ว่าเขายังรออยู่?’

‘ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆคือฉันยังรอ.. รอวันที่จะหาเขาเจอ’


ตลกมากปะ มาล้อเล่นกับความทรงจำคนอื่นเขาแบบนี้ เฮอะ ผมพับกระดาษในมือเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งพักบนโซฟาตัวประจำ ไอ้ดอกกุกลาบสีแดงสด กับโปสเตอร์โฆษณาร้านน้ำแข็งใสที่บังอาจมาทำให้ผมชวนคิดถึงถูกเนรเทศไปอยู่ในถังขยะเรียบร้อยแล้ว

จริงด้วย... ถ้าไม่ลืมไปซะ มันก็จะยังคิดถึงอยู่อย่างนี้ แล้วก็เจ็บต่อไปแบบนี้...

 

ให้ทายว่าวันนี้ผมเสียเวลาไปกับการนั่งอยู่เฉยๆนานเท่าไร.... ไม่มากครับ แค่ตั้งแต่กลับมาจากมินิมาร์ทจนถึงเวลาเข้านอนนั่นแหละ ดอกกุหลาบที่เริ่มเหี่ยวกับกระดาษโฆษณายับย่นวางอยู่บนโต๊ะ เหมือนคนบ้าเลย คิดว่าควรจะทิ้งไป แต่ก็กลับไปเอามันขึ้นมาเองซะนี่

ผมนอนก่ายหน้าผากอยู่นาน จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะให้คำตอบคุณรัฐว่าอะไรดี ผมไม่อยากจะลืม แต่ก็ควรจะลืมใช่หรือเปล่า เรื่องราวที่ทำให้คิดถึง คิดถึงแล้วก็เสียใจ เสียใจเพราะรู้ว่าไม่มีทางได้รับความสุขแบบนั้นอีกแล้ว เอาแต่คิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา จนคล้อยหลับไปในค่ำคืนที่เงียบสงบจนน่าแปลกใจ...

.

.

.

กึก กึกก

เสียงแปลกๆดังขึ้นกลางดึก ทำเอาผมตกใจตื่น แต่ก็ไม่กล้าเปิดตาดูว่าคืออะไร จริงๆผมก็อยู่ห้องนี้มาตั้งนาน ไม่เคยเจออะไรนะ ทำไมถึงมาเจอเอาตอนนี้ล่ะ ไม่จริงอะ หูฟาดแน่เลย ต้องหลับต่อ ใช่ๆ นอนต่อดีกว่า ลืมไปซะ ไม่มีอะไรหรอก แค่สวดมนต์ไว้เดี๋ยวมันก็หายไปเองแหละ ฮืออ

7

อะร๊าย!? คราวนี้กลายเป็นเสียงคน เอ๊ะ หรือไม่ใช่คน ว๊ากกกก ยิ่งไม่กล้าลืมตาใหญ่เลย ถ้าเกิดว่าเปิดตาออกดู แล้วเจอเส้นผมของใครไม่รู้ห้อยอยู่ตรงหน้าจะทำยังไง โว้ยย! ยิ่งคิดก็ยิ่งสยองวุ้ย!

6

กึกๆๆ

5

ไอ้เสียงกุกกักนั่นยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง สลับกับเสียงของคนหรือจะพูดให้ถูกคือ เหมือนเสียงพวกเครื่องตอบรับอัตโนมัติมากกว่า เสียงนั้นกำลังนับเลขถอยหลังไปเรื่อยๆ ชักน่าสงสัยว่าจะไม่ใช่ผีอย่างที่ผมคิดแล้วมั้ง บางทีอาจจะเป็นโจร แต่มันจะโง่มางัดห้องเช่าโทรมๆแบบนี้ทำไมล่ะ ดูก็รู้ว่าไม่มีเงินว้อย!!

4

โชคดีที่วันนี้เผลอเอามือถือมาไว้บนเตียง ผมเลยทำเนียนเอื้อมไปหยิบมันมากดโทรออกหาคุณรัฐทันที แต่อนิจจา.. ด้วยความตกใจเพราะเสียงงัดประตูระเบียงจนเปิดออก ทำให้ผมพลาดกดตัดสายไปเสียเฉยๆ สายตาได้แต่จับจ้องไปทางผ้าม่านที่กำลังฉายเงาของใครบางคนสะท้อนกลับมา ดวงใจเต้นถี่รัวด้วยความกลัว อย่านะ.. อย่า..

3

พรึ่บบ

ผ้าม่านที่กั้นเอาไว้ถูกปัดออก ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของผู้ชายวัย 20 กว่าจะเผยออกมาให้เห็น แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่กลับสังเกตได้ถึงดวงตาที่แดงก่ำและหยดน้ำที่เอ่อขึ้นมา ใบหน้าเรียวรับกับเส้นผมสีดำที่พริ้วไหวไปตามแรงลม ช่างดูเหมาะกันดีกับดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยนั่น

บ้าชะมัดเลย... ผมเห็นภาพหลอนแล้วเหรอ ?

2

“เฮ้ย!”

ผมรีบร้องพลางยกมือขึ้นป้องตัวเองตามสัญชาตญาณ เมื่อจู่ๆผู้ชายคนนั้น ก็กระโจนขึ้นมาบนเตียงก่อนจะคว้าร่างของผมเข้าไปไว้ในวงแขนจนตัวเราแนบสนิทกัน สัมผัสที่ชวนคิดถึงทำให้ผมใจเย็นลงได้ และกลายเป็นฝ่ายตอบรับอ้อมกอดนี้แทน น้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ได้ตระเตรียม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือภาพลวงตาหรือแค่ความฝัน แต่ความรู้สึกที่ได้รับมันทำให้ยากจะเชื่อว่านี่ไม่ใช่ความจริง เขาอยู่ตรงนี้แล้ว โอบกอดผมด้วยความรักความอบอุ่นเหมือนทุกที...

1

“ฉันคิดถึงนาย”

0

“อะ...”

นั่นคือสุ่มเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก้องอยู่อย่างนั้น นานจนร่างตรงหน้าค่อยๆจางหายไป เหมือนกับอากาศที่แค่มาสัมผัส ก่อนจะพัดผ่านไปเท่านั้น... ผมพยายามเกาะกุมร่างกายของเขาไว้ ตะกายวงแขนออกไปโอบรัดเอาไว้ให้ได้ แต่สุดท้ายความอบอุ่นเมื่อครู่ก็กลับมลายไปอย่างง่ายดาย ใจร้าย...ใจร้ายเหลือเกิน

“ฌาณ!!!!!”

ผมได้แต่ร้องตะโกนหาคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกแล้ว ไม่อยู่แล้วจริงๆ รู้สึกได้ว่า...ครั้งนี้ มันไม่มีหวังใดๆเหลือแล้วจริงๆ ฌาณเมื่อครู่คืออะไร คือความฝันงั้นเหรอ แล้วการที่พรากเขาไป ก็คือฝันร้ายงั้นสิ...?

เสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้นภายในห้องที่เงียบสงัด ขณะที่ผมทำได้เพียงแค่ทรุดลงกับเตียง และโอบกอดตัวเองเอาไว้ น้ำตาไหลโดยที่ปราศจากเสียงสะอื้น ทว่าข้างในมันกำลังกรีดร้อง เสียงดังกว่าครั้งไหนๆ กลิ่นกายของฌาณยังคงอยู่ที่นี่ สัมผัสอบอุ่นของฌาณยังอยู่ตรงนี้

คิดถึง...

ฉันคิดถึงคืนวันเก่าๆ ที่เรามองตา ที่เราชิดใกล้.. ไม่ใช่เธอคนเดียวที่เหงาใจ...

.

.

.

ใจฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกัน.....

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 23
ส่งท้าย


 

คืนนั้นที่ผมได้เจอกับฌาณ...ผมร้องไห้จนหลับไป กว่าจะตื่นก็เป็นตอนที่คุณรัฐโหวกเหวกอยู่หน้าประตูเพราะไม่มีการตอบรับนั่นแหละ คุณรัฐมาเอาคำตอบเรื่องที่จะลืมไหม

คำตอบคือ ไม่ ครับ

ผมเกือบจะตัดสินใจลืมมันไปซะ แต่คืนนั้นผมได้เข้าใจ... ฌาณจะหายไปจริงๆก็ต่อเมื่อผมลืมเขาแล้วต่างหาก อย่างน้อยให้ผมได้พบเขาในความทรงจำของตัวเองก็ยังดี แม้ไม่มีจริง แต่ก็เคยเกิดขึ้นจริง

คุณรัฐออกจะเป็นฝ่ายไม่มั่นใจ คงกลัวว่าผมจะแบกรับความทุกข์จนกลายเป็นซอมบี้เข้าสักวัน แต่ผมจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว ผมจะก้าวเดินต่อไป และเก็บเรื่องราวทั้งหมดไว้เป็นความทรงจำที่แสนดี ผมจะมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ว่าเส้นทางของผมกับฌาณนั้น อาจได้มาบรรจบกันอีกครั้ง

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเพื่อให้ผมปรับตัว ก่อนจะกลับมาเป็นปลายคนเดิมของที่นี่ เป็นแค่ผู้ชายตัวเล็กที่อยู่คนเดียวในห้องเช่าเก่าๆ ทำงานร้านขนมปัง และมีเพื่อนที่พึ่งพาได้เป็นลูกชายประธานบริษัท TIS ก็แค่นั้น

“ฉันดีใจนะที่นายกลับมาทำงานได้สักที”

“ครับ ผมขอโทษด้วยที่จู่ๆก็หายไป”

“ช่างเถอะ”

พี่พืชยังใจดีกับผมเหมือนทุกที หลังจากที่คุณรัฐยอมรับการตัดสินใจของผม เขาก็เข้ามาจัดการเรื่องให้ผมกลับไปทำงานที่ร้านขนมปัง ก่อนที่ตัวเองจะกลับไปนั่งตำแหน่งผู้บริหารเหมือนเดิมเช่นกัน

“เออ พวกเราคิดถึงแกมากนะเว้ย”

“โอ้ย”

เกียร์รีบเสริมและตรงเข้ามาล็อคคอผมซะแรง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของพนักงานคนอื่นๆ ไอ้บ้านี่คือเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดในร้านครับ แล้วก็เป็นอีกหนึ่งในตัวดึงดูดลูกค้าของร้านด้วย เหตุเพราะหน้าตาคารมอันแพรวพราวเหลือเกิน ดูเผินๆจะคิดว่าเป็นพวกเจ้าชู้น่ารังเกียจ แต่จริงๆแล้ว........ มันก็เป็นพวกเจ้าชู้น่ารังเกียจนั่นแหละ (‘0’   ;)

“รู้ไหม ช่วงที่แกไม่อยู่ ฉันได้เจอนางในฝันด้วย”

“นางในฝันบ้าอะไร ผู้หญิงที่ไหนอีกล่ะ”

“เฮ้ย พูดดีๆ คนนี้อะนางในฝันจริงๆนะ เพราะฉันฝันถึงเธอก่อนที่เราจะได้เจอกันซะอีก!” เกียร์จับผมหันหน้า(บังคับ)ให้ฟังมันโม้เรื่องผู้หญิงต่อ เบื่อจริงว้อย ชีวิตมีเรื่องพูดเรื่องเดียวหรือไงฟะ

“ในฝันมีเธอคนนั้น แล้วก็มีแกด้วยนะ”

“คงไม่ได้ฝันอะไรบ้าๆหรอกใช่ไหม”

“ก็แค่เจอกันในงานนัดบอร์ดเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้เธอมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันแล้ว วะฮ่าๆ”

เดี๋ยวนะ ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยกับฝันของเกียร์อย่างประหลาด...

“เฮ้ยเกียร์ นางในฝันของแกนี่ใคร?”

“เธอเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ ที่จะมาเปิดในแซนด์อเวนิว ไว้เจอแล้วจะชี้ให้ดูละกัน แต่ห้ามชอบนะเว้ย”

เอาล่ะสิ... เจ้าของร้านดอกไม้ที่พูดถึง อย่าบอกนะว่าคือน้ำตาล แล้วงานนัดบอร์ดที่มีเกียร์ น้ำตาล และผมงั้นเหรอ.. ฝันบ้าๆแบบนั้นมัน... โลกใบที่ 11 ไม่ใช่เรอะ!? คงไม่ใช่ว่าการเดินทางพร่ำเพรื่อของผม มันไปส่งผลกระทบต่อความทรงจำของคนอื่นอีกแล้วหรอกนะ

“ทำงานกันได้ละ”

พี่พืชเป็นคนส่งเสียงขึ้นขัดความคิดทั้งหมดของผม พร้อมกับที่ป้าย Open ตรงประตูร้านถูกพลิกออก และตามประสาของร้านขนมปังแสนอร่อยเจ้าดังหนึ่งเดียวของย่าน ทำให้ผู้คนแห่กันมาถล่มร้านตั้งแต่หัววันเหมือนเคย ยิ่งวันนี้เป็นวันหยุดยิ่งแล้วใหญ่ กลับมาทำงานวันแรกก็เจอศึกหนักแล้วแฮะ แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องอะไรอีก

“ปลาย! ขนมปังสิบกล่องที่ตึก TIS”

“ค ครับ!”

ผมรีบยกจานจากโต๊ะลูกค้าส่งต่อให้พนักงานอีกคนซึ่งกำลังตรงไปทางหลังร้าน ก่อนจะเข้าไปรับกล่องขนมปังที่ถูกวางซ้อนกันหลายชั้นจนเหมือนอาคารอะไรสักอย่าง เจ้าจักรยานบุโรทั่งคู่ใจจอดรออยู่ที่หน้าร้านเตรียมตัวทำงานเหมือนเดิม

แน่นอนว่าเวลาถูกเสียไปกับการพยายามแทรกตัวออกมาจากคลื่นฝูงชน ภายในร้านขนาดไม่พอดีแบบนี้ ทั้งที่สองมือของผมก็ประคองตั้งขนมปังนี่อย่างระวังที่สุดแล้วนะ แต่ก็ไม่วายเดินชนลูกค้าสักคนที่กำลังตรงไปทางเคาน์เตอร์จนขนมปังสองสามกล่องด้านบนเคลื่อนตกลงมาจนได้

ท่ามกลางความตกใจ และเสียงกรีดร้องโอเว่อร์แอคติ้งของพวกลูกค้าผู้หญิง ผมรีบก้มตัวขอโทษคนตรงหน้าจนหัวแทบจะติดพื้น ก่อนที่จะย่อตัวลงไปเก็บกล่องขนมปังบนพื้นขึ้นมา

“ขอโทษด้วยครับ ขอโทษจริงๆครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“เอ๊ะ...?”

แม้ว่าในร้านมันกำลังวุ่นวายแต่เสียงทุ้มของลูกค้าคนนี้ก็ดังขึ้นชัดเจนยิ่งกว่าเสียงไหนๆ มือใหญ่ของเขาเอื้อมเข้ามาหวังจะช่วยเก็บของ หัวใจผมสูบฉีดถี่รัวด้วยความตื่นเต้นบางอย่าง สายตาค่อยๆเงยขึ้นจ้องมองลูกค้าตรงหน้า ทุกการเคลื่อนไหวตอนนี้ราวกับถูกสะกดไว้ด้วยมนตร์ เพียงแค่ได้พบกับผู้ชายเจ้าของเส้นผมสีดำ กับดวงตาสีน้ำตาลอย่างที่คุ้นเคย

ฌาณของโลก 23...

“......คะ...ครับ.....ขอโทษครับ”

ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการไล่ความคิดแปลกๆในหัวออกไป อย่าลืมสิว่านี่คือโลกที่เราไม่รู้จักกัน ฌาณที่นี่ก็เป็นแค่ลูกค้าร้านขนมปังเท่านั้น

ขนมปังกล่องสุดท้ายบนพื้นวางลงบนตั้งในมือ ผมก้มหัวขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือเล็กน้อย ก่อนจะรีบบังคับให้ขาก้าวออกไปจากร้านเสียที ยิ่งอยู่นานคนจะยิ่งเบียดแน่น ยิ่งอยู่นาน... เขาจะยิ่งทำให้ผมคิดถึง ยิ่งคิดถึง ก็จะยิ่งทำให้ผมเสียใจ

แต่ก็อย่างที่บอกมาตลอด...ฟ้าน่ะชอบเล่นตลกเสมอ ขาสองข้างของผมชะงักลงก่อน ทั้งที่มือเกือบแตะประตูได้แล้วแท้ๆ แค่เพียงเพราะว่าเสียงตะโกนที่ลูกค้าคนเมื่อครู่เรียกผมขึ้นมา ทั้งที่เขาไม่น่าจะพูดมันออกมาได้ในโลกใบนี้ด้วยซ้ำ...

“ปลาย!”

.

.

.

ทั้งที่เขาไม่น่าจะรู้จักชื่อของผมด้วยซ้ำ...

 

(THE END)

-----------------------------------------------------------



จบแล้วอ๊ากกกก 555
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มากเลยนะคะ
ขอบคุณมากจริงๆ ทุกคอมเม้นเลย
เป็นกำลังใจให้เราเยอะมาก TT
จะพยายามพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ


พอจบเรื่องนี้ ก็เปิดเรื่องใหม่ทันที 555555
ชื่อเรื่อง [9.25 ตารางวา]
เป็นแนวสดใสๆ ไม่แฟนซีแล้วเด้อ 55
ถ้ายังไงลองอ่านดูนะคะ ฝากติดตามด้วยแล้วกันค่าาา~

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38436.0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด