บทที่ 21
อีกด้านหนึ่ง [AA]
22 มิ.ย. 2556, 08.15 น. ใครกันช่างคิดให้มีประชุมตอนเช้าแบบนี้ ไม่นึกถึงคนที่ต้องการการพักผ่อนบ้างหรือไง ตั้งแต่ถูกบรรจุเป็นเซลล์ประจำ ก็ถูกโยนงานใหญ่มาให้ด้วยการดูแลผู้ชายที่ชื่อ ฌาณ เขาคือหนึ่งในไม่กี่คน ที่ได้รับสิทธิพิเศษบางอย่างจากเจ้านาย เหตุก็เพราะความวุ่นวายเมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน ที่เซลล์รุ่นพี่ไปก่อเรื่อง เอาทริปหมดอายุไปใช้งานนั่นแหละ
ไม่มีใครยอมปริปากเล่ารายละเอียดของเรื่องในตอนนั้นให้ฟัง อาจเพราะนิสัยของคนที่นี่ที่ไม่คิดจะยุ่งเรื่องของคนอื่น และอาจจะเพราะความอัปยศในวงการที่ไม่อยากพูดถึงด้วยล่ะมั้ง
สิ่งที่ฉันได้รับมอบหมายมานอกจากการดูฌาณแล้วก็คือ นาฬิกาเรือนใหญ่ สัญลักษณ์ของเซลล์ขายทริป ปกติแล้วบนหน้าจอจะแสดงผลแค่สามช่องรายการ หนึ่งคือวันเวลาอย่างเช่นนาฬิกาทั่วไปควรจะเป็น สองคืออายุขัยที่เหลือของลูกค้าในตอนนั้น และสามก็คือจำนวนครั้งที่ลูกค้าคนนั้นสามารถเดินทางได้ โดยทุกครั้งที่ลูกค้าเดินทาง ตัวเลขบนหน้าจอก็จะลดลง พร้อมๆกับตัวเลขบอกอายุขัยด้วย
แต่ของฌาณมันต่างออกไปเพียงเล็กน้อย เพราะจากความเสื่อมเสียของเซลล์อย่างเราในคราวนั้น เจ้านายยอมออกโรงเจรจากับเจ้าตัวเอง สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปที่ดูยังไงเราก็ไปโกงเขา คือการยอมให้ฌาณซื้อทริปแบบเหมาจ่าย ในราคาพิเศษ โดยแลกอายุขัย 50 ปี กับการเดินทางอีก 40 ครั้ง จะเรียกว่าคุ้มก็เหมือนจะใช่ เพราะการเดินทาง 40 ครั้ง ปกติต้องใช้อายุขัยตั้ง 200 ปี แต่ฌาณกลับได้มันในราคาแค่ 50 ปีเท่านั้น แล้วถ้าฌาณใช้ทริปไม่ครบ 40 ครั้ง แต่ดันเจอปลายก่อน เขาก็อาจมีชีวิตต่อไปได้ แต่ต้องไม่เดินทางอีกก็แค่นั้น ฟังยังไงก็น่าประทับใจเสียไม่มี
ทั้งที่ความเป็นจริง...มันไม่ได้คุ้มเลย เจ้านายมีความสามารถหยั่งรู้อนาคต แถมยังเป็นพวกละโมบแบบต่ำช้า เพราะอย่างนั้นฉันถึงว่าเราไปโกงเขา ตอนนี้ฉันได้รับรู้ว่า ในวันนั้นตอนที่เจ้านายยื่นข้อเสนอนี้ให้กับฌาณ เจ้านายคงมองเห็นอนาคตที่จะเป็นไปอยู่แล้ว ว่ายังไงฌาณก็จะต้องใช้ทริปไปเรื่อยๆ และยังไม่สามารถเจอปลาย สุดท้ายคนที่มีแต่ได้ก็คือเจ้านายเอง
ช่องบอกอายุขัยของฌาณมันหยุดนิ่ง จนกว่าช่องบอกจำนวนการเดินทางจะเป็น 0 อายุขัยของเขาถึงจะเริ่มออกเดินหน้าสู่การสิ้นสุดอีกครั้ง และตอนนี้มันก็.....
“AA! ได้เวลาประชุมแล้วนะ”
“อ๊ะ.. ค่ะ”
รุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาตามด้วยสีหน้าเร่งรีบ ทุกคนได้แต่ลนลานไปให้ถึงห้องประชุมภายในเวลานัดหมาย ทุกคนต่างเกรงกลัวเจ้านาย.. และหลายคนก็เกลียดเขา เพราะความโลภจนน่าขยะแขยงนั่นแหละ กฎทุกอย่างที่เขาตั้งขึ้นสำหรับพวกเรา ล้วนแต่ทำเพื่อสร้างความลำบากให้กับลูกค้า และจงใจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับปัญหาที่จะเกิดกับลูกค้า สุดท้ายมันจะจบลงด้วยการที่ ลูกค้าเหล่านั้นต้องจำใจยอมแลกอายุขัยที่เหลือเพื่อเดินทางไปหาหนทางหรือการแก้ไข ส่วนเซลล์อย่างพวกเรา.. ก็ได้แต่รับความผิดแทน กลายเป็นพวกเลวทรามในสายตาของมนุษย์หลายต่อหลายคน
ฉันเข้าทำงานนี้ได้ 6 เดือนกว่า กับการติดตามลูกค้าเพียงรายเดียว ถึงอย่างนั้นก็ได้ประสบกับหลากหลายเหตุการณ์ และได้ร่วมซึมซับความทรงจำอีกมากมาย ทุกๆวันที่เห็นฌาณเอาแต่ตีสีหน้าเจ็บปวด ฉันก็ได้แต่รังเกียจตัวเอง คำถามมากมายมันลอยขึ้นมาในหัว
เราอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร? สิ่งที่ทำอยู่มันดีจริงหรือไม่? จริยธรรมของการประกอบอาชีพนี้อยู่ที่ไหน? ทำไมถึงต้องทำลายชีวิตของใครสักคน? อะไรคือจุดมุ่งหมายของการเป็นเซลล์ทริป? เพื่อกลั่นแกล้งมนุษย์เช่นนั้นหรือ? อีกนานแค่ไหน...ต้องเป็นมารร้ายสำหรับพวกลูกค้าไปอีกนานแค่ไหน? แล้วยังต้องเห็นความรวดร้าวของคนเหล่านั้นอีกมากเท่าไรกัน?
“ลูกค้าหมายเลข 0005689 อายุขัยปัจจุบันคือ 4 ปี 11 เดือน 3 วัน 20 ชั่วโมง กับอีก 45 นาที ไม่สามารถเดินทางต่อได้แล้วค่ะ”
เสียงคุ้นหูของเพื่อนร่วมงานตัวร้ายอย่างยัย CD ดังขึ้นเรียกฉันให้ตื่นจากภวังค์ เธอกำลังลุกขึ้นรายงานผลการปฏิบัติงานเป็นคนสุดท้าย รุ่นพี่บางคนที่นั่งอยู่ตรงนี้หลุบสายตาลง พวกนี้คือคนที่รู้เรื่องราวเมื่อ 6 เดือนก่อนนี่น่า หมายความว่ายังไง ทำไมถึงมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับการสรุปผลของ CD... เดี๋ยวสิ
ลูกค้าของ CD คนล่าสุด ก็คือปลายจากโลกใบที่ 23 ไม่ใช่เหรอ ปลายที่เกือบจะทำให้ฌาณเขวคนนั้น ทำไมอยู่ดีๆอายุขัยถึงลดลงมากขนาดนี้ เขาไปเจออะไรมา? เกิดอะไรขึ้น?
“ดีมาก ส่วนเรื่องการพิจารณาความผิดของเธอ เรายังคงยืนยันวันและเวลาตามเดิม ขอให้มาตามนัดหมายด้วย”
“....ค่ะ”
“ทุกคนเลิกประชุมได้”
เจ้านายหายตัวไปทันทีหลังบอกลาทุกคนในที่ประชุม รุ่นพี่หลายคนก็ใช้วิธีการเดียวกัน แต่บางกลุ่มก็ใช้การเดินทางประเภทอื่นคละกันไป ฉันรีบใช้จังหวะนี้เข้าไปประชิดตัว CD และลากให้มาคุยกันที่โต๊ะตัวหนึ่ง ไม่ไกลจากห้องประชุมเมื่อครู่นัก แววตาของเธอสั่นไหว มีความรู้สึกมากมายไหลรวมอยู่ในนั้น ทั้งความตกใจ และความเสียใจด้วย
“มีอะไร ฉันรีบ”
“เกิดอะไรขึ้นกับปลายที่โลก 23?”
“กฎข้อ 3 บอกไว้ว่า ห้ามแทรกแซงการทำงานของเซลล์คนอื่นๆ”
“ฉันไม่ได้แทรกแซง ฉันแค่สอบถาม! อีกอย่าง.. เธอไม่ได้ทำงานดูแลผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ไม่ผิดถ้าฉันจะรู้”
“เขาก็แค่เดินทางมากไป จนอายุขัยบั่นทอนก็เท่านั้น” CD พูดจาคล้ายว่าต้องการตัดบท สายตาของเธอไมได้มองตรงมาทางฉัน ผิดปกติมากเกินไป...
“ฉันว่าคงต้องเปลี่ยนคำถามกันใหม่...”
“อะไรของเธอ ฉันต้องไปแล้ว” ฉันรีบรั้งข้อมือของ CD ให้กลับมานั่งที่เหมือนเดิม สายตาเกรี้ยวกราดตวัดมาทางนี้ แต่ฉันไม่กลัว CD ในตอนนี้ไม่น่ากลัวเลย เพราะในแววตาของเธอมันอัดแน่นไปด้วยความสับสนจนคนรอบข้างรู้สึกได้ทีเดียว
“ปลายที่โลก 23 คือใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์ทริปหมดอายุเมื่อ 6 เดือนก่อน?”
“ในที่ประชุมเมื่อ 6 เดือนก่อน สรุปกันว่า จะไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก”
“เธอกลัวการถูกไล่ออก มากกว่าความเกรงกลัวต่อบาปอีกเหรอ!”
CD เหมือนจะอึ้งไป แต่ก็รีบตีสีหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยไว ฉันรู้ดีว่ายัยนี่ก็รู้สึกผิดเต็มทน ไม่งั้นคงไม่เป็นแบบนี้ ปลายที่โลก 23...หรือว่านาย.....
“ปลายที่โลก 23 คือปลายที่ฌาณกำลังตามหาใช่ไหม?”เปรียะ..เสียงกระแสไฟอ่อนๆดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือของ CD ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งพลางเบือนหน้าหนี ให้ตายเหอะ! เป็นแบบนี้อีกแล้วหรอ ทุกครั้งที่ฉันตามสืบเรื่องของฌาณกับปลาย นาฬิกาข้อมือของรุ่นพี่ทุกคนที่ไปถามมาก็เป็นแบบนี้ สุดท้ายก็เลยไม่มีใครยอมบอก เพราะกลัวโดนลงโทษกันหมด แต่ครั้งนี้ฉันไม่อยากยอมแพ้อีกแล้ว.. ไม่สิ... ฉันยอมแพ้ไม่ได้แล้วต่างหาก
“ขอร้องล่ะ CD บอกฉันมาเถอะ เรื่องของฌาณกับปลายมันเป็นยังไงกันแน่ ขอร้องล่ะนะ!”
“...”
“CD! ฉันขอร้องจริงๆ!” ฉันออกแรงเขย่าร่างที่เริ่มสั่นเทิ้มของคนข้างๆ กระแสไฟสีฟ้าตวัดไปรอบๆนาฬิกาเรือนนั้นมากขึ้น
“...”
“เธอเข้ามาเป็นเซลล์ เพื่อจะช่วงชิงความสุขของผู้คนเหรอ!!?”
“ฉันบอกไม่ได้ก็คือไม่ได้สิ!!”
“แต่ฌาณกำลังจะตาย!!!!”“อึ่ก!”
“ฌาณกำลังจะตาย ได้ยินไหม!!?”
ฉันไม่สนใจอีกแล้วว่า CD จะเป็นยังไง ตอนนี้เหมือนตัวเองสติแตก เพราะเอาแต่เขย่าร่างของคนตรงหน้าอย่างแรง สลับกับการก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ตัวเลข 1 แสดงจำนวนครั้งที่ฌาณสามารถเดินทางต่อได้ ดูแย่มากพอๆกับตัวเลขซึ่งแสดงอายุขัยที่เหลือของเขา... เพราะมันคือ 43 นาที เท่านั้นเอง น้อยมากจนน่าใจหายเชียวล่ะ...
“ความจำเสื่อม..”
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะเสียงของยัย CD แผ่วเหลือเกิน รู้สึกได้ว่าเธอกำลังพยายามอย่างหนักในการต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ข้อมือ กระแสไฟฟ้าน่ากลัวเกี่ยวกระหวัดไปรอบๆตัวเธอ น่ากลัวกว่าครั้งไหนที่ฉันเคยเห็นมา ไม่นานนักเสียงสั่นเครือก็กลายเป็นเสียงสะอื้น CD ผลักตัวของฉันให้ออกมาจากรัศมีตัวเธอพลางส่งเสียงตะโกนออกมา
“เมื่อ 6 เดือนก่อน ตอนที่ปลายกับฌาณคลาดกัน ปลายประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อม ปลายคนนั้น..”
“CD!!” ไอ้พวกทหารในชุดคลุมสีกากี ลูกไล่ของเจ้านายโผล่หัวออกมาจากความว่างเปล่า ไวจนไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว CD ถูกจับพันธนาการอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังพอทันที่จะได้พูดเฉลยสุดท้าย
“ก็คือปลายที่โลก 23!!”ฉันได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน ก่อนจะรีบพาตัวเองหายตัวออกมาจากที่แห่งนั้นให้ไวกว่าการจับกุมตัว ภาพสุดท้ายที่มองเห็นคือร่างของ CD ที่ถูกกดลงกับพื้น พร้อมกับเสียงประกาศถึงโทษทัณฑ์ของเธอ ฌาณซึ่งรออยู่ที่โลก 15 มีสีหน้าตกใจพอๆกันเมื่อเห็นว่าฉันกำลังทำหน้ายังไงทันทีที่โผล่ตัวออกมา
“AA เป็นอะไร?”
“ฌาณ ฟังนะ...”
“วิ่งไปทางทิศเหนือแล้วจะเจอทางแยก”
ตึก ตึก ตึก..
เรารีบเดินทางครั้งสุดท้ายมาที่โลก 23 แทบจะทันทีหลังจากฉันเล่าเรื่องทั้งหมดจบ นาฬิกาซึ่งบอกเวลาชีวิตของฌาณเริ่มต้นนับถอยหลังอีกครั้ง... 14 นาที คือเวลาที่เหลือในตอนนี้
เพราะฉันมันอ่อนแอเอง ทำได้แต่ก้มหัวให้กับผู้มีอำนาจอย่างเจ้านาย ยอมไหลไปกับธารความเลวทั้งๆที่รู้แก่ใจดี เซลล์ทุกคนก็ทำได้แค่นั้น เพราะความกลัว จึงไม่กล้าที่จะต่อสู้กับความชั่ว สุดท้ายก็ทำได้แค่จำใจทำร้ายคนดี เพราะเอาแต่คิดถึงตัวเองทั้งนั้นเลย
ฉันหายตัวได้ แต่ฉันพาอีกคนไปด้วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฌาณคงไม่ต้องมาวิ่งไปรอบเมืองเพื่อตามหาห้องเช่าของปลายแบบนี้ แต่ก็คงต้องโทษโชคด้วยเหมือนกัน เพราะความโชคร้ายสำหรับคนคู่นี้มันไม่จบสิ้นง่ายๆ เมื่อฌาณดันโผล่ออกมาในรถทัวร์ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปต่างจังหวัด ทั้งที่ความจริงบ้านของเขาอยู่ในละแวกเดียวกับปลายแท้ๆ เราก็เลยเสียเวลาโบกรถกลับมากันอีกหลายนาที และเพราะว่าซอยแถวนี้มันแคบมาก ทำให้ไอ้แท็กซี่บ้านั่นไม่ยอมขับเข้ามา ฌาณเลยต้องเหนื่อยวิ่งแบบเอาตายอยู่อย่างนี้
เมื่อแหงนมองฟ้าก็เห็นเพียงแค่ผืนผ้าสีดำ สิ่งที่นำทางให้ฌาณมีแค่แสงจันทร์ กับแสงไฟข้างทางริบหรี่เท่านั้น แต่ว่า...ในใจของเขา มันก่อเกิดดวงไฟอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา ดวงไฟที่เรียกว่าความหวัง
“เลี้ยวขวาข้างหน้านี้เลย”
“ฮั่ก.. ฮ..”
“ทนหน่อยนะ ตรงไปเรื่อยๆจะเจอร้านขนมปัง ก็อีกไม่ไกลแล้ว”
ฉันได้แต่ปลอบคนข้างๆที่เริ่มเหนื่อยเต็มทีหลังจากการวิ่งติดต่อกันไม่หยุด เม็ดเหงื่อไหลลงมาตามขมับ บวกกับเสียงหอบท่ามกลางความเงียบของซอยเปลี่ยว มีแค่ดวงตาแพรวอันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเท่านั้น ที่ทำให้แน่ใจว่าร่างกายนี้จะไม่ล้มลงไปเสียก่อน นาฬิกาชีวิตของฌาณถ้าจะเดินช้ากว่านี้อีกสักหน่อยก็คงดีหรอก...
’00:06:52’
เราใช้เวลาอีกไม่เท่าไรก็มาถึงหน้าห้องเช่าเก่าๆของปลาย แน่นอนว่ามีคนกึ่งหลับกึ่งตื่นเฝ้าอยู่ข้างล่าง ไม่รอให้เสียเวลามากกว่านี้ ฌาณก็เป็นฝ่ายออกตัววิ่งไปก่อนอย่างไม่บอกกล่าว ฉันได้แต่ตามไปจนมาถึงด้านหลังของตึก ทางนี้มีแต่ระเบียงรั้วเล็กๆเอาไว้สำหรับตากผ้า ส่วนห้องของปลายน่ะอยู่ที่ชั้น 3 ตรงหน้านี้เอง
“อย่าบอกนะว่า..”
“ฮึบ”
เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด นายฌาณลงทุนปีนระเบียงของตึกนี้แบบไม่กลัว จะเรียกว่าบ้าหรือบ้าดี! ถ้าตกลงมาได้ตายก่อนเวลาแน่.. อ่า... ไม่ควรพูดแบบนี้สินะ เพราะถึงยังไง เวลาของเขาก็เหลือไม่มากแล้ว ฉันลอยตัวขึ้นไปยืนรออยู่ที่ด้านบน ตรงระเบียงห้องของปลายพอดี สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอนาฬิกาสลับกับใบหน้าเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ไม่ท้อแท้ของฌาณ เสียงปลายรองเท้ากระทบพื้นระเบียงดังขึ้นรัวๆด้วยความตื่นเต้น
’00:01:36’
ช่างเป็นเวลาที่น่ากลัวเหลือเกิน... น้อยเสียจนน่ากลัวเหลือเกิน...
“มาเร็ว!”
ฉันยื่นมือออกไปรอรับมือใหญ่ของคนที่กำลังปีนขึ้นมาอย่างยากลำบาก ฌาณลังเลเพียงแวบหนึ่งก่อนจะยอมคว้ามือเล็กๆไว้ อย่าดูถูกกันมากไป ถึงเรื่องอื่นจะช่วยไม่ได้ แต่แรงช้างอย่างเรา ไม่แพ้ใครแน่!
“ฮึ่บ!”
ไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างใหญ่ของฌาณก็ถูกดึงขึ้นมายืนหอบอยู่ข้างกันตรงระเบียงแห่งนี้ เราทั้งคู่ต่างหันมองเข้าไปด้านในทั้งที่มีกระจกทึบกั้นอยู่ รอยแยกของผ้าม่านเผยให้เห็นเงาลางๆของคนคุ้นเคย ซึ่งกำลังหลับสนิทบนเตียงขนาดเล็ก น้ำใสๆมันเอ่อขึ้นมาที่ขอบตาทั้งสองข้างของฌาณ ช่างเป็นภาพที่ทั้งน่าเจ็บปวดและน่าดีใจในเวลาเดียวกัน
10เสียงทุ้มน่ากลัวดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือของฉัน เพื่อเตือนให้รู้ถึงเวลา 10 วินาทีสุดท้ายของชีวิตคนตรงนี้ ใบหน้าของฌาณซีดลงไปแวบหนึ่ง ก่อนที่มือใหญ่จะรีบเอื้อมเข้าไปเปิดประตู...ประตู.....
กึก กึกก
ประตูล็อค !!?---------------------------------------------