>> ป.13 <<
‘กูไม่อยากนอกใจเมีย’
‘กูไม่อยากนอกใจเมีย’
‘กูไม่อยากนอกใจเมีย’
ซ้ำไปซ้ำมา วนเวียนที่หัวแต่ไปออกที่ปาก ผมไม่รู้ว่าจะท่องประโยคนี้ทำไม แค่ไอ้เฮียมันบอกเหตุผลถึงการไม่ออกไปสังสรรค์ข้างนอกต่อ แต่คำที่ผมตอบมันออกไปเนี่ยะสิ งงกว่าว่าด่ามันทำไม
‘ไอ้เชี่ย’
‘ไอ้เชี่ย’
‘ไอ้เชี่ย’
วนซ้ำให้เท่ากัน จะได้ไม่เสียเปรียบ แล้วผมด่ามันทำไมวะทั้งที่ผมไม่ใช่เมียมันสักหน่อย อ๋อ ที่ด่าเพราะมันพูดไม่เคลียร์นี่เองว่าเมียไหน ใช่แล้วผมไม่ผิดมันนั่นแหละ แต่ถ้าคิดอย่างตามหลักความเป็นจริงมันคงหมายถึงเมียตัวจริงมันล่ะมั้ง อายุปาเข้าไปสามสิบห้าน่าจะมีอยู่แล้ว มันคงไม่เล่นของตัวเองให้เมื่อยมือหรอก นี่ผมคิดและหาเหตุผลดีที่สุดแล้วนะ
“ถ้าเป็นอย่างคิด เฮ้ย งั้นแสดงว่าไอ้เฮียก็มีเมียแล้วสิ”ผมพูดกับตัวเองอย่างตกใจนิดๆ คิดว่ากูจะตกใจทำไมวะ ผู้ชายมีเมียก็เรื่องปกติ ถ้ามันมีผัวก็ว่าไปอย่าง
“แล้วกูยังไปตู่ว่ามันเป็นผัวอีก อายดีไหม อืม ไม่อายดีกว่า ในเมื่อไม่ใช่ความจริงแค่การแสดง หึหึ”คิดเองตอบเอง จะได้สบายใจเอง
“ว่าแต่มันไปไหนวะ ตั้งแต่ตื่นมาไม่เห็นเลย”ผมพูดถึงมัน ก่อนจะหน้าร้อนนิดๆ เมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่ผมตื่นมากลางดึกเพราะปวดเยี่ยว อากาศค่อนข้างเย็นจัดแต่ผมกลับอุ่น เมื่อโดนห่มด้วยผ้าผืนใหญ่ แต่มันมีอีกอย่างที่รู้สึกอุ่นกว่า คือ แขนผัวแต่งตั้งที่โอบผมเข้าไปซุกอก หัวก็หนุนแขนมันด้วย ไม่รู้มันหรือผมที่ฉวยโอกาสกอดและซุกก่อนกัน ผมมองหน้าคมที่หลับห่างกันไม่กี่เซ็น ไม่เปะหรอกผมกะเอา เวลาหลับดูหน้ามันอ่อนโยนเหมือนปลดปล่อยทุกอย่างที่เผชิญมาไว้ก่อนไล่สายตาไปอกแกร่ง ไหล่กว้าง รูปร่างแข็งแรงแบบคนออกกำลังกายตามเรือนจำ ในนั้นคงไม่มีฟิตเนตแน่นอน
‘ทำไมถึงติดคุกวะ’ผมรำพึงรำพรรณเบาๆ ก่อนจะเขยิบตัวเองออกจากอ้อมแขน มันขยับตัวและลืมตาพร้อมกับที่ผมหลับตาทันที ไม่มีเสียงพูดมีแต่ลมหายใจที่เป่าและเสียงเหมือนหัวเราะเบาๆในลำคอ
‘เป่าเบาๆก็ได้ กูไม่ใช่มันเผา’เสียงพูดไม่ต่างจากกระซิบบอกผมให้นึกไปถึงเหตุการณ์กลางป่า
‘หลับประสาอะไร หลับตาปี๋ คิ้วขมวด’ผมยังไม่พูดแต่ลดระดับการเป่าลง มันเอ่ยออกมาอีกเมื่อเห็นผมไม่ลืมตาสักที เอานิ้วมาคลายหัวคิ้วให้ การแสดงผมแย่มากแค่หลับยังแคสไม่ผ่านเลย ผมลืมตาขึ้นมามองเขยิบตัวออกอีก
‘จะไปไหน’มันถามผมมือยังกอดอยู่
‘ปวดฉี่’แทนที่กูจะตอบว่าเข้าห้องน้ำ ตอบซะตรงเลย
‘เหรอ ไปสิ’มันเลิกคิ้ว
‘ไม่ไปล่ะ หรือเยี่ยวรดไปแล้ว’มันพูดใส่ผมอีก ดีนะมือมันกอดผมอยู่ไม่งั้นมันอาจจะคลำหาความเปียกก็ได้
‘ถ้ามึงยังกอดกูอยู่คงได้เปียกแน่’ผมมองหน้ามัน ที่เลิกคิ้วก่อนจะนึกได้คลายแขนออก ผมลุกตรงดิ่งเข้าห้องน้ำในห้องนอนทันที เรียบร้อยออกมาก็นอนตามเดิมแบบหัวค่ำที่ยังไม่รู้ตัวว่าใครซุกใครก่อน ตอนใกล้เช้ามันเหมือนฝันแต่ดูเลือนรางเห็นร่างสูงจับหัวผมลงไปหนุนหมอนห่มผ้าให้ชิดอก ก้มมากระซิบข้างหู
‘เดี๋ยวมานะ อย่าไปไหน’
‘อืม’
ได้ยินแค่นั้น แต่ทำไมตรงหน้าผากมันอุ่นเหมือนโดนอะไรนาบวะ ลมหายใจมั้ง โอ้ย เลิกคิดดีกว่า คิดว่าตอนนี้ ไอ้เฮียมึงทิ้งกูไปไหนอีกแล้ว ผมกำลังจะแง้มประตูออกไปดูแต่บิดเท่าไรก็บิดไม่ออก ได้แต่เอาหูแนบว่ามันกลับมาหรือยัง
“ล็อกซะสองชั้น ทำอย่างกับกูหนีไปได้อย่างนั้นแหละ”ผมเดินกลับมานั่งตามเดิม หันไปมองกระจกเห็นผู้ชายผมถูกแทะ แต่ยังดูดีอยู่นั่งหน้าง้ำ คิ้วขมวด ปากยื่น ชักจะเริ่มหน้าเหมือนแม่ไก่จ๋าเข้าไปทุกที
“พ่อนก แม่ไก่ ช่วยลูกหนูด้วยสิ หนูอยากกลับบ้าน”ผมยกพนมมือนึกถึงพ่อกับแม่ ที่ป่านนี้คงจะเป็นห่วงผมมาก นี่ถ้าแม่ยังอยู่คงจะร้องไห้เป็นลมล้มพับหลายตลบแน่ ตอนเด็กผมซนวิ่งหกล้มไม่เป็นอะไรมากแต่เลือดออกเยอะ แม่ยังพันขาอย่างกับเข้าเฝือก
“ถ้าบุญที่พ่อแม่ทำให้หนูตั้งแต่เล็กจนโตยังเหลืออยู่ขอให้หนูกลับบ้านด้วยนะ”ผมภาวนาอีกครั้ง ยกมือท่วมหัว อืม แล้วเอาไอ้เฮีย ไอ้เบียร์ ไอ้รัน ไปด้วยดีไหม เอาไงดี เอาไป ไม่เอาไป ไอ้รันดูจะหัวอ่อนสุดน่าจะพูดไม่ยาก ไอ้เบียร์คงต้องให้คุณตำรวจมาช่วย แต่ไอ้ไม้แก่ดัดยากเนี่ยสิจะโน้มน้าวมันยังไงดี อย่าให้กูรู้นะว่าเมียมึงอยู่ที่ไหน
ฮึ่ม
กูจะ
กูจะ
ฮึ่ม
ไปตามเขามาช่วยพูดกับมึง ผมพูดจริงๆไม่ได้มีอะไรเคลือบแฝงหรือแสดงอารมณ์เลยนะ ถึงหน้าผมจะเริ่มงอเพราะถูกทิ้งและเริ่มหิวแล้วก็ตาม
“หิวแล้วโว้ยยย”ผมโวยเหมือนจะดังเอามือกุมท้อง นี่ขนาดดื่มน้ำไปสองขวดยังไม่อิ่มเลย แต่เยี่ยวตลอด ผมเดินไปแหวกผ้าม่านมองออกไป เห็นเขาหลายลูกอยู่ลิบๆ ต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมด มองไปข้างล่างเป็นพื้นหญ้าแต่คงไม่หนาพอจะรองรับถ้าผมกระโดดลงไป นี่มันบ้าน ไม่ใช่สิเรียกคฤหาสน์ดีกว่า ใหญ่มากอีกฟากน่าจะเป็นของนายอีกฝั่ง
“นี่กูหนีจากป่าเพื่อมาสู่ป่าอีกเหรอวะ ไม่คิดจะเข้าตัวเมืองกันมั่งหรือไง”ผมพูดกับตัวเองเอามือเกาหัวไปด้วย แต่อากาศสดชื่นเย็นสบายดีจัง ผมสูดอากาศเข้าเต็มปอด ระหว่างที่กำลังบำบัดปอด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ใครวะ”ผมพึมพำ
“ไอ้เฮีย”นึกได้ร้องอย่างดีใจ วิ่งไปที่ประตู
“เอ้า เหี้ยแล้ว เปิดไม่ได้”ผมเขย่าประตูไปมา
“หนู”เสียงนี้ผมจำได้
“เรียกอยู่ได้ มึงรีบเปิดเลย กูหิว”ผมส่งเสียงทันที ก่อนจะได้ยินเสียงกริ๊ก ประตูเปิดออก ไอ้เฮียจริงๆด้วย อ้าว แล้วผู้หญิงที่ไหนวะยืนข้างๆ หน้าขาววอก ประแป้งตรงแก้มกระจายเป็นดอกจัน ยกยิ้มนิดๆ นี่มึงพาเมียมาเย้ยกู เอ้ย มาแนะนำให้กูรู้จักเหรอ ผมยืนมองก่อนจะเซหน่อยๆเมื่อโดนมันผลักให้หลีกทางเพื่อผู้หญิงคนนั้นจะได้เข้ามา ใจดีด้วยถือถาดอาหารมาให้และส่งยิ้มตามเดิม ผายมือไปตรงถาดอาหารที่หน้าตาชวนกิน ไอ้เฮียพยักหน้า ผมเดินไปนั่งที่โซฟา กำลังจะตักกินด้วยความหิวแต่นึกได้ ไม่ ผมต้องไม่หลงกล อาจจะถูกวางยาได้ ไอ้เฮียอาจจะปิดปากผมเพื่อไม่ให้เมีย(ที่คิดเองว่าใช่) มันรู้ว่ารับผมเป็นเมียแต่งตั้งอีกคน หรือไม่ก็เมีย (ที่คิดเองว่าใช่) มันวางยาผมเพราะมีคนไปบอก
“เป็นอะไรล่ะ”ไอ้เฮียถามผมที่หรี่ตามองกับข้าวสลับกับมองหน้ามันและเมีย (ที่คิดเองว่าใช่)
“ไม่หิว”ผมวางช้อนตอบมัน หันหน้าแอบกลืนน้ำลายลงคอ จ๊อกกกกกกก โครกกกกกกกกก ครากกกกกกก ซวยแล้วกูอี กระเพาะเสือกทรยศสั่งให้ท้องร้องประท้วงซะดังเลย ทำเอามันกับเมีย(ที่คิดเองว่าใช่)ปิดปากกลั้นหัวเราะ หึ เยาะเย้ยกูเข้าไป
“กินสิ อร่อยนะ”ไอ้เฮียคะยั้นคะยอให้ผมกิน จับมือผมไปจับช้อน “หรือจะให้ป้อน”มันพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ เมีย(ที่คิดเองว่าใช่)มันเอียงคอมองหน้าผม ยังยิ้มตามเดิม ไม่พูดไม่จาเป็นใบ้หรือเปล่าวะ
“ไม่ต้องมาเอาใจ กูรู้หรอก”ผมโพล่งออกไปหรี่ตามองหน้ามันที่ขมวดคิ้วทันที
“อะไร เป็นอะไร”มันถามด้วยความสงสัย
“อย่ามาตีหน้าซื่อ”ผมบอกมัน ก่อนจะหันไปหาเมียมัน ขี้เกียจวงเล็บแล้ว เอาเป็นว่ารู้กัน
“ผมไม่ใช่เมียไอ้เฮียจริงๆหรอกนะ คุณไม่ต้องมาระแวงกลัวว่ามันจะเอาผมทำเมียหรอก ผมแมนเต็มร้อย”ผมตัดสินใจพูดออกไปทันที เมียไอ้เฮียเอียงคออ้าปากหวอ อึ้งไปเลยสิ เอ หรือว่าจะหูหนวกไม่เข้าใจสิ่งที่ผมบอก น่าสงสารว่ะ
“ดูปากผมนะ”ผมเอานิ้วชี้ปากตัวเอง เธอพยักหน้า นั่นไงกูว่าแล้วต้องเป็นใบ้แถมหูหนวก ยิ่งน่าสงสารเข้าไปอีก ไอ้เฮียมึงเชี่ยมากนั่งกอดอกหน้านิ่ง ไม่คิดจะพูดหรือส่งภาษามือกับเมียมึงหรือไงวะ
“ผม ไม่ ใช่ เมีย มัน โอเค”ผมทำปากทำมือประกอบให้วุ่นไปหมด เธอทำหน้างงๆ แต่ยกมือโอเคด้วย ยิ้มให้อีก อะไรวะโรคจิตทั้งผัวทั้งเมียหรือไง
“ไอ้เฮีย มึงไม่คิดจะอธิบายให้เมียมึงฟังหน่อยเหรอ”ผมหันไปหาไอ้เฮียที่ยังทำหน้าเหมือนเดิม
“บอกทำไม”มันถามกลับ
“อ้าว เขาจะได้เข้าใจไง อีกอย่าง”ผมบอกมันอีกก่อนจะมองอาหาร
“ทำไม”มันเลิกคิ้ว
“กูไม่กล้ากินหรอก เกิดมึงวางยากูล่ะ”ผมตัดสินใจพูดเปิดอกต้องยกออกกับมันไปตรงๆ มันส่ายหน้า ก่อนจะหยิบช้อนตักข้าวกินทั้งสองจาน กินไปจานล่ะห้าคำ มันก็วาง นั่งสักพัก
“กูตายยัง”มันถามผม ผมส่ายหน้าตาก็มองทั้งคู่ เมียมันยังนั่งเอ๋อตามเดิม ก่อนผมจะตาโต
“What he say?”เมียไอ้เฮียครับพูดออกมาเป็นภาษาสากลที่นิยมใช้ แต่ผมไม่นิยมไม่ได้รังเกียจแต่เรียนแล้วไม่ค่อยจำ
“อ้าว ไม่ได้เป็นใบ้นี่หว่า มึงไม่บอกกูวะว่าเมียมึงต่างด้าว”ผมหันไปพูดใส่ไอ้เฮีย จะบอกฝรั่งก็ไม่คือ ดูหน้าตาแล้วน่าจะประเทศเพื่อนบ้าน แต่หน้าตาเธอน่ารักนะครับดูยังวัยใสอยู่เลย
“มึงคิดเองพูดเองทั้งนั้น เพ้อเจ้อไปเรื่อย และนี่ก็ไม่ใช่เมียกูด้วย เขาเป็นสาวใช้ที่นี่เอาข้าวมาให้มึงกิน”มันไขความกระจ่างให้ผมฟังทำให้ปัญหารกอกถูกยกออกไป
“ควายยยย แล้วไม่พูดดักกูมั่งล่ะ ปล่อยให้แพล่มอยู่ได้ กูก็นึกว่ามึงกับเมียร่วมมือกันวางยาปิดปากกู เหี้ยเอ้ย”ยังไงผมก็ด่ามันอยู่ดีที่เสือกสร้างสถานการณ์ทำให้ผมคิดไปเอง
“What?”คุณสาวใช้ยังอยากรู้ว่าผมพูดอะไร มันพูดกลับพร้อมโบกมือประกอบไปด้วย
“ทีนี้กินได้หรือยัง”มันเปลี่ยนเรื่อง ผมยักไหล่ก่อนจะลงมือกิน ถ้าไม่เคลียร์กูต้องหิวตายแน่ มันมองยิ้มๆก่อนจะกินบ้าง
“มึงไม่ต้องกินเลย”ผมดึงจานมันมาใกล้ตัวเอง
“อะไรอีกล่ะ”มันถามเสียงเซ็งๆ
“เสือกแกล้งกู ไม่ต้องแดก”ผมว่ามันและจัดการกินสองจานทันที สาวใช้น่ารักหัวเราะคิกคัก สงสัยชอบใจความทุเรศของผม ไอ้เฮียส่ายหน้าก่อนจะพูดกับสาวใช้ที่พยักหน้าและเดินออกไป คงไปเอามาให้ใหม่มั้ง ช่างมึง ตอนนี้กูหิวมากกกกกกก
.
.
.
.
หลังกินอิ่มก็นั่งติดแหง่กอยู่ในห้องตามเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือมีมันอยู่ด้วย แถมถ้ำมองผมไม่วางตาเลย
“จะพูดอะไรก็พูด มองกูเป็นโรคจิตอยู่ได้”เป็นผมเองที่รู้สึกอึดอัดเมื่อถูกมอง มันไม่ได้รำคาญแต่ทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะทำท่าไหนออกไป ทั้งที่นั่งเฉยๆเหมือนมันก็ได้ หรือนอนเอาผ้าคลุมโปงหลบตามันซะก็จบ แต่ด้วยนิสัยสอดปนเสือกกึ่งหนึ่งของผมต้องการคำตอบ
“มานั่งนี่”มันตบโซฟาพยักหน้าเรียกผมให้เข้าไปหา
“มึงไม่มานี่ล่ะ”ผมยังไม่ทำตามถามกลับ มันไม่ตอบเดินมานั่งที่เตียง ดีมากหัดเชื่อกูบ้าง
“ไปเดินเล่นไหม”มันหันมาถามผม ที่ยิ้มทันทีพยักหน้าเร็วๆ
“ไป ไป ถ้ามึงชวนแต่แรกกูทำตามแล้ว”ผมบอกมันที่จะมีคนพาไปเดินเล่น รู้สึกเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักที่เจ้านายใจดีพาไป ถ้ามีหางกูสั่นดิกๆแล้วเนี่ยะ มันเดินนำลงไปข้างล่าง เป็นบ้านไม้ทั้งหลังแต่สร้างแบบไทยปนตะวันตก ของตกแต่งดูลงตัว ในความคิดเห็นผมนะ
“บ้านสวยจัง บ้านใครเหรอ”ผมพึมพำในตอนแรกหันไปถาม
“บ้านนาย”มันตอบเท่านั้น จับแขนผมให้เดินไปข้างนอก ผมเบิกตากว้างขึ้น มันสวยมาก สวนกว้างอย่างกับทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้ของเมืองนอกที่เคยเห็นในภาพ และตามอุทยานต่างๆของประเทศไทย ดอกไม้ไม่รู้กี่สายพันธ์ปลูกรวมกันเป็นพุ่มเป็นกอส่งกลิ่นหอมตลบไปหมด รอบข้างปกคุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ที่เปรียบเหมือนรั้วบ้าน นี่กูตายแล้วขึ้นสวรรค์หรือเปล่าวะ
“สวย ว่าแต่นายมึงเขาสัมปทานที่อุทยานมาเหรอวะ กว้างโคตร”ผมพึมพำก่อนจะกระซิบถามมัน
“ไม่รู้ ไปถามนายเอง”มันตอบและพูดท้าในสิ่งที่มันคิดว่าผมไม่กล้า หึหึ กูก็ไม่กล้าจริงๆนั่นแหละ แค่เห็นหน้าสุขุมพูดน้อยเหมือนภาพลักษณ์มึงแต่ก่อนกูก็เย็นยะเยือกแล้ว นายของมันไม่ได้แก่เลยสักนิด น่ามากกว่าไอ้เฮียสองสามปีมั้ง ผมเดานะ หน้าตาดีเลยล่ะ แต่หล่อน้อยกว่าผมและพ่อหน่อย ครึครึ พูดแล้วก็คิดถึงพ่อจ๋า ส่วนนายอีกฝั่งที่บังอาจขอผมเมื่อคืนลักษณะไม่ต่างกัน แววตาระยับออกผู้ชายเจ้าชู้ แต่รอยยิ้มหวานดูน่ากลัวชะมัด
“แล้วมึงจะบอกกูได้หรือยังว่าที่ไหน”ผมเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
“เอาไว้ก่อน ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่าต้องบอกมึง”มันยังแทงกั๊กเปลี่ยนเรื่องคุย
“เรื่องอะไร ถ้าเรื่องนายมึงกูรู้แล้ว ว่าเป็นนายจริงๆ”ผมอยากรู้แต่กวนมันนิดๆ
“เรื่องการอยู่ที่นี่และทำตามกฎ”มันไม่กวนกลับแต่บอกถึงเรื่องที่ต้องให้ผมรู้ด้วยสีหน้าจริงจังแต่น้ำเสียงสบายๆ
“กูต้องอยู่นานขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงต้องรู้ไว้”ผมถามมันถึงเวลาที่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้กลับเมื่อไร มีความหวังไหม แต่ผมก็ยังอยากรู้อยู่ดี แค่คร่าวๆหรือความน่าจะเป็นก็ได้
“กูจะพยายามพามึงไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้มึงต้องรู้ไว้ก่อน ไม่งั้นจะดูไม่เข้าพวก”มันฉุดมือผมนั่งพื้นหญ้าบอกถึงสิ่งที่มันจะทำให้เหมือนทุกครั้งที่ทำแต่ก็มีอุปสรรคทุกที ผมไม่โทษมันหรอก เพราะมันพยายามให้เห็นจริงๆ ไม่ใช่พูดจาเลื่อนลอยหลอกผมไปวันๆ