“น่ารักแบบนี้สินะถึงได้เป็นลูกรักของรุทธ์ ระวังเถอะจะย้อนรอยเดิม” นันทิชเหน็บด้วยความลืมตัวก่อนจะนึกขึ้นได้เมื่อได้ยินเสียงบุรพลกระแอม
“อะ..ขอโทษ ผมไม่ควรพูดแบบนั้นสินะ”
บรรยากาศภายในห้องที่เมื่อครู่ครื้นเครงกลับกลายเป็นความเงียบงันขึ้นมาชั่วขณะ แม้แต่อนิรุทธ์เองก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นมาทันที ศราวินที่รู้สึกได้ถึงความอึดอัดก็รีบพูดขึ้นมา
“อาจารย์หมายถึงเรื่องของอาจารย์หมออนิรุทธ์กับเอ็กซ์เทิร์นศราวินน่ะหรอครับ? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ ผมก็สบายเลย ไม่ต้องกังวลใจว่าจะถูกอาจารย์อนิรุทธ์จับแอด”
ศราวินพูดแล้วหัวเราะคิกคัก พาให้บรรยากาศหายอึดอัดลงไปอีกครั้ง
“ขยันๆอย่างน้องน่ะมีหรือจะถูกจับแอด ถ้าถูกจับแอดก็วิ่งมาฟ้องพี่เลยนะ เดี๋ยวพี่ช่วยเอง”
ศราวินยิ้มรับคำพูดของบุรพลจนตาหยีและทำท่าจะเดินกลับไปอยู่ตรงมุมห้องตามเดิม แต่เสียงทุ้มก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
“หมอ..มาอยู่ข้างๆผมสิ จะสอนให้ว่าบายพาสต้องทำอะไรบ้าง”
ภายใต้มาส์กที่ปิดใบหน้าท่อนอยู่อยู่คลี่ยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
หาใช่เพียงดีใจที่จะได้เพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ที่เพื่อนร่วมชั้นหลายๆคนคงยากที่จะมีโอกาสในตอนนี้ แต่เป็นเพราะความดีใจที่จะได้อยู่ใกล้อาจารย์มากขึ้น ดีกว่าอยู่นอกวงคอยแต่สังเกตการณ์เงียบๆอย่างที่ผ่านมา
กว่าจะผ่าตัดเสร็จก็เกือบตีหนึ่ง บุรพลกับนันทิชถึงกับถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยขณะที่คนไข้ถูกเข็นพาออกจากห้องผ่าตัดไป
“ดีนะมีน้องมาอยู่ด้วย ค่อยหายเบื่อหน่อย”
บุรพลว่าพลางดึงมาส์กออก ซึ่งนันทิชเองก็เห็นด้วยเพราะเด็กหนุ่มช่างพูดช่างคุยซ้ำยังช่างเรียนรู้ที่จะซักถามแต่ก็ไม่สร้างความรำคาญให้เลยสักนิด
“ไว้ถ้าว่างๆก็มาอีกสิ จะได้เรียนรู้ไปในตัว” นันทิชเอ่ยอย่างเชื้อเชิญ
ศราวินยิ้มรับคำเชิญนั้นด้วยความรู้สึกยินดี
จัดการอะไรเรียบร้อยแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป ศราวินที่เริ่มง่วงก็เดินปิดปากหาวหวอดๆตามคนรักของตัวเองไปยังลานจอดรถ
"ง่วงแล้วล่ะสิ"
อนิรุทธ์เอ่ยพลางยกมือขึ้นขยี้หัวเด็กน้อยของเขาอย่างเอ็นดู ศราวินพยักหน้างึกงัก ตาแดงกล่ำเพราะความง่วง
"เอาไงต่อดีล่ะ หิวหรือเปล่า? หรือจะกลับไปนอนเลย?"
"อาจารย์หิวหรือเปล่าฮะ? ผมยังไงก็ได้ แต่ก็อยากนอนไวๆเหมือนกัน"
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแวะร้านสะดวกซื้อหาอาหารสำเร็จรูปไปทานที่ห้องก็แล้วกัน อ่อ หรือคุณจะกลับหอ?"
อนิรุทธ์ถามอย่างนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าพาเด็กหนุ่มไปค้างที่คอนโดของตัวเอง ศราวินก็จะไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน
"กลับหอก็ได้ฮะ..ถ้าอาจารย์อยู่ค้างด้วยนะ"
เสียงเล็กเอ่ยอ้อนแล้วทิ้งหัวซบกับไหล่กว้าง ปิดตาลงด้วยความงัวเงีย อนิรุทธ์ยิ้มแล้วยกมือลูบหัวเขาและนึกขอบคุณที่ตัวเองมีเสื้อผ้าที่ซักรีดแล้วแขวนไว้ในรถ อนิรุทธ์มักมีเสื้อผ้าสำรองไว้ในรถเป็นประจำเผื่อในกรณีที่ต้องผ่าตัดนานข้ามวันกัน เขาก็มักอาศัยห้องน้ำในห้องพักเป็นที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้สดชื่นก่อนลุยงานต่อในวันถัดไป ดังนั้นการจะไปค้างกับเด็กหนุ่มจึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
อนิรุทธ์เหลือบมองเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ด้านหลังก่อนถอยรถออกจากที่จอดและมุ่งหน้าไปยังหอพักของศราวินที่อยู่ละแวกโรงพยาบาลโดยแวะซื้ออาหารมื้อค่ำติดมือกันมาด้วย
หอพักของศราวินเป็นหอเอกชนที่สะอาดสะอ้านและค่อนข้างใหม่ ทั้งอยู่ในจุดที่เป็นแหล่งชุมชนไม่ได้เข้าซอยไปลึกนัก อนิรุทธ์จอดรถไว้ใต้อาคารก่อนจะตามเด็กหนุ่มเข้าไปภายในหอที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีระดับหนึ่ง
"เป็นหอเอกชน คนส่วนใหญ่ที่อยู่เลยเป็นนิสิตมหาลัยใกล้ๆนี่มากกว่าพวกนักศึกษาแพทย์น่ะฮะ"
ศราวินบอกเมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์กันแล้ว เพื่อนเขาหลายคนเลือกที่จะอยู่หอพักของโรงพยาบาลเพราะสะดวกกว่ายามเรียกไปเข้าเวรและประหยัดด้วย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องแชร์ห้องกันสี่คนต่อหนึ่งห้อง ศราวินที่ไม่ชอบการอยู่ร่วมกับคนที่ไม่สนิทก็เลือกที่จะออกมาอยู่หอพักเอกชนที่มีให้เลือกมากมาย
“หมอเป็นคนต่างจังหวัดสินะ บ้านเดิมอยู่ไหนหรือ?"
อนิรุทธ์เอ่ยถามขณะวางถุงอาหารลงกับโต๊ะและหันมาปลดกระดุมข้อมือเสื้อออก มองดูศราวินหันไปเปิดเครื่องปรับอากาศ
"นครปฐมน่ะฮะ จริงๆก็ไม่ไกลนักแต่จะให้ไปๆกลับๆก็ไม่ไหวเหมือนกัน"
ศราวินบอกแล้วเดินไปหยิบน้ำเย็นออกจากตู้ เขาคว้าแก้วมาสองใบก่อนนั่งลงตรงข้ามอาจารย์
"คิดถึงบ้านไหม?"
อนิรุทธ์ถามอย่างนึกสงสัย ขณะยกกล่องอาหารออกจากทุก คนถูกถามที่กำลังรินน้ำใส่แล้วอยู่ส่ายหน้าไปมา
"ไม่คิดถึงหรอกครับ ไม่มีอะไรให้คิดถึง"
ศราวินพูดแล้วยิ้มให้แต่แววตาดูหมองลง อนิรุทธ์อดไม่ได้ที่จะขยับเก้าอี้ไปนั่งข้างๆแล้วจับมือเด็กหนุ่มไว้โดยไม่เอ่ยถามอะไรอีกแต่ศราวินก็เป็นฝ่ายเล่าออกมาเอง
"พ่อกับแม่ของผมเสียไปตั้งแต่ผมอยู่ม.ห้าน่ะฮะผมเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง เลยต้องอยู่บ้านคนเดียว มันเหงาน่ะฮะ"
ศราวินสารภาพเสียงเบาก่อนฝืนยิ้มออกมา
"มาอยู่หอแบบนี้ดีกว่าเยอะเลย อย่างน้อยมันก็ไม่รู้สึกโล่งจนว้าเหว่เหมือนอยู่บ้าน"
อนิรุทธ์ส้มผัสได้ถึงความอ้างว้างในชีวิตที่ผ่านมาของเด็กหนุ่ม
เขายกมือขึ้นมากอดคนรักเอาไว้
"ย้ายไปอยู่กับผมไหมหมอ? ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง จะไม่ให้คุณเหงาอีก"
อนิรุทธ์เสนออย่างไม่ลังเล
"จริงหรอฮะ ซันไปอยู่กับอาจารย์ได้หรอ?”
ศราวินถามอย่างตื่นเต้นและเมื่ออาจารย์ของเขาพยักหน้า ศราวินก็ยกแขนกอดเขาไว้แน่น รอยยิ้มสดใสอย่างมีความสุข
"ดีใจจัง"
อนิรุทธ์ลูบศีรษะด้วยความถนอมเขากดจูบลงกลางกระหม่อมเล็กแล้วประคองให้ศราวินแหงนหน้าขึ้นมาก่อนประทับจูบซ้ำที่หน้าผากนวล
"จากนี้ไป ผมจะเป็นครอบครัวของคุณเอง"
เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นอยู่ข้างหูทำให้ดวงตาของศราวินมันร้อนผ่าวก่อนหยาดน้ำตาใสแห่งความสุขจะกลิ้งตัวลงมาอาบแก้ม ศราวินยื่นหน้ามาหอมแก้มคนรัก
"ขอบคุณนะครับ"
“อือ..อย่าร้องไห้สิ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังรังแกคุณอยู่ยังไงก็ไม่รู้” อนิรุทธ์บอกเขินๆแล้วกอดร่างเล็กไว้แนบอก คำพูดของเขาทำให้ศราวินต้องหัวเราะคิกคักออกมาก่อนแหงนหน้ามายิ้มจนตาปิดให้เขา
“จูบซับน้ำตาให้หน่อยสิฮะ”
ร้องขอเองแล้วก็หลับตาพริ้มแก้มแดงอย่างน่ารักน่าชัง อนิรุทธ์มองแล้วก็อดที่จะขำเด็กน้อยของตัวเองไม่ได้
“ไม่ล่ะ..คุณร้องไห้เองนินา ผมไม่ได้บังคับให้คุณร้องซะหน่อย”
อาจารย์หมอขี้แกล้งบอกไปอย่างนั้นก่อนแกล้งผละกอดออกมา ทำเอาคนที่รออยู่ต้องเก้อ ศราวินลืมตาขึ้นมาแล้วทำแก้มพอง
“อาจารย์อ่ะ ใจร้าย!”
เด็กหนุ่มว่าแล้วยกแขนเสื้อขึ้นมาจะเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา แต่มือของเขาถูกเกี่ยวเอาไว้ ตามด้วยริมฝีปากอุ่นที่แนบลงมาตรงหน่วยตาอย่างอ่อนโยน ศราวินที่กำลังจะงอนอยู่ชะงักค้าง หัวใจมันเต้นแรงกับความอ่อนโยนที่ได้รับ ริมฝีปากของอาจารย์ค่อยๆจูบซับน้ำตาของเขาด้วยกิริยาทะนุถนอม.. นึกรักใคร่ในการแสดงออกทางอารมณ์อย่างตรงไปตรงมาของศราวิน มีความทุกข์ก็ร้องไห้ มีความสุขก็น้ำตาไหล ดีใจก็หัวเราะและยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้ ดีกว่าเก็บนิ่งเอาไว้ให้เดาไม่ถูก
เด็กขี้แยของเขาโอบมือขึ้นมากอดคอเขาไว้ ผละหน้าออกมาเล็กน้อยแล้วเลื่อนริมฝีปากมาจูบเขาเบาๆก่อนส่งยิ้มน่ารักให้ สีหน้าดูมีความสุขจนอนิรุทธ์อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มขาว
“แก้มซันมีไว้จูบนะฮะ ไม่ได้มีไว้หยิกซะหน่อย” เด็กน้อยของอาจารย์ว่าแล้วหัวเราะร่าเริงก่อนยิ้มอ้อน
“ทานกันเถอะฮะ..แล้วไปอาบน้ำกัน”
แก้มแดงๆกับตาปรอยๆนี่ มองแล้วอนิรุทธ์ก็นึกให้สงสัยว่าเด็กน้อยของเขากำลังยั่วอยู่หรือง่วงนอนกันแน่ แต่เมื่อทานอาหารมื้อดึกกันเสร็จเรียบร้อยและพากันเข้ามาเบียดอยู่ในห้องน้ำที่พื้นที่ไม่ค่อยกว้างขวางสักเท่าไหร่ อนิรุทธ์ก็ได้ข้อสรุปจากคำถามนั้น...
“หมอ..คุณบอกว่าง่วงนอนไม่ใช่หรือ? ทำแบบนี้จะไม่ได้นอนเอานะ” อนิรุทธ์เอ่ยเสียงทุ้มอย่างปรามคนตัวเล็กที่ตอนนี้เอนหลังพิงอยู่กับอกของเขา ศราวินหัวเราะเบาๆแต่ไม่หยุดมือที่กำลังครูดอยู่กับต้นขาของคนรัก เด็กหนุ่มหันมามองคนรักด้วยตาปรอยๆแล้วยิ้มให้
“ก็ซันอยากให้อาจารย์กอดนี่นา”
“ไหนใครบอกว่าอยากรีบกลับมานอน?”
อนิรุทธ์แกล้งถามแล้วดึงมือเด็กซนที่ทำท่าจะมาจับตรงส่วนไวสัมผัสของเขา ศราวินหัวเราะเสียงใส
“ก็ถ้าอาจารย์กอด ซันยอมอดนอนได้นะฮะ แถมพรุ่งนี้ไม่มีเวรราวน์เช้าด้วย”
คำบอกของเด็กน้อยทำให้อนิรุทธ์อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาบีบปลายจมูกโด่งรั้นแล้วหัวเราะอย่างยอมแพ้
“ยอมแพ้คุณจริงๆเลย...เด็กยั่วของผม”
สำทับคำด้วยจูบหวานๆที่ริมฝีปากเล็กของคนที่แหงนหน้ากลับมาส่งยิ้มให้เขา อนิรุทธ์ปล่อยมือเล็กให้เลื่อนมาสัมผัสแกนกายของเขาขณะที่เขาก็สวมกอดร่างเล็กที่พิงอยู่กับอกเอาไว้ มือค่อยๆเลื่อนไปลูบไล้แผ่นท้องบางก่อนเลื่อนลงต่ำ ริมฝีปากคลอเคลียซับจูบหวานของกันและกัน
“แต่คุณไม่เป็นไรแน่หรอ? ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”
อนิรุทธ์ถามอย่างห่วงใยทั้งที่รู้ว่าอารมณ์รักตอนนี้ทั้งของเขาและเด็กน้อยแสนยั่วคงไม่อาจหยุดยั้งเอาไว้ได้อีกแล้ว..
“มันก็เจ็บ แต่อยากให้อาจารย์ฉีดยาซันบ่อยๆไงฮะจะได้หายเจ็บ” เด็กช่างยั่วพูดจาสองแง่สองง่ามแล้วก็หน้าแดงเขินกับคำพูดตัวเอง คนฟังเลยอดไม่ได้ที่จะซุกหน้าลงไปฟัดแก้มขาวอย่างมันเขี้ยว
“คุณนี่เซี้ยวจริงๆ”
“ศัพท์แก่จังเลยฮะอาจารย์..”
ศราวินแกล้งแซวคนรักที่หัวเราะทันทีเมื่อได้ยิน อนิรุทธ์หัวเราะพลางกอดรัดร่างเล็กนั้นอย่างเอ็นดู
“ก็ผมมันแก่แล้วนี่นา ซัน..ผมแก่กว่าคุณเกินสิบปีอีกนะ เสียใจหรือเปล่าที่มารักกับคนแก่อย่างผม?”
“แล้วอาจารย์เสียใจหรือเปล่าล่ะฮะที่มารักกับเด็กอย่างผม”
ศราวินย้อนถามกลับไปแล้วหมุนกายมาหาคนรักที่กอดตัวเองอยู่ สองมือยกขึ้นโอบรอบคอหนาไว้
อนิรุทธ์ส่ายหน้าแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากของเขา
“ผมได้แต่เสียใจว่าเราพบกันช้าไป...”
หากได้พบกันเร็วกว่านี้ ช่วงเวลาที่เด็กหนุ่มต้องอยู่ตามลำพังนั่น คงได้มีเขาอยู่เคียงข้างไม่ต้องโดดเดี่ยว ไม่ต้องอ้างว้างอย่างที่ผ่านมา
ศราวินยิ้มอ่อนๆให้กับคนรักก่อนซบหน้าลงกับอกกว้างแล้วพูดเสียงเบา
“แต่เราก็ได้มาพบกันแล้วไงฮะ...”
อนิรุทธ์ยิ้มละไมกับคำพูดของคนรักขณะที่ลูบศีรษะเล็กไปมา..พร้อมกับนึกขอบคุณวิญญาณทั้งสองที่ทำให้เขากับศราวินได้มารักเช่นนี้ แต่พอคิดอีกทีก็รู้สึกขำเพราะสำนึกได้ว่ากำลังนึกขอบคุณวิญญาณของตัวเองอยู่ ถึงแม้จะไม่มั่นใจนักก็ตามทีว่าวิญญาณทั้งสองจะเป็นวิญญาณของเขากับศราวินจริงๆ
ถ้าเป็นวิญญาณของพวกเขาจริง ทำไมถึงยังอยู่ในสภาพวิญญาณเช่นนั้น..
ถ้าอาจารย์หมออนิรุทธ์กับเอ็กซ์เทิร์นศราวินที่เสียชีวิตเมื่อสี่สิบปีก่อนกลับมาเกิดเป็นเขาทั้งสองคน
ทำไมถึงยังมีวิญญาณเหลืออยู่บนโลกใบนี้...
มันเป็นสิ่งที่อนิรุทธ์คิดไม่ตกและหาคำตอบให้มันไม่ได้เลย
“อาจารย์..คิดอะไรอยู่หรือฮะ?”
ศราวินที่เห็นว่าคนรักเงียบไปก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาปรือปรอย อนิรุทธ์ส่ายหน้าช้าๆไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกไปเพราะไม่อยากให้เด็กน้อยของเขาต้องคิดมาก
เพราะอย่างไรก็ตาม...ตอนนี้ที่เขากับศราวินมีกันและกันอยู่คือสิ่งสำคัญที่สุด
สายตาคู่ใสยังคงมองอย่างคลางแคลง อนิรุทธ์เลยยิ้มให้และจูบทับเปลือกตาของเด็กหนุ่ม มือเลื่อนจากที่ประคองกอดตรงเอวบางลงไปด้านล่าง สัมผัสโคนขาด้านในของเด็กหนุ่มเบาๆ ดึงความสนใจศราวินออกไปจากความกังวลของเขา ซึ่งเมื่อพอถูกเขาสัมผัสเช่นนั้น ศราวินก็เบียดสะโพกเข้ากับกลางลำกายของเขา...
“อะ..อาจารย์”
เด็กหนุ่มครางเสียงเบาเพราะกลัวว่าเสียงจะลอดออกไปให้ห้องข้างๆได้ยิน อนิรุทธ์ที่นึกรู้จึงก้มลงจูบปิดปากเด็กหนุ่มเอาไว้ มือเลื่อนมาลูบคลำแกนเล็กที่เริ่มแข็งตัวรับอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังดำเนินขึ้น อนิรุทธ์ใช้มืออีกข้างเลื่อนไปเปิดฝักบัวให้สายน้ำสาดลงมาเพื่อกลบเสียงครางหวานของศราวินก่อนใช้มือข้างนั้นเลื่อนลงมาสอดเข้าไปกลางหว่างขาเรียวขาว ปลายนิ้วของอนิรุทธ์แตะสัมผัสกับปากทางเล็ก สายน้ำอุ่นสาดลงมาจนร่างน้อยในอ้อมกอดของเขาพราวระยับด้วยหยาดน้ำ พอต้องกับแสงไฟสีส้มนวลของห้องน้ำแล้วก็ยิ่งน่ารักน่าใคร่ไปเสียทุกส่วน
“รักผมนะฮะอาจารย์..”
ออดอ้อนด้วยเสียงหวานที่ไม่ต่างจากรอยยิ้มชวนให้ลุ่มหลง อนิรุทธ์จูบทับเปลือกตาของเด็กน้อยแสนยั่วก่อนเหนี่ยวขาศราวินให้มาพาดไว้กับเอวของตน เขาจับแกนกายของตนไปจรดจ่อปากทางแคบเล็กและค่อยๆดันเข้าช้าๆ อนิรุทธ์สอดใส่เข้าไปเพียงเล็กน้อยแล้วถอนกายกลับออกมาก่อนกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง ทำซ้ำอยู่เช่นนั้นและค่อยๆสอดกายเข้าไปลึกขึ้นทีละนิดๆในการสอดใส่แต่ละครั้ง
โพรงร้อนแสนอุ่นและนุ่มนวลโอบรัดกายของเขาไว้เหมือนก็สองมือของเด็กน้อยที่เลื่อนลงมากอดก่ายเข้าไว้เต็มตัว ศราวินซุกหน้าลงกับไหล่ของเขาแล้วครางเสียงหวิวอยู่ข้างหู
“อือ...ดี..รู้สึกดีจังเลยฮะ...”
อนิรุทธ์ยิ้มละไมกับคำพูดของเด็กน้อยในอ้อมอก เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ความอบอุ่นอันแสนหวานโอบกอดเขากับคนรักเอาไว้และค่อยๆเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงในทุกครั้งที่เริ่มขยับจนกระทั่งถึงสุดฝั่งของปลายทางที่แปรเปลี่ยนเป็นความอิ่มเอมทั้งกายและใจ..
เสร็จจากบทรักอันแสนหวานและชำระล้างร่างกายจนสะอาดแล้ว อนิรุทธ์ก็ดึงเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่แขวนอยู่มาซับน้ำออกจากร่างกายของเด็กหนุ่มเอาไว้อย่างทะนุถนอมและห่มมันไว้บนกายของร่างเล็กที่ยกมือขึ้นมาจับชายผ้าตรงกลางอกไว้ ศราวินยิ้มเต็มแก้มกับการกระทำอันอบอุ่นของคนรักและอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปหอมแก้มอนิรุทธ์ไวๆเสียทีหนึ่ง
คนเป็นอาจารย์ชะงักก่อนยิ้มขำออกมาเพราะคนลักไก่หอมแก้มตัวเองกับเขินเสียจนแก้มแดง ศราวินกัดปากเขินๆก่อนเดินออกจากห้องน้ำไป อนิรุทธ์ที่ยังคงยิ้มขำดึงเอาผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวก่อนเดินตามเด็กหนุ่มออกไปทันที่จะรวบร่างเล็กเข้ามากอดไว้ เขากดจูบแผ่วเบาลงที่ข้างแก้มของคนรักที่ยอมเอียงแก้มให้แนบจูบแสนหวานแต่โดยดี
“จะรักซันอีกหรอฮะ?”
เด็กน้อยถามทั้งที่ยังแก้มแดง แต่ตาเป็นประกายทั้งที่ดูเหมือนจะง่วง อนิรุทธ์หัวเราะขำเบาๆแล้วประคองคนรักลงนั่งกับเตียง
“คุณง่วงไม่ใช่หรือ? นอนกันดีกว่านะ”
พอบอกไปอย่างนั้น เด็กน้อยของเขาก็แลบลิ้นแล้วหลิ่วตาให้ก่อนล้อเลียนอย่างน่าจับมาตีก้น
“อาจารย์หมดแรงแล้วอ่ะสิ กอดซันไม่ไหวแล้วใช่เปล่าเอ่ย?”
อนิรุทธ์ขำกับความแก่นเซี้ยวของคนรัก เขาเอนพิงหัวเตียงของเด็กหนุ่มแล้วรั้งให้ศราวินเอนพิงอกตัวเองตาม
“ใช่..วันนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆล่ะ”
บอกแล้วลูบกลุ่มผมเสื้อเล็กนุ่มมืออย่างเพลินๆ เด็กน้อยของเขาเงยหน้ามายิ้มให้จนเห็นเขี้ยวซี่เล็ก
“งั้นนอนกันนะฮะ”
ศราวินบอกอย่างนั้นแล้วยิ้มให้อย่างไม่งอแง อนิรุทธ์จูบเบาๆที่กลีบปากนุ่มก่อนลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วเดินกลับมาที่เตียงซึ่งศราวินเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงไว้ให้
“เตียงของซันแคบกว่าที่ห้องอาจารย์นะฮะ เพราะงั้นอาจารย์ต้องกอดซันแน่นๆนะ เดี๋ยวซันตกเตียง”
เด็กน้อยแสนอ้อนขยับมานั่งระหว่างขาของอนิรุทธ์ที่นั่งลงพิงหัวเตียงตามเดิม อนิรุทธ์ยิ้มกับคำอ้อนที่แสนน่ารักนั้น
“จะกอดไว้ทั้งคืนเลยล่ะ”
บอกแล้วจะเอื้อมมือไปปิดไฟแต่ก็สะดุดเข้ากับขวดครีมทาผิวที่วางอยู่ข้างโคมไฟ อนิรุทธ์หยิบมันขึ้นมามองอย่างสงสัย
“คุณทาโลชั่นอะไรพวกนี้ด้วยหรอ?”
เพราะตัวเองไม่เคยสนใจเครื่องบำรุงผิวอะไรพวกนี้เลยไม่แน่ใจนักว่าปกติแล้วผู้ชายทั่วไปเขาทากันหรือไม่ เด็กน้องของเขาที่ดูท่าทางจะเริ่มง่วงอีกรอบเลยตอบข้อสงสัยหลังจากปิดปากหาวไปหนึ่งครั้ง
“ติดน่ะฮะ..ถูกแม่เขาจับทาทุกคืนตั้งแต่เด็กๆ พอคืนไหนไม่ทาก็แอบรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน”
ศราวินบอกไปตามตรง อนิรุทธ์พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนเปิดฝาขวดขึ้นมาเทครีมเนื้อนุ่มออกจากขวด กลิ่นของน้ำนมจากเนื้อครีมโลชั่นนั่นเองที่ทำให้อนิรุทธ์แน่ใจว่าเป็นกลิ่นหอมประจำตัวของเด็กหนุ่ม เขาช้อนแขนบางของศราวินและทาครีมไปบนผิวนุ่มเนียนอย่างอ่อนโยน ศราวินยิ้มกับการกระทำอันอ่อนโยนนั้นและปล่อยให้ผ้าห่มที่คลุมไหล่อยู่ตกลงไปกองอยู่กับตักของคนรักที่ตัวเองนั่งอิง
“ทาครีมทุกคืนถึงได้ผิวนุ่มแบบนี้สินะ...คุณทาแค่ครีมอย่างเดียวไม่ได้เทคฮอร์โมนอะไรใช่ไหม?”
อนิรุทธ์ถามอย่างติดใจสงสัย เพราะเคยรู้มาว่าผู้ชายบางคนต้องการให้ผิวเนียนสวยเหมือนกับผู้หญิงและรูปร่างอ้อนแอ้นก็มักจะเทคฮอร์โมนเพศหญิงเข้าไประงับเพศชายของตัวเอง ซึ่งบางครั้งการเทคมากไปก็เกิดอันตรายได้ เขาเลยนึกห่วงเมื่อนึกว่ารูปร่างเพรียวเล็กและผิวนุ่มเนียนของเด็กหนุ่มคนรักอาจมาจากสาเหตุนั้นด้วย
“ไม่เคยเทคฮะ? ทำไมหรอ? อาจารย์อยากให้ซันเทคหรือเปล่า?”
ศราวินถาม ตัวเด็กหนุ่มเองก็พอรู้เรื่องการเทคฮอร์โมนเพศหญิงมาจากเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นพวกเพศที่สามบ้าง เพราะตัวเองมีผิวเนียนสวยและรูปร่างเล็กเพรียวจึงถูกคาดคั้นบ่อยๆว่าเทคฮอร์โมนตัวไหน ซึ่งศราวินที่ไม่รู้เรื่องในตอนแรกก็ถึงกับงงไปเหมือนกัน
“ไม่ล่ะ...แบบนี้น่ะดีแล้ว”
อนิรุทธ์บอกเสียงนุ่มแล้วกดจูบลงกับไหล่เล็กขณะที่มือลากเอาครีมลูบไปตามเรียวขาเนียนสวยที่ไร้ขนปกคลุม ความติดใจสงสัยว่าเด็กหนุ่มจะเทคฮอร์โมนเพศหญิงมันผุดขึ้นมาตั้งแต่วันแรกๆที่ได้พบกัน พอได้รับคำตอบที่สงสัยแล้ว ศัลยแพทย์หนุ่มตระหนักได้ว่าคนรักของเขามีฮอร์โมนเพศชายที่ต่ำมากแค่ไหน
แต่ก็ไม่ถึงขั้นต่ำขนาดที่พวกเพศที่สามเทคจนร่างกายดูเหมือนผู้หญิงอะไรแบบนั้น อนิรุทธ์รู้สึกว่าร่างกายของคนรักกำลังงดงามและน่ากอดเป็นที่สุด
“กำลังน่ารักใช่ไหมฮะ?”
ศราวินถามแล้วหัวเราะขำกับคำถามของตัวเอง แล้วก็ต้องหน้าแดงอีกระลอกเมื่ออาจารย์ตอบกลับมาด้วยเสียงทุ้มข้างหู
“ใช่...กำลังน่ากอดเลยล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็กอดแน่นๆเลยฮะ..ซันยอมให้อาจารย์กอดทั้งคืนและก็ทุกคืนด้วย”
เด็กน้อยบอกแล้วหันมากอดซุกอกอาจารย์เอาไว้อย่างขี้อ้อน อนิรุทธ์ค่อยประคองให้ร่างเล็กเอนนอนลงพร้อมๆกับตัวเอง เขาหยิบเอาผ้าห่มมาห่มกายที่เปลือยเปล่าของเขากับศราวินไว้แล้วบอกเสียงอ่อนที่เจือเสียงหัวเราะเบาๆเอาไว้
“ถ้าผมกับคุณจะได้นอนกันทุกคืนนะ”
“นั่นสิฮะ..ชักจะไม่ชอบการเป็นหมอก็ตรงนี้แหละ” ศราวินบ่นออกมาอย่างน่ารักเมื่อนึกถึงภาระหน้าที่ที่รออยู่ตรงหน้าของการเป็นแพทย์
“แต่ยังไงซันก็อยากเป็นหมออยู่ดี ซันอยากเก่งแบบอาจารย์ อาจารย์ต้องสอนซันเยอะๆนะ ซันจะได้เป็นศัลยแพทย์เก่งๆอย่างอาจารย์”
จะได้เป็นคนที่คู่ควรกับอาจารย์
จะได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป
สองประโยคหลังนี้ศราวินได้แต่ร่ำร้องบอกตัวเองในใจเพราะยังไม่กล้าพอที่จะพูดออกไป
ในแสงสลัวสีส้มนวลจากโคมไฟที่สาดส่องจากหัวเตียง อนิรุทธ์ยิ้มที่มุมปาก เขากดริมฝีปากจูบคนในอ้อมแขนที่กลางกระหม่อมแล้วกอดศราวินเอาไว้
“ได้สิ...จะสอนให้เก่งยิ่งกว่าใครเลย”
เพราะศราวินคือลูกศิษย์ที่เขาภูมิใจที่สุด
ลูกศิษย์ที่กลายมาเป็นคนรักคนนี้ของเขา..
-TBC-

แอบหายไปพักใหญ่ ช่วงนี้ยุ่งๆกับการรวมเล่มฟิคเกาหลีค่ะเลยช้าหน่อย ยังไงก็อย่าเพิ่งลืมอาจารย์หมอกับน้องซันกันน้า

ป.ล.ติดตามข่าวสารหรือแวะไปคุยกันได้ที่ FB นะคะ
