the Second Chance :: ความหมายของหัวใจ (ตอนที่ 18 - 27 July)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: the Second Chance :: ความหมายของหัวใจ (ตอนที่ 18 - 27 July)  (อ่าน 70788 ครั้ง)

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงเมฆกับซันจังเลย

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
หรือว่าหมอกกับวายุจะคู่กัน

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารหมอก เจ็บ แต่ไม่แสดงออก
และ รัก ก็ไม่แสดงออกด้วย

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
อยากรู้เหตุผลว่าทำไมแม่ของหมอกจะไม่มาดูแล?!?

ใช่ หลังๆนี้ไม่เห็นน้องน้ำเลย คิดถึงจังค่ะ ^^

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ว่าแล้วเชียว ตั้งแต่ได้ยินว่าชื่อ วายุละ  เอ๋ว่าแต่หมอกนี้มาจากเรื่องไหนหรือเปล่าครับ

TimelessOne

  • บุคคลทั่วไป
เฮยย วายุ คิดถึง  :-[

ผม เชียร์ "หมอก" ครับ
ขอออกตัวแรง แรง 555  :fire:

ตอนแรกเห็นลงว่า 17 นึกว่าจะใจดีลงให้สองตอนรวดเลยซะอีก  :sad4:

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
น้องหมอกน่ารักอ่ะ
อ่านไปอ่านมาชักจะหลงเด็กคนนี้แล้ววว
 :mew1: :mew1: :mew1:

บรรยากาศระหว่างธีร์กับหนึ่งคงหน่วงๆน่าดู
 :mew2: :mew2:

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ พี่ต้นน
ps. สงสัยคงต้องกลับไปอ่านเรื่องเก่าๆของพี่ต้นเพิ่ม
รู้สึกพอมาอ่านเม้นของคนอื่นแล้วอยากไปอ่านให้รู้จักตัวละครอื่นๆ
ขึ้นมาทันที อิอิอิ

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
แง่มมมมมมมมมมมม   คิดถึงนู๋น้ำ  แล้วใครน้อออจะเป็นพระเอกอ่าาาาาาาาาาาาา เฮียหนึ่ง รึ นู๋หมอกเอ๊ะ? ยังไง

ออฟไลน์ 9nawKIHAE

  • ♥BJYX~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แงงงงงงงงงงงงง เค้ายังอ่านเรื่องอื่นๆ ของพี่ ExecutioneR ไม่ครบเลย
ต้องไปตามอ่านซะแล้ววววววววววววววววว  :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ whynotme

  • ♥ 09-07-2012 ♥
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
อ่านยังไม่จบตอนเลย ขอเข้ามากรี๊ดก่อน  :hao3:
อ่าน ๆ ๆ ... “ผมคุยกับที่บ้านแล้ว อีกเดี๋ยวบรรดาพ่อๆ และแม่ของผมคงมา .... " เอ~ ยังไง  :hao4:
.
.
:a5: ..... พ่อ ๆ และแม่ของผม .....  o13

หลงรักนักเขียนคนนี้จังเล้ย~~~~ ..  :L1:  :กอด1:  :pig4:  :mew1:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2013 08:04:34 โดย Why-Not-Me »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ตอนที่ 17

หลังจากที่พวกวายุกลับไป ผมถึงมารู้ทีหลังว่าถึงแม้หมอจะดึงข้อไหล่ของหมอกให้เข้าที่แล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงนั้นกลับไม่ใช่อาการปวดที่จะตามมาหรือการทำกายภาพบำบัด แต่เป็นความเสี่ยงที่หัวไหล่ของเขาอาจจะไม่สามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมเต็มร้อยต่างหาก แน่นอนว่ามันสามารถเป็นผลกระทบที่เกิดได้ทั้งจากสภาวะจิตใจของเขาเองที่กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก หรือเพราะโครงสร้างกระดูกหรือเอ็นกล้ามเนื้อรอบบริเวณนั้นที่อาจจะไม่เหมือนเดิม พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่าจะเพราะอะไร หลังจากนี้เขาจะไม่สามารถใช้หัวไหล่ขวาได้อย่างปกติอีกต่อไปแล้ว พยาบาลที่เดินเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยตอนหัวค่ำเป็นคนบอกพวกเราอย่างนั้น แต่ในขณะที่ผมรู้สึกกังวล หมอกกลับมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเขารู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว หรือไม่เขาก็ไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่นิดเดียว

“ไม่กลัวเลยเหรอ” ผมถามเขา

“กลัวอะไรครับ” เขาถามกลับ “อ๋อ เรื่องหัวไหล่น่ะเหรอ ไม่หรอก ถ้ามันหลุดอีกก็ให้มันหลุดไป ผมก็แค่ดูแลมันดีขึ้นหน่อยแค่นั้นเอง ปกติผมก็ไม่ได้ใช้มันมากมายอยู่แล้ว”

“แล้วกีฬาที่เคยเล่นล่ะ”

“เล่นบอลคงไม่เป็นไรมั้งครับ แต่เล่นบาสก็อาจจะต้องระวังมากขึ้น หรือไม่ก็เลิกเล่นไปเลย”

“เฮ้ย เลิกไปเลยเหรอ”

“ฮ่าๆ ถ้ามันจำเป็นจะทำไงได้ล่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ ผมดูแลตัวเองได้ อีกอย่าง รอให้มันหลุดอีกรอบก่อนค่อยเครียดดีกว่า จริงปะ” เขายิ้มกว้าง “ที่จริงผมไม่อยากจะกังวลมากเกินไปจนต้องเลิกทำกิจกรรมที่เคยทำหรอกนะ ไม่งั้นมันสมองของผมมันก็จะเอาแต่บอกว่า ‘เฮ้ย แขนมึงมันไม่ดีนะเว้ย’ อะไรแบบนี้ จนผมใช้งานมันได้ไม่ปกติน่ะสิ”

“คิดแบบนั้นก็ดีครับ” ผมพยักหน้า “เอ้อ เมื่อกี้ตอนที่เราหลับและพี่ลงไปส่งพวกวายุน่ะ พี่คุยกับอาร์มแล้วนะ เดี๋ยวสองคนนั้นจะรีบมาหาเพื่อเอากุญแจจากเราแล้วกลับไปเก็บข้าวของเครื่องใช้มาให้” ผมดูนาฬิกาข้อมือ “อีกไม่นานก็คงมาถึงแล้วล่ะ”

“ขอบคุณครับ”

“และพออาร์มกับต้ามา พี่จะกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้ามานอนด้วยนะ”

“เฮ้ย ไม่ต้องเลยครับพี่ ผมพูดจริง ผมเกรงใจนะเว้ย”

“ถ้าไม่อยากให้พี่มานอนเฝ้าก็โทรไปหาแม่ได้แล้ว หรืออย่างน้อยก็บอกพี่มาว่าทำไมถึงไม่อยากให้แม่เค้ารู้”

เขาก้มหน้าเล็กน้อยและเงียบไปพักหนึ่ง “ทำไมพี่ถึงต้องทำดีกับผมขนาดนี้ด้วยครับ ถ้าเป็นคนอื่น อย่างมากเค้าก็แค่พามาส่งที่โรงพยาบาล ไม่อาสาถึงขนาดมานอนเฝ้าหรอก มันเป็นหน้าที่ของคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทเท่านั้นแหละ ใช่ปะ”

คำถามของเขาทำให้ผมถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่ผมทำนั้นจะเป็นสิ่งที่ดูดีเกินกว่าปกติตรงไหน ผมก็แค่อยากจะช่วยเหลือเขาเท่าที่ทำได้ และผมก็ไม่รู้สึกแปลกกับการทำแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะผมคิดว่าเขาเองก็เป็นเหมือนกับคนในครอบครัวคนหนึ่งของผมไปแล้ว

“หมอกกำลังจะบอกพี่ว่าพี่ไม่ใช่เพื่อนสนิทพอที่จะดูแลเราอย่างนั้นเหรอ”

“เปล่าพี่ ไม่ใช่แบบนั้น” เขารีบเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม “ผมแค่ไม่อยากรบกวนพี่ และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่คิดกับผมยังไง คือผมรู้ว่าพี่เป็นคนใจดีและมีน้ำใจมาก แต่ผมก็ไม่อยากเอาเปรียบพี่ไง พี่มีลูกให้ดูแล มีงานต้องทำ มีภาระเยอะแยะ ผมไม่อยากเป็นภาระของพี่ไปอีกคนนะเว้ย”

ผมส่ายหน้าเบาๆ “ไร้สาระน่ะครับ ถ้าหากพี่ทำอะไรเพื่อใครสักคนหนึ่งได้ พี่ก็จะทำอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะถ้าหากคนๆ นั้นเป็นคนที่พี่รักและห่วงใย จะเพื่อน ญาติ พี่ น้อง เพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าในฐานะอะไรหรือพี่กับเขารู้จักกันมานานขนาดไหน พี่พร้อมจะช่วยเหลือทุกอย่างนั่นแหละ ก่อนหน้านี้พี่ต้องเสียคนรักของพี่ไปเพราะความใส่ใจไม่เพียงพอมาแล้วหนนึง พี่ไม่อยากจะทำผิดพลาดอีก” ผมเดินไปนั่งลงข้างเตียง “และพี่ว่าพี่ก็เคยบอกไปแล้วนี่ว่าพี่ก็รักเราเหมือนน้องชายคนนึง เพราะงั้นจะให้พี่ทิ้งเราไปทั้งที่ยังเดี้ยงอยู่แบบนี้ได้ไง”

เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “พี่เคยบอกแบบนั้นด้วยเหรอ”

“ถ้าไม่เคยก็รู้ไว้แล้วกัน” ผมขยี้หัวเขาเบาๆ

เขาถอนหายใจ “โอเคๆ ผมจะโทรหาแม่ก็ได้”

“ดีแล้วล่ะ”

“แต่ผมขอคุยกับเค้าส่วนตัวหน่อยได้มั้ย ขอโทษนะพี่ ผมไม่ได้อยากจะไล่พี่หรืออะไรนะ แต่แค่...”

“ไม่เป็นไรๆ พี่เข้าใจ” ผมพูดขัดพร้อมกับลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวพี่ลงไปเดินซื้อของกินขึ้นมาให้แล้วกัน พอคุยเสร็จแล้วค่อยโทรไปตามพี่ก็ได้ครับ”

“ขอบคุณครับ” เขาพูดเบาๆ “เอ้อ เดี๋ยว พี่หนึ่ง”

ผมที่กำลังเดินไปที่ประตูหันกลับมาหาเขา

“ผมไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ผมแค่อยากบอกว่าผมไม่ได้โกรธ เกลียด หรือแม้แต่มีปัญหาใหญ่โตอะไรกับแม่ผมขนาดนั้นหรอกนะครับ ก็แค่... มันซับซ้อนนิดหน่อยน่ะ แต่ผมอยากให้พี่รู้ว่าผมไม่เป็นอะไรหรอก จริงๆ”

ผมพยักหน้าและยิ้มให้เขา “พี่เข้าใจครับ คนเราทุกคนต่างก็มีความลับหรือสิ่งที่ไม่อยากบอกให้ใครรู้กันทั้งนั้นแหละ อย่างน้อยก็จนกว่าจะพร้อม”

“แล้วผมจะเล่าให้พี่ฟังครับ”

ผมพยักหน้าให้เขาแล้วเดินออกจากห้องไป หลังจากนั้นผมก็โทรไปบอกพ่อกับแม่ว่าผมจะกลับไปเอาเสื้อผ้าแล้วมานอนเฝ้าหมอกที่โรงพยาบาล พ่อไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร แต่แม่กลับยิงคำถามใส่ผมเป็นชุดว่าทำไม เพราะอะไร แล้วครอบครัวของเขาล่ะ อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผมก็พยายามตอบตามความเป็นจริงเท่าที่ทำได้

“แม่ไม่อยากให้หนึ่งทำแบบนี้เหรอครับ” ผมถามกลับ

“ไม่ใช่แบบนั้น แม่แค่สงสัยเฉยๆ ว่าน้องมันไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนๆ คนอื่นมาดูแลเลยเหรอ เพราะแม่ไม่รู้ว่าแกไปสนิทสนมกับมันมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะสิ”

“ประเด็นมันไม่ใช่สนิทสนมมากมายขนาดไหนหรอกครับ หนึ่งก็แค่มานอนเฝ้าน้องมันคืนเดียว หนึ่งทำอะไรได้ก็อยากจะทำให้เต็มที่น่ะครับ อีกอย่างการที่น้องมันถูกรถเฉี่ยวเข้านั่นก็เป็นความผิดหนึ่งเองด้วยส่วนนึงนะ”

“เอาเถอะๆ แม่รู้ว่าหนึ่งเป็นคนใจดี แต่ยังไงก็ระวังด้วย อย่าให้ใครเค้ามาเอาเปรียบเราได้”

“แม่ครับ น้องมันโดนรถเฉี่ยวหัวไหล่หลุดนะ มันจะมาเอาเปรียบอะไรหนึ่งได้ล่ะ อีกอย่างมันเองก็เป็นคนบอกว่าไม่อยากรบกวนหนึ่งและไล่ให้หนึ่งกลับบ้านไม่รู้กี่หนแล้ว แต่หนึ่งยืนยันจะมาอยู่เป็นเพื่อนมันให้ได้เอง”

“แม่ไม่ได้หมายถึงเด็กคนนี้ แค่พูดรวมๆ แม่รู้ว่าน้องมันเป็นเด็กดี แต่แม่ก็เพิ่งเคยเจอมันครั้งเดียวเองน่ะนะ หนึ่งเลือกเพื่อนของหนึ่งเอง แม่เชื่อใจหนึ่ง”

“ขอบคุณครับแม่”

“เดี๋ยวแม่จะเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้ก็แล้วกัน พอกลับมาจะได้หยิบออกไปเลย”

“ขอบคุณครับ แล้วน้ำเป็นยังไงมั่งครับเนี่ย งอแงรึเปล่า”

“ไม่งอแงหรอก ไม่ต้องห่วง”

ผมรู้สึกใจหายนิดหน่อยที่ลูกชายผมดูเหมือนจะไม่ได้คิดถึงผมหรือมีปัญหากับการอยู่ห่างผมเลยทั้งวันเต็มๆ แบบนี้

หลังจากวายสายจากแม่ ผมก็เดินเล่นฆ่าเวลาอยู่พักหนึ่ง ใจก็นึกถึงธีตลอดเวลา ผมลังเลว่าควรจะโทรไปหาเขาดีหรือไม่ ที่จริงผมก็อยากจะเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะผมว่ามันก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน แต่อีกใจผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาต้องสนใจ เขาเองก็ใช่ว่าจะรู้จักหมอกแบบที่ผมรู้จัก และที่สำคัญ ผมไม่รู้ด้วยว่าผมยังจะสามารถคุยกับเขาได้อย่างที่ผ่านๆ มาหรือเปล่า เพราะช่วงนี้เขาอาจจะยังไม่อยากคุยกับผมก็ได้

ผมสะบัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วจึงมองดูเวลาในโทรศัพท์มือถือ ผมลงมาจากข้างบนได้เกือบ 20 นาทีแล้ว และในตอนที่กำลังนึกสงสัยว่าหมอกจะคุยกับแม่เสร็จแล้วหรือยังอยู่นั้น เขาก็ส่งข้อความมาบอกผมว่าเขาวางสายจากแม่แล้วพอดี ผมจึงเดินกลับขึ้นไปบนห้อง เขากำลังนอนกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ  ผมเดินไปวางถุงพลาสติกที่ข้างในเต็มไปด้วยของกินและน้ำอัดลมลงบนเคาน์เตอร์ข้างตู้เย็น

“โหเว้ย ซื้ออะไรมามั่งเนี่ย พี่ เยอะแยะไปหมด” เขาถามขึ้น

“ก็ของกินเรานั่นแหละครับ พรุ่งนี้ตอนพี่ไปทำงานจะได้มีอะไรกิน ไม่ได้ป่วยตรงไหนสักหน่อย คงกินได้ทุกอย่างอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ” ผมตอบพลางจัดของเข้าตู้เย็น “แล้วสรุปแม่เค้าว่าไงบ้าง”

“เค้าก็ตกใจแหละครับ พรุ่งนี้เย็นๆ หลังออกเวรแล้วเค้าจะเข้ามาหา”

“อ้อ แม่เราก็เป็นหมอนี่เนอะ พี่ลืมไป”

“ครับ”

“งั้นคืนนี้พี่ก็นอนเป็นเพื่อนเราตามแผนเดิมนะครับ... เอ๊ะ เดี๋ยวสิ แล้วน้ากับยายล่ะ เค้าอยู่บ้านรึเปล่า วันนี้เค้าจะมามั้ย”

“ยายผมเค้ามาไม่ไหวหรอกครับ แก่แล้ว ไม่ค่อยแข็งแรงด้วย ส่วนน้าผมเค้าก็คงไม่มาหรอก เค้าไม่ค่อยถูกกับผมน่ะ”

ผมรู้สึกถึงบางอย่างได้จากประโยคเมื่อครู่ของเขา แต่ก็ตัดสินใจไม่ถามอะไรออกไป

เมื่อเก็บของกินทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ผมก็ปิดตู้เย็นและหันไปหาเขา “พี่เองก็โทรไปบอกที่บ้านแล้วครับว่าอีกสักพักจะกลับไปเก็บของแล้วมานอนกับเราที่นี่”

“ขอบคุณมากนะครับ พี่หนึ่ง” เขาพูดเสียงอ่อยๆ “ผมรบกวนพี่หลายอย่างเลยว่ะ”

“เฮ้ย อย่าพูดแบบนั้นน่า ไม่สมกับเป็นเราเลยนะ” ผมเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ เขา

หมอกหันมามองหน้าผมด้วยแววตาเศร้าๆ ก่อนจะหันกลับไปมองผ้าห่มที่คลุมตัวเองอยู่ด้านหน้า “ถึงผมกับแม่จะไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่ความสัมพันธ์ของผมกับเค้าก็ไม่เหมือนเดิมมานานแล้วล่ะครับ ตั้งแต่เค้ามีแฟนใหม่นั่นแหละ และจากเรื่องเล็กๆ มันก็กลายเป็นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนผมอยู่ตัวคนเดียวมา 2-3 ปีแล้ว เค้ามีหน้าที่แค่ส่งเงินมาให้ผม ส่วนผมก็ส่งเกรดไปให้เค้าดูแค่นั้น ผมมันไม่ใช่คนหัวดีนะพี่ ไม่ใช่ลูกที่เค้าจะภาคภูมิใจได้นักหนาหรอก มีแต่ทำเรื่องปวดหัวให้เค้าตลอด สู้ไอ้...” เขาหยุดชะงักไป

ผมรอให้เขาพูดต่อ แต่บางอย่างในดวงตาของเขากลับบอกผมว่าผมคงไม่จำเป็นต้องรออีกแล้ว ดังนั้นผมจึงวางมือลงบนแขนของเขาแล้วบีบเบาๆ “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ”

เราต่างก็อยู่เงียบๆ แบบนั้นครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะดึงแขนออก ผมจึงยกมือขึ้น แต่เขากลับรีบคว้ามือของผมเอาไว้เสียก่อน

“ขอบคุณนะครับพี่...” เขาขอบคุณผมอีกครั้งโดยที่ยังคงไม่หันมามองหน้าผม

“ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มใจ ถ้ามีอะไรที่อยากพูดเมื่อก็คุยกับพี่ได้เสมอนะ รู้ใช่มั้ย”

เขาพยักหน้าเบาๆ “พี่รู้มั้ยว่าไม่เคยมีใครทำดีกับผมแบบนี้มานานมากแล้ว และยิ่งทำให้ผมรู้สึกแบบนี้อีกครั้งเนี่ย ยิ่งไม่มีเลย...”

“หมอกหมายถึง... เอ่ออ... รุ่นพี่คนที่เคยเล่าให้พี่ฟังน่ะเหรอ”

เขาไม่ตอบ แต่ผมถือว่ามันคือ ‘ใช่’ ผมเองก็นึกสงสัยอยู่มาตลอดว่ารุ่นพี่คนนั้นคือใครและหมอกเคยมีความหลังอะไรกับเขา แต่สิ่งที่ผมอยากรู้มากกว่าคือสุดท้ายแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขาคนนั้นและตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว แต่ว่าผมคงไม่มีสิทธิ์ที่จะถามเรื่องพวกนั้นออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ใช่ในเวลานี้แน่ๆ

หลังจากนั้นไม่นานอาร์มกับต้าก็มาถึง ผมอยู่คุยกับพวกเขาพักหนึ่งก็ขับรถกลับบ้านไปเก็บของ แต่ก็ไม่ลืมที่จะนั่งเล่นและคุยกับน้ำอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกจากบ้านและตรงกลับไปยังโรงพยาบาล ที่จริงผมก็อยากพาเขาไปกับผมด้วย แต่ผมไม่อยากให้ลูกต้องเข้ามาในโรงพยาบาลและต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อโรค และที่สำคัญคือผมกลัวเขาจะร้องไห้กลางดึกและทำให้หมอกต้องรำคาญเสียเปล่าๆ

เมื่อผมกลับไปถึงโรงพยาบาลอีกครั้งตอนราวๆ สามทุ่ม อาร์มกับต้าก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนหมอกก็นอนทำหน้าง่วงๆ อยู่บนเตียง ผมเห็นเขาเป็นแบบนี้แล้วก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้

“รู้สึกยังไงบ้างเนี่ย ดูเหมือนเราจะเหนื่อยๆ นะ อยากนอนพักเลยมั้ย” ผมถามเขา

“ไม่อะครับ เพิ่งสามทุ่มเอง ยังไม่อยากนอนหรอก แต่มันเพลียๆ อะ ยามันยังออกฤทธิ์อยู่อีกเหรอเนี่ย”

“ก็น่าจะแบบนั้นนะ เพราะเมื่อเย็นเราก็งีบไปแค่ชั่วโมงกว่าๆ เอง”

“เดี๋ยวผมขอนอนดูทีวีอีกสักพักแล้วกันครับ ถ้าพี่หนึ่งอยากอาบน้ำ ดูทีวี รึอยากทำอะไรก็ตามสบายเลยนะพี่ จะเปลี่ยนช่องรึอะไรก็ทำไปเลย ไม่ต้องห่วงว่าจะรบกวนผม”

“ถ้างั้นพี่ขอไปอาบน้ำก่อนแล้วกันนะ”

“ตามสบายเลย พี่” เขาตอบโดยไม่ได้หันมามองหน้าผม

ผมใช้เวลาอาบน้ำอยู่ราวๆ 10 นาทีก็เสร็จ แต่ในระหว่างที่ผมอยู่ในห้องน้ำนั้น ผมได้ยินเสียงพยาบาลเดินเข้ามาในห้องและคุยอะไรบางอย่างกับหมอกด้วย เมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำ พยาบาลคนนั้นก็กลับออกไปแล้ว

“พยาบาลมาเหรอ เค้าว่าไงมั่งล่ะ” ผมถามหมอก

“ก็แค่วัดความดันทั่วไปน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก” เขาหันมายิ้มให้ผม “วันนี้พี่คงเหนื่อยน่าดู ขอบคุณมากจริงๆ นะครับ พี่หนึ่ง ถ้าไม่ได้พี่ผมคงแย่ว่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากเลย” ผมนั่งลงบนโซฟา “เอ้อ ว่าแต่เราจะอาบน้ำไหวเหรอเนี่ย แบบนี้ คืนนี้จะทำยังไงดี อยากอาบน้ำมั้ย รึว่าจะเช็ดตัว บอกพี่ได้เลยนะ เดี๋ยวพี่ช่วยเราเอง”

“ไม่เป็นไรอะพี่ ปล่อยไว้งี้แหละ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ผมเริ่มง่วงจริงๆ จังๆ ละครับ” เขาอ้าปากหาว “เดี๋ยวผมขอเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน เยี่ยวที แล้วก็นอนเลยดีกว่า”

ผมหัวเราะเบาๆ

เขาหันมามองหน้าผม “ขำไรอะ”

“เปล่า แค่ขำคำว่า ‘เยี่ยว’ เฉยๆ”

“เอ๊อะ โทษทีพี่ เผลอตัวไป จริงๆ ต้องพูดคำว่า ปัสสาวะ สิ ถ้างั้นผมไปล้างหน้า แปรงฟัน แล้วปัสสาวะก่อนจะเข้านอนดีกว่านะครับ”

“ไม่ต้องมาทำประชด เดี๋ยวจะโดน” ผมเดินเข้าไปหาเขาแล้วช่วยพยุงเขาลงจากเตียง แล้วจึงพาเขาไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเสร็จธุระแล้วก็พาเขาเดินกลับมานอนลงบนเตียงเหมือนเดิม

“ขอบคุณครับ พี่หนึ่ง ถ้าผมนอนกรนก็เขกกบาลปลุกผมได้เลยนะ” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะอ้าปากหาวอีกครั้ง

“ฮ่าๆ จะคอยดูแล้วกันว่ากรนจริงรึเปล่า” ผมเดินไปปิดไฟลงจนกระทั่งภายในห้องมืดสนิท มีเพียงเสียงไฟจากห้องน้ำที่ลอดผ่านใต้ประตูออกมาเล็กน้อยเท่านั้น

“ฝันดีนะพี่” เขาพูดเบาๆ

“ฝันดีครับ” ผมตอบกลับไปพลางเอนตัวลงบนโซฟา อีกเพียงไม่กี่นาทีถัดมา เสียงลมหายใจหนักๆ ของเขาก็บอกให้ผมรู้ว่าเขาหลับลงไปแล้วเรียบร้อย

ผมก็ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน แต่ผมรู้สึกตัวขึ้นมาก็เพราะได้ยินเสียงคนร้องครางเบาๆ ผมใช้เวลาราวๆ 2-3 วินาทีกว่าจะนึกออกว่าผมอยู่ที่ไหนและเสียงที่ได้ยินนั้นมาจากใคร จากนั้นผมจึงรีบลุกออกจากเตียงและเดินตรงเข้าไปยังเตียงผู้ป่วย

“หมอก เป็นอะไรครับ” ผมวางมือลงบนบ่าของเขาเบาๆ

เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาผม “เปล่าครับ... ไม่มีอะไร”

ผมกดเปิดสวิทช์ไฟที่หัวเตียง และเมื่อแสงไฟสว่างขึ้น เขาก็หันหน้าหลบผมไปอีกทาง

“เป็นอะไร นอนไม่หลับเหรอ รึว่าเจ็บแผล” ผมถามซ้ำ

“ไม่มีอะไรครับ ขอโทษนะพี่ ทำให้พี่ต้องตื่นมาแบบนี้ พี่ไปนอนเถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย

“เฮ้ย ไม่มีอะไรแล้วร้องไห้ทำไม”

เขาดึงผ้าห่มขึ้นเช็ดน้ำตา “แค่ฝันร้ายน่ะครับ ไม่มีอะไรจริงๆ พี่ไปนอนเถอะ ตื่นมาเห็นผมฝันร้ายแบบนี้แม่งน่าอายออก” เขาฝืนหัวเราะเบาๆ

ผมไม่ค่อยเชื่อที่เขาพูดเท่าไหร่หรอก แต่ก็ไม่อยากจะไปเซ้าซี้อะไรเขาด้วยเหมือนกัน ดังนั้นผมจึงปิดไฟลง บอกราตรีสวัสดิ์เขาอีกครั้งแล้วเดินกลับไปเอนนอนลงบนโซฟา แต่ก่อนจะหลับตาลง ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลาแล้วก็เห็นว่ามันเพิ่งเที่ยงคืนกว่าเท่านั้นเอง ยังมีเวลาให้นอนพักผ่อนได้อีกหลายชั่วโมงก่อนจะต้องตื่นไปทำงาน ผมผล็อยหลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่แล้วผมก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อผมได้ยินหมอกเรียกชื่อของผมเบาๆ ผมดีดตัวขึ้นนั่งและรีบลุกไปหาเขา

“ว่าไงครับ หมอก เป็นไร”

“พี่หนึ่ง ผมเจ็บแผลมากเลย มันปวดอะ ผมนอนไม่หลับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันท่าทางจะเจ็บไม่เบาจริงๆ

“งั้นพี่จะบอกพยาบาลให้นะ” ผมกดอินเตอร์คอมเรียกพยาบาล และเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมา ผมก็บอกเขาไปว่าผมต้องการอะไร อีกไม่ถึงห้านาทีถัดมา พยาบาลก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับยาแก้ปวด

ผมจัดแจงรินน้ำให้หมอกและรอจนกระทั่งเขากินยาเรียบร้อยแล้วจึงถามเขาว่าเขาอยากให้ผมทำอะไรอีกรึเปล่า

“ไม่แล้วครับ ขอบคุณนะพี่ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ต้องเรียกพี่ขึ้นมาอะ ผมเอื้อมตัวไปกดเรียกพยาบาลเองไม่ถึงจริงๆ”

“ไม่ต้องขอโทษเลย มันเป็นหน้าที่ของพี่ที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่งั้นพี่จะมานอนกับเราเพื่ออะไรถ้าเราไม่คิดจะเรียกพี่มาใช้งานเลยน่ะ อย่าคิดมาก!” ผมขยี้หัวเขาเบาๆ “อีกอย่าง พี่ตื่นมาดูแลลูกชายพี่ตอนกลางดึกจนชินแล้วล่ะน่า”

เขายิ้มให้ผมน้อยๆ “ขอบคุณฮะ”

“นอนพักซะนะครับ” ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขาดีๆ

เราสองคนสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ภาพของในวันนั้นที่เขาหอมแก้มผมฉายขึ้นมาในหัวของผมอีกครั้ง และด้วยความเคยชินหรือบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ทำให้ผมชะโงกหน้าลงไปจุ๊บลงบนริมฝีปากเรียวบางของเขาเบาๆ เขามองหน้าผมงงๆ อยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง ผมที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป รีบหันไปปิดไฟและเดินกลับไปนอนที่โซฟาทันที

นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย!

ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รุ่นพี่คนนั้นเขาคือใคร แล้ววายุจะมีส่วนร่วมแค่ไหน รอออออออ  :hao7: :hao7:

มาลงวันละตอนเลยก็ได้นะพี่ต้น  :hao3: :hao3:

ว่าแต่หนึ่งมันหลายใจจัง  :z6: :z6:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
อะเจ๊ยย ตาหนึ่งสองจายยยยยย

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เอร๊ยมีจุ๊บด้วย คุณทะเลเปิดโลกให้หนึ่งใช่ป่าวเนี่ย หรือว่าแค่รู้สึกเอ็นดูน้องหมอกเฉยๆคะ

ออฟไลน์ prin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ whynotme

  • ♥ 09-07-2012 ♥
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
:mew3:  อิอิ มีจุ๊บปากด้วย~  จะแบบน้องรึแบบไหนก็เอาเถอะ  รับได้หมดแหละ คุณวันหนึ่ง :) :)
:mew2: แต่เอ!!  พี่น้องเค้าไม่จุ๊บกันนี่นา~  :hao4: 
:เฮ้อ:  จริง ๆ แล้วอยากให้กอดปลอบน้องบ้าง  ตอนที่ร้องไห้อะ  สงสารหมอกจะแย่  :L3:

*** ใครอีกคนที่หมอกพูดถึงว่า เรียนเก่งกว่าตัวเอง คือใครนะ .... จะเป็นคนคุ้นเคยรึเปล่าน๊า อยากรู้จัง!  :hao4:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
อ่านตอนนี้แล้วมีแต่คำถามเต็มไปหมด
แม่ของหมอกเป็นหมอ?  -- ตาย ดิฉันจำไม่ได้ว่าเคยอ่านตอนไหน
น้าของหมอกที่ไม่ถูกกันจะมีบทบาทไหม?
รุ่นพี่ที่หมอกเคยเล่าให้ฟังจะใช่คนที่เคยมีเรื่องราวกับหมอกหรือเปล่า?
ช่วงนี้ธีร์หายไหก่อนก็ดีค่ะ ให้หมอกมีโอกาสพบคนอ่านบ้าง อิอิ
แล้วหนึ่งไปจุ๊บน้องเขาเนี่ยไม่ทันคิดอะไรหรอกใช่ไหม? ^^ หรือเอ็นดูเหมือนลูกตัวเอง? ^^
แต่หมอกที่ยิ้มรับนั้นทำให้คิดแว่บขึ้นมาว่าหมอกน่าจะเป็นเด็กขาดความอบอุ่นนะคะ
รอคุณต้นมาอัพตอนต่อไปค่ะ

TimelessOne

  • บุคคลทั่วไป
ถึงเนื้อถึงตัวตลอดเลยนะคร้าบคุณวันหนึ่ง  :really2:

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
นั่นสิพี่หนึ่ง เป็นอะไรไป อิอิ
สงสารหมอกจังทั้งเรื่องครอบครัวที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วก็เรื่องไหล่ด้วย
พี่หนึ่งคงคิดถึงน้องน้ำแย่ คนอ่านก้คิดถึงน้องน้ำเหมือนกันค่ะ -/-

ช่วงนี้พี่หนึ่งคงสับสนน่าดู
สู้ต่อไปนะคะ

รอติดตามอยู่เสมอ
 o13 o13

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
หมอกนี่ตัวละครจากนิยายเรื่องไหนของพี่ต้นหรือเปล่าครับ เอ์หรือว่าผมคิดไปเองหว่า- -

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

คุณหนึ่ง  ยังไงกันละเนี่ยะ

ทดสอบใจตัวเองรึเปล่า

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
หมอกนี่ตัวละครจากนิยายเรื่องไหนของพี่ต้นหรือเปล่าครับ เอ์หรือว่าผมคิดไปเองหว่า- -


หมอกไม่ใช่ตัวละครจากเรื่องเก่าครับ เป็นตัวใหม่จากเรื่องนี้ ตัวละครเก่าๆ โผล่มาแบบ cameo คงไม่มีบทมากมายครับ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
มีแววว่าจะ 3 พี?

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
คุณพี่หนึ่งเผลอจุ๊บปากน้องหมอกทำไม >/////<

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ตอนที่ 18

ผมว่าผมชักจะไปกันใหญ่แล้ว ตั้งแต่ที่ผมจูบกับธีในคืนนั้นก็ดูเหมือนว่าผมแทบจะไม่มีปัญหากับการหอมแก้มหรือใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นเหมือนอย่างที่ควรจะเป็นอีกเลย ไม่สิ ที่จริงผมก็หมายถึงหมอกกับธีแค่สองคนนั่นแหละ แต่สำหรับธี ผมยังไม่ได้ถึงเนื้อถึงตัวกับเขามากเท่ากับที่ผมทำกับหมอกเลย ที่ผ่านมาผมคิดอยู่เสมอว่าผมรักและเอ็นดูหมอกเหมือนเขาเป็นน้องชายคนหนึ่ง บางทีผมยังรู้สึกเหมือนเขาเป็นลูกผมด้วยซ้ำ ดังนั้นผมจึงหอมแก้มเขาบ้าง จุ๊บหน้าผากเขาบ้าง อย่างเมื่อคืนที่ผมจุ๊บปากเขา มันก็เป็นสิ่งที่ผมทำกับน้ำทุกคืนก่อนนอน แต่ความเป็นจริงคือเขาไม่ใช่น้องชายของผม และที่สำคัญคือเขาไม่ใช่น้ำ ไม่ใช่ลูกของผมแน่ๆ เขาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่ผมไม่สมควรจะเผลอตัวหรือปล่อยตัวให้ไปกอดเขาหรือจุ๊บเขาบ่อยๆ แบบที่ผ่านๆ มา ถึงแม้ว่าในตอนที่เราทำแบบนั้น ผมจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียวก็ตามที

เรื่องเก่าๆ ที่ผมพยายามจะไม่คิดถึงเริ่มย้อนกลับขึ้นมาวนเวียนอยู่ในหัว และเริ่มทำลายจิตใจของผมอีกครั้ง มันทำให้ผมแทบไม่มีสมาธิที่จะทำงานเลยตลอดทั้งวัน แต่ในที่สุดผมก็พยายามฝืนพาตัวเองผ่านพ้นวันจันทร์ไปได้จนถึงตอนเย็น จนเมื่อได้เวลาเลิกงาน ผมก็รีบตรงดิ่งกลับบ้านเลยทันที

“น้ำล่ะครับ แม่” ผมถามแม่ขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากที่ก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน

“สวัสดีค่ะ คุณลูกชาย”

ผมลอบกลอกตาก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ แม่บนโซฟาแล้วดึงตัวแม่มากอด “สวัสดีครับ คุณแม่ น้ำหลับเหรอครับ”

“อยู่กับตาแล้วก็ยายเค้าน่ะ วันนี้เค้ามารับไปดูแลเมื่อตอนกลางวัน”

“งั้นหนึ่งไปรับน้ำกลับบ้านแล้วกันนะครับ” ผมหอมแก้มแม่ฟอดหนึ่งก่อนจะยืนขึ้น

“อะไร เพิ่งมาถึง จะรีบไปไหน ไม่นั่งพักซะก่อนล่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย”

“นี่แกติดลูกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แหม”

“เปล่าสักหน่อย หนึ่งแค่คิดถึงลูกต่างหาก และหนึ่งก็อยากจะไปไหว้พ่อกับแม่ฟ้าเค้าด้วย”

“โอเคๆ จะไปก็ไป เดี๋ยวแม่จะเตรียมข้าวเย็นไว้ให้แล้วกัน พ่อแกเค้าก็น่าจะใกล้กลับมาถึงแล้วล่ะ”

“ขอบคุณครับ” ผมก้มลงหอมแก้มแม่เบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปยังรถของตัวเอง

ผมใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็มาถึงที่บ้านของฟ้า  เอเป็นคนเดินมาเปิดประตูรั้วให้ผม และเมื่อน้ำที่นั่งเล่นของเล่นอยู่กลางบ้านเห็นหน้าผม เขาก็หัวเราะร่าพลางโยกตัวขึ้นลงเบาๆ ต้อนรับผมทันที ผมอุ้มเขาขึ้นจากพื้นมาหอมแก้มฟอดใหญ่ ผมคิดถึงเขามากๆ บางทีผมคงจะติดลูกมากเกินไปอย่างที่แม่บอกจริงๆ ล่ะมั้งเนี่ย

ผมนั่งคุยกับแม่ตุ๊กและพ่อวุฒิอยู่ได้ครู่หนึ่ง เสียงพูดคุยของเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองก็ดังขึ้น ผมจึงหันไปมองพวกเขาที่กำลังเดินตรงเข้ามาในห้องรับแขก

“ว่าไง พีพี อิ๊กคิว ไม่เจอกันนานเลยนะ” ผมเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน

ทั้งคู่ที่เพิ่งสังเกตเห็นผมยกมือขึ้นไหว้ผมพร้อมกัน “หวัดดีครับ พี่หนึ่ง”

“สวัสดีครับ ก่อนนี้พี่เหมือนจะได้ข่าวว่าเราสองคนไปก่อนเรื่องปวดหัวอะไรให้พี่เอเค้าอีกรึไง”

“โอ๊ยยย ไม่จริงสักหน่อย พี่อย่าไปเชื่อมัน” พีพี แฝดผู้พี่รีบออกตัว

“ช่ายย พวกผมออกจะเรียบร้อยขนาดนี้” อิ๊กคิว แฝดคนที่สองที่หน้าตาพิมพ์เดียวกับพี่ชายช่วยสนับสนุน

“เนอะๆ”

“ถูกต้องที่สุด”

เขาสองคนหันไปมองหน้ากันแล้วหัวเราะเบาๆ

“พวกมึงนี่แหละ ตัวปัญหาที่สุดของบ้าน” เอที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือถัดจากห้องนั่งเล่นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาน้องชายทั้งคู่ “แล้วนี่จะไปไหน ทำการบ้านเสร็จแล้วรึไง”

“เสร็จแล้วน่าาา!” พวกเขาตอบพร้อมกัน

“พี คิว อีกเดี๋ยวก็จะกินข้าวแล้ว ป้าไม่อนุญาตให้พวกหนูออกไปข้างนอกตอนนี้นะ” แม่ตุ๊กพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปรามๆ

เด็กหนุ่มทั้งสองคนชักสีหน้าเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าเบาๆ พวกเขาเดินตรงไปยังบันไดและหายกลับขึ้นไปบนชั้นสอง ผมเห็นเอส่ายหน้าก่อนจะเดินไปนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเองอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นอีกแค่ไม่กี่นาที เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในบ้าน

“อ้าว พี่หนึ่ง สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ” ผมรับไหว้เขา “เป็นไงบ้าง อาร์เธอร์ เพิ่งกลับมาเหรอ ทำไมกลับไม่พร้อมกับเจ้าสองหน่อนั้นล่ะ”

“อาร์ทอยู่ช่วยเพื่อนทำบอร์ดเชียร์น่ะครับ เลยกลับช้าหน่อย”

“อ้าว แล้วเจ้าสองคนนั้นมันไม่ต้องทำอะไรเลยเหรอ” ผมถาม

เขาส่ายหน้า “ไม่รู้มันเหมือนกันครับ”

“อาร์ท อีกสักพักก็จะกินข้าวแล้วนะ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป เนื้อตัวมอมแมมไปหมด แถมสียังเลอะชุดนักเรียนอีกนั่น”

“ขอโทษครับป้าตุ๊ก เดี๋ยวอาร์ทจะซักให้ครับ”

“ไม่ต้องๆ เรื่องแค่นี้! ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะลูก แล้วจะได้ลงมากินข้าวกัน”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้า จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไป

“เป็นแฝดสามที่ไม่ได้มีนิสัยเหมือนกันเลยจริงๆ” พ่อวุฒิหัวเราะเบาๆ “ไม่ใช่สิ จริงๆ ต้องพูดว่ามีไอ้เจ้าอาร์เธอร์คนเดียวนี่แหละที่นิสัยต่างจากพี่ของมันอีกสองคนลิบลับ ถึงหน้าตาจะเหมือนกัน แต่เรื่องอื่นนี่ไปกันคนละเรื่องเลย”

“แล้วนี่ตอนนี้ไอ้คนที่สามยังโดนพี่ๆ มันแกล้งอยู่มั้ยครับเนี่ย ยังทะเลาะกันอยู่อีกรึเปล่า” ผมถาม

“ไอ้แหย่น้อง แกล้งน้องเนี่ย ก็ยังมีอยู่บ้างแหละ บางทีแม่ก็สงสารมันนะ เป็นน้องคนเล็กแค่ไม่กี่นาที แต่ดันโดนพี่ชายอีกสองคนแท็กทีมรุมรังแกมาตลอดตั้งแต่เด็กเนี่ย”

“แต่ก่อนฟ้าก็เคยเล่าให้หนึ่งฟังบ่อยๆ ครับ ว่าไอ้แฝดตัวพี่สองคนเนี่ย แสบมาตั้งแต่เด็ก ส่วนเจ้าอาร์ทที่อ่อนแอที่สุด เรียบร้อยที่สุด ก็จะโดนเจ้าสองหน่อนั่นรังแกประจำ แต่นี่มันก็อายุ 17 กันแล้วนะ เป็นหนุ่มกันแล้ว ยังจะมารวมหัวกันรังแกน้องกันอยู่อีกเหรอเนี่ย”

“เฮ้อ ปล่อยมันไปเถอะ เดี๋ยวมันก็คงเลิกไปเองนั่นแหละ” พ่อวุฒิโบกมือเบาๆ

ผมดูนาฬิกาข้อมือ “ยังไงเดี๋ยวหนึ่งพาน้ำกลับบ้านดีกว่าครับ น้ำเองก็มารวบกวนอยู่ตั้งครึ่งค่อนวันแล้ว และเดี๋ยวจะกินข้าวกันแล้วด้วย”

“อ้าว ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอลูก แม่ก็นึกว่าหนึ่งจะกินข้าวด้วยกันนะเนี่ย”

“ไม่เป็นไรครับ แม่ตุ๊ก พอดีแม่เค้าก็ทำกับข้าวรอไว้แล้วเหมือนกัน เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ”

หลังจากที่กลับถึงบ้านและกินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็ขอตัวพาน้ำขึ้นไปบนห้องเลยทันที ผมนั่งดูทีวีและเล่นกับลูกอยู่ในห้องนอนพักหนึ่งก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรไปหาหมอก แต่เขาไม่รับสาย ผมจึงรออีกสักพักแล้วค่อยโทรไปใหม่ แต่เขาก็ไม่ยังรับสายอยู่ดี ผมมองดูนาฬิกาแล้วก็เห็นว่ามันเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว บางทีเขาคงจะหลับไปแล้วล่ะมั้ง ผมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะหัวเตียงแล้วหันมาเห็นน้ำอ้าปากหาววอดแล้วเหมือนกัน ผมจึงอุ้มเขาไปวางลงบนเปล จุ๊บปากเขาเบาๆ จากนั้นจึงเดินไปปิดสวิทช์ไฟในห้องลง ผมเดินกลับมาที่เตียงนอนแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง ที่จริงมันก็เพิ่งจะวันกว่าๆ เท่านั้น แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนว่าผมไม่ได้คุยกับธีมานานมากแล้ว เมื่อวานผมก็ยุ่งๆ อยู่กับเรื่องของหมอกที่โรงพยาบาลทั้งวัน วันนี้ที่ทำงานผมก็เอาแต่คิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่พอได้อยู่คนเดียวเงียบๆ แบบนี้แล้ว ผมก็อดคิดถึงเขาขึ้นมาไม่ได้ ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาจะทำอะไรอยู่ จะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า และเขาตัดสินใจหรือยังว่าเรื่องระหว่างเราจะเป็นอย่างไร

“แม่งเอ๊ย! มึงไม่น่าพูดออกไปเลย ไอ้หนึ่ง! อยู่ตัวคนเดียวไปตลอดซะก็ดีแล้ว จะหาเรื่องไปทำไมวะเนี่ย!” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ด้วยความหงุดหงิดก่อนจะปิดทีวีลงแล้วพยายามข่มตานอน

วันรุ่งขึ้น หลังจากไปถึงที่ทำงานแล้ว ผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหมอกก่อนเป็นอย่างแรก

“อรุณสวัสดิ์ครับ พี่หนึ่ง” เขาทักทายผมด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“เป็นไงบ้างครับ วันนี้” ผมถาม

“ก็ดีอะพี่ เบื่อๆ เหงาๆ ไม่มีอะไรทำเล้ยยย” เขาตอบ “เอ้อ เมื่อคืนผมไม่ได้รับสายอะ ขอโทษนะครับ พอดีว่าแม่มาเยี่ยมอะ แล้วผมปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ด้วย มาเห็นอีกทีก็เมื่อเช้าเนี่ย”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็แค่คิดว่าเราคงจะหลับไปแล้ว ว่าแต่แม่เค้าไปหาแล้วเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะ มีคนอยู่ด้วยรึเปล่า”

“ไม่มีครับ อยู่คนเดียว แต่เดี๋ยวบ่ายๆ เย็นๆ เพื่อนน่าจะมาหามั้ง”

“แล้วคืนนี้ล่ะ ใครไปนอนเป็นเพื่อน”

“ก็ม่ายมีอีกอะ โอ๊ยยย ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก สบายมาก”

“เดี๋ยวเย็นนี้พี่เลิกงานแล้วเข้าไปหาแล้วกัน”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรพี่ ผมเกรงใจ พี่กลับบ้านไปพักผ่อนเฮอะ”

“เย็นนี้แม่เราเค้าจะเข้าไปเยี่ยมอีกรึเปล่า” ผมทำเป็นไม่ได้ยินประโยคที่เขาเพิ่งพูด “เผื่อพี่จะได้เจอเค้าด้วย พี่เองก็อยากจะขอโทษเค้าที่ทำให้เราเป็นแบบนี้นะ”

“ความผิดพี่ตรงไหนเนี่ย! ไม่ต้องคิดอย่างนั้นเลย ถ้าใครจะผิดนะ ตามหลักก็ต้องเป็นไอ้ยุดิ พี่มาเกี่ยวอะไรด้วย โว้วว”

“แต่ถึงไงพี่ก็อยู่กับเรา ณ ตอนนั้นด้วย แม่เราเค้าก็คงอยากคุยกับพี่มั่งแหละ หรือถึงเค้าจะไม่อยาก แต่พี่ก็อยากนะ” ผมรีบพูดดักเอาไว้ก่อน

“เอางี้ สรุปคือคืนนี้แม่ผมเค้าไม่มาหรอก เค้ามาแล้วเมื่อคืนไง ก็อย่างที่ผมบอกอะว่าเดี๋ยวเย็นนี้เพื่อนๆ ผมคงจะมากัน ไอ้อาร์มกับไอ้ต้าก็ด้วย แต่พอมันกลับกันไปก็หมดละ”

“โอเค แต่ตอนนี้พี่ต้องไปทำงานแล้วครับ เดี๋ยวไงเย็นนี้เจอกันนะ”

“อะๆ โอเคครับ แล้วเจอกันพี่ ตั้งใจทำงานล่ะ” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะวางสายไป

ผมคิดในใจว่าถ้าเขาจะอารมณ์ดีร่าเริงได้ขนาดนี้ อีกไม่นานก็คงจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะมั้ง ผมวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ และเริ่มเคลียร์งานของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บป่วยของหมอกแล้ว นอกจากนั้นผมก็ยังสามารถผลักเรื่องของธีไปไว้ส่วนท้ายสุดของสมอง และไม่ได้คิดถึงเขาขึ้นมาอีกเลยจนกระทั่งหมดวัน

หลังเลิกงาน ผมขับรถกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าแล้วจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาล ผมไปถึงที่นั่นก็ราวๆ สองทุ่ม และเพื่อนๆ ของหมอกก็กลับกันไปหมดแล้ว แต่คนที่นั่งอยู่ในห้องและผมไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะมาคือวายุ พี่เมฆ และผู้ชายอีกคนที่ผมไม่รู้จัก

“พี่หนึ่ง สวัสดีครับ” วายุที่นั่งอยู่บนโซฟารีบลุกขึ้นไหว้ผม “วันนี้ผมกับป๊าพาพ่อกลอ์ฟมาเยี่ยมน่ะครับ พ่อกอล์ฟ นี่พี่หนึ่งครับ”

ผมยกมือขึ้นไหว้ชายร่างใหญ่ที่น่าจะเป็นพ่อ (อีกคน) ของวายุ เขารับไหว้ผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและกล่าวขอโทษแทนลูกชายของตัวเองด้วย ตอนนี้ผมเริ่มสับสนจริงๆ แล้วว่าคนไหนคือพ่อแท้ๆ ของวายุกันแน่ แต่เท่าที่เห็น นอกจากแม่ของเขาแล้ว ผมว่าวายุดูจะได้โครงหน้ามาจากพี่กอล์ฟมากกว่าพี่เมฆกับพี่ซันนะ แต่จะให้ผมคิดไปเองก็คงไม่ดีเหมือนกัน

ในขณะที่ผมนั่งคุยกับพี่เมฆและพี่กอล์ฟ วายุก็ไปนั่งคุยกับหมอกที่เตียง และหลังจากนั้นสักพัก พวกเขาก็ขอตัวกลับบ้านและสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมใหม่ ผมแลกเบอร์โทรศัพท์กับพวกเขาทุกคนรวมทั้งวายุก็ด้วย และเมื่อพวกเขาเดินออกจากห้องไป ผมก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ หมอก

“เจ๋งปะล่ะ ไอ้วายุมีพ่อสามคนเลยนะพี่” เขาพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“เออ จริงๆ พี่ก็งงเหมือนกันนะ แต่พี่ไม่รู้จะถามยังไงว่ะ”

“ไม่ต้องถามหรอกพี่ ไอ้ยุมันบอกผมเองเลยเมื่อกี้”

“อ้าวเหรอ”

“อือฮึ มันก็ไม่ได้ดูมีท่าทางจะปกปิดหรือเขินอายอะไรเลยนะ มันบอกผมว่าอากอล์ฟอะ คือพ่อแท้ๆ ของมัน ส่วนอาเมฆกับอาซันเป็นผู้ปกครองมันอีกทีน่ะ เพราะทั้งสองคนนั้นเค้าเป็นเพื่อนสนิทของครอบครัววายุมาตั้งแต่มัธยมแล้ว มันก็เลยเรียกเค้าว่า ‘ป๊า’ กับ ‘พ่อเล็ก’ มาตลอด และที่สำคัญคือเค้าเป็นแฟนกันมาตั้งแต่ก่อนไอ้ยุเกิดอีก” เขาจบประโยคด้วยรอยยิ้มที่มุมปากและยักคิ้วให้ผม

“อ๋ออ... เอ่ออ โอเค...”

“ทำไมเหรอพี่ ลำบากใจที่อาสองคนนั้นเค้าเป็นเกย์เหรอ”

“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นเลย แค่แปลกใจนิดหน่อยน่ะ เพราะปกติพี่คงไม่คิดหรอกว่าพี่เมฆกับพี่ซันจะเป็นแฟนกันหรือแม้แต่เป็นเกย์น่ะ และอีกอย่าง...”

“อีกอย่างคือ...” เขาเลิกคิ้วขึ้น”

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมส่ายหน้า จริงๆ ผมก็แค่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจู่ๆ ชีวิตของผมจะได้รู้จักกับคนที่เป็นเกย์มากขึ้นภายในเวลาสั้นๆ อย่างนี้เท่านั้นเอง “ว่าแต่เป็นยังไงบ้างล่ะ กินข้าวรึยัง”

“กินแล้วครับ แล้วพี่ล่ะ”

“ยังเลย เดี๋ยวพี่ค่อยอุ่นอาหารกล่องกินก่อนนอนแล้วกัน เพราะพี่กลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าแล้วก็รีบออกมาเลย” ผมเอนหลังแล้วบิดขี้เกียจ “แล้ววันนี้เพื่อนๆ มาหาใช่มั้ย เป็นไงมั่งล่ะ”

“ก็เจี๊ยวจ๊าววุ่นวายอยู่พักนึงแหละพี่ แต่ก็ไม่มีอะไรมาก พอสักหกโมงพวกมันก็กลับ แล้วจากนั้นสักพักพวกวายุก็มาหา แล้วก็พี่นี่แหละ”

“แล้วแม่เราล่ะ เค้าว่าไงบ้าง”

เขายักไหล่เบาๆ “ก็ไม่ว่าไงอะครับ พรุ่งนี้เย็นๆ เค้าคงมาหามั้ง... พี่จะมาเจอเค้ารึเปล่าล่ะ”

“กว่าพี่จะมาถึงก็เวลาราวๆ เดียวกับวันนี้นะ มันจะดึกไปรึเปล่าล่ะ... อ้อ ไม่สิ ถ้าพี่ไม่ต้องกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าก็คงมาเร็วขึ้นได้ราวๆ ชั่วโมงนึงมั้งครับ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเค้าจะมากี่โมงหรือจะมานอนกับผมรึเปล่าน่ะ แต่คงไม่มั้ง พี่ไม่ต้องมานอนกับผมทุกคืนก็ได้นะเว้ย เพราะวันนี้ไอ้อาร์มกับไอ้ต้าก็มาหาผม แล้วไอ้ต้ามันบอกว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีใครมานอนที่นี่ มันก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนผมให้เพราะวันถัดไปมันไม่มีเรียน”

“อ๋อ โอเค แต่ยังไงเอาไว้เราว่ากันอีกทีแล้วกันครับ ตอนนี้พี่อยากเจอแม่เรามากกว่า ส่วนเรื่องมานอนเป็นเพื่อนเราน่ะ พี่ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง “ทำไมพี่ถึงอยากเจอแม่ผมอะ”

“แล้วเรามีปัญหาอะไรที่ไม่อยากให้พี่เจอแม่เรารึเปล่าล่ะ”

“เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น แต่ผม... ไม่รู้ดิ ไม่ค่อยแฮปปี้กับเค้ามั้ง”

“อันนั้นพี่รู้ แต่เราก็บอกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแม่ไม่ใช่เหรอ”

“ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก แต่...” เขาถอนหายใจ “โอเค ผมอาจจะไม่ได้พูดความจริงกับพี่ทั้งหมด ผมขอโทษ แต่คือ...”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่บอกแล้วไงว่าพี่เข้าใจ เรื่องบางเรื่องมันก็ลำบากใจที่จะพูดออกมา ทุกคนต่างก็เป็นกันทั้งนั้นแหละ”

“แต่...”

“แต่อะไรครับ”

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าพี่อยากฟัง คืนนี้ผมจะเล่าให้พี่ฟังครับ”

ผมยิ้มให้เขา “ถ้าหมอกอยากพูด พี่ก็จะฟังครับ”

“ไม่ดิ ถ้าพี่อยากรู้ผมก็จะเล่า แต่ถ้าพี่ไม่อยากก็ไม่เป็นไรไง”

ผมหัวเราะเบาๆ “ไอ้อยากรู้น่ะ พี่ก็อยากแหละ แต่พี่ไม่อยากบังคับให้เราพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูดหรอก”

“ไม่บังคับหรอก ผมเป็นฝ่ายบอกเองว่าจะเล่าใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นคืนนี้ผมจะเล่าให้พี่ฟังก็แล้วกัน”

“โอเค ว่าไงก็ว่ากัน” ผมลุกขึ้นยืน “งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ เสร็จแล้วค่อยออกมากินข้าว ว่าแต่เราล่ะ หิวรึเปล่า อยากกินอะไรมั้ย”

“ไม่อะครับ” เขาส่ายหน้า

“เออจะว่าไป ได้อาบน้ำรึเช็ดตัวมั่งรึยังเนี่ย”

เขาหัวเราะแหะๆ เบาๆ “ยังเลย”

“โหหห ไหวมั้ยเนี่ย ไม่เหม็นตัวเองมั่งรึไง!”

“เอาจริงๆ นะพี่ ก็เหม็นเหมือนกันแหละ แต่ทำไงได้อะ”

“งั้นให้พี่เช็ดตัวให้มั้ยล่ะ” ผมเสนอ

เขาเงียบไปครู่หนึ่งอีกครั้ง “ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร พี่ช่วยผมอาบน้ำให้ผมเลยได้ปะ”


ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
หมอกเริ่มแรง ขณะที่ธีหายไปปปป คิดถึงธีจังค่ะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พี่หนึ่งชักจะลึกซึ้งกับหมอกแล้วนะเนี่ย

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หมอกมาแรง ลืมธีไปเลย

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เหมือนจังหวะเหมาะเลยนะห่างจากคุณทะเลก็มีหมอกเข้ามาเลย ว่าแต่อดีตของหนึ่งคืออะไรทำไมทำท่ากลัวๆแบบนั้น เคยโดนทำไรป่าว

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
แฝดพี่สองคนนั้นให้ความรู้สึกว่าจะซนแผลงๆอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนหนึ่งก็ยุ่งอยู่กับหมอกที่ตอนนี้เหมือนดูแลน้องชายคนหนึ่ง
อยากรู้เรื่องที่หมอกจะเล่ามากกกก ^^ รอคุณต้นมาไขความกระจ่างค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด