- 25 -
สรุปแล้วคืนนั้นจบลงด้วยการที่ผมนอนตรงโซฟานั่นแหละ เห็นผมเป็นแบบนี้แต่ก็เกรงใจเป็นนะครับ ใครจะกล้าให้เจ้าของบ้านแถมเจ็บอยู่มานอนในที่แคบ ๆ กันล่ะ
กว่าจะเถียงกันจบล่อกันไปเกือบตี 1 เห้ออ
ผลก็คือผมตื่นสายไม่ทันมาใส่บาตรพร้อมครอบครัวไอ้โท เดินลงมาก็ไม่เจอใครนอกจากพี่หญิง ถึงได้รู้ว่าแม่เกศชอบใส่บาตรตอนเช้าเป็นประจำ แต่หมู่บ้านใหญ่แบบน้ำไม่มีพระเดินเข้ามาบิณฑบาตหรอกครับ ต้องไปที่วัดเอง
พี่หญิงถามว่าผมจะทานข้าวเช้าเลยมั้ย ผมปฏิเสธไป รอเจ้าของบ้านทีเดียวดีกว่า แค่ตื่นไม่ทันไปใส่บาตรด้วยก็เสียมารยาทจะแย่แล้ว แม้ว่าท้องจะร้องประท้วงแต่ผมก็ทนได้ เพราะปกติแล้วจะมีของกินตั้งอยู่พร้อมหยิบใส่ปากระหว่างเดินไปให้ทันอาจารย์เช็คชื่อที่ไอ้เด็กหัวเกรียนมันชอบซื้อมาให้กินทุกเช้า
เวร ผมลืมตอบไลน์มัน
คิดได้ดังนั้นผมจึงรีบวิ่งขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ เข้าแอพลิเคชั่นสีเขียว ไม่ผิดคาด ปกป้องกระหน่ำส่งข้อความมาทั้งคืน แต่ผมปิดแจ้งเตือนไว้เลยลืมสนิท มัวแต่ฟีฟ่าแข่งกับไอ้โทนั่นแหละ
โมหาย
โมๆๆๆๆ
เป็นอะไร เงียบเลย
หรือว่าไอ้โทมันทำอะไร?
เห้ยยย ตอบผมหน่อยและอีกสารพัด ซึ่งส่วนใหญ่จะออกแนวเป็นห่วง กลัวว่าผมจะถูกไอ้โทมันทำร้ายอีก ผมรีบพิมตอบกลับไป
เออ กูลืม พอดีปิดเสียงไว้
เมื่อคืนไอ้โททำไรป่าว ?อ่านเร็วตอบเร็วจริงวุ้ย
ไม่ได้ทำไรข้อความสุดท้ายกดส่งแล้วล็อคหน้าจอ เพราะผมเห็นหางตาแว๊บๆ ว่าแม่เกศกำลังเดินเข้ามาพอดี โดยมีพี่เอกทำท่างัวเงีย ส่วนไอ้โทเดินรั้งท้าย
“ผมขอตัวก่อนนะแม่ ง่วงสุดๆ” พี่เอกบอกพร้อมหาว “ยังไม่ทันได้นอนก็โดนลากออกมาใส่บาตรซะและ”
“จะให้ปลุกกี่โมงดีคะ?” ป้าจิตถาม
“โอ๊ย ไม่ต้องปลุกมันหรอก เดี๋ยวหิวก็ตื่นขึ้นมาเองแหละ” แม่เกศมองค้อน “อย่าลืมพรุ่งนี้นะเจ้าเอก”
“คร้าบๆ”
“พรุ่งนี้มีอะไรครับ?” ไอ้โทเปิดปากถามบ้างขณะกำลังใส่พริกลงข้าวต้ม
“อ๋อ พรุ่งนี้แม่กะว่าจะพาทุกคนไปบ้านเด็กกำพร้าน่ะ...ไปด้วยกันนะจ๊ะหนูโม คราวนี้ไม่ต้องตื่นแต่เช้าแล้วล่ะ” แม่เกศแอบแซว ผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ก้มลงกินต่อเงียบ ๆ
“ถ้ายังไงฝากโทกับหนูโมซื้อของใช้ที่จะไปบริจาคพรุ่งนี้ด้วยนะจ๊ะ”
“ครับ ลุงอเนกขับรถให้แม่ใช่มั้ย? งั้นผมขับรถไปซื้อเองนะ”
“จ้า แม่จดรายการของไว้ให้แล้ว ตามนี้นะ”
ปล่อยให้แม่ลูกคุยกันไป ส่วนในหัวสมองผมนี่กำลังตีกันยุ่ง
ทำไมเมื่อเช้าไอ้โทไม่ปลุกวะ หรือมันปลุกแล้วแต่ผมไม่ตื่นเอง ? แต่ปกติแล้วผมไม่ใช่คนหลับลึกอะไรขนาดนั้นนี่หว่า
“เห็นมึงกำลังหลับสบาย กูเลยไม่อยากปลุก” เหมือนมันรู้ว่าผมกำลังสงสัย เพราะทันทีที่แม่เกศลุกจากโต๊ะเพื่อแต่งตัวไปทำงานไอ้โทก็หันมาบอกผม
“ทีหลังปลุกกูด้วย มันน่าเกลียด ทั้งบ้านเขาไปใส่บาตรหมด มีแต่กูที่นอนลืมตาย”
“ตื่นแต่เช้าให้ชินสิ เพราะต่อไปนี้กูจะออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะตอน 6 โมงเช้าทุกวัน และมึงต้องไปกับกูด้วย”
“เห้ย ไรวะ อยากรักสุขภาพก็เรื่องของมึงสิ”
“ลืมไปแล้วเหรอไงว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร”
“งั้นเดี๋ยวกูปั่นจักรยานตาม”
“ไม่ ยังไงมึงก็ต้องวิ่ง” ไอ้โทแน่วแน่ นี่ขนาดผมต่อรองแล้วนะ มันยังไม่ยอมอ่อนข้อให้
“เออๆ ก็ได้วะ”
ถ้าเกิดกูวิ่งแล้วเป็นลมมึงก็ช่วยหามกูไปส่งโรงพยาบาลด้วยนะ
ตกบ่ายผมกับไอ้โทพากันมาซื้อของบริจาคตามที่แม่เกศสั่ง ระหว่างทางผมปล่อยให้ไอ้โทขับรถ ส่วนตัวเองนั่งจิ้มจอโทรศัพท์ยิก ๆ จนคนขับรถอดไม่ได้ที่จะถาม
“คุยกับใคร”
“เสือก”
สั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความ
ผมตอบไลน์ปกป้องสลับคุยกับไอ้บูมไอ้จ๊อบนั่นแหละครับ ไม่มีไรหรอก พวกแม่งกวนตีน ลากผมเข้ากรุ๊ปแล้วรีบถามใหญ่
เรือนหอสวยมั้ยจ๊ะ
ตกลงแต่งวันไหน
เลือกชุดได้ยัง
พ่อมึงสิอันนี้ผมไม่ได้คิดในใจ แต่พิมตอบกลับไปเลย ไม่เข้าใจจะแซวอะไรนักหนา อารมณ์กูสนุกด้วยมากมั้ง
เหมือนมัน2ตัวจะรู้เลยรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ไอ้จ๊อบบอกไหนๆผมก็เข้ากรุ๊ปเป็น 4 คนแล้วให้เปลี่ยนชื่อกรุ๊ปเพื่อฉลองชัยเอาฤกษ์เอายาม...เอ่อ..เรื่องของมึงเถอะ...
ซึ่งไอ้บูมจัดให้ตามคำขอกลายเป็น ‘4หล่อ กระดอใหญ่’
ว่างมากนักก็มาซื้อของบริจาคนี่มาชื่อกรุ๊ปจังไรได้อีก ผมเลยชวนมันมาซื้อของด้วยกัน ไอ้บูมไอ้ฟูตอบตกลงอย่างว่าง่าย และบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงเตรียมเจอหน้าหล่อๆของพวกมันได้เลย ถุย
นัดกันเสร็จเรียบร้อยผมสลับช่องแชทไปคุยกับไอ้เด็กหัวเกรียนที่กำลังงอแงใส่ผมอยู่ พิมแอ๊บแบ๊วไม่ได้เข้ากับหน้าตามึงเลยปกป้อง ซึ่งส่วนใหญ่มันก็บ่นเรื่องที่โรงเรียนแหละครับ หัดขี้บ่นแต่เด็กเลยวุ้ย
อย่างเรื่องล่าสุดที่กำลังคุยอยู่นี่คือเพื่อนๆของปกป้องหาว่าไอ้เด็กนี่เป็นคนทรยศ
คนทรยศยังไงน่ะหรอ? ก็เพราะปกป้องเรียนโรงเรียนชายล้วน ดังนั้นเด็กผู้หญิงคือแรร์ไอเทม ใครคิดที่จะมีแฟนหรือกำลังจีบใครสักคนอยู่ จะถูกล้อและเรียกว่าคนทรยศแบบที่ปกป้องกำลังโดนจนนำมาบ่นกับผมนี่ไง
หรอ แล้วไปจีบใครเข้าล่ะ ?
คนธรรมดาทั่วไปคนนี่แหละ ผมไปเจอเขาในวันที่เขาต้องการคนดูแลมากที่สุดในชีวิต ผมว่ามันคือพรหมลิขิตนะ ไม่อย่างนั้นพระเจ้าคงไม่ทำให้ผมกับเขาได้เจอกันหรอก แถมยังทำให้ผมได้มีโอกาสรู้จักกับเขามากขึ้น ได้เห็นนิสัยหลายๆอย่าง ทั้งขี้เซา ขี้เกียจ มีอะไรชอบเก็บไว้คนเดียว แต่ก็น่ารักที่สุดแล้วสำหรับผม ใครจะว่าเป็นเกย์หรือแก่กว่าก็ช่าง หรือต่อให้เขามีมลทินมีอดีตที่เลวร้ายยังไงผมก็ไม่สน ผมขอแค่ได้ดูแลเขานับจากนี้ไปให้ดีที่สุดก็พอผมอ่านแล้วรู้สึกหัวใจพองโตยังไงไม่รู้แหะ เหมือนตัวผมมีความหมายสำหรับใครคนหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ปกป้องคือคนที่ดี พ่อแม่ไอ้เด็กนี่เข้าใจตั้งชื่อแหะ แถมเลี้ยงลูกได้เก่งอีกต่างหาก ไม่อย่างนั้นปกป้องคงไม่เป็นคนจิตใจดีแบบนี้หรอก
ว่าแต่ผมควรตอบกลับไปยังไงดี ? ถามไปนิดเดียวตอบกลับมายาวเหยียดทำเอาผมรู้สึกผิดเลย
ส่งสติ๊กเกอร์ไป1ตัวละกัน ไว้ค่อยเจอหน้าแล้วผมค่อยพูดกับปกป้องตรงๆดีกว่า
โห่ พิมไปยาวเหยียด ส่งติ๊กเกอร์กลับมาตัวเดียว งอลแล่วววววผมขำในลำคอ เด็กจริงๆเลย
ตอนนี้รถวนเข้ามาในลานจอดแล้วครับ พอดับเครื่องไอ้โทก็ลงจากรถเดินนำลิ่วๆ ทำเอาผมต้องหยุดการแชทไว้ก่อนแล้วเดินตามมันเข้าไปในซุปเปอร์
“ต้องซื้อไรบ้างวะ?” ผมยื่นหน้าเข้าไปดูกระดาษในมือไอ้โท “โห เยอะนี่หว่า แยกกันซื้อมั้ยจะได้เสร็จไวๆ”
“ไม่เป็นไร กูอยากเสร็จช้า”
หืมมมมมมมม ผมนี่หันขวับ คำตอบมันแปลกๆอยู่นา คนพูดยักคิ้วให้ นั่นไงมันตั้งใจตอบให้คิดลึกจริงด้วย
ไอ้โทเดินไปหยิบรถเข็น วันนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่ สงสัยเพราะคงเป็นวันธรรมดาแถมยังช่วงบ่าย คนยังไม่เดินห้างในเวลานี้ ผมขออาสาทำหน้าที่เข็นรถให้แต่ไอ้โทมันไม่ยอมครับ มันบอกให้ผมไปหยิบของมาใส่ในรถแทน
ล๊อคแรกที่ไปคือแถวนมผง
“สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 1 ปี สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 1 ปี ... นี่ไงเจอละ”
“เอากี่กล่องวะ?”
“5ก็พอมั้ง”
ผมคว้าใส่รถเข็นแล้วไปต่อ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนมสำหรับเด็กๆนั่นแหละครับ ทั้งนมผง นมกล่อง นมตราหมี ผมหยิบมาซะเยอะจนตอนนี้รถเข็นเต็มไปแล้ว1คัน
“ว่าแต่ไอ้บูมไอ้จ๊อบมาถึงยังวะเนี่ย จะได้ให้มันเอารถเข็นมาเลย” บอกจะโผล่หัวมาภายในครึ่งชั่วโมง แต่นี่มันจะชั่วโมงนึงแล้วนะ หลงทางกันรึไงวะ
ไอ้โทยักไหล่ส่ายหัว ผมจึงต้องเป็นคนตามพวกมันเอง กดโทรหาไอ้จ๊อบรอสายไม่นานมันก็รับ บอกว่าถึงแล้วๆ ผมเลยให้มันรอแถวล๊อคยาสระผมพร้อมกับเอารถเข็นมาเพิ่ม
พอพวกมันมาถึงก็พากันซื้อของต่อ มาแปลกแหะ ไอ้บูมไม่ยักจะแซวผม ดีแล้วล่ะ เบื่อมั้งเหอะหันไปเล่นคนอื่นบ้าง
“ขาดอีกเยอะปะวะ” คนหัวฟูถาม ไอ้โทไม่ตอบแต่ยื่นใบรายการไปให้เลย ไอ้บูมย้ายที่มาเดินข้างๆผม ขณะที่ผมกำลังจะหยิบพวกแชมพู ยาสระผม
“หายเมื่อยเลยว่ะ”
จู่ๆ ไอ้บูมก็พูดขึ้นมา
“ทำไมวะ?” ไอ้จ๊อบรีบถามกลับ
“มีครีมนวด” จบคำมันก็ชูครีมนวดขึ้นมาให้ดูแล้วหย่อนลงไปในรถเข็น พวกมันขำกันอยู่สองคนในขณะที่โทส่ายหัวช้า ๆ ส่วนผมนี่สตั้นไปแล้ว
เอ่อ....มุขมึง.....
“ไอ้สบู่ชั่ว สบู่นิสัยไม่ดี”
“สบู่อะไรวะ?”
“สบู่เลว”
“เหลวเหอะ!”
“5555555555555”
ครับ มันเล่นกันอยู่ 2 คน เหงาไหมถามจริง ไม่ได้ออกมาเจอเพื่อนก็บอกมา
พวกผมเลือกซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นสำหรับบ้านเด็กกำพร้าที่เหลือเช่นผ้าเช็ดตัว ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน เครื่องปรุงของใช้ในครัวต่าง ๆ ไม่นานก็ครบ
“เสี่ยโทครับ ผมหิวข้าวจังเลยครับ”
กูว่าล่ะ ที่ออกมาช่วยซื้อช่วยแบกของเพราะหวังผลนี่เอง
“พรุ่งนี้พวกมึงว่างมะ ไหนๆก็ออกมาช่วยซื้อของแล้ว ไปบริจาคด้วยกันดิ” ผมชวนไอ้บูมกับไอ้จ๊อบที่กำลังแย่งจุ่มชีสเยิ้ม ๆ ขณะนี้พวกเรากำลังนั่งอยู่ในร้านปิ้งย่างกระทะชีสครับ คนบงการคือไอ้หน้าหล่อที่นั่งข้างผม ส่วนอีก 2 คนที่นั่งตรงข้ามไม่ปริปากบ่นอะไรเพราะยังไงของฟรีพวกมันก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว
“ชวนไอ้หัวฟูนี่ไปเด็ก ๆ เขาจะไม่ร้องไห้เหรอวะ? “ไอ้บูมถามกวนตีน
“เห็นกูเป็นแบบนี้ แต่บอกเลยว่ากูนี่รักเด็กยิ่งกว่านางสาวไทยอีกนะครับ”
“โดยเฉพาะเด็กขาว ๆ อึ๋ม ๆ วัย16-20 นี่กำลังดีเลยใช่ไหม” ไอ้โทตอกกลับ พวกผมหัวเราะกันลั่น
“สัดโท รู้ทันอีก ฮ่าๆๆๆๆๆ”
นั่งกินอิ่มจุใจจนครบ 2 ชั่วโมง พวกผมถึงได้ฤกษ์ลุกออกจากร้าน โดยมีสายตาของพนังงานสาวมองตามอย่างตาละห้อย
แหม ก็รู้นะครับว่าตัวเองหล่อ แต่ไม่ต้องมองตามขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวไว้กลับมากินใหม่ หุหุ
บูมกับจ๊อบขอตัวแยกย้ายกลับบ้าน แล้วบอกว่าเจอกันพรุ่งนี้ที่บ้านเด็กกำพร้าเลย ส่วนไอ้โทมันยังไม่กลับ มันตรงดิ่งไปยังร้านขายแผ่นหนัง
“อยากดูเรื่องอะไรก็หยิบมา” มันบอกว่างี้ ผมกับมันเลยแยกกันหาในร้าน
ตัวผมดูหนังได้ทุกประเภท จะผี จะแอคชั่น จะแฟนตาซี หรือการ์ตูนก็มาเหอะ ผมดูได้ไม่เกี่ยงทั้งนั้นแหละครับ ขอแค่ให้หนังมันสนุกก็พอ ไม่ได้ดูเพื่อเอาไปวิจารณ์ล้ำลึกอะไรขนาดนั้น
ในมือผมมีแผ่นหนังประมาณ 3-4 เรื่อง แค่นี้ก็คงพอแล้วมั้ง ถึงจะหยิบมาแบบไม่เกรงใจแต่ก็แอบเกรงใจมันเบา ๆ งงมั้ย งงเหรอ? งั้นงงต่อไป ผมเดินไปหามันที่อยู่แถวๆหมวดหนังจีนกำลังภายใน
ดูไม่ค่อยเข้าลุคมันเลยวะ คิดสภาพมันนั่งดูแล้วพูดตาม เว่ยเส้าเทียน วันนี้วันตายของเจ้า!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ยยยย ขำครับ หรือไม่ก็ ท่านอาจารย์ โปรดช่วยถ่ายทอดวิทยายุทธให้ข้าด้วยเถิด โอยยยยย ขำท้องแข็งแล้วครับ เดี๋ยววันไหนมันเปิดดูผมจะแอบอัดวิดิโอเอาไปให้พวกเพื่อนๆล้อกัน 5555555
“ขำไรมึง”
อะจึ๋ย คนที่ถูกผมนินทาในใจมันหันมาเห็นพอดี
“ป๊าววว” ปฏิเสธเสียงสูง “อะนี่ ที่กูอยากดู” มันรับแผ่นจากมือผมไป
“แค่นี้จะพอหรอ ดูวันสองวันก็หมดแล้ว”
นี่คือปิดเทอมมึงจะจะนั่งดูนั่งทั้งวันทั้งคืนเลยใช่มะ ? ปกติแล้วปิดเทอมของคนอื่น ๆ ผมไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง แต่สำหรับผมที่ต้องปากกัดตีนถีบเลี้ยงตัวเอง ช่วงปิดเทอมเป็นอะไรที่มีค่ามาก เพราะมันทำให้ผมได้ทำงานอย่างเต็มเวลา อย่างปีที่แล้วนี่ช่วงกลางวันผมไปทำร้านพิซซ่า ตกกลางคืนก็มาทำร้านเฮียโกวเหมือนเดิม
“ปกติปิดเทอมมึงอะไรวะ” อดที่จะถามไม่ได้ อย่าบอกนะทิ้งเวลาเปล่า ๆ โดยการดูหนังเรื่อยเปื่อยแบบนี้น่ะ
“ช่วยงานพ่อที่บริษัท”
อ้อ ลืมไปว่าลูกคนมีตังค์
“ไม่ได้ไปเดินสั่งงาน ดูการประชุม นั่งโต๊ะวิวสวยๆแบบที่มึงคิดหรอกนะ” ไอ้โทบอกขณะหยิบเรื่องอื่นๆ ลงตระกร้า “พ่อกูเขาให้กูนั่งแปลซีรีส์ฝรั่ง หรือเอาง่ายๆ คือคนทำซับไตเติ้ลนั่นแหละ และที่พ่อต้องบินไปต่างประเทศบ่อยๆเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์มาลงช่องของตัวเอง ยิ่งช่วงนี้เทคโนโลยีมันไว เมื่อ 2 ปีที่แล้วพ่อเลยทำแอพขึ้นมาเพื่อให้ดูได้ในโทรศัพท์ด้วย”
“ไอ้แอพ HHH อะนะ?”
“เออนั่นแหละ”
โห ขนาดผมที่ไม่ค่อยรู้จักแอพเอิพอะไรมาก ยังรู้จักเลย เห็นมันโปรโมทหน้าเฟสบุคบ่อย ๆ
“ตอนแรกมีแค่ซีรีส์ฝรั่ง แต่ตอนนี้กระแสซีรีส์เกาหลีก็มาแรง แต่พ่อมีทีมทำซับเกาหลีอยู่แล้ว กูเลยเสนอว่าแล้วหนังจีนกำลังภายในพ่อไม่เอามาลงบ้างละ...สุดท้ายพ่อเลยมอบหมายงานให้กูมานั่งดูหนังจีนพวกนี้ไง จะได้คัดเรื่องลงช่องถูก” มันบ่นอย่างไม่ชอบใจ
“แล้วพี่เอกล่ะ?”
“รายนั้นโดนมาก่อนกูแล้ว แต่เสือกเก่ง แอบไปสมัครงานโดยไม่ให้พ่อรู้...บอกทีเดียวตอนได้งานเลย”
เออ สมกับเป็นพี่เอกจริง ๆ
“แล้วมึงจะรับช่วงต่อมั้ย?”
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ อะไรที่พ่อกับแม่กูสร้างมากูก็ไม่อยากให้มันหายไป แต่กูก็มีความฝันของกูเอง ไม่งั้นกูจะมาเรียนวิศวะปิโตรเคมีทำไม”
ได้ฟังมันพูดแบบนี้แล้วอดที่จะเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ มันรู้แล้วว่าอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร แถมมีหลายทางเลือก ในขณะที่ผมแค่จะเรียนให้จบ 4 ปียังไม่รู้ว่าจะรอดรึเปล่าเลย แค่สอบเข้ามหาลัยชื่อดังนี้ได้ก็ดีใจจะแย่แล้ว แต่ผมมีความเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่ายังไงซะผมก็ต้องผ่านมันไปได้ ผมไม่ได้ทำเพื่อป้าที่อยู่ต่างจังหวัด คอยเลี้ยงดูผมตลอดมา แต่ผมยังทำเพื่อตัวเองด้วย เหลือเวลาอีก 2 ปีกว่า ๆ เท่านั้นที่ผมจะจบ เหตุการณ์เลวร้าย อุปสรรคต่าง ๆ ผมก็ได้พบเจอมันมาหมดแล้ว กับอีแค่เรื่องเรียนทำไมผมจะผ่านมันไปไม่ได้ จริงไหม ?
“อ่าว คะแนนอ.ดนัยออกแล้วว่ะ” คนข้าง ๆ ผมมันกดอ่านไลน์กรุปในภาค ไอ้กอล์ฟมันส่งรูปแผ่นกระดาษที่ประกาศรหัสนิสิตกับคะแนนรวมเต็ม100ไว้ข้างท้าย แม้จะยังไม่ได้ตัดเกรดเป็นทางการ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นคะแนนรวมล่าสุดที่เอาไว้ใช้ออกเกรดแล้วล่ะครับ
ไหนๆ เอามาดูซิ
“ของมึงได้ 48”
ครับ ไอ้ที่ผมพูดไปข้างบนเมื่อกี้ถือว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกันนะ
....F……F…….F…….ปลาเต็มอ่างกูแล้วอีเหี้ย ป้าครับถ้าผมขอใช้สิทธิ์โควตาเรียน8ปีเต็มก็อย่าว่ากันเลยนะครับ T_T
ต่อด้านล่างค่ะ