- 23 -
(part1)
ร่างสูงที่เป็นเกราะป้องกันรับลูกกระสุนแทนผมถูกหามใส่เปลและตรงไปที่รถพยาบาลหน่วยกู้ภัยอย่างเร่งรีบ รอบข้างโกลาหลแต่หูผมอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงอะไร ตำรวจเข้ามาคุมตัวไอ้เหี้ยหลามที่ตอนนี้มันเหมือนคนบ้าไปแล้ว สภาพมันนั่งคุกเข่าหัวเราะยอมให้จับแต่โดยดี ผมไม่แน่ใจว่ามันรู้ตัวรึเปล่าว่ายิงโดนใครไป
เจ้าหน้าที่หลายคนเดินเข้ามาถามอาการ ได้แต่ตอบปัด สายตายังคงจดจ้องท้ายรถพยาบาลที่มีใครบางคนนอนนิ่งอยู่ในนั้น
และไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสพูดคุยกันอีกครั้งหรือเปล่า...
เพื่อนๆ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ฉลอง สีหน้าหม่นหมอง ไอ้บูมสวมกอดผมไว้
“กลับกันเถอะ”
บูมพาผมกลับห้อง อันที่จริงผมอยากไปโรงพยาบาลมากกว่า แต่ผมกลัว...กลัวสิ่งร้ายๆที่จะได้ยิน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ขอให้ผมได้มีความหวัง แม้เพียงน้อยนิด
ขอให้โทรอดปลอดภัย
เวลานี้ผมไม่ได้ลืมเรื่องราวที่มันทำร้ายผม แต่กลับตอกย้ำถึงสิ่งที่มันเคยทำ ผิดก็ส่วนผิด ใช่ว่ายอมเอาชีวิตเข้าแลกแทนผมแล้วจะพ้นผิดได้ เพียงแต่มันสามารถลดหย่อนความโกรธแค้นไปได้เกือบหมดสิ้น ความเจ็บปวดที่ถูกย่ำยีในอดีตนั้นกำลังสั่นไหว จิตใจกำลังสับสน
สายๆ ของวันต่อมาไอ้บูมเคาะประตูห้องปลุกผม บอกให้ทราบถึงข่าวดี โทพ้นขีดอันตรายแล้ว เมื่อได้ยินผมเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่เมื่อคืนเอาแต่คิดหนักจนกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า
การสูญเสียไม่ใช่เรื่องน่ายินดี หากไอ้โทไม่รอด...ความผิดคงติดตัวผมไปตลอดชีวิต ผมรู้ว่ามันเป็นคนโดดเข้ามารับลูกปืนแทนโดยที่ผมไม่ได้บังคับ แต่ยังไงสาเหตุมันก็มาจากผมอยู่ดี
ไอ้บูมชวนให้ไปเยี่ยมคนป่วยวันพรุ่งนี้ ทว่าผมยังไม่พร้อม ไม่กล้าที่จะสู้หน้าครอบครัวของโท ไม่มีพ่อแม่คนไหนทำใจได้หรอก ดังนั้นผมจึงขอเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ เรียบเรียงคำพูดที่จะบอกต่อครอบครัวมัน ไอ้บูมไม่ได้ว่าอะไร ดังนั้นมันเลยเสนอว่าอีก 3 วันพวกเพื่อนๆจะไปเยี่ยมไอ้โทกันเยอะ ให้ผมไปเยี่ยมตอนนั้นจะได้ไม่อึดอัด
ผมปล่อยให้ไอ้บูมนั่งเล่นอยู่ในห้อง ส่วนตัวผมก็เข้าไปอาบน้ำที่เหม็นเหล้าบุหรี่มาตั้งแต่เมื่อคืน พอเดินออกมาก็พบว่าไอ้บูมคุยโทรศัพท์หน้าเคร่งเครียด เหลือบมองมาทางผมนิดหน่อย ซึ่งผมคอยฟังพลางแต่งตัวไปด้วย
“ครับ สน.uuu นะครับ...ได้ครับ...ครับผม สวัสดีครับ”
“มีอะไรรึเปล่าวะ?” เห็นมันจ้องผมอยู่ก่อนแล้วจึงถามออกไป
“พ่อไอ้หลามโทรมา”
ผมชะงักกึก เรื่องนี้อีกที่ผมยังคิดไม่ตกว่าชะตากรรมของไอ้เหี้ยหลามจะเป็นยังไงต่อ มันโดนหลายข้อหาแน่ๆ เจตนาฆ่า ทำร้ายร่างกาย ยาเสพติด และอื่นๆอีกหลายกระทงถ้าหากผมรวบรวมหลักฐานเรื่องราวทั้งหมดที่มันก่อไว้
“เขาอยากคุยกับพวกเรา นัดเจอที่ สน.uuu ตอนบ่ายโมง”
พวกเราที่ว่านี้คงหมายถึงผม บูม และจ๊อบ เอาจริงผมว่าพ่อไอ้หลามคงอยากคุยกับโทด้วย แต่ติดที่ว่าต้องรอให้มันฟื้นตัวก่อนจึงจะเข้าไปสอบปากคำได้
“เดี๋ยวกูโทรหาไอ้ฟู ชวนออกไปกินข้าวกันก่อนจะไปพบพ่อไอ้หลามที่สน.”
ผมไม่เคยเจอพ่อของไอ้หลาม ภาพลักษณ์ของพ่อหลามไม่ได้แตกต่างไปจากที่ผมคิดมากนัก ก็เหมือนตำรวจทั่วๆไป แต่ดูภูมิฐาน แต่งเครื่องแบบเต็มยศไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีตำแหน่งใหญ่โต พวกผมพากันยกมือไหว้
“สวัสดีหนุ่มๆ เรียกว่าลุงเทพก็ได้” อีกฝ่ายผายมือเชื้อเชิญให้ไปนั่งในห้องรับรอง โซฟานุ่ม แจกันประดับที่วางบนโต๊ะทรงสวย แอร์เย็นฉ่ำแต่ทว่าบรรยากาศนั้นกลับตึงเครียดสุดๆ คงเป็นเพราะสถานที่และผู้อาวุโสกว่าตรงหน้า
แน่ล่ะ ที่เรียกมาวันนี้คงไม่พ้นการสอบปากคำ แต่ใช้คำแบบนั้นคงจะดูเป็นเรื่องราวใหญ่โต จึงเหมือนกับเรียกมา ‘คุย’ มากกว่า ส่วนหัวข้อนั้นคงไม่พ้นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้ที่แต่งตัวเต็มยศราวกับจะประกาศศักดา บารมีและอำนาจที่ตนมี
ถึงจะมีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน ต่อให้ลุงเทพเขาช่วยลูกชายพ้นข้อหา ผมเชื่อว่ายังไงคนทำผิดก็ต้องได้รับผลกรรม น่าขำที่ตนเองเป็นถึงตำรวจแต่ลูกชายกลับติดยาเสพติดซะเอง
บทสนทนาเริ่มต้นขึ้น ลุงเทพถามถึงความสนิทชิดเชื้อของพวกเรา กิจวัตรประจำวัน เรื่องเรียนที่มหาลัย ก่อนจะโยงมาถึงการเปลี่ยนแปลงของลูกชาย ผม บูม และจ๊อบตอบออกไปตรงๆโดยมิได้ปิดบัง จนมาถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ ผมซึ่งเป็นคนที่ถูกลูกชายคนตรงหน้าเอาปืนจ่อยิงจึงถูกเรียกให้คุยแบบส่วนตัว
ไอ้บูมกับจ๊อบหันมามองทางผมอย่างให้กำลังใจ ผมยิ้มตอบกลับไปเล็กน้อยเพื่อให้พวกมันมั่นใจว่าสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว ถึงจะไม่ได้เรียนนิติศาสตร์มาโดยตรงแต่ผมก็พอจะรู้ว่าทุกคำพูดนั้นสามารถนำไปใช้ในศาลเป็นหลักฐานได้
“ทำไมเขาถึงได้จ่อปืนจะยิงทำร้ายเรา?”
คำถามยิงตรง ไม่อ้อมค้อม ผมสูดหายใจเล็กน้อย สายตาแน่วแน่มองตรงลึกไปนัยน์ตาที่ผ่านการมองโลกมามากกว่าผม
จากนั้นริมฝีปากผมก็พรั่งพรู เล่าถึงสิ่งเลวร้ายที่ไอ้หลามทำกับผม เริ่มตั้งแต่ละเมิดสิทธิผมโดยการเอารูปไปโพสขายตัวในเว็บเกย์ หลักฐานหาได้จากไอพีระบุคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้ไอ้บูมคอยช่วยเหลือ...เรื่องจ้างพี่พลให้ใส่ยาเพื่อที่จะได้แบลคเมล์...และสุดท้ายคืนที่ไอ้เศษเดน4ตัวนั้นดักข่มขืนผม..
ทุกอย่างมีหลักฐาน ไม่ได้กล่าวขึ้นมาลอยๆ ผมมั่นใจจึงได้พูดออกไป ไม่สนด้วยว่าลุงเทพจะเข้าข้างลูกตนเองจนไม่ลืมหูลืมตาหรือไม่ อย่างน้อยๆ ผมก็ได้บอกความประพฤติด้านชั่วของลูกชายให้ฟังแล้ว
ตลอดการสนทนา ลุงเทพไม่ได้ขัดผม เขาประสานมือนั่งฟังอย่างตั้งใจจนกระทั่งผมเล่าเรื่องทุกอย่างจบ ในหัวผมเตรียมพร้อมรับกับข้อเสนอต่างๆ ที่ลุงเทพอาจจะยื่นมาเพื่อให้ลูกชายพ้นผิด แต่เปล่าเลย...ประโยคที่เอ่ยออกมาทำเอาผมผิดคาดไปมาก
“ลุง...ลุงขอโทษที่สั่งสอนลูกชายไม่ดี ลุงไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น หากเราอยากจะแจ้งข้อหาอะไรเพิ่มก็ทำได้เลย..เพราะลุงเองที่ไม่มีเวลาดูแลไอ้ฉลาม มัวแต่สนตำแหน่งหน้าที่การงานจนลืมครอบครัว หากลุงเอาใจใส่ลูกชายมากกว่านี้ ไอ้ฉลามมันคงไม่ต้องไปพึ่งยานรกพวกนั้นและหันมาทำร้ายคนรอบข้าง...ลุงขอโทษ..”
ลุงเทพพาผม บูม และจ๊อบมายังห้องขัง พบว่ามีหญิงสาวสูงวัยซึ่งคาดว่าคงเป็นแม่และน้องวาฬที่ผมเคยเจอนั่งเฝ้าอยู่ก่อนแล้ว
ฉลาม..หรือไอ้หลามที่พวกผมชอบเรียก มันนั่งขดตัวพูดคนเดียว เดี๋ยวกระซิบ เดี๋ยวตะโกน รูม่านตาขยาย สายตาหวาดระแวง ทุรนทุรายเพราะลงแดง สภาพมันตอนนี้ไม่หลงเหลือความหล่อเหลาดูดีแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
คนที่เจ็บปวดมากที่สุดคือพ่อแม่เมื่อเห็นลูกตัวเองหลงไปในทางที่ผิด ยิ่งได้เห็นพ่อกับแม่ของฉลามมองลูกตัวเองที่นั่งสั่นอยู่ในกรงขังด้วยสายตาอันรวดร้าวแล้ว..ผมคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะพอกับผลกรรมที่ฉลามควรได้รับ หากยังอาฆาตแค้นต่อไปเรื่องราวคงไม่จบไม่สิ้น อย่างน้อยก็เห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่เคยมี
คนเรามักจะโต้ตอบทางลบมากขึ้นต่อคนที่ทำร้ายเรา ธรรมชาตินี้เองเป็นที่มาของการแก้แค้นกันและตอบโต้กันจนไม่รู้จบสิ้น เมื่อการแก้แค้นเกิดขึ้น การกระทำนั้นมักจะมีความรุนแรงมากกว่าที่ถูกกระทำในตอนแรก จึงมีแนวโน้มให้เกิดวงจรการล้างแค้น ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอย่างผมกับฉลาม
วิธียุติเรื่องที่ดีที่สุด ไม่ใช่การแก้แค้นเอาคืน แต่เป็นการทำให้ความอาฆาต ความจงเกลียดจงชังจางหายไปจากใจเราเอง การจองเวรจองกรรมต้องเสียยิ่งกว่าเดิมไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ ในขณะที่การให้อภัยไม่ต้องเสียอะไรเพิ่ม ผมเชื่อว่าบุญบาปทำหน้าที่ของมันอยู่แล้ว ปล่อยฉลามไปตามทางที่มันสร้างเอง
“กูให้อภัยมึง..ฉลาม...อโหสิกรรมเลิกแล้วต่อกัน..และอะไรที่กูทำผิดกับมึงไว้...ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม..กูขอโทษเช่นกัน...”
“สวัสดีค่า/ครับ พี่เอกกกก”
ขณะนี้พวกเพื่อนๆ รวมไปถึงผมกำลังขึ้นลิฟท์เพื่อเยี่ยมโทพร้อมพี่ชายของมัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่เอก เขาหล่อมาก หน้าตาคล้ายกับไอ้โทแต่ออกจะดุกว่า ความสูงไล่เลี่ยกัน เห็นว่าอายุห่างกับไอ้โท 5 ปี
“ไอ้โทมันเป็นไงบ้างครับพี่”
“นอนหงอย หายซ่าไปอีกนาน”
“ฮ่าๆๆ คิดภาพไอ้โทนอนหงอยไม่ออกเลยแหะ” ไอ้เจษบอกพลางทำท่านึก
“จิตใจมันห่อเหี่ยว อยากได้พยาบาลมาดูแล” พี่เอกสำทับ
“งั้นเดี๋ยวมิ้นอาสาเป็นพยาบาลดูแลโทให้เองค่ะพี่เอก”
“กูว่าไอ้โทมีหวังอาการแย่ลงกว่าเดิม” มิ่งกระซิบบอกไอ้เต้เสียงดัง ทำเอามิ้นหันไปเหวคนพูด
ส่วนผมนิ่งเงียบ ยิ้มรับมุกตลกๆที่คนอื่นส่งมา ดีที่พวกมันเข้าใจไม่อยากเซ้าซี้ถามอะไรผมมาก ได้แต่บอกว่าไอ้หลามมันติดยาจนคลุ้มคลั่งคุมตัวเองไม่อยู่ ให้พวกมันรู้แค่ผิวเผินก็พอ
สรุปแล้วไอ้หลามก็รอดพ้นทุกคดี แม่มันทำใจไม่ได้ที่ต้องเห็นลูกตัวเองอยู่ในเรือนจำกับความอับอายของตระกูลตนเอง จึงส่งมันไปบำบัดที่ต่างประเทศ ผมถอนหายใจให้กับการตัดสินใจแบบนี้ แต่ก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวอะไรอีก รับปากออกไปแล้วว่าจะไม่แจ้งความ ทุกเรื่องที่ผ่านมาก็ถือว่าให้แล้วกันไป
“เอาจริงๆ ตอนแรกพี่ พ่อกับแม่กลัวเหมือนกันตอนที่รู้ข่าว แม่พี่เป็นลมไปเลย ใครจะไปคิดว่าจู่ๆลูกตัวเองจะโดนยิง พี่กับพ่อรีบบินกลับไทย ส่วนแม่พี่นี่ไปบนทุกศาลทุกสำนักที่ว่าดัง ตามหาหมอฝีมือดีที่สุดเพื่อรักษาไอ้โท แต่สงสัยนรกยังไม่อยากได้ตัวมันถึงได้ให้มันมีชีวิตอยู่ต่อ แถมมีของฝากไว้ให้เตือนใจเล่นที่ปอดข้างซ้าย” พี่เอกเล่าแบบสบายๆ ผิดกับผมที่สีหน้าแย่ลงเรื่อยๆ “โชคดีที่ลูกกระสุนหยุดก่อนจะโดนไขสันหลัง ไม่งั้นป่านนี้มันคงอัมพาตไปแล้ว จะผ่าเอาออกก็เสี่ยงเกินไป พ่อกับแม่พี่เลยตัดสินใจให้ลูกปืนฝังอยู่ในนั้น”
ผมหน้าชา มันเกือบไม่ได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติต่อไป...
ขาก้าวช้าลงเรื่อยๆ จนเสียงพี่เอกค่อยๆเบาลง ไอ้บูมหันกลับมาเห็นผมที่หยุดยืนอยู่กับที่
“ไอ้โทไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
กูรู้
“ไม่ใช่ความผิดของมึง ไอ้เหี้ยหลามโน่นที่ผิด” ไอ้บูมดุเสียงแข็ง เหมือนมันรู้ว่าผมคิดอะไร “เห้อออ มึงอย่าโทษตัวเอง พ่อแม่ พี่เอก เขาแยกแยะออกน่า...ถ้ามึงรู้สึกผิดจริงๆ กูว่าไปดูมันหน่อยเถอะ ถือว่าไอ้โทมันได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามันพร้อมจะปกป้องมึงและไม่มีวันทำร้ายมึงอีก”
เรื่องนั้นผมรู้ รู้ดีเลยล่ะ..ตั้งแต่มันพบความจริง ไอ้โทก็ไม่ได้ทำร้ายผมอีกเลย..
“รู้ตัวมั้ยว่ามึงเป็นคนใจแข็งมาก”
ไม่จริงหรอก ถ้าผมใจแข็งจริงผมต้องไม่รู้สึกอะไร ไม่เผลอไผลไปกับคำว่า ‘รัก’ ..
“กูรู้ว่ามึงฝังใจกับเรื่องเหี้ยๆที่ไอ้โททำในอดีต..แต่มึงจะปล่อยวางไม่ได้เลยเหรอนะโม...”
ผมครุ่นคิดตามที่ไอ้บูมพูด รู้ตัวอีกทีก็เข้ามาในห้องคนไข้แล้ว พวกมันพากันกรูล้อมรอบเตียงคนไข้ จึงมองเห็นแค่ช่องว่างเล็กๆ ไอ้โทนอนอยู่บนเตียงมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ข้างๆ มันดูปกติไม่เหมือนคนที่เพิ่งโดนยิงหมาดๆ ผมปลีกตัวนำของเยี่ยมมาวางไว้บนชั้นซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้ การ์ด ขนมและของบำรุงร่างกาย ให้เดาของพวกนี้คงไม่ถึงคนป่วยตัวจริงหรอก เสร็จไอ้หัวฟูที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆนี่แหละ
พอจะชำเลืองมองคนไข้ก็พบว่าเจ้าตัวมองผมอยู่ก่อนแล้ว สายตามันเป็นประกายเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง จนผมต้องแกล้งมองผ่านๆ
ไม่นานนักแม่ของโทก็เข้ามาพร้อมกับพี่เอก ผมเกร็งโดยไม่รู้ตัวเมื่อท่านเดินเข้ามาใกล้พลางจัดแจงของเยี่ยมเพื่อให้มีพื้นที่มากขึ้น
“มีของฝากจากแฟนคลับอีกเพียบเลย”
“เดี๋ยวผมไปช่วยเองครับ” ไอ้เต้ที่ได้ยินขออาสา
“ไม่เป็นไรจ๊ะ นะโมไปช่วยแม่ดีกว่าเร็ว”
หือ? รู้ชื่อผมได้ยังไง? แล้วทำไมต้องเป็นผม?
แม้ในใจจะยังสงสัย แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป ดูท่าว่าคงมีเรื่องส่วนตัวคุยกับผม ไม่อย่างนั้นคงไม่ระบุเจาะจงตัวขนาดนี้
ผมเดินตามคุณแม่ของไอ้โทอย่างเงียบๆ เสียงส้นรองเท้ากระทบกระเบื้องเงาวับของโรงพยาบาลมันทำให้ผมเริ่มประสาทเสีย จนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นก่อน
“เอ่อ คุณน้าครับ ผมขอโทษด้วยนะครับ...เรื่องโท”
หญิงสูงวัยหยุดเดินแล้วหันมามองผม..ด้วยรอยยิ้มใจดี
“จ๊ะ แม่เข้าใจ เรียกแม่เกศก็ได้นะ ไม่ต้องเรียกน้าหรอก”
“อ่า ครับ แม่เกศ” ผมเกาหัวอย่างเก้อๆ สงสัยสิ่งที่ไอ้บูมพูดจะเป็นจริง พ่อแม่ของไอ้โทท่านเข้าใจ ไม่ได้โยนความผิดมาให้ผม มีแต่ผมที่คิดมากไปเอง
“ตอนนี้โทเค้าก็ยังมีชีวิต ไม่ได้จากพวกเราไปไหน แค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว ยิ่งรู้ว่าสาเหตุที่เขาทำแบบนี้เพราะต้องการปกป้องใครบางคน..แม่ก็ยิ่งยินดี นั่นทำให้เห็นว่าเขาเป็นมนุษย์ที่พร้อมจะเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น” ใบหน้าที่แม้จะมีริ้วรอยแห่งอายุแต่ก็ไม่ได้บดบังความสวยหันมามองแล้วกุมมือผมไว้ทั้งสองข้าง
“แม้ก่อนหน้านั้นเขาจะทำเรื่องเลวร้ายกับคนๆนั้นไว้มากเหรอครับ?”
หลุดปากพูดออกไปแล้ว และผมมั่นใจว่าท่านรู้ว่าประโยคเมื่อสักครู่หมายถึงอะไร
“แม่จะไม่ขอให้ลูกโมให้อภัยไอ้โทมันหรอกนะ แบบนั้นมันเหมือนเข้าข้างลูกตัวเองมากเกินไป แม่เข้าใจว่าสิ่งเลวร้ายที่โททำกับลูกไว้มันหนักหนาสาหัส แต่แม่อยากให้ลูกโมคิด..คิดถึงสิ่งดีๆ ที่เคยทำด้วยกันมา คุ้มแล้วเหรอลูกที่จะอาฆาตฝังใจเจ็บอยู่แบบนั้น ยิ่งลูกโมนึกถึงแต่ด้านร้ายๆลูกก็มีแต่จะเจ็บปวดเอง”
ฝ่ามือที่กุมนั้นเล็กกว่าผมแต่ไม่มากนักบีบแรงขึ้นเล็กน้อย
“คนเราจะตายวันตายพรุ่งไม่มีใครรู้ ทำดีคิดดีกันไว้ก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอลูก เรื่องเลวร้ายในอดีตให้มันอยู่แค่ในอดีต เรียนรู้และทำความเข้าใจกับมัน แต่อย่าให้มันมีผลมาถึงปัจจุบัน ไม่อย่างนั้นลูกโมก็จะไม่มีความสุขได้อีกเลย”
ใช่ ทุกวันนี้ผมอยู่อย่างหวาดระแวง กลัวว่าจะมีคนมาลอบทำร้าย แต่นั่นมันไม่ใช่ตอนนี้ที่เรื่องราวทุกอย่างมันกำลังคลี่คลาย ไม่มีใครมาทำร้ายผมได้อีกแล้ว ไอ้หลามออกไปจากชีวิตผม ส่วนไอ้โท...นอนแหง็กอยู่บนเตียงนั่นไง ยอมรับเลยว่าการทำตัวเป็นพระเอกของมันทำเอาผมประทับใจไม่รู้ลืม ให้ตายเถอะ เรียกคะแนนความสงสารไปเต็มๆ ส่วนผมเหรอ ก็ไอ้ง่าวที่ไม่ยอมเปิดใจให้อภัยมันสักทีไง ทั้งไอ้บูมทั้งแม่เกศถึงได้มาเทศนาผมอยู่ปาวๆแบบนี้
“ลูกโม” เสียงเรียกจากคนข้างๆ ดึงผมออกมาจากภวังค์
“ครับ?”
“เป็นอันว่าตกลงเนอะ”
หืมมมม เดี๋ยวครับ ตกลงเรื่อง???
“ก็ปิดเทอมนี้ย้ายมาอยู่บ้านแม่ มาดูแลโทเขาให้หน่อย อืมมม แม่จ้างลูกก็ได้นะถ้ากลัวว่าจะเสียรายได้ที่ร้านอาหารกุ้งเต้น” แม่เกศว่าพลางเอานิ้วเคาะคางอย่างครุ่นคิด อัญมณีสีแดงก่ำเม็กโตสะท้อนวาววับไปตามจังหวะ
“หะ?” หลุดปากอุทานแบบไม่เกรงใจผู้ใหญ่ ยกมือปิดปากแทบไม่ทัน “เอ่อ เดี๋ยวนะครับ คือ...”
“คุณหมอบอกว่าร่างกายยังต้องพักฟื้น ออกแรงเยอะๆไม่ได้เพราะจะมีผลกับปอด อาจหายใจไม่สะดวก ยังไงก็ต้องรอให้ร่างกายสร้างพังผืดหลอมรวมเจ้าลูกตะกั่วก่อน ถึงจะใช้ชีวิตแบบปกติได้”
“แต่ว่าผม...”
ผม...จะอ้างอะไรดีวะเนี่ย
“นะจ๊ะลูกโม เดี๋ยวแม่ให้ค่าจ้างพิเศษ แม่ไม่ค่อยไว้ใจพวกพยาบาลสาวๆเท่าไหร่”
เป็นกันมั้ยครับผู้ใหญ่มาร้องขออะไรแบบนี้มันมักจะปฏิเสธไม่ลง อาการเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่ติดค้างอยู่ในลำคอ
แถมคำว่าค่าจ้างพิเศษนี่เป็นอะไรที่ล่อตาล่อใจผมมาก
เห้อออออ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ไอ้โทบังลูกกระสุนให้ผมก็ละกัน
“ครับผม”
ตกลงก็ได้วะ!
Next Chapter >>- 23 - (part2)หัวหน้าคะอิโทมันร้ายค่ะ มันใช้แม่ล่อลวง แผนสูงจริงๆ ต้อนรับวันแม่เลย 55555
ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานนิดนึงงงง
ตอนนี้เรื่องราวได้ดำเนินมาไกลมากแล้ว จะให้ทิ้งไปก็ไม่ใช่ อดทนกันอีกนิดนึงน้า เดี๋ยวได้เห็นมุมหวานๆแน่นอน แพรก็เบื่อที่จะเขียนดราม่าแล้วเหมือนกัน คือมันไม่ใช่แนวของแพรเลย (ชอบเขียนแนวi'm not มากกว่า) เขียนยากมาก เขียนได้ไม่ดีด้วย ยอมรับเลย กว่าจะคลอดออกมาได้แต่ละตอนนี่แทบรากเลือด T____T