[บันทึกรัก Leiden]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [บันทึกรัก Leiden]  (อ่าน 83594 ครั้ง)

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #30 เมื่อ06-12-2006 16:46:14 »

23.59 น. บนเตียงนอน
   ‘เจ้าประคู้ณ  คุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกนับถือ  ช่วยคุ้มครองคนที่ลูกรักและคิดถึงด้วยนะ  ให้เขาปลอดภัย  สุขภาพแข็งและ...’ ผมนั่งหลับตาพนมขอพรร่ายยาวตอนกราบพระก่อนนอน  พอจะล้มตัวลงนอน

   “นายทำไรอะเมื่อกี้  สวดขอพรจากพระเจ้าของนายอยู่เหรอ” เสียงเหมือนหมีสำลักน้ำผึ้งดังมาจากเตียงไอ้โหด  ถึงจะเป็นห้องคู่แต่ว่าเค้าจัดเตียงเตรียมไว้ให้สองเตียงก็ดีจริงอยู่ครับ  แต่ที่ดันเอามาวางชิดติดกันนี่สิครับแย่  ไม่เป็นไร...คอยดูนะผมจะกรนให้มันสนั่นเลย  แกล้งมัน  มันจะได้นอนไม่หลับ อิอิ สม!

   “อืม...  ขอพรให้คนที่เรารักที่เมืองไทยปลอดภัยนะ”

   “นายนี่เป็นคนดีจัง  ขนาดมาตั้งไกลแล้วคิดถึงแฟนอีก  แถมยังขอพรจากพระเจ้าให้แฟนอีก”

   “ :pigscare2: ย้าง!!!  ยัง  เรายังไม่มีแฟน”  ไม่รู้ทำไม  แต่ผมก็รีบปฏิเสธมันเสียงหลง

   “หรอ  ดี” มันยิ้มๆ “แต่ไม่น่าเชื่อนะว่าคนอย่างนายจะไม่มีแฟน” มันยังไม่ยอมหุบปากนอนอีกครับ  ยังมีหน้าตะแคงตัวมาถามผมอีก

   “ทำไม  แปลกตรงไหน”  :confuse:

   “เปล่า  แค่สงสัยเท่านั้นเอง”

   “เออ งั้นนอนเถอะ  แต่เราต้องขอโทษไว้ก่อนเลยนะถ้าหากว่าคืนนี้เรานอนกรนเสียงดัง” เอะ! แล้วผมจะไปขอโทษมันทำไมนะ  ไหนว่าจะแกล้งกรนให้มันดังๆ ไง  ไอ้โหดมันจะได้หนวกหูนอนไม่หลับ

   “ไม่เป็นไร  เราทนได้  นายอย่างว่าเราแล้วกันถ้าเราจะกรนบ้าง” ว่าแล้วมันก็ปิดไฟหัวเตียง  ห้องทั้งห้องก็มืดลง  แล้วเสียงกรนมันก็  ใช้คำว่าอะไรดีนะ  เรียกว่า คำราม มันน่าจะดูใกล้เคียงสุดเลยครับ แง T.T  :monkeycry2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #31 เมื่อ08-12-2006 22:08:34 »

10 Mar. 2006

9.26  น.  เตียงเดิม
   ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงสว่านที่กำลังเจาะฝาผนังด้านนอกครับ  หันไปดูก็ไม่เห็นไอ้โหดแล้ว  ใจหายแว้บบบบ  เอะ! มันหายไปไหนนะ  ไอ้นี่ทิ้งกัน  ผมเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งครับคือถ้าตอนเข้านอนแล้วรู้ว่ามีคนอยู่ด้วยแต่พอตื่นมาแล้วมองไม่เห็นใครมันจะใจหายๆ ไม่รู้ทำไม  สงสัยเหมือนเด็กๆ ไงครับเวลาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นใครก็มักจะร้องไห้  แต่ถ้าตอนเข้านอนรู้ว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่เป็นไรนะ  แต่ถ้ามีคนอยู่ด้วยก่อนนอนละก็เป็นอย่างนี้ทุกที  พยายามแก้แล้วแต่ก็ไม่หาย  อกมันโหวงๆ พิกล

   “อ้าว! ตื่นแล้วหรอ  เห็นนอนกรนน้ำลายไหลยืดเป็นทางเชียว ฮ่าๆๆ เลยไม่อยากปลุก” ผมรีบยกหลังมือปาดยาวเหนียวๆ ข้างแก้ม  น่าอายจังโตแล้วยังนอนน้ำลายบูดไหลอีก  เลยรีบลุกขึ้นเก็บที่นอนเตรียมตัวจะไปล้างหน้า

   “เมื่อคืนหนาวหรอ  เห็นนอนขดเป็นกุ้งเชียว” มันถามผมอีก  ผมเลยชะงักมือที่กำลังเก็บที่นอนเพราะเห็นว่ามีผ้าห่มซ้อนกันสองผืน

   “นี่นายเอาผ้าห่มมาให้เราอีกผืนหรอ” ไม่อยากจะใช้คำว่า ’ห่มให้’ ครับ  มันดูดีเกินไป  หน้าอย่างมันไม่มีทางทำได้หรอกครับ

   “เปล่า!!” มันยักไหล่ได้กวนทีนดีจริงๆครับ “เขาเตรียมไว้ให้สองผืนอยู่แล้วแต่นายห่มผืนเดียวเอง” แล้วมันก็เดินไปนั่งที่โซฟากดรีโมตเปิดทีวีหารายการดู 

              ผมว่าแล้วไหมครับ  หน้าอย่างมันมีหรอจะใจอารีขนาดนั้น  ความจริงผมเองก็ยังง่วงอยู่เลย  เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะมันหนาวเกิน  ก็ดันห่มผ้าแค่ชั้นเดียวเอง(ความผิดไอ้โหดมันครับ  ก็มันไม่ยอมบอกผมนี้ว่าผ้าห่มมีสองชั้น)  ผมก็เลยคว้ากระเป๋าเครื่องอาบน้ำจะเดินออกไป

   “จะออกไปทั้งแบบนั้นหรอ  มีคนมาทำงานกันเยอะแล้ว  ทางที่ดีเปลี่ยนเสียหน่อยดีไหม” ไอ้โหดมันพูดโดยไม่หันหลังมา  จ้องดูทีวีของมันไปเรื่อยๆ  ผมเลยนึกขึ้นได้ก้มมองตัวเองก็จริงอย่างที่มันว่าครับ  ตอนนี้ผมนุ่งแต่กางเกงชั้นในขายาวกับเสื้อยืดรัดรูปแขนยาวสีขาวเท่านั้น  มันอาจจะโป๊ไปหน่อยนะถ้าผมจะออกไปในสภาพนี้และอาจจะเป็นอันตรายอย่างร้ายกาจแก่สายตาประชาชีคนอื่นได้  ผมเลยคว้ากางเกงกับเสื้อมาสวมทับแล้วถึงได้ฤกษ์ไปล้างหน้าครับ

11.05 น. หน้าคอมบนโต๊ะทำงานในห้อง
   ผมกำลังเพ่งสมาธิการงานเอกสารตรงหน้าอย่างแรงเลยครับ  ก็ไม่ได้จัดการมาเสียหลายวัน  วันนี้เลยต้องสะสางเสียบ้าง

   “เตี้ยทำไรอยู่อะหิวข้าวแล้ว  ไปทำไรมากินหน่อยสิ”

   “.........”

   ‘ผัวะ’
   “บอกว่าให้ไปหาไรมาให้กินหน่อยไม่ได้ยินหรือไร  ยัง.. ยังอีก  เดี๋ยวปั้ด”

   ผมพูดไรไม่ออกเลยครับ  ก็คนมันกำลังตั้งใจทำงานอยู่นี้เลยไม่ได้ยิน  ทำไมต้องมาตบหัวกันด้วยนะ  แถมแรงเสียด้วย  ว่าแล้ววิญญาณนางเอกเข้าสิงอารมณ์น้อยใจวิ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ เลยครับ  ขอบตามันก็เลยร้อนๆ

   “อ้าว! ยังจะมานั่งทำหน้าบื้ออยู่อีก  บอกว่าหิวไม่ได้ยินหรือไง?  ไปทำไรมาให้กินหน่อยสิ  นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ”

   ผมเลยลุกขึ้นมาเงียบๆ เซ็งโครตเลย  มันหิวเองแล้วทำไมไม่ไปทำกินเองทำไมต้องมาใช้ผมด้วยนะ  คนอื่นเขาก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกันนะ  ไม่ได้มาที่นี่เพื่อมารับมือรองเท้าใครนะโว้ย..

   “ทำให้อร่อยๆ นะ ห้ามแกล้งใส่เกลือใส่พริกไทยมากนะ  ไม่งั้นเจอดีแน่”  มันยังตามมาราวีผมถึงในครัวอีก  ผมไม่ตอบมันให้เปลืองน้ำลายหรอกครับคนพรรค์นี้  หันไปรื้อๆ หา ของสดในตู้ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรให้มันกินดี

   “แล้วนั้นใจคอจะไม่ถามหรือไงว่าคนกินจะกินอะไร”  เห็นไหมครับว่ามันนะ.....แค่ไหน :pigangry2:

   “.........”  ไม่อยากพูดกับมันเลยจริงๆ ครับ

ผมก้มหน้าก้มตาหั่นมะเขือเทศก่อน  กะว่าจะผัดผักให้มันกินนะครับ  เพราะว่าเมนูจานนี้ผมถนัดสุดไม่ต้องคิดมากให้เปลืองเวลา  อีกอย่างเมื่อวานก็ไม่ได้ซื้ออะไรมามากเท่าไหร่   :pigscare2: แต่เดี๋ยวก่อนครับ!!  ทำให้มันกินแล้วทำไมต้องควักเอาของสดที่ตัวเองซื้อมาทำด้วยนะ  ว่าแล้วก็หยุดหั่นกวาดของที่หยิบมาเข้าตู้ตามเดิม

   “อ้าว! แล้วเก็บของทำไมนะ?  ไหนว่าจะทำของกินด้วยกันไง”

   “ใครบอกว่าจะกิน  แกกินคนเดียว  ฉันไม่เกี่ยว  ยังไม่หิวโว้ย  แล้วเรื่องไรที่ฉันจะต้องเอาของสดที่ฉันซื้อมาทำให้แกกินด้วย” ผมหันไปเท้าสะเอวถามมัน

   “ไรวะ?  แค่นี้ทำงก  แล้วของสดของฉันแกจะทำเป็นหรอ”  มันถามผมตอนก้มลงไปหยิบของสดของตัวมันเองมาวางเรียงบนโต๊ะ

   “ก็เอามาดูก่อนว่าทำไรได้บ้าง  ถ้าทำไม่เป็นหรือว่าไม่อร่อยขึ้นมาแกก็อย่าบ่นก็แล้วกัน”

   “ก็มีไส้กรอก  มะเขือเทศ  แฮม  ไข่  แล้วก็ผักนิดหน่อย”

   “งั้นกินไข่เจียวแล้วกัน”

   “แต่ไข่มีแค่ใบเดียวนะ”

   “เออ...  รู้แล้ว  เดี๋ยวให้ยืมของฉันก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วผมก็หันไปหยิบไข่มาสองฟองกะว่าจะเจียวไข่ใส่แฮมไส้กรอกกับมะเขือเทศให้มันกินแล้วกันง่ายดี

   “สามไม่ได้หรอ  กลัวไม่พอกิน”  มันยังมีหน้ามาขอเพิ่มอีก 

              ผมละอ่อนใจกับมันจริงๆ เลยครับ  ผมเลยเจียวแบบไม่พลิก  คือพอด้านหนึ่งสุกดีแล้วแต่อีกด้านยังเป็นวุ้นๆ อยู่ก็จับมันพับครึ่งเอาขอบมาประกบกันแล้วตักขึ้นเลยครับ  ส่วนข้าวก็เอาของที่เหลือเมื่อวานยัดลงไมโครเวฟอุ่นให้มันกินครับ  เร็วดีไม่ต้องหุงใหม่

   “แล้วนายไม่หิวหรอ?  จะเที่ยงแล้วนะ  กินด้วยกันสิ”  มันยังมีแก่ใจมาชวน  ส่วนผมก็งอน  ไม่ดิ!  เซ็งมากกว่าไม่มีอารมณ์จะกิน  ออกไปเดินข้างนอกดีกว่าเห็นหน้ามันแล้วหงุดหงิดหัวใจครับ

   “เฮ้ย! จะไปไหน  มากินด้วยกันก่อน  ไม่ชอบกินคนเดียว  ห้ามไปไหนเลยนะ  ไว้ไปพร้อมกัน  ไม่กินก็มานั่งด้วยกันก่อน”

   “มันจะมากไปแล้วนะแก  แกจะมาบังคับชั้นได้ไง  ในเมื่อ...” ผมยังไม่ทันจะพูดจบประโยค

   “ไม่ต้องเถียงเลย  นั้นเก้าอี้”  มันชี้ไปที่เก้าอี้ฝังตรงข้ามที่มันนั่ง

   “ทะเลาะอะไรกันหรอครับ” เสียงสวรรค์มาช่วยผมแล้วครับ  ผมละดีใจสุดๆ ที่ได้ยินเสียงนี้

   “อ๋อ!  ไม่มีไรหรอกโมนิค  ผมกำลังจะออกไปเดินเล่นข้างนอก  นายลงมาก็ดีแล้ว  ไปด้วยกันไหม?” ผมชวนขวัญใจให้ไปเป็นเพื่อน  ยังไงมันก็ต้องดีกว่าเดินคนเดียวอยู่แล้วใช่ไหมครับ  :angellaugh2:

   “คงไม่ได้หรอก Nac ผมแวะเข้ามาเอาของนิดหน่อย  เดี๋ยวต้องกลับเข้าไปห้องแล้ปอีกนะ  ไว้โอกาสหน้านะ  รับรองไม่พลาดแน่”

   “อืมหรอ! ตามใจ  แล้วเจอกันนะ” ผมโบกมือลาเขานิดหน่อยตอนเขาเดินออกจากบ้านไป

   “สม! ชวนแล้วเขาไม่สนใจ” มันแบะปากทำหน้ากวนเท้าเยาะเย้ยผมครับ

   “...........”  ผมไม่อยู่ในอารมณ์อยากต่อปากต่อครับกับมัน  เซ็งยังไงพิกลไม่รู้ เลยมานั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงที่มันชี้ให้นั่ง

   “เอานา!  เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วจะพาไป  ไม่ต้องห่วง”

     :o มันว่าจะพาผมไปหรอครับ...  แต่ผมนะไม่ค่อยเชื่อน้ำมนต์มันหรอกครับ  ผมว่ามันต้องหาเรื่องมาใช้งานอะไรผมมากกว่า  ครั้นจะไม่ทำให้...มันก็ทำท่าขู่จะหาเรื่องผมอยู่เลย  ความจริงมันก็ตัวไม่ได้สูงกว่าผมมากนะ  น่าจะราว 7-8 เซนต์  ผมสูง 175 มันก็ต้องราวๆ 182-183   ตัวมันก็พอๆ กันกะผมอาจจะหนากว่านิดหน่อย  เอ๊ะ! หรือจะหนากว่านะผมก็ไม่ทันได้สังเกตตอนมันถอดเสื้ออาบน้ำ  เดี๋ยววันนี้ถ้ามันอาบน้ำอีกจะลองสังเกตดู  แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ใช่คนไทยใจหาญจะไปกล้าหือกับมันได้หรอกครับ  พูดไปงั้นหละ  แต่ไม่แน่!!  คนเรามันย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกันนะครับ  ว่าไหม?

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #32 เมื่อ08-12-2006 22:41:36 »

หึหึ อ่านไปลุ้นไป คนอาร๊ายยย กวนซะ

รออยู่นะคับ มาต่อเร็วๆ น๊า  :sad4:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #33 เมื่อ08-12-2006 23:20:40 »



เป็นห่วงน้องพลาดในกระดานโน้นจัง  แต่ไม่กล้าบ่นไรมาก

ไม่ได้เข้าไปหายวันพอเข้าไปอีกที  แว้ก   อะไรกันเคอะเนี้ย

ไอซียู  ทำได้แค่  ฉันดูแก จริง 

เจ้หละกลุ้ม  กรูอยากไปเยี่ยมจางเยย   

คงทำได้แค่  ห่วงๆ แบบห่างๆ  เท่านั้น 

นโมๆ โตไวๆ หายวันหายคืนนะลูกนะ  เพี้ยง

:monkeysad:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #34 เมื่อ14-12-2006 16:26:20 »

17.45 น.  Supermarket หน้าสถานีรถไฟ
   “วันนี้เอารถเข็นดีกว่านะ”  อยู่ๆ มันก็ชวนผมมาซื้อของสดกัน  ตอนแรกมันจะชวนออกมาเดินตั้งแต่กินข้าวเสร็จแล้วละครับ  แต่ผมเกิดเปลี่ยนใจขอทำงานต่อดีกว่า  ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว  ให้มันเสร็จๆ เป็นเรื่องๆ ดีกว่า  เลยนั่งทำงานจนเสร็จ  พอหันไปก็เห็นมันนอนสลบเหมือดอยู่แล้วครับ  ถ้วยจานกินเสร็จก็ไม่เก็บ  ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมอีกแล้ว  ผมต้องลุกขึ้นมาเดินเก็บเอาไปใส่ไว้ในเครื่องล้างจานอีก  ที่นี่เขาจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดอาทิตย์ละสองครั้งครับ

   “ทำไมอะ  เอาตะกร้าดีกว่าง่ายดีไม่ต้องเข็นให้เกะกะ”

   “เหอะนะ  เอาคันเดียว  เดี๋ยวเราเข็นเอง  แกอย่าเรื่องมากเลยนา”  ใครกันแน่นะที่เรื่องมาก   :untrust:

   “เออๆ ตามใจ”  ผมพุ่งตรงไปที่แผนกผักสดทันทีเพราะว่าเมื่อวานหอบผักไปได้นิดเดียวเอง  อยู่ที่นี้ไม่ค่อยได้กินผักมากนัก  ซึ่งความจริงแล้วผมชอบกินมาก  เพื่อความงามน่ะครับ  กินแล้วมันดีต่อสุขภาพ(คนเขาว่ากันมาอย่างนี้) ก็เลยกินๆ ไป เผื่ออะไรๆ ในหนังหน้ามันจะได้ดีขึ้นกับเขาบ้าง  แต่ว่าท่าจะสายเกินการณ์ไปหน่อยน่ะครับ  :3128:

   “นายชอบกินผักเหรอ  เห็นเมื่อวานก็หอบไปวันนี้ยังจะหอบไปอีก”

   “อืม....  อาหารไทยส่วนใหญ่ต้องใช้ผักเป็นส่วนประกอบนะ”

   “หรอ!  งั้นเอาดิ  อยากได้อะไรก็เลือกเอา  เดี๋ยวเราจ่ายตังค์เองวันนี้”  เอ๋! มันมาไม้ไหนอีกครับวันนี้  ผมหละกลัวใจมันจริงๆ

   หลังจากเลือกผักได้หลายอย่างแล้ว  ผมก็ไปที่แผนกเนื้อสัตว์พยายามตามล่าหาเนื้อหมูบดล้วน คือจะเอาแบบที่ไม่ผสมเนื้อวัวเลยไงครับ  แต่ว่าไม่มีถ้าจะเอาแบบนั้นต้องเอาไปสับเองซึ่งครัวฝรั่งก็ไม่มีมีดอีโต้เสียด้วย  เลยต้องตัดใจครับหันมาเอาที่ผสมเนื้อวัวตามเคย  แต่ว่าผมไม่ค่อยทานเนื้อวัวเท่าไร  เวลากินแล้วมันได้กลิ่นสาบวัวน่ะครับ  แล้วผมก็หยิบปีกไก่ติดมือมาด้วยกะว่าจะเอามาต้มน้ำแกงซดร้อนๆ ใส่หัวหอมใหญ่เยอะๆ คงจะช่วยบรรเทาอาการหวัดเจ็บคอของผมได้บ้าง  โห!! รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนจังกึมยังไงไม่รู้  มีการแอบรู้แอบอาศัยสรรพคุณทางยาของอาหารเข้าช่วยด้วยวุ้ย  เก่งจริงๆ ลูกใครวะ…   :yeb:
................................................................................

   “อ้าว! แกถือเลยนะไอ้เตี้ย  แกล้งกันใช่ไหม  เลือกมาเสียเยอะเลย”  เห็นไหมครับเวลามันจะใช้ผมละก็เรียกไอ้เตี้ยทุกที 
‘มรึงไง  ไอ้โหด’ ผมแอบด่ามันในใจเพราะว่าไม่รู้ว่าภาษาอังกฤษคำว่าไอ้โหดมันเรียกว่าอะไรครับ

   ความจริงผมนะไม่ได้แกล้งมันหรอกครับ  กะว่าจะช่วยมันหารค่าของด้วยกันแต่ว่ามันไม่ยอม  อยากจะจ่ายคนเดียวแล้วมันจะมาหาว่าผมแกล้งมันได้ไง  ผมว่ามันหาเรื่องไม่ถือของมากกว่า

   “ใจคอแกจะไม่ช่วยฉันถือไรเลยหรอ”

   “อืม!  ก็มันเป้แก  แกก็หิ้วไปเองซิ”  มันย้อนแบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ  สรุปผมเลยต้องแบกกระเป้  มือหนึ่งหิ้วถุงส้ม  มือหนึ่งหิ้วถุงหัวหอมใหญ่  อะ! ผมลืมซื้อพริกอีกแล้วครับ

   “เฮ้! หวัดดี  ไงกำลังจะกลับกันพอดีเลยหรอ” เสียงสวรรค์มาอีกแล้วครับ  ขวัญใจผมโผล่มาจากไหนไม่รู้  เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยผมอยู่เรื่อยเลยครับ  แล้วอย่างนี้จะให้ผมใจแข็งไม่เทคะแนนพิศวาสไงเขาไงไหว  “มาซื้อไรกันเยอะแยะเลย  มาผมช่วยถือนะ Nac” โห! ผมงี้ซึ้งซ้า  ตอนที่เขามารับถุงส้มที่ไอ้โหดมันเป็นคนเลือกมาไปถือซะเอง  ปลื้มครับ  ปลื้ม.... :monkeylove2:

   “นายไปไหนมานะโมนิค” มันถามเขา

   “อ้อ! ออกมาจากแล้ปก็ตรงกลับมานี้เลย  วันนี้กะว่าจะมาทานข้าวพร้อมพวกนายอีก  ถ้าพวกนายไม่ว่าไรนะ”  ใครจะไปว่าไรครับ  มาเลยๆ ขวัญใจผม  เร็วเท่าใจคิด 

   “ได้มาสิ  กินด้วยกันหลายคนสนุกดี” ผมชวนทันควันไม่ต้องรอถามความเห็นไอ้โหดเลย

   “แล้วพวกนายไปไหนกันมานะวันนี้” ขวัญใจผมชวนคุยยิ้มๆ  เวลาเขายิ้มนี้มันก็น่ารักดีนะครับ  สดใสดีดูเป็นธรรมชาติ ง่ายๆ สบายๆ ผมละชอบจัง

   “ไม่ได้ไปไหนเลย  ต้องนอนทั้งวัน ก็ Nac นะซิ  เอาแต่ทำงานไม่ยอมออกไปไหน”  ผมต้องหันไปมองหน้ามันเลยครับเพราะประโยคนี้  ทำไมต้องมาลงที่ผมด้วย  มันอยากจะไปไหนก็ไปสิ  ไม่เห็นตัวจะติดกันเลย

   “ใครว่า  นายนั้นแหละที่นอนทั้งวัน  กินแล้วก็นอนเอง  ช่วยไม่ได้” ผมแบะปากไหวไหล่ใส่มัน

   “หรอ  อืม...  พรุ่งนี้วันเสาร์  พวกนายก็ยังมีเวลานา  ยังอยู่ที่นี่อีกนายเลยไม่ใช่เหรอ”

   “อืม... แล้วพรุ่งนี้นายไปไหนปะโมนิค” ผมรีบถาม

   “เปล่านี่  ทำไมหรอ Nac” เขาหันมาจ้องหน้าถามผม  เอะ! อย่ามาจ้องใกล้ๆ อย่างนี้เดะ  หัวใจจาลาลายยยยยยส์

   “เปล่าๆๆ คือว่าถามดูไปงั้นๆ แหละ” โห! ใครจะไปกล้าชวนเขาเที่ยวครับ  คนเพิ่งรู้จักกันเอง  ไม่ได้ซี้อะไรมากมาย  แต่จะว่าไปผมกับไอ้โหดก็เพิ่งรู้จักกันนะ  ไม่กี้วันมานี้เอง  แต่ทำไมมันทำเหมือนรู้จักกับผมมานานแล้วงั้นแหละ

   “เย็นนี้พวกนายจะทำไรกินกัน  วันนี้เราอาสาทำอาหารฟินแลนด์ให้พวกนายลองชิมสักอย่างนะ  Nac เคยกินอาหารฟินแลนด์มาก่อนหรือเปล่า  อร่อยนะ”  คร้าบบบ  ขวัญใจผมทำอะไรให้ทานก็อร่อย ทั้งน้านนนนนส์ แหละครับ

   “งั้นวันนี้เราจะทำอาหารเยอรมันให้ชิมเหมือนกัน  ส่วนนาย...Nac ทำอาหารไทยอีกจานแล้วกัน” มันออกคำสั่งผมอีกแล้ว  คนอาไร้สั่งๆ ลูกเดียว   สู้ขวัญใจผมก็ไม่ได้มีแต่เสนอตัวมาช่วย  ไม่บังคับเลย  น่าร้ากกกกกส์ ที่สุดเลย..

   สรุปว่าเย็นนี้เราเลยได้ลองอาหารนานาชาติครับ  ผมผัดหมูกับถั่วฝักยาวใส่เครื่องแกงเม็กซิโกลงไป  รสชาติพอจัดว่าเป็นผัดเผ็ดได้(สูตรนี้ได้มาตอนที่อยู่เยอรมันครับ  แบบว่าตอนแรกซื้อมาเดาๆ ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นไง  แต่พอลองแล้วพอทานได้เลยจำเอาไว้นะครับ)  โมนิคทำอะไรมาผมก็เรียกไม่ถูกหน้าตามันเหมือนเอาบอคเคอรี่มาอบกะชีสใส่หมูสับใส่เกลือ เนย  รสชาติประหลาดๆ  ส่วนของไอ้โหดเหรอครับ  ผมนึกว่าจะอลังการน่านฟ้าไทยที่ไหนได้  แค่เอาไส้กรอกเยอรมันหลายๆ แบบมาจี้กะกระทะร้อนๆ แล้วใส่จานทานกะมาสตาร์ด  ซอสมะเขือแล้วก็ผักกาดดอง(ซึ่งความจริงผมจะเอามาผัดกะไข่ครับ) เท่านั้นเอง  ไม่ได้เรื่องเลยว่าไหมครับ  มื้อนี้เราตบท้ายด้วยไอศกรีมเหมือนเดิม  ตอนทานข้าวผมแอบให้คะแนนพิศวาสโมนิคไปหลายแต้ม  ดูท่าทางผมอาจจะมีความหวังเล็กน้อยครับแต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า  ได้แต่แอบหวังอยู่ลึกๆ ส่วนไอ้โหดมันก็คอยแย่งผมพูดอยู่เรื่อย  ผมเลยไม่ค่อยได้พูดสักเท่าไหร่  ขัดลาภผมจริงๆ เลยไอ้นี้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2006 01:34:25 โดย oaw_eang »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #35 เมื่อ14-12-2006 16:50:13 »

23.20 น. ห้องนอน
   วันนี้ผมไม่อาบน้ำหรอกครับ  สังเกตจากสภาพความมันบนหัวแล้วยังพอทน  เอาไว้รวบยอดพรุ่งนี้ดีกว่า  อ้อ!  วันนี้ผมลืมซื้อครีมหมักผมมาอีกแล้ว  ไม่ไหวอยู่ที่นี่  ผมที่ว่าเสียอยู่แล้วยิ่งฟูกันไปใหญ่  ตอนที่พักกะโอ้ลองแอบใช้ครีมหมักผมมันดูก็เออนะดูดีขึ้น  เลยกะว่าจะลองซื้อหามาใช้ดูน่ะครับ

   “วันนี้ตอนกินข้าวเย็น  ท่าทางร่าเริงดีนะ”  มันส่งเสียงหอนอีกแล้วครับ

   “ทำไม?  ร่าเริงยังไง?” ผมหันไปมองมันเต็มๆ ตา

   “เปล่าก็เห็นคุยกะโมนิคตลอดเลย  คุยไปหัวเราะไป  ไง? ท่าทางจะชอบเขามากเลยสิท่า” มันนอนเอาศอกยันตัวมือค้ำหัวหันมาคุยกะผม

   “เฮ้ย! รู้ได้ไง  ก็เขานิสัยดีนิ  เลยคุยกันถูกคอ  ก็เท่านั้นเอง”  ผมไหวไหล่เลียนแบบท่าที่มันทำบ่อยๆ บ้างเผื่อจะได้ดูเป็นพวกเดียวกัน 

             ความจริงผมก็ไม่ได้คุยกับโมนิคสักทไร  มันนั้นแหละคุยมากกว่าผมอีก  เพียงแต่ตอนเขากับโมนิคนั้นหน้าผมมันคงบานมากไปหน่อย  ก็มันชื่นใจนี่ครับได้คุยกับคนที่เราพอใจ  แต่ผมไม่กล้าบอกมันหรอกครับว่าผมชอบโมนิคแบบไหน  กลัวมันจะหาเรื่องรังเกียจว่าผมเป็นเกย์  เพราะโอ้เคยบอกว่าคนเยอรมันบางคนก็ไม่ชอบเกย์เอามากๆ บางคนถึงขั้นรังเกียจอย่างรุนแรงมันอาจจะหาเรื่องต่อยเอาได้ครับ

   “ให้มันแน่เถอะ  ดูก็รู้นา  เวลาแกคุยกับเขาหน้าตาระรื่นเลย  คนเห็นใครก็รู้” เอะ! ไอ้นี้ทำมาฉลาดแอบจับสังเกตคนอื่น

   “ไม่ๆ “ ผมหละรีบปฏิเสธ “ก็แค่คนอยู่บ้านเดียวกัน ไม่ได้คิดไรมาก  แกนะคิดไปเอง”

   “งั้นก็แล้วไป” ท่าทางมันดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อผมหรอกครับ “ แล้วพรุ่งนี้จะไปไหนปะ  เดี๋ยวจะพาไป”

   “หา! “ ผมหูฝาดไปหรือเปล่าครับที่ว่ามันจะพาผมไป “แกว่าอะไรนะ”

   ‘ผัวะ’

“บอกว่าพรุ่งนี้อยากไปไหน  เดี๋ยวจะพาไป” มันบอกหลังจากเดินมาเบิ้ดกะโหลกผมไปอีกรอบนึง

“ไม่รู้ดิ  คงเดินรอบๆ เมืองนี่หละ  ไม่อยากไปไหนไกล”  ผมตอบพลางลูบหัวตัวเองพลาง

“เออ....  งั้นพรุ่งนี้สายๆ ค่อยออกไปแล้วกัน  วันเสาร์คนมีอะไรให้ดูบ้างอยู่หรอกนะ  แล้วนี้กำลังทำไรอยู่ละ” มันชะโงกมาดูหน้าคอมผม

“กำลังอ่านนิยายที่เพื่อนส่งมาน่ะ  ไม่มีไรหรอก”

“ไร้สาระ  โตจนป่านนี้แล้วยังอ่านนิยาย” อ้าว!  แล้วมันเกี่ยวไรกับแก หา?

“ก็ไม่มีไรทำนิ  ก็เลยอ่านเพลินๆ แก้เบื่อ” ผมว่า

“ทำไม?  อยู่กับฉันมันน่าเบื่อมากเลยหรือไง”  เอ๋!!!

“แล้วมันเกี่ยวไรกัน” ผมแย้งแบบหน้างงๆ เอ๋อๆ

“ไม่รู้  ไปนอนได้แล้ว  นั่งอ่านเปิดไฟอยู่ได้  คนอื่นจะนอนก็นอนไม่หลับหัดเกรงใจคนอื่นเสียบ้างสิ”

อ้อ! ที่แท้มันก็แค่จะหาเรื่องให้ปิดไฟปิดคอมนอนนะครับ  ทำมาเป็นพูดนั้นพูดนี้ เดี๋ยวปั้ดหลังแหวน  เคยเจอไหมน้องหลังแหวนนะหลังแหวน.... :3125:

11 March 2006
12. 56 น. บนเตียง
   หว่าๆๆ  ผมนอนตื่นสายขนาดนี้  ไม่รู้ว่าไอ้โหดมันจะว่าไรผมหรือเปล่านะ  เอ!  แล้วนี้มันหายศีรษะไปไหนแล้วละครับ 

เอ๋!!! แล้วนี้ผมนอนกลิ้งมาบนเตียงฟากมันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ  ผมก็งี้หหละครับ  นอนกลิ้ง  บางวันสมัยตอนเด็กๆ ผมเคยตื่นมันพบว่าตัวเองมานอนที่หน้าประตูห้องได้ไงก็ไม่รู้  แต่ว่าเรื่องนอนดิ้นนี้มันถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือเปล่านะ  เพราะว่าผมว่าผมนอนได้พิสดารแล้วนะแต่น้องสาวผมนะยิ่งกว่า สมัยเด็กๆ นอนด้วยกัน  ผมต้องสะดุ้งตื่นมาตอนดึกเพราะโดนนังน้องตัวดีเอาบาทามาฟาดปากผมเฉยเลย 

ส่วนไอ้หลานตัวอ้วนทั้งสองตัวมันก็ขยันกลิ้งไปทั่วห้องให้ผมที่ตื่นมาดูว่ามันกลิ้งไปซุกหัวที่มุมไหนของห้องแล้วต้องอุ้มกลับมานอนบนฟูกแล้วห่มผ้าตามเดิม  ครั้นจะให้มันนอนเตียงมันก็กลิ้งตกเตียงกันทั้งสองพี่น้องหรือไม่ก็หันสลับหัวสลับหางเอาบาทามาปะทะหนังหน้าผมอยู่เรื่อยๆ หรือไม่มันก็กลิ้งมาทับผมซะงั้น  ยิ่งไอ้ตัวเล็กมีการกรนแถมอีกตะหาก  ผมละเซ็งจริง

   “เฮ้! ตื่นแล้วหรอเตี้ย”  ผมเดินตามกลิ่นอะไรทะแม่งๆ เข้าไปในครัวก็เลยเห็นพี่แกกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่หน้าเตา  มือก็คนๆ อะไรก็ไม่รู้อยู่ในหม้อบนเตา

   “ทำไรอยู่นะ”  ผมเดินไปดูใกล้ๆ ท่าทางมันกำลังเรียนวิชาปรุงยากับศาสตรจารย์สแนปในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่แน่ๆ เลยครับ

   “อาหารเช้าแกไง อุ่นเป็นรอบที่สามแล้วนะเว้ย”

“หา! ไอ้หน้าตาแปลกๆ ในหม้อนั้นนะเหรอ” ใครจะกล้าไปกินครับ  หน้าตาแบบนั้นกินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

“เออดิ!  ทำไม  คนเขาอุตส่าห์ทำแกก็ต้องกินสิ” มันหันมาทำหน้าดุใส่ผมอีกแล้วครับ  โหดมากๆ ขอบอก  ความจริงหนังหน้ามันก็พอดูได้นะแม้ว่าจะเทียบไม่ติดกับขวัญใจผมก็เถอะ  แต่ก็ โอเค้! ผ่าน

มันรินซุปหน้าตาประหลาดนั้นมาวางตรงหน้าแล้วยืนกอดอกจ้องบังคับให้ผมกิน  พอผมถือช้อนแล้วเงยหน้าไปทำตาละห้อยขอคะแนนความสงสารจากมัน  ม้านนนนก็ยังพยักหน้าหงึกๆ ให้ผมอีก  แล้วเลื่อนถ้วยซุปให้เข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอีก  ผมจะทำไงได้ครับ นอกจาก....

เอ๋! รสชาติไม่เลวครับ  ไหนลองอีกครับซิ อืม...  ก็พอไหวนะ  ผมเลยหันไปมองหน้าคนทำที่ตอนนี้นั่งลงกอดอกบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผมเรียบร้อยแล้วครับ

“ไง? อร่อยใช่ไหม  โธ่! ฉันนะมันระดับไหมแล้ว  ฝีมือเห็นๆ” มันยกหางตัวเองทันทีเลยครับ  นี่ขนาดผมยังไม่ทันพูดอะไรออกมาสักคำเลยนะ  ผมละสงสัยถ้าผมตดออกมาเป็นเสียง ปุ๋ง! มันยังจะหาว่าผมตดชมมันหรือเปล่านะ?

“ก็พอกลืนลงนะ”

‘ผัวะ!!!’   มันเอือมมือมาตบหัวผมจนคะมำอีกแล้วครับ แง T.T

“ทำให้กินแล้วยังเรื่องมากอีก  รีบๆ กินเข้าไปซะ  แล้วจะได้ออกไปข้างนอกเสียที”  มันโวยวายแล้วเดินหนีออกไปเลย  อันที่จริงผมว่าที่รสชาติมันพอทานได้เพราะมันเป็นซุปสำเร็จรูปจากซองไง  ลองให้มันทำเองดูดิ  รับรองไม่มีทางกระเดือกลงแน่ๆ เชื่อผมสิ

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #36 เมื่อ14-12-2006 17:03:32 »

อิอิ คับตามอ่านอยู่คับ

ต่อโลด  :impress:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #37 เมื่อ15-12-2006 09:30:50 »

สนุกดี  :impress: รออ่านอยู่ค่า

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #38 เมื่อ15-12-2006 17:47:40 »

15.24 น. หน้าร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่
   ผมกำลังเดินถอยหลังไปดูป้านหน้าร้านที่เขียนเวลาเปิดปิดเอาไว้ครับ  เออ! พรุ่งนี้ก็เปิดเนอะ  ดีจังร้านนี้เปิดวันอาทิตย์ด้วยครับแต่เปิดเที่ยงปิดสองทุ่ม  ส่วนทุกวันเปิดสิบโมงเช้าถึงเที่ยงคืน  แต่ไม่ยักกะเขียนราค่าชั่วโมงเอาไว้แหะ  ไมเป็นไรพรุ่งนี้มาเล่นก็รู้เองหละ  ก็ผมมีนัดแชทกับเพื่อนที่เมืองไทยนี้ครับ

   “ทำไมอยากเข้าไปงั้นหรอ”  มันเดินย้อนกลับมาถามเพราะว่าเมื่อกี้มันเดินนำหน้าผมไปแล้ว

   “อืม  แต่ว่าจะมาวันพรุ่งนี้”

   “ทำไม”

   “ก็ไม่ทำไม  นัดกับคนสำคัญที่เมืองไทยเอาไว้ว่าจะแชทคุยกัน”

   “ใคร?  แฟนหรือ?”

   “อืม...จะเรียกว่างั้นก็ได้นะ” พอผมตอบเสร็จมันก็เดินหนีไปเลยครับ  ผมต้องวิ่งกวดตามมันไป

   พอกลับมาถึงบ้านมันก็เข้าห้องหนีหายไปเลย  ไปนั่งกดรีโมตเปลี่ยนช่องทีวีดูน่าโหดอยู่โน้นแน่ะครับ  ขนาดหน้ามันตอนธรรมดาก็โหดพอแรงอยู่แล้ว  นี้ยิ่งทำหน้าหยิกเข้าไปอีกก็ยิ่งน่าหวาดหวั่นกันไปใหญ่  ผมเลยเข้าไปถอดเสื้อกันหนาวออกแล้วเลี่ยงไปเข้าครัวแทนดีกว่า  เอ! แต่ว่าวันนี้ขวัญใจผมไปไหนนะ  ไม่ยักกะอยู่บ้าน  หรือว่าจะอยู่ข้างบน  แต่ไม่ได้ยินเสียงคนเดินเลยนี่  ว่าแล้วก็อย่ามัวสงสัยอยู่เลยครับเดินขนไปสำรวจข้างบนดีกว่า  ผมเองก็ยังไม่เคยขึ้นไปเลย

   ‘ย่อง ย่อง ย่องแล้วก็ย่อง’ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องย่อง  เหมือนจะมาขโมยอะไรเขาเลยครับทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดจะขโมยแค่จะขึ้นมาดูเฉยๆ  แต่อย่างว่าชั้นบนนี้มันไม่ใช่อาณาเขตผมเพราะว่าทุกอย่างของห้องผมอยู่ชั้นล่างหมด  อ้อ! ยกเว้นเวลาจะมารีดผ้า  งั้นก็ไม่ต้องย่องแล้ว  เดินมันธรรมดาๆ นี่แหละ  ทำว่ามาดูเครื่องซักผ้าไงครับ 

   เอ๋! ประตูห้องสามแง้มอยู่ด้วยครับ  ห้องขวัญใจผมเองละครับมีใครอยู่หรือเปล่านะ  ได้การหละ  วิญญาณไอ้โรคจิตเข้าสิงสู่  เราไปแอบดูห้องขวัญใจผมกันดีกว่าว่าจะเป็นยังไง  อยากเห็นนี่ครับว่าขวัญใจผมจะมีห้องแบบไหนกันนะ  ว่าแล้วก็ย่อง(เอาอีกแล้ว! แต่คราวนี้ผมย่องอย่างมีเหตุผลนะ) เข้าไปใกล้ๆ แล้วจัดการแนบตาซ้ายลงกะช่องประตูทันที่เลยครับ

   มีโต๊ะทำงานเหมือนห้องผมเลยแต่เล็กกว่า  มีคอมอยู่บนนั้นด้วย  รุ่นไหนยี่ห้อไหนไม่รู้มองไม่ถนัด  อืม! ส่วนเครื่องเรือนอื่นๆ ก็จัดได้น่ารักดี  แต่ว่าทำไมห้องมันเรียบร้อยจังวะ  เรียบร้อยกว่าห้องผมอีก  แต่จะว่าผมไม่ได้นะก็ไอ้โหดมันเป็นคนวางของมั่วเอง  ผมแค่วางตามอย่างมันมั่งเท่านั้นเองครับ  ปวดตาจังมองไม่ถนัดเลยย้ายมาตาขวาดีกว่า  อะ! เห็นขาคนด้วยครับ  มีขนสีทองเต็มเลย  แต่ว่าทำไมมันใกล้จัง  ผิวข้าวขาว  ตามประสาคนยุโรป  แต่ว่ามองอย่างอื่นไม่เห็นเลย  ลองลื่นขึ้นไปสูงๆ อีกดีกว่า  อ้า! เห็นหัวเข่าด้วยครับ  อ่ะๆ ตรงนี้เนียนกว่าเมื่อกี้อีก สงสัยจะเป็นต้นขา  แล้วนี้อะไรท่าทางจะเป็น กกน. นะผมว่า  สีน้ำเงินด้วย  เชยจัง!  ใส่สีน้ำเงิน  ไม่ชอบเลยวันหลังต้องจับเปลี่ยน  สีขาว  เทา  หรือดำยังโสภากว่าซะอีก โอ้โห  เห็นไอ้นั้นด้วยครับ  ใหญ่มากๆ เลย  นี้ขนาดยังไม่ตื่นตัวนะถ้าตื่นแล้วมันจะขนาดไหนวะ  ตื่นตัว?  นั้นดิ! ยังไม่ตื่นแล้วทำไมมันใหญ่จัง   :haun6:

เรากำลังแอบมองแบบนี้มันน่าจะเห็นไกลๆ หน่อยนะ  ทำไมมันใกล้จังวะ  หรือว่าเราจะตาดีเป็นพิเศษกับเรื่องแบบนี้  ลองเปลี่ยนดูตาซ้ายดิ  เออ! มันก็ยังเห็นชัดนะ  เลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ ดีกว่า  อ้าส์! ผ่านสะดือด้วย x มากขอบอก อิอิ  อืม...หนวดเครา จมูก  ลูกกะตา  เอ๋!  มันจ้องตอบผมมาด้วยอะครับ   :confuse:

 :sad5:ว้ากกกกกกกส์!!!!!  อกอีแป้นแล่นเข้าตึกแขกแหกออกมาห้องฝรั่ง

   “ไง? มีธุระอะไรหรอ Nac “ เจ้าของไอ้นั้นอัน หย่ายยยยยส์  เปิดประตูออกให้กว้างขึ้นแล้วยืนเท้าสะเอวพิงกรอบประตูถามผมยิ้มๆ

   “ :sad4: อะ....อะ....มะ.....”  ผมติดอ่างในบัดดล

   “หืม!  ว่าไงนะ  มีอะไรหรือเปล่า”

   “ปะ.....เปล่า  เราจะขึ้นมาขอใช้เน็ตห้องนายนะ  แต่ไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป  เลยแอบดูก่อนว่านายอยู่หรือเปล่า” ผมหาเรื่อวแก้ตัวสุดชีวิต  ทำไมหน้ามันร้อนๆ หว่า   :try2:

   “หรอ?  ได้!  เข้ามาสิ”  ผมก็ต้องเดินตัวลีบเข้าไปเมือเจ้าของห้องเปิดประตูแล้วเดินนำเข้าหายไปในห้องก่อน

   “นายนั่งตรงนี้ก่อนนะ  เดี๋ยวผมเข้าเน็ตให้” ผมเลยหย่อนก้นแปะลงบนโซฟาตัวเดียวในห้อง  นั่งใจเต้นตึกๆ ยังระทึกไม่หายเลยครับ  ไม่นึกว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้

   “อะ! มานี้เลย Nac  นายจะเข้าเช็คเมลล์ปะ  นายใช้ของอะไรละ”  โมนิคลุกออกจากเก้าอี้แล้วพยักหน้าให้ผมไปนั่งแทน  แต่ก็ยังไม่ไปไหนยืนเท้าแขนข้างเดียวคร่อมผมอยู่นั้นแหละ

   “เออ.... ของ yahoo นะ“ ผมตอบเสียงสั่นๆ เพราะยังระทึกไม่หาย  ได้ยินเสียงเขาหัวเราะฮึๆ ในลำคอด้วยครับ  แล้วเขาก็ยื่นมือข้างที่ยังว่างมาพิมพ์แล้วคลิกหน้าจอให้ผม  เฉียดหน้าไปผมนิ้ดดดส์เดียวจริงๆ ครับ  ถ้าผมไม่เบี่ยงหลบนะได้โดนหนังหน้าเหี่ยวๆ ของผมแน่

   “เอาละเชิญตามสบายเลย  ผมไม่กวนแล้ว  ใช้เสร็จแล้วบอกผมนะ  เดี๋ยวผมกะว่าจะเข้าใช้ต่อสักหน่อย”  ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วทำเนียนเช็คเมลล์ไป  ส่วนโมนิคก็ไปนอนแผ่อยู่บนเตียง  ทำไมไม่รู้จักใส่เสื้อผ้านะ?  พวกฝรั่งนี้ก็แปลกครับตอนอยู่นอกบ้านก็ห่อกันซะสามชั้นสี่ชั้นพอเข้ามาในบ้านก็ถอดมันออกหมดซะงั้น  อย่างเมทผมตอนที่พักที่ฝรั่งเศสก็เหมือนกันตอนแรกก็หล่อหุ่นดี  แต่พอถอดออกหมดแล้วเหลือแต่ก้าง  แต่กระนั้นก็ไม่ยักกะหนาวดันใส่แต่บ๊อกซ์เซอร์ตัวเดียวเวลานอน  พอตื่นขึ้นมาก็เดินแก่วง.....ไปทั่วห้องก่อนจะได้ฤกษ์ใส่เสื้อใส่ผ้า  รายนี้ก็เหมือนกันล่อแต่ กกน. ตัวเดียวใส่นอน  เห้อ! ผมละอายแทนจริงๆ
................................................................................

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #39 เมื่อ15-12-2006 18:37:15 »

กำลังมัน ชอบๆได้บรรยากาศมากๆ
 :3061:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [บันทึกรัก Leiden]
« ตอบ #39 เมื่อ: 15-12-2006 18:37:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #40 เมื่อ15-12-2006 21:13:05 »

 :kikkik: :haun5:

คับเปล่าคิดอะไรทะลึ่งนะ :-[

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #41 เมื่อ16-12-2006 07:32:12 »


แง  ป่วยอะ  ไม่ฉะบาย  หวัดเล่นงาน

แง  ตูคิดถึงมรึงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  ได้ยินไหม  ไอ้เวร
................................................

   “เอ่อ! เสร็จแล้ว โมนิค  ขอบใจมากนะ” 

   “..........” ไร้สรรพเสียงใดๆ จากขวัญใจผม

   “โมนิค” ผมเรียกก่อนจะลุกไปดูใกล้ๆ....  ท่าจะหลับครับ  แต่ว่าผมเช็คเมลล์แป๊บเดียวไม่น่าจะหลับได้นะ  แล้วผมจะทำไงต่อดีครับ  ลักหลับเลยดีไหม  ดีเหรอ?  จะได้โดนถีบเปรี้ยงติดข้างฝ่านะสิ  แนะนำไอ้ที่มันดีๆ หน่อยสิครับ

   “โมนิค” ผมเรียกอีกที  ไม่ยักตื่นแหะ  คนอาไร้  หล่อก็หล่อ  หุ่นก็ดี  ไม่ใหญ่ยักษ์อย่างไอ้พวกฝรั่งที่มาจีบผมตอนอยู่ที่เยอรมัน  เรียกว่ากำลังพอดีคำเลยครับ  น่ากินจริงๆ อิอิ  กินได้ไหมนะ

   “โมนิค…” ผมเรียกรอบสาม  คราวนี้เอื้อมมือไปเขย่าเบาๆ ด้วย  ถือโอกาสแต๊ะอั๋งไปในตัวด้วยครับ

   “.......” เงียบ

   “โม...นิ...”

   “แบ๊!!!!!!!!!!!”

   “ :sad5: แว้กกกกกกส์ เฮ้ยๆๆ!”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ  ตกใจมากเลยหรอ ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้(ขอเรียกว่าไอ้หน่อยนะตอนนี้) ไอ้โมนิคมันหัวเราะชอบใจใหญ่เลยครับที่แกล้งผมได้

   “ตกใจหมดเลย  นึกว่าหลับอยู่ ที่ไหนได้...  เราใช้คอมเสร็จแล้ว  นายไปใช้ต่อสิ  ขอบใจนะ  ไปแล้ว” อารามตกใจพอรู้ว่าโดนหลอกเลยพาลอารมณ์เสียนิดๆ รีบออกมาเลยครับ
................................................................................

   “ทำไรกันอะเมื่อกี้  เสียงดังเชียว”  มาแล้วครับหัวหน้าสัมภาษณ์งาน 

   “..........”

   “ถามแล้วทำไมไม่ตอบ  หา...”

“ไม่มีไรหรอก  ไม่ต้องไปสนใจ” มันอยากรู้ไปหาพระแสงดาบคาบค่ายอะไรของมัน  คนยิ่งอารมณ์บ่จอยอยู่ด้วย

   “เออ!  ไม่บอกก็ตามใจ  แต่ขอบอกเลยนะว่าคราวหน้าคราวหลังจะเล่นอะไรกันก็ให้มันเบาๆ หน่อย  คนอื่นเขากำลังดูทีวีอยู่  ส่งเสียงดังรบกวนอยู่ได้น่ารำคาญ ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ไม่เคยมีใครบอกหรือไง  หัดเกรงใจคนอื่นเขาเสียบ้างก็ดีนะ”  มันร่ายยาวมาเชียวครับ

   “ทำไม?  ทำไมจะทำไม่ได้  มันยังไม่สี่ทุ่มเลย  ทำไมจะส่งเสียงดังไม่ได้”  เรื่องไรผมจะยอมฟังมันครับ  มันนะดีแต่สั่งๆ ผมก็ฉุนดิ

   “อ้อ! เถียงหรอ?” มันขว้างรีโมตใส่เบาะแล้วลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับผม

   “เออ!  แล้วจะทำไม  ฉันก็จ่ายค่าที่พักห้องนี้เหมือนกัน  ใช่แกจ่ายคนเดียวซะที่ไหน  ทำไมฉันจะส่งเสียงดังไม่ได้วะ”   

   ‘ผัวะ’ คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเสียงอะไร

   “นี่แกตบหัวฉันอีกแล้วนะ”  :pigangry2:

   “เออ...  จะทำไมวะ” ว่าแล้วมันก็ ‘ผัวะ’ ผมอีกรอบ

   ‘ผลั๊ก’ ผมเอาหัวโขกหน้ามันเลยครับ  แต่ว่ามันเอามือกันไว้เลยโดนไม่แรงเท่าไหร่  เร็วเท่าใจนึกมันสวนกลับมาทันทีเลยครับ

   ‘ผลั๊ก’  คราวนี้ผมโดนเต็มๆ

   “ไอ้!!  ไอ้!! มึงต่อยกูหรอ  ตายซะเถอะมึง”  ว่าแล้วผมก็กระโจนใส่มันเลยครับ  ตัวใหญ่กว่าก็ไม่สนแล้วครับ  แมร่ง! ตบหัวกรูหลายรอบแล้วมึง  วันนี้เป็นได้เห็นดีกัน...  พอผมโดดเข้าใส่ทั้งมันทั้งผมก็ล้มลงบนโซฟาครับ  ฟัดกันไปฟัดกันมา  กะว่าจะแลกหมัดดุ้นๆ กะมัน  แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางฟัดกันนัวกันมากกว่า  แล้วก็กลิ้งลงไปโดนโต๊ะกระจกหน้าทีวี 

‘เพล้ง’ เสียงกระจกตกลงกระทบพื้น  แต่ดีครับไม่แตก  ผมกะมันหันไปดูพร้อมๆ กัน  แต่ผมได้สติก่อนเลยหันมาจัดการมันต่อ  คราวนี้บีบคอมันแน่นเลยครับ  มันก็ดิ้นๆๆ จะแกะมือผมออก  ไม่มีทางหรอกมรึง  ตายเสียเถอะ (ตอนนั้นคิดอย่างนี้จริงๆ นะครับ  สงสัยเก็บกดมานาน  โดนมันเบิ้ดกะโหลกจนสมองกลับ  เลยกล้าทำเรื่องแบบนี้ทั้งๆ ที่ความจริงผมไม่กล้ามีเรื่องกับใครเลย เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง)

‘ตุ้บ’ มันเตะผมจนกระเด็นกลิ้งคะมำข้ามหัวมันไปข้างหน้า  แล้วมันก็ตามมาคว้าคอผม  เงื้อมมือจะกำลังจะชกลงมา  ผมหลับตาปี้เลยครับ  คราวนี้คนที่ตายคงเป็นผมแน่ๆ

เอ๋!!  ทำไมมันนานจังวะ  ไม่ต่อยกรูแล้วหรอไงวะ  ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองมันข้างเดียว  เห็นมันเงื้อมมัดค้างอยู่อย่างนั้นแหละครับ  แต่ว่าหน้ามันโหดมาก  นี่! ผมคิดถูกหรือเปล่านะที่ไปมีเรื่องกับมัน

‘แปะๆๆ’ มันเอาสันหมัดเคาะลงบนหน้าผมสามที  แล้ววางกดลงแรงๆ  จนหน้าผมจะบี้แหลกติดไปกับพื้นอยู่แล้ว

“หัดจำใส่กะโหลกเอาไว้ซะ  ทีหลังอย่าหัดมาเถียงฉันอีก  ถ้าไม่อยากเจ็บตัว  ไอ้หนู”  แล้วมันจัดการเบิ้ดกะโหลกผมอีกทีหนึ่งก่อนลุกขึ้นถอยไปยืนจังก้าเช็ดเลือดปากอยู่ใกล้ๆ  แต่ยังไม่วายจ้องผมจนตาจะทะลุ

สภาพผมเป็นไงหรอครับหรอครับ  เจ็บตา  เจ็บจมูก  เจ็บปาก เจ็บไปสารพัด  ไม่รู้ว่าโดนเอาตอนไหนมั่ง  ดีว่าตอนที่มันลุกแยกไปไม่ยกทีนเตะผมที่ยังนอนหมอบอยู่กับพื้นอีกรอบไม่งั้นผมไม่มีแรงทำไรต่อแน่เลยครับ... 

คิดแล้วก็แค้นน้ำตาจะไหล  เกิดมาไม่เคยมีใครมารังแกขนาดนี้มาก่อนเลย  สมัยก่อนเวลาจะมีเรื่องกับใครพวกเพื่อนผู้ชายมันก็ออกหน้าแทนให้ตลอดจนไม่มีใครที่โรงเรียนกล้าแหยม  พอมาเรียนมหาลัยก็ไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะกับใครมากนักอย่างมากก็เล่นสงครามเย็นกันมากกว่า 

แต่พอมานี่...โดนตลอดเลย  จนวันนี้รุนแรงสุด  โดนจนลงมากองอยู่กับพื้นอย่างนี้  มันแค้นใจจริงๆ เลยครับ  กลัวก็กลัวจนตัวสั่นเลย  ควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้อีกแล้ว  ทำไมผมชอบเป็นอย่างนี้นะเวลาเห็นใครทะเลาะตีกันแรงๆ หรือว่าเวลาเสียใจมากๆ  อย่างคราวก่อนตอนอกหักจากรักครั้งแรก  ยังเป็นจนต้องส่งโรงพยาบาลเลย  แต่คราวนี้ผมก็ไม่อยากร้องให้มันเห็นหรอกนะครับ  แต่ว่ามันห้ามไม่ไหวแล้วจริงๆ  :monkeysad2:  ยิ่งอั้นน้ำตามันก็ยิ่งไหล  ผมนั่งร้องตัวสั่นอยู่ตรงพื้นนี้แหละครับ  อ่อนแอไม่เอาไหนจริงๆ  เล้ย  ผมนี่!  ว่าไหมครับ? ฮื่อๆ  :monkeycry2:

“เฮ้ย! เตี้ย  เป็นไรวะ  เตี้ยๆๆ”

“ออกไปเลยมรึง  ไม่ต้องมายุ่งกับกรู”  ผมผลักมันที่เข้ามานั่งจับไหล่ที่สั่นของผมล้มลง

“เฮ้ย! ไม่เอานะเตี้ย  เป็นไรมากเปล่า  เฮ้ย! เราไม่ได้ตั้งใจนะโว้ย  อย่าเป็นไรนะ  เฮ้ยๆ เราขอโทษเว้ย” มันยิ่งตกใจปลอบผมใหญ่เลย  ยิ่งมันปลอบผมก็ยิ่งร้องไห้  คราวนี้น้ำมูกแถมมาด้วย

   ผมก็ไม่รู้จะพูดว่าไง  ไอ้ที่สั่นนี้ก็ไม่ได้แกล้งทำ  ไม่เชื่อไปถามน้องสาวหรือว่ารูมเมทผมสมัยเรียนก็ได้ว่าผมเป็นอย่างนี้จริงๆ  ผมก็ได้แต่นั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้ต่อไปก็เท่านั้น  เจ็บตัวไม่เท่าไหร่  แต่เจ็บใจมากกว่า  ทำไมผมมันอ่อนแออย่างนี้วะ  รู้งี้ไปเรียนศิลปะป้องกันตัวดีกว่าเผื่อมันจะได้ลดอาการใจเสาะอย่างนี้ลงเสียบ้าง  ตัวก็โตอย่างกะควายแต่ไม่เอาไหนเลยชกต่อยอย่างนี้

   “เฮ้ย! เตี้ย  เราขอโทษจริงๆ ก็นายเอาหัวมาโขกเราก่อนทำไมวะ  แล้วยังทำหน้ากวนโมโหอีก  นะนะ เตี้ย  เราขอโทษ  คราวหน้าจะไม่ทำอีกแรง”  มันเข้ามากอดปลอบผมเหมือนปลอบเด็กๆ น่ะครับ  น้องสาวผมก็ทำอย่างนี้แหละเมื่อตอนที่ผมมีอาการตอนเห็นคนเอาไม้หน้าสามรุมตีกันจนหัวแบะเลือดสาดกระจายนองพื้นในระยะใกล้ๆ ประชิดตัว  แต่น้องสาวมันบอกว่า ’โอ๋ๆ ไม่มีไรแล้วนะ  นิ่งเสียๆ หายแล้วๆ’ ประมาณนั้น
   ................................................................................

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #42 เมื่อ16-12-2006 10:15:53 »

 :try2:   :-[   :impress:




PS. หายไวๆ นะ คุณ  oaw_eang

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #43 เมื่อ16-12-2006 16:42:13 »

:try2:   :-[   :impress:




PS. หายไวๆ นะ คุณ  oaw_eang

อืมครับ  ทานยาแล้วค่อยยังชั่วขึ้น

แต่ว่าง่วงมากๆ  งานการก็ไม่ค่อยได้ทำมัวแต่นั่งซับน้ำมูกใสๆ ที่ไหลเหมือนเปิดน้ำก๊อก

ปล. เมื่อไหร่หิมะจะตกลงมาอีกครั้ง  ว้าวเพราะจัง  น่าเอาไปตั้งชื่อนิยาย

แล้วคุยกันอีกนะ ลูซิเฟ่อ

hardytoon

  • บุคคลทั่วไป
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #44 เมื่อ17-12-2006 00:52:23 »

ตอนหลังๆอกแนวฮาๆดี

ปล.ไม่มีรูปลงแล้วหรอคับคุณoaw_eang   แบบว่าชอบดูรูปอ่ะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #45 เมื่อ17-12-2006 01:07:16 »

................................................................................
--.—น.  บนโซฟาหน้าทีวีในห้อง

   “เตี้ย...  กินหน่อยนะ  เราทำเอง  เราพยายามชิมแล้วแต่ไม่รู้ว่าอร่อยหรือเปล่า  ทำไมมันไม่เหมือนที่เตี้ยทำก็ไม่รู้  วันนั้นอาหร้อยอร่อย  วันนี้เราเลยลองทำ  เตี้ยกินหน่อยนะ”  มันเอาผัดผักหน้าตาแปลกๆ ฝีมือมันมาขยั้นคะยอให้ผมกิน  แต่ใครจะไปกินลงครับ  ตาเจ็บ ปากเจ็บ  จมูกเจ็บ  แล้วใจเจ็บอย่างนี้

   “..........”

   “ตามใจ  ไม่กินก็ไม่กิน  ขี้เกียจตื้อแล้วเว้ย  ไม่ใช่ความผิดตัวเองซะหน่อย”

   “..........”

   “ตกลงแกจะเอาไงกับฉันวะ  เดี่ยวปั้ด....” มันชะงักมือที่กำลังจะตบลงมาบนหัวผมเมื่อผมหันขวับไปจ้องหน้ามัน  “ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ  ช่วยไม่ได้  แกกวนทีนฉันเองนี่หว่าช่วยไม่ได้”

   “กรูไปกวนมรึงตอนไหน  มีแต่มรึงนั้นแหละ  ตบหัวกรูเอาตบหัวกรูเอา” เหลืออดจริงๆ แล้วครับ  ผมเลยหันไปตวาดมัน

   “ตบที่ไหน สะกิดเฉยๆ” มันแก้ตัวหน้าด้านๆ เลยครับ สะกิดบ้านพระบิดามันซิครับ  ล่อซะหัวทิ่ม

   “........” ผมได้แต่กลั้นอารมณ์โมโหที่เริ่มวิ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ อีกแล้วครับเลยลุกเดินไปนอนหันหลังให้มันบนเตียง  ก็ไม่รู้จะไปได้แล้วนี้ครับ  ข้างนอกก็หนาวซ้า  เห็นข่าวในทีวีบอกว่าวันนี้แค่ 4 องศาเองครับ

   “เอาละ!  ไม่กวนใจแล้ว  ถ้าหิวก็กินซะนะ  จะวางไว้ตรงนี้แหละ  แล้วจะเอาไรไหมจะไปข้างนอก เดี๋ยวมา” มันบอกตอนกำลังผลักประตูห้องจะก้าวออกไป

   “..........”

   “เออ..  ตามใจ  งั้นเดี๋ยวมาอย่าล็อคห้องนะบอกไว้ก่อน  ไม่งั้นมีเรื่องอีกแน่”

   ผมนอนฟังเสียงปิดประตูและเสียงย้ำเท้าออกจากบ้านไปของมัน

22.03 น.  บนเตียงนั้นแหละครับ

   “เอ้า! ทาซะ”

   “.........”

   “รู้นะว่ายังไม่หลับ”  มันจับบ่าผมพลิกตัวมาหามันที่ยืนอยู่หน้าเตียง ได้กลิ่นบุหรี่เหม็นหึ่งจากตัวมันเลยครับ  สงสัยไปหมักบุหรี่ที่บาร์ไหนมาแน่ๆ เลย  ดี!  สูบมากๆ จะได้ตายไวๆ ตายไปซะเลยได้ยิ่งดี 

   “นี่!  ยา  ทาซะ  พรุ่งนี้จะได้ไม่เจ็บมาก” มันว่าพร้อมยัดเยียดหลอดยาใส่มือผม

   “.........”

   “บอกว่านี่ไงยาไม่เห็นหรอ”  มันเขย่ามือผมแรงๆ

   ‘ป้าบ’ ผมฉวยหลอดยาจากมือมันได้ขว้างไปโดนข้างฝาผนังเลยครับ

   “เอะ! ไอ้เตี้ยเวรนี่  คนเขาอุตส่าห์ไปซื้อมาให้ยังมาเขวี้ยงทิ้งอีก  เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”  มันบ่นโมโหตอนเดินไปหยิบหลอดยาที่ผมขว้างทิ้งส่งเดชไม่สนใจไป

   “หันมานี่เดะ” มันจับหัวผมบิดมาหามันที่นั่งลงบนขอบเตียงด้านข้างที่ผมนอน  แล้วป้ายกดยาลงแรงๆ บนรอยหมัดมันเองที่ทิ้งรอยไว้เมื่อกลางวัน

   “โอ้ย! มรึงจะทำไรกรูอีกวะ”

   “ก็กำลังทายาอยู่นี้ไง  อย่าทำสำออยไปหน่อยเลยนา  เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก”  ผมก็พยายามดิ้นสะบัดหน้าไปมา  หลีกไม่ยอมให้มันทายาให้  เกลียดจริงๆ ไอ้พวกที่ชอบตบหัวแล้วทายาที่หน้าอย่างมันเนี้ย

   “เอาๆ  ดิ้นเข้าไป  ไม่ทามันแล้วเว้ย  ทาเอาเองแล้วกัน”  แล้วมันก็วางหลอดยาทิ้งไว้ที่ข้างๆ ผมก่อนลุกไปล้างมือในห้องน้ำแล้วถอดเสื้อผ้าปีนขึ้นเตียงมานอน  ผมรีบนอนหันหลังให้มันทันที  คนบรมเลวอย่างมันใครอยากจะไปเห็นหน้าใช่ไหมครับ

   “เฮ้อ!!!....”  ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจก่อนปิดสวิตช์ไฟหัวเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนแรงๆ แล้วเงียบไป

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #46 เมื่อ17-12-2006 01:21:21 »

12 Mar. 2006

10.56 น. บนเตียงเดิมๆ

   ผมเพิ่งตื่นครับ  วันนี้วันอาทิตย์เสียด้วยกะว่าจะเดินออกไปถ่ายรูปมุมสวยๆ ในเมืองเสียหน่อย  แต่ว่าจะไปได้ยังไงครับหน้าเยินแบบนี้  เพราะไอ้นั้นคนเดียวแท้ๆ ผมเลยต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน(ส่วนใหญ่ในห้องมากกว่า)ทั้งวัน  ทั้งๆ ที่วันนี้วันอาทิตย์ทั้งที  ส่วนมันหรอครับ  จะไปถามถึงมันทำไมกันให้เสียแรงเปล่า  ไม่รู้หายหัวไปไหนแล้วครับ  ช่างมันเถอะ! ไม่อยากไปสนใจ  ลุกขั้นไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาดีกว่า  ไม่ได้สัมผัสน้ำมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวน้องหนูผมมันจะประท้วงโดยการคันเสียก่อน  :yeb:

   “เฮ้! หวัดดี Nac ทำไรอยู่อะ” โมนิคเข้ามาในครัวเงียบๆ แล้วทักผมเสียงดังเสียจนผมสะดุ้งเกือบทำกระทะหลุดมือ “ขวัญอ่อนจังนะ  ทักแค่นี้ทำตกใจไปได้ ฮ่าๆๆ”

   “..........” ผมไม่กล้าหันหน้าไปทักทายตอบได้แต่ยืนดูน้ำมันในกระทะที่กำลังร้อนขึ้นทุกทีๆ

   “ทำไมไม่พูดอะไรบ้างละ” โมนิคชะโงกหน้ามาคุยกับผมตอนเขยิบเข้ามายืนข้างๆ ด้วยกัน “นั้นหน้านายไปโดนอะไรมา”  ผมอยากจะตอบเหมือนในละครจังเลยครับว่า ‘หกล้ม’ แล้วมันจะฟังดูเข้าท่าไหมนะ?

   “เราเดินชนประตูนะ” ผมหวังว่าคำตอบนี้มันน่าจะดูดีกว่าหกล้ม  คุณคิดอย่างนี้ไหมครับ?

   “ชนประตู  ประตูไหน?” โมนิคทำหน้างงๆ แล้วเหลียวหันดูประตู

   “ประตูห้องนอนนะ  ช่างมันเถอะ! ว่าแต่นายไปไหนมา”

   “ผมออกไปธุระมานิดหน่อย  หิวข้าวเลยกลับมาหาไรกินที่นี่  ข้างนอกร้านปิดหมดเลย”  จริงซิ! ที่นี่คงเหมือนที่อื่นๆ ร้านค้าต่างๆ มักจะปิดในวันอาทิตย์เสมอ  เหตุผลหรือครับ?  มีคนบอกว่าพระเจ้าทำงานแค่ 6 วันดังนั้นมนุษย์ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำงานทั้ง 7 วันนิ

   “งั้นทานด้วยกันไหม?  หรือว่าเข็ดอาหารไทยแล้ว”

   “ไม่หรอก...อร่อยดีออก” ผมละโคตรปลื้มเลยครับ ยิ้มจนลืมเจ็บปาก “งั้น...วันนี้นายทำให้ผมทานอีกนะ  แล้วเมื่อกี้นายกำลังจะทำอะไรหรอ?” โมนิคหันมามองไข่ที่ผมกำลังจะตอกลงกระทะ

   “ไข่ดาวนะ  แต่ถ้านายกินด้วยคงไม่พอ  เอางี้...เดี๋ยวเราทำยำไข่ดาวให้นายลองชิม  นายทานรสจัดไหมละ”

   “จัดมากไหมละ  ถ้าไม่มากนะก็พอไหว  ลองดูก็ได้”

   “อืม....  แล้วจะลดความเผ็ดลงนะ”

   “หาใส่พริกด้วยหรอ  ใส่ทำไหม?  ไหนว่าทำสลัด”  เมื่อกี้ผมบอกว่าสลัดไข่ดาวแบบไทยไปอะครับ  ไม่รู้ว่า ’ยำ’ ภาษาอังกฤษเรียกว่าไง

   “เออน่า!  รับรองไม่เผ็ด  นายกินได้แล้วกัน”  ผมเลยจัดการหุงข้าวเพิ่มทั้งที่ตอนแรกกะจะอุ่นข้าวที่เหลือๆ ทาน แต่ความจริงมันก็เหลือไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ  เพราะว่าไอ้โหดมันกินไปเสียเยอะเลย  ชอบกินข้าวผิดนิสัยฝรั่งทั่วไปจริงไอ้นี้
................................................................................

   “ไง?  พอทานได้ไหม”

   “อืม! แปลกดีนะ  ไม่เคยกินมาก่อนเลย  คนไทยเก่งจัง! คิดได้ไง”  อ๊ะ! ของมันแน่อยู่แล้วครับพี่  คนไทยเราน่ะเรื่องประยุกต์นี่ขอให้บอกสามารถอยู่แล้ว  แต่เดี๋ยว! ตอนแรกที่นายบอกว่าแปลกนะมันแปลว่าไงหรอ?

   “อืม! แต่ว่าถ้าเครื่องปรุงครบจะอร่อยกว่านี้”

“สลัดของคนไทยใส่เครื่องปรุงแบบนี้ทุกอย่างเลยหรอ”  ขวัญใจผมทำหน้าสงสัย

“อืม!  นี่ยังขาดอีกหลายอย่างเลยนะ  ถ้าจะให้ครบจริงๆ ก็ต้องใส่มากกว่านี้”

“โห!  ยุ่งยากจัง  แต่ว่าวันหลังนายทำให้ผมทานอีกนะ  ผมชักชอบอาหารไทยแล้วสิ” พูดเสร็จก็ยิ้มหน้าหล่อใส่ตาผมซะงั้น  ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ คร้าบบบบ คุณพี่โมนิค  แค่นายมาเคาะประตูบอกว่าอยากให้ผมลุกขึ้นมาทำอะไรให้นายทาน  ขี้คร้านผมจะรีบกระเด้งลุกขึ้นจากเตียงวิ่งมาทำให้นายทานแทบไม่ทันอยู่แล้วครับ :angellaugh2:

“ได้สิ  ถ้านายชอบวันหลังเราจะทำอย่างอื่นให้นายทานอีก  แต่ว่าคงไม่หลากหลายเท่าไหร่นะเพราะว่าเราไม่ค่อยได้ทำอาหารตอนอยู่เมืองไทย”

“ไม่เป็นไรหรอก  ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น  ว่าแต่ว่า...  ถามจริงๆ เถอะ  หน้านายไปโดนอะไรมาหรอ?” ยังอุตส่าห์วกเข้าเรื่องนี้อีกจนได้นะ

“อ๋อ! ก็บอกแล้วไงว่าเดินชนประตู”

“แล้วทำไมตาเขียว?” แป๋ว!!! 

“เอ่อ.....”  ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี  “เมื่อวานทะเลาะกับจัสตินนิดหน่อยนะ” :try2:

“หา! จัสตินชกนายหรอ?  แล้วไปทำอีท่าไหนถึงโดนหมอนั้นชกเอาได้”

“ก็มันหาว่าเราส่งเสียงดังรบกวนแบบไม่มีมารยาท นายลองคิดดูดิ  ทั้งๆ ที่มันยังกลางวันอยู่เลยแท้ๆ  มันน่าโมโหไหมละ”

“ส่งเสียงดัง?  ตอนไหน?  ไม่เห็นได้ยินเลย”

“ก็ตอนที่เราไปขอนายใช้คอมเมื่อวานไง”

“อ้อ....” โมนิคพยักหน้าทำท่าเข้าใจ “งั้นหมอนั้นก็ว่าผมด้วยซิ  เพราะว่าผมก็หัวเราะเสียงดังนี่”

“ไม่นะ  มันว่าเราคนเดียว  ไม่เห็นว่านายเลยสักคำ”

“หรอ?” โมนิคส่งเสียงพร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนกอดอกเอามือเกาคางแกรก “แล้วนายทะเลาะกันตอนไหน”

“ก็หลังจากที่เราลงมานั้นแหละ  ไอ้นั้นมันก็ใส่เราทันที”

“หรอ?”  มันจะหรออีกหลายรอบไหมครับ  :untrust:  “ทำไมเราไม่ได้ยินเสียงเลย”

:o อะไร! ทะเลาะกันเสียงดัง  แล้วยังกลิ้งไปโดนกระจกตกเสียงสนั่นอีก  นายไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยหรอ”

“อืม.....นั้นสิ”  เกาคาง  ทำหน้ายุ่ง  คิ้วเกือบผูกกันแล้วครับ “ไม่ได้ยินอะไรเลย”

“อ้าว! เรากับมันทะเลาะกันเสียงดังนายไม่ได้ยิน? แล้วตอนที่เราตกใจนาย  เสียงมันยังเบากว่าที่เราทะเลาะกับไอ้นั้นเสียอีก  ทำไมไอ้บ้านั้นมันได้ยินหละ” 

“น่านสิ  มันน่าสงสัย” 

แล้วผมจะรู้ไหมเนี้ย  โมนิค คร้าบบบบ :sad4:[/color]

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #47 เมื่อ17-12-2006 11:44:29 »

  มาต่อเร็วๆ นะค้าบบบบบบ :serius2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #48 เมื่อ18-12-2006 02:27:05 »

14.42 น. ในห้องพัก
:pigscare2: อุย!”  ตกใจหมดเลยครับ  ไอ้โหดมันมานั่งหน้าโหดอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ  ไม่เห็นมีใครบอกผมเลย  คนยิ่งผวามันอยู่ด้วย  ผมเลยปิดประตูอย่างเบามือที่สุด  แล้วค่อยๆ ย่องเลี่ยงสายตามันไปนั่งคอย่นอยู่หน้าคอมที่โต๊ะทำงานครับ  น่าสมเพชไหมครับ?

“เมื่อกี้คุยไรกัน?”  มันคำรามในคออีกแล้วครับ

:sad4: ไม่มีไรนี่  คุยเรื่องอาหารไทยเฉยๆ”

“แน่ใจนะ?” มันพูดเน้นๆ ครับ

“อืม! แค่นั้นเฉยๆ”

“แล้วไป"

 :try2:

"อย่าให้รู้นะว่าเอาฉันไปพูดกันสองคนโดยที่ฉันไม่อยู่ด้วย” บ้านกรูเรียกนินทาโว้ย  ไอ้งั่ง “ไม่งั้นมีเรื่อง”  มันขู่อีกแล้ว คร้าบบบบ  “แล้ววันนี้มีไรกิน”

อ้าว! หอย  :confuse:

“ไม่มี  กินหมดแล้ว”

“ก็ไปทำมาใหม่สิ  เอาอย่างเมื่อกี้นะ”  เอ๋!มันรู้ได้ไงว่าเมื่อกี้ผมทำไรกินกัน  หรือว่า...มันจะมาแอบดูผมคุยกับโมนิค  งั้นทำไมมันไม่รู้หละครับว่าเมื่อกี้ผมคุยอะไรกัน  หรือว่า...มันแกล้ง  หรือว่า.....เอะ! งง  หลายหรือว่าเหลือเกิน  ช่างเถอะ!  ขี้เกียจคิด  คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา…
................................................................................

“ทำไมมันเผ็ดจังวะไอ้เตี้ย  แกแกล้งฉันหรือเปล่า”  มันโวยวายตอนซดน้ำเป็นแก้วที่สาม

“ไม่นี่  เมื่อกี้ตอนทำให้โมนิคก็ใส่แบบนี้  เท่ากันเลย”  ผมหันมาเอียงคอตอบหน้าซื่อตาใสสุดๆ จากโต๊ะทำงาน “ใครจะไปกล้าแกล้งนาย  ทำไมแค่นี้นายกินไม่ได้หรอ  ไม่เหมือนโมนิค  รายนั้นนะกินเผ็ดเก่ง” ผมแกล้งคุยเกทับมัน   :kikkik: ฮิฮิ สม! 

“เปล่า! ที่จริงก็ไม่เผ็ดเท่าไหร่หรอก  แค่สงสัยเลยถามดู  ทำไมถามไม่ได้หรือไง” มันจ้องหน้าผมถามท่าทางเอาเรื่อง

“ก็แล้วไป  นึกว่า.....” ผมยักไหล่  ก่อนลุกไปตักข้าวใส่จานตัวเองเพิ่มอีก

“นึกว่าอะไรของแก” มันลุกขึ้นมายืนถามด้านหลังผมครับ  สัณชาตญาณบอกว่าให้ผมระวังตัวอีกแล้วครับ

“ไม่มีอะไรหรอก  นายไปกินต่อเถอะ  เดี๋ยวมันจะไม่อร่อย”

“เหอะ! นึกว่าจะแน่”  มันพูดกวนทีนอีกแล้วครับ  เดี๋ยวเถอะมรึง!  วันหลังจะแกล้งให้เผ็ดกว่านี้อีก  คอยดู!  :pigangry2:

22.37 น.  ห้องนอน
“นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ  ปิดคอมได้แล้ว  แสงมันเข้าตา  คนอื่นเค้าจะนอนหัดเกรงใจกันมั่งสิ”  มันส่งเสียงเห่าน่ารำคาญมาจากด้านหลังครับ

“เออๆๆ” ผมกำลังอ่านนิยายที่เพื่อนส่งมาให้จากเมืองไทยทางเมลล์ครับ  อุตส่าห์ไปเซฟมาเมื่อวันก่อน  ดูซิครับ! วันนี้ผมเลยผิดนัดไม่ได้คุยกับเพื่อนทาง MSN เลย  นัดกันเอาไว้แล้วแท้ๆ   เพราะมันคนเดียวเลยไม่ต้องไปโทษใครที่ไหนอีกครับ  ชกผมตาเขียวเลยไม่ได้ไปไหนกันพอดี

“แล้วหน้าเป็นไงบ้าง  ดีขึ้นยัง”

“อืม....”  ว่าแล้วก็คลานขึ้นเตียง

“นั้นจะนอนเลยหรอ  ยังไม่เห็นทายาเลย”

“ทาแล้ว” ทำไมต้องทาให้มันเห็น

“ทาตอนไหน  ไม่ยักเห็น  ไม่ต้องมาโกหกเลย  ยังไม่ทาใช่ไหม  ไปเอามาทาเดี๋ยวนี้เลยไป” มันยังเซ้าซี้ไม่หยุดสักที

“ไหนว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้า?  แล้วทำไมยังไม่นอน”  :untrust:

“ก็.....  ทีแกยังไม่ทายา  ฉันก็เลยยังไม่นอนมั่ง”  มันเกี่ยวกันไหมครับนั้น “ไปเอามาทาเลยอย่าพูดมาก  หรือว่าจะให้ฉันไปหยิบมาเอง”

“ไม่ต้อง  ทาเองได้”  ผมต้องจำใจลุกขึ้นมายืนทายาอยู่ตรงหน้ากระจกนี่ไงครับ  ทำไมมันต้องมาเรื่องมากกับผมด้วยนะ

“ก็เท่านั้น” แล้วมันก็หันหลังนอนทันทีเลยครับ

13 Mar. 2006
7.56 น. บนเตียง
   มันกี่โมงแล้วครับ  อ้อ! เมื่อกี้ผมก็บอกไปแล้วนี้หน่า  บอกเองดันลืมเอง  กรรมจริงเลยผม  วันนี้ผมต้องเข้าไปที่ทำงานครับ  ยังไม่ได้นัดเค้าเลยไม่รู้ว่าไงบ้าง  แต่ก็ลองเสี่ยงดูแล้วกัน  ทำหน้าด้านไปก่อน  เป็นนักเรียนก็ดีอย่างนี้หละครับ  ไม่ค่อยมีใครถือสาหาความนัก  อย่างน้อยก็ในความคิดผมเองคนหนึ่งละครับ  ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันดีกว่า  อาบน้ำหรอครับ? ไม่เอานา  อย่าล้อเล่นกันอย่างนี้สิ มันหนาวนะครับ  อย่าอาบให้เปลืองน้ำเลย  แล้วนี้เสียงใครกรนอะ  ผมตื่นแล้วนะ

   “อ๋อ!!.....”  ไอ้โหดครับ!  มันยังหลับไม่รูเรื่องเลย  ตอนหลับอย่างนี้มันน่ายันโครมให้กลิ้งตกเตียงดีนัก  คุณว่าไหม?

   “มองอะไร?”  หว่า! มันเจือกลืมตาขึ้นมาพอดีครับ  เลยทันเห็นผมจ้องหน้ามันอะ  ซวยเลยตูงานนี้

   “เปล่า    ก็...ก็  ไม่มีไร  ปวดขี้นะ”  รีบวิ่งไปห้องน้ำดีกว่า  ก่อนจะโดนมันทำร้ายร่างกายแต่เช้า  เนอะ!
................................................................................[/color]

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #49 เมื่อ18-12-2006 02:37:06 »

13 Mar. 2006
7.56 น. บนเตียง
   มันกี่โมงแล้วครับ  อ้อ! เมื่อกี้ผมก็บอกไปแล้วนี้หน่า  บอกเองดันลืมเอง  กรรมจริงเลยผม  วันนี้ผมต้องเข้าไปที่ทำงานครับ  ยังไม่ได้นัดเค้าเลยไม่รู้ว่าไงบ้าง  แต่ก็ลองเสี่ยงดูแล้วกัน  ทำหน้าด้านไปก่อน  เป็นนักเรียนก็ดีอย่างนี้หละครับ  ไม่ค่อยมีใครถือสาหาความนัก  อย่างน้อยก็ในความคิดผมเองคนหนึ่งละครับ  ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันดีกว่า  อาบน้ำหรอครับ? ไม่เอานา  อย่าล้อเล่นกันอย่างนี้สิ มันหนาวนะครับ  อย่าอาบให้เปลืองน้ำเลย  แล้วนี้เสียงใครกรนอะ  ผมตื่นแล้วนะ

   “อ๋อ!!.....”  ไอ้โหดครับ!  มันยังหลับไม่รูเรื่องเลย  ตอนหลับอย่างนี้มันน่ายันโครมให้กลิ้งตกเตียงดีนัก  คุณว่าไหม?

   “มองอะไร?”  หว่า! มันเจือกลืมตาขึ้นมาพอดีครับ  เลยทันเห็นผมจ้องหน้ามันอะ  ซวยเลยตูงานนี้

   “เปล่า    ก็...ก็  ไม่มีไร  ปวดขี้นะ”  รีบวิ่งไปห้องน้ำดีกว่า  ก่อนจะโดนมันทำร้ายร่างกายแต่เช้า  เนอะ!
................................................................................

   ตาผมยังช้ำๆ อยู่เลยครับ  อายคนจัง  ไม่เป็นไรใครถามจะบอกว่านอนไม่ค่อยหลับแล้วกัน  ส่วนรอยอื่นๆ ที่หน้ามองจากกระจกในห้องน้ำอย่างนี้ก็ไม่ค่อยเห็นแล้วครับ  เกิดมาหน้าดำก็ดีไปอย่าง...มองไม่ค่อยเห็นร่องรอยดี…

“เที่ยงนี้จะทำไรไปกิน”  มันถามผมทันทีที่เดินเข้าห้อง  ยังไม่ทันวางของเลยมันใช้งานผมอีกแล้ว

“ก็แซนด์วิชแฮมกะชีสนะ  ซื้อมาเตรียมไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวันก่อน”

“หรอ?  อืมทำให้ด้วยนะ”  หา!  มันใช้ให้ผมทำให้แด๊กแล้วยังจะมาเบียดบังเอาของสดผมทำอีกหรอ

“เฮ้ย! เรื่องไร  ของกินแกก็เอาของแกทำดิ  ทำไมแกต้องมาเอาของฉันด้วย แกไม่ซื้อไรมาเตรียมไว้หรอ”

“เรื่องมากจริง!!  งกจังเลยนะเรื่องของกินนี่  แกคิดเงินมาเลยเท่าไหร่? เดี๋ยวจ่ายเงินให้” มันลุกมาล้วงหากระเป๋าสตางค์ในเสื้อนอกมัน

“ไม่ต้องหรอก” ก็ใครจะไปคิดถูกครับ  ของซื้อมาหลายวันแล้ว  อีกอย่างบิลล์ค่าของก็ทิ้งไปแล้วด้วย  ถึงยังมีก็คิดไม่ถูกหรอกว่าไหม  คิดน้อยไปก็ขาดทุนมากไปอาจมีโดนชกอีก  เลยไม่คิดดีกว่า

“อ้าว! ทำไม?  พอคนเขาจะจ่ายดันไม่เอาอีก  ตกลงเอาไง”  มันชะงักค้างตอนกำลังควักเหรียญในกระเป๋าพกหนังสีน้ำตาลของมัน

“กินด้วยกันก่อนก็ได้  พอของหมดแกค่อยซื้อมาคืนแล้วกัน” 

“เออ...ได้   แล้วแกอย่าลืมเตือนแล้วกันนะ  ฉันขี้เกียจจำวะ”  ดูมันพูดเข้าสิครับ!!  มันน่านัก  ไอ้..........

“แล้วแกมีกล่องมาหรือเปล่า”

“เอามาทำไมกล่อง”

“ก็เอามาใส่แซนด์วิชไง  แล้วใส่ขนมมัฟเฟิลนี้ด้วย”  ผมชูขนมมัฟเฟิลกลิ่นวนิลลาที่ซื้อมาเมื่อวันก่อน  ผมแอบชิมไปก้อนนึงแล้วอร่อยดีครับ  แต่แพงอะ  สี่ลูกสองยูฯ  ตกลูกละ 25 บาทแน่ะ...  ว่าแต่ว่าทำไมผมต้องใส่ขนมให้มันด้วยนะ  สงสัยจะเพราะความเคยชินนะครับ  ตอนที่พักที่บ้านคนอังกฤษผมก็เป็นคนเตรียม Sandwich box เอง  ต้องใส่ของหวานลงไปด้วยจะเป็นอะไรก็ได้มันเลยชินนะครับ

“ไม่มีหรอก  ใส่ไปกล่องเดียวกับแกนั้นแหละ  เที่ยงนี้จะได้มากินด้วยกัน  ขี้เกียจกินคนเดียว  แกอย่าลืมมาตามฉันด้วยนะ”

“แล้วแกทำงานที่เดียวกันกับฉันเหรอวะ”  ผมเท้าสะเอวถามมัน  ในมือก็ถือกล่องไปด้วย

“เออน่า....  คงไม่ไกลกันหรอก  เดี๋ยวตอนที่เขาพาฉันไปแนะนำสถานที่แกก็ตามไปด้วยสิ  จะได้รู้ว่าฉันทำงานที่ไหน”

“แล้วทำไมฉันต้องไปตามแกด้วย แกนั้นแหละที่ต้องเดินมาหาฉัน”

“เออๆ  ไม่ต้องพูดมาก  รีบๆ ทำเข้า  เดี๋ยวจะสาย”  เออ! จริง  ผมยังไม่เปลี่ยนชุดเลย  ยังไม่จัดของ  ยังไม่ทาครีม  ยังไม่....สารพัดจะยังไม่  แล้วมันทำอะไรครับ  นั่งกระดิกบาทาดูทีวีเฉยครับ  เสื้อผ้าก็เปลี่ยนแล้ว  อะไรๆ ก็คงพร้อมแล้วเหลือแต่อาหารกลางวัน  ไม่มีทีท่าว่าจะเดือดร้อนเลย  แล้วผมละ  ไอ้สาระชั่วเอ้ย......

ผมก็รีบวิ่งวุ่นเป็นลิงเจี้ยกไปอะดิ  เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วมาจัดของกับจัดการกับแซนด์วิชอีก  แต่ว่าไม่ยากหรอกครับ  แค่วางขนมปัง  ตามด้วยแฮม  ชีส  แล้วก็แฮมอีกทีปิดท้ายประกบด้วยขนมปังอีกแผ่นเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อยแซนด์วิชผม  ง่ายไหมครับ?  เอาสูตรไปทำได้นะไม่ว่ากัน รับรองว่าอร่อยโดยเฉพาะคนที่ชอบกินชีสอย่างผม  อิอิ  แล้วก็จับทุกอย่างยัดลงกระเป๋าพร้อมออกเดินทาง

“พันผ้าพันคอด้วยสิ  ท่าทางวันนี้อากาศจะหนาว”  มันรู้ได้ไงครับ   แต่ว่าผมก็ทำตามแหละ  สงสัยมันจะดูข่าวในทีวี  ก็เห็นนั่งดูตั่งนานแล้วนิครับ

“อู้ยยยยยยยยส์ หนาวจริงด้วยแฮะ!”  วันนี้หนาวกว่าทุกวันที่มาที่นี่เลยครับ  ผิวน้ำในคลองหน้าบ้านกลายเป็นน้ำแข็งเลย  ไม่มีนกเป็ดน้ำว่ายมาทักทายเหมือนทุกวัน 

‘แกร๊ก’ เสียงมันเหยียบแผ่นกระจกน้ำแข็งในแอ่งน้ำข้างทางครับ

“เห็นไหมบอกแล้วว่าวันนี้มันหนาวกว่าทุกวัน” มันหันมายักคิ้วทำเป็นเจ๋งใส่ผม

“เออ.....เองเก่ง  ไง?  พอใจไหม”

“ฮึ! ดีมากไอ้เตี้ย”  ผมเซแถ่ดๆ ไปเพราะแรงมันผลักครับ

“ผลักทำไมวะ ไอ้.....นี้  เดินดีๆ ไม่ได้หรือไง”

“เดินดีๆ นะเดินได้  แต่ว่าจะให้แกนำทางไง  หยุด!!  ไม่ต้องพูดไรเลย  นำไป!”  ผมก็ได้แต่อ้าปากค้างสิครับ  เมื่อกี้ยังทำเก่งตอนนี้ต้องมาให้เรานำทาง  ไอ้มั่ว!
................................................................................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [บันทึกรัก Leiden]
« ตอบ #49 เมื่อ: 18-12-2006 02:37:06 »





ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #50 เมื่อ18-12-2006 08:46:06 »

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: ชอบๆๆๆ  ชอบจังคับ

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #51 เมื่อ18-12-2006 13:40:51 »

แหม อ่านๆไปก้อดูรักกันดีนี่นา  :kikkik:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #52 เมื่อ19-12-2006 06:54:02 »



สะพานทางเดินไปที่ทำงาน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2006 03:05:38 โดย oaw_eang »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #53 เมื่อ19-12-2006 07:06:33 »

“ตึกไหนก็ไม่รู้  คราวนี้แกต้องเป็นคนไปถามทางบ้างแล้วละ  ฉันไม่ยอมเป็นคนไปถามแน่ๆ  เชิญแกจัดการเองเลยไป”  ผมสั่งมันบ้างเมื่อเราเดินมาจนถึงที่ที่คิดว่าน่าจะเป็นบริเวณมหาลัยที่เราจะมาทำงานแล้วครับ  :laugh:



“เออ....  เรื่องแค่นี้ขี้ผง  สบายอยู่แล้ว” แล้วมันก็วิ่งหายไปพร้อมแผนที่ของผม  เชอะ!! ไอ้ขี้โม้   แน่จริงไปมือเปล่าดิวะ  เอาแผนที่กรูไปด้วยทำไมกัน

“ว่าไง  ไปทางไหนต่อ” ผมถามเมื่อเห็นมันมายืนหอบเป็นหมาหอบแดดอยู่ข้าง

“เดี๋ยว! เหนื่อยพักแป๊บ”  มันนั่งแหมะลงตรงแถวๆ นั้นแหละครับ

“อ้าว! ไหนว่ารีบ  ไหนว่าเรื่องขี้ผง แล้วนั่งพักทำไม”

“ไอ้นี่เดี๋ยวโดน”  มันยกเท้าใส่ผม “คนเหนื่อยก็ต้องนั่งพักสิวะ  เมื่อกี้วิ่งไปตั้งไกล  อุตส่าห์รีบไปรีบมา  กลัวคนบางคนจะรอนาน”

“หน่อย...  ว่าไปนั้นน่ะมรึง  ทำมาเป็นทวงบุญคุณ คร้าบบบบบ  ขอบพระคุณมากๆ ครับ  แล้วไงว่าไงไปทางไหน”

“ทางนี้” มันชี้ไปด้านหลังส่งเดช

“แน่ใจ?”  :untrust:

“เออ.....”  พอได้คำตอบจากมันผมก็เดินเลย  ไม่รอมันหรอกครับ  อยากนั่งก็นั่งไปผมไปก่อนดีกว่า  นี่ก็เกือบ 10 โมงแล้วด้วย

“นั้นจะไปไหนนะ” มันตะโกนถามหลังยืนขึ้นปัดตูดเรียบร้อยแล้ว

“ก็ไปพบเจ้าหน้าที่อะสิ  ไม่น่าถาม”

“แล้วไปทำไมทางนั้น”

:e2: อ้าว!?...”

“ฮ่าๆๆๆ   ไม่ได้ไปทางนั้นโว้ย  ทางนี้ตะหาก ฮ่าๆๆๆ”  ว่าแล้วมันก็วิ่งโกยแน๊บไปอีกทางหนึ่งตรงข้ามกับที่มันชี้ให้ผมเดินมาเมื่อครู่นี้

:angry2: ไอ้.......จัสตีนนนนนนนนนน”  ผมสดุดีมันลั่นเลยครับ
................................................................................

“หวัดดีครับผมเป็น visitor จากเมืองไทยครับ  นี่ครับจดหมายเชิญ” ผมยื่นจดหมายให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์...ด้านแรกที่ผมต้องเจอครับ  แล้วก็ยืนทำหน้าซื่อตาใส  ไม่รับรู้สีหน้าคนข้างๆ ที่ยืนหน้าหงิกเมื่อผมไม่รับจดหมายเชิญของมันมายื่นพร้อมกันตอนมันสะกิดผมให้รับมา

“ส่วนผมจัสติน  มาจากเยอรมันครับคุณ”  แล้วก็ยิ้มโปรยเสน่ห์ไปอีกรอบ  เอาอีกแล้วมันกำลังใช้แผนเดิมครับ  แผนหว่านเสน่ห์เรียกร้องความสนใจ

“อ๋อคะ!! ชั้นบาบาร่าคะ  ยินดีที่ได้รู้จัก  กรุณารอสักครู่นะค่ะ”  ดูเดะ  แม่นี่กำลังติดกับมันอีกคน  ที่ตอนผมยื่นจดหมายให้เมื่อกี้ทำหน้ายักกะผมยื่นจอกยาเขียวใหญ่ขมๆ ให้กินยังไงยังงั้น

“ครับ  ตามสบายครับ  ผมรอคุณได้เสมอครับ” มันหันมายักคิ้วให้ผมครับ  หน่อยแนะเยาะเย้นหรอ...ทำเก่งให้ตลอดเถอะมรึง!!

“เอ่อ! เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่จากข้างในมารับพวกคุณไปนะคะ  ส่วนคนที่รับผิดชอบพวกคุณตอนนี้เขาไม่อยู่   ไม่ทราบว่าคุณอยากพบหรือเปล่าคะดิฉันจะนัดให้” แม่ประชาสัมพันธ์ที่ไม่ค่อนจะสาวสักเท่าไหร่แล้วบอกพร้อมพยายามส่งยิ้มที่แกคิดว่าหวานหยดย้อย (แต่ผมว่าหยดหยองมากกว่า) ให้ไอ้โหดครับ

“อืม...  ไม่เป็นไรดีกว่าครับ  รบกวนเวลาอันมีค่าของคุณเปล่าๆ เอาไว้พวกผมติดต่อเองก็ได้ครับ  แค่นี้ก็เป็นพระคุณมากแล้วครับ”

“อุ้ย! ไม่เป็นไรจ๊ะ  มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว” เธอฉีกยิ้มหยดหยองนั้นอีกรอบแล้วนั่งลงแบบว่ามารยาสุดๆ  ผมเพิ่งเคยเห็นฝรั่งทำท่าสุวรณมาลีเข้าก็วันนี้ละครับ  ต้องขอบใจไอ้โหดจริงๆ ที่ทำให้ผมได้มีประสบการณ์แปลกๆ แบบนี้

สักพักเจ้าหน้าที่ก็ออกมาตอนรับ  แล้วเดินนำผมไปยังห้องทำงาน  ห้องของผมอยู่ชั้นล่างสุดครับ  ต้องเดินผ่านโรงอาหารด้วย  ไอ้โหดก็เดินตามทำหน้าเหรอหราเข้ามาด้วย

“โห!  เข้ามาลึกมากเลยเตี้ย  ระวังนะแก”

“ทำไม?  ระวังอะไร”  :eek:

“เปล้า!!!! แค่บอกให้ระวังเอาไว้ก็เท่านั้นเอง” มันปฏิเสธเสียงสูงผิดปกติของมัน แล้วยักไหล่ท่าน่าเตะเหมือนเดิม

“ไม่มีอะไรหรอกครับ  รับรองว่าที่นี่ปลอดภัย  วางใจได้” เจ้าหน้าที่คนเดิมหันมาบอกยิ้มๆเมื่อได้ยินว่าเราคุยอะไรกัน

“นั้นซิครับ  ผมก็ว่างั้น” ผมรีบสนับสนุน แล้วหันไปทำหน้าดุใส่มันทีหนึ่ง  แต่ว่าห้องทำงานผมมันก็อยู่ลึกจริงๆ แหละ ผมว่าคงต้องลองเดินกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบเชียวละครับ  กว่าที่จะจำทางได้แม่น

“ส่วนของคุณ” เจ้าหน้าที่หันไปหามัน “อยู่ชั้นสาม  ตามผมมาเลยครับ”

“ไปด้วยกันสิ เตี้ย”

“ไปทำไมวะ”

“แกจะได้เดินไปตามฉันลงมากินข้าวถูกไง”  เอากะมันสิครับ  มันอยู่ชั้นสามส่วนผมอยู่ชั้นหนึ่ง  แต่มันจะให้คนอยู่ชั้นล่างสุดเดินขึ้นบันไดไปสามชั้นเพื่อตามมันลงมากินข้าวกลางวันที่ชั้นล่าง  มันน่าสรรเสริญชุดใหญ่ไหมละครับเนี้ย

“ไม่  เรื่องไร  แกนั้นแหละลงมาเอง”

“เหอะน่า!!  ไปเป็นเพื่อนหน่อย  กลัว”

“กลัวอะไรวะ?”  ผมถามมันตอนเดินตามแรงความฉุดของมันมา

“กลัวหลง”  มันหัวเราะเบาๆ ใส่ตาผมตอนเข้ามากระซิบใกล้ๆ

ไอ้....@#$^U*&+=%V;}#@XD>?............................. คำสรรเสริญชุดใหญ่ของผมเองครับไม่ต้องสงสัย  ออ! ห้ามแปลด้วย มันหยาบคายสุดๆ ครับ :3125:
................................................................................

“เดี๋ยวผมขอตัวสักครู่แล้วจะมาพาคุณไปพบคนไทยที่อยู่ที่นี้นะครับ  คุณไปรอทีห้องทำงานคุณก่อนก็ได้ครับ” เจ้าหน้าที่คนเดิมบอกผมตอนเราเดินกลับกันมาจากห้องไอ้โหด
 
“เอ๋!!  มีคนไทยทำงานอยู่ที่นี้ด้วยหรอครับ  เยอะหรือเปล่าครับ”  :angellaugh2:

“สองสามคนนะครับ  ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาปริญญาเอกทั้งนั้น”

“อ้อ! ครับแล้วเจอกัน” ผมบอกเมื่อเขาเดินมาส่งถึงหน้าห้องอีกครั้ง  ก็ผมเดินมาไม่ถูกนี้ครับ  แผนที่ก็ไม่มีแถมยังเลี้ยวซะหมายังงง  คิดดูเอาเองแล้วกันครับ  :really2:
................................................................................

“คุณๆ ทำไรอยู่ครับ  เริ่มงานแล้วหรอ” เจ้าหน้าที่คนเดิมเยี่ยมหน้าเข้าประตูห้องทำงานผมมา

“ครับผม  ดีกว่าอยู่เปล่าๆ เลยทำไปได้แค่นิดๆ หน่อยเท่านั้นเอง”

“ขยันดีจัง  งั้นเราไปพบคนไทยเพื่อนชาติเดียวกันกับคุณเลยดีไหมครับ”

“อ๋อ! ครับ ได้ครับ  ไปกันเลยครับ”  สังเกตไหมว่าประโยคนี้คุณภาพคับแน่นเลยอะ  ก็มันมีหลาย ’ครับ’ เหลือเกินนิ!!  :try2:

................................................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2006 01:31:25 โดย oaw_eang »

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #54 เมื่อ19-12-2006 08:44:11 »

แหะแหะ รออ่านอยู่นะคับ  :sad4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #55 เมื่อ19-12-2006 08:59:28 »

รออ่านอยู่น้า กำลังสนุกเชียว  :myeye:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #56 เมื่อ20-12-2006 05:52:33 »




รูปกังหันลมข้่างๆ สะพานในรูปข้่างบนครับ  :impress2:


................................................................................
‘ก๊อกๆๆ’ บอกผมหน่อยดิว่าทำไมต้องเคาะประตูสามครั้ง

“เข้าไปได้ไหมครับ  กุล”

“คะ! เชิญคะ” หญิงสาวเสื้อแดงเจ้าของห้องออกปากเชิญเมื่อเงยหน้าเห็นว่าใครมาเยือน  ผมเจอสาวเสื้อแดงอีกแล้ว  ไปมากี่ประเทศเจอทุกประเทศเลย

“เอ่อนี้...  คนไทย  มาจากกรุงเทพฯ มหาลัยอะไรนะ  อืม...นั้นแหละ!  ชื่อยาวเรียกไม่เคยได้สักที” เขาพูดหลังจากผมแนะนำชื่อมหาลัยตัวเองด้วยสำเนียงไทยแน่นปึก “คุณคนนี้จะมาทำงานที่นี้ประมาณเดือนหนึ่ง ใช่ไหมครับ” เขาหันมาถามผมอีกครั้ง “ผมเลยพามาแนะนำให้รู้จักกับกุลไว้เผื่อมีปัญหาไรจะได้ติดต่อ  สอบถามกันได้สะดวก”

“ค่ะ?…”

“ครับ...ผม แนค จาก... (มหาลัยแห่งหนึ่งใน กทม.) ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมไม่รู้จะทักทายอย่างไรดี  จะยกมือไหว้เหรอแต่หน้าเธอก็ดูเด็กกว่าผมเสียอีก  ตัวก็เล็กๆ เสียด้วยเดาอายุยาก  ผมเลยยื่นมือไปสัมผัสแต่เพียงเบาๆ แทน  ดูเธอทำหน้าแปลกๆ  คงตกใจที่มีคนไทยมาทักทายเธอแบบนี้แล้วจะให้ผมทำไงกันดีละครับ  บอกหน่อยซิ

“อ๋อ...คะ  สวัสดีคะน้อง  พี่ชื่อกุล  มาจาก...” เธอเอ่ยชื่อสถานที่ราชการแห่งหนึ่งแถวบางเขนให้ผมทราบ

“เสร็จไปหนึ่ง” เจ้าหน้าที่คนเดิมพูดยิ้มๆ “ตามมาเลยครับยังมีเหลืออีกคนหนึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิดเขาคงเคยเรียนที่เดียวกันกับคุณด้วยนะ”

“เหรอครับ  ดีจังได้เจอศิษย์เก่ามหาลัยเดียวกันด้วย” อาจารย์ผมบอกมาล่วงหน้าแล้วครับว่ามีศิษย์เก่ามาเรียนต่อที่นี่คนหนึ่งเหมือนกัน
................................................................................

“หวัดดีอัต  หวัดดีบูโด้  ผมพาใครบางคนมาแนะนำนะ” เจ้าหน้าที่เอ่ยทักเมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไปหลังมีเสียงอนุญาต

“หวัดดีครับผม แนค เรียนที่เดียวกันกับคุณที่เมืองไทย  หวัดดีบูโด้  ผม แนค จากเมืองไทย”

“ยินดีที่ได้รู้จัก  ผมบูโด้จากอินโดฯ นะ  ใกล้ๆ กันครับ”

“ว่าไงอัต  นั่งเงียบเลยนะ  ยังมีคนไทยคนไหนอีกหรือเปล่านะในตึกของเรา”

“ผมว่าก็มีพี่กุล  พี่เต่า  อีกสองคนนะ เจมส์”

“เหรอ? กุลนะผมเจอแล้วแต่เต่านี่สิ  ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ห้องไหน”

“น่าจะเป็น....ห้อง C138 นะ  นายลองไปหาดูสิ  แต่ว่าได้ข่าวว่าเธอไม่มาทำงานนะวันนี้”

“หรอ  งั้นไม่เป็นไร  รบกวนฝากนายแนะนำด้วยนะ งั้นผมขอตัวก่อนนะ  มีงานค้างอยู่ต้องรีบกลับไปจัดการไม่งั้นโดนประธานว่าแน่เลย  ไปก่อนนะ แนค ขอให้นายมีวันที่ดีนะ บายอัต บายบูโด้”

“บาย” สองหนุ่มสองเชื้อชาติพูดขึ้นเกือบพร้อมๆ กัน

“งั้นผมก็ขอตัวนะ  ไว้เจอกัน”  ผมก็ขอตัวทันทีเหมือนกันครับ  ไม่รู้ไง?  ไม่ค่อยชอบสายตาที่นายคนชื่ออัตอะไรนั้นมองมาเลย  มันเหมือน....ยังไงไม่รู้  จ้องอย่างเดียวไม่พูดไม่จา  นายน้ำบูดู เฮ้ย! นายบูโด้นั้นยังดีเสียกว่าอีก  ยิ้มซื่อๆ น่าคบดี  อาไร้! คนไทยด้วยกันแท้ๆ ทำเป็นเก๊กขรึม  ใครอยากจะรู้จักแกวะ  ถ้าเขาไม่บังคับพาฉันมา...จ้างให้! ฉันก็ไม่มีทางกระเสือกกระสนขึ้นมาหาแกถึงบนนี้หรอก  ถือว่าได้มาเรียนเมืองนอกเข้าหน่อยทำเป็นยโสนะแก ชิส์

นายอัตนี่...ท่าทางอายุก็คงพอๆ กับผมเพราะเรียนระดับเดียวกันคงไม่อ่อนแก่กันกว่าสักเท่าไหร่  ตอนที่เขาสื่อสารตอบโต้กับฝรั่งก็ฟังดูเป็นธรรมชาติดีมากเลยครับ ผมก็เลยอดแอบอิจฉานิดๆ เหมือนกัน แหะๆ  แต่ว่ากลับไปห้องพี่กุลดีกว่า(เรียกตามเจ้าอัตมันนะครับ) อยากคุยไรด้วยนิดหน่อยนะครับ

“ดีครับพี่ผมเข้าไปได้ไหมครับ”  พยายามทำตัวเรียบร้อยสุดๆ

“เข้ามาสิน้อง  เอ่อ!  เราชื่อไรแล้วนะ  พี่จำไม่ได้แล้ว  พี่ชื่อกุลจ๊ะ มาวิจัยที่นี้แต่จะว่าไปพี่ก็จบโทจากที่นี้แหละ”  ว้าว! เท่ห์จังแหะ

“ผม แนค ครับ  เพิ่งมาที่นี่วันแรก  เจ้าหน้าที่เขาเลยพาเดินขึ้นมารู้จักกับคนไทยบนนี้ครับ”

“หรอ? งั้นเจอตาอัตยัง  แล้วพี่เต่าหละ”

“นายอัตนั้นผมเจอแล้วเมื่อกี้  แต่พี่เต่ายังเลยครับ”

“หรอ?  งั้นเดี๋ยวพี่พาไป  มา!  ตามพี่มาเลยน้อง” 

นั้น!!....แอบเปรี้ยวอีก  แต่ไหนนายอัตนั้นว่าพี่เต่าไม่มาทำงาน....  ผมเดินคุยกะพี่กุลไปเรื่อยๆ หลายเรื่องเหมือนกันกว่าจะถึงห้องทำงานพี่เต่า

“สวัสดีคะพี่เต่า  กุลพาน้องคนไทยมารู้จักนะค่ะ  น้องเขาเพิ่งมาถึงวันนี้เอง”

“หวัดดีจ๊ะ” พี่เต่าทักทายเมื่อผมยกมือหวัดดี  “เพิ่งมาหรอ?  พอดีเลยจะได้เลี้ยงต้อนรับไปพร้อมๆ กันเลย”

“ทำไมหรอคะพี่เต่า” พี่กุลถามงงๆ เมื่อได้ยินคำว่าเลี้ยงต้อนรับ

“คืองี้....พี่จะเลี้ยงต้อนรับลูกศิษย์แฟนพี่ที่เขาจะมาจากสวนคิวที่อังกฤษวันพรุ่งนี้  เลยถือโอกาสเลี้ยงต้อนรับนายคนนี้ไปด้วยอีกคนเลย  กุลก็ไปด้วยนะ  พี่โทรฯไปชวนตาอัตแล้วเมื่อวาน”

“หรอคะ?” ชอบหรอกันจังเลยคนที่นี้ “แล้วพี่เต่ามีอะไรให้กุลช่วยไหมคะ?”

“ก็ไม่มีไรมากหรอกนะ  เออ! กุลไปช่วยพี่หั่นหมูก็ได้พี่หมักเอาไว้แล้ว เดี๋ยวพี่จะให้ปีเตอร์มารับนะ  เพราะว่าพรุ่งนี้พี่ไม่มาทำงาน”

“ได้คะ  แล้วกุลจะรีบเคลียร์งานเคลียร์ท้องรอเลยนะค่ะ”

“ยะ  แหม๋....เธอก็  แล้วเที่ยงนี้น้องจะทานข้าวไงคะ  รู้จักโรงอาหารยัง” พี่เต่าหันมาให้ความสนใจกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ’ผม’ อีกทีหลังจากเม้าท์จนเพลินทิ้งให้ผมยืนเป็นตัวหนังตะลุงปักหยวกกล้วยเสียนาน

“ครับ  รู้จักแล้วครับ  แต่เดี๋ยว...ผม...ต้องทานกับเพื่อนอีกคนที่มาจากเยอรมัน  เราทำแซนด์วิชบ๊อกมาทานกันครับ” ความจริงผมทำคนเดียวส่วนไอ้นั้นนั่งดูทีวีอย่างเดียว

“หรอ.... ดีๆ“ ดีตรงไหนครับพี่ “เดี๋ยวชวนมาทานด้วยกันสิ  กินพร้อมกันหลายคนเพลินดี  วันนี้พี่เอาข้าวกับปลาแซลมอนอบขิงมา  สนใจไหมจ๊ะ”  พี่เต่าหันมาทำตาเล็กตาน้อยใส่ผม

“รบกวนพี่หรือเปล่าครับ  เดี๋ยวผมสองคนทานกันเองได้ครับไม่เป็นไร”

“ไม่ๆ” พี่เต่าโบกมือให้ยุ่งไปหมด “รบกวนที่ไหนกัน  ดีออก...ทานพร้อมๆ กันหลายคน  งั้นเจอกันที่โรงอาหารตอนเที่ยงสี่สิบนะ  ที่นี่เขาพักเที่ยงตอนเที่ยงครึ่ง  ส่วนเราไปให้สายหน่อยแบบว่าขยันทำงานไง อิอิ” อะไรกันครับพี่แค่สิบนาทีเอง  ถ้าจะให้ดูว่าขยัน....อย่างนั้นมันต้องสักครึ่งชั่วโมงนะครับพี่ถึงจะดูสมเหตุสมผลหน่อย

“งั้นเดี๋ยวหนูไปเคลียร์งานก่อนนะค่ะพี่เต่า  แล้วเจอกันตอนทานข้าวนะคะ  บายนะ แนค”

“ครับพี่กุล” ผมรับคำยิ้มๆ แล้วหันมาคุยกับพี่เต่านิดหน่อยกันแยกตัวมานั่งทำงานที่ห้องตัวเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2006 03:08:07 โดย oaw_eang »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #57 เมื่อ20-12-2006 06:05:45 »

12.35 น. ห้องทำงาน
   “ไหนสวิตช์ปิดไฟวะ เดี๋ยวได้ไปไม่ทันกันพอดี” ผมเดินหาสวิตช์ปิดไฟครับ  ที่นี้เขาเน้นเรื่องแบบนี้  อนุรักษ์พลังงาน  แยกขยะ  พลังงานสะอาดอะไรทำนองนี้ครับ  เอะ! หาไม่เจอแฮะ  เอ๋!! นี้สายอะไรห้อยๆ ลงมาหว่า  ลองดึงดูสิ

‘พรึบ’ ไฟดับ  :sad3:

อ้าว! เวรกรรม  ใครมันจะไปรู้วะว่าจ้องดึงสายที่มันห้อยๆ ลงมา  ประเทศไหนใครเค้าทำกันอย่างนี้บ้างวะ  ว่าแล้วก็รีบวิ่งไปตามไอ้โหดมันลงมา  ส่วนมันหรอครับทำอะไร?  ก็นั่งกระดิกเท้ารออยู่อะสิครับ

“มัวทำไรอยู่วะเตี้ย  ช้าจัง  รอจนหิวแล้วนะโว้ย”

“เออ....แฮ่กๆ  ไม่ต้องพูดมาก  แฮ่กๆ...  รีบลงมาเลยมีคนเขารออยู่”

“ใครที่ไหนวะแก?”

“พี่คนไทยที่ทำงานอยู่ที่นี้นะ  แล้วเดี๋ยวพอเจอพี่เขาแล้วห้ามทำตัวเหลวไหลนะ  ทำตัวดีๆ อ้อ! แล้วห้ามเรียกฉันว่าเตี้ย  ต้องเรียกชื่อเข้าใจไหม?”

“แล้วแกชื่อว่าอะไรวะ  เตี้ย” 

ชะ!!  ผมหยุดวิ่งเลย  กำลังจะหันมาอ้าปากด่ามันครับ

“ล้อเล่น  รู้แล้วว่าชื่อ แนค จำได้ไม่มีวันลืมหรอกนา  รีบไปเหอะ  พี่เขารออยู่ไม่ใช่หรอ?” 

มันวิ่งลงบันไดไปแล้วครับ  ส่วนผมหรอ?  ก็ยืนหัวเสียกับความกวนบาทาของมันอยู่นี้ไงครับ  มันน่าถีบกลิ้งให้ตกบันได้จริงๆ เล้ยยยยยย  ว่าไหมครับ  :pigangry2:

12.45 น. โรงอาหารชั้นล่างอาคาร
   “ไหนละพี่คนไทยที่นายว่า”  มันหยุดชะเง้อหาเหมือนว่ามันรู้จักพี่เขาอย่างนั้นแหละครับ

   “เออ! ไม่เห็นเหมือนกันวะ  ไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะ”

“แล้ว แนค จะเอาเครื่องดื่มไรอะ  เราอยากกินกาแฟวะ”

“………”  :3129:

“ไอ้เตี้ย!!!  ถามไม่ได้ยินหรอไงวะ”

“อะไรวะแกนี้  คนเขากำลังใช้สมาธิอยู่  ยังหาพี่เขาไม่เจอเลย  คนเยอะจริงวันนี้”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“ขำไรของแก”  ???

“ก็ แนค นะซิ  เราเรียกชื่อแล้วไม่หัน  พอเรียกเตี้ยนายหันขวับเลย ฮ่าๆๆๆๆ”  อ้าว!! หรอ ผมเป็นอย่างนั้นจริงหรอครับ?

“ไม่ต้องมาขำ  เรียกชื่อนะดีแล้ว  เรียก เตี้ยๆ อยู่ได้น่ารำคาญ  แล้วเมื่อกี้ถามว่าไรนะ?”

“ถามว่าจะดื่มอะไร?  เราอยากได้กาแฟร้อนๆ สักแก้วนะ”

“เออ! ไม่รู้ดิ ไปดูด้วยคนดีกว่า  ทิ้งกระเป๋าไว้นี้แหละ  คงไม่หายไปไหนหรอกเนอะ”  ผมลุกตามมันที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว  พอเรากำลังยืนถือถาดต่อแถวอยู่ผมก็ได้ยิน

“แนค... แนค…  มาแล้วหรอพี่มองหาเธออยู่ตั้งนานแนะ”

“อ้าว! หวัดดีครับพี่เต่า  โทษทีผมช้าช้าไปหน่อยเพราะมัวแต่หาที่ปิดไฟอยู่...หาไม่เจอ  กว่าจะรู้ว่าต้องดึงสายที่ห้อยๆ อยู่ก็เกือบถึงเวลานัดแล้วครับ  แล้วยังต้องวิ่งไปตามเพื่อนที่ห้องบนชั้นสามอีกครับ  อ๋อ! พี่เต่าครับ  นี่เพื่อนผมจากเยอรมันชื่อจัสตินครับ  จัสตินนี่พี่เต่าที่ฉันบอกนายไง”

“หวัดดีครับพี่เต่า” มันเรียกชื่อพี่เขาตามผมเปะ  มันคงคิดว่าคำว่า ‘พี่เต่า’ นั้นคือชื่อพี่เขาถ้ามันเรียกแบบไทยก็ต้องพูดว่า ‘หวัดดีครับ  พี่-พี่เต่า’ แน่ๆ เลย  พี่เต่าก็ทำหน้าแปลกๆ ที่มันเรียกพี่แกเต็มยศอย่างนั้น  แต่ก็ไม่ว่าไร

“วะ...หวัดดีจ๊ะ  เธอสองคนมานั่งทานด้วยกันสิ  ไปตรงนั้นนะ” ผมมองตามนิ้วอ้วนๆ ของพี่เต่าไปก็เจอว่ามีสายตาของคนสามคนมองมาอยู่แล้ว  พี่กุล  บูโด้  แล้วก็สายตาเหยียดๆ ของนายอัดกระป๋องนั้น

“ครับพี่  แล้วเดี๋ยวผมตามไปครับ  ขอผมจ่ายตังค์ก่อน”

“อุ้ยไม่เป็นไร  เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง  นี่...เธอเอาไอ้นี้ไปทานด้วยสิ  รสชาติมันเหมือนทอดมันบ้านเราเลยแหละ” พี่เต่าคีบอะไรก็ไม่รู้เป็นแผ่นแบนๆ สี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาๆ สีน้ำตาลไหม้  ใส่จานบนถาดผม

“แนค จะเอาเครื่องดื่มอะไรไหม?...  แล้วเธอละจ๊ะ  ว่าไงหือ....จัสติน?”  พี่เต่าถามมันหลังจากที่ผมบอกว่าเอาชาร้อนๆ สักแก้วท่าจะดี

“ผมขอกาแฟสักแก้วแล้วกันครับพี่เต่า  พี่เต่าใจดีจัง”  มันยิ้มตาใสใส่พี่เต่าอีกแล้วครับตอนพี่เขาชมว่ามันปากหวาน  แล้วมันก็พึมพำขอบคุณพี่เขาอีกทีเมื่อพี่เขาจ่ายเงินค่าของให้

“พี่ขอแนะนำเพื่อนๆ พี่ให้รู้จักนะจัสติน  คนนี่ชื่อกุลจ๊ะ  เป็นสาวสวยจากเมืองไทย  นั้นอัตจากเมืองไทยเหมือนกัน  อ้อ! เคยเรียนที่เดียวกันกับแนคด้วย” พอถึงตอนนี้จัสตินมันหันมามองหน้าผมครับ “ส่วนคนสุดท้ายก็บูโด้  จากอินโดนีเซีย  ทุกคน...นี้จัสตินเพื่อนรูปหล่อของแนคจากเยอรมันจ้า” 

“หวัดดีครับ” ไอ้โหดมันผงกหัวนิดทักทายคนอื่นแล้วหันมายิ้มกับผม  ยิ้มทำไมวะมรึง?  :untrust:

เรานั่งคุยไปกินไปจนคนอื่นๆ ทยอยลุกไปทำงานต่อรวมทั้งสามคนนั้นที่ร่วมโต๊ะกับเราเมื่อกี้  ตอนคุยผมก็กดปุ่ม ’สตรอเบอแหล’ ให้ทำงานสุดชีวิต  หวังเรียกคะแนนนิยมจากพี่เต่า  มีมารยาท เฮ้ย! กลเม็ดเท่าไหร่ก็งัดออกมาใช่หมด เช่น

การชมแต่พองาม
‘ปลาอบขิงของพี่เต่าอร่อยจังทำไงหรอครับ  ผมขอสูตรหน่อยสิครับ’
‘อร่อยหรอ  พี่ว่าจืดๆ ออก’ แป่ว!!!
‘ครับผมก็ว่างั้น  แต่ถ้าลองได้เติมเกลืออีกนิด  พริกไทยอีกหน่อย  ก็อร่อยเหาะเลยครับพี่’
‘แหม๋  ปากหวานเหมือนกันนะเราเนี้ย’

หรือการเห็นด้วยแต่พอควร
‘พี่ว่าสถานฑูตเนเธอร์แลนด์นี่หละหินสุดแล้ว’
‘ครับ  ผมก็ได้ยินมาว่างั้น  มีแต่คนบอกว่าผมนะดีแล้วที่เลือกไปขอวีซ่ากับฝรั่งเศส  เลยเจอแค่เสียเวลาเดือนสองเดือน  ไม่แน่ถ้ามาขอที่เนเธอร์แลนด์อาจโดนปฏิเสธเอาก็ได้’
‘ใช่ๆ ขอยากมาก  เรื่องมากสุดๆ ขนาดญาติพี่ยังเคยโดนมาจนเข็ดเลยนะ’

หรือว่าจะแย้งแต่พอสวย
‘อะไรกัน  เธอผ่านปารีสมาแล้ว  ยังมาชมว่าที่นี้สวยอีกหรอ’
‘ผมว่าดีออก  เมืองนี้สวยกว่าที่เยอรมันอีกครับ  เมืองเล็กๆ น่ารักๆ อากาศดีๆ อยู่ใกล้ธรรมชาติอย่างนี้  ผมไม่เคยเห็นเมืองไหนที่ความเป็นเมืองอยู่ใกล้ชิดจนแยกไม่ออกเหมือนอย่างที่นี่เลยครับ’
‘แหม๋  เธอก็  ที่นี่มันเมืองเล็ก  อะไรๆ ก็เลยเล็กตามไปด้วย  แต่ว่าก็สวยน่ารักจุ๋มจิ๋มไปอีกแบบอย่างที่เธอว่านั้นแหละ’  ว้ากกกกกกส์  อะไรๆ ก็เล็กหมดเลยหรอครับพี่  แล้วไอ้นั้นละครับเล็กด้วยหรอ  ไม่อยากจะเชื่อเลยเห็นตัวโตๆ กันทั้ง น้านนนนนนนส์

หรือไม้สุดท้าย...  ยอแต่พอดี
‘ขอบคุณพี่เต่ามากเลยครับที่เลี้ยงผมกับเพื่อนมื้อนี้  แถมยังชวนพวกเราไปทานข้าวที่บ้านด้วยกันอีกเย็นพรุ่งนี้’
‘อืม....อย่าลืมแล้วกัน  ไว้จะให้แฟนพี่มารับไปพร้อมกับกุลนะ  แต่ว่าหรือจะให้เธอไปก่อนดีนะท่าทางทำอาหารได้นี่เรานะ’
‘โห!  ระดับพี่เต่าแล้ว  ลองว่าได้ลงมือเป็นอร่อยทุกอย่างอยู่แล้วแน่นอนเลยครับ  แต่ว่าผมไปช่วยเป็นลูกมือพี่ดีกว่า  จะได้ไม่ทำของพี่เสียหาย  ตกลงไหมครับ’
‘หรอ  อิอิ  อืมๆ’

คิดดูนะครับทุกคน  ขนาดผมสารพัดจะงัดเอามารยามาใช้แล้วแต่ท่าทางผมคงได้คะแนนนิยมน้อยกว่าไอ้โหดที่เอาแต่นั่งยิ้มนั่งหัวเราะมองผมกับพี่เต่าคุยกันเหมือนคนเมากัญชาอย่างนั้นแน่เลยครับ  ก็พี่เต่าเล่นถามมันว่า

“แล้วพรุ่งนี้จัสตินอยากทานอะไรจ้ะ”  ไม่ยอมถามผมเลย แงๆๆๆ

“อะไรก็ได้ครับ  อาหารไทยอร่อยทุกอย่างอยู่แล้วครับ”  มันตอบแล้วบรรจงยิ้มเห็นฟันครบ 32 ซี่อีกรอบ

“ต๊าย!!  อะไรกัน?  จัสตินเคยทานอาหารไทยมาก่อนแล้วหรอเนี้ย  ตายละ! พี่จะทำชื่อเสียงอาหารไทยเสียละมังคราวนี้”

“ไม่หรอกครับ  ผมก็เพิ่งลองทานเมื่อสองสามวันก่อน  พอมีคนใจดีทำให้ชิมนะครับ  เลยติดใจอะไรที่เป็นไทยๆ เป็นพิเศษ”

“หรอๆๆ  ดีเลย  พี่ยังกังวลอยู่เลยว่าจะทำอย่างไงให้มีอาหารที่ทุกคนสามารถทานได้อยู่พร้อมกันบนโต๊ะในหนึ่งมื้อ แหม๋...จัสตินนี่ดีจังเลย  ชอบอะไรที่เป็นไทยๆ ด้วย” 

“ครับผม”  แล้วมันหันมายักคิ้วกวนบาทาใส่ผม  เหอะ! พี่เต่านะพี่เต่า  เรารึอุตส่าห์สตรอเบอแหลสุดชีวิตดันไม่ถามว่าอยากกินอะไรบ้างแต่กลับหันไปถามไอ้โหดแทน  มันน่าโมโหไหมเนี้ย  แล้วอยู่ๆ ไอ้โหดมันก็พูดว่า

“ผมขอตัวเอาจานไปเก็บก่อนนะครับ”

“เชิญ ตามสบายจ้า  เก็บตรงนั้นนะ...  นี่แนคเธอรู้จักเป็นเพื่อนกันจัสตินนานยังอะ”  พี่เต่าหันมาถามผมหลังไอ้โหดมันเสแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษเอาจานของมัน ของผมและพี่เต่าไปเก็บให้พนักงานที่เคาเตอร์เก็บจาน

“ยังครับพี่  เพิ่งรู้จักกันวันที่นั่งรถมาที่นี่จากเยอรมันด้วยกันเท่านั้นเอง  แต่เผอิญว่าต้องมาพักห้องเดียวกันนะครับ” ผมบอกเสียงอ่อยๆ ในตอนท้าย  ก็มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้านี้ครับ  ถ้าลองผมได้พักห้องเดียวกับขวัญใจผม...โมนิค หละก็  ไม่มีทางทำหน้าทำเสียงแบบนี้หรอกครับ

“อ้าวหรอ?  พี่เห็นพวกเธอสนิทกันดีจังเลยนึกว่ารู้จักกันมานานแล้ว  นี่พี่ก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าเธอสองคนเอาเวลาที่ไหนไปรู้จักกัน”

“ก็นั้นไงครับพี่  แล้วถ้าเป็นพี่  พี่จะรู้จักกับคนที่ต่อยพี่ตาเขียว คางช้ำไหมครับ”  :monkeycry2:

“ไรนะ?!  ใครชกเธอเหรอ  จัสตินหรอ?”

“คุยไรกันอยู่ครับพี่เต่า”

“อ๋อ! จัสติน  พอดีแนคเขาบอกพี่ว่าเธอต่อยเขา”

“อ้อ! หยอกกันเล่นตามประสานะครับพี่  คนมันสนิทกันก็อย่างงี้ละครับ”  พูดไม่พูดเปล่านะครับ  ดันมานั่งกอดไหล่ผมแล้วเขย่าเสียนี้  ผมจะทำอะไรได้ครับนอกจาก…

“แฮะๆๆๆๆ”  ฮื่ออออ  T.T
................................................................................




พอ :3061: เลยมาจากรูปด้านบนก็จะเจอกับประตูเมืองอันนี้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2006 03:10:23 โดย oaw_eang »

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #58 เมื่อ20-12-2006 08:31:27 »

เหอเหอ   :sad4:

ชอบคับชอบ  :impress2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #59 เมื่อ20-12-2006 08:48:26 »

สนุก ๆ   :yeb:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด