พิมพ์หน้านี้ - [บันทึกรัก Leiden]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: oaw_eang ที่ 27-10-2006 22:35:11

หัวข้อ: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 27-10-2006 22:35:11
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ



.::.กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ .::. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)





8 Mar. 2006

17.45 น. Potsdam hofpbahnhof

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/postdam.jpg)

   “แกเดินเร็วๆ เด้ รถมาแล้ว” ไอ้โอ้ส่งเสียงเร่งมาเมื่อเห็นผมยังนวดนาดโอ๋เอ๋วิหารลายเดินชมวิวในสถานีรถไฟอย่างสบายอารมณ์อยู่  วันนี้ผมต้องเดินทางต่อไปยังเมือง Leiden ประเทศเนเธอร์แลนด์ครับ  ผมมีตั๋วอยู่สองใบ  ทำไมนะเหรอ? 

         ก็เพราะตอนแรกผมได้รับเมลล์จากเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยที่ผมติดต่อเรื่องจองห้องพักว่า  ‘ห้องพักที่ผมอยากได้ไม่ว่างหากผมจะมาวันที่ 9 มีนาคม จะต้องไปพักที่โรงแรมก่อนแล้วพอถึงวันที่ 13 มีนาคม จึงจะสามารถเข้าพักที่ห้องพักรับรองของทางมหาวิทยาลัยได้’ ผมก็เลยจิตตกกลัวแพงไม่อยากไปพักที่โรงแรมตั้งหลายวัน  ก็เลยจัดการเมลล์ตอบกลับไปว่าจะไปถึงนั้นวันที่ 13 แทนแล้วรีบไปจองตั๋วรถทัวร์ออนไลน์ของบริษัท eulolines ในราคานักศึกษาเลือกเดินทางวันที่ 12 ให้เขาส่งตั๋วมาทางไปรษณีย์เอาชื่อกะที่อยู่ของไอ้โอ้ใส่ไปครับ   

           พอผ่านไปสองวันตั๋วก็มาส่งเขาคิดราคาค่าตั๋ว 29 ยูฯ บวกค่าธรรมเนียมอีก 5 ยูฯแล้วค่าส่งไปรษณีย์อีก 2 ยูฯ  รวมทั้งหมดเป็น 36 ยูฯครับ  เจ้าของหอที่โอ้พักเป็นคนรับจดหมายแล้วจ่ายเงินไปให้ก่อน  ผมเลยให้โอ้เอาเงินไปให้เขาพร้อมกับขอบคุณเขาเป็นการใหญ่    :impress:

         พอรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ก็เมลล์มาบอกว่าแกจัดการจองใหม่ให้ผมแล้ว  สามารถจองได้ตั้งแต่วันที่เก้าแล้วผมยังอยากจะมาวันไหน  ไอ้ผมก็เกรงใจ  เขาอุตส่าห์ดิ้นรนจัดการจองให้ได้ตรงตามวันที่เราบอกไป  ก็เลยเมลล์ตอบไปใหม่อีกว่าจะไปถึงนั้นตามกำหนดการเดิมคือวันที่ 9 ให้เขาจองห้องพักได้เลยไม่ต้องเลื่อนอีกแล้ว    ทีนี้จะทำไงหรอครับก็ไปเลื่อนตั๋วสิ  เพราะว่าตอนที่พักที่ปารีสเพื่อนผมเขาจะเลื่อนตั๋วกลับอังกฤษให้เร็วขึ้นได้แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกประมาณ 5 ยูโรเป็นค่าเลื่อน  ผมก็นึกว่าที่นี่จะเลื่อนได้เหมือนกัน    :interest:

        ที่ไหนได้!!  ปรากฏว่าเลื่อนไม่ได้เพราะว่าตั๋วผมมันเป็นตั๋วราคาถูกไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้อีกก็เลยต้องกลับมาตั้งหลักใหม่  ทีแรกกะว่าจะไปรถไฟแต่ติดปัญหาตรงที่ตั๋วที่ราคาถูก (29 ยูโร) นั้นต้องซื้อผ่านเน็ตแล้วต้องใช้บัตรเครดิตซึ่งผมไม่มี  จะเอาของเพื่อนก่อนก็ไม่ได้เพราะเขาระบุว่าชื่อผู้โดยสารต้องตรงกับชื่อเจ้าของบัตร  พอจะซื้อที่ราคาแพง (94 ยูโร) แทน  ปรากฏว่าต้องเปลี่ยนรถหลายครั้งไม่มีแบบที่ไปจากเบอร์ลินถึงอัมสเตอร์ดัมในขบวนเดียวเลย  ต้องไปเปลี่ยนที่นั้นที่นี่เพราะว่ารถไปตรงๆ เลยไม่มี  ก็บังเกิดอาการหวาดหวั่นขึ้นมาครับว่าถ้าต่อรถเปลี่ยนคันไม่ถูก  จะทำไง  ขนาดเลือกเที่ยวที่เปลี่ยนน้อยสุดแล้วก็ยังต้องเปลี่ยนตั้งสามครั้งเลยไม่ไหวไม่กล้าเสี่ยงครับ  กลับมาตายรังที่รถทัวร์เหมือนเดิมก็เข้าไปจองออนไลน์ใหม่อีกครั้งคราวนี้ระบุชื่อผมแต่ที่อยู่เป็นหอเพื่อน   

         ปรากกว่ารออยู่หลายวันตั๋วก็ยังไม่มาเลยต้องเข้าไปจองใหม่  คราวนี้เวลามันกระชั้นเข้ามาราคาตั๋วเลยพุ่งครับ  จาก 29 เป็น 39.20 ยูฯ  รวมค่าโน้นนี้แล้วเป็น 46.20 ยูฯครับแล้วก็ใส่ชื่อกะที่อยู่เพื่อนไป  คราวนี้สามวันได้ตั๋วก็เลยพากันสงสัยว่าทำไมตอนที่จองครั้งที่สองตั๋วไม่มา  ก็เลยไปถามเจ้าของหอว่ามีจดหมายแบบเดียวกันนี้มาบ้างไหมเมื่อสองสามวันก่อน  แกก็ตอบว่ามาแต่ว่าแกไม่รับเพราะว่าไม่รู้ว่าชื่อใครไม่รู้จัก  อ้าว! กรรมของเวร  ปรากฏว่าต้องซื้อตั๋วแพงเลย  ความจริงมีการเดินทางหลายแบบให้เลือกครับจะไปเครื่องก็ได้นั่งของ easy jet ไปมันถึงไวดีแค่ชั่วโมงกว่าๆ เอง แต่ว่าด้วยความงกไงครับ  มันแพงกว่ารถทัวร์เพราะรวมค่านั้นค่านี้แล้วเป็น 84  กว่ายูฯ  แล้วยังต้องไปขึ้นเครื่องตั้งแต่เช้าอีก  เครื่องออกตอน 6.30 น. อะครับคิดดู  หน้าอย่างผมไม่มีทางตื่นทันแน่เลยขอผ่าน  พอจะมารถไฟก็อย่างที่ว่าตั๋วถูกผมซื้อไม่ได้  ตั๋วแพงก็ต้องเปลี่ยนหลายต่อ  กลัวหลงกลัวพลาดรถไปไม่ทันบ้างอะไรบ้างเลยขอผ่านอีกแต่ก็ถึงเร็วนะครับแค่ประมาณ 6 ชั่วโมงเอง 

         ส่วนรถทัวร์ก็มีหลายบริษัทให้เลือกแต่ความที่ผมใช้บริการของ eurolines มาหลายครั้งแล้วเลยค่อนข้างสนิทใจมากกว่าที่อื่นๆ เลยเลือกใช้บริการที่นี้  ส่วนเวลาเดินทางก็ประมาณ 10 ชั่วโมง  สภาพรถก็ปลอดภัยดีครับ  รถใหม่ดีเสียแต่ว่าเบาะเอนได้ไม่มาก  แต่ว่าคนน้อยเลยสามารถยึดเบาะข้างๆ ที่ติดกันเป็นอาณานิคมได้ครับ ก็พอถูไถไปได้สำหรับผม เมื่อยหน่อยแต่ก็ทนๆ เอา  เงินมีไม่มากนี้ครับจะเลือกมากได้ไง  ว่าไหม? ก็เลยกลายเป็นว่าผมมีตั๋วรถสองใบไง  เท่ห์ไหม?  :try2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-10-2006 22:36:46
17.49 น. ชานชลาที่ 2 สถานีเดิม
   “แกช่วยฉันยกด้วยดี้  ไอ้นี่” ผมประท้วงเพื่อนมันนะครับ  ก็เล่นเดินตัวปลิวขึ้นรถไปอย่างนั้น  ไม่สงสารเด็กตาดำๆ อย่างผมเลย 
               เพื่อนผมพาขึ้นรถไฟด่วนครับเรียกว่า RE (Railway Express) เป็นรถไประหว่างเมืองภายในประเทศ  ถ้าระหว่างประเทศจะเรียกว่า ICE (Inter City Express)  ตัวรถเป็นสีแดงมีสองชั้นทุกทีเราจะชอบนั่งเสนอหน้าบนชั้นสองครับแต่ว่าวันนี้ผมเลือกนั่งข้างล่างแทนเพราะว่าหนักกระเป๋าครับ ขี้เกียจออกแรงยก

18.15 น. Zoologiesher station ชานชลาที่ 1

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/Zoo-mt.jpg)

   “มาชั้นแบกเป้ไปเอง  ส่วนกระเป๋าแบกไปเองเลยแก...ไม่ต้องเรื่องมาก  ตัวยังกะควาย กระเป๋าใบแค่นี้ทำเป็นยกไม่ไหว” ไอ้โอ้มันว่าผมครับ  คนมาลงที่นี่กันเยอะเพราะว่าเป็นสถานีหลักของเบอร์ลิน  ใครจะไปไหนต่อก็ต้องมาต่อรถที่นี่  ไม่ว่าจะไปในเบอร์ลินเอง  หรือว่าระหว่างเมืองแม้กระทั้งระหว่างประเทศก็ตาม

   ‘พลั๊ก’  เสียงไรหรอครับ? ก็ผมอะดิ  ดันไปชนกะใครไม่รู้ตอนลงรถ  กระเป๋าร่วงหลุดจากมือเลยครับ  รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ตรงเล็บที่ปลายนิ้วชี้    ก็นิ้วนี้ผมไว้เล็บยาวนี่ครับ...

             ผมมัวแต่เจ็บเล็บกับพยายามสอดส่ายสายตาเหลียวหาไอ้โอ้ที่เดินจ้ำหายไปแล้วกับฝูงชนเลยไม่โอกาสได้หันไปขอโทษคนที่ผมชนเขา  อย่าว่าแต่ขอโทษเลยครับ...แค่จะหันไปมองว่าเป็นใคร  ผมยังไม่ทันหันเลยครับ  มัวแต่รีบยกกระเป๋าแล่นตามไอ้โอ้ที่เดินเหมือนตามควายหายไปล่วงหน้าก่อนแล้ว  ไม่ได้เสียมารยาทนะครับแต่ว่ารีบจนไม่มีเวลานึกเลยจริงๆ

   ผมลากกระเป๋าวิ่งมาทันโอ้ตรงบันไดเลื่อนที่จะลงไปใต้ดินพอดี  เดินไวจริงๆ หมอนี้  เราต่อรถไฟใต้ดินสาย U2 ทิศทาง Rublen ครับคราวนี้คนน้อยเลยไม่ต้องรีบยกกระเป๋าแต่ว่าเล็บผมปวดตุ้บๆ เลยครับ

18.43 น. เยอรมัน Kaiser-dam streisse station (underground line U2)

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/berlintrain.jpg)

   “ไงแก? ไปทางไหนต่อละ” เสียงไอ้โอ้เพื่อนผมถามหลังที่เราช่วยกันลากกระเป๋าขึ้นมาบนพื้นพิภพสำเร็จ  ตอนแรกทำไปเก่งเดินพรวดๆ ตอนนี้ดันหันมาถาม

   “นี่ไง...  ตามมาทางนี้เลยครับน้อง...เดี๋ยวเฮียพาไปเอง  มันต้องไปทางตึก ICC โว้ย ไอ้บ้า”ผมกับเพื่อนเดินลากกระเป๋าฝ่าละอองหิมะที่โปรยปรายลงมา  ไม่มากหรอกครับตกลงมาแล้วก็ละลายพอให้พื้นแฉะๆ  ไม่เหลือกองสุมไว้เหมือนวันก่อนๆ แต่ว่าแบบนี้จะหนาวกว่าแบบที่ตกลงมามากๆ เสียอีก แปลกจังเลยครับ....ว่าไหม? 
             
             เราสองคนไปหยุดยืนหันซ้ายหันขวาเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงที่ท่ารถทัวร์  ทำไมหรอครับ? ก็เจ้าเพื่อนผมมันก็ไม่เคยมาที่นี่  ผมเองก็แค่มาลงรถวันก่อนแล้วเดินออกไปเลยในวันที่มาถึงวันแรก  ไม่ได้เข้ามาในอาคารอย่างนี้เลยไม่รู้ว่าจะต้องไป check in เอากระเป๋าขึ้นรถได้ที่ไหน  เลยลองเข้าไปถามมั่วๆ เอา 

   “ คุณสามารถไป check in ได้โดยตรงที่รถได้เลยคะ” พนักงานสาวหน้าบึ้งตอบมาแบบนี้ครับ  ถ้าผมแปลไม่ผิดนะ!!

   ผมกับไอ้โอ้เลยพากันไปนั่งรอที่หน้าประตูหมายเลข 1 กันเพราะว่ารถจะมาจอดรับที่นั้น  ผมเดินไปกดกาแฟจากตู้อัตโนมัติมาเพราะว่าหนาวเลยอยากทานอะไรร้อนๆ แต่ว่ารสชาติมันไม่เอาอ่าวเลยครับ  ผมทนจิบไปได้นิดเดียว
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-11-2006 21:27:43
“ใจหายวะ!  พอถึงวันที่แกต้องไปขึ้นมาจริงๆ” อยู่ๆ โอ้ก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก

   “ไรแก?  หายตรงไหน?  ฉันไม่เห็นหายเลย  ไม่ดีหรอ? จะได้ไม่มีใครคอยชวนแกคุยตอนแกจะอ่านหนังสือไง...ดีออก  เห็นบ่นเหลือเกินนิว่าฉันชวนคุยจนไม่ได้อ่านหนังสือหนังหา”

   “แต่มีแกอยู่ก็ดีเหมือนกันนะ  เห็นไหมว่าฉันก็ไม่ได้ว่าไรแกสักคำ  แกไม่อยู่ซิ...ฉันคงเหงาอีก  ตอนนี้ฉันว่าฉันเป็นโรคคนเมืองอย่างที่แกว่าแล้วอะ”

   “อะ! เมื่อความเหงากัดกินถึงกลางใจ  ฮ่าๆๆ ไงรู้รสชาติมันยัง?  ว่าร้ายกาจขนาดไหน”

   “เออ...  ตอนนี้ฉันไม่ชอบบรรยากาศตอนเย็นๆ เลย  ยิ่งตอนนี้อากาศยิ่งหนาวๆ อยู่ด้วยยิ่งไปกันใหญ่   ฉันเลยต้องไปห้องไอ้ใหญ่บ่อยๆ ไง” โอ้พาดพิงถึงเพื่อนอีกคนที่เรียนอยู่ที่เดียวกัน “แต่พอฉันเล่าให้ไอ้ใหญ่ฟังว่าฉันเป็นโรคคนเมืองอย่างที่แกว่า  มันบอกว่าไงรู้ไหม?  มันบอกว่ามันไม่เห็นเป็นเลย  ฉันนะสำออยไปเอง”  โอ้ทำหน้าเศร้า

   “ไม่หรอกแก  คนเรามันพื้นฐานไม่เหมือนกัน  ฉันกะแกครอบครัวอบอุ่นอยู่ใกล้กันมากจนบางทีอุ่นจนร้อนก็มี  พอมาอยู่ห่างๆ กันอย่างนี้โรคมันเลยจู่โจมเร็วไง  เหมือนคนไม่มีภูมิต้านทานนั้นแหละ”

   “คงจริงอย่างแกว่า  อย่างวันนี้ฉันเห็นไอ้ลมมันร้องไห้ด้วยนะแก” โอ้ทำหน้าตื่นเต้นพอเล่ามาถึงตอนนี้

   “จริ้ง? อย่างไอ้ลมเนี้ยนะ ร้องไห้  มะเชื่อโว้ย  ไม่มีทางหรอกแก” ผมก็ค้านอย่างแรง :pigscare2:

   “จริงๆ นะแก  ฉันเห็นมากะตาเลยว่าน้ำตามันหยดติ๋งๆ ที่ขากางเกงมันตอนที่ฉันปลุกให้มันลุกขึ้นมากินข้าวกินยา  คนมันป่วยไกลบ้านนะแกคิดดู  ไม่มีใครมาเอาใจ  ไม่มีใครมาให้อ้อน” ไอ้โอ้ทำเป็นเข้าใจหัวอกไอ้ลมทั้งๆ ที่ตอนไอ้ลมยังดีๆ ไม่ป่วยไข้อย่างนี้ผมเห็นมันกัดกันจะตาย  ผมละเบื่อที่ต้องเป็นกรรมการตัดสินคดีความของมันสองคน

   “อ้าวไอ้นี่! ไหนว่าเกลียดมันจะตาย  จะไม่สนใจมันไง  ตกลงเอาไงฉันจูนคลื่นตามไม่ทันแล้วนะเว้ย”

   “ก็พอเห็นน้ำตามัน  ฉันก็ใจอ่อนตามประสาคนน้ำใจดีที่เขาเป็นกันไง  ไม่เหมือนแกหรอก” อ้าว! มันยังมีแก่ใจมาแว้งกัดผมอีก :untrust:

   “มันก็คงเหงานะแก  ตอนยังดีๆ ก็ทำปากเก่งไม่ง้อใครแบบว่าอยู่คนเดียวได้  ไม่มีใครคบก็ช่าง  ไม่ยอมปรับปรุงนิสัยแย่ๆ ของมัน แกเองก็เตือนมันตรงๆ แล้ว  ขนาดฉันเองเพิ่งมาอยู่ไม่กี่วันก็หลอกด่าหลอกเตือนมันไปแล้วมันยังไม่สำนึกอีก  ก็ยืนดูเฉยๆ ปล่อยให้มันตกเหวตายไปเองเถอะวะแก  ช่วยไม่ได้ทำตัวเองนี่  พี่เชื้อเตือนแล้วไม่ฟังเองแถมเถียงอีกต่างหาก  แกว่าไหม?”

   “ที่แกว่ามามันก็จริง  ฉันเองก็ทำอย่างที่แกว่าแล้วไงสวมวิญญาณคนใจร้ายยืนดูมันตกเหว” มันหลอกว่าผมรอบสองครับ 
             
              ความจริงผมก็ใจแห้งนะพอได้ฟังอย่างนี้  ลองนึกภาพนายลมเป็นผู้ชายร่างใหญ่ (เรียกว่าอ้วนดีกว่านะผมว่า) นั่งโศกสลด  ร้องไห้น้ำตาหยดติ๋งๆ....   เมื่อบ่ายตอนยังอยู่ด้วยกันที่ในห้องลมก็บอกกับผมว่าคิดถึงบ้านจังเลยพี่  แต่ผมไม่สนใจเพราะว่าผมก็ประกอบพิธีตัดหางหมอนี่ปล่อยวัดไปเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน   

            นายลมคนนี้ความจริงก็มาเรียนที่นี่พร้อมๆ กันกะโอ้  แต่ว่านักเรียนไทยทั้งในเบอร์ลินและพอต์สดัม (Potsdam) พากันตัดหางปล่อยวัดกันหมดเพราะนิสัยแปลกๆ ของลมที่ชอบดื้อใครเตือนไรไม่ฟัง 

           ลมไม่เคยผิดสักครั้งในทุกสถานการณ์  แถมคนที่คิดไม่เหมือนกะลมจะเป็นคนที่แย่มากๆ  ในสายตามัน   ไม่เคยมีใครดีเลยนอกจากตัวมันเอง  ชอบคุยแต่เรื่องของตัวเองไม่ว่าจะเรื่องงานวิจัย  เรื่องความไม่เอาไหนของผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ทั้งที่เมืองไทยและที่นี่ของลมหรือสิ่งที่ลมคิดว่าไม่เข้าท่าแม้ว่าบางทีมันอาจเป็นเพียงแค่เฉพาะลมคนเดียวเท่านั้นที่เห็นเป็นอย่างนั้น 

          ขนาดผมเองเรียนคนละสาขากับลมแต่ลมยังมาคุยเรื่องงานวิจัยที่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจเฉพาะด้านมากๆ ถึงจะคุยกันรู้เรื่อง  แล้วลมก็เหมาว่าผมนี้รู้เรื่องไปกะลมด้วย  ครั้งสองครั้งไม่ว่าไงหรอกครับ   ศรีทนด้ายยยยยยยส์   :pigangry2:

              แต่นี้อะไรคุยทุกวันเลยขนาดผมทำหน้าเซ็งสุดขีดลมก็ยังไม่เห็นยังอุตส่าห์นึกว่าผมไม่เข้าใจแล้วอยากรู้มากกว่านี้เลยไปหยิบวารสารวิชาการที่เกี่ยวข้องมาให้ผมอ่านอีก  ผมละอยากตายยยยยยย   

              รู้ไหมครับว่าการทำอย่างนี้มันเสียมารยาทอย่างมาก  เพราะว่างานวิจัยขั้นสูงๆ นั้นมันต้อง deep มากๆ เลย  ขนาดเจ้าของเรื่องเองบางทียังงงๆ  แล้วให้คนนอกที่เรียนคนละสาขาอย่างผมมาฟังเลคเชอร์จากนายลมแล้วใครมันจะไปทนไหว   

            โอ้บอกว่าลมทำอย่างนี้กับทุกๆ คนที่ลมคุยด้วยจนเขาพากันระอาลมไปหมดแล้ว  จนผมเองก็งัดวิชามารมาใช้ครับ  ทำเป็นคุยกะโอ้เรื่องเพื่อนที่มีนิสัยอย่างลมว่าไม่มีคนชอบหรอกมีแต่จะพากันเอือมให้ลมได้ยิน  ตอนแรกก็นึกว่าจะบิงโก  เห็นลมหยุดพูดๆๆๆๆ แล้วก็พูดแต่เรื่องงานของตัวเองไปอยู่สองสามวัน  พอมนต์ผมเริ่มเสื่อมลมก็เอาอีก  ผมเลยต้ององค์ลงปล่อยให้มันตกเหวไปเองตามระเบียบ....
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 06-11-2006 22:35:39
เรื่องจะปายแนวไหนเนี่ย
เดาไม่ออกเลย
มาต่อเร็วๆนะครับ
รู้สึกโดนกับคนชื่อลมนะ
ปกติคนชื่อลมในความคิดเราจะผิวดำแดง กล้ามเนื้อแน่นแบบนักกีฬา
หล่อเข้มอะไรแบบนี้หง่ะ แต่ก็ยังไม่เคยเจอใครชื่อลมนะ เท่ห์ดี
 :love2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-11-2006 10:51:54
จ้า........................... :myeye:

จะมาเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-11-2006 13:56:05
ตอนนี้นั่งๆ ไปมันเริ่มร้อนแฮะเลยถอดถุงมือออก  โห! ได้เลือดเลยอะ  เล็บผมหักครับ  สงสัยคงเป็นตอนที่เดินไปชนกับคนแล้วกระเป๋าตกตอนนั้นแน่ๆ เลย  ผมเลยต้องนั่งเล็มเล็บที่อุตส่าห์เลี้ยงไว้เสียยาว  เจ็บก็เจ็บ เสียดายก็เสียดาย  ส่วนไอ้โอ้มันไม่มองเลย  มันกลัวเลือดครับ...

19.15 น. หน้าประตูหมายเลข 1 สถานีรถทัวร์กลาง,  เบอร์ลิน
   “ไปกันเหอะแก จวนจะได้เวลาแล้ว” ผมเลยลุกขึ้นเตรียมตัวจะลากกระเป๋าออกเดินตามโอ้ไปขึ้นรถมีคนอ้อกันอยู่ตรงนั้นหลายคนแล้วเหมือนกัน

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/euroline.jpg)

   ‘พลั๊ก’ อีกแล้วครับผมไปชนใครเขาอีกละเนี้ย  อ้อ! ไอ้หนุ่มเยอรมันที่เห็นเดินไปเดินมาตอนที่ผมกะโอ้นั่งฟูมฟายกันหลายเรื่องตอนอยู่ในอาคาร  ผมสังเกตเห็นเขาเดินไปเดินมาหลายรอบ  คงจะรอรถอย่างเราเหมือนกัน  เดินไม่เดินเปล่าหันมาเหล่ผมสองคนอยู่หลายรอบ  ผมเลยแซวโอ้ไปว่ามีไอ้หนุ่มเยอรมันมามองด้วย....เปรี้ยวจริงเพื่อนเรา  มันก็เขินทุบผมอักๆๆ

   “ Ups! Sorry sir” ผมหันไปบอกเขาเท่านั้นจริงๆ แล้วก็เดินออกมาเลย ไม่ได้หันไปมองเขาเต็มตาหรอกนะ  แค่หันหน้าไปบอกแล้วก็หันกลับทันทีเพราะมัวพะวงเรื่องเม้าท์ต่อกะไอ้โอ้มันอยู่มากกว่า  คนมันกำลังจะจากกันแล้วนิ

    “ Hey!! Guy” ผมได้ยินเสียงคนเรียกจากด้านหลังพร้อมกับคว้าไหล่ผมกระชากอย่างแรงให้หันไป

   ‘พลั๊ก!’ คุ้นๆ ไม่ครับเสียงนี้แต่ครางนี้ไม่ใช่ผมไปชนใครเขาอีกหรอกนะ  แต่ว่าผมโดนต่อยครับ!!  ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นน้ำตาร่วง   :pigcry3: ดาวขึ้นเลยครับ

   “ชนคนแล้วขอโทษแค่นี้หรอ  หัดหันมาดูซะบ้างว่าคนอื่นเขาเป็นไง  ดูดิ!  ฝีมือแกทั้งนั้นเลย” ผมเลยแหงนหน้าไปดูเขา  เสื้อเขาเลอะเทอะรอยโดนกาแฟหกราดหมดเลยครับ 

“อ้าว!  แล้วใครเป็นคนทำ  แล้วคุณทำมาชกเพื่อนผมทำไม” โอ้กางปีกปกป้องเพื่อนสุดชีพ  มันถลามาพยุงผมที่ลงไปนั่งพับเพียบน้ำตาไหลอยู่ที่พื้น  แล้วก็ชี้หน้าถามไอ้หนุ่มนั้น

“จะมีใครก็เพื่อนแกนั้นแหละ  แม่ง! ชนกูหลายรอบแล้วนะวันนี้  ที่ Zoo ก็ทีนึงแล้ว  นั้นก็ไม่ขอโทษ  ชนขนของกูตกลงไปในรางรถไฟจนพับยับแล้วยังมาชนจนกาแฟราดอีก  มันน่าซ้ำอีกทีดีไหมนะ  แค่นี้มันยังน้อยไปนะกูว่า”  มันทำท่าจะปราดเข้ามาชกผมอีก  ดีแต่ว่าเพื่อนมันที่มาด้วยกันเข้ามากั่นไว้ก่อน  คนแถวนั้นมองกันเต็มเลยครับ  พวกผู้หญิงบางคนก็อุทาน “มายก๊อด” แล้วเอามือปิดปากตัวเอง  ผมนะ งงก็งง  อายก็อาย  เจ็บก็เจ็บ กลัวก็กลัว สารพัดความรู้สึก  พูดไรไม่ออกได้แต่มองหน้ากันกะไอ้โอ้แล้วก็เกาะมันแจ

“เออๆ ขอโทษอีกครั้งแล้วกัน” โอ้ว่างั้น

“แล้วมันหายกันไหม  เสื้อผ้าเลอะเทอะอย่างนี้  ของก็พัง”  มันยังพาลไม่เลิก

“ก็แกก็ชกเพื่อนฉันแล้วนี่หว่า  จะเอาไงอีก  ถือว่าหายกันไปเถอะ”  เพื่อนของมันก็เห็นด้วย  ขอโทษพวกเราก่อนที่จากลากมันไปทางห้องน้ำ...
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-11-2006 14:03:44
“แกไปชนมันตอนไหนวะ” ไอ้โอ้ถามผมงงๆ 

ผมก็ส่ายหน้าอย่างเดียวตอนนั้นจำไม่ได้จริงๆ สมองมันขาวๆ ยังไงไม่รู้คิดไรไม่ออก  เกิดมาเพิ่งโดนต่อยเต็มแรงจริงๆ ก็วันนี้เอง   อย่างมากสุดนะก็แค่หมัดมวยวัดตอนทะเลาะกับเพื่อนสมัยเด็กๆ  อ้อ! แต่ถ้าโดนตบนี้เคยเจอมาหลายฉาดอยู่ครับ  ตอนนั้นอยู่ ป.6 แล้วทำซ่ายกพวกไปทะเลาะตบตีกะรุ่นพี่ผู้หญิงชั้น ม.3 เรื่องของตัวเองหรือก็เปล่าเรื่องของเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องมากกว่า  ตัวเองไม่เกี่ยวข้องอะไรเล้ย  แต่แบบว่ารักเพื่อนไงครับ  เพื่อนข้าใครอย่ามาแหยม พากันยกไปทั้งห้อง (โม้ครับความจริงลงสังเวียนแค่หกคน  นอกนั้นเป็นกองหนุนที่ยืนดูเฉยๆ ส่วนพี่เขามากันสี่คน)  ผลเป็นไงหรอครับ? หน้าชาไปเลย 555 รอยข่วนเป็นทาง  กระดุมเสื้อขาด  เจ็บหนังหัวสุดๆ ก็พี่เขาเล่นจิกหัวแล้วตบนิ…

ผมกะโอ้ก็เดินไปขึ้นรถแบบงงๆ เดินลากกระเป๋าพลางลูบคางไปพลาง  ดีนะที่มันชกโดนกรามถ้าโดนจมูกนะ ผมคงสาหัสไปกว่านี้แน่ๆ เลย ไอ้โอ้ตาแดงๆ ไม่รู้ว่ามันสงสารผมหรือว่าเศร้าที่ผมจะไปแล้ว  อยู่ๆ มันก้อว่า

“เป็นไงบางแก  ค่อยยังชั่วขึ้นยัง”

“อืม....  ยังเจ็บอยู่หน่อยๆ วะ  น่ากลัวชะมัด  แม่ง! ยังตกใจไม่หายเลย  ท่าคนเยอรมันจะดุอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ”  คือเคยมีคนบอกว่าสมัยที่มีบอลโลก  ถ้าวันไหนเยอรมันลงแข่งละก็  อย่าได้เที่ยวออกไปเดินเผ่นพล่านเชียวนะ  เดี๋ยวมันพาลพาโลมาตีหัวเอา

“เออ...ฉันก็เหมือนกันว่ะ  อยู่ดีๆ เห็นแกลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว”

“น่านดิ!  :sad4:“  ผมทำหน้าน่าสงสารเออออไปกับมัน

“ไม่รู้แกกับฉันจะได้เจอกันอีกเมื่อไรเนอะ”

“เออ...  จะพยายามอยู่ กทม. ตอนที่แกกลับไป”

“สัญญา”

“ไม่โว้ย!  แต่จะพยายาม  เข้าใจไหมว่ามันต่างกันระหว่างสัญญากับจะพยายาม”  ผมย้ำกับมันอีกรอบ

โอ้ทำให้ผมแปลกใจหลายรอบวันนี้  เมื่อกี้ก็ทำแมนกางปีกปกป้องเพื่อนซ้า  แล้วยังมาใจดีสงสารไอ้ลมตัวแสบอีก  ตอนนี้ก็ยังทำตาแดงๆ ไม่อยากให้เพื่อนไป   แต่ตอนที่ผมอยู่มันก็ชวนผมกัดกันทั้งวัน  พอผมจะไม่อยู่ดันมาทำเศร้า ผมละขำมันแต่หัวเราะไม่ออกเพราะเจ็บคางเลยได้แต่แอบขำในใจเงียบๆ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-11-2006 14:10:51
“แกว่าฉันกวนทีนไหมวะ” ผมถามมันตอนยืนรอส่งกระเป๋าให้พนักงานยกไปเก็บใต้ท้องรถ  พร้อมๆ กับควานหาเหรียญจำนวน 1.50 ยูฯเพื่อให้พนักงานแต่ไม่รู้ว่าค่าอะไรเห็นเรียกเก็บทุกคน  สงสัยค่ายกกระเป๋า  ทำไมมันเก็บยิบเก็บย่อยจังนะ  บริษัทนี้ก็แปลกนะว่าไหมครับ  เป็นบริษัทเดียวกันแท้ๆ แต่พออยู่ต่างประเทศกัน  การจัดการการบริการก็ไม่เหมือนกันเลย  ผมละงง! เอากะเขาดิ

“เออ... กวน  กวนมากด้วย”

“เฮ้ย! ฉันไม่รู้ตัวเลยนะ  แต่ว่ามีคนบอกมาหลายคนแล้ว”

“เหอะ...  ยังไม่รู้ตัวอีกแกนี่   :untrust: กวนทีนจนฉันทำใจเลิกด่าไปหลายระดับแล้วโว้ย”  ผมไม่รู้ตัวจริงๆ นะว่าผมน่ะเป็นคนกวนอวัยวะเบื้องต่ำ  มีอันนี้อีกอย่างครับผมไม่ได้ยกหางตัวเองนะแต่ว่ามีคนบอกมาจริงๆ เขาว่าผมน่ะ ‘ไม่หล่อหรอก  แต่ว่ามีเสน่ห์’ ผมหละนึกไม่ออกจริงๆ เลยครับว่าไอ้เจ้าเสน่ห์ที่ว่านี้มันแอบอยู่ตรงไหน  หน้าตาเป็นไง  ส่องกระจกจนกระจกแตกเพราะรับไม่ได้ไปหลายบานแล้วแต่ก็ยังไม่ยักกะเจอ  ไม่งั้นผมจะงัดเอาออกมาใช้อยู่เรื่อยๆ เลยเชียวคู้ณ...
 :impress2:

“เฮ้ย! หลีกเดะ” เสียงใครวะคุ้นๆ เหะ  ผมกับโอ้พร้อมใจกันหาไปทางต้นเสียงแล้วก็พบว่า.....

......  :pigscare2: มันมาอีกแล้วครับ ไอ้ฝรั่งโหด!!  ผมกะไอ้โอ้กระเด้งหลบกันอุตลุด  ผวาไปตามๆ กัน  คนอาไร้เสียงโหดได้ใจจริงๆ 

“ ตายแล้วแก  มันไปคันเดียวกับแกด้วย  ไม่รู้ไปลงที่เดียวกันหรือเปล่าดิแก” ไอ้โอ้หวั่นใจแทนผม...  คืองี้ครับ   รถที่ผมไปนี่จะต้องไปเปลี่ยนอีกทอดครับที่ไหนไม่รู้  แต่ว่ามันเป็นชุมทางไงคือรถที่มาปารีส อัมสเตอร์ดัม เบอร์ลิน บรัสเซล จะเจอกันที่นั้น  ทีนี้ใครจะไปคันไหนต่อก็ให้ไปขึ้นรถที่มาจากที่นั้นต่อเพราะว่ารถจะวิ่งกลับเมืองที่วิ่งออกมาในตอนแรกครับ เช่นคนที่จะไปอังกฤษต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถจากปารีสแล้วค่อยไปเปลี่ยนอีกทีตอนรถไปถึงปารีสแล้ว  ส่วนผมจะต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถที่จะไปอัมสเตอร์ดัมไงครับ

“ไอ้เวรนี่!  อวยพรดีมากเลยนะแก  ฉันตายกันพอดีถ้าไปลงที่เดียวกับมัน  สาธุ...ให้มันไปลงที่ชอบๆ เถอะเจ้าประคู้ณ…”

“เออ...นั้นสิ  ไปได้แล้วแกถึงคิวแกแล้ว”

“เฮ้ย! แกอย่าเพิ่งกลับไปไหนนะ  ให้ฉันไปนั่งที่ก่อน   แกอยู่ช่วยส่งภาษากับคนขับก่อนเดะ” ผมตื้อมันให้อยู่ต่อ  ความจริงคือกลัวไอ้โหดนั้นเล่นงานเอาอีกนะครับ  มีเพื่อนอยู่ต่ออีกนิดก็รู้สึกอุ่นใจมากกว่าจะให้มันไปเลย

“หวาย...แก!!!   ไอ้นั้นมันมาต่อหลังเราเลยอะ” ไอ้สะกิดผมหยิกๆ

จริงครับไอ้โหดมันมายืนตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้  ผมกำลังขวัญหาย  ประสาทการสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวเลยหดหาย “มันจะไปนั่งใกล้แกไหมวะ”

“ห๊า! ไม่นะ  แต่ฉันว่าคงไม่หรอกแกวันนี้คนน้อย  ที่ว่างเยอะ  เดี๋ยวฉันจะเอากระเป่าเป้วางไว้ข้างๆ ไม่เอาไว้บนชั้น  ดีมะ?”

“เออ...  ดีๆๆ  งั้นชั้นไปก่อนนะ  บาย  โชคดีนะแก” แล้วมันก็รีบเผ่นไปทันที  จะทำไมหรอครับ? ก็ไอ้โหดมันยืนตาเขียวอยู่ไงครับ  ผมเลยอดเม้าท์กะเพื่อนต่อ  ตรวจตั๋วแล้วต้องไปหาที่นั่งเลย  ไม่กล้าเดินสวนผ่านมันลงมาเม้าท์กะโอ้ต่อ  แม้เวลาจะเหลืออีกสองสามนาที

“เออ  เหมือนกันโว้ย” ผมตะโกนบอกมัน  ไม่มีเวลามาเศร้าหรอกครับตอนนี้  กลัวมือกลัวทีนไอ้โหดมันมากกว่า  ก็คางผมยังเจ็บไม่หายเลยนิ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-11-2006 14:17:15
19.25 น.  บนรถทัวร์
   โอ้กลับไปแล้วครับ  เอ! ความจริงก็บอกไปแล้วนี่นะ  ผมเลือกนั่งแถวหลังๆ ที่มันว่างสองเบาะติดกัน  ด้านหน้าๆ ใกล้คนขับเต็มหมดแล้ว  มัวแต่เม้าท์กะไอ้โอ้เพลินเลยชวดโอกาสเลือกที่นั่งก่อนเลย...  มาแล้วครับ  ไอ้โหดมันเดินย่างสามขุมมาแล้วครับ  ผมรีบเอากระเป๋ามาวางแมะบนเบาะว่างข้างๆ ทันที  มันมาหยุดมองหน้าผมแป๊บนึงแล้วเดินเลยไปครับ  ผมละหายใจไม่ทั่วท้องจริงๆ เล้ย  :try2:

21.25 น.  ถึงไหนแล้วไม่รุ  :confuse:
เมื่อกี้ผมงีบสลบไปพักหนึ่งครับ  ตื่นมาบนรถเขาปิดไฟแล้ว  เปิดไว้เพียงสลัวๆ เท่านั้น  ปวดฉี่จังแต่ว่าขี้เกียจเดินไปห้องน้ำ  ห้องน้ำบนรถที่นี่เขาสะอาดดีครับ  แต่ว่าคนมันขี้เกียจไง  ว่าแล้วก้อหาท่านอนสบายๆ แล้วหลับต่อดีกว่า  แต่ว่าไอ้ท่าสบายนี้มันหายากจังเลยแหะ...

21.38 น.  ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง บนโลกมนุษย์ใบนี้

   ผมนอนไม่หลับอะ  เมื่อยหลังจัง  นี่หละหนาเพราะความงกเลยต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอย่างนี้ไง  ไม่รู้ว่าไอ้โหดมันนั่งตรงไหนเนอะ  ผมไม่กล้าหันไปดูแต่ว่ารู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ แหะ... 

นั่งนึกตะแคงนึก  พลิกตัวอีกสามตลบนึก  อยู่ๆ ก็นึกถึงเพื่อนสมัยเด็กๆ ขึ้นมา  ก็จะใครกันละครับก็ไอ้พวกที่ยกพลไปตบเขาจนโดนเขาตบกลับมานั้นไงครับ  เชื่อไหมว่าจนป่านนี้แล้วผมยังจำชื่อจริงนามสกุลจริงของมันแต่ละตัวได้อยู่เลย  แปลกดีครับที่เขาว่าเด็กประถมปลายอย่างพวกผมจะเริ่มแยกกันเล่น  ชายไม่เล่นกะหญิง  เด็กผู้หญิงก็ไม่เล่นปนกะพวกผู้ชาย  แต่ไหงพวกผมมันปนกันมั่วไปหมดไม่รู้  เวลาไปเตะบอลนังพวกนั้นก็กะเตงติดไปด้วย  เวลาเล่นก็มาฉุดกระชากเสื้อจนยืดยานย้วยไปตามๆ กัน  เวลาเล่นกระโดดหนังยางก็พวกผมนี้แหละครับที่ใช้กลยุทธ์ตีลังกาเข้าต่อกรตะลุยฝ่าข้ามด่าน ‘อีเขย่งสูงสุด’ จนพวกผู้หญิงวิ่งไล่ตีโทษฐานโกง   :laugh: นึกแล้วยังจำท่าทางของแต่ละตัวได้เลยว่าไอ้คนนี้มันต้องทำท่าอย่างนี้  นังคนนั้นมันต้องเท้าสะเอวประมาณไหนเวลามายืนด่ากะพวกรุ่นพี่  แล้วคุณละครับยังจำชื่อเพื่อนคุณคนไหนใครได้บ้าง

23.02 น. เมืองลึกลับครับ  เพราะว่าผมหาชื่อไม่เจอ แต่ท่าทางจะยังอยู่ในเยอรมันนี้หละ  สังเกตจากชื่อร้านค้าต่างตอนรถขับผ่านว่ายังมี der, die, das นำหน้า  แสดงว่าเยอรมันชัวร์ๆ
   รถจอดเปิดไฟสว่างโล่เลยครับ  อ้าว! มันประกาศว่าอะไรนะ  อีตาลุงคนขับนี้ชอบพูดเสียงอยู่ในคอไม่ค่อยอ้าปากกว้างเสียจริงๆ เลย  ผมละไม่รู้เรื่อง(ความจริงต่อให้แหกปากกว้างๆ กว่านี้ก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี  ก็ผมมันไม่กระดิกภาษาอังกฤษนิ)  จับได้สองสามคำว่า bus stop, change แล้วก็ Amsterdam  ที่นี้วิญญาณโคนันก็เข้าสิง  ปะติดปะต่อเรื่องสุดชีพ  เลยเดาว่าเขาคงให้เปลี่ยนรถเพราะว่าตอนมาจากปารีสก็เปลี่ยนอย่างนี้ที่หนึ่งแล้ว  ที่ผมลืมของไว้บนเราคันเก่าไงครับ...  ผมเลยคว้ากระเป๋เดินลงไปก่อน  แต่ว่าล้วงตั๋วเอามาเตรียมไว้  กะว่าจะไปถามอีตาลุงว่า ‘ไปอัมสเตอร์ดัมเนี้ยให้รอรถที่ไหน’

   “รอตรงนี้แหละ  เดี๋ยวรถก็มา” แกตอบเสียงงึมงำในลำคอ  หิมะโปรยปรายลงมาอีกแล้วครับ   เมื่อกี้อยู่บนรถก็ร้อนจนต้องถอดเสื้อกันหนาวออก  ตอนนี้ก็มาตากหิมะอีก  หมวกก็ไม่ได้เอามาเดี๋ยวหวัดจับกันพอดี   เลยกะว่าจะวิ่งไปยืนใต้ร่มอาคารแทน  ว่าแล้วฉวยกระเป๋าได้ก็ออกวิ่งร้อยเมตรเลย  ก็มันหนาวเจี๊ยกเลยอะ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-11-2006 14:22:35
‘พลั๊ก’ อีกแล้วครับ  คราวนี้ผมชนใครอีกอะ   :sad3: อ้ายยยยยยยส์  ไอ้โหดอีกแล้ว  แง! ซวยจัง  โดนต่อยอีกแน่เลย  ผมเลยขอโทษมันหลายคำพร้อมโค้งนิดๆ ให้มันด้วย  แล้วก็ยืนหลับตาปี๋ ใจเต้นอยู่ตรงนั้น  มันจะชกผมอีกไหมเนี้ย  ช่วยผมด้วยคร้าบบบบบ

   “คราวหน้าคราวหลังหัดดูคนบ้างก็ดีนะก่อนวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาแบบนี้  ดีนะที่เป็นคน  ถ้าเป็นรถถึงตายนะโว้ย”  มันบอกแล้วก็เดินผ่านไปเฉย  อ้าว! ผมก็งงดิ  ไหงงี้วะ  พอเราตั้งตัวให้ชกดันไม่ชก  เดินผ่านไปเฉย  งง
 :confuse:
   ผมก็เลยหันดูรถซ้ายขวาตามที่มันว่าแล้ววิ่งกระดืบๆ ไปหลบหิมะใต้หลังคาอาคาร 

              ความจริงถึงมองแล้วผมยังเคยเกือบโดนชนหลาย  ทำไมหรอครับ?  ก็ดูผิดทางไง  รถที่นี่มันวิ่งคนละเลนกับที่เมืองไทย  จากเลนซ้ายก็มาวิ่งเลนขวา  จากเลนขวาก็ไปวิ่งเลนซ้าย  ปกติเวลาจะข้ามถนนเราจะมองทางไหนครับ  ขวาก่อนใช่ไหมแล้วดูซ้าย  แล้วขวาอีกทีแล้ววิ่ง  แต่นี้พอขวาว่าง  ซ้ายยังมาไม่ถึง  แต่ขวาอีกรอบก็ยังวาง  ก็เลยกะว่าจะเดินไปหยุดกลางถนนแล้วค่อยข้ามต่อ  ที่ไหนได้พอย่างเท้าลงไปรถมันก็กดแตรเลยครับผมชักเท้ากลับแทบไม่ทัน  ก็รถมันมาใกล้ถึงแล้วแต่เรานึกว่ามันเป็นอีกเลนไงเลยเกือบไปหลายรอบ  จนต้องรอจนแน่ใจว่าไม่มีจริงๆ ทั้งสองเลนผมถึงข้าม  แต่กระนั้นก็ยังใจตุ้มๆ ต่อมๆ ทุกทีที่วิ่งแถ่ดๆ ข้ามถนนไป...

   ผมมายืนข้างๆ คุณป้าแก่ๆ คนนึง
   “คุณไปอัมสเตอร์ดัมเปล่าครับ” ผมเริ่มหาพวกเพื่อความมั่นในใจว่ามีเพื่อนไปทางเดียวกันจะได้ไม่ตกรถ  แต่ว่ารถที่มาตอนแรกก็ยังจอดอยู่   ถ้ามันออกแล้วคันใหม่ยังไม่มาผมใจสลายแน่

   “เปล่าจ๊ะ  ป้าลงที่นี่เลย” อ้าว! จุ๋มจิ๋ม  ไหงงั้น?... มีรถมารับคุณป้าหน้าเหี่ยวไปแล้ว  ผมยืนโด่อยู่ตรงนั้นคนเดียวครับ  คนอื่นๆ ยืนตากหิมะรอรถอยู่ที่เดิมตรงที่ลงเมื่อกี้  ใครจะไปทนไหว  เกิดมาเพิ่งเคยเจอหิมะครั้งแรก  มันก็ต้อง protect ตัวเองกันมากหน่อย  เดี๋ยวไม่สบายอย่างไอ้ลมขึ้นมาไม่มีคนให้อ้อนแล้วจะลำบากนะ  อย่าว่าผมเลย...

           “ชั้นไป  ทำไม?” ผมสะดุ้งเลยครับ อยู่ๆ ก็ยินเสียงไอ้โหดในระยะปะชิด  มันมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร  ไม่ยืนเปล่าสูบบุหรี่ปุ๋ยๆ  :serius3: ว่าแล้วเชียว...ทำไมมันเหม็นกลิ่นบุหรี่ 

             คุณป้าหน้าเหี่ยวที่ชิ่งหนีไปก่อนก็ไม่สูบ  ส่วนผมก็ไม่สูบแม้ว่าจะแอบพกมาก็ตาม (อย่าว่าผมนะ  บางทีมันหนาวมากๆ ก็เอามาสูบพ่นควันก็ช่วยได้บ้างเหมือนกัน  แต่ว่าซื้อมาตั้งนานแล้วยังไม่หมดเสียที  จืดเสียแล้วมั่ง  ใครจะรู้?) แล้วหมาที่ไหนมันสูบ?  ที่แท้ก็ไอ้โหดนี้เอง  ที่เยอรมันนี่คุณสามารถจะสูบบุหรี่ได้ทุกที่เลยครับยกเว้นบนรถโดยสารและสถานที่บางแห่งเท่านั้น

             “เปล่า ถามดู” ผมตอบเท่านั้นจริงๆ แล้วยืนตัวลีบใจลีบอยู่อย่างนั้นไม่กล้าขยับเขยื้อน   ในใจนึกว่าทำไมคำอวยพรไอ้โอ้มันศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้วะคราวหน้าต้องให้มันใบ้หวยเสียมั่ง  เพื่อประโยชน์สุขของผองเพื่อน
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: No_ProMises ที่ 26-11-2006 15:35:51
มาต่อเร๊วๆๆนะค๊าบบ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: tamjai_sengped ที่ 26-11-2006 17:01:52
อิอิ....น่าหนุก ๆ  :laugh:

มาต่อเร็ว ๆ นะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: No_ProMises ที่ 26-11-2006 19:56:48
ยังไม่มาต่ออีก

 :kikkik:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 28-11-2006 14:00:29
 :yeb: มาแปะโป้งไว้ก่อง อิอิ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-11-2006 15:32:52
สักพักรถจากอัมสเตอร์ดัมก็เข้าเทียบท่า  ผมก็ตั้งท่าจะวิ่งร้อยเมตรอีก  ก็คนมันกลัวนิครับ ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ มัน  ยิ่งตอนมาใหม่ๆ โดนไอ้โอ้มันกรอกหูเสียเยอะเรื่องความดุร้ายของคนเยอรมัน (เน้นเลยนะว่าความดุร้ายแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย) เลยกลัวเข้าไปใหญ่เมื่อเจอเข้ากับตัวเองแบบนี้  พอวิ่งออกไปยังไม่ทันพ้นชายคา   :o  เคยไหมครับ? ประสบการณ์หิมะสาด  มันสาดเข้าตาเลยครับ  อยู่ดีๆ ลมมันก็หวนขึ้นมาพัดหิมะเข้าหน้า  พอลมสงบผมตั้งท่าจะวิ่งอีกเพราะว่ามีคนไปอออยู่ที่รถมากแล้วเดี๋ยวไม่มีที่นั่ง  แต่นึกถึงคำไอ้โหดขึ้นมาได้  เลยชะงักหันไปดูมัน  ก็เห็นมันจ้องมาอยู่  ผมเก๊าะเลยหันซ้ายหันขวาเอาใจมันนิดดดดดส์นึงแล้ววิ่ง จู้ดๆๆ ข้ามไปเลย... 

               พอไปถึงก็เห็นคนยืนมุงอะไรกันก้ไม่รู้  เลยต้องสาระแนแถหัวเข้าไปดูมั่ง (จำไว้นะครับเราคนไทยต้องไม่ลืมกำพืดตัวเอง = ไทยมุง)
             
               :sad5: แว้กกกกกกกกกกกกก      อะไรนะ!?    เชื่อไหมครับว่าผมต้องยกกระเป๋าย้ายคันเอง  แล้วมันจะเก็บตังค์ผมไปทำไมตอนแรก  ยกก็ไม่ยกให้แล้วยังเรียกเก็บเงินอีก  วัยรุ่นตอนปลายเซ็งเลยครับ...

             เอ้อ!  เหนื่อย  ขนกระเป๋าแสนหนัก(เกินยี่สิบโลครับ  เดินทางกะรถทัวร์ก็ดีงี้แหละ  จะเอาอะไรเอาไปก็ได้ตามใจชอบ  แต่หนักหน่อยตรงที่ต้องขนย้ายเองนี่แหละคัรบ)   พอขึ้นไปบนรถได้   :impress2: ว้าวๆๆๆๆ   สุดบอดเลยครับ  ไฟบนรถนะแบบว่า  สุดๆ    เดี๋ยวค่อยมาเขียนใหม่ขอไปชื่นชมความงามของแสงไฟก่อนะ ว้าวๆๆๆๆๆ (รอบสอง)

            ผมมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับระบบแสงไฟบนรถครับ  สวยมากเหมือนยานอวกาศเลย  สงสัยคันนี้เพิ่งถ่อยมาใหม่แน่เลยคันก่อนๆ ไม่เห็นมี  พอหันมาอีกทีไอ้โหดมันมานั่งแถวเดียวแต่ฝังตรงข้ามกับผมตั้งแต่ตอนไหนแล้ววะ  ประมาณว่าผมนั่ง 6a-b มันนั่ง 6c-d อะไรทำนองนี้  ไอ้นี้ขัดลาภตาผมจริงๆ   :serius2:  กะว่าจะมีหล่อๆ มานั่งให้ชื่นชมซะอีก  ที่ไหนได้มันเอง  วัยรุ่นตอนปลายเซ็งรอบสอง...

                                                                                                                                                      9 Mar. 2006
1.27 น. ปั้ม shell ที่ไหนก็ไม่รู้ครับ

   รถมาจอดเติมน้ำมัน  ที่นี้เขาให้เราเติมเองครับ  น่าสนุกดีอยากลองเติมมั่งจัง 

   ‘ครึด.....’ ท้องผมเองละครับที่ส่งเสียงประหลาดๆ นี่  งั้นผมลงไปซื้อไรรองท้องก่อนนะเดี๋ยวมา  แป๊บนะครับ

   มาแล้ว! ได้โยเกิร์ตเหลวมาขวดหนึ่งกลิ่นเหมือนยาแก้ไข้เด็กเลย  ส่วนอีกมือผมกำขนมปังไส้ไส้กรอกไว้สองอันครับ  ขอบอกว่าที่นี่อดอยากขนมมากเลยครับส่วนใหญ่เน้นไปที่ลูกอมกับช็อคโกแลตเสียมากกว่า  ขนมหนักๆ ท้องหาอย่าง  นมก็ไม่ค่อยมีมีแต่เบียร์  อ้อ! แล้วก็กระทิงแดงครับ  ไม่น่าเชื่อ!!  นายแน่มาก...  มาขายได้ไงเนี้ย

             เมื่อกี้ตอนเดินขึ้นมา  (เอ๋! ความจริงผมกะว่าจะวิ่งขึ้นมานะ)  แต่พบหันไปเห็นไอ้โหดมันยืนพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ จ้องมาผมเลยต้องเปลี่ยนเป็นเดินเจี๋ยมเจี้ยมขึ้นมาแทนอีกแล้ว  แต่ว่าดีครับให้มันสูบมากๆ จะได้ตายไปเสียไวๆ ไม่ต้องอยู่ให้หนักโลกนาน  :haun5: อิอิ!  คนอาไร้โหดอย่างแรง

   แต่ผมขอโอกาสบอกไรอย่างดิครับ  ไอ้โอ้มันพูดถูกครับที่ว่าอาหารเยอรมันต้องเค็มนำหน้า  แล้วเค็มทุกอย่าง  เมื่อก่อนผมเถียงมันตลอด  มาตอนนี้เริ่มประจักษ์แล้วครับ  ขนมปังที่ผมซื้อมาสองอันแต่ทนกินไปได้แค่อันเดียวจริง   ขนาดกรอกโยเกิร์ตรสยาแก้ไข้หวัดเด็กก็ตามแล้วนะ...ยังเค็มติดลิ้นเลยครับ  วันก่อนซื้อขาหมูมาผัดก็เค็ม  ซื้อแกงกระป๋องมาก็เค็ม  ไส้กรอกที่หน้าตาคล้ายแหนมก็เค็ม  เลยต้องยกให้ไอ้โอ้มันชนะผมไปเรื่องนึง  นอกนั้นผมเถียงจนมันระอาไปเองนั้นแหละถึงเลิกพูด  :laugh:

3.08 น. กลางราวป่า ณ บนพื้นโลก
   ผมสะดุ้งตื่นครับ  อ้าว! เปิดไฟทำไมอะ  แล้วจอดทำไม  :confuse: ให้ลงไปฉี่หรอ  บนรถก็มีห้องน้ำนิ

   “Show me your passport, please” คุณพี่ตำรวจหน้ายับสะกิดบอกผมอีกรอบ 

             อ้าว! เกิดอะไรขึ้นหรอ  ถึงจุดผ่านแดนแล้วหรอ  ทำไมไม่เห็นมีด่านมีอาคาร  เห็นมีแต่ป่า  ผมนะใจหายแว้บ  หันเป็นดูไอ้โหดก็เห็นมันค้นกระเป๋าอยู่เหมือนกันเลยค้นมั่ง... 

           ไม่มีไรครับ  คุณพี่แกเรียกตรวจเพื่อความปลอดภัยเท่านั้นครับ  แต่เห็นมีอยู่คนนึง.....พี่แกโดนสะกิดให้ลงตามไปครับ  สงสัยมีไรผิดแหง่ๆ เลย...  ผมหันไปดูไอ้โหดอีก   ที่หันไปบ่อยเพราะว่ามันเป็นมนุษย์ตัวเดียว(อะไรนะ  ผิดหรอที่เรียกว่าตัว  ไม่ๆๆๆ  ถูกแล้ว....ก็ผมอยากเรียกมันว่า "ตัว" นิ  ใครจะทำไม?) ไอ้โหดมันเป็นมนุษย์ตัวเดียวที่ผมสามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องลุกขึ้นมองไง  ผมเห็นมันหลับคอพับคนอ่อนไปแล้วครับ  ไอ้เวร  ดันหันทีนมาทางนี้อีก  หน้าตาแกหาความศิวิไลเล้ยยยยยยยย(อย่างน้อยก็ในสายตาฉันแหละวะ)   มันจะเกลียดอะไรผมนักหนาแค่ชนสอง เอ!หรือสาม เอะ! หรือว่าสี่นะ  จำไม่ได้  เอาเหอะนา! แค่ชนแค่นี้ไม่เห็นจะบุบสลายตรงไหนเลย  ตัวยังกะควายถึก  หนาก็หนา  ใหญ่ก็หนากว่าผมอีก  ผมไปชนแค่เนี้ยทำไมต้องมองยังกะจะกินเลือดกินเนื้อขนาดน้านวะ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-11-2006 15:34:09

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ     :monkeysad:    ปลื้มจนน้ำตาจะไหล  เวอร์ไปปะครับเนี้ย
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-11-2006 15:45:55
5.18 น. สถานีรถทัวร์กลาง, อัมสเตอร์ดัม

   ถึงแล้วครับ  แต่ว่าไม่ดีเลยอะ  ฝนตก! ถึงจะปรอยก็เถอะ  สู้หิมะตกปรอยๆ ไม่ได้อย่างนั้นนะไม่เปียกแต่นี้แฉะมาเชียว  ว่าแล้วก็รีบลุกลงไปเอากระเป๋าดีกว่าเดี๋ยวชนไอ้โหดของมันหล่นตกน้ำอีก  ไม่ไหว!  เดี๋ยวหามีชีวิตไม่  ว่าแต่ว่า  ตอนนี้ผมอยู่ส่วนไหนของอัมสเตอร์ดัมหว่า...   :confuse:

            :3061: ผมเดินลากกระเป๋าแถ่ดๆ มาตามท้องถนน  ฟ้ายังมืดอยู่เลย  น่ากลัวชะมัด  แต่ว่าไม่เป็นไรมีคนที่ลงพร้อมกันเดินมาเป็นเพื่อนหลายคน  ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมฝรั่งที่ข้าวสารมันถึงได้เกาะกลุ่มกันเป็นก้อนดีแท้  สงสัยคงเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ละมั่ง  รวมกลุ่มเพื่อความปลอดภัย  อุ่นใจ  ไม่เหงา  เอ! รวมเพื่อการผสมพันธุ์ไปด้วยดีไหมนะ?  :haun6:

   ‘แล้วมันจะเดินไปไหนกันวะ’  ทายดิว่าผมถามใคร  แน่นอนครับไม่ใช่ไอ้โหดแน่  เฉลยดีกว่าผมถามตัวเองครับ 

             ผมก็เดินตามก้นย้อยๆ ของยัยแหม่ร่างอวบ  ไปเรื่อยๆ  ไม่รู้มันจะพากันเดินไปไหน  แต่ว่าท่าทางจะเป็นนักท่องเที่ยว  มันก็คงจะพากันเดินไปหาที่ต่อรถเหมือนผมนั้นแหลนะ  หรือว่าไงน้อ? 

             พอแหงนหน้าขึ้นคำตอบมาเลย  สถานีรถไฟ Amsterdam-Amtel (ชื่อเหมือนยี่ห้อเบียร์เลยเนอะ ว่าไหม?)   เดินเข้าไปก็จะเป็นห้องโถง หย่ายยยยยยส์ มาก  ว่าจะเข้าไปซื้อตั๋วเพื่อต่อรถไปอีกเมือง  แต่ว่ามันยังเช้าคงไม่มีพนักงานมาทำงานหรอก  แล้วจะทำไงดีอะ   หันซ้ายหันขวา  อ๊ะ! นั้นไง     

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/station.jpg)

             มีเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติสีเหลืองๆ วางอยู่หลายเครื่อง  ผมก็ไปด้อมๆ มองๆ ที่เครื่อง  ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายไปนั่งตามซอกตามลืบต่างๆ 

           ดูไปดูมาไอ้เจ้าเครื่องนี้มันก็คล้ายๆ กันนะกับที่เยอรมันแต่ว่าคนละภาษากันที่นี้ใช้ภาษา ‘ดัชท์’ ที่นู้นใช้ภาษา ‘ดอยส์ช’ แต่บางทีก็เหมือนมีภาษาฝรั่งเศสมาผสม  มั่วจัง!!   :really2: แต่ว่าดีอย่างที่เขามีปุ่มกดให้เลือกภาษาด้วย   ผมกดแมะตรงรูปธงชาติอังกฤษนั้นแหละ  ภาษาอื่นหรอ? ไม่มีปัญญาหรอกครับ 

          พอกดไปกดมาจนตอนสุดท้ายต้องเลือกวิธีการจ่ายเงินดันไม่ให้หยอดเหรียญหรือสอดแบงค์อีก  บัตรก็รับแต่ของมาสเตอร์การ์ดของวีซ่าไม่รับ  เลยปลิ้นไปเครื่องอื่น 

          อา! เครื่องนี้ให้ใช้เหรียญได้ครับ   :pigscare2: อ้าว! แต่ไหงมีแต่ภาษาดัชท์ไม่มีปดให้เลือกภาษาอะ  กรรมของเวรรอบสอง  หันรีหันขวางจะถามก็ไม่มีคนสักกะคนเลย  ทำไงดีหว่า?!... 

          อ้าส์!  พุทธิปัญญาบังเกิดครับ    ผมก็เดินไปที่เครื่องแรกอีกครั้งคราวนี้ก็กดเหมือนเดิมแต่ว่าจำไว้ว่าแต่ละขั้นตอนเราเลือกช่องไหนไปบ้าง  ที่นี้ก็กด cancel ทิ้งไปแล้วกดเข้าไปใหม่แต่ว่าคราวนี้เลือกภาษาดัชท์ลองดูว่าราคาตั๋วที่ได้ในตอนท้ายจะตรงกันไหม?  ปรากฏว่าตรงครับ ฮิฮิ บอกแล้วว่าคนมันเก่ง  คราวนี้ก็เลยกดเป็นภาษาอังกฤษใหม่  กดแบบช้าๆ แบบว่าเอาให้จำได้ชัวร์ๆ เลยว่าขั้นตอนไหนเลือกปุ่มไหนช่องไหน  เสร็จแล้วก็กด cancel ทิ้งอีกแล้วกดใหม่เลือกภาษาดัชท์ไป  แล้วจดใส่กระดาษว่า  ไอ้คำดัชท์คำนั้นมันแปลว่าไงก็เลยได้มาแบบนี้ไง

Enkele reis = single, 2e klas = 2nd class, Vol tariet = full fare, Von daag = Valid today, 1 kaartie = 1ticket

         เห็นมะไม่ยากเลย  แล้วก็ไปกดตู้ที่มันหยอดเหรียญได้  ก็เลยรอดตัวมา...  ค่าตั๋ว 7.20 ยูฯครับ  ขึ้นรถไฟจากสถานีไปลงที่ Amsterddam central railway station แล้วเปลี่ยนขบวนต่อไป Leiden อีกทอดนึงครับ  แต่ตอนที่กดเครื่องหยอดเหรียญก็มีน้องหนูแหม่มกะปิคนนึงมากดตู้ที่หยอดเหรียญไม่ได้  แล้วก็งงๆ เห็นมะฝรั่งก็โง่เป็น อิอิ

           “เธอกดได้ยังไง  สอนฉันหน่อยสิ”

           “เหรอ อืมเอาสิ” น้าน  คนไทยใจงามสุดชีวิต   ผมก็เลยไปสอนเค้าแต่ตอนแรกบอกแล้วนะว่าหยอดเหรียญไม่ได้  เขาก็อืมๆๆๆ  ‘ไอ โนว์ๆ’ พอสุดท้ายควักเหรียญจะมาหยอดหน้าตาเฉย  ผมเลยต้องชี้ให้ดูว่าเขากากบาทรูปเหรียญกะเงินใบเอาไว้

          “เฮ้! ไอ้เตี้ยมนี่หน่อยสิ  กดไง” เวรของกรรม  เสียงมันดังมาอีกแล้วครับ เสียงไอ้โหดเองครับผมจำได้  เอะ! ผมไม่เห็นมันเลยนี้  สงสัยหูฝาด  อย่าไปสนใจเลย

           ‘ผัวะ’ ไม่ใช่เสียงต่อยครับ  แต่เป็นเสียงที่ไอ้โหดมันตบหัวผมคร้าบ แง! มันยังตามมาหลอกมาหลอนอีกแล้วครับ 

            “เรียกแล้วไม่หัน  บอกว่ามากดให้หน่อย เดี๋ยวปั้ด” มันยกมือทำท่าจะเบิ้ดกะโหลกขู่ผมฟ่อๆ เลยครับ  ผมเลยต้องตามไปกดให้มัน  ก็ใครจะไปเห็นมันละ  แล้วเจือก (ผมให้เกียรติมันมากจนต้องใช้คำๆ นี้เลยนะ) มายืนตู้เยื้องกันแล้วใครจะไปเห็นฟะ

   “แกจะไปไหนอะ”

   “ไป Leiden central  อ้าว! กดดิ  ยืนอ้าปากค้างอยู่นั้นแหละ เดี๋ยวปั้ด” มันยกมือทำท่าจะเบิ้ดกะโหลกอีกรอบ  โหดจริงๆ  ผมต้องก้มหลบกันพัลวัน  แล้วจะไม่ให้ค้างไงไหวครับก็มันดันเจือก(ขอใช้อีกรอบ เกลียดมันๆ) ไปที่เดียวกันกับผม  นึกว่าจะหมดเวรหมดกรรมกะมันแล้วนะเนี่ย... 

            ผมก็กดๆๆ แล้วก็กด  ความจริงกะว่าจะกดผิดๆ ซะเลย  แต่พอมานึกว่าต้องไปที่เดียวกะมันแล้วถ้ามันไปรู้ว่าผมแกล้งกดผิดแล้วไปเจอกันที่ ‘ไลเด้น’ ผมไม่แย่หรอครับ  เห็นอาจารย์บอกว่าเป็นเมืองบ้านนอกเล็กๆ มีร้านค้าแค่ร้านเดียวเอง  ผมก็เลยต้อง (ขอบอกว่าจำใจอย่างแรงเลยนิ) สวมวิญญาณคนไทยใจดีกดให้มันไปครับ

   “แล้วแกจะไปไหนวะ ไอ้เตี้ย” ดูมันดิครับคำก็เตี้ยสองคำก็เตี้ย  แกไงไอ้โหดมหาโหด

   “ไปไลเด้น”

   “หรอ เออ...ดีๆ พาฉันไปด้วยแล้วกัน” อ้าว! จุ๋มจิ๋ม  มรึงก็โตจนควายลากไม่ไหวแล้วกรุณาไปเองเดะวะ  ผมเลยบอกมันไปว่า

   “เออ...” คำเดียว  ไม่มีอย่างอื่นตาม  กลัวครับกลัว  :sad2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-11-2006 15:51:54
06.10 น. บนชั้นสองของสถานีรถไฟไปไลเด้น

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/train.jpg)

   ผมวิ่งเสียเกือบแย่นึกว่าจะไม่ทันเสียแล้ว  ไหนจะกระเป๋าไหนจะเป้ เอ! แต่อย่างหลังนี้ไอ้โหดมันแย่งไปถือให้ตอนวิ่งขึ้นกะไดมา  ที่บอกว่าแย่งเพราะผมนึกว่ามีคนมาฉกกระเป๋าเลยคว้าเอาไว้แน่

   “เอามานี่ไอ้เตี้ย  เร็ว! เดี๋ยวไม่ทันรถ” ผมก็เลยงง แต่ว่าก็ปล่อยให้มันถือไปให้  ส่วนตัวเองก็หิ้วกระเป๋าใบหนักวิ่งปุเหลงๆ ตามหลังมันมาครับ

   รถไฟที่นี้สีเหลืองครับ  แต่ละที่ไม่เหมือนกันเลย อังกฤษขาว ฝรั่งเศสเขียว เยอรมันแดง เนเธอร์แลนด์เหลือง   เอ! แล้วพี่ไทยสีไรครับ  สารพัดสีเนอะแล้วแต่ว่ารุ่นไหน ปีไหน....

             เมื่อกี้ตอนดูตารางรถว่าต้องไปขึ้นที่ชานชลาไหน  ไอ้โหดมันทำตัวมีประโยชน์ครับ  มันเห็นก่อนผมว่าต้องไปขึ้นที่ไหน  ตกลงว่าต้องไปที่ชานชลา 5b ครับ  ผมกำลังจำจดว่ามันผ่านสถานีอะไรบ้างจะได้เตรียมตัวลงถูก  จะได้ไม่นั่งรถเลยสถานี   มันก็ไม่ให้จดเร่งให้รีบไปอย่างเดียว  พอมาถึงเจอแต่ 5a หา 5b ไม่เจอ  มันก็แถไปถามผู้หญิงคนนึงที่ยืนรอรถอยู่

   “สวัสดีครับ...  ผมต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคือถ้าผมจะไปไลเด้น  ผมสามารถขึ้นรถไฟคันนี้ได้หรือเปล่าครับคุณ” โห! อย่างสุภาพเลยอะ  ไม่น่าเชื่อ  :sad5:

   “อ้อ ! ไม่ได้ค่ะ  รู้สึกว่าจะต้องไปชานชลา 13 เที่ยว 06.14 น.นะคะ”

   “หรอครับ  ขอบคุณมากเลยนะครับ...  ไปเร็วไอ้เตี้ย! เดี๋ยวตกรถ” ดูประโยคหลังมันดิครับสุภาพมากๆ แต่ผมไม่มีเวลาคิดหรอกครับวิ่งหอบกระเป๋าลงมาอย่างเดียว  เหนื่อยมากขอบอก  แต่ว่าผมสงสัยจังแล้วทำไมที่ป้ายเค้าบอกว่าให้ไปที่ชานฯ 5b นะ  ว่าแล้วก็อย่าเก็บไว้เลยเนอะ

   “โทษครับ  ผมจะไปไลเด้นขึ้นรถได้ที่ไหนครับ  :impress:” ผมพยายามทำหน้าตาให้น่าสงสารแล้วเข้าไปถามตาลุงสวมชุดสีดำๆ ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานี

   “อ้อ! ชานฯ 5b เลยหนู  รถจะออกตอน 06.10 น.” นั้นไงตรงตามที่ผมดูมาเป๊ะ 

   “เฮ! ยูๆ ลุงคนนี้บอกว่าชานฯ 5b ต่างหาก” ได้ผลครับมันเบรกหัวทิ่มเลย  เจือกขายาววิ่งลงกะไดเร็วดีนัก

   “แล้วมันอยู่ไหนละ”

   “จะไปรู้เรอะ  ขึ้นไปที่ชานฯ 5 ก่อนเถอะมันต้องอยู่ใกล้ๆ กัน”

   “แน่ใจนะ?” ไอ้เวร  ใครจะไปรู้วะ  นี่ก็เพิ่งมาครั้งแรกโว้ย  :serius2:

   ขึ้นมาถึงแล้วก็ วิ่งๆๆๆๆ  วิ่งไป ไปๆๆ  นั้นไงครับเจอแล้ว....  มันชานชลาเดียวกันครับแต่ห้าเอจะถึงก่อนห้าบีอะ   ว่าแล้วก็ยื่นตั๋วให้พนักงานดูแล้วก็แบกกระเป๋าขึ้นมานั่งหอบอยู่นี้ไงครับ แฮ่กๆๆ...
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-11-2006 16:00:01
6.40 น. บนรถไฟ

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/train2.jpg)

   “จะถึงยังนะ” อยู่มันก็พูดลอยๆ ขึ้นมา ผมก็ไม่ตอบเดะ  ไม่รู้มันถามหมาที่ไหน

   “เฮ! ไอ้เตี้ย  ถามทำไมไม่ตอบ เดี๋ยวปั้ด” มันขู่ผมอีกแล้ว

   “ใครจะไปรู้ว่าถามใคร  ฉันไม่รู้เหมือนกันวะ  เมื่อกี้จะจดก็ห้ามไม่ให้จด”

   “น่าจะใกล้ถึงแล้วนะ  ไปถามเขาดิ”

             ผมเอานิ้วจิ้มอกตัวเอง  แล้วทำหน้าเอ๋อเหรอใส่มัน

              “เออ... แกนั้นแหละ” ดูดิมันใช้ผมอะครับ  ไอ้....ด่าไม่ออกเลย  อึ้งกิมกี่...
                               ................................................................................
 
             “Excuse me sir, what is the next station?”

            “Yah, Leiden”

            “Do you mean Leiden central?”

            “Yah”

           “Dunk kle” ผมตอบขอบคุณเป็นภาษาเยอรมันครับ  เขาก็ไม่เห็นงง  ท่าทางเข้าใจดี  กะแล้วเชียวคนที่นี้ต้องพูดเยอรมันได้  เห็นได้ยิน ‘Yah-Nein’ จากปากคนตรวจตั๋วเมื่อกี้
                   ................................................................................

             “ไง? เขาว่าไง”

             “เออ... ใช่ สถานีหน้า” แล้วผมก็ไม่พูดกะมันอีกเลย   เซ็งโคตร  :impress3:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-12-2006 15:48:54
................................................................................
“ไง? เขาว่าไง”

“เออ... ใช่ สถานีหน้า” แล้วผมก็ไม่พูดกะมันอีกเลย   เซ็งโคตร

6.48 น. Leiden central station

(http://i128.photobucket.com/albums/p167/dionyq/29.jpg)

   ‘ผัวะ!!’ มันเบิ้ดกะโหลกผมอีกแล้วครับ

“ไป! ลงได้แล้วไอ้เตี้ย  หลับอยู่ได้” ความจริงผมไม่ได้หลับหรอกครับแค่นั่งหลับตาเฉยๆ  มันแสบๆ ตานะ   สงสัยน้ำในตามันแห้งเพราะนอนน้อยแน่เลย  มันนั้นแหละรู้มาก...มาว่าคนอื่นหลับ

“ไม่น่ารีบมาเลย  ยังเช้าตรู่อยู่เลย” มันบ่นๆ แล้วหมาที่ไหนมันเร่งผมจังเลยวะเมื่อตะกี้

“เออ...  ไปแล้วนะ” ผมบอกมันหลังจากลงมาถึงชั้นล่างของสถานีแล้ว

“เฮ้ย! แกจะไปไหนวะไอ้เตี้ย  ยังมืดอยู่เลย  อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ นะๆ  รีบไปจริง  เดี๋ยวปั้ด!!” ผมละงงครับ  นั้นมันอ้อนผมหรือมันขู่กันแน่ครับ  แต่ก็จริงนะ!!  รอให้ฟ้าสว่างกว่านี้ก่อนดีกว่า  อีกอย่างยังไม่ถึงเวลาทำงานเลยไปก่อนจะเสียมารยาท  พวกฝรั่งมันยิ่งถือๆ กันอยู่ด้วยเรื่องตรงเวลานี้  ไปก่อนก็ไม่ได้  มาสายก็ไม่ดี

“เออ...  หิวแล้ว  ไปหาไรกินก่อน เดี๋ยวมา” ท้องผมส่งสัญญาณอีกแล้วครับ

“เฮ้ย! ไปด้วย  หิวเป็นเหมือนกันนะ”  แหม! ไอ้....  แล้วใครห้ามแกไว้วะ  :monkeyangry3:
................................................................................
“ครัวซองสอง กาแฟหนึ่งครับ” ผมไปยื่นทำหน้าแป้นแล่น(เพราะเมาขี้ตาอะเปล่าฟะ) อยู่หน้าเคาน์เตอร์

“อ้าว! ทำไมกาแฟแค่หนึ่งละ?”  มันถาม

“เอ้า! ก็กินคนเดียว  จะสั่งสองทำไม”  ว่ามะคับ

“อ้าว! แล้วทำไมทีครัวซองยังสั่งสองอันเลยอะ”

“ก็คนมันหิวโว้ย” ผมเริ่มมีน้ำโห

“แต่มากันสองคนนะ” มันแย้ง  ผมกำลังจะอ้าปากด่ามัน...

“ตกลงจะเอาไงค่ะ” ยัยนิโกรร่างยักษ์เท้าสะเอวถามผม  สงสัยแกจะเริ่มมีน้ำโหอีกคนแล้ว

“ครัวซองสอง กาแฟหนึ่งครับ”  ผมยืนยันความตั้งใจเดิม

“เหมือนกันครับ” มันเลียนแบบผม

“คนละ 4.80 ยูฯคะ”  ผมกะมันหันมามองกันเองเลยอะ  ของแค่นี้แพงโคตร… :sad4:
................................................................................

“เพราะแกคนเดียวไอ้เตี้ย  ฉันเลยต้องกินของแพง” 

คราวนี้ผมเท้าสะเอวมั่ง  “แล้วใครสั่งให้แกเดินตามตูดฉันมาวะ หา?!”  หิวก็หิว  ง่วงก็ง่วง  ไม่กลัวพระมารดาไหนมันแล้วครับ  :pigangry2:

“เออๆ  รีบๆ กินสิ  หิวไม่ใช่เหรอ”  อ้าว!!  แปลกครับ  มันไม่ยักกะสวนกลับ ???

08.05 น.  ที่เดิม  อ้อ! ย้ายตำแหน่งยืนนิดนึง  เมื่อกี้ผมไปรับแขกมาครับ  ค่าเข้าตั้งห้าสิบเซ็นต์แนะ

ไม่รู้ว่ามันไปเอาหนังสือพิมพ์มาจากไหน?  ซื้อมามั่ง  เห็นยืนอ่านทำหน้าตาเข้าใจ  พอผมมาถึงแล้วก็ยืนให้  แต่ผมอ่านไม่ออกหรอภาษาดัชท์ทั้งนั้นเปิดไปหน้าดาราดีกว่า  เอ! ทำไมยัยคนที่แสดงสาวผมบอล์นได้ออสการ์หละ  ทำไม BBMT ของผมไม่ได้  โธ่! แจ๊คกับเอนนิสที่น่าสงสาร :monkeysad:

“อ่านอีกมั้ย” ผมถามมันเมื่ออ่านข่าวบันเทิงจบ  ความจริงน่าจะเรียกว่าดูภาพมากกว่า  คำตอบที่ได้คือ

" :no2:" 

ผมเก๊าะ.....

“เฮ้ย! นั่งเลยหรอ”  มันทำหน้าเหรอหรา

ก็เออเดะ  ตรูเมื่อยขายื่นมาตั้งนานแล้ว  ผมก็เอาหนังสือพิมพ์มันนั้นแหละรองก้น  สม!   :D

ชิส์  แล้วรู้ไหมครับมันทำไงต่อ?  เบิ้ดผมหรอ?  เปล่า....ผิดครับ  มันก็นั่งลงแบบไม่มีอะไรปูรองด้วย  เถื่อนกว่าผมอีก  มีคนเดินผ่านไปมาเพราะเริ่มเช้าแล้วเค้าก็หันมามองเรา  ตอนนี้ผมไม่สนแล้วแหละเมื่อยขาอย่างแรง  สถานีรถไฟที่นี้สวยสุดเมื่อเทียบกับทุกๆ ที่ที่ผมไปมา  แต่ว่าเสียอย่างเดียวไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง  แง... :3064:

“ไปยัง ไอ้เตี้ย” จู่ๆ มันก็ถามขึ้นมา  ความจริงผมว่านะ...ผมน่าจะเป็นฝ่ายถามมันมากกว่านะไอ้คำถามนี้  ก็มันนั้นแหละที่เป็นคนชวนให้ผมอยู่

“เออ...  ไปดิ  ไปกันเถอะ”  ผมเหลือบมองนาฬิกาเรือนโตของสถานีก่อนตอบ  เห็นว่าป่านนี้แล้ว  ถ้าบวกกับเวลาเดินเข้าไปอีก  กว่าจะถึงที่พักน่าจะได้เวลาทำงานเขาพอดี

ว่าแล่นผมก็ควักแผนที่มากางอีกรอบหลังจากกางมาหลายรอบแล้วตอนนั่งรอ 

“แกจะไปทางไหน”  มันถาม

".................." ผมไม่ตอบเพราะว่าไม่ได้ยิน แหะๆ  :nohon-l: 

“ว่าไง” มันถามอีกรอบ  กวนใจจริงไอ้นี้คนกำลังใช้สมาธิ  ผมก็เลยเดาเอาว่าต้องไปทางซ้าย

“ซ้าย”  ผมตอบมั่วๆ ส่งๆ ไป

“เออ...  ปะ”  เอ๋!...  มันแปลกๆ นะ

“แล้วแกจะไปไหน  เดินตามมาทำไม  ไม่แยกไปหละ” ผมงงแด้ก

“ไปที่เดียวกับแกนั้นแหละ  นำไปด้วยนะ  ขี้เกียจกางแผนที่”  ผมละเชื่อมันเลย
 :3066:................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-12-2006 16:12:42
“แล้วแกจะไปไหน  เดินตามมาทำไม  ไม่แยกไปหละ” ผมงงแด้ก

“ไปที่เดียวกับแกนั้นแหละ  นำไปด้วยนะ  ขี้เกียจกางแผนที่”  ผมละเชื่อมันเลย
................................................................................

ผมก็เดินตามแผนที่ที่อาจารย์เขียนมาให้จากเมืองไทยครับ  เมืองที่นี้สวยมากไม่ได้บ้านนอกอย่างที่อาจารย์ว่าเลยในความคิดของผมนะ  มีคลองเยอะแยะเลยครับ  ถนนก็เป็นแบบปูแผ่นอิฐไม่ได้ลาดยางสีดำๆ หรือลาดปูนซิเมนต์อย่างบ้านอื่นเมืองอื่น  เรียกว่าสวยคลาสสิกมากเลยครับ  มีเรื่อจอดเทียบท่าอยู่ในคลองอยู่หลายลำ  มีนกนางนวลตัวเบ้อเริ้มบินโฉบไปโฉบมาแบบว่าธรรมชาติมากเลยครับ  มีกังหันลมด้วยครับ  บ้านช่องก็สวยมากเขายังอนุรักษ์แบบเดิมๆ เอาไว้ได้ดีมากเลย  คนที่นี่นิยมใช้จักรยานครับเหมือนเมืองจีนเลยน่ารักดี  ขี่จักรยานกันทุกเพศทุกวัย

(http://i88.photobucket.com/albums/k167/bverhagen/Leiden/IMG_5661.jpg)

“ว่างๆ เราหามาขี่กันบ้างก็ดีนะ” ไอ้โหดมันว่า  ผมก้อสงสัยดิว่ามันมาไม้ไหน  :untrust:

“ไร? ทำไมต้องมองแบบนั้น  อย่างฉันเนี้ยเรียกว่าชั้นเซียน  ขี่ปล่อยมือยังไหว” มันโม้ต่อ  ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินต่อ

‘ผัวะ’ มันทำนิสัยสาระชั่วของมันอีกแล้วครับ

“จะรีบไปไหน  ไม่พูดไม่จา  พูดไรมาบ้างดิ”

“ไปลงนรกซะ” ได้ผลครับมันเงียบไปเลย  ดีสม!  :laugh:

09.05 น. เลขที่ 6 ถนน Rapenburg
ถึงแล้วครับ  ง่ายนิดเดียว(วัดจากระยะเวลาในการเดิน  จำนวนครั้งการหลงและคนที่ผมไปถามทางไงคับ) แต่ว่าเค้าติดป้ายว่าเวลาทำงานเริ่มตอน 10 โมงอะดิครับ  ผมเลยรีรออยู่หน้าตึกไม่กล้ากดออดเรียก

“กดเลย  นี้ไง  มีจักรยานมาจอดอยู่แล้วแสดงว่ามามีคนมาทำงานแล้ว”

“แล้วไง?  แกไม่เห็นหรอว่าเค้าบอกว่าออฟฟิศที่เราจะมาติดต่อมันเปิดตอน 10 โมงนอกนั้นเปิด 9 โมง”

“เห็นแต่เผื่อเค้าจะมาแล้วไง  บอกว่าให้กดก็กดเดะ  ไม่ต้องเถียง”

ผมก็เลยต้องกด  พอผมกำลังจะกดก็มีคนเปิดออกมาพอดีเลย เป็นสาวเสื้อแดงครับ  ทำไมผมเจอสาวเสื้อแดงบ่อยจัง

“ผมเป็น visitor จากเมืองไทยครับจะมาติดต่อเรื่องที่พักครับ”

“หรอจ๊ะ?  งั้นขึ้นไปติดต่อชั้นสองนะ  ถามหา Miss Astrid นะ”

“ครับ  ขอบคุณครับ”

“ไงเห็นมะ  ฉันว่าแล้วว่าต้องมีคนมาทำงานแล้ว” ผมละเบื่อพวกยกหางตัวเอง
................................................................................

“เอ่อ! สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคนไหน Miss Astrid ครับ  ผม Nac มาจากเมืองไทยครับ”

“อ้อ! ฉันเองคะ  Miss Astrid ยินดีที่ได้พบนะค่ะ” เธอยื่นมือมาสัมผัสทักทาย

“เอ่อ! ผมจัสตินครับ จากเบอร์ลิน”

“อุ้ย! จ้า ดีใจที่ได้เจอนะจ้ะพ่อหนุ่ม”

“เช่นกันครับ” มันทำหน้าระรื่นเชียวครับตอนตอบมิสนั้น  ผมนะหมั่นไส้มันจริงๆ เลย ทำหน้าใสซื่อหลอกชาวบ้านเขาไปทั่ว  ชิส์

“เดี๋ยวชั้นจะพาเธอสองคนไปดูห้องพักที่บ้านพักนะ  ปกติเราจะให้แขกพักที่ห้องพักหลังออฟฟิศนี่แหละจ๊ะ  แต่ว่าเธอสองคนมาพักระยะยาวฉันเลยจัดให้ไปพักอีกที่นึง”

“ไกลไหมครับคุณ” เสียงมันถาม Miss Astrid ตอนเดินลงบันไดมา

“ไม่ไกลหรอจ๊ะ  ใกล้ๆ นี้เองเดี๋ยวเธอจะได้เห็น  ห้องสวยมากๆ เลยนะ”

“หรอครับ  ว้าว! ชักอยากเห็นเสียแล้วสิ  ผมต้องขอบคุณคุณมากเลยนะครับที่จัดการเรื่องนี้ให้  ถ้าผมรู้มาก่อนว่าคุณใจดีอย่างนี้ผมจะเอาช้อคโกแลตอร่อยๆ จากเยอรมันมาฝากคุณกล่องใหญ่เลย” นึกภาพคนตอแหลออกไหมครับ  นั้นหละ! หน้ามันตอนนี้เลย  อีตอนชกผมที่สถานีรถทัวร์ทำหน้าเหี้ยม  พอมาถึงนี้หน้าระรื่นเชียว  พูดคุณครับๆ เชียวนะแกไอ้โหด  หลอกใครก็หลอกไปแต่ฉันนะเห็นหนังหน้าแท้ๆ ของแกมาแล้วโว้ย  ไม่มีทางหลงกลแกแน่

“แหม! ขอบใจมากจ๊ะ  ความจริงชั้นเองก็เคยไปเบอร์ลิน  เมืองใหญ่แต่ของถูกมาก”

“นั้นสิครับ  ที่นี้ของแพง  เมื่อเช้าผมดื่มกาแฟที่สถานีรถไฟมา  แพงไม่น่าเชื่อ”

“ต๊าย!  คราวหน้าคราวหลังอย่าไปกินอีกเชียวนะ  ที่นั้นนะของแพงมากเลย  ชงกินเองดีกว่า”

“ผมก็ว่างั้นหละครับคุณ”  มันตอบตอนยืนผลักบานประตูไม้ใหญ่หนาหนักสีเขียวค้างเอาไว้เพื่อให้มิสเดินออกไป  มิสยิ้มให้มันใหญ่เลยครับ   ส่วนผมเดินเฉยๆ เพราะไม่รู้ว่าจะไปแทรกเข้าบทสนทนาตรงไหนได้   

Miss Astrid พาเราเดินลัดเลาะตามลำคลองไปเรื่อยๆ แล้วข้ามฟากไปยังฝั่งสวน Hortus Botanicus แล้วเลาะกำแพงสวนไปทางด้านหลังเรียบลำคลองสายเล็กๆ ที่น้ำใสมากๆ ไปเรื่อยๆ

“นั้นไงจ๊ะ  บ้านพักของพวกเธอ  ช่วงนี้อาจจะหนวกหูไปหน่อยนะเพราะว่าเรากำลังปรับปรุงภายนอกอยู่  แต่ว่าข้างในสวยมากเลยนะห้องเธอสองคน”

“เอ๊ะ! คุณครับ  ผมติดต่อจองห้องเดี่ยวมานี้ครับ” ผมแย้งเมื่อได้ยินคำว่า ‘เธอสองคน’

“ใช่จ๊ะ  แต่ว่าห้องที่บ้านหลังนี้ว่างแค่ห้องคู่  ห้องเดี่ยวมาคนพักไปนานแล้ว  ฉันหวังว่าเธอคงให้อภัยที่ฉันไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าเสียก่อน  แต่ว่าเธอเข้ามาดูห้องก่อนแล้วเธอจะหลงรักมัน” เธอว่าพลางผลักบานประตูไม้หนาหนักทาสีขาวทั้งบานตัดกับผนังห้องโถงที่ระบายสีเขียวหัวเป็ดเอาไว้

“อย่าเรื่องมากนานาย” ต่อหน้าคนอื่นเรียกนายเชียวนะแก แหลได้สัดๆ “ว้าว....เยส! ห้องสวยมากเลยครับมิส   นายเห็นหรือยังหละ  ทีนี้นายจะต้องรีบขอบใจมิสเขาเลยใช่ม้า    เอ้า! เร็วเข้าเดะ  มัวยืนเฉยอยู่ได้  เดี๋ยวปั้ด!” มันยกมือทำท่าจะแสดงความชั่วร้ายของมันออกมาอีกแล้วครับ  เห็นว่า Miss Astrid เดินนำเข้าไปในห้องแล้วใช่ไหมไอ้โหด  หน่อยแนะแก  ไอ้....

แต่ความจริงห้องนี้ก็สวยมากจริงๆ เลยครับ  อย่างกับห้องพักราคาแพงในโรงแรมเลย  ฝาผนังห้องทาทาบด้วยสีครีมอ่อนๆ ม่าน พรม โซฟาหนังแม้กระทั้งผ้าคลุมเตียงก็เป็นสีแดงเข้าชุดกันหมดดูตัดกับสีของฝาผนัง  โซฟาตัวใหญ่สีขาวหนานุ่มน่านอนเล่นมีหมอนอิงสีแดงไล่เฉดสีวางอิงอยู่ 4 ใบ  ใกล้ๆ โซฟาเป็นเตาผิงฟืนแบบดั่งเดิมดูเท่ห์มากๆ  พอแหงนหน้ามองดูเพดานห้องก็เห็นแนวไม้ตงท่อนยาวรองรับไว้ด้วยไม้คานขนาดใหญ่ตามอย่างบ้านโบราณ  ชะโลมไล้ด้วยแล็คเกอร์สีเข้มอวดลายไม้เข้ากับเครื่องเรือนอื่นๆ เช่น โต๊ะทำงานตัวใหญ่  โต๊ะหัวเตียง  ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี   ที่ผนังห้องเหนือหัวเตียงประดับด้วยภาพวาดฝีมือจิตรกรเอก ‘แวนโก๊ะ’   นอกจากนี้ยังมีตู้เย็นเล็กกับโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่ไว้ให้ด้วย  ห้องสวยมากที่สุดเท่าที่ผมเคยพักในตอนมาต่างประเทศคราวนี้เลยครับ  สวยจนผมไม่อยากเรื่องมากที่ต้องพักสองคนเลยครับ(ถ้าผมได้พักกับคนอื่นนะ)

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/Leiden145.jpg)

“เรามีครัวรวมให้ใช้สำหรับทั้งสามห้องพัก  แต่ห้องน้ำนี้เฉพาะห้อง A ของพวกเธอจ๊ะ” Miss Astrid กรุณาพาเราเดินชมส่วนต่างๆ ภายในบ้าน  ในครัวมีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน  มีห้องซักผ้าพร้อมเครื่องอบแห้งและเตารีดอยู่ชั้นบน

“อ้อ! เรามีโทรศัพท์ไว้ให้บริการพวกเธออยู่ภายในห้องด้วยนะ  ส่วนอัตราค่าบริการเธอสามารถดูได้จากตารางที่เราวางไว้  เราจะเรียกเก็บในวันที่เธอคืนกุญแจจ๊ะ”

“ครับ” ผมกับไอ้โหดรับคำเกือบพร้อมๆ กันเลย  แล้วมันก็หันมามองหน้า

“ส่วนเรื่องทำความสะอาดจะมีแม่บ้านมาคอยเป็นธุระให้อาทิตย์ละสองครั้ง  แต่ว่าต้องช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะ  แล้วนี้ก็กุญแจห้อง  ใช้ไขประตูบ้านด้วยนะ  พวกเธอมีอะไรอยากถามฉันอีกไหม” ผมส่ายหัวดิกๆ

“งั้นฉันขอตัวกลับไปทำงานต่อก่อนนะ  เชิญพวกเธอผักผ่อนตามสบายจ๊ะ” Miss Astrid กล่าวทิ้งทายก่อนพาตัวหายไปพร้อมกับจักรยานที่เธอเดินจูงมาเมื่อตอนขามา

“เย้! ได้นอนเสียทีนะไอ้เตี้ย” เอาแล้วไงความมันเริ่มกลายเป็นคนเดิมอีกแล้วไงครับ

“เออ” ผมตอบเท่านั้นแล้วลงมือรื้อกระเป๋าตัวเอง

“จัดให้ด้วยสิ  ทำไม? ฉันยังไม่จัดการนายเรื่องที่นายชนจนข้าวของเสียหายแล้วยังตามมาชนจนกาแฟหกรดเสื้อผ้าฉันเลอะเทอะเลยนะ  อย่าหือขอร้อง  จัดไปเร็วๆ” คิดดูดิครับมันน่าเอาทีนยัดปากไหมปากพรรค์นี้  
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-12-2006 16:17:27


เอ่อ   คือว่า  เพื่อนผมมันถามว่า  ไอ้แท่งๆ สีครีมที่อยู่ข้างโน๊ตบุ้คคือ  อะไร


อย่าครับอย่า  อย่าเพิ่งคิดไปไกลอะไรขนาดนั้น


มันคือที่กั้นหนังสือตามชั้นหนังสือครับ  ที่ของบ้านเรามันเป็นแผ่นๆ ทำจากเหล็กไง

อย่าคิดว่ามันคือ.....นะ  ไม่ใช่ครับ  ระดับนี้แล้ว  ไม่ต้องใช้หร้อก   :haun2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-12-2006 16:21:33
วันนี้  เอาภาพภายนอกตัวอาคารที่พักมาฝากครับ  ห้องที่มีระเบียงเหล็กสีดำนั้นแหละครับ

(http://i89.photobucket.com/albums/k213/minoleinje/100_1900.jpg)

คิดแล้วอยากไปอีกจัง
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: hardytoon ที่ 03-12-2006 20:45:31
รีบๆมาต่อครับ ที่สำคัญ ลงรูปเยอะครับ สวยดี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-12-2006 18:09:23
ผมยังจัดไม่ทันเสร็จเสียงกรนคร่อกๆ ก็ออกมาจากปากมันแล้วครับ  ผมเลยเดินไปเดินใกล้ๆ ลองเอามือโบกๆ ใกล้ๆ หน้ามัน  มันก็เฉยครับ  สงสัยหลับจริง  ผมเลยจัดการยัดๆ เสื้อผ้ามันเข้าตู้ไปทั้งอย่างนั้นแหละครับไม่ต้องพิถีพิถันช่างหัวมัน  ไม่ยอมทำเองนี้หว่าช่วยไม่ได้  แล้วอย่าหาว่าฉันใจร้ายนะเลยโว้ยแก  ไอ้โหด..... 

13.00 น. ที่ห้องพักแสนสวยและจะดีมากถ้าไม่มีไอ้โหดมานอนกรนส่งเสียงรบกวนอยู่แบบนี้
ผมทำไรอยู่หรอครับ? ผมก็นั่งพิมพ์บันทึกประจำวันวันนี้อยู่ไงครับ  ชักง่วงแหละ  ไปนอนมั่งดีกว่า  แต่ว่าไอ้โหดมันนอนแหกแข้งแหกขาคลอมทั้งสองเตียงเลย  แล้วผมจะไปนอนที่ไหนได้เนี้ย

17.14 น.
   “เฮ้ยๆๆๆ ไอ้เตี้ยตื่น ตื่นๆ” เอ๋! เสียงมารความฝันตัวไหนนะ  ไม่ค่อยคุ้นเลยครับ  ไม่สนใจดีกว่า  ขอนอนต่อแป๊บนะ

   ‘ผลั๊ก’ ทายดิครับเสียงอะไร  .......................งงงงงงงเสียงผมกลิ้งตกโซฟาครับ  ก็ไอ้โหดอะดิ  พลิกผมให้กลิ้งลงมา

   “โอ้ย! แก  ไอ้นรก” ผมนึกคำด่าเป็นภาษาอังกฤษได้แค่นี้จริงๆ ใครรู้มากๆ เอามาสอนผมหน่อยผมจะเอาไว้ด่ามันครับ ฮื่อๆ  คิดแล้วแค้นใจจริง

   “ตื่นๆ ออกไปข้างนอกกันไปหาไรกิน  หิวแล้ว  นายจะนอนไปถึงไหนนะ” มันยืนเท้าสะเอวเหนือหัวผมพูดเหยงๆ อยู่ครับ

   “แล้วทำไมไม่ไปคนเดียว  มาปลุกฉันทำไม”

   “ไปคนเดียวแล้วใครจะถือของละ  นายนั้นแหละต้องไปด้วยกันกับฉัน” หามันจะให้ผมไปถือของครับ  จะบ้าหรือเปล่าผมไม่ใช่คนรับใช้มันนะ  นึกขึ้นมาได้ผมก็พูดอกไปตามนั้น

   “ไรนะ  แกจะไม่ไปจริงๆ หรอ” มันเริ่มเรียกผมว่าแกอีกแล้วครับ ลางร้ายมาเยือนแล้วครับ “แกกล้าขัดคำสั่งฉันตั้งแต่เมื่อไรกัน” มันทำหน้าเหี้ยมแล้งนั่งยองๆ ลงจ้องหน้าผม

   “เออ ไปก็ได้...  ว่าแต่แกรู้จักที่รู้จักทางหรอ  ว่าอะไรอยู่ที่ไหน  แกเคยมาหรอ” ผมเห็นมันทำหน้าอมภูมิก็เลยถามไปแบบนั้น

   “ยัง...” ไอ้เวร  :pigangry2: แล้วทำมาวางท่าทำเป็นรู้ดี  “เดี๋ยวเดินไปถามไปก็ได้นา  เร็วๆ อย่าชักช้า  เดี๋ยวมีโมโหนะโว้ย”
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-12-2006 18:17:35
17.35 น. Supermarket ใกล้สถานีรถไฟที่ลงมาเมื่อเช้า
   “ทำไมนายซื้อเยอะจัง” มันถามหลังจากชะโงกหน้ามาสำรวจรถเข็นของผม

   “แล้วทำไมจะซื้อไม่ได้  มันเรื่องของฉัน  ห้ามยุ่ง”

   “ไม่ได้ยุ่ง  งั้นเย็นนี้กินอะไรทำอาหารเลี้ยงชั้นนะ  เคยได้ยินมาว่าอาหารไทยอร่อย  ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยแก  ฉันสั่ง เข้าใจไหม...  อยากได้อะไรบอกเดี๋ยวซื้อช่วย” ผมแปลได้อย่างนี้จริงๆ นะ  แต่ไอ้คำว่าซื้อช่วยนี้ผมแปลถูกหรือเปล่านะ  ก็มันบอกว่า  I will help U อะ  ความจริงข้าวของที่นี่ก็คล้ายๆ ในเยอรมันเลยแต่ว่าน้อยกว่าสงสัยว่าจะนำเข้าเนอะ 

ผมเลือกของง่ายๆ มาทำเช่น ไข่เจียวหมูสับ ผัดผัก ต้มจืดซี่โครง  เน้นแต่ของจืดๆ เอะ! ทำไมไม่เอาของเผ็ดๆ นะ แง!!! ผมเพิ่งนึกได้ครับ  ออกมาจากร้านตั้งนานแล้วจนจะถึงห้องอยู่แล้ว  แต่ไม่เป็นไรผมมีไม้ตายครับ  มันคือ ‘พริกไทย’  ผมเอาติดมาจากห้องไอ้โอ้ด้วยรับรองตาเหลือกแน่งานนี้ไอ้โหด 555

18.32 น. ที่หน้าบ้านพักครับ
   “ทำไมมันไม่ออกนะ  มา...ไอ้เตี้ยลองไขดิ  เอ้า! มั่วแต่กินอยู่นะแหละ” มันโยนกุญแจบ้านมาโดนหน้าผมพอดีเลย  แต่ว่าโดนนิดเดียวไม่เจ็บ  งานนี้มันเลยรอดจากการสรรเสริญชุดใหญ่จากผมไปแต่ไม่ผ่านชุดเล็กครับ   ไม่มีทางแน่

   “อ่ะ! ไม่ออกจริงๆ วะ  ตอนนั้น Miss Astrid แกไขยังไงน้า หรือว่าแกไม่ได้ไขเพราะว่ามีคนอยู่แล้วเปิดเข้ามาเลย  ทำไงดีวะ  ลูกบิดมันหลวมด้วย” ผมบ่นคนเดียว

   “อะไรวะไอ้เตี้ย พึมพำอยู่นั้นแหละรีบๆ ไขเข้าสิ”

   ‘ผลั๊ก’ คุ้นไหมครับเสียงนี้  แต่คราวนี้ผมเอาหัวโขกคางมันครับ  ก็ดันมายืนเท้าสะเอวหายใจรดหัวผมอยู่ไม่บอกไม่กล่าว  เวลาผมเงยหน้าขึ้นมาก็โขกเอาสิ  ดีสม!! คนเขากำลังใช้ความพยายามไขกุญแจอยู่ดันเจือกมาขวางทางเอง  ช่วยไม่ได้
   ‘ผัวะ’ แล้วเสียงนี้ละครับคุ้นๆ ไหม

“ไอ้เตี้ยแกทำฉันอีกแล้วนะ” มันพูดไปลูบคางไป

“แล้วใครใช้ให้แกมายืนซ้อนหลังฉันวะ ไอ้บ้า”  ผมก็ลูบหัวตัวเองป้อยๆ เหมือนกัน  วันนี้มันตบหัวผมกี่รอบแล้วนะใครจำได้บ้างครับ

“แกไม่ต้องพูดมากเลย...  ไขไม่ออกอย่างนี้แล้วจะเข้าไปข้างในไงวะ”

“นั้นดิ  แล้วคืนนี้จะนอนไหนวะ  หรือว่าจะรอคนที่พักห้องข้างบนมาไขให้” ผมพยายามหาทางออก

“ก็ต้องอย่างนั้นแหละ  ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว  ไม่รู้เขาจะกลับมากี่โมง  แกลองเดินไปที่สำนักงานเมื่อเช้าดูทีสิว่ายังมีคนอยู่หรือเปล่า  ถ้ามีก็ให้เขามาช่วยเราไขประตู  ไปเลย  เดินไปเร็วๆ ก่อนที่เขาจะกลับหมดนะ”

“แล้วทำไมแกไม่ไปเอง  แกเดินเร็วกว่าฉัน  ขาก็ยาวกว่าฉัน  มาใช้ฉันทำไม”

“แกนั้นแหละดีแล้ว ฉันเมื่อย  ขี้เกียจเดิน  แกเหมาะสุดแล้วงานนี้”  ดูเหตุผลมันดิครับน่าสรรเสริญชุดใหญ่กำลังสองจริงๆ ไอ้....(เติมเอาเองนะครับเอาแบบที่แสบสุดๆ เผื่อผมด้วยไม่ต้องเกรงใจ  เน้นๆ แรงๆ เลยครับตามสบาย)

ผมก็เลยต้องเดินจ้ำกลับไปที่สำนักงานอีก  ไปถึงก็ไม่มีใครแล้วเพราะเขาปิดสำนักงานตั้งแต่บ่ายโมงแล้วครับ  เลยต้องเดินกลับไปมือเปล่าอีกรอบ  รู้ไหมครับว่าผมกำลังเห็นอะไร? ไอ้โหดครับทุกคน  ไอ้โหด...   มันนั่งกระดิกทีนกินขนมปังหน้าตาเฉยเลยครับ  แถมขนมปังผมด้วยนะ ไม่มีวี่แววว่าจะเดือดร้อนหรือว่าหาทางแก้ไขอะไรเลย  ไม่ไหวแล้วครับ  น้ำโหพุ่งปิ้ดๆ

“สบายมากเลยนะแก  ฉันนี้ไม่เหนื่อยเลยวะ  เดินไปเดินมาตั้งหลายรอบ  ของก็หอบมาเอง  แล้วแกทำไร  นั่งกินขนมหน้าตาเฉยเนี้ยนะ”

“อ้าว! แล้วแกจะให้ฉันทำอะไร  นั่งรอแกเฉยๆ มันหิวเลยหาอะไรกินรองท้องไปก่อนไง  ทำไม?  ไมได้เหรอ?  ฉันกินของฉันไม่ได้กินของแก” มันตอบได้หน้าตาเฉยมากๆ ว่าแล้วก็ยื่นขนมปังของผมที่ยังไม่ได้แกะห่อให้ผมดู  อ้าว! แล้วมันไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไร  ผมไม่เห็นรู้เรื่อง

“แล้วทำไมแกไม่ลองไขดูวะ  เผื่อมันจะออก  ที่โน้นก็ไม่มีใครแล้ว”

“ว่าแล้วไง  ฉันก็ใช่ให้นายเดินไปดูอย่างนั้นแหละ  ก็ไม่มีคิดว่าจะมีคนอยู่แล้ว  อ้าว! กินวะก่อนที่จะหิวตายเสียก่อน” มันยื่นขนมห่อของมันให้ผม

“ไม่กิน  ฉันจะกินของฉัน  แกไม่ต้องมายุ่ง”

“แต่น้ำนาย  เรากินหมดแล้วนะ” สังเกตไหมครับว่ามันแทนตัวมันเองฟังเพราะขึ้นๆ จากฉันแกเป็นเรานาย แต่มาเฉลยว่ามันกินน้ำในขวดผมหมดแล้วเนี้ยนะ  ผมอยากถีบมันให้ไหลตกคลองจริงๆ เลยครับ  ทำไงดี?....
 
ผมคว้าขนมไปนั่งกินตรงเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง   ไม่อยากนั่งใกล้ๆ มันเลยพับผ่า  สักพักพอกินเสร็จก็เริ่มเดินหาทางปีนเข้าบ้านครับ  ฟ้ามันเริ่มมืดจนมองไม่เห็นหน้าคนแล้ว  ผมไม่อยากนอนแข็งตายอยู่ข้างนอกคืนนี้

“ไม่มีทางหรอก  ลองแล้ว” อ้าว! ผมเลยเดินไปกดออดบ้านข้างๆ

 “ไม่มีคนอยู่  ลองกดดูแล้วเมื่อกี้” อ้าว! ประหลาดใจรอบสอง ไหนว่ายังไม่ได้ทำอะไร แล้วไปลองตอนไหน?  ผมเองก็จนปัญญาเลยนั่งลงเฉยๆ บ้าง  สักพักมีผู้ชายคนนึงเดินมาแล้วไปไขกุญแจบ้าน  ผมลุกพรวดกระโจนทีเดียวถึงตัวเขาเลยครับ  หมอนั้นทำท่าตกใจแว้บๆ

“คุณพักที่นี่เหรอครับ   :angellaugh2: ผมมาจากเมืองไทยพักที่นี่เหมือนกันครับ  แต่ว่าเข้าไปข้างในไม่ได้  :monkeysad:”

“คุณไม่มีกุญแจหรอ”

“มีครับ...แต่ว่ามีเฉพาะของห้อง  ของประตูหน้าบ้านไม่มี  ลองเอามาไขแล้วแต่มันไขไม่ออก”

“แต่มันอันเดียวกันนะ  นี่ไง” ว่าแล้วเขาก็ไขแกร็กเดียว  บานประตูดีดดึ๋งออกมาเลย  ตอนนั้นผมคิดว่ามันมหัศจรรย์มากๆ ดีใจอย่างแรงที่ไม่ต้องนอนเฝ้าอยู่นอนบ้าน

 “โห!!  ผมไขตั้งนานไม่ออกนึกว่าจะต้องนอนนอกบ้านเสียแล้ว  นายไขไงสอนผมหน่อยสิ” ผมดูนายคนนั้นสาธิตแล้วลองไขดูเมื่อเขาบอกให้ลอง  ปรากฏว่ามันไขได้ครับ  กุญแจผมเองก็ไขได้  แต่ว่าตอนสุดท้ายมันต้องบิดไปทางซ้ายมากหน่อยมันถึงจะดีดออกมา  ตอนแรกผมนึกว่ามันเปิดไม่ออกเพราะลูกบิดมันเสีย  ที่ไหนได้บิดกุญแจไม่สุดนั้นเอง  ไม่ใช่มีแต่ผมนะครับที่ไขไม่ออก  ไอ้โหดเองก็ไม่เอาไหนขนาดประตูยุโรปบ้านมันแท้ๆ  ไม่ได้เรื่องเลย

“หวัดดีครับ ผมจัสตินพักที่นี่เหมือนกัน  ห้องข้างล่าง  นายพักห้องไหน” ไอ้โหดมาเสนอหน้าบ้าง

“ผมพักห้องสามครับ  ด้านบนซ้าย” อัศวินขี้ม้าขาวของผมตอบไอ้โหดมันครับ “นายชื่อไร ผมโมนิค” แล้วก็หันมาทางผม

“ผม Nac ครับ มาพักที่นี่เดือนนึง  แล้วนายละ”

“ผมปีนึงครับ  มาทำวิจัย  นายละจัสติน”

“ผมก็เหมือน Nac แต่มาจากเยอรมันกำลังทำเอกอยู่”

“เหรอ?  ดีนี่ แล้วทานไรกันหรอยัง?”

“ยังเลยกำลังจะทำมื้อเย็นทานกัน  พอดีเลยนายมาทานด้วยกันสิ” ผมชวนโมนิคเพราะซึ้งความดีที่เขามาชวยเปิดประตูให้  ไม่เหมือนบางคนที่ใช้ทำอะไรก็ไม่ได้แล้วยังมาบังคับให้ผมทำนั้นทำนี่ให้กินอีก

“ได้เลย!  เอาสิทานหลายๆ คนสนุกดี  ผมทานคนเดียวเบื่อจะแย่อยู่แล้ว  แต่ว่าวันนี้ใครจะเป็นคนลงมือ” ไม่น่าถามเลยโมนิคก็ผมดิ!  อย่างไอ้ถึกโหดนั้นมันจะทำไรเป็น  แค่เปิดประตูยังไม่ได้เรื่องเลยแล้วจะมาทำกับข้าวเนี้ยนะ

“ผมจะทำกับข้าวจากประเทศไทยให้ทานนะ  นายเคยทานยัง”  ผมถามยิ้มๆ  :myeye:

“ยังเลย  ครั้งนี้เป็นครั้งแรก  อืม! น่าสนใจนะแล้วให้ผมช่วยอะไรไหม?”  เห็นไหมครับว่าน้ำใจท่วมท้น :monkeylove2:

“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวผมจัดการเอง  นายไปรอในห้องนายเหอะเสร็จแล้วผมจะขึ้นไปตามเอง”

“ได้ๆ แล้วเจอกัน  ขอบใจล่วงหน้านะ  พวกเครื่องปรุงนี้ก็ของผมนายใช้ได้ตามสบายเลยนะ  เพิ่งมาถึงกันเมื่อเช้านี้เองใช่ไหม  คงยังไม่ได้ซื้ออะไรมา  เอาของผมใช้ไปก่อนแล้วกัน”

“อืม...” ผมรับคำ  แล้วโมนิคก็เดินบ้านสะเทือนขึ้นไปชั้นบน

“ใครบอกให้นายชวนหมอนั้น” อ้าว! ไอ้นี้เรื่องมาก

“ทำไม  ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ชวน  คนบ้านเดียวกันรู้จักกันไว้นะดีแล้ว”

“แล้วจะไปรู้จักทำไม”  ไอ้นี้แปลกคน:untrust:

“ไม่รู้  ช่างเถอะ!  มาช่วยเลยห้ามนั่งเฉยๆ”  ผมออกคำสั่งมั่งจิ  อิอิ

“ไม่...” แล้วมันก็เดินหายไปในห้องเลยครับ  ปล่อยผมทิ้งไว้ในครัวคนเดียว  ไอ้บ้านี้ท่าจะประสาทเอาการ
 :seng2ped:
................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-12-2006 18:21:53
เอารูปลานหน้าวุปเปอร์ฯ มาฝากครับ

(http://i88.photobucket.com/albums/k167/bverhagen/Leiden/IMG_5659.jpg)

เห็นตรงม้านั่งนั้นปะ  เวลาแดดดีๆ ผมมักจะออกมานั่งอ่อยฝรั่งอยู่ทุกบ่อยครับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-12-2006 18:37:54
20.34 น. ห้องครัว
   “ไม่รู้ว่ารสชาติมันจะอร่อยหรือเปล่านะ” ผมออกตัวไว้ก่อนเลย  ต่อหน้าโมนิคนี่ต้องรักษาภาพพจน์กันหน่อยครับ
 
   “ไม่เป็นไรหรอก  หน้าตาน่าทานดี  ได้แค่นี้ก็เก่งแล้วหละสำหรับคนที่ต้องใช้ครัวบ้านคนอื่นครั้งแรกแบบนี้” แหม๋! น่ารักจริงๆ ปากหวานจัง  จะว่าไปหมอนี่ก็หน้าตาดีนะ  ผมแอบส่องมาเมื่อกี้ตอนขึ้นไปตามให้มาทานข้าว  ตอนแรกให้ไอ้โหดไปตาม  มันว่าไงรู้ไหมครับ  ‘ชวนเองก็ไปตามเองสิ’ ดูมันดิครับแล้งน้ำใจโคตรๆ  :3125:

   “ขอบใจนะที่ชม  :myeye:” ผมตอบ

   “แล้วกินไง” คำถามโง่ๆ แบบนี้ของไอ้โหดครับ  ไม่มีใครอีกแล้ว

   “ก็นี่ไงช้อน  แล้วก็ส้อม” ผมยกอุปกรณ์ออกรบให้มันดู

   “ใช้ไม่เป็น”

 :pigscare2: เอ๋!!! ทำไมฝรั่งมันใช้ช้อนส้อมไม่เป็นหว่า  ไหนว่าเราได้วัฒนธรรมแบบนี้มาจากมันไง?  วุ้ย!  ผมละงง  แต่เดี๋ยวก่อน  ลุงจอนเจ้าของบ้านที่อังกฤษที่ผมเคยไปพักก็ใช้ไม่เป็น  สงสัยต้องไปหยิบมีดมาให้มันอีกแน่

   “นายละโมนิค  ใช้เป็นไหม?”  หมอนั้นก็ทำหน้าเอ๋อเหรอแล้วก็ส่ายหัวดิกๆ  ผมเลยต้องลุกไปหยิบมีดมาให้คนละอัน  ไม่ได้เอาไว้กะซวกพุงให้ไส้ทะลักกันหรอกนะครับ  แต่ฝรั่งจะทานข้าวกับส้อมแล้วเอามีดนี่แหละกดๆ ดันๆ ข้าวให้แน่นแล้วยกเข้าปาก

   “อันนี้เรียกว่าอะไรครับ Nac” ขวัญใจผมเป็นคนถามตอนตั้งท่าจะตักผักผัดรวมมิตรใส่จานตัวเอง  ผมเลยต้องครีเอทชื่ออาหารกัน ณ บัด Now นั้นเลยครับ

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/Leiden001.jpg)

   “fried medley vegetable with pork” เปรี้ยวไหมครับชื่ออาหารผม  ไม่รู้มันจะเข้าใจเปล่านะ  แต่เห็นยิ้มๆ แล้วก็ตักใส่จานตัวเองไป

   “ส่วนนี่ Onion soup with pork” ผมเลื่อนถ้วยต้มแกงจืดหมูสับใส่หัวหอมใหญ่ให้ไปใกล้ๆ โมนิคขวัญใจผมขึ้นอีก  ก็คนหน้าตาดี  เก่ง(ที่สามารถไขประตูบ้านได้) และก็สุภาพอย่างนี้ใครจะอดใจไม่ให้เป็นขวัญใจไหวละครับ    :like2:อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

   “แล้วนี้เรียกว่าอะไร” ไม่มีใครหรอกครับเสียงกวนประสาทแบบนี้มีมันคนเดียว   :untrust:

   “Thai’s style Omelet” ผมบอกชื่อไข่เจียวหมูสับมันไป

   “ทำไมมันดำจัง” ว่าแล้วมันก็เขี่ยๆ พลิกๆ ดู
   
             :pigangry2: ไอ้.... ไอ้....  ผมหละด่ามันไม่ออกจริงๆ ครับ(ความจริงตูด่าภาษาฝรั่งไม่เป็น  ต้องโทรฯข้ามประเทศไปถามโอ้มันก่อน  แล้วตูจะรีบกลับมาด่าแก  คอยดูนะไอ้โหดหมาตื่น  ชิส์) แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ.......ผมได้ยินเสียงโมนิคแอบกลั่นหัวเราะด้วย :monkeysad:

   “ก็คนมันไม่เคยเข้าใช้ครัวที่นี่นี่หว่า” ผมหละอยากเฉดหัวมันออกไปห้องนี้จริงๆ  แค่ไข่เจียวมันดำนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นเรื่องมากถามนั้นถามนี่  แกอย่ากินเป็นดีที่สุดเลยโว้ย

   “แล้วนี่หละ”  มันชี้ไปที่ไข่ตุ๋น

   “ไม่รู้โว้ย  กินๆ ไปเหอะ”  ก็ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรจริงๆ นี่ครับ

   “เผ็ดไหม” คุณชายโมนิคขวัญใจผมถามพอชะโงกมาเห็นพริกหยวกที่ผมซอยแล้วโรยหน้าไปให้มันดูสวยๆ เท่านั้น

   “ไม่หรอก  นายลองทานดูซิ”  ผมทำท่าจะตักให้เขาลองชิมดู  ก็ขวัญใจนี้ครับต้องเทคแคร์เต็มที่  แต่ว่ายังไม่ทันจะตัก  ไอ้โหดก็มายกจานเอาไปดูใกล้ๆ แล้วตักไปกินเสียนี่  ขอโทษนะครับทุกคน   :3125: ไอ้สารระเลวววววววววววโหด  :pigangry2: :pigangry2:

   ผมหันไปทำหน้าขอโทษกับขวัญใจ  ฝ่ายนั้นก็ยิ้มๆ มาให้  ดูดิครับน่ารักไหมโมนิคของผม  :-[ ผมเลยชวนเขาคุยก็ได้ความว่าเขาเป็นคนฟินแลนด์(มิน่าหละ  เวลาพูดอังกฤษนี่  ลิ้นเขารัวแปลกๆ  ผมนี่งงเลยครับตอนฟังคราวแรกๆ)  มาอยู่ที่นี้ได้ครึ่งปีแล้ว  มาทำวิจัยปริญญาเอกครับ  ว้าว! เรียนเก่งอีกอย่างขวัญใจผม เท่ห์ไหมครับ? :monkeylove2:

   “แล้วแฟนนายไม่รอแย่หรอที่ฟินแลนด์” ผมหละลุ้นจริงๆ :impress:

   “ไม่มีครับ  ผมยังไม่มีแฟน”  :piglove2: ว้าว! พระเจ้าจอร์ชมันยอดมาก

   “นี่ตักข้าวให้อีกดิ” ไอ้มารคอหอยมันขัดจังหวะผมอีกแล้วครับ ผมเลยต้องรับจานมันมาแต่ไม่วายหันไปถามโมนิคว่าจะเติมข้าวอีกไหม  เขาก็ยิ้ม(น่ารักมาก...ในสายตาผมนะ)มาให้ แล้วก็ยกจานขึ้นส่งให้ผม  อิอิ  มีความสุขจังได้บริการคนน่ารักๆ  555 ออ! ยกเว้นไอ้โหดนะ

   พอหันมาอีกทีเห็นมันคุยกะขวัญผมเป็นภาษาอังกฤษไฟแลบเลยอะ  ไม่รู้คุยไรกันผมไม่ฟังทันเลย  พวกฝรั่งนี้เวลามันคุยกันเองทำไมต้องคุยเร็วๆ ด้วยนะ  สงสัยเก็บกดเพราะเวลาคุยกะผม  ผมมักถามว่า ‘ไรนะๆ’ อยู่เรื่อย   ก็คนมันไม่รู้เรื่องฟังไม่ทันนี่หว่า...  พอผมมานั่งที่โต๊ะ  ขวัญใจผมก็แสนดีถามว่าผมเตรียมของหวานไว้หรอเปล่าเขามีผลไม้อยู่จะเอามาทานกันไหม  แต่ขอโทษครับมือชั้นนี้แล้วไม่มีทางพลาด

   “ผมมีไอศกรีมเตรียมไว้แล้ว  หรือว่านายอยากทานผลไม้”

   “ไม่ๆๆ  อะไรก็ได้  ตามใจนาย”  ดูดิน่ารักไหมครับ :impress2:

   “ฉันขอน้ำส้มคั่นนะ  เตี้ย”  หา! ไอ้โหดมันเรียกผมว่าเตี้ยต่อหน้าขวัญใจผมครับ  ผมหละอายเขาจริงๆ  พอหันไปดูก็เห็นขวัญใจผมนั่งก้มหน้าอมยิ้มตักข้าวในจานกินต่อ  มันน่าตีบตกโต๊ะกินข้าวจริงๆ เลยไอ้มารคอหอยนี่  ผมเลยต้องไปปาดส้มให้มันอีก  ส้มที่นี้ต้องใช้มีดปาดครับ  ปอกไม่ไหว  เปลือกมันหนา  เหมือนส้มโอลูกเล็กๆ นั้นแหละครับ  แต่ว่าเรื่องสีน่ะ...ส้มได้ใจมากขอ บอก  ผมก็เลยเอามีดหั่นครึ่งในแนวตั้งก่อน  แต่ว่าเอาแบบแค่พอเข้าไปถึงแกนลูกนะไม่ต้องทะลุอีกด้านให้ขาดออกจากกัน  แล้วหั่นในแนวนอนเป็นแว่นๆ กะให้หนาประมาณขนาดความอ้วนของนิ้วชี้เรียงใส่จานมาให้มัน

   “เฮ้ย! เก่งนิ  กินส้มแบบไม่ต้องคั่นก็ได้  แถมกินแบบนี้ไม่เปื้อนมือด้วยนะ” ขวัญใจผมชมหลังผมหยิบส้มทานแว่นหนึ่ง  อิอิ  ผมหละปลื้มสุดๆ :piglove2:

   “งั้นๆ “ ถูกต้องครับ....พวกคุณเดาถูก   เสียงไอ้โคตรกวนเท้านั้นเองครับ  ไม่มีใครอื่น :3125: :3125:
................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-12-2006 22:20:17
กำลังมัน ต่อเลยครับ
รูปสวยดีเข้าบรรยากาศให้นึกภาพตามได้เลย
 :yeb:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-12-2006 16:43:00
“เฮ้ย! เก่งนิ  กินส้มแบบไม่ต้องคั่นก็ได้  แถมกินแบบนี้ไม่เปื้อนมือด้วยนะ” ขวัญใจผมชมหลังผมหยิบส้มทานแว่นหนึ่ง  อิอิ  ผมหละปลื้มสุดๆ
   “งั้นๆ “ ถูกต้องครับ....พวกคุณเดาถูก   เสียงไอ้โคตรกวนเท้านั้นเองครับ  ไม่มีใครอื่น
................................................................................
   “ขอบใจนะ Nac อาหารไทยอร่อยมาก  วันหลังจะขอมากินด้วยอีก  ส่วนเรื่องเน็ตหากนายต้องการใช้ก็ไปใช้บนห้องผมได้นะ  ไม่ต้องเกรงใจไม่มีปัญหาไรหรอก” ขวัญใจผมแสดงน้ำใจอีกแล้วคร้าบบบบบ น่าร้ากกกกกกกส์  แต่ความจริงใครจะกล้าไปใช้  ว่าไหม?  คือผมถามเขาเรื่องการใช้ติดตั้งเน็ตนะครับ  เขาบอกว่าต้องไปซื้อโมเดมชนิดพิเศษมา  แต่ผมมาพักไม่นานทำแบบนั้นไม่คุ้มกัน  เลยให้ไปใช้ที่ห้องเขาแทน  ส่วนเรื่องอาหารไม่รู้ว่าอร่อยจริงหรือชมตามมารยาทซึ่งผมคิดว่าอย่างหลังมากกว่านะ

   “นี่ไอ้เตี้ย  ต่อไปนายเป็นคนทำกับข้าวตลอดนะ  เดี๋ยวฉันช่วยหารของสดเอง  อ้อ! อย่าลืมทำแซนด์วิชเผื่อมื้อเที่ยงพรุ่งนี้ด้วยนะ” มันเริ่มออกคำสั่งอีกแล้วครับ

   “ทำไมฉันต้องทำให้แกกินด้วย  ไม่มีทางหรอก  แล้วพรุ่งนี้ฉันก็ไม่ไปไหน  อยู่ห้องทั้งวัน  ถ้าแกจะไปก็ทำไปกินเองเดะ”

   “อ้าว! ไม่ไปหาศาสตราจารย์ Gerard ที่พิพิธภัณฑ์หรอพรุ่งนี้”

   “ไม่  เพราะว่ายังไม่ได้นัดเลย  แกนัดเขาแล้วเหรอ”

   “อืม... ยัง แต่ไม่เป็นไร   ไว้ค่อยไปพร้อมกันวันจันทร์ก็ได้  ดีเหมือนกันพรุ่งนี้นอนอีกวันดีกว่า”

22.47 น.
   “นายไม่อาบน้ำหรอ? เตี้ย”

   “อาบดิ  แต่เดี๋ยวก่อน”

   “ไหนทำอะไรเห็นนั่งพิมพ์ตั้งนานแล้วยังไม่เสร็จ” มันเดินเช็ดผมมาชะโงกดูบันทึกนี้ไงครับ

   “ห้ามดูเฟ้ย!!  เรื่องส่วนตัว” ผมรีบหุบหน้าจอคอมอย่างรวดเร็ว

   “ถึงไงก็ไม่รู้เรื่องหรอก  ก็มันเป็นภาษาไทย  แกถอยไปหน่อยชั้นจะโทรศัพท์กลับบ้าน” มันแทรกตัวลงนั่งแล้วกดโทรศัพท์   ผมเห็นมันส่งเสียงภาษาเยอรมันอึกๆ อักๆ ในคอตามแบบคนเยอรมันแล้วหัวเราะเสียงแจ่ม  ก็อิจฉาอยากโทรมั่ง  แต่ว่ายังไม่ได้ซื้อบัตรมาเลยอด  คิดถึงบ้านจัง  แม่จ๊า  ยายจ๊า  คุณน้าด้วย  อ้อ! นังน้องสาวอีกคน  คิดถึงจัง  ไหนจะไอ้หลานตัวแสบแสนอ้วนทั้งสองตัวอีกหละมันจะรู้ไหมวะน้าคนนี้ของมันคิดถึงแก้มยุ้ยๆ ปากยื่นๆ ของมันจัง  อยากกลับบ้านเร็วๆ จังเลย  ว่าแล้วก็น้ำตาซึมแหะ  ไม่น่าเชื่อ... :impress3:

   “เอาบัตรเราโทรก่อนไหม” มันถามผมเบาๆ

   “หือ  ไรนะ?”  หูบกพร่องในหน้าที่อีกแล้วครับ เอ! หรือว่าจะเป็นสมองนะ 

   “เอาบัตรเราไปโทรก่อนไหม  มันเป็นบัตร non stop สามารถใช้โทรไปได้ทั่วโลก”

   “หึ  ไม่เอาอะ  ขอบใจนะ”  ผมส่ายหัวตอบมันไป  เกรงใจไม่กล้ายืมของมันใช้  แต่ความจริงคิดถึงคนที่บ้านมากนะ  แต่ว่าใจแข็งไง  ตอนที่อยู่เยอรมันกับโอ้ยังปรับทุกข์กันอยู่เลยว่าอยากกลับไปหาคนที่บ้านเร็วๆ  ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน  เบื่อการเดินทางด้วย ทำไมต้องเดินทางไปนั้นไปนี้อยู่เรื่อยเลยนะ  ทำไมไม่มาเรียนที่ไหนที่เดียวเหมือนคนอื่นๆ นี่อะไรพอปรับตัวได้....อะไรๆ ลงตัวก็ได้เวลาย้ายเมืองอีกแล้ว  ผมละเบื่อจริงๆ

   ‘ไม่แน่นะแกก็เหมือนอย่างในเพลงนั้นไง  แกอาจจะต้องเดินทางไปหารักแท้ที่ไหนสักแห่งในโลกนี่ไง’ โอ้ปลอบใจเมื่อเห็นหน้าผมแย่เต็มที  ทั้งๆ ที่แม้ว่าในตอนที่สบายใจดีหนังหน้าผมมันก็แย่ตามอัตภาพอยู่แล้วหละครับ

ดินแดนแห่งความรัก   ศิลปิน:Crescendo
คงจะมีรักจริงรออยู่ที่แดนใดสักแห่ง  คงมีใครสักคนรออยู่ตรงนั้น
คงมีความหมายใดซ่อนอยู่ที่การรอคอยที่แสนนาน
คงจะมีสักวันชั้นคงได้เจอ..

เจ็บมาแล้วกี่ครั้งที่ความรักพังทลาย  จะมีใครที่เป็นคนสุดท้าย...
คนคนนั้นอยู่แห่งไหน  จะไกลแสนไกลเท่าไร  ก็จะไปที่ดินแดนแห่งนั้น
ขอเอาคำว่าคำว่ารักทุกคำที่ฉันได้เคยเอ่ย
ขอมันคืนจากใครที่เคยผ่านเข้ามา
จะขอรวมเอาคำว่ารักเหล่านี้  ทวีความหมายและคุณค่า
ขอเอามามอบไว้ให้เธอผู้เดียว

ข้างขอบฟ้า  แผ่นน้ำ  ขุนเขาหรือทะเลทราย  ไกลเท่าไรก็ไปให้ถึง
คงจะมีรักจริงรออยู่ที่แดนใดสักแห่ง  คงมีใครสักคนรออยู่ตรงนั้น
คงมีความหมายใดซ่อนอยู่ที่การรอคอยที่แสนนาน
คงจะมีสักวันชั้นคงได้เจอ..

ข้างขอบฟ้าหรือขุนเขา  ข้ามแผ่นน้ำหรือท้องทะเลกว้างใหญ่  ชั้นจะไปหาเธอ
จะขอรวมเอาคำว่ารักเหล่านี้  ทวีความหมายและคุณค่า
ขอเอามามอบไว้ให้เธอผู้เดียว
คงจะมีรักจริงรออยู่ที่ไหนสักแห่ง
...
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-12-2006 16:46:14
23.59 น. บนเตียงนอน
   ‘เจ้าประคู้ณ  คุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกนับถือ  ช่วยคุ้มครองคนที่ลูกรักและคิดถึงด้วยนะ  ให้เขาปลอดภัย  สุขภาพแข็งและ...’ ผมนั่งหลับตาพนมขอพรร่ายยาวตอนกราบพระก่อนนอน  พอจะล้มตัวลงนอน

   “นายทำไรอะเมื่อกี้  สวดขอพรจากพระเจ้าของนายอยู่เหรอ” เสียงเหมือนหมีสำลักน้ำผึ้งดังมาจากเตียงไอ้โหด  ถึงจะเป็นห้องคู่แต่ว่าเค้าจัดเตียงเตรียมไว้ให้สองเตียงก็ดีจริงอยู่ครับ  แต่ที่ดันเอามาวางชิดติดกันนี่สิครับแย่  ไม่เป็นไร...คอยดูนะผมจะกรนให้มันสนั่นเลย  แกล้งมัน  มันจะได้นอนไม่หลับ อิอิ สม!

   “อืม...  ขอพรให้คนที่เรารักที่เมืองไทยปลอดภัยนะ”

   “นายนี่เป็นคนดีจัง  ขนาดมาตั้งไกลแล้วคิดถึงแฟนอีก  แถมยังขอพรจากพระเจ้าให้แฟนอีก”

   “ :pigscare2: ย้าง!!!  ยัง  เรายังไม่มีแฟน”  ไม่รู้ทำไม  แต่ผมก็รีบปฏิเสธมันเสียงหลง

   “หรอ  ดี” มันยิ้มๆ “แต่ไม่น่าเชื่อนะว่าคนอย่างนายจะไม่มีแฟน” มันยังไม่ยอมหุบปากนอนอีกครับ  ยังมีหน้าตะแคงตัวมาถามผมอีก

   “ทำไม  แปลกตรงไหน”  :confuse:

   “เปล่า  แค่สงสัยเท่านั้นเอง”

   “เออ งั้นนอนเถอะ  แต่เราต้องขอโทษไว้ก่อนเลยนะถ้าหากว่าคืนนี้เรานอนกรนเสียงดัง” เอะ! แล้วผมจะไปขอโทษมันทำไมนะ  ไหนว่าจะแกล้งกรนให้มันดังๆ ไง  ไอ้โหดมันจะได้หนวกหูนอนไม่หลับ

   “ไม่เป็นไร  เราทนได้  นายอย่างว่าเราแล้วกันถ้าเราจะกรนบ้าง” ว่าแล้วมันก็ปิดไฟหัวเตียง  ห้องทั้งห้องก็มืดลง  แล้วเสียงกรนมันก็  ใช้คำว่าอะไรดีนะ  เรียกว่า คำราม มันน่าจะดูใกล้เคียงสุดเลยครับ แง T.T  :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-12-2006 22:08:34
10 Mar. 2006

9.26  น.  เตียงเดิม
   ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงสว่านที่กำลังเจาะฝาผนังด้านนอกครับ  หันไปดูก็ไม่เห็นไอ้โหดแล้ว  ใจหายแว้บบบบ  เอะ! มันหายไปไหนนะ  ไอ้นี่ทิ้งกัน  ผมเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งครับคือถ้าตอนเข้านอนแล้วรู้ว่ามีคนอยู่ด้วยแต่พอตื่นมาแล้วมองไม่เห็นใครมันจะใจหายๆ ไม่รู้ทำไม  สงสัยเหมือนเด็กๆ ไงครับเวลาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นใครก็มักจะร้องไห้  แต่ถ้าตอนเข้านอนรู้ว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่เป็นไรนะ  แต่ถ้ามีคนอยู่ด้วยก่อนนอนละก็เป็นอย่างนี้ทุกที  พยายามแก้แล้วแต่ก็ไม่หาย  อกมันโหวงๆ พิกล

   “อ้าว! ตื่นแล้วหรอ  เห็นนอนกรนน้ำลายไหลยืดเป็นทางเชียว ฮ่าๆๆ เลยไม่อยากปลุก” ผมรีบยกหลังมือปาดยาวเหนียวๆ ข้างแก้ม  น่าอายจังโตแล้วยังนอนน้ำลายบูดไหลอีก  เลยรีบลุกขึ้นเก็บที่นอนเตรียมตัวจะไปล้างหน้า

   “เมื่อคืนหนาวหรอ  เห็นนอนขดเป็นกุ้งเชียว” มันถามผมอีก  ผมเลยชะงักมือที่กำลังเก็บที่นอนเพราะเห็นว่ามีผ้าห่มซ้อนกันสองผืน

   “นี่นายเอาผ้าห่มมาให้เราอีกผืนหรอ” ไม่อยากจะใช้คำว่า ’ห่มให้’ ครับ  มันดูดีเกินไป  หน้าอย่างมันไม่มีทางทำได้หรอกครับ

   “เปล่า!!” มันยักไหล่ได้กวนทีนดีจริงๆครับ “เขาเตรียมไว้ให้สองผืนอยู่แล้วแต่นายห่มผืนเดียวเอง” แล้วมันก็เดินไปนั่งที่โซฟากดรีโมตเปิดทีวีหารายการดู 

              ผมว่าแล้วไหมครับ  หน้าอย่างมันมีหรอจะใจอารีขนาดนั้น  ความจริงผมเองก็ยังง่วงอยู่เลย  เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะมันหนาวเกิน  ก็ดันห่มผ้าแค่ชั้นเดียวเอง(ความผิดไอ้โหดมันครับ  ก็มันไม่ยอมบอกผมนี้ว่าผ้าห่มมีสองชั้น)  ผมก็เลยคว้ากระเป๋าเครื่องอาบน้ำจะเดินออกไป

   “จะออกไปทั้งแบบนั้นหรอ  มีคนมาทำงานกันเยอะแล้ว  ทางที่ดีเปลี่ยนเสียหน่อยดีไหม” ไอ้โหดมันพูดโดยไม่หันหลังมา  จ้องดูทีวีของมันไปเรื่อยๆ  ผมเลยนึกขึ้นได้ก้มมองตัวเองก็จริงอย่างที่มันว่าครับ  ตอนนี้ผมนุ่งแต่กางเกงชั้นในขายาวกับเสื้อยืดรัดรูปแขนยาวสีขาวเท่านั้น  มันอาจจะโป๊ไปหน่อยนะถ้าผมจะออกไปในสภาพนี้และอาจจะเป็นอันตรายอย่างร้ายกาจแก่สายตาประชาชีคนอื่นได้  ผมเลยคว้ากางเกงกับเสื้อมาสวมทับแล้วถึงได้ฤกษ์ไปล้างหน้าครับ

11.05 น. หน้าคอมบนโต๊ะทำงานในห้อง
   ผมกำลังเพ่งสมาธิการงานเอกสารตรงหน้าอย่างแรงเลยครับ  ก็ไม่ได้จัดการมาเสียหลายวัน  วันนี้เลยต้องสะสางเสียบ้าง

   “เตี้ยทำไรอยู่อะหิวข้าวแล้ว  ไปทำไรมากินหน่อยสิ”

   “.........”

   ‘ผัวะ’
   “บอกว่าให้ไปหาไรมาให้กินหน่อยไม่ได้ยินหรือไร  ยัง.. ยังอีก  เดี๋ยวปั้ด”

   ผมพูดไรไม่ออกเลยครับ  ก็คนมันกำลังตั้งใจทำงานอยู่นี้เลยไม่ได้ยิน  ทำไมต้องมาตบหัวกันด้วยนะ  แถมแรงเสียด้วย  ว่าแล้ววิญญาณนางเอกเข้าสิงอารมณ์น้อยใจวิ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ เลยครับ  ขอบตามันก็เลยร้อนๆ

   “อ้าว! ยังจะมานั่งทำหน้าบื้ออยู่อีก  บอกว่าหิวไม่ได้ยินหรือไง?  ไปทำไรมาให้กินหน่อยสิ  นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ”

   ผมเลยลุกขึ้นมาเงียบๆ เซ็งโครตเลย  มันหิวเองแล้วทำไมไม่ไปทำกินเองทำไมต้องมาใช้ผมด้วยนะ  คนอื่นเขาก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกันนะ  ไม่ได้มาที่นี่เพื่อมารับมือรองเท้าใครนะโว้ย..

   “ทำให้อร่อยๆ นะ ห้ามแกล้งใส่เกลือใส่พริกไทยมากนะ  ไม่งั้นเจอดีแน่”  มันยังตามมาราวีผมถึงในครัวอีก  ผมไม่ตอบมันให้เปลืองน้ำลายหรอกครับคนพรรค์นี้  หันไปรื้อๆ หา ของสดในตู้ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรให้มันกินดี

   “แล้วนั้นใจคอจะไม่ถามหรือไงว่าคนกินจะกินอะไร”  เห็นไหมครับว่ามันนะ.....แค่ไหน :pigangry2:

   “.........”  ไม่อยากพูดกับมันเลยจริงๆ ครับ

ผมก้มหน้าก้มตาหั่นมะเขือเทศก่อน  กะว่าจะผัดผักให้มันกินนะครับ  เพราะว่าเมนูจานนี้ผมถนัดสุดไม่ต้องคิดมากให้เปลืองเวลา  อีกอย่างเมื่อวานก็ไม่ได้ซื้ออะไรมามากเท่าไหร่   :pigscare2: แต่เดี๋ยวก่อนครับ!!  ทำให้มันกินแล้วทำไมต้องควักเอาของสดที่ตัวเองซื้อมาทำด้วยนะ  ว่าแล้วก็หยุดหั่นกวาดของที่หยิบมาเข้าตู้ตามเดิม

   “อ้าว! แล้วเก็บของทำไมนะ?  ไหนว่าจะทำของกินด้วยกันไง”

   “ใครบอกว่าจะกิน  แกกินคนเดียว  ฉันไม่เกี่ยว  ยังไม่หิวโว้ย  แล้วเรื่องไรที่ฉันจะต้องเอาของสดที่ฉันซื้อมาทำให้แกกินด้วย” ผมหันไปเท้าสะเอวถามมัน

   “ไรวะ?  แค่นี้ทำงก  แล้วของสดของฉันแกจะทำเป็นหรอ”  มันถามผมตอนก้มลงไปหยิบของสดของตัวมันเองมาวางเรียงบนโต๊ะ

   “ก็เอามาดูก่อนว่าทำไรได้บ้าง  ถ้าทำไม่เป็นหรือว่าไม่อร่อยขึ้นมาแกก็อย่าบ่นก็แล้วกัน”

   “ก็มีไส้กรอก  มะเขือเทศ  แฮม  ไข่  แล้วก็ผักนิดหน่อย”

   “งั้นกินไข่เจียวแล้วกัน”

   “แต่ไข่มีแค่ใบเดียวนะ”

   “เออ...  รู้แล้ว  เดี๋ยวให้ยืมของฉันก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วผมก็หันไปหยิบไข่มาสองฟองกะว่าจะเจียวไข่ใส่แฮมไส้กรอกกับมะเขือเทศให้มันกินแล้วกันง่ายดี

   “สามไม่ได้หรอ  กลัวไม่พอกิน”  มันยังมีหน้ามาขอเพิ่มอีก 

              ผมละอ่อนใจกับมันจริงๆ เลยครับ  ผมเลยเจียวแบบไม่พลิก  คือพอด้านหนึ่งสุกดีแล้วแต่อีกด้านยังเป็นวุ้นๆ อยู่ก็จับมันพับครึ่งเอาขอบมาประกบกันแล้วตักขึ้นเลยครับ  ส่วนข้าวก็เอาของที่เหลือเมื่อวานยัดลงไมโครเวฟอุ่นให้มันกินครับ  เร็วดีไม่ต้องหุงใหม่

   “แล้วนายไม่หิวหรอ?  จะเที่ยงแล้วนะ  กินด้วยกันสิ”  มันยังมีแก่ใจมาชวน  ส่วนผมก็งอน  ไม่ดิ!  เซ็งมากกว่าไม่มีอารมณ์จะกิน  ออกไปเดินข้างนอกดีกว่าเห็นหน้ามันแล้วหงุดหงิดหัวใจครับ

   “เฮ้ย! จะไปไหน  มากินด้วยกันก่อน  ไม่ชอบกินคนเดียว  ห้ามไปไหนเลยนะ  ไว้ไปพร้อมกัน  ไม่กินก็มานั่งด้วยกันก่อน”

   “มันจะมากไปแล้วนะแก  แกจะมาบังคับชั้นได้ไง  ในเมื่อ...” ผมยังไม่ทันจะพูดจบประโยค

   “ไม่ต้องเถียงเลย  นั้นเก้าอี้”  มันชี้ไปที่เก้าอี้ฝังตรงข้ามที่มันนั่ง

   “ทะเลาะอะไรกันหรอครับ” เสียงสวรรค์มาช่วยผมแล้วครับ  ผมละดีใจสุดๆ ที่ได้ยินเสียงนี้

   “อ๋อ!  ไม่มีไรหรอกโมนิค  ผมกำลังจะออกไปเดินเล่นข้างนอก  นายลงมาก็ดีแล้ว  ไปด้วยกันไหม?” ผมชวนขวัญใจให้ไปเป็นเพื่อน  ยังไงมันก็ต้องดีกว่าเดินคนเดียวอยู่แล้วใช่ไหมครับ  :angellaugh2:

   “คงไม่ได้หรอก Nac ผมแวะเข้ามาเอาของนิดหน่อย  เดี๋ยวต้องกลับเข้าไปห้องแล้ปอีกนะ  ไว้โอกาสหน้านะ  รับรองไม่พลาดแน่”

   “อืมหรอ! ตามใจ  แล้วเจอกันนะ” ผมโบกมือลาเขานิดหน่อยตอนเขาเดินออกจากบ้านไป

   “สม! ชวนแล้วเขาไม่สนใจ” มันแบะปากทำหน้ากวนเท้าเยาะเย้ยผมครับ

   “...........”  ผมไม่อยู่ในอารมณ์อยากต่อปากต่อครับกับมัน  เซ็งยังไงพิกลไม่รู้ เลยมานั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงที่มันชี้ให้นั่ง

   “เอานา!  เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วจะพาไป  ไม่ต้องห่วง”

     :o มันว่าจะพาผมไปหรอครับ...  แต่ผมนะไม่ค่อยเชื่อน้ำมนต์มันหรอกครับ  ผมว่ามันต้องหาเรื่องมาใช้งานอะไรผมมากกว่า  ครั้นจะไม่ทำให้...มันก็ทำท่าขู่จะหาเรื่องผมอยู่เลย  ความจริงมันก็ตัวไม่ได้สูงกว่าผมมากนะ  น่าจะราว 7-8 เซนต์  ผมสูง 175 มันก็ต้องราวๆ 182-183   ตัวมันก็พอๆ กันกะผมอาจจะหนากว่านิดหน่อย  เอ๊ะ! หรือจะหนากว่านะผมก็ไม่ทันได้สังเกตตอนมันถอดเสื้ออาบน้ำ  เดี๋ยววันนี้ถ้ามันอาบน้ำอีกจะลองสังเกตดู  แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ใช่คนไทยใจหาญจะไปกล้าหือกับมันได้หรอกครับ  พูดไปงั้นหละ  แต่ไม่แน่!!  คนเรามันย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกันนะครับ  ว่าไหม?
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 08-12-2006 22:41:36
หึหึ อ่านไปลุ้นไป คนอาร๊ายยย กวนซะ

รออยู่นะคับ มาต่อเร็วๆ น๊า  :sad4:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-12-2006 23:20:40


เป็นห่วงน้องพลาดในกระดานโน้นจัง  แต่ไม่กล้าบ่นไรมาก

ไม่ได้เข้าไปหายวันพอเข้าไปอีกที  แว้ก   อะไรกันเคอะเนี้ย

ไอซียู  ทำได้แค่  ฉันดูแก จริง 

เจ้หละกลุ้ม  กรูอยากไปเยี่ยมจางเยย   

คงทำได้แค่  ห่วงๆ แบบห่างๆ  เท่านั้น 

นโมๆ โตไวๆ หายวันหายคืนนะลูกนะ  เพี้ยง

:monkeysad:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-12-2006 16:26:20
17.45 น.  Supermarket หน้าสถานีรถไฟ
   “วันนี้เอารถเข็นดีกว่านะ”  อยู่ๆ มันก็ชวนผมมาซื้อของสดกัน  ตอนแรกมันจะชวนออกมาเดินตั้งแต่กินข้าวเสร็จแล้วละครับ  แต่ผมเกิดเปลี่ยนใจขอทำงานต่อดีกว่า  ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว  ให้มันเสร็จๆ เป็นเรื่องๆ ดีกว่า  เลยนั่งทำงานจนเสร็จ  พอหันไปก็เห็นมันนอนสลบเหมือดอยู่แล้วครับ  ถ้วยจานกินเสร็จก็ไม่เก็บ  ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมอีกแล้ว  ผมต้องลุกขึ้นมาเดินเก็บเอาไปใส่ไว้ในเครื่องล้างจานอีก  ที่นี่เขาจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดอาทิตย์ละสองครั้งครับ

   “ทำไมอะ  เอาตะกร้าดีกว่าง่ายดีไม่ต้องเข็นให้เกะกะ”

   “เหอะนะ  เอาคันเดียว  เดี๋ยวเราเข็นเอง  แกอย่าเรื่องมากเลยนา”  ใครกันแน่นะที่เรื่องมาก   :untrust:

   “เออๆ ตามใจ”  ผมพุ่งตรงไปที่แผนกผักสดทันทีเพราะว่าเมื่อวานหอบผักไปได้นิดเดียวเอง  อยู่ที่นี้ไม่ค่อยได้กินผักมากนัก  ซึ่งความจริงแล้วผมชอบกินมาก  เพื่อความงามน่ะครับ  กินแล้วมันดีต่อสุขภาพ(คนเขาว่ากันมาอย่างนี้) ก็เลยกินๆ ไป เผื่ออะไรๆ ในหนังหน้ามันจะได้ดีขึ้นกับเขาบ้าง  แต่ว่าท่าจะสายเกินการณ์ไปหน่อยน่ะครับ  :3128:

   “นายชอบกินผักเหรอ  เห็นเมื่อวานก็หอบไปวันนี้ยังจะหอบไปอีก”

   “อืม....  อาหารไทยส่วนใหญ่ต้องใช้ผักเป็นส่วนประกอบนะ”

   “หรอ!  งั้นเอาดิ  อยากได้อะไรก็เลือกเอา  เดี๋ยวเราจ่ายตังค์เองวันนี้”  เอ๋! มันมาไม้ไหนอีกครับวันนี้  ผมหละกลัวใจมันจริงๆ

   หลังจากเลือกผักได้หลายอย่างแล้ว  ผมก็ไปที่แผนกเนื้อสัตว์พยายามตามล่าหาเนื้อหมูบดล้วน คือจะเอาแบบที่ไม่ผสมเนื้อวัวเลยไงครับ  แต่ว่าไม่มีถ้าจะเอาแบบนั้นต้องเอาไปสับเองซึ่งครัวฝรั่งก็ไม่มีมีดอีโต้เสียด้วย  เลยต้องตัดใจครับหันมาเอาที่ผสมเนื้อวัวตามเคย  แต่ว่าผมไม่ค่อยทานเนื้อวัวเท่าไร  เวลากินแล้วมันได้กลิ่นสาบวัวน่ะครับ  แล้วผมก็หยิบปีกไก่ติดมือมาด้วยกะว่าจะเอามาต้มน้ำแกงซดร้อนๆ ใส่หัวหอมใหญ่เยอะๆ คงจะช่วยบรรเทาอาการหวัดเจ็บคอของผมได้บ้าง  โห!! รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนจังกึมยังไงไม่รู้  มีการแอบรู้แอบอาศัยสรรพคุณทางยาของอาหารเข้าช่วยด้วยวุ้ย  เก่งจริงๆ ลูกใครวะ…   :yeb:
................................................................................

   “อ้าว! แกถือเลยนะไอ้เตี้ย  แกล้งกันใช่ไหม  เลือกมาเสียเยอะเลย”  เห็นไหมครับเวลามันจะใช้ผมละก็เรียกไอ้เตี้ยทุกที 
‘มรึงไง  ไอ้โหด’ ผมแอบด่ามันในใจเพราะว่าไม่รู้ว่าภาษาอังกฤษคำว่าไอ้โหดมันเรียกว่าอะไรครับ

   ความจริงผมนะไม่ได้แกล้งมันหรอกครับ  กะว่าจะช่วยมันหารค่าของด้วยกันแต่ว่ามันไม่ยอม  อยากจะจ่ายคนเดียวแล้วมันจะมาหาว่าผมแกล้งมันได้ไง  ผมว่ามันหาเรื่องไม่ถือของมากกว่า

   “ใจคอแกจะไม่ช่วยฉันถือไรเลยหรอ”

   “อืม!  ก็มันเป้แก  แกก็หิ้วไปเองซิ”  มันย้อนแบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ  สรุปผมเลยต้องแบกกระเป้  มือหนึ่งหิ้วถุงส้ม  มือหนึ่งหิ้วถุงหัวหอมใหญ่  อะ! ผมลืมซื้อพริกอีกแล้วครับ

   “เฮ้! หวัดดี  ไงกำลังจะกลับกันพอดีเลยหรอ” เสียงสวรรค์มาอีกแล้วครับ  ขวัญใจผมโผล่มาจากไหนไม่รู้  เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยผมอยู่เรื่อยเลยครับ  แล้วอย่างนี้จะให้ผมใจแข็งไม่เทคะแนนพิศวาสไงเขาไงไหว  “มาซื้อไรกันเยอะแยะเลย  มาผมช่วยถือนะ Nac” โห! ผมงี้ซึ้งซ้า  ตอนที่เขามารับถุงส้มที่ไอ้โหดมันเป็นคนเลือกมาไปถือซะเอง  ปลื้มครับ  ปลื้ม.... :monkeylove2:

   “นายไปไหนมานะโมนิค” มันถามเขา

   “อ้อ! ออกมาจากแล้ปก็ตรงกลับมานี้เลย  วันนี้กะว่าจะมาทานข้าวพร้อมพวกนายอีก  ถ้าพวกนายไม่ว่าไรนะ”  ใครจะไปว่าไรครับ  มาเลยๆ ขวัญใจผม  เร็วเท่าใจคิด 

   “ได้มาสิ  กินด้วยกันหลายคนสนุกดี” ผมชวนทันควันไม่ต้องรอถามความเห็นไอ้โหดเลย

   “แล้วพวกนายไปไหนกันมานะวันนี้” ขวัญใจผมชวนคุยยิ้มๆ  เวลาเขายิ้มนี้มันก็น่ารักดีนะครับ  สดใสดีดูเป็นธรรมชาติ ง่ายๆ สบายๆ ผมละชอบจัง

   “ไม่ได้ไปไหนเลย  ต้องนอนทั้งวัน ก็ Nac นะซิ  เอาแต่ทำงานไม่ยอมออกไปไหน”  ผมต้องหันไปมองหน้ามันเลยครับเพราะประโยคนี้  ทำไมต้องมาลงที่ผมด้วย  มันอยากจะไปไหนก็ไปสิ  ไม่เห็นตัวจะติดกันเลย

   “ใครว่า  นายนั้นแหละที่นอนทั้งวัน  กินแล้วก็นอนเอง  ช่วยไม่ได้” ผมแบะปากไหวไหล่ใส่มัน

   “หรอ  อืม...  พรุ่งนี้วันเสาร์  พวกนายก็ยังมีเวลานา  ยังอยู่ที่นี่อีกนายเลยไม่ใช่เหรอ”

   “อืม... แล้วพรุ่งนี้นายไปไหนปะโมนิค” ผมรีบถาม

   “เปล่านี่  ทำไมหรอ Nac” เขาหันมาจ้องหน้าถามผม  เอะ! อย่ามาจ้องใกล้ๆ อย่างนี้เดะ  หัวใจจาลาลายยยยยยส์

   “เปล่าๆๆ คือว่าถามดูไปงั้นๆ แหละ” โห! ใครจะไปกล้าชวนเขาเที่ยวครับ  คนเพิ่งรู้จักกันเอง  ไม่ได้ซี้อะไรมากมาย  แต่จะว่าไปผมกับไอ้โหดก็เพิ่งรู้จักกันนะ  ไม่กี้วันมานี้เอง  แต่ทำไมมันทำเหมือนรู้จักกับผมมานานแล้วงั้นแหละ

   “เย็นนี้พวกนายจะทำไรกินกัน  วันนี้เราอาสาทำอาหารฟินแลนด์ให้พวกนายลองชิมสักอย่างนะ  Nac เคยกินอาหารฟินแลนด์มาก่อนหรือเปล่า  อร่อยนะ”  คร้าบบบ  ขวัญใจผมทำอะไรให้ทานก็อร่อย ทั้งน้านนนนนส์ แหละครับ

   “งั้นวันนี้เราจะทำอาหารเยอรมันให้ชิมเหมือนกัน  ส่วนนาย...Nac ทำอาหารไทยอีกจานแล้วกัน” มันออกคำสั่งผมอีกแล้ว  คนอาไร้สั่งๆ ลูกเดียว   สู้ขวัญใจผมก็ไม่ได้มีแต่เสนอตัวมาช่วย  ไม่บังคับเลย  น่าร้ากกกกกส์ ที่สุดเลย..

   สรุปว่าเย็นนี้เราเลยได้ลองอาหารนานาชาติครับ  ผมผัดหมูกับถั่วฝักยาวใส่เครื่องแกงเม็กซิโกลงไป  รสชาติพอจัดว่าเป็นผัดเผ็ดได้(สูตรนี้ได้มาตอนที่อยู่เยอรมันครับ  แบบว่าตอนแรกซื้อมาเดาๆ ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นไง  แต่พอลองแล้วพอทานได้เลยจำเอาไว้นะครับ)  โมนิคทำอะไรมาผมก็เรียกไม่ถูกหน้าตามันเหมือนเอาบอคเคอรี่มาอบกะชีสใส่หมูสับใส่เกลือ เนย  รสชาติประหลาดๆ  ส่วนของไอ้โหดเหรอครับ  ผมนึกว่าจะอลังการน่านฟ้าไทยที่ไหนได้  แค่เอาไส้กรอกเยอรมันหลายๆ แบบมาจี้กะกระทะร้อนๆ แล้วใส่จานทานกะมาสตาร์ด  ซอสมะเขือแล้วก็ผักกาดดอง(ซึ่งความจริงผมจะเอามาผัดกะไข่ครับ) เท่านั้นเอง  ไม่ได้เรื่องเลยว่าไหมครับ  มื้อนี้เราตบท้ายด้วยไอศกรีมเหมือนเดิม  ตอนทานข้าวผมแอบให้คะแนนพิศวาสโมนิคไปหลายแต้ม  ดูท่าทางผมอาจจะมีความหวังเล็กน้อยครับแต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า  ได้แต่แอบหวังอยู่ลึกๆ ส่วนไอ้โหดมันก็คอยแย่งผมพูดอยู่เรื่อย  ผมเลยไม่ค่อยได้พูดสักเท่าไหร่  ขัดลาภผมจริงๆ เลยไอ้นี้

(http://i39.photobucket.com/albums/e192/allachka3/Almhousewindow.jpg)
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-12-2006 16:50:13
23.20 น. ห้องนอน
   วันนี้ผมไม่อาบน้ำหรอกครับ  สังเกตจากสภาพความมันบนหัวแล้วยังพอทน  เอาไว้รวบยอดพรุ่งนี้ดีกว่า  อ้อ!  วันนี้ผมลืมซื้อครีมหมักผมมาอีกแล้ว  ไม่ไหวอยู่ที่นี่  ผมที่ว่าเสียอยู่แล้วยิ่งฟูกันไปใหญ่  ตอนที่พักกะโอ้ลองแอบใช้ครีมหมักผมมันดูก็เออนะดูดีขึ้น  เลยกะว่าจะลองซื้อหามาใช้ดูน่ะครับ

   “วันนี้ตอนกินข้าวเย็น  ท่าทางร่าเริงดีนะ”  มันส่งเสียงหอนอีกแล้วครับ

   “ทำไม?  ร่าเริงยังไง?” ผมหันไปมองมันเต็มๆ ตา

   “เปล่าก็เห็นคุยกะโมนิคตลอดเลย  คุยไปหัวเราะไป  ไง? ท่าทางจะชอบเขามากเลยสิท่า” มันนอนเอาศอกยันตัวมือค้ำหัวหันมาคุยกะผม

   “เฮ้ย! รู้ได้ไง  ก็เขานิสัยดีนิ  เลยคุยกันถูกคอ  ก็เท่านั้นเอง”  ผมไหวไหล่เลียนแบบท่าที่มันทำบ่อยๆ บ้างเผื่อจะได้ดูเป็นพวกเดียวกัน 

             ความจริงผมก็ไม่ได้คุยกับโมนิคสักทไร  มันนั้นแหละคุยมากกว่าผมอีก  เพียงแต่ตอนเขากับโมนิคนั้นหน้าผมมันคงบานมากไปหน่อย  ก็มันชื่นใจนี่ครับได้คุยกับคนที่เราพอใจ  แต่ผมไม่กล้าบอกมันหรอกครับว่าผมชอบโมนิคแบบไหน  กลัวมันจะหาเรื่องรังเกียจว่าผมเป็นเกย์  เพราะโอ้เคยบอกว่าคนเยอรมันบางคนก็ไม่ชอบเกย์เอามากๆ บางคนถึงขั้นรังเกียจอย่างรุนแรงมันอาจจะหาเรื่องต่อยเอาได้ครับ

   “ให้มันแน่เถอะ  ดูก็รู้นา  เวลาแกคุยกับเขาหน้าตาระรื่นเลย  คนเห็นใครก็รู้” เอะ! ไอ้นี้ทำมาฉลาดแอบจับสังเกตคนอื่น

   “ไม่ๆ “ ผมหละรีบปฏิเสธ “ก็แค่คนอยู่บ้านเดียวกัน ไม่ได้คิดไรมาก  แกนะคิดไปเอง”

   “งั้นก็แล้วไป” ท่าทางมันดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อผมหรอกครับ “ แล้วพรุ่งนี้จะไปไหนปะ  เดี๋ยวจะพาไป”

   “หา! “ ผมหูฝาดไปหรือเปล่าครับที่ว่ามันจะพาผมไป “แกว่าอะไรนะ”

   ‘ผัวะ’

“บอกว่าพรุ่งนี้อยากไปไหน  เดี๋ยวจะพาไป” มันบอกหลังจากเดินมาเบิ้ดกะโหลกผมไปอีกรอบนึง

“ไม่รู้ดิ  คงเดินรอบๆ เมืองนี่หละ  ไม่อยากไปไหนไกล”  ผมตอบพลางลูบหัวตัวเองพลาง

“เออ....  งั้นพรุ่งนี้สายๆ ค่อยออกไปแล้วกัน  วันเสาร์คนมีอะไรให้ดูบ้างอยู่หรอกนะ  แล้วนี้กำลังทำไรอยู่ละ” มันชะโงกมาดูหน้าคอมผม

“กำลังอ่านนิยายที่เพื่อนส่งมาน่ะ  ไม่มีไรหรอก”

“ไร้สาระ  โตจนป่านนี้แล้วยังอ่านนิยาย” อ้าว!  แล้วมันเกี่ยวไรกับแก หา?

“ก็ไม่มีไรทำนิ  ก็เลยอ่านเพลินๆ แก้เบื่อ” ผมว่า

“ทำไม?  อยู่กับฉันมันน่าเบื่อมากเลยหรือไง”  เอ๋!!!

“แล้วมันเกี่ยวไรกัน” ผมแย้งแบบหน้างงๆ เอ๋อๆ

“ไม่รู้  ไปนอนได้แล้ว  นั่งอ่านเปิดไฟอยู่ได้  คนอื่นจะนอนก็นอนไม่หลับหัดเกรงใจคนอื่นเสียบ้างสิ”

อ้อ! ที่แท้มันก็แค่จะหาเรื่องให้ปิดไฟปิดคอมนอนนะครับ  ทำมาเป็นพูดนั้นพูดนี้ เดี๋ยวปั้ดหลังแหวน  เคยเจอไหมน้องหลังแหวนนะหลังแหวน.... :3125:

11 March 2006
12. 56 น. บนเตียง
   หว่าๆๆ  ผมนอนตื่นสายขนาดนี้  ไม่รู้ว่าไอ้โหดมันจะว่าไรผมหรือเปล่านะ  เอ!  แล้วนี้มันหายศีรษะไปไหนแล้วละครับ 

เอ๋!!! แล้วนี้ผมนอนกลิ้งมาบนเตียงฟากมันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ  ผมก็งี้หหละครับ  นอนกลิ้ง  บางวันสมัยตอนเด็กๆ ผมเคยตื่นมันพบว่าตัวเองมานอนที่หน้าประตูห้องได้ไงก็ไม่รู้  แต่ว่าเรื่องนอนดิ้นนี้มันถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือเปล่านะ  เพราะว่าผมว่าผมนอนได้พิสดารแล้วนะแต่น้องสาวผมนะยิ่งกว่า สมัยเด็กๆ นอนด้วยกัน  ผมต้องสะดุ้งตื่นมาตอนดึกเพราะโดนนังน้องตัวดีเอาบาทามาฟาดปากผมเฉยเลย 

ส่วนไอ้หลานตัวอ้วนทั้งสองตัวมันก็ขยันกลิ้งไปทั่วห้องให้ผมที่ตื่นมาดูว่ามันกลิ้งไปซุกหัวที่มุมไหนของห้องแล้วต้องอุ้มกลับมานอนบนฟูกแล้วห่มผ้าตามเดิม  ครั้นจะให้มันนอนเตียงมันก็กลิ้งตกเตียงกันทั้งสองพี่น้องหรือไม่ก็หันสลับหัวสลับหางเอาบาทามาปะทะหนังหน้าผมอยู่เรื่อยๆ หรือไม่มันก็กลิ้งมาทับผมซะงั้น  ยิ่งไอ้ตัวเล็กมีการกรนแถมอีกตะหาก  ผมละเซ็งจริง

   “เฮ้! ตื่นแล้วหรอเตี้ย”  ผมเดินตามกลิ่นอะไรทะแม่งๆ เข้าไปในครัวก็เลยเห็นพี่แกกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่หน้าเตา  มือก็คนๆ อะไรก็ไม่รู้อยู่ในหม้อบนเตา

   “ทำไรอยู่นะ”  ผมเดินไปดูใกล้ๆ ท่าทางมันกำลังเรียนวิชาปรุงยากับศาสตรจารย์สแนปในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่แน่ๆ เลยครับ

   “อาหารเช้าแกไง อุ่นเป็นรอบที่สามแล้วนะเว้ย”

“หา! ไอ้หน้าตาแปลกๆ ในหม้อนั้นนะเหรอ” ใครจะกล้าไปกินครับ  หน้าตาแบบนั้นกินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

“เออดิ!  ทำไม  คนเขาอุตส่าห์ทำแกก็ต้องกินสิ” มันหันมาทำหน้าดุใส่ผมอีกแล้วครับ  โหดมากๆ ขอบอก  ความจริงหนังหน้ามันก็พอดูได้นะแม้ว่าจะเทียบไม่ติดกับขวัญใจผมก็เถอะ  แต่ก็ โอเค้! ผ่าน

มันรินซุปหน้าตาประหลาดนั้นมาวางตรงหน้าแล้วยืนกอดอกจ้องบังคับให้ผมกิน  พอผมถือช้อนแล้วเงยหน้าไปทำตาละห้อยขอคะแนนความสงสารจากมัน  ม้านนนนก็ยังพยักหน้าหงึกๆ ให้ผมอีก  แล้วเลื่อนถ้วยซุปให้เข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอีก  ผมจะทำไงได้ครับ นอกจาก....

เอ๋! รสชาติไม่เลวครับ  ไหนลองอีกครับซิ อืม...  ก็พอไหวนะ  ผมเลยหันไปมองหน้าคนทำที่ตอนนี้นั่งลงกอดอกบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผมเรียบร้อยแล้วครับ

“ไง? อร่อยใช่ไหม  โธ่! ฉันนะมันระดับไหมแล้ว  ฝีมือเห็นๆ” มันยกหางตัวเองทันทีเลยครับ  นี่ขนาดผมยังไม่ทันพูดอะไรออกมาสักคำเลยนะ  ผมละสงสัยถ้าผมตดออกมาเป็นเสียง ปุ๋ง! มันยังจะหาว่าผมตดชมมันหรือเปล่านะ?

“ก็พอกลืนลงนะ”

‘ผัวะ!!!’   มันเอือมมือมาตบหัวผมจนคะมำอีกแล้วครับ แง T.T

“ทำให้กินแล้วยังเรื่องมากอีก  รีบๆ กินเข้าไปซะ  แล้วจะได้ออกไปข้างนอกเสียที”  มันโวยวายแล้วเดินหนีออกไปเลย  อันที่จริงผมว่าที่รสชาติมันพอทานได้เพราะมันเป็นซุปสำเร็จรูปจากซองไง  ลองให้มันทำเองดูดิ  รับรองไม่มีทางกระเดือกลงแน่ๆ เชื่อผมสิ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 14-12-2006 17:03:32
อิอิ คับตามอ่านอยู่คับ

ต่อโลด  :impress:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-12-2006 09:30:50
สนุกดี  :impress: รออ่านอยู่ค่า
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 15-12-2006 17:47:40
15.24 น. หน้าร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่
   ผมกำลังเดินถอยหลังไปดูป้านหน้าร้านที่เขียนเวลาเปิดปิดเอาไว้ครับ  เออ! พรุ่งนี้ก็เปิดเนอะ  ดีจังร้านนี้เปิดวันอาทิตย์ด้วยครับแต่เปิดเที่ยงปิดสองทุ่ม  ส่วนทุกวันเปิดสิบโมงเช้าถึงเที่ยงคืน  แต่ไม่ยักกะเขียนราค่าชั่วโมงเอาไว้แหะ  ไมเป็นไรพรุ่งนี้มาเล่นก็รู้เองหละ  ก็ผมมีนัดแชทกับเพื่อนที่เมืองไทยนี้ครับ

   “ทำไมอยากเข้าไปงั้นหรอ”  มันเดินย้อนกลับมาถามเพราะว่าเมื่อกี้มันเดินนำหน้าผมไปแล้ว

   “อืม  แต่ว่าจะมาวันพรุ่งนี้”

   “ทำไม”

   “ก็ไม่ทำไม  นัดกับคนสำคัญที่เมืองไทยเอาไว้ว่าจะแชทคุยกัน”

   “ใคร?  แฟนหรือ?”

   “อืม...จะเรียกว่างั้นก็ได้นะ” พอผมตอบเสร็จมันก็เดินหนีไปเลยครับ  ผมต้องวิ่งกวดตามมันไป

   พอกลับมาถึงบ้านมันก็เข้าห้องหนีหายไปเลย  ไปนั่งกดรีโมตเปลี่ยนช่องทีวีดูน่าโหดอยู่โน้นแน่ะครับ  ขนาดหน้ามันตอนธรรมดาก็โหดพอแรงอยู่แล้ว  นี้ยิ่งทำหน้าหยิกเข้าไปอีกก็ยิ่งน่าหวาดหวั่นกันไปใหญ่  ผมเลยเข้าไปถอดเสื้อกันหนาวออกแล้วเลี่ยงไปเข้าครัวแทนดีกว่า  เอ! แต่ว่าวันนี้ขวัญใจผมไปไหนนะ  ไม่ยักกะอยู่บ้าน  หรือว่าจะอยู่ข้างบน  แต่ไม่ได้ยินเสียงคนเดินเลยนี่  ว่าแล้วก็อย่ามัวสงสัยอยู่เลยครับเดินขนไปสำรวจข้างบนดีกว่า  ผมเองก็ยังไม่เคยขึ้นไปเลย

   ‘ย่อง ย่อง ย่องแล้วก็ย่อง’ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องย่อง  เหมือนจะมาขโมยอะไรเขาเลยครับทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดจะขโมยแค่จะขึ้นมาดูเฉยๆ  แต่อย่างว่าชั้นบนนี้มันไม่ใช่อาณาเขตผมเพราะว่าทุกอย่างของห้องผมอยู่ชั้นล่างหมด  อ้อ! ยกเว้นเวลาจะมารีดผ้า  งั้นก็ไม่ต้องย่องแล้ว  เดินมันธรรมดาๆ นี่แหละ  ทำว่ามาดูเครื่องซักผ้าไงครับ 

   เอ๋! ประตูห้องสามแง้มอยู่ด้วยครับ  ห้องขวัญใจผมเองละครับมีใครอยู่หรือเปล่านะ  ได้การหละ  วิญญาณไอ้โรคจิตเข้าสิงสู่  เราไปแอบดูห้องขวัญใจผมกันดีกว่าว่าจะเป็นยังไง  อยากเห็นนี่ครับว่าขวัญใจผมจะมีห้องแบบไหนกันนะ  ว่าแล้วก็ย่อง(เอาอีกแล้ว! แต่คราวนี้ผมย่องอย่างมีเหตุผลนะ) เข้าไปใกล้ๆ แล้วจัดการแนบตาซ้ายลงกะช่องประตูทันที่เลยครับ

   มีโต๊ะทำงานเหมือนห้องผมเลยแต่เล็กกว่า  มีคอมอยู่บนนั้นด้วย  รุ่นไหนยี่ห้อไหนไม่รู้มองไม่ถนัด  อืม! ส่วนเครื่องเรือนอื่นๆ ก็จัดได้น่ารักดี  แต่ว่าทำไมห้องมันเรียบร้อยจังวะ  เรียบร้อยกว่าห้องผมอีก  แต่จะว่าผมไม่ได้นะก็ไอ้โหดมันเป็นคนวางของมั่วเอง  ผมแค่วางตามอย่างมันมั่งเท่านั้นเองครับ  ปวดตาจังมองไม่ถนัดเลยย้ายมาตาขวาดีกว่า  อะ! เห็นขาคนด้วยครับ  มีขนสีทองเต็มเลย  แต่ว่าทำไมมันใกล้จัง  ผิวข้าวขาว  ตามประสาคนยุโรป  แต่ว่ามองอย่างอื่นไม่เห็นเลย  ลองลื่นขึ้นไปสูงๆ อีกดีกว่า  อ้า! เห็นหัวเข่าด้วยครับ  อ่ะๆ ตรงนี้เนียนกว่าเมื่อกี้อีก สงสัยจะเป็นต้นขา  แล้วนี้อะไรท่าทางจะเป็น กกน. นะผมว่า  สีน้ำเงินด้วย  เชยจัง!  ใส่สีน้ำเงิน  ไม่ชอบเลยวันหลังต้องจับเปลี่ยน  สีขาว  เทา  หรือดำยังโสภากว่าซะอีก โอ้โห  เห็นไอ้นั้นด้วยครับ  ใหญ่มากๆ เลย  นี้ขนาดยังไม่ตื่นตัวนะถ้าตื่นแล้วมันจะขนาดไหนวะ  ตื่นตัว?  นั้นดิ! ยังไม่ตื่นแล้วทำไมมันใหญ่จัง   :haun6:

เรากำลังแอบมองแบบนี้มันน่าจะเห็นไกลๆ หน่อยนะ  ทำไมมันใกล้จังวะ  หรือว่าเราจะตาดีเป็นพิเศษกับเรื่องแบบนี้  ลองเปลี่ยนดูตาซ้ายดิ  เออ! มันก็ยังเห็นชัดนะ  เลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ ดีกว่า  อ้าส์! ผ่านสะดือด้วย x มากขอบอก อิอิ  อืม...หนวดเครา จมูก  ลูกกะตา  เอ๋!  มันจ้องตอบผมมาด้วยอะครับ   :confuse:

 :sad5:ว้ากกกกกกกส์!!!!!  อกอีแป้นแล่นเข้าตึกแขกแหกออกมาห้องฝรั่ง

   “ไง? มีธุระอะไรหรอ Nac “ เจ้าของไอ้นั้นอัน หย่ายยยยยส์  เปิดประตูออกให้กว้างขึ้นแล้วยืนเท้าสะเอวพิงกรอบประตูถามผมยิ้มๆ

   “ :sad4: อะ....อะ....มะ.....”  ผมติดอ่างในบัดดล

   “หืม!  ว่าไงนะ  มีอะไรหรือเปล่า”

   “ปะ.....เปล่า  เราจะขึ้นมาขอใช้เน็ตห้องนายนะ  แต่ไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป  เลยแอบดูก่อนว่านายอยู่หรือเปล่า” ผมหาเรื่อวแก้ตัวสุดชีวิต  ทำไมหน้ามันร้อนๆ หว่า   :try2:

   “หรอ?  ได้!  เข้ามาสิ”  ผมก็ต้องเดินตัวลีบเข้าไปเมือเจ้าของห้องเปิดประตูแล้วเดินนำเข้าหายไปในห้องก่อน

   “นายนั่งตรงนี้ก่อนนะ  เดี๋ยวผมเข้าเน็ตให้” ผมเลยหย่อนก้นแปะลงบนโซฟาตัวเดียวในห้อง  นั่งใจเต้นตึกๆ ยังระทึกไม่หายเลยครับ  ไม่นึกว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้

   “อะ! มานี้เลย Nac  นายจะเข้าเช็คเมลล์ปะ  นายใช้ของอะไรละ”  โมนิคลุกออกจากเก้าอี้แล้วพยักหน้าให้ผมไปนั่งแทน  แต่ก็ยังไม่ไปไหนยืนเท้าแขนข้างเดียวคร่อมผมอยู่นั้นแหละ

   “เออ.... ของ yahoo นะ“ ผมตอบเสียงสั่นๆ เพราะยังระทึกไม่หาย  ได้ยินเสียงเขาหัวเราะฮึๆ ในลำคอด้วยครับ  แล้วเขาก็ยื่นมือข้างที่ยังว่างมาพิมพ์แล้วคลิกหน้าจอให้ผม  เฉียดหน้าไปผมนิ้ดดดส์เดียวจริงๆ ครับ  ถ้าผมไม่เบี่ยงหลบนะได้โดนหนังหน้าเหี่ยวๆ ของผมแน่

   “เอาละเชิญตามสบายเลย  ผมไม่กวนแล้ว  ใช้เสร็จแล้วบอกผมนะ  เดี๋ยวผมกะว่าจะเข้าใช้ต่อสักหน่อย”  ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วทำเนียนเช็คเมลล์ไป  ส่วนโมนิคก็ไปนอนแผ่อยู่บนเตียง  ทำไมไม่รู้จักใส่เสื้อผ้านะ?  พวกฝรั่งนี้ก็แปลกครับตอนอยู่นอกบ้านก็ห่อกันซะสามชั้นสี่ชั้นพอเข้ามาในบ้านก็ถอดมันออกหมดซะงั้น  อย่างเมทผมตอนที่พักที่ฝรั่งเศสก็เหมือนกันตอนแรกก็หล่อหุ่นดี  แต่พอถอดออกหมดแล้วเหลือแต่ก้าง  แต่กระนั้นก็ไม่ยักกะหนาวดันใส่แต่บ๊อกซ์เซอร์ตัวเดียวเวลานอน  พอตื่นขึ้นมาก็เดินแก่วง.....ไปทั่วห้องก่อนจะได้ฤกษ์ใส่เสื้อใส่ผ้า  รายนี้ก็เหมือนกันล่อแต่ กกน. ตัวเดียวใส่นอน  เห้อ! ผมละอายแทนจริงๆ
................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 15-12-2006 18:37:15
กำลังมัน ชอบๆได้บรรยากาศมากๆ
 :3061:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 15-12-2006 21:13:05
 :kikkik: :haun5:

คับเปล่าคิดอะไรทะลึ่งนะ :-[
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-12-2006 07:32:12

แง  ป่วยอะ  ไม่ฉะบาย  หวัดเล่นงาน

แง  ตูคิดถึงมรึงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  ได้ยินไหม  ไอ้เวร
................................................

   “เอ่อ! เสร็จแล้ว โมนิค  ขอบใจมากนะ” 

   “..........” ไร้สรรพเสียงใดๆ จากขวัญใจผม

   “โมนิค” ผมเรียกก่อนจะลุกไปดูใกล้ๆ....  ท่าจะหลับครับ  แต่ว่าผมเช็คเมลล์แป๊บเดียวไม่น่าจะหลับได้นะ  แล้วผมจะทำไงต่อดีครับ  ลักหลับเลยดีไหม  ดีเหรอ?  จะได้โดนถีบเปรี้ยงติดข้างฝ่านะสิ  แนะนำไอ้ที่มันดีๆ หน่อยสิครับ

   “โมนิค” ผมเรียกอีกที  ไม่ยักตื่นแหะ  คนอาไร้  หล่อก็หล่อ  หุ่นก็ดี  ไม่ใหญ่ยักษ์อย่างไอ้พวกฝรั่งที่มาจีบผมตอนอยู่ที่เยอรมัน  เรียกว่ากำลังพอดีคำเลยครับ  น่ากินจริงๆ อิอิ  กินได้ไหมนะ

   “โมนิค…” ผมเรียกรอบสาม  คราวนี้เอื้อมมือไปเขย่าเบาๆ ด้วย  ถือโอกาสแต๊ะอั๋งไปในตัวด้วยครับ

   “.......” เงียบ

   “โม...นิ...”

   “แบ๊!!!!!!!!!!!”

   “ :sad5: แว้กกกกกกส์ เฮ้ยๆๆ!”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ  ตกใจมากเลยหรอ ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้(ขอเรียกว่าไอ้หน่อยนะตอนนี้) ไอ้โมนิคมันหัวเราะชอบใจใหญ่เลยครับที่แกล้งผมได้

   “ตกใจหมดเลย  นึกว่าหลับอยู่ ที่ไหนได้...  เราใช้คอมเสร็จแล้ว  นายไปใช้ต่อสิ  ขอบใจนะ  ไปแล้ว” อารามตกใจพอรู้ว่าโดนหลอกเลยพาลอารมณ์เสียนิดๆ รีบออกมาเลยครับ
................................................................................

   “ทำไรกันอะเมื่อกี้  เสียงดังเชียว”  มาแล้วครับหัวหน้าสัมภาษณ์งาน 

   “..........”

   “ถามแล้วทำไมไม่ตอบ  หา...”

“ไม่มีไรหรอก  ไม่ต้องไปสนใจ” มันอยากรู้ไปหาพระแสงดาบคาบค่ายอะไรของมัน  คนยิ่งอารมณ์บ่จอยอยู่ด้วย

   “เออ!  ไม่บอกก็ตามใจ  แต่ขอบอกเลยนะว่าคราวหน้าคราวหลังจะเล่นอะไรกันก็ให้มันเบาๆ หน่อย  คนอื่นเขากำลังดูทีวีอยู่  ส่งเสียงดังรบกวนอยู่ได้น่ารำคาญ ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ไม่เคยมีใครบอกหรือไง  หัดเกรงใจคนอื่นเขาเสียบ้างก็ดีนะ”  มันร่ายยาวมาเชียวครับ

   “ทำไม?  ทำไมจะทำไม่ได้  มันยังไม่สี่ทุ่มเลย  ทำไมจะส่งเสียงดังไม่ได้”  เรื่องไรผมจะยอมฟังมันครับ  มันนะดีแต่สั่งๆ ผมก็ฉุนดิ

   “อ้อ! เถียงหรอ?” มันขว้างรีโมตใส่เบาะแล้วลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับผม

   “เออ!  แล้วจะทำไม  ฉันก็จ่ายค่าที่พักห้องนี้เหมือนกัน  ใช่แกจ่ายคนเดียวซะที่ไหน  ทำไมฉันจะส่งเสียงดังไม่ได้วะ”   

   ‘ผัวะ’ คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเสียงอะไร

   “นี่แกตบหัวฉันอีกแล้วนะ”  :pigangry2:

   “เออ...  จะทำไมวะ” ว่าแล้วมันก็ ‘ผัวะ’ ผมอีกรอบ

   ‘ผลั๊ก’ ผมเอาหัวโขกหน้ามันเลยครับ  แต่ว่ามันเอามือกันไว้เลยโดนไม่แรงเท่าไหร่  เร็วเท่าใจนึกมันสวนกลับมาทันทีเลยครับ

   ‘ผลั๊ก’  คราวนี้ผมโดนเต็มๆ

   “ไอ้!!  ไอ้!! มึงต่อยกูหรอ  ตายซะเถอะมึง”  ว่าแล้วผมก็กระโจนใส่มันเลยครับ  ตัวใหญ่กว่าก็ไม่สนแล้วครับ  แมร่ง! ตบหัวกรูหลายรอบแล้วมึง  วันนี้เป็นได้เห็นดีกัน...  พอผมโดดเข้าใส่ทั้งมันทั้งผมก็ล้มลงบนโซฟาครับ  ฟัดกันไปฟัดกันมา  กะว่าจะแลกหมัดดุ้นๆ กะมัน  แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางฟัดกันนัวกันมากกว่า  แล้วก็กลิ้งลงไปโดนโต๊ะกระจกหน้าทีวี 

‘เพล้ง’ เสียงกระจกตกลงกระทบพื้น  แต่ดีครับไม่แตก  ผมกะมันหันไปดูพร้อมๆ กัน  แต่ผมได้สติก่อนเลยหันมาจัดการมันต่อ  คราวนี้บีบคอมันแน่นเลยครับ  มันก็ดิ้นๆๆ จะแกะมือผมออก  ไม่มีทางหรอกมรึง  ตายเสียเถอะ (ตอนนั้นคิดอย่างนี้จริงๆ นะครับ  สงสัยเก็บกดมานาน  โดนมันเบิ้ดกะโหลกจนสมองกลับ  เลยกล้าทำเรื่องแบบนี้ทั้งๆ ที่ความจริงผมไม่กล้ามีเรื่องกับใครเลย เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง)

‘ตุ้บ’ มันเตะผมจนกระเด็นกลิ้งคะมำข้ามหัวมันไปข้างหน้า  แล้วมันก็ตามมาคว้าคอผม  เงื้อมมือจะกำลังจะชกลงมา  ผมหลับตาปี้เลยครับ  คราวนี้คนที่ตายคงเป็นผมแน่ๆ

เอ๋!!  ทำไมมันนานจังวะ  ไม่ต่อยกรูแล้วหรอไงวะ  ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองมันข้างเดียว  เห็นมันเงื้อมมัดค้างอยู่อย่างนั้นแหละครับ  แต่ว่าหน้ามันโหดมาก  นี่! ผมคิดถูกหรือเปล่านะที่ไปมีเรื่องกับมัน

‘แปะๆๆ’ มันเอาสันหมัดเคาะลงบนหน้าผมสามที  แล้ววางกดลงแรงๆ  จนหน้าผมจะบี้แหลกติดไปกับพื้นอยู่แล้ว

“หัดจำใส่กะโหลกเอาไว้ซะ  ทีหลังอย่าหัดมาเถียงฉันอีก  ถ้าไม่อยากเจ็บตัว  ไอ้หนู”  แล้วมันจัดการเบิ้ดกะโหลกผมอีกทีหนึ่งก่อนลุกขึ้นถอยไปยืนจังก้าเช็ดเลือดปากอยู่ใกล้ๆ  แต่ยังไม่วายจ้องผมจนตาจะทะลุ

สภาพผมเป็นไงหรอครับหรอครับ  เจ็บตา  เจ็บจมูก  เจ็บปาก เจ็บไปสารพัด  ไม่รู้ว่าโดนเอาตอนไหนมั่ง  ดีว่าตอนที่มันลุกแยกไปไม่ยกทีนเตะผมที่ยังนอนหมอบอยู่กับพื้นอีกรอบไม่งั้นผมไม่มีแรงทำไรต่อแน่เลยครับ... 

คิดแล้วก็แค้นน้ำตาจะไหล  เกิดมาไม่เคยมีใครมารังแกขนาดนี้มาก่อนเลย  สมัยก่อนเวลาจะมีเรื่องกับใครพวกเพื่อนผู้ชายมันก็ออกหน้าแทนให้ตลอดจนไม่มีใครที่โรงเรียนกล้าแหยม  พอมาเรียนมหาลัยก็ไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะกับใครมากนักอย่างมากก็เล่นสงครามเย็นกันมากกว่า 

แต่พอมานี่...โดนตลอดเลย  จนวันนี้รุนแรงสุด  โดนจนลงมากองอยู่กับพื้นอย่างนี้  มันแค้นใจจริงๆ เลยครับ  กลัวก็กลัวจนตัวสั่นเลย  ควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้อีกแล้ว  ทำไมผมชอบเป็นอย่างนี้นะเวลาเห็นใครทะเลาะตีกันแรงๆ หรือว่าเวลาเสียใจมากๆ  อย่างคราวก่อนตอนอกหักจากรักครั้งแรก  ยังเป็นจนต้องส่งโรงพยาบาลเลย  แต่คราวนี้ผมก็ไม่อยากร้องให้มันเห็นหรอกนะครับ  แต่ว่ามันห้ามไม่ไหวแล้วจริงๆ  :monkeysad2:  ยิ่งอั้นน้ำตามันก็ยิ่งไหล  ผมนั่งร้องตัวสั่นอยู่ตรงพื้นนี้แหละครับ  อ่อนแอไม่เอาไหนจริงๆ  เล้ย  ผมนี่!  ว่าไหมครับ? ฮื่อๆ  :monkeycry2:

“เฮ้ย! เตี้ย  เป็นไรวะ  เตี้ยๆๆ”

“ออกไปเลยมรึง  ไม่ต้องมายุ่งกับกรู”  ผมผลักมันที่เข้ามานั่งจับไหล่ที่สั่นของผมล้มลง

“เฮ้ย! ไม่เอานะเตี้ย  เป็นไรมากเปล่า  เฮ้ย! เราไม่ได้ตั้งใจนะโว้ย  อย่าเป็นไรนะ  เฮ้ยๆ เราขอโทษเว้ย” มันยิ่งตกใจปลอบผมใหญ่เลย  ยิ่งมันปลอบผมก็ยิ่งร้องไห้  คราวนี้น้ำมูกแถมมาด้วย

   ผมก็ไม่รู้จะพูดว่าไง  ไอ้ที่สั่นนี้ก็ไม่ได้แกล้งทำ  ไม่เชื่อไปถามน้องสาวหรือว่ารูมเมทผมสมัยเรียนก็ได้ว่าผมเป็นอย่างนี้จริงๆ  ผมก็ได้แต่นั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้ต่อไปก็เท่านั้น  เจ็บตัวไม่เท่าไหร่  แต่เจ็บใจมากกว่า  ทำไมผมมันอ่อนแออย่างนี้วะ  รู้งี้ไปเรียนศิลปะป้องกันตัวดีกว่าเผื่อมันจะได้ลดอาการใจเสาะอย่างนี้ลงเสียบ้าง  ตัวก็โตอย่างกะควายแต่ไม่เอาไหนเลยชกต่อยอย่างนี้

   “เฮ้ย! เตี้ย  เราขอโทษจริงๆ ก็นายเอาหัวมาโขกเราก่อนทำไมวะ  แล้วยังทำหน้ากวนโมโหอีก  นะนะ เตี้ย  เราขอโทษ  คราวหน้าจะไม่ทำอีกแรง”  มันเข้ามากอดปลอบผมเหมือนปลอบเด็กๆ น่ะครับ  น้องสาวผมก็ทำอย่างนี้แหละเมื่อตอนที่ผมมีอาการตอนเห็นคนเอาไม้หน้าสามรุมตีกันจนหัวแบะเลือดสาดกระจายนองพื้นในระยะใกล้ๆ ประชิดตัว  แต่น้องสาวมันบอกว่า ’โอ๋ๆ ไม่มีไรแล้วนะ  นิ่งเสียๆ หายแล้วๆ’ ประมาณนั้น
   ................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 16-12-2006 10:15:53
 :try2:   :-[   :impress:




PS. หายไวๆ นะ คุณ  oaw_eang
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-12-2006 16:42:13
:try2:   :-[   :impress:




PS. หายไวๆ นะ คุณ  oaw_eang

อืมครับ  ทานยาแล้วค่อยยังชั่วขึ้น

แต่ว่าง่วงมากๆ  งานการก็ไม่ค่อยได้ทำมัวแต่นั่งซับน้ำมูกใสๆ ที่ไหลเหมือนเปิดน้ำก๊อก

ปล. เมื่อไหร่หิมะจะตกลงมาอีกครั้ง  ว้าวเพราะจัง  น่าเอาไปตั้งชื่อนิยาย

แล้วคุยกันอีกนะ ลูซิเฟ่อ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: hardytoon ที่ 17-12-2006 00:52:23
ตอนหลังๆอกแนวฮาๆดี

ปล.ไม่มีรูปลงแล้วหรอคับคุณoaw_eang   แบบว่าชอบดูรูปอ่ะ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-12-2006 01:07:16
................................................................................
--.—น.  บนโซฟาหน้าทีวีในห้อง

   “เตี้ย...  กินหน่อยนะ  เราทำเอง  เราพยายามชิมแล้วแต่ไม่รู้ว่าอร่อยหรือเปล่า  ทำไมมันไม่เหมือนที่เตี้ยทำก็ไม่รู้  วันนั้นอาหร้อยอร่อย  วันนี้เราเลยลองทำ  เตี้ยกินหน่อยนะ”  มันเอาผัดผักหน้าตาแปลกๆ ฝีมือมันมาขยั้นคะยอให้ผมกิน  แต่ใครจะไปกินลงครับ  ตาเจ็บ ปากเจ็บ  จมูกเจ็บ  แล้วใจเจ็บอย่างนี้

   “..........”

   “ตามใจ  ไม่กินก็ไม่กิน  ขี้เกียจตื้อแล้วเว้ย  ไม่ใช่ความผิดตัวเองซะหน่อย”

   “..........”

   “ตกลงแกจะเอาไงกับฉันวะ  เดี่ยวปั้ด....” มันชะงักมือที่กำลังจะตบลงมาบนหัวผมเมื่อผมหันขวับไปจ้องหน้ามัน  “ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ  ช่วยไม่ได้  แกกวนทีนฉันเองนี่หว่าช่วยไม่ได้”

   “กรูไปกวนมรึงตอนไหน  มีแต่มรึงนั้นแหละ  ตบหัวกรูเอาตบหัวกรูเอา” เหลืออดจริงๆ แล้วครับ  ผมเลยหันไปตวาดมัน

   “ตบที่ไหน สะกิดเฉยๆ” มันแก้ตัวหน้าด้านๆ เลยครับ สะกิดบ้านพระบิดามันซิครับ  ล่อซะหัวทิ่ม

   “........” ผมได้แต่กลั้นอารมณ์โมโหที่เริ่มวิ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ อีกแล้วครับเลยลุกเดินไปนอนหันหลังให้มันบนเตียง  ก็ไม่รู้จะไปได้แล้วนี้ครับ  ข้างนอกก็หนาวซ้า  เห็นข่าวในทีวีบอกว่าวันนี้แค่ 4 องศาเองครับ

   “เอาละ!  ไม่กวนใจแล้ว  ถ้าหิวก็กินซะนะ  จะวางไว้ตรงนี้แหละ  แล้วจะเอาไรไหมจะไปข้างนอก เดี๋ยวมา” มันบอกตอนกำลังผลักประตูห้องจะก้าวออกไป

   “..........”

   “เออ..  ตามใจ  งั้นเดี๋ยวมาอย่าล็อคห้องนะบอกไว้ก่อน  ไม่งั้นมีเรื่องอีกแน่”

   ผมนอนฟังเสียงปิดประตูและเสียงย้ำเท้าออกจากบ้านไปของมัน

22.03 น.  บนเตียงนั้นแหละครับ

   “เอ้า! ทาซะ”

   “.........”

   “รู้นะว่ายังไม่หลับ”  มันจับบ่าผมพลิกตัวมาหามันที่ยืนอยู่หน้าเตียง ได้กลิ่นบุหรี่เหม็นหึ่งจากตัวมันเลยครับ  สงสัยไปหมักบุหรี่ที่บาร์ไหนมาแน่ๆ เลย  ดี!  สูบมากๆ จะได้ตายไวๆ ตายไปซะเลยได้ยิ่งดี 

   “นี่!  ยา  ทาซะ  พรุ่งนี้จะได้ไม่เจ็บมาก” มันว่าพร้อมยัดเยียดหลอดยาใส่มือผม

   “.........”

   “บอกว่านี่ไงยาไม่เห็นหรอ”  มันเขย่ามือผมแรงๆ

   ‘ป้าบ’ ผมฉวยหลอดยาจากมือมันได้ขว้างไปโดนข้างฝาผนังเลยครับ

   “เอะ! ไอ้เตี้ยเวรนี่  คนเขาอุตส่าห์ไปซื้อมาให้ยังมาเขวี้ยงทิ้งอีก  เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”  มันบ่นโมโหตอนเดินไปหยิบหลอดยาที่ผมขว้างทิ้งส่งเดชไม่สนใจไป

   “หันมานี่เดะ” มันจับหัวผมบิดมาหามันที่นั่งลงบนขอบเตียงด้านข้างที่ผมนอน  แล้วป้ายกดยาลงแรงๆ บนรอยหมัดมันเองที่ทิ้งรอยไว้เมื่อกลางวัน

   “โอ้ย! มรึงจะทำไรกรูอีกวะ”

   “ก็กำลังทายาอยู่นี้ไง  อย่าทำสำออยไปหน่อยเลยนา  เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก”  ผมก็พยายามดิ้นสะบัดหน้าไปมา  หลีกไม่ยอมให้มันทายาให้  เกลียดจริงๆ ไอ้พวกที่ชอบตบหัวแล้วทายาที่หน้าอย่างมันเนี้ย

   “เอาๆ  ดิ้นเข้าไป  ไม่ทามันแล้วเว้ย  ทาเอาเองแล้วกัน”  แล้วมันก็วางหลอดยาทิ้งไว้ที่ข้างๆ ผมก่อนลุกไปล้างมือในห้องน้ำแล้วถอดเสื้อผ้าปีนขึ้นเตียงมานอน  ผมรีบนอนหันหลังให้มันทันที  คนบรมเลวอย่างมันใครอยากจะไปเห็นหน้าใช่ไหมครับ

   “เฮ้อ!!!....”  ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจก่อนปิดสวิตช์ไฟหัวเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนแรงๆ แล้วเงียบไป
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-12-2006 01:21:21
12 Mar. 2006

10.56 น. บนเตียงเดิมๆ

   ผมเพิ่งตื่นครับ  วันนี้วันอาทิตย์เสียด้วยกะว่าจะเดินออกไปถ่ายรูปมุมสวยๆ ในเมืองเสียหน่อย  แต่ว่าจะไปได้ยังไงครับหน้าเยินแบบนี้  เพราะไอ้นั้นคนเดียวแท้ๆ ผมเลยต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน(ส่วนใหญ่ในห้องมากกว่า)ทั้งวัน  ทั้งๆ ที่วันนี้วันอาทิตย์ทั้งที  ส่วนมันหรอครับ  จะไปถามถึงมันทำไมกันให้เสียแรงเปล่า  ไม่รู้หายหัวไปไหนแล้วครับ  ช่างมันเถอะ! ไม่อยากไปสนใจ  ลุกขั้นไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาดีกว่า  ไม่ได้สัมผัสน้ำมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวน้องหนูผมมันจะประท้วงโดยการคันเสียก่อน  :yeb:

   “เฮ้! หวัดดี Nac ทำไรอยู่อะ” โมนิคเข้ามาในครัวเงียบๆ แล้วทักผมเสียงดังเสียจนผมสะดุ้งเกือบทำกระทะหลุดมือ “ขวัญอ่อนจังนะ  ทักแค่นี้ทำตกใจไปได้ ฮ่าๆๆ”

   “..........” ผมไม่กล้าหันหน้าไปทักทายตอบได้แต่ยืนดูน้ำมันในกระทะที่กำลังร้อนขึ้นทุกทีๆ

   “ทำไมไม่พูดอะไรบ้างละ” โมนิคชะโงกหน้ามาคุยกับผมตอนเขยิบเข้ามายืนข้างๆ ด้วยกัน “นั้นหน้านายไปโดนอะไรมา”  ผมอยากจะตอบเหมือนในละครจังเลยครับว่า ‘หกล้ม’ แล้วมันจะฟังดูเข้าท่าไหมนะ?

   “เราเดินชนประตูนะ” ผมหวังว่าคำตอบนี้มันน่าจะดูดีกว่าหกล้ม  คุณคิดอย่างนี้ไหมครับ?

   “ชนประตู  ประตูไหน?” โมนิคทำหน้างงๆ แล้วเหลียวหันดูประตู

   “ประตูห้องนอนนะ  ช่างมันเถอะ! ว่าแต่นายไปไหนมา”

   “ผมออกไปธุระมานิดหน่อย  หิวข้าวเลยกลับมาหาไรกินที่นี่  ข้างนอกร้านปิดหมดเลย”  จริงซิ! ที่นี่คงเหมือนที่อื่นๆ ร้านค้าต่างๆ มักจะปิดในวันอาทิตย์เสมอ  เหตุผลหรือครับ?  มีคนบอกว่าพระเจ้าทำงานแค่ 6 วันดังนั้นมนุษย์ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำงานทั้ง 7 วันนิ

   “งั้นทานด้วยกันไหม?  หรือว่าเข็ดอาหารไทยแล้ว”

   “ไม่หรอก...อร่อยดีออก” ผมละโคตรปลื้มเลยครับ ยิ้มจนลืมเจ็บปาก “งั้น...วันนี้นายทำให้ผมทานอีกนะ  แล้วเมื่อกี้นายกำลังจะทำอะไรหรอ?” โมนิคหันมามองไข่ที่ผมกำลังจะตอกลงกระทะ

   “ไข่ดาวนะ  แต่ถ้านายกินด้วยคงไม่พอ  เอางี้...เดี๋ยวเราทำยำไข่ดาวให้นายลองชิม  นายทานรสจัดไหมละ”

   “จัดมากไหมละ  ถ้าไม่มากนะก็พอไหว  ลองดูก็ได้”

   “อืม....  แล้วจะลดความเผ็ดลงนะ”

   “หาใส่พริกด้วยหรอ  ใส่ทำไหม?  ไหนว่าทำสลัด”  เมื่อกี้ผมบอกว่าสลัดไข่ดาวแบบไทยไปอะครับ  ไม่รู้ว่า ’ยำ’ ภาษาอังกฤษเรียกว่าไง

   “เออน่า!  รับรองไม่เผ็ด  นายกินได้แล้วกัน”  ผมเลยจัดการหุงข้าวเพิ่มทั้งที่ตอนแรกกะจะอุ่นข้าวที่เหลือๆ ทาน แต่ความจริงมันก็เหลือไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ  เพราะว่าไอ้โหดมันกินไปเสียเยอะเลย  ชอบกินข้าวผิดนิสัยฝรั่งทั่วไปจริงไอ้นี้
................................................................................

   “ไง?  พอทานได้ไหม”

   “อืม! แปลกดีนะ  ไม่เคยกินมาก่อนเลย  คนไทยเก่งจัง! คิดได้ไง”  อ๊ะ! ของมันแน่อยู่แล้วครับพี่  คนไทยเราน่ะเรื่องประยุกต์นี่ขอให้บอกสามารถอยู่แล้ว  แต่เดี๋ยว! ตอนแรกที่นายบอกว่าแปลกนะมันแปลว่าไงหรอ?

   “อืม! แต่ว่าถ้าเครื่องปรุงครบจะอร่อยกว่านี้”

“สลัดของคนไทยใส่เครื่องปรุงแบบนี้ทุกอย่างเลยหรอ”  ขวัญใจผมทำหน้าสงสัย

“อืม!  นี่ยังขาดอีกหลายอย่างเลยนะ  ถ้าจะให้ครบจริงๆ ก็ต้องใส่มากกว่านี้”

“โห!  ยุ่งยากจัง  แต่ว่าวันหลังนายทำให้ผมทานอีกนะ  ผมชักชอบอาหารไทยแล้วสิ” พูดเสร็จก็ยิ้มหน้าหล่อใส่ตาผมซะงั้น  ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ คร้าบบบบ คุณพี่โมนิค  แค่นายมาเคาะประตูบอกว่าอยากให้ผมลุกขึ้นมาทำอะไรให้นายทาน  ขี้คร้านผมจะรีบกระเด้งลุกขึ้นจากเตียงวิ่งมาทำให้นายทานแทบไม่ทันอยู่แล้วครับ :angellaugh2:

“ได้สิ  ถ้านายชอบวันหลังเราจะทำอย่างอื่นให้นายทานอีก  แต่ว่าคงไม่หลากหลายเท่าไหร่นะเพราะว่าเราไม่ค่อยได้ทำอาหารตอนอยู่เมืองไทย”

“ไม่เป็นไรหรอก  ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น  ว่าแต่ว่า...  ถามจริงๆ เถอะ  หน้านายไปโดนอะไรมาหรอ?” ยังอุตส่าห์วกเข้าเรื่องนี้อีกจนได้นะ

“อ๋อ! ก็บอกแล้วไงว่าเดินชนประตู”

“แล้วทำไมตาเขียว?” แป๋ว!!! 

“เอ่อ.....”  ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี  “เมื่อวานทะเลาะกับจัสตินนิดหน่อยนะ” :try2:

“หา! จัสตินชกนายหรอ?  แล้วไปทำอีท่าไหนถึงโดนหมอนั้นชกเอาได้”

“ก็มันหาว่าเราส่งเสียงดังรบกวนแบบไม่มีมารยาท นายลองคิดดูดิ  ทั้งๆ ที่มันยังกลางวันอยู่เลยแท้ๆ  มันน่าโมโหไหมละ”

“ส่งเสียงดัง?  ตอนไหน?  ไม่เห็นได้ยินเลย”

“ก็ตอนที่เราไปขอนายใช้คอมเมื่อวานไง”

“อ้อ....” โมนิคพยักหน้าทำท่าเข้าใจ “งั้นหมอนั้นก็ว่าผมด้วยซิ  เพราะว่าผมก็หัวเราะเสียงดังนี่”

“ไม่นะ  มันว่าเราคนเดียว  ไม่เห็นว่านายเลยสักคำ”

“หรอ?” โมนิคส่งเสียงพร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนกอดอกเอามือเกาคางแกรก “แล้วนายทะเลาะกันตอนไหน”

“ก็หลังจากที่เราลงมานั้นแหละ  ไอ้นั้นมันก็ใส่เราทันที”

“หรอ?”  มันจะหรออีกหลายรอบไหมครับ  :untrust:  “ทำไมเราไม่ได้ยินเสียงเลย”

“ :o อะไร! ทะเลาะกันเสียงดัง  แล้วยังกลิ้งไปโดนกระจกตกเสียงสนั่นอีก  นายไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยหรอ”

“อืม.....นั้นสิ”  เกาคาง  ทำหน้ายุ่ง  คิ้วเกือบผูกกันแล้วครับ “ไม่ได้ยินอะไรเลย”

“อ้าว! เรากับมันทะเลาะกันเสียงดังนายไม่ได้ยิน? แล้วตอนที่เราตกใจนาย  เสียงมันยังเบากว่าที่เราทะเลาะกับไอ้นั้นเสียอีก  ทำไมไอ้บ้านั้นมันได้ยินหละ” 

“น่านสิ  มันน่าสงสัย” 

แล้วผมจะรู้ไหมเนี้ย  โมนิค คร้าบบบบ :sad4:[/color]
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 17-12-2006 11:44:29
  มาต่อเร็วๆ นะค้าบบบบบบ :serius2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-12-2006 02:27:05
14.42 น. ในห้องพัก
“ :pigscare2: อุย!”  ตกใจหมดเลยครับ  ไอ้โหดมันมานั่งหน้าโหดอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ  ไม่เห็นมีใครบอกผมเลย  คนยิ่งผวามันอยู่ด้วย  ผมเลยปิดประตูอย่างเบามือที่สุด  แล้วค่อยๆ ย่องเลี่ยงสายตามันไปนั่งคอย่นอยู่หน้าคอมที่โต๊ะทำงานครับ  น่าสมเพชไหมครับ?

“เมื่อกี้คุยไรกัน?”  มันคำรามในคออีกแล้วครับ

“ :sad4: ไม่มีไรนี่  คุยเรื่องอาหารไทยเฉยๆ”

“แน่ใจนะ?” มันพูดเน้นๆ ครับ

“อืม! แค่นั้นเฉยๆ”

“แล้วไป"

 :try2:

"อย่าให้รู้นะว่าเอาฉันไปพูดกันสองคนโดยที่ฉันไม่อยู่ด้วย” บ้านกรูเรียกนินทาโว้ย  ไอ้งั่ง “ไม่งั้นมีเรื่อง”  มันขู่อีกแล้ว คร้าบบบบ  “แล้ววันนี้มีไรกิน”

อ้าว! หอย  :confuse:

“ไม่มี  กินหมดแล้ว”

“ก็ไปทำมาใหม่สิ  เอาอย่างเมื่อกี้นะ”  เอ๋!มันรู้ได้ไงว่าเมื่อกี้ผมทำไรกินกัน  หรือว่า...มันจะมาแอบดูผมคุยกับโมนิค  งั้นทำไมมันไม่รู้หละครับว่าเมื่อกี้ผมคุยอะไรกัน  หรือว่า...มันแกล้ง  หรือว่า.....เอะ! งง  หลายหรือว่าเหลือเกิน  ช่างเถอะ!  ขี้เกียจคิด  คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา…
................................................................................

“ทำไมมันเผ็ดจังวะไอ้เตี้ย  แกแกล้งฉันหรือเปล่า”  มันโวยวายตอนซดน้ำเป็นแก้วที่สาม

“ไม่นี่  เมื่อกี้ตอนทำให้โมนิคก็ใส่แบบนี้  เท่ากันเลย”  ผมหันมาเอียงคอตอบหน้าซื่อตาใสสุดๆ จากโต๊ะทำงาน “ใครจะไปกล้าแกล้งนาย  ทำไมแค่นี้นายกินไม่ได้หรอ  ไม่เหมือนโมนิค  รายนั้นนะกินเผ็ดเก่ง” ผมแกล้งคุยเกทับมัน   :kikkik: ฮิฮิ สม! 

“เปล่า! ที่จริงก็ไม่เผ็ดเท่าไหร่หรอก  แค่สงสัยเลยถามดู  ทำไมถามไม่ได้หรือไง” มันจ้องหน้าผมถามท่าทางเอาเรื่อง

“ก็แล้วไป  นึกว่า.....” ผมยักไหล่  ก่อนลุกไปตักข้าวใส่จานตัวเองเพิ่มอีก

“นึกว่าอะไรของแก” มันลุกขึ้นมายืนถามด้านหลังผมครับ  สัณชาตญาณบอกว่าให้ผมระวังตัวอีกแล้วครับ

“ไม่มีอะไรหรอก  นายไปกินต่อเถอะ  เดี๋ยวมันจะไม่อร่อย”

“เหอะ! นึกว่าจะแน่”  มันพูดกวนทีนอีกแล้วครับ  เดี๋ยวเถอะมรึง!  วันหลังจะแกล้งให้เผ็ดกว่านี้อีก  คอยดู!  :pigangry2:

22.37 น.  ห้องนอน
“นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ  ปิดคอมได้แล้ว  แสงมันเข้าตา  คนอื่นเค้าจะนอนหัดเกรงใจกันมั่งสิ”  มันส่งเสียงเห่าน่ารำคาญมาจากด้านหลังครับ

“เออๆๆ” ผมกำลังอ่านนิยายที่เพื่อนส่งมาให้จากเมืองไทยทางเมลล์ครับ  อุตส่าห์ไปเซฟมาเมื่อวันก่อน  ดูซิครับ! วันนี้ผมเลยผิดนัดไม่ได้คุยกับเพื่อนทาง MSN เลย  นัดกันเอาไว้แล้วแท้ๆ   เพราะมันคนเดียวเลยไม่ต้องไปโทษใครที่ไหนอีกครับ  ชกผมตาเขียวเลยไม่ได้ไปไหนกันพอดี

“แล้วหน้าเป็นไงบ้าง  ดีขึ้นยัง”

“อืม....”  ว่าแล้วก็คลานขึ้นเตียง

“นั้นจะนอนเลยหรอ  ยังไม่เห็นทายาเลย”

“ทาแล้ว” ทำไมต้องทาให้มันเห็น

“ทาตอนไหน  ไม่ยักเห็น  ไม่ต้องมาโกหกเลย  ยังไม่ทาใช่ไหม  ไปเอามาทาเดี๋ยวนี้เลยไป” มันยังเซ้าซี้ไม่หยุดสักที

“ไหนว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้า?  แล้วทำไมยังไม่นอน”  :untrust:

“ก็.....  ทีแกยังไม่ทายา  ฉันก็เลยยังไม่นอนมั่ง”  มันเกี่ยวกันไหมครับนั้น “ไปเอามาทาเลยอย่าพูดมาก  หรือว่าจะให้ฉันไปหยิบมาเอง”

“ไม่ต้อง  ทาเองได้”  ผมต้องจำใจลุกขึ้นมายืนทายาอยู่ตรงหน้ากระจกนี่ไงครับ  ทำไมมันต้องมาเรื่องมากกับผมด้วยนะ

“ก็เท่านั้น” แล้วมันก็หันหลังนอนทันทีเลยครับ

13 Mar. 2006
7.56 น. บนเตียง
   มันกี่โมงแล้วครับ  อ้อ! เมื่อกี้ผมก็บอกไปแล้วนี้หน่า  บอกเองดันลืมเอง  กรรมจริงเลยผม  วันนี้ผมต้องเข้าไปที่ทำงานครับ  ยังไม่ได้นัดเค้าเลยไม่รู้ว่าไงบ้าง  แต่ก็ลองเสี่ยงดูแล้วกัน  ทำหน้าด้านไปก่อน  เป็นนักเรียนก็ดีอย่างนี้หละครับ  ไม่ค่อยมีใครถือสาหาความนัก  อย่างน้อยก็ในความคิดผมเองคนหนึ่งละครับ  ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันดีกว่า  อาบน้ำหรอครับ? ไม่เอานา  อย่าล้อเล่นกันอย่างนี้สิ มันหนาวนะครับ  อย่าอาบให้เปลืองน้ำเลย  แล้วนี้เสียงใครกรนอะ  ผมตื่นแล้วนะ

   “อ๋อ!!.....”  ไอ้โหดครับ!  มันยังหลับไม่รูเรื่องเลย  ตอนหลับอย่างนี้มันน่ายันโครมให้กลิ้งตกเตียงดีนัก  คุณว่าไหม?

   “มองอะไร?”  หว่า! มันเจือกลืมตาขึ้นมาพอดีครับ  เลยทันเห็นผมจ้องหน้ามันอะ  ซวยเลยตูงานนี้

   “เปล่า    ก็...ก็  ไม่มีไร  ปวดขี้นะ”  รีบวิ่งไปห้องน้ำดีกว่า  ก่อนจะโดนมันทำร้ายร่างกายแต่เช้า  เนอะ!
................................................................................[/color]
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-12-2006 02:37:06
13 Mar. 2006
7.56 น. บนเตียง
   มันกี่โมงแล้วครับ  อ้อ! เมื่อกี้ผมก็บอกไปแล้วนี้หน่า  บอกเองดันลืมเอง  กรรมจริงเลยผม  วันนี้ผมต้องเข้าไปที่ทำงานครับ  ยังไม่ได้นัดเค้าเลยไม่รู้ว่าไงบ้าง  แต่ก็ลองเสี่ยงดูแล้วกัน  ทำหน้าด้านไปก่อน  เป็นนักเรียนก็ดีอย่างนี้หละครับ  ไม่ค่อยมีใครถือสาหาความนัก  อย่างน้อยก็ในความคิดผมเองคนหนึ่งละครับ  ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันดีกว่า  อาบน้ำหรอครับ? ไม่เอานา  อย่าล้อเล่นกันอย่างนี้สิ มันหนาวนะครับ  อย่าอาบให้เปลืองน้ำเลย  แล้วนี้เสียงใครกรนอะ  ผมตื่นแล้วนะ

   “อ๋อ!!.....”  ไอ้โหดครับ!  มันยังหลับไม่รูเรื่องเลย  ตอนหลับอย่างนี้มันน่ายันโครมให้กลิ้งตกเตียงดีนัก  คุณว่าไหม?

   “มองอะไร?”  หว่า! มันเจือกลืมตาขึ้นมาพอดีครับ  เลยทันเห็นผมจ้องหน้ามันอะ  ซวยเลยตูงานนี้

   “เปล่า    ก็...ก็  ไม่มีไร  ปวดขี้นะ”  รีบวิ่งไปห้องน้ำดีกว่า  ก่อนจะโดนมันทำร้ายร่างกายแต่เช้า  เนอะ!
................................................................................

   ตาผมยังช้ำๆ อยู่เลยครับ  อายคนจัง  ไม่เป็นไรใครถามจะบอกว่านอนไม่ค่อยหลับแล้วกัน  ส่วนรอยอื่นๆ ที่หน้ามองจากกระจกในห้องน้ำอย่างนี้ก็ไม่ค่อยเห็นแล้วครับ  เกิดมาหน้าดำก็ดีไปอย่าง...มองไม่ค่อยเห็นร่องรอยดี…

“เที่ยงนี้จะทำไรไปกิน”  มันถามผมทันทีที่เดินเข้าห้อง  ยังไม่ทันวางของเลยมันใช้งานผมอีกแล้ว

“ก็แซนด์วิชแฮมกะชีสนะ  ซื้อมาเตรียมไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวันก่อน”

“หรอ?  อืมทำให้ด้วยนะ”  หา!  มันใช้ให้ผมทำให้แด๊กแล้วยังจะมาเบียดบังเอาของสดผมทำอีกหรอ

“เฮ้ย! เรื่องไร  ของกินแกก็เอาของแกทำดิ  ทำไมแกต้องมาเอาของฉันด้วย แกไม่ซื้อไรมาเตรียมไว้หรอ”

“เรื่องมากจริง!!  งกจังเลยนะเรื่องของกินนี่  แกคิดเงินมาเลยเท่าไหร่? เดี๋ยวจ่ายเงินให้” มันลุกมาล้วงหากระเป๋าสตางค์ในเสื้อนอกมัน

“ไม่ต้องหรอก” ก็ใครจะไปคิดถูกครับ  ของซื้อมาหลายวันแล้ว  อีกอย่างบิลล์ค่าของก็ทิ้งไปแล้วด้วย  ถึงยังมีก็คิดไม่ถูกหรอกว่าไหม  คิดน้อยไปก็ขาดทุนมากไปอาจมีโดนชกอีก  เลยไม่คิดดีกว่า

“อ้าว! ทำไม?  พอคนเขาจะจ่ายดันไม่เอาอีก  ตกลงเอาไง”  มันชะงักค้างตอนกำลังควักเหรียญในกระเป๋าพกหนังสีน้ำตาลของมัน

“กินด้วยกันก่อนก็ได้  พอของหมดแกค่อยซื้อมาคืนแล้วกัน” 

“เออ...ได้   แล้วแกอย่าลืมเตือนแล้วกันนะ  ฉันขี้เกียจจำวะ”  ดูมันพูดเข้าสิครับ!!  มันน่านัก  ไอ้..........

“แล้วแกมีกล่องมาหรือเปล่า”

“เอามาทำไมกล่อง”

“ก็เอามาใส่แซนด์วิชไง  แล้วใส่ขนมมัฟเฟิลนี้ด้วย”  ผมชูขนมมัฟเฟิลกลิ่นวนิลลาที่ซื้อมาเมื่อวันก่อน  ผมแอบชิมไปก้อนนึงแล้วอร่อยดีครับ  แต่แพงอะ  สี่ลูกสองยูฯ  ตกลูกละ 25 บาทแน่ะ...  ว่าแต่ว่าทำไมผมต้องใส่ขนมให้มันด้วยนะ  สงสัยจะเพราะความเคยชินนะครับ  ตอนที่พักที่บ้านคนอังกฤษผมก็เป็นคนเตรียม Sandwich box เอง  ต้องใส่ของหวานลงไปด้วยจะเป็นอะไรก็ได้มันเลยชินนะครับ

“ไม่มีหรอก  ใส่ไปกล่องเดียวกับแกนั้นแหละ  เที่ยงนี้จะได้มากินด้วยกัน  ขี้เกียจกินคนเดียว  แกอย่าลืมมาตามฉันด้วยนะ”

“แล้วแกทำงานที่เดียวกันกับฉันเหรอวะ”  ผมเท้าสะเอวถามมัน  ในมือก็ถือกล่องไปด้วย

“เออน่า....  คงไม่ไกลกันหรอก  เดี๋ยวตอนที่เขาพาฉันไปแนะนำสถานที่แกก็ตามไปด้วยสิ  จะได้รู้ว่าฉันทำงานที่ไหน”

“แล้วทำไมฉันต้องไปตามแกด้วย แกนั้นแหละที่ต้องเดินมาหาฉัน”

“เออๆ  ไม่ต้องพูดมาก  รีบๆ ทำเข้า  เดี๋ยวจะสาย”  เออ! จริง  ผมยังไม่เปลี่ยนชุดเลย  ยังไม่จัดของ  ยังไม่ทาครีม  ยังไม่....สารพัดจะยังไม่  แล้วมันทำอะไรครับ  นั่งกระดิกบาทาดูทีวีเฉยครับ  เสื้อผ้าก็เปลี่ยนแล้ว  อะไรๆ ก็คงพร้อมแล้วเหลือแต่อาหารกลางวัน  ไม่มีทีท่าว่าจะเดือดร้อนเลย  แล้วผมละ  ไอ้สาระชั่วเอ้ย......

ผมก็รีบวิ่งวุ่นเป็นลิงเจี้ยกไปอะดิ  เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วมาจัดของกับจัดการกับแซนด์วิชอีก  แต่ว่าไม่ยากหรอกครับ  แค่วางขนมปัง  ตามด้วยแฮม  ชีส  แล้วก็แฮมอีกทีปิดท้ายประกบด้วยขนมปังอีกแผ่นเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อยแซนด์วิชผม  ง่ายไหมครับ?  เอาสูตรไปทำได้นะไม่ว่ากัน รับรองว่าอร่อยโดยเฉพาะคนที่ชอบกินชีสอย่างผม  อิอิ  แล้วก็จับทุกอย่างยัดลงกระเป๋าพร้อมออกเดินทาง

“พันผ้าพันคอด้วยสิ  ท่าทางวันนี้อากาศจะหนาว”  มันรู้ได้ไงครับ   แต่ว่าผมก็ทำตามแหละ  สงสัยมันจะดูข่าวในทีวี  ก็เห็นนั่งดูตั่งนานแล้วนิครับ

“อู้ยยยยยยยยส์ หนาวจริงด้วยแฮะ!”  วันนี้หนาวกว่าทุกวันที่มาที่นี่เลยครับ  ผิวน้ำในคลองหน้าบ้านกลายเป็นน้ำแข็งเลย  ไม่มีนกเป็ดน้ำว่ายมาทักทายเหมือนทุกวัน 

‘แกร๊ก’ เสียงมันเหยียบแผ่นกระจกน้ำแข็งในแอ่งน้ำข้างทางครับ

“เห็นไหมบอกแล้วว่าวันนี้มันหนาวกว่าทุกวัน” มันหันมายักคิ้วทำเป็นเจ๋งใส่ผม

“เออ.....เองเก่ง  ไง?  พอใจไหม”

“ฮึ! ดีมากไอ้เตี้ย”  ผมเซแถ่ดๆ ไปเพราะแรงมันผลักครับ

“ผลักทำไมวะ ไอ้.....นี้  เดินดีๆ ไม่ได้หรือไง”

“เดินดีๆ นะเดินได้  แต่ว่าจะให้แกนำทางไง  หยุด!!  ไม่ต้องพูดไรเลย  นำไป!”  ผมก็ได้แต่อ้าปากค้างสิครับ  เมื่อกี้ยังทำเก่งตอนนี้ต้องมาให้เรานำทาง  ไอ้มั่ว!
................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 18-12-2006 08:46:06
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: ชอบๆๆๆ  ชอบจังคับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 18-12-2006 13:40:51
แหม อ่านๆไปก้อดูรักกันดีนี่นา  :kikkik:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-12-2006 06:54:02
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/bverhagen/Leiden/IMG_5676.jpg)

สะพานทางเดินไปที่ทำงาน

หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-12-2006 07:06:33
“ตึกไหนก็ไม่รู้  คราวนี้แกต้องเป็นคนไปถามทางบ้างแล้วละ  ฉันไม่ยอมเป็นคนไปถามแน่ๆ  เชิญแกจัดการเองเลยไป”  ผมสั่งมันบ้างเมื่อเราเดินมาจนถึงที่ที่คิดว่าน่าจะเป็นบริเวณมหาลัยที่เราจะมาทำงานแล้วครับ  :laugh:

(http://i2.photobucket.com/albums/y32/ellyn27/Leiden/060908046.jpg)

“เออ....  เรื่องแค่นี้ขี้ผง  สบายอยู่แล้ว” แล้วมันก็วิ่งหายไปพร้อมแผนที่ของผม  เชอะ!! ไอ้ขี้โม้   แน่จริงไปมือเปล่าดิวะ  เอาแผนที่กรูไปด้วยทำไมกัน

“ว่าไง  ไปทางไหนต่อ” ผมถามเมื่อเห็นมันมายืนหอบเป็นหมาหอบแดดอยู่ข้าง

“เดี๋ยว! เหนื่อยพักแป๊บ”  มันนั่งแหมะลงตรงแถวๆ นั้นแหละครับ

“อ้าว! ไหนว่ารีบ  ไหนว่าเรื่องขี้ผง แล้วนั่งพักทำไม”

“ไอ้นี่เดี๋ยวโดน”  มันยกเท้าใส่ผม “คนเหนื่อยก็ต้องนั่งพักสิวะ  เมื่อกี้วิ่งไปตั้งไกล  อุตส่าห์รีบไปรีบมา  กลัวคนบางคนจะรอนาน”

“หน่อย...  ว่าไปนั้นน่ะมรึง  ทำมาเป็นทวงบุญคุณ คร้าบบบบบ  ขอบพระคุณมากๆ ครับ  แล้วไงว่าไงไปทางไหน”

“ทางนี้” มันชี้ไปด้านหลังส่งเดช

“แน่ใจ?”  :untrust:

“เออ.....”  พอได้คำตอบจากมันผมก็เดินเลย  ไม่รอมันหรอกครับ  อยากนั่งก็นั่งไปผมไปก่อนดีกว่า  นี่ก็เกือบ 10 โมงแล้วด้วย

“นั้นจะไปไหนนะ” มันตะโกนถามหลังยืนขึ้นปัดตูดเรียบร้อยแล้ว

“ก็ไปพบเจ้าหน้าที่อะสิ  ไม่น่าถาม”

“แล้วไปทำไมทางนั้น”

“ :e2: อ้าว!?...”

“ฮ่าๆๆๆ   ไม่ได้ไปทางนั้นโว้ย  ทางนี้ตะหาก ฮ่าๆๆๆ”  ว่าแล้วมันก็วิ่งโกยแน๊บไปอีกทางหนึ่งตรงข้ามกับที่มันชี้ให้ผมเดินมาเมื่อครู่นี้

“ :angry2: ไอ้.......จัสตีนนนนนนนนนน”  ผมสดุดีมันลั่นเลยครับ
................................................................................

“หวัดดีครับผมเป็น visitor จากเมืองไทยครับ  นี่ครับจดหมายเชิญ” ผมยื่นจดหมายให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์...ด้านแรกที่ผมต้องเจอครับ  แล้วก็ยืนทำหน้าซื่อตาใส  ไม่รับรู้สีหน้าคนข้างๆ ที่ยืนหน้าหงิกเมื่อผมไม่รับจดหมายเชิญของมันมายื่นพร้อมกันตอนมันสะกิดผมให้รับมา

“ส่วนผมจัสติน  มาจากเยอรมันครับคุณ”  แล้วก็ยิ้มโปรยเสน่ห์ไปอีกรอบ  เอาอีกแล้วมันกำลังใช้แผนเดิมครับ  แผนหว่านเสน่ห์เรียกร้องความสนใจ

“อ๋อคะ!! ชั้นบาบาร่าคะ  ยินดีที่ได้รู้จัก  กรุณารอสักครู่นะค่ะ”  ดูเดะ  แม่นี่กำลังติดกับมันอีกคน  ที่ตอนผมยื่นจดหมายให้เมื่อกี้ทำหน้ายักกะผมยื่นจอกยาเขียวใหญ่ขมๆ ให้กินยังไงยังงั้น

“ครับ  ตามสบายครับ  ผมรอคุณได้เสมอครับ” มันหันมายักคิ้วให้ผมครับ  หน่อยแนะเยาะเย้นหรอ...ทำเก่งให้ตลอดเถอะมรึง!!

“เอ่อ! เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่จากข้างในมารับพวกคุณไปนะคะ  ส่วนคนที่รับผิดชอบพวกคุณตอนนี้เขาไม่อยู่   ไม่ทราบว่าคุณอยากพบหรือเปล่าคะดิฉันจะนัดให้” แม่ประชาสัมพันธ์ที่ไม่ค่อนจะสาวสักเท่าไหร่แล้วบอกพร้อมพยายามส่งยิ้มที่แกคิดว่าหวานหยดย้อย (แต่ผมว่าหยดหยองมากกว่า) ให้ไอ้โหดครับ

“อืม...  ไม่เป็นไรดีกว่าครับ  รบกวนเวลาอันมีค่าของคุณเปล่าๆ เอาไว้พวกผมติดต่อเองก็ได้ครับ  แค่นี้ก็เป็นพระคุณมากแล้วครับ”

“อุ้ย! ไม่เป็นไรจ๊ะ  มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว” เธอฉีกยิ้มหยดหยองนั้นอีกรอบแล้วนั่งลงแบบว่ามารยาสุดๆ  ผมเพิ่งเคยเห็นฝรั่งทำท่าสุวรณมาลีเข้าก็วันนี้ละครับ  ต้องขอบใจไอ้โหดจริงๆ ที่ทำให้ผมได้มีประสบการณ์แปลกๆ แบบนี้

สักพักเจ้าหน้าที่ก็ออกมาตอนรับ  แล้วเดินนำผมไปยังห้องทำงาน  ห้องของผมอยู่ชั้นล่างสุดครับ  ต้องเดินผ่านโรงอาหารด้วย  ไอ้โหดก็เดินตามทำหน้าเหรอหราเข้ามาด้วย

“โห!  เข้ามาลึกมากเลยเตี้ย  ระวังนะแก”

“ทำไม?  ระวังอะไร”  :eek:

“เปล้า!!!! แค่บอกให้ระวังเอาไว้ก็เท่านั้นเอง” มันปฏิเสธเสียงสูงผิดปกติของมัน แล้วยักไหล่ท่าน่าเตะเหมือนเดิม

“ไม่มีอะไรหรอกครับ  รับรองว่าที่นี่ปลอดภัย  วางใจได้” เจ้าหน้าที่คนเดิมหันมาบอกยิ้มๆเมื่อได้ยินว่าเราคุยอะไรกัน

“นั้นซิครับ  ผมก็ว่างั้น” ผมรีบสนับสนุน แล้วหันไปทำหน้าดุใส่มันทีหนึ่ง  แต่ว่าห้องทำงานผมมันก็อยู่ลึกจริงๆ แหละ ผมว่าคงต้องลองเดินกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบเชียวละครับ  กว่าที่จะจำทางได้แม่น

“ส่วนของคุณ” เจ้าหน้าที่หันไปหามัน “อยู่ชั้นสาม  ตามผมมาเลยครับ”

“ไปด้วยกันสิ เตี้ย”

“ไปทำไมวะ”

“แกจะได้เดินไปตามฉันลงมากินข้าวถูกไง”  เอากะมันสิครับ  มันอยู่ชั้นสามส่วนผมอยู่ชั้นหนึ่ง  แต่มันจะให้คนอยู่ชั้นล่างสุดเดินขึ้นบันไดไปสามชั้นเพื่อตามมันลงมากินข้าวกลางวันที่ชั้นล่าง  มันน่าสรรเสริญชุดใหญ่ไหมละครับเนี้ย

“ไม่  เรื่องไร  แกนั้นแหละลงมาเอง”

“เหอะน่า!!  ไปเป็นเพื่อนหน่อย  กลัว”

“กลัวอะไรวะ?”  ผมถามมันตอนเดินตามแรงความฉุดของมันมา

“กลัวหลง”  มันหัวเราะเบาๆ ใส่ตาผมตอนเข้ามากระซิบใกล้ๆ

ไอ้....@#$^U*&+=%V;}#@XD>?............................. คำสรรเสริญชุดใหญ่ของผมเองครับไม่ต้องสงสัย  ออ! ห้ามแปลด้วย มันหยาบคายสุดๆ ครับ :3125:
................................................................................

“เดี๋ยวผมขอตัวสักครู่แล้วจะมาพาคุณไปพบคนไทยที่อยู่ที่นี้นะครับ  คุณไปรอทีห้องทำงานคุณก่อนก็ได้ครับ” เจ้าหน้าที่คนเดิมบอกผมตอนเราเดินกลับกันมาจากห้องไอ้โหด
 
“เอ๋!!  มีคนไทยทำงานอยู่ที่นี้ด้วยหรอครับ  เยอะหรือเปล่าครับ”  :angellaugh2:

“สองสามคนนะครับ  ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาปริญญาเอกทั้งนั้น”

“อ้อ! ครับแล้วเจอกัน” ผมบอกเมื่อเขาเดินมาส่งถึงหน้าห้องอีกครั้ง  ก็ผมเดินมาไม่ถูกนี้ครับ  แผนที่ก็ไม่มีแถมยังเลี้ยวซะหมายังงง  คิดดูเอาเองแล้วกันครับ  :really2:
................................................................................

“คุณๆ ทำไรอยู่ครับ  เริ่มงานแล้วหรอ” เจ้าหน้าที่คนเดิมเยี่ยมหน้าเข้าประตูห้องทำงานผมมา

“ครับผม  ดีกว่าอยู่เปล่าๆ เลยทำไปได้แค่นิดๆ หน่อยเท่านั้นเอง”

“ขยันดีจัง  งั้นเราไปพบคนไทยเพื่อนชาติเดียวกันกับคุณเลยดีไหมครับ”

“อ๋อ! ครับ ได้ครับ  ไปกันเลยครับ”  สังเกตไหมว่าประโยคนี้คุณภาพคับแน่นเลยอะ  ก็มันมีหลาย ’ครับ’ เหลือเกินนิ!!  :try2:

................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 19-12-2006 08:44:11
แหะแหะ รออ่านอยู่นะคับ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-12-2006 08:59:28
รออ่านอยู่น้า กำลังสนุกเชียว  :myeye:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-12-2006 05:52:33

(http://i88.photobucket.com/albums/k167/bverhagen/Leiden/IMG_5674.jpg)

รูปกังหันลมข้่างๆ สะพานในรูปข้่างบนครับ  :impress2:


................................................................................
‘ก๊อกๆๆ’ บอกผมหน่อยดิว่าทำไมต้องเคาะประตูสามครั้ง

“เข้าไปได้ไหมครับ  กุล”

“คะ! เชิญคะ” หญิงสาวเสื้อแดงเจ้าของห้องออกปากเชิญเมื่อเงยหน้าเห็นว่าใครมาเยือน  ผมเจอสาวเสื้อแดงอีกแล้ว  ไปมากี่ประเทศเจอทุกประเทศเลย

“เอ่อนี้...  คนไทย  มาจากกรุงเทพฯ มหาลัยอะไรนะ  อืม...นั้นแหละ!  ชื่อยาวเรียกไม่เคยได้สักที” เขาพูดหลังจากผมแนะนำชื่อมหาลัยตัวเองด้วยสำเนียงไทยแน่นปึก “คุณคนนี้จะมาทำงานที่นี้ประมาณเดือนหนึ่ง ใช่ไหมครับ” เขาหันมาถามผมอีกครั้ง “ผมเลยพามาแนะนำให้รู้จักกับกุลไว้เผื่อมีปัญหาไรจะได้ติดต่อ  สอบถามกันได้สะดวก”

“ค่ะ?…”

“ครับ...ผม แนค จาก... (มหาลัยแห่งหนึ่งใน กทม.) ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมไม่รู้จะทักทายอย่างไรดี  จะยกมือไหว้เหรอแต่หน้าเธอก็ดูเด็กกว่าผมเสียอีก  ตัวก็เล็กๆ เสียด้วยเดาอายุยาก  ผมเลยยื่นมือไปสัมผัสแต่เพียงเบาๆ แทน  ดูเธอทำหน้าแปลกๆ  คงตกใจที่มีคนไทยมาทักทายเธอแบบนี้แล้วจะให้ผมทำไงกันดีละครับ  บอกหน่อยซิ

“อ๋อ...คะ  สวัสดีคะน้อง  พี่ชื่อกุล  มาจาก...” เธอเอ่ยชื่อสถานที่ราชการแห่งหนึ่งแถวบางเขนให้ผมทราบ

“เสร็จไปหนึ่ง” เจ้าหน้าที่คนเดิมพูดยิ้มๆ “ตามมาเลยครับยังมีเหลืออีกคนหนึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิดเขาคงเคยเรียนที่เดียวกันกับคุณด้วยนะ”

“เหรอครับ  ดีจังได้เจอศิษย์เก่ามหาลัยเดียวกันด้วย” อาจารย์ผมบอกมาล่วงหน้าแล้วครับว่ามีศิษย์เก่ามาเรียนต่อที่นี่คนหนึ่งเหมือนกัน
................................................................................

“หวัดดีอัต  หวัดดีบูโด้  ผมพาใครบางคนมาแนะนำนะ” เจ้าหน้าที่เอ่ยทักเมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไปหลังมีเสียงอนุญาต

“หวัดดีครับผม แนค เรียนที่เดียวกันกับคุณที่เมืองไทย  หวัดดีบูโด้  ผม แนค จากเมืองไทย”

“ยินดีที่ได้รู้จัก  ผมบูโด้จากอินโดฯ นะ  ใกล้ๆ กันครับ”

“ว่าไงอัต  นั่งเงียบเลยนะ  ยังมีคนไทยคนไหนอีกหรือเปล่านะในตึกของเรา”

“ผมว่าก็มีพี่กุล  พี่เต่า  อีกสองคนนะ เจมส์”

“เหรอ? กุลนะผมเจอแล้วแต่เต่านี่สิ  ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ห้องไหน”

“น่าจะเป็น....ห้อง C138 นะ  นายลองไปหาดูสิ  แต่ว่าได้ข่าวว่าเธอไม่มาทำงานนะวันนี้”

“หรอ  งั้นไม่เป็นไร  รบกวนฝากนายแนะนำด้วยนะ งั้นผมขอตัวก่อนนะ  มีงานค้างอยู่ต้องรีบกลับไปจัดการไม่งั้นโดนประธานว่าแน่เลย  ไปก่อนนะ แนค ขอให้นายมีวันที่ดีนะ บายอัต บายบูโด้”

“บาย” สองหนุ่มสองเชื้อชาติพูดขึ้นเกือบพร้อมๆ กัน

“งั้นผมก็ขอตัวนะ  ไว้เจอกัน”  ผมก็ขอตัวทันทีเหมือนกันครับ  ไม่รู้ไง?  ไม่ค่อยชอบสายตาที่นายคนชื่ออัตอะไรนั้นมองมาเลย  มันเหมือน....ยังไงไม่รู้  จ้องอย่างเดียวไม่พูดไม่จา  นายน้ำบูดู เฮ้ย! นายบูโด้นั้นยังดีเสียกว่าอีก  ยิ้มซื่อๆ น่าคบดี  อาไร้! คนไทยด้วยกันแท้ๆ ทำเป็นเก๊กขรึม  ใครอยากจะรู้จักแกวะ  ถ้าเขาไม่บังคับพาฉันมา...จ้างให้! ฉันก็ไม่มีทางกระเสือกกระสนขึ้นมาหาแกถึงบนนี้หรอก  ถือว่าได้มาเรียนเมืองนอกเข้าหน่อยทำเป็นยโสนะแก ชิส์

นายอัตนี่...ท่าทางอายุก็คงพอๆ กับผมเพราะเรียนระดับเดียวกันคงไม่อ่อนแก่กันกว่าสักเท่าไหร่  ตอนที่เขาสื่อสารตอบโต้กับฝรั่งก็ฟังดูเป็นธรรมชาติดีมากเลยครับ ผมก็เลยอดแอบอิจฉานิดๆ เหมือนกัน แหะๆ  แต่ว่ากลับไปห้องพี่กุลดีกว่า(เรียกตามเจ้าอัตมันนะครับ) อยากคุยไรด้วยนิดหน่อยนะครับ

“ดีครับพี่ผมเข้าไปได้ไหมครับ”  พยายามทำตัวเรียบร้อยสุดๆ

“เข้ามาสิน้อง  เอ่อ!  เราชื่อไรแล้วนะ  พี่จำไม่ได้แล้ว  พี่ชื่อกุลจ๊ะ มาวิจัยที่นี้แต่จะว่าไปพี่ก็จบโทจากที่นี้แหละ”  ว้าว! เท่ห์จังแหะ

“ผม แนค ครับ  เพิ่งมาที่นี่วันแรก  เจ้าหน้าที่เขาเลยพาเดินขึ้นมารู้จักกับคนไทยบนนี้ครับ”

“หรอ? งั้นเจอตาอัตยัง  แล้วพี่เต่าหละ”

“นายอัตนั้นผมเจอแล้วเมื่อกี้  แต่พี่เต่ายังเลยครับ”

“หรอ?  งั้นเดี๋ยวพี่พาไป  มา!  ตามพี่มาเลยน้อง” 

นั้น!!....แอบเปรี้ยวอีก  แต่ไหนนายอัตนั้นว่าพี่เต่าไม่มาทำงาน....  ผมเดินคุยกะพี่กุลไปเรื่อยๆ หลายเรื่องเหมือนกันกว่าจะถึงห้องทำงานพี่เต่า

“สวัสดีคะพี่เต่า  กุลพาน้องคนไทยมารู้จักนะค่ะ  น้องเขาเพิ่งมาถึงวันนี้เอง”

“หวัดดีจ๊ะ” พี่เต่าทักทายเมื่อผมยกมือหวัดดี  “เพิ่งมาหรอ?  พอดีเลยจะได้เลี้ยงต้อนรับไปพร้อมๆ กันเลย”

“ทำไมหรอคะพี่เต่า” พี่กุลถามงงๆ เมื่อได้ยินคำว่าเลี้ยงต้อนรับ

“คืองี้....พี่จะเลี้ยงต้อนรับลูกศิษย์แฟนพี่ที่เขาจะมาจากสวนคิวที่อังกฤษวันพรุ่งนี้  เลยถือโอกาสเลี้ยงต้อนรับนายคนนี้ไปด้วยอีกคนเลย  กุลก็ไปด้วยนะ  พี่โทรฯไปชวนตาอัตแล้วเมื่อวาน”

“หรอคะ?” ชอบหรอกันจังเลยคนที่นี้ “แล้วพี่เต่ามีอะไรให้กุลช่วยไหมคะ?”

“ก็ไม่มีไรมากหรอกนะ  เออ! กุลไปช่วยพี่หั่นหมูก็ได้พี่หมักเอาไว้แล้ว เดี๋ยวพี่จะให้ปีเตอร์มารับนะ  เพราะว่าพรุ่งนี้พี่ไม่มาทำงาน”

“ได้คะ  แล้วกุลจะรีบเคลียร์งานเคลียร์ท้องรอเลยนะค่ะ”

“ยะ  แหม๋....เธอก็  แล้วเที่ยงนี้น้องจะทานข้าวไงคะ  รู้จักโรงอาหารยัง” พี่เต่าหันมาให้ความสนใจกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ’ผม’ อีกทีหลังจากเม้าท์จนเพลินทิ้งให้ผมยืนเป็นตัวหนังตะลุงปักหยวกกล้วยเสียนาน

“ครับ  รู้จักแล้วครับ  แต่เดี๋ยว...ผม...ต้องทานกับเพื่อนอีกคนที่มาจากเยอรมัน  เราทำแซนด์วิชบ๊อกมาทานกันครับ” ความจริงผมทำคนเดียวส่วนไอ้นั้นนั่งดูทีวีอย่างเดียว

“หรอ.... ดีๆ“ ดีตรงไหนครับพี่ “เดี๋ยวชวนมาทานด้วยกันสิ  กินพร้อมกันหลายคนเพลินดี  วันนี้พี่เอาข้าวกับปลาแซลมอนอบขิงมา  สนใจไหมจ๊ะ”  พี่เต่าหันมาทำตาเล็กตาน้อยใส่ผม

“รบกวนพี่หรือเปล่าครับ  เดี๋ยวผมสองคนทานกันเองได้ครับไม่เป็นไร”

“ไม่ๆ” พี่เต่าโบกมือให้ยุ่งไปหมด “รบกวนที่ไหนกัน  ดีออก...ทานพร้อมๆ กันหลายคน  งั้นเจอกันที่โรงอาหารตอนเที่ยงสี่สิบนะ  ที่นี่เขาพักเที่ยงตอนเที่ยงครึ่ง  ส่วนเราไปให้สายหน่อยแบบว่าขยันทำงานไง อิอิ” อะไรกันครับพี่แค่สิบนาทีเอง  ถ้าจะให้ดูว่าขยัน....อย่างนั้นมันต้องสักครึ่งชั่วโมงนะครับพี่ถึงจะดูสมเหตุสมผลหน่อย

“งั้นเดี๋ยวหนูไปเคลียร์งานก่อนนะค่ะพี่เต่า  แล้วเจอกันตอนทานข้าวนะคะ  บายนะ แนค”

“ครับพี่กุล” ผมรับคำยิ้มๆ แล้วหันมาคุยกับพี่เต่านิดหน่อยกันแยกตัวมานั่งทำงานที่ห้องตัวเอง
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-12-2006 06:05:45
12.35 น. ห้องทำงาน
   “ไหนสวิตช์ปิดไฟวะ เดี๋ยวได้ไปไม่ทันกันพอดี” ผมเดินหาสวิตช์ปิดไฟครับ  ที่นี้เขาเน้นเรื่องแบบนี้  อนุรักษ์พลังงาน  แยกขยะ  พลังงานสะอาดอะไรทำนองนี้ครับ  เอะ! หาไม่เจอแฮะ  เอ๋!! นี้สายอะไรห้อยๆ ลงมาหว่า  ลองดึงดูสิ

‘พรึบ’ ไฟดับ  :sad3:

อ้าว! เวรกรรม  ใครมันจะไปรู้วะว่าจ้องดึงสายที่มันห้อยๆ ลงมา  ประเทศไหนใครเค้าทำกันอย่างนี้บ้างวะ  ว่าแล้วก็รีบวิ่งไปตามไอ้โหดมันลงมา  ส่วนมันหรอครับทำอะไร?  ก็นั่งกระดิกเท้ารออยู่อะสิครับ

“มัวทำไรอยู่วะเตี้ย  ช้าจัง  รอจนหิวแล้วนะโว้ย”

“เออ....แฮ่กๆ  ไม่ต้องพูดมาก  แฮ่กๆ...  รีบลงมาเลยมีคนเขารออยู่”

“ใครที่ไหนวะแก?”

“พี่คนไทยที่ทำงานอยู่ที่นี้นะ  แล้วเดี๋ยวพอเจอพี่เขาแล้วห้ามทำตัวเหลวไหลนะ  ทำตัวดีๆ อ้อ! แล้วห้ามเรียกฉันว่าเตี้ย  ต้องเรียกชื่อเข้าใจไหม?”

“แล้วแกชื่อว่าอะไรวะ  เตี้ย” 

ชะ!!  ผมหยุดวิ่งเลย  กำลังจะหันมาอ้าปากด่ามันครับ

“ล้อเล่น  รู้แล้วว่าชื่อ แนค จำได้ไม่มีวันลืมหรอกนา  รีบไปเหอะ  พี่เขารออยู่ไม่ใช่หรอ?” 

มันวิ่งลงบันไดไปแล้วครับ  ส่วนผมหรอ?  ก็ยืนหัวเสียกับความกวนบาทาของมันอยู่นี้ไงครับ  มันน่าถีบกลิ้งให้ตกบันได้จริงๆ เล้ยยยยยย  ว่าไหมครับ  :pigangry2:

12.45 น. โรงอาหารชั้นล่างอาคาร
   “ไหนละพี่คนไทยที่นายว่า”  มันหยุดชะเง้อหาเหมือนว่ามันรู้จักพี่เขาอย่างนั้นแหละครับ

   “เออ! ไม่เห็นเหมือนกันวะ  ไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะ”

“แล้ว แนค จะเอาเครื่องดื่มไรอะ  เราอยากกินกาแฟวะ”

“………”  :3129:

“ไอ้เตี้ย!!!  ถามไม่ได้ยินหรอไงวะ”

“อะไรวะแกนี้  คนเขากำลังใช้สมาธิอยู่  ยังหาพี่เขาไม่เจอเลย  คนเยอะจริงวันนี้”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“ขำไรของแก”  ???

“ก็ แนค นะซิ  เราเรียกชื่อแล้วไม่หัน  พอเรียกเตี้ยนายหันขวับเลย ฮ่าๆๆๆๆ”  อ้าว!! หรอ ผมเป็นอย่างนั้นจริงหรอครับ?

“ไม่ต้องมาขำ  เรียกชื่อนะดีแล้ว  เรียก เตี้ยๆ อยู่ได้น่ารำคาญ  แล้วเมื่อกี้ถามว่าไรนะ?”

“ถามว่าจะดื่มอะไร?  เราอยากได้กาแฟร้อนๆ สักแก้วนะ”

“เออ! ไม่รู้ดิ ไปดูด้วยคนดีกว่า  ทิ้งกระเป๋าไว้นี้แหละ  คงไม่หายไปไหนหรอกเนอะ”  ผมลุกตามมันที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว  พอเรากำลังยืนถือถาดต่อแถวอยู่ผมก็ได้ยิน

“แนค... แนค…  มาแล้วหรอพี่มองหาเธออยู่ตั้งนานแนะ”

“อ้าว! หวัดดีครับพี่เต่า  โทษทีผมช้าช้าไปหน่อยเพราะมัวแต่หาที่ปิดไฟอยู่...หาไม่เจอ  กว่าจะรู้ว่าต้องดึงสายที่ห้อยๆ อยู่ก็เกือบถึงเวลานัดแล้วครับ  แล้วยังต้องวิ่งไปตามเพื่อนที่ห้องบนชั้นสามอีกครับ  อ๋อ! พี่เต่าครับ  นี่เพื่อนผมจากเยอรมันชื่อจัสตินครับ  จัสตินนี่พี่เต่าที่ฉันบอกนายไง”

“หวัดดีครับพี่เต่า” มันเรียกชื่อพี่เขาตามผมเปะ  มันคงคิดว่าคำว่า ‘พี่เต่า’ นั้นคือชื่อพี่เขาถ้ามันเรียกแบบไทยก็ต้องพูดว่า ‘หวัดดีครับ  พี่-พี่เต่า’ แน่ๆ เลย  พี่เต่าก็ทำหน้าแปลกๆ ที่มันเรียกพี่แกเต็มยศอย่างนั้น  แต่ก็ไม่ว่าไร

“วะ...หวัดดีจ๊ะ  เธอสองคนมานั่งทานด้วยกันสิ  ไปตรงนั้นนะ” ผมมองตามนิ้วอ้วนๆ ของพี่เต่าไปก็เจอว่ามีสายตาของคนสามคนมองมาอยู่แล้ว  พี่กุล  บูโด้  แล้วก็สายตาเหยียดๆ ของนายอัดกระป๋องนั้น

“ครับพี่  แล้วเดี๋ยวผมตามไปครับ  ขอผมจ่ายตังค์ก่อน”

“อุ้ยไม่เป็นไร  เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง  นี่...เธอเอาไอ้นี้ไปทานด้วยสิ  รสชาติมันเหมือนทอดมันบ้านเราเลยแหละ” พี่เต่าคีบอะไรก็ไม่รู้เป็นแผ่นแบนๆ สี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาๆ สีน้ำตาลไหม้  ใส่จานบนถาดผม

“แนค จะเอาเครื่องดื่มอะไรไหม?...  แล้วเธอละจ๊ะ  ว่าไงหือ....จัสติน?”  พี่เต่าถามมันหลังจากที่ผมบอกว่าเอาชาร้อนๆ สักแก้วท่าจะดี

“ผมขอกาแฟสักแก้วแล้วกันครับพี่เต่า  พี่เต่าใจดีจัง”  มันยิ้มตาใสใส่พี่เต่าอีกแล้วครับตอนพี่เขาชมว่ามันปากหวาน  แล้วมันก็พึมพำขอบคุณพี่เขาอีกทีเมื่อพี่เขาจ่ายเงินค่าของให้

“พี่ขอแนะนำเพื่อนๆ พี่ให้รู้จักนะจัสติน  คนนี่ชื่อกุลจ๊ะ  เป็นสาวสวยจากเมืองไทย  นั้นอัตจากเมืองไทยเหมือนกัน  อ้อ! เคยเรียนที่เดียวกันกับแนคด้วย” พอถึงตอนนี้จัสตินมันหันมามองหน้าผมครับ “ส่วนคนสุดท้ายก็บูโด้  จากอินโดนีเซีย  ทุกคน...นี้จัสตินเพื่อนรูปหล่อของแนคจากเยอรมันจ้า” 

“หวัดดีครับ” ไอ้โหดมันผงกหัวนิดทักทายคนอื่นแล้วหันมายิ้มกับผม  ยิ้มทำไมวะมรึง?  :untrust:

เรานั่งคุยไปกินไปจนคนอื่นๆ ทยอยลุกไปทำงานต่อรวมทั้งสามคนนั้นที่ร่วมโต๊ะกับเราเมื่อกี้  ตอนคุยผมก็กดปุ่ม ’สตรอเบอแหล’ ให้ทำงานสุดชีวิต  หวังเรียกคะแนนนิยมจากพี่เต่า  มีมารยาท เฮ้ย! กลเม็ดเท่าไหร่ก็งัดออกมาใช่หมด เช่น

การชมแต่พองาม
‘ปลาอบขิงของพี่เต่าอร่อยจังทำไงหรอครับ  ผมขอสูตรหน่อยสิครับ’
‘อร่อยหรอ  พี่ว่าจืดๆ ออก’ แป่ว!!!
‘ครับผมก็ว่างั้น  แต่ถ้าลองได้เติมเกลืออีกนิด  พริกไทยอีกหน่อย  ก็อร่อยเหาะเลยครับพี่’
‘แหม๋  ปากหวานเหมือนกันนะเราเนี้ย’

หรือการเห็นด้วยแต่พอควร
‘พี่ว่าสถานฑูตเนเธอร์แลนด์นี่หละหินสุดแล้ว’
‘ครับ  ผมก็ได้ยินมาว่างั้น  มีแต่คนบอกว่าผมนะดีแล้วที่เลือกไปขอวีซ่ากับฝรั่งเศส  เลยเจอแค่เสียเวลาเดือนสองเดือน  ไม่แน่ถ้ามาขอที่เนเธอร์แลนด์อาจโดนปฏิเสธเอาก็ได้’
‘ใช่ๆ ขอยากมาก  เรื่องมากสุดๆ ขนาดญาติพี่ยังเคยโดนมาจนเข็ดเลยนะ’

หรือว่าจะแย้งแต่พอสวย
‘อะไรกัน  เธอผ่านปารีสมาแล้ว  ยังมาชมว่าที่นี้สวยอีกหรอ’
‘ผมว่าดีออก  เมืองนี้สวยกว่าที่เยอรมันอีกครับ  เมืองเล็กๆ น่ารักๆ อากาศดีๆ อยู่ใกล้ธรรมชาติอย่างนี้  ผมไม่เคยเห็นเมืองไหนที่ความเป็นเมืองอยู่ใกล้ชิดจนแยกไม่ออกเหมือนอย่างที่นี่เลยครับ’
‘แหม๋  เธอก็  ที่นี่มันเมืองเล็ก  อะไรๆ ก็เลยเล็กตามไปด้วย  แต่ว่าก็สวยน่ารักจุ๋มจิ๋มไปอีกแบบอย่างที่เธอว่านั้นแหละ’  ว้ากกกกกกส์  อะไรๆ ก็เล็กหมดเลยหรอครับพี่  แล้วไอ้นั้นละครับเล็กด้วยหรอ  ไม่อยากจะเชื่อเลยเห็นตัวโตๆ กันทั้ง น้านนนนนนนส์

หรือไม้สุดท้าย...  ยอแต่พอดี
‘ขอบคุณพี่เต่ามากเลยครับที่เลี้ยงผมกับเพื่อนมื้อนี้  แถมยังชวนพวกเราไปทานข้าวที่บ้านด้วยกันอีกเย็นพรุ่งนี้’
‘อืม....อย่าลืมแล้วกัน  ไว้จะให้แฟนพี่มารับไปพร้อมกับกุลนะ  แต่ว่าหรือจะให้เธอไปก่อนดีนะท่าทางทำอาหารได้นี่เรานะ’
‘โห!  ระดับพี่เต่าแล้ว  ลองว่าได้ลงมือเป็นอร่อยทุกอย่างอยู่แล้วแน่นอนเลยครับ  แต่ว่าผมไปช่วยเป็นลูกมือพี่ดีกว่า  จะได้ไม่ทำของพี่เสียหาย  ตกลงไหมครับ’
‘หรอ  อิอิ  อืมๆ’

คิดดูนะครับทุกคน  ขนาดผมสารพัดจะงัดเอามารยามาใช้แล้วแต่ท่าทางผมคงได้คะแนนนิยมน้อยกว่าไอ้โหดที่เอาแต่นั่งยิ้มนั่งหัวเราะมองผมกับพี่เต่าคุยกันเหมือนคนเมากัญชาอย่างนั้นแน่เลยครับ  ก็พี่เต่าเล่นถามมันว่า

“แล้วพรุ่งนี้จัสตินอยากทานอะไรจ้ะ”  ไม่ยอมถามผมเลย แงๆๆๆ

“อะไรก็ได้ครับ  อาหารไทยอร่อยทุกอย่างอยู่แล้วครับ”  มันตอบแล้วบรรจงยิ้มเห็นฟันครบ 32 ซี่อีกรอบ

“ต๊าย!!  อะไรกัน?  จัสตินเคยทานอาหารไทยมาก่อนแล้วหรอเนี้ย  ตายละ! พี่จะทำชื่อเสียงอาหารไทยเสียละมังคราวนี้”

“ไม่หรอกครับ  ผมก็เพิ่งลองทานเมื่อสองสามวันก่อน  พอมีคนใจดีทำให้ชิมนะครับ  เลยติดใจอะไรที่เป็นไทยๆ เป็นพิเศษ”

“หรอๆๆ  ดีเลย  พี่ยังกังวลอยู่เลยว่าจะทำอย่างไงให้มีอาหารที่ทุกคนสามารถทานได้อยู่พร้อมกันบนโต๊ะในหนึ่งมื้อ แหม๋...จัสตินนี่ดีจังเลย  ชอบอะไรที่เป็นไทยๆ ด้วย” 

“ครับผม”  แล้วมันหันมายักคิ้วกวนบาทาใส่ผม  เหอะ! พี่เต่านะพี่เต่า  เรารึอุตส่าห์สตรอเบอแหลสุดชีวิตดันไม่ถามว่าอยากกินอะไรบ้างแต่กลับหันไปถามไอ้โหดแทน  มันน่าโมโหไหมเนี้ย  แล้วอยู่ๆ ไอ้โหดมันก็พูดว่า

“ผมขอตัวเอาจานไปเก็บก่อนนะครับ”

“เชิญ ตามสบายจ้า  เก็บตรงนั้นนะ...  นี่แนคเธอรู้จักเป็นเพื่อนกันจัสตินนานยังอะ”  พี่เต่าหันมาถามผมหลังไอ้โหดมันเสแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษเอาจานของมัน ของผมและพี่เต่าไปเก็บให้พนักงานที่เคาเตอร์เก็บจาน

“ยังครับพี่  เพิ่งรู้จักกันวันที่นั่งรถมาที่นี่จากเยอรมันด้วยกันเท่านั้นเอง  แต่เผอิญว่าต้องมาพักห้องเดียวกันนะครับ” ผมบอกเสียงอ่อยๆ ในตอนท้าย  ก็มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้านี้ครับ  ถ้าลองผมได้พักห้องเดียวกับขวัญใจผม...โมนิค หละก็  ไม่มีทางทำหน้าทำเสียงแบบนี้หรอกครับ

“อ้าวหรอ?  พี่เห็นพวกเธอสนิทกันดีจังเลยนึกว่ารู้จักกันมานานแล้ว  นี่พี่ก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าเธอสองคนเอาเวลาที่ไหนไปรู้จักกัน”

“ก็นั้นไงครับพี่  แล้วถ้าเป็นพี่  พี่จะรู้จักกับคนที่ต่อยพี่ตาเขียว คางช้ำไหมครับ”  :monkeycry2:

“ไรนะ?!  ใครชกเธอเหรอ  จัสตินหรอ?”

“คุยไรกันอยู่ครับพี่เต่า”

“อ๋อ! จัสติน  พอดีแนคเขาบอกพี่ว่าเธอต่อยเขา”

“อ้อ! หยอกกันเล่นตามประสานะครับพี่  คนมันสนิทกันก็อย่างงี้ละครับ”  พูดไม่พูดเปล่านะครับ  ดันมานั่งกอดไหล่ผมแล้วเขย่าเสียนี้  ผมจะทำอะไรได้ครับนอกจาก…

“แฮะๆๆๆๆ”  ฮื่ออออ  T.T
................................................................................

(http://i88.photobucket.com/albums/k167/bverhagen/Leiden/IMG_5669.jpg)

พอ :3061: เลยมาจากรูปด้านบนก็จะเจอกับประตูเมืองอันนี้ครับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 20-12-2006 08:31:27
เหอเหอ   :sad4:

ชอบคับชอบ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-12-2006 08:48:26
สนุก ๆ   :yeb:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-12-2006 01:01:22

17.30 น. ทางเดินบนชั้นสาม

“เดินรอด้วยสิ  แล้วไง?  เย็นนี้จะทำไรกินอีก”

“ไม่รู้  ยังไม่คิด”  ผมตอบมันหลังจากเดินมาตามมันให้กลับบ้านได้แล้ว  ความจริงผมก็กะว่าจะกลับไปเลยไม่มาตามมันกลับพร้อมกัน  แต่ว่ากลัวโดนมันเม้งเอาอีกนะครับเลยมาตามดีกว่า  กันเหนียว!!

“ทำไมยังไม่คิดหละ เอาแบบที่เขานิยมกินกันในประเทศนายนั้นแหละ”

“ต้องกลับไปดูก่อนสิว่าในตู้มีอะไรเหลืออยู่บ้าง  ถ้าคิดไปแล้วของสดไม่มีก็ทำไม่ได้  ป่วยการคิดเปล่าๆ”

“อืม...เนอะ! มันก็จริงอย่างที่นายว่า  นายนี่....รอบคอบดีจังเลยนะ”  รอบคอบ?  ตรงไหนวะ  งง!!
................................................................................

“เสร็จแล้วเว้ย  เชิญมากินได้แล้ว.....ครับคุณสุภาพบุรุษ” ผมต้องรีบเปลี่ยนคำพูดพอหันไปเห็นสายตามหาโหดของมันครับ

“ดีมาก....แนค   แต่ว่าทำไมกลิ่นมันเหม็นอย่างนี้หละ”

“ก็นายอยากกินของที่นิยมกันในเมืองไทยไม่ใช่เหรอ  นี่ไง....นิยมสุดๆ ผัดเผ็ดถั่วฝักยาวใส่หมู”

“นายใส่อะไรลงไปด้วยล่ะ?  ทำไมมันเหม็นๆ อย่างนี้”

“ก็ใส่กะปิลงไปด้วยน่ะสิ  นายรู้จักกะปิไหม?”  มันทำหน้ายุ่งๆ ก่อนส่ายไปส่ายมาแทนคำตอบครับ  “ดีแล้ว  หัดกินซะ  ไหนว่าชอบของไทยๆ นี่หละของไทยแท้แต่โบราณ  หัดไว้ หัดไว้”  ผมตบบ่ามันเบาๆ ก่อนนั่งลงฝั่งตรงข้ามมัน  เห็นมันทำหน้าเบ้แล้วสะใจจริงๆ  คิดมาตั้งหลายชั่วโมงว่าจะเอาคืนมันยังไง  พอมาเห็นกะปิอินโดฯในครัวที่ผมซื้อมาวันก่อนเลยนึกได้ ฮ่าๆๆ  กินไม่ลงอะสิแก  ไอ้โหด  ฮ่าๆๆๆ สม!!

“ลองดูก็ได้  แล้วนายทำอย่างเดียวหรอวันนี้”  มันหันไปมองบนเตาเผื่อจะเจออย่างอื่น

“อืม....  พอดีเหนื่อยๆ นั่งทำงานมาทั้งวันเลยไม่ค่อยมีแรงทำอะไร”

“ท่าทางไม่น่าจะเหนื่อยมากเลยนะ  นั่งอย่างเดียวไม่ได้ทำอย่างอื่น  หรือว่า...”

“แล้วตกลงจะกินไหม”  ผมรีบขัดขึ้นก่อนที่มันจะนึกออกว่าผมจงใจแกล้งมันครับ

“เอ้า!!  กินก็กิน  แต่ไหนนายลองกินให้ดูก่อนสิ” มันยังลีลาทำท่าแหยงๆ อยู่ครับ

ผมทำทางจินตลีลากินประกอบคำพูดให้มันดูเป็นตัวอย่าง  ตักเสียคำโตเลยครับ “นี่นะ...  กินแบบนี้  อืม...อร่อยมากกกกกกกกส์”

“กินได้แน่นะ”  มันถามอีกครั้งตอนกำลังจะเอาช้อนตักผัดเผ็ดเข้าปาก  และแล้วมันก็...

“น้านแหละ!!......อย่างนั้น  เป็นไง? อร่อยไหม”   ผมส่งเสียงเชียร์เหมือนเชียร์เด็กเล็กๆ ให้กินข้าว  เดี๋ยวคอยดูนะครับมันตรงวิ่งไปคายทิ้งแน่นอน  ท่าทางจะกลืนยากอยู่สักหน่อยนะนั้น ฮ่าๆๆ

“อืม...ก็อร่อยดีนะ  ถ้าไม่ติดตรงกลิ่นเหม็นเน่าอย่างนี้   หัดกินบ่อยๆ คงจะชินไปเอง  นายว่าไหม แนค”  มันหันมายิ้มใส่ตาผมครับ 

เอ๊ะ!!  ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้นะ?  มันต้องวิ่งไปแหวะสิ ทำไมมันผิดแผนอย่างนี้หละ

“เออ....”

“วันนี้ทำไรกินกันหรอครับ กลิ่นแปลกๆ “  โมนิคหวานใจผมเองละครับ  เดินเข้ามาทักพลางโบกมือปัดกลิ่นให้วุ่น

“ผัดเผ็ดหมูนะ  แต่ว่านายคงทานไม่ได้  กินมันแรงไปหน่อย  นายทานอะไรมายัง  ทานอะไรหน่อยไหมเดี๋ยวเราจะทำให้”  ผมเริ่มอ่อยอีกแล้วครับ

“อืม...ขอบใจนะ  แต่ไม่รบกวนนายดีกว่า  วันนี้ผมแวะเข้าร้านแขกตรุกีมาแล้ว  เชิญพวกนายตามสบายนะ    ผมขอตัวก่อนแล้วกัน”  โธ่!! ไปเสียแล้วครับ  มันยืนให้ชื่นใจแป๊บเดียวเอง

“ไง?  เสนอตัวแล้วเขาปฏิเสธ  ถึงขั้นนั่งหน้าหงิกเลยเหรอ  ฮึๆ”

“แล้วจะทำไม  มันเกี่ยวกับนายตรงไหน  พูดมากดีนักงั้นจานนี้ก็ไม่ต้องกินเลย”  ผมฉวยจานกับข้าวยกหนีมันมาวางตรงหน้าผมแทน

“เฮ้ย! ไหงงั้น  เอามานี้เลย”

“ไม่นะ  ฉันเป็นคนทำมันก็ต้องเป็นของฉันสิ”

“แต่ฉันเป็นคนกินแล้วก็นั่งกินอยู่ก่อน  มันก็ต้องเป็นของฉันสิ”

“อะไรของแกวะ  มีที่ไหนกันกับข้าวเป็นของคนนั่งกิน  มันต้องเป็นของคนทำสิถึงจะถูก”

“ก็มีที่นี่หละ  เป็นของฉันทั้งคนทำทั้งกับข้าวนั้นแหละ”

“อะไรนะ  นายว่าไงนะ”  แต่ยังไม่ทันที่มันจะตอบ

“พวกนายทำไรกันนะ” เสียงขวัญใจผมที่เดินกลับมาอีกครั้งถามขึ้น  เขาคงเห็นภาพที่ผมกำลังยื้อจานกับข้าวกับไอ้โหดมันอยู่ครับ “แย่งของกันเป็นเด็กๆ ไปได้  กินด้วยกันก็สิ้นเรื่อง  ว่าแต่ว่านายทนกลิ่นนั้นไหวได้ยังไง?  หือ!  จัสติน”

“ก็ไม่มีอะไรพิเศษนิ  แค่กินๆ เข้าไป  ทนเอาหน่อยก็เท่านั้น  แต่ความจริงรสชาติมันก็ไม่เลวนักหรอกนะ  นายจะลองดูหน่อยไหม”  มันยื่นจานที่มันแย่งไปได้จากมือผมไปให้โมนิคดู  แต่เดี๋ยวก่อนครับ  แล้วที่มันว่า ‘รสชาติมันก็ไม่เลวนักหรอกนะ’ เมื่อกี้นั้นมันหมายความว่าไงหรอครับ  ตกลงว่าอร่อยหรือไม่อร่อย

“ไม่ดีกว่า  นายลองไปคนเดียวก่อนแล้วกัน  วันนี้ผมทานมาจากข้างนอกแล้ว ขอตัว...”  โมนิคทำหน้าแหยงก่อนถอยหนีแล้วก้มหยิบนมในตู้เย็นเดินหายออกไปจากห้องครัวทันที

“ฮึๆ เห็นไหม  ไม่มีใครทนกลิ่นอาหารนายได้หรอก  นอกจากฉัน  รู้อย่างนี้แล้วยังจะไปชวนคนอื่นเขามาทานอีกไหม  ไม่หัดดูตัวเองเสียบ้างเล้ย” มันถามผมเสียงเย้ยๆ ครับ

“ชวนเว้ย....  วันหลังก็ทำอย่างอื่นที่เขากินได้สิ  อันนี้ก็ไม่ต้องทำ  ไม่เห็นยาก” ผมไหวไหล่ตอบมัน  แล้วทำหน้ากวนๆ ให้สาสมกับมันไงคับ

‘เปรี้ยง’ เสียงมันทุบโต๊ะครับ  แล้วมันก็เดินออกไปเลย  ข้าวก็ไม่กินให้หมด  ไอ้ฝรั่งบ้านี่ไม่รู้หรอไงว่ามันบาป...เที่ยวมาทำกินทิ้งกินขว้างอย่างนี้  แต่จะว่าไปมันก็เป็นฝรั่ง  มันก็คงไม่รู้เรื่องหรอกเนอะ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-12-2006 01:09:09
14 Mar. 2006
17.30 น. ห้องทำงานผมเองครับ

“ไหนว่าจะมารับตอนนี้ไงนะ  นี้อะไรกันถึงเวลาแล้วยังไม่มาอีก” มันเองละครับไม่มีใครหรอก   มาเที่ยวเดินวนไปวนมา  จับโน้นโยนนี่  ไหนจะชวนผมคุยมั่งหละ  มานั่งทำหน้ากวนทีนใกล้ๆ ผมมั่งหละ  รบกวนจริงๆ คนอื่นเขาไม่มีสมาธิทำงานกันพอดี  ไหนวันก่อนมันยังหาว่าผมไม่มีมารยาทส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นอยู่เลย  ตอนนี้มันกำลังนั่งงึมงำเพลงบ้าอะไรของมันอยู่ในคนก็ไม่รู้ครับ  มันมาตั้งแต่บ่ายสี่กว่าๆ แล้ว

“นี่!!  หยุดกวนเสียที่ได้ไหม  คนเขาจะทำงาน”

“ใจคอนายจะทำงานไปจนถึงไหน  นี่มันได้เวลานัดแล้วนะ”

“ก็พี่เขายังไม่มา  นายจะให้ฉันทำไง?  ร้องไห้ฟูมฟายเอาหัวโขกฝาแทนหรือไง?”

“ถ้านายทำอย่างนั้นไงก็เยี่ยมเลยวะ ฮ่าๆๆๆ” 

....ถีบมันตกเก้าอี้ซะดีไหมนะไอ้นี่...เห็นไหมครับว่ามันกวนทีนจริงๆ

“มาแล้วจ้าหนุ่มๆ  โทษทีพอดีพี่มีโทรศัพท์ด่วนเข้ามานะ ว่าไง? รอนานไหมจ๊ะจัสติน”  พี่เต่าหันไปถามเอาใจมันก่อนเลย

“ไม่นานหรอกครับ  ผมเองก็เพิ่งลงมาเมื่อกี้”  เชอะ!  ตอแหลลื่นจริงๆ นะแก

“เออ!  พี่ขอแนะนำให้รู้จักก่อนนะ  คนนี้ชื่อ มาเรีย  เป็นลูกศิษย์แฟนพี่เองจ๊ะ” พี่เต่าเบี่ยงตัวกลมๆ ของตัวเองเผยให้พวกผมเห็นหน้ายายมาเรียนั้นชัดๆ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้หน้าเหมือนแม่มดจัง  ยางก็ยื่นๆ จมูกก็โค้งๆ ยังจะตาเฉียงๆ นั้นอีก  เรียกว่าหาความสวยสมกับที่เป็นผู้หญิงไม่ได้เลยครับ  ท่าทางเดินก็  เฮ่อ!! อย่าให้ผมพูดเลย  ห่ามซะก็เท่านั้น  ผู้หญิงไทยเราสวยกว่าเยอะเลยครับ  อันนี้เรื่องจริงไม่ได้ลำเอียงเพราะเห็นว่าเป็นคนชาติเดียวกันหรอกนะครับ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ไอ้โหดยื่นมือออกไปทักทายก่อนเลยครับ  หน้าหม้อสุดๆ เลยไอ้นี้ “ผมจัสติน  ส่วนนี้เพื่อนสนิทผม แนค ครับ  มาจากเมืองไทย”  เอ๊ะ!!  ผมไปสนิทกับมันตอนไหนเหรอครับ  ผมไม่เห็นรู้ตัวเลยอะ

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  ฉันเพิ่งมาถึงวันนี้อาจารย์เลยเลี้ยงฉลองต้อนรับ  เลยกลายเป็นว่าต้องรบกวนคุณเต่าเลย เกรงใจคุณจริงๆ” มาเรียหันไปยิ้มประจบเกาะแขนพี่เต่า 

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ  บ้านฉันนะมีปาร์ตี้บ่อยจนชินเสียแล้วละ  พอไม่มีสิมันดูเหงาๆ ไปยังไงพิกล  พวกเธอมาก็ดีแล้วไงฉันจะได้มีเรื่องหาโอกาสฉลองนะซิไม่ว่า”  พี่เต่าหันไปบอกมาเรียตอนที่เรากำลังเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ  ผมเลือกนั่งด้านหลังครับ  ไอ้โหดมันก็ตามขึ้นมาด้วย  แล้วทำไมมันไม่ไปขึ้นอีกด้านนะ  ต้องมาเบียดกระแซะให้ผมต้องลำบากเลื่อนตัวเองเข้าไปอีก  แนะ!!  ยังมีหน้ามายิ้มให้อีกครับ

“พี่ให้กุลกับนายอัตล่วงหน้าไปก่อนแล้ว  ป่านนี้คงจะหั่นผักเตรียมของไว้แล้ว  พอเราไปถึง แนคต้องเข้าครัวช่วยพี่ตามที่สัญญาไว้นะ  ห้ามลืม”

“ครับ”  ผมรับเสียงอ่อยๆ ไอ้โหดมันยิ้มอะไรของมันก็ไม่รู้  ยิ้มเหมือนคนบ้ากัญชา  แนะ!! ยังเอามือเอื้อมมาขยี้หัวผมอีก  ไอ้นี่ถ้าจะไม่เคยตาย  เดี๋ยวๆ มรึง  คอยก่อน
................................................................................

“มากันแล้วหรือคะพี่เต่า”  พี่กุลเป็นคนออกมาเปิดประตูรับพวกเราให้เข้าบ้าน  บ้านพี่เต่าน่ารักมากเลยครับ  ห้องรับแขกเป็นเรือนกระจกครึ่งหนึ่งมองออกไปเห็นสวนเล็กๆ กับสนามหญ้ากลางบ้านด้วยครับ  มีตู้ปลา...อย่างใหญ่เสียด้วยกั่นห้องทานข้าวกับห้องนั่งเล่นออกจากกัน  แล้วยังวางพวกกระถางกล้วยไม้ที่ออกดอกใหญ่ๆ ช่อยาวๆ สีสวยๆ ประดับตามมุมต่างๆ อยู่หลายกระถาง  สวยมากๆ ขอบอก  ผมอยากมีบ้านอย่างนี้จังเลยครับ

“ชอบหรอ?”  ไอ้โหดมันมากระซิบถามเมื่อเห็นผมยืนยิ้มอยู่คนเดียวกลางห้อง  คนอื่นๆ เขาแยกย้ายกันไปหมดแล้วครับ  ยายมาเรียนั้นก็แยกไปคุยกะแฟนพี่เต่าหน้าทีวี  พี่เต่ากับพี่กุลก็จูงมือกันเข้าครัวไปแล้ว  ส่วนนายอัตนั้นผมเห็นนั่งวาดรูประบายสีอยู่กับเด็กๆ สองคนลูกพี่เต่า  แต่เห็นเขาเหลือบตามองมาทางผมกับไอ้โหดหลายครั้งแล้วครับ  มองทำไมวะ?

“แนคคคคคคค… เข้ามาในนี้เร็วๆ” เสียงพี่เต่าเรียกชื่อผมยานคางเร่งให้ตามเข้าไปในครัวเร็วๆ

“นายหาไรทำไปก่อนแล้วกันนะ....  ไม่ต้องเข้าไปหรอก  ทำอะไรก็ไม่เป็น  เกะกะ” ผมบอกมันก่อนเดินตามเสียงเพลงที่พี่เต่าเปิดกล่อมตัวเองดังลั่นมาจากในครัว  ปล่อยให้มันยืนหมุนอยู่อย่างนั้นแหละครับ

“อ้าวจัสตินหละ”  พี่เต่านะพี่เต่า  ไปถามหามันทำไมครับ  “ปล่อยให้แขกอยู่คนเดียว  เขาก็กระดากแย่สิ  แนคนี่ใจร้ายจริงไม่ชวนเขาเข้ามาด้วย”  อ้าว!! ผมก็แขกนะครับพี่หรือว่าพี่ลืมไปแล้วอะ  แง.....

“เดี๋ยวกุลออกไปดูให้เองคะพี่เต่า”

“เออ...ดีๆๆ  หาเครื่องดื่มหาของว่างให้ทานไปพลางๆ ก่อนด้วยนะกุล  บอกว่าเดี๋ยวสักพักอาหารคงเสร็จแล้วนะ”

“คะพี่เต่า ไม่ต้องห่วงหรอกคะ  เดี๋ยวกุลจัดการให้”

“ส่วนเธอมานี้เลย แนค  อย่ามัวยืนเฉยอยู่อย่างนั้นซิ  เสียเวลาเปล่าๆ เดี๋ยวแขกจะรอนาน”  เอ่อ! พี่เต่าครับคนที่ชื่อ แนค นี่ก็เป็นแขกไม่ใช่หรอครับพี่  :monkeycry2:
................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-12-2006 01:28:51
20.12 น. ห้องทานข้าวบ้านพี่เต่า

(http://i46.photobucket.com/albums/f119/gazpat/camarapicz155.jpg)
   “ไงทานได้ไหม?  จัสติน” เสียงพี่เต่าถามทันครับ

   “ได้ครับ  อร่อยดี” มันตอบยิ้มๆ เอาใจเจ้าของบ้าน  แต่มันก็กินเสียเยอะเลยครับ  ผมหละอ๊ายอายเจ้าของบ้านเขาจริงๆ  วันนี้ผมก็แค่ซื้อน้ำผลไม้มาสองกล่องใหญ่เท่านั้นเอง  แต่ก็ดีใจที่เห็นเด็กๆ ลูกพี่เต่าดีใจเมื่อเห็นน้ำผลไม้ที่ผมหิ้วติดมือมาด้วย  ส่วนมันหรอครับ?  มามือสิบนิ้วครับ 

   “แล้วนี้ยายกุลไปไหนเสียแล้วละ แนคเห็นบ้างไหม?”

   “เมื่อกี้ผมเห็นออกไปนั่งคุยกับแฟนพี่กะลูกศิษย์เขานะครับ  สงสัยคงคุยกันเรื่องงานเขานั้นแหละครับ  เห็นกางหนังสือกันให้วุ่นวาย”

   “หรอ?  ไงอัต?  นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรเลยตั้งแต่เมื่อตอนนั่งกินข้างแล้ว  เป็นไรหรือเปล่าจ๊ะ” พี่เต่าหันไปถามไอ้เจ้าคนที่ผมไม่ชอบสายตาเวลาที่มันมองมาเลยครับ

“อ้อ! ไม่มีไรครับ  เพียงมันอิ่มๆ ตื้อๆ นะครับ  ฝีมือการทำกับข้าวพี่เต่าไม่เคยตกเลยจริงๆ ได้กินเมื่อไหร่เป็นอร่อยเมื่อนั้น” นายอัตยิ้มตาหยีให้พี่เต่า  มาตะเภาเดียวกันอีกแล้วครับ  ชมเอาใจเจ้าของบ้านไปเรื่อย  เห็นเมื่อกี้ตอนนั่งทานข้าวกัน  นายอัตนี้นั่งข้างๆ ไอ้โหดครับ  เห็นคุยอะไรกันก็ไม่รู้กระหนุงกระหนิงเชียว “พรุ่งนี้นายจะมาใช้เน็ตที่ห้องทำงานผมก็ได้นะจัสติน  ช่วงบ่ายๆ ผมไม่ได้ทำอะไร  นายมาใช้ได้เลย”

“หรอ?  ดีๆ ขอบใจนายมากนะ  นายนี่ใจดีจัง  ไม่เหมือนคนบางคน”  อ๊ะ1 มันว่าใครอะครับ  แต่ว่าเห็นมันเหล่หางตามาทางผม ไอ้นี่วอนบาทาเสียแล้ว

“สำหรับนายนะได้เสมอ นายไม่ต้องเกรงใจหรอกจัสติน เพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกันสิ” หมอนั้นพูดยิ้มๆ ส่งสายตาแปลกๆ ให้ไอ้โหดมัน  เห็นไอ้โหดก็ยิ้มรับหน้าระรื่นเชียวครับ  มันน่าถีบนักจริงเชียว  แต่เดี๋ยวก่อน....  มันสองคนไปเป็นเพื่อนกันตอนไหนครับ  ผมไม่เห็นรู้เรื่องด้วยเลย  มีใครรู้บ้างครับ  บอกผมที...

“งั้นพรุ่งนี้บ่ายเราจะลงมาหานายที่ห้องนะ  ว่าไงแนค…ไปด้วยกันไหม?” หา!  มันหันผมชวนผมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอีกแล้ว  แล้วจะให้ผมตอบว่าไงดีครับ  ดูสายตาที่นายอัตนั้นมองมาดิ...  ผมควรจะตอบว่าไรดีครับ

“ไม่หละ  ขอบใจนะที่ชวน  แต่คิดว่าคงนั่งทำงานอยู่ที่ห้องดีกว่า  นายจะกลับเมื่อไหร่นายก็ลงมาตามเราเองแล้วกัน”  ผมว่าผมแอบเห็นแววตาพอใจในตานายอัตนั้นนะครับ

“อ้าว!! เหรอ?  งั้นผมไปคนเดียวก็ได้” แล้วก็ทำหน้าหงิกๆ ใส่ผม  ส่วนนายอัตนั้นก็หน้าบานเชียวครับ  ผมว่าสองคนนี้มันแปลกๆ นะ  คุณเห็นด้วยกับผมไหมครับ

“อ้าว!  มัวแต่ยืนคุยกันอยู่นั้นแหละจะหนุ่มๆ  มาทานไอศกรีมเป็นของหวานกันดีกว่า” เสียงพี่เต่าเดินเข้ามาตามให้ไปนั่งประจำที่เมื่อของหวานพร้อมเสิร์ฟแล้ว

“กลับบ้านไปเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”  ไอ้โหดมันก้มมากระซิบที่ข้างๆ หูครับ
................................................................................

“ทำไมนายไม่ไปห้องคนไทยคนนั้นพร้อมฉัน?”  มาถึงมันก็เปิดฉากทันทีเลยครับ

“ทำไมต้องไปด้วยละ? ฉันก็ไปใช้ที่ร้านในเมืองก็ได้  ไม่เห็นต้องไปรบกวนใครเลย” ผมตอบตอนโยนถุงมือกลับผ้าพันคอไปบนโซฟาตัวใหญ่สีขาวหน้าทีวี

“ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากใช้อะไรหรอก  เห็นนายอยากใช้ต่างหาก  เลยไปถามนายคนไทยนั้นให้  แต่นายดันเกิดไม่ไปขึ้นมาเสียนี่สิ”  มันบ่นๆ ตอนเดินไปตะกายขึ้นเตียง

“นั้นใจคอจะไม่อาบน้ำหรอไง?”

“ไม่อะ  อิ่มแล้วง่วงนอน  แต่นายไม่ต้องมาทำเปลี่ยนเรื่องเลยแนค ตอบมาก่อนว่าทำไมไม่ไปใช้เน็ตห้องคนไทยเพื่อนนายคนนั้น”

“พูดให้ดีๆ นะโว้ย  ใครเพื่อนใคร?  ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนหมอนั้น  แล้วอีกอย่างเขาก็ชื่อ ‘อัต’ ช่วยเรียกให้มันถูกๆ ด้วย”

“เออ! นั้นแหละขี้เกียจจำ  จำชื่อนายคนเดียวก็พอแล้ว  บอกมาสิ  ว่าทำไมไม่ไปใช้เน็ตห้องนายอัตนั้น  อยากเสียเงินมากเลยใช่ไหม?  ถึงไม่ยอมไปใช้ที่ห้องของคนไทยคนนั้น”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ผมหันมาพูดกับมันจากหน้ากระจก “เราไม่ได้สนิทอะไรกับเขา แล้วอยู่ๆ จะไปรบกวนใช้เครื่องของเขา  มันทะแม่งๆ นะ  ไม่เหมือนายนิ  เห็นคุยกันตั้งหลายคำ”

“นายเห็นด้วยหรอ?  เราว่าเราแอบคุยแล้วนะ”  แอบตรงไหนของแกวะ!  เห็นนั่งคุยหัวชนกันตั้งหลายรอบบนโต๊ะกินข้าว  ยังมีหน้ามาบอกอีกว่าแอบคุย

“เออ!  เห็นแล้วกันนา...  อีกอย่างเราไม่ชอบเวลาที่หมอนั้นมองมา มันเหมือนสายตาจับผิดยังไงไม่รู้  อึดอัดพิกล”  ผมยักไหล่ก่อนหันไปจัดการกับหัวตัวเองต่อ

“นายคิดมากไปหรือเปล่า  เห็นกับเราเขาก็คุยดีนะ  ท่าทางเป็นมิตรดีออก”  เฉพาะกับแกนะสิ  แต่กับฉันมันทำท่าเหมือนจะกินหัวโว้ย

“นั้นสินะ  เป็นมิตรดี  ก็เห็นเป็นเพื่อนกันแล้วนิ  ท่าทางสนิทกันเร็วดีจริง”

“เฮ้ย!  ไม่มีไร  ก็แค่ทำความรู้จักแล้วคุยกันถูกคอเท่านั้น  นายอย่าคิดไรมากเลยนา  ไม่มีไรจริงๆ ก็แค่อยากจะหาทางให้นายได้ใช้อินเตอร์เน็ตฟรีเท่านั้นเอง  จริงๆนะ” มันกระเด้งขึ้นมาปฏิเสธให้ยุ่งไปหมดเลยครับ  แล้วมันจะมาปฏิเสธทำไมกัน มันจะไปสนิทกับใครที่ไหนผมจะไปว่าไปขวางทำไมกัน  ไอ้นี่ก็แปลกคน

“ก็ไม่ได้ว่าไรนิ  ก็ดี...นายจะได้มีเพื่อนคนไทยคนอื่นบ้างนอกจากเรา” อิอิ  มาเลยครับ  เชิญมาแบ่งเบาภาระรองรับความกวนประสาทของมันไปเสียบ้างผมจะยินดีมากๆ เลยครับ คุณอัต

“ทำไม?  ทำไมนายอยากให้เราไปสนิทกับนายคนนั้นมากเลยหรอ”

“อืม...  เขาก็ดีกับนายนิ”  ผมบอกโดยที่ไม่หันไปมองมันเลยครับเพราะกำลังง่วนอยู่กับการแกะสิว วุ้ย! ทำไมมันเม็ดใหญ่จังเลยวะ

“.............”

“เฮ้!! ทำไมเงียบไปหละ  นอนแล้วเหรอ?”  คราวนี้ผมหันไปมอง  เห็นมันนอนหันหลังให้เสียแล้วครับ  อะไรวะ!? เมื่อกี้ยังพูดแจ้วๆ เผลอแป๊บเดียวหลับไปเสียแล้ว  คนบ้าอะไรหลับเร็วจริง  ผมก็เลยเดินไปปิดไฟแล้วคลานขึ้นเตียงบ้าง

“นายอยากให้เราไปสนิทกับคนไทยคนนั้นจริงๆ หรอ?” อยู่ๆ มันก็ถามขึ้นมาท่ามกลางความมืดครับ  แล้วพลิกตัวหันมาทางผม

“ก็เออดิ!!  ทำไม? อัตเขาไม่ดีตรงไหน  เห็นก็คุยกันถูกคอนิ”  จนป่านนี้มันก็ยังไม่ยอมเรียกชื่ออัตเสียที  เรียกอ้อมไปอ้อมมาอยู่นั้นแหละครับ  ผมเลยย้ำให้มันฟังอีกที

 “ก็ได้  ถ้านายต้องการอย่างนั้น” แล้วมันก็หันหลังกลับไปเลยครับ  ผมก็ได้แต่นอนลืมตามองเพดานห้องอยู่เฉยๆ เงียบๆ คนเดียว  ทำไมมันโหวงๆ ในอกชอบกลก็ไม่รู้นะครับ 

แต่ก็ดีเหมือนกันบางทีผมอาจจะใช้ไอ้โหดเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์กับนายอัตนั้นก็ได้  ก็ศิษย์เก่ามหาลัยเดียวกันแต่ไม่คุยกันแบบนี้ก็กระไรอยู่  เป็นเพื่อนกันไว้น่าจะดีกว่านะครับ  ผมว่า...

(http://i5.photobucket.com/albums/y180/Steveningen/IMG_0757.jpg)
สวนหลังบ้านพี่เต่าคับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 23-12-2006 11:55:32
กะลังหนุกเลย มาต่อเร็วๆ นะคับ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-12-2006 20:32:27
หุหุ ตกลงอัตชอบจัสตินใช่มั๊ย  :kikkik: จะเดาผิดอีกหรือเปล่าหว่า  :really2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: No_ProMises ที่ 23-12-2006 21:04:01
มาต่อเร๊วๆ

นะ ค๊าบ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-12-2006 13:25:07
สนุกมันโคตร   :like2: :like2: :like2: :like2:
แค่ไม่กี่วันก็ผูกพันกันขนาดนี้แล้ว  :impress2: :impress2: :impress2:
มาต่อด่วนๆเล้ยๆ หายไปไหนครับ
ผมจะลงแดงตายแล้ว
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 01:12:12
สนุกมันโคตร   :like2: :like2: :like2: :like2:
แค่ไม่กี่วันก็ผูกพันกันขนาดนี้แล้ว  :impress2: :impress2: :impress2:
มาต่อด่วนๆเล้ยๆ หายไปไหนครับ
ผมจะลงแดงตายแล้ว
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:



น้่านจิคุณ blue  :confuse:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 02:03:54
15 Mar. 2006
17.10 น.  ห้องทำงานผมเองครับ

‘ทำไมมันยังไม่ลงมาอีกนะวันนี้’

ผมเองละครับ  นั่งทำงานไปชะเง้อดูว่าไอ้โหดมันจะลงมาหรือยัง  ไม่มีสมาธิทำงานเลยเวลาที่ต้องรอใครแบบนี้  ว่าแล้วก็เลิกทำเก็บของเดินไปดูมันที่ห้องดีกว่า  มันจะขยันทำงานอะไรของมันขึ้นมานะวันนี้  อยากรู้จัง!

อ๊ะ!!  ไม่มีครับ  ไม่มีใครอยู่เลยในห้องมัน  แล้วมันหายหัวไปไหนนะ?  ทำไมไม่รู้จักไปบอกกันก่อนบ้างว่าจะไปไหนปล่อยให้คนอื่นเขารออยู่อย่างนี้  คอยดูนะเย็นนี้จะไม่ทำอะไรให้มันกินเลย  คอยดูนะครับทุกคน   

ว่าแต่....ทางออกมันอยู่ไหนหว่า  ขึ้นมาบนนี้แล้วผมต้องเดินลงไปทางไหนหรอครับถึงจะเจอทางออก   ไม่อยากเดินย้อนกลับไปทางเดิมอีกให้เสียเวลา  เอาวะ!!  ลองเดินเดาสุ่มๆ ไปดีกว่า  แต่ไม่รู้ว่ามันจะทำให้เสียเวลามากไปกว่าเดิมหรือเปล่านะ  ทางเดินในตึกนี้มันยิ่งสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ด้วยสิ  ใครเป็นคนออกแบบกันนะ  เจอหน้าขอขอเขกหัวสักสองทีโทษฐานออกแบบแล้วตูหลงทาง  คราวหน้าถ้าจะสร้างอีกหละก็ขอที่มันมีทางเดินง่ายๆ ไม่ใช่วนไปวนมาจนหมาหลงอย่างนี้นะ

 :o อ๊ะ!! (รอบสองครับ) เสียงหัวเราะครับ  ของใครวะ? หัวเราะดังเชียว  นี้มันสถานที่ทำงานนะเว้ย  ถึงจะใกล้เวลาเลิกงานแล้วก็เถอะ แต่ว่าเสียงมันคุ้นๆ นะครับ  ดังมาจากห้องข้างหน้าเสียด้วย  เดินไปดูดีกว่า  ไหนๆ ต้องเดินวนหาทางออก(ที่ยังไม่เจอ)อยู่แล้วด้วย

“นายนี้มันตลกดีนะ” ยิ่งเดินใกล้ยิ่งได้ยินถนัดเลยครับ  จะมีใคร้?  เสียงเหมือนหมีสำลักน้ำผึ้งอย่างนี้นอกจากยอดชายนายโหดของผม  เอ๊ะ!  มันเป็นของผมตั้งแต่เมื่อไรกัน  เอาเป็นว่าของทุกคนดีกว่านะครับ แฮ่ะๆ

“นายเองก็พอกันหละ  แต่ว่าเย็นนี้นายจะไปไหนต่อ  ไปหาไรกินด้วยกันไหม?”  เสียงนายอัตกลั้วหัวเราะชวนไอ้โหดไปหาไรกินกันครับ

“คงไม่ได้หรอก  แนคคงรอกลับบ้านอยู่นะ  ผมต้องกลับบ้านไปทานข้าวกับแนคน่ะ”  ดีมากไอ้โหดลูกพ่อ  ฮิฮิ...

“นี้มันก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว  ลองนายไม่ลงไปตามเขาแบบนี้...เขาคงไม่รอนายหรอก  คงเดินกลับไปแล้วมั้ง”

“เออ!! จริงด้วยสิ  ผมไปก่อนนะ  แนคคงกำลังรอผมอยู่”  มันทำท่าจะลุกเดินออกมาครับ

“อืม...ไม่เป็นไร  ผมทานข้าวคนเดียวชินแล้วหละ  เชิญนายตามสบาย  ผมไปหาไรทานคนเดียวเหมือนเดิมก็ได้”

“เอ่อ!....  วันนี้ขอโทษจริงๆ นะ  เอาไว้วันหลังแล้วกัน  ผมไปก่อนนะ”

“นายสัญญาแล้วนะ  ห้ามลืมล่ะ” 

ห่ะ!!  ไอ้โหดมันสัญญาตอนไหนครับ ผมไม่เห็นได้ยินเลย
....................................................................

“เอ่อ...นายไปทานกับอัตเถอะ  วันนี้เรากลับบ้านเองได้  พอดียังไม่ได้ซื้อของเลย  ท่าทางของสดจะมีน้อย  ทานสองคนคงไม่พอ  เราทานคนเดียวดีกว่า  ดีเหมือนกันจะได้ทำของเผ็ดๆ ทาน” ผมเอ่ยออกไปหลังจากที่สองคนนั้นหันมาเห็นผมยืนทำหน้าเอ๋อแด๊กอยู่ตรงหน้าห้องครับ  :try2:

“ไง?  หวัดดีแนค  นายจะไปทานกับพวกเราด้วยกันก็ได้นะ” นายอัตชวนเสียงร่าเริงเลยครับแต่ว่าไม่เข้ากับสายตาที่ส่งมาให้ผมจริงๆ

“ไม่หละ  เราอยากทานข้าวที่บ้านมากกว่า  นายไปกับอัตเถอะ...จัสติน  เรากลับเองได้”  ความจริงผมก็เป็นคนหาเส้นทางกลับบ้านเองทุกวัน  ขืนให้ไอ้โหดนำทางมีหวังได้เดินกันจนขาลากพอดี  ทำไมนะหรอครับ?  ก็มันชอบเป๋ออกนอกเส้นทางไปดูนั้นดูนี่อยู่เรื่อยเลย

“ถ้า...แนคต้องการอย่างนั้นก็ตามใจ  งั้นพวกเราไปกันเถอะ” ไอ้โหดหันไปชวนอัตที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าอยู่ด้านหลัง

“งั้นเราแยกไปก่อนนะ”  ผมบอกตอนที่พวกเราสามคนเดินมาถึงทางแยกหน้าสถานีรถไฟ  ความจริงอัตก็มีรถจักรยานแต่ว่าวันนี้ลงทุนเดินเพราะว่าจะซ้อนกันมาไงครับสามคนรถมีคันเดียว  คงไปไม่ไหวแน่
................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 02:09:03
“หวัดดีแนค  ไหงวันนี้นั่งทานคนเดียว  แล้วจัสตินไปข้างไหนเสียหละ”  เสียงขวัญใจผมเองแหละครับ

“อ้อ!  พอดีเขาไปหามื้อเย็นทานข้างนอกกับเพื่อนเขานะ  เราเลยขอตัวกลับมาก่อน แล้วนายทานไรมายัง  นั่งทานด้วยกันไหม” ผมถามตอนเห็นเขาก้มลงหยิบอะไรๆ ให้ตู้เย็นข้างหน้า

“ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย  นี่ก็กำลังจะเข้ามาอุ่นอาหารแช่แข็งกินนะ” ผมเห็นเขาเอาไอ้เจ้ากล่องอะไรนั้นยัดเข้าตู้ไมโครเวฟด้านหลังไปไวๆ

“อะไรหรอนั้นนะ  อร่อยไหม?  วันหลังผมจะได้ซื้อมากินมั่ง  บางทีมันก็ขี้เกียจทำกับข้าวกินเองเหมือนกันนะ”

“รสชาติมันสู้ของที่เราทำกินเองไม่ได้หรอก  แต่ก็อย่างว่านะ” โมนิคยักไหล่  แต่ว่าทำไมผมรู้สึกว่ามันน่าดูมากเลยอะครับ “ผมทำอะไรได้ไม่ค่อยมากนักหรอกเรื่องอย่างนี้  เลยต้องฝากท้องไว้กับพวกอาหารแช่แข็งแทน  แต่ถ้ามีคนมาทำอาหารให้กินทุกวันคงดีอยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะ...แนค  นายว่างั้นหรือเปล่า?” แล้วก็หันมายิ้มหล่อใส่ตาผมครับ  โอ้วววววววววส์  ใจผมจะละลาย  :impress2:

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่านายอยากให้ใครมาทำให้นายกินมากกว่า  หน้าตาอย่างนายผมว่าหาคนมาช่วยเรื่องพวกนี้ได้ไม่ยากหรอก  นายนะ....เอ่อ!!”

“ผมทำไมหรอ....หือ ว่าไง?”

“อ๊ะ! มันได้ที่แล้วนิ  กลิ่นหอมเชียว”  ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อได้ยินเสียงไมโครเวฟดีดบอกว่าอุ่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว  โมนิคหันไปจัดการแกะใส่จานแล้วยกมานั่งทานตรงข้ามผม

“ว่าไง?  คนอย่างผมนะทำไมหรอครับ” โห!  เอากับพี่แกเดะ  มองจ้องอยู่ได้  ใครมันจะไปพูดออกครับ “ตกลงนายจะไม่บอกใช่ไหมว่า  คนอย่างผมนะทำไมถึงได้หาคนมาทำมื้อเย็นให้ทานได้ง่าย”

“นายก็น่าจะรู้ตัวดีนี่นา  ไม่เห็นต้องให้บอกเลย”

“แต่ผมอยากรู้นิ  ว่าแนคคิดว่าผมเป็นคนอย่างไง”  แล้วทำไมต้องมาจ้องหน้ายิ้มๆ กันแบบนี้ด้วยละวุ้ย  คนเขาก็เขินเป็นเหมือนนะเว้ยยยยยยยยยส์

“ก็.....นายดูดีออก  แล้วทำไมนายจะหาคนมาทำมื้อเย็นให้ทานยากหละ”  :-[

“หรอ?  ผมไม่เห็นรู้ตัวมาก่อนเลย  แต่ว่าขอบใจนะที่แนคชมว่าผมดูดี  แนคเองก็ดูดีเหมือนกันนะ” โมนิคพูดยิ้มๆ ก่อนตักของตรงหน้าใส่ปาก แล้วนั่งอมยิ้มมองผมอยู่อย่างนั้น

“เออ.....ชมกันไปชมกันมาอยู่นั้นแหละ  ผมทานเสร็จแล้วขอตัวก่อนนะ”  :myeye:

“อ้าว!  แล้วจะรีบไปไหน  นั่งคุยเป็นเพื่อนกันก่อนสิ”  ผมชะงักหยุดเดินเพราะโมนิคเอื้อมมือมาคว้ามือผมเอาไว้  อ้ายยยยยส์  เดี๋ยวก็ปล้ำเสียเลย  ยิ่ง....มาตั้งหลายวันอยู่ด้วยนะเว้ย “นะๆ นั่งคุยเป็นเพื่อนผมก่อน  ผมไม่อยากนั่งทานข้าวคนเดียว”  เสียงอ้อนๆ นะยังไม่เท่าไหร่ครับ  แต่ว่าไอ้ตาหวานเชื่อมมหาประลัยนั้นมันช่างรัญจวนใจผมดีแท้

“อืม....ก็ได้แต่ขอเราไปล้างจานก็นะ”  ผมมองไปที่มือที่โดนจับอยู่  ฝ่ายนั้นเหมือนรู้ตัวเลยหัวเราะแฮ่ะๆ แล้วปล่อยมือให้ผมไปล้างจานผม

“ก็...”  โมนิคยังไม่ทันพูดอะไรก็สะดุดค้างเสียก่อน  มีเสียงเหมือนมีคนเดินเข้ามาแล้วเดินออกไปอีก  เอ๊ะ!   ใครกันนะ? 

“ใครมานะ?”

“ไม่เห็นมีนี่”  โมนิคตอบผมตอนกำลังนั่งลงที่เดิมหลังจากเดินออกไปดูที่ห้องโถงหน้าบ้านตกลงเย็นนั้นผมก็นั่งคุยกับโมนิคเรื่อยเปื่อยหลายเรื่องด้วยกัน จนเขาถามผมว่า

“แล้วนายจะไม่ขึ้นไปเช็คเมลล์อีกหรอ  แนค”

“อ๋อ...คงไม่หละ  เกรงใจนายนะ  รบกวนเปล่าๆ  เราไปเช็คที่ร้านในเมืองก็ได้”

“เฮ้ย!  ไม่รบกวน  นายจะไปเช็คเมื่อไรก็ได้  ผมก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว  แล้ววันนี้นายจะไปลองเช็คดูไหม  เผื่อจะมีใครส่งเมลล์มาให้นายจากเมืองไทย เช่น  เพื่อนนาย?  แฟนนาย?”

“ :pigscare2: อุ๊ย!  ไม่มีหรอก  เราไปดูมาแล้ว”  ความจริงก็คงมีของเจ้าเพื่อนๆ ผมส่งมาบ้างนั้นแหละครับแต่ว่าของแฟนนี่ไม่มีครับ  ก็เคยมีกับเขาเหมือนกัน  แต่ว่าโดนทิ้งไปแล้วครับ แงๆ ส่วนคนที่กำลังเล็งๆ อยู่  เขาไม่ยอมใช้เมลล์แบบนี้ครับ  เขาบอกว่าดูไม่จริงใจ  ชอบให้เขียนจดหมายเอาดีกว่า  ดูดีกว่ากันเยอะ  แถมยังเก็บไว้ดูอีกในวันหลังได้ด้วย  แปลกคน...

“อะไรอะ  ที่ว่าไม่มี  เมลล์หรือว่าแฟน?”  ฝรั่งมันก็ทำตาเล็กตาน้อยเป็นเหมือนกันหรอครับ ก็ไอ้คนที่มันนั่งตรงหน้าผมนี้ไงครับกำลังทำ  ผมเลยเพิ่งรู้...แล้วก็ต้องรีบปฏิเสธไปว่า

“ไม่มีทั้งคู่นั้นแหละ  อย่างผมไม่มีใครเขาสนหรอก  นายวางใจได้”

“ไม่น่าเชื่อ  อย่างนายนี้หรอไม่มีคนสนใจ  แล้วถ้าเกิดมีคนสนใจนายขึ้นมา  นายจะทำไงหรอครับ”  โมนิคถามแล้วก็จ้องเข้ามาในตาผมจนผมต้องแกล้งเสหันไปมองนอกหน้าต่างแทน

“ก็ไม่ทำไง  คงจะดีใจ...ก็เท่านั้น  นานๆ จะมีใครคนไหนมาสนใจเสียที  ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เลิกเหงาเสียที”

“หรอ  งั้นนายก็คงต้องเลิกเหงาเร็วๆ นี้หละ  ผมขอตัวไปบนห้องก่อนนะ  แล้วคุยกัน”

....โมนิคลุกออกไปแล้วครับ  เหลือเพียงผมที่นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวกับความคิดหลายๆ อย่างที่วิ่งเข้าวิ่งออกในสมองน้อยๆ ของผม...   

กับข้าวในจานยังมีเหลือพอสำหรับใครบางคน  เผื่อเขาจะกลับมากิน...แต่ท่าทางคงจะไม่มากกว่า  รอนานขนาดนี้แล้ว    ก็ดี! กินคนเดียวให้หมดเลยดีกว่าไม่ต้องรงไม่ต้องรอมันแล้ว  ช่าง!  รอแล้วไม่มากินเองช่วยไม่ได้    แต่เมื่อกี้โมนิคเองก็พูดแปลกๆ นะ หรือว่าเค้าจะสนใจผมเข้าแล้ว ฮิฮิ  โห!!  ถ้าเป็นอย่างนั้นก็วิเศษไปเลยครับ  หล่อจะตาย  ใครจะไปปฏิเสธไหวครับ   :haun5:
................................................................................

“ทำไรอยู่อะ” เสียงไอ้โหดดังขึ้นข้างหลัง  ผมไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใครครับ

“อ่านนิยายโว้ย  ทำไม?”

“เปล่าก็ไม่มีไร  ......  นายจะไม่ถามเลยหรอว่าเราไปไหนมา แนค”

“ถาม?  เพื่ออะไร?  นายอยากจะเล่าก็เล่ามาสิ” ผมหันไปทำหน้าสงสัยกับประโยคของมันก่อนหันมาจ้องนิยายต่อ  แต่หูก็ผึ่งเต็มที่เลยครับ

“จริงสิ  นายคงไม่อยากรู้เรื่องของเราหรอกว่าไหม?  แล้วเมื่อเย็นทานข้าวกับใคร  คนเดียว?  หรือว่ากับ...โมนิค” เสียงมันอ่อยๆ ไปพอพูดมาถึงตอนนี้ 

“ตอนแรกก็กินคนเดียว  แต่พอดีโมนิคเข้ากลับมาพอดีเลยชวนนั่งทานด้วยกัน  ทำไมหรอ?”

“เปล่า...  แค่ถามดู  เป็นห่วงนะ”  แล้วจะมาห่วงทำไม  ไม่ได้ไปรับทัพจับศึกที่ไหน  แค่กินข้าวเย็นคนเดียวเนี้ยนะ  แต่ว่าก็ไม่เป็นไรมีคนถูกใจมากๆ มาทานเป็นเพื่อนแทนก็เหมือนกันนะครับ  “แต่ท่าทางนายคงไม่เป็นไร  มีคนมาทานด้วยแล้วนิ”  ใช่แล้วไอ้โหดลูกพ่อ  ยิ่งพูดยิ่งถูก  “ต่อไปเราคงไม่ต้องคอยรอกลับมาทานพร้อมนายอีก”  พูดอย่างกับว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำอย่างไงอย่างนั้นเลย  ว่าแต่ว่าใครใช้แกหรอวะ

“ก็ไม่นะ ถ้านายอยากมากินด้วยกันก็มาได้  เมื่อเย็นเรายังทำเผื่อนายเลย  กลัวนายกลับมาจะหิวอีก  แต่รอตั้งนานนายไม่มาเราเลยจัดการกินเองหมดเลย”

“จริงหรอ?  นายทำเผื่อเราด้วยหรอ  งั้นพรุ่งนี้เรามาทานกับนายนะ แนค” มันเดินมาจับมือผมเขย่าๆ  ไอ้นี่ท่าจะบ้า

“ก็เอาสิ”  แล้วทำไมมันต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้นด้วยครับ  ผมละงง!!:untrust:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 02:16:34

16 Mar. 2006
11.54 น.  บนเตียง
   ผมยังนอนบิดอยู่เลยครับ  ความจริงวันนี้มีสัมมนาเรื่องพรรณไม้ที่เกี่ยวข้องกับงานผมนิดหน่อยด้วย  แต่ว่า....แฮ่ะๆ ผมโดดร่มครับ  ก็เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย  อ่านนิยายจนเพลิน  คนเขียนเค้าเขียนได้ดีจริงๆ เลยครับ  อ่านลุ้นไปร้องไห้ไปด้วย อ้าส์ มีความสุขครับ  ได้อ่านนิยายสนุกๆ สักเรื่องหนึ่ง  ในขณะที่อยู่ต่างแดนแบบนี้  ส่วนร่างที่นอนกรนคร่อกๆ อยู่ข้างๆ ผมก็ไม่มีใครหรอกครับ  ไอ้โหดคนเดียวเลย  เมื่อเช้าพอมันมาปลุกถามผมว่าวันนี้ไม่ไปทำงานหรอ  พอผมบอกว่าไม่ไปเท่านั้นเอง มันก็นอนต่อเลยครับ  ไม่ถามอะไรอีกเลยอย่างเช่น  ทำไมไม่ไป?  เป็นอะไรหรือเปล่า?  มีปัญหาอะไรไหม?  ไม่มีจริงๆ เลยครับ  ถามแล้วนอนต่อเลย  มันช่างแล้งน้ำใจจริงๆ เล้ยยยยยยยยยส์

แต่นี้ก็จะเที่ยงอยู่แล้ว  ลุกไปหาไรกินดีกว่า  ชีวิตผมก็มีแค่นี้หละครับ  นอนๆ แล้วก็ตื่น  แล้วก็กิน  อิอิ  อย่าว่าผมเลยนะครับ  คนมันไร้ซึ่งความสามารถก็อย่างนี้หละครับ  ไม่เอาไหนเลยผมเนี้ย

“ตื่นแล้วหรอ” เสียงงัวเงียถาม หลังผมเดินไปหวีผมที่หน้ากระจก  “แล้ววันนี้จะไปไหนอะ”

“ไม่รู้สิ  ยังไม่ได้คิด  ว่าแต่นายหิวยัง  เราจะไปทำไรกินนะ  นายอยากกินไร”

“แนคกินไรเราก็กินอันนั้นแหละ  ไม่เรื่องมาก”  ดีมากลูกพ่อ ขืนแกเรืองมากพ่อจะถวายพระบาทให้รับเป็นเครื่องเช้านะลูกนะ  :kikkik:
................................................................................

“วันนี้เราไปเดินเล่นรอบๆ เมืองกันอีกไหม  วันก่อนเรายังไม่ได้ไปอีกตั้งหลายที่”

“ไปสิ  แต่ว่านายอยากไปไหนละ...จัสติน”  ผมต้องถามมันก่อนสิครับ  ขืนไม่ถามเดี๋ยวมันได้โทษอีกว่าผมพาเดินอ้อม  ก็วันก่อนตอนที่ไปเดินด้วยกันวันแรก  ผมไม่ได้วางแผนว่าจะไปไหน  แค่ออกเดินไปเรื่อย  เจออะไรน่าสนใจก็แวะเข้าไป  มันเลยออกจะเป็นเส้นทางที่มั่วๆ อยู่สักหน่อย  ไอ้โหดมันเลยว่าผมพาเดินวน

“นายละ  อยากไปไหน”  มันย้อนครับ  ถามก็ไม่ตอบ  เอาแต่ยิ้มๆ

“อยากไปซื้อเสื้อใหม่เสียหน่อยนะ  เสื้อตัวเก่งที่ซื้อจากเยอรมันมันขาดอะ  เออ!  ของจากเยอรมันไม่ได้เรื่องเลย  ซื้อมาไม่ทันไรก็ขาดแล้ว”

“ไหนๆ  ตัวไหน?  ผลิตในเยอรมันจริงหรือเปล่า  ถ้าผลิตในเยอรมันนะไม่มีทางหรอก  ของเขาทำอย่างดีเลยนะ”  มันเถียงคอเป็นเอ็นเลยครับ  พอเป็นเรื่องประเทศตัวเองนี่...เตะไม่ได้เลยนะ

“นี่ไง  เห็นไหม  ขาดเป็นรูโหว่เลย  สามรูพร้อมๆ กัน  เรายังงงเลยว่าขาดได้ไง  เสื้อตัวอื่นๆ ไม่เห็นเป็นไร  ซักก็ซักพร้อมกัน  ทำไมตัวนี่ขาดก็ไม่รู้”

“ไหนเอามาดูสิ  เออ!  ขาดจริงๆ ด้วย  เหมือนตัวอะไรกัดเลย  ตอนแรกมันก็ขาดอย่างนี้หรอ”

“อ้าว! ถ้าขาดจะซื้อมาทำไมวะ  ตอนแรกมันไม่ขาดหรอกแต่พอเอามาซักถึงได้เห็ฯว่ามันขาดไง”

“หรอ?....  แต่นี้ไม่ได้ผลิตในเยอรมันนะ  ทำในตรุกีแต่เอามาขายในเยอรมัน”  มันยังหาทางออกแก้ให้ประเทศมันอีกครับ  ทุ่มเทจริงๆ

“เออๆ  เอาเป็นว่ามันขาดเองนะ  ฉันเลยจะไปซื้อใหม่ไง”

“ที่ไหน?”  นั้นสิ  ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันวะ

13.28 น. ร้านเสื้อบนถนน Harlemmer starrts

(http://i29.photobucket.com/albums/c272/verba_non_acta/December%202005/PC250053.jpg)
“ไง?  ใส่แล้วเป็นไงมั่ง”  ผมถามไอ้โหดตอนออกมาจากห้องลองเสื้อในร้านเดิมเหมือนที่ซื้อในเยอรมันแหละครับ  ที่นี่ก็มีสาขาอยู่  มันเลยลากให้ผมมาเลือกร้านนี้

“ก็ดีนะ  ตกลงนายจะเอาตัวไหน  ใส่แล้วสวยทั้งสองตัวเลย”  นั้นสิ  ผมจะเอาตัวไหนดีนะ  ตัวที่ผมเลือกมันพื้นสีน้ำตาลลายขวางสีตองอ่อนสลับเขียวกับดำ  ส่วนอีกตัว  มันเลือกให้ครับพื้นสีเขียวหม่นปักลายนกอินทรีสีส้มครับ  มันเลือกเพราะว่าเหมือนประเทศมันไงครับ  ไปที่ไหนๆ ก็มีตรานกอินทรีย์หราไปหมด   ผมยกเสื้อมาดูใกล้ๆ ทีละตัวอีกครั้งแล้วก็ตัดสินใจ

“เอาทั้งสองตัวนั้นแหละ  เลือกไม่ถูก”

“หรอ?!...  แต่เราว่าเอาตัวที่เป็นนกอินทรีดีกว่านะ  เวลาใส่จะได้นึกถึงประเทศเยอรมันไง”

“แหวะ!  นึกถึงทำไมไม่เห็นจะมีไรดีเลย”  ผมว่า

“จริงหรอ?!  เราว่ามีนะ....อยากรู้ไหมว่าอะไร?  ก็คนเยอรมันไง  ดีจะตาย  ร่างกายก็แข็งแรง  แถมยังฉลาด  มีวินัย  เก่งไปสารพัดอย่าง”  มันได้โอกาสยกหางตัวเองอีกแล้วครับ  แค่ผมทำหน้างงๆ กับที่ว่าคนเยอรมันมันดีตรงไหน

“เหรอ..... :confuse:”

“นายไม่เชื่อหรอไง  เดี๋ยวเราจะพิสูจน์ให้นายเห็นเอง”  มันยังโม้ไม่เลิก  ขนาดผมจ่ายเงินรับของแล้วเดินออกมานอกร้านแล้วนะครับ  ไอ้นี่....ทำไมมันพูดมากจังเลยครับวันนี้  พูดๆๆ  ยังไม่หยุดเลยตั้งแต่ออกมาจากบ้านแล้ว  ผมแปลออกบ้างไม่ออกบ้างก็ทำเนียนพยักหน้าว่าข้านี้เข้าใจไปเรื่อย  แต่จะว่าไปมันก็รู้อะไรหลายอย่างเหมือนกันนะครับ

“แล้วจะไปไหนต่อ”  ผมถามมันเมื่อเดินมาถึงทางแยกที่ไหนก็ไม่รู้

“เดินเรียบคลองนี้ไปดีกว่า  ท่าทางวิวจะสวยดี   มันคงทะลุไปถึงบ้านเราหรอก”  บ้านเราหรอ?  พูดออกมาได้  บ้านแกวะที่ไหน  บ้านพักเขาตะหากเว้ย  แต่ว่าท่าทางวิวสองข้างคลองจะสวยจริงๆ อย่างที่มันว่าครับ  ลองเดินไปดูดีกว่า

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/ourstreet.jpg)
................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 02:25:57
ใกล้ึจบแล้วนาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :piglove2:

................................................................................
“จัสติน  เฮ้!  ทางนี้”  เสียงเรียกชื่อไอ้โหดดังมาจากโต๊ะหน้าร้านกาแฟที่เค้าเอาออกมาตั้งวางให้ลูกค้านั่งดื่มกาแฟเคล้าแสงแดดอะครับ

(http://i29.photobucket.com/albums/c272/verba_non_acta/December%202005/PC250049.jpg)
“ใครเรียกวะ  อ้อ! อัตนะ  ไปสิ  เขาเรียกนายนะ”  :untrust:

“อ้าว!  แล้ว แนค ไม่ไปด้วยกันหรอ  มาด้วยกันสิ  อย่าเพิ่งแยกไปเลยนะ  นะๆ”

“เออๆ  ไปเร็วๆ เขามองมาใหญ่แล้ว”  จริงครับ  ผมรู้สึกได้ถึงสายตาชวนอึดอัดที่ส่งมาจากคนเรียกพวกเรา(ที่จริงๆ แล้วเรียกแค่จัสตินมันคนเดียว) ได้

“ไปไหนกันมาหรอครับ?  ผมนึกว่าพวกนายเข้าออฟฟิศเสียอีกวันนี้” เสียงนายอัตเริ่มต้นบทสนทนาเมื่อบริกรหนุ่มหน้าตาน่ากินมารับรายการเครื่องของผมกับไอ้โหดไปเรียบร้อยแล้ว

“ก็แนคนะสิ  ตื่นสายไม่ยอมไปทำงาน  ผมเลยต้องพลอยหยุดตามไปด้วย” ว่าแล้วมันก็เอามือมาผลักหัวผมเสียคะมำเลยครับ

“แล้วใครใช้ให้แกหยุดตามฉันวะ  แกขี้เกียจไม่อยากไปเองมากกว่า  แกอย่ามาโทษคนอื่นอย่างนี้สิเว้ย”  ผมโวยก่อนเหลือบมองไปทางนายอัต  ก็อย่างเคยครับสายตาแปลกๆ นั้นมองมาอีกแล้ว  แต่คราวนี้ความเป็นมิตรดูเหมือนจะลดน้อยลงไปจากสายตาคู่นั้น

“พวกนายสองคนนี้ตัวติดกันจริงๆ เลยนะ  อิจฉาวะ”  เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อเจอสายตาปรัศนีย์ของผมเข้าไป  นายอัตจึงเสหันไปยกถ้วยกาแฟตรงหน้าขึ้นจิบ  ก็ทำไมจะต้องอิจฉาผมด้วยละครับ  อยู่ใกล้ๆ กับไอ้โหดตลอดเวลาอย่างนี้นะหรือครับน่าอิจฉา  ผมว่าไม่นะ

“ก็ไม่ตลอดเวลาหรอกแค่เกือบๆ เท่านั้นเอง  ใช่ไหม แนค” ไอ้โหดหันมายิ้มกับผม

“อืม...  แล้ววันนี้นายไม่เข้าไปหรออัต เห็นว่ามีสัมมนาด้วยนิ”

“ไม่หรอก  ไม่ค่อยเกี่ยวกับงานผมสักเท่าไรนะ  เลยไม่ค่อยอยากเข้าฟัง  แล้วก็เบื่อๆ นะ  เลยขออู้งานสักวันหนึ่ง”

“นายเลยแอบมานั่งดื่มกาแฟคนเดียวที่นี่  ใช่ไหม?” ไอ้โหดหันไปพูดยิ้มๆ กับนายอัตนั้น

“ก็ทำไงได้หละ  คนอื่นๆ เขาไปทำงานกันหมด  มีผมที่ว่างงานอยู่คนเดียววันนี้  เออ...ถ้านายไม่ว่าไรผมขอตามพวกนายไปด้วยคนสิ  พวกนายจะไปไหนกันต่อหรือปล่าหละ  ได้ไหม? จัสติน”

“ว่าไง? แนค “ ไอ้โหดมันหันมาถามผม  เล่นเอาผมแทบสำลักโกโก้ร้อนที่กำลังละเลียดเลียวิปปิ้งครีมอยู่เลย

“แค่กๆ.......  ได้ๆ  ได้สิ  แต่ว่าเราก็กำลังจะกลับแล้วละ  วันนี้ยังไม่ทานอะไรกันมาเลยกะว่าจะกลับไปทำไรทานกันนะ  นายไปด้วยกันก็ดีสิจะได้อยู่เป็นเพื่อนคุยจัสตินตอนเราเข้าครัว ไม่งั้นหมอนี่เข้ามากวนอยู่เลย”

“ใครกวนอะ  พูดมาดีๆ เลยนะ แนค”  ไอ้โหดหันมาทำหน้าหงิกใส่ผม  จ้องหน้าเอาเรื่อง  ซวยแล้วไหมละครับผม “ดี...งั้นวันนี้นายทำครัวคนเดียวเลย  ฉันไม่เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนแล้ว” 

มันงอนหรอครับ?  ไม่น่าเชื่อเลย  แต่ว่าพอหันไปทางนายอัตก็เจอสายตาแปลกๆ ของนายนั้นอีกแล้ว มันจะทำสายตาแบบอื่นไม่เป็นบ้างหรือไงนะ  แต่จะว่าไปคราวนี้มันเจือสายตาเยาะเย้ยมาด้วยนิดๆ ครับ  แต่ทว่าเพียงแป๊บเดียวเท่านั้นเองครับ  หรือผมจะมองผิดไปนะ
................................................................................

(http://i19.photobucket.com/albums/b172/daveAZBC/Corvairs%20in%20Holland/6%20-%20Tuesday%20-%20Leiden%20to%20Delft/69Markt.jpg)

ร้านที่มีกันสาดสีเขียวๆ ด้านซ้ายมือนั้นแหละครับที่นายอัตนั่งอยู่
.............................................................................................................
“มื้อเย็นเสร็จแล้วครับ  เชิญคุณชายทั้งหลายมาทานได้แล้วครับ”  ผมเดินไปตามสองคนนั้นในห้อง

“จัสตินนายนี่มันสุดยอดแห่งความทะลึ่งเลยนะ” นายอัตพูดไปหัวเราะไปอยู่ในห้อง

“ใครว่า!  นายเองก็ใช่ย่อยนะ ฮ่าๆๆ  ไปเหอะ  มีคนมาตามไปกินข้าวแล้ว”  ไอ้โหดพูดก่อนหันมาจ้องผมที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง  เมื่อกี้มันพูดเรื่องอะไรหรอครับ  ถึงได้มีคำว่าทะลึ่งหลุดออกมา

“วันนี้นายทำอะไรบ้างหละ  อืม....น่ากินดีนะ  แต่ไม่รู้ว่าจัสตินจะทานได้หรอเปล่าสิ ท่าทางจะรสจัดทั้งนั้นเลย”  นายอัตพูดหลังจากนั่งลงเรียบร้อยแล้ว  จริงๆ วันนี้ผมก็ทำไม่กี่อย่างมีผักผงกระหรี่  ยำไข่ดาว  แล้วก็แกงจืดไส้กรอกครับ

“นั้นสิ  ทำไมทำแต่ของเผ็ดๆ ละวันนี้” มันหันมาทำหน้ากวนตีนถามครับ

“ทุกวันก็เห็นนายกินได้นิ  ไม่เห็นจะว่าอะไร  ก็เห็นกินเอาๆ  พอมาวันนี้เกิดจะกินไม่ได้ขึ้นมามันก็เรื่องของนายเว้ย  ไม่เกี่ยวกับเรา”

“ไหงงั้น  นายนี้ไม่ไหวเลย  ชอบแกล้งเราจริง” มันพูดแล้วก็ส่ายหัวไปมาแต่ทำท่าจะตักผัดผงกระหรี่ก่อนเพื่อนเลยนะ  นั้นนะมันดูน่าจะเผ็ดสุดนะเว้ย  ถ้ากินเผ็ดไม่ได้ทำไมไม่ตักแกงจืดใสๆ นั้นเหล่าไอ้เวร  แมร่ง!!  กวนทีนชัดๆ

“วันหลังผมจะทำของจืดๆ ให้นายทานเอาไหมครับ  จัสติน  ลองดูไหม”

“นายทำกับข้าวเป็นด้วยหรออัต  ดีสิ  งั้นวันหลังนายก็มาทำกินด้วยกันนะ  เอาไหม?”  คราวนี้ไอ้โหดมันไม่หันมาถามความคิดเห็นผมเลยครับ  ชวนเขาเองเลย  ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำให้มันกิน  สู้เอาเวลาไปหาทางกินนายโมนิคขัวญใจผมไม่ดีกว่าเหรอ  แต่ไอ้สองคนตรงหน้านี้มันคุยกันแบบไม่สนใจเลยว่าผมนั่งหัวโด่อยู่ด้วยทั้งคน  มันน่า...นัก   :3125:

22.48 น.  ห้องนอน
   “นั้นจะนอนแล้วหรอ  วันนี้ไม่อ่านนิยายหรอ  แปลกแหะ”

   “อืม...ขี้เกียจ  ไม่มีอารมณ์  ง่วงด้วย”  ผมตอบส่งๆ ไปงั้นแหละครับ

   “นายว่าอัตเป็นคนอย่างไงอะ  แนค…..   แนค โว้ย”  มันเดินมาโวยวายข้างๆ เตียงเมื่อผมยังนอนเฉยไม่ตอบคำถามมัน

   “ก็....ไม่รู้สิ”  ผมลุกขึ้นมานั่งก่อนไหวไหล่ทำท่ากวนทีนกลับใส่มัน  “เราไม่ได้เป็นคุยกับเขานิ  นายควรจะถามต้อเองมากกว่านะเห็นคุยกันตั้งนานนิ”

   “มันก็ใช่...  เพียงแต่เราอยากรู้ว่านายคิดว่าอัตเป็นคนยังไง  มันจะเหมือนอย่างที่เราคิดไว้หรือเปล่า”

   “แล้วนายคิดว่าไงหละ”

   “ก็นิสัยคงดีพอใช้  น่าจะคบกันเป็นเพื่อนได้  หรืออาจจะมากกว่านั้น”  มันหมายความว่าไงหรือครับที่ว่ามากกว่านั้น

   “นั้นมันเรื่องของนาย  แต่ว่าเรารู้สึกไม่ค่อยชอบเขาเท่าไร   มัน...อึดอัดพิกลเวลาที่เขาจ้องมองมาที่เรา  มันแปลกๆ อะเราว่า”

   “นายไปคิดกับเค้าในทางลบมากเกินไปหรือเปล่า  คนประเทศเดียวกันแท้ๆ น่าจะเข้ากันได้ดีมากกว่าเรานะ”  ก็มันไม่คิดอยากจะเข้ากับฉันนี้โว้ย.....

   “ก็ไม่รู้เหมือนกัน  เขาดีกับนาย  นายก็ดีกับเขาสิ  ไม่เห็นจะยากต้องไหนเลย”

   มันนั่งหันหลังให้ผมลงหมิ่นๆ ตรงขอบเตียงด้านข้างๆ ผมก่อนถามว่า “แนคอยากให้เราไปสนิทกับนายอัตนั้นจริงๆ หรอ” 

   “ก็บอกแล้วไงว่ามันเรื่องของนาย  แล้วแต่นายสิ  เรายังไงก็ได้อยู่แล้ว  ดีเสียอีกนายจะได้มีเพื่อนคนไทยคนอื่นๆ บ้างนอกจากเรา  ไม่แน่เวลาต่อไปนายไปเมืองไทยอาจจะได้ไปพักบ้านอัตไง  จะได้ไม่ต้องเสียค่าโรงแรมให้เปลือง”  ผมก็พูดเป็นกลางๆ ไปครับ  ความจริงก็ไม่อยากให้มันไปสนิทกับหมอนั้นหรอก  ก็ผม.....ผมไม่ชอบสายตาของหมอนั้นนิ 

   “ทำไมนายถึงอยากให้เราไปสนิทกับคนอื่นๆ จริง  หรือว่านายรำคาญเรา  หือ?”

   “ไม่ได้รำคาญ  แต่ว่า.....”  ผมเองก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดดีเลยเงียบไปในที่สุด  มันก็นั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นสักพักแล้วลุกขึ้นจะเดินออกไปข้างนอก  “นั้นนายจะไปไหน  นี่มันดึกแล้วนะ”

   “ไม่รู้สิ  คงไปที่ไหนสักที่....ที่ที่มีคนอยากให้เราอยู่ด้วยนะ  ไม่เป็นไร  ไม่ต้องห่วงหรอก  เดี๋ยวเราก็กลับมา  เราไปไหนไกลๆ นายไม่ได้หรอก”  มันพูดหง่อยๆ ก่อนคว้าเสื้อแล้วเดินออกไปเลยครับ  มันเป็นอะไรของมันนะ…  :confuse:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 02:40:28
17 Mar. 2006
12.25 น.  ทางเดินบนชั้นสาม
   ผมกำลังเดินไปตามไอ้โหดให้มาทานของเที่ยงด้วยกันครับ  เมื่อคืนมันกลับมาตอนไหนผมก็ไม่รู้  ก็ผมหลับไปก่อนนี่ครับ  ใครจะไปรอไหว  รอจนเกือบตีสองแล้วยังไม่มาอีก  เลยนอนเลยดีกว่า  ตื่นมาอีกทีเห็นนอนหันหลังให้ผมอยู่แล้วครับ....  ส่วนเมื่อเช้าก็ไม่เจอกัน  ไม่รู้มันนึกขยันอะไรขึ้นมาเจือกออกมาจากบ้านก่อนผมตื่นเสียอีก  กล่องข้าวกลางวันก็ไม่หยิบมา  ลำบากผมที่ต้องเป็นคนถือมาให้มันอยู่นี้ไงครับ  ถึงแล้วครับห้อง C388 ของมัน  เอ๋!  ไม่มีคนอยู่ครับ  มันไปไหนของมันนะ  มันน่าโมโหจริงๆ เลย  คนเขาอุตส่าห์เดินขึ้นมาตามแล้วหายหัวไปไหนก็ไม่รู้  ไม่ยักกะอยู่รอ ไอ้นี่...อย่าให้เจอนะ

12.40 น.  โรงอาหารชั้นล่างตึกครับ
   “หวัดดีครับพี่เต่า  ผมนั่งทานด้วยคนนะ”  ผมเสนอหน้าไปหาพี่เต่าที่นั่งทานอยู่กับเพื่อนฝรั่งคนอื่นๆ

   “เอาสิจ๊ะ  นั่งเลยๆ  เออ!  เมื่อกี้พี่เห็นจัสตินเดินลงมากับอัตแล้วเธอไม่ได้ลงมาพร้อมกับพวกนั้นหรอ”  พี่เต่าหันมาทำหน้าเอ๋อเหรอถามผมที่กำลังแกะกระปุกมื้อเที่ยงอยู่  เลยต้องชะงักไปเล็กน้อย

   “อ้อ!  ไม่หรอกครับ  ผมไม่ได้มาพร้อมพวกนั้น  วันนี้ผมฉายเดี่ยวกับพี่”

   “หรอ?  แปลกจัง  เห็นทุกที่เธอไปไหนเห็นมีนายจัสตินตามติดตลอดเลยนิ”

   “โห! พี่ก็พูดซะ  ไม่หรอกครับ  หมอนั้นยังไม่มีพวกมากกว่า  นี่ผมก็เห็นว่าสนิทกับนายอัตแล้ว  ต่อไปเขาคงไปตัวติดกับนายอัตมากกว่า  ไม่เชื่อพี่คอยดูสิครับ” เป็นอย่างนั้นได้ก็ดีสิครับ  ผมจะได้หาทางไปแอ้มโมนิคได้สะดวกๆ อิอิ

   “ทะเลาะอะไรกันหรอเปล่า  เห็นตอนมาใหม่ๆ ซี้กันเหลือเกิน  พอตอนนี้มาแยกกันพี่เลยงงๆ  มีไรก็บอกพี่ได้นะ  เผื่อพี่จะช่วยได้”  พี่เต่ายังไม่วายซักอีก

   “เปล่าครับพี่  เปล่า  แค่โดนต่อยครั้งนั้นครั้งเดียวผมก็เข็ดไม่กล้าไปมีเรื่องกับมันอีกแล้วหละครับ  ไม่ไหวหมัดนักฉิบ...” ผมหยิบโรตีไส้ผัดผงกระหรี่ที่เหลือจากมื้อเย็นเมื่อวานเข้าปาก  “เราไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ ครับ  พอดีเมื่อวานผมไม่ได้มาทำงานแล้วออกไปเดินในตลาด  เจออัตนั่งจิบกาแฟอยู่แถวนั้น  เขาเลยบอกว่าเหงาๆ ไม่มีเพื่อนเลยขอตามพวกเราไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้าน  แล้วสองคนนั้นเลยสนิทกันครับ  ดีแล้วหละ  จัสตินมันจะได้มีเพื่อนคนอื่นๆ บ้าง”

   “หรอ?  งั้นก็แล้วไปพี่นึกว่าพวกเธอทะเลาะอะไรกันอีก  ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนะ  แต่ว่าอย่างนายอัตนั้นนะหรอเหงา  ที่นี่ก็มทนักเรียนไทยรุ่นเดียวกับเขามาเรียนอยู่หลายคนนะ  แต่ว่าเรียนอยู่ตึกอื่นแนคเลยอาจจะยังไม่เคยเห็น  พี่ก็เห็นเขาเฮไปไหนกันบ่อยๆ นิ  ไม่น่าจะเหงานะ อีกอย่างอัตก็มาเรียนที่นี่ตั้งหลายปีแล้ว  ก็น่าจะปรับตัวได้แล้วนะ  ไม่น่าจะเหงาได้นา”  พี่เต่าว่าไปก็ตักของในกล่องตรงหน้าตัวเองทานไป  แถมยังเด็ดผักสลัดในถุงที่เตรียมมาส่งเข้าปากตามไปด้วย

   “ผมก็ไม่ทราบสิครับพี่  เห็นเขาว่ามาตามนั้น ผมเลยชวนไปทานด้วยกัน  นี้ก็เห็นว่าจะมาทำอาหารไทยให้นายจัสตินนั้นทานอีกเลยครับพี่....เย็นนี้”  ผมตอบเมื่อพี่เต่าถามว่าเมื่อไหร่

   “แปลกนะ  ปกติเวลามีปาร์ตี้นักเรียนไทยที่บ้านพี่  ตาอัตเขาชอบเลี่ยงไม่เข้าครัวทุกทีเลยบอกว่าทำไม่อร่อย  ทำอะไรไม่เป็น  พี่เลยให้นั่งรออยู่ข้างนอกทุกที”

   “เขาคงเกรงใจพี่นะครับ  เลยไม่กล้าแสดงฝีมือ  แบบว่า...เก่งนะแต่ไม่แสดงออก...ไงครับ อิอิ”  ผมว่า

   “น่านสินะ  อีตานี่ชอบทำตัวแปลกๆ ให้ประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยสิ”  พี่เต่ายังบ่นไม่หยุด  แต่ผมก็ไม่กล้าจะผสมโรงนินทาไปมากนัก  เขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขาสิครับ  ผมจะอยู่ที่นี่ไม่นานเกินเดือนอยู่แล้ว  แล้วผมจะเดือดร้อนไปทำไม  จริงไหมครับ

17.05 น. ห้องทำงานผม
   “หวัดดีจ้า แนค ทำไรอยู่เอ่ย?”  เสียงพี่กุลทักทายดังมาก่อนเจ้าตัวเลยครับ

   “กำลังจะเก็บของกลับบ้านพอดีเลยครับพี่  พี่กุลลงมาถึงนี่เชียววันนี้  มีไรหรือเปล่าครับ”

   “พี่จะมาถามว่าพรุ่งนี้เรามีโปรแกรมจะไปไหนหรือเปล่า  พอดีมันจะมีตลาดนัดวันเสาร์ตรงหน้า Town Hall นะ ไปเดินดูของด้วยกันไหม มีของสดๆ พวกอาหารทะเล  ผักแล้วก็ผลไม้ราคาถูกเยอะเลย”

   “หรอครับพี่  ดีเลย  ผมก็ยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหน  กะว่าจะหาซื้อของสดเตรียมไว้เหมือนกันเพราะว่าเดี๋ยววันอาทิตย์ร้านปิดไม่มีอะไรกินกันพอดี”  พี่กุลทำหน้าเห็นด้วย  “แต่ว่าจะเจอกันที่ไหนยังไงดีครับพี่”

   “อืม......เจอที่หน้าร้านไอศกรีม Australian แถวๆ หน้า Town Hall นั้นแหละ ป้ายร้านมันจะเป็นสีส้มๆ หามายากหรอก  แล้วเจอกันสักบ่ายๆ นะ  เอาเป็นว่าบ่ายโมงครึ่งแล้วกัน  เพราะว่าพี่จะรอเพื่อนอีกคนด้วย  รูมเมทพี่เองหละชื่อ มิก  เขาจะมาด้วยนะ”

   “ครับพี่  เอาเป็นว่าเราไปเจอกันที่หน้าร้านนะครับ  ชื่อร้านไรนะครับ”  ผมถามย้ำอีกครั้งแต่พี่กุลลงทุนวาดแผนที่ให้เสียเลย กันผมหลงทาง

   “พี่ไปก่อนนะ  แล้วเจอกันจ๊ะ  บาย”

   “ครับพี่  แล้วเจอกัน”

   ...พี่กุลไปแล้ว  แล้วผมจะต้องเดินไปตามไอ้โหดกลับบ้านด้วยกันไหมครับ  หรือว่าไม่ต้องแต่ว่าถ้ามันเกิดรออยู่แล้วผมไม่ไปตามมันจะหาเรื่องชกผมอีกหรือเปล่านะ  แต่ว่าสองสามวันมานี้มาก็ทำตัวดีขึ้นมากแล้วนะครับ อย่างน้อยมันก็ไม่เรียกผมว่าไอ้เตี้ยแล้ว  แล้วผมจะทำไงดีครับ
................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 03:02:46
(http://i5.photobucket.com/albums/y180/Steveningen/Holland004.jpg)

เอารูปโบส์ถใจกลางเมืองมาฝากครับ

..................................................

ผมกำลังเดินอยู่บนทางเดินบนชั้นสามครับ  ตอนแรกกะว่าจะกลับเลยแต่ว่าพอเดินไปจนถึงประตูตึกอีกใจก็บอกให้มาตามมันดีกว่า  เพื่อความปลอดภัยครับ  แต่พอมาถึงก็ไม่เจอใครครับ ห้องล็อคแล้วด้วยแสดงว่าเจ้าของห้องกลับไปแล้ว  เห็นไหมครับ  คนอย่างมันหรอจะอยู่รอผม  ไม่มีทางหรอก นี่คงไปปร๋อไปถึงไหนๆ กับนายอัตแล้วก็เป็นได้  ผมนี้ไม่น่าโง่คิดว่ามันจะรอเลย  คิดแล้วก็เซ็งในใจอย่างแรง  รีบกลับบ้านไปอ่อยโมนิคดีกว่า  คุณว่าเขาจะคิดยังไงกับผมครับ  หนังหน้าอย่างผมพอจะมีสิทธิ์งาบฝรั่งหน้าตาดีได้หรือเปล่าครับ.....

   ถึงแหละ....เอ๋!!  กลิ่นใครทำกับข้าววะ  ว่าเสียก็เดินไปดูดีกว่าเผื่อจะเป็นขวัญใจผมเอง  อ๊ะ!!  ที่ไหนได้....เป็นไอ้สองตัวนั้นครับ  มันมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วนะ  แล้วทำไมต้องมาแย่งครัวผมใช้ด้วยนะ  ครัวบ้านแกก็มีไม่ใช่หรือไอ้อัต  ทำไมไม่ไปใช่ที่โน้นวะ!!  เจือกมาแย่งพื้นที่กรูอยู่ได้  แมร่ง!! เซ็งเลย  เข้าไปในห้องก่อนก็ได้โว้ย.....เอะ!  แต่ว่าขึ้นไปดูโมนิคดีกว่า  เขากลับมาหรือยังน้อ  จะได้ขอเช็คเมลล์ด้วย  ‘ขวัญใจครับ  ผมกำลังจะขึ้นไปหานะคร้าบบบบบบ’ ผมตะโกนบอกโมนิคในใจครับ  คุณคิดว่าไงครับถ้าผมจะตั้งชื่อไทยให้โมนิคว่า “ขวัญใจ”

   ‘ก๊อกๆๆ’
   “ใครครับ  เข้ามาสิ”  ว้าว!!!ๆๆๆๆ...... เขาอยู่ด้วยครับ  โชคดีจังเลยผมวันนี้  ขอบใจนะจ๊ะน้องอัตกระป๋องที่มาแย่งครัวพี่ใช้  ฮ่าๆๆ

   “เราเองนะ  จะมาขอใชเน็ตนะ”

   “อ้าว!  แนค เองหรอ  เข้ามาสิ  ได้เลย  ผมนะพร้อมให้ริการนายเสมอ  เข้ามาๆ”  โมนิคเรียกผมซ้ำอีก  เมื่อเห็นผมยังยืนอยู่หน้าห้อง  ทำไมจะไม่ให้ตะลึงไงไหวครับก็เขาเล่นใส่ กกน. ตัวเดียวอีกแล้ว  วันนี้ใส่ทรงบิกินีโคนขาเว้าสูงเสียด้วย  อะไรๆ มันเลยทำท่าจะแล้บออกมานะครับ

   “ฮ่าๆ เป็นไรยืนเฉยเลย  ไม่เข้ามาหรอ”  โมนิคถามอีกรอบครับ  ตอนเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพันกายท่อนล่างเอาไว้  มันไม่หนาวกันเยหรือไงครับพวกฝรั่งเนี้ย

   “ขะ....เข้าสิ  พอดีเรากำลังคิดอะไรเพลินไปหน่อยนะ”

   “คิดเรื่องอะไรหรอ  เกี่ยวกับผมหรือเปล่า  ถ้าเกี่ยว...นายบอกได้ไหมว่าคิดเรื่องอะไร”  โมนิคถามตอนโน้มตัวเอามือยันโต๊ะข้างหนึ่ง  ส่วนข้างที่วางเอื้อมมาคลิกเท้าท์เข้าเน็ตให้ผม ผมหละหวิวเลยครับ  ก็ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าคอมพ์  พอนายนั้นโน้นมามันก็เฉียดๆ หน้าผมไปอะสิครับ  ขนแขนสแตนท์อัพเลยครับ

   “เปล่าๆ เราคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนะ  ไม่ได้เจาะจงเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรอ”  คุณว่าเขาจะเชื่อผมไม่ครับ  ก็อาการผมมันฟ้องซะขนาดนี้

   “หรอ?  ว้า!!  เสียดายจัง  นึกว่านายคิดถึงผม”  แล้วก็เดินไปกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง  ความจริงผมนะอยากหันไปจะตาย  แต่ว่าไม่กล้าครับ  หนังหน้าเหี่ยวๆ ของผมมันเกิดหนาไม่พอขึ้นมาซะงั้น  แย่จริง!!....
................................................................................

“เอ่อ!  เสร็จแล้วขอบใจนายมากเลยนะ”  ผมหันไปหาคนที่ตอนนี้นอนแผ่จนอะไรๆ มันกำลังจะแพมออกมาแล้วครับ  เดี๋ยวก็ปล้ำเสียเลยวุ้ย  อ่อยจริงๆ เลยเว้ย...ผับผ่า

“หรอ?  อืม....  ปิดคอมพ์ไปเลยก็ได้นะ  เออ!  ว่าแต่วันนี้จัสตินพาใครมานะ  คนไทยเหมือนนายหรือเปล่า” 

“อืม....  คนรู้จักกันที่ทำงานนะ”

“เหรอ?   แล้วนายไม่ลงไปคุยกับพวกเขาหรอ  หนีขึ้นมายังนี้เขาไม่นึกว่านายโกรธหรือรังเกียจหรือไง”

“ใครจะไปนึกอย่างไงก็ช่าง  ไม่สนเสียอย่าง  แล้วนายทานมื้อเย็นหรือยังหละ”

“ยัง!....  ผมกำลังว่าจะออกไปหาไรทาน  พอดีนายก็เข้ามาเสียก่อน”

“หรอ?  ขอโทษด้วยนะ  แล้วทำไมไม่บอก  เราจะได้ไม่รบกวน”

“ไม่หรอก  สำหรับนายนะไม่รบกวนหรอก  เรานะเต็มใจเสมอ  มากกว่านี้ยังได้” อ๊ะๆ  ผมว่าขวัญใจผมมันต้องกำลังเคลมผมอยู่แน่ๆ เลยครับ  ผมควรเล่นตัวแต่พองามหรือว่ากระโจนเข้าใส่ดีครับ

“งั้นลงไปทำอะไรทานกันในครัวดีไหม  นายอยากทานอะไรละ  เดี๋ยวผมทำให้  หรือว่านายจะทำอาหารบ้านเมืองนายให้ผมชิมอีกก็ได้นะ  อยากกินนะ”

“นายจะเอาอย่างนั้นหรอ  ไม่รู้ว่าสองคนนั้นยังอยู่ในครัวหรือเปล่า?”

“ทำไม?  จะอยู่หรือไม่ก็ช่าง ไม่ใช่ครัวเขาคนเดียวเมื่อไหร่  พวกเราเองก็มีสิทธิใช้ครัวนั้นเหมือนกันนะ”

“ถ้าแนคว่าอย่างนั้นก็.... โอเค  งั้น!...ขอเวลาผมแป๊บ” แล้วโมนิคก็สลัดผ้าขนหนูผืนจ้อยนั้นทิ้งอย่าไม่ใยดี  ลุกขึ้นเดินไปคว้านหาเสื้อผ้าในตู้มาสวมลวกๆ ก่อนบอก  “ปะ!  ผมพร้อมแล้วครับ”  แล้วก็ยิ้มหล่อใส่ผม  เฮ้อ!.....  หัวใจจะละลาย
................................................................................

“ไงจัสติน?  พวกนายทานอะไรเป็นมื้อเย็นหรอวันนี้”  โมนิคทักก่อนใครเพื่อนเมื่อเดินเข้าไปในครัว  ผมต้องเจอสายตาสองคู่ที่มองมา  คู่แรกมันออกจะโหดๆ อยู่สักหน่อยครับคงเดากันได้ว่าของใคร  ส่วนอีกคู่ก็ประมาณว่าเข้ามาขัดจังหวะทำไมอะไรทำนองนี้ครับ  คู่หลังนี้ของนายอัต ครับ

“ก็ไม่มีไรมากหรอก  พอดีเพื่อนผมเค้าอยากแสดงฝีมือนิดหน่อยนะ  เออ!  โมนิคนี่อัตเพื่อนผม  อัต...นี่โมนิคเพื่อนที่พักอยู่ห้องข้างบน  เขาก็มาเรียนที่นี่เหมือนกันนะ”

“หรอครับ?  ยินดีที่ได้รู้จักครับ”  อัตยื่นมือมาทักทายกับขวัญใจผม

“เช่นกันครับ....  พอดีผมหิวนะเลยจะให้แนคมาทำอะไรให้ทานเสียหน่อยนะ  พวกนายคงไม่หาว่าเป็นการรบกวนนะ” 

“ไม่หรอก  ครัวนี้ก็ครัวนายเหมือนกันนิ”  ไอ้โหดมันว่าครับ  แต่ว่าทำไมมันจ้องยังกับว่าจะหักคอผมอย่างนั้นอะครับ

“พวกนายนั่งคุยกันไปก่อนนะ  ผมขอเวลาแป๊บนึง”  ผมว่าพลางลงมือควานหาของสดในตู้เย็น  จะทำอะไรดีนะ  ผมนึกไม่ออกจริงๆ  เอาเป็นว่าผัดผัก(เมนูสิ้นคิด)กับต้มยำแล้วกันนะ

ผมปล่อยให้พวกนั้นสามคนนั่งคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กันไป  ผมก็หั่นผักต้มแกงของผมไปตามเรื่อง  กำลังจะเสร็จแล้วครับ  รอข้าวในหม้อแห้งน้ำลงอีกหน่อย  อยู่ๆ นายอัตมันก็ถามขึ้นมาว่า “ท่าทางคุณจะสนิทกับแนคมากเลยนะโมนิค”  เสียงนายอัตนั้นถามครับ  มันจะถามหาพระแสงดาบอะไรของมันนะ

“ก็คงพอๆ กับที่นายสนิทกับจัสตินนั้นแหละครับ”  แหม่!   หวานใจผมตอบได้สาแก่ใจมาก  เอาไปเลย...สิบคะแนน ครับ

“แต่ผมไม่ยักรู้ว่านายสนิทกันมากขนาดนั้น”  คราวนี้เสียงไอ้โหดครับ

“หรอ?  ผมก็กำลังพยายามจะให้สนิทกันมากกว่านี้อยู่เหมือนกันครับ  ถ้าแนคเขาไม่ว่าอะไรนะ”  โมนิคหันมายิ้มให้ผมครับ  แล้วทำไมต้องลากตูเข้าไปเกี่ยวด้วยนะ

“งั้นก็ดีสิ  สนิทกันให้มากๆ อบอุ่นดี”  ไอ้โหดมันหมายความว่าไงหรอครับที่ว่า ‘อบอุ่นดี’ นะ

“เอ่อ....พวกนายจะทานด้วยกันอีกไหมเราทำเผื่อด้วยแล้วนะ”  ผมถามสองคนโน้นตอนยกหม้อข้าวลงจากเตากำลังจะตกใส่จานแล้วยื่นให้โมนิค  แต่ความจริงผมไม่ได้ทำเผื่อหรอกครับ  ถามไปอย่างนั้นแหละ

“ดีสิ  ขอบใจที่ชวนนะ” เสียงมันตอบรับมาครับ  แป่ว!!! จานข้าวในมือกรูแทบร่วง  นี่ใจคอมรึงยังจะหน้าด้านนั่งอยู่ต่ออีกหรือไงวะ  “ล้อเล่นนา  ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นก็ได้นะแนค…  ไปหละ  ผมไม่อยู่รบกวนแล้วนะ  ตามสบาย” ประโยคหลังนี้มันหันไปพูดกับขวัญใจผมครับ  ผมแทบทำจานข้าวในมือร่วงรอบสอง 

สองคนนั้นเดินตามหลังกันออกไปแล้วครับ  ผมได้ยินเสียงปิดประตูบ้านดังโครมเบ้อเริ้มจากหน้าบ้าน  ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าใครเป็นคนปิดมัน

“ท่าทางนายอัตจะสนิทกับจัสตินมากเลยนะ”  ไอ้คำที่ว่า ‘สนิท’ ของโมนิคนี่ผมว่ามันต้องมีความหมายมากกว่านั้นแน่ๆ เลยครับ  เพราะว่าเห็นเขาทำสีหน้ามีเลศนัยพิกล

“ไม่รู้สิ!?  แต่ก็คงจะสนิทอยู่หรอกเพราะเห็นจัสตินเขาไปใช่คอมพ์ในห้องทำงานอัตอยู่บ่อยๆ” ผมกำลังละเลียดซดต้มยำในถ้วยตรงหน้าครับ  นี่ถ้าหากว่าได้ตะไคร้เพิ่มอีกนิดคงหอมกว่านี่แน่เลย

“ห้องทำงานพวกนายไม่มีคอมพ์ใช้หรอไง”

“อืม....  เพิ่งมาถึงก็เลยยังไม่เข้าที่เข้าทางนะ  คิดว่าสัปดาห์หน้าคงจะเรียบร้อย” 

“งั้นนายก็ขึ้นไปใช้เครื่องผมได้เลยนะ  ไม่ต้องเกรงใจ”  โห! ใจดีจริงๆ เลยครับ  ว่าแต่ว่าผมจะขอใช้เจ้าของเครื่องด้วยนี่...มันจะได้ไหมนะ

(http://i88.photobucket.com/albums/k167/bverhagen/Leiden/IMG_5660.jpg)

ตบท้ายด้วยมุมสวยๆ อีกสักรูปนะ  แบบว่าอยากอวด  :-[
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 03:14:16

23.46 น.  ห้องนอนผมเองครับ
   ไอ้โหดมันเพิ่งกลับเข้ามมาเมื่อกี้นี้เองครับ  แต่ตอนนี้มันไปนอนแมะอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว  ส่วนผม....ขอนั่งเขียนไรเล่นๆ ไปสักพักก็กะว่าจะนอนแล้วเหมือนกันครับ  แต่ว่าเซ็งจังเลยครับคืนวันศุกร์ทั้งทีต้องมานั่งจ๋อมอยู่หน้าคอมพ์บนโต๊ะทำงานแบบนี้  หากเป็นกรุงเทพฯนะครับ  ผมคงไปแสดงอภินิหารอยู่กับก๊วนเพื่อนๆ อยู่ที่ผับไหนสักแห่งหนึ่งแล้วหละครับ  ให้นั่งเหงาอย่างนี้เหรอ  ไม่มีทางไมใช่ผมแน่ๆ

18 Mar. 2006
13.30 น. ร้านไอศกรีม Australian หน้าตลาดนัด
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/bverhagen/Leiden/IMG_5666.jpg)

   “นายจะเอารสอะไร  หืม?”  ผมถามไอ้โหดที่นั่งหน้าหงิกอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามครับ

   “เหมือนนายนั้นแหละ”  หน้ามันยังหงิกไม่เลิกอีก  หงิกมาตั้งแต่ตื่นแล้วครับ  เมื่อวานก็กลับมาดึก (เอ๊ะ! ผมบอกไปแล้วหรือยังนะ)  พอเช้าขึ้นมาก็มาเที่ยวซักไซ้ว่าวันนี้จะไปไหนกับใครเมื่อไหร่ยังไง ผมหละกลุ่มใจจริง  มันจะตามติดตูดกรูไปถึงไหนนะ  แล้วอย่างนี้จะมีเวลาไปล่อเสือล่อตะเข้ได้ที่ไหน  มันมาด้วยก็ต้องทำแมนไม่สนใจหนุ่มดัชท์ทั้งหลายที่น่ากินเสียเหลือเกิน ก็กลัวมันจะรู้นะครับว่าผมเป็นเกย์ 

แต่ว่าความจริงมันก็น่าจะรู้แล้วนะแต่ไม่เห็นมันพูดหรือว่ากระไรเลยอะครับ  เพื่อนผมมันยังว่า...’สำหรับแกนะ  ฉันรู้ว่าเป็นเกย์ตั้งแต่ห้าร้อยเมตรโน้นแล้ว’…  ก็ผมไม่รู้จะปิดบังกันไปทำไมครับ  ปิดไปก็เหนื่อยเปล่าๆ  บางทีพยายามปิดก็ปิดไม่มิดอีกเวลาอารมณ์หื่นมันขึ้นหน้า  ทำให้ต้องมานั่งสงสัยคอยจับผิดจับสังเกตให้อึดอัดใจกันอีก  สู้บอกไปเลยตั้งแต่ตอนเริ่มรู้จักกันดีกว่ามันจะได้เลิกสนใจและไม่คอยมาจับผิด  ไอ้คนไหนที่มันรังเกียจเราก็จะได้รู้และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับมันให้รำคาญใจกันทั้งสองฝ่าย  ถือว่าต่างคนต่างอยู่กันซะ 

ผมเองก็ไม่ได้แสดงออกจนคนหมั่นไส้หรือว่าน่ารังเกียจ  ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ก็เป็นอยู่แต่ตัวผมไม่ไปเกะกะระรานรังควาญใครให้เขาวุ่นวาย  เพื่อนผม (อีกแหละ!! แต่ว่าเป็นเพื่อนคนอื่นครับไม่ใช่คนเดียวกับประโยคเมื่อกี้) มันบอกว่าแบบที่พวกเราเป็นนี่เขาเรียกว่า “กุลเกย์” คือเป็นเกย์ที่เงียบๆ นิ่งๆ ไม่ได้ไปวี้ดว้ายกระตู้วู้ให้บาดหูบาดตาใคร  กริยามารยาทเรียบร้อยไม่แรด (แม้ว่ามันจะแรดเงียบๆ หรือแรดอยู่ภายในหนังหน้าที่ทำว่าเรียบร้อยตบตาผู้คนไปวันๆ อย่างนี้ก็เถอะครับ)

คนเรานี่ก็แปลกนะครับว่าไหม?  อะไรที่มันวับๆ แวมๆ แล้วหละก็ ชอบสอดรู้สอดเห็น เฮ้ย! ชอบสอดส่องให้ความสนใจกันจัง แต่พออะไรที่มันแจ่มแจ้งโล่งเหียนเตียนสว่างทางสะดวกแล้วมันจะสนใจพอเป็นพิธีสักพักมันก็เลิกพูดกันไปเองหละครับ  ผมเลยเลือกที่จะเป็นสว่างจิตดีกว่า  สบายใจทั้งตัวเองและคนที่มารู้จัก  จะได้วางตัวต่อกันถูกไม่ต้องมามัวนั่งเหนียมกันให้เสียเวลา  ชีวิตคนเรามันก็ยุ่งยากพอแล้วอะไรที่มันทำให้ง่ายๆ ได้  ผมก็เลยไม่ค่อยจะเรื่องมาก  อาจรวมทั้งเรื่องใจง่ายด้วยมั่งครับ  เลยต้องมานั่งชีช้ำอยู่ตั้งหลายรอบแบบนี้ไง

“เอารสมะม่วงกับรสลูกแพร์อย่างละก้อน  สองถ้วยครับ.....ทานที่นี่ครับ  เอ่อ!  ขอโกโก้ร้อนอย่างในภาพข้างหลังคุณนั้นด้วยแก้วหนึ่งครับ.....  ครับแบบนั้นแหละ  แต่ว่าไม่ต้องโรยไอ้แท่งน้ำตาลสีๆ นั้นนะครับ....  ครับขอบคุณครับ”  หรือว่าจะสองดีนะ?  เดี๋ยวมันหาว่าผมไม่สั่งให้มันอีกแล้วหน้ามันจะหงิกกว่านี้เข้าไปอีก  “จัสติน  นายจะเอาเครื่องดื่มอะไรไหม” ผมถาม

“ไม่อะ เอาไอติมอย่างเดียวพอ  ขอบใจนะ”

แล้วไอศกรีมสองถ้วยพร้อมโกโก้ร้อนของผมก็ถูกนำมาวางตรงหน้า  ผมจัดการฟาดในส่วนของตัวเองไปแล้วเรียบร้อย  ก็อร่อยดีครับ  ได้รสชาติของมะม่วงกับลูกแพร์ดี  แต่ว่าอร่อยสู้ร้านในห้างที่ตรง Potsdamer plazt ในเบอร์ลินไม่ได้  ที่นั้นนะครับ  โห! อร่อยอย่างแรงๆ เลยนิ  แบบว่าคนต่อแถวยาวมาก  ผมยังอุตสาหะไปต่อมาจนได้กินเลยครับติดใจจนต้องไปต่อรอบสอง  ไอ้โอ้เพื่อนผมมันเลยต้องส่ายหน้าระอากลับความคลั่งไคล้ไอศกรีมแบบไม่เข้ากับหนังหน้าของผมไปหลายระดับ

“เอาของเราไปอีกไหม” หา?! เสียงใครครับ... ออ...เสียงไอ้โหดเองเหรอ  ไม่อยากจะเชื่อเลยอะว่ามันจะใจดียอมยกไอศกรีมของมันให้ผม อิอิ  พระเจ้าจอร์ชมันยอดมาก

“แฮ่ะๆ ขอบใจนะ” มันตักของมันมาให้ผมเสียเยอะเลย  ความจริงมันกินไปนิดเดียวเองสงสัยไม่ชอบของหวาน  แต่ทำไมมันดุจัง?

“แต่นายจะเช็ดปากก่อนดีไหม  มันเลอะเทอะหมดแล้ว”  หืม!?  เลอะตรงไหนเรอะ  ตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า  เอ๋!!  สังสัยจะติดคราบวิปปิ้งครีมในโกโก้ร้อนเมื่อกี่แห๋งๆ เลย  หยุดกินเพื่อเช็ดปากแป๊บก็ได้  และแล้วไอศกรีมที่รับช่วงต่อมาก็หมดลงไปอีกแล้วครับ  บรือส์...เล่นเอาหนาวไปเหมือนกันนะ

“นั้น!!  พวกพี่กุลมาพอดีเลย  มากับใครมั่งหว่า?” มันหันไปมองตามสายตาผมที่จ้องพวกพี่กุลที่กำลังเดินเข้ามา  เธอยังคงรักษาคอนเซปท์เดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่นด้วยการสวมโอเวอร์โค้ชยาวสีแดงเลือดนก  เห็นเด่น มากกกกกกกส์ ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันไปมาพลุกพล่านในตลาดนัดวันเสาร์อย่างนี้

“ไงจ๊ะ?  มากันนานยัง  พอดีพี่มาเดินดูของรอบนึงแล้วละ  เออ...นี่แนครูมเมทพี่เองชื่อมิก  เป็นลูกเจ้าของร้านอาหารไทยที่นี่เองแหละ  ว่างๆ เธอจะไปอุดหนุนบ้างก็ได้นะเวลาเบื่ออาหารฝีมือตัวเอง  มิก.....นี่แนคกับจัสตินที่พี่บอกเราไว้ไง”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ว่างๆ ก็เชิญที่ร้านนะครับ  เดี๋ยวจะลดให้เป็นพิเศษเลย”  คุณน้อง      มิกคนดีเริ่มรายการโฆษณาร้านตัวเองก่อนเลยครับ  แต่ว่าดูท่าทางมิกนี่คงเป็นน้องสาวผมครับ  ผมว่าผมดูไม่ผิดแน่

“ได้เลยครับ  ว่างๆ จะแวะไปนะ  พอดีเริ่มเบื่อๆ ฝีมืออาหารของคนบางคนแล้วหละ ฮ่าๆ”  คราวนี้เสียงไอ้โหดครับ  พูดไม่พูดเปล่าดันชายหางตามาทางผมด้วยด้วย  ไอ้บ้านี่...เนรคุณกันชัดๆ  แล้วใครใช้ให้แกกินฝีมือฉันวะ
เราสี่คนก็พากันเดินออกมาจากร้านเพื่อเผชิญโลกกว้าง  ผมเดินตีคู่ไปกับน้องมิก(ว่าที่น้องสาวคนใหม่) น้องมิกก็ช่างรู้ใจพาเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้  แต่ก็ไม่วายแอบไปจิจ๊ะกับไอ้โหดอยู่บ่อยๆ  จนสุดท้ายผมเลยไปเดินกะพี่กุลแทน  แต่แล้วคุณน้องคนสวยก็ตามมาสมทบพร้อมไอ้โหด  ก่อนก็พาผมฉีกออกมาเดินคู่กันอีกรอบ

“พี่แนคเย็นนี่ผมจะพาไปตระเวนฟ้าราตรีเมืองไลเด้นเอามะ?  สนไหมพี่? แดนซ์อะ แดนซ์ๆ  ผมไม่มีเพื่อนเต้นมานานแล้วอพี่  พี่ชอบเต้นไหมอ่ะ  ผมชวนพี่กุลไปทีไร  แกก็ชอบไปนั่งทำหน้าเบื่อโลกทุกที”

“พี่เต้นไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่หรอก  แต่ก็พอได้นะ  ดีเลยพี่ก้อยากไปอยู่เหมือนกัน  แล้วมันเป็นที่แบบเฉพาะหรือเปล่า” ประโยคหลังนี้ผมลดเสียงลดแอบกระซิบ

“มันรวมๆ กันน่ะพี่...   ไม่ใช่อย่างนั้นพี่แนค....อย่าเพิ่งทำหน้าเซ็งสิ  มันแค่รวมกับเลสเบี้ยนด้วยเฉยๆ” มิกรีบตอบพอเห็นผมทำหน้าเบื่อโลก  เออ...ถ้าอย่างนี้ก็ค่อยพอทำเนาหน่อย  ถ้าเป็น ’เธคสหฯ’ ผมว่ามันจะไม่สนุก  ต้องไปยืนเต้นตัวลีบกลัวมือไม้มันจะไปโดนพวกอันธพาลเข้า  เดี๋ยวมันต่อยเอานะครับ

“แล้วเราจะไปกันกี่โมงดีน้อง”  สายตาหื่นของผมมันคงออกอาการมากไปหน่อย  น้องมันเลยว่า

“ก็คนจะเยอะหลังเที่ยงคืนน่ะพี่ เอาไว้ใกล้ๆ เที่ยงคืนผมค่อยเดินออกมารับพี่ที่หน้าบ้านพักดีกว่า”

“เออๆ  ตกลงเอาตามนี้นะ  แล้วคนที่นี่เขาแต่งตัวกันไงวะ? มิก” กลัวมันจะเป็นแบบต้องชุดหนังหรืออะไรอย่างนี้ไงครับ  จะได้หามาเตรียมเอาไว้  ผมยังไม่อยากเป็นตัวเปิ้นที่เมืองนอกตอนนี้ เรื่องอื่นๆ นี้ไม่ว่าแต่ถ้าเสื้อผ้าหน้าผมมันต้องลงทุนกันหน่อยใช่ไหมครับ  ยอมไม่ได้จริงๆ เรื่องแบบนี้  ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

“ก็ธรรมดานะพี่  พี่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์มาก็พอ  แต่ว่าไม่ต้องเอาตัวแพงๆ มานะ  เดี๋ยวมันจะเหม็นบุหรี่เสียเปล่าๆ”  พี่ก็ไม่มีหรอกครับน้องเสื้อราคาแพงอย่างที่น้องว่า…  “แล้วพี่จะชวนจัสตินเขาด้วยไหมอะ?”  มิกถามต่อ

“ไม่เอาหรอก  เอามันไปด้วยก็หมดสนุกกันพอดี  เราไปสนุกแต่ของเราดีกว่า  อีกอย่างพี่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเกย์หรือเปล่า  ไม่อยากเสี่ยงชวนไป  เขายิ่งว่าๆ กันอยู่ว่าพวกเยอรมันยิ่งรังเกียจเกย์ชนิดรุนแรงอยู่ด้วย”

“เหรอ?......” มิกลากเสียงยาวเชียวครับ “แต่ผมว่ามันทะแม่งๆ อยู่นะ  ผมว่าน่าจะมีลุ้นนะพี่”

“อุ้ย!  ไม่ไหวว่ะน้อง  พี่ไม่กล้าลุ้นด้วยหรอก  เชิญแกไปลุ้นกันเอาเองเถอะ  แล้วถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาอย่ามาหาว่าพี่ไม่เตือนนะ”

“แต่มันน่าสนนะพี่  หล่อจะตายไป  ถ้าเกิดใช่นะ  โห! คุ้มสุดๆ เลยอ้า  ฮ่าๆ” ไอ้น้องมิกมันหัวเราะร่าน เฮ้ย! ร่วนเชียวครับ  แต่ว่าไอ้โหดนี้มันหล่อตรงไหน  ขนาดผมที่ว่าชอบแบบเถื่อนๆ ดิบๆ แล้วนะ  ยังเข็นไม่ขึ้นเลย  เลยบอกน้องมันไปว่า...

“เอาเหอะน้องพี่ขอบายวะงานนี้”  ไม่กล้าจริงๆ ครับ  กลัวมันต่อยเอา  :monkeycry2:
................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 03:24:56
(http://i19.photobucket.com/albums/b172/daveAZBC/Corvairs%20in%20Holland/6%20-%20Tuesday%20-%20Leiden%20to%20Delft/76townhall.jpg)

this picture show about Leiden town hall  :yeb:
...............................................................................

ผมเดินผ่านแผงขายปลาสดๆ จากทะเลแถวนี้ด้วยครับ  ว่าแล้วก็อย่ารอช้าเร่เข้าไปหาอะไรไปตุนไว้ในตู้เย็นดีกว่า  ตั้งแต่มานี้ยังไม่ได้สัมผัสอาหารทะเลเลยครับ  คิดถึ๊ง....คิดถึงเหลือเกิน  อยู่บ้านเรา....อยากจะกินเมื่อไหร่ก็ได้แต่ว่าที่นี่มันแพงแสนแพงครับ  คนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผมหาทานได้ลำบากครับ  แต่ว่าสำหรับที่ประเทศนี้ราคามันย่อมเยาลงมาหน่อย  เอาวะ!! แพงเป็นแพง...ช่างพระเศียรมัน  ก็มันอยากกินจนอะไรต่อมิอะไรไหลแล้วอ่ะครับ

“นายจะซื้อปลาหรอ?”  ผมสะดุ้ง! ก่อนหันไปทำหน้าดุใส่เจ้าของเสียง  ก็มันดันมาพูดซะข้างหูขนาดนั้นใครจะขวัญผวากันบ้างหละครับ

“เออดิ!!  ไม่ซื้อแล้วจะมายืนหาหอกอะไรหละ”  :untrust:

“เอาปลาอะไรหละ  เราไม่ค่อยรู้จักเสียด้วยสิ”  แล้วใครจะขอความช่วยเหลือจากมันกันครับ  ผมกำลังยืนเล็งราคาบนป้ายที่เขาเสียบไว้ในกะบะปลาบนแผงอยู่ดีๆ มันนั้นแหละเจือกแถเขามาเอง  แต่จะความไปความจริงคนเยอรมันก็ไม่ค่อยคุ้นกับอาหารทะเลมากนักหรอก แบบว่าไม่มีทางออกทะเลก็อย่างนี้แหะ  เอ!!  หรือว่ามีหว่า  แต่ว่าอาหารทะเลในเบอร์ลินแพงสะบัดเลยครับ  เรียกได้ว่าแพงมหาแพง  แพงโคตรๆ เลย  ผมเลยไม่มีปัญญาเสาะหามากินไงครับ

“ไม่รู้ดูราคาก่อน  อันไหนถูกเอาอันนั้นแหละ” 

อึ๊ยส์....อันที่ราคาถูกหร่อยมันเป็นปลาตาเดียวอ่ะสิครับ  ผมไม่กล้าเอาไปทำกิน  มันน่ากลัวอะครับหนังมันเป็นยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูกครับ  เอาเป็นว่าน่ากลัวในสายตาผมแล้วกัน  ทางที่ดีเลือกเอาไอ้ที่เราคุ้นเคยดีกว่าก็ได้แก่  ปลาแซลมอนกับปลาซาบะนั้นไงครับ  เอาสองตัวนี้แหละดีแล้ว  ว่าแล้วก็ชี้ๆ แล้วพยักหน้าหยึกๆ เวลาเจ้าของร้านถามมา  ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรนี่ครับ  พี่แกเล่นถามมาเป็นภาษาดัชท์  ผมได้แต่ทำหน้างงๆ แล้วพยักหน้าไปเรื่อยจนพี่แกบอกเป็นราคามานั้นแหละครับถึงจะได้รู้เรื่องกัน

“นายจะเอาไปทำอะไรนะ”  ไอ้โหดมันตามาถามอีกตอนผมแถเข้าไปเลือกขิง  พริก  มะนาวที่ร้านขายผัก

“ไม่รู้  หยิบๆ ไปก่อน  แล้วค่อยโทรไปถามแม่เอาว่าทำไรกินได้บ้าง”

“แม่นาย?  ที่เมืองไทยนั้นหรอ  แม่นายทำอาหารเก่งหรอ? ไม่เห็นบอกกันมาก่อนเลย”

“แล้วทำไมฉันต้องบอกแกด้วยวะ”  จริงไหมครับ?  ทำไมผมจะต้องบอกมันด้วยว่าแม่ผมทำอะไรที่ไหน  ที่มันยังไม่บอกเลย

“ก็...แค่อยากรู้นะ” 

...มันนี่ก็แปลกคนเที่ยวอยากรู้เรื่องชาวบ้านเขาไปทั่ว (หรือว่าไม่แปลกครับ) แล้วก็อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ   เมื่อวานผมยังเห็นมันทำหน้าหงิกๆ อยู่เลยครับตอนกลับมาจากข้างนอก  ถามไรก็ไม่ตอบ  พอวันนี้ผมเตรียมตัวจะออกมาหาพวกพี่กุลก็มาทำถามโน้นถามนี่  ก่อนอ้อมแอ้มบอกว่าจะขอติดมาด้วยจะได้หรือเปล่า  ไอ้ผมก็เซ็งเลยกำลังกะว่าจะไปอ่อยหนุ่มเสียหน่อย   ถ้าให้มันตามมาด้วยก็ต้องเก็บอาการทำให้เหล่หนุ่มไม่ได้ดั่งใจอีก  แต่ถ้าจะไม่ให้มาก็สงสาร....ก็มันทำหน้าเศร้าซะขนาดนั้นนี่ครับ  เป็นใครก็ต้องใจอ่อน 

พอผมบอกว่า’เออ  ก็ไปสิ’ เท่านั้นแหละครับ  วิญญาณไอ้โหดคนเดิมเข้าสิงทันที  มันสั่งให้ผมไปหาอะไรร้อนๆ มันให้มันดื่มก่อนออกไปอะครับ  ดูมันสิครับน่าถีบให้คว่ำแค่ไหน  ทีเมื่อกี้ยังนั่งทำหน้าสลดเป็นปลาแดดเดียวอยู่แม่บๆ เผลอหน่อยเดียวมาจิกหัวใช้งานผมอีกแล้ว  พอจะออกมาผมจะแวะขึ้นไปชวนโมนิคให้ไปด้วยกัน  ก็หน้าหงิกไม่ยอมให้ขึ้นไปแล้วลากให้ผมออกมากับมันแค่สองคน  แล้วมานั่งหน้าหงิกอยู่ที่ร้านไอติมเมื่อบ่ายนั้นไงครับ

“แนค จะเดินดูอะไรอีกไหม”  เสียงพี่กุลทักขึ้นด้านหน้า

“ไม่แล้วหละครับ  ได้เสื้อที่จะใส่คืนนี้แล้วก็ปลากับของที่อยากได้เรียบร้อยแล้วครับ  พี่กุลหละครับ”

“ไม่มีไรแล้วเหมือนกัน แต่ว่าเธอลองกินปลานี่หรือยัง”  พี่กุลชี้ไปที่ปลายาวๆ ที่เขาแล่วางเอาไว้ในกะบะน้ำแข็งบนแผงปลา

“ยัง  ทำไมหรอพี่  อร่อยหรอ”

“เปล่าหรอก แต่คนที่นี่เขาชอบมาก  เห็นว่าเป็นอาหารประจำชาติอย่างหนึ่งของเค้าเลยนะ  จะเอาแบบทอดก่อนก็ได้นะ”

“ไม่ไหวอะพี่  อย่าเลยพี่แนค กินแล้วเหม็นปาก  จูบกันไม่ลงพอดี” ไอ้มิกส่งเสียงขึ้น  เรียกเสียงหัวเราะเหอะๆ ได้จากคอไอ้โหดครับ 

“งั้นเราแยกย้ายกันตรงนี้เลยแล้วกัน  แนคจะได้กลับไปพักผ่อน  เห็นว่าคืนนี้มีนัดกับมิกเขาไม่ใช่เหรอ

“เหอๆ” ผมได้แต่หัวเราะเก้อๆ เมื่อเจอสายตารู้ทันของพี่กุล  ก่อนต้องหุบปากฉับเมื่อเจอสายตาคำถามจากไอ้โหด คือพวกผมพูดไทยกันนะครับมันเลยไม่รู้เรื่องว่าเราคุยอะไรกัน  “ไม่มีไรหรอกนา ไป!!  กลับกันเถอะ”  ผมรีบชิงเดินกลับก่อนที่มันจะอ้าปากถามให้ผมต้องมุสามันอีกรอบ
................................................................................

หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 03:28:09

(http://i19.photobucket.com/albums/b172/daveAZBC/Corvairs%20in%20Holland/6%20-%20Tuesday%20-%20Leiden%20to%20Delft/14bridge.jpg)

รูปนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเพียงแต่อยากให้ดูเวลาเขายกสะพานข้ามคลองขึ้นเวลาจะแล่นเรื่อออกไป  เขาใช้แรงจากกังหันลมครับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 04:12:19
 “แค่นี้ก่อนนะครับแม่   คิดถึงนา  จุ้บๆๆ”  แล้วผมก็วางสาย

“ไงตกลงนายจะทำอย่างไงกับปลาพวกนั้น”  ไอ้โหดมันหมายถึงปลาที่ตอนนี้ผมส่งเข้าไปนอนพักในช่องแช่แข็งในตู้เย็นเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

“ไม่บอก  รอกินแล้วกัน.... แล้วก็กรุณาลุกขึ้นมาช่วยเลย  เร็วสิ!!”

“เออๆ”  มันส่ายหัวแบบว่าระอาเต็มทีแต่ก็ลุกตามมาครับ  ผมหละแปลกใจวันนี้มันมีแก่ใจมาช่วยผมเข้าครัวด้วย  แปลกเว้ย!?!

ผมจัดการแปลงปลาแซลมอนชิ้นใหญ่นั้นให้กลายเป็นแซลมอนอบขิงในแบบของผมเอง  ก็อาหารไทยจากวัตถุดิบเนเธอร์แลนด์นี้ครับได้แค่นี้ก็บุญโขแล้ว  เริ่มจากเอาปลามาขูดเกล็ดแล้วล้างให้สะอาด(ตอนนี้หยะแหยงมากๆ ขอบอก  ก็หนังปลามันจับแล้วหยุ่นๆ แล้วยังเหมือนหนังงูอีก  หยดหยองอย่างแรงครับ) แล้วเอาไปคลุก  เกลือนิด  น้ำตาลหน่อย  บรรดาซอสที่ประดามีในครัวนั้นมีกี่ขวดๆ ผมก็เอามาคลุกๆ ลงไปด้วย  ประมาณว่าให้ได้อารมณ์ซี้อิ้วขาวไงครับ  แล้วก็ใส่น้ำปลาด้วย  อ้าส์! ผมโรยใบอะไรนะที่เขาเอาไว้โรยเวลากินพิซซ่านะครับ  เรียกไม่ถูก  แล้วหมักก็ทิ้งไว้   

จากนั้นก็หันไปบ่งการให้ไอ้โหดหั่นผักอย่างอื่น(ตอนนี้ถึงเวลาคิดบัญชีไอ้โหดครับ)  ผมให้มันหั่นพริก  ปอกแล้วก็ซอยขิง(ออกมาหน้าตาอุบาทว์มากๆ เลยครับ) หั่นหอมใหญ่  พอเสร็จก็เอาปลาเข้าอบในเตาไม่โครเวฟประมาณ 10 นาที  แล้วก็จัดจานเปลเตรียมไว้  ก็บีบมะนาวลงไปประมาณลูกหนึ่ง  เรียงขิง  พริก  หอมใหญ่ไว้ก้นจานสำหรับวางปลาลงบน  พอเตาดีดก็เอาปลาออกมาวางในจานที่เตรียมไว้แล้วก็โรยผักที่เหลือลงบนปลา  ใส่น้ำนิดหน่อยกันจานแห้งแล้วเอาเข้าไมโครเวฟต่อครับอีกประมาณ 10 นาทีเหมือนกัน.... 

ออกมาแล้วครับ  อืม!!!!! หอมขิงมากๆ เลย  เนื้อปลาก็ไม่คาว  ได้กลิ่นและรสมะนาวในเนื้อนั้น  สีแดงสดน่ากินมากเลยครับ ไอ้โหดแบบว่าปลื้มสุดๆ กับอาหารจานนี้ประมาณว่ามีส่วนร่วมไงครับ  โม้ใหญ่เลยครับว่าเป็นเพราะว่ามันหั่นผักนะเนี้ย  ถึงได้ออกมาน่ากินขนาดนี้ (จริงเหรอวะ?)  แต่ช่างเถอะ  มื้อนี้ผมขอมีความสุขกับการกินปลาแซลมอนอบขิงกับมันสองคนก่อนนะครับ  เรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง
................................................................................

23.50 น. ห้องนอนผมกับไอ้โหด
   “นั้นนายจะไปไหน”  เสียงมันทักตอนเดินกลับเข้ามาจากห้องน้ำ  วันนี้ผมขอตัวไม่อาบน้ำนะครับ  จะอาบทำไมกันเดี๋ยวก็ต้องไปรมควันบุหรี่อยู่แล้ว  เออ!! แล้วบุหรี่ของตูอยู่ไหนวะ  ซื้อมาตั้งนานยังไม่มีโอกาสสูบเสียที  วันนี้แหละเหมาะสุด

   “ก็...จะออกไปข้างนอกหน่อย  นัดกับมิกไว้เมื่อบ่ายตอนเดินตลาด” ผมบอกตอนฉวยเสื้อกันหนาวมาสวมก่อนกลัดกระดุม

   “นัดกันตอนไหน?  ไม่เห็นรู้เรื่อง...  แล้วไปกันกี่คน  ไปที่ไหน  ใครมั่ง?” มันถามมาเป็นชุด

   “ไปกันสองคนกลับมิกเท่านั้น  แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะไปที่ไหนยังไง มิกจะเป็นคนพาไปนะ” ผมบอกตอนกำลังคว้านหาถุงมือในกระเป๋าเป้  ไม่กล้าสบตาตอบมันไปหรอกครับ มันเหมือนคนกำลังทำผิดยังไงไม่รู้

   “จะกลับเมื่อไหร่?”

   “ยังไม่รู้เลย  คือ...” ผมจะบอกมันดีไหมครับว่าไปเธคเฉพาะทางนะ

   “ช่างเถอะ  อยากไปก็ไปสิ แล้วแต่นาย”  มันว่าก่อนปีนคลานขึ้นเตียงไปนอน 

ทำไมอยู่ๆ มันว่าง่ายขึ้นมาหละครับ แต่ก็ดีเหมือนกัน  ผมรีบเผ่นออกไปก่อนดีกว่า  เกิดมันกลับใจจะตามมาด้วยแล้วซวยเลย
................................................................................

23.58 น.  จุดนัดพบกับมิก

 :love2:

   “อ้าวพี่!  จัสตินไม่มาด้วยหรอครับ”

   “มันไม่มานะดีแล้วน้อง  เราจะได้ร่อนได้สมใจนึก”  :haun5:

   “แต่ถ้าจัสตินมาด้วยก็ดีนะผมจะได้ควงเสียเลย”  ไอ้นี่มันวอนตายเสียแล้วไหมละ  ไม่รู้จักไอ้โหดตีนหนักเสียแล้วน้อง  :try2:

   “ไปกันเถอะหนาววะ”  ผมเร่งก่อนมิกจะพาผมมาหยุดที่หน้าผับเล็กๆ ผับหนึ่ง

(http://i39.photobucket.com/albums/e192/allachka3/GreyArea.jpg)

   “เรามาจุดประกายกันที่นี่ก่อนนะพี่  เพราะว่าตอนนี้ที่เธคคนยังไม่เยอะหรอก  ไม่อยากไปประเดิมร้านให้มัน” มิกบอกตอนเดินนำเข้ามาด้านใน....ความจริงมันก็เล็กๆ น่ารักๆ ดีนะครับ  ตามประสาที่เมืองนี้อะไรๆ มันก็เล็กไปหมด  เจ้าของร้าน(พร้อมกับทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์และเด็กเสิร์ฟไปพร้อมๆ กัน) เข้ามาทักทายมิกแบบว่ากันเองดีมากๆ เลยครับ  สงสัยไอ้เด็กนี่มันจะออกมาตระเวนบ่อย  ส่วนแคชเชียร์  coyote  พีอาร์ (และอีกหลายหน้าที่ในร่างเดียวกัน) ก็เป็นแฟนเจ้าของร้านนั้นแหละครับ  ธุรกิจในครอบครัวสุดฤทธิ์  เห็นแล้วอิจฉาอย่างจัง  อยากมีมั่งอะ...ทำไงดีครับ?

   “หวัดดีดาร์ลิง  มานานยัง” เสียงฝรั่งเดินเข้ามาทักมิกครับ  แหม่!  ไอ้น้องคนนี่มัย pop ไม่ใช่เล่น

   "เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง  ฮวน   นี่เพื่อนผมเองเพิ่งมาจากเมืองไทยชื่อ แนค”

   “ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ขอต้อนรับสู่ประเทศในฝันของบรรดาเกย์ทั่วโลกครับ” นายฮวนอะไรนั้นเข้ามากอดแล้วก็ทำเสียงจุ๊บแนบแก้มซ้ายขวาทักทายตามธรรมเนียมคนที่นี่  ผมก็เลยต้องเกร็งๆ ทำกลับไป  ก็คนมันไม่เคยนี่ครับ  ทำไงได้ล่ะ

   พอได้เครื่องดืมและที่นั่ง....นายฮวนคนนั้นพยายามทำหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านที่ดีมาก  เข้ามาชวนคุยนั้นคุยนี้ไปเรื่อยจน…

   “พี่ แนค  ผมว่ามันชักจะยังไงๆ แล้วนะ” มิกเข้ากระซิบข้างๆ หู

   “ทำไมยังไงหรอ”

   “ผมว่าไอ้นี่มันสนพี่วะ”

   “เฮ้ย! ไม่มั่ง  มันเห็นว่าพี่เป็นเพื่อนแกมากกว่า”

   “ไม่หรอกพี่  ผมรู้จักมันมานานแล้ว  ไม่เห็นมันทำแบบนี้กับเพื่อนผมคนไหนเลย  ผมว่ามันต้องเล็งพี่แน่ๆ เลย”

   “เหรอ?  ว่าแต่แกกินมันยังวะ”  ผมต้องถามเพื่อความแน่ใจครับ  อุตส่าห์มาตั้งไกลก็ต้องไม่อยากกินของเก่าของคนใกล้ตัวแบบนี้

   “ยังพี่!!  ผมก็เล็งๆ มันอยู่เหมือนกันพี่  แต่ว่าผมรู้จักมันตอนที่คบอยู่กับแฟนคนเก่าไง  มันเลยรอดตัวไป” โห! พูดซะนะ  น้อง....

   “ผมขอตัวไปร้านโน้นก่อนนะ  แล้วเจอกัน”  ฮวนเข้ามากอดลามิกกับผม  แต่ว่าก่อนผละจากผมเขาหันมาขยิบตาให้ด้วย  หรือว่าผมจะตาฝาดไปนะเพราะจะว่าไปในนี้มันก็ออกจะมืดๆ อยู่

   “ปะพี่! หมดแก้วนี้แล้วเราย้ายร้านกันบ้างดีกว่า  คนคงเริ่มไปกันที่นั้นแล้วหละ”  ผมกระดกรวดเดียวหมดแก้ว  ที่นี่ไม่ผสมโซดาครับปกติจะมีแต่เหล้ากับน้ำแข็ง  แต่ของเราพิเศษหน่อยเจ้าของร้านผสมโค้กมาให้ด้วย....
................................................................................

   “ค่าเข้าคนละ 3 ยูฯครับไม่รวมดริ้งค์  ค่าดริ้งค์ต้องแลกเป็นเหรียญเอาเองคราวละ 5 ยูฯ  จะได้หกเหรียญ  เอาไปแลกเครื่องดื่มข้างใน  ถ้าเบียร์ก็สองเหรียญ  วิกกี้ 4 เหรียญพี่” มิกอธิบายราคาให้ผมฟังก่อนเข้าไป....ก็โอเคครับสำหรับเธคพื้นบ้าน(ไอ้มิกมันเรียก)อย่างนี้  เพลงที่เปิดก็ทันสมัยกว่าเธคในเบอร์ลินมากแม้ว่าจะไม่สู้บ้านเรานะ “ถ้าอยากสนุกมากกว่านี่เราต้องไปอัมสเตอร์ดัมกันพี่  เสาร์นี้เราไปกันมะ” มิกหันมาชวนผมเมื่อเรารับเบียร์มาจากบาร์เทนเดอร์หน้าหล่อแต่อ้วนเรียบร้อยแล้ว

   “หวัดดีอีกครั้งครับ แนค” ฮวนตรงเข้ามาทักทายพวกเรา

   “เห็นไหมพี่ผมว่าแล้วเชียว”  ว่าแล้วเรื่องอะไรวะ  ก็คนเขามาทักทายเฉยๆ

   ความจริงอีตาฮวนนี่ก็หน้าตาโอเคครับแม้ว่าจะไม่เท่าโมนิคขวัญใจผม  ก็เรียกว่าควงได้ไม่อายคน  เสียแต่ว่าแก่ไปหน่อยครับ อายุ 37 แล้ว  ทำงานเกี่ยวกับกฎหมายครับ  เคยมาเมืองไทยด้วยเห็นว่าสิงหาปีนี้ก็จะมาอีก ออ! เคยมาบวชที่วัดอุโมงค์ที่เชียงใหม่ด้วยนะครับ....

   ....เสียงเพลง  แสงสี  ควันบุหรี่และฤทธิ์แอลกอฮอล์มันทำให้ผมเปลี่ยนไปครับ  จากตอนแรกที่เสงี่ยมๆ อยู่ก็เลยออกลายครับ    :angellaugh2: จนไอ้มิกมันแปลกใจ  แต่ว่ามันเองก็นะ....เปรี้ยวเยี่ยวราดเหมือนกันครับ  อาจจะยิ่งกว่าผมอีก  ก็ผมไปเต้นบนเวทีอย่างมันไม่ได้นิครับเพราะมัวแต่แกะมือปลาหมึกของไอ้เจ้าฮวนอยู่นี้ไงครับ

   “พรุ่งนี้เราจะได้เจอกันอีกไหม แนค “  ฮวนถามผมตอนที่เราตัดสินใจว่าควรกลับเสียที

   “ได้อยู่แล้ว  แล้วผมจะโทรฯหานะ จุ๊บ  บาย” ผมทำท่าส่งจูบให้หมอนั้น  ฮ่าๆๆๆ  อ่อยสุดฤทธิ์

   “พี่แนค เดินไหวม้ายยย”  มิกเข้ามาพยุงตอนเดินกลับมาส่งผมที่ห้อง

   “หว่ายๆ  แต่ว่าทำมายมานไกลจางวะ  หือ? คุณน้องมิกกกกกกก...”  :really2:

   “จะเถิงแล้ว  แข็งจายแป๊บเดียว!”  แล้วพวกผมก็ถ่อสังขารกลับมาถึงห้องจนได้  แต่ว่าผมไขกุญแจบ้านเข้ามาได้ไงไม่รู้  ง่วงมากเลย  ไม่อาบน้ำแล้วนะ  นอนเลยแล้วกัน.....บายครับ

................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 04:17:31
....ผมกำลังฝันหรอครับ  สงสัยจะฝันเปียกเสียด้วยสิก็มันฝันเรื่องอย่างว่าอะครับ  แต่ว่าผมเพิ่งจัดการไปเมื่อวานเองนะ  ไม่น่าจะใช่  แต่ก็ช่าง...เสียวดีครับ  อ้าส์....น่านแหละ  อย่างนั้น ใช่ๆ ใช่เลย  เม้มแรงๆ อีกนิดน้อง  เออดี....ซีดดดดดดดส์ เลียเก่งจริงแหะ  อุ้ย! กัดเบาๆ สิจ๊ะ  พี่เสียว  ถอดออกดีกว่ากางเกงนรกนี้เกะกะจริง  คนเขาจะสังสรรค์กันดันมาขวางทางอยู่ได้  อู้วววววววววส์ ต่ำอีกนิด  ลงต่ำไปอีกนิด  อ้าส์  เสียวมากเลย  ใครวะ  ทำไมไม่เห็นหน้านะ  ฝันอะไรทำไมมันเหมือนจริงจัง  อ้าสสสสสส์  ดูดแรงอีกนิดน้อง  เน้นๆ ตรงนั้นหน่อย ลงมาลึกๆ เลย อ้าส์...ดี   ดีมาก ทำไมมันเก่งอย่างนี้วะ  โอ้วววววววส์ มะ...ไม่ไหวแล้ว   พ...พี่จะ....จะออกแล้วน้อง  จะออกแล้ว   ซีดดดดดดส์  มะ...ไม่ไหวแล้วววววววววว อ...ออกแล้วนะ  ออกแล้ว  อ้าสสสสสสสส์  อ้ากกกกกกกส์  แฮ่กๆ.....เก่งมากเลยครับที่รัก  ขอบใจนะ จุ๊บ...  ผมยังได้กลิ่นคาวจากปากนั้นเลยครับ  :haun6:

19 Mar. 2006
--.-- น.  บนเตียง

ผมก็ไม่รู้ว่ามันกี่โมงแล้วหรอกครับ  รู้แต่ว่ายังอยากนอนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อุ่นดีจังเวลามีคนมากอดเราอย่างนี้  เดี๋ยวๆ!! ว่าอะไรนะ  ใครกอดใคร?  ใครกอดแก?  กรูโดนกอดหรอ  แล้วใครกอดวะ  ไหนดูซิ?  เจี๊ยก!  ขนแขนสีน้ำตาลหยิกๆ หยอยๆ แบบนี้ฝรั่งชัวร์  แต่ว่าเมื่อคืน.....เดี๋ยว...ขอผมคิดก่อน  ผมกลับถึงห้องแล้วนี้หว่าหรือว่าไม่นะ 

แต่ว่าแหกตาดูแล้วนี้มันก็ห้องผมด้วยสิ  แล้วกรูหิ้วใครติดมาด้วยหว่า?  เมื่อคืนหนักไปหน่อยครับเลยจำไม่ค่อยได้  รู้อย่างเดียวว่าเสียวดี ฮ่าๆๆ  ว่าแล้วก็หันไปดูหน้ามันชัดๆ ดีกว่า  แต่ไม่อยากหันไปเลยอะ  อยากนอนหันหลังให้มันกอดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อบอุ่นดีจริงๆ

ผมไม่ค่อยโดยกอดมากนัก  มันเหมือนโหยหานะครับคุณ  ผมเองเมื่อก่อนเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งคือไม่กล้าโดนตัวใคร  ขนาดว่าคนที่สนิทมากๆ ก็ไม่กล้าครับ  มีอยู่คนเดียวคือยัยน้องสาวที่ผมกล้าจับกล้าเตะโดนตัว  นอกนั้นไม่กล้าจริงๆ  เหมือนว่าเราโดนเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นก็จริง  แต่ไม่เคยได้รับการสัมผัสไงครับ  เพราะคนที่เลี้ยงดูผมมาค่อยไม่ชอบกอดรัดฟัดเหวี่ยงเด็กๆ เท่าไหร่  ผมเลยไม่เคยโดนกอดมาก่อนเลย  แต่หลังจาก......(เห้อ...ช่างมันเถอะ  ไม่อยากเล่า)แล้วก็อาการดีขึ้นครับ  เข้าใกล้คนอื่นๆ ได้มากขึ้น  ลดช่องว่างระหว่างตัวเองกับคนอื่นๆ ลงไปได้เยอะแต่ก็ยังห่างอยู่ดี  เอาเถอะหันไปดูดีกว่าเผื่อว่าจะเป็น...... เฮ้ย!

 :o จ้ากกกกกกกกกกกส์  ไอ้โหดครับ  ไอ้โหดมรึงกอดกรู...

“อ้าว! ตื่นแล้วหรอ” ไอ้โหดมันงัวเงียๆ ถามผมที่กระเด้งกระเถิบหนีมันไปจนติดข้างฝา    ไหงกลายเป็นมันได้ครับ  ไม่จริงงงงงงงงงงงงงส์  :sad5:

“แก...  เมื่อคืนแก.....กับฉันเหรอ?”  ผมพยายามจะถามมันถึงเรื่องเมื่อคืน  ทำไมมันนอนเฉยอย่างนี้นะ

“อืม....  เห็นนายนอนแก้ผ้าแล้วทนไม่ไหว  เลยขอยืมใช้หน่อย  นายคงไม่ว่านะ”  อะไรนะครับขอยืมใช้  มันพูดอะไรของมัน

“แกหมายความว่าไง?”

“ก็แค่....  ช่วยๆ กันคลายเครียดเท่านั้นนะ  ไม่ได้ทำอะไรมากสักหน่อย  นายอย่าคิดอะไรมากเลย  มากกว่านี้นายก็คงจะเคยนะฉันว่า  หรือว่าไม่จริง?” มันร่ายยาวมาเลยครับ แล้วยังเจือกมาพูดดักคอผมอีก  ขอผมทำสำออยเป็นสาวน้อยที่เพิ่งสูญเสียพรหมจรรย์หน่อยไม่ได้หรอไงวะ  แต่จะว่าไปมันก็พูดถูกนะครับ  แหม่!! อายุก็ปาไปขนาดนี้แล้วไม่เคยสิแปลก  แต่ไม่ได้ๆ.....ของแบบนี้ใครจะเอาให้มันยืมใช้ฟรีๆ

“เออ...แล้วไป  คราวหน้าตาฉันบ้างแกก็อย่าโวยนะโว้ย” อ้าว!?

“พร้อมเสมอ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้นี่มันหน้าด้านจริงๆ เลยครับ  แถมยังมาหัวเราะใส่ผมอีกพอเห็นผมทำหน้าแปลกๆ หลังฟังมันพูด

ความจริงเรื่องอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นครั้งแรกที่มีคนมาลักหลับอย่างนี้  ผมเคยโดนมาหลายครั้งแล้วแต่ว่าก็ไม่เคยโวยวายลุกขึ้นมาถามกันตอนเช้าอย่างนี้  อย่างมากก็แค่เสร็จแล้วก็แล้วกันไปไม่มีการฟื้นฝอยหาตะเข็บ  ปล่อยให้มันสลายหายไปกับความดำมืดของรัตติกาล  จะเอามาพูดมาถามให้กระดากใจทำไมกัน  มองหน้ากันไม่สนิทเปล่าๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงต้องเป็นผมด้วยนะ  คือบางทีเขาก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมในเชิงชู้สาวเพียงแค่นอนใกล้ๆ แล้วมันเกิดคึกคักขึ้นมาตอนเช้าๆ ไม่รู้จะไปลงที่ไหน  ยากจนข้นแค้นเหลือเกินแล้วก็เลยมาลงกับผมก็มี  หรืออาจจะเห็นว่าผมเที่ยวแรดๆ ไปทั่ว  คนเขาเลยอยากขอลองเครื่องเสียหน่อยก็เท่านั้นเอง  น้ำหน้าอย่างผมจะมีใครมาสนใจจริงๆ จังๆ  ว่าไหมครับ?

ผมเดินมานั่งหน้าโทรศัพท์เมื่ออาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว  หนาวชิบเป๋งเลยครับ  กำลังจะกดหาฮวน

“นั้นจะโทรหาใครนะ?” เสียงไอ้คนที่นอนซุกหัวยุ่งๆ อยู่บนเตียงถามขึ้นมาครับ

“เพื่อนนะ” แล้วก็จิ้มๆ ต่อ  ทำไมเบอร์มือถือเมืองฝรั่งนี้มันถึงยาวจังเลยวะมีตั้งสิบเลข

“คนไหน  ที่เจอกันเมื่อวันเสาร์หรอ”  ไม่รู้ว่ามันหมายถึงใคร  พวกพี่กุลหรือเปล่าวะ  มันคงไม่รู้หรอกเนอะครับว่าผมเจอกับฮวนมา

“อืม”  ผมไม่ได้โกหกนะครับ  ผมเจอฮวนเมื่อคืนวันเสาร์จริงๆ

“แล้วจะไปไหนกันอีก  วันนี้ไม่มีที่ไหนเปิดนิ”  มันผงกหัวขึ้นมาทำท่าเอาจริง  ใจคอมันจะซักผมให้ขาวเลยหรือไง

“ก็ไม่รู้  เดี๋ยวเขาคงจะพาไปเองแหละ”

“ไปด้วยสิ  ไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว” มันวิ่งมานั่งอยู่ใกล้ๆ ผม  ทำท่าอ้อนเหมือนหมาจะขอขนมเจ้าของเลยครับ  แต่ว่ามันวิ่งโทงๆ ลงมาจากเตียงทั้งอย่างนั้นเลยอะ  อ้ายยยยยยยส์  ไอ้ชีเปลือย  ทำไมมรึงไม่รู้จักไปใส่เสื้อผ้าวะ

“ :pigscare2: ไม่ได้!!  แกไปด้วยกันกับฉันไม่ได้”

“ทำไม?” มันลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวมองหน้าผม  แต่ว่าไอ้นั้นมันดันมาห้อยแกว่งไปแกว่งมาอยู่ตรงหน้าผมครับ  เมื่อคืนยังไม่ได้กินหรือว่าจะกินตอนนี้เลยดีนะ

“ก็........”  ผมกำลังคิดอะไรไม่ออกครับ  หัวมันตื้อๆ ตามันลายๆ นะครับ  จ้องอย่างเดียว  ทำไมมันหย่ายยยยยยส์นักวะ  ขนาดนั้นยังเป็นหนอนน้อยอยู่เลยนะครับ  ถ้าเกิดมันแปลงกายกลายเป็นงูมีหงอนขึ้นมาแล้วจะขนาดไหนวะเนี้ย

“มองอะไร?”  อ้าว!  ไอ้เวร   ก็มองน้องหนูมรึงอะดิ  ดันมายืนแกว่งอยู่ตรงหน้าซะขนาดนี้  แล้วยังมาถามอีก “ตกลงจะให้ไปด้วยไหม?” มันขยับเดินเข้ามาใกล้อีกแล้วครับ  คราวนี้ใกล้มาก  มากจน.....

“มะ...ไม่ได้   ปะ...ไปกับ  พะ..เพื่อนใหม่  แกะ...แก ไม่รู้  จักเค้า หระ....หรอก”  ผมแหงนหน้าขึ้นไปพูดกับมันครับ  ไอ้นั้นก็ห้อยจ่อลงมาตรงปากพอดีเลย  อ่ะ!!!  ผมจะทำไงดีครับ?

“เพื่อนใหม่?  เจอกันที่ไหน?  เมื่อไหร่?” มันยืนคิดแป๊บนึง ผมเลยลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกมาเสียจากตรงนั้น  “แกไปเจอกันในเธคใช่ไหม?  ไม่ต้องไปเลย  ฉันไม่ได้ไปแกก็ห้ามไปเหมือนกัน” 

แล้วมันก็เดินไปหยิบกุญแจผมที่มักวางไว้บนโต๊ะทานข้าวในห้อง  เอาขึ้นซุกไว้ใต้หมอนแล้วนอนทับซะงั้น  แมร่ง!! เลยอดคั่วหนุ่มดัชท์เลยครับ :sad4:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 04:21:43
20 Mar. 2006
17.35 น. หน้าเครื่องโทรศัพท์สาธารณะในสถานีรถไฟ
   “โทษทีนะฮวนที่เมื่อวานไม่ได้โทรหานาย  คือผมทำเบอร์นายหายนะ  วันนี้เลยไปขอมาใหม่จากมิกนะ” ผมโกหกอีกแล้วครับ  เพราะว่าอะไรทุกคนก็คงทราบดีอยู่แล้วนะ

“ไม่เป็นไรหรอก แนค  แต่ว่านายต้องแก้ตัวที่ปล่อยให้ผมรอนายเกือบทั้งวันเมื่อวาน”

“ได้ๆ นายอยู่ไหนหละ  ออกมาเจอกันไหม” 

“ดีสิ  เจอกันที่ไหนดี”

“นายมารับผมที่สถานีรถไฟได้ไหมหละ  ผมไปที่ไหนไม่ถูก”

“อืม!!  นายรออยู่ที่หน้าร้านหนังสือนะ  แล้วผมจะรีบไปรับ”

ผมวางสายเรียบร้อยแล้วครับ  นี่ก็ยังใจเต้นไม่หายที่แอบหนีไอ้โหดมันกลับมาก่อน  วันนี้มันมานั่งเฝ้าผมที่ห้องทำงานทั้งวัน  ดีแต่ว่าก่อนผมจะหนีออกมานายอัตมาตามมันไปดูอะไรกันก็ไม่รู้บนห้องหมอนั้น  ผมเลยวิ่งจุ๊ดๆ ออกมาเลยครับ

“หวัดดีแนค รอนานไหมครับ” ฮวนมายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  ผมรอๆ อยู่แล้วเซ็งเลยเดินเตร่เข้ามาดูหนังสือในร้านครับ

“อ้อ!!  ไม่นานหรอก....  แล้วเราจะไปไหนกันดี” ผมถามฮวนหลังจากพากันเดินออกมาจนถึงหน้าสถานี

“น่านซิ!!  นายทานมื้อเย็นมายัง  เราไปหาอะไรทานกันก่อนดีไหม”

“ดีเลยผมเองก็เริ่มหิวแล้วอะ”

ฮวนพาผมมาทานร้านตุรกีแถวๆ ท่าเรือครับ  ความจริงผมก็เคยกินของแบบนี้มาแล้วที่เยอรมัน  อร่อยดีแล้วก็ถูกด้วยครับ  แต่ว่าเสียอยู่อย่างตรงที่มันเลอะเทอะนี้สิ  ไม่รู้ว่าจะกินยังไงไม่ให้มันเลอะ  เรายังคงนั่งคุยกันอยู่หลายคำแม้ว่าจะทานเสร็จนานแล้ว  ก็โอ้เอ้คุยไปเรื่อยๆ จนกระทั้ง....

“เดี๋ยวผมพานายไปเที่ยวที่ห้องผมดีไหม”  มันเริ่มแล้วครับ

“ก็ดีเหมือนกันนะ  ว่าแต่ที่ห้องนายมันมีอะไรสนุกๆ ให้ทำบ้างหรือเปล่าหละ”  เรื่องไรผมจะยอมแพ้ใช่ไหมครับ  เรื่องพรรค์นี้สู้ยิบตา

“นายอยากทำไรหละ  มีหลายอย่าง  เดี๋ยวนายไปดูเองแล้วกัน”  หวายๆ มันหมายความว่าไงครับ  มันมี sex toy ด้วยหรอ  ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ไหวนะครับ มันออกจะพิสดารมากไปหน่อยนึง  ไม่ต้องรสนิยมผม  แต่ว่าไหนๆ แล้วก็ลองดูนิดหนึ่งดีกว่าถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยเปิดหนี  เนอะ!!

00.03 น. ห้องนอนผมเองครับ
   “ไปไหนมา”

เอาแล้วครับนั้นไงผมว่าแล้ว  เห็นไฟยังสว่างอยู่ก็กลัวจนลนลานแล้วครับ  รู้งี้นอนค้างที่ห้องฮวนดีกว่า  ค่อยไปเจอกันที่ตึกทำงานเลยน่าจะดีกว่านะผมว่า

   “ไปหาเพื่อนมา”

   “เพื่อนคนไทย?” มันนอนถามดุๆ อยู่บนเตียงครับ

   “อืมๆ ใช่  แล้วเลยไปหาอะไรกินกันนิดหน่อย”

   “เรอะ?  แล้วอร่อยไหม” สายตามันที่จ้องมาเริ่มน่าหวาดหวั่นนิดๆ แล้วครับ

“ก็ร้านตุรกีนะ  แล้วเลยไปเที่ยวห้องเขามานะ” ผมตอบตอนเดินเลี่ยงมาเปิดคอมพ์ทำท่าว่าจะทำงานทั้งๆ ที่ความจริงก็ไม่มีงานอะไรจะทำหรอกครับ

“แปลกนะ  นายมีเพื่อนคนไทยหลายคนจัง  เพราะว่าฉันเพิ่งกลับมาจากห้องพี่กุลเมื่อตอนสามทุ่มกว่าๆ นี่เอง”

“ห๊า!?!  นายเพิ่งกลับมาจากห้องพี่กุลหรอ?”

“อืม....  ก็ยังแปลกใจอยู่เลยว่านายไปทานมื้อเย็นกับพี่กุลมาตอนไหน”  ตายโหงแล้วครับ  มันไปอยู่กับพวกพี่กุลเขามา แล้วผมจะแก้ตัวว่าไงต่อดีนะ  นึกไม่ออกวะ  “จะบอกมาดีๆ ไหมว่าไปไหนมา”  มันเดินมาบีบคอ...จุดอ่อนของผมเองครับ  ผมเลยต้องย่นคอหนีแต่ว่าก็ไม่พ้นเงื้อมมือมันหรอกครับ

“เอ่อ...  ปะ...ไป  กับ”

“กับใคร?” มันถามเสียงเข้มเลยครับ

“เอ่อ...   ไปกับ....ฮวนมานะ”

“ไปกันถึงไหน  ทำไมเพิ่งกลับมา” มันเริ่มตะคอกแล้วครับ  (ลูกช้างกลัวจน...หดหมดแล้วโว้ยไม่ต้องขู่) แถมยังลงแรงบีบเพิ่มมาอีกครับ  จากที่เมื่อกี้รู้สึกจั๊กจี้กลายเป็นเริ่มแน่นๆ แล้วครับ

“ก็ไปกินข้าวกัน  แล้วไปนั่งคุยกันต่อที่ห้องเขานะ”

“นั่งคุย?  ฮ่าๆๆ  หน้าอย่างแกนี่นะใครจะเชื่อ”

“ทำไม? แกเห็นฉันเป็นคนยังไงวะ ก็ไม่ได้มีอะไรแค่นั่งคุยจริงๆ”

“ใครจะเชื่อ  ไหน?  ลุกขึ้นมาซิ”  มันคว้าคอปกผมดึงขึ้น  ทำให้ผมต้องรีบลุกตามแรงดึงที่ว่า  จนเก้าอี้ล้มหงายไปด้านหลัง

“เจ็บนะโว้ย....  เฮ้ย!!  แกจะทำไรวะ?”  ผมถามตอนที่มันพยายามเลิกเสื้อผมขึ้นดู

“ก็จะพิสูจน์ดูไงว่าไม่มีอะไรจริงอย่างที่แกว่าหรือเปล่า”

“ไม่ให้ดู...  ทำไมต้องพิสูจน์ด้วยวะแก  ฉันจะไปทำอะไรมันก็เรื่องของฉันสิ” ผมขืนตัวพยายามดึงชายเสื้อลง

“ใช่!! เรื่องของแก แต่เผอิญฉันอยากรู้นิ” มันยังไม่ยอมหยุดมือ  มันดึงขึ้นผมก็รั้งลงจนเสื้อจะยืดหมดแล้ว  ดึงลงพลางถอยหลังพลาง  ยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่อย่างนั้นจน....

‘ผัวะ’  มันตบกะโหลกจนผมหัวทิ่มอีกแล้วครับ  ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยหลบไม่ทัน  มันไม่ตบหัวผมมานานแล้วนะ  วันนี้เป็นไรไม่รู้ถึงได้มาตบอีก  ไอ้เวรนี่นิสัยเสียแก้ไม่หายเลย

“ตกลงจะให้ดูดีๆ หรือเปล่าวะ”

“แล้วแกจะดูทำไม  บอกว่าไม่มีไรก็ไม่มีไรสิ”  ผมว่าพลางก็ถอยหนีวนไปเรื่อยๆ

“มานี่เลยแก  ไม่ต้องหนี  บอกว่าให้อยู่นิ่งๆ ไง” มันไม่วายดุผมอีกตอนที่ผมยื้อไม่ยอมให้มันถลกชายเสื้อขึ้นสูงอีก  เอวะไหนๆ ก็ไหนๆ ให้มันดูๆ ไปก็สิ้นเรื่อง 

“เอ้า!!  อยากดูนักก็ดูเลย” ผมยืนเฉยให้มันถลกชายเสื้อขึ้นดู

“แล้วนี้รอยอะไร  ไอ้ฮวนมันดูดมาใช่ไหม?  ไหนว่าไม่มีไรกัน  ทำไมตัวแกถึงมีรอยแบบนี้  แกเพิ่งมีอะไรกับมันมาใช่ไหม?”  มันจิ้มลงมาแรงๆ ตรงรอยแดงตรงสีข้าง  สงสัยฮวนจะดูดแรงไปหน่อยครับ

“เออ!!!  แล้วจะทำไม  แกเองก็ยังเคยพูดเลยว่ามากกว่าออรัลเซ็กส์คนอย่างฉันก็เคยทำมาแล้ว  แล้วไง?  ทำไมฉันจะมีอะไรกับฮวนไม่ได้”

“ถ้าแกอยากมีอะไร  ทำไมแกไม่บอกฉัน  ทำไมแกต้องไปมีกับคนอื่นด้วยวะ”

“ห๊ะ!?!  แกว่าไงนะ”

“ก็อย่างที่แกได้ยินนั้นแหละไม่ต้องทำเป็นไม่ได้ยินเลย” แล้วมันก็ ‘ผัวะ’ ผมอีกรอบ  คราวนี้ผมเริ่มบ่จอยหน่อยๆ แล้วนะ เลยไม่เกรงใจแล้ว  บอกมันไปตรงๆ ว่า

“แกรู้อะไรไหม  สิ่งที่ชั้นเกลียดที่สุดในตัวแกก็คือเรื่องนี้แหละ นิสัยแกไง  ชั้นเกลียดนิสัยแกสุดๆ”

“ใช่  ฉันรู้  ฉันรู้ว่าแกเกลียดชั้นแต่สิ่งที่ชั้นไม่รู้คือทำไมฉันถึงชอบแก”

“…?…” มันว่าอะไรครับ

“ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนดีอะไรมากนัก  แต่ฉันชอบแกมากจริงๆ นะ”

“…!?!...” ผมหละอึ้งแด๊กไปเลย

“แกหละชอบฉันบ้างไหม  หือ?” 

 “…!!?!!.…” ผมได้แต่เงียบ

“ทำไมแกถึงไม่ลองชอบฉันบ้างละ?” 

“…!!?!!.…”  ผมไม่รู้ว่าจะตอบว่าไงดี เลยยืนอยู่เฉยๆ จ้องหน้ามัน  ส่วนมันก็ยืนจ้องผมตอบกลับมา  ผมควรตอบว่าไงดีครับ  คนมันไม่ชอบจริงๆ นิจะให้ทำไงได้  แล้วอีกอย่างเพิ่งเจอกันไม่กี่วันเองใครจะไปทันรู้สึกอะไรใช่ไหมครับ

ผมเป็นฝ่ายยอมแพ้ถอนสายตาก่อนครับ  แต่มันก็ไม่พูดอะไรอีก  คลานขึ้นเตียงไปนอนหันหลังให้ผม  ผมไม่รู้จะทำไงต่อดีเลยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ปิดไฟก่อนล้มตัวลงนอน
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 04:22:46
23 Mar. 2006
18.46 น. คนเดียว....ในห้องครัวหลังบ้าน

ผมเพิ่งทานข้าวเย็นเสร็จเมื่อกี้ครับ  การกินข้าวคนเดียวทำให้รสชาติที่เคยอร่อยสามารถกร่อยลงไปได้มากเหมือนกัน....  ผมไม่มีแก่ใจจะเขียนอะไรมาสองสามวันแล้วครับ  เรื่องราวที่เกิดขึ้นถ้าหากจะว่ามันแปลกๆ เหลือเชื่อไปหน่อย  ผมก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกันครับ  มันออกจะแปลกอยู่ซักหน่อยที่อยู่ๆ ใครบางคนที่บางทีก็ท้าตีท้าต่อยกับเราบ้าง  ขู่เราบ้าง  ข่มเราแกล้งเรา  แต่ในขณะเดียวกันก็ดูทีวีกับเรา  หัวเราะกับเรา  กินข้าวหม้อเดียวกับเรา นอนเตียงเดียวกับเรา  เคยแม้กระทั้งกอดเรา....จะมาบอกว่าชอบเราทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน   แล้วอยู่ๆ ก็ทำตัวหายไปจากชีวิตเราอย่างนี้  เวลาแค่เกือบสองอาทิตย์มันจะทำให้คนเราชอบกันได้มากแค่ไหนนะ  ผมไม่รู้จริงๆ

ผมรู้เพียงแต่ว่า....สามวันมาแล้วที่มันหายไป  เป็นสามวันที่ผมเกิดเหงาขึ้นมาในใจมากมายอย่างประหลาดและผมไม่สามารถรับมือกับความเหงาที่ว่านี้ได้  แปลกเหมือนกันครับ...ทีเมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นอย่างนี้เลย  ไปไหนมาไหนหรือยู่คนเดียวตลอดก็ไม่เคยเหงา  เพราะมันหรือเปล่าครับ  มันมาสนิทกับผมแล้วหายไปอย่างนี้ 
ทำไมหรอ?  แค่ผมไม่ตอบคำถามมัน  มันก็เล่นหายไปอย่างนี้เลยหรอ  ไม่กลับมานอนที่ห้อง  เตียงฟากที่มันจับจองเป็นเจ้าของวางเปล่าเสมอ  ส่วนที่ทำงาน.....ผมก็ไม่กล้าตามขึ้นไป   มื้อเที่ยงผมก็ทำเผื่อไปทุกวันแต่ก็ต้องเอากลับมากินเป็นมื้อเย็นของตัวเองแทน  วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว

อีกไม่กี่วันผมก็จะจากที่นี่ไปแล้ว  มันจะมีหรอครับ?  ใครซักคนที่จะมาชอบเราจริงๆ หน้าตาผมก็ใช่ว่าจะดีอย่างคนอื่นๆ เขาที่ไหนกัน  ธรรมดาจนถึงค่อนข้างแย่ไปเสียด้วยซ้ำ  แล้วอย่างนี้จะมีใครมาชอบเราจริงๆ ที่มันพูดมันก็พูดเล่นๆ เท่านั้นใช่ไหมครับ  ไม่งั้นมันคงไม่หายไปอย่างนี้

‘ใครละ?’ เสียงพี่กุลตอบคำถามผมเมื่อตอนกลางวันที่ผมถามว่าพี่กุลคิดว่าจะมีใครกล้าพูดว่าชอบหรือไม่ชอบใครทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันเพียงแค่ไม่นานไหมครับ

‘ถ้าเป็นคนไทยพี่ว่าไม่นะ  แต่ถ้าเป็นฝรั่ง?...พี่ว่ามันก็มีโอกาส ของแบบนี้มันไม่แน่หรอกบอกไม่ได้  มันขึ้นอยู่กับว่าฝรั่งคนไหนด้วย  ฝรั่งบางคนเค้าก็ชอบพูดอะไรตรงๆ อย่างนั้นหละ ทำไมหรอ แนค’

‘ปะๆ..เปล่าครับ  ผมแค่ถามดูเฉยๆ’ ผมไม่กล้าพูดต่อจึงเสหันมาสนใจกินแซนด์วิชในมือแทน  :impress3:

เพลง ละครรักแท้ ศิลปิน Crash
บทละครทุกตอน คนรักกันแต่ต้องทะเลาะกัน 
พอถึงตอนจบ  ไตร่ตรองหัวใจมองตา  บอกรักคืนดีกัน
แต่ในชีวิตจริง  ตัวสองเราไม่จบลงดังในละคร 
ตอนท้ายเรื่องจะเจ็บทั้งสองหรือปรองดองกัน  ไม่รู้จะยังไง
เกิดอารมณ์  ฉันก็เป็นตัวโกงจนเธอช้ำปวดร้าวแล้วเลิกกัน
แต่วันดีๆ ที่สองเรากอดกันนั้นอย่าลืม   โปรดกลับมาหาคนเดิมๆ อีกครั้ง
ตั้งแต่เธอเดินไปเหงาจนครวญใจ  ละครรักแท้ฉันขอเล่นใหม่อีกสักที
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 04:27:15
24 Mar. 2006
18.25 น. ทางเดินหน้าบ้าน
   “เฮ้ย!!  แกจะรีบไปไหน”  ผมตะโกนเรียกไอ้โหดเอาไว้  ก็พอมันเห็นผมเดินเลี้ยวมาจากมุมตึกตรงหัวถนนใกล้ๆ จากที่มันกำลังไขกุญแจจะเข้าบ้านก็รีบผละออกแล้วเดินจ้ำอ้าวหนีไปอีกทางหนึ่งเลยครับ

   “รอด้วยสิ  แกจะรีบไปไหนวะ?”  ผมตะโกนเรียกมันตอนวิ่งตาม  แต่คงไม่ทันแล้วหละครับมันวิ่งไปนู้นแล้ว

00.34 น. บาร์ที่ผมเคยมากับมิกเมื่อวันก่อน
   “หวัดดี แนค ไม่เห็นคุณโทรหาผมเลยหลังจากวันนั้น” ฮวนเข้าทักผมที่หน้าบาร์  ผมนั่งดื่มอะไรอยู่เงียบๆ คนเดียว  เสียงเพลงกับแสงไฟในร้านมันไม่ช่วยให้ผมคลายเหงาได้เลย

   “หวัดดีฮวน  คือ...พอดีผมงานยุ่งนะ  เลยไม่ค่อยว่างสักเท่าไหร่ โทษที  แล้ววันนี้นายมาคนเดียวหรอ?”

“เปล่า!! พอดีมากับเพื่อนอีกคนน่ะ  เจอนายก็ดีเลย  ผมว่าวันนี้เราเข้าไปเที่ยวกันในอัมสเตอร์ดัมดีกว่า  นายเคยไปที่นั้นหรือยัง?”

“ยังเลย  ก็ดีเหมือนกัน   ไปกันเลยไหม?  จะได้ไม่ดึกเกินไป”

“อืม...” ฮวนตอบก่อนที่พวกเราสามคนจะพากันเดินออกมาจากร้านนั้น

1. 38 น. ถนน  requliersdwars straat กลางเมืองอัมสเตอร์ดัม
   โห!!  นี้มันต้องเรียกว่าถนนเกย์เลยครับ  แบบว่าเป็นแหล่งมันเลยอะ  สารพัดร้านจะมี  อยากเข้าร้านไหนเชิญเลือกได้ตามสบายเลยครับ

   “เดี๋ยวผมพานายทัวร์เองนะ  อืม....เราเริ่มกันร้าน Apil ก่อนดีกว่านะ”  ฮวนจูงมือผมเดินเข้าไปข้างใน  มันเป็นบาร์น่ะครับไม่ใช่เธค  เหมาะแก่การเริ่มต้นตอนหัวค่ำมากกว่า  สังเกตดูแล้วมีแต่คนอายุเยอะๆ แล้วทั้งนั้นเลยที่มาเที่ยว 50 up ไม่ไหว Shall we move now?”

   “อืม...  ไปเถอะไปร้าน SOHO แล้วกัน”  โจซวน เพื่อนของฮวนออกความเห็น

เราย้ายกันมาอีกร้านนึงครับ  คนเยอะมาก  อ้าส์ หนุ่มๆ เยอะดี  แต่งร้านก็สวยแต่ว่าดูหนักๆ โบราณๆ แบบอังกฤษมากไปหน่อย  ไม่ไหวอยู่นานๆ แล้วอึดอัดครับ  คราวนี้ฮวนเป็นคนชวนออกมาเองเลย

   “ร้านนี้ท่าทางจะเหมาะ” ผมเดินตามฮวนเข้าร้านที่สามชื่อร้าน ARC เป็นบาร์เก๋ๆ นะครับดูดีมีรสนิยม  ผมสั่ง Blue Hawaii มาดื่มราคาตั้ง 8.50 ยูฯแนะ ค่อนข้างแพงแต่รสชาติไม่เอาอ่าวเลย  เพราะเขาใส่วิปปิ้งครีมลงไปด้วย 

ฮวนสั่งไรมาไม่รู้อร่อยมากมันเป็นช้อคโกแลตเหลวผสมเหล้าใส่นมใส่น้ำแข็งมาด้วย  มีคนเข้ามาจีบเพื่อนของฮวนแล้วชวนพวกเราไปต่อที่ร้าน Exit ที่อยู่ข้างๆ ติดกัน  ค่าเข้ารวมค่าฝากเสื้อกันหนาวรวมคนละ 8.50 ยูฯ  มีสี่ชั้น  ชั้นล่างสุดเป็นบาร์คาวบอยเล็กๆ เปิดเพลงเบาๆ พอโยกๆ ชั้นสองเป็นบาร์เพลง pop แล้วก็มีห้องสำหรับเธคเทคโนฯ ด้วยเปิดเพลงเหมือนร้านดีเจฯที่สีลมซอยสองนั้นแหละครับ  ส่วนชั้นสามเป็นบาร์ R&B (ผมยืนส่ายอยู่ชั้นนี้จนได้เรื่องนั้นแหละครับ  แล้วเดี๋ยวจะบอกว่าเรื่องอะไร)  ส่วนชั้นสี่เป็นห้องน้ำกับห้องมืดครับ  ผมไม่กล้าเข้าไปทั้งที่สนใจอยากจะทดลองดูแต่พอดีว่าไม่มีเพื่อนมาด้วยเลยไม่อาจสามารถครับ

   “เป็นไง แนค สนุกไหม” ฮวนเดินเข้ามาถามพร้อมยื่นบุหรี่ยัดไส้มาให้ผมอีก  แต่คราวนี้ผมปฏิเสธไปครับ  ไม่กล้าลองอีกแล้วเจอเข้าไปหนนั้นที่เดียวเดินเท้าไม่ถึงพื้นเลยครับ  จนเสร็จไอ้โหดมันหนนั้นไง  แถมโดนใครบางคนด่าด้วยเลยไม่เอาดีกว่า  ขอผ่าน

“ก็สนุกดีนะ  เราชอบเพลงแนวนี้ด้วยนะ”  แสงสี  เสียงเพลงและฮวนที่ชวนพูดคุยมันทำให้ผมพอที่จะลืมๆ เรื่องที่รุมเร้าผมมาตั้งแต่ตอนเย็น

“นายจะดื่มอะไรอีกไหม  เดี๋ยวผมเลี้ยงแก้วนึง”  โห!  อย่านึกว่าเล็กน้อยนะครับ  นับว่าบุญโขแล้วครับที่ฝรั่งชาตินี้เมืองนี้มันเลี้ยง  ปกติเห็นมันเค็มกันเหลือเกินจริงๆสงสัยเป็นเพราะอยู่ใกล้ทะเล  การที่เขาจะเลี้ยงเราสักแก้สวนเป้นเรื่องที่ยากมากๆ ขอบอก 

“เบียร์แล้วกัน” แก้วละ 2.50 ยูฯ ครับ  ผมรับมาแล้วก็ถือคอยจิบอยู่อย่างนั้น  ฮวนก็ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย  จนกระทั้ง

“ขึ้นไปห้องมืดไหม? แนค”

“ไม่อะ  ขอบใจนะ  นายไปเถอะ  ตามสบาย” ก็อย่างที่บอกครับ  ไม่เปรี้ยวขนาดนั้น  ยังพอกรีดยางอายออกอยู่บ้างหรอกครับหน้าผมนะ   :-[

ผมปักหลักแดนซ์กระจายอยู่คนเดียวตรงนั้น  พอมันมึนๆ แล้วมันสนุกดีนะ  พยายามไม่คิดถึงไอ้โหดมันแต่ก็ยังอดคิดถึงมันไม่ได้อยู่  ป่านนี้มันจะไปนอนที่ไหน  หรือว่า....ห้องอัต  แล้วมันจะเสร็จไอ้อัตไหมนะ 

ทำไมผมถึงสงสัยอย่างนี้หรอครับ  ก็เพราะวันก่อนผมเจอมิกที่ซุปเปอร์(ลืมเล่า) น้องมิกเขามาชวนคุยโน้นคุยนี้ไปเรื่อยตอนเดินเลิกซื้อของ   จนมาถึงเรื่องของนายอัตที่เราสรุปตรงกันว่ามันน่าจะเป็นเกย์แบบแอบๆ น่ะครับ

“หวัดดี เพื่อนไปไหนแล้วหละครับ”  ฝรั่งมาจากไหนไม่รู้  อายุอานามคงแก่รุ่นๆ คราวพ่อแล้วเข้ามาทักผม

“ไม่รู้” ผมตอบก่อนรีบชิงหนีออกมา  เดินไปเดินมาไม่รู้จะไปไหน  ฮวนเองก็หายไปแล้ว  สงสัยขึ้นไปห้องมืด  ผมเลยตัดสินใจเดินลงไปนั่งที่บาร์ข้างล่างดีกว่า  ผมมันต้องลงบันไดกลับไปทางหน้าร้านก่อนแล้วค่อยผลักประตูเปิดก้าวเข้าไปในบาร์ได้  ใครวะคุ้นๆ เพิ่งเปิดประตูร้านเดินเข้ามา  หางตาผมเหลือบหันไปมอง

 :o อ๊ะ!! ไอ้โหดนี่ครับ  มันเพิ่งเข้ามากับไอ้อัต  ผมหละช็อกไปเลย  ถือประตูค้างจนคนข้างหลังสะกิดครับ ถึงจะได้สติ

มันมากับไอ้อัตแสดงว่ามันต้องค้างกับไอ้อัต แล้วแสดงว่ามันก็ต้อง...กับไอ้อัต   อ้ายยยยยยส์ มันน่าโมโหไหม  มาบอกว่าชอบกรูแล้วมาเที่ยวแรดๆ กับคนอื่น  มันทำงี้ได้ไง  ได้ๆ มันหยามหน้ากันเกินไปแล้วนะน้อง  เจอกันสักตั้ง  เรื่องอ๋อยคนนี้ผมถนัดนัก(ติดบ้างไม่ติดบ้างก็เถอะครับ)  ว่าแล้วเจมส์ บอนด์สายลับหน้าด่างอย่างผมก็ลงมือปฏิบัตการ mission impossible ทันที

ผมค่อยๆ สะกดรอยมันสองคนครับว่าจะไปหยุดที่ไหน  นั้นไง!! ครับหยุดตรงชั้น R&B เสียด้วย ดีเลยมรึง  เพลงชั้นนี่แหละเต้นแรดๆ ง่ายดี  ผมก็ไปสั่งเบียร์แก้วใหม่แล้วแถ เข้าใส่เลยครับ

“อ้าว! พวกนายมาด้วยเหรอ  นายมาได้ไงอะอัต  ผมไม่นึกว่านายจะเป็น...”  ผมหยุดไว้เท่านั้นครับ  เห็นสีหน้าตกใจแล้วทำเป็นออมแอมตอบของไอ้อัตแล้วสะใจดีครับ  แล้วก็เหยื่อรายต่อไปครับ...ไอ้โหด

“ไม่เจอกันนานเลยนะ  ไปอยู่ที่ไหนมาเหรอ  แต่ก็ดีเหมือนกัน  นายไม่อยู่ฉันจะได้ทำอะไรๆ สะดวกขึ้นหน่อย”  มันไม่ตอบแต่หันขวับมามองเลยครับ

“หวังว่าคืนนี้นายคงไม่กลับไปห้องนะจัสติน” ผมว่า

“อืม...คงไม่  จะค้างกับอัตต่อ”  แล้วมันก็โอบไอ้อัตเฉยเลยครับ  ไอ้นั้นก็นะยิ้มหน้าบานเป็นจานเปลเชียว  เห็นแล้วมันจี๊ดครับพี่น้อง  มันจี๊ด....

“ดี!!  ขอบใจที่ให้ความร่วมมือ”  แล้วผมก็เดินลงมาตั้งหลักวางแผนใหม่ครับ  ท่าทางมันสองตัวคงนัวกันมาแล้วแน่เลย  โอบกันซะขนาดนั้น  ได้!! มรึงนัวกันได้เดี๋ยวกรูหาคนมานัวมั่ง  แต่ว่าจะเอาใครดีวะ
อะๆ!! นั้นไง...หน้าตาพอประมาณ หุ่นกำลังโอเค  เข้าไปทำขอจุดบุหรี่ดีกว่า...

....แล้วก็มารยาสุดชีวิต ตอนแรกนึกว่าจะโดนถีบออกมาแล้ว แมร่ง!! ทำหน้าดุซะงั้น แต่ว่ามันก็ยื่นมือมาจุดบุหรี่ให้ผมครับ  ผมก็ อะนะ! จัดการขั้นสอง  ชวนคุยโน้นคุยนี้ไปเรื่อย  คือโชคดีอย่างว่าที่ร้านนี้ขึ้นชื่อว่าฝรั่งฮอลแลนด์จะมาจิกคนเอเชียครับ  สังเกตดูก็ เออ! ท่าจะจริง  เพราะว่ามีคนเอเชียเยอะมาก  ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามันจะสนผมหรือเปล่าเพราะว่าฝรั่งบางคนก็ไม่ชอบคนเอเชีย 

แต่คราวนี้โชคเข้าข้างผมครับ  โดนเข้าจังเบอเลย  มันไม่ไล่ผมหนี  ก็น่าจะพอลุ้นเนอะ  ผมเลยทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์บอกว่าหลงกับเพื่อนหาเพื่อนไม่เจอ  ให้มันพาเดินเที่ยวชมรอบๆ ร้านหน่อยไม่กล้าเดินคนเดียว อิอิ  ความจริงไอ้ฮวนพาทัวร์แล้ว  มันก็ดี  สาระแนทำหน้าที่ไกด์เต็มที่  ผมไม่ได้ดูรอบๆ ร้านอย่างที่บอกมันหรอก  มองหาไอ้สองตัวนั้นมากกว่า  หวังว่ามันคงยังไม่หนีออกไปไหนเสียก่อนนะ

นั้นไงครับ  ยืนอ้อล้อกันที่ทางขึ้นชั้นสี่  มันจะขึ้นไปปี้กันหรือไงวะ  ว่าแล้วผมก็ลากมือไอ้เซอร์บัสเตียน(ชื่อมันยาวต่อไปผมเรียกว่าไอ้โง่นะครับ  ก็ เซอร์ = เซ่อ = โง่ ไง) ผมลากมือไอ้โง่ไปยื่นเต้นอยู่ใกล้ๆ มันสองคน  พวกมันก็หันมามองเหมือนกันแต่ผมก็ไม่สน เต้นยั่วไอ้โง่สุดชีวิต  เบียดๆ สีๆ ลูบขึ้นลูบลง  เพลงก็นะเป็นใจสุดๆ ฮ่าๆ  แล้วไอ้โง่มันก็

“ขึ้นไปเที่ยวข้างบนไหม”

“นายอยากขึ้นไปหรอ?  เอาสิ! ตามใจนาย  นายเป็นไกด์นิ”  ผมเลยเดินจูงมือไอ้โง่เบียดผ่านหน้าสองคนนั้นขึ้นไปชั้นสี่เลยครับ  มันก็หันมาดูกันใหญ่  ผมก็ไม่สน  ลากไอ้โง่เข้าเขาวงกตแห่งห้องมืดเลย 

พอเข้ามาถึงไอ้โง่ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลย กะจะเอากรูอย่างเดียวจริงๆ เพิ่งเดินเข้ามาได้นิดเดียวเองมันดันผมติดฝาผนังเลยครับ  จูบสุดฤทธิ์ ผมก็ยอมๆ หนีๆ ไปตามเรื่องแบบว่าอ่อยไงครับ ฮ่าๆ ของแบบนี้มันต้องล่อให้อยากมากๆ หน่อย  ล่อไปล่อมากรูก็ทำท่าจะอยากขึ้นมามั่งแล้ววะ เลยนัวมันซะงั้น 

แต่เอะ! มือใครมาจับๆ นะ  :confuse: ก็อย่างว่าหละครับไอ้พวกมือที่สามชอบมีส่วนร่วมมีเยอะครับในห้องมืด  แต่ว่าทำไมมันจับๆ คลำๆ ไปทั่วๆ แล้วไปจับหัวผมวะ  จับดูผมผมด้วย  เฮ้ย!  มันจะลากมือผมออกมาเลยครับ  แต่ไอ้โง่ก็ดึงขืนไว้ มันก็เข้ามาเบียด  ไอ้โง่ก็ผลักมันออก ผมก็งงๆ แต่ก็ดีผมไม่ได้อยากมีไรกับไอ้โง่เท่าไร แต่ว่ากำลังเคลิ้มเลยครับไม่อยากก็กำลังจะอยากอยู่เลยเชียว  เลยถือโอกาสจะจูงมือไอ้โง่ย้ายออกไปที่อื่น  ไอ้นั้นก็มาเกะมือผมออกจากมือไอ้โง่แล้วเอาไปจับไว้แทน 

ไอ้โง่ก็ตามมาคว้ามือผมไปจับอีก มันก็แกะออก  ก็แกะกันไปแกะกันมาจนกรูงง ว่าอันไหนเป็นมือใคร  ปากใคร  มั่วกันไปหมด  มืดก็มืดมองไม่เห็น  จนมันดึงผมผมลากออกมานั้นแหละครับ  โอ๊ย!!  ใครวะดึงหัวกรู 
อ๊ะ!!!  ไอ้โหด!!!!!!!

‘ผัวะ’ มันตบกะโหลกผมอีกแล้ว  :sad4:

“เข้าไปทำไม  ทำกันที่อื่นไม่พอหรือไงถึงต้องมาทำกันที่นี่”

“แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย  ฉันไม่ได้มากับแกนะ  โน้น!! ไอ้อัตโน้น  ตามไปเทคแคร์มันดิ  ไปไป๊” ผมตะหวาดไล่มันแล้วชี้ไปทางไอ้อัตที่ยืนมองอยู่ที่บันไดทางลง

‘ผัวะ’   ....โอ๊ย!!!!   แล้วผมก็หัวคะมำรอบสอง  คราวนี้แรงมากๆ

“กลับบ้านกับฉันเดี๋ยวนี้เลย  ไม่ต้องไปไหนแล้ว” มันลากมือผมลงบันไดผ่านหน้าไอ้อัตมาเฉยเลยครับ  สม!!~  ยืนบื้อใบ้แด๊กไปเลยมรึง  อิอิ  อยากมาแย่งของกรูดีนัก  ไง? กรูเอาคืนจนได้  อิอิ  ไอ้สาระเลว

ความจริงผมก็ทำเป็นเถียงมันมากกว่านี้ก่อนจะออกมาจากร้านได้ แต่จำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไรมั่ง  ด่าไอ้อัตเป็นภาษาไทยด้วย ฮ่าๆๆ  ก็ด่าเป็นอังกฤษไม่ได้นิ  อย่าว่าคนเมาเลยนะครับ  :try2:
.........................................................................................
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 29-12-2006 05:04:56
เพิ่งตามอ่านจบนะเนี่ย  ไม่รู้ว่ามีบันทึกรักมันส์ ๆ อยู่ในนี้ด้วยอะ  จริงๆ แล้วเป็นคนไม่ชอบอ่านบันทึกคนนะ  มันดูเนือย ๆ ไม่น่าสนใจ  แต่ว่าของคุณอ้าวเอง (อ่านงี้ใช่ปะคะ)  สนุกมาก ๆ  ครบรสคับท่าน 

เป็นคนทำอาหารเก่งเลยดิเนี่ย  สมกับเป็นกุลเกย์ อิอิ   ว่าแต่เสน่ห์แรงใช่เล่นนา  อ่อยเก่งอีกต่างหาก   อยากบอกว่าชอบจัสตินนะคะ  เอาให้อยู่หมัดละ  ยังไงจารออ่านต่อเน้อ   :yeb:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 29-12-2006 10:06:56
 :-[ :-[ :-[ :-[ ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 29-12-2006 10:14:45
กร๊ากกกมันๆ เร้าจาย นี่มันชีวิตจริงๆของเกย์ชัดๆ
 :kikkik:
ยั่วไปยั่วมา ตามใจฉัน
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-12-2006 10:25:09
หุหุ สมน้ำหน้าตาอัต  :kikkik:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: เก๋าดี ที่ 29-12-2006 15:07:49
โหยยยยยยย :pigscare2: :pigscare2:

หนุกๆ :piglove2: :piglove2:

ต่อเลยคับ

หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 21:53:33
เพิ่งตามอ่านจบนะเนี่ย  ไม่รู้ว่ามีบันทึกรักมันส์ ๆ อยู่ในนี้ด้วยอะ  จริงๆ แล้วเป็นคนไม่ชอบอ่านบันทึกคนนะ  มันดูเนือย ๆ ไม่น่าสนใจ  แต่ว่าของคุณอ้าวเอง (อ่านงี้ใช่ปะคะ)  สนุกมาก ๆ  ครบรสคับท่าน 

เป็นคนทำอาหารเก่งเลยดิเนี่ย  สมกับเป็นกุลเกย์ อิอิ   ว่าแต่เสน่ห์แรงใช่เล่นนา  อ่อยเก่งอีกต่างหาก   อยากบอกว่าชอบจัสตินนะคะ  เอาให้อยู่หมัดละ  ยังไงจารออ่านต่อเน้อ   :yeb:


thnks a lot.  warm welcome to my love diary  :piglove2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 21:56:46
หุหุ สมน้ำหน้าตาอัต  :kikkik:


ใช่ๆ อย่างมันนะต้อง  :3125:





กร๊ากกกมันๆ เร้าจาย นี่มันชีวิตจริงๆของเกย์ชัดๆ
 :kikkik:
ยั่วไปยั่วมา ตามใจฉัน


 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:




:-[ :-[ :-[ :-[ ชอบๆๆ


ชอบที่ผมร่านเหรอครับ  :3128:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 22:03:33
โหยยยยยยย :pigscare2: :pigscare2:

หนุกๆ :piglove2: :piglove2:

ต่อเลยคับ



yub. then let's goooooooooooooooooooooo

................................................................................

“ไง? ไปทางไหนต่อหละแก”  ผมถามตอนพากันมาหยุดอยู่ตรงทางแยกที่แบบว่าไม่คุ้นเคยอย่างแรง  ก็ไม่รู้ว่ามันลากๆๆ ผมมาทางไหนนิ  ตอนมาผมไม่ได้มาทางนี้เสียหน่อย

“ไม่รุ” อ้าว! เวรของกรรม ไอ้ดำหน้าเหี่ยว(ผมเองแหละ)  “ถามเค้าเอาก็ได้  แล้วตอนแกมาแกมายังไง” มันหันมาถามผม  แล้วผมจะรู้ไหม นึกว่าจะไปถามเทวดาไหนที่แท้ก็ผมนี้เอง  ไอ้เวร!

“เออ!  รอแป๊บ เดี๋ยวมา”  ผมเลยต้องปฏิบัติหน้าที่นางงามจักรยานแทนในเมื่ออันดับหนึ่งทำหน้าที่ไม่ได้อันดับก็ต้องสวมรอยทันควัน  แล้วคุณคิดดูนะถามทางตอนเมาๆ  นะมันเข้าใจดีชะมัดยาก  ผับผ่า!!
......................................................................................................

“เอา!  นอนซะ” มันทุ่มผมลงใส่เตียง  ทำไมผมมึนมากอย่างนี้ไม่รู้หรือว่าจะล่อไปหลายขนานเกิน เหล้าเอย เบียร์เอย คอกแทลเอย  ไหนจะปุ๊นที่ไอ้ฮวนมาพ่นปุ๋ยๆ อยู่ข้างๆ นั้นอีก  สรุปว่าเมาครับ ก็ล่อไปหลายอย่างหลายแก้วเหลือเกินนิเนอะ

“แล้วแกจาปายหนายอะ?” ผมถามตอนเห็นมันเปิดประตูออกไป

“ไปต้มน้ำ”

“ต้มทำไม?” ผมยันตัวขึ้นมาถามอย่างทุลักทุเล

“ไม่ต้องลุกมาเลย  ฉันจะไปต้มให้นายกินไง  ได้กาแฟร้อนๆ สักแก้วคงดีขึ้น”

“อืมๆ  แต่ไม่ต้องหรอกไม่เอากาแฟ  ไม่ชอบ  แกมานั่งนี้ก่อน” ผมตบเตียงข้างๆ เรียกให้มันมานั่ง

“ทำไม?”

“แกชอบฉันจริงๆ หรอ?”

“อืม... ทำไม?  นายลำบากใจมากนักหรือไงแนค  ถ้านายไม่ชอบฉันก็ไม่เป็นไรนิ”

“แล้วถ้า....”

“ถ้าอะไร?” มันหันมาขมวดคิ้วใส่ผม ผมเลยถามว่า

“แล้วถ้าอย่างนี้หละ” ผม....จุ๊บ! มันไปทีหนึ่งแล้วก็มองหน้ามันรอดูว่ามันจะทำยังไงต่อ  :-[

“ก็ จุ๊บ! ตอบไง”  มันทำหน้าแบบว่าทะเล้นๆ ใส่ผม  ผมเลยคว้ามันมาจ๊วบปากเสียเลย...อืมมมมมมมมส์ ผมไม่ว่างเขียนแล้วนะ  ไปทำกิจกามก่อน  อิอิ  บายครับ  :like6:

25 Mar. 2006

12.56 น. บนเตียง
ผมนอนกอดใครบางคนอยู่ครับ  ท่าทางมันจะยังไม่ตื่น  ก็นะเมื่อคืนกลับมาก็ดึกแล้วแถมยัง..... ฮ่าๆๆๆ  จนสว่างคาตาครับ  ไม่ต้องบอกก็คงรู้นะว่าอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้  ผลัดกันรุกผลัดกันรับยังกะฉากบู๊ในหนังจีนกำลังภายในเลย ฮ่าๆๆ

ดูๆ ไปมันก็เริ่มจะฉายแววความหน้าตาดีให้ผมเห็นบ้างแล้วครับ  สงสัยเมื่อก่อนไม่ได้คิดกับมันแบบนี้  ความเกียจเลยบังตาทำให้มองไม่เห็นว่ามันหล่อตรงไหน ฮ่าๆๆ 

ผมตัดสินใจแล้วครับว่าผมจะชอบมันจริงๆ หละคราวนี้ เอาไงเอากัน  ไหนๆ ก็มีฝรั่งมาชอบทั้งที  โอกาสแบบนี้หายากเนอะ  เลยกลายเป็นว่าผมถึงเยอรมันที่ฮอลแลนด์  มันดูงงดีไหมครับเนี้ย...  เอ!!  ผมมาถึงไหนบ้างแล้วนะ  เกือบถึงฝรั่งเศส  ถึงเยอรมันหลายครั้ง  ถึงฮอลแลนด์แล้ว  แล้วก็ถึงเยอรมันที่ฮอลแลนด์อีกที   คุ้มดีไหมครับผม...

17.55 น. หน้าโรงหนังเล็กๆ โรงเดียวกลางเมือง(หรือจะหลายโรงแต่ผมไม่รู้)
“ตกลงจะดูเรื่องไหนดีละ”

“ใจจริงอยากดูเรื่อง New World กับ Brock Back Mountain นะแต่ว่าเรื่องแรกยังไม่เข้าเรื่องหลังก็ฉายรอบสามทุ่มกว่าแนะ” ความจริงมีเรื่อง Ice age II ด้วยแต่ไม่กล้าบอกมันเพราะมันบอกว่าเรื่องนี้เหมาะสำหรับเด็ก ผมหละเซ็งจิตจริงๆ

“งั้นดูเรื่องนี้ดีกว่าเนอะ” มันชี้ไปที่ Inside man “เพิ่งเข้าด้วย  ฉายรอยหกโมงครึ่ง  พอดีเลยอีก 15 นาทีเอง  มีเวลาเข้าห้องน้ำก่อนด้วย  เอาไหม”

“แกชอบดูหนังแนวนี้เหรอ?”

“อืม!!  สนุกดี  ชอบฉากบู๊แอ๊คชั่นนะ”  เหมาะกับหนังหน้าโหดๆ ของมันมากกกกกกกกกส์

“ตามใจแกแล้วกัน”  ผมน่ะเป็นคนไม่ค่อยชอบดูหนังหรอกครับ  เบื่อบรรยากาศจากคนรอบข้างในโรงที่บางครั้งทำให้เสียอารมณ์เลิกอยากดูไปเลยก็ได้เพราะว่าอยากด่าคนที่ส่งเสียงน่ารำคาญอยู่ข้างหลังมากกว่า....

...ได้มาแล้วครับ ดูโรงแปด  ค่าตั๋วคนละ 8.50 ยูฯ แพงเหมือนกันเนอะ  แต่ไม่เป็นไรถือว่าหาประสบการณ์เอาก็แล้วกัน  แต่ว่าขนาดอยู่เมืองไทยมี Subtitle ให้ด้วยยังอ่านไม่ค่อยทัน  คราวนี้มีซับเป็นภาษาดัทช์ผมจะอ่านทันไหมนะ  แล้วจะดูกันรู้เรื่องไหมน้า  ภาษาอังกฤษผมมันก็ช่างดีเหลือหลายอยู่ด้วยสิ  ผับผ่า!!...  :try2:

20.43 น. บนถนนกลับบ้าน
“นายว่าหนังเมื่อกี้เป็นไงบ้าง?”

“บอกตรงๆ เลยนะว่า...ไม่ได้เรื่อง  สับสนวะ  นึกว่าจะบู๊ล้างผลาญ  ระเบิดกันแหลกลาญที่ไหนได้ดันมีตลกปนเสียด้วย” คือผมสังเกตเอาจากที่คนในโรงเขาหัวเราะกันนะครับ  ผมเลยเหมาว่ามันตลก   :confuse: แต่ที่ว่าสับสนนะเพราะมันตัดภาพไปมา  ผมฟังไม่รู้เรื่องอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยยิ่งเวียนหัวไปกันใหญ่

“เดินเร็วๆ สิ  ฝนตกหนักลงมาแล้ว” จริงด้วยครับ  เมื่อกี้ตกลงมายังกะเหยี่ยวจักจั่นแต่ตอนนี้ผมว่าอาจมีสิทธิ์เปียกก่อนเดินถึงบ้านแน่เลยครับ  แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นครับ คือมันถอดเสื้อกันหนาวมันมาคลุมหัวให้ตัวมันเองกับผม “ขยับเข้ามาอีกสิ”

“เฮ้ย!!  ไม่ต้องก็ได้  เสื้อฉันก็มีหมวก”  ผมทำท่าจะขยับออกแล้วก็แกะหมวกที่มันม้วนเก็บอยู่ออกมา

“ไม่ต้องแกะเลย  ทำไมรังเกียจเหรอ?  จะเดินไปอย่างนี้ไม่ได้หรือไง”  แล้วผมจะทำไรได้ครับนอกจากเดินยิ้มอย่างเดียว  น้ำเน่าจริงๆ เลยแก...ไอ้บ้าโหด  ไอ้โหดของกรู
.............................................................

 “หิวอะ  หาอะไรให้กินหน่อยสิ”

“ไม่รู้ว่ามีอะไรเหลือพอกินได้บ้าง  ตอนนายไม่อยู่เลยไม่ค่อยได้ซื้ออะไรมาเก็บไว้นะ” เมื่อบ่ายก็ไม่ได้ดูครับ  อาศัยว่าออกไปกินข้างนอกกัน

“เอาเหอะ!!  มีอะไรเหลือๆ ก็เอามาเหอะ  กินหมดแหละ”

“อืมมม...  แป๊บนะ  ไปดูในครัวก่อน” 
.............................................................

ผมคว้านหาได้แค่แกงจืดแตงกวายัดไส้หมูสับที่เหลือจากวันก่อนก็เลยจัดการอุ่นมาให้มัน  หากล้วยหอมได้มาอีกหนึ่ง  กับคุกกี้อีกนิดหน่อยเลยจัดการจัดใส่จาน  แล้วต้มน้ำร้อนรินใส่แก้วใส่ถุงชามาให้ด้วยอีกแก้ว  ส่วนตัวเองคว้าโยเกิร์ตในตู้เย็นมาราดสตรอเบอรี่แสนเปรี้ยวที่เพิ่งซื้อมากินกับชาร้อนๆ อีกแก้วล้างคาวปาก

“ขอบใจมากนะ  แต่ว่ามันจะกินได้หรอซุปอะไรของนายถ้วยนี้นะ” มันถามตอนลงมือจะกินแต่เห็นตะกอนในน้ำแกง  ก็ผมใส่ไข่ลงไปด้วยอะครับแล้วคนให้มันแตกๆ มันเลยจับตัวกันเป็นก้อนๆ ตกตะกอนเหมือนว่ามันบูดแล้วน่ะ

“กินได้สิ  เมื่อกี้ก็ชิมมาแล้ว”

“ไม่เชื่ออะ  แนคลองกินให้ผมดูก่อนสิ” มันตักไส้หมูในถ้วยยื่นมาจ่อตรงหน้า  เอ้า!! กินก็กินวะ  ไม่เห็นจะเป็นเลยเมื่อกี้ก็กินมาแล้ว  ยังไม่บูดเสียหน่อยทำไมจะไม่กล้ากิน 

“อามมมมม  อร่อยไหม?  ผมป้อน”

“..........” ผมเงียบไปเลยครับ  มันอิ่มอยู่ข้างในลึกๆ พิกล  พูดอะไรไม่ออก  ได้แต่ยิ้มให้มัน  :impress:

“เอาอีกคำนะ  จะได้ตัวโตๆ” 

แล้วผมจะรอดมือมันไปได้ยังไงครับแบบนี้
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: nai ที่ 29-12-2006 22:12:37
hi see u again แล้วคุยกันครับ  :-[
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 22:20:15
hi see u again แล้วคุยกันครับ  :-[

 :o :o

หวัดดี  ไอ้ปัญญาอ่อน :monkeylaugh2:

..........................................................
26 Mar. 2006
15.26 น. ชายหาดเมือง Den Hagg

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/33419449_50a7d524c8.jpg)

“ลองกินปลา Haring กันไหม?”

“กินแบบสดๆ เหรอ  ไม่เอาอะ  แกกินคนเดียวเหอะ ฉันขอแบบทอดดีกว่า” ผมขยาดเล็กๆ ครับ  ขนาดชูชิผมยังไม่ค่อยกล้าเขมือบเลย  นี้เล่นแล่กันสดๆ เห็นจะๆ คาตาแบบนี้ไม่ไหวครับ  ขอถอยดีกว่า  ไม่เอาดีกว่า

“เฮ้ย! ได้ไง...  มาฮอลแลนด์ทั้งที่นายต้องลองสิ  มันเป็นคล้ายอาหารประจำชาติเลยนะ  เหมือนต้มยำกุ้งบ้านนายไง” มันยังไม่วายขยั้นคะยออีก  ผมเลยต้องฉลองศรัทธามันเสียหน่อย  ก็งี้หละครับ...คนมันเพิ่งจะหวานกัน  พอชี้นกก็ว่านกชี้ไม้ก็ว่าไม้  ไม่อยากค้านให้หมองหมาง  แต่ส่วนใหญ่ผมจะเป็นฝ่ายคล้อยตามมากกว่า  อย่างวันนี้เป็นต้น...ไอ้โหด(ที่ตอนนี้กลายเป็นหวานใจผมแล้ว)ชวนมาเที่ยวทะเลกัน  มันบอกว่าอากาศดีๆ อย่างนี้(เมฆเบาบาง  แสงแดดสาดส่อง  สายลมโบกโชย  อุณหภูมิประมาณ 13-14 องศา) ควรจะไปเดินเล่นชายทะเลกัน  ผมเลยวาดฝันว่าคราวนี้แหละ!!  กรูจะได้ร่อนลงทะเลฮอลแลนด์เป็นขวัญตาคนแถวนี้เสียที(หรือเปล่า?)…

...แต่ผิดคาดอย่างแรงครับ  พอมาถึงอากาศเจือกเปลี่ยน  แดดหุบ  ลมกรรโชก  เมฆหนาฟ้าปิด  น้ำทะเลเย็นเจี้ยบเลยครับ  เป็นอันว่าอดโชว์พุงน้อยๆ ของผมเลย  นึกว่าจะเหมือนบ้านเรา  ไอ้โหดหัวเราะจนน้ำตาไหลเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังกับทะเลที่นี้ของผม  ก็คนมันไม่เคยมาทะเลที่ยุโรปนี่หว่านึกว่าจะเหมือนที่บ้าน  สุดท้ายก็ได้แค่เดินเล่นริมชายหาดไปเรื่อยๆ เดินเล่นไปกันลำพังสองคน มีความสุขไปอีกแบบ 

ระหว่างเดินกันไปเรื่อยมีการแอบโอบกันด้วย  ก็เขินนะครับแต่ว่ารู้สึกดีไงเลยยอม  แต่ว่าก็โอบๆ ปล่อยๆ นะครับแบบว่าทำเนียนว่าเพื่อนกันไง  ก็อายคนดิครับไม่ใช่ชายหาดส่วนตัวนิ  จะได้ทำไรก็ได้ตามใจชอบ  นี่...ชาวบ้านร้านตลาดเดินกันให้ขวัก

“ไง?  รสชาติเป็นไง”  ผมถามหลังเห็นมันแหงนหน้ากระเดือกไอ้ปลาตัวยาวๆ นั้นเรียบร้อยแล้ว

“ก็โอเคนะ  ถึงตานายแล้ว  ห้ามเบี้ยวนา” มันว่า

“แกกินแทนหน่อยดิ  นะๆ แล้วเดี๋ยวฉันเลี้ยงกาแฟแกแก้วนึง”

“ไรวะ?  มั่วนี้หว่า  แต่เออ...ก็ดีเหมือนกัน  หากาแฟกินล้างปากดีกว่า” ว่าแล้วก็เดินลากมือผมไปเฉยเลย....
.............................................................

(http://i2.photobucket.com/albums/y32/ellyn27/Leiden/060908066.jpg)

จริงสิครับ!!  เมื่อตอนอยู่ริมทะเล  เราสองคนคุยกันหลายๆ เรื่อง  จนกระทั้ง

“แกเคยมีแฟนมาก่อนไหม จัสติน”

จัสตินมันบอกว่า  “ผมเคยมีแฟนมาแล้วสามคน  คนแรกก็คบกันอยู่แปดเดือนแล้วก็เลิกกันไป  พอคนที่สอง...เขาบอกว่าผมไม่มีเวลาให้เขา  ก็ตอนนั้นผมกำลังยุ่งเรื่องทำเรื่องจบอยู่มันเลยยุ่ง  เขาเกิดไม่พอใจขึ้นบวกกับมีคนใหม่เข้ามาด้วยเลยเลิกกันอีก  ส่วนคนที่สามเรารักกันมากนะ  แต่ว่าเขาต้องไปเรียนต่อที่สวีเดน”

“แล้วไงต่อ?”

“ฮึ!! ก็ไม่มีอะไรแค่เขาแต่งงานกับหนุ่มที่นั้น”

“หา!!!! แล้วแกทำไง?  เรื่องมันแย่มากๆ เลยนะฉันว่า”  เป็นผมนะต้องปวดใจอย่างแรงแน่ๆ ไม่ต้องสงสัย 

“ใช่!! มันเป็นเรื่องที่แย่เอามากๆ เพราะอย่างนี้ไงผมถึงไม่อยากมีแฟนอีก” มันพูดเศร้าๆ ครับ ”แนค เชื่อไหมว่าพอสุดสัปดาห์เมื่อไหร่  ผมจะอยู่คนเดียวไม่ได้เลย  มันทนไม่ได้จริงๆ ผมเห็นผู้คนมากมายมีใครคอยอยู่ด้วยข้างๆ  แต่พอหันมามองดูตัวเองกลับไม่มีใครเลย  ก็เลยต้องออกไปเที่ยวเธคบ่อยๆ เที่ยวเสียบ่อยจนบางครั้งก็เบื่อ  เบื่อจนต้องถามตัวเองว่า  ‘แกมาทำไรที่นี่วะ จัสติน’ นายเคยเป็นอย่างนี้ไหม?”

“ทำไมจะไม่เคย  ฉันก็เคยเป็นเหมือนกันวะ  เป็นออกบ่อยไป”  จะว่าไปแล้วผมกับมันก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่  ผมก็โดนคนอื่นแย่งแฟนไปเหมือนกัน แง  เศร้า+.+  อย่างว่าหละครับคนหน้าไม่โสภาอย่างผมจะเอาอะไรไปรั้งเขาไว้ได้

“แต่ตอนนี้ผมไม่เป็นอย่างนั้นแล้วหละ”

“เออ...  เอ็งเก่ง”   ผมยืนทอดสายตามองขอบฟ้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม  ไกลแสนไกลออกไปนอกชายฝั่ง  “ตรงนั้นมันจะเป็นประเทศอะไรนะ”

“ประเทศไทยมั่ง”

“มั่วแล้วแก...  ประเทศไทยมันจะอยู่ตรงนั้นได้ไงในเมื่อต้องเจอพวกอเมริกาแคนนาดาก่อนไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ลองมองไปให้ไกลกว่านั้นอีกสิ  มองไปไกลๆ แล้วจินตนาการเอา  แล้วเราจะเจอในสิ่งที่เราอยากเห็น  ไม่เชื่อก็ลองทำดูสิ”  มันว่ามาอย่างนี้ครับ  ผมได้แต่อึ้ง อึ้ง แล้วก็อึ้ง  ก่อนที่จะทำตามอย่างที่มันว่า 

มันก็คล้ายหลอกตัวเองเหมือนกันนะแต่ว่าก็ดีครับ  แก้คิดถึงคนทางบ้านได้ดีในหลายระดับ แล้วต่อไปนี้ผมไม่ต้องไปยืนมองขอบฟ้าริมทะเลบ่อยๆ เสียแล้วหรือครับเวลาที่ผมคิดถึงมันขึ้นมา  ไอ้บ้าโหดเอ้ย!!  ทำไมฉันต้องเกิดมาชอบแกขึ้นมาด้วยวะ  ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันจะชอบฝรั่งอย่างแกได้ 

“ทำไมหน้าฉันมีอะไรผิดปกติเหรอ”  ผมถามหลังจากที่สังเกตเห็นว่าไอ้โหดมันแอบมองหน้าผมแล้วอมยิ้มคนเดียวหลายรอบแล้ว  แต่ความจริงมันก็ทำอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนเดินด้วยกันริมทะเลแล้วหละครับ  แต่ผมยังไม่อยากถาม  คือคิดไปเองว่ามันมองไปเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรในก่อไผ่  บางทีผมเผลอยืนมองขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ โน้นนานไปหน่อย  ก็เหมือนว่ามีคนมองมา  พอหันไปมองก็เห็นมันส่งยิ้มมาให้อยู่แล้วครับ

“ไม่มีอะไร...  ทำไม?  มองหน่อยไม่ได้หรือไง”  อุ้ยๆ มีแอบหวานด้วยครับ  ผมหละเขิ้นเขิน :-[ :-[

“เห็นแกมองบ่อยๆ เลยสงสัยนะ”

“ก็พยายามมองว่า...  หน้าแนคบวมขึ้นหรือเปล่า  ดูๆ ไปคล้ายบอลลูนนะ ฮ่าๆๆ” มันยังมีหน้ามาหัวเราะอีกตอนผมไล่เตะมัน  ดูมันดิครับ  ผมกำลังจะสวีทแต่มันเจือกมาว่าหน้าผมขึ้นอืด  อย่างนี้มันต้องตื้บๆๆ ว่าไหมครับ?

(http://i2.photobucket.com/albums/y32/ellyn27/Leiden/060908072.jpg)

22.00 น. ห้องโถงหน้าบ้าน
“ขอบใจนะที่วันนี้แกชวนฉันไปเที่ยวทะเล  แกรู้ไหมว่านี้เป็นครั้งแรกของฉันกับน้ำทะเลเย็นๆ แบบนี้”

“คงไม่เหมือนที่เมืองไทยบ้านนายดิ  ฉันเคยไปภูเก็ตมา  ที่นั้นสวยมากน้ำทะเลก็อุ่นด้วย” จริงครับ  ผมไม่เคยคิดว่าน้ำทะเลมันจะเย็นได้ถึงขนาดนี้  เป็นความรู้ใหม่สุดๆ  “แต่ก็ขอบใจ แนค นะที่ไปเป็นเพื่อนผมวันนี้  ผมอยากบอกว่าผมสนุกมากเลย” ตรงไหน?

“อืม...ไม่เป็นไร” 

“ขอบใจนายอีกครั้งนะแนคที่มาเจอผมที่นี่  ผม...จะพูดว่าไงดีล่ะ  ผมรู้สึกดีจริงๆนะที่ได้เจอกับแนค ทานข้าวเย้นกับแนคเดินเล่นกับแนค  ที่สำคัญผมคิดว่าผมชอบแนคมากจริงๆนะ  ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากห่างจากแนคเลย” มันจับมือผมทั้งสองข้างขึ้นมาเขย่าเบาๆ แล้วกระชับจับบีบเอาไว้แน่นๆ  ค้างอยู่อย่างนั้น

ผมฟังแล้วน้ำตามันจะไหลครับ เลยเดินเข้าไปกอดมันแน่นๆ พยายามให้แน่นมากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้  ซบหน้าลงกับบ่าแข็งๆ ของมัน  มันเองก็ซบทับลงบนหัวลงอีกที  มันกอดผมแน่นเท่าที่ผมกอดมันเลยครับ  เรายืนกอดกันอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่...ไม่มีใครรู้  ผมรู้แต่ว่าผม...  ผมจะบอกว่าไงดีนะ  ให้มันตรงกับความรู้สึกที่อยู่ลึกๆ ในใจผมตอนนี้ 

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าระยะเวลาเพียงไม่นานมันจะทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับใครสักคนที่มีความแตกต่างกันได้มากถึงเพียงนี้  เรามาจากที่ต่างกัน  พูดกันคนละภาษา  ฟังแล้วรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง  มันอาจเหมือนนิยายน้ำเน่ามากๆ ที่ตอนแรกเราไม่ชอบกันสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่ากลับมารู้สึกต่อกันดีๆ อย่างนี้  แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ บนโลกเบี้ยวๆ บูดๆ ใบนี้ครับ 

ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวเหล่านี้มันจะจบลงตรงไหน  จบอย่างไร  แต่ผมก็ไม่เสียใจหรอกนะหากมันต้องจบลง...แต่คงทำไม่ได้ Y.Y ผมเดินทางมาครั้งนี้ไม่ได้คาดหวังว่าผมจะเจอคนสักคนที่จะกลายมาเป็นคนพิเศษ  คุณลองคิดดูนะครับว่า  คนที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะหน้าตาดีจนมีใครมาให้ความสนใจอย่างผม  คนที่คอยคิดอยู่เสมอว่าจะมีใครสักคนไหมที่มองผ่านหนังหน้ายับย่นอันนี้เข้ามามองกันข้างใน  ใครสักคนที่จะมอบความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน  ผมอยากได้ความรู้สึกดีๆ จากใครสักคนหนึ่งโดยที่ไม่ต้องสนหรือคำนึงถึงเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากเสียงที่มันดังก้องอยู่ในใจเท่านั้น

ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ได้มานั้นมันเป็นของจริงหรือไม่  มันจะยาวนานหรือยั่งยืนหรือเปล่า  ผมรู้เพียงแต่ว่า...ตอนนี้ผมได้รับมัน  ผมรับรู้ได้ถึงมันว่ามันวิ่งวนอยู่รอบๆ ตัวผม  นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่เคยพบพานมันเลย  ผมเคยเชื่อว่าผมคงไม่มีทางจะได้พบเจอมันอีกแล้วในชีวิตนี้  แต่ก็ยังพยายามค้นหา  หาจนเหนื่อย  เหนื่อยจนท้อ  ท้อจนเริ่มสิ้นหวัง  มีเพียงความหวังเล็กๆ ที่แอบซุกซ่อนอยู่มุมที่มืดมิดของความนึกคิดซึ่งคอยหล่อเลี้ยงหัวใจผมไม่ให้มันแห้งผากมากนัก  ความหวังเล็กๆ ที่เหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาขับไล่ความเหน็บหนาวอ้างว้างเปลี่ยวเปล่าเมื่อความเหงาเข้ามาเกาะกุมหัวใจผม  มันช่างแสนทรมานเกินกว่าที่จะอธิบายให้ใครบางคนร่วมเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกนี้

ผมหวังว่าสักวันหนึ่งผมอาจจะได้พบเจอความรู้สึกที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้...  ผูกผันกับใครสักคนหนึ่ง  แม้ไม่รู้ว่ามันจะดีหรือร้าย  หากอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้กัน  เราหัวเราะด้วยกัน  กินข้าวด้วยกัน  เดินเคียงข้างกันไปเงียบๆ โดยที่ไม่ต้องพูดคุยกันแม้แต่สักคำแต่ผมก็รับรู้ว่าผมไม่เหงาอีกต่อไปแล้วเมื่อผมมีใครบางคน...จัสติน...คอยอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างผม  เราอาจทะเลาะกันบ้าง  โมโหกันบ้าง  แต่มันก็ยังดีกว่าที่เราไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อกันเลยไม่ใช่หรือครับ  แต่พอผมเจอคนคนนั้น  อีกไม่นานผมก็กลับจะต้องจากเขาไปอย่างที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบเจอกันอีก  แล้วถ้าเป็นเช่นนี้...ผมควรจะทำไงต่อไปครับ  บอกผมที...
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 22:23:48
27 Mar. 2006
00.08 น. กับคอมพ์ บนโต๊ะทำงาน

ตอนนี้มันนอนหลับไปแล้ว  ผมแอบลุกขึ้นมาเขียนอะไรไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย...  เวลามันหลับมันก็น่ารักดีนะครับ  ผมไม่เคยนึกออกเสียทีเวลาอ่านนิยายแล้วเจอประโยคที่คนเขียนบรรยายว่าหลับแล้วเหมือนเด็กนั้นมันเป็นแบบไหน  จะเป็นอย่างที่ไอ้โหดมันกำลังทำอยู่ตอนนี้หรือเปล่านะ?  แก้มมันใสดีครับ  ขนตาสีน้ำตาลดำนั้นยาวงอนเชียว  ผมละอิจฉามันจริงๆ พวกฝรั่งหละก็หน้าใสกันจัง  ผมว่า...เอาน้ำกรดมาสาดหน้ามันเล่นดีกว่าเนอะ  ท่าทางจะสะใจ

ผมกำลังนั่งเขียนบันทึกเรื่องราวของไอ้โหดเอาไว้ครับ  บันทึกเอาความทรงจำเรื่องราวต่างๆ ที่เราได้มาอยู่ร่วมกันในชายคาบ้านหลังนี้  อยู่ๆ ผมก็นึกถึงเพลงประกอบละครเรื่องคู่กรรมสมัยที่พี่เบิร์ดเล่นกับกวาง กมลชนก ที่ฉายในช่องเจ็ดเมื่อสมัยที่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ โน้น  ตอนนั้นฟังแล้วก็...เออ! ทำนองเพราะดีนะเลยหัดร้องเอาไว้  แต่ผมลืมมันไปนานแล้วจนมาวันนี้...วันที่ผมกำลังเป็นเหมือนในเพลง....

...ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง   แกล้งทรมานให้ฉันได้เจอ
เกลียดชิงชัง  สุดท้ายรักเธอ   แต่พอเผลอพรากเธอดับสูญ
เวรกรรม...หรือไรแต่ปางไหนนั้น   สุขเพียงชั่ววัน  แต่ช้ำทวีคูณ
ให้ห่างไกลสุดฟ้า  อาดูญ  สูญสิ้นเธอตลอดกาล...
เป็นไงครับ  เน่าได้ใจไหมครับ....
.............................................................

 “หือ!!  ว่าไงทำไมยังไม่นอน” มัวงัวเงียตื่นตอนผมหอมที่หน้าผากมันแรงๆ  ไอ้โหดแกจะรู้ไหมว่าฉันกำลังจะรักแกมากขึ้นทุกทีแล้วนะโว้ย  “ร้องไห้ทำไมอะ แนค” มันตกใจตื่นสะดุ้งลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นว่าผมนั่งน้ำตาไหล  ก็มันอั้นไม่ไหวจริงๆ แล้วครับ  แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอมันอีกแล้วผมก็เริ่มหายใจไม่ออกอีกแล้ว

“ฉันกลัวนะ  กลัวว่าจะไม่ได้เจอแกอีกแล้ว” ตอนนี้ผมร้องไห้ไม่อายหมาไหนอีกแล้วครับ  กรูขอปลดปล่อยสุดๆ เสียทีนะ

“ทำไม?  ทำไมเราจะไม่ได้เจอกันอีก  ฉันก็ไม่ได้ไปไหนนิ” มันคว้าผมไปกอดแล้วลูบหน้าลูบหลัง

“อีกไม่กี่วัน...ฉันต้องไปจากที่นี่แล้วนะ  ถึงตอนนั้น...ฉันคงไม่ได้เจอแกอีกแล้วนะสิ”

“stupid boy ทำไมเราจะไม่ได้เจอกันอีก เราคุยกันทาง MSN ก็ได้นิ  เดี๋ยวนายทิ้งแอดเดรสนายไว้ให้ฉันก่อนไปด้วยนะ  แล้วถ้างานเสร็จฉันมีเวลาว่างเมื่อไหร่ฉันจะไปหานายที่เมืองไทยอีก  แนค…นายไม่ต้องห่วงเลย  ฉันไม่มีทางปล่อยนายห่างไปไหนหรอก”

“ฉันไม่รู้....อยู่ๆ มันก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา  ฉันกลัวจริงๆ นะ  กลัวว่าจะไม่ได้เจอแกอีก”

“ไม่ต้องกลัวหรอก  ไม่แน่พอนายไปอังกฤษแล้ว...เจอผู้ชายที่นั้นขี้คร้านจะลืมฉันนะสิ  ถึงตอนนั้นฉันก็คงเหงาเหมือนเดิม” 

“ :o ไอ้บ้า!  แกว่าฉันสำส่อนได้ขนาดนั้นเลยหรอ”

“ไม่ใช่  แค่ต้องบอกเฉยๆ ว่า เรื่องของอนาคตมันไม่แน่นอน  บางอย่างอาจเกิดขึ้น  บางอย่างอาจไม่  ไม่มีใครรู้ นายไม่ต้องคิดมาก  แค่ตอนนี้นายมีฉันแล้วฉันก็มีนาย  คิดแค่นี้พอแล้ว”

“คิดง่ายจังเลยนะแก”  :untrust:

“แล้วนั้นทำไรอยู่” มันหันไปพยักเพยิบกับโน้ตบุคผมที่อ้าซ่าอยู่ “ไม่เอา  นอนได้แล้ว” มันพูดตอนเดินไปปิดคอมผมก่อนหันหลังกลับมาที่เตียงแล้วพูดว่า  “Hug me” 

ผมเลยกระโจนเข้าใส่กอดมันสุดแรงควายเลยครับ

“More” ผมเลยรัดเพิ่มไปอีก  “You see, I am here now, on the bed with you. So, don’t worry, baby”

“อืม.....” คำเดียวที่ผมพูดออกไป  หากผมขอพรได้ผมอยากให้คืนนี้ทอดยาวนานออกไปอีกจัง

A LOVE THAT WILL NEVER GROW OLD  : รักนี้ไม่มีวันสลาย

Go to sleep, may your sweet dreams come true
หลับเถิดนะ แล้วฝันงดงามของนายจะกลายเป็นจริง

Just lay back in my arms for one more night
เพียงแอบอิงเอนกายในอ้อมแขนฉันอีกสักคืน

I’ve this crazy old nation that calls me sometimes
อีกบางครั้ง ในห้วงคำนึง ฉันมีความรู้สึกอันประหลาด

Saying this one’s the love of your life.
ที่คอยย้ำเตือนให้รู้ว่า นายนั่นเองคือรักที่ฉันเฝ้าคอย


‘Cause I know a love that will never grow old
เพราะฉันได้รู้ รู้จักรักที่ไม่มีวันจืดจาง

And I know a love that will never grow old.
และฉันได้รับรู้ รับรู้รักที่ไม่มีวันจืดจาง

When you wake up the world may have changed
เมื่อนายลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง โลกนี้อาจจะแปรเปลี่ยน


But trust in me. I’ll never falter or fail
แต่วางใจเถอะนะว่า ฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปร

Just the smile in your eyes, it can light up the night,
เพียงรอยยิ้มจากดวงตาของนายได้จุดกลางคืนให้กลายเป็นกลางวัน

And your laughter’s like wind in my sails.
และเสียงหัวเราะของนายคือแรงพลังให้ฉันดำรงอยู่ต่อไป


Lean on me, let our hearts beat in time,
เอนลงแนบกายฉัน ให้หัวใจเราสองเต้นเป็นดวงเดียว

Feel strength from the hands that have held you so long.
สัมผัสความแข็งแกร่งจากมือคู่นี้ที่ได้เกาะเกี่ยวนายไว้เนิ่นนาน

Who cares where we go on this rugged old road
ไม่มีใครจะมาสนใจหรอกว่า เราจะจบลงที่ใดบนเส้นทางชีวิตที่ยากเย็นเช่นนี้

In a world that may say that we’re wrong
เพราะโลกนี้ ใครๆ ต่างพากันบอกว่า เราคือสิ่งผิดอยู่ร่ำไป  :monkeysad:


   ใช่สิ...สำหรับโลกใบนี้  ความรักของผมกับจัสตินคงเป็นสิ่งที่ผิดไปตลอดกาล...เพียงเพราะว่าเราต่างไปจากส่วนใหญ่เท่านั้นเอง?
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 22:29:46

28 Mar. 2006
19.45 น. ห้องใหม่  หอใหม่  

(http://i88.photobucket.com/albums/k167/bverhagen/Leiden/IMG_5661.jpg)
(บ้านประตูแดงนั้นแหละครับ)

โทษทีครับไม่ได้เขียนมาหลายวัน  เอ! ความจริงแค่เมื่อวานเองวันเดียวเองเนอะ ก็จะใครหละครับ  มันนั้นแหละ  พอกินข้าวกินปลาเสร็จ  ผมอาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะมาเปิดคอมเขียนมันก็ดันมาปิดซะงั้น แล้วก็ลากผมไปออกรบจนเกือบสว่าง

แล้ววันนี้ก็เหมือนกันกว่าจะได้ย้ายของออกมาก็บ่ายสามเกือบบ่ายสี่แล้ว  จะทำไมหรือครับ  ก็เพราะมันอะดิครับทะลึ่ง  ผมกำลังก้มอ่านแผนที่เมืองอยู่เพื่อจะหาว่าที่ทำการไปรษณีย์มันอยู่ที่ไหน  กะว่าพรุ่งนี้จะแวะไปส่งโปสการ์ดให้คนทางบ้านเสียหน่อย  กำลังไล่สายตาหาอยู่พอดี  มันเจือกมาประกบข้างหลังแล้วไม่ยอมถอยออก  แถมเอามือมาลูบเข้ามาในเสื้อผมอีก

“เอวแกเล็กนี้เนอะ” เล็กกับผีอะไรวะตั้ง 32  :untrust:

“ไม่นะ  อ้วนออก  อยากเอวเล็กกว่านี้ด้วยซ้ำ  อยากมีหุ่นเป็น v shape” ผมตอบแต่ว่าก็ยังยืนหาไปรษณีย์ท่าเดิมครับ  ไม่ทันฉุกคิดอะไรจริงๆ ตอนนั้น สาบานเลย  เอ้า!

“ไม่หรอกหุ่นอย่างนี้กำลังดี  แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะว่านายจะหนัก 70 ผมยังหนักแค่ 78 เองเลยแต่เอวนายเล็ก ก้นสวยกลมดี ผิวก็ลื่นๆ ผิวเอเชียไม่มีขนเยอะผมชอบ” มือมันก็ลูบอยู่นั้นแหละ

“อืม...”  ผมก็เออออไปตามประสาไม่ได้สนใจมันมากนักเพราะกำลังเพ่งสมาธิหาที่ทำการไปรษณีย์จากแผนที่อยู่  แล้วอยู่ๆ มันก็...

“ไม่ต้องดูแล้วแผนที่  ไปทำอย่างอื่นบนเตียงต่อดีกว่า” 

 :pigscare2: อะ! ช่วยผมด้วยครับ  ผมไม่ไหวแล้ว  ซังกุงห้องเครื่อง(เครา)บอกว่าแทบจะผลิตน้ำเลิศรสไม่ทันอยู่แล้ว  ส่วนฝ่ายการทางพิเศษก็บอกว่าอุโมงค์เริ่มเสียหายหนักเนื่องจากมีปริมาณการจราจรคับคั่ง  เดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออกให้วุ่นวาย  แถมไม่ใช่คันเล็กๆ เสียด้วยอาจต้องปิดซ่อมชั่วคราว  แต่ว่าก็เบรกมันไม่ได้สักที  ก็ผมนี้แหละครับที่ผลักมันลงไปนอนก่อนตามลงไปทาบทับมัน  อิอิ  อยากมากใช่ไหมน้องได้เลย  พี่มันไอ้เสือสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว  แล้วไส้กรอกเยอรมันก็ถูกกินไปอีกหนึ่ง  ส่วนมันก็อิ่มไปกับไส้กรอกอีสานอีกรอบ ฮ่าๆๆ 

ผมหละอาย  :myeye: ช่างก่อสร้างที่กำลังปรับปรุงผนังบ้านด้านนอกเสียจริง  พวกเขามองกันใหญ่เลยตอนผมเดินหิ้วของออกไป  ส่วนไอ้โหด...มันก็ทำหน้าร่าเริงบานเบิกอย่างแรง  มันไม่อายเข้าหรือไงนะ  คุณลองคิดดู  มันส่งเสียงร้องดังซะขนาดนั้นตอนมัน ‘come’  แล้วเสียงสปริงที่เตียงก็ลั่นเอี้ยดอ้าดดังสนั่นหวั่นไหว  แถมยังเป็นกลางวันแสกๆ คนพวกนี้ก็กำลังทำงานอยู่เลยตรงริมหน้าต่างห้องเสียด้วย  ไม่รู้ว่าผ้าม่านมันปิดสนิทหรือเปล่า  อ้ายยยยยยยยส์ ไม่ไหวแล้วได้ยินเสียงหัวเราะด้วย  วิ่งดีกว่ากรู อายฉิบ! :love2:

“วิ่งทำไมน่ะ” มันถามผมตอนวิ่งตามมาทันที่มุมถนน

“ก็อายคนงานนะสิ แกไม่เห็นเรอะว่าเขาหัวเราะกันด้วย”

“อายทำไม? ก็คนมันรักกันนี่” มันเดินมากระแซะไหล่ผม  จนเซไปโดนเก้าอี้ที่เขาวางไว้ให้คนนั่งจิบกาแฟกลางแสงแดดแบบ sit in the sun นะครับ  ไม่รู้นึกไงมานั่งตากแดดกินกาแฟ... 

“ไอ้บ้านี่...จะกระแทกไปถึงไหนโว้ย อย่าหนีนะ  หยุดเดี๋ยวนี่”  ผมตะโกนวิ่งไล่กวดมันที่วิ่งห้อแรดนำหน้าหนีผมแล้วครับ

21.17 น. ห้องใหม่ หอใหม่
“จะนอนนี่หรอ?” ผมถามคนที่ยังโอ้เอ้ไม่ยอมกลับไปเสียที

“อืม...  นอนกับนายนั้นแหละ  ขี้เกียจกลับไปห้องโน้น”

“เออ!  ความจริงฉันอยู่ห้องโน้นต่อก็ได้นี่หว่าเนอะ  เพราะว่าแกยังอยู่ห้องเดิมเลย  ฉันก็น่าจะค้างที่นั้นกับแกได้”

“นั้นสิ!  ผมก็ยังสงสัยว่าทำไมแนคต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย  ช่างยัย Astrid นั้นประไร” เห็นไหมครับว่าพอลับหลังเขามันเรียกเขาว่า ”ยัย” ทันที  แต่พอต่อหน้านะเรียก คุณครับ คุณครับ ตลอดเลย

สาเหตุที่ผมต้องย้ายออกมาพักที่นี่ก็เป็นเพราะว่าห้องนี้คือห้องที่ Miss Astrid จองไว้ให้ผมมาพักแต่ตั้งแรกเลยครับ  แต่ว่าที่ผมได้ไปอยู่กับไอ้โหดเพราะโปรเฟสเซอร์คนที่จองห้องเดียวกับไอ้โหดเขาแก่แล้ว  เดินไม่ไหวมันไกลจากตึกที่เค้าจะทำงานเลยขอแลกห้องกะผม  ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกเพิ่งมารู้เมื่อไม่กี้วันมานี้เองครับ 

มหัศจรรย์ไหมครับ ผมเลยต้องพลัดพรากจากห้องที่จองไว้ตั้งแต่ตอนแรกไปอยู่กะไอ้โหดมันแทน  ผมก็เลยได้กันเสียกับมันจนฉ่ำปอดอยู่นี้ไง  คิคิ  :monkeylaugh2:

“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก  จนย้ายมาแล้วเพิ่งจะมาบอก” ผมเดินไปแกล้งบีบคอมันเล่นๆ

“ก็ไม่เป็นไร  คืนนี้เรานอนนี้  พรุ่งนี้ค่อยกับไปห้องของเรา” ว้าว! ดูมันพูดดิครับ ‘ห้องของเรา’ รู้สึกดีจังเลย
แหะ “เปลี่ยนสถานที่บ้างก็ดีนะ  จะได้รสชาติใหม่บ้าง  ตื่นเต้นดี” มันทำท่าหื่นใส่ผมอีกแล้ว

“ไม่ต้องเลยแก...นอนเลย นอนอย่างเดียวด้วย  ห้ามทำอย่างอื่น”

“จริงเหรอ?” มันทำตาวิบๆ ใส่ผม เดี๋ยวเถอะ! รู้จักตูน้อยไปแล้วละมั่งคุณน้องโหด

“ไม่เอาอะ  เจ็บ....  ไม่เห็นหรือว่าเมื่อกลางวันวันนี้ฉันยังบ่นๆ อยู่เลย”

“อืมๆ เชื่อครับ  เห็นแล้วว่าเจ็บจริง แต่ความจริงไม่น่าเจ็บนะ  ของผมเล็กนิดเดียวเอง”

“เฮ้ย! ใครบอกแก  อย่างนั้นเรียกว่าเล็กหรอ  ไม่ม้าง หย่ายยยยยยส์ จะตาย  ไหนเอามาใหม่สิ ฮ่าๆ แต่ไม่เอาดีกว่า  ไม่อยากวอนหาเรื่อง  ไม่ไหวฉันขอยอมแพ้”  :sad4:

“อิอิ  ผมด้วย  เจ็บเหมือนกัน” มันทำท่ายอมแพ้ แล้วทำตาเหลือก หน้าเบี้ยวแบบว่าเจ็บข้างหลังของมัน ฮ่าๆๆๆ  ดูมันทะลึ่งดิครับ  ไอ้โหดบ้ากามของผม  :angellaugh2:

“พูดมาก  นอนไปเลยแก  ฉันจะนอนแล้วปิดไฟๆ” ผมสั่งให้มันลุกขึ้นไปปิดไฟ  มันไม่วายบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ลุกขึ้นไปปิดตามคำสั่งแต่โดยดีก่อนพุ่งตัวลงมาหาผม

“ปิดไฟตามคำสั่งแล้วครับท่านนายพล  ตอนนี้ถึงเวลารับรางวัลพลทหารดีเด่นแล้วนะ ฮ่าๆ”

คืนนี้ผมเลยได้ฉลองขึ้นหอใหม่กับมันเพียงลำพังสองความอย่างมีความสุขแบบเหนื่อยๆ แต่ผมก็ชอบครับ คริคริ  ก็มันไส้กรอกเยอรมันกินอร่อยจริงๆ นี่ครับ  ใครบ้างจะอดใจไหว  :3063:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-12-2006 22:37:08
29 Mar. 2006
11.36 น. ที่ทำการไปรษณีย์

(http://i89.photobucket.com/albums/k213/minoleinje/wageningen2006247.jpg)

   ผมเดินมาส่งโปสการ์ดไปให้ตัวเองและคนที่บ้านครับ  สามใบค่าส่ง 2.55 ยูฯครับ  ถูกกว่าที่ฝรั่งเศสเสียอีก...ที่นั้นคิดแผ่นละ 0.95 ยูฯแน่ะ  เสียดายตังค์แทบแย่ตอนจ่ายเงิน  แต่ส่งจากที่นี่ไปก็ไม่รู้ว่ากี่วันกว่าจะส่งไปถึงมือคนรับ  ถึงตอนนั้น...ผมคงออกจากที่นี่ไปแล้ว  คิดๆ แล้วก็เศร้าครับ  :monkeysad2:

20.45 น. ห้องครัวครับ หอไอ้โหดมัน
“เฮ้!  จัสติน  ถามจริงๆ เถอะ  แกชอบฉันตรงไหน?” ผมเริ่มคำถามที่คาใจมาหลายวันแล้ว  อยากรู้จริงๆ ครับ  แล้วก็กินไอศกรีมในถ้วยตรงหน้าตัวเองไปด้วย

“ไม่รู้สิ  ชอบเวลานายยิ้ม  เวลานายทำหน้าตลกๆ (อันนี้ผมขอเถียงนะครับว่าไม่มี  ไม่เค้ยไม่เคยทำเด็ดขาด  ทำแต่หน้าหล่อย่างเดียว) แล้วชอบที่แกเอาใจใส่ฉัน”

“เอาใจใส่!!  ยังไง?” ผมขมวดคิ้วถาม  พลางคาบช้อนตักไอศกรีมคาปากเอาไว้อย่างนั้น

“ก็คอยหาของให้กิน  คอยมาถามว่าวันนี้จะกินอะไร  จะไปเที่ยวไหน  คอยปลุกให้ลุกไปทำงาน”

“หรอ?  แล้วทำไมตอนแรกแกชกฉันวะ”  ผมว่าผมถามคำถามโง่ๆ เนอะ

มันชะงักมือที่ตักไอติมเข้าปาก  เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแว้บนึงแล้วตอบว่า  “ก็โมโหสิ  นายเดินชนผมตั้งหลายรอบ  แล้วไม่ขอโทษสักคำ  ว่าแต่นายเจ็บหรือเปล่าที่โดนผมชกนะ”

“ไม่หรอก  ไม่เจ็บเลย  แกชกเบามาก” :monkeycry2:

“แฮ่ะๆ ผมขอโทษนะ  เดี๋ยว...วันนี้ให้เบิ้ลสองรอบเลย  เอ้า!!”

“ไม่เอา  เหนื่อย  เชิญแกทำไปคนเดียวเอาเองแล้วกันฉันจะนอน  ว่าแต่...  อิอิ  แกเริ่มชอบฉันตอนไหนวะจัสติน  บอกหน่อยสิอยากรู้น่ะ”

“เอ!  ตอนไหนดีหว่า?” มันทำหน้านึกใหญ่เลยครับ  “ตอนเห็นแกนอนหลับอยู่บนรถมั่ง”

“หา!!! ตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือ”

“มันก็ไม่เชิงหรอก  แค่อยากดูหน้าคนที่มันมาชนคนอื่นจนข้าวของเสียหายแล้วไม่รับผิดชอบนะ  โมโหมากกว่าเลยจับตาดูมาตลอด  ปกติคนเอเชียเขาไม่ค่อยกล้ามาวอแวกับคนยุโรปสักเท่าไหร่นิ  พอรู้ว่าได้มาที่เดียวกันเลยอยากแกล้งเอาคืนนะ”

“โห!! ขอบใจมากนะที่บอก  แสดงว่าที่ผ่านมาแกแกล้งฉันมาตลอดเลยใช่ไหม?”

“อืม.....” มันตอบตรงๆ ไม่มีอ้อมให้เสียเวลาเลยครับ  “แต่ว่ายิ่งแกล้งยิ่งชอบนะเวลาเห็นนายทำหน้าหงุดหงิดแล้วมันตลกดี”

“โรคจิตเปล่าแกนะ”

“ไม่รู้  แล้วนายหละชอบผมตอนไหน?”

“ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหนเมื่อไหร่หรอกนะ  เพียงแต่ว่าตอนที่เห็นนายยืนอยู่กับอัตในเธคที่อัมสเตอดัมแล้ว  ใจฉันมัน...อยากเอานายกลับคืนมานะ”

“นายเลยขึ้นไปห้องมืดกับไอ้หมอนั้น?”

“ก็...ทีแกเองยังทำท่าว่าจะขึ้นไปกับอัตเลยทำไมฉันจะขึ้นบ้างไม่ได้?” ผมเอาสีข้างเข้าสู้

“ใครบอกว่าจะขึ้น  ขึ้นไปแล้วต่างหาก”

“อะไรนะ!!! แกขึ้นไปมาแล้วเหรอ  ขึ้นไปทำไม  บอกมานะ”  ผมลุกขึ้นเดินไปเขย่าคอมันไม่แรงมากนัก  แต่มันน่าบีบคอให้ตายจริงๆ

“แค่กๆ ทีแกยังไปมีอะไรกับไอ้ฮวนได้เลย”

“ก็ตอนนั้นฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับแกเลยนี่หว่า  ก็ทำได้สิ”

“แล้วตอนนี้เป็นอะไรหละ”  มันถามกวนบาทาผมอีกแล้ว

“เพื่อนแกไง” ผมตอบ

“เพื่อน? เป็นแค่นั้นจริงๆ เหรอ  ไม่มั่ง...  เป็นมากกว่านั้นนะผมว่า  เพื่อนเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก”  มันเดินมาโอบเอวผมจากข้างหลังตอนผมยืนล้างถ้วยไอติมที่อ่าง  แล้วซุกหน้าลงตรงซอกคอผม

“อย่านะ  มือเลอะอยู่  เห็นไหม?” ผมยกมือที่เลอะฟองสบู่ให้มันดู

“แค่จูบเฉยๆ นา นะนะ”

“อืม....”  สังเกตไหมครับว่าพักนี้ผม  ‘อืม….’ ตลอดเลย ฮ่าๆๆ :really2:

23.19 น. ห้องนอนไอ้โหดมันครับ
   อยู่อะไรก็ดลใจให้ผมเปิดเพลงนี้ขึ้นมาก็ไม่รู้  ผมเห็นมันยังค้างอยู่ใน play list ของโปรแกรมวินเอม  ผมเองก็จำไม่ได้แล้วว่ามันคือเพลงอะไร  เลยกดฟัง  ผมไม่ได้ขี้แยนะครับแต่ว่าถ้าใครกำลังเป็นอย่างผมตอนนี้คงจะรู้ดีว่ามันรู้สึกอย่างไรเวลาฟังเพลงๆ นี้

…I don't want to say goodbye 
ยากยิ่งนัก ที่จะหัก ใจกล่าวลา

Let the stars shine through.
ปล่อยแสงพร่า จากดารา ให้ส่องไหว

I don't want to say goodbye 
ยากยิ่งนัก จะเอ่ย คำว่าไป

All I want to do is live with you… 
เพราะหัวใจ ผมนั้น ต้องการคุณ

…Just like the light of the morning
เหมือนแสงอุ่น แห่งอรุณ ที่ส่องฉาย

After the darkness has gone   
หลังฟ้าดำ คลี่คลาย มลายสูญ

The shadow of my love is falling   
เงาแห่งรัก ของผม ก็สิ้นมูล

On a place where the sun always shone. 
บนผืนดิน ที่แสงอุ่น ยังส่องมา

Don't you know that's where our hearts both belong?... 
ไม่รู้หรือ ว่าหัวใจ เราอยู่ไหน


…'Cause I don't want to say goodbye 
ยากยิ่งนัก ที่จะหัก ใจกล่าวลา

Let the stars shine through. 
ปล่อยแสงพร่า จากดารา ให้ส่องไหว

I don't want to say goodbye 
ยากยิ่งนัก จะเอ่ย คำว่าไป

All I want to do is live with you. 
เพราะหัวใจ ผมนั้น ต้องการคุณ


Together our two hearts are strong   
ยังอยู่ใกล้ ยืนหยัด ดังภูผา

Don't you know that's where our hearts both belong?...
ไม่รู้หรือ ว่ารัก ไม่เคยซา  ถึงจากลา แต่ใจใกล้ ไม่ไหวติง


….'Cause I don't want to say goodbye 
เพราะผมนั้น ไม่อยาก เอ่ยคำลา

Let the stars shine through. 
ปล่อยแสงพร่า จากดารา ให้ส่องใส

I don't want to say goodbye 
และผมนั้น ไม่อยาก จากคุณไป

All I want to do is live with you
ในหัวใจ ร่ำร้อง อยากใกล้คุณ

All I want to do is live with you….
ทั้งหัวใจ ฝากไว้ อยากใกล้คุณ


30 Mar. 2006
ไม่มีอะไรนอกจากเศร้า  และก็ทะเลาะกันนิดหน่อยครับ  เรื่องอะไรหรอครับก็เพียงแค่ผมบอกว่าเด็กฝรั่งคนในรูปน่ารักดีจังเลย  เลยแอบถ่ายรูปเขามา  มันก็หาว่าผมมัวไปสนใจคนอื่นไม่ยอมสนใจถ่ายรูปให้มันที่กำลังยืนฉีกยิ้มกว้างเตรียมโพสต์ท่าเป็นนายแบบจำเป็นอยู่ตรงราวสะพาน

ผมก็บอกแล้วว่าแค่เห็นน้องเขาน่ารักดีเลยอยากถ่ายรูปเก็บเอาไว้ดูเล่นเฉยๆ มันก็ยังไม่ยอมฟังเดินหนีผมดุ่มๆ ไปทางหน้าบ้านที่มีเรือจอดอยู่นั้นไงครับ  ผมก็รีบวิ่งตามไปจนไปทันตรงกังหันลมอันใหญ่ใจกลางเมือง  พอไปถึงก็เห็นมันยืนทำหน้าอ้อล้อถ่ายรูปกับพวกสาวญี่ปุ่นทั้งหลายที่มาเที่ยวในฤดูเทศกาลดอกทิวลิปบานแบบนี้

แม่สาวพวกนั้นนะผมไม่คิดอะไรเท่าไหร่หรอกครับแต่พอไอ้หนุ่มคนที่เป็นตากล้องจะเข้าไปผลัดให้แม่สาวคนนั้นเป็นฝ่ายถ่ายรูปให้บ้าง  ไอ้โหดดันทำหน้าที่ดีเกินคาด...ไปโอบคอไอ้หนุ่มคนนั้นเฉยเลย  ผมนะ...ลมพุ่งปรี้ด....ตีคว้านอยู่ในสมองก่อนพุ่งพรวดทะลุออกหูสองข้าง  เลยเดินปาดหน้าหนีมันมาเลยครับ  มันจะตามมาหรือเปล่าผมไม่สนใจแล้ว  ตูงอน!

“แนคเป็นไรครับ?” เสียงไอ้บ้าห้าร้อยดังมาจากข้างหลัง

“...........”  เอาความเงียบเข้าข่ม

“โกรธผมหรอ?  เรื่องไรน้า...ผมไม่ยักกะรู้ตัวเลยนะ” เจ้าของเสียงมันเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผม  พอผมจะลุกขึ้นมันก็ตามมาคว้ามือผมไปไว้เสียก่อน “ทีแนคยังไม่ถ่ายรูปเด็กหนุ่มคนนั้นเลย”

“ฉันมันก็แค่ถ่ายรูปแต่แกล่ะ  ทำอะไร...หา!?”

“ก็เขามาขอให้ช่วยถ่ายรูปให้แล้วก็ชวนถ่ายรูปด้วยกัน”

“อ้อ.....แกก็เลยทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีกอดคอเขาเลยใช่ไหม  นี่แนะ! กอดเลยใช่ไหม  กอดชอบดีนักมันต้องโดนแบบนี้”

“โอ้ย! เดี๋ยวก่อนแนค  อู้ว! พอแล้ว  ผมเจ็บจะตายอยู่แล้วนะ  อ้าก!”

“ดีสม  แน่จริงตายไปเลยสิยังจะยืนอยู่ทำไม  ไหนว่าเจ็บไง”

“เจ็บสิใครว่าไม่เจ็บ  แนคมือหนักชะมัดเลย”

“นี้ยังน้อยไปนะ  คราวหน้าถ้ามีอย่างนี้อีกจะเอาให้หนักกว่านี้หลายเท่า  คอยดู!”

“คร้าบบบบ  กลัวแล้วครับ  คราวหลังจะไม่ทำให้เห็นอีกแล้วครับ”

“อะไรนะ?! หมายความว่าจะไปแอบทำงั้นหรอก  ไอ้บ้า! เตรียมตัวตายเสียเถอะแก”

“แว้กๆ ผมเปล่านะ  ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย โอ้ยๆ ช่วยด้วย! ช่วยด้วยคร้าบ”
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-12-2006 01:22:58
19 Api. 2006
16.58 น. สถานีรถไฟกลาง Leiden

(http://i110.photobucket.com/albums/n115/dan8511/The%20First%20Week/P1010069.jpg)

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะใช่อากาศจากทองฟ้าของเมืองนี้หายใจ  ถ้าดูจากสถานที่ที่ผมเขียนบอกไปคุณคงรู้ว่าสินะว่าทำไม

ใช่ครับ! ผมกำลังจะเดินทางออกจากเมืองนี้  เพื่อไปไหน?  เพื่อกลับไปหาคนที่เขาบอกว่าคิดถึงผมอยู่ทุกลมหายใจ....แม่ของผม...และก็แน่นนอนอีกเหมือนกันว่าผมก็คิดถึงมากเหมือนกัน

คุณจะรู้สึกยังไงเมื่อมีคนบอกกับคุณอย่างนี้ ~ผมชอบคุณนะ~ สำหรับผมแล้วในห้วงเวลาแบบนี้มันช่างเป็นคำที่วิเศษเหลือเกิน  คืนก่อนหลังจากที่จัสตินกลับไปเพื่อเตรียมตัวไปยังอีกเมืองหนึ่งเพื่อทำงานวิจัยที่นั้น  ผมโทรศัพท์ข้ามประเทศไปหาโอ้ที่เยอรมัน

~แกก็ลองรักเขาดูก่อนก็ได้~

~ไม่ใช่แค่ลองรักนะสิแก  ฉันคิดว่าฉันรักมันไปแล้ว~

~ฉันอิจฉาแกวะที่มีคนมาสนใจ  ส่วนฉันสิไม่มีเลย~

~เพื่ออะไรแก?  เพื่อที่จะเป็นเพื่อที่จะรู้สึกอย่างที่ฉันกำลังเป็นอย่างนี้หรือ?~

~ชะตาฟ้าลิขิตนะแก  มีแต่คนบนฟ้าเท่านั้น...ที่จะรู้ว่าสิ่งไหนจะดำเนินไปทางไหน~

~ฟ้าลิขิต?  ลิขิตให้ฉันเป็นอย่างนี้หรอแก...มันยุติธรรมแล้วหรอ?~

สิ่งที่เกิดกับผมมันอยากจะเกิดขึ้นไม่ยากเย็นเลยสำหรับกรณีของคนอื่น  แต่สำหรับผม...ผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งหรือไม่ในช่วงชีวิตที่ผมเหลืออยู่  ความรักมันอาจจะเดินเข้ามาหาผมเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วจากไปตลอดชีวิตของผมเลยก็ได้  ผมจึงไม่อยากสูญเสียมันไปในตอนนี้

~ร้องออกมาเถอะแก   ฉันรู้ว่าร้องแล้วมันจะสบาย  แต่ร้องเพื่อล้างตานะอย่าร้องเพื่อแสดงความอ่อนแอเลย~

~แต่ฉันกลัว  ฉันไม่อยากจากมันไปเลย...จริงๆ นะโอ้~

~แกจะกลัวอะไร?  หมอดูยังบอกเลยว่าแกนะดวงไม่ขาดคนสิเน่หา~

~แต่แกคิดว่าฉันจะเจอคนอย่างจัสตินมันอีกหรอ? มันจะเป็นไปได้หรอ~

~ผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทราหรอกนะ  แกเชื่อฉันสิ~

~อืม...ฉันจะเชื่อแก  ฉันต้องทำใจให้เข้มแข็งใช่ไหม?~

~เออ! อย่าเสียใจไปเลยนะแก  แกลองคิดดูสิว่าในโลกนี้จะมีใครสักกี่คนกันเชียวที่ได้พบเจอเรื่องราวอย่างที่แกเจอบ้าง~

~นั้นสินะ! เรื่องราวบ้าๆ บอๆ ตอนนี้จัสตินมันก็กำลังจะไปวิจัยที่เมืองอื่น  วันที่ฉันกลับ...            มันคงไม่ได้มาส่งหรอก~

~แล้วไง?~

~ก็ฉันอยากให้มันมาส่งนี้  แกว่าฉันควรจะโทรไปหามันไหม?  เมืองมันอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง~

~แกทำตามที่หัวใจแกบอกสิ~

~อืม...ขอบใจนะแก~
[/color]

ผมวางสายจากโอ้ก่อนกดเบอร์โทรศัพท์ที่จัสตินให้ผมเอาไว้เผื่อผมจะโทรหาเขาบ้างเมื่อผมกลับไปถึงเมืองไทยแล้ว  เสียงสัญญาณให้รอสายดังขึ้นแล้ว...ผมตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
สัญญาณดังขึ้นแล้วดังอยู่อย่างนั้นจนกระทั้งสัญญาณตัดไป...ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ไม่มีคนรับสายของผม   ผมตั้งใจว่าจะกดอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ผมจะสายหูโทรศัพท์ลงกับแป้นเสียที  แต่แล้วก็...

~ฮัลโหล  แนคหรอ?~

~อืม...~

~นายโทรฯมามีอะไรหรือเปล่า?~

~เปล่าหรอกฉันแค่คิดถึงแกเท่านั้นน่ะ~

~แล้ว...นายสบายดีนะ~

~ฉันสบายดี  ขอบใจนะ นายละ~

~อืม..ก็ดีนะ~   

~แนค!+จัสติน!~

~นายพูดก่อนสิ...แนค~

~แกจะไม่มาส่งชั้นจริงๆ หรอ?...จัสติน~

~คงงั้น...ขอโทษนะแนคที่ผมไปส่งคุณไม่ได้  ผม...ไม่อยากเห็นคุณเดินจากไปจริงๆ~

~มาเถอะนะ ฉัน....แค่อยากกอดนายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไปได้ไหม?  ขอร้อง~

~อย่าเลยแนค!...ผมไม่อยากเจอหน้านายอีก  ในเมื่อสุดท้ายแล้วเราก็ต้องจากกันอยู่ดี  นายรู้ไหมว่ามัน...ทรมาน  ผมเดินทางไปไกลแสนไกล  ผ่านไปหลายประเทศ  แต่ไม่น่าเชื่อผมกลับมาเจอนายที่นี่  มันเกิดอะไรขึ้นกับผม?  ทำไมผมต้องเจอคนที่กำลังจะจากผมไปด้วย  ทำไมผมถึงต้องเจอคนที่ไม่สามารถอยู่กับผมได้~

~.........~   

~เมื่อก่อนนายไปอยู่ไหนมา ทำไมเราถึงเพิ่งมาเจอกัน  ทำไมนายถึงทำกับผมอย่างนี้?~

~ไม่รู้...ฉัน...ขอโทษ~

~อืม..ช่างเถอะ  เดินทางดีๆ นะแนค ผม...รักคุณ~

~ฉันก็เหมือนกัน~   
……………………………………………

ผมว่าคำพูดเหล่านี้มันน่าจะอยู่แต่ในบทละครนะ  แต่ผมเจอมันในชีวิตจริง...วันนี้  ถึงผมจะอายุไม่มากแต่ก็พอประมาณได้พบได้เห็นอะไรมาพอสมควรแม้จะไม่มากมายนัก  ผิดหวังกับความรักมาก็หลายครั้ง  ร้องไห้มาก็หลายหน  แต่ผมก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าจะมีวันที่ผมได้ยินมันจากปากคนใกล้ตัวเมื่อผมอยู่ไกลบ้านอย่างนี้
ผมเป็นคนหน้าตาไม่ดีและไม่เคยคิดว่ามีส่วนดีอะไรในตัวด้วย  ไม่มีเลยสักอย่าง  ไม่ดีพอที่จะไปเสนอตัวให้ใครเลือก  แต่หากจะมีใครสักคนเข้ามาให้ความสำคัญผมมักมองว่ามันมีคุณค่าเสมอ  ผมไม่เคยกล้าเป็นฝ่ายเริ่มต้น  ได้แต่เฝ้ารออยู่อย่างใจจดใจจ่อเงียบๆ เท่านั้น  หากเมื่อมีใครสักคนผ่านเข้ามา  ผมก็จะทำมันให้ดีที่สุด  ตั้งใจที่สุด  แต่บางครั้งมันก็ไปไม่รอดด้วยตัวมันเองหรืออาจเพราะอีกฝ่ายอยากเลิกรา  หรือมีบางครั้งที่ผมเป็นฝ่ายขอยุติความสัมพันธ์นั้นเสียเอง

คุณเคยบ้างไหมที่เมื่อครั้งหนึ่งคุณให้เขาไปหมดแล้วทุกอย่าง  แต่เขากลับไม่สนใจ  เขาจากไปอย่างไม่แยแส  คุณต้องใช่เวลาเนินนานกว่าจะกลับลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง  แล้วเขาก็กลับมา  กลับมาขอทุกอย่างจากคุณอีกครั้ง  ขอโอกาสที่จะได้รับรักจากคุณอีก  คุณจะทำอย่างไรผมไม่รู้  แต่สายน้ำไม่มีไหลย้อนกลับสำหรับผม  และตลอดไป...

แต่คราวนี้มันไม่ใช่...  เรามาเจอกันเมื่อสายไป  เวลาที่เราสามารถอยู่ด้วยกันมันช่างสั้นนัก  แต่มันก็เป็นวันเวลาที่แสนสวยงามเสียเหลือเกิน   เกินกว่าครั้งไหนที่มีมาทั้งหมด  แต่สุดท้ายเราต้องจากกัน  แยกย้ายกันไปมีวิถีชีวิตตามทางของตัวเอง

ช่วงเวลาหนึ่งที่เส้นทางชีวิตเรามาบรรจบกับ  มันช่างแสนวิเศษเสียเหลือเกิน  แต่จากวันนี้ทางเดินของเราต้องแยกจาก  ห่างร้าง  แสนไกล  ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า  การจากกันทั้งที่ยังอาวรณ์อย่างนี้มันช่างแสนเศร้า   เพียงหยาดน้ำตาเท่านั้นที่เป็นเพื่อนยามนี้   
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 30-12-2006 01:28:17
น่ารักกันเจงๆเลย อิจฉาตาร้อน
 :serius2: :serius2: :serius2:

ทำม้ายๆๆๆคนเยอรมันน่ารัก
ไส้กรอกเยอรมันอร่อยเจงหรือ
อร่อยกว่าใส้กรอกอีสานอ่ะป่าว
 :kikkik:

คนเราแม้ตัวจะไกลแค่ไหน หากใจยังถึงกัน
มันก็ใกล้แค่นิดเดียว
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-12-2006 02:16:41
19.15 น. ท่ารถเมือง Den Hagg
...สายลมเย็นยะเยือกกำลังพัดสอบเข้ามาในอาคารเตือนให้ผมกระชับคอเสื้อกันหนาวเข้าหากันให้มากขึ้น 
ผมกำลังคิดถึงใครบางคน  คุณเคยมองหาใครบางคนในที่ที่มีคนมากมายได้อย่างรวดเร็วไม่  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกันที่ทำให้เป็นแบบนั้น  หรือเพราะว่าสองตาของเราคอยจ้องมองเพียงแต่เขาเพียงคนเดียว

แต่วันนี้เปล่าเลย!  ผมมองไม่เห็นมัน...ไอ้โหดของผม  ผมชะเง้อมองหามันตั้งแต่ผมเดินลากกระเป๋าออกมาจากห้องพัก  ผมได้แต่หวังอยู่ลึกๆ ว่าผมอาจจะเจอจัสตินมันตรงไหนสักแห่งระหว่างทางที่ผมเดินมาได้
ผมบอกจัสตินไปแล้วว่าผมจะกลับวันไหนเพียงแต่ยังไม่ได้บอกเวลาที่แน่นอนออกไปเท่านั้น เพื่ออะไรหรือครับ?  ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  หรือว่าผมอาจจะแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าจัสตินมันคงเปลี่ยนใจและรีบกลับมาหาผมให้ทันในวันที่ผมกลับ  เราอาจจะเจอกันที่ห้อง....ระหว่างทาง...บนสะพานหน้าตลาดที่เราเคยมาซื้อของด้วยกัน...หรือสุดท้ายบนชานชาลารถไฟที่สถานี  แต่จนแล้วก็เปล่า...ไม่มีแม้เงาของจัสตินปรากฏขึ้นในสายตาผม

จนกระทั่งผมมานั่งอยู่ ณ ที่ตรงนี้...เก้าอี้แข็งๆ เย็นๆ  ฮึ!!  ผมคงต้องจบบันทึกตอนนี้ลงเสียทีเมื่อได้ยินเสียงประกาศเรียกให้เอากระเป๋าไป check in แล้ว  ลาก่อนฮอลแลนด์  ดินแดนแห่งสายลมและทุ่งทิวลิป  ลาก่อนห้วงเวลาทั้งหลายที่ผมได้มาสัมผัสที่นี่  คนสุดท้ายที่ผมจะเอ๋ยลาก่อนเก็บโน้ตบุคลงกระเป๋าให้เรียบร้อย... เหมือนมีใครร้องเรียกชื่อผม  แต่เมื่อผมหันหลังกลับไปมัน....ว่างเปล่า

ผมเดินไปตามช่องทางที่ป้ายสัญญาณบ่งชี้  เหมือนใจผมจะเต้นช้าลง  ช้าลง สายลมหนาวพัดสอบเข้ามาอีกครั้ง  ผมรู้สึกเหมือนกระแสลมนั้นจะห้อมล้อมอยู่รอบกายผมอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะสลายจางหายไปดั่งคล้ายกับว่าจะกล่าวคำอำลาที่แสนเหน็บหนาวกับผม  แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับกลายเป็นความอบอุ่นอย่างประหลาด  ลาก่อนเช่นกันสายลมหนาว...ฝากบอกเขาคนนั้นของฉันด้วยว่า

~เมื่อใดที่ฉันรับรู้และสัมผัสถึงสายลมหนาวแบบนี้  ฉันจะคิดถึงนายเสมอ  ฉันสัญญา~

ผมกลับหลังหันก่อนออกเดินไปในทิศทางที่ผมกำลังก้าวย่างอีกครั้ง  ผม...ไม่อยากจะเอ่ยบอกเขาว่า...
ลาก่อนยอดรัก  จัสติน....ไอ้โหดของฉัน
................................................................................

จบแล้วครับทุกคน....ขอบคุณที่ทนอ่านกันมาจนถึงตอนนี้  ผมรู้ดีว่าเรื่องนี้มันน่าเบื่อไม่ชวนอ่านขนาดไหน  ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นจากเค้าโครงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวของผมเอง  ผมตั้งใจจะเขียนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นเอาไว้อย่างละเอียดเพื่อจะเก็บไว้อ่านเตือนความทรงจำของตนเองอีกทั้งเพื่อให้ผู้อ่านคนอื่นๆ ได้ร่วมแบ่งปันความทรงจำที่สุขแต่เจ็บปวดนี้ไปด้วยกัน  ตัวละครในเรื่องมีชีวิตจริงทุกคนและยังคงดำรงชีวิตของตนไปตามวิถีแห่งตนครับ  ผมยังติดต่อคนพวกนั้นอยู่ตามที่กาละและเทศะอำนวย

ผมยังมีสำเนาจดหมายที่นายจัสตินส่งกลับมาเมื่อผมกลับมาถึงเมืองไทยเมืองไทยแล้วเก็บไว้(หายไปกับการล้างเครื่องคอมพ์เมื่อโดนไวรัสลง)  ผมไม่อยากบอกว่าผมร้องไห้อีกครั้งเมื่ออ่านเมลล์ฉบับนั้น  มันทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนี้รักผมอย่างไรถึงแม้ผมจะไม่สมหวังในรักครั้งนี้ก็ตาม  ความรู้สึกของผมเมื่ออ่านเมลล์ฉบับนั้นจบลงคงคล้ายกับความรู้สึกของคุณหญิงกีรติในเรื่องข้างหลังภาพที่เธอว่า

“ถึงแม้ฉันจะไม่สมหวังในรัก  แต่ฉันก็อิ่มใจที่ฉันมีคนที่ฉันรัก”

ขอบคุณแกจากใจจริงๆ จัสตินที่มาเจอฉันในตอนนั้น   ขอบใจที่มาเจอเพื่อรักกัน....นี้คือสิ่งที่ผมอยากบอกมันครับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-12-2006 02:21:49
พฤษภาคม 2006

สวัสดีครับแนคที่รักสุดหัวใจของผม

ตอนนี้แนคคงกลับถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้วสินะ ผมยังคงวิจัยอยู่ที่เดิม  แนคเป็นอย่างไรบ้างที่นั้นส่วนผมสบายดี  หวังว่าแนคของผมคงสบายดีเช่นกัน

วันนั้น...วันที่แนคกลับไปเมืองไทย  ผมกลับไปหาแนคอีกครั้งที่ห้องพักแต่ไม่ทันกาล  ผมเจอห้องที่ปิดประตูสนิท  ผมรีบวิ่งออกไปตามท้องถนนในเส้นทางที่ผมคาดว่าแนคจะใช้ไปสถานี  แต่เปล่าเลย...ผมเจอแต่ความว่างเปล่า

ผมเตร็ดเตร่รอแนคอยู่ที่สถานีรถไฟนานสองชั่วโมง...เผื่อในกรณีที่แนคยังไม่มาที่สถานี  จากนั้นผมออกเดินไปในที่ต่างๆ ที่ผมคิดว่าแนคอาจจะไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทางกลับเมืองไทย 

ผมไม่รู้หนทางที่จะติดต่อกับแนคเลยเพราะแนคไม่มีโทรศัพท์  ผมทำได้เพียงแต่วิ่งไปรอบๆ ตามถนนเส้นต่างๆ ในตัวเมืองที่เราเคยเดินไปด้วยกันด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมว่าผมจะเจอแนคเดินอยู่ตามที่นั้นๆ  แต่ถนนก็ว่างเปล่า...ไม่มีแนคของผมอยู่ที่นั้น

สุดท้ายผมกลับมาที่ห้องพักของแนคอีกครั้ง  แต่ผมเจอกับคนที่จะมาเข้าพักใหม่ต่อจากแนค  ผมจึงกลับไปที่สถานีรถไฟอีกครั้ง  ผมไม่รู้จริงๆ ว่าแนคของผมจะจากผมไปตอนไหนและผมจะได้เจอแนคอีกครั้งก่อนจากกันไปหรือไม่

แนคจำตรงที่เรานั่งรอให้ฟ้าสางที่สถานีด้วยกันได้ไหมครับ ผมอยู่รอแนคอยู่ที่นั้น  รอ...จนกระทั้งผมแน่ใจแล้วว่าผมคงไม่เจอแนคของผมอีกแล้ว  ผมจึงกลับห้อไปงด้วยร่างกายที่หาหัวใจไม่เจอ

ขอบคุณมากครับ..ยอดรัก  ขอบคุณที่มาเจอและได้รักกัน

รักนายเสมอ

จัสติน...ของนาย

...จบบริบูรณ์

(http://i89.photobucket.com/albums/k213/minoleinje/wageningen2006107.jpg)
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 30-12-2006 04:02:49
บันทึกรักจบลง  แต่หวังว่าความรักคงไม่จบตามนะ  อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่ยังมีช่วงเวลานึง ที่เราได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและเต็มที่ มีความสุขกับคน ๆ นึงละเนอะ  แล้วตอนนี้เจอคน ๆ นั้นละยังเอ๋ย  โชคดีสมหวังในรักนะคะ

ขอชมคุณอ้าวเองหน่อยนะ  เขียนเก่งนะเนี่ย  ชอบภาษาที่ใช้นะคะ  มันดูไม่เลี่ยนดี  คำพูดบรรยายสื่อลักษณะความคิดของตัวละครแต่ละตัวก็ดีเชียว  บรรยายอารมณ์ตอนเศร้าก็เศร้าดี  ทำเอาเราน้ำตาซึมเลยนะ  แถมมีมุขตลก  ๆ อีก  น่ารักจัง  การบรรยายแถว ๆ บทอัศจรรย์ก็ดีนะ ไม่มากไป ไม่น้อยไป  บางเรื่องที่เคยอ่านแบบว่ามันบรรยายใช้ภาษาที่อ่านแล้วแปลกๆ ไม่ชอบ ดูตรงเกินไป  แต่เรื่องนี้ดีนะ (น้อยไปหน่อยดิ  จริง ๆเราชอบหื่น ๆ อะ 5555  ล้อเล่น ๆ)

อ่านเรื่องนี้แล้วได้เมนูทำกับข้าวเยอะเรยยย  ทำให้นึกถึงตอนไปเล่นน้ำทะเลด้วย  เย็นเฉียบจริง ๆ ยังงงว่าพวกฝรั่งมันใส่บิกินี่ว่ายน้ำได้ไงฟระ  หนาวมากอะ  ยังไงก็จะรออ่านเรื่องต่อ ๆ ไปแล้วกันคะ  ชักติดใจแล้วสิ อิอิ   :yeb:

ปล. ในรูปนะ จัสตินเหรอคะ  หล่อโครตๆ อะ กรี๊ดดดดดดดดดดดด  อิฉันจะละลาย  ไม่น่าเป็นเกย์เล้ย   :like6:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-12-2006 04:32:06
บันทึกรักจบลง  แต่หวังว่าความรักคงไม่จบตามนะ  อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่ยังมีช่วงเวลานึง ที่เราได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและเต็มที่ มีความสุขกับคน ๆ นึงละเนอะ  แล้วตอนนี้เจอคน ๆ นั้นละยังเอ๋ย  โชคดีสมหวังในรักนะคะ

ขอชมคุณอ้าวเองหน่อยนะ  เขียนเก่งนะเนี่ย  ชอบภาษาที่ใช้นะคะ  มันดูไม่เลี่ยนดี  คำพูดบรรยายสื่อลักษณะความคิดของตัวละครแต่ละตัวก็ดีเชียว  บรรยายอารมณ์ตอนเศร้าก็เศร้าดี  ทำเอาเราน้ำตาซึมเลยนะ  แถมมีมุขตลก  ๆ อีก  น่ารักจัง  การบรรยายแถว ๆ บทอัศจรรย์ก็ดีนะ ไม่มากไป ไม่น้อยไป  บางเรื่องที่เคยอ่านแบบว่ามันบรรยายใช้ภาษาที่อ่านแล้วแปลกๆ ไม่ชอบ ดูตรงเกินไป  แต่เรื่องนี้ดีนะ (น้อยไปหน่อยดิ  จริง ๆเราชอบหื่น ๆ อะ 5555  ล้อเล่น ๆ)

อ่านเรื่องนี้แล้วได้เมนูทำกับข้าวเยอะเรยยย  ทำให้นึกถึงตอนไปเล่นน้ำทะเลด้วย  เย็นเฉียบจริง ๆ ยังงงว่าพวกฝรั่งมันใส่บิกินี่ว่ายน้ำได้ไงฟระ  หนาวมากอะ  ยังไงก็จะรออ่านเรื่องต่อ ๆ ไปแล้วกันคะ  ชักติดใจแล้วสิ อิอิ   :yeb:

ปล. ในรูปนะ จัสตินเหรอคะ  หล่อโครตๆ อะ กรี๊ดดดดดดดดดดดด  อิฉันจะละลาย  ไม่น่าเป็นเกย์เล้ย   :like6:




Frist, thanks a lot for your comment.

Yes, a man in above picture is Justin but i thinks he is not good looking guy, just soso  :pigha2:

i'm very very glad that you enjoy my novel. it cames from a part of my life when i visit at Leiden to finish my reserch program.

now, I still kept in touch with him, Justin. we gone to be a friend.  :impress3:



ps. take many thanks from me, bye  :impress:

pss.  see you on next my new novel.  :teach:

หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 30-12-2006 07:28:37
อ่านแล้วสนุกมากครับ เขีนได้ดีทีเดียว ทำไมคิดว่าเขียนไม่ดีหล่ะครับ
ผมรับประกันว่าเขียนได้ดีครับ เพราะปกติผมเป็นคนอ่านหนังสือยากอ่ะ
แต่เรื่องนี้อ่านได้ไม่มีหยุด อิอิ  :love2:

หล่อแทบละลายเลยอ่ะจัสติน  :myeye:
ทำไมถึงไม่คบกันต่อหล่ะ นายกลัวแพ้ระยะทางหรือ
บางคนเขาไกลกว่านี้เขาก็ไม่ยอมแพ้นะครับ
 :yeb:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 30-12-2006 08:21:03
ตามมาทันแย้วว ในวันที่เค้าจบเรื่อง แหะแหะ  :yeb:

ในรูปใช่จัสตินจิงเย๋อ

น่านสินะสงสัยเหมือนเรย์ทะมาย 2 ไม่คบกะจัสตินต่อล่ะ
 กัวแพ้เรื่องระยะทางเหรอ
  :myeye:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 30-12-2006 14:35:04
ในที่สุด  :impress:

หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: tamjai_sengped ที่ 30-12-2006 20:21:44
ความรักสวยงามเสมอ  :impress3:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: hardytoon ที่ 31-12-2006 01:17:20

now, I still kept in touch with him, Justin. we gone to be a friend.  :impress3:


แล้วทำไมไม่คบกันต่อละครับ กลายเป็นเพื่อนกันซะงั้น

ปล.คุณoaw_eang นี่คือการไปทำวิจัยหรือว่าอะไรอ่ะคับ เห็นในเรื่องบอกว่าทำงาน เลยงง 
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-12-2006 03:31:12
อ่านแล้วสนุกมากครับ เขีนได้ดีทีเดียว ทำไมคิดว่าเขียนไม่ดีหล่ะครับ
ผมรับประกันว่าเขียนได้ดีครับ เพราะปกติผมเป็นคนอ่านหนังสือยากอ่ะ
แต่เรื่องนี้อ่านได้ไม่มีหยุด อิอิ  :love2:

หล่อแทบละลายเลยอ่ะจัสติน  :myeye:
ทำไมถึงไม่คบกันต่อหล่ะ นายกลัวแพ้ระยะทางหรือ
บางคนเขาไกลกว่านี้เขาก็ไม่ยอมแพ้นะครับ
 :yeb:


ขอบคุณครับสำหรับคำชมเชยดีๆ ที่เป็นกำลังใจให้  อ่านแล้วปลื้มใจดีจังเลยครับ

ส่วนเรื่องคบหรือไม่คบต่อกับจัสติน คือมันมีหลายอย่างให้ต้องเลือกนะครับ

จริงอยู่ที่ผมกับจัสตินรู้สึกดีๆ ต่อกันแต่เราก็ไม่ทราบว่าวันข้างหน้าเราจะยังรู้สึกแบบนี้ต่อไปอีกหรือเปล่า  หรือมันเป็ฯเพียงเพราะว่าเกย์สองคนได้มาอยู่ใกล้ชิดกันในเวลาเหงาๆ และไกลบ้านเท่านั้น

ผมมีสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่ยังรอผมอยู่ที่เมืองไทย  ผมยังมีครอบครัวเล็กๆ ของผมให้กลับไปดูแล  จัสตินมันเองก็เหมือนกันครับมีหน้าที่การงานและคนข้างหลังรอมันอยู่ที่เยอรมันเหมือนกัน

ในชีวิตของคนเรามันมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาบีบบังคับให้เราไม่สามารถทำตามอย่างที่ใจปรารถนาได้เสมอไป  เรื่องจริงมันช่างยากเย็นกว่าในนิยายเยอะครับ

ผมไม่รู้ว่าทุกๆ คนให้นิยามคำว่าเห็นแก่ตัวไว้กว้างมากแค่ไหน  แค่คนที่คิดอ่านเพื่อตัวเอง  หรือคนที่ทำเพื่อครอบครัวและคนที่เขารัก  หรือคนที่อุทิศตนเพื่อส่วนรวม คนที่เห็นประเทศชาติมาก่อน  คนทำทุกอย่างเพื่อมวลมนุษยชาติหรือคนที่พยายามจรรโลงไว้ซึ่งทุกสรรพชีวิตบนโลกใบนี้  ผมยังมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่เมืองไทยรอให้ผมกลับไปดูแล  ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวในความหมายของตัวเองครับ

จัสตินมันเองก็เห็นด้วยกับความคิดผม  ถ้าจะให้ผมทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทยเพื่อมาอยู่กัยจัสตินหรือให้จัสตินย้ายตามผมไปที่โน้น  ทั้งสองเรื่องนี้คงเป็นไปได้ยากมากๆ สำหรับในกรณีเราสองคน

ผมและมันเลยตกลงที่จะคงความสัมพันธ์ที่เหลืออยู่อย่างจางๆ ไว้ในรูปแบบของคำว่า เพื่อนเก่าครับ

แต่ผมก็ไม่รุ้เหมือนกันว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น  ผมกับมันอาจจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งก้ได้ครับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-12-2006 03:35:06
ตามมาทันแย้วว ในวันที่เค้าจบเรื่อง แหะแหะ  :yeb:

ในรูปใช่จัสตินจิงเย๋อ

น่านสินะสงสัยเหมือนเรย์ทะมาย 2 ไม่คบกะจัสตินต่อล่ะ
 กัวแพ้เรื่องระยะทางเหรอ
  :myeye:

เพิ่งจะตามมาทันก็ยังดีกว่าไม่ตามมาเลยครับ  อย่างนี้ต้องมีรางวัล :piglove2:

ใช่รุปจัสตินครับผมแอบถ่ายมาตอนที่พากันไปนั่งดื่มเบียร์ที่ร้านที่ผมเริ่มออกสตาร์ทเที่ยวกลางคืนกับน้องมิกอะครับ

ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมขอตอบอย่างที่ตอบคุณบูลไปแล้วนะครับตะแน่วววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-12-2006 03:41:39

now, I still kept in touch with him, Justin. we gone to be a friend.  :impress3:


แล้วทำไมไม่คบกันต่อละครับ กลายเป็นเพื่อนกันซะงั้น

ปล.คุณoaw_eang นี่คือการไปทำวิจัยหรือว่าอะไรอ่ะคับ เห็นในเรื่องบอกว่าทำงาน เลยงง 

ดีครับคุณ hardytoon

ผมมาทำงานวิจัยครับ  เข้าใจปะเนี้ย :confuse:

ส่วนเรื่องการคบต่อกับจัสตินหรือเปล่าขอตอบอย่างที่ตอบคุณบลูไปแล้วนะครับ  ขอบคุณที่เข้ามาตามอ่านนะครับ

ขอบคุณเธอด้วย Lucifer  ผมเห็นชื่อเธอมานานแล้วในกระดานนี้  เห็นคอมเม้นต์เธอทีไรเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าทุกที่

ส่วนคุณtamjai_sengped ...ผมก็คิดแบบเดียวกับที่คุณคิดนั้นแหละครับ  เลยชอบที่จะมีและสร้างความรัก  คนอื่นๆ เลยกล่าวหาว่าผมเจ้าชู้  ชิส์ งอน
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: nai ที่ 01-01-2007 12:10:56
จัสติน ดูด้านข้างเท่ห์กว่าหน้าตรงนะครับพี่ เสียดายแทน น่าจะยกให้น้อง ขำๆ :haun6:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 01-01-2007 13:08:28


 :pigscare2: สามีนะคะคุณน้องมิใช่เสื้อจะได้ยกต่อให้กันได้  :pigha2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: nai ที่ 01-01-2007 20:01:03
รับทราบครับ คุณพี่ ข้าน้อยไม่กล้าแล้ว  :monkeysad: แต่อย่าเผลอนะครับ :haun5:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-01-2007 05:14:08
 :o

ลองดูสิมีตบ  :laugh:

เอ่อ  อยากทราบว่าถ้าคะแนนเต็มสิบเรื่องนี้จะได้กี่คะแนนในใจคุณๆ กันครับ  จะได้ประเมินตัวเองถูก  แบบว่าอยากรู้ว่าคนที่เข้ามาอ่านจะให้คะแนนเท่าไหร่  ตรงไหนที่ยังควรต้องแก้ไข

แต่ว่ามันก็เอามาจากเรื่องจริงแล้วจะแก้ไขตรงไหนกันนะ  แต่อยากเอาไว้พิจารณาตัวเองจริงๆ นะ  :3061:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-01-2007 11:40:21
แปะ ๆ ๆๆๆๆๆๆ  ตบมือให้กับตอนจบที่ประทับใจมาก ๆ  :yeb:

เขียนได้ดีมากเลยค่ะ บางช่วงบางตอนเหมือนได้เดินทางไปกับผู้เขียนเลย

ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องแต่งซะอีก พอมาเฉลยว่าเรื่องจริงนี่ รู้สึกว่าชีวิตคุณจะมีสีสันดีนะคะ

ดีใจด้วยที่ได้พบกับความรัก ความรู้สึกดี ๆ ในแดนไกลค่ะ

จัสตินหล่อดีนะ (แต่ไม่ใช่สเป๊ค)  :laugh:  :laugh:  :laugh:


ส่วนคะแนนไม่รู้จะให้ยังไง แต่บอกได้เลยว่าถ้าคุณ oaw_eang แต่งเรื่องไหนอีก เดี๋ยวจะไปตามอ่านให้หมดเลย  :yeb:

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ  :myeye:


หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 03-01-2007 17:41:56
ให้ 10 เต็มเลยค่ะ

ตามอ่านตั้งแต่แรกแล้ว ชอบสำนวนการเขียนมั๊กๆเลย

สนุกดีค่ะ มีครบทุกรสเลย

แล้วมาเล่าเรื่องสนุกๆ แบบนี้อีกนะค่ะ

จะติดตาม เป็นแฟนพันธุ์แท้เลย
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-01-2007 06:32:40


พูดอย่างนี้เค้าก็เขินแย่ซิพวกตัวเองสองคนละก็... :-[ :-[ :-[

อย่ายอเยอะนะ  เค้ามันคนบ้ายออะ

ด่าบ้างก็ได้นะ  จะได้แอบไปร้องไห้เงียบๆ คนเดียว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: box_breathe ที่ 05-01-2007 22:20:02
เต็ม 10 ให้ 10 เลยคร้าบ !!

ชอบบรรยากาศมากๆเลยอ่ะ ... โรแมนติกดี

และที่สำคัญ จัสติน หล่อมากเลย ... เห็นแล้วจะละลาย   :-[
 
************************
อืม....แล้ว โมนิค นี่ตกลงเป็นเกย์หรือเปล่าอ่ะ
         มีรูป โมนิค ไหม เอามาแบ่งให้ดูบ้างสิคร้าบ !!!
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: may_1223 ที่ 12-03-2007 01:45:45
หุหุ อ่านแล้วสนุกดีค่ะ
ให้คะแนนเต็มสิบไปเรย อิอิ
มีทั้งโหด มันส์ ฮา ครบรสเลย
ตอนจบแอบทำน้ำตาซึมด้วย ฮือๆ


หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 12-03-2007 05:14:27
                               ไม่ทราบว่าเจ๊สองเคยได้ยินคำนี้จากจัสตินบ้างมั้ย

                                 :give2:Ik hou van jou


                     Heeft Justin een dikke piemel? :kikkik: :kikkik: :kikkik:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-03-2007 05:18:47

มันแปลว่าอะไรหรอครับ?
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 12-03-2007 15:11:45
                            :give2:   Ik hou van jou  แปลว่า  I love you

                              อีกประโยคนึงถามขนาด เอาแค่นี้นะ :-[

                                     ขอโทษนะ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 19-04-2007 00:01:19
 :impress:

เพิ่งอ่านรวดจบครับ

รู้สึกว่าโรแมนติกมากครับ
เจอกัน รักกัน ภายในหนึ่งเดือน
แต่กลับทำให้รู้จักว่า...ผูกพันกันได้ขนาดนี้

 :-[

พออ่านมาถึงตอนสุดท้ายก็ "ใจหาย"
ไม่ถึงกับเศร้ามาก (เพราะไม่ได้เลิกกันมั๊งครับ)
เสียดายอ่ะครับ ที่ไม่ได้คบกันต่อ

อ่านแล้วรู้สึกดีครับ
ตอนแรกๆ ก็ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย

 :angry2:

อ่านแล้วตอนแรกๆ
ผมแอบเคืองจัสตินนะ ตอนที่เจ้โดน ตบหัวเอาๆ อย่างนั้นอ่ะ
แบบว่า เมื่อไหร่เจ้จะเอาคืนบ้างเนี่ย ฮ่าๆๆ


ป.ล. จัสตินก็หล่อดีนะค๊าบ เอิ๊กกก 
ป.ล. รูปสวยมากกกกกกกก อยากไปบ้าง!!!~

 :yeb:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: thomaskung ที่ 16-06-2007 17:59:50
อ่านรวดเดียวจบเลยครับ  :like6:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 16-06-2007 23:45:13
 :impress2:  อ่านรวดเด๋วจบเลย....หนุกมาก

แต่ว่าก็เสียดายนะ  ที่ไม่คบกันต่อ  แต่ว่าก็ทำใจยอมรับได้นะ  บางทีอาจเป็นเพราะ...เหตุเกิดจากความเหตุ... :interest:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-06-2007 02:40:10
ยังมีคนเข้ามาอ่านเรื่องนี้อยู่อีกหรอเคอะ

แหม๋ๆๆๆ  ดีใจจัง  :o8:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 18-06-2007 23:06:03
อ่านสิจ๊ะเจ๊ หนูอ่านตั้งหลายรอบแน่ะ รูปสวยมากเลยนะ เรื่องของเจ๊ก็สนุกม๊ากมาก อ่านแล้วอินไปด้วย m2
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 21-06-2007 16:50:14
ขอบใจจ๋า  นู๋น้ำค้าง  อิอิ  :m13:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 29-07-2007 18:46:35
ผมพึ่งเข้ามาอ่านคงไม่สายเกินไปนะครับ  แล้วก็อ่านรวดเดียวจบเลย

สนุกแล้วก็ซึ้งมากเลยนะครับ

ขอบคุณที่เอามาโพสนะครับ o1 o1
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: cargo ที่ 16-08-2007 09:23:10
story is very interesting and it makes me jealous to you. i like you word about "someday will be found the true love. but today i still lonely"  :a1: :a9:

i give 10 points for your love
and 10  points for Justin's hansome (my spect)   :m10: :m25: :m14:
   
thank for your story, i am still waiting for your new story to make me wonder.  :impress: :o11: 

                                                                                           นายCargo
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: tsuya ที่ 24-09-2007 18:31:54
อ่านรวดเดียวจบเลยค่า...
 o13 o13สนุกดี โหดๆ ขำๆ ดี น่ารัก ชอบๆๆๆๆๆ อิอิ

ถ้าคะแนนเต็ม 10 ให้ 9.8 ค่ะ หัก 0.2 เพราะไม่ยอบคบกันต่อ
แต่ถ้าแถมตอนพิเศษมา จะเพิ่มให้เป็น 10+ เลยค่ะ อิอิ
 :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 29-09-2007 20:47:55
 :impress:
ทักทายครับ และคงต้องบอกว่ายังมีคนอ่านอยู่เรื่อย ๆ นะครับสำหรับเรื่องราวดี ๆ
ขึ้นชื่อว่า "เกย์" คงได้พบได้เจอเรื่องราวทำนองเดียวกันแบบนี้เสมอ ๆๆๆๆๆ  :undecided:
คะแนนเต็ม 10 ผมคงให้เรื่องนี้ 8 คะแนน เจ้คงไม่โกรธนะครับ  กดคะแนนนิดส์นึงงงง
โดยใช้มาตรฐานจากเรื่องที่ผมชอบที่สุดและร้องไห้มากที่สุดผมให้ 10 เต็มคือเรื่อง ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร
ส่วนเรื่องเล่าเด็กพาณิชย์,รักนั้นนิรันดร และภูผากับฟ้าลั่น(ภาคแรก) ผมให้ 9 คะแนน  :m12:
ที่เหลืออีกหลาย ๆ เรื่องประทับใจแทบทุกเรื่องให้ 8 รวมทั้งบันทึกเรื่องนี้ของเจ้ด้วย....
 :o8:
ประทับใจครับ ภาพสวย เรื่องราวเดินเรื่อย ๆ อาจจะขาดในเรื่องของอารมณ์ไปนิดส์ :m17:
เพราะเขียนในรูปของบันทึก  ที่สำคัญความรู้สึกที่เจ้ถ่ายทอดก็คงเหมือน ๆ กับเกย์ทุกคนบนโลก
เหงา อยากมีใครจริงๆ ซักคน มีแล้วก็ไม่อยากเลิกกัน กลัวอนาคต.... เกิดเป็นเกย์ไม่ว่าพันธุ์ไหน :m5:
จะกุลเกย์ หรือจะextra, advanceเกย์ คงต้องอดทนกว่าคนธรรมดาเป็นสิบเท่า... :a2:
ทำบุญทำกุศลให้มากกกก ชาติหน้าพวกเราจะได้ไม่ต้องเกิดมามีกรรมแบบนี้อีก ชาตินี้ก็ก้มหน้ายอมรับไป
 :m13:
เอาใจช่วยทุกคน ให้พบรักที่สวยงามและได้ครองคู่อยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ต้องแยกจากกัน หวังเช่นนั้นเสมอ
ไม่อยากเห็นใครเลยซักคน ที่ต้องทนเจ็บปวดกับความรัก เป็นกำลังใจให้ทุกคน ... :give2:
สำหรับเจ้ ถ้ามีโอกาสได้พบได้เจอกับจัสตินอีก ก็ขอให้ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...
ได้ครองคู่กันตามที่ใจปรารถนา...ให้ทุกอย่างลงตัวด้วยดี...ให้ชีวิตจริงได้จบอย่าง Happy  สู้ สู้
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 01-10-2007 13:31:02

ขอบคุณ ที่ยังเข้ามาติดตามอ่านนะเคอะ 

หวังว่าทุกคนคงจะมีความรักที่สวยงามเสมอนะเคอะ  :m1:

จาก อิเจ้ คนที่ตัดสินใจแล้ว
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 01-10-2007 13:52:56
เจ้พบรักที่สวยงามเเล้วอะจิ อิๆๆ :m11:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: charulsha ที่ 28-10-2007 14:45:41

  มาอ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ  สนุก ซึ้ง เศร้า...ครบทุกรสเลย

ชอบบันทึกของพี่มากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 13-11-2007 21:34:25
อ่านรวดเดียวจบเหมือนกันครับ สนุกมากครับ แต่...(เจอแต่เรื่องที่ไม่แฮ็ปปี้เยย  :m15:)

ไงก็ขอขอบคุณที่เอาเรื่องราวประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังนะครับ ขอให้พี่มีฟามสุขมากๆกะฟามรักครับ


รักเจ้าของเรื่องนะครับ(อิอิ) :m1: :m3:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 28-12-2007 11:45:44
สนุกดีน้า ภาพสวยด้วย (โดยเฉพาะภาพสุดท้าย :o8:)

หวังว่าตอนนี้สองคงจะมีความสุขมาก ๆ น้า  :m3:

ปล. คนอะไร้ไม่รู้กิ๊กเยอะจิง ๆ  :m29:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: singh ที่ 31-12-2007 21:09:36
เฮ่อ..ดีใจจังอ่านจบไปแล้ว 1 หน้า ประทับใจมากมายครับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: singh ที่ 01-01-2008 11:19:54
หน้า 2 ก็น่าอื่นๆ ขึ้นเรื่อยครับ..ชอบภาพประกอบเป็นที่สุดฮ่ะ :pig3:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: singh ที่ 01-01-2008 11:37:13
อูยสสส์ หน้า 3 มีหวานกันด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 01-01-2008 19:51:16
เห็นชื่อเรื่องแปลกๆดี แล้วก็เห็นชื่อเจ๊สองด้วย
เลยลองเข้ามาอ่าน
เลยอ่านรวดเดียวจบเลย
ชอบหลายๆอย่างค่ะมีภาพประกอบด้วย
เป็นบันทึกประกอบการเดินทางที่น่าประทับใจจริงๆ :m4:
ทั้งจากสถานที่ๆเราไปและผู้คนที่รู้จัก และคนที่เรารัก
แต่เสียดายที่เวลาที่ให้ได้อยู่ด้วยกันมันน้อย
แต่ก็ประทับใจกับทุกๆเรื่องนะคะ
เพราะว่าชอบเดินทางเหมือนกัน  แต่ไม่เห็นเจอแบบนี้บ้างเลย :m13:
ชอบมากๆค่ะเอาไปเลย10
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-01-2008 23:41:38
เข้ามาขอบคุณ น้องๆ หนูๆ ที่ยังเข้ามาอ่านเรื่องนี้อยู่นะเคอะ

เรื่องนี้เจ้โพสต์ลงนานแล้ว  ตั้งกะสมัยยังสาวๆ  ตอนนี้แก่แล้วก้อยากจะกลับไปแก้ไขงานเขียนของตัวเองนะเคอะ

แต่มานึกๆ ดูอีกที  ก็ไม่อยากแก้ไข  เพราะว่าบันทึกเล่มนี้  มันเป็นบันทึก(เกือบ)สด มีการเติมแต่งน้อยมาก  เจ้เองลองกลับไปอ่านแล้วก็เหมือนได้ย้อนกลับไปยังช่วงเวลาเหล่านั้น  มันมีความสุขทุกครั้งเคอะที่ได้อ่าน

แต่ว่าก็อายเหมือนกันนะเคอะ เมื่อพอย้อนกลับไปอ่านแล้วเห็นข้อผิดพลาดในชิ้นงาน  ก็อยากกลับไปเขียนใหม่  แต่ก็ไม่เอาดีกว่า  ทิ้งเอาไว้ให้มันเป็นอยู่อย่างนั้น  คนอ่านจะได้รู้ว่า  งานเขียนชิ้นแรกๆ ของเจ้มัน "เหลาเย่" แค่ไหน อิอิ

หรือว่าจะเขียนใหม่ดีน้อ  อิอิ

ปล. คิดถึงเพื่อนๆ ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่องทุกคนนะเคอะ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: anisongchanon ที่ 06-01-2008 20:08:48
อ่านะ  ถึงจะจบแบบไม่สมหวังนิดหน่อยก็เหอะ :เฮ้อ:

แต่ความทรงจำดีๆก็ยังคงอยู่กับเราตลอดไป :m4:

สู้ต่อไปฮะ พี่แนค :a2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: heinz_sawa ที่ 24-01-2008 14:20:33
อ่านแล้วรู้สึกดียังไงไม่รู้อ่ะ

เหมือนในเป็นเรื่องที่เปนไปได้และเปนไปไม่ได้รวมอยู่ด้วยกัน

แต่ไงก้อน่ารักดีอ่ะ

แม้ช่วงแรกๆๆ ดูจะงงๆๆ

ไงก้อเป้นกำลังใจให้คร้าบบบบ :mc4:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 30-01-2008 01:48:02
ตามอ่านรวดเดียวเลยง่ะ คบกัน 1 เดือนแต่ความผูกผันหาค่าไม่ได้
การจากกันทั้งที่ยังรักอยู่มันทรมานกว่าการเลิกกันที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดรัก
ขอบคุณที่เอาประสบการณ์เรื่องราวดีๆน่าประทับใจมากมาให้อ่านคับ

ปล. ณ. เวลาที่กำลังเม้นอยู่เนี่ยผม ก๊อกแตก น้ำตาไหลพรากกับความรักของแนคและจัสติน
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: madokapee ที่ 06-02-2008 16:00:36
โอ้.....................................................(เกินบรรยาย)
เป็น "ความรักความผูกพัน" ที่สวยงามมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะค กับเรื่องราวดีๆ
เราเชื่อนะว่า..เมื่อโชคชะตาพาให้ทั้งสองคนมาพบกัน และผูกหัวใจของคนสองคนแล้ว
แม้จะพรากกายจากกัน แต่ใจไม่ห่างนี่นา
ยังไงนะซักวันหนึ่ง..โชคชะตาก็คงจะให้ทั้งร่างกายแะจิตใจได้กลับมาเจอกันและกันอย่างแน่นอนเลยค่ะ
อยู่ที่หัวใจและความผูกพันของคนทั้งสองแล้วละค่ะ ้ :pig3:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: bamtham ที่ 07-02-2008 19:49:40
อ่านจบแล้ว รวดเดียวเลย

อ่านแล้วประทับใจมาก เป็นความผูกพันที่สวยงาม  :m13:

ขอบคุณมากเลยเจ้  :pig4:  ที่เอาความรู้สึกดีๆ อย่างนี้มาแบ่งปัน

ให้คะแนน 10.2 เลย ให้อีก 0.2 เพราะเจ้เอารูปสวยๆ มาลงให้ดูด้วย  :m4:

อย่ากลับไปแก้เลยเจ้ อะไรที่เติมแต่งมากไปมันก็ไม่ได้อารมณ์น้า....อารมณ์ที่ร่วมไปกับตัวละครทุกตัวไง
รู้สึกว่าเหมือนผ่านมาไม่นานนี้เอง
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 11-02-2008 14:46:14
ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านเลยนะเคอะ  เอาไปคนละ 1+ แทนน้ำใจงามๆ ที่มีให้เจ้นะเคอะ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 12-05-2008 12:51:34
 :laugh5: ว๊ายๆๆ ผึ้งมีโอกาสเข้ามาอ่านเรื่องนี้ อิอิ

ช่วงนี้เจ้สิงเอ้ยเจ้สองไม่อยู่ ขออนุญาติแซวหน่อยเถอะคันปากจัง

อ่านที่เด่ยวจบเลย เริ่มจากไอ้กุญแจบ้าที่เจ้ไปเจอตอนเข้าที่พักวันแรก

ไม่ได้มีเจ้คนเดียวหลอกที่เปิดไม่ได้ อิชั้นก็เป็นเหมือนกันแทบจะร้องให้เลย

เจอตอนที่ไปออสเตีย ไม่คิดเล๊ยว่าเจ้สอง(เจ้าตัวเค้าว่า)ปากจัด จะยอมนายโหดได้

นี้ถ้าเจ้ไม่บอกว่าเรื่องจริงไม่เชื่อเด็ดขาดนะเนี้ย อิอิ

เรื่องนี้อ่านแล้วชอบจังดูรู้สึกเป็นตัวของตัวเองดี

คนเราหนะมีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องธรรมดา เฮ้ย

ปกติเวลาอ่านนิยายแบบนี้เค้าจะมีตอน....หนะ

ประมาณว่า"......แล้วเราก็ทำกิจกรรมร่วมกัน"จบ เป็นอันเข้าใจว่าพี่เค้าทำไรกัน

แต่เดียวนี้ น้องๆหนูๆ บรรยายซะไม่รู้ก็ต้องรู้ละวะ เอามันทุกขั้นทุกตอน

จากไม่รู้อะไรเลย ต้องนี้รู้แล้วฮ่ะ รู้หมดแล้วฮ่ะ (เค้าใส่สีตีไข่บ้างหรือเปล่าเราก็ไม่รู้)

เจ้น่าจะมีบรรยายแบบนี้บ้างนะ อยากอ่านเรื่องของเจ้บ้างนะ แอนคิดว่าเจ้คงไม่ใส่สีตีไข่มากนัก

(ทำมั๊ยกรูเสือกเรื่องชาวบ้านแบบนี้วะ แต่มันอยากรู้จริงๆนะ)
  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ไม่โกรธนะตะเอง ก็เค้าไม่รู้จริงๆนิ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 14-05-2008 05:39:45
 :L2: ชอบจังเรื่องนี้ save ไว้อ่านเลย

หายากหาเย็นดีนัก อิอิ

ชอบเอาไปซ่อนเรี่อยเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: watermoonj ที่ 04-11-2008 18:29:29
ตามมาอ่านจนจบแล้วค่ะ เว้นจังหว่ะไว้นานไม่ได้มาอ่านเพราะส่วนตัวจะไม่ชอบเรื่องเศร้า
แต่ได้ยินกิติศัพท์คุณ oaw_eang ว่าเขียนแต่ละเรื่องมีแต่คนติด เลยตามมาอ่านผลงาน

อ่านแล้วชอบค่ะ  มันอาจจะจบแบบเศร้าๆ แต่ให้ความรู้สึกเต็มตื้นดีค่ะ  :กอด1:
โดยเฉพาะตอนจบที่นำคำพูดของ "ข้างหลังภาพ" มาเปรียบ ช่างเข้ากับบรรยากาศของเรื่องจริงๆ

คุณ oaw_eang ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงออกมาให้อ่านได้ดีมากเลยค่ะ
ภาษาในการเล่าเรื่อง อ่านแล้วเรียบๆ แต่ก็กินใจ ไม่ได้ใช้ภาษาเว่อร์จนเกินไป
เป็นบันทึกรักที่เล่าเรื่องได้ประทับใจ อ่านแล้วรู้สึกนี่เป็นเรื่องที่เขียนได้คลาสสิค
ให้คะแนนเต็มสิบค่ะ

ปล -อ่านจดหมายจัสตินแล้วเศร้าใจ สงสารความรู้สึกของเขาในตอนนั้นจัง   :m15:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Akiizz ที่ 06-11-2008 19:32:06
อ่านแล้วรับรู้ได้ถึง คำว่ารัก เลยคับ


แต่ผมว่า เพื่อนกันก้รักกันได้คับ รักกันไนแบบเพื่อน

ผมว่ามันบริสุทธิ์ใจแล้วก้ยั่งยืนกว่าแบบคนรัก อีก


จบได้ โอเคมั่ก
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 15-04-2010 00:59:25
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ ที่ได้อ่านในเล้า
พอมาอ่านอีกครั้ง ก็ยังชอบมากอยู่ดี
ขอบคุณที่เอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: ETOM ที่ 17-04-2010 14:32:46
เพิ่งตามมมาทัน  เอาใจช่วยให้ได้สมหวังนะครับ เป็นกำลังใจให้สู้สู้ :oo1: :oo1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: akiso ที่ 22-04-2010 19:17:55

 ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆคะ   o13  เป็นเรื่องราว  ที่คน คนหนึ่งได้เจอกับ คน คนหนึ่ง

อากิว่ายากนะๆ   :n1:  กว่าจะรู้ใจกัน หรือจะจบความสัมพันธ์  จนกลายเป็นเพื่อน 

แต่รักของพวกพี่ก็บริสุทธิ์  ที่ไม่ต้องการผลตอบแทน.....


       ตอนนี้พี่คงทำงานแล้ว  ยังติดต่อกับเขาอยู่อีกไหมค่ะ  อย่างไรมาเล่าให้พวกเราฟังบ้าง

นะค่ะ  หรือไม่พี่ก็ชวนเขามาเที่ยวเมืองไทย  ที่นี่ทะเลบ้านเราก็สวยไม่แพ้บ้านเขานะค่ะ.... 
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-07-2010 22:32:15
เพิ่งเข้ามาอ่านชอบมากเลยครับความรักความสุขการเข้าใจซึ่งกันและกันพร้อมเหตุผลของแต่ละคน
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 01-08-2010 13:49:12
เห็นอยู่นานไม่เคยเข้ามาอ่าน
เขียนตั้งแต่คุณเจ้สองยังสาว
จนตอนนี้กลายเป็นบุคคลอาวุโสของเล้า :laugh:
ถึงจะเป็นเรื่องแรกที่เขียนแต่ก็สนุกนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 29-03-2011 14:49:18
เพิ่งได้เห็น เพิ่งได้อ่าน มันไปเรื่อยๆนะ แบบว่า ไม่เบื่อ แถมมีรูปประกอบอีก ชอบมากเลย
รูปสุดท้ายนี่ตอนแรกแอบสงสัย แต่พอที่ตอบๆมากก็เลยรู้ 55+ ดูดีทีเดียว^^
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่มาเล่าสู่กันฟัง ขอบคุณจ้า^^
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: Tim-Tam ที่ 09-05-2012 17:20:03
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้

ตอนแรกก็ลุ้นอยู่ว่าจะเป็นเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่า

พออ่านตอนท้ายๆ เริ่มจะเดาได้แล้วว่ามันต้องจบแบบนี้แน่ๆ

แต่ก็ตัดสินใจอ่านต่ออยู่ดี เพราะยังแอบลุ้นในใจลึกๆว่ามันจะ สุขสมหวังเหมือนในนิยายทั่วๆไป

แต่ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย ถึงอย่างนั้นตอนจบมันก็ สวยงามซาบซึ้ง และสุขสมสมหวังในตัวของมันเอง

อย่างน้อยครั้งนึงในชีวิตเราก็ได้รู้ว่ามีคนที่รักและหวังดีกับเราจริงๆ อยู่อีกซีกโลกนึง

ขอให้มิตรภาพและความรักอยู่กับคุณจัสตินและคุณ oaw_eang ไปตลอดนะคะ


ป.ล. อ่านแล้วเพลินดีค่ะ ลุ้นอยู่ตลอดว่าเมื่อไหร่จัสตินจะสารภาพรักซักที ตามหึงตามหวงอยู่ตั้งนาน
แล้วก็ชอบรูปถ่ายประกอบเรื่องมากๆ วิวสวยจริงๆ ทำให้อยากกลับไปเที่ยวอีกครั้ง
สุดท้ายคุณจัสตินหล่อดีนะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: atomtcom ที่ 08-07-2013 00:26:58
 :sad4:อ่านรวดเดียวจนจบ รู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยอ่า... หากเป็นคู่กันจริง คิดว่าไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลก เราก็จะกลับมาเจอกันจนได้อ่ะนะ ... ปล. จัสตินหล่อโฮก
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 30-05-2014 18:09:52
เรื่องน่ารักดีนะคะ ถึงจะจบยังไง ความรักก็สวยงามเสมอ

เป็นกำลังใจให้นะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 18:37:03
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: mabikung ที่ 05-11-2017 22:00:38
จะไม่บอกว่าเรื่องนี้สนุกหรือไม่อย่างไร

แต่เรื่องนี้ผมเชื่อว่า เปนบททดสอบที่ฟ้าส่งมาให้คุณ อะไรมันจะบังเอิญได้หลายเด้งขนาดนั้น ถ้าพระพรหมไม่แกล้ง ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

หลายคนยังเข้าใจสมการความรักว่า ความสัมพันธ์+ระยะเวลา=ความรัก ซึ่งมันไม่จริงเสมอไป รักแรกพบ ใคร่ก่อนแล้วค่อยรัก ใช้เงินซื้อความรัก ทั้งหมดนี้ผมเห็นมาหมดแล้ว ความรักที่เกิดขึ้น ก่อตัวขึ้นภายในเวลาเดือนเดียวผมเชื่อว่ามันก็เปนรักแท้ได้เหมือนกัน

เรื่องนี้เปนเรื่องที่งดงามเหลือเกิน ยิ่งตอนจบ ต่างคนต่างกลับไปรับผิดชอบหน้าที่ของตน นี่คือสิ่งที่ยิ่งงดงาม เรารู้ว่าเราต่างรักกัน แต่เราไม่อาจจะอยู่ด้วยกันได้ เปนผมผมเปนไอ้โหด ผมก็ทำใจไปส่งคุณไม่ได้เหมือนกัน อย่างน้อยขอให้ได้หลอกตัวเองจนกว่าจะทำใจได้ก็ยังดี

ผมเชื่อว่ายังไงฟ้าก็ต้องส่งคนมาให้คนทุกคน อยู่ที่ใครจะเลือกทางเดินอย่างไร ไม่แน่ชั่วชีวิตนี้ เส้นทางชีวิตของพวกคุณอาจจะโคจรมาเจอกันอีกก็ได้

ขอบคุณที่มาเรื่องความรักให้ฟังนะครับ
หัวข้อ: Re: [บันทึกรัก Leiden]
เริ่มหัวข้อโดย: top_fy ที่ 02-02-2018 15:31:55
เรื่องนี้สนุกมากกกกกก ตอนแรกนึกว่า จัสติน ตอนที่เจอกันครั้งแรกเป็นคนไทย แต่ที่ไหนได้ นางเป็นคนเยอรมัน 555. ชอบครับเรื่องนี้ สนุก ชอบรูปสถานที่ ทำให้อยากไปอยู่สถานที่แบบนั้น ดูน่ารักและะอบอุ่น ทุกคนในเรื่องก็คงจะมีความสุข สบายดีกันทุกคนนะครับ

ปล จัสตินหล่อมากกกดกกก