12 Mar. 2006
10.56 น. บนเตียงเดิมๆ
ผมเพิ่งตื่นครับ วันนี้วันอาทิตย์เสียด้วยกะว่าจะเดินออกไปถ่ายรูปมุมสวยๆ ในเมืองเสียหน่อย แต่ว่าจะไปได้ยังไงครับหน้าเยินแบบนี้ เพราะไอ้นั้นคนเดียวแท้ๆ ผมเลยต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน(ส่วนใหญ่ในห้องมากกว่า)ทั้งวัน ทั้งๆ ที่วันนี้วันอาทิตย์ทั้งที ส่วนมันหรอครับ จะไปถามถึงมันทำไมกันให้เสียแรงเปล่า ไม่รู้หายหัวไปไหนแล้วครับ ช่างมันเถอะ! ไม่อยากไปสนใจ ลุกขั้นไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาดีกว่า ไม่ได้สัมผัสน้ำมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวน้องหนูผมมันจะประท้วงโดยการคันเสียก่อน
“เฮ้! หวัดดี Nac ทำไรอยู่อะ” โมนิคเข้ามาในครัวเงียบๆ แล้วทักผมเสียงดังเสียจนผมสะดุ้งเกือบทำกระทะหลุดมือ “ขวัญอ่อนจังนะ ทักแค่นี้ทำตกใจไปได้ ฮ่าๆๆ”
“..........” ผมไม่กล้าหันหน้าไปทักทายตอบได้แต่ยืนดูน้ำมันในกระทะที่กำลังร้อนขึ้นทุกทีๆ
“ทำไมไม่พูดอะไรบ้างละ” โมนิคชะโงกหน้ามาคุยกับผมตอนเขยิบเข้ามายืนข้างๆ ด้วยกัน “นั้นหน้านายไปโดนอะไรมา” ผมอยากจะตอบเหมือนในละครจังเลยครับว่า ‘หกล้ม’ แล้วมันจะฟังดูเข้าท่าไหมนะ?
“เราเดินชนประตูนะ” ผมหวังว่าคำตอบนี้มันน่าจะดูดีกว่าหกล้ม คุณคิดอย่างนี้ไหมครับ?
“ชนประตู ประตูไหน?” โมนิคทำหน้างงๆ แล้วเหลียวหันดูประตู
“ประตูห้องนอนนะ ช่างมันเถอะ! ว่าแต่นายไปไหนมา”
“ผมออกไปธุระมานิดหน่อย หิวข้าวเลยกลับมาหาไรกินที่นี่ ข้างนอกร้านปิดหมดเลย” จริงซิ! ที่นี่คงเหมือนที่อื่นๆ ร้านค้าต่างๆ มักจะปิดในวันอาทิตย์เสมอ เหตุผลหรือครับ? มีคนบอกว่าพระเจ้าทำงานแค่ 6 วันดังนั้นมนุษย์ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำงานทั้ง 7 วันนิ
“งั้นทานด้วยกันไหม? หรือว่าเข็ดอาหารไทยแล้ว”
“ไม่หรอก...อร่อยดีออก” ผมละโคตรปลื้มเลยครับ ยิ้มจนลืมเจ็บปาก “งั้น...วันนี้นายทำให้ผมทานอีกนะ แล้วเมื่อกี้นายกำลังจะทำอะไรหรอ?” โมนิคหันมามองไข่ที่ผมกำลังจะตอกลงกระทะ
“ไข่ดาวนะ แต่ถ้านายกินด้วยคงไม่พอ เอางี้...เดี๋ยวเราทำยำไข่ดาวให้นายลองชิม นายทานรสจัดไหมละ”
“จัดมากไหมละ ถ้าไม่มากนะก็พอไหว ลองดูก็ได้”
“อืม.... แล้วจะลดความเผ็ดลงนะ”
“หาใส่พริกด้วยหรอ ใส่ทำไหม? ไหนว่าทำสลัด” เมื่อกี้ผมบอกว่าสลัดไข่ดาวแบบไทยไปอะครับ ไม่รู้ว่า ’ยำ’ ภาษาอังกฤษเรียกว่าไง
“เออน่า! รับรองไม่เผ็ด นายกินได้แล้วกัน” ผมเลยจัดการหุงข้าวเพิ่มทั้งที่ตอนแรกกะจะอุ่นข้าวที่เหลือๆ ทาน แต่ความจริงมันก็เหลือไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ เพราะว่าไอ้โหดมันกินไปเสียเยอะเลย ชอบกินข้าวผิดนิสัยฝรั่งทั่วไปจริงไอ้นี้
................................................................................
“ไง? พอทานได้ไหม”
“อืม! แปลกดีนะ ไม่เคยกินมาก่อนเลย คนไทยเก่งจัง! คิดได้ไง” อ๊ะ! ของมันแน่อยู่แล้วครับพี่ คนไทยเราน่ะเรื่องประยุกต์นี่ขอให้บอกสามารถอยู่แล้ว แต่เดี๋ยว! ตอนแรกที่นายบอกว่าแปลกนะมันแปลว่าไงหรอ?
“อืม! แต่ว่าถ้าเครื่องปรุงครบจะอร่อยกว่านี้”
“สลัดของคนไทยใส่เครื่องปรุงแบบนี้ทุกอย่างเลยหรอ” ขวัญใจผมทำหน้าสงสัย
“อืม! นี่ยังขาดอีกหลายอย่างเลยนะ ถ้าจะให้ครบจริงๆ ก็ต้องใส่มากกว่านี้”
“โห! ยุ่งยากจัง แต่ว่าวันหลังนายทำให้ผมทานอีกนะ ผมชักชอบอาหารไทยแล้วสิ” พูดเสร็จก็ยิ้มหน้าหล่อใส่ตาผมซะงั้น ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ คร้าบบบบ คุณพี่โมนิค แค่นายมาเคาะประตูบอกว่าอยากให้ผมลุกขึ้นมาทำอะไรให้นายทาน ขี้คร้านผมจะรีบกระเด้งลุกขึ้นจากเตียงวิ่งมาทำให้นายทานแทบไม่ทันอยู่แล้วครับ
“ได้สิ ถ้านายชอบวันหลังเราจะทำอย่างอื่นให้นายทานอีก แต่ว่าคงไม่หลากหลายเท่าไหร่นะเพราะว่าเราไม่ค่อยได้ทำอาหารตอนอยู่เมืองไทย”
“ไม่เป็นไรหรอก ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ว่าแต่ว่า... ถามจริงๆ เถอะ หน้านายไปโดนอะไรมาหรอ?” ยังอุตส่าห์วกเข้าเรื่องนี้อีกจนได้นะ
“อ๋อ! ก็บอกแล้วไงว่าเดินชนประตู”
“แล้วทำไมตาเขียว?” แป๋ว!!!
“เอ่อ.....” ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี “เมื่อวานทะเลาะกับจัสตินนิดหน่อยนะ”
“หา! จัสตินชกนายหรอ? แล้วไปทำอีท่าไหนถึงโดนหมอนั้นชกเอาได้”
“ก็มันหาว่าเราส่งเสียงดังรบกวนแบบไม่มีมารยาท นายลองคิดดูดิ ทั้งๆ ที่มันยังกลางวันอยู่เลยแท้ๆ มันน่าโมโหไหมละ”
“ส่งเสียงดัง? ตอนไหน? ไม่เห็นได้ยินเลย”
“ก็ตอนที่เราไปขอนายใช้คอมเมื่อวานไง”
“อ้อ....” โมนิคพยักหน้าทำท่าเข้าใจ “งั้นหมอนั้นก็ว่าผมด้วยซิ เพราะว่าผมก็หัวเราะเสียงดังนี่”
“ไม่นะ มันว่าเราคนเดียว ไม่เห็นว่านายเลยสักคำ”
“หรอ?” โมนิคส่งเสียงพร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนกอดอกเอามือเกาคางแกรก “แล้วนายทะเลาะกันตอนไหน”
“ก็หลังจากที่เราลงมานั้นแหละ ไอ้นั้นมันก็ใส่เราทันที”
“หรอ?” มันจะหรออีกหลายรอบไหมครับ
“ทำไมเราไม่ได้ยินเสียงเลย”
“
อะไร! ทะเลาะกันเสียงดัง แล้วยังกลิ้งไปโดนกระจกตกเสียงสนั่นอีก นายไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยหรอ”
“อืม.....นั้นสิ” เกาคาง ทำหน้ายุ่ง คิ้วเกือบผูกกันแล้วครับ “ไม่ได้ยินอะไรเลย”
“อ้าว! เรากับมันทะเลาะกันเสียงดังนายไม่ได้ยิน? แล้วตอนที่เราตกใจนาย เสียงมันยังเบากว่าที่เราทะเลาะกับไอ้นั้นเสียอีก ทำไมไอ้บ้านั้นมันได้ยินหละ”
“น่านสิ มันน่าสงสัย”
แล้วผมจะรู้ไหมเนี้ย โมนิค คร้าบบบบ
[/color]