=22=
เสียงถุงพลาสติกกระทบกันไปมาตลอดทางเดินที่มายังห้องผู้ป่วยพิเศษของทางโรงพยาบาล หลังจากเลิกงานได้เพียงไม่เท่าไหร่ นั่นเป็นเพราะเจตน์กำลังรู้สึกผิดที่เขาทำให้อีกฝ่ายต้องเข้าโรงพยาบาล ทั้งๆที่ร่างกายก็กำลังไม่สบายอยู่แท้ๆ แต่เขาก็ยังไปทำแบบนั้นอีก
" พี่อาร์ต ผมเข้าไปนะ " เจตน์เคาะที่ประตูห้องพอเป็นพิธีก่อนจะเดินพรวดพราดเข้าไปในห้องผู้ป่วย
"อ่ะ....อืม... " คนที่ดูจะนั่งเหม่อลอย อาจจะเป็น เพราะด้วยอาการป่วย และใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งที่ก้มลงมาเมื่อครู่ยังอยู่ ในความทรงจำนั้น สะดุ้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา
" พี่เป็นยังไงมั่ง? " เจตน์รีบเดินเข้ามาแตะแก้มอีกฝ่าย
" ผมขอโทษ .. ไม่น่าเลย ทั้งๆที่รู้ว่าพี่ไม่ค่อยสบาย แล้วยัง.. "
"ไม่เป็นไร... ฉันไม่พักเอง..." อารยะกล่าว พลางยิ้มน้อยๆให้กับอีกฝ่าย
" นี่ ผมซื้อของที่พี่ชอบมาฝากด้วยล่ะ " เจตน์รีบแกะของในถุงที่ซื้อมาให้อีกฝ่าย
" หิวหรือเปล่า? หมอบอกว่าหมดน้ำเกลือขวดนี้ก็กลับได้แล้วนะ แต่ถ้าพี่จะนอนอีกคืนผมจะอยู่เฝ้าเอง "
"ไม่เป็นไรหรอก แค่เพลียนิดหน่อย นายเอง ก็ไปพักซะมั่งเถอะ เดี๋ยวเกิดมาป่วยแบบฉันอีก ฉันก็โดนว่าเอาสิ"
อารยะรับเอาขนมขึ้นมาทานพอไม่ให้เสียน้ำใจ ก่อนจะวางลง
" ใครจะมาว่าพี่ล่ะ ทุกคนเขาเป็นห่วงพี่กันทั้งแผนก พี่คิมฝากให้ผมเอานี่มาให้พี่ด้วย " เจตน์ยื่นกระป๋องวิตามินรวมให้อีกฝ่าย
" เขาบอกว่าเจอพี่เที่ยวอยู่บ่อยๆ .. ผมว่าพี่ก็เพลาๆลงมั่งเหอะ "
คนป่วยรับเอาขวดวิตามินรวมมา ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
...ขี้เก๊กชะมัด...ทำไมไม่ให้ตั้งแต่เมื่อกี้เลยล่ะ...
" ดีใจเหรอครับ? " เจตน์ถามขึ้นมา ดวงตารีจับจ้องใบหน้าที่ปิดความดีใจเอาไว้ไม่ทันนั่นนิ่ง
"อ่ะ... ก็มีคนอุตส่าห์เป็นห่วงเยอะแยะแบบนี้ " อารยะว่าพลางหันไปยิ้มให้กับอีกฝ่าย ทำเหมือน ไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกคนถาม มือเรียวเอื้อมเอาขวดวิตามินไปวางไว้ข้างเตียง
" แล้วพี่จะนอนต่อไหม หรือจะกลับดี? "เจตน์เปลี่ยนเรื่อง .. ทั้งๆที่เขาก็กำลังสงสัยอยู่
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองใบหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย
...สงสัยอยู่ล่ะซิ่นะ...
"ก็...ถ้ากลับไปแล้ว ...ไม่ต้องป่วยอยู่ห้องคนเดียวล่ะก็...นะ" มือเรียวยกขึ้นแตะมือแกร่งของอีกฝ่ายเบาๆ ริมฝีปากบางกระซิบออกมาเป็นคำออดอ้อน
" พี่อยากให้ผมอยู่ด้วยจริงๆเหรอ "เจตน์กระซิบตอบเบาๆ
" ไม่ใช่คนอื่นใช่ไหม? "
".........ก็...ใช่น่ะซิ่ นายต้องรับผิดชอบฉันไม่ใช่หรือไงกัน" คนป่วยตอบกลับ
" ก็ใช่ ผมทำให้พี่ต้องเข้าโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? "เจตน์ทำท่าลำบากใจ
"นั่นล่ะ " อารยะยิ้มก่อนจะยื่นมือที่มีสายน้ำเกลือระโยง ยิ่งทำให้คนป่วยดูบอบบางลงไปอีกนั้น ไปสวมกอดอีกฝ่ายเอาไว้เบาๆ
"ก็จะเป็นใครเสียอีกล่ะ... "
" ผอมลงนะ " เจตน์กอดตอบอีกฝ่าย ริมฝีปากได้รูปแตะกับแก้มของอีกฝ่ายแล้วแนบกับหน้าผากมนนั่นเบาๆ
"เหรอ..." อารยะตอบกลับเบาๆ
" ไปเที่ยวทุกวัน ถึงได้ผอมล่ะสิ "เจตน์กอดคนตรงหน้าแน่นขึ้นอีก
"ก็...ฉัน..." อารยะหยุด อดจะสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม หลังๆมานี่ถึงต้องออกไปที่ผับนั่นทุกวันๆ ทั้งๆที่ไปแล้วก็มีแต่คนจะเข้ามาทำรุ่มร่ามใส่อยู่ทุกครั้งไป
" ถ้าอยากไป จะไปเป็นเพื่อน ดีไหม? "
แต่ชายหนุ่มให้อ้อนแขนกลับขยับตัวออก "...ไม่เป็นไรหรอก..."
" พี่อยากเจอใครรึไง? "เจตน์ถามเสียงเรียบ
"ก็...ตามประสา มีเพื่อน มีอะไร ก็ไปไง..." อารยะว่าพลางหัวเราะ
"มีอะไร...หึงเหรอ"
" ใช่ พี่แฟนผมไม่ใช่รึไง? "เจตน์ตอบออกไปทันที
"ก็ใช่...." ร่างบางตอบกลับทันควันเช่นกัน
"...... " ริมฝีปากบางเม้มแน่น เขารู้ดีว่า อีกฝ่ายกำลังไม่พอใจในพฤติกรรมของตัวเขา แต่... จะให้ทำยังไงได้ หากว่า ปล่อยมือจากคนๆนี้ มันก็เท่ากับเขากำลังจะกระโดดลงไปที่ก้นเหว โดยที่ไม่มีร่มชูชีพ หรือ ตาข่ายคอยรองรับ
...ไม่มีคนให้อยู่ด้วย แบบนั้นน่ะ...ไม่เอาหรอก
"เรา...ต้องรู้จักกันมากขึ้นไม่ใช่หรือไงล่ะ...ฉันก็แค่อยากให้นายรู้ว่า นี่ก็เป็นฉัน ฉันก็มีสังคม อีกอย่าง อีกที่ ที่นอกเหนือจากบริษัท และการอยู่กับนาย..."
" ผมเองก็อยากจะรู้จักพี่ให้มากขึ้นเหมือนกัน "เจตน์รีบบอก
" ไว้คราวหน้าไปด้วยกันก็ได้ "
".........ขอฉันพักก่อนก็แล้วกันนะ...เจตน์"ชายหนุ่มร่างบางว่าพลางผละออกจากอีกฝ่ายแล้วเอนตัวลงกับเตียง
===================
วันเวลาผ่านไปกับความเงียบเหงาในโรงพยาบาล เจตน์ไม่ได้มาเยี่ยมเขาในช่วงกลางวัน... แน่ล่ะ เพราะว่ามันเป็นเวลาทำงาน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังอยากคุยกับใครซักคนอยู่ดี
คิดได้แบบนั้นมือเรียวของคนป่วยก็คว้าเอาโทรศัพท์มา กดหมายเลขที่คุ้นเคยทันที
ชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้หนุ่มลูกครึ่งหยิบมันแล้วเดินออกจากแผนกไป ยังไง เจตน์ที่ยังนั่งอยู่ตรงนั้นก็ไม่ควรจะมารับรู้เรื่องนี้
เขากดรับสาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
"คิมหันต์..นายยุ่งอยู่รึเปล่า..." เสียงแหบพร่าดังมาจากปลายสาย
" มีธุระอะไรเหรอครับ ถึงได้โทรมา " คิมหันต์ตอบกลับไปเรียบๆ
"อยากกินพายไก่ของร้านกาแฟข้างบริษัท ...แต่ไม่มีคนมาเยี่ยม... " อีกฝ่ายตอบ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าบนใบหน้ามนนั้นจะปรากฏเป็นรอยยิ้ม
" ผมจะบอกเจ้าเจตน์ให้ เอาอะไรอีกไหมครับ? "
".........แต่ฉันอยากให้นายมานี่"เสียงที่ปลายสายเปลี่ยนเป็นจริงจัง เมื่อได้ยินชื่อของบุคคลที่สาม
"นายเองก็เป็นคนนึงที่ทำให้ฉันป่วยนะ รับผิดชอบหน่อยซิ่"
" ผมจะไปกับเจ้าเจตน์ก็แล้วกัน "เสียงเรียบเฉยของคิมหันต์ไม่เปลี่ยนเลยซักนิด
"...แต่ฉันไม่ได้อยากเจอหน้าเจตน์นี่... "
"ตอนนี้ ฉันอยากกินพายไก่...ที่นายเป็นคนเอามาให้ " น้ำเสียงของคนป่วยยังคงเอาแต่ใจอยู่ไม่เปลี่ยน
" คุณโตแล้วนะ อารยะ ผมจะฝากเจตน์เอาไปให้ เย็นนี้ก็แล้วกัน " ท่าทางเอาแต่ใจที่รู้สึกได้จากน้ำเสียงทำให้คิมหันต์ขมวดคิ้ว
"ขอโทษนะ คนป่วยมันเป็นแบบนี้แหละ ไม่ต้องสนใจหรอก! "คำพูดที่เหมือนกับจะสั่งสอนของหนุ่มลูกครึ่ง ทำให้ ปลายสายหงุดหงิดขึ้นมาทันที ก่อนจะกดตัดสายไปด้วยความโมโห
...แน่ล่ะซิ่...ฉันมันก็เป็นแบบนี้นี่...ผิดหวังอีกซิ่ ทำอะไรไม่เคยเข้าตาเลยนี่...
===================
เย็นวันนั้น ดูเหมือนว่า จะไม่มีอะไรมาทำให้คนป่วยรู้สึกสงบใจได้เลยแม้แต่น้อย
จนพยาบาลสาวหลายคนที่มักจะคอยแวะเวียนเข้ามาหาเพื่อพูดคุย ก็ยังต้องขอตัวตีจากเมื่อเดินเข้าไปก็จะเจอกับคำพูดแสบๆ ที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าไปทำอะไร มาถึงสรรหามาใช้กับคนอื่นได้มากขนาดนั้น
...หงุดหงิด...ทำไมไม่มาล่ะ...ฉันป่วยนะ...เพราะนายนะ...
จนกระทั่งเสียงเปิดประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงถุงอาหาร และเสียงฝีเท้าจากรองเท้าหนัง
คนป่วยที่พร้อมจะหันไปห้ามไม่ให้พยาบาลก้าวเข้ามาในห้องหันไปหมายจะเอ่ยปากห้ามแต่ก็ต้องหยุด
"นายมา...? " เสียงที่เปล่งออกไปนั้นฟังดูประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
" พายไก่ของคุณ " คิมหันต์วางถุงพายไก่ลงที่โต๊ะข้างเตียงคนป่วย " ท่าทางสบายดีนี่ครับ "
"ก็..ยังป่วยอยู่ดี...ไม่งั้นก็ออกไปได้แล้วซิ่" อารยะว่าพลางหันไปสนใจพายไก่...นั่นดูเหมือนการแก้เขินมากกว่า
" งั้นผมไปล่ะนะ " คิมหันต์ทำท่าจะออกจากห้องไป
"เดี่ยวก่อนซิ่" ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มือเรียวของคนป่วยถึงได้คว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้
" ผมเอาพายไก่มาให้แล้วไง เดี๋ยวเจตน์มันคงจะมา " คิมหันต์มองมือที่ดึงเขาไว้
"ซื้อมาตั้งหลายอัน... อยู่กินกาแฟกันซักแก้วก่อนซิ่" เสียงของคนป่วยว่า
" ไม่ล่ะครับ ผมไม่ชอบกินกาแฟในโรงพยาบาล "คิมหันต์ปฏิเสธทันที
" หรือ...คุณจะชวนกินอย่างอื่น? "ใบหน้าได้รูปก้มลงเข้าใกล้อีกฝ่าย
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองใบหน้าคมของอีกฝ่าย ด้วยความไม่เข้าใจ
"นาย...ฉันมันก็เป็นได้แค่นั้นใช่ไหม...ฉันจะทำกับนายที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหม?" อารยะว่าพลางยกมือข้างที่มีสายน้ำเกลือขึ้นให้อีกฝ่ายดู
" คุณน่ะ...อยากให้ผมเป็นอะไรกันแน่..เราเป็นแค่คู่ขาไม่ใช่หรือไง? "คิมหันต์มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
"ฉัน... "อารยะกัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกอึดอัด ที่แปลกประหลาดนี่มันคืออะไรกันแน่ ...ใช่...เขาบอกตัวเอง และ บอกคิมหันต์เองว่า อีกฝ่ายเป็นแค่คู่ขา
แต่ในตอนนี้ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธการจิบกาแฟ ยามเย็น ด้วยถ้อยคำ และสายตาเย็นชาแบบนั้นกลับเป็นอะไรที่เขาทนไม่ได้
"ฉันก็แค่อยากจะให้นาย นั่งลง แล้วก็...กินกาแฟกับฉันซักแก้วก็เท่านั้น" ชายหนุ่มว่าพลางก้มหน้าลง มือเรียวที่วางอยู่บนหน้าตักและอีกข้างที่จับมือของอีกฝ่ายเอาไว้นั้นกำแน่น
" คู่ขาน่ะ เขาไม่ทำกันแบบนี้กันหรอกนะ .. ที่เขาทำกันน่ะก็แค่เซกส์เท่านั้น "คิมหันต์บีบมืออีกฝ่ายเบาๆ
" คุณก็พอใจแค่นั้นไม่ใช่หรือไง? "
"ในตอนนั้น มันก็.......จริง .... " อารยะขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะปล่อยมือจากมือของอีกฝ่าย แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง
" ฉันปวดหัวแล้ว..."
" งั้นก็พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเจตน์ก็มา "คิมหันต์เดินออกจากห้องไปทันที
===================
ทันทีที่ประตูห้อง ปิดลง ถุงพายไก่ก็ลอยละลิ่ว ลงไปอยู่กับพื้น ด้วยแรงปัดจากคนป่วย
"บ้าเอ้ย...นายอย่ามาปั่นหัวฉันเล่นนะ" อารยะสบถดังลั่น ด้วยความรู้สึกสับสน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาไม่เคยสนว่าใครจะทำอะไร ที่ไหน หรืออย่างไร แต่ ในตอนนี้ ในหัวของเขามีแต่ห่วงว่า คิมหันต์จะทำอะไร และ คิมหันต์จะคิดยังไงกับเรื่องของเขา ...อยู่ๆ มันก็กลายเป็นแบบนี้
"...นี่ฉันพลาดไปแล้วหรือไง?.... "
ว่าพลางก็ทิ้งตัวลงนอนกับหมอนของโรงพยาบาล กลิ่นยาที่ตลบอบอวลไปทั่ว ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดและ อารยะรู้ดีว่าคนที่จะโดน ระบายใส่เป็นคนแรก ก็คงจะหนีไม่พ้นพยาบาลหน้าใหม่ที่คงจะเดินเข้ามาวัดไข้ในอีกไม่กี่นาที
...แล้วฉันต้องการอะไรจากคิมหันต์กันแน่?...
แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในสมองคิดไปเรื่อยจนกระทั่งกลับมาถึงคำพูดของหนุ่มลูกครึ่งที่ทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่จะเดินออกไป
...ก็อยากให้อยู่ใกล้ๆ...
...อยากให้ พูดคุยกันบ้าง ไม่ใช่แค่มีเซกส์...
แต่มันจะทำได้ยังไงในเมื่อไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็จะเห็นเป็นเรื่องแบบนั้นไปเสียหมด...
หรือว่า ก่อนหน้าที่ผ่านมานี้ เขา มุ่งหวัง ในเรื่องนั้นมากเกินไป ??
อารยะยังคงคบคิดไปเรื่อยจนกระทั่งการวัดไข้เสร็จสิ้นลง
===================
หลังจากนั้นอีกสองวัน หมอก็อนุญาตให้อารยะกลับมาทำงานได้ตามปรกติ ร่างของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ปรากฏตัวขึ้นที่แผนกต่างประเทศนั้นเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่มากก็น้อย ในเมื่อดูจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทที่เป็นลมล้มพับไปหลังจากการประชุม
" พี่อาร์ต.. " เจตน์รีบเดินมาหาคนรักที่โต๊ะ " น่าจะพักผ่อนอีกหน่อยนะครับ "
"ฉันพักมาหลายวันในโรงพยาบาลแล้ว...อยู่ต่อไปเป็นง่อยกันพอดี... แล้วก็จะได้ไม่มีใครมาว่าฉันมาว่าฉันว่า อู้งานด้วย" อารยะตอบ พลางยกเอาเอกสารตั้งใหญ่มากองไว้ตรงหน้า เพื่อตรวจสอบ ตามหน้าที่ที่ควรจะเป็น
" พี่คิมเขาไม่ว่าหรอกครับ ใจดีจะตาย " เจตน์หันไปทางคิมหันต์
" พูดดีนี่ วันนี้เลี้ยงข้าวเที่ยง " ซึ่งคิมหันต์ก็รับคำทันที
" แล้วก็มีเรื่องสำคัญจะพูดกับนายด้วย " ดวงตาสีนิลมองไปทางอารยะที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
คำพูดของหนุ่มลูกครึ่งที่ดังขึ้นทำให้ ชายหนุ่มต้องหันไปมองด้วยความไม่เข้าใจนัก
" เรื่องสำคัญเหรอครับ? ผมกะจะชวนพี่อาร์ตไปกินข้าวด้วยกันพอดีเลย " เจตน์บอกเสียงอ่อย
" ไม่เป็นไรหรอก เจตน์..ไปเถอะ " อารยะว่าพลางทำท่าไม่สนใจ ทั้งๆที่ยังนึกสงสัยไม่หายว่าคิมหันต์ต้องการจะทำอะไร
" ไปด้วยกันก็ได้นี่ครับ " คิมหันต์พูดขึ้นมา " ผมเลี้ยงข้าวคุณด้วยก็ได้ ไหนๆก็ทุ่มเทกับโปรเจคขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ ผมเองยังไม่ได้ไปเยี่ยมคุณเลย อย่างน้อยก็น่าจะได้เลี้ยงข้าวบ้าง "
เจตน์พยักหน้าแรงๆอย่างเห็นด้วย
"....."อารยะมองหน้าของหนุ่มลูกครึ่งอย่างชั่งใจ
"ได้... ครับ ผมจะไป "
เจตน์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองคนทั้งคู่เล็กน้อย
... เขาอยากจะรู้เหมือนกัน.. การเผชิญหน้ากันทั้งสามคนมันจะเป็นอย่างไร...
===================
ภายในร้านอาหารใกล้กับบริษัท ชายหนุ่มสามคนมารับประทานอาหารเที่ยงกัน โดย ที่เลือกนั่งที่ โต๊ะตัวด้านในร้าน อารยะนั่งอยู่แทบจะเรียกได้ว่าระหว่างสองคนที่นั่งประจันหน้ากัน
บรรยากาศความตึงเครียดดูเหมือนจะเข้ามาทับถมชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาไม่มีทางรู้เลยว่า สายตาที่คิมหันต์มองมาในตอนนั้นมันจะหมายความว่าอะไร
" พี่..ใส่เยอะไปแล้ว " เจตน์ทักเมื่ออารยะเทเกลือมากเกินไปสักหน่อย
" ปกติพี่ไม่กินเค็มนี่ " คำพูดสนิทสนมราวกับเป็นคนรักกันนั้นพูดออกมาทั้งที่คิมหันต์ยังนั่งอยู่ตรงกันข้าม
"ฉันเหม่อไปหน่อยน่ะ..."อารยะสะดุ้งก่อนจะหันไปมองหน้าของเจตน์ "ทำไงดี...กินไม่ได้แล้วเนี่ย"
" สั่งใหม่สิครับ " คิมหันต์ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเรียกพนักงานเพื่อจะสั่งอาหารจานใหม่
" ท่าทางสนิทกันจังนะ เจตน์ นายรู้ด้วยรึไงว่าอารยะชอบอะไรไม่ชอบอะไร " คิมหันต์ถาม ทั้งที่รู้ดีว่าอารยะกับเจตน์เป็นอะไรกัน แต่..ต่อหน้าเจตน์ เขาจะต้องไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
" ก็..พวกผม.. " เจตน์หันไปมองหน้าอารยะ
"เอ่อ.... " อารยะเห็นท่าทางของเจตน์แล้วแต่เขาก็ไม่อยากจะให้พูดอะไรออกไป...ไม่ใช่ต่อหน้าคิมหันต์ แต่เป็นในสถานที่สาธารณะแบบนี้ต่างหาก " เอ่อ คิมหันต์เมื่อกี้คุณสั่งอะไรนะ นั่นใช่ของคุณหรือเปล่า "
" ของผมต่างหาก พี่คิม กินเนื้อที่ไหนกันเล่า "เจตน์รับเอาจานอาหารของตนมาวางตรงหน้าก่อนจะจัดการปรุงรส
"อ้าว...เหรอ" เมื่อเจตน์ท้วงแบบนั้น ก็ทำเอา อารยะมองหน้าคิมหันต์ไม่ติด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่า เขา...ไม่ค่อยจะรู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย
" ไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอกน่ะเจตน์ เมื่อก่อน ฉันกับอารยะก็ไม่ค่อยได้ "ทำอะไรร่วมกัน" เท่าไหร่หรอก " คิมหันต์บอกไปแบบนั้นก่อนจะยิ้มรับจานอาหารของตนเองมาจากพนักงาน
" เหลืออีกชุดนะครับ ช่วยเร่งด้วย " เขาบอกกับพนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะมองหน้าอารยะ
"อ้อ...อ่ะ...อืม ...ใช่แล้ว "อารยะรับคำพลางเบือนหน้าไปอีกทาง
เพียงไม่นานนัก อารยะก็ได้อาหารชุดใหม่ของตนเอง พวกเขายังคงทานอาหารกันต่อไป โดยที่มีเพียงบทสนทนาระหว่างเจตน์กับคิมหันต์เสียเป็นส่วนมาก ส่วนอารยะที่เดิมไม่ใช่คนเงียบในวันนี้กลับเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด
" ไม่อร่อยเหรอ? " เจตน์แตะแขนของคนรักเบาๆ
"อ่ะ..เปล่า อร่อยซิ่ อร่อย " อารยะว่าพลางหันไปยิ้มให้กับคนรัก แต่ไม่รู้ทำไม ถึงรู้สึกฝืดคอที่จะยิ้ม ที่จะพูดอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่ รู้ว่า คิมหันต์นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
" ไว้คราวหน้าไปร้านอื่นไหมครับ? ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแถวๆนี้ก็อร่อย " คิมหันต์ทำหน้าเสีย ทำเอาเจตน์ต้องรีบบอก
" ไม่หรอกพี่ ร้านนี้ก็อร่อย "
" พอดีวันนี้ ไม่ค่อยอยากอาหารล่ะมั้ง...เพิ่งหายป่วยก็แบบนี้ล่ะ อย่าใส่ใจเลย" อารยะพูด
...ทำไมต้องพูดเหมือนจะเอาใจแบบนั้นด้วย...
" ก็ผมทำให้คุณป่วยนี่ครับ? .. รึว่าคนอื่น? " คิมหันต์หันไปทางเจตน์เล็กน้อย ทำเอาเจตน์ถึงกับหน้าเสีย
"มันก็....เอ่อ....ผมผิดเองนั่นล่ะ ไม่ดูแลตัวเอง มาป่วยเอากลางงานแบบนี้ ก็ทำให้คุณลำบากเหมือนกัน ขอโทษนะครับ "ชายหนุ่มว่าพลางก้มลงเล็กน้อย
" พรีเซนต์โปรเจตน์คเสร็จแล้วนี่ครับ รอให้ทางนั้นตัดสินใจแล้วค่อยว่ากันต่อแค่นั้นเอง "หนุ่มลูกครึ่งบอก
" อย่าคิดมากเลยครับ "
"มันเป็นงานที่ได้รับมอบหมายมา...ไม่คิดมากคงไม่ได้หรอกครับ....เอ่อ...เดี๋ยวผมขอตัวซักครู่" อารยะพูดตัดบทก่อนจะลุกเดินไปที่ห้องน้ำ
....พยายามจะเล่นอะไรกันแน่...คิมหันต์....
===================
--- RRR ---
เสียงโทรศัพท์ของคิมหันต์ดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบมันมาดูก่อนจะขอตัวจากเจตน์ไปรับโทรศัพท์อีกด้านของร้าน
"นายคิดจะทำอะไรของนาย...พูดอะไรกำกวมอยู่ได้... " เสียงที่ดังขึ้นจากปลายสายนั้นฟังดูคุ้นเคย ไม่น้อย
" นึกว่าคุณจะทนเล่นละครได้อีกหน่อยซะอีก " คิมหันต์กรอกเสียงกลับไปอย่างอารมณ์ดี เสียงก้องที่สะท้อนเข้ามาในหูโทรศัพท์ อีกฝ่ายอยู่ในห้องน้ำจริงๆ
หนุ่มลูกครึ่งเดินตามเข้าไป โดยที่ไม่ลืมจะหยิบป้าย "ระหว่างทำความสะอาด" มาแขวน
" กลัวอะไรรึไง? "
" ฉันต้องกลัวอะไร?" คิ้วเรียวขมวดมุ่น เขาล่ะอยากจะยกหมัดกระแทกหน้าของอีกฝ่ายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปกับการที่มาทำให้เขาต้องหัวปั่นแบบนี้
" กลัวเจ้าเจตน์มันจะรู้น่ะสิ..ว่าลับหลังมัน คุณเป็นยังไง " คิมหันต์เดินเข้ามาหาอีกฝ่าย มือเรียวคร่อมร่างนั้นไว้กับเคาท์เตอร์อ่างล้างมือ
"..... " ไม่มีคำพูดตอบกลับเหมือนทุกที...ใช่ เขากลัว...ไม่ใช่แค่กับเจตน์...เขากลัว การสูญเสียภาพพจน์มากยิ่งกว่าอะไร
"แล้วนายล่ะ... ดีนักเหรอ มาทำแบบนี้...คนที่บริษัทรู้เข้า นายเองก็แย่เหมือนกันล่ะ... "
" คนที่แย่คือคุณต่างหาก ..
เรื่องในตอนนั้นก็เหมือนกัน "
ดวงตาสีเทาเข้มที่สบตาอีกฝ่ายฉายแววเศร้าเล็กน้อย แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น
" คุณไม่ต้องห่วงผมหรอกน่ะ " ริมฝีปากได้รูปแตะกับอีกฝ่าย ในขณะที่มือข้างว่างคลายปมไทค์ของคนตรงหน้าออก
"ไม่ได้ห่วง...อ๊ะ..." เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากของอีกฝ่าย
.....คิดถึงเหรอ??....สัมผัสของหมอนี่...
"ฉัน...จะ..แฉ..นาย” อารยะพูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง
" อ้าปากสิ " คิมหันต์ไม่ได้สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแม้แต่นิด มือเรียวเย็นๆไล้กับลำคออุ่นๆจนอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้ง ปลายลิ้นเลียริมฝีปากได้รูปอย่างยั่วเย้า
".....ไม่..... " เสียงที่เล็ดลอดไรฟันที่ขบกันแน่นออกมานั้นดูจะเป็นการหักห้ามใจของตัวเองมากกว่า ห้าม อีกฝ่าย ไม่ให้แตะต้องตัวเอง
สัมผัสเย้ายวนบนผิวกายที่ห่างหายไปนาน....ทำไมคิมหันต์ถึงทำแบบนี้กับเขา...ทำไมถึงต้องปั่นหัว ให้เขาต้องการอีกฝ่ายมากขนาดนี้ด้วย
มือเรียวกำแน่น พยายามอย่างมากที่จะไม่หลงกลเผลอไผลไปกับสัมผัสยั่วเย้า
...............แต่มันก็อดใจไม่ไหวเสียแล้ว......................
สองมือเรียวเปลี่ยนมาโอบรัดร่างของอีกฝ่ายเข้าหาตัวเองแน่น เช่นเดียวกีบริมฝีปากบางที่เผยอขึ้นรับสัมผัสจากอีกฝ่าย
ตอบสนองอย่างรุนแรง เร่าร้อน ราวกับกระหาย ที่จะแตะต้องมานาน
คิมหันต์มอบความเร่าร้อนผ่านริมฝีปากและมือทั้งสองข้างของเขา ปลายลิ้น และริมฝีปากเลื่อนไล้จากปาก ผิวแก้ม ใบหูก่อนจะเลียที่ลำคอขาวนั้น และจงใจฝังร่องรอยไว้ เรียกเสียงครางเครือออกจากอีกฝ่ายได้ไม่ยาก
"อืม...คิม....คิม.... " ริมฝีปากบางเรียกร้องออกมาเป็นชื่อของอีกฝ่าย มือเรียว ละไล้ไปทั่วแผ่นหลังแกร่งของอีกฝ่าย
เสียงและชื่อที่คุ้นเคยทำให้หนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่เดินไปที่หน้าห้องน้ำต้องหยุดฝีเท้าทันที .. เสียงหอบครางของคนรักของเขาที่กำลังเรียกชื่อรุ่นพี่ของเขาอย่างเร่าร้อน ..
เจตน์..เดินไปทางห้องน้ำช้าๆ ป้ายที่บ่งบอกว่ากำลังทำความสะอาดไม่ได้ทำให้เขาสนใจมากไปกว่าสิ่งที่อยู่ข้างใน
และภาพที่เขาเห็น ก็ทำให้เขาถึงกับหัวโล่งไปหมด ..ดวงตารีเบิกกว้าง..
"อืม....คิม.... " ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือ เพลิดเพลินกับสัมผัสร้อนบนผิวกาย แต่แล้วดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ต้องเบอกกว้าง เมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ ซ้ำร้าย....ยังเป็น
"เจตน์!!" มือเรียวผลักคิมหันต์ออกห่างทันที
===================
talk : กลับมาต่อแล้วค่ะ คอมเมนต์แรงได้ใจมากค่ะ สำหรับอารยะน่ะ ติดตามอ่านกันต่อไปนะคะแล้วจะได้รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้เป็นแบบนี้กัน ส่วนเจตน์จะปล่อยอารยะไปง่ายหรือเปล่านะ