พิมพ์หน้านี้ - Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kuruma ที่ 22-01-2013 21:21:05

หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 22-01-2013 21:21:05
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
=========================


สวัสดีค่ะ ผู้อ่านทุกท่าน

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่เขียนคู่กันสองคนนะคะ คือ kuruma&p.k.a. หลังจากที่พวกเราได้หายหน้าหายตากันไปพักใหญ่
 ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งหนึ่งนะคะ

kuruma & p.k.a.
22/01/2556

(http://i40.photobucket.com/albums/e223/kuruminna/teefatbanner_zps536f1957.jpg)


สารบัญ

ตอนที่1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2270922#msg2270922)//ตอนที่2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2271839#msg2271839)//ตอนที่3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2273861#msg2273861)//ตอนที่4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2277056#msg2277056)//ตอนที่5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2280955#msg2280955)//ตอนที่6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2286624#msg2286624)//ตอนที่7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2341229#msg2341229)//ตอนที่8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2342357#msg2342357)//ตอนที่9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2343449#msg2343449)//ตอนที่10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2344616#msg2344616)

ตอนที่11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2345516#msg2345516)//ตอนที่12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2346618#msg2346618)//ตอนที่13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2348068#msg2348068)//ตอนที่14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2348980#msg2348980)//ตอนที่15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2349809#msg2349809)//ตอนที่16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2351797#msg2351797)//ตอนที่17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2359048#msg2359048)//ตอนที่18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2362328#msg2362328)
//ตอนที่19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2369710#msg2369710)//ตอนที่20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2373391#msg2373391)

//ตอนที่21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2378048#msg2378048)//ตอนที่22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2383923#msg2383923)//ตอนที่23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2390416#msg2390416)//ตอนที่24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2397703#msg2397703)//ตอนที่25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2409514#msg2409514)//ตอนที่26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2418358#msg2418358)//ตอนที่27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2426673#msg2426673)//ตอนที่28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2432814#msg2432814)//ตอนที่29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2445305#msg2445305)//ตอนที่30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2454214#msg2454214)

//ตอนที่31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2506490#msg2506490)//ตอนที่32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2510455#msg2510455)//ตอนที่33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2519124#msg2519124)//ตอนที่34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2536276#msg2536276)//ตอนที่35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2544888#msg2544888)//ตอนที่36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2550677#msg2550677)//ตอนที่37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2557159#msg2557159)//ตอนที่38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2563172#msg2563172)//ตอนที่39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2635349#msg2635349)//ตอนที่40(ตอนจบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36597.msg2682420#msg2682420)

=1=

....ดอกทองกวาว...ยังไม่บานเลยน้า...

ชายหนุ่มคิดพลางเงยหน้าขึ้นมองกิ่งก้านที่ของต้นไม้ใหญ่ ที่ยืนตรงมานานปีตรงสวนข้างประตูของมหาวิทยาลัย
เขาเรียนที่นี่ในคณะมนุษยศาสตร์มาก็ 4 ปี ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปเร็วถึงขนาดนี้ เผลอไปหน่อย นี่ก็เป็นวันซ้อมใหญ่ของการรับปริญญาไปเสียแล้ว

แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะคิดอะไรไปได้มากกว่านั้น

ผั่วะ !!

เสียงฝ่ามือที่ตบหลังเสียดังก็มาหยุดความคิดเสียก่อน
" เหม่อ .. เออ หล่อแล้ว "

"โอ๊ยเจ็บนะ ไอ้ตี่ " คนโดนทำร้ายหันไปมองค้อน ไอ้ผู้กระทำการนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนของเขาเอง

" บอกให้เรียก ชื่อไง ไอ้อ้วน " มือเดิมยังคงตามมาตบไล่ดัง บึ๊ก ก่อนจะยิ้มให้กับเพื่อนสนิท  รอยยิ้มจากใบหน้าอวบอูมอย่างมีความสุขนั่นเป็นสีชมพู แววตาที่มีให้แก่กันนั้นทำให้รู้ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานั้นเกิดอะไรขึ้นมากมายเหลือเกิน ….

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว…

"  ไอ้ชิน วันนี้พวกพี่รหัสนัดเมานะเว้ย ไปด้วยกันหน่อยดิ " มือแกร่งลอคคอนุ่มๆของเพื่อนสนิทจากด้านหลังอย่างแรง ร่างสูงใหญ่ดูโดดเด่นภายใต้สูทสีดำสนิทตัวสวยที่ได้จากเงินค่าสอนภาษาอังกฤษให้แก่เด็กเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย  ในขณะที่ร่วมงานแสดงความยินดีที่เรียนจบ หรืองาน บายเนียร์นั่นเอง

" อ่อก  เอาอีกแล้วนะ ไอ้เจตน์  ได้ข่าวว่าเลี้ยงส่งมาตั้งแต่ยังไม่จบเลยไม่ใช่เรอะ ....นี่กูอ้วนเบียร์จะแย่แล้วเนี่ย" หนุ่มร่างท้วม ว่าพลางก็ก้มลงมาดูพุงของตัวเองที่ดูจะใหญ่ขึ้นทุกวันๆ  เขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาสูทที่พอจะใส่ได้สำหรับงานนี้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงต้องใส่ชุดแฟนซีมาเป็นแน่

" ทำบ่น เหอะ แล้วมึงจะไปไหมล่ะ ? "เจตน์ลากแขนเพื่อนของตัวเองให้เดินไปตามทางที่จะออกจากโรงแรมหรูไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยประจำจังหวัดมากนัก โดยไม่รอคำตอบ  เขารู้ดีว่า เพื่อนรักร่างท้วมคนนี้ไม่มีทางปฏิเสธวงสุราได้อยู่แล้ว

==============

เพียงไม่นาน พวกเขาก็เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์มาถึงร้านเหล้าประจำที่อยู่ในซอยเล็กๆด้านหลังมหาวิทยาลัย ซึ่งเพียงไม่กี่ปีมานี้ก็กลายเป็นย่านดังประจำจังหวัดที่ราคาที่ดินแพงเสียยิ่งกว่าทองคำเสียอีก

" มาแล้วคร้าบ " เจตน์ส่งเสียงทักทายรุ่นพี่ที่ทำงานกันแล้ว ซึ่งมากันเต็มห้องที่เตรียมเอาไว้เมากันเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น

"วันนี้พี่ๆเลี้ยงใช่ป่ะ...ขอบคุณล่วงหน้า" อีกคนก็ว่าพลางเดินเข้าไปหาที่นั่งที่ดูจะอยู่ใกล้ที่ตั้งของเบียร์มากที่สุด

แต่มือแข็งๆของเจตน์กลับคว้าแขนอวบๆนั้นไว้แน่น " มานั่งใกล้ๆเลย  เดี๋ยวเมาแล้วจะได้ลากกูกลับ "
เขาดึงเพื่อนสนิทออกห่างจากเบียร์ของโปรดโดยไม่ถามความเห็นเลยซักนิด

"ไอ้ตี่ เฮ้ย อย่าขวางลาภปากเด้..." เสียงโวยวายดังขึ้นมาทันที
" มึงจะเมาก็อย่าเอากูไปเกี่ยวด้วยเด้..." ถึงจะบ่นไปอย่างนั้น ก็เดินไปนั่งตามอีกฝ่ายอยู่ดี


เจตน์ ซึ่งมีชื่อจริงกับชื่อเล่นเป็นชื่อเดียวกัน คือหนุ่มชาวเชียงใหม่ผสมกับเชื้อจีนจากทางมารดา  ดวงตาเรียวรีที่โดดเด่นนั่นเองที่เป็นที่มาของฉายา “ไอ้ตี่” ที่ทุกคนเรียกกันติดปากมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนเอกชนชายล้วนชื่อดังประจำจังหวัด แต่ด้วยความที่เขาไม่ใช่คนที่ตั้งใจเรียนมากนัก จึงเรียนจบด้วยคะแนนปานกลาง แต่ถึงแบบนั้นก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยประจำจังหวัดได้คณะที่คะแนนค่อนข้างสูงด้วยคะแนนเกือบปลายแถว ผิดกับอีกคนหนึ่ง

ชิน หรือ ชินดนัย ที่ถูกทุกคนเรียกว่า  “ไอ้อ้วน ” ชินดนัยเป็นคนรูปร่างอ้วนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ด้วยความที่มีเชื้อสายจีนเช่นกัน จึงเป็นเด็กอ้วนขาว ที่มีจุดเด่นคือแก้มสีชมพูน่าเอ็นดู  ชินดนัยเป็นคนเงียบๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะความที่ไม่มันใจในตัวเองจากรูปร่าง จึงไม่ค่อยทำกิจกรรมของโรงเรียนมากนัก แต่ก็ยังเป็นที่จดจำของเพื่อนในโรงเรียนและเพื่อนร่วมรุ่นได้  เพราะมักจะติดตามเพื่อนสนิทอย่าง เจตน์ เสมอ จนดูเป็น “ลูกสมุน” มาตลอดสิบสองปีที่เรียนโรงเรียนเดียวกันและ อีกสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย ที่ไม่เคยแยกจากกันเลย

"เบียร์ของกู ไอ้บ้าเจตน์!  ไปชงเหล้ามาเลย !"

" เออ ไอ้ชิน  รู้แล้วโว้ย กินแต่เบียร์ มันถึงได้บวมออกๆ แบบเนี้ย " ชายผมทองส่ายหน้าไปมาก่อนจะหอบขวดเบียร์มาวางตรงหน้าเพื่อนร่างท้วม
 " ครึ่งโหลพอ แกจะทำน้ำหนักแข่งกับวัวขุนได้ รึไงวะ? "เจตน์บ่นไปงั้น แต่ก็ไปเอากับแกล้มมาวางตรงหน้าเพื่อน
 " กินไป ให้แค่นี้ล่ะ "

"เฮ้ย แบบนี้ได้ไง ไม่เห็นคุ้มค่าแบกเลย แต่ละทีแต่ละทีก็มีแต่ของฟรี ไอ้งก" ชินดนัยว่า แต่มือก็คว้ากับแกล้มเข้าปากอยู่ดี

แต่เจตน์กลับไม่สนใจเพื่อนซะแล้ว เขาเดินไปกินกับพวกรุ่นพี่ไปทั่ว จนดูเผินๆ เหมือนจะเอาชินดนัยมาตามเก็บศพ หลังหมดสภาพเสียมากกว่า

... ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้น ..

ชินดนัยเองก็ได้แต่นั่งมองเพื่อนสนุกไปอย่างเงียบๆ เขาเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไปงานไหนก็เป็นนั่งกินเงียบๆ ไม่ค่อยได้ไปเป็นจุดศูนย์กลางแบบใครเขา ยิ่งเพื่อนร่างสูง ตาเล็กคนนั้นด้วยแล้ว หมอนั่นยิ่งดูจะเด่นกว่าใครๆ ร่าเริง ตลก ลูกบ้าอีกนับไม่ท้วน นั่นล่ะมัดใจใครต่อใครเขาทั่วไปหมด จะเสียก็อย่างเดียว...เมาแล้วไม่รู้เรื่อง

และคราวนี้ก็เหมือนกัน

แล้วก็เพราะเมาบ้าแบบนี้นี่ล่ะ คนซวยถึงได้เป็นเขาทุกที


"ไอ้เจตน์ อย่าให้มากนะเดี๋ยวไปลวนลามใครเขาอีก "

" เหอ .. ลามคราย...น้องอวบดีจัง ขอพี่จุ๊บๆหน่อย~~ " เสียงห้าวพูดอ้อแอ้ ดวงตาเรียวเล็กแทบจะมองไม่เห็นเยิ้มจนอีกฝ่ายรู้สึกได้   มือแกร่งหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆ ทำเอารุ่นพี่ต่างเป่าปาก บ้างก็หัวเราะกับท่าทางเมาของรุ่นน้อง

"น้องอวบ? ไอ้บ้า เอามือแกออกไปเลยไป "มืออวบๆตามที่เขาว่าจับมือที่สะเปะสะปะของอีกฝ่ายออก

   " โอ๋ น้องอวบงอนพี่ซะแระะะ .. ม่ายเป็นราย เราไปต่อกันสองคนดีกว่านะ เบบี๋~ "
เขาว่าพลางออกแรงอันน้อยนิดลากเพื่อนร่างอวบไปมาชนโต๊ะจนข้างของเลอะเทอะ

" เฮ้ย ไอ้ชิน ไอ้เจตน์มันเมาเลอะเทอะอีกล่ะ เอามันกลับปะ " รุ่นพี่เสนอขึ้นมา พอเจตน์เมาแบบนี้ทีไร ได้ออกค่าเสียหายเยอะทุกที
ได้ยินคำพูดแบบนั้นของรุ่นพี่ ชินดนัยที่ตั้งท่าว่าจะเถียงเพราะยังกินไม่ทันจะจุใจก็ต้องคอตกรับคำโดยดี

"ไอ้เจตน์  เพราะมึงคนเดียวเลย มานี่ เอ้า เดินดีๆดิ่" ว่าแล้วก็บอกลารุ่นพี่แล้ว กึ่งลาก กึ่งถูกลากออกมาจากร้าน

" เหอ..น้องน่ารักจาง~~ "เจตน์ยังไม่วายหาคนลวนลามจนได้ เมื่อเดินผ่านกลุ่มสาวๆซึ่งพวกเธอก็ได้แต่หัวเราะคิกคัก
ท่าทางของอีกฝ่ายทำเอาชินดนัยแทบจะตบหัวตัวเอง

....โอ้ย นี่ยังวุ่นไม่พออีกเหรอ...

พวกเธอทำใจกล้าเดินเข้ามาหาหนุ่มร่างสูง ซึ่งถ้าไม่เมาละก็..
" น่ารักจริงเหรอคะ " เธอแหย่คำถาม

" จริงสิจ๊ะ~ " ชายหนุ่มยิ้มจนตาหยี เมื่อสาวสวยมาใกล้ๆ พลางพยายามเอาตัวเองออกจากอ้อมแขนอวบมากของเพื่อน

"น้องอวบ..ปล่อยพี่เซ่~~ "

"มาน้องอ่งน้องอวบอะไรอีก" ชินดนัยดึงเพื่อนเอาไว้สุดแรง ทั้งด้วย ไม่อยากให้ไประรานใคร และ ไม่อยากให้อีกฝ่ายไป....สนใจใคร
"ขอโทษนะสาวๆ เพื่อนผมทั้งเมาทั้งตาตี่ มันอาจจะมองอะไรผิดไปหน่อย" ว่าแล้วก็รีบดึงเจตน์ไปอีกทางทันที

" เฮ้ยยยย ... สาวๆ ปายหนายยย " เสียงโวยวายแบบนี้ดังไปตลอดทางจนกระทั่งถึงห้องของชินดนัย

"ไปไหนก็ช่างเด่ะ เอ้าไปนอนได้แล้วแก เมาแล้วโวยวาย เรื่องมากอีก " ชินดนัยผลักร่างผอมๆของเพื่อนให้ไปนอนบนโซฟา ก่อนที่ตัวเอง จะนั่งลงบนพื้น พลางถอนหายใจยาว

"เห็นตัวผอมๆนี่ก็แรงเยอะเอาเรื่องเลยเว้ย"

แต่ยังไม่ทันที่ชินดนัยจะทันได้พักหายใจเลย มือแกร่งของเจตน์ก็มาลูบพุงของเขา  ตามมาด้วยร่างสูงที่กลิ้งมา ซุกไซ้ที่คอไปมา
" นุ้มนุ่มมมม~ "

"เอ้ย จั๊กจี้ ไม่เอาเว้ย เล่นอะไร "ชินดนัยดันหน้าที่พยายามจะเอามาถูๆไถๆ แถวๆคอ ออก
"เมาเละเลยนะแก..."ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่เขากลับยิ้ม

....ต้องให้ดูแลเรื่อยเลย...

ในที่สุด มือของเจตน์ก็ตกลงข้างๆพื้น เมื่อ ฤทธิ์เหล้าในตัวทำให้เขาหลับสนิทไปได้

เมื่อการเคลื่อนไหวนั้นนิ่งไป ชินดนัยต้องหัวเราะออกมาเบาๆอย่างช่วยไม่ได้
"จริงๆเลยนะมึงนี่.." ว่าแล้วก็ค่อยๆลุกขึ้น ช้อนหิ้วปีกร่างสูงนั้นจากข้างหลังแล้วลากเข้าไปนอนดีๆบนเตียงในห้องนอน

"เอ้า นอนไปเลย ไอ้บ้า ตื่นมาจะคิดบัญชี "

ใบหน้าเรียวของร่างสูงระบายรอยยิ้มอย่างยินดี แต่มันก็แค่นั้นเอง

"หลับแล้วยังนอนยิ้มนะ... "ชินดนัยเห็นแบบนั้นก็เดินไปยืนอยู่ตรงหัวนอน มองหน้าของอีกฝ่ายให้มันชัดขึ้น
"...มึงก็แค่ยิ้มให้กู เหมือนที่ยิ้มให้คนอื่นๆนั่นล่ะวะ...."

ดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มร่างอวบอ้วนอ่อนแสงลงเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา วันนี้มันคงจะเป็นวันสุดท้าย ที่ได้ดูแลใกล้ชิดแบบนี้แล้วล่ะมั้ง ในเมื่อนับจากนี้เป็นต้นไปต่างคนก็ต่างมีการมีงานทำเป็นของตัวเองแล้ว

"พวกเราคงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ ..แล้วล่ะมั๊ง "

==============

talk : หลังจากที่คนเขียนทั้งสองคน ได้เขียนเรื่องนี้ หอมกลิ่นกาแฟซีรี่ส์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17200.0) จนจบไปทั้งห้าภาค เราทั้งสองคนก็ได้หายหน้าหายตาไปจากเล้าพักใหญ่เพื่อจัดการชีวิตของตัวเองค่ะ ซึ่งในตอนนี้ชีวิตของพวกเราได้ลงตัวในระดับหนึ่งแล้ว จึงคิดว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วล่ะที่เราจะกลับมาอีกครั้ง ก็ขอฝากเรื่องวุ่นวายของผู้ชายออฟฟิตพวกนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่1=(22/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 22-01-2013 21:46:39
กลัวมาม่าแต่ก็อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่1=(22/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 22-01-2013 22:38:17
o13 o13 o13


รวดเร็วทันใจจริงๆเลย คุรุจัง ขอยกนิ้วให้
เพิ่งคุยกันเมื่อเย็นเอง ....คิดไปเองรึเปล่าว่า "น้องอวบ" เราน่ารักพิลึก ....หรือแค่ไม่ได้อ่านนานนะ ฮ่ะๆ
เอาล่ะค่ะ คนอ่านทั้งหลาย คนเขียนทั้งสองคนขอฝากงานเขียนเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่2=(23/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 23-01-2013 20:28:43
=2=

 ชินดนัยได้เข้าทำงานที่บริษัทอิมพอร์ต-เอกซ์พอร์ตขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในย่านธุรกิจที่กรุงเทพ หลังจากที่ลองอ้อนวอนขอทางบ้านอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ได้รับอนุญาตจากหม่าม้าสุดที่รักว่าให้มาทำงานที่กรุงเทพได้ ในขณะทีเจตน์ ก็เข้าทำงานในบริษัทเดียวกัน โดยที่ไม่ได้นัดหมาย เพราะหลังจากที่เรียนจบไปแล้วก็แยกย้ายกันไปสมัครงาน

...แต่แล้วก็ได้อยู่คนละแผนก...

ชินดนัยคิดพลางยกมือขึ้นปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก ระหว่างยืนงงอยู่ที่หน้าเครื่องถ่ายเอกสาร ในแผนกเอกสารของบริษัท

...ฮ่ะ เป็นมันก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก...

"จะถ่ายเอกสารกี่แผ่นล่ะ "

อยู่ๆ ก็มีเสียงนุ่มดังขึ้นไม่ห่างออกไปนักทำให้ชินดนัยต้องหันไปมอง

"อ่ะ...ยี่สิบครับ สำหรับการประชุม บ่ายนี้ " ชินดนัยหันไปมองหน้าของเจ้าของเสียง เส้นผมสีน้ำตาลแบบตั้งใจย้อมให้เป็นสีแบบนั้น ดูเหมือนจะเป็นกบฏต่อกฎระเบียบของบริษัทหากแต่กลับมีรอยยิ้มอ่อนโยนให้เห็น

" อ้าว  อารยะ  " หัวหน้าแผนกเดินมาตบบ่าชายหนุ่มผมน้ำตาลเบาๆ
" พอดีเลย ยังไงช่วยสอนงาน ชินดนัย หน่อยก็แล้วกันนะ "

"อ้อ...ที่ว่าเด็กใหม่ที่จะให้ผมดูน่ะเหรอครับ ทราบแล้วครับ" เจ้าของชื่อหันไปโค้งน้อยๆให้กับเจ้านาย

"ฝากตัวด้วยนะ ชินดนัย " ชายหนุ่มหันมายิ้มให้กับชินดนัย ทำเอาอีกคนรีบโค้งลงต่ำแทบจะไม่ทัน
 
"ผมต่างหากที่ต้องฝากพี่อารยะด้วยน่ะครับ "

"อย่าพูดเป็นจริงเป็นจังแบบนั้นสิ  เอ้าทำแบบนี้นะ " ว่าแล้วอารยะก็ดึงเอากระดาษปึกนั้นมาวางลงบนเครื่องถ่ายเอกสารทันที

"ขอบคุณครับ ...พี่อารยะ "

" เรียกพี่อาร์ต ก็พอ เข้าใจนะ "ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของอีกฝ่ายหันมาสบตาของหนุ่มรุ่นน้อง ราวกับจะกำชับ ก่อนที่จะหันกลับไปสอนงานต่อ
"  เนี่ย เดี๋ยวก็วางมันลงไปให้ตรงนี่ก็แล้วกัน ปิด...แล้วก็ กดจำนวน แล้วก็กดนี่ เสร็จแล้ว " ว่าแล้วก็กดปุ่มสตาร์ทให้ชินดนัยได้แต่พยักหน้าเออออไป เรื่อย

===================

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลออกทองเล็กๆเดินเข้ามาในแผนกเอกสารของบริษัทซึ่งอยู่คนละชั้นกับแผนกต่างประเทศของเขาเลย เจตน์จัดเสื้อเชิ๊ตที่เล่นลวดลายเป็นดอกเล็กๆสีน้ำเงินบนผ้าสีฟ้านั้น พลางเดินเข้ามาในแผนกอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเท่าไหร่
" เฮ้ย ไอ้ชิน ทำไรวะ กินข้าวเฟ้ย จะลดพุงรึไง? "

"เฮ้ย ไอ้เจตน์  มึง..เอ่อ..แก มาทำอะไรแถวนี้" ชินดนัยสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆ เสียงทุ้มๆที่คุ้นเคยก็มาดังให้ได้ยิน
บนใบหน้าอวบอูมนั้นบ่งบอกได้ถึงสีหน้าของความวิตกอย่างเห็นได้ชัด

...มาข้ามแผนกโดยไม่มีกิจแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนดีหรอก...

ดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มเหลือบมองรุ่นพี่ผมสีน้ำตาลเล็กน้อย
"เพื่อนเหรอ...พนักงานใหม่นี่" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูง

" เจตน์  ครับ " เจตน์ยกมือไหว้อีกฝ่ายพลางยิ้มก่อนจะหันไปชวนเพื่อนต่อ
" เที่ยงแล้วนะเว้ย ไป กินข้าวได้แล้ว แถวนี้มีเตี๋ยวเนื้อสุดยอด ไปเซอร์เวย์มาแล้ว "

"แต่ เจตน์... งานฉันยังไม่เสร็จ ไปรอก่อนได้ป่ะ"ชินดนัยว่าพลางหันไปมองกระดาษอีกปึกใหญ่ที่ยังไม่ได้จัดการ 

" เฮ้ย แต่นี่พักเที่ยงนะเฟ้ย ไม่ต้องมาทำเป็นร้อนวิชาเลยเมิง ไปกินข้าว หิวจนจะกินหมูอย่างเมิงได้แล้วเนี่ย "
เจตน์ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ เหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ ตาเรียวเล็กมองใบหน้าของเพื่อนอย่างข่มขู่

เห็นท่าทางแบบนั้นกับไหล่หนาๆที่สะดุ้งเฮือก เป็นพักๆกับเสียงที่ดังราวกับจะข่ม ก็ทำให้คนที่ยืนอยู่อีกคน ต้องหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"ประชุมบ่ายสองไม่ใช่เหรอ...กลับมายังมีเวลานี่ ไปกินข้าวด้วยกันดีกว่า ก๋ยวเตี๋ยวเนื้อใช่ไหม พี่ก็ชอบนะ เจตน์ " ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูง

พอได้ยินอย่างนั้น ก็ทำให้เจตน์ที่กำลังทำหน้ามุ่ยแบบเด็กๆต้องทำตาโตแล้วหันไปหารุ่นพี่ทันที
" พี่ก็ชอบก๋ยวเตี๋ยวเนื้อเหรอครับ? "เสียงทุ้มนั้น กระตือรือร้นไม่น้อยเลย
" งั้น พี่ไปกับผมก็ได้ ถ้าไอ้ชินมันไม่ไปนะ  "

"อื้ม ไปซิ่...ชิน  แน่ใจนะว่าจำทำงานต่อน่ะ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลร่างเล็กกว่า เพื่อนของเขาเดินไปยืนอยู่อีกด้านราวกับจะแบ่งฝั่ง ชินดนัยมองใบหน้าของเจตน์  อารยะ สลับกับกองกระดาษที่วางกอง และนาฬิกาบนข้อมือของตัวเองสลับกันไป

...หิวน่ะมันก็หิวนะ...
...แต่งานก็ต้องทำนี่...
...แต่...

"ไปๆ ไปก็ได้ " คิ้วเข้มบนใบหน้าอวบขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะรวบเอาปึกประดาษทั้งหมดไปเก็บ
ที่โต๊ะทำงาน ที่ยังดูโล่งๆ ของตัวเอง ก่อนที่จะเดินกลับมาหาทั้งสองคนอีกครั้ง

"อร่อยแน่นะ? "

" เออ ไปได้แล้ว หิวจะตายแล้ว " เจตน์รับคำก่อนจะลอคคอเพื่อนเดินออกจากแผนกโดยไม่ลืมที่จะยกมือไหว้คนนั้นคนนี้ที่เดินผ่านพร้อมกับรอยยิ้มไปตลอดทาง

ร่างสูงที่เดินจากไปพร้อมกับเสียงโวยวายของรุ่นน้องร่างท้วม ทำให้ รุ่นพี่อย่างอารยะต้องยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"น่าเสียดายแฮะ อุตส่าห์ว่าจะไปกินข้าวด้วยแท้ๆ..." ริมฝีปากคู่นั้นเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

"ไม่เป็นไร น่าจะมี อีกหลายโอกาสล่ะน่า "

แต่ขายาวของรุ่นน้องที่เรียกได้ว่าเด่นที่สุดในบรรดาพนักงานใหม่กลับหยุดแล้วหันหลังมา
" พี่ครับ .. ไปด้วยกันสิครับ~~ "

"โอ๊ะ...มาเร็วกว่าที่คิดแฮะ" รุ่นพี่หนุ่มยิ้มมุมปากก่อนจะเดินไปหาทั้งสองคน
" ขอไปด้วยนะ  ชิน ”  อารยะหันไปยิ้มให้กับชินดนัย

"อ่ะ.... "รอยยิ้มอ่อนโยนชวนให้ใจอ่อนทำเอา ชายหนุ่มร่างท้วมปฏิเสธไม่ลง
"ถ้าพี่อาร์ตไม่รังเกียจล่ะก็ เชิญครับ" ชินดนัยว่า หากแต่ก็ต้องพยายามซ่อนความผิดหวังเอาไว้ในใจ

... นึกว่า พอทำงานแล้วอะไรๆ มันจะเปลี่ยนไปบ้างเสียอีก...

ชินดนัย เข้าใจดีว่า เจตน์ เพื่อนสนิทของเขานั้นเป็นคนที่ร่าเริงสดใส และด้วย แบบนั้นเอง เวลากินข้าวกลางวันก็ดูจะเป็นเวลาที่ใครๆ ก็อยากจะมาจองตัวเจตน์ให้ไปด้วยกัน เพราะเป็นคนคุยสนุก แววตายามที่เขาเล่าเรื่อง นั้นเป็นประกายทุกครั้ง

... ไม่แปลกเลย...
...แต่บางครั้งกูก็แค่อยากจะคุยอะไรกับมึงสองคนก็เท่านั้นเอง ...

===================

และก็เป็นเหมือนอย่างเคยที่เจตน์ดูจะใส่ใจกับรุ่นพี่ที่มาด้วย มากกว่าเพื่อนของตัวเอง ด้วยการชวนคุยเรื่องต่างๆ เสียงที่บ่งบอกถึงความกระตือรือร้น เรื่องตลกที่ขนมาสร้างเสียงหัวเราะให้กับอีกฝ่าย จนชินดนัยเองก็อดหัวเราะไปด้วยไม่ได้

เวลาของอาหารเที่ยงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเจตน์จะได้รุ่นพี่ที่สนิทในออฟฟิตเพิ่มมาอีกคนในแผนกเอกสารแล้ว

" เจตน์เนี่ย ตลกดีนะ  " อารยะหัวเราะน้อยๆ พลางหันไปมองหน้าของชายหนุ่มร่างสูง

" ใครก็ว่าแบบนั้นล่ะครับ พี่ พวกพี่ที่แผนก เลยบอกว่าผมมันบ้า  ไปอยู่แผนกต่างประเทศได้ไงกัน "
เจตน์ตอบกลับมายิ้มๆ พลางมองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อย

"ก็นะ...แผนกนั้นน่ะ ต้องออกไปติดต่องานข้างนอกบ่อยๆนี่นา "

" แต่เห็นแบบนี้ผมก็เก็กเป็นนา .. ไม่เชื่อพี่อ้วน .. เอ้ย  ไอ้ชินมันดิ " เจตน์ลากแขนเพื่อนให้มาเดินใกล้ๆ เพราะดูเหมือนเพื่อนร่างท้วมจะเดินห่างออกไปด้านหลัง

"พี่อ้วน?" อารยะทวนคำเบาๆ ก่อนจะหันไปมองชินดนัย ที่เพิ่งจะถูกลากมาอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าที่หันไปโวยวายใส่เพื่อน นั้นดูอวบอูม ไม่แพ้กับหน้าท้องกลมๆที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ๊ตนั่น ทำให้เข้าใจได้ไม่ยาก ชายหนุ่มรางบางเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องหันไปกลั้นเอาไว้จนไหล่บางเขย่า

"ฉันเป็นพี่แกตรงไหน ไอ้นี่ พี่อาร์ต ครับ อย่าไปเชื่อนะครับ  เก๊ก อะไร ทำเป็นที่ไหน ยิ่งเหล้าเข้าปากนะ..."ชินดนัย หยุด พลางมองหน้าของรุ่นพี่ในแผนก

 "ผมว่าพี่อย่าไปอยู่ใกล้มันดีกว่า "

" เฮ้ย ไอ้อ้วน .. เดี๋ยวมึงเจอดี " เจตน์จิ้มหน้าผากของชินดนัยจนหน้าหงาย

"เจ็บโว้ย มึงอย่าเอากระดูกมาจิ้มสิวะ" ก่อนจะนึกได้ เขามองนาฬิกาข้อมือทันที

 " เวร .. ต้องไปแล้วนี่หว่า .. พี่ครับ ผมไปนะ .. เฮ้ย อ้วน เดี่ยวกับด้วยกันนะโว้ย จะมารับๆ "พูดจบก็วิ่งขึ้นลิฟท์แก้วของอาคารไปเลย

"อืม... เป็นเพื่อนที่ดีจังเลยน้า..." เสียง อารยะลากยาว เมื่อเห็น ร่างสูงของชายหนุ่มน้ำตาลทองค่อยๆเลื่อนขึ้นไปที่ชั้นบน
 
"ฮ่ะๆ ก็คบกันมาตั้งนานแล้วล่ะ...มันก็ดีในแบบของมันนั่นล่ะครับ" ชินดนัยว่า สายตายังจับจ้องอยู่กับร่างของคนที่ขึ้นไปที่ชั้นบนแล้ว

"อืม..ถ้ามีแฟนแบบนี้ก็น่าจะดีนะ ร่าเริงดี " อารยะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่ลิฟท์บ้าง คำพูดนั้นทำเอาชินดนัยต้องมองตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่เข้าใจนัก


...แฟน...อย่างหมอนั่นน่ะนะ คงมีแต่เรื่องกลุ้มมากว่าล่ะมั้ง...

===================

ช่วงเวลาวุ่นวายในตอนบ่ายของพนักงานใหม่อย่างชินดนัยผ่านไปได้ด้วยดีเพราะได้รับการช่วยเหลือของรุ่นพี่อย่างอารยะ
ตลอดช่วงบ่ายชินดนัยพอจะสังเกตเห็นได้ว่า รุ่นพี่ร่างเล็กของเขาคนนี้ นั้นเป็นคนดังอีกคนของแผนกเลยก็ว่าได้

...อาจจะเป็นเพราะรอยยิ้ม อ่อนโยนแบบนั้น กับท่าทางร่าเริงแบบนั้นก็ได้มั้ง...

"เหม่ออะไรอยู่  ชิน ...จะเลิกงานแล้วนะ" มือเรียวของรุ่นพี่โบกมือเตือนสติอยู่ต่อหน้าทำเอาชินดนัยสะดุ้ง

"โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมมัวแต่คิดอะไรมากไปหน่อย..." ร่างท้วมๆก้มหน้า พลางหันซ้ายมองขวาเมื่อหาเอกสารที่ว่าไม่เจอ

"ถ้ารายงานเมื่อกี้น่ะ เอาไปส่งให้แล้ว..." เสียงนุ่มดังขึ้นทำให้ชินดนัยต้องหันมาหัวเราะเจื่อนๆให้กับอีกฝ่าย

"ขอโทษครับ..."

"ไม่เป็นไรๆ" รุ่นพี่หนุ่มส่ายหน้าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
 "ว่าแต่ คืนนี้จะไปไหม"

"ไป? " ชินดนัยงงๆ "ไปไหนครับ?"

"ก็งานเลี้ยงรับน้องใหม่ของแผนกต่างประเทศไง "

ชินดนัยส่ายหน้ารัว
"แต่เราไม่เกี่ยวนี่ครับ "

ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายที่มองรุ่นน้องร่างท้วม พลางอมยิ้มน้อยๆ เหมือนทุกครั้ง
"เชื่อเถอะ ว่าเดี๋ยวก็เกี่ยว"

เสียงโทรศัพท์สายภายในสำนักงานดังขึ้นแทบจะทันที

--- RRRR ----

"............" ชินดนัยถึงกับสะดุ้ง เมื่อโทรศัพท์ บนโต๊ะดังขึ้นมา ใบหน้ากลมหันไปมองหน้ารุ่นพี่ทันที

"แผนกต่างประเทศ สายใน หมายเลข 8 รับซิ่" อารยะว่าเมื่อชะโงกหน้าไปดูหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่ง ชินดนัยก็ทำตามแต่โดยดี

"สวัสดีครับ"

" ขอสายคุณอารยะครับผม " เสียงห้าวกรอกมาตามสายอย่างอารมณ์ดี ทั้งๆที่รู้ว่าเพื่อนของเขานั่นแหละเป็นคนรับ

===================

talk : พี่อาร์ตท่าทางจะไม่เบาเลยน้า...
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่2=(23/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 23-01-2013 20:46:40
กระดูกชิ้นโต? รึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่2=(23/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 23-01-2013 21:22:02
 :o8: :o8: :o8:

พี่อาร์ตมาแล้ว....... ร้ายนะคะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่2=(23/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-01-2013 22:54:10
เชียร์ชินเจตน์ล่ะกัน

พี่อ้วนน่าร้ากอ่ะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่2=(23/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 23-01-2013 23:04:13
งง อ่ะ  ไมพี่อารยะได้รับเชิญ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่2=(23/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: N_N ที่ 24-01-2013 14:29:19
 :เฮ้อ:
งงเต้ก
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่3=(25/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 25-01-2013 21:27:31
=3=

ทำไมชินดนัยถึงจะจำเสียงเพื่อนตัวเองไม่ได้

"ครับ ทราบแล้วครับ รอซักครู่นะครับ" เขาไม่แน่ใจว่าเสียงที่กรอกลงไปนั้นอยู่ในอารมณ์ไหนระหว่างหงุดหงิดเฉยๆ กับ หงุดหงิดนิดหน่อย

"ของพี่อาร์ตครับ"
 
" ว่ายังไง นายเจตน์ "

" แหะๆ พี่อาร์ตครับ จะรับมุกผมหน่อยก็ไม่ได้ .. ไอ้ชิน  มันยังเล่นด้วยเลย " เสียงห้าวเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่าขำๆ

"ก็....." ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของรุ่นพี่มองร่างท้วมๆของชินดนัยที่กำลังพยายามเก็บของบนโต๊ะอยู่
"กลัวใครจะ งอน มากไปกว่านี้ล่ะมั้ง "

" ฮะ ฮะ ฮะ .. มันก็เป็นแบบนี้ล่ะฮะ .. หัวหน้า ให้ชวนพี่ กับ ไอ้ชิน มันไปด้วยล่ะ ที่เขาจะเลี้ยงต้อนรับผมน่ะฮะ " เจตน์รีบบอก
" แผนกเอกสาร คงไม่มีเลี้ยงต้อนรับมั๊งฮะ? เห็นหัวหน้าว่า แผนกพี่เนี่ย เรียบง่ายน่ะฮะ "

"อ้อ...ปรกติ ก็ไม่ค่อยมีอะไร หรอกนะ แล้วสงสัยหัวหน้าเธอ เห็นฉันไปแจมบ่อย... นี่ ชิน ไปนะ เจตน์ เขาชวนแน่ะ"
อารยะว่าพลางหันมามองหน้ารุ่นน้อง ที่ดูจะตกใจกับคำพูดนั้น

"หา? ผมต้องได้ไปด้วยจริงเหรอเนี่ย... ไอ้เจตน์  มึงนี่นะ  " ชินดนัยแทบจะดึงเอาโทรศัพท์มาจากมือของรุ่นพี่เพื่อที่จะตะโกนกรอกลงไปตามสาย

" งั้น พี่อาร์ตมามันมาที่ร้านเดิมนะฮะ หัวหน้าบอกน่ะฮะ ว่าเป็นร้านนั่นน่ะ  " เจตน์รีบตัดบทก่อนที่ชินดนัยจะได้โวยวายอะไร
" แล้วเจอกันนะฮะ " เขาทิ้งท้ายก่อนจะวางหูไปทันที

อารยะ ยื่นหูโทรศัพท์ คืนให้กับอีกฝ่าย
"....น่ารักดีนะ"

"ครับ ??" ชินดนัยหันควับให้กับคำพูดนั้น

"เปล่า..ไม่มีอะไร ...ไปกันดีกว่า " มือเรียวตบลงเบาๆบนบ่าของอีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่อหยิบกระเป๋าทำงานยี่ห้อดัง รสนิยมการแต่งตัวและของที่ใช้นั้นดูไม่เหมาะกับแผนกคร่ำครึอย่างฝ่ายเอกสารแม้แต่น้อย

"ครับ..." ชินดนัยโคลงหัวเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจกับคำพูดของอีกฝ่ายนัก
==================

ที่ร้านเดิมของแผนกต่างประเทศ ให้ความรู้สึกต่างจากร้านเดิมที่เชียงใหม่อย่างสิ้นเชิง ห้องส่วนตัว คาราโอเกะ ดูใหญ่โต และหรูหรา สมกับเป็นแผนกเชิดหน้าชูตาของบริษัท

" ไม่ต้องกลัวจะมาไม่ถูกหรอกน่า ไอ้เจตน์  อารยะมาแจมที่นี่บ่อยๆ " หัวหน้าแผนกตบบ่าของน้องใหม่เสียงดัง เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องชะเง้อไปที่นอกประตูแทบจะทุกห้านาที

==================

"โห...เขาเลี้ยงกันขนาดนี้เลยเหรอครับ" ชินดนัยว่า  อดคิดในใจไม่ได้ว่า อาจจะต้องลดความอ้วนอีกนิด เมื่อเดินผ่านทางเดินเล็กๆใกล้กับห้องน้ำเพื่อไปยังห้องคาราโอเกะ

"อื้ม...งานของแผนกนี้น่ะ ขึ้นชื่อที่สุดแล้ว ทั้งเรื่องงบ เรื่องความสนุก ไม่เหมือนฝั่งเราหรอก งานเอกสารมันงานน่าเบื่อๆ สำหรับคนน่าเบื่อๆน่ะ" อารยะว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

"...บางที นี่ก็คงจะเหมาะกับผมที่สุดแล้วก็ได้ " ชินดนัยพูดขึ้นมาเบาๆ โดยที่อีกฝ่ายคงจะไม่ได้ยิน

" อะ เบียร์ " น้องใหม่ประจำแผนกต่างประเทศเอาขวดเบียร์เย็นๆแตะแก้มยุ้ยๆของชินดนัยโดยที่หนุ่มร่างท้วมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เจตน์มักจะเป็นแบบนี้เสมอ โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ และมันทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

"เฮ้ย เล่นแบบนี้อีกแล้ว ...ทำเป็นเด็กไปได้ " ถึงจะพูดไปอย่างนั้น ความขุ่นมัวบางอยู่ในใจก็ดูจะหายไป
"ไม่ไปคุยกับทางโน้นล่ะ " ชินดนัยพูด เพราะมันเป็นปรกติเสมอ สำหรับเขาที่จะนั่งอยู่เงียบๆคนเดียว
"โน่น เอาคนช่างพูดไปด้วยกันทางโน้นซิ่" ว่าพลางก็พยักเพยิดไปทางอารยะที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

" เออ! จะนั่งหมกอยู่นี่ก็ตามใจ .. ตามมาเก็บศพกูด้วยละกัน " เจตน์ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ชวนมากินเหล้า ชินดนัยไม่เคยร่วมวงด้วย  เขาเดินไปชวนรุ่นพี่ผมทองทันทีเลย

" พี่อาร์ตฮะไป ดื่มกับพวกหัวหน้ากันดีกว่าฮะ "

"จะดีเร้อ..ทิ้งเพื่อนมาแบบนั้น" อารยะลากเสียงยาวก่อนจะชะโงกมองไปทางที่จะชินดนัยกำลังนั่งยกแก้วเบียร์กระดกอึกๆ

" มันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ ผมไม่เคยลากมันเข้าวงได้ซักที ไปเถอะฮะพี่ " รุ่นน้องหนุ่มถือวิสาสะดึงแขนรุ่นพี่ให้เดินตาม

" ดึงซะแรงเลย " อารยะหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปร่วมสนุกกับคนอื่นๆ แอลกอฮอลล์ค่อยถูกลำเลียงเข้าปากไปเรื่อยๆ

พฤติกรรมเละเทะเวลาดื่มหนักของเจตน์เริ่มปรากฏต่อสายตาของทุกคนหลังจากที่ดื่มไม่หยุดจนชินดนัยนึกเป็นห่วง

"เฮ้ย...ไอ้เจตน์...มึงพอได้แล้วมั้ง" ชินดนัยพยายามจะส่งเสียงเตือนแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
ในเมือภาพที่เขาเห็นเต็มตานั่นก็คือ ศีรษะที่ถูกเซ็ทเป็นทรงอย่างดีไปซุกไซ้กับลำคอของรุ่นพี่แผนกเอกสาร มือไม้ก็นัวเนียไปหมด
ส่วนฝ่ายของรุ่นพี่แม้จะขยับออกห่างบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นการปฏิเสธหรืออย่างไร ใบหน้านั้นยังคงยิ้มรับเหมือนเป็นเรื่องสนุก แถมมือเรียวยังกอดคอเจตน์เอาไว้อีกต่างหาก

" น้อง น่ารักจาง~ " เสียงเมาอ้อแอ้ ดังขึ้นในวงสนทนา ตามมาด้วยเสียงเป่าปากของรุ่นพี่ในแผนก

"ไม่ใช่น้องง พี่...ต่างหาก... " อารยะ ซึ่งก็เมาไม่แพ้กัน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ ใบหน้ามนแดงซ่านซบลงบนบ่าของอีกฝ่าย

" เปงพี่ก็น่าร้าก " เจตน์บอกอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่แดง ด้วยฤทธิ์เหล้า ท่าทางกรุ้มกริ่ม

"ผั่วะ!" แรงกระทบด้วยฝ่ามืออวบทรงพลังกระแทกเข้าเต็มแรงที่หลังหัวของชายหนุ่มร่างสูง

" ไรว้า..ไอ้อ้วน! " เสียงห้าวโวยใส่อย่างไม่สบอารมณ์ แต่มือก็ยังไม่ปล่อยจากรุ่นพี่ต่างแผนกซักนิด

"พอเลยมึง...ชักลามปามใหญ่แล้ว ขอโทษนะครับ พี่อาร์ต " ร่างท้วมยกมือไหว้กับรุ่นพี่ทุกๆคน
"ไอ้บ้านี่เมาแล้วลวนลามทุกรอบ...ขอโทษแทนด้วยนะครับ " ชินดนัยยกมือไหว้ให้กับทุกคนก่อนจะหันไปดึงแขนของเจนต์ออกจากรุ่นพี่ร่างเล็กกว่า

"ไปได้แล้วเว้ย..กลับๆ"

"อือ...อารายกาน ชินนนนนน ปาร์ตี้เพิ่งเริ่มเอง" แต่อารยะ กลับไม่ได้อยากให้เพื่อนของรุ่นน้องกลับไปเร็วขนาดนี้

" ผมก็ว่างั้น " หนุ่มลูกครึ่งรุ่นเดียวกับอารยะพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง นานๆจะได้เจอกับหนุ่มแผนกเอกสารแบบนี้ เขาก็อยากให้อยู่นานๆอีกหน่อย

ชินดนัยหันไปมองหน้าของคนที่พูดขึ้นแทรก สายตาที่มองมายังใบหน้ากับลำคอแดงๆของรุ่นพี่นั้น...พอจะสื่ออะไรได้มากทีเดียว

"อืม...งั้นพี่อาร์ตก็คงอยู่ต่อ มึงก็ด้วย... งั้นกูกลับก่อน " ชินดนัยพูดขึ้นพลางพยักหน้าลงราวกับว่าเข้าใจทุกสิ่งดี

...งานแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีเราก็ได้...

" อ้วนนนนนนนนนนนนนน " เจตน์แผดเสียงลั่นห้อง คิ้วขมวดเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

เสียงตะโกนนั่นทำเอาชินดนัยต้องยกมือขึ้นปิดหู ด้วยไม่อยากจะได้ยิน แต่มันก็ลอดเข้ามาจนได้ ชายหนุ่มร่างท้วมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหันไปมองหน้าแดงๆของเพื่อน

"อะไรของมึง หา ไอ้ตี่!!"

" เอากูกลับด้วยดิวะ .. " เจตน์โบกมือหยอยๆ แต่ก็ไม่ปล่อยมือจากคนที่เขานัวเนียอยู่

ชินดนัยได้แต่มองหน้าของอีกฝ่ายสลับกับมือที่กำลังนัวเนียจนใกล้จะเป็นปลาหมึก

...ปรกติ...มึงน่ะต้องมานั่งข้างๆกูไม่ใช่รึไง...

==================

talk : เมาแล้วนัวเนียเป็นปลาหมึกเลยนะนายเจตน์!

:เฮ้อ:
งงเต้ก

งงอะไรเหรอคะ?
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่3=(25/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 25-01-2013 21:44:52
รูปร่างไม่มีปัญหาาา :a14: :a14: :catrun:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่3=(25/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 25-01-2013 22:21:35
ดราม่าแอบรักเพื่อน ดราม่าความรู้สึกสับสน ดราม่ามือที่สาม ดราม่า…

อ่านแล้วอดหวั่นใจไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่3=(25/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 25-01-2013 22:56:20
อยู่ๆ ก็มีหนุ่มลูกครึ่งปริศนามาโผล่ ......ผู้ชายเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ

พี่อาร์ตขา......  :o8:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่3=(25/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-01-2013 00:46:17
เชียร์คนแอบรักค่ะ

อ่านบทสนทนาของอาร์ตกับเจตน์ แล้วเหมือนคนเผ่าเดียวกันคุยด้วยภาษาลับเลยแฮะ
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่4=(28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 28-01-2013 22:19:05
=4=

"จะกลับแล้วโว๊ย  ถ้ามีปัญญาก็เดินมาเอง ไม่งั้นก็คลานมาเลย "

" เฮ้ ชินดนัย" หนุ่มลูกครึ่งคนเดิมเรียกรุ่นน้องร่างท้วมไว้
" เดี๋ยวจะช่วยลากไปก็แล้วกัน ท่าทางจะเมามากทั้งคู่ " เขามองดูใบหน้าของอารยะเล็กน้อย

"...ผม..."ชินดนัยไม่แน่ใจว่าไอ้ที่หงุดหงิดเมื่อครู่น่ะมันคืออะไร ชายหนุ่มพยายามทำให้คิ้วที่ขมวดอยู่ของตนเองคลายออกจากกันด้วยนิ้วอวบๆนั้น
"ตกลงครับพี่ เราช่วยกันดีกว่า "

================

หนุ่มลูกครึ่งช่วยชินดนัย แกะเอาทั้งสองคนออกจากกัน เขาดึงอารยะไปอีกทางขณะที่นั่งรถไฟฟ้าเพื่อกลับไปที่ห้องพักของชินดนัยที่อยู่ ซึ่งอยู่คอนโดมิเนียมใกล้กับสถานีแอร์พอร์ตลิ้งซึ่งไกลจากร้านพอสมควรเลยทีเดียว

" เอ่อ..พี่ครับ..." ชินดนัยหันไปมองหน้าของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พยายามจะนึกชื่อของอีกฝ่ายในขณะที่อีกมือก็พยายามจับให้เพื่อนของเขานั่งตรงๆและไม่โวยวาย 

พอมองดูตรงๆแบบนี้ทำให้เห็นได้ชัดเลยทีเดียวว่าคนจากแผนกต่างประเทศนั้นต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ก็ดูอย่างคนตรงหน้าเขานี่สิ มีใบหน้ากับผิวกายขาว หากแต่ไม่ได้ขาวหลืองในแบบเอเชีย ใบหน้าเล็กแต่กลับรับกับ คิ้วหนาที่ถูกแต่งอย่างได้รูปในแบบของผู้ชายที่ดูแลตนเองอย่างดี ดวงตากลมโตสีดำสนิทหากแต่มีรูปตาแบบชาวตะวันตก ไหนจะริมฝีปากแดงแบบคนสุขภาพดีนั่นอีก ทุกอย่างดูเข้ากันกับเส้นผมสีดำสนิทจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลูกครึ่ง มันถูกตัดจนสั้นและเซ็ทให้เป็นทรงอย่างดีเลยทีเดียว

...เป็นลูกครึ่งฝรั่งนี่ดีอย่างนี้นี่เองน้อ...

" ว่าไง? " หนุ่มลุกครึ่งถาม ดูจะมีความสุขไม่น้อยที่อารยะนั่งซบไหล่เขาขณะที่เมาๆแบบนี้ เขาเหยียดขาลงข้างหนึ่งเพื่อให้ตัวเองได้นั่งสบายๆ

" พี่กับพี่อาร์ตสนิทกันเหรอครับ?"

" ก็ไม่เท่าไหร่ .. เมื่อก่อน หมอนี่เคยอยู่แผนกต่างประเทศน่ะนะ " เขาบอกก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่นอนอยู่

"อ้อ...เหรอครับ ถึงว่า ดูจะร่าเริงผิดกับพนักงานห้องเอกสาร" ชินดนัยพยักหน้าลงเล็กน้อย

...ยังว่า...

คนที่ปรกติจะแค่รวมวงสนทนาเล็กๆน้อย เพราะไม่ค่อยจะมีความมั่นใจเท่าไหร่ อย่างชินดนัย ดูจะเงียบไปนานพอสมควรก่อนจะหันไปหาหนุ่มลูกครึ่งอีกครั้ง ราวกับนึกอะไรได้

"เอ่อ พี่ชื่ออะไรนะครับ ? "

"  คิมหันต์  เรียกพี่คิมเฉยๆก็ได้ " ชายหนุ่มแนะนำตัวเองพลางยิ้มให้รุ่นน้องร่างท้วม ก่อนจะเหลือบมองออกไปด้านนอกกระจก ความเร็วของรถไฟฟ้าสายเชื่อมต่อของสนามบินสุวรรณภูมินั้นค่อยๆพาพวกเขาออกไปสู่นอกเมืองแล้ว

" นี่ นายต้องลงสถานีไหนล่ะเนี่ย ? " หนุ่มลูกครึ่งถามพลางมองดูนาฬิกาข้อมือ เวลานี่ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว

" เอ่อ...ก็นั่งต่อจากนี่ไปอีก...ห้า หก สถานีได้มั้งครับ" ชินดนัยตอบพลางพยายามดันหน้าเจตน์ที่ดูจะโคลงไปเคลงมาให้อยู่นิ่งๆ

"งั้นไปคอนโดฉันดีกว่าไหม?" ชายหนุ่มเสนอขึ้นมา " อีกสองสถานีก็ถึงแล้ว "

"อ่ะ...จะดีเหรอครับ" ชายหนุ่มร่างท้วมว่าพลางมองเพื่อนของตัวเองที่เมาไม่รู้เรื่องรู้ราว
"ตั้งหลายคนแบบนี้ "

" ไม่เป็นไรหรอก " ชายหนุ่มยิ้มพลางจัดคนที่นอนซบไหล่เขาอยู่ให้นอนดีๆ
" อาร์ตก็เคยมาค้างน่ะ " ดูเหมือนคิมหันต์จะพูดกับคนที่นอนอยู่เสียมากกว่า ริมฝีปากบางนั้นปรากฏเป็นรอยยิ้มน้อยๆ

"อ้อ.... เหรอครับ" ชินดนัยรับคำเบาๆ โดยที่ไม่คิดจะพูดอะไรต่อ ทั้งๆที่ได้ยินชื่อที่หนุ่มลูกครึ่งเรียกรุ่นพี่ที่แผนกของเขา

..คงจะสนิทกันล่ะมั๊ง..

================

ทั้งคู่พาคนที่เมาไม่รู้เรื่องลงจากสถานีรถไฟแล้วเดินไปยังคอนโคที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีของคิมหันต์อย่างลำบากไม่น้อย เพราะคนเมาทำพิษอยู่ตลอดเวลา

" ขอบใจนะ ชิน " รุ่นพี่หนุ่มบอก หนุ่มรุ่นน้องหลังจากที่จัดที่นอนให้เจตน์กับอารยะเรียบร้อยแล้ว

"ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่รบกวนพี่  เพื่อนผมมันก็..เมาไม่ได้รู้อะไรเล้ยยย ขอโทษด้วนครับ" ชินดนัยลากเสียงยาวด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ ก่อนจะยกมือขอโทษอีกฝ่าย

" งั้นก็ค้างด้วยกันเลยสิ ห้องนายอีกไกลไม่ใช่รึไง อีกอย่าง ป่านนี้ รถไฟหมดแล้วด้วย "หนุ่มลูกครึ่งเรียกชินดนัยไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะลากลับ

"แต่...ผม... "การที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้นทำให้ ชินดนัยตอบไม่ถูก
"ถ้าพี่คิมว่าอย่างนั้น  ก็รบกวนด้วยนะครับ " ร่างกลมๆของชินดนัยก้มลงเล็กน้อยอย่างเกรงใจ

================

ส่วนอีกด้านภายในห้อง ร่างของทั้งสองคนที่ชินดนัยกับคิมหันต์จงใจจัดให้นอนกันคนละมุมห้อง ตอนนี้ก็มานอนอยู่ใกล้ๆกันซะแล้ว
มือแกร่งของคนตัวโตกว่าดึงสิ่งที่เขาเข้าใจว่าเป็นหมอนข้างมากอด

"อืม...." เสียงของร่างเล็กครางเบาๆด้วยความรู้สึกอึดอัด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่ดวงตาหนักอึ้งจะค่อยๆลืมขึ้น ใบหน้าคมของรุ่นน้องที่เพิ่งจะรู้จักกันวันนี้อยู่ไม่ไกลออกไปเลย
ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มน้อยๆก่อนที่มือเรียวจะยกขึ้นลูบเส้นผมที่จงใจย้อมเป็นสีน้ำตาลทองที่เสยตั้งของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

" อื้อ อ้วน " ขายาวๆของเจตน์ก่ายกับร่างของรุ่นพี่หนุ่มพลางยิ้มก่อนจะหลับตาลง
ชื่อที่ดังขึ้นมาทำให้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนต้องลืมขึ้นมองหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง คราวนี้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างเป็นจริงเป็นจัง

...อ้วน???....

ร่างบางพยุงตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลมองรูปร่างบางๆของตัวเองก่อนจะคิด

...อ้วน...ฉันเนี่ยนะ?? ...

แต่ก็ดูเหมือนว่า เจตน์จะไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย พนักงานใหม่ที่ดูจะสร้างตำนานด้วยการเมาเละ ในการเลี้ยงรับน้องใหม่คนนี้ หลับไปเสียแล้ว
"ถ้านายชอบ .. จะยอมอ้วนให้ก็ได้นะ " อารยะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะค่อยเอนตัวลงนอนข้างอีกฝ่ายอีกครั้ง

================

ในตอนเช้า ชินดนัย ดูจะนอนไม่เต็มอิ่มนักเพราะถูกจัดไปนอนอีกห้องหนึ่งที่ ไม่มีเจตน์เพื่อนสนิท หรือ พี่ชายใจดีประจำแผนกคนนั้นอยู่ด้วย...เขาไม่ใช่เป็นคนที่นอนคนเดียวไม่ได้แต่ว่า...เพราะเป็นกังวลว่าเจ้าเพื่อนเมาบ้าของเขาจะไปทำอะไรรุ่นพี่เข้าต่างหาก
ร่างท้วมยังอยู่ในชุดทำงานเมื่อคืน ชินดนัยเดินช้าๆไปที่ห้องที่อีกสองคนนอนอยู่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

"ไอ้เจตน์...ถ้ามึงไม่รีบกลับไปอาบน้ำจะไปทำงานไม่ทันนะเฟ้ย"

แต่ภาพที่ปรากฏต่อหน้าชินดนัย กลับเป็นเจตน์ที่นอนกอดอยู่กับรุ่นพี่ของเขาเอง

"....................." ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาปิดอยู่ที่หลอดลม เขาหายใจไม่ออกเอาเสียเลย
ดูเหมือนว่าอารยะจะเมามาก ไม่ได้ต่างไปจากเพื่อนของตัวเอง...แต่ถึงขนาดมานอนอยู่แบบนี้นี่มันก็ดูจะเมากันหนักข้อไปหหน่อย


"ผั่วะ!!"

ฝ่ามือหนาตบเข้าที่หลังหัวของเจตน์เข้าเต็มแรง

ทำให้เจตน์ตาสว่างทันทีตามมาด้วยเสียงแผดลั่น
" อะไรวะ ไอ้อ้วน!!!! "มือทั้งสองข้างยังไม่ปล่อยจากคนที่กอดอยู่เลย

"มึงตื่นเดี๋ยวนี้เลย...แล้วรีบกลับบ้านไปอาบน้ำ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน" ชินดนัยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

" ไรวะ .. แม่ง เจ็บกะโหลกเป็นบ้า " เขาปล่อยมืออกจากคนที่เขากอดอยู่ ทำเอาอารยะต้องตื่นอย่างช่วยไม่ได้

"ก็ไม่เจ็บแล้วจะตบเรอะ ลุก ไปได้แล้ว" ชินดนัยว่าพลางเดินออกไปจากห้อง

เสียงโวยวายของเจตน์คงจะทำเจ้าของบ้านตื่นแล้วเหมือนกัน

" อะไรกันน่ะ พวกนาย " คิมหันต์รีบเดินเข้ามาดู และภาพของอารยะที่ยังหลับๆตื่นๆก็ทำให้เขารีบเดินเข้าไปหา

" อาร์ต  "มือนั้นเขย่าคนที่งัวเงียอยู่ไปมา

เสียงที่ได้ยินทำให้อารยะลืมตาขึ้น ท่าทางหลับๆตื่นๆที่ชินดนัยเห็นนั้นหายไปทันที
" ตื่นแล้ว .. ไม่ต้องเขย่าหรอก คุณคิมหันต์ " มือเรียวยกขึ้นกันอีกฝ่ายออก ราวกับไม่อยากให้สัมผัส คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันท่าทางหงุดหงิดไม่น้อย

"เห็นมั้ยเพราะมึงนั่นแหละ ไอ้ตี่ พี่อาร์ตเลยตื่นเลย " ชินดนัยเดินกลับมายืนมองอยู่ที่หน้าประตู

" อ้าว พี่? " เจตน์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ พลางมองมือตัวเองสลับกับหน้าอีกฝ่าย
" นึกว่าหมอนข้าง"

"....." คำพูดของอีกฝ่ายทำให้คนโดนกอดต้องหันไปมองหน้าก่อนจะยิ้มอย่างยากจะคาดเดา
"ใช่ ... หมอนข้างผอมๆ มันคงกอดไม่เต็มมือมั้ง"

..หมอนข้างผอมๆ?..

เจตน์เลิกคิ้วกับคำพูดนั้น แต่ก็ไม่ได้ ถามอะไรต่อ เขายกมือไหว้ขอโทษอีกฝ่ายก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสนิทไป
" รอก่อนสิวะ อ้วน "

...อ้วน??....

เป็นครั้งที่สองในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมงที่อารยะได้ยินชื่อนี้ ชายหนุ่มร่างบางมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มร่างสูงไปก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

" อาร์ตครับ เป็นอะไรรึเปล่า? "หนุ่มลูกครึ่งถามอย่างเป็นห่วง

..ทำท่าแบบนั้น..

"เป็นอะไร?...นายเนี่ย ชอบเห็นฉันเป็นคนป่วยจังเลยนะ " ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ

" ก็ดูคุณไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ยังเมาค้างรึเปล่า? "คิมหันต์ถามอย่างเป็นห่วง

"ฉันไม่เป็นไร นี่ ..เมื่อคืนแบกฉันมาใช่มั้ย ขอบใจนะ "ชายหนุ่มว่าพลางพยายามลุกขึ้น

" ไอ้เจตน์นี่ก็แย่จริงๆเลย เมาแล้วเละเทะ ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง "  คิมหันต์บ่นขำๆพลางเดินไปเก็บที่นอน ที่มันรวมอยู่กองเดียวกัน

...สองคนนี่นอนด้วยกันรึไง?..

"ขอโทษนะ เลยลำบากนายเลย" อารยะเดินไปช่วยอีกฝ่ายเก็บของ

" ไม่เป็นไรหรอก .. ใช้ห้องน้ำได้นะครับ "คิมหันต์รีบบอก

"ขอบใจนะ" อารยะ ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

================

อีกด้าน เจตน์ยังคงโวยวายตามหลังหนุ่มร่างท้วม
" เดินช้าๆดิวะ เมิงเป็นอ้วนพริ้วรึไง เมาค้างอยู่นะเฟ้ย "

"กูไม่ได้เดินเร็ว  แต่มึงเมาเป็นหมาแบบนี้ ก็ต้องเดินช้าดิวะ ไอ้ตี่" ชินดนัยเดินไปหยุดที่หน้าเคาท์เตอร์ในห้องครัวก่อนจะส่งกาแฟร้อนที่เพิ่งจะรินจากกาให้กับอีกฝ่าย
"เอ้า กิน แล้วจะได้รีบกลับ เดี๋ยวต้องไปทำงานอีกนะเฟ้ย วันนี้ไม่ใช่วันหยุด" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อหันไปต่อว่าอีกฝ่าย
 
" เมื่อคืน..นึกว่ามึง " เจตน์เกาศีรษะที่ทรงผมดูไม่ได้นั้นไปมา
" กอดซะแน่นเลย "

"ไปพูดกับพี่อาร์ตโน่นไป...เล่นคิดว่าคนอย่างพี่เค้าเป็น กูซะได้ ..."

" เมานี่หว่า เหอะ ..  " เจตน์แก้ตัวน้ำขุ่นๆ

"เออ รู้ว่าเมาทุเรศ เมาแล้วลวนลามชาวบ้านก็เพลาได้แล้ว เอ้า กินเสร็จยัง" ชินดนัยเหลือบมองของเหลวที่อยู่ในแก้วของอีกฝ่าย "กาแฟก็มีอยู่แค่นี้กินช้าจริง เหล้าเป็นถังล่ะกินเร็วนักนะมึง " ชินดนัยยังคงเหน็บแนมต่อว่าอีกฝ่ายต่อไปเรื่องนิสัยเมาไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย

เจตน์ขมวดคิ้วก่อนจะรีบกลืนของเหลวสีเข้มรสขมจัดลงคอเพื่อแก้อาการเมาค้างของตนเอง

================

talk : เชียร์พี่คิมสุดใจค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่4=(28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 29-01-2013 23:32:47
 ทำเหมือนเป็นคนป่วย..... เพราะเขาเป็นห่วงหรอกมั้ง คุณอาร์ต....
พี่คิมสู้วๆ อ้วนสู้วๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่4=(28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 29-01-2013 23:41:49
คลุมเครือ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่4=(28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 29-01-2013 23:55:32
อ้วนกับเจต  คิมกับอาร์ต อ่ะป่าวววว :really2: :really2: สงสารอาร์ตนิดๆแล้วหล่ะ
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่5=(02/02/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 02-02-2013 00:15:34
=5=

ตลอดทั้งวันนั้น ดูเหมือนว่าอารยะจะตามติดกับน้องใหม่ของแผนกเอกสารมากจนทำให้หลายๆคนอมยิ้ม และ หลายๆคนก็มองด้วยความอิจฉาเลยทีเดียว แต่ดูจะเป็นชินดนัยเองเสียมากกว่าที่รู้สึกลำบากใจ

" แล้วชิน เจอกับเจตน์ได้ยังไงล่ะ "
"เขาชอบกินเหล้ายี่ห้ออะไร"
"สูบบุหรี่ไหม "
"ชอบหนังเรื่องอะไร"
"ฟังเพลงแบบไหน"

ส่วนชายหนุ่มร่างท้วมก็ได้แต่ตอบไปอย่างลวกๆ เรื่องไหนยาวนักก็บอกปัดไปเสีย
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกหงุดหงิดในการที่อีกฝ่ายสนใจเพื่อนร่างสูงของเขามากขนาดนี้

======================

แต่เวลาอาหารเที่ยงของวันนี้ เจตน์กลับไม่ได้เดินลงมาหา หรือแม้แต่จะโทรศัพท์มาเสียด้วยซ้ำ เพราะต้องศึกษางานอีกเยอะ อีกทั้งยังโดนพวกรุ่นพี่ในแผนกต่างประเทศกักตัวไว้เสียอีก ทิ้งให้ชินดนัย กับอารยะต้องกินข้าวกันสองคนอย่างช่วยไม่ได้

" ชินเป็นอะไรไป ไม่เห็นพูดอะไรตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว" อารยะว่าพลางเท้าคางมองในขณะที่วางแก้วน้ำลง

"อ่ะ...เปล่าครับ ผมคงจะใจลอยไปหน่อย" ชินดนัยส่ายหน้ารัว เมื่อรู้สึกตัว ในใจก็ยังนึกด่ากร่นเพื่อนร่างสูงอยู่ในใจ

...ไอ้เจตน์บ้าหายหัวไปไหนวะ ปล่อยให้กูมาตอบคำถามเรื่องของมึงอยู่ได้...

" พวกนายสนิทกันดีจังเลยนะ เห็นแล้วอิจฉาจริงๆ พี่น่ะไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทนักหรอก" อารยะหัวเราะออกมาเบาๆ

"แต่พี่อาร์ตก็ออกจะดังนี่ครับ" ชินดนัยว่า ตั้งแต่นั่งมาเขารู้ได้ถึงสายตาของทั้งหญิงและชายที่มองมาที่รุ่นพี่ร่างบางนี้อยู่ตลอดเวลา

"ฮ่ะๆ ดัง กับ เพื่อน น่ะ ไม่เหมือนกันหรอกนะ ชิน แบบนั้น พี่ถึงได้อิจฉาพวกนายไงล่ะ" อารยะหัวเราะก่อนจะหันไปขยิบตาให้สาวๆที่นั่งโต๊ะถัดออกไป

ชินดนัยมองตามสายตาของอีกฝ่ายไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ห่างออกไป ก่อนจะต้องรีบหันกลับเพราะพวกผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ก็ยิ้มกลับมาเหมือนกัน แต่ชายหนุ่มกลับไม่คิดจะหันกลับไปยิ้มตอบ หรืออย่างไร 

...ถ้าเป็นไอ้ตี่ นั่นคงจะเดินไปคุยด้วยแล้วมั้ง...

"ไปทำงานกันต่อดีกว่า ...อยู่นี่นาน เดี๋ยวเราจะพรุนกันหมด " อารยะหัวเราะเบาๆ กับท่าทางแบบนั้นของรุ่นน้องร่างท้วม ก่อนที่จะลุกขึ้นไปจ่ายเงินค่าข้าวราดแกงราคาประหยัดให้ทั้งตัวเขาและชินดนัย โดยให้เหตุผลว่าเป็นค่าข้อมูลของเจตน์ที่เขาอยากรู้

======================

ส่วนหนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่สวมเชิ๊ตสีน้ำเงินเข้ม ปลดกระดุมเม็ดบนออก อย่างแตกต่างกับเด็กที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่นั้น ยืนมองนาฬิกาข้อมือตัวเองอยู่ที่หน้าประตูบริษัท ท่าทางกระวนกระวายไม่น้อย

" อุตส่าห์รีบเคลียร์งาน อย่าเพิ่งกลับนะเว้ย "

.. ทำงานหนัก วันนี้เลยโทรศัพท์ไม่ได้เลย เซ็งชะมัด..

ร่างสูงของใครบางคนที่เดินอย่างกระวนกระวายที่หน้าบริษัทนั้นมองเห็นได้ไม่ยากจากคนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากลิฟท์

"อ้าว...ไอ้ตี่ ยังอยู่อีกเหรอมึง "

" โทษทีว่ะ โทรศัพท์ไม่ได้เลย รุ่นพี่คุมแจ " เจตน์รีบเดินมาหาเพื่อนร่างท้วม พลางบ่นเหมือนทุกครั้ง
" โดนใช้ทำงานเกือบตาย " คนที่ใช้งานแทบตายก็คือ เจ้าของคอนโดที่ให้เขาซุกหัวนอนเมื่อคืนนี้แหละ การที่ถูกคิมหันต์เป็นถึงรองหัวหน้าแผนก เข้มงวดใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนั้นทำเอาเขาต้องนั่งตัวลีบแทบทั้งวัน

"ก็พวกเรามันเด็กใหม่นี่หว่า...เออ ...กูจะเอาเบอร์มึงให้พี่อาร์ตนะ "ชินดนัยว่าพลางส่ายหน้า กับงานน่ะ มันก็เหนื่อยอยู่หรอก แต่ที่ดูจะเหนื่อยมากกว่า ก็คงจะเป็น การต้องคอยตอบคำถามของอารยะนั่นล่ะ

" หะ? บอกทำไมวะ? มาทำงานก็เจอกันทุกวัน " เจตน์เลิกคิ้วงงๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย

"ก็เขาถามเรื่องของมึงทั้งงงงงงงงงงงงงงง  วัน เลยนี่หว่า ขี้เกียจ ตอบเลยว่าจะเอาเบอร์มึงให้ไปซะ จะได้ไปถามเองตอบเอง" ชินดนัยว่าพลางหันมามองหน้าของอีกฝ่าย

" เหอะ..พูดไปเรื่อยนะมึง " เจตน์ยิ้มเขินๆ ก่อนจะพยายามเปลี่ยนเรื่อง
 " อยากกินเตี๋ยวเนื้อออออออออออออ "

การเปลี่ยนเรื่องเร็วๆของอีกฝ่ายทำให้ชินดนัยต้องเมินหน้าหนีไปอีกทาง
"เออ จะกินก็ไปดิ่..."ชายหนุ่มว่าพลางเดินนำหน้าไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่อีกฝ่ายบอกว่าอร่อยนักอร่อยหนา
"ว่าแต่ จะให้กูบอกเบอร์เขาไปไหม?"

" ตามใจมึงละกัน .. ถ้าขี้เกียจตอบ กูจะตอบเอง .. โว๊ะ! สนใจอะไรกันนักหนา " เจตน์เดินนำอีกฝ่ายไป ใบหูแดงเล็กน้อย
รู้สึกแปลกๆที่รู้จากอีกฝ่ายว่า รุ่นพี่คนนั้นอยากรู้เรื่องของเขา

"ฮ่ะๆ เขินล่ะซิ่" ชินดนัยหัวพลางหันไปมองหน้าของเพื่อน ใบหน้าที่เห็นได้จากด้านข้างนั้นแดงระเรื่อ

"งั้น กูบอกนะ "

เจตน์พยักหน้าแรงๆแทนคำตอบ แล้วเฉไฉด้วยการตะโกนสั่งก๋วยเตี๋ยวเสียเลย
"  ป้าครับ เอาเล็กเนื้อรวมพิเศษสอง! "

ท่าทางของเจตน์ทำให้ชินดนัยรู้สึกแปลกๆ

..เพื่อน กับ พี่ที่แผนก งั้นเหรอ ทำใจลำบากยังไงก็ไม่รู้แฮะ...

======================

หลังจากที่ทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อสองชามตามใจเจตน์แล้ว  เขาก็ยังใจดีพาชินดนัยไปกินขนมต่ออีก เพื่อเป็นการขอโทษที่ไปกินข้าวเที่ยงด้วยไม่ได้ แถมยังไม่ได้บอกอีก

"อร่อยว่ะ กูจะซื้อกลับบ้านด้วย มึงจ่ายเลย "ชินดนัยหันไปบอกเจตน์ทั้งๆที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ส่งข้อความผ่านโปรแกรมไลน์ไปหารุ่นพี่ โดยที่ไม่ลืมจะแนบเบอร์ของเพื่อนร่างสูงลงไปด้วย
"เอ้า เบอร์ถูกต้องนะ จะส่งล่ะ " ชินดนัยยื่นมือืถือของตัวเองไปให้อีกฝ่ายตรวจสอบ

" เดี๋ยวไปเลือกให้ สตอร์วเบอร์รี่ชอตเค้กใช่ปะ " เจตน์รีบเดินไปเลือกขนมให้ชินดนัย โดยทำเป็นไม่สนใจที่อีกฝ่ายพูดซักนิด

"เอ้ย ขอ มูสชอคโกแลตด้วย ร้านนี้อร่อย" ชินดนัยตะโกนไล่หลังเพื่อนไป
ท่าทางของเพื่อนทำให้ชายหนุ่มร่างท้วมต้องหัวเราะออกมาเบาๆ แม้ว่าจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกเจ็บเล็กๆ ที่เห็นปฏิกิริยาแบบนั้นของเพื่อนที่มีต่อการกระทำทางอ้อมของรุ่นพี่

...คนนึงก็คนดัง อีกคนก็...แบบมันนั่นล่ะ...น่าจะเข้ากันได้ดีไม่ใช่รึไงกัน ...


"TTT TT TT "

แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

---- เยี่ยม ขอบใจมากเลยรุ่นน้องที่น่ารัก ไว้จะแนะนำสาวสวยๆให้นะ ----

ตามมาด้วยสติกเกอร์รูปกระต่ายน้อยทำหน้าเคลิ้ม ซึ่งดูๆไปกระต่ายก็คล้ายกับอารยะอยู่เหมือนกัน

" อะ " กล่องใส่ขนมเค้กหลายชิ้นในถุงพลาสติกใส่ถูกยื่นมาตรงหน้าชินดนัย
" ไปได้ยังวะ? "

ดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มร่างท้วมหันไปสบตาของอีกฝ่ายสลับกลับกล่องขนมกล่องใหญ่
"เจ๋ง แค่เบอร์นมึงเนี่ย กูก็ได้ ทั้งสาว ทั้งขนมเลยว่ะ " ชินดนัยหัวเราะพลางหยิบเอากล่องขนมพลางลุกขึ้นยืน มืออีกข้างลูบพุงโตๆของตัวเอง
" โคตรอิ่มมมมม "

" เหอะ สาว? จะได้เร้อ .. มึงน่ะ หลบหลังกูทุกทีล่ะวะ .. ไป กลับได้แล้ว จะนั่งอืดอีกนานไหม? " เจตน์ลุกขึ้นเดินนำออกไปจากร้าน

" ใช่สิ  กูมันไม่ได้เกิดมาหน้าตาดี หุ่นดี พูดเก่ง ขี้เล่น อย่างมึงนี่หว่า" ชินดนัยว่าพลางลุกขึ้นยืน ร่างท้วมเดินผ่านแคชเชียร์ออกได้โดยไม่ลืมที่หันมาบอกว่า
" มึงจ่ายแล้วใช่ป่ะ? "

คำพูดยาวหยียดเมื่อครู่ของเพื่อนสนิททำให้เจตน์ต้องหัวเราะออกมาจนได้
" ฮะฮะ  เออ .. กล้าๆหน่อยดิวะ อ้วนพลิ้วอย่างมึงน่ะ อาจจะมีสาวกรี๊ดก็ได้ " ชายหนุ่มร่างสูงลอคคออีกฝ่ายให้เดินมาด้วยกัน ตลอดสิบกว่าปีที่เป็นเพื่อนกันมา ชินดนัยมักจะเดินตามหลังเขาเสมอ

"ไม่ใช่ไม่กล้าโว้ย แต่กูไม่อยากเอาตัวใหญ่ๆของกูไปบังออร่าของมึงต่างหาก" มืออวบๆโอบเพื่อนตอบ มันจริงอย่างทีอีกฝ่ายว่าจริงๆนั่นล่ะ

" ออร่า? " เจตน์ถามอย่างงงๆ

....ก็ไอ้ที่ทำตัวเป็นคนดี กับใครๆ เขาไปทั่วแบบนี้ไง...

ชินดนัยอยากจะตอบไปแบบนั้น แต่ก็ทำไมได้

" มึงอย่ารู้เลย " ชินดนัยว่าพลางตบไหล่เพื่อนของตัวเองเบาๆ

======================

หลังจากแยกกันเพราะเจตน์ลงสถานีก่อนชินดนัย ชายหนุ่มก็เดินกลับหอพักสูงห้าชั้นที่อยู่ในซอยลึกห่างจากสถานีรถไฟฟ้าพอสมควร เมื่อเดินขึ้นบันไดมาสามชั้นก็มาถึงห้องของตัวเอง ขนาดของห้องก็มีหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ และระเบียงเล็กๆสำหรับตากผ้าและทำอาหารเท่านั้น  มือแกร่งโยนกระเป๋าสะพายข้างสำหรับทำงานลงกับพื้น ก่อนจะปลดกระดุมเชิ๊ตออก

"TTT... TTT..."ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เบอร์ที่ไม่คุ้นเคยทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะรับสาย
" เจตน์ครับ "

"  นี่ พี่อาร์ตนะ" เสียงนุ่มของรุ่นพี่จากแผนกเอกสารตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนทุกที

" อะ..อ้าวพี่?..เห็นไอ้อ้วน..เอ่อไอ้ชิน มันบอกว่าพี่อยากรู้เรื่องของผมเหรอฮะ? "  ชายหนุ่มนั่งลงกับเตียงนุ่มๆของตัวเอง

"อืม...ยังไงดีล่ะ.." เสียงที่ดังออกจากปลายสายเหมือนจะหัวเราะน้อยๆให้กับคำพูดนั้น


"ก็แค่อยากรู้จักล่ะมั้ง"


======================

talk : พี่อาร์ตรุกเร็วมากเลยค่ะ สู้ๆนะคะ พี่อาร์ต และเจ้าชิน(?)   o13
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่5=(02/02/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 02-02-2013 00:39:15
 o13 เยี่ยมคะพี่อาร์ต รุกเร็วมาก
แอบสงสารอ้วนอ่ะ  :sad4:

(จำเนื้อเรื่องไม่ได้จริงๆด้วย)
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่6=(07/02/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 07-02-2013 19:26:20
=6=

" อื้อ..เหรอฮะ? งั้นผมก็น่าจะรู้จักพี่ให้มากกว่านี้ด้วย.. เพราะพี่เคยอยู่แผนกต่างประเทศใช่ปะฮะ? "เจตน์ย้อนถาม
ก่อนจะต้องรีบขอโทษ
 " เอ่อ .. ผม ปากไวไปหน่อย ขอโทษนะฮะ. "

"ไม่เป็นไรนี่...ถือซะว่าแลกเปลี่ยนกัน เพราะก็อยากนายรู้จักพี่ให้มากขึ้นเหมือนกัน" เสียงอารยะตอบกลับมา ท่าทางจะอารมณ์ดีมากเหลือเกิน

" พี่คิม บอกว่าพี่เก่งมาก " เจตน์เริ่มขึ้นมาก่อน
" ใครๆก็อยากเป็นแบบพี่กันทั้งนั้น "

"ฮ่ะๆ คุณคิมหันต์นั่นน่ะเหรอ?  อย่าไปเชื่อเขามากล่ะ รายนั้นเห็นฉันดีไปหมดนั่นล่ะ " เสียงอารยะหัวเราะออกมาเบาๆ

" ก็ไม่แปลกนี่ฮะ .. ใครๆก็ชอบพี่อาร์ตกันทั้งนั้น เจ้าชินมันโชคดีที่ได้เจอคนอย่างพี่นะฮะ " เจตน์ยิ้มกับโทรศัพท์
" ถ้าพี่จะทำให้มันมั่นใจว่าตัวเองมีดีได้บ้างนะฮะ "

"มั่นใจ? ...ยังไงเหรอ? .." เสียงอีกฝ่ายถามกลับด้วยความสงสัย

" ผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถมแล้วล่ะฮะ อยู่ด้วยกันตลอดเลยล่ะ แล้วมันก็เป็นแบบเนี้ย คิดว่าตัวเองอยู่เงียบๆไปน่ะดีแล้ว ทั้งๆที่ มันเองก็ทำอะไรได้หลายอย่าง "เจตน์รัวคำพูดออกมาอย่างเป็นห่วง
" เรียนก็เก่งกว่าผม .. พูดตรงๆนะฮะ พี่ ตอนมาสมัครงาน มันน่าจะได้อยู่แผนกต่างประเทศด้วยซ้ำ "

"อืม... บางครั้งความเก่งอย่างเดียวมันก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ ..เพราะแบบนั้นเจตน์ถึงได้เข้ามาแทนล่ะมั๊ง "

" แล้วทำไม พี่อาร์ตถึงได้ไปอยู่แผนกเอกสารได้ล่ะฮะ? " เจตน์ถามขึ้นมา
" ทั้งๆที่พี่เก่งขนาดนั้น "

"อืม ยังไงดีล่ะ ฉันเป็นตัวป่วนล่ะมั้ง " เสียงอารยะ หัวเราะเบาๆ

" พวกหัวหน้าไม่อยากให้ผม..เอ่อ.. " เจตน์เงียบไป

..พวกเขาบอกไม่อยากให้ผมเก่ง แต่เป็นเหมือนอารยะ ..

"ฮ่ะๆ เชื่อเถอะว่านายไม่เป็นอย่างพี่แน่ๆ" อารยะหัวเราะลั่นกลับมา
"หรืออยากเป็น ให้สอนไหม "

" ไม่ใช่แบบนั้นฮะ .. ผมอยากยิ้มได้ตลอดแบบพี่อาร์ตนะฮะ.. ผมว่าพี่น่ะเจ๋งมากเลยล่ะ " เจตน์รีบบอกเพราะเขาพูดตรงๆแบบนี้เลยไม่ค่อยมีผู้หญิงที่ไหนทนได้

"ฮ่ะๆ ที่ยิ้ม ก็เพราะว่า เจอคนที่อยากจะยิ้มให้หรอกนะ ...แต่บางที..ก็โหดเหมือนกัน" เสียงอารยะยังคงหัวเราะร่วน

" พี่ยิ้มให้ผมตลอดเลย " ชายหนุ่มยิ้มกับเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย

"แน่นอน" เสียงชายหนุ่มตอบกลับมา มันทำให้อีกฝ่ายพอจะจินตนาการออกว่าเขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่

" ................................ " นั่นทำเอาเจตน์ถึงกับนิ่งไปเลยทีเดียว ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
" เอ่อ .. พี่คิดมากเรื่องเมื่อคืนรึเปล่าฮะ " เจตน์ถามอย่างไม่แน่ใจ
" ไอ้อ้วนยังโดนผมเล่นงานประจำเลยล่ะฮะ "ชายหนุ่มบอกอีกฝ่าย
" ใครอยู่ใกล้ผมตอนเมาน่ะนะ โดนทุกรายล่ะ ..เอ่อ  ผม..ก็ทำแบบนี้กับทุกคนล่ะฮะ "

"....เหรอ...ทุกคนเลยเหรอ ..."เสียงอีกฝ่ายตอบกลับมาเหมือนจะผิดหวังเล็กๆ
 "แล้วไม่มีใครที่จำได้เป็นพิเศษเลยเหรอ..ที่...เอ่อ...ไม่ใช่ อ้วน น่ะ "

" ก็พี่ไงฮะ!  "เจตน์รีบบอก เมื่อฟังน้ำเสียงของอีกฝ่าย

"ฮ่ะๆ บอกแบบนั้นก็น่าดีใจอยู่หรอกนะ ถ้าไม่เรียกพี่ว่า อ้วนน่ะ "

" หะ? .. ผมเรียกพี่ว่าอ้วนเหรอ? .. เมื่อไหร่ฮะ ไม่รู้เรื่องเลย "เจตน์ถามอย่างตกใจ เขาจำอะไรไม่ได้เลย

"ไม่เป็นไรนะ ถ้าชอบแบบนั้น ก็จะไปเพิ่มน้ำหนักให้ก็ได้ " แทนที่จะตอบคำถามชายหนุ่มเสียงนุ่มกลับเลี่ยง

" มะ..ไม่ใช่ฮะ ..ผมคงนึกว่าเป็นไอ้ชิน "เจตน์รีบบอก
" แล้ว..ทำไมผมจะต้องชอบ ถ้าพี่จะไปเพิ่มน้ำหนักด้วยล่ะ? " คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

"ก็เห็นว่า ดูจะฝังใจ ขนาดละเมอได้นี่ก็เลยนึกว่าชอบ...หรือว่าชอบแบบที่เป็นอยู่แล้วตอนนี้ล่ะ จะได้ไม่ต้องกินเพิ่ม"เสียงอารยะ ถามก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
" เอ่อ..แบบนี้ก็ดีแล้วนี่ครับ..ผมว่า.. " ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่วพลางมองดูมือของตัวเอง .. เขาเริ่มจะจำได้แล้วว่า นอนกอดอีกฝ่ายไปแบบไหนกัน

" เฮ้ย!! "

ชายหนุ่มอุทาน ลุกพรวดจากที่นอนทันที

"อะไรเหรอ" เสียงของคนที่อยู่ปลายสายดูจะตกใจไม่แพ้กัน

" ขอโทษครับ!!! " เจตน์ตะโกนใส่โทรศัพท์

"ขอโทษ เรื่องอะไรกันล่ะทีนี้ "อารยะถามกลับ

" ผมนอนกอดพี่ แถมยัง เอาขาก่ายด้วย .. ให้ตาย "ชายหนุ่มตบหน้าผากตัวเองแรงๆ

"แล้วพี่ว่าอะไรนายไปรึยังล่ะ นายเจตน์ " เสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ

" พี่ ไม่ว่าเหรอฮะ .. ผมทำอะไรแย่ๆ กับคนที่เพิ่งเจอกันแท้ๆ "เสียงห้าวนั้นสลดไปเลย

"ก็ถ้าพี่ชอบใจล่ะก็นะ "

" พี่พูดอย่างกับชอบผมเลยแฮะ " เจตน์หัวเราะออกมาอย่างผ่อนคลาย ดีที่อีกฝ่ายไม่ได้โกรธที่เขาเมาเละแบบนั้น

"อืม..เรื่องชอบนั่นน่ะ มันมีเพิ่ม ลดกันได้นี่  ถึงได้บอกไงว่า อยากรู้จักนายให้มากขึ้น" เสียงชายนุ่มตอบกลับมาจากปลายสาย

" งั้นจะมัวเสียเวลาโทรศัพท์ทำไมล่ะครับพี่?.. ลองเจอกันดูก็ได้นี่ พรุ่งนี้วันหยุด " เจตน์ยักไหล่ .. เพราะจะว่าไป กับอารยะ เขาก็รู้สึกดีด้วย อีกอย่าง ก็เพิ่งจะซื้อดีลลดราคาบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันมาพอดี

..โทษทีว่ะ อ้วน กูเอาดีลไปกินกับพี่อาร์ตก่อนละกัน..

"สิบเอ็ดโมงครึ่งที่หน้าห้องอาหาร โรงแรม…นะฮะ ผมซื้อดีลมา ไปสอง จ่ายหนึ่ง น่ะฮะ หาเพื่อนกินด้วยอยู่พอดีเลย  " เจตน์นัดหมายเวลากับสถานที่เสร็จสรรพ ทำเอาอารยะต้องหัวเราะออกมา

“ ฮะ ฮะ ไปเดทกันครั้งแรกก็ไปสอง จ่ายหนึ่ง แล้วเหรอ?  ”

น้ำเสียงเหมือนล้อเล่นนั้นทำเอาเจตน์ก็แหย่อีกฝ่ายตอบกลับไปเช่นกัน
" ประหยัดเอาไว้ไงพี่ เผื่อเอาไว้เปิดห้องที่นั่นเลยเป็นไงฮะ? “

"จะเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ" อารยะหัวเราะออกมาเบาๆ
" เราเนี่ย ตรงดีนะ "

" ผมถามเฉยๆนี่ " เจตน์ยิ้ม

"อื้ม...ส่วนเรื่องนั้น " อารยะหยุดเล็กน้อย
" จะเปิดห้องหรือเปล่านั่นน่ะ ค่อยว่ากันทีหลัง "

" พี่พูดเหมือนทำได้ง่ายๆเลยแฮะ " เจตน์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

"ก็แค่ขึ้นโรงแรมไม่ใช่รึไง มันก็ง่ายน่ะซิ่" อารยะว่า

" ก็ไม่ได้ขึ้นไปชมวิวแม่น้ำใช่ไหมล่ะ ?.. ผมถึงได้บอกว่าพี่ทำเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายน่ะ " เจตน์อธิบาย .. เขากำลังนึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิทที่พร่ำบอกถึงความรักในอุดมคติว่าต้องเป็นไปตามขั้นตอนของมัน

"อ้าว...ก็บอกแล้วว่าถ้าถูกใจนายนี่นา "

" แต่ถ้าพี่ไม่ถูกใจ พี่คงไม่ถามเรื่องผมกับเจ้าชินทั้งวันหรอก ใช่ไหมล่ะครับ? "ชายหนุ่มสวนขึ้นมาทันที ก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือ พวกเขาคุยกันทางโทรศัพท์มานานมากแล้ว
 " ไว้เจอกันพรุ่งนี้ดีกว่าฮะ "

"อื้ม...ราตรีสวัสดิ์ นะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ " เสียงนุ่มนั้นเหมือนกับจะยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียง

" แล้วเจอกันครับ .. ฝันดีนะครับพี่ "  เขาบอกไปอย่างนั้นก่อนจะวางสายไป

==================

ส่วนอีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนดังของฝ่ายเอกสาร ถอนหายใจออกมายาว มือเรียวยังกุมโทรศัพท์เอาไว้ พยายามทำให้หัวใจของตัวเองเต้นน้อยลงกว่าเดิม

"ไม่ได้ทำแบบนี้มาตั้งนาน...ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย" ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอนตัวลงบนเตียงนอน


==================
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่6=(07/02/56)
เริ่มหัวข้อโดย: aiwjun ที่ 07-02-2013 21:40:18
เฮ้อ  สงสารอ้วนเลยน่ะ  ดูท่าเจตต์จะเป็นคนเจ้าชู้มาก  พี่อารยะก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่6=(07/02/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 07-02-2013 22:38:13
อืม....พี่อารยะนี่ ภาษาญี่ปุ่นเขาเรียก โคะอะคุมะ ....ปีศาจน้อยชัดๆ  o22
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่7=(07/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 07-04-2013 20:55:38
=7=

หน้าห้องอาหารโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่เซ็ทให้ผมหน้าม้าตกลงมาอย่างมีสไตล์ในชุดเสื้อยืดคอวีสีดำทับกับเสื้อสูทลำลองสีฟ้ากับกางเกงผ้าสีเทาเข้ากับรูปร่างไม่น้อยกำลังนั่งไขว่ห้างรอคู่นัดของเขาอยู่ที่โซฟาหน้าห้องอาหารตรงที่ติดกับกระจกที่เผยให้เห็นความวุ่นวายของเมืองหลวงแม้จะเป็นวันหยุด ปลายเท้าที่สวมรองเท้าหนังคู่สวยกระดิกไปมาเล็กน้อย ขณะที่เหลือบมองนาฬิกาข้อมืออยู่เป็นระยะ เมื่อรู้สึกว่าคู่นัดของตัวเองนั้นมาสายกว่าที่คิดเอาไว้

เจตน์รีบวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า แล้ววิ่งไปตามทางเดินที่ไปยังโรงแรมที่นัดไว้ โชคดีที่รุ่นพี่นั่งอยู่ติดกระจกของโรงแรมและ ดูเด่นซะขนาดนั้น
ชายหนุ่มรีบวิ่งข้ามถนนแล้วตรงไปเคาะกระจกตรงหน้ารุ่นพี่ พลางยกมือไหว้ปลกๆเป็นเชิงขอโทษ
เจตน์ดูแตกต่างจากทีเคยเห็นในชุดทำงานและโดดเด่นด้วยเสื้อเชิ๊ตตัวสวยอยู่ในบริษัท คราวนี้เส้นผมสีเหมือนกันของร่างสูงกลับถูกเซ็ทตั้ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของอารยะมองอีกฝ่ายราวกับจะต่อว่าเล็กน้อย ก่อนที่จะเคาะกระจก เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรีบๆเข้ามาในโรงแรมได้แล้ว
หลังจากจัดการเรื่องดีลอะไรนั่นเรียบร้อยเจตน์ก็เดินนำอารยะเข้าไปก่อน แล้วเลือกโต๊ะนั่งเสียเอง

" โทษฮะพี่ ผมตื่นสายน่ะ " เจตน์ไหว้ขอโทษอีกฝ่ายอีกรอบหลังจากเป็นฝ่ายเลือกที่นั่งได้แล้ว นี่เขาโชคร้ายจริงๆ มาทำงานวันแรก เมาเละ ลวนลามรุ่นพี่ แถมพอเขานัดเดทยังมาสายอีก

"ก็เมื่อคืนคุยโทรศัพท์ดึกนี่นา" ริมฝีปากบางของอารยะคลี่เป็นรอยยิ้ม เมื่อครู่เขายืนอึ้งไปพักหนึ่งเลยทีเดียวกับการกระทำของเจตน์ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็นั่งลงยังฝั่งตรงกันข้าม
"แล้ว..ตื่นสายแต่ก็มีเวลาทำผมไม่ใช่เหรอ? "มือยกขึ้นแตะเบาๆที่เส้นผมของอีกฝ่าย ราวกับจะล้อเลียน
"นี่ กลัวไม่หล่อรึไง?"

" ก็เดทกับพี่นี่ ไม่หล่อได้ไงล่ะ " เจตน์ตอบกลับยิ้มๆ มองมองดูมือของอีกฝ่ายที่ไล้กับผมของเขา
" วันนี้พี่ก็หล่อนะฮะ "

"ก็วันหยุดนี่นา ทำตัวสบายๆซักวันน่า" ว่าพลางก็ดึงมือกลับก่อนจะหยิบเมนูที่ลดราคาแล้วมาส่งให้อีกฝ่าย
"กินอะไรดีล่ะ"

" พี่เลือกให้หน่อยดิฮะ ผมไม่เคยมา เจ้าชินมันไม่ค่อย..เอ่อ.. " เจตน์หยุดพูดทันที เขานึกได้ว่า การพูดถึงคนอื่นตอนที่เดท มันไม่ดีเท่าไหร่นัก

"จะพูดก็ได้...ไม่ห็นเป็นไรเลย" อารยะพูดพลางเปิดเมนูที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองแล้วยกมือขึ้นเรียกบริกร
"ขอเป็นชุดเอ่อ … กุ้ง เอ๊ะไม่มีหรอกเหรอ? แล้วนายล่ะ จะกินอะไร? "
" เนื้อครับ ..ผมชอบเนื้อ " เจตน์รีบบอก
"ครับถ้าอย่างนั้นเป็นชุดเนื้อก็ได้ครับ เป็นสองที่เลย แล้วก็ขอไวน์แดงมาทานคู่กันด้วยนะครับ "อารยะ จัดการสั่งอาหารและเครื่องดื่มเสร็จสรรพ

คำว่าไวน์แดงทำให้เจตน์ต้องกลืนน้ำลาย

...สั่งไวน์แดงเพิ่ม..แต่กูเพิ่งทำงานได้สองวันเนี่ยนะ..

ใบหน้าเรียวเริ่มซีดเมื่อนึกถึงราคาของมัน

"เป็นอะไรไป..."อารยะ หัวเราะเบาๆ
 "ไม่เป็นไรน่า...ฉันเลี้ยงเอง" ดวงตาคู่สวยขยิบให้กับอีกฝ่ายอย่างนึกขำ

" จะดีเหรอครับ..โรงแรมพี่ก็จอง ทานข้าวพี่ยังเลี้ยงอีก " เจตน์บอกอย่างเกรงใจ ไม่ทันคิดว่าโต๊ะข้างๆจะฟังอยู่รึเปล่า
นิ้วเรียวของอารยะยกขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย

"อย่าพูดเสียงดังไปซิ่ ... " ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายไม่วางตา
ทำเอาเจตน์ต้องยกมือขอโทษทันทีเลย คิ้วเรียวขมวดรู้สึกเครียดๆพิกล

 นานพอสมควร หลังจากที่ออเดิร์ฟตามราคาอาหารชุดนั้นมาเสิร์ฟให้ อาหารจานหลักจึงตามมา
เจตน์ได้แต่ก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารของตัวเองไป เพราะกลัวว่าถ้าพูดอะไรแปลกๆ ตรงๆออกไป มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก

"เมื่อคืนนี้รู้สึกว่าจะมีปากมีเสียงมากกว่านี้น้า... เป็นอะไรเหรอ ไม่ชอบเหรอ " อารยะถามพลางขยับหน้าลงไปเล็กน้อย เพื่อที่จะสบตาของอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ที่ตรงฝั่งตรงข้าม

" จริงๆ ถ้ามีมุมส่วนตัว คงคุยกันสนุกกว่านี้นะฮะ รุ่นพี่ "เจตน์บอกก่อนจะยกแก้วไวน์แดงขึ้นมา
" ดื่มให้กับวันนี้ครับ "

"ก็...นัดกินข้าวเที่ยงนี่นะ "ชายหนุ่มร่างบางหัวเราะก่อนจะยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง ดวงตาคู่สวยสบมองดวงตารีเรียวของอีกฝ่าน
"ดื่มให้กับวันนี้ "

เจตน์ยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ .. เขารู้ดีว่าวันนี้คงไม่จบแค่ชนแก้วมื้อเที่ยงเป็นแน่.. แต่ก็ไม่อยากจะคิดไกลไปขนาดเข้าโรงแรมหรอกนะ บางทีพวกเขาอาจจะแค่เดินเที่ยวแถวๆนี้ แล้วก็่ต่างคนต่างกลับก็ได้

"เล่าให้ฟังหน่อยซิ่...เรื่องของเธอ ทำไมถึงอยากมาทำงานที่นี่ล่ะ "อารยะเริ่มตั้งประเด็นหลังจากวางแก้วไวน์ลง ความรู้สึกที่เครื่องดื่มสีแดงร้อนระอุไหลลงคอไปนั้นสามารถรู้สึกได้อย่างไม่ยากเย็น
 
“ ก็ลองหว่านใบสมัครดูน่ะฮะ แล้วบังเอิญไอ้ชินมันก็มาสมัครเหมือนกัน แอบมาสมัครด้วยล่ะ ไม่รู้ว่าป๊ากับม๊ามันยอมได้ไง น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่แผนกเดียวกัน " ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น

" แต่มันก็โชคดีที่มีพี่อาร์ตดูแลนะฮะ ผมรู้ว่าถ้าเป็นรุ่นพี่ล่ะก็คงไม่ต้องห่วงไอ้อ้วนนั่นหรอก เพราะพี่ใจดีออก "

"อ้าว ทำไมล่ะ ชินเขาน่าห่วงขนาดนั้นเลยเหรอ ...ก็เห็นเขาทำงานได้ดีนี่ แค่อาจจะยังใหม่ไปหน่อยเท่านั้นเอง"  ถึงจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่หัวข้อของการสนทนานั้นกลับกลายเป็นบุคคลที่สามแต่นั่นก็ดูจะไม่เป็นอะไรมากเมื่อชายหนุ่มร่างบางรู้สึกว่าถูกใจใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังตั้งใจเล่าเรืองนี้เหลือเกิน

" ก็เจ้านั่นน่ะ.. " เจตน์เงยหน้าขึ้นจากจานอาหาร ก่อนจะนิ่งไปเมื่อได้สบตาอีกฝ่ายตรงๆ และได้พิจารณาใบหน้าได้รูปของอารยะใกล้ๆ

..หล่อกว่ากรูอีก..

"หืม? มีอะไรเหรอ" ชายหนุ่มร่างบางว่าพลางถอยออกมา ก่อนจะก้มลงมาเสื้อผ้าตัวเอง "มีอะไรติดอยู่รึไง "

" เปล่าฮะ..ผมแค่สงสัย ว่าทำไมพี่ถึงปล่อยให้ตัวเองโสตนะเนี่ย? "ริมฝีปากได้รูปยิ้ม ก่อนจะหัวเราะ
" พี่หล่อกว่าผมอีกนะเนี่ย ฮะ ฮะ "

" ฉันอาจจะเลือกมากไปหน่อย มั๊ง " อารยะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะสบตาอีกฝ่าย
 "เธอก็หน้าตาดีนะ"

" ขอบคุณครับ " เจตน์ยิ้มรับคำชมของอีกฝ่าย ก่อนจะทานอาหารมื้อเที่ยงและช่วยกันกับอารยะจัดการไวน์แดงขวดนั้นจนหมด
===============

กว่าทั้งสองคนจะออกจากห้องอาหาร เวลาก็ปาไปบ่ายคล้อยเสียแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองคนเดินคุยกันไปเรื่อยจนกระทั่งเดินไปหยุดอยู่ที่ฟรอนท์ของโรงแรม

" เดินไปเดินมา มาที่นี่ได้ไงฮะเนี่ย " เจตน์เงยหน้ามองอาคารสูงตรงหน้าก่อนจะสบตากับรุ่นพี่

..เอาจริงรึวะเนี่ย?..

" เราจะเดินออกไปไปก็ได้ แล้วฉันค่อยโทรยกเลิก " ชายหนุ่มร่างบางมองหน้าของอีกฝ่ายพลางยิ้ม

" งั้น ลองดูไหมล่ะฮะ? " เจตน์ถามอีกฝ่าย สีหน้าจริงจัง

"ก็… จองไว้แล้วนี่ " อารยะตอบกลับมาพลายิ้ม

===============

เจตน์เดินไปรอที่หน้าลิฟท์ปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการเรื่องต่างๆที่ลอบบี้เพียงลำพัง

ชายหนุ่มร่างบางเดินกลับมาพร้อมคีย์การ์ดที่ถือมาในมือ
"ชั้น 10 ล่ะ .. เห็นวิวเจ้าพระยาด้วย .. " อารยะยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะหันไปยิ้มให้กับอีกฝ่าย

เจตน์กดลิฟท์แทนคำตอบนั้น เมื่ออารยะมาถึงประตูลิฟท์ก็เปิดออก หนุ่มรุ่นน้องก็เดินนำเข้าไปก่อน
"ขอบใจนะ" อารยะเดินตามเข้าไปก่อนจะหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วหันกลับมามองตัวเลขที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
 
ไม่มีคำพูดใดอีกจนกระทั่งลิฟท์ถูกเปิดออก เจตน์ให้อารยะเดินนำเขาไปที่ห้อง

...ตื่นเต้นชะมัด....

อารยะเดินนำอีกฝ่ายไปจนถึงห้องที่ได้จองเอาไว้ มือเรียวเสียบคีย์การ์ดเปิดเข้าไปด้านในพบกับห้องกว้างขวาง ที่มีทั้งมินิบาร์ ขนาดเล็กอยู่ที่มุมด้านหนึ่ง ขวดแชมเปญสะท้อนแสงสีส้มนวลของไฟที่เปิดสว่างอยู่ด้านใน แต่ที่ดูจะสะดุดตาคงไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเตียงขนาดคิงส์ไซส์ที่ตั้งอยู่กลางห้อง

"นี่ไงล่ะ....ที่อยากอวด" ชายหนุ่มร่างบางเดินลิ่วๆไปที่ผ้าม่านก่อนจะเปิดออกเผยให้เห็นภาพวิวของเมืองใหญ่ที่กำลังอาบแสงอาทิตย์ร้อนระอุ

 " แพงล่ะสิฮะเนี่ย " เจตน์เดินตามอีกฝ่ายแล้วกอดร่างบางนั้นจากด้านหลัง
" พี่พาผมขึ้นมาดูวิวกรุงเทพกลางวันแสกๆจริงเหรอ?" ดวงตารีนั้นมองอีกฝ่ายนิ่ง

เสียงทุ้มต่ำที่อยู่ๆก็ได้ยินที่ข้างหูนั้นทำเอาหนุ่มรุ่นพี่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
"นั่นสิน้า…" ชายหนุ่มร่างบางพูดทังๆที่ยังยืนอยู่อย่างนั้น

" พอได้เห็นพี่ใกล้ๆแบบนี้ .. พี่หล่อมากนะครับ " มือแกร่งนั้นค่อยๆ กอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง
" ตอนนั้น ผมกอดพี่ไว้ทั้งคืนได้ยังไงกันนะ? "ริมฝีปากได้รูปกระซิบข้างหูของรุ่นพี่หนุ่มเบาๆ

"อืม..." อารยะพูดขึ้นเบาๆทั้งๆที่ในใจนั้นกำลังพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ทำให้ใจเต้นโครมครามมากไปกว่านี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ขาดประสบการณ์อะไรแบบนั้น แต่แน่นอน ด้วยสถานที่ ด้วยบุคคล มันก็ทำให้ตื่นเต้นได้ในทุกๆครั้งนั่นล่ะ

" หันมาสิฮะ "

"อืม... "อารยะค่อยๆหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย

เจตน์ค่อยๆก้มลงสบตาอีกฝ่ายก่อนจะแตะริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ และถอนออกช้าๆ
มือที่โอบเอวนั้นไว้ไล้กับแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าเบาๆ

"จะทำ...จริงๆเหรอ? " ชายหนุ่มร่างบางถามเสียงเบาก่อนจะพยายามหัวเราะออกมาเบาๆ

" ลองทำ..ได้ไหมล่ะ? " เสียงทุ้มแหบพร่าติดริมฝีปากอีกฝ่าย
" ผมไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายหรอกนะ..ถ้ายังไม่ได้เมาน่ะ"

" เหรอ?"ยังไม่ทันที่จะได้จบประโยคริมฝีปากบางของชายหนุ่มร่างบางก็แตะกับริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ เรียวลิ้นเล็มไล้ริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายราวกับจะยั่วเย้า

ราวกับไฟที่เจอเชื้อเพลิง เจตน์ตอบรับปลายลิ้นนั้นด้วยลิ้นของตนเอง ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบนั้นอย่างร้อนแรง มือแกร่งดันร่างของรุ่นพี่หนุ่มให้ล้มลงกับเตียงแล้วขึ้นทาบทับทันที

ความนุ่มของเตียงขนาดคิงไซส์ เรียกสติของเขากลับมา มือแกร่งคร่อมร่างนั้นไว้ เพื่อสบตาอีกฝ่ายราวกับจะถาม
"เป็นอะไร..."ชายหนุ่มร่างบางถาม ดวงตาคู่สวยจ้องตาของอีกฝ่ายกลับ ด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาความหมาย

" ผมรุกพี่ได้ใช่ไหม? "คำถามตรงๆออกมาจากริมฝีปากได้รูปนั้น

ริมฝีปากของอารยะคลี่ยิ้ม ก่อนจะยกสองแขนขึ้นโอบรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้ เบาๆ
"ก็เธอกดฉันลงมาแล้วนี่ "

ริมฝีปากได้รูปยิ้มก่อนจะมอบจูบให้อีกฝ่ายที่ริมฝีปาก ลากลงมาที่ลำคอขาว " อืม..พี่.. "

ปลายลิ้นลากที่ลำคอนั้น พร้อมๆกับมือที่ดึงเสื้อยืดคอวีสีดำที่ตัดกับผิวกายของอีกฝ่ายขึ้นแล้วเลื่อนตัวลง แผ่นอกขาวสะอาด เนียนเรียบ ต่างจากอกสวยๆของผู้หญิงในตอนนี้กลับทำให้เจตน์อยากสัมผัสมันอย่างบอกไม่ถูก
เจตน์สัมผัสมันด้วยปลายลิ้น และริมฝีปากของเขาเอง เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นโคโลญจน์ของอารยะที่ติดริมฝีปากของตน

"อืม... " เสียงครางเบาๆดังขึ้นพร้อมกับผิวกายที่กระตุกเกร็งทุกครั้งที่ริมฝีปากร้อนของชายหนุ่มร่างสูงที่สัมผัสลงมา มือเรียวไล้บนไหล่กว้างของเจตน์อย่างยั่วเย้า

รุ่นน้องเลื่อนตัวลงเรื่อยๆ เพื่อลิ้มรสชาติของรุ่นพี่ มือแกร่งไล้กับสะโพกมนผ่านกางเกงผ้าเนื้อนุ่ม
ความคิดของเขากำลังล่องลอยไปไม่ต่างจากคนตรงหน้า

ในสมองปรากฏความทรงจำต่างๆ .. ไม่ใช่แค่ประสบการณ์การมีเซกส์ ของเขา หากแต่มันกลับปนเปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกด้วย
เขานึกถึงภาพตอนที่เรียนวิชาศีลธรรม ในมหาวิทยาลัย .. อาใช่ มันพูดถึงเรื่องเซกส์
และคนที่ต้องไปพรีเซนต์รายงานกลับเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออกมากที่สุดในภาควิชาอย่างเจ้าอ้วนชินดนัย

...ผม... ผมคิดว่า Sex คือสิ่งที่จะต้องเป็นไปตามกฏเกณฑ์ ไมใช่แค่ในเรื่องของความต้องการของร่างกาย เพียงอย่างเดียว ไม่อย่างนั้น คน คงไม่ต่างจากลิง ...แต่มันต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอนของความสัมพันธ์ทางสังคม ความเข้าใจ ยินยอม และผลพวงสุดท้าย ขอขั้นตอนทั้งหมด คือ ชีวิต ที่เราจะให้การกำเนิดขึ้นมา 


..ความต้องการของร่างกาย..
คน..ไม่ต่างจากลิง?

เจตน์หยุดการกระทำทุกอย่าง เขายันตัวขึ้นอย่างลำบาก ร่างสูงหอบหายใจด้วยอารมณ์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งได้เห็นร่างตรงหน้าที่เกือบจะเปลือยด้วยมือของเขาอยู่แล้ว
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะสูดลมหายใจลึก

" พะ..พี่..ผมว่า..วันนี้ "

"...ทำไม... "ไม่ต่างกันเลยกับร่างสูง ชายหนุ่มร่างบางเองก็ยันตัวขึ้นอย่างยากลำบาก กางเกงของเขากำลังจะถูกปลดออกไป จะติดก็ที่ตรงสะโพกแค่นั้นเอง

" มะ..ไม่ใช่ไม่ชอบนะ.. แต่วันนี้อย่าเพิ่งเลย " เจตน์ขยับออกห่าง ด้วยกลัวว่าถ้าได้เห็นอะไรอีกนิด คราวนี้เขาได้เป็นลิงเถื่อนๆไปจริงๆแน่ ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เพราะบางอย่างมันกำลังเรียกร้อง

"ไม่ได้เหรอ? " ดวงตาคู่สวยสบตาของอีกฝ่าย เสียงที่เปล่งออกไปนั้นราวกับจะอ้อนมากกว่าจะเป็นคำถาม มือเรียววางอยู่ตรงเอวกางเกง

เจตน์ยกมือข้างหนึ่งปิดตาตัวเองเหมือนเด็กๆ  ส่วนอีกข้างที่จับมือของอีกฝ่ายที่กำลังจะดึงกางเกงลงนั้น มันชื้นเหงื่อ
" ผมจะไปห้องน้ำ .. ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร "เขาพูดออกไปแบบนั้น

"อ่ะ...อื้ม"  อารยะพยักหน้าลงอย่างงงๆ ก่อนจะมองอีกฝ่ายเดินเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ ท่าทางเปลี่ยนไปทันทีที่อีกฝ่ายคล้อยหลังเข้าห้องน้ำไป
"ไอ้บ้า...ไหนว่าฉันหล่อไง " ชายหนุ่มก้มลงมองแผ่นอกของตัวเองที่มีรอยแดงจากๆปรากฏขึ้นอยู่สองสามรอย ก่อนจะดึงกางเกงของตัวเองกลับเข้าที่

วันนี้เขาคงจะได้ถอดมันครั้งเดียวแน่ คือตอนกลับไปอาบน้ำ...ที่บ้านนั่นล่ะ!!

ชายหนุ่มร่างบางนั่งสบสติอารมณ์ของตัวเอง ซักครู่ ก่อนจะหันไปมอง แสงไฟลอดออกมาตจากประตูห้องน้ำนั้นทำให้อารยะหัวเราะออกมาเบาๆ ความขุ่นเคืองใจเมื่อครู่หายไปได้ง่ายๆ เขารู้สึกว่าเจตน์น่ารักขึ้นมาอีกนิด

"ไอ้เด็กบ้า … ทั้งๆที่มีอารมณ์แท้ๆ ฮะ ฮะ "


talk : ผ่านไปสองเดือนพอดี... ตกไปกี่หน้าก็ไม่รู้แล้วน้อ แล้วก็ไม่รู้จะมีใครตามอ่านอยู่รึเปล่านะคะ กลับไปปรับแก้หลายอย่างเลย กว่าจะมีโอกาสได้โพสต์ก็ปิดเทอมเข้าไปแล้ว ใครที่กำลังเข้ามาอ่าน ไม่ต้องห่วงนะคะ คนเขียนรับรองว่าจบแน่นอน เพราะเขียนจบไปแล้วน่ะค่ะ เหลือรีไรท์เท่านั้นเอง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่7=(07/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 07-04-2013 22:34:28
เฮ้ยยยย แล้วชินอ่ะคือไงวะ ? ใครก้ได้มาทำให้ชินน่ารักทีเหอะ
เอาน่ารักแบ๊วๆไปเลย เอาให้ผู้ชายแย่งแม่งเลย คืออ่านแล้วก็งงใครคู่ใคร
เจตกับอาร์ตนี่ดูง่ายดีเนาะ เอากันง่ายดี สรุปคู่นี่มันคู่กันแล้วใช่ป่ะ
แล้วชินคู่ใครอ่ะ หรือสลับกันอีก
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่7=(07/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: janji ที่ 08-04-2013 00:33:29
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่7=(07/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 08-04-2013 16:59:38

สนุกดี

แอบรักเพื่อนแต่ก็ไม่ได้เศร้ามากมาย
อ่านแล้วไม่ค่อยหดหู่เท่าไหร่
รอตอนต่อไปนะคะ

+ เป็ดจ้า

หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่8=(08/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 08-04-2013 21:18:56
=8=

"อรุณสวัสดิ์…ชิน" เสียงของรุ่นพี่ร่างบางดังขึ้นอย่างสดใส พร้อมกับแรงจากฝ่ามือเรียวที่ตลลงมาเต็มหลัง ทำเอาคนที่กำลังจะชงกาแฟไปเสิร์ฟทุกคนเกือบจะโดนน้ำร้อนลวกมือ
"เฮ้ย ขอโทษๆ เป็นอะไรรึเปล่า " อารยะว่าพลางรีบคว้าเอาผ้ามาเช็ด มันไม่ได้หกโดนรุ่นน้องเขานั่นทำเอาโล่งอกไปมากเลยทีเดียว

"ไม่ครับ..." ชายหนุ่มร่างท้วมรับคำเบาๆ "พี่อาร์ตไม่เป็นไรนะครับ..."

"ไม่เป็นไรๆ ...."อารยะโบกมือไปมา ก่อนจะหันเอาผ้าไปซักในอ่างล้างมือใกล้ๆกับหม้อต้มกาแฟ

" เอ่อ...พี่ดู" พลันชินดนัยก็ตาไวเหลือบไปเห็นรอยแดงจางๆที่ซอกคอของอีกฝ่ายเข้าพอดิบพอดี

"หืม? "

"พี่ดู..อารมณ์ดีจังเลยนะครับ" ชินดนัยหัวเราะแห้งๆ

"แน่ล่ะ..."อารยะยิ้มสวยจนเห็นฟันกระต่าย
"ก็เพิ่งจะไปเดทมานี่นา "

คำพูดนั้นทำให้ชินดนัยได้แต่ยิ้มแห้งๆ เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
"เอ่อ.... แล้ว...เอ่อ...เป็นยังไงบ้างล่ะครับ" ชายหนุ่มร่างท้วมถามโดยที่เบนความสนใจมาที่แก้วกาแฟแทน

"ก็ดีนะ...เจตน์น่ะ เป็นคนดีใช้ได้เลยล่ะ" อารยะว่าพลางก็เดินออกจากห้องนั้นไป ทิ้งชินดนัยให้ได้แต่ยืนมองเครื่องดื่มสีดำสนิทในแก้วกาแฟอย่างนั้นคนเดียว

...เจตน์..มึง....เอาจริงเหรอวะ...

=================

--RRR--

เสียงโทรศัพท์ภายในสำนักงานดังขึ้นที่โต๊ะตรงหน้าชินดนัย
"ครับ... ฝ่ายเอกสารครับ" ชินดนัยรับสายโดยที่ไม่ได้หันไปดูหมายเลข อันที่จริงตั้งแต่ตอนที่อารยะพูดกับเขาแบบนั้น เขาก็ดูจะไม่มีสติอยู่กับเนื้อตัวเท่าที่ควร

" โชคดีที่มึงรับพอดีว่ะ ไอ้อ้วน " เสียงจากปลายสายดูจะรนๆไม่น้อย จริงๆ เขากลัวว่าคนรับจะเป็นอารยะต่างหาก

"อ้าว..." ชินดนัยขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปอย่างสุภาพ "ก็นี่มันโทรศัพท์บนโต๊ะ ฉัน ฉันก็ต้องรับดิ่ "

" พี่อาร์ต ล่ะ?.. ไม่ได้อยู่แถวนั้นใช่ปะ " เจตน์ถอนหายใจก่อนจะถาม

"อืม ก็อยู่.... "ชินดนัยปรายตามองไปยังคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก "จะเปลี่ยนมั้ย จะโอนให้ " ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เสียงที่ดังออกไปนั้นถึงฟังเหมือนเขากำลังไม่พอใจอะไรอยู่

" ยังโว้ย..ยังไม่คุย ขอเว้นช่องว่างหน่อยดิวะ " เจตน์รีบบอกก่อนที่เพื่อนของเขาจะโอนให้
" พี่เขา..เล่าอะไรให้มึงฟังรึเปล่า "

เสียงของเจตน์ ที่ฟังดูประหม่าแบบนี้....เขาไม่ได้ยินมานานแค่ไหนแล้วนะ
"ก็...บอกว่าไปเดทกับแกมา "

" แล้วไงอีก .. แค่นี้รึเปล่าวะ? " น้ำเสียงนั้นยิ่งดูร้อนรนมากกว่าเดิมเสียอีก

"ก็... "ชินดนัยทำเสียงเนือยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นตามอีกฝ่ายเลย
"เขาก็บอกว่าแกเป็นคนดีอะ "ดวงตาสีเข้มเหลือบมองไปยังรุ่นพี่ผมทองที่กำลังยิ้มแย้มอยู่กับพนักงานหญิงในฝ่าย
" เออ เมื่อวาน...โทรไปหาแกที่บ้าน...ตั้งหลายรอบ ไม่อยู่ ออกไปไหนมารึไง "

" ก็ไปกับพี่อาร์ตนั่นล่ะ...จริงๆแล้ว.. " เขารีบเปลี่ยนเรื่อง ยังไม่กล้าบอกความจริงตอนนี้หรอก
" เฮ้ย..เที่ยงนี้ไปกินข้าวกันสองคน ไม่เอาพี่อาร์ตไปด้วยได้ไหมวะ? มีเรื่องอยากปรึกษาว่ะ " เจตน์เสนอ เพราะความผิดพลาดเมื่อวาน เลยทำให้เขาไม่กล้าสู้หน้าอารยะเอาเสียเลย

"อือ งั้นเดี๋ยวเที่ยงเจอกันข้างล่างก็แล้วกัน" ชินดนัยรับคำด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนจะวางหูทันที

..นี่กูหงุดหงิดอะไรวะ?...

=================

เวลาพักเที่ยงมาถึง โดยที่เจตน์รีบหลบอารยะลงไปรอชินดนัยด้านล่าง ดวงตารีเต็มไปด้วยความหวาดระแวง

"เป็นอะไรของมึง...ทำอย่างกับหนีผีมา" ชินดนัยหัวเราะร่วนพลางออกเดิน
 "จะกินอะไร"

" อะไรก็เอา แต่ไปไกลจากแถวๆนี้หน่อยดีกว่าว่ะ " เจตน์รีบลากเขนอวบๆของเพื่อนให้ออกจากอาคารไปโดยเร็ว

"เอ้ยๆ ช้าๆหน่อยเด้ "ร่างท้วมของชินดนัยพยายามชะลอความเร็ว ตรงกันข้ามกับชายหนุ่มทองร่างสูงที่ยังคงความเร็วไปตก
 "จะไปตามอะไรรึไง"

" พี่อาร์ตไม่ได้มาแถวนี้แน่นะเว้ย " ชายหนุ่มมองซ้ายขวาอย่างร้อนรนแล้วลากชินดนัยเข้าร้านๆหนึ่ง

=================

" คืองี้.. " ชายหนุ่มเริ่มทันทีที่นั่งในร้าน
" เมื่อวานฉันไปเดทกับพี่อาร์ต มา..แล้วก็.. "

"อืม... "ชินดนัยพยักหน้ารับคำ พลางรับน้ำมากจากบริกร

" ขึ้นโรงแรมอะ "

"แค่กๆๆๆ "ชินดนัยสำลักน้ำออกมาทันที "หา !!! " ทั้งๆที่เขาพยายมจะคิดว่ารอยนั้นเป็นของคนอื่น แต่ เมื่อได้ยินแบบนี้ มัน....ช๊อค เหลือเกิน

" แม่ง เข้าหน้าไม่ติดเลยว่ะ " ไหล่ที่มักจะตั้งตรงนั้นกลับห่อลงทันทีเลย

ท่าทางเหมือนกับสำนึกผิดนั้นทำให้ชินดนัย ต้องวางแก้วน้ำลง หยิบเอากระดาษทิชชู่ว่าเช็ดปาก ก่อนจะถาม อย่างใจเย็น
"แล้วมึงไปทำอะไรเค้า? "

" ไม่ได้ทำห่าอะไรเลย " ชายหนุ่มบอกอย่างกลุ้มๆ

"...."ชินดนัยอ้าปากค้าง ก่อนจะพยายามสั่งการเส้นประสาทของตัวเองให้พยักหน้าลง " เหรอ?.... "

" โดนหาว่าอ่อนหัดแน่ๆ แม่ง เสียฟอร์มเป็นบ้า "มือแกร่งแทบจะขยี้ผมตัวเองเสียทรง ถ้าอาหารที่ส่งไม่ได้มาเสิร์ฟตอนนี้

"...ก็นะไอ้ตี่..เรื่องแบบนี้...มันพลาดกันได้นี่...มึงก็...ไม่เคยกับผู้ชายไม่ใช่รึไง "ชินดนัยรับอาหารมาจากบริกร รอจนสาวน้อยคนนั้นเดินไปก่อนที่จะหันมามองหน้าเพื่อนที่คบกันมานาน

" ถ้ากับผู้ชายล่ะก็..ไม่ .. แต่แบบนี้ มันอ่อนหัดนะเว้ย " คิ้วเรียวขมวด
" จะฟันเขาทั้งที ยังไม่ขาดอีก "
เขามองหน้าอีกฝ่าย " แถมในเวลาแบบนั้น ยังใจลอยคิดเรื่องของมึงอีก "

"หา?"ชินดนัยแถมจะปล่อยตะเกียบทิ้ง "ค...คิดเรื่องกู คิด..คิด.. ทำบ้าอะไรวะ "
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นหรือเปล่าว่าใบหน้ากลมๆนั่นมันแดงขึ้นมามากกว่าปรกติ แถมยังพูดติดๆขัดๆเสียอีก

" จำได้ไหม ที่มึงออกไปพรีเซนต์รายงานวิชาเมอริเอจฯ อะ ศีลธรรมโบราณของมึงน่ะ จู่ๆมันก็เข้ามาในหัว " ชายหนุ่มยักไหล่

"..."ชินดนัยพยายามนึก "อ้อ...เรื่อง ข้อแตกต่างระหว่าง คนกับลิงนั่น่ะเหรอ " คำว่าลิงนั้นดูจะเน้นย้ำมาเป็นพิเศษ จากร่องรอยที่พอจะสังเกตเห็นได้จากคอของรุ่นพี่...เพื่อนของเขาดูจะขาดสติไปเลยทีเดียวสำหรับคนที่ไม่เคยกอดผู้ชายมาก่อนอย่างเจตน์

" เล่นพูดซะแบบนั้น .. กูไม่อยากเป็นลิงนี่หว่า "ชายหนุ่มวางตะเกียบลงเมื่อทานจนหมดชาม

"...แต่ก็เป็นไปแล้วล่ะวะ.. "ชินดนัยพูดออกมาเบาๆ พลางหันหนีไปอีกทาง

" เออ แล้วมึงคิดยังไง? " เจตน์ถามขึ้นมา
" เรื่องกูกับพี่เค้า "

อยู่ๆก็ถูดถามขึ้นมาแบบนั้น ชินดนัยถึงกับนิ่ง ในใจก็คิดทบทวน เพื่อที่จะหาคำตอบมาให้กับอีกฝ่าย

...เจตน์เป็นคนดี อารยะก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร แถมยังไนซ์ ด้วยกันทั้งคู่ มันเหมาะสมกันมากเลยทีเดียวล่ะ... ชินดนัยคิดในใจ

...แต่...ถ้ามึงมีใครแล้ว กูก็คงจะหมดหน้าที่ที่จะลากมึงกลับบ้านแล้วสินะ…

"ก็ดีนี่...."ชินดนัยตอบ
"กูว่า พวกมึงก็เหมาะกันออก..."ชายหนุ่มร่างท้วมยิ้ม มืออวบที่จับแก้วน้ำเอาไว้นั้นกำแน่ น

" เหมาะ? " ชายหนุ่มทวนคำ

"ก็...."ชินดนัยอ้ำอึ้ง " ทั้งสองคนก็...แบบว่าหน้าตาดี...เป็นคนร่าเริงด้วย ก็น่าจะเข้ากันได้ ประมาณนั้นอะ "

" เหอะ .. จริงๆ ก็รีบร้อนไปหน่อยล่ะวะ " ชายหนุ่มพึมพำ " ไม่น่าให้มันเลยเถิดเลย เพิ่งเจอกันแท้ๆ "

"ก็..รู้ตัวนี่หว่า "ชินดนัยพึมพำออกมาเบาๆ ไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่าย

เจตน์หันออกไปที่ด้านนอกของร้าน ผู้หญิงสาวออฟฟิตสวยๆ ผ่านเขาไปคนแล้วคนเล่า
" สาวๆ..น่ารักแฮะ "

"อืม..."ชินดนัยรับคำไปอย่างนั้น ไม่ได้สนใจจะมองออกไปดูเหมือนอย่างที่อีกฝ่ายว่า

...ก็ชอบผู้หญิงอยู่ไม่ใช่เรอะ?...

"แล้วมึงชอบพี่เขาเหรอ "

" เขาบอก.. ถูกใจกูว่ะ .. กูก็โอเคไม่มีปัญหาอะนะ  ลองไปเดทดู เขาก็น่ารักดี ไม่เรื่องมากด้วย " เจตน์นั่งเท้าคางมองออกไปนอกร้าน
 " ไม่เหมือนพวกสาวๆหรอก สวยไม่สวย ก็เรื่องมาก ปากหมาก็ด่า "

" ก็จริง... "ชินดนัยพยักหน้า รับ
 "มึงก็ปากหมาจริงๆล่ะวะ "

" เมื่อวานก็ปล่อยหมาออกมาซะหลายตัว พี่เขายังไม่ว่าอะไรนี่หว่า ฉันเลยนึกว่ามันคงจะเวิร์ก .. ใครจะไปคิดว่าจะเลยเถิดไปขนาดนั้นเล่า "เจตน์ระบายต่อ

"ก็ เขาเป็นคนยังไงก็ได้นี่หว่า ถูกใจก็เอา ไม่ได้บอกเอาไว้หรอกเหรอ ... อยู่ที่บริษัท ก็เห็นโปรยยิ้ม คนนี้ที คนนั้นที "ชินดนัยเริ่มพูดไปเรื่อย
"กับคนเพิ่งรู้จักกันแบบนี้อีก... โอ้ย อย่าให้กูพูดเล้ยยยยย  "

" แล้วมึงคิดว่ากูจะขอเค้าแต่งงานรึไง? .. เขาบอกแล้วโว้ยว่า ถูกใจก็เอา ตอนนี้ถูกใจกู ก็ก็ถูกใจเค้า ก็ลองคบดู แค่นั้นล่ะ "
เจตน์ยักไหล่ แล้วพูดต่อเหมือนเป็นเรื่องตลก
" แล้วอีกอย่างไม่เคยได้ยินรึไงวะ ชายใดเหนือชายเป็นยอดชาย ฮะฮะ "

"อ้อ... whatever "ชินดนัยยักไหล่ พลางหันมองไปอีกทาง

...ไม่ยุ่งก็ได้วะ ยุ่งแล้ว หงุดหงิดเป็นบ้า ...

talk : ร้ายไม่เบาน้า นายเจตน์
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่8=(08/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-04-2013 21:48:56
หาหนุ่มหล่อ ๆ มาดแมนแอนด์แฮนด์ซั่มให้ชินเลย
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่8=(08/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 09-04-2013 14:39:33
อ่านแล้วแบบหมั่นไส้เจตน์อ่ะ ขอเหอะ ขอใครก็ได้มายุ่งกับน้องชินที เอาแบบไม่ให้น้อยหน้าบักเจตน์เลยนะ  ถ้าได้จะขอขอบคุณมากเลยค่ะ *0*
รออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่8=(08/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 09-04-2013 15:55:04
สงสารชินนนนนนนน
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่9=(08/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 09-04-2013 21:51:03
=9=

หลังจากเวลาพักเที่ยง เมื่อกลับไปที่ออฟฟิตแล้วเจตน์จึงโทรนัดหมายรุ่นพี่ที่เพิ่งจะตกลงคบกันเมื่อวานนี้ เพื่อไปทานอาหารเย็นกัน

"อ้าว วันนี้ไม่กลับ กับ ชินเหรอ? " อารยะถามพลางเดินเข้ามาหาหนุ่มรุ่นน้องร่างสูงที่ยืนรอเขาอยู่ที่หน้าลิฟต์

" เอ่อ คือ ผมอยากไปกินข้าวกับพี่สองคนน่ะฮะ " เจตน์บอกพลางยักไหล่
" ผมอยากรู้จักพี่ให้มากกว่านี้อีกหน่อย .. ถึงตอนนั้นแล้วเราค่อย ต่อเรื่องเมื่อวานนะฮะ "

อารยะยิ้มให้กับคำพูดนั้นของอีกฝ่าย ก่อนจะโคลงหัวเล็กน้อย เพื่อบอกให้อีกฝ่ายออกเดิน
"ไปซิ่...ฉันก็อยากจะรู้จักเธอให้มากขึ้นเหมือนกัน "

ทั้งคู่เดินออกจากออฟฟิตไป ปล่อยให้ชินดนัยมองตามคนทั้งคู่ไปจนลับสายตา

เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากคนที่เหลืออยู่ ชินดนัยได้ยินเสียงประตูลิฟท์เปิดออกได้ไม่ยากเพราะห้องเอกสารไม่ได้อยู่ไกลจากประตูลิฟท์เลย มืออวบอ้วนจับลวกเอกสารที่ต้องเอากลับไปทำที่บ้านอย่างลวกๆ ยัดเข้าใส่กระเป๋า ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจมันหลุดหายไป

===============

" เอ่อ วันนี้เราไปกินอะไรง่ายๆดีไหม? " เจตน์เสนอขึ้นมา เพราะไหนๆคู่เดทก็ไม่ใช่ผู้หญิงอยู่แล้ว จะสร้างภาพหรูไปทำไมล่ะ

"อืม..ยังไงก็ได้ " อารยะว่า พลางเดินไปข้างๆอีกฝ่าย
 "จะกินอะไรล่ะ "

" อะไรง่ายๆก็ได้ฮะ "
ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือของตนเอง คำนวนเวลา เผื่อสำหรับรายการโทรทัศน์รายการโปรด

"รีบเหรอ " อยู่ๆชายหนุ่มร่างเล็กก็เดินเข้าไปชะโงกมองเมื่อเห็นอีกฝ่ายท่าทางจะกังวลอยู่กับเวลา

" ไปร้านไหนดีล่ะ? " เจตน์ถามขึ้นมาแทนคำตอบ

"อืม...แถวๆนี้ก็พอมีร้านอร่อยๆ อยู่หรอกนะ เลยหัวมุมถนนนั่นไปก็เจอแล้วล่ะ " อารยะชี้นิ้วไปข้างหน้า
"ไปเถอะ รีบใช่ไหม?... " ว่าแล้วก็เดินนำออกไปทันที


ทั้งสองใช้เวลาไม่นานนักในร้านบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงข้างทาง เพราะคนเริ่มเข้ามามากแล้ว การนั่งคุยกันในที่แบบนี้มันไม่ได้บรรยากาศเท่าไหร่เลย

..สองทุ่ม..จะทันไหมวะเนี่ย?..

เจตน์มองนาฬิกาขระที่รอรถไฟฟ้าที่หน้าชานชลา

"มีอะไรรึเปล่า? "อารยะว่าพลางหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย เสียงสัญญาณบอกว่าอีกไม่นานรถไฟจะเข้ามาเทียบที่ชานชลา

" เอ่อ .. ห้องพี่น่ะต้องนั่งรถกี่นาทีฮะ "
เจตน์หันมาถามทันที .. ไม่ได้เฉลียวใจเลยซักนิดว่าตอนนี้เขากำลังพูดเพื่อจะไปที่ห้องของอีกฝ่าย

"ก็...เอ่อ... " อารยะอ้ำอึ้ง " สถานีต่อไป แล้วก็เดินต่ออีกหน่อยก็ถึงแล้วล่ะ "

" โอเค..งั้นไปห้องพี่นะฮะ " รุ่นน้องหนุ่มยิ้มอย่างดีใจเหมือนเด็กๆ

..สถานีหน้า..เดินอีกหน่อย ไม่เกิน 10 นาที .. ทันว่ะๆ..

"เหรอ งั้น.. ถ้าอย่างนั้นก็ไปซิ่ " รอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นกับท่าทีร้อนรนแปลกๆ ทำให้อารยะต้องโคลงหัวเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ

===============

อพาร์ตเมนต์สูงสิบห้าชั้นใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟฟ้าสถานีถัดจากบริษัทของพวกเขาเพียงสถานีเดียว ต่อด้วยการเดินเข้าเพียงแค่สิบนาทีเป็นอย่างมากนั้น ดูหรูหราไม่น้อย อารยะเปิดประตู ถอดรองเท้านำอีกฝ่ายเข้าไปในห้องชุดขนาดใหญ่ที่มีหนึ่งห้องนอน ห้องครัวแยกต่างหากและห้องนั่งเล่น และระเบียงส่วนตัว

ห้องแรกที่เดินเข้ามาถึงคือห้องนั่งเล่น ทีวีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้าโซฟานุ่มสีน้ำเงินเข้ม รับกับผ้าม่านสีฟ้าอ่อนที่อยู่ด้านหลัง
เจตน์มองไปรอบๆห้องอย่างไม่สนใจอะไรนัก จนมาหยุดที่ทีวีขนาดใหญ่ ร่างสูงเดินผ่านหน้าเจ้าของห้องไปถือวิสาสะเปิดทีวี มืออีกข้างก็กำรีโมตแน่นแล้วนั่งลงที่โซฟาสีน้ำเงินทันที

" นึกว่าไม่ทันแล้วนะเนี่ย "
ข่าวกีฬาภาคค่ำที่เรียกได้ว่าเกาะติดขอบสนามก็ออกอากาศพอดี
" โว้ว มาแล้วๆ " เจตน์ถูมือทั้งสองข้างไปมา ดวงตารีมองจอสี่เหลี่ยมอย่างตื่นเต้น

"สวัสดีค่ะ เริ่มเรื่องแรกของเราวันนี้ไปดูความเคลื่อนไหวของทีม เชียงใหม่เอฟซีกันก่อนนะคะ...จากการเปลี่ยนแผนผังการเล่น จากนี้ไป ตำแหน่งในฤดูกาลนี้จะเป็นอย่างไร เราต้องลองมาดูกันนะคะ" เสียงผู้ประกาศข่าวสาวดังขึ้นหลังจากที่ไตเติลของรายการจบลง

" เอาเข้าไป ซื้อมันเข้าไปดิพวกฝรั่งขี้นกน่ะ แม่_ เป็นแต่โก่งค่าตัว เล่นไม่คุ้มก็ย้ายอีก "เจตน์โวยวายออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

"ชอบดูเหรอ ฟุตบอลน่ะ "เสียงนุ่มๆ ของเจ้าของห้อง ดังขึ้น พร้อมกับแก้วกาแฟร้อนๆที่ยกมาให้อีกฝ่าย

เจตน์พยักหน้าแรงๆ " อ่ะ..ขอบคุณฮะ "

"เธอนี่...เหมือนเด็กเลยนะ " อารยะ หัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็อ่อนกว่าเขาไม่มาก แต่กลับให้ความรู้สึก "น่าเอ็นดู "ได้มากขนาดนี้เชียว

" คำชมใช่ไหมฮะ " ชายหนุ่มถามกลับมายิ้มๆก่อนจะเหยียดขายาวๆ
" ห้องพี่เนี่ยสบายจริงๆเลยแฮะ~ "

"จะนอนที่นี่หรือไง " อารยะหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะคลายปมเนคไทออก

"ถ้าพี่อนุญาตนะ อีกอย่างตื่นสายยังไปทำงานทันเลยนี่ "เจตน์ปลดกระดุมเชิ๊ตของตนเองออกเช่นกัน

"ก็...." ดวงตาสีน้ำตาลของชายหนุ่มร่างบางเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้น ปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง
"งั้นนอนที่นี่ก็แล้วกัน... เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำล่ะนะ "

เจตน์มองตามหลังคนที่เดินเข้าห้องน้ำไปก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าครัวไปหาขนมกินรอบดึก

===============

"โอ้ย...สบายดีจัง "ไม่นานนักเสียงของชายหนุ่มเจ้าของห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่เดินออกมาพร้อมๆกับเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเนื้อบาง
"..........." แต่ก็ต้องนิ่งเมื่อหันไปเจอแขกของตัวเอง กำลังนั่งกินขนมปังกรอบอยู่ที่หน้าทีวี

" หมี่แห้งมันย่อยหมดแล้วอะ กินได้ใช่ไหมฮะ? " เจตน์ถามซื่อๆ พลางชูถุงขนมปังกรอบของอีกฝ่าย

“ก็ กินซิ่...แล้วอย่าลืมแปรงฟันก่อนนอนล่ะ " อารยะว่าพลางเดินลงไปนั่งข้างๆอีกฝ่าย

เจตน์หันมาหาอีกฝ่าย แล้วจับหน้าอีกฝ่ายให้หันเข้ามา เลียริมฝีปากเบาๆ
" พี่ก็..อย่าลืมแปรงฟันล่ะ "

"...แปรงแล้ว "อารยะหัวเราะเบาๆไม่ได้ถอยหนีหากแต่ก็ไม่ได้จะตอบสนองอีกฝ่าย

" อยากอดพี่จัง " เจตน์กอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ
" แต่ผมยังไม่รู้จักพี่ดีเท่าไหร่เลย "

"ก็.... " อารยะ หัวเราะเบาๆ "คนเรามันไม่เหมือนกันนะ "

" ผม..กลัวพี่จะไม่ชอบใจเรื่องเมื่อวานน่ะ..ผมตั้งใจว่าจะ รู้จักพี่ให้มากพอ ก่อนจะกอดพี่จริงๆนะฮะ "เจตน์ซบหน้ากับไหล่ของรุ่นพี่หนุ่ม

"ฮ่ะๆ.... เหรอ "อารยะว่าก่อนจะยกมือขึ้นแตะเส้นผมสีทองของอีกฝ่ายเบาๆ

" พี่..รอได้ใช่ไหม.. ผมจะเป็นตัวผมจริงๆ ต่อหน้าพี่ "เขาแตะแก้มรุ่นพี่เบาๆ

"แบบนี้...น่าสงสารนะ"อารยะหันมามองหน้าของอีกฝ่าย

" สงสารตัวเองรึไงฮะ? จะยกเลิกก็ได้นะ " เจตน์ยิ้มเจื่อนๆ แล้วขยับออกห่างจากอีกฝ่าย

"เปล่า ฉันไม่ได้จะสงสารตัวเองหรอก..."อารยะว่าพลางหันไปจับจมูกของอีกฝ่ายเล็กน้อย

"สงสารเพื่อนเธอต่างหาก"

" เพื่อน..เจ้าอ้วนเหรอ? " เจตน์เลิกคิ้วอย่างงงๆ

"ก็ดูท่าทางว่าเขาต้องดูแลเธอหนักนี่นา " อารยะว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

" มันเป็นแบบนี้ล่ะฮะ ตั้งแต่รู้จักกันมา มันดูแลผมมาตลอดแหละ .. และไม่มีอะไรที่มันไม่รู้ "เจตน์ล้มตัวลงนอนกับพื้นห้อง
" เรื่องของผมกับพี่ด้วย "

"อืม.... "ชายหนุ่มร่างบางลากเสียงยาว " ...ก็คงเพราะแบบนั้นล่ะมั้ง " ชายหนุ่มว่าพลาง ยันตัวลุกขึ้น
"จะนอนที่นี่ใช่ไหม ฉันจะไปนอนที่ห้อง"

" นอนด้วยกันดิ สร้างความคุ้นเคยไงฮะ "เจตน์เรียกอีกฝ่ายไว้
 " ผมไปอาบน้ำก่อนนะ "

===============

การค้างคืนครั้งครั้งแรกของเจตน์กับอารยะในห้องส่วนตัวดูจะไม่ค่อยดีนัก เพราะตลอดคืนนั้น เจตน์นอนดิ้นไปมา ทั้งมือทั้งเท้าก่ายตัวของคนที่เขาเข้าใจว่าเป็นหมอนข้าง แถมยังกรนซะเสียงดังอีก  ทำเอาเจ้าของห้องไม่ได้หลับไม่ได้นอน ชายหนุ่มร่างบาง ได้แต่นอนด้วยความรู้สึกเซ็ง อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกจำยอมมากกว่า ความรู้สึกตื่นเต้นวาบหวามจากที่เคยได้เข้าใกล้อีกฝ่ายดูจะหายไปหมด ไม่ต้องให้เอาไปเทียบกับเรื่องเมื่อวันก่อนเลยด้วยซ้ำ 

.... น่าสงสารชินดนัยชะมัด...

กว่าเจตน์จะนอนนิ่งๆด้วยการใช้เจ้าของห้องเป็นหมอนข้างนุ่มๆได้ก็ปาเข้าไปใกล้รุ่งสางแล้ว

===============

"อืมมมม...." ยามเช้าผ่านเข้ามาพร้อมๆกับร่างบางที่ค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างอ่อนเพลีย มือเรียวยกขึ้นเขาหัวด้วยความรำคาญ เสียงกรนนั้นยังคงดังต่อเนื่องแต่โชคยังดีที่ ไม่มีแขนขายาวๆมาพาดตัวพาดคอเขาอีกต่อไป

"เจตน์....ตื่นได้แล้ว สายแล้ว" อารยะตบเบาๆลงบนไหล่ของคนที่นอนอยู่ข้างๆ

" อือ... " เจตน์ค่อยๆงัวเงียตื่น พลางเอามือขยี้ตา " เช้าแล้วเหรอเนี่ย? " ร่างนั้นลุกขึ้นเข้าห้องน้ำของเจ้าของห้องไป ไม่มีทักทายซักคำ

"หา!!" อารยะอุทานออกมาด้วยความงุนงง เมื่ออีกฝ่ายลุกไปโดยที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าของเขาด้วยซ้ำไป ท่าทีแปลกๆ กับพฤติกรรมการนอนประหลาดๆของอีกฝ่ายทำให้เช้านี้เป็นเช้าที่ชวนหงุดหงิดมากทีเดียว

===============

ราวกับวิ่งผ่านน้ำ เพียงไม่ถึงห้านาที เจตน์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดบ่า " อ่ะ .. ตาพี่ละ เดี๋ยวผมต้มกาแฟให้ "

"  นี่เพิ่งเห็นเหรอว่าฉันอยู่ตรงนี้น่ะ "อารยะบ่นเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สบอารมณ์ เท่าที่ควร หลายคนที่ผ่านมาไม่เคยมีคนไหน พลาดที่จะจูบอรุณสวัสดิ์ หรือ รับจูบจากเขาในตอนเช้า จะมีคนแรกก็คงจะเป็นรุ่นน้องของเขาคนนี้ล่ะ

===============

เจตน์เดินไปต้มกาแฟก่อนจะเปิดตู้เย็นค้นอะไรมาทำอาหารเช้าให้เขาและอีกฝ่ายกิน ในเมื่อที่นี่ห่างจากที่ทำงานพวกเขาไม่เท่าไหร่ จะต้องรีบไปทำไมกัน  กาแฟร้อน ข้าวผัดใส่แฮมกับหอมหัวใหญ่ โปะด้วยไข่ดาว คืออาหารเช้าของวันนี้

ไม่นนานนักหลังจากที่อารยะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มร่างบางก็เดินออกมาที่ห้องรับแขก ก่อนจะต้องแปลกใจ เมื่อเดินออกมาพบกับอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะ

"โห..."

" อยู่ใกล้ที่ทำงาน เลยมีเวลาทำข้าวเช้านะเนี่ย พี่กินไปนะ เดี๋ยวผมไปแต่งตัวก่อน " เจตน์บอกยิ้มๆแล้วเดินกลับไปยังห้องนอน

"อื้ม " อารยะ รับคำเบาๆ พลางเลี่ยงให้อีกฝ่ายเดินผ่านเข้าไปในห้องนอน "อะไรของเขา... พอตื่นแล้วถึงค่อยดีหรือยังไงนะ "ชายหนุ่มโคลงหัวด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินไปนั่งตรงนั้น ก่อนจะลงมือจัดการส่วนของตัวเอง
" อร่อยใช้ได้เลยนี่นา" อารยะว่าพลางเคี้ยวผัดผักที่อีกฝ่ายทำปากไปเรื่อยๆ

" อร่อยใช่ไหมล่ะ? " เจตน์ยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับอีกฝ่าย ก่อนจะตักข้าวเข้าปากตัวเอง พร้อมกับไข่แดงเยิ้มๆ
" ไอ้ชินมันสอนให้ทำน่ะฮะ รับรองความอร่อย "

"อ้าว นี่สูตรเอามาจากคนอื่นหรอกเหรอ อุตส่าห์ชมนะเนี่ย " อารยะพูด อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมทั้งๆที่ตอนตื่นแต่งตัวเรียบร้อยออกจะดูดีขนาดนี้แต่ ตอนนอนถึงได้กลับตาลปัตรไปแบบนั้น

" แต่ก็ไม่เคยมีใครทำอะไรให้พี่กินแบบนี้ใช่ไหมล่ะ? " เจตน์ย้อนพลางตักข้าวใส่ปาก
เขาจะทำตัวปกติของเขากับคนๆนี้บ้างล่ะ .. ตัดสินใจแล้ว .. ไหนๆก็คบกันแล้วนิ

"ไม่มีหรอก " อารยะหัวเราะเบาๆ "อะไรกัน แค่ทำข้าวผัดแค่นี้อวดใหญ่เลยนะ " ชายหนุ่มกระเซ้า

" เขาเรียกสร้างความประทับใจไง .. ไอ้ประเภท ตื่นมา นอนมองหน้า จูบทั้งๆเหม็นขี้ฟัน ผมไม่เอาด้วยหรอกน่ะ "หนุ่มรุ่นน้องตอบกลับ
" ผมรู้นะว่าพี่อารมณ์เสียที่ผมไม่ มอร์นิ่งคิสอะไรนั่นกับพี่ "

"อ่ะ... ก็.. "อารยะอ้ำอึ้ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง "ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก.. "

เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเก็บจานเปล่าตรงหน้าของตัวเองและอีกฝ่ายไปล้าง

ชายหนุ่มร่างบางไม่รู้จะพูดอะไรยอกจากนั่งนิ่งๆอยู่อย่างนั้น วันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันแรกที่เขาดูจะทำอะไรไม่ถูกทั้งๆที่ก็อยู่ในบ้านของเขาเอง

" ไปทำงานได้แล้ว เดี่ยวสายนะ "เจตน์แตะแก้มคนที่นั่งนิ่งๆ

"อื้ม ไปซิ่ เดี๋ยวสายพอดี เอ่อ เจตน์ " อารยะเรียกอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินตรงไปใส่รองเท้าที่หน้าห้อง เรียกอีกฝ่ายเอาไว้เล็กน้อย

" มีอะไรครับ คุณแฟน? "เจตน์ถามยิ้มๆ

"คุณแฟน...ฮ่ะๆ "อารยะหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
 " นี่… เธอน่ะ นอนกรนด้วยเหรอ "

" หือ? " เจตน์เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

"ก็... เมื่อคืน... ฉันแค่รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่า กับงูรัดอยู่รอบตัวเท่านั้นเอง " อารยะว่า

" เลวร้ายขนาดนั้นเลย? " เจตน์ยังไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่
" ถ้างั้นผมก็ขอโทษถ้าทำพี่นอนไม่พอละกัน "คำพูดง่ายๆ ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่

"อื้ม.. "
ชายหนุ่มรับคำสั้นๆ เขาเองก็ถึงจะรำคาญแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดยังไง ในเมื่อเรื่องแบบนี้มันเป็น พฤติกรรมของคน ในเวลาที่ไม่อาจจะควบคุมได้

===============

อารยะกับเจตน์เดินเข้าออฟฟิตมาพร้อมกัน โดยที่เจตน์ใส่ชุดเดิม เขาเดินแยกกับคนรักที่หน้าลิฟท์ไปหน้าตาเฉย

"อรุณสวสัดิ์ครับพี่อาร์ต " เสียงชินดนัยเอ่ยทักทาย คนที่ดูจะ ... เพลียมาก ผิดจากทุกวันที่ดูจะสดชื่นร่าเริงอยู่เสมอ

"หวัดดี... "ชายหนุ่มร่างบางว่าพลางเสยผมขึ้น ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงตรงโต๊ะ ที่อยู่ตรงกันข้ามกับชินดนัย

"พี่...ไม่สบายหรือเปล่าฮะ ดูเพลียๆ "ชินดนัยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าซีดของอีกฝ่าย

"อืม... " เสียงรับคำในลำคอ ก่อนที่ร่างบางของรุ่นพี่จะค่อยๆฟุบลงบนโต๊ะ


"เมื่อคืน เจตน์ ไม่ยอมให้นอนเลย"


...เจตน์??..ไม่ยอมให้นอน??....

คำตอบที่ได้ยินทำเอาชินดนัยถึงกับต้องอ้าปากค้าง

"อ่ะ...เอ่อ... เหรอครับ... "ชายหนุ่มร่างท้วมหันซ้ายหันขวา ทั้งๆที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะต้องรู้สึกกระวนกระวายใจอะไรแบบนี้ด้วย

"ถามจริงเถอะ...รับไหวได้ยังไงเนี่ยหา ชิน?"

"รับ?.. เอ๊ะ...ผมไม่เคยรับนะครับ”  ใบหน้ากลม กับมืออวบนั้นส่ายรัว

....ทำได้ก็แค่มองเท่านั้นเอง...

"เหรอ...นั่นซิ่นะ ก็กรนอย่างกับฟ้าผ่าแบบนั้น " คำพูดของรุ่นพี่ร่างบางทำให้ค่อยหายใจได้ทั่วท้องขึ้นมาบ้าง

"อ๋อ ...ผมก็...ใส่ที่ปิดหูเอาน่ะครับ...ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ"ชินดนัยว่าพลางยกมือขอโทษ

"อืม...แล้ว หมอนั่นปรกตินี่...เอาแต่ใจอย่างนี้หรือเปล่า "อารยะ เท้าคางถาม เขาไม่เคยคิดจะซอกแซกอะไรแบบนี้ แต่...เป็นเพราะติดใจกับชายผมทองร่างสูงคนนั้นก็เท่านั้นเอง

"มันก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ" ชินดนัยตอบกลับไปทั้งๆที่รู้สึกเจ็บเล็กๆ

talk : โปรดส่งใครมาให้เจ้าชินทีสิน้า.... :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่9=(09/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 10-04-2013 21:22:48
ง่า อ่านแล้วรู้สึกหน่วงกับหมั่นไส้เจตน์ชะมัด
ใช่เลยค่ะ! โปรดส่งใครมารักชินที!!! เอาแบบให้ดีกว่าบักเจตน์ รึ สูสีกันหน่อยก็ได้ เค้าขอร้อง *0*~
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่9=(09/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 10-04-2013 22:14:04
ชินมีแฟนซักที !
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่9=(09/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Khunsathi ที่ 10-04-2013 23:09:08
ไม่รู้เหมือนกันว่าทั้งชินและเจตน์คิดอะไรอยู่
แต่สงสารชินมากกก TT_TT

พี่อาร์ตก็นะ...ฮึ่ย
ไม่รู้จะทนได้อีกนานแค่ไหน นน

โอยยยย
มันทรมานเหลือเกิน
สนุกมากค่ะเรื่องนี้ ลุ้น ๆๆ ๆ
แต่ยังไงก็เชียร์ชินนะจ๊ะ สู้ๆ!
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่10=(10/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 10-04-2013 23:13:51
=10=

เวลาทำงานผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งใกล้เวลาพักเที่ยง

--RRR--
เสียงโทรศัพท์ภายในตรงหน้าโต๊ะของชินดนัยดังขึ้น

"เออ... "เสียงชินดนัยรับคำด้วยน้ำเสียงเย็นชา... ดูท่าว่าเขาจะอารมณ์ไม่ดี ตั้งแต่ได้ยินคำพูดของรุ่นพี่เมื่อเช้า

" เป็นไร ท้องผูกเหรอ อ้วน .. เฮ้ย เดี๋ยวไปกินข้าวกันๆ "เจตน์พูดโทรศัพท์ไป พลิกกระดาษรายงานไปด้วย

"ผูก เผอก บ้านมึงเด่ะ...แล้วจะกินไหน ไอ้ตี่ " ชินดนัยเองก็กำลังง่วนกับงานไม่แพ้กันเลย

" อยากกินไรล่ะ กินอิ่มๆ มีเรื่องจะคุยยาวววววว "เจตน์ถอนหายใจผ่านโทรศัพท์

"สเต๊ก...มึงเลี้ยง" ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายถอนใจ ชินดนัยตอบไปส่งๆ

" โอเค เดี๋ยวเจอกันหน้าบริษัท " เจตน์รีบตกลง ก่อนจะวางสายไปทันที ไม่ถามถึงคนที่เป็นแฟนของเขาซักคำ


"ใครโทรมาเหรอ... "ทันทีที่วางสาย เสียงของรุ่นพี่ก็ดังขึ้นแทบจะข้างๆหู ชินดนัยหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายทันที

"เจ้าเจตน์ฮะ... " ชินดนัยตอบพลางยิ้ม

"เหรอ...ไปกินข้าวกันให้อร่อยก็แล้วกัน" ชายหนุ่มผมทองว่า พลางเดินหนีไปอีกทาง ทำเอาชินดนัยต้องเกาหัวแกรก

...สองคนนี้มันเป็นแฟนกันแน่เหรอวะเนี่ย....
==================
" นานเป็นบ้า " เจตน์บ่นพลางดูนาฬิกาข้อมือขณะที่ยืนอยู่หน้าบริษัท

"ไป...มึงเลี้ยง" ชินดนัย ตบไหล่อีกฝ่ายก่อนจะเดินนำหน้าไปโดยที่ไม่ได้รอเจตน์เลยแม้แต่น้อย

" เฮ้ย อะไรของมึงวะ " เจตน์เกาหัวงงๆ แล้วเดินตามอีกฝ่ายไป
ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนร่างท้วมถึงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก จนกระะทั่งถึงร้านอาหารที่ชินดนัยบอก คนอย่างชินดนัยรู้จักแต่ร้านอร่อยๆทั้งนั้น

==================

ชินดนัยจัดการสั่งอาหารส่วนของตัวเองเสร็จสรรพก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนที่ยังไม่ได้แม้แต่จะเปิดเมนู
"มีเรื่องอะไรก็ว่ามา"

" เรื่องพี่อาร์ต "เจตน์เปิดประเด็นเครียด ก่อนจะมองไปที่กระจกข้างร้าน
" ทำไมวะ อย่างกูเนี่ย จะทำตัวปกติไม่ได้รึไงวะ "ภาพของตนเองที่เห็น .. ด้วยความที่เขาค่อนข้างจะดูแลตัวเองเวลาที่ต้องเจอคนอื่น มันอาจจะทำให้ถูกคาดหวังมากไปก็ได้

คิ้วของชายร่างท้วมเลิกขึ้นสูงข้างหนึ่งพร้อมๆกับดวงตาที่มองมา ทั้งๆที่มือยังจับมีดกับซ้อมอยู่แน่น
"จะให้กูพยักหน้ามั้ย"

หนุ่มผมทองเลิกคิ้วอย่างสงสัย
"ก็ที่ว่า " อย่างกูเนี่ย จะทำตัวปกติไม่ได้หรือไง"นั่นล่ะ"ชินดนัยเอามีดชี้หน้าอีกฝ่าย

" แล้วทำไม่ได้รึไงวะ ? ไม่เข้าใจเลยว่ะ มองแต่ภายนอก แต่พอกูเริ่มทำตัวตามสบาย ก็ทำหน้าเซ็งกันหมด "
เจตน์ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เวลานึกถึงสายตาแบบนั้นของแต่ละคน

"ก็...มึงมันก็เกินที่คนปรกติเขาจะรับนี่หว่า...กรนฟ้าผ่า นอนดิ้นชิบหาย ไร้ความหวาน แถมยังเอาแต่ใจอีก" ชินดนัยสาธยาย
 "รักมากแค่ไหน จะหมดมู้ด ก็เพราะพฤติกรรมวัยทองของมึงนี่ล่ะ"

" เฮ่ยๆ ตรงไปแล้ว ไอ้อ้วน "เจตน์ตบหัวเพื่อนรักไปเสียทีหนึ่ง
" เหอะ .. นั่นดิวะ ใครจะมาทน "เจตน์บ่นอุบอิบ แล้วเขี่ยชิ้นเนื้อในจานตรงหน้า

" ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรับไม่ได้หรอกวะ" ชินดนัยว่า พลางเคี้ยวเสต๊กหมุบหมับ

..กูคนนึงแหละที่รับตัวมึงที่เป็นมึงได้…

" รายต่อไปก็พี่อาร์ต "เจตน์บ่นเซ็งๆ " ดันทำงานที่เดียวกันอีก "

ชินดนัยมองหน้าที่ดูจะไม่อร่อยกับอาหารของเจตน์ ก่อนที่จะเบือนหน้าไปอีกทาง

...ใครใช้ให้มึงไปบ้าจี้คบกับเขาตั้งแต่แรกล่ะวะ...

ชายหนุ่มอยากจะพูดแบบนั้นออกไปแต่ก็ทำไม่ได้

" แต่..เขาก็น่ารักดี ไม่อยากเลิกตอนนี้เลยอะ "หนุ่มผมทองนั่นเท้าคางอย่างเซ็งๆ

"งั้นก็แสดงว่า อนาคตมีสทธิ์งั้นซิ่...มึงมันพวกขี้เบื่อนี่" ชินดนัยว่า

เจตน์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนแล้วจิ้มแก้มเบาๆ " แล้วมึงจะยิ้มทำไมเล่า "เขาเห็นลักยิ้มของชินดนัยด้วย

"ก็กูจะยิ้มอ่ะ...ปล่อยเว้ย ไม่ใช่ขนมนะมึง แม่ง จิ้มอยู่ได้" คิ้วของชายร่างท้สวมขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ โดยที่หารู้ไม่เลยว่า ใบหน้าอวบนั่นดูจะมีเลือดวิ่งแผ่ซ่านไปทั่ว

" ฮะ ฮะ ฮะ เป็นซาลาเปาซิ่วท้อแล้วมึง น่ารักตายล่ะ "ท่าทางของเพื่อนทำเอาเจตน์ยิ้มร่า อารมณ์ดีขึ้นมาได้ทันทีเลย

"งั้นมึงตายก่อน"ว่าแล้วมืออวบอ้วนก็กระแทกเข้าที่หลังหัวของคนที่หำลังหัวเราะอยู่อย่างแรง

...แซวมาได้ ไอ้บ้าเอ้ย..

" แม่ง เจ็บนะ ไอ้อ้วน "เจตน์โวยวาย แต่ก็หัวเราะใส่อยู่ดี

==================

"อ๊ะ... "เสียงอุทานดังขึ้นเบาๆ เมื่ออารยะที่เดินก้มหน้าก้มตามาตลอด รู้ตัวว่าเงยหน้าขึ้นมาพบกับใคร ที่กำลังจะเดินสวนออกมาจากห้องน้ำ

" อะ..อ้าว พี่อาร์ต " เจตน์ทักคนรักของตัวเอง จะว่าไปก็ไม่ได้เตรียมใจจะมาเจอเหมือนกันนะ

"  เอ่อ...กางเกง"อารยะว่าพลางหันหน้าไปทางอื่น

" หวา " เจตน์ก้มลงมองกางเกงตัวเองก่อนจะจัดการรูดซิบให้เรียบร้อย
" ฮะ ฮะ แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นะ เราก็ผู้ชายเหมือนกันใช่มะ  " เจตน์พยายามหาคำพูดแก้เขิน

"นั่นสิ" อารยะรัยคำอ้อมแอ้ม "ไปกินข้าวมา เป็นไงล่ะ"

" อื้อ ..ไอ้ชิน มันไปนั่งฟังผมปรับทุกข์ล่ะมากกว่า "เจตน์หัวเราะเบาๆ

"อืม..." อารยะรับคำเบาๆพลางพยักหน้าลงเล็กน้อย " ก็..ดีแล้วนี่"

" เอ่อ..พี่ ..ผม " เจตน์ไม่รู้จะพูดยังไงดี  สถานการณ์ในตอนนี้มันตึงเครียดชอบกล

"ไปทำงานเถอะไป...ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ "มือเรียวของชายหนุ่มตบลงเบาๆ บนไหล่ของอีกฝ่าย ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

แต่เจตน์กลับยืนรอคนรักของเขาอยู่ที่หน้าห้องน้ำ

==================

ไม่นานนัก เมื่ออีกฝ่ายเดินออกมาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มร่างสูงยันคงยืนรอเขาอยู่

"อ้าว ยังอยู่อีกเหรอ "

" ก็รอพี่ "

"รอทำไม...คนเข้าห้องน้ำ"คำตอบของอีกฝ่ายทำให้คนฟังต้องหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ร่างบางเดินเลี่ยงออกมาจากประตูห้องน้ำ

เจตน์ดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามเขาไปหน้าตาเฉย

==================

"นี่ เวลางานนะ พามามาทำไม?  " อารยะว่า อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ นักเมื่อโดนกึ่งลากกึ่งดึงขึ้นมาจนถึงชั้นดาดฟ้าของบริษัท ท้องฟ้าสีฟ้าใส กับ แสงแดด ยามบ่ายนั้นยิ่งทำให้เหงื่อออกมากขึ้น

" ก็มาเคลียร์ .. ผมไม่อยากให้พี่ทำหน้าผิดหวังแบบนั้น "เจตน์ปล่อยมือจากอีกฝ่าย ก่อนจะล้วงหาบุหรี่

"ผิดหวัง?....เรื่องอะไร " อารยะขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะส่งไฟแช๊คให้อีกฝ่าย เมื่อเห็นเจตน์ดึงเอาบุหรี่ขึ้นมา

" เรื่องของผมไง .. ตัวจริงผมมันไม่ค่อยน่าปลิ้มเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะ? "ชายหนุ่มว่าก่อนจะอัดควันมะเร็งเข้าไปในปอด

"ใช่แล้ว " อารยะว่าเสียงเรียบพลางเดินไปอีกทางที่ควันบุหรี่จะไม่มาถึง

" พี่จะให้ผมปรับปรุงตัว เหมือนผู้หญิงคนก่อนๆบอกผมสินะ "เจตน์ยิ่งเดินมาใกล้อารยะอีก

"ฉัน…แค่คิดว่าคงต้องหาอะไรมาอุดหูตอนนายกรน...ต้องพยายามทำความเขาใจนายมากขึ้น แค่นั้นเอง" ชายหนุ่มตอบดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองกลับไป

" พี่ยังจะพยายามอยู่เหรอ? " ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมา
" แล้วมันก็เหมือนเดิม ตรงที่ไม่ว่าใครก็ทนไม่ได้อยู่ดี "


"แล้วถ้าฉันจะพยายามล่ะ?" อารยะย้อนถามเช่นกัน
"นายเองจะพยายามปรับปรุงตัวบ้างหรือเปล่า ..."

" ตอนนี้ผมยังไม่อยากเลิกกับพี่นะ " เจตน์ตอบกลับมาแม้จะไม่ตรงกับคำถามเอาเสียเลย

"อย่ามาพูดเหมือนเลือกได้นะ ฮะ ฮะ" ร่างบางหัวเราะออกมาเบาๆ

ทำเอาเจตน์หัวเราะร่วน แล้วยื่นมือให้อีกฝ่ายจับ " ตกลงตามนี้แล้วกัน ผมกับพี่คนละครึ่งทาง "

"ตกลง " อารยะยิ้มให้กับอีกฝ่ายเล็กน้อย มือเรียวจับมือใหญ่ของอีกฝ่าย ก่อนจะออกแรงเบาๆ

"งั้น... " ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่ลงเล็กน้อย มือยังไม่ปล่อย จากมือของอีกฝ่าย

"เราควรจะเริ่มกันจากตรงไหนดี..."

" เย็นนี้เลยเป็นไง ทำกับข้าวกินกัน แล้วก็กินพี่เป็นของหวานต่อ " เจตน์ทำหน้ากรุ้มกริ่ม แต่ออกจะกวนประสาทมากกว่า

"อ้อ..." อารยะ ทำเสียงเหมือนจะหัวเราะ "ได้ข่าวว่าคราวก่อน ยังไม่ไหวเลยนี่น้า...ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้  ฉันไม่ว่าหรอก"

" คนที่ไม่ไหวมันมันพี่ไม่ใช่รึไง ฮะ ฮะ  " เจตน์หัวเราะออกมา รู้สึกเหมือนตัวเองจะถูกท้าทายเข้าให้ซะแล้ว มือแกร่งนั้นเผลอบีบมือของคนตัวเล็กกว่าแรงขึ้นเล็กน้อย

" เหรอ งั้นคราวก่อน ใครนะ...ที่ขอไปเข้าห้องน้ำน่ะ "ยังไม่วายที่อารยะจะ ตอกย้ำเชิงหยอกล้อเรื่องในคราวก่อน

" อ้อ งั้นคราวนี้ ก็เตรียมตัวเป็นของหวานยันเช้าได้เลย " เจตน์ปล่อยมือจากอีกฝ่าย นิ้วเรียวเชยคางรุ่นพี่หนุ่มขึ้นให้มองหน้าเขา อย่างท้าทาย

"ถ้านายไหวนะ" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายกับแสงแดด ลมเย็นพัดผ่านมาเพราะสวนผักไฮโดรโปรนิกส์ที่เป็นโครงการลดโลกร้อนของบริษัทกำลังออกใบสวยเลยทีเดียว ริมฝีปากได้รูปคู่นั้นยิ้มหยัน เล็กน้อย

" เหอะ อย่ามาดูถูกกันนะ เตรียมตัวไว้เลย "เจตน์ทำท่าจะเดินออกจากดาดฟ้าไปเสียเอง

“ งอนซะแล้ว "อารยะหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทางของอีกฝ่าย

==================

จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน เจตน์ไปยืนรออารยะที่หน้าบริษัทแถมยังไม่ได้โทรนัดซักนิด
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ของรุ่นพี่ร่างเล็กนั้นราวกับจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็น คนที่บอกว่า "จะกอด"ตัวเองมายืนรออยู่อย่างนั้น

"รอกลับกับ ชินเหรอ" เขาส่งเสียงถามออกไป ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝายกำลังรอใคร

" กลับกับพี่นั่นแหละ แวะซุปเปอร์นะ จะทำอะไรให้กิน "เจตน์ลากแขนคนที่เขากำลัง"จะกิน"คืนนี้ให้เดินตามเขามา

"เดินไปด้วยกันก็ได้...ไม่ต้องลากหรอก"หากแต่อารยะกลับดึงมือของอีกฝ่ายเอาไว้เบาๆ ราวกับจะให้เขาหยุดแล้วรอให้เขาเดินไปด้วยกัน เจตน์ก้มหัวให้คนรักเบาๆเป็นเชิงขอโทษ เขาลดความเร็วของฝีเท้าขึ้นเล็กน้อย

==================

ภาพนั้นอยู่ในสายตาของคนทีเพิ่งจะเดินออกมาจากลิฟท์ ชายร่างท้วม หยุด ก่อนจะรอให้ทั้งสองคนเดินออกไปโดยที่ทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ

...เอาจริงแล้วใช่ไหม?...

ชินดนัย รู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเอง เหลือเพียงแค่ตัวคนเดียว เจตน์ที่เป็นเพียงเพื่อนคนเดียวของเขา กับ รุ่นพี่ ที่ก็ดูว่าจะเป็นเพียงคนเดียวในแผนกที่คุยเล่นกับเขา...ต่างก็ดูจะไปมีเวลาเป็นของตัวเองกันเสียแล้ว

"เฮ้อ...ไปหาอะไรกินแก้เซ็งดีกว่า " ชินดนัยว่า พลางถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดิน
แต่ก็ต้องชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจัง ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมาก เลยทำให้คนที่โดนชนต้องล้มลงนั่งกับพื้น พร้อมๆกับซองเอกสารที่ตกกระจายกับกระเป๋าถือ

" โอ๊ย.. " เธออุทานเบาๆ มือเรียวจับที่ไหล่ตนเองเมื่อรู้สึกปวดจากแรงชนนั้น

"โอ๊ะ..ขอโทษครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ" ชินดนัยรีบเข้าไปพยุงร่างบอบบางนั้นให้ลุกขึ้น ก่อนจะลนลานลงไปวิ่งเก็บ กระดาษเอกสารที่ทำท่าจะปลิวไป

"  เจ็บค่ะ  "หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองชายร่างท้วมคนนั้น .. พนักงานฝ่ายเอกสารของบริษัท..
ถ้าจำไม่ผิด..
" เอ่อ..อยู่แผนกเอกสารใช่ไหมคะ? "

"อ่ะ...ครับ....นี่ครับ เอกสาร กับ เอ่อ... "ชินดนัยก้มลงไปก่อนจะยื่นกระเป๋าถือให้กับอีกฝ่าย " กระเป๋าถือของคุณครับ" ใบหน้ากลมนั้นมีเม็ดเหงื่อซึมอยู่เล็กน้อย
"ขอโทษนะครับ ผมซุ่มซ่ามเองแท้ๆ" ชินดนัยก้มหัวขอโทษขอโพย เขาอายจนไม่กล้า จะมองหน้าของอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป

...ซุ่มซ่ามอีกแล้ว บ้าชะมัด..

" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..ฉันเองก็ไม่ทันได้ดูว่ามีคุณอยู่แถวๆนี้ ทั้งๆที่น่าจะเห็นได้ชัดแท้ๆ " หล่อนรับเอาของจากอีกฝ่ายมาถือไว้ ก่อนจะนิ่วหน้าเพราะเจ็บที่ไหล่

" ขอโทษนะครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ครับ ให้ผมพาไปหาหมอรึเปล่า " ชินดนัยลนลาน

" คือ..ฉันต้องเอาเอกสารไปให้ท่านประธานน่ะค่ะ . ถ้าคุณเอ่อ.. "

"มาครับ...ผมช่วยถือ...ที่ห้องประธานเหรอครับ" ได้ยินสถานที่เป้าหมาย ชินดนัยเกือบจะเหงื่อตก...เขาไม่เคยเห็นหน้าท่านประธานใกล้ๆเลยด้วยซ้ำ

" ไม่ต้องเกร็งหรอกค่ะ ท่านเป็นคนทำงานเก่งแล้วก็ใจดีค่ะ เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานด้วย..เอ่อ ฉันชื่ออิสราภรณ์นะคะ อยู่แผนกเลขานุการค่ะ "หล่อนยิ้มให้กับเขา

"ผม...." ชินดนัยรู้สึกไดถึงความร้อนผ่าวที่แล่นลามไปทั่วใบหน้า รอยยิ้มของเธอ ดูสดใส อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวร่างเล็ก เส้นผมสวยถูกกล้าเอาไว้ ดูคล่องแคล่วหากแต่ กลับดูอ่อนโยนด้วยสีสันที่แต่งแต้มบนใบหน้า

"ผม...เอ่อ... ชินดนัยครับ...แผนกเอกสาร เพิ่งเข้ามาทำงานปีนี้ครับ " ชินดนัยก้มศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กๆ

" ว้าว งั้นเราก็เข้ามาพร้อมๆกันน่ะสิคะ ฉันเองก็เพิ่งจะเข้ามาใหม่เหมือนกัน คงจะได้เพิ่งพาแผนกเอกสารเยอะเลยล่ะค่ะ "
หญิงสาวก้มศีรษะให้หนุ่มร่างท้วม เม็ดเหงื่อตามไรผมนั้น เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าลายดอกไม้เล็กๆให้กับอีกฝ่าย " นี่คะ "

"อ่ะ...เอ่อ...แต่ เดี๋ยวผ้าเช็ดหน้าคุณจะเปื้อนเอานะครับ" ชินดนัยว่าพลางล้วงโบกมือไปมา "ไม่เป็นเป็นไรจริงๆครับ"

" รังเกียจเหรอคะ? " เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย

"ไม่ครับ...ไม่ใช่แบบนั้น...ผมเหงื่อออกเยอะ เหม็นด้วย เดี๋ยว ผ้าเช็ดหน้าคุณจะเปื้อนเอาเปล่าๆ" ชินดนัยรีบอธิบายรัว

" เอาไปใช้เถอะค่ะ .. ไว้ซักแล้วค่อยคืนเอิร์นก็ได้ค่ะ "เธอยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มืออีกฝ่ายโดยเผลอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น แล้วรีบเดินไปกดลิฟท์

"เอ่อ...เดี๋ยวครับ..." ชินดนัยรีบวิ่งตึงๆไปยังลิฟท์ ก่อนจะเอามือขวางประตูลิฟท์ที่กำลังจะปิดเอาไว้ "รอก่อนครับ"
"คุณลืมเอกสารครับ..."ชินดนัยยิ้ม ก่อนจะส่งเอกสารให้กับอีกฝ่าย

" ขอบคุณนะคะ..คุณชินดนัย " เธอรับเอาเอกสารเหล่านั้นมาก่อนที่ลิฟท์จะปิดพร้อมกับรอยยิ้มที่มีให้กับหนุ่มร่างท้วม
รอยยิ้มที่ได้รับ ก่อนที่จะลับตาไปทำให้ ชายหนุ่มร่างสูง รู้สึกเหมือนกับ จุก

ทั้งๆที่หิว แต่ตอนนี้ กลับอิ่ม จนไม่รู้จะพูดว่าอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนยิ้มให้ อย่างจริงใจแบบนั้น

โดยเฉพาะ เป็นรอยยิ้มที่ได้รับจากคนที่ดูดีมากขนาดนั้น

"คุณอิสราภรณ์..แผนกเลขานุการ.."


talk : โปรดส่งใครมาให้ชินที (ภาค2) สินะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่10=(10/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-04-2013 00:48:25
ขอทั้งเอิร์นและท่านประธานเลยนะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่10=(10/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 11-04-2013 15:19:28
เห็นด้วยกับรีบนอ่ะ ><!!
ขอทั้งคุณเลขาและคุณประธานนะ(โลภไปไหมนี่) ส่วนบักเจตน์ปล่อยมันไปเถอะ! เชอะ!! อย่ากลับมาซบชินทีหลังก็แล้วกัน หึหึ
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่11=(11/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 11-04-2013 21:36:46
=11=
ขอขึ้นตอนด้วยสีแดง เพื่อเป็นการเตือนถึงฉาก NC ค่ะ เพราะว่าเตือนบนหัวข้อไม่ได้ ก็เอาแบบนี้ก็แล้วกันเนอะ

อีกด้านหนึ่งที่ห้องชุดของอารยะ เสียงเครื่องครัวกระทบกัน พร้อมกับกลิ่นหอมยั่วน้ำลายของอาหารที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว

"เสร็จรึยัง" เสียงนุ่มของเจ้าของห้องดังขึ้นจากด้านหลังของหนุ่มรุ่นน้อง

ช้อนถูกยกขึ้นจ่อปากเจ้าของห้อง " อะ ชิม "

"อร่อยแน่นะ " ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเผยอริมฝีปากขึ้นรับ อาหารที่อีกฝ่ายทำเข้ามา


ผัดมาม่าอย่างง่ายๆ หากแต่ ดูจะรสชาติถึงเครื่อง ทำให้อารยะ ต้องตาโตมองหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะพยักหน้า ราวกับจะบอกว่า อร่อย

" งั้น..ไปเอาจานมาเลย "เจตน์ยิ้มอย่างดีใจ เขาสั่งลูกมือเสร็จสรรพ

"ได้ทีล่ะสั่งนะ" เจ้าของห้องบ่นอุบอิบ แต่ก็เดินไปหยิบจานมาวางไว้ให้อีกฝ่าย

" น่า ช่วยๆกันไง "เจตน์เดินถือจานมาวางที่โต๊ะอาหาร " หิวจะตายแล้วๆ "

นี่ไม่ใช่ดินเนอร์แสนหวาน จิบไวน์ สบตา กินข้าว เลยซักนิด ไม่มีเพลงหวานๆคลอบรรายากาศ
มีแต่เจตน์ที่ใช้สะเดียบคีบเส้นมาม่าผัดใส่เครื่องต้มยำเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย เท่านั้น
ซึ่งนั่นไม่ใช่ดินเนอร์ในแบบที่อารยะเคยเจอมาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ตลอดเวลา คนที่เข้ามาหาเขามักจะนำเสนอสิ่งที่ดุจะเลิศเลอให้อยู่ทุกเวลา ดินเนอร์สุดหรู โรงแรมชั้นดี แต่ หากจะพูดไป นอกจากว่านี่จะเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับเขาแรก..มันก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เขาพาใครมาทานข้าวที่บ้าน

" เสร็จแล้ว ผมล้างเองๆ "เจตน์ฉวยเอาจานทั้งของเขาและอารยะเข้าไปล้างในครัว " พี่ไปอาบน้ำไป "

"งั้นก็ได้ "เหมือนกับจะลืมว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายมาที่นี่คืออะไร ชายหนุ่มร่างบางเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่จะเดินกลับออกมาจากห้องน้ำหลังจากเวลาผ่านไป

"เอ้า ไปอาบน้ำสิ" อารยะว่า พลางใช้ผ้าขนหนูขยี้เส้นผมสีน้ำตาลที่เปียกลู่ลงมา ช่วงขาเพรียวที่พ้น ชายกางเกงขาสั้นนั้นยังมีหยาดน้ำเกาะพราวให้เห็น

ดวงตารีมองตามขาเรียวขาว เขาจงใจเดินผ่านอีกฝ่ายไป มือแกร่งนั้นยังแอบลูบขาขาวๆนั่นเบาๆเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง
ตามมาด้วยเสียงปิดประตูห้องน้ำ

"ไอ้ลามก "เสียงอารยะตะโกนไล่หลังไปก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน โดยที่ไม่ได้ล็อกประตูห้องนอนแต่อย่างใด

===================

หนุ่มผมทองเดินออกมาจากห้องน้ำหรูๆของอีกฝ่าย โดยสวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวมืออีกข้างก็ถือผ้าขนหนูเช็ดศีรษะที่เปียกน้ำ

"อาบเสร็จแล้วเหรอ.... " เสียงนุ่มดังขึ้นจากในห้องนอน ไฟภายในห้องถูกดับมืด แต่ยังเห็นได้ด้วยแสงไฟสีส้มนวลตาจากโคมที่อารยะยังเปิดเอาไว้ เครื่องเสียงอย่างดี เล่น ดนตรี แจ๊ส ดังกล่อมเบาๆ

" อื้ม..เสร็จแล้ว " เจตน์มองไปรอบๆห้องอย่างอึ้งๆ

 ... โห..สร้างบรรยากาศเสร็จเลยเลย...

"มานั่งนี่มา...." มือเรียวของเจ้าของห้องกวักเรียก ร่างบางในชุดเสื้อยืด ตัวโคร่ง กับกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาลุกขึ้นนั่ง สายตามองมาอย่างเชิญชวน

เจตน์ทำตามอย่างว่าง่ายเหมือนลูกหมาเชื่องๆ อาจจะเป็นเพราะเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมอยู่ก็เป็นได้ ดวงตารีมองคนอายุมากกว่าไม่กระพริบ

..น่ารัก..

"มานี่สิ...จะเช็ดผมให้ " อารยะนั่งซ้อนจากด้านหลัง ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปหา ส่งรอยยิ้มหวานให้กับหนุ่มรุ่นน้อง
เจตน์พยักหน้าเหมือนเด็กว่าง่าย เขารู้สึกแปลกๆ ยังตั้งตัวไม่ติด เพราะเกิดมายังไม่เคยเจอแบบนี้เลยซักครั้ง .. ไม่เห็นจะมีใครมาอ่อนโยนด้วย ปกติ แม่สาวพวกนั้นจะต้องออดอ้อนเอานั่นเอานี่ประจำ
"ผมเปียกๆน่ะ...มันก็เซ็กซี่อยู่หรอกนะ... "เสียงหวานดังขึ้นที่ข้างหูพร้อมกับมือเรียวที่ค่อยสัมผัสลงบนเส้นผมผ่านลงบนผิวผ้าขนหนูนุ่มมือ
"แต่จะเป็นหวัดเอานะ รู้รึเปล่า "

" กลัวจะติดหวัดจากผมรึไงล่ะ " เจตน์หัวเราะเบาๆกับคำพูดของอีกฝ่าย สัมผัสมือผ่านผ้าขนหนูนั่นนุ่มดีจริงๆ
มือแกร่งที่ว่างอยู่เอื้อมไปลูบลำแขนเรื่อยขึ้นไปถึงต้นแขนของอารยะ

"ก็เป็นห่วงนี่ กลัวจะไม่สบาย " มือเรียวของชายหนุ่มร่างบาง เปลี่ยนจากเช็ดผมมาเป็น รอบรอบคออีกฝ่ายจากด้านหลังเบาๆ ริมฝีปากนุ่มจูบลงต้นคอของอีกฝ่าย ทำเอาแผ่นหลังแกร่งของชายหนุ่มเหยียดเกร็ง มือทั้งสองข้างกำแน่น ริมฝีปากได้รูปครางออกมาเบาๆ
เสียงทุ้มที่ได้ยินเบาๆ นั้นทำเอาร่างบางหัวเราะ ออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"รู้สึกเหรอ...ตรงนี้น่ะ? "ริมฝีปากนุ่มกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหู ก่อนที่จะสัมผัสลงเบาๆที่ที่กกหูของอีกฝ่าย ปล่อยลมหายใจอุ่นร้อนลงบนต้นคอ ของร่างสูง

" จะกินผมหรือไง? "เจตน์ถามออกไป ดูท่าอารยะจะเชี่ยวชาญไม่น้อยเลย

"อืม...ชิมนิดหน่อยเอง "ร่างบางของชายหนุ่มก้าวลงจากเตียง ก่อนจะคร่อมขานั่งลงบนหน้าขาของอีกฝ่าย
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายสีทองยามเมื่อต้องแสงไฟ ริมฝีปากได้รูปเผยอยิ้มยั่ว
"แบบนี้....ค่อยเห็นหน้านายชัดหน่อย " มือเรียวไล้เล่นที่โครงหน้าคมของเจตน์

" อยากเห็นแค่หน้ารึไง? " มือแกร่งโอบเอวให้เข้ามาใกล้จนสะโพกมนรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง

"อืม...แค่นี้ก็ได้พอมั๊ง..."อารยะขยับสะโพกมนเล็กน้อย ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะคลี่เป็นรอยยิ้ม ดวงตาคู่สวยเลื่อนมองลงต่ำ ก่อนจะกลับมาสบตากับอีกฝ่ายอีกครั้ง
 "ดีไหม"

เจตน์ยักไหล่แทนคำตอบ ก่อนจะสอดมือเข้าไปในเสื้อยืดตัวโคร่ง ลากมือกับผิวเนียนอย่างยั่วเย้าริมฝีปากได้รูปฝังกับลำคอขาว

" ถอดซิ่... แล้วฉันจะถอดให้นายเอง" มือเรียวไล้ไปตามแผ่นอกแกร่ง เลื่อนไปที่สาบเสื้อคลุมของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆปลดมันลง เผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง สะโพกสวนขยับเบาๆ อย่างยั่วเย้า
เจตน์ตลบชายเสื้อออกจากตัวของอารยะทันที และผิวกายของคนตรงหน้าก็ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยว่า มันช่างเย้ายวนดีเหลือเกิน
"จะมองอย่างเดียวเหรอ"เสียงนุ่มยั่วเย้า

เจตน์เงยหน้ามองใบหน้าเย้ายวนนั้น" งั้นกินเลยก็แล้วกัน"
ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มก่อนจะก้มลงเลียริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ

 "กินซี่" อารยะกระซิบตอบชิดริมฝีปากของอีกฝ่าย

เจตน์ตอบคำเชิญชวนนั้นด้วยการจูบอีกฝ่ายอย่างร้อนแรง ปลายลิ้นเข้าไปพัวพันกับอารยะอย่างกระหาย เขาจับร่างนั้นลงนอนกับเตียงโดยที่ร่างสูงใหญ่ของเขานั้นขึ้นทาบทับ มือทั้งสองข้างลากไล้ไปทั่วผิวกายนั้น สัมผัสส่วนอ่อนไหวนั้นผ่านกางเกงขาสั้น

"อืม...." เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ สัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้ร่างบางเกร็งขึ้นรับสัมผัสนั้นเล็กน้อย

"ทำ..อีก...ซิ่" ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นมาเป็นคำยั่วยวน ก่อนจะขบเม้มเบาๆ ที่คอของอีกฝ่าย

หนุ่มร่างสูงหอบหายใจหนักก่อนจะดึงกางเกงขาสั้นลงจากตัวอีกฝ่ายแล้วจับขาทั้งสองข้างให้แยกออก ชุดคลุมอาบน้ำของเขากองอยู่ที่เอว ต้นขาเสียดสีกันอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่ปลายลิ้นร้อนๆลิ้มรสและมอบร่องรอยแห่งความเป็นเจ้าของไปทั่ว ปลายลิ้นลากไล้กับยอดอกนุ่มอย่างยั่วเย้าก่อนจะขบเบาๆเรียกเสียงครางเครือจากอีกฝ่ายได้อย่างไม่ยากเย็น มือเรียวใช้เส้นผมของอีกฝ่ายเป็นที่ระบาย ก่อนจะค่อยดันเล็กๆ หวังว่าจะให้อีกฝ่ายมอบสัมผัสที่จะทำให้เขารู้สึกดีได้มากกว่านี้

เจตน์ยิ้มก่อนจะลากปลายลิ้นสู่หน้าท้องของอีกฝ่าย และสิ่งที่เขาเห็น..มันไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เขามีเลย


ลมหายใจร้อนๆเป่ารดมัน

จนนานผิดปกติ


"อ๊ะ... " เสียงหวานครางเครือ ดวงตาคู่สวยหลับพริ้ม....หากแต่ก็ต้องรู้สึกแปลกๆเมื่อไม่มีการกระทำที่คาดหวัง
"เป็นอะไร..." อารยะยันตัวขึ้นมามองหน้าของอีกฝ่ายทั้งๆที่ยังหอบหายใจ

เจตน์เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

ท่าทางแบบนั้นทำให้อารยะ ต้องหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ร่างบางลุกขึ้น ก่อนจะดันให้อีกฝ่ายลงไปนอนอยู่เบื้องล่างแทนที่เขาเอง ชายหนุ่ม คร่อมลงบนหน้าขาของอีกฝ่ายอีกครั้ง
"นี่..ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า”

" พี่คงไม่คิดจะรุกผม หรอกนะ? " เจตน์เงยหน้ามองอีกฝ่าย ร่างเปลือยเปล่า ขาวเนียนภายใต้ไฟสลัว นี่ช่างเย้ายวนดีจริงๆ

"อืม...." เสียงหวานรับในลำคอเบาๆ ก่อนที่มือเรียว จะเอื้อมไปปลดเสื้อคลุมที่ยังถอดออกอย่างค้างๆคาที่ยังอยู่ที่เอวของอีกฝ่าย
"ถามอะไรน่ารักๆแบบนี้... ก็น่ารุกอยู่หรอกน้า.. "

" เฮ้ย " ท่าทางเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายก็ทำเอาเจตน์สะดุ้งได้เหมือนกัน  ก่อนจะสารภาพเสียงแผ่วเบา
 " ก็ผมไม่กล้าเอาเข้าไปนี่ "

" น่ารักจัง..เจตน์เนี่ย ” อารยะหัวเราะกับท่าทางของชายหนุ่มรุ่นน้องก่อนจะขยับเข้าไปจูบริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ ในขณะที่มือเรียวเอื้อมไปสัมผัสรุกเร้า อย่างเย้ายวน
ในตอนนี้เจตน์คงทำได้แค่เพิ่มความร้อนแรงของจูบนี้เท่านั้น ร่างกายรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่พุงขึ้นมาอีกครั้ง ปลายลิ้นพัวพันไม่เลิกราขณะที่มือก็เร่งเร้าความต้องการของอารยะเป็นจังหวะเดียวกัน

"อืม..."ร่างบางขยับสะโพกเข้าหาสัมผัสจากอีกฝ่าย ก่อนที่จะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกมาก่อน
"เข้ามาสิ...ไม่เป็นไรซักหน่อย... " เสียงทีเอ่ยออกมานั้นแหบพร่า เย้ายวน
ร่างบาง ยกตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนค่อยประคองร่างของอีกฝ่ายเข้าไป

"อื้ม.. " เสียงครางเครือดังขึ้น ใยหน้าสวยสะบัดขึ้นเล็กน้อย หากแต่ดวงตาคู่สวยยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของอีกฝ่าย "... เจตน์.. "

เจตน์สะบัดหน้าขึ้นทันที พลางครางออกมาเมื่อรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนและคับแน่น
แน่นขนาดนี้ คนที่ถูกกระทำต้องเจ็บมากแน่ๆ เพราะนี่ไม่ใช่ช่องทางที่ถูกสร้างมาเพื่อการนี้
" อา..พี่..เจ็บ..เจ็บไหม? "ดวงตารีมองใบหน้านั้นอย่างเป็นห่วงมือแกร่งประคองเอวบางนั่นเอาไว้

"ไม่..."ถึงจะเปล่งเสียงออกไปแบบนั้น แต่ก็ต้องกลั้นหายใจอยู่นาน เหมือนกันกว่าจะชิน " ทำต่อซิ่... ฉันไม่เป็นอะไรหรอก" อารยะยิ้ม มือเรียวไล้เบาๆลงบนแผ่นอกของอีกฝ่าย ก่อนที่จะเริ่มขยับร่างเบาๆ
"อืม... " เสียงอารยะครางเครือทุกครั้งที่ขยับ เขารู้สึกได้ถึง ความต้องการของอีกฝ่าย "เจตน์... " เสียงหวานเอ่ยออกมาเป็นชื่อของรุ่นน้อง
ทำเอาเจตน์อารมณ์พุ่งพรวดขึ้นมาราวกับจุดไฟ มือแกร่งกดสะโพกอีกฝ่ายให้รับเขาเข้าไปจนสุดก่อนจะทำการขยับทันที

" อื้อ..พี่อาร์ต..แน่น "
ปลายลิ้นร้อนๆลากกับไหล่บ่งอย่างยั่วเย้า มือข้างที่ว่างขยับส่วนอ่อนไหวเพื่อกระตุ้นเร้าหนุ่มรุ่นพี่อย่างร้อนแรง

"อื้ม...เจตน์... อีกซิ่ " เสียงหวานเรียกร้องพร้อมกับขยับร่างเร่งเร้าอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน ความรู้สึกร้อนวูบแล่นริ้วไปตามร่างจนรู้สึกเกร็งไปหมด มือเรียวยึดรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้เป็นหลักยึด

ชายหนุ่มขยับร่างของคนที่อยู่เบื้องบนให้รับความรุนแรงนั้นอย่างไม่ปราณีซักนิด ดูเหมือนยิ่งทำไปแรงๆ อารยะก็จะยิ่งพอใจเสียด้วยซ้ำ
" อา..พี่.. "เจตน์กัดที่หัวไหล่บางนั้นเบาๆ ลากไล้ไปเรื่อยเพื่อเพิ่มอารมณ์ให้กับอีกฝ่าย ในขณะที่ด้านล่างขยับรวดเร็วรุนแรง

"อื้ม...เจตน์ " สัมผัสเจ็บแปลที่บริเวณหัวไหล่ทำให้อารยะ ยิ่งเพิ่มแรงกดลงไปบนร่างของอีกฝ่ายมากขึ้น ร่างทั้งร่างเกร็งแน่น ก่อนที่จะรู้สึกถึงคลื่นความร้อน
" มาซิ่... เจตน์... เร็วอีก... " ร่างบางขยับรุนแรงเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์วาบหวามร้อนแรงนี้ยากเกินจะทานทน

" อา..อีดนิด..นะ "เจตน์ขยับอีกฝ่ายรวดเร็วขึ้นทุกทีๆ จนกระทั่ง เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเบาและเห็นแสงสว่างรอบตัวอย่างนั้นแหละ
" อา..สุดยอด~~ "เสียงครางแหบพร่าพร้อมๆกับน้ำอุ่นๆเลอะขาเรียวของหนุ่มรุ่นพี่

"อ๊ะ... "แต่อีกฝ่ายกลับทุบอกของเจตน์ด้วยความไม่พอใจ เขายังไม่รู้สึกแบบนั้น
"ขี้โกง นี่ "อารยะค้อนอีกฝ่ายทั้งๆที่ยังรูสึกได้ถึง ความต้องการของตัวเอง ละเจตน์ที่ยังคงอยู่ในตัว
"นี่.. จะใจร้าย ปล่อยให้ค้างแบบนี้หรือไง " อารยะว่า พลาง ซบหน้าลงไปกับอกของอีกฝ่าย ถึงจะว่าตัวเองมีประสบการณ์มากกว่า ก็เถอะ ต้องมาบอกกันแบบนี้ ก็ทำเอาเขินไม่น้อย

" พี่..อา..ช้าเองนะ "เจตน์บอกเสียงหอบก่อนจะใช้มือเร่งเร้าความต้องการให้อีกฝ่าย ปลายลิ้นร้อนๆลากไล้ไปมาอย่างยั่วเย้า .. ไปไม่ถึงก็ทรมาณแย่น่ะสิ

แต่ยิ่งทำเพื่อจะช่วยก็เหมือนยิ่งไปจุดไฟให้ตัวเองอีกรอบเมื่อสิ่งที่เหนื่อยอ่อนไปแล้วก็กลับมีแรงขึ้นอีกครั้ง ภายในตัวของอารยะ
"อ๊ะ...เจตน์... " ร่างบางสะดุ้งเมื่ออีกฝ่าย กระตุ้นเร้า ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกถึงความต้องการของอีกฝ่ายที่ยังอยู่ภายใน
 “ บ้า..ลามก...กินไปแล้วไม่ใช่รึไง...อ๊า" ร่างบางเกร็งแน่น ก่อนที่จะปลดปล่อยออกมา เมื่ออีกฝ่ายมอบสัมผัสเร่าร้อนให้เขาตามต้องการ

" อื้อ..อีก " ชายหนุ่มผมทองงึมงำก่อนจะดันให้อารยะลงไปนอน แล้วจับขาทั้งสองขึ้นพาดที่บ่าแล้วกระแทกกายเข้าไปอย่างรุนแรง เรียกเสียงครางลั่นได้ทันที

"อ๊ะ... เจตน์... เดี๋ยว...อ๊า"อารยะผวากอดอีกฝ่ายแน่น อย่างช่วยไม่ได้ อีกฝ่าย เริ่มเอาแต่ใจมากขึ้น เรื่อยๆ ทั้งที่ตอนแรก นึกว่าจะคุมเกมส์รักนี้อยู่ แต่ตอนนี้กลับเป็นตัวเขาเองที่คล้อยตามการกระทำของร่างสูงไปอย่างไม่ยากเย็น

เจตน์พาตัวเองและอารยะไปถึงฝั่งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากว่าทั้งคู่จะผละออกจากกันนั้นก็เกือบรุ่งสางเข้าไปแล้ว

===================

talk :  :jul1: ไม่รู้ว่าจะมีใครสนใจอะไรคู่นี้อยู่หรือเปล่านะคะ อยากให้ลองโฟกัสที่คู่นี้หลังจากนี้ไปค่ะ ส่วนเจ้าชิน....น่ารักต่อไปแบบนี้ก็ดีแล้วนะ :o8:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่11=(11/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 11-04-2013 23:36:07
แอบซับเลือด แบบก็ไม่ได้อะไรนะ แต่เราชอบน้องชินน่ะ บักเจตน์อยากทำอะไรทำไป ไว้จะรอดูว่าต่อไปจะเป็นยังไง  ที่อยากให้มีคนมาสนใจน้องชินบ้างก็เพราะไม่อยากให้น้องชินเจ็บไปมากกว่านี้ 
รออ่านต่อเน้อ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่11=(11/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 11-04-2013 23:44:55
เจตต์กับชินนี่ไม่ได้คู่กันหรออ ??
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่11=(11/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 12-04-2013 14:56:51

ชอบเรื่องนี้ตรงที่...
เสียใจแต่ไม่ได้ฟูมฟายอะไรมากมาย
แค่รู้สึกเศร้านิดหน่อยแต่ยังไหวอยู่

+ เป็ดจ้า

หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่11=(11/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 12-04-2013 15:17:03
โอ เพิ่งได้เข้ามาดู โพสต์ไปเยอะแล้วนี่นา....  :katai2-1: ตบมือๆ
คนอ่านคะ ขอบคุณที่เอ็นดูไอ้อ้วนมันนะคะ แต่หลังจากนี้...อ้วนจะเป็นยังไง ขอให้ติดตามต่อปายยย
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่12=(12/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 12-04-2013 23:37:27
=12=

ในตอนเช้า ... สิ่งแรกที่ร่างบางรู้สึก คือ ความรู้สึก ปวดร้าวไปทั้งตัว ไม่ได้ ต่างไปจากที่รู้สึกเมื่อย และนอนไม่พอเมื่อวันก่อนเลยแม้แต่น้อย

"โอย... " เสียงชายหนุ่มผมสีน้ำตาลโอดครวญดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง... แต่ก็ต้องลงไปนอนอีกเมื่อรู้สึกเจ็บไปหมด
"ไม่มียั้งเลยนะ กระแทกเข้ามาได้" อารยะ บ่นเบาๆกับ ร่างของชายหนุ่มร่างสูง ที่ยังนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ

เสียงพึมพำของอารยะทำให้เจตน์ลืมตาตื่น เขายิ้มให้คนที่นอนข้างๆก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นไปห้องน้ำหน้าตาเฉย

ทำเอาคนที่กำลังจะวาดมือขึ้นมาโอบคอต้องกลายเป็นคว้าอากาศแทน
"อะไรเนี่ย อีกแล้วเหรอ? " อารยะบ่น...ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ไม่มีอะไรจะเปลี่ยน เจตน์ได้จริงๆ

เพียงห้านาที เจตน์ก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่หน้าตาสะอาดเรียบร้อย..จริงๆแล้วก็แค่ไปแปรงฟันมาเท่านั้นล่ะ
"ตื่นได้แล้วคร้าบ"

"...... " แต่คนที่ตื่นก่อนก็ยังไม่มีทีท่าตอบสนองอะไรทั้งนั้น

" พี่เป็นอะไร? "  คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ มือแกร่งแตะหน้าผากอีกฝ่ายเพื่อวัดไข้ " ก็ไม่มีไข้นี่หว่า "

"...เปล่า... ก็ไม่ได้เป็นอะไร " อารยะว่าพลางเบือนหน้าไปอีกทาง

" แล้วนี่จะไปทำงานรึเปล่า? " เจตน์นั่งลงข้างๆเตียง

"ไปไหว..มั้ง " อารยะหันมาประชด

" อ่าว จะไหว ไม่ไหวเนี่ย? แล้วลุกไหวรึเปล่า จะนอนต่อ หรือจะเข้าห้องน้ำ เอามาซักอย่าง " เจตน์เหล่มองคนที่เขากินไปเมื่อคืน ท่าทางงอนเล็กนั้นดูน่ารักดี

อารยะหันมามองควับ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองอีกฝ่ายราวกับจะตำหนิ

...ฝีมือใครล่ะ...

"จะไปอาบน้ำ วันนี้ไม่ไปทำงาน"

" โอเค จะให้อุ้มไหม? ไปห้องน้ำน่ะ "เจตน์เล่นถามซื่อๆ

อีกฝ่ายก็หน้าแดง ก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆ... เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ปรกติ มีแต่เขาที่ลุกไปก่อน แล้ว หนีไปให้พ้นๆ ทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่คืนเดียวจบอยู่เสมอ

" ก็แค่เนี้ย พี่น่ะ อะไรก็บอกผมตรงๆสิ " เจตน์ดุอีกฝ่ายเบาๆแล้วช้อนร่างบางขึ้นอุ้มพาเข้าไปในห้องน้ำแล้ววางลงในอ่าง เปิดน้ำอุ่นๆให้อีกต่างหาก

"พอๆ ออกไปได้แล้ว... อาบเองได้" เจอดุเข้าแบบนั้น ก็ทำเอาคนที่มักจะทำตัวเป็น "รุ่นพี่" อยู่ตลอด ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กๆขึ้นมาเหมือนกัน

เจตน์พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปที่ฝักบัวอาบน้ำเปิดน้ำอาบมั่ง

"เอ๊ะ...บอกให้ออกไปไม่ใช่รึไงเล่า..."เสียงอารยะว่า ก้มหน้าก้มตาถูตัว

" อ่าว จะอาบเหมือนกันนี่ " เจตน์ฮัมเพลงโปรดไปด้วย อาบน้ำไปด้วย มีความสุขเสียจริงๆเลย

ทำเอาอารยะ พูดอะไรไม่ออก ต้องก้มหน้าก้มตาอาบน้ำต่อไปโดยที่พยายามไม่หันไปสนใจอีกฝ่าย

" แอบมองคนหล่อเหรอคร้าบ~~ "เจตน์ยังไม่เลิกแซว

"บ้า...รีบๆอาบไปเลยไป มายืนอยู่ได้ อุจาดตาไปๆ" อารยะโบกมือไล่

เจตน์ยังคงยืนใต้ฝักบัวนิ่ง ถึงจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาก็เพิ่งจะเคยมีอะไรกับผู้ชายเป็นครั้งแรก รู้สึกวางตัวลำบากอีกแล้ว

 "ไม่รีบอาบน้ำเล่า... "อารยะหน้าแดง เมื่อหันไปเจอกับร่างสูงที่ยังคงยืนอยู่ใต้ฝักบัว... ร่างบางค่อยยันตัวเองลุกขึ้น จากน้ำ ก่อนจะรีบคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาพันกายเอาไว้

เสียงนุ่มทำให้เจตน์ออกมาจากฝักบัวทันที ก่อนจะค่อยๆช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้ม
" เดี๋ยวทำอะไรให้กินละกัน พี่จะได้ไม่ต้องขยับมาก "เจตน์วางร่างบางลงที่เตียงแล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำที่แถวๆพื้นมาใส่

"......" อารยะยิ่งรู้สึก ว่า ความร้อนผ่าวมันวิ่งขึ้นหน้ามากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะหาอะไรมาใส่

================

เสียงตะหลิวกับกะทะผัดข้าวกับไข่และแฮมให้ตัวเขาและเจ้าของห้องเองอย่างคล่องแคล่ว
จนกระทั่ง ถาดที่วางจานข้าวผัดโปะไข่ดาวมาวางอยู่ตรงหน้าอารยะ " อะ กินตรงนี้ล่ะ ลุกไม่ได้ใช่มะล่ะ "

"ก็เพราะใครล่ะ...ไหนว่าไม่เคยทำๆ...เหอะ" อารยะคว้าจานข้าวมาก่อนจะตักข้าวผัดเข้าปากเรียกพลังงานที่หายไปให้กลับคืนมา

" อ่าว ก็พี่บอกว่าไม่เป็นไรนี่นา "เจตน์เถียงพลางยื่นน้ำให้ " ค่อยๆ เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก "

"บอกว่า ไม่เป็นไร แต่....."พูดไปหน้าก็ยิ่งแดง อารยะ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกๆ "ทำแรงซะขนาดนั้นมันก็ต้องเป็นสิ"

เจตน์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย " หือ? "

" มันก็.... เจ็บนะ"

เจตน์หน้าซีดทันทีเลย " เอ่อ..เหรอ?..งั้นไม่ทำแล้วก็ได้ "

"ก็ไม่ได้ว่า "อารยะพูดสวนขึ้นมาพลางหันหน้าไปอีกทาง... จะให้พูดยังไงดี...
"เพียงแต่ให้มันพอดีๆ หน่อยเท่านั้นเอง"

มือแกร่งแตะแก้มนุ่มของคนรักให้หันมามองเขา " พี่บอกผมสิ .. อย่างไอ้อ้วนมันว่า ผมไม่ได้เกิดมาแคร์ใครโดนสัญชาตญาณนะ พี่ไม่พอใจอะไรผม พี่ต้องบอกนะ "

"งั้นจะบอกก็ได้ ...ว่าเมื่อคืนน่ะ "อารยะหยุดดวงตาคู่สวยสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง

เจตน์กลืนน้ำลายเฮือก พลางกลั้นหายใจ ...

..จะบอกว่ากรูไม่ได้เรื่องรึไงวะ..

"ก็ดีนะ...ถ้าไม่นับว่านายทำอย่างกับฉันเป็นพวก SM กับ....ทำหลายครั้งเกิน"

" ก็เห็นให้ความร่วมมือดีนี่นา .. แต่ก็..เอาเหอะ เผื่อมีคราวหน้าจะได้ระวัง..นะ "ชายหนุ่มเถียงแต่ก็ยอมรับการกระทำของตนเองแต่โดยดี

================

"เฮ้อ... "เสียงถอนหายใจดังไปตามทางเดิน เมื่อชินดนัยถูกมอบหมายให้เป็น คนเอาเอกสารไปส่งให้กับฝ่ายต่างประเทศ
แล้วไม่พบกับหน้าเพื่อนสนิทของตนเอง เช่นเดียวกับ ตอนที่ออกมาจากห้องก็ไม่เจอรุ่นพี่หนุ่มผมทองเช่นเดียวกัน

" คุณชินดนัย " เสียงใสๆของหญิงสาวดังขึ้นด้านหลัง พร้อมๆกับกลิ่นโคโลญจน์หอมอ่อนๆของดอกลาเวนเดอร์

"อ่ะ...ครับ" คนที่ถูกเรียกสะดุ้งเฮือก ก่อนจะยืนตัวตรงเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนมาทักเขา
"ส...สวัสดีครับ คุณอิสราภรณ์  "

" สวัสดีค่ะ มายื่นเอกสารให้แผนกต่างประเทศหรือคะ? " เธอวางเอกสารภาษาอังกฤษปึกใหญ่ลงตรงหน้า
" เอิร์นเองก็มาขอให้ทางแผนกนี้ดูเอกสารพวกนี้ให้เหมือนกันค่ะ  "

"อ่ะ...ครับ"ชินดนัยหน้าแดงตอบ...อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องใจเต้นกับรอยยิ้มของเธอด้วย

" แต่ว่า เยอะขนาดนี้ ท่านประธานต้องการด่วนเสียด้วย พอดี ท่านจะเข้าหารือกับทางบริษัทเจ้าของข้อมูลนี้น่ะค่ะ "  หญิงสาวถอนหายใจ

"เอ่อ... "ชินดนัยอ้ำอึ้ง แต่หลังจาการออยู่นานก็ยังไม่เห็นมีใครมารับหน้าเสีย ที
"ถ้าไม่ว่า..ผมขอดูได้หรือเปล่าครับ...ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีหรือเปล่าแต่อยากจะขอลองช่วยคุณดูน่ะครับ "

" งั้นลองดูให้เอิร์นทีนะคะ "เธอบอกเขาอย่างเกรงใจก่อนจะยื่นปึกเอกสารให้ก่อนจะบอกหตุผลที่หล่อนต้องมารอที่แผนกนี้
" คือ..เอิร์นมารอคุณเจตน์น่ะค่ะ เห็นว่ารับผิดชอบส่วนนี้ "

"อ้อ..."ชื่อนี้ทำให้ชินดนัยต้องร้อง อ๋อ "ผมเข้ามารอบนึงเมื่อเช้า...หมอนั่นไม่มาทำงานหรอกครับวันนี้ "

" งั้นเหรอคะ..เลยต้องรบกวน คุณชินดนัยเลย "เธอยิ้มให้กับเขา
" ถ้าอย่างนั้น .. เที่ยงนี้ ให้เอิร์นเลี้ยงข้าวคุณนะคะ "

"เอ่อ...ผมไม่ได้ทำอะไรให้มากมายนี่ครับ" ชินดนัยอึกอักเมื่ออยู่ๆ ก็มาโดนคนสวยขนาดนี้เอ่ยปากขอเลี้ยงข้าว

" เนื้อหาไม่ใช่น้อยนะคะ .. เอิร์นต้องทำให้คุณลำบากแน่ๆ เพราะฉะนั้น  "เธอมองเขาอย่างขอร้อง แกมบังคับ

"อ่ะ...ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมจะพยายามนะครับ" ชินดนัยว่าพลางยิ้ม

================

ถึงจะดูเป็น คนเชื่องช้า แต่ ชินดนัยกลับอ่านและทำการจดรายละเอียดต่างๆจากข้อมูลภาษาอังกฤษแปลงลงมาเป็นภาษาไทยให้กับ หญิงสาวได้อย่างรวดเร็ว จนได้รับคำชมกันยกใหญ่ อารมณ์ที่เคยหม่นหมองเล็กๆมาตลอดทั้งวันกลับแจ่มใสขึ้น เมื่อได้รับส่งตอบแทนเป็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกสดชื่นและใจเต้นจากหญิงสาว

ร้านอาหารอิตาเลี่ยนใกล้ๆกับบริษัท ถูกเลือกให้เป็นร้านอาหารเที่ยงของคนทั้งคู่

" อาหารที่นี่อร่อยมากเลยล่ะค่ะ " เธอบอกกับหนุ่มร่างท้วมที่เดินข้างๆ แสงแดดแรงๆทำให้เหงื่ออกที่ไรผมนั้น เหมือนกับครั้งแรกที่เจอเขาเลย

"อ่ะ...เหรอครับ" ชินดนัยยิ้มแห้งๆ ชายหนุ่มเกร็งจนไม่รู้จะพูดว่าอะไรดีแล้ว

" ร้อนเหรอคะเนี่ย?.. งั้นเดี๋ยวเราไปทานไอศครีมกันต่อนะคะ " เอิร์นว่าก่อนจะผลักประตูร้านเข้าไป

"อ๊ะ...ไม่หรอกครับ...ผม...ผมอาจจะตื่นเต้นไปหน่อย" ชินดนัยยอมรับออกมาตรงๆ เพราะเขาไม่เคยออกไปทานข้าวกับผู้หญิงคนไหนเพียงลำพังเลย ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนของเขาได้รับผู้หญิงเข้ามาเรียนด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนสวยๆอย่าง อิสราภรณ์

อาหารอิตาเลี่ยนอย่างดีถูกสั่งมาเต็มโต๊ะไปหมด

" ทานเยอะๆนะคะ "หญิงสาวบอกขณะที่ม้วนเส้นสปาเกตตี้กับส้อม

"สั่งมาซะเยอะขนาดนี้... ผมเกรงใจน่ะครับ คุณอิสราภรณ์ ผมไม่ได้ทำอะไรมากมายขนาดนั้นนะครับ "
ชายหนุ่มร่างท้วมพูดด้วยความเกรงใจ

" มากซี่คะ เอกสารมากมาย แต่คุณชินดนัยกลับทำให้แค่สามวันเท่านั้นเอง นี่ท่านประธานยังเอ่ยชมเลยนะคะ ว่าช่วยได้มาก "

"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ"ถึงจะยิ้มรับ แต่ในใจของชินดนัยกลับนึกกร่นด่า เพื่อนร่างสุงอยู่ในใจ

...ไอ้ตี่เอ้ย หายหัวไปไหนของมัน...

" อันที่จริง... ถ้าเป็น เจตน์ คงจะทำได้ดีกว่าล่ะมั้งครับ...บางทีท่านประธานอาจจะให้มันไปช่วยพรีเซ้นต์ ด้วยก็ได้ "

" เอ่อ เอิร์นเคยเจอคุณเจตน์นะคะ เพื่อนๆแผนกเลขาก็กรี๊ดเขากันทั้งนั้นล่ะค่ะ "หญิงสาวหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม

"ครับ...หมอนั่นคุยเก่ง...บุคลิกก็ดี...ร่าเริงบ้าบอ...น่าสนใจจะตาย" ชินดนัยพูดก่อนจะแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ

...เป็นอะไรที่เขาเป็นไม่ได้ ...

" เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทของคุณชินดนัยด้วยเหรอคะ? "

"อ่ะ...ครับ" ชินดนัยเผลอรับคำเสียงดังเมื่อรู้สึกตัวว่า กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย "เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วล่ะครับ ... "

" งั้นก็ดีน่ะสิคะ พวกเพื่อนๆเอิร์นอยากจะไปทักทายคุณเจตน์จะแย่ "เธอรวมช้อนส้อมลงกับจาน

"ผมว่า....ถ้าคุณอิสราภรณ์ได้คุยกับเจ้าเจตน์ คงจะคุยกันถูกคอนะครับ"ชินดนัยตอบ ในใจรู้สึกเจ็บเล็กๆ

...แน่ล่ะ ใครๆ ก็อยากจะเจอเจตน์ด้วยกันทั้งนั้น...

" เรียกเอิร์นเถอะค่ะ ... เอิร์นว่า คุณชินดนัยก็เป็นคนดีนะคะ "

"ครับ?....เอ่อ...." ได้ยินคนชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ ชินดนัยก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง เขารู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ ใบหน้าของเขาคงจะแดงไปหมดแล้วเป็นแน่

"เล่นชมกันแบบนี้ ผมก็แย่ซิครับ"ชายร่างท้วมพยายามจะหัวเราะ หลังจากที่กลืนเอามีทบอลก้อนโตลงคอไป

" เอิร์นพูดจริงๆนะคะ เพราะคุณชินเป็นคนดี แล้วก็เก่งมากด้วย "อิสราภรณ์เงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย เผลอเรียกชื่อเล่นของหนุ่มร่างท้วมจนได้

"เอ่อ.. " เจอดวงตาคู่สวยมองเข้าแบบนั้นแถมยังโดนเรียกชื่อเล่นอีก ชินดนัยก็ต้องรู้สึกใจเต้นวูบอีกครั้ง จนจ้องล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อ
"ฮ่ะๆ... ผมแย่แน่เลย เจอชมแบบนี้ "

" สงสัยวันนี้ คุณคงไม่ได้คืนผ้าเช็ดหน้าเอิร์นแล้วล่ะค่ะ " เธอหัวเราะเบาๆ เพราะผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นคือ ผ้าเช็ดหน้าของเธอเอง

"อ่ะ...ขอโทษครับผมลืมอีกแล้ว" ชินดนัยก้มหัวลงอีกหลายๆที

" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ "หญิงสาวบอกพลางยิ้ม
" ไม่ต้องคืนก็ได้ค่ะ "

...ตึก....

ชินดนัยได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น ดัง ก่อนจะต้องเงยหน้า ด้วยกลัวว่า มันจะดังเสียจนอีกฝ่ายจะได้ยินเข้า
"ก....เก็บไว้เหรอครับ"

" ถ้าคุณไม่รังเกียจเอิร์น .. เก็บไว้เถอะค่ะ "สาวน้อยจากแผนกเลขานุการย้ำกับกับคนตรงหน้า ใบหน้าสวยแดงขึ้นมานิดๆ

"ครับ..จะเก็บไว้อย่างดีเลยครับ" ชินดนัยหัวเราะออกมาแก้เขิน ก่อนจะค่อยๆพับผ้าเช็ดหน้าเก็บลงไปในกระเป๋าเสื้อเชิ๊ต

================

talk : สุขสันต์เทศกาลสงกรานต์นะคะ ถึงจะเป็นช่วงเทศกาลแต่ก็รู้สึกว่าเลยวัยที่จะมาเล่นสาดน้ำแล้วล่ะค่ะ อัพนิยายดีกว่า(ว่างั้น) ขอให้มีความสุขตลอดเทศกาลนี้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่12=(12/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 13-04-2013 10:42:04
ชินน่ารักอ่ะ ><!
ส่วนคู่เจตน์เราไม่รู้จะพูดยังไงอ่ะแต่รู้สึกว่าคงคบกันไม่นานมากนักหรอกชิ! (,แช่งซะเลย)
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่12=(12/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 13-04-2013 12:36:33
มีแต่คนสาปส่งคู่เจตน์แฮะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่12=(12/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 14-04-2013 19:43:12
ฮะๆๆไอ้เจตต์เอ้ย จะโดนงาบไปแด-รึปล่าวไม่รู้
แต่คุณเอิร์นเนี่ยจะดีจริงหรอ ไม่ใช่ว่าจะเข้าหาเพื่อนนะ
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่13=(14/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 14-04-2013 20:21:10
=13=

" พี่อาร์ต..ผมต้องกลับห้องล่ะนะ " เจตน์บอกอีกฝ่ายคณะที่นั่งเล่นดูโทรทัศน์ขนาดใหญ่ของอีกฝ่าย

"ไปด้วย"

ทำเอาเจตน์ต้องหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ดวงตารีทำตาปริบๆเหมือนเด็กๆ " อ้าว ก็พี่..ยังเจ็บไม่ใช่เหรอ? ลำบากนะนั่นต้องเดินจากสถานีตั้งสิบนาที "

"ก็...ใครทำเจ็บล่ะ เลิกย้ำได้แล้ว...ก็ฉันอยากไปนี่ จะได้ไปดูซักหน่อยว่า ที่เจ้าชินว่า น่ะ มันจริงซักแค่ไหนเชียว "อารยะว่า พลางเซ็ทผมที่หน้ากระจก

" อ่าว ไอ้อ้วนมันว่าอะไรเล่า .. แล้วพี่จะไปทำไมกัน " เจตน์โวยวายแต่ก็พยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น " ก็พี่ยังเจ็บนี่ "

"ก็อยากไปดูนี่...อยากรู้จักนายให้มากขึ้น ไม่ได้รึไง" อารยะว่า

" เอ่อ .. แล้วจะค้างรึเปล่า? จะได้หาซื้ออะไรมาทำให้กิน " หนุ่มร่างสูงดูนาฬิกาข้อมือของตนเอง เย็นมากแล้ว

"ก็...คงจะค้างมั้ง ให้เทียวไปเทียวมา คงไม่ไหว" อารยะตอบ

" งั้นก็เตรียมเสื้อผ้าไปทำงานพรุ่งนี้ .. อืมแล้วก็ของใช้จำเป็น "เจตน์เอานิ้วจิ้มคางตนเอง
 " แต่มันลำบากนะ ไม่ได้สบายแบบที่นี่หรอก "

"ก็นั่นล่ะ...ถ้าไปดูแล้วเห็นท่าจะไม่ไหว...ก็เลิกไง" อารยะล้ออีกฝ่ายเล่น ก่อนจะเดินไปเก็บของ

เจตน์ยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเก็บของของเขามั่ง

=============

จากสถานีใกล้อาพาร์ตเมนต์ของอารยะก็ต้องนั่งไปนานเลยทีเดียวกว่าจะถึงสถานีที่หมาย
หนุ่มผมทองเดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องพักของเขาเอง ซึ่งถ้าเทียบกับของคนรักแล้ว มันเล็กมากเลยจริงๆ

"อืม...อยู่ที่แบบนี้เหรอเนี่ย " อารยะว่าพลางเงยหน้ามองอพาร์ทเม้นต์ขนาดกลาง ที่ดูธรรมดาเลยทีเดียว

" ก็ธรรมดาๆ ผมเพิ่งได้ทำงานนี่นา " เจตน์ว่าก่อนจะนำคนรักขึ้นบันไดไปชั้นบน แล้วเปิดประตูเข้าไป

"โห..." แต่สภาพห้องที่เรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เป็น ห้องของชายโสดจริงๆ ก็ทำให้อารยะ ต้องอุทานออกมาเบาๆ

" เดี๋ยวเอาไปเก็บให้ " เจตน์เอาของที่อารยะถือไปเก็บใส่ตู้ " น้ำในตู้เย็นนะพี่ จะเอาเบียร์ หรืออะไรก็ได้ เดี๋ยวผมทำข้าวให้ "
เจ้าของห้องเดินเข้าครัวไป แต่จะเรียกให้ถูก มันคือ ระเบียงด้านนอกห้องที่มีที่ดูดควันเท่านั้นเอง

อารยะรับคำเบาๆ รอบห้องไม่มีที่ให้เขาเดินมากนัก ดวงตาคู่สวยเหลือบไปที่หน้าทีวี มีเครื่องเล่นดีวีดี ตั้งอยู่ พร้อมกับด้านบนที่มีทั้งแผ่นหนังและหนังอย่างว่าที่อยู่ในซองพลาสติกวางรวมกันอยู่

"ชอบแบบนี้ ก็ไม่บอก "ชายหนุ่มหยิบซองใส่ดีวีดีที่มีปกกระดาษรูปหญิงสาวทรงโต นั่งยิ้มทำหน้ายั่วยวนติดอยู่ขึ้นมา
จนกระทั่งเจตน์กลับมาพร้อมกับจานข้าว
" เสร็จแล้วๆ อยากดูเหรอ? เอาไปดูก็ได้นะ "เจตน์วางจานข้าวลงรงหน้าอีกฝ่าย แล้วพูดหน้าตาเฉย เหมือนกับพูดกับเพื่อนอย่างนั้น

"เอ่อ...ไม่ล่ะ ช่วงนี้ คงไม่อยากดูของแบบนี้ไปอีกซักระยะ" อารยะ ขมวดคิ้วมองหน้าของอีกฝ่าย ไม่ใช่ว่ารู้สึกไม่พอใจหรืออะไร แต่กลับคิดว่า "อะไรของเขา"

" งั้นก็กินข้าวๆ " หนุ่มผมทองดึงซองดีวีดีออกจากมืออีกฝ่าย

"รู้แล้ว... " อารยะว่า ก่อนจะนั่งลงกับพื้น ห้องที่มีโต๊ะญี่ปุ่น ตั้งอยู่
"น่าแปลกนะ...ทำไมทำกับข้าวเก่ง...อยู่คนเดียวแท้ๆ ท่าทางน่าจะชอบอะไรง่ายๆมากกว่าไม่ใช่เหรอ" ชายหนุ่มร่างบางหันไปหาอีกฝ่าย

" แต่ก่อนก็ใช้อ้วนมันทำไง แต่ซักพักมันก็สอนผมทำกับข้าว บอกว่ากินข้างนอกมันเปลือง แต่ทำกับข้าวมันก็สนุกดีนะ  "
เจตน์ยิ้ม เมื่อนึกถึงตอนที่หัดทำกับข้าวใหม่ๆ กว่าจะทำเป็นก็ต้องเสียวัตถุดิบไปไม่น้อยเลย

"เหรอ..." อารยะรับคำ "สนิทกันดีจริงๆเลยนะ "
ชายหนุ่มพูดก่อนจะตักข้าวเข้าปากไปเคี้ยวเงียบๆ

" ก็สนิทกันมาตั้งแต่ตอนที่ไล่เตะเด็กอ้วนแถวๆบ้านแล้ววว "เจตน์ตอบพลางยิ้มแล้วตักข้าวใส่ปากบ้าง

"เหรอ... " อารยะ รับคำไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่านั้น


หลังจากกินข้าวเสร็จ เจตน์ก็เดินเข้าห้องน้ำไปเตรียมน้ำอุ่นให้แขกที่มา โดยที่เปิดดีวีดีคอนเสิร์ตวงรอคอเมริกันวงโปรดทิ้งไว้ให้อารยะดูไปพลางๆก่อน

"อืม... " ดวงตาคู่สวย ดูจะไม่ได้สนใจภาพตรงหน้ามากนัก ยังคงมองสำรวจไปรอบๆห้อง

...สิ่งของที่อีกฝ่ายชอบ...

ดูจะไม่มีอะไรเหมือนเขาแม้แต่น้อย

" พี่อาร์ต มาอาบก่อนเลยมา " เจตน์ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

"รู้แล้ว " อารยะรับคำ ก่อนจะค่อยๆลุกเดินไปที่ห้องน้ำ "ออกไปซิ่ จะได้อาบ" ชายหนุ่มร่างบางว่า พลางถอดเสื้อยืดออกจากตัว เผยให้เห็น ผิวขาวที่ยังมีร่องรอยของอีกฝ่ายอยู่

เจตน์ยักไหล่แล้วออกจากห้องน้ำไป

อารยะเข้าไปอาบน้ำ แม้จะรู้สึกเกร็งๆ อยู่บ้าง แต่อุณหภูมิของน้ำ ก็ทำให้รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย แต่อารมณ์สบายๆนั่นก็กลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาของเจตน์ หนุ่มเจ้าของห้องเดินไปอาบน้ำฝักบัวก่อนจะเข้ามานั่งในอ่างเดียวกับอารยะหน้าตาเฉย

" เดี๋ยวน้ำไม่ร้อน อาบด้วย ประหยัดดี "

"อ่ะ..... "ความรวดเร็วที่เกิดขึ้นทำเอาคนที่นั่งอยู่ต้องอ้าปากค้าง " ก็ได้"
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าของอีกฝ่าย
"นอนกับ คนอื่น ก็อาบแบบนี้เหรอ"

" ไม่เคย นอนเสร็จก็ต่างคนต่างกลับ "เจตน์หันมาบอกหน้าตาเฉย

"ฉันก็ไม่เคย..." อารยะบอกพลางก้มหน้าลง

"ก็พี่น่ารัก " เจตน์บอกเสียงเรียบๆ ไม่เหมือนชมซักเท่าไหร่

"นั่น ไม่ใช่คำชมใช่มั้ย" อารยะเงยหน้าขึ้นมองด้วยไม่เข้าใจในโทนเสียงของอีกฝ่ายเท่าไหร่

" ก็งั้นสิ  "ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ " เลยอยากอาบด้วยไง แต่ผมไม่ชอบทำในห้องน้ำหรอกน่า "

" ใครจะบ้ามาทำอะไรในนี้เล่า" อารยะหน้าแดง ก่อนจะผลักอกอีกฝ่ายเบาๆ

...ประสาทจริง..

" อายรึไง แค่พูดตรงๆเอง ฮะ ฮะ "
เจตน์ยิ่งหัวเราะชอบใจแล้วโอบเอวอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ " เอ รึว่าผมจะบ้าดี? "

"ไม่ต้องเลย... เมื่อคืนก็บ้าไปแล้วไง" อารยะว่า พลางหน้าแดง ทั้งด้วยอุณหภูมิน้ำ และ เขินจากคำพูดของอีกฝ่าย ... ถึงจะบอกว่าผ่านใครต่อใครมาก็ตามที ไม่เคยมีใครพูดอะไรแบบนี้กับเขาเลยซักครั้ง

เจตน์เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วหอมแก้มแดงๆนั่นเสียหนึ่งทีแล้วลุกจากอ่างน้ำไป
" พอละ เดี๋ยวปูที่นอนให้นะ เสร็จแล้วจะเรียก "เขาว่าก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วออกจากห้องน้ำไป

"รู้แล้ว "ชายหนุ่มรับคำเสียงเบา ก่อนจะอาบน้ำต่อ

=============

ไม่นานนักชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เส้นผมสีอ่อนเปียกลู่ลงมาแนบใบหน้ามน
"อาบเสร็จแล้ว...อ้าว เก็บห้องแล้วเหรอ" อารยะยังไม่วายแซวอีกฝ่ายเล่น

" ก็ปูที่นอนให้พี่ไง เอาล่ะ เสร็จแล้ว " เจตน์ลุกขึ้น เขาใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดธรรมดาๆเป็นชุดนอน
ฟูกสองผืนถูกปูไว้ติดกัน

"ดีวีดีน้องอ้อย ก็เก็บไปแล้วใช่มั้ย..." ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ไม่ได้สบตาของอีกฝ่ายก่อนจะเดินไปนั่งลงบนฟูก
"ขอบใจนะ อุตส่าห์เก็บของ”

" พี่จะเอาไปดูเหรอ? รึว่าจะดูตอนนี้ก็ได้นะ " เจตน์ทำท่าจะไปรื้อให้อารยะอีกรอบ

" ไม่ต้องๆ "ชายหนุ่มร่างบาง ยึดแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แทบไม่ทัน

...อะไรจะซื่อขนาดนั้น...

มือเรียวที่จับแขนเขาไว้นั้น อุ่นเพราะอุณหภูมิของน้ำ " พี่จะไม่แต่งตัวรึไง " หนุ่มผมทองมองดูร่างที่เขาเคยกอดมาเมื่อคืนนิ่ง

"ก็..."ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง เขาลืมไปเลยว่ามีแค่ผ้าเช็ดตัวพันกายอยู่

...บรรยากาศมันพาไปรึไงนะ...

ชายหนุ่มอดที่จะคิด แล้วก็เขินเองไม่ได้
"กระเป๋าฉันนายเก็บไปไว้ไหนแล้วล่ะ มันหาไม่เจอนี่ "  ว่าแล้วก็รีบโยนความผิดให้อีกฝ่ายทันที

" ก็อยู่ในตู้เสื้อผ้า " เจตน์ชี้ไปที่ตู้ พลางเกาหัว " จะให้หันไปทางอื่นรึเปล่า? "

"....หันก็ดี" เสียงอารยะพึมพำในลำคอ

ก่อนจะเดินไปที่ตู้ ดึงเอาเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไปมากเล็กน้อย ก่อนจะสวมเสื้อยืด ปิดแผ่นอกขาวที่ยังคงมีร่องรอยของอีกฝ่าย

เจตน์หันไปตามที่อารยะบอก แล้วหันกลับมาเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จแล้ว
" จะนอนเลยไหม? รึดูทีวีก่อน "

"แล้ว แต่เจ้าของห้อง" รุ่นพี่ร่างบางว่า ก่อนจะเดินเข้าไปนอนในฟูก "ดูก็ดู ...เดี๋ยวหลับก็รู้เองนั่นล่ะ"

เจตน์กดรีโมตทีวี เพื่อดูรายการกีฬารายการโปรด เทปการแข่ง moto GP นั่นเอง
"อืม...ดูรถแข่งเหรอ ร่างบางค่อยขยับขึ้นมานอนตะแคงดูรายการในทีวี เขาชอบการแข่งขันรถอยู่แล้ว..แต่คงจะมีแรงลุกมาดูมากกว่านี้เป็นแน่ถ้าไม่รู้สึกเหนื่อยอ่อนขนาดนี้
" เมื่อคืนมีแข่ง แต่ดันอดดูนะเนี่ย ดูรายการนี้เขาตัดไฮไลต์ให้ดูครบเลยล่ะ ผมชอบ "
เจตน์เร่งเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อย " เครื่องยามาฮ่าสุดยอด  "

"อื้ม นั่นซิ่...คนพวกนี้เนี่ย สุดยอดเลยนะ" อารยะรับคำ ก่อนจะฟุบหน้าลงกับท่อนแขน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่จับจ้องบนจอโทรทัศน์ เป็นประกาย

" พี่อาร์ต " เจตน์เรียกชื่อของอีกฝ่ายเบาๆ แต่ในเมื่ออารยะไม่ได้ตื่นขึ้นมา เขาจึงจับให้อีกฝ่ายนอนลงก่อนจะปิดไฟในห้อง แล้วกลับมานอนข้างๆอีกฝ่าย โดยที่เขาดึงร่างบางนั้นมากอดไว้ภายใต้ผ้าห่มอุ่นๆทั้งคืน

ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นที่ข้างๆหูทำให้อารยะ ที่กำลังเคลิ้มไปกับความอบอุ่นนั้น ต้องสะดุ้ง หากแต่ไม่สามารถขยับไปไหนได้

.....โอ้ยยยยยย......

มือเรียวจะคว้าอะไรบางอย่างได้จากข้างๆตัว อารยะเอาสิ่งนั้นขึ้นมาปิดปากของอีกฝ่ายทันที

" อื้อออ "เจตน์สะบัดหน้าไปมาอย่างอึดอัด
 " ผม..กรน เหรอ? " เสียงแหบๆถามขึ้นมาแต่ก็ไม่คลายอ้อมแขนซักนิด

"ใช่..." เสียงอารยะว่า ใบหน้ามนเบ้ด้วยความไม่พอใจในความมืด

" อื้อ " เจตน์ปล่อยมือ แล้วขยับตัวออกห่าง ก่อนจะเปลี่ยนท่าไปนอนหันหลังให้อีกฝ่ายทันที
เห็นท่าทางแบบนั้นของอีกฝ่าย มือเรียว ขยับดึง ฟูกพร้อมกับพลิกตัวนอนหันหลังให้อีกฝ่ายเหมือนกัน

=============

" อ้วนนนนน " เจตน์แทบจะถลาเข้าใส่เพื่อนรักทันทีที่แวะเข้ามาหาที่แผนกเอกสารในตอนเช้า

"โอ้ย อะไรเล่า ไม่โผล่มาหลายวัน แล้วยังจะมาโหวกเหวกโวยวายอีก "

" เพื่อรักไม่อยู่ ดูแลตัวเองรึเปล่า? " เจตน์กลับมาสบายๆอีกครั้งเวลาอยู่กับเพื่อน เสียงหัวเราะร่าในแผนกเอกสารทำเอาคนอื่นๆยิ้มได้

"เออ ดูดีด้วย " ชายหนุ่มร่างท้วมตอบในขณะที่มือยังพิมพ์ข้อมูลต่อไปเรื่อยๆ

" คงไม่ได้นั่งร้องไห้ไปกินข้าวเที่ยงไปใช่มะล่ะ เที่ยงนี้กูเลี้ยงก็แล้วกันนะ อ้วน "มือแกร่งตบบ่าหนาๆของเพื่อนดัง บึก

"ใครเขาจะร้องไห้กัน เสียใจเว้ย เมื่อวันก่อนก็ไปกินข้าวกับเลขาท่านประธานมาเว้ย" คนที่ถูกเรียกว่าอ้วนเงยหน้าขึ้นมายิ้มร่า

" เลขาท่านประธาน? " เจตน์ถาม แต่ในใจกลับได้ยินเสียงสะท้อนเข้ามาในหูของตนเอง

เลขา... เลขา.. เลขา ...
ก็ต้องสาว...สวย..ดิวะ
...แล้วไอ้อ้วนเนี่ยย...

=============

talk : นายเจตน์เอ๊ย .. เป็นพระเอกไม่ขึ้นจริงๆนะเรา  :กอด1: ปลอบใจ อิ อิ

หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่13=(14/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 14-04-2013 20:33:26
ช่วงสุดท้ายก่อนจบเรื่องน่ะ มันยังพอมีหวังใช่ไหม บักเจตน์ถ้าไม่คิดอะไรก็อย่าให้ความหวัง แต่ถ้าคิดก็ช่วยแสดงออกให้มันชัดเจนทีเหอะ เดี๋ยวเชียร์เจ้าชินกับประธานเลยนี่(ประธานมาจากไหนฟร่ะ!?)
รออ่านต่อจ้า
ปล.นึกว่าคนเขียนไปหายตามน้ำซะแล้ว -.,-
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่13=(14/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 14-04-2013 22:56:29
คนแบบเจตน์นี่ก็นะ..... อาจจะไม่เหมาะกับตลาด?  :laugh:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่13=(14/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 14-04-2013 23:01:19
เย๊ยย อ่านกี่ตอนกี่ตอนก็นึกถึงแต่ชิน เพราะดันจินตนาการไปแล้วว่าจะให้เจตน์คู่กับชินน่ะสิ เห็นชินถูกทิ้งทีไรเลยได้ขัดใจทุกที  :katai4:

คุณคนเขียนขา เอาบทให้พ่อหนุ่มอ้วนกลมนามชินเยอะๆนะคะ เป็นแม่ยก ขอส่งชินชิงตำแหน่งพระเอกของเรื่องค่า 5555

ปล. รอตอนต่อไปนะคะ ชอบมาตั้งแต่ซีรีย์หอมกลิ่นกาแฟแล้วว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่13=(14/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 15-04-2013 10:47:20
อ้วนได้น้องเอิร์นมาเป็นคู่ใจก็ดี



อย่าไปสนตาเจตน์เลย
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่13=(14/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 15-04-2013 13:51:41

นี่ถ้าเกิดท่านประธานมาชอบอ้วนอีกคนนะ---คงจะวุ่นวายกว่านี้แน่เลย

ส่วนอีกคู่นึง---นึกภาพออกเลยอ่ะ
เจอกันที่ทำงานก็โอเคดี---อะไรๆก็ดูดีไปหมด---สวรรค์ชัดๆ
แต่พอได้รู้ตัวตนที่แท้จริงจากการไปค้างคืนด้วยกัน---กรี๊ดดดด---นี่มันนรกชัดๆ
ต่อให้หล่อล่ำ...ใหญ่ยังไงก็เถอะ---ถ้ารับไม่ได้ก็คงต้องขอบายเหมือนกันนะ

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่14=(15/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 15-04-2013 23:06:21
=14=
"ก็ใช่น่ะซิ่” ชินดนัยตอบหน้าตาเฉย

" สาว สวย ..กินข้าวกับ แกเนี่ยนะ? "เจตน์ถามย้ำ ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่เลย

"ใช่ซิ่ " ชินดนัยเงยหน้าขึ้นมามอง "มีอะไร พอดีเขามาวานให้ฉันช่วยงาน เขาก็เลี้ยงตอบแทน"
ทำเอาเจตน์ต้องขมวดคิ้ว แต่ก่อนจะได้คุยอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์มือของชินดนัยก็ดังขึ้นเสียก่อน
"อ่ะ...ครับ ชินดนัยครับ "ชินดนัยหันมายกมือให้เพื่อนเป็นเชิงว่าให้เงียบ

เจตน์เงี่ยหูฟังทันที และเสียงหวานๆที่ลอดมาจากโทรศัพท์ก็ทำให้เขาหันไปมองชินดนัย อย่างไม่อยากจะเชื่อเลย

" กำลังยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ? "

"อ่ะ ไม่ยุ่งเลยครับคุณเอิร์น "ชินดนัยหัวเราะ ออกมาเบาๆรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อดูเหมือนชินดนัยจะไม่ว่าง เจตน์เลยเดินออกจากห้องทำงานแผนกเอกสารอย่างเซ็งๆ


"อ้าว...จะไปไหนนั่น"มือเรียวของรุ่นพี่ผมสีน้ำตาลที่ออกมาจากอพาร์ทเมนต์ด้วยกัน ดึงแขนของเขาเอาไว้

" อ้าว พี่อาร์ต..เอ่อ เที่ยงนี้ไปกินข้าวกันไหม? " เจตน์ชวนอีกฝ่าย เขากำลังเซ็งพอดี

“งั้นไปกินร้านอาหารอิตาเลี่ยนแถวนี้ไหม อร่อยนะ" อารยะเห็นท่าทางอีกฝ่ายดูไม่ดีเอาเสียเลย เลยเอ่ยปากชวนหวังจะให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้น

" อื้อ ก็แล้วแต่พี่ .. ไว้กลางวันผมมารับที่แผนกนะ " พูดจบเจตน์ก็เดินออกจากแผนกไปเลย

ท่าทางที่ดูไม่ขี้เล่นเหมือนอย่างทุกทีทำให้ชายหนุ่มร่างบาง อดที่จะสงสัยไม่ได้

...อะไรของเขา....

==============

" ไหนอ้วนมันบอกว่าอร่อย ลาซานญ่าเลี่ยนชะมัดเลย พี่ว่าไหม? " เจตน์หาเรื่องคุยขณะที่เดินไปส่งอารยะที่อพาร์ตเมนต์

"อร่อย...จะตาย นายเป็นไข้หรือเปล่า..ต่อมรับรถเพี้ยนเหรอ" อารยะขมวดคิ้ว

" ภาพประกอบน่าเลี่ยนเป็นบ้า เลขาคนสวยก็ตาถั่วเข้าไปได้ เหอะ " หนุ่มผมสีน้ำตาลยักไหล่

"ไปว่าเขาได้ยังไง..อีกคนเขาก็เพื่อนนายไม่ใช่รึไง" อารยะส่ายหน้า  ก่อนจะเหล่ตามอง
"...หวงเพื่อนรึไง" คำพูดตรงๆทำเอาเจตน์อ้าปากค้าง

" ........................... ก็ไม่..ใช่ "เขาพูดเสียงอ่อย นี่เขาหวงเจ้าอ้วนรึไง?

"เอาน่าๆ มันก็เป็นไปได้ไม่ใช่รึไง กับที่คิดหวงเพื่อนน่า ไม่หึงหรอก" อารยะว่าพลางหัวเราะ มือเรียว ตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

" ถ้าผมจะห่วงเจ้าอ้วนบ้าง พี่คงไม่คิดว่ามันแปลกหรอกนะ ผมกลัวมันโดนหลอกนี่ เห็นอ้วนๆแบบนี้มันใสซื่ออย่างกับเด็กเลยนะพี่ "เจตน์รีบจับมือคนรักไว้เขย่าให้เชื่อที่เขาพูด

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
"ครับ ครับ รู้แล้วล่ะ ... ห่วงไปเถอะ แต่ก็อย่าลืมฉันก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้น จะหนีไปหาคนอื่น จริงๆด้วย" อารยะว่าพลางฉวยโอกาสหอมแก้มของอีกฝ่าย

เจตน์หรี่ตามองใบหน้าที่จะเรียกว่าหล่อกว่าเขาก็ยังได้ " จะเอาแบบนั้นจริงเร้อ? "

"ก็...เรื่องของนายนี่ ฉันจะไปทำอะไรได้ โตแล้วก็คิดเอาเอง" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลว่า ก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน ตัวตึก อารยะ ยืนกดรหัสเพื่อให้ประตูเปิดก่อนจะหันกลับมาหาอีกฝ่าย
"จะเข้ามาหรือเปล่า"

" มีอะไรให้กินป่ะ หิวนะเนี่ย " เจตน์ถามอีกฝ่าย

"ก็...อืม ไม่ค่อยมีหรอก แต่ถ้านายจะทำให้กินล่ะก็.." ชายหนุ่มตอบ พลางจับประตูไว้ เพื่อไม่ให้มันปิดลง

" อื้อ ผมทำให้พี่กินดีกว่า แต่วันนี้พี่ต้องมาเป็นลูกมือด้วย "
เจตน์ว่าแล้วเดินเนำข้าไปในครัว เปิดตู้เย็น หาของสดออกมาทำอาหารเย็นให้กับพวกเขาทั้งคู่ มันเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่เจตน์จะมาส่งอารยะที่ห้อง ทำอาหารแล้วก็กลับห้องไป             
มันเป็นความตั้งใจของเจตน์ที่จะมาส่งอารยะที่ห้อง ทำอาหารแล้วก็กลับห้องไป จะไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าจูบอีกแล้ว

"อร่อยดี นี่คิดจะเอาอาหารมาล่อให้ติดใจใช่ไหม" อารยะ หัวเราะเบาๆ ก่อนจะตักข้าวผัดไข่อย่างง่ายๆ เข้าปาก

" เห็นพี่กินอิ่มๆแบบนี้มันรู้สึกดีนี่ ผมกลับห้องไปก็ไม่ทำเองหรอกน่ะ สู้มาทำให้พี่กินดีกว่าเยอะ "
เจตน์เองก็ตักข้าวใส่ปากเช่นกัน อาหารง่ายๆแบบนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้าอ้วนที่ช่วยสอนให้หลายอย่างเลยทีเดียว

"นี่...แล้ว คืนนี้ไม่ค้างเหรอ" เจ้าของห้องถามออกมาหน้าตาเฉย

" ไม่ดีกว่า เสื้อผ้าก็ไม่มี กลับไปนอนห้องดีกว่าฮะ " เจตน์ว่าก่อนจะเอาจานข้าวที่จัดการจนหมดไปวางที่อ่างล้างจาน
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเรื่องที่จะนอนกับอีกฝ่ายหรอกนะ แต่พอทำไปแล้วอีกคนเขาไม่ชอบใจเท่าไหร่ ก็เลยไม่อยากทำขึ้นมา

"ทำไมล่ะ... " อารยะถามพลางเอียงคอ มองหน้าของอีกฝ่าย "ท่าทางแปลกๆนะ...ตั้งแต่เมื่อวันนั้นแล้ว "

" คือ ผมไม่อยากกรนใส่หน้าพี่ไง .. แล้วก็ไม่มีชุดด้วย "เจตน์เอาจานข้าวของอารยะมาล้าง

"แน่ใจนะว่าไม่ได้ เป็น เพราะ"เรื่องนั้น" ..." ชายหนุ่มถามพลางหรี่ตามองหน้าของอีกฝ่ายอย่างพิจารณา

... ความมั่นใจต่ำกว่าที่คาดแฮะ...

" พี่อยากให้ผมเอาพี่ตอนนี้รึไง ถึงมาถามอะไรแบบนี้? " เจตน์หันไปถามเสียงเครียด .. ใช่ มันแทงใจดำเต็มๆเลย
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้อารยะรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน

"ทำไมนายพูดแบบนั้นล่ะ? เหมือนในหัวฉันมันมีแต่เรื่องอย่างว่างั้นแหละ...ไม่พอใจอะไรก็บอกมาสิ ไม่เข้าใจอะไรก็ถามสิ ไม่ใช่ว่าจะคิดเองเออเองแล้วก็ไปน่ะ "มือเรียว ที่วางอยู่บนโต๊ะ กำแน่น ดวงตาสีอ่อนเป็นประกายวาว 

" ผมน่ะนะ .. อยากทำให้พี่รู้สึกดีนะรู้รึเปล่า? แต่สุดท้ายแล้วผมก็กลับทำเหมือนพี่เป็นเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ "
เจตน์มองอีกฝ่ายนิ่ง
" พี่น่ารัก ผมก็คิดแบบนั้นมาตลอด แต่ผมกลับไม่ถนอมพี่เลยซักนิดตอนมีอะไรกัน ผมก็แค่อยากจะถอยหลังกลับไปตั้งหลักให้มันแน่นกว่านี้ซะก่อน "

"แล้วฉันเคยปฏิเสธนาย ซักครั้งมั้ย" อารยะ เงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย

" แต่ผมไม่มั่นใจที่จะกอดพี่ "มือแกร่งไล้กับผิวแก้มนุ่มนั้นเบาๆ

"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้อง...ออกไปซะ แล้ว ฉันจะไปหา คนอื่นมากอดฉันเอง" ชายหนุ่มร่างบาง ตอบ แล้วสะบัดหน้าออกจากสัมผัสของอีกฝ่าย 

คำพูดตัดรอนนั้นทำเอาเจตน์ทนไม่ได้ มือแกร่งดึงเอวบางของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้แล้วกอดเอาไว้แน่น

"ทำไม...มั่นใจแล้วเหรอ ที่จะกอดน่ะ...ฉันไม่ฝืนนายหรอกนะ" อารยะว่า ริมฝีปากได้รูปนั้น ราวกับจะยิ้มหยัน

" ผมไม่รู้หรอกนะ เรื่องนั้นน่ะ .. นี่ไง กอดแบบนี้ ไม่กรน ไม่เสียอารมณ์ด้วยไง "อ้อมแขนกระชับแน่ขึ้นอีก

แต่มือเรียวของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลกลับผลักอกของอีกฝ่ายออกห่างจากตัวเอง

"โตแล้ว...เจตน์... คิดเอาเอง"

ทำเอาเจตน์ต้องมองอีกฝ่ายอึ้งๆ

...พูดเหมือนเจ้าอ้วนเลย .. นั่นสินะ ..

" ใช่..พี่พูดถูก ผมโตแล้ว..ผมจะไม่งอแง โวยวายใส่พี่แล้วล่ะนะ พี่ไม่ชอบนี่ "เจตน์ว่าก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกแล้วลากแขนอีกฝ่ายเข้าไปในห้องนอน

แต่ก็อีกครั้ง ที่อารยะ ดูจะขัดใจอีกฝ่าย ร่างบางหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน
"ถึงได้บอกไงว่า คิดเอาเอง... ฉันไม่ได้หมายความว่าอะไรๆ มันจะต้องเป็นวันนี้ไปหมด ไม่ต้องมาแก้ตัววันนี้หรอกนะ ขอบคุณ "

" เหอะ เอาแต่ใจนะเนี่ย .. คุณอารยะ " นิ้วเรียวจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายแรงๆ
" ใช่ ให้ทำตอนนี้ผมก็ไม่เอาเหมือนกันล่ะ .. กลับล่ะนะ  " พูดจบก็ก้มลงจูบริมฝีปากบางแรงๆแล้วเดินไปเก็บของกลับบ้านเสียแบบนั้น

“อืม แล้วเจอกัน พรุ่งนี้ "อารยะ เดินไปส่งอีกฝ่ายที่หน้าประตู และเมื่อประตูห้องได้ถูกปิดลง ร่างบางก็เดิน กลับมา หยิบโทรศัพท์ กดปุ่ม หา คนที่เขาไม่เคยคิดจะโทรหา

... คิมหันต์ ...

talk : คิมหันต์! มายังไงกันนี่? หากว่ายังจำกันได้ เขาเป็นหนุ่มลูกครึ่งที่ออกมาตอนงานเลี้ยงแผนกต่างประเทศค่ะ คอยดูกันว่าจะมีบทบาทขนาดไหนกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่14=(15/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 16-04-2013 01:01:01
อ้าวววทำมาหวงก้าง - -
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่14=(15/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 16-04-2013 15:07:05

ที่มีปัญหากันก็เพราะมันเร็วเกินไป---ทุกอย่างเร็วไปหมด
ยังไม่ทันได้คบกันจนรู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน
มาถึงไปเดทแล้วก็ชวนไปมีอะไรกันเลย
พอรับตัวตนกันไม่ได้สุดท้ายก็เลิกกัน
ยิ่งทำงานที่เดียวกันพอจบไม่สวยคราวนี้ก็สาวไส้กันมันส์ไปเลย

คราวนี้ดูท่าทางมันจะยุ่งอีรุงตุงนังกันไปหมดแถมมีคนใหม่มาเพิ่มอีกด้วย

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่15=(16/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 16-04-2013 22:23:22
=15=
ขึ้นหัวเรื่องด้วยสีแดงเนื่องจากมี NC ค่ะ

" อาร์ต? " หนุ่มลูกครึ่งรับสายโทรศัพท์ทันทีที่เห็นชื่อของปลายสาย..ชื่อที่ไม่เคยโทรมาหาเขาเลย

"นี่...ว่างรึเปล่า" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลว่าพลางปลดเนคไทลงเล็กน้อย

" มีอะไรเหรอครับ? " คิมหันต์ดูนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย

"เปล่า...ก็แค่..อยากจะหาเพื่อนมาดื่มหน่อยน่ะ "เสียงนุ่มกรอกลงไปตามสาย
 "มันเบื่อๆ..."

" ตอนนี้อยู่ที่ห้องรึเปล่าครับ " คิมหันต์ถามขึ้นมา รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ปลายสายไม่ได้อยู่กับน้องใหม่ของแผนกอย่างเจตน์

"อืม...จะมาใช่ไหม... งั้นจะรอก็แล้วกัน "เสียงจากอารยะนั้น ดังราวกับกำลังหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยินอยู่ในที เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับเขา .. เพราเป็นแบบนั้นถึงได้เลือกโทรหาคิมหันต์นี่ล่ะ..

" อยากได้อะไรรึเปล่าครับ ผมจะได้ซื้อเข้าไปให้ "
เสียงของคิมหันต์เจือไปด้วยความยินดี เขารู้จักบ้านของอารยะแต่มาแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แถมยังมากับเพื่อนๆในแผนกต่างประเทศอีกต่างหาก

"ไม่เอาล่ะ ที่นี่มีอยู่แล้ว...มาแต่ตัวก็พอ" อารยะยิ้ม เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องรีบมาเร็วกว่าอะไรเป็นแน่

" งั้น เดี๋ยวเจอกันครับ " คิมหันต์ว่าก่อนจะวางสายไปทันที

หลังจากที่อีกฝ่ายวางสาย ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลกลับยังไม่ปล่อยโทรศัพท์ ออกจากมือ ริมฝีปากบางแตะลงบนผิวมันลื่นนั้นเบาๆก่อนที่จะยิ้มออกมา

"ฉันบอกแล้ว...ว่าโตแล้วให้คิดเอาเอง เจตน์...ว่าตอนไหนฉันต้องการ ตอนไหนไม่ต้องการ”

“ พอดีว่า..วันนี้ฉันไม่ได้ต้องการนายเสียด้วย”
====================

ประมาณยี่สิบนาทีหลังจากที่วางสาย เสียงออดที่หน้าห้องก็ดังขึ้น
"ขึ้นมาซิ่... "อารยะกรอกเสียงลงไปตามอินเตอร์คอมก่อนจะกดเปิดประตูให้อีกฝ่ายขึ้นมาหาข้างบน

หนุ่มลุกครึ่งสวมเสื้อยืดแขนครึ่งคอวีพอดีตัวกับกางเกงยีนส์เดินเข้ามาในห้องของอารยะ พร้อมๆกับถุงของกินที่ซื้อมาฝาก
" มาแค่ตัวคงไม่ดีเท่าไหร่น่ะครับ " เขายื่นถุงนั้นให้อีกฝ่าย

"ฮ่ะๆ...ซื้ออะไรมาเนี่ย ..เนย?...แครกเกอร์ ? มีไวน์อยู่ขวดสองขวด กินหน่อยไหมล่ะ" อารยะยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว แล้วกลับออกมาพร้อมกับไวน์แดงหนึ่งขวด กับ แก้วสองใบและกับแกล้มแบบฝรั่งที่คิมหันต์เป็น คนซื้อมาฝาก

" แล้ววันนี้เจ้าเจตน์ไม่อยู่ด้วยรึไงครับ? " คิมหันต์มองไปรอบๆห้อง

"อยู่ก็คงเห็นแล้วล่ะ... ไปพูดถึงเด็กนั่นทำไม..." ชายเจ้าของห้องว่า พลางส่ง แก้วไวน์ให้กับอีกฝ่าย

" พูดซะห่างเหินเลยนะ .. เจตน์มันไล่บอกทั้งแผนกแล้วล่ะ ว่าตอนนี้เป็นแฟนคุณน่ะ " คิมหันต์รับเอาแก้วไวน์มาจิบก่อนจะหัวเราะเบาๆ จะว่าไปเขาก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เจตน์ประกาศมาแบบนั้น ตั้งแต่วันที่รับน้องแผนกที่เจตน์เมาแล้วไปนัวเนียกับคนตรงหน้าเขาก็พอรู้แล้ว

" นายก็รู้นี่ ว่าฉันไม่ชอบให้อะไรมาพันแข้งพันขามากๆ...ถึงจะชอบหมอนั่นก็เถอะ...ถ้ามัวห่วงว่าทำไปแล้วจะเจ็บ ก็คงจะได้ทำครั้งเดียวจบนั่นแหละ " อารยะว่าพลางกระดกแก้วไวน์ลงไปหมดแก้ว

" ผมว่า..เจตน์มันก็ห่วงคุณออก " คิมหันต์ค่อยๆจิบไวน์ ..ทั้งๆที่รีบมาหาทันทีแท้ๆกลับต้องเป็นที่ปรึกษาหรือยังไง..

"...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ..."อารยะว่าพลางมองใบหน้า คมของอีกฝ่าย

"ว่าแต่นายเถอะ...เรียกก็มา...ใจง่ายจริงๆนะ"ว่าพลางก็หัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้ามนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อจากสิ่งที่ดื่มลงไป

" กับคุณเท่านั้นแหละ " คิมหันต์หัวเราะก่อนจะดื่มไวน์แก้วนั้นจนหมดแก้ว

"แบบนั้นก็ดีซิ่..." รอยยิ้มอย่างยั่วยวนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย

ทำเอาคิมหันต์ต้องขมวดคิ้ว
" คุณเป็นอะไรรึเปล่า? อาร์ต"น้ำเสียงทุ้มเจือด้วยความเป็นห่วง

"ฉันบอกแล้วไง...ว่า แค่เบื่อ" ชายหนุ่มตอบ  ก่อนจะเลิกคิ้วถามอีกฝ่าย "ไม่เชื่อเหรอ "

" เบื่ออะไรครับ เบื่อเจ้าเจตน์มันเหรอ? "คิมหันต์ถามออกมาตรงๆ

" ใช่ " อารยะตอบ "คิดอะไรฝ่ายเดียว เอาแต่ใจ...ไม่เข้าใจเลยว่า ฉันไปถูกใจ คนแบบนั้นได้ยังไง" ชายหนุ่มเจ้าของห้องขมวดคิ้วพลางเทไวน์เติมลงในแก้วของเขาและอีกฝ่าย

" ถูกใจมันไม่เกี่ยวกับนิสัยส่วนตัวนี่ครับ บางอย่างก็มองข้ามมันไปบ้างก็ได้ " คิมหันต์ให้คำแนะนำ

..เพราะเขาชอบคนตรงหน้ามานานแล้ว และแม้จะรู้ว่าอารยะเป็นคนอย่างไร ก็ทำเป็นไม่เห็นข้อเสียของอีกฝ่าย..

"...แต่ตอนนี้ เบื่อนี่...จะให้ทำไงได้ล่ะ ฉันมันก็คนแบบนี้นี่...ชื่อเสียงเน่าๆแบบนั้น นายก็รู้นี่" ว่าพลางก็ถอนหายใจยาว ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล เอนตัวลงกับพนักของโซฟานุ่ม

" ทั้งๆที่การที่คุณต้องไปอยู่แผนกเอกสารมันเป็นเพราะผมน่ะเหรอ? " คิมหันต์นั่งลงข้างๆ เรื่องราวใหญ่โตที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนมันยังเป็นความผิดในใจเขาจนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นคนทำลายอนาคตของอารยะเอง เพราะฉะนั้นแล้วอีกฝ่ายจะให้เขาทำอะไร เขาก็ยอมทำทั้งนั้น..

"อ้อ...นั่นคงเป็นเรื่องดีเรื่องเดียวในชีวิตฉันเลยล่ะมั๊ง "อารยะหันมาประชด
 "ฉันไม่ได้อยากให้นายไปต่อยไอ้แก่นั่นซักหน่อย..." มือเรียวยกขึ้นแตะมือของอีกฝ่าย
" มันเสียมือ "

" ถ้าผมไม่ทำแบบนั้น คุณจะนอนกับมันงั้นเหรอ?..ผมยอมไม่ได้หรอกนะ "คิมหันต์จับมือเรียวนั้นไว้แน่น

"ฉันก็มีวิธีของฉัน ก็แล้วกัน" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลว่าพลาง ขยับเข้าไปจูบริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ
"นี่..จะเลิกพูดเรื่องเก่าๆได้หรือยัง ?"

" เราน่ะ..มีแต่เรื่อง”เก่าๆ”ไม่ใช่หรือไง "คิมหันต์ไม่แปลกใจนักกับการทำแบบนี้ของอีกฝ่าย อารยะมีชื่อเสียงด้านการหว่านเสน่ห์ไปทั่วไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ชายหนุ่มยังจำภาพของหนุ่มร่างบางที่ถือกล่องของใช้ส่วนตัวออกไปจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประสานงานในแผนกต่างประเทศแล้วรับตำแหน่งพนักงานธุรการฝ่ายเอกสารด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับเขาราวกับว่าไม่เป็นไร .. รอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับตอนนี้เลยซักนิด...

"แล้วอยากให้มีเรื่องใหม่เหรอ...ก็ได้นะ... " อารยะ ยิ้ม

" ทั้งๆที่เรื่องคุณกับเจตน์มันยังไม่จบงั้นเหรอ? "มือนั้นโอบรอบเอวของอีกฝ่าย

"ฉันก็เป็นแบบนี้ ใครรับไม่ได้ก็ไม่ต้องมายุ่งเสียแต่แรกซิ่" อารยะยิ้ม รู้สึกได้ถึง มือแกร่งของอีกฝ่าย ที่อยู่ตรงเอว

" ผมกับคุณจะจบแค่คืนนี้รึเปล่า? " คิมหันต์ดึงร่างนั้นเข้ามาใกล้จนอารยะคร่อมอยู่บนร่างของเขา

"นั่นเป็นเรื่องของอนาคต... "ชายหนุ่มส่งสายตาหวานให้กับอีกฝ่าย สะโพกขยับขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกดลงเบาๆ อารยะกำลังยั่วยวนอีกฝ่าย...มันตั้งแต่ตอนที่เขายกหูโทรศัพท์ ไปหาตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่แล้ว แล้ว

" คุณ..บอกว่า คุณไม่ใช่ผู้หญิงใช่ไหม? "คิมหันต์ขยับสะโพกรับกับการยั่วยวนนั้น

" หรือนายเห็นฉันเป็น? ... "อารยะยิ้ม มือเรียวจับมือของอีกฝ่ายให้ขึ้นมาบังคับในทีให้ลูบไล้ที่อกเรียบเนียนของตนเองผ่านเสื้อผ้า

" คุณคงไม่ชอบถ้าผมจะกอดคุณเหมือนผู้หญิงใช่ไหม? "มือนั้นลากไล้กับหน้าอกเรียบของอีกฝ่าย ปลายนิ้วเขี่ยยอดอกนุ่มเบาๆ

" อ๊ะ..ใช่..ฉันไม่ชอบแบบนั้น แต่ว่า..อย่ารุนแรงนักล่ะ ” ชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างพึงใจกับสัมผัสนั้น ก่อนจะก้มลงแตะริมฝีปากกับอีกฝ่าย อย่างยั่วยวน

====================

มือแกร่งสอดเข้าไปที่ชายเสื้อของอารยะ ลูบไล้อย่างเย้ายวน ก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปช่วงชิงรสชาติที่ปรารถนามาตลอด
"อืม..." ชายหนุ่มตอบรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ ในขณะที่มือเรียว ก็ ดึงชายเสื้อยืดของอีกฝ่ายขึ้น ใช้จังหวะที่คิมหันต์ละริมฝีปากออกไปตลบเสื้อตัวนั้นออกไปให้พ้นทาง แล้วก้มลงดูดเบาๆที่ซอกคอขาวของอีกฝ่าย แผ่นอกกว้างที่ควรจะขาวซีดแบบตะวันตกหากแต่ผิวละเอียดแบบตะวันออก เป็นส่วนผสมที่ลงตัวและน่าดึงดูดใจยิ่งนัก

" อื้อ " หนุ่มลูกครึ่งครางรับก่อนจะสัมผัสผิวเนียนของอารยะนั้นอย่างเย้ายวน หลังจากที่ได้จัดการเสื้อผ้าของตนเองและอีกฝ่ายออกไปจนหมด หนุ่มร่างเล็กขยับร่องสะโพกเสียดสีกับความร้อนของหนุ่มลูกครึ่งราวกับผีเสื้อกลางคืน ความร้อนชื้นที่เปียกแฉะช่องทางนั้นทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่ม

“ คิม..หันต์..มาซี่ ” ผมสีน้ำตาลสะบัดไปมาก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อดูตำแหน่งของตน แล้วใช้มือจับโคนท่อนเนื้อร้อนๆที่กำแทบไม่รอบมือ ในใจก็นึกเสียดายที่ไม่เคยเห็น”ของดี”ที่อยู่ใกล้มือมานานเป็นปีคนนี้ สะโพกมนยกขึ้นขึ้นเพื่อรับความใหญ่โตตรงหน้า แม้ว่าจะหนักใจกับขนาดของอีกฝ่าย หากแต่คิมหันต์กลับผลักให้อารยะนอนหงายลงไป ทั้งๆที่มือเรียวนั่นยังจับตัวประกันเอาไว้ด้วยซ้ำ

“ นี่..จะคุมเกมส์เองเหรอ?... อย่าขัดใจกันสิ ” ใบหน้าสวยที่แดงระเรื่อและเย้ายวนฉายแววไม่พอใจ ผิดกับปลายนิ้วที่ถูกับส่วนปลายอย่างเร่งเร้า

“ ผมแค่ไม่อยากให้คุณเจ็บ...มาก ก็เท่านั้น ” คิมหันต์ยิ้มกับสัมผัสจากมือนุ่ม ไม่ได้หลีกหนีจากการเร่งเร้านั้น ตรงกันข้าม เขายกสะโพกบนขึ้นให้ก่ายเกยกับหน้าขาของตัวเอง แล้วยิ้มให้กับคนที่อยู่เบื้องล่างก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเนยก้อนเล็กที่วางอยู่ข้างแครกเกอร์รสเค็มเข้ามาไว้ในปาก ดวงตาสีเทาดูลึกลับและเข้ากับผมสีดำสนิทราวกับเผยสัญชาตญาณนักล่าแบบที่อารยะไม่เคยเห็น กำลังสบตาสีน้ำตาลอ่อนเชื่อมของอีกฝ่ายก่อนจะเผยอริมฝีปากแล้วกวาดนิ้วเข้าไปภายในทีละนิ้ว โดยที่ไม่ละสายตาของใบหน้าสวยนั่นแม้แต่น้อย

ท่าทีของคิมหันต์ที่ไม่เคยเห็น ทำให้อารยะรู้สึกมีอารมณ์อย่างช่วยไม่ได้ ร่างกายของเขาตื่นตัวขึ้นโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายแตะต้อง แต่ถึงแบบนั้น ชายหนุ่มก็เลือกที่จะตีหน้าเฉยเสีย มีเพียงริมฝีปากบางที่เหยียดยิ้มออกมาเท่านั้น ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อถูกดันต้นขาให้ชิดกับอกเปลือย ท่านี้ทำให้คิมหันต์เห็นทุกอย่างอยู่ตรงหน้า นิ้วที่เปียกและลื่นไปด้วยเนยที่ละลายจากความร้อนในกายสะกิดเขี่ยที่ปากทางของอารยะเบาๆ เรียกเสียงครางออกมาแผ่วเบา คิมหันต์นวดที่กล้ามเนื้อที่ยังปิดแน่น แล้วยิ้มอย่างเอ็นดู

“ ยิ้ม..อะไร? ” เป็นอารยะที่รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา กับรอยยิ้มที่เหมือนยิ้มให้กับเด็กเล็กๆทั้งๆที่เขาก็รุ่นเดียวกันกับอีกฝ่ายแท้ๆ

คิมหันต์ตอบคำถามนั้นด้วยการดันนิ้วกลางเข้าไปข้างในทีเดียวจนสุด จนร่างบางผวาขึ้น ถึงจะเพิ่งทำกับเจตน์มาไม่นาน แต่เขาเป็นคนคุมเกมส์ เพราะฉะนั้น เขาที่อยู่ใต้ร่างของหนุ่มลูกครึ่งอยู่ตอนนี้ถึงได้..แปลกออกไป..

...เพราะฉันไม่เคยคิดจะทำกับหมอนี่หรือยังไงกันนะ..
....ถึงได้รู้สึกมากกว่า..ใครๆ...

ปฏิกิริยาของอารยะทำให้คิมหันต์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ทั้งๆที่ดูโชกโชนขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับสะดุ้งเฮือกกับแค่นิ้วของเขางั้นหรือ ชายหนุ่มถอนนิ้วออกก่อนจะดันข้อพับของอีกฝ่ายให้สะโพกมนยกขึ้นสูงก่อนจะก้มลงลากปลายลิ้นกับช่องทางร้อน เรียกเสียงครวญของอีกฝ่าย เนยก้อนเล็กที่นุ่มร้อนถูกปลายลิ้นดันเข้าไปภายในที่ดูดรับทันที 

“ อ๊ะ ”อารยะอุทานอย่างตกใจพร้อมๆกับที่รับเอาสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าสวยผงกขึ้นดูผ่านขาทั้งสองข้างของตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้เห็นอะไร คิมหันต์ก็สอดนิ้วตามเนยนุ่มๆเข้ามาพร้อมกันถึงสองนิ้ว ทำหนุ่มร่างบางต้องร้องออกมาอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามผ่อนคลายตัวเองไปด้วย แผ่นอกบางขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ พยายามสูดลมหายใจช้าๆ ริมฝีปากแดงจัดครางเครือออกมาเป็นจังหวะเดียวกับปลายนิ้วที่ขยับเข้าออก

“ ฮ้า..คิม..คิมหันต์..เข้ามา..ได้แล้ว ” อารยะบอกกับอีกฝ่าย พลางจิกปลายนิ้วกับต้นแขนแข็งแรง หนุ่มลูกครึ่งจึงขยับนิ้วออกก่อนจะแทนที่ด้วยตนเอง

ความร้อนที่เติมเต็มความต้องการภายในกระทุ้งเข้ามาเรื่อยๆตามความลื่นของเนยก้อนนั้นที่นำมาก่อน คิมหันต์มองใบหน้าสวยที่อยู่ภายใต้ร่างนิ่ง อารยะเม้มริมฝีปากจนแดงช้ำกับการรุกรานของเขา เล็บที่จิกกับต้นแขนเขาจนเจ็บระบายความรู้สึกได้ดี

หนุ่มลูกครึ่งปล่อยให้อารยะได้ปรับตัวซักครูก่อนจะเริ่มขยับเข้าหาความสุขจากร่างนั้น และแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็เช่นกัน อารยะเองก็ขยับสะโพกรับการรุกรานของอีกฝ่ายเป็นจังหวะ ราวกับคุ้นเคยกันและกันมานาน

ร่างของพวกเขาทั้งคู่กอดก่ายกันบนโซฟานั้น ก่อนจะไปต่อบนเตียงของอารยะให้ห้องนอน

====================

" ดีไหม? " หนุ่มลูกครึ่งกระซิบถามคนที่นอนอยู่บนตัวเขา แล้วจูบเบาๆที่ข้างแก้ม

"อืม... " เสียงครางเครือนั้นดังขึ้นเบาๆเป็นคำตอบรับ ดูท่าว่า อารยะจะพอใจไม่น้อยทีเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่างกับชายร่างสูงที่เป็นรุ่นน้อง คิมหันต์ดูจะเข้าใจเขา ไม่ได้เอาแต่ใจอย่างที่เจตน์ทำ

" ผมชอบคุณ "คิมหันต์กอดร่างนั้นไว้แน่น

"มันเป็นแค่ "ความสัมพันธ์ทางร่างกาย"...คิมหันต์ " อารยะตอบกลับมาแทบจะทันที

" แปลว่าคุณจะยังคบกับเจ้าเจตน์ แต่จะมีอะไรกับผมแทนงั้นเหรอ? " คิมหันต์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"เปล่า..."อารยะเงยหน้าขึ้นมายิ้ม นิ้วเรียวแตะที่จมูกโด่งของอีกฝ่ายเบาๆ

"แต่ก็นะ..คิมหันต์...โตแล้ว...คิดเอาเอง"

หนุ่มลูกครึ่งมองใบหน้าสวยนิ่งก่อนจะขยับตัวออกเล็กน้อย " ผมไปอาบน้ำดีกว่า .. คงต้องกลับห้องแล้วล่ะ "
คำพูดของอารยะราวกับว่าเขาเป็นเด็กทั้งๆที่เข้ามาทำงานรุ่นเดียวกัน ทำให้คิมหันต์ไม่พอใจ

"อืม...ลอคห้องให้ด้วยนะ " แต่อีกฝ่ายกลับดูจะไม่สนใจนัก คืนนี้ อารยะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ร่างบาง ดึงผ้าห่มคลุมกายก่อนจะพลิกตัวหันไปอีกทาง

ส่วนคิมหันต์เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว เขาก็เดินกลับมาที่เตียง มือใหญ่แตะกับผิวแก้มนุ่มของเจ้าของห้องเบาๆ
" ไปอาบก่อนแล้วค่อยนอนนะครับ .. เจอกันที่บริษัท "

.. ในเมื่ออารยะต้องการแบบนั้น เขาก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว..

..โตๆกันแล้วนี่..


====================

talk : คิมหันต์..ร้อนแรงสมชื่อจริงๆ ผู้ชายคนนี้ฮอตกว่าที่คิดค่ะ โปรดติดตามต่อไป  :bye2:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่15=(16/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: skyberry ที่ 16-04-2013 23:01:05
ประธานXชิน   <<< ถ้าได้จริงๆฟินเวอร์  :oo1:ไม่ชอบเอิญมาเกี่ยว นางมาร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้  :hao5:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่15=(16/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 16-04-2013 23:10:16
อยากให้พี่อาร์ตมาตกหลุมรักคิมหันต์ (แล้วยกเจตต์ให้เจ้าอ้วนไป 5555)

พี่อาร์ตชอบยั่วดีนัก ต้องเจอฮอตๆแบบคิมหันต์นี่ ประโยคสุดท้ายว่า โตๆกันแล้ว ของคิมหันต์ดูไม่แคร์มากกก ชอบบบบบบ  :katai2-1:

 
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่15=(16/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 17-04-2013 07:55:36
เห็นไหม เริ่มเห็นร้อยร้าวของความสัมพันธ์แล้ว คบกันไม่ยืดชัวร์!! (ดีใจอย่างออกนอกหน้า)
จะทำอะไรก็รีบทำนะเจตน์ คุณเลขาเขาเริ่มทำคะแนนไปไกลแล้วนา
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่16=(18/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 18-04-2013 21:58:54
=16=

" อ้วน อยู่รึเปล่าวะ? " เจตน์กรอกเสียงไปตามสายขณะที่เดินออกมาจากอพาร์ตเมนต์ของอารยะ

"จะให้กูไปตายไหนล่ะ" เสียงจากอีกฝ่ายด่ากลับ แต่ กลับกระซิบกระซาบตอบมาเสียมากกว่าจะด่ากันเต็มๆเหมือนเดิม

" ดี งั้นรอนั่นล่ะ จะไปนอนด้วย " เจตน์พูดง่ายๆแล้วตัดสายทิ้งหน้าตาเฉยก่อนจะไปรอรถไฟที่ชานชลา
=====================

--RRR--

เสียงออดดังขึ้นย้ำๆที่หน้าห้องของชินดนัยพร้อมถุงของกินของโปรดของเจ้าของห้อง

"ครับๆ... " เสียงชินดนัยดังขึ้น พร้อมกับเสียงวิ่ง ตึงๆ มาเปิดประตู
"กดอะไรนักหนานะ " ชินดนัยว่าพลางเปิดประตู ออกไป

" อะ!  " เจตน์โยนถุงของกินให้หนุ่มร่างท้วมแล้วเดินเข้ามาในห้อง

"ขอบใจ เอ้า เฮ้ย เดี๋ยว... " ชินดนัยเดินไปห้ามอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ทัน

เสียงดังตึงตังทำให้ เอิร์นที่ทำอาหารอยู่ในครัวด้านนอกต้องออกมาดู
" อ้าว คุณเจตน์ สวัสดีค่ะ " หญิงสาวทักหนุ่มผมสีน้ำตาลที่กำลังทำหน้า..เหวอที่สุดในชีวิต

" อ่า..คุณเอิร์น? "

"มึงเล่นตัดสายไปก่อน...กูกำลังจะบอกว่าไม่ว่างไง " ชินดนัยกระซิบพลางกระทุ้งศอกใส่อีกฝ่าย

" อ่า รบกวนหรือเปล่าครับเนี่ย? " เจตน์รีบปั้นหน้าหล่อใส่เอิร์นทันที

" ทานด้วยกันไหมคะ? เอิร์นทำสตูว์เนื้อไว้ กำลังจะเสร็จพอดีค่ะ "หญิงสาวไม่ตอบคำถามนั้น แต่เสนออาหารเย็นมื้ออร่อยแทน

" เอ้า...ไอ้เจตน์ตอบดิ่ คุณเอิร์น เขาชวนมึงนะ" มืออวบๆตบบ่าเพื่อนดัง ปึก

" งั้น มื้อนี้ฝากท้องด้วยนะครับ " เจตน์ก้มหัวลงเล็กน้อย เอิร์นยิ้มแล้วขอตัวไปทำอาหารต่อ ทิ้งให้ชายหนุ่มทั้งสองอยู่ตามลำพัง

=====================

" เหอ...ไอ้อ้วน ไม่เบานะมึง " มือนั้นหยิกแก้มยุ้ยๆของเพื่อนอย่างแรง

"โอ้ย อย่าหยิกเด่ะ..."ชินดนัยจับมือของอีกฝ่ายออก
"แล้วไม่ต้องมาแซวด้วย ไอ้บ้า"

" ไม่ให้แซวโว๊ย  แต่ที่เขามาทำข้าวเย็นให้มึงกินเนี่ยแปลว่าไรวะ " เจตน์โวยวายใส่ เสียงดัง..เล็กน้อย

"ชู่วว์ เบาๆดิ่วะ "ชินดนัยยกมือขึ้นปิดปากของอีกฝ่าย ทั้งๆที่หน้าแดงไปหมด
"ไม่มีอะไร เขาขอมาเอง ไม่มีอะไรจริงๆโว๊ย"

...จะให้มีอะไรได้ยังไง... ก็มึง...

" อย่างเขาน่ะ ดอกฟัาของบริษัทเลยนะโว้ย .. อย่างมึงน่ะ ร้อยชาติ ก็หาแบบนี้ไม่ได้หรอก " เจตน์ตบบ่าของเพื่อน..อย่างแรง

"กูไม่ได้หาเว้ย..เขามาเอง" ชินดนัยว่าพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

" พูดอย่างกับมึงจะไม่เอา " เจตน์หัวเราะหึๆ
" ถ้ามึงไม่เอากูเสียบเลยนะ.. "

"เฮ้ย แล้วพี่อาร์ตล่ะ" ชินดนัยหันขวับ
"มึงก็มีคนของมึงอยู่แล้วนี่หว่า..."

" เขาทำกูเสียความมั่นใจไปเลยว่ะ .. เป็นคนแปลกๆ.. " เจตน์นั่งลงอย่างครุ่นคิด

"มีเรื่องอะไรกันเหรอ" ชินดนัยว่าพลาง นั่งลงข้างๆอีกฝ่า มืออวบวางลงบนไหล่ของเพื่อนรักเบาๆ

" มัน..อึดอัดแปลกๆว่ะ .. เขานิสัยประหลาด เอาใจไม่ถูก เดายากยิ่งกว่าผู้หญิงร้ายๆอีก " เจตน์เริ่มระบายให้เพื่อนรักฟัง..เหมือนเคย

"แต่ พี่เขาก็...ดี ไม่ใช่เหรอ แบบว่า พี่เขาก็ออกจะ... สนใจมึงดีออก " ชินดนัยว่าพลางนึกถึงตอนที่ อารยะ คอบซักไซ้เขาอยู่เรื่อยๆ เกี่ยวกับตัวเจตน์ และนั่นพอจะทำให้เขานึกออกว่า.. ตอนนั้นมันก็ผ่านไปนานพอสมควร...

" เขาก็ผู้ชายเหมือนกันนี่หว่า ตอนยังไม่ได้กันก็ต้องสนอยู่แล้ว..พอได้ไปแล้วมันก็อีกเรื่อง "เจตน์ยักไหล่พูดหน้าตาเฉย

.....มีอะไรกันไปแล้วจริงๆด้วย.....

"แต่มึงไปทำอะไรให้พี่เขาไม่พอใจหรือเปล่า...ยิ่งเป็นพวกไม่บันยะบันยังอยู่ด้วยเวลาเลือดขึ้นหน้าน่ะ" ชินดนัยว่าพลางตบไหล่อีกฝ่าย

" เรื่องหลักๆก็เรื่องเซกส์ ล่ะวะ เขาทำกูเสียความมั่นใจไปเลยว่ะอ้วน "เจตน์พูดออกมาตรงๆ
 " อย่างวันนี้จริงๆเขาก็ชวนให้ค้างอะนะ แต่กูปอดว่ะ .. เหอะ ยอมรับเลย "

"พวกมึงนี่มีกันแค่เรื่องนี้เหรอ " ชินดนัยส่ายหัว

" แล้วมึงจะให้มีอะไรนักหนาล่ะวะ "เจตน์ขมวดคิ้ว

"เฮ้อ มึงก็ไปคิดเอาเอง ก็แล้วกัน "ชินดนัย ถอนหายใจยาว

"บางเรื่อง กูก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ ว่าจะช่วยอะไรมึงได้ "

" พูดเหมือนกันเลย..คนนั้นก็.. โตแล้วคิดเอาเอง แม่ง! พอได้กันแล้ว นิสัยเสียเฉยเลย "เจตน์โวยวายใส่เป็นชุด พร้อมๆกับที่เอิร์นเดินออกมาจากครัว การมีอยู่ของหญิงสาวทำให้เจตน์ต้องเงียบลงไปทันที


"อ้าว เสร็จแล้วเหรอครับ ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้ไปช่วยเลย " ชินดนัย รีบลุกขึ้นไปช่วยอีกฝ่าย ถือถาดมาวางที่โต๊ะ
เอิร์นยิ้มให้หนุ่มร่างท้วม ภาพนั้นเจตน์ได้แต่มอง

..เขารู้สึกแปลกๆ .. บอกไม่ถูก  ภาพแบบนั้น มันไม่น่าจะเกิดขึ้นในโลกไม่ใช่รึไง?

" คุณเจตน์ ทานข้าวค่ะ " เสียงของเอิร์นทำให้สติของเจตน์กลับมาอีกครั้ง
หนุ่มผมสีน้ำตาลรีบเข้าประจำที่กินข้าว อาหารรสมือของเอิร์นอร่อยมากจนเขาต้องมองเธออย่างทึ่งๆ
ก่อนจะหันไปทางชินดนัยที่ดูจะกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย

"มีอะไรวะ... " ชินดนัยถามพลางเงยหน้าขึ้นมาจากจากสตูว์

" ฝีมือคุณเอิร์น อร่อยมากๆเลยล่ะครับ  " เจตน์รีบหันไปทางหญิงสาว

" ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ นี่ยังสู้คุณแม่ไม่ได้เลย "

"โอ้โห...แบบนี้ยิ่งอยากไปลองทานนะครับเนี่ย "ชินดนัยพูดไปโดยที่ไม่ทันได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายอาจจะตีความมันได้ว่ายังไง
ทำเอาเอิร์นต้องอายจนหน้าแดง ส่วนเจตน์ก็ได้แต่ทำหน้าเหวอ

"หืม...มีอะไรเหรอครับ"  ชินดนัยว่าพลางมองซ้ายขวา

เจตน์เบือนหน้าไปทำท่าจะอาเจียนอย่างล้อเลียน

"ไอ้เจตน์....กูเห็นนะ " ชินดนัย ทำเสียงเข้ม

" แล้วไง ไม่กลัวเว้ย " หนุ่มผมสีน้ำตาลลอยหน้าลอยตาตอบ ทำเอาเอิร์นต้องหัวเราะกับบทสนทนาของทั้งคู่

"ขอโทษนะครับ คุณคงตกใจ ปรกติไอ้เจตน์มันไม่ได้บ้าขนาดนี้" ชินดนัยหันไปขอโทษขอโพยอีกฝ่าย

" ดีเสียอีกค่ะ เพื่อนๆของเอิร์นปลื้มคุณเจตน์กันทั้งนั้น ไว้จะพามาแนะนำให้รู้จักนะคะ "

" ดีเลยครับ ผมอยากจะรู้จักสาวๆแผนกเลขาเหมือนกันครับ แต่...ถ้าได้อย่างคุณเอิร์นก็คงดีนะครับ สวยก็สวย ทำอาหารก็อร่อยมาก " เจตน์ทำสายตาเข้าชู้ใส่เอิร์นทันที

"เจตน์..." เสียงชินดนัยขู่อาฆาตข้ามโต๊ะ แต่เจตน์กลับไม่สนใจ ทำเป็นพูดหยอดนิดหยอดหน่อยต่อไป ส่วนเอิร์นได้แต่ยิ้มก่อนจะขอตัวเก็บจานไปล้าง

"คุณเอิร์น... "ชินดนัยรีบลุกเดินตามไป " ให้ผมช่วยนะครับ "

เมื่อทั้งคู่ไป เจตน์ก็ได้แต่นั่งเซ็งๆ .. นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน
คิ้วเรียวขมวด ที่จู่ๆ เอิร์นก็มาทำให้เขา..เซ็ง ซะได้นี่

=====================

หลังจากนั้น ชินดนัย อาสา เดินลงไปส่ง เอิร์นที่จอดรถของคอนโด รถยนต์ คันงามของหญิงสาวแล่นออกไปจากที่จอดรถ ชินดนัยรู้สึกหายใจคล่องคอมากขึ้น ไม่รู้ว่าเป็น เพราะอะไรเวลาอยู่กับผู้หญิง คนนี้ เขาถึงได้รู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้องซักที บางที อาจจะเป็น เพราะ ความใจดี อ่อนโยน และรอยยิ้มหวาน นั่นก็เป็นได้

=====================

"เอ้อ...ไอ้ตี่ ขอโทษทีที่ให้รอว่ะ" ชินดนัยว่า เมื่อเดินกลับเข้ามาในห้อง

คำตอบของคนที่นั่งดื่มเบียร์ไปหลายกระป๋องก็คือกระป๋องเปล่าที่โยนมาทางประตู

"เอ้ย โยนมาทำ....อะไรวะ "ชินดนัยโวยวาย ก่อนจะเดินไปเก็บกระป๋องที่กลิ้งขลุกไปอีกทาง

" เหอะ มึงก็ใช่ย่อยล่ะ คราวหน้าก็ไปบ้านเขาเลยนะ ปลายปี มึงก็แต่งงานกับเขาไปเลย! " เจตน์หันมามองหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าเรียวแดงไปหมดด้วยความเมา

"เป็นบ้าอะไรวะ พวกกูไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย! "ชินดนัย อดจะโมโหไม่ได้ กับคำพูดแบบนั้นของอีกฝ่าย

" เขามาหามึงถึงบ้านเนี่ย ไม่ได้เป็นก็อยากเป็นล่ะวะ! " เจตน์ตะโกนใส่อีกฝ่ายแล้วเริ่มทำลายกระป๋องเบียร์ด้วยการบีบแล้วโยนไปทั่วห้อง

"ไอ้ตี่... ถ้ามึงยังไม่เลิกโยนของนะเว้ย กูตบกบาลมึงแน่ เป็น....อะไร ไม่พอใจอะไรก็บอกมาดีๆดิ่วะ ชวนตีนี่หว่า!" ชินดนัยชักโมโห

" เออ .. กูไปก็ได้ "เจตน์ลุกพรวดขึ้นจากโซฟา แล้วทำท่าจะออกจากห้อง แต่เพราะแอลกอฮอลล์ที่ร่างกายรับมาหลายรอบแล้วของวันทำให้เขาเดินไม่ไปถึงไหนเลย

"ไอ้บ้า มึงไม่ต้องไปไหนเลยมานี่ๆ " เห็นท่าทางดูไม่ได้ของอีกฝ่าย จะปล่อยให้ไปล้มฟุบอยู่ข้างทางก็จะหาว่าใจร้ายเกินไป ชินดนัย คว้า ตัวเพื่อนเอาไว้ ก่อนจะดันให้ไปนั่งดีๆที่โซฟา

" แม่ง " เจตน์สบถออกมา
" มึงจะให้กูทำไงเล่า..กูอึดอัดจะตายห่าแล้ว " เจตน์เขย่าแขนอวบๆของเพื่อนรัก

"แล้วมึง อึดอัดเรื่องอะไร ก็บอกมาเด้  "ชินดนัยว่า

 " ถ้าเรื่องพี่ อาร์ต ถ้ามึงรักเขาชอบเขาก็ไปทำให้เขาพอใจสิวะ มึงมันเอาแต่ใจ คิดเองเออเองทุกที ฟังคนอื่นเข้าบ้างซิ่วะ...นี่  ในโลกนี้ไม่ค่อยมีใครเขาจะทนมึงนอกเวลางานได้หรอก กูจะบอก "

…ก็มีแต่กูนี่ล่ะวะ...

" เฮ้ย ไอ้อ้วน.. " เจตน์เริ่มตาปรือ เพราะแอลกอฮอลล์ในเลือดมันกำลังจะบังคับให้เขาหลับ

" มึงรักกูรึเปล่าวะ? "

คำถามที่ดังออกมาจากปากของอีกฝ่าย ทำให้มือที่เขย่าไหล่ของอีกฝ่ายอยู่เมื่อครู่เผลอปล่อยออกอย่างช่วยไม่ได้

"อ่ะ...เอ่อ...ก็ใช่ดิ่วะ มึงเป็นเพื่อนกูนี่หว่า "

แต่ดูเหมือนเจตน์จะไม่ได้สนใจคำตอบนั้น เพราะทันทีที่ถามจบ เขาก็ผล่อยหลับไปทั้งแบบนั้นแล้ว

"ฟู่.... " เสียงชินดนัยถอนหายใจยาว ก่อนจะปาดเหงื่อ
"แม่ง ทำให้กูต้องตื่นเต้นเรื่อยเลยนะมึง " ชินดนัยพูด ก่อนจะจับแขนขาคนเมาให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินไปหาผ้าห่มมาห่มให้อีกฝ่าย ชายร่างท้วมเก็บประป๋องเบียร์ ขวดไวน์ ทำความสะอาดไปเรื่อย ก่อนจะไปอาบน้ำ เข้านอน

=====================

talk : มาอัพพร้อมยื่นใบลาค่ะ คนอัพขอลากิจลงกรุงเทพหลายวันหน่อยนะคะ ไว้เจอกันคราวหน้าค่ะ
เอิร์นคะแนนนำลิ่วเลยนะเจตน์ อย่ามัวเมาเบียร์ อิ อิ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่16=(18/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 18-04-2013 22:14:18
ชอบพี่ชินนนนนน สมน้ำหน้าเจตต์มัวแต่ซื่อบื้อ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่16=(18/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 19-04-2013 14:30:56

แบบนี้เค้าเรียกว่าหวงก้างนี่หว่า

คิดว่าเป็นของตาย
พอเค้าเริ่มหันไปสนใจคนอื่น
คราวนี้ก็เลยนอยด์แดกกลัวถูกทิ้งซะงั้น

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่16=(18/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 19-04-2013 14:37:21
โอ๊ะ ชินพาคุณเลขาเข้าห้องแล้ว เจตน์รีบทำคะแนนเลย ตอนนี้ยังเชียร์นายอยู่หน่อยๆนะ สู้ๆ
รออ่านตอนต่อไปจ้า
ปล.ไม่อนุมัติใบลาได้ไหมอ่ะ TT~
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่16=(18/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 20-04-2013 00:05:37
โอ๊ะ ชินพาคุณเลขาเข้าห้องแล้ว เจตน์รีบทำคะแนนเลย ตอนนี้ยังเชียร์นายอยู่หน่อยๆนะ สู้ๆ
รออ่านตอนต่อไปจ้า
ปล.ไม่อนุมัติใบลาได้ไหมอ่ะ TT~

ภารกิจคนเขียนยิ่งใหญ่ค่ะ ต้องยอม...

จากโคไรท์ ฮ่ะๆ (แว่บมาเม้นต์บ้างตามโอกาส)
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่16=(18/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-04-2013 00:19:00
เพิ่งมารู้สึกรึไงฟ่ะ ชินอย่าใจอ่อนเราไม่ใช่ตัวเลือกของใคร !!!
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่16=(18/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 20-04-2013 00:33:15
เป็นไงล่ะเจตน์ ชินเค้าก็ฮอทเหมือนกันนะเฟ้ยย

หึหึหึ เสียดายล่ะสิ รีบๆทิ้งพี่อาร์ตมาหาชินเลยนะ (ฮา)
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่16=(18/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 22-04-2013 21:36:23
คิดถึงน้องชินแล้ว!!
คุณคนเขียนรีบทำธุระให้เสร็จโดยไวเลย คนอ่านรออ่านอยู่นา
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่17=(24/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 24-04-2013 21:48:35
=17=
มีฉาก NC นะคะ

วันต่อมา อารยะยังคงไปบริษัทเหมือนอย่างทุกที

" อารยะ " คิมหันต์เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่เขาไปหาเมื่อคืนนี้มาทำงานในวันนี้

"อรุณสวัสดิ์ คิมหันต์ " หนุ่มร่างบางทักทายเพียงผิวเผิน ก่อนจะเดินเลยไปทางลิฟท์


เจตน์เดินเข้าบริษัทด้วยท่าทางอ่อนเพลีย เพราะยังคงแฮงค์เหล้าอยู่เห็นร่างบางที่กำลังพูดทักทายกับรุ่นพี่ที่แผนกของเขาจึงเดินไปทัก

" หวัดดี พี่คิม "เจตน์ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เวลาสนิทกัน เจตน์มักจะทำตัวสบายๆเสมอ

" ไง เจตน์.. ท่าทางไม่ค่อยดีเลย " คิมหันต์ถามออกมาอย่างเป็นห่วง ตามประสาเพื่อนร่วมงาน

" แฮงค์เหล้าอะดิ พี่ .. โดนด่าแน่เลยวันนี้ " เจตน์หัวเราะเฝื่อนๆ

"...เอ่อ คิมหันต์ เที่ยงนี้ว่างหรือเปล่า ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยซิ่" อยู่ๆ คนที่ยืนอยู่หน้าลิฟท์ ก็หันมาหาก่อนจะดึงมือของอีกฝ่ายเข้าไปในลิฟท์

ทำเอาคนที่กำลังคุยกันอยู่ต้องหันมาตาเสียงนั้นพร้อมๆกัน

"  ไม่ดีมั๊งครับ .. คุณอารยะ " คิมหันต์ดึงมืออีกฝ่ายออก แล้วยิ้มให้ก่อนจะปฏิเสธอย่างอ่อนโยน
 " นี่ไม่ใช่เวลาของผมนี่ครับ "

"ผมมีธุระ ที่จะต้องคุยกับคุณ ...เรื่องงาน ..." แต่เจ้าของชื่อยังยืนยันคำพูดเดิม

" ไปเถอะครับพี่คิม " เจตน์หันไปบอกคิมหันต์ด้วยเสียงเรียบๆ ก่อนจะหันไปทางคนรัก
" อรุณสวัสดิ์ครับ พี่อาร์ต "

"อรุณสวัสดิ์ เจตน์." อารยะรับคำพลางยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย น้ำเสียงที่ดูห่างเหินนั้นเป็นเพราะเขาไม่อยากให้อีกหลายๆ คนในบริษัท ต้องมาสงสัย หรือกลายเป็น ข่าวลืออะไรขึ้นมาอีก

" งั้นผมไม่รบกวนพวกพี่ล่ะนะ " เจตน์ว่าก่อนจะเดินไปใช้ลิฟท์อีกตัว

===================

" คุณอารยะ " คิมหันต์เรียกคนที่ดึงแขนเขาเข้ามาในลิฟท์เบาๆ

"มีอะไรเหรอ..." ชายหนุ่มรับคำ แต่ก็หาได้หันมามองหน้าของอีกฝ่ายไม่ ริมฝีปากคู่สวยคลี่เป็น รอยยิ้ม น้อยๆ

" กลางวันนี้ไปกินที่ไหนดีครับ? "

"ไม่รู้ซิ่นะ...นายว่าที่ไหนดีล่ะ " ชายหนุ่มถามกลับ

" ที่ไหนก็ได้ครับ "คิมหันต์ตอบกลับมา

"งั้น ก็ ตอนเที่ยง...เจอกันที่แผนก ฉัน ก็แล้วกัน " ชายหนุ่มพูดก่อนจะเดินออกจากลิฟท์ไปเมื่อ ลิฟท์ มาหยุดอยู่ที่ชั้นของแผนกของเขาพอดี

===================

ในตอนเที่ยง พนักงาน หลาย คนของแผนก เลือกที่จะออกไปทานข้าวข้างนอกมากกว่า จะอยู่แต่ในบริษัท แผนกเอกสารที่มีคนอยู่หลายคน ตอนนี้ เลยดูจะเงียบไปทันตาเห็น เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้องเอกสารพลางสอดส่องสายตาหาคนที่นัดไว้

"มาแล้วเหรอ... " เสียงนุ่มดังขึ้น จากด้านในสุดของแผนกเอกสาร "ห้องเก็บเอกสาร"

คิมหันต์เดินตามเสียงนั้นทันที

...ห้องเก็บเอกสาร...

อยู่ลึกเข้าไปด้านใน จะว่าไปก็ดูจะเป็น สถานที่ลึกลับที่สุดในบริษัทก็ว่าได้เพราะเมื่อเข้าไปแล้วจะเจอกับชั้นเอกสารหลายต่อหลายชั้นที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีอยู่ได้ในด้านในของแผนกหนึ่งของบริษัท กลิ่นอับภายในทำให้คิมหันต์ต้องย่นจมูกเล็กน้อยขณะที่เดินตามเสียงเรียกนั้น

" คุณอารยะ "หนุ่มลูกครึ่งเรียกชื่อคนที่กำลังยืนยิ้มให้เขาอยู่ .. จะว่าไปก็แปลก ตรงที่ เขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มยั่วยวนแบบนี้จากอีกฝ่ายมาก่อน

"ไม่ชอบเหรอ...ที่แบบนี้ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลว่า พลาง ปลดเนคไทของตัวเองลงเล็กน้อย

" แค่รู้สึกว่า แปลกที่นิดหน่อย " คิมหันต์ถอดสูทของตนเองออกแล้วรั้งเอวของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้

"ฮ่ะๆ...คงไม่เคยเล่นแบบนี้ซิ่นะ..."อารยะพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

" คิดจะเล่นอย่างเดียวเลยสิเนี่ย " คิมหันต์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะปลดเนคไทของอารยะออกก่อนจะไล้กับผมนุ่มนั้นเบาๆ แล้วเอาเนคไทนั้นผูกตาหนุ่มร่างบางเอาไว้
" ลองเล่นกับผมดูไหมล่ะ " ปลายลิ้นร้อนๆเลียใบหูเบาๆ

"อ๊ะ...ซนจริงเชียว.. " อารยะเอียงหลบด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เมื่อตามองไม่เห็น ประสาทรับสัมผัสดูจะทำงานมากกว่าปรกติ

" ถ้าคุณชอบ  "คิมหันต์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงเอาเนคไทของตนเองออกแล้วมัดมือทั้งสองข้างของคนที่เขากำลังจะเล่นด้วยไว้ด้วยกัน
" ซนกว่านี้ก็ยังได้ "ปลายลิ้นร้อนๆเลียริมฝีปากได้รูปนั้นอย่างเย้ายวนก่อนจะจัดการกับกระดุมเสื้อ และกางเกงของอีกฝ่าย

"อ๊ะ... "เสียงครางเครือเบาๆ ดังขึ้นเมื่อรู้สึกปลายลิ้นของอีกฝ่าย สัมผัสไล้เล่นไปบนผิวกาย ร่างบางของ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเกร็ง ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งในสถานที่และสภาพที่เป็นอยู่

" ถ้าชอบก็บอกสิ..แค่ร้องน่ะเหรอ? .. ผมไม่เห็นคุณจะเก่งแบบเมื่อคืนเลย "คิมหันต์พูดยั่ว ทั้งมือทั้งปากยังคงเร่งเร้าไปทั่วก่อนจะดันอีกฝ่ายไปจนติดกำแพง แล้วย่อตัวลง

"ฮึ...นายยังไม่รู้ต่างหาก...ว่าตรงไหน ที่ฉันจะร้องว่า "ดี..." เสียงหัวเราะในลำคอราวกับจะยั่วเย้า

ฟันคมๆกัดที่หน้าท้องขาวนั่นเบาๆราวกับจะให้อีกฝ่ายหยุดท้าทายเขา ก่อนจะเลื่อนลงเบื้องล่าง

"แน่จริง..ทำซิ่...ทำเลย... ถ้าฉันชอบ...ฉันจะบอกเอง" เอวบางขยับยั่ว แม้จะมองไม่เห็น แต่ลมหายใจอุ่นๆ ที่สัมผัสได้บนผิวกาย ก็ทำให้ใจเต้นระรัวยิ่งขึ้น

ปลายลิ้นร้อนๆ ไล้เลียเบื้องล่างของอารยะอย่างแผ่วผ่าน มือทั้งสองข้างแตะต้องสะโพกมนอย่างยั่วเย้า ก่อนจะลากไล้ไปเรื่อย

"อ๊ะ... คิม..คิมหันต์.. "

===================

เสียงร้องที่ดังขึ้นทำให้คนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในแผนกต้องสะดุ้ง ทั้งห้องว่างเปล่าไม่มีใคร แต่ กลับได้ยินเสียงครางเครือดังขึ้นมาจากที่ไหนซักแห่ง ชินดนัยเหลียวซ้ายแลขวา นึกในใจ

...โดนเข้าแล้วหรือเปล่าเรา...

"อ๊า...คิม. อีกซิ่...ดี....อีก.... " คราวนี้ เสียงที่ได้ยินนั้นดังขึ้นฟังได้ถนัดหู มันเป็น เสียงของใครบางคนที่ชายหนุ่มร่างท้วมรู้จักเป็นอย่างดี หากแต่คราวนี้ เสียงที่มักจะเอ่ยอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนกลับเป็น เสียงกรีดร้องยั่วยวน เต็มไปด้วยอารมณ์ความใคร่ ดังออกมาเป็น ชื่อของใครบางคนที่เขาเอง ก็เคยได้พบมาก่อน

ชินดนัยค่อยๆเดินไปหาต้นเสียง ด้วยหัวใจเต้นระรัว

......คงคิดไม่ผิดใช่ไหมที่เดินเข้ามา...

เสียงนั้นดังข้นเรื่อยๆ เมื่อยิ่งเดินลึกเข้าไปในห้องเอกสาร คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหมึกและกลิ่นกระดาษเก่าๆ น่าแปลกที่คราวนี้ กลับ มีไอความร้อน ที่สัมผัสได้เข้ามากระทบที่ผิวหนัง

และเมื่อก้าวเข้าไป เงาร่างเคลื่อนไหวเร่าร้อน ที่มองเห็น ผ่าน ชั้นของเอกสาร คือชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ที่คุ้นเคย ในสภาพเปลือยเปล่า ชิ้นส่วนของเครื่องแต่งกายที่เหลืออยู่ ก็ดูจะผิดที่ผิดทาง ดวงตาของรุ่นพี่ที่แสนใจดีของชินดนัยถูกผิดด้วยเนคไท เสียงร้องครางเครือดังออกมาจากปากบางสีแดงสด ส่วนอีกร่างที่เร่งเร้านั้น ก็หาใช่ใครอื่น คนที่เขาเคยเจอเมื่อคราวก่อนที่งานปาร์ตี้ แม้จะพอมองออกมาว่า อีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกับรุ่นพี่ของตน แต่จากท่าทีที่เคยเห็น และ สถานะภาพของเจตน์กับคนๆนี้แล้ว ทั้งสองคนนี้ไม่น่าจะ...

ด้วยไม่อยากจะเชื่อในสายตา ชินดนัยเผลก้าวถอยหลังไม่ทนได้ดู ร่างท้วมชนเข้ากับชั้น เก็บเอกสารเกิดเป็นเสียงดัง


กึง


"ใครน่ะ " เสียงที่ได้ยินทำให้อารยะชะงัก มือเรียวยกขึ้นมาดึงเอาผ้าปิดตาออก แต่ ก็เห็นเพียงแค่หลังไวๆ เท่านั้นเอง

" ช่างมัน  "คิมหันต์ไม่สนใจ มือนั้นรั้งขาทั้งสองข้างให้แยกออกก่อนจะแทรกกายเข้าไปภายใน เรียกเสียงร้องจากคนตรงหน้าให้ดังขึ้นอีก

"แต่..เดี๋ยว....อ๊า... " อารยะร้องออกมาเสียงดังอย่างยากจะระงับ มือเรียวผวากอดอีกฝ่ายเช้าหาตัว

" เรียกชื่อผมสิ ร้องดังๆ เลย "คิมหันต์กระแทกกายเข้าหาอีกฝ่ายเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ

"อึ๊ก... "แต่อารยะกลับ เม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้ร้องเรียกชื่อของอีกฝ่าย เหมือนอย่างในตอนแรก มือเรียว พยายามดันตัวอีกฝ่ายออก
"อย่า....ออก..ข้างใน ... " ชายนุ่มร่างบางเค้นเสียงออกมาแผ่วเบา มือสั่นระริกด้วยแรงอารมณ์

คิมหันต์หอบหายใจแรง เขาได้ยินเสียงนั้น.. อารยะต้องการให้เขาออกไป ..

...มันก็แค่การเล่นสนุก ... ของคนๆนี้เท่านั้น..เหมือนทกครั้ง ทุกคนที่ อารยะสนใจ..

คิมหันต์กัดริมฝีปากแน่นก่อนจะถอนกายออกไปแล้วจัดการตนเอง

ร่างบาง ทรุดลงไปนั่งหอบหายใจอยู่กับพื้น ราวกับไม่มีแรงจะยืน หากแต่ภายในสมอง ไม่ได้คิดถึงเรื่องของชายหนุ่มที่เขาเพิ่งจะมีสัมพันธ์ ด้วย ตรงกันข้าม เขากำลังคิดถึงเรื่องของคนที่เขาเห็น เมื่อครู่มากกว่า

...โดนเห็นแล้ว...เจ้าชินนั่น...แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะ ...

===================

" ถ้าเรียกผมมาเพื่อจะทำให้เป็นแบบนี้ล่ะก็..คุณใจร้ายมากเลยนะ "คิมหันต์หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาเช็ดมือที่เปรอะเปื้อนก่อนจะหยิบเสื้อผ้ามาสวม แล้วดึงเนคไทจากมือที่ถูกมัดนั้นไว้มาผูกเป็นไทค์ที่คอตนเอง
แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน กลับ ตวัดขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่าย

" นายมันก็เอาแต่ใจ...ไม่แพ้หมอนั่นหรอก!" ว่าพลางหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของตนเองมาเช็ดคราบที่ตัวเองปลดปล่อยออกมาเช่นกัน

" คุณนั่นแหละที่เอาแต่ใจ "คิมหันต์ย้อนทันที ก่อนจะเดินออกจากห้องเอกสารไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา


"เฮอะ... ผู้ชาย มันก็เป็นอย่างนี้กันทุกคนละวะ.. อาร์ตเอ๊ย...ไปหาผู้หญิงดีกว่าไหม" ชายหนุ่มร่างบางหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องเอกสารไป

===================

talk : กลับมาแล้วค่ะ จริงๆกลับมาตั้งแต่วันจันทร์แล้ว แต่มัวฟินภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ผ่านไปค่ะ เอาล่ะ เรียกสติสตังกลับมาต่อกันดีกว่า
วันนี้เป็นคราวของ คิมกับอาร์ต อีกแล้วค่ะ เจ้าชินดันมาเห็นของดีซะได้เนอะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่17=(24/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 25-04-2013 13:06:49
โอ๊ะ! น้องชินเห็นของดีเข้าแล้ว... เอ น้องชินมาเห็นแบบนี้บางทีคะแนนของบักเจตน์อาจจะขึ้นมาตีกับคุณเลขาแล้วก็ได้นะ -.,-
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่17=(24/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 25-04-2013 13:57:19

มี " อิโนะ " หลุดมาสองที่นะ

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่17=(24/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 25-04-2013 15:39:26
มี " อิโนะ " หลุดมาสองที่นะ

+ เป็ดจ้า

อุ๊ย..ว่าปรู๊ปดีแล้วเชียวน้า หลุดจนได้ ไปแก้ก่อนนะคะ

ปล.ปรับจากแฟนฟิก"ที่เขียนเอง"อีกทีค่ะ แต่ก็แอบอายเบาๆ -- --'

หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่17=(24/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 25-04-2013 20:17:21
ยังเชียร์ชินให้มีแฟนเป็นคนอื่นอยู่ดีอ่ะ เจตต์บางทีก็ดูซื่อไป
สมควรแล้วแหละโดนอีพี่อาร์ตหลอกชินจะได้มีคนอื่นให้หึงเล่น
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่18=(27/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 27-04-2013 21:37:43
=18=

ตลอดเวลานับตั้งแต่ ตอนบ่าย ชินดนัย แทบจะไม่อยากอยู่ติดที่นั่งเอาเสียเลย

" เฮ้ย อ้วน " เจตน์เดินเอาเอกสารมาให้หนุ่มร่างท้วมที่ดูจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่
" เป็นไรวะ กินมากท้องอืดรึไง?  "

"ป่ะ...เปล่า " ชินดนัยหัวเราะเสียงแห้ง

ส่วนชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก เพียงแค่หันไปมองหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มให้น้อยๆ

" ไปทานข้าวกับพี่คิมอร่อยไหมครับพี่? " เจตน์ถามพลางยิ้มให้ เมื่อเขาทั้งคู่ต้องสบตากันอย่างช่วยไม่ได้

"อื้ม... ก็ อร่อยดีนะ " อารยะรับคำ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปรายตามองรุ่นน้องร่างท้วมที่นั่ง อยู่ฝั่งตรงข้าม

" ร้านไหนเหรอ ไว้ค่อยไปด้วยกันดีไหม? " เจตน์ถามต่อ ก่อนจะวางกองเอกสารลงตรงหน้าชินดนัย

โครม

เสียงกองเอกสาร ล้มดังตึง ชินดนัยรีบกระวีกระวาดหยิบขึ้นมาทันที

" ซุ่มซ่าม มึงนั่งดีๆเลย ท้องอืดแหงๆ "เจตน์ดุเพื่อนแล้วก้มลงเก็บกองเอกสารที่กระจายนั่นวางลงบนโต๊ะ

"เออๆ ขอโทษๆ " ชินดนัยหัวเราะเสียงแห้ง ก่อนจะรีบหยิบเอกสารบางแฟ้ม "เดี๋ยว กูไปแผนกบุคคล ก่อนดีกว่าว่ะ "

เจตน์พยักหน้าให้เพื่อนไปแผนกอื่น และเมื่ออยู่กันเพียงสองคนกับอารยะ เขาจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะของคนรัก
" วันนี้พี่อยากกินอะไรล่ะ เลิกงานจะได้ไปซื้อกัน "

"ก็... "อารยะก้มหน้าก้มตาทำงานเอกสารตรงหน้า "เอาที่มันกินง่ายๆ ก็แล้วกัน วันนี้เหนื่อยน่ะ"

" เหนื่อยก็กลับไปที่ห้องก่อนก็ได้ ผมซื้อของแล้วจะตามไป "เจตน์ทำท่าจะลูบผมอีกฝ่าย แต่ก็ดึงมือกลับ แล้วถอนหายใจ

"อืม...แล้วเจอกัน" อารยะตอบพลางโบกมือให้กับอีกฝ่ายเล็กน้อย
ทันทีที่อีกฝ่ายเดินออกไป ปลายปากกาที่ทำท่าว่าจดรายงานเอกสารอยู่ก็หยุดลง ริมฝีปากบางเบะออกเล็กน้อย

...แตะยังไม่กล้าแตะ ... ไม่ได้ดั่งใจจริงๆเลย เด็กน้อยเอ๊ย...

=====================

ตอนเย็นของวันนั้น เจตน์ไปเดินซื้อของทำอาหารเย็นในซุปเปอร์ พร้อมกับเครื่องดื่มและขนมที่ตัวเองชอบก่อนจะนั่งรถไฟไปอพาร์ตเมนต์ของคนรัก

--RRR---

" มาแล้วครับ "

"อื้ม..ขึ้นมาซิ่" เสียงนุ่มตอบรับจากอินเตอร์คอม ก่อนที่เสียงกลอนจะปลดล็อกที่หน้าประตูใหญ่ข้างล่าง

เจตน์เดินเข้ามาในห้องของคนรัก มือข้างหนึ่งแตะหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ " อืม ตัวอุ่นๆ "

"เหรอ... เพิ่งจะอาบน้ำล่ะมั้ง" อารยะว่า "วันนี้ พ่อครัวจะมาทำอะไรให้กินล่ะ หิวแล้ว " ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้ม อย่างได้ใจ เมื่ออีกฝ่ายมาหาถึงที่

" อืม กินขนมรอไปก่อนก็ได้ ซื้อมาเยอะแยะ " เจตน์ยื่นถุงของว่างให้อีกฝ่าย แล้วเดินเข้าครัวไปทำอาหารเย็น

"ไม่อยู่...ดูทีวีกันหน่อยล่ะ...รายการที่ชอบจะมาแล้วไม่ใช่รึไง" อารยะ เอ่ยขึ้นเมื่อหันไปมองนาฬิกาและเห็นว่ามันใกล้เวลาที่รายการทีวี ที่อีกฝ่ายชอบกำลังจะเริ่ม

" อืม ก็ได้ฮะ " เจตน์เดินไปเปิดโทรทัศน์ของอีกฝ่ายแล้วนั่งดูที่โซฟา

..อึดอัดโว้ยยยย...

"มีอะไร... จะพูดรึเปล่า...ก็บอกได้นะ" เสียงนุ่มของเจ้าของห้องดังขึ้น พร้อมๆ กับ มือเรียว ที่ยื่นแก้วกาแฟร้อน ให้กับอีกฝ่าย หลังจากที่เดินหายเข้าไปในห้องครัวได้พักใหญ่ เจตน์ส่ายหน้าพรืดแล้วรีบรับแก้วกาแฟมาจิบ

ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ เวลาผ่านไปช้าๆจนกระทั่งรายการโทรทัศน์รายการโปรดของเจตน์จบลง
" อ่า..จบแล้ว ผมต้องกลับแล้วล่ะนะพี่ "

"อ้อ... แล้วเหรอ... กลับดีๆก็แล้วกันนะ " อารยะว่า พลางเดินไปจูบลาอีกฝ่ายที่ข้างแก้มเบาๆ

" อืม .. พี่ตัวอุ่นๆนะ นอนห่มผ้าด้วยล่ะ " เจตน์แตะริมฝีปากกับอีกฝ่ายเบาๆแล้วลุกจากโซฟาไปเก็บของที่เอามาด้วยก่อนจะออกจากห้องไป

"แล้วเจอกัน... " เสียงของเจ้าของห้องดังไล่หลังไปก่นที่บานประตูจะปิดลง

ห้องทั้งห้อง ดูจะไร้การเคลื่อนไหว เมื่อเจ้าของห้องยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่หน้าทีวี
เสียงโทรทัศน์ ยังคงดังต่อไป ก่อนที่มือเรียว จะเอื้อมไปหยิบ กุญแจห้องกับกระเป๋าสตางค์ แล้วเดินออกจากห้องไป

...ขอไปดื่มแก้เซ็งหน่อยเถอะ....

======================

ผับย่านทองหล่อที่หมายของใครต่อใครมากมายในคืนที่อากาศดีๆแบบนี้ หนุ่มลูกครึ่งนั่งดื่มอยู่เพียงลำพังได้ไม่นาน เหล้าแก้วแรกก็ถูกส่งมาจากอีกด้านซึ่งเขาก็รับไมตรีนั้นแต่โดยดีด้วยการยกแก้วขึ้นเล็กน้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าของเหล้าแก้วนั้นเดินมาเขาทันที

"อ้าว.. บังเอิญจังนะ คิมหันต์" ผู้ที่มาใหม่ เดินเข้าไปขัดจังหวะของคนทั้งสองคนได้อย่างพอดิบพอดี

" คุณอารยะ มาด้วยเหรอครับ "คิมหันต์ถามตามมารยาทก่อนจะจิบเหล้าต่อ

" เพื่อนเหรอครับ? " เสียงนุ่มทุ้มชวนฟังของบุคคลที่สามเอ่ยถาม พลางปรายตามองคนที่มาใหม่เล็กน้อย

" ทำงานที่เดียวกันน่ะครับ"คิมหันต์ถามคนที่นั่งอยู่กับเขาก่อนไม่ได้สนใจคนที่มาทักซักเท่าไหร่

"อ้อ...ขอโทษทีก็แล้ว กัน ฉันคงจะมาผิดจังหวะไปนิด" อารยะพูดขึ้นมาลอยๆ ก่อนจะลุกเดินไปอีกทาง


=====================

" นี่ ปล่อยไปแบบนั้นจะดีเหรอ? " ร่างสูงเพรียวเหลือบมองคนที่เดินไปเล็กน้อย แล้วถามขึ้นมา เส้นผมน้ำตาลแดงเป็นประกายในไฟสลัวของทางร้าน ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มนั้นดูสวยชวนมอง

" เดี๋ยวก็มีคนอยู่เป็นเพื่อนเขาเองนั่นแหละ " คิมหันต์ยิ้มให้หนุ่มร่างเพรียวแปลกหน้าผู้เป็นมิตร แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับอีกฝ่ายเบาๆ
========================

"ปล่อยผมด้วยครับ " อยู่เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของร้าน ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลกำลังยื้อตัวเองออกห่างจากพนักงานบริษัทรุ่นราวคราวพ่อที่แวะมาเที่ยว

" อ้าว? " คนที่อยู่กับคิมหันต์อุทานเมื่อเห็นหนุ่มใหญ่คนนั้นเข้ามานั่งเบียดกับหนุ่มผมสีน้ำตาลที่เดินผ่านเขาไปเมื่อครู่

" ผมบอกแล้วไง " คิมหันต์ยิ้มเล็กน้อยแล้วยกแก้วเหล้านั้นจิบต่อ เป็นเวลาเดียวกับที่สาวๆชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเดินเขามาทักทายเขา ซึ่งคิมหันต์ก็รับไมตรีนั้นไว้

"ปล่อยนะเว้ย ไอ้แก่..." ยิ่งเห็น ภาพแบบนั้น ก็ยิ่งอารมณ์เสีย ชายหนุ่มสะบัดแขน ออกจากอีกฝ่าย เสียจนแก้วตกแตกกระจายบนพื้น นั่นทำเอาหนุ่มใหญ่ถึงกับเลือดขึ้นหน้า

" เฮ้ย แล้วมายั่วกูทำไมวะ " ชายร่างท้วมวัยกลางคนกระชากคอเสื้อของอารยะขึ้นมาแรงมหาศาลนั้นทำให้ร่างบางนั้นแทบจะลอยจากพื้นแล้ว
แต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนที่จัดการกับท่อนแขนข้างว่างของหนุ่มใหญ่คนนั้นจนอยู่หมัด

" อย่ารังแกเด็กสิลุง กินเหล้าอยู่เสียอารมณ์ชะมัด " คิมหันต์บีบข้อมือนั้นจนเขาต้องร้อง
 " ปล่อยเขาซะ แล้วกลับไปหาลูกเมียไป "

"......" ร่างบางที่ถูกกระชากคอเสื้ออยู่ไม่ได้พูดอะไร เพราะมันอึดอัดเสียจนเขาพูดอะไรไม่ออก

....กูไปยั่วมึงตรงไหนวะไอ้แก่....

อารยะด่ากร่นอีกฝ่ายอยู่ในใจ เขาแค่มานั่งดื่มแก้เซ็งเท่านั้นเอง

ซึ่งนั่นก็ทำให้ชายแก่คนนั้นกลับไปแต่โดยดี ส่วนคิมหันต์ก็เดินกลับไปที่นั่งของตนเอง ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดๆของสาวที่นั่งอยู่ในนั้นหลายคน รวมถึงกลุ่มเพื่อนๆของหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงคนนั้นด้วย

"ขอบใจ... " เสียงตอบกลับไมตรีนั่นดูจะไม่ระรื่นหูเหมือนอย่างทุกที ท่าทีของอีกฝ่ายนั้นทำให้ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์อารยะโยนเงินจ่ายค่าเหล้า ก่อนจะเดินออกจากร้านไป
===========================

แต่ที่หลังร้านนั้นเองที่หนุ่มใหญ่คนนั้นยังคงรออยู่ด้วยความแค้น อารยะที่เดินผ่านหน้าเขาไปอย่างไม่ระมัดระวังนั้น เขาใช้กำลังจู่โจมทันที

"โอ้ย อะไรวะ " หนุ่มร่างบางร้องขึ้นมาทันทีเมื่อเจอแรงกระชาก แต่ด้วยว่ายังไม่ได้ดื่มอะไรเข้าไปมาก จึงพอมีแรงที่จะโต้ตอบกลับ

" มานี่เลยมึง" หนุ่มร่างใหญ่ทั้งดึงทั้งลากร่างนั้นไปยังมุมมืดด้านหลัง

" อืม..คุยกันสนุกดีนะ " คิมหันต์ดูนาฬิกาข้อมือ เขายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะจับมือของเพื่อนใหม่ขึ้นมา แล้วจดเบอร์โทรศัพท์ของเขาลงไป จากที่พูดคุยกันกับหนุ่มร่างบางแปลกหน้าคนนี้จึงได้ทราบว่า เขาทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินอยู่ในสายการบินแห่งหนึ่ง

 " สุธาสิน งั้นเหรอ? ไว้ไปบินกลับมาเจอกันอีกดีไหม?  " คิมหันต์ถาม พลางยกมือของตนเองที่มีทั้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่ายเขียนลงมาเช่นกัน แล้วลุกขึ้นจากที่นั่งของตน ก่อนจะโบกมือเป็นเชิงขอตัวก่อน

" เรียกสินก็ได้ ไว้ผมกลับมาแล้วโทรมาก็แล้วกัน " สุธาสินว่าแล้วเงยหน้ามองคนที่ลุกจากโต๊ะที่เต็มไปด้วยสาวๆนั้น

" มาสนุกกันต่อดีกว่าครับ สาวๆ " เขาสั่งเหล้ามาเลี้ยงสาวๆกลุ่มนั้น ไม่ได้สนใจคนที่จากไปแล้วเท่าไหร่นัก
=====================

เสียงเอะอะโวยวายนอกร้าน....มันเป็นอย่างที่เขาคิดอยู่แล้ว..
หนุ่มลูกครึ่งเดินไปยังสถานที่เกิดเหตุอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่

... ยังไงอารยะก็เป็นผู้ชาย..

 "ไอ้แก่เอ้ย..." เสียงชายหนุ่มผมสีน้ำตาลว่าอย่างเหลืออดก่อนที่จะปล่อยหมัดออกไปกระทบหน้าของอีกฝ่าย
ทำเอาชายวัยกลางคนนั่นถึงกับเลือดขึ้นหน้า เขาซัดหมัดใส่ท้องอีกฝ่ายจนจุกล้มลง ก่อนจะยกเท้าหมายจะกระทืบซ้ำ

" เฮ้ย กูบอกมึงแล้วให้กลับไปหาลูกเมียซะ " เสียงของหนุ่มลูกครึ่งดังขึ้นพลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปจัดการกับหนุ่มใหญ่ ด้วยความได้เปรียบเรื่องรูปร่างและอายุ ทำให้เขาคล่องตัวกว่ามาก เพียงไม่นาน หนุ่มร่างใหญ่นั้นก็ต้องลงไปนอนกองกับพื้นเย็นๆ

อารยะที่ได้ที รีบลุกขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปซ้ำ อีกฝ่ายด้วยความโมโห
"กูไม่ได้ยั่วใครสุ่มสี่สุ่มห้าเว้ย " ชายหนุ่มว่า ก่อนจะเดินละไปอีกทาง น้ำลายผสมกับเลือดถูกถ่มไปอีกทาง ร่างบางของชายหนุ่มเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว

คิมหันต์ดึงแขนอีกฝ่ายไว้ " ผมไปส่ง "

"ไม่ไปหาเขาล่ะ คนนั้นน่ะ " อารยะสะบัดแขนออก ไม่วายที่ริมฝีปากของคนเจ็บจะพาลหาเรื่อง

" เรื่องของผม ผมช่วยคุณแล้วนี่ แค่เอาไปส่งที่ห้องไม่เท่าไหร่หรอก "
คิมหันต์ดึงแขนอีกฝ่ายให้ตามเขาไปที่รถแล้วจับยัดลงไปตรงที่นั่งข้างคนขับแล้วขับออกจากที่นั้นไปโดยเร็วก่อนจะจอดที่หน้าอพาร์ตเมนต์

=======================

" ถึงแล้ว "

"นี่..เจ็บมือรึเปล่า..จะขึ้นไปใส่ยาก็ได้นะ" ชายหนุ่มร่างบางว่า พลางมองไปที่มือขาวที่จับพวงมาลัยอยู่มันเป็นแผลจากการลงไม้ลงมือเมื่อครู่

" ไม่รบกวนดีกว่า  "คิมหันต์ยืนยันคำเดิมแล้วกดปลดลอคประตูรถให้อีกฝ่ายเป็นเชิงบอกให้ลงไป

แต่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลกลับยังไม่ยอมลงจากรถ มือเรียวฉวยมือของอีกฝ่าย มาจับเอาไว้ก่อนจะก้มลงจูบเบาๆ
"ขอบใจ... " เสียงนุ่มดังแผ่วผ่าน ก่อนที่ร่างบางจะค่อยก้าวลงจากรถไป

ทันทีที่ประตูปิดลง คิมหันต์ก็เหยียบคันเร่งออกจากหน้าอพาร์ตเมนต์ไปทันที ตีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ใส่ใจอะไรเลยซักนิด
ทั้งๆที่ความรู้สึกแผ่วเบาที่มือมันทำให้เขาอ่อนไหว

======================

" หน้าไปโดนอะไรมาน่ะพี่? " เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นอารยะเดินเข้ามาในบริษัท
"เปล่านี่...แค่ หกล้มนิดหน่อย " เสียงอารยะตอบกลับไม่ได้สบตากับอีกฝ่าย
" ทายารึยังฮะ? ผมหายามาให้นะ " เจตน์ถามก่อนจะแยกไปหายามาให้อีกฝ่าย

===================

อีกด้านสาวแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทกำลังเดินโทรศัพท์ผ่านไป

" แหม คุณคิมหันต์ล่ะค่ะ อย่าผิดนัดก็แล้วกันนะ คืนนี้เจอกันนะคะ ไว้ฉันจะชวนเพื่อนๆไปกันเยอะๆ "
เสียงหวานที่ดังขึ้นเป็นชื่อของชายหนุ่มที่มาช่วยเขาเอาไว้เมื่อคืนทำให้คนที่ยืนรอลิฟท์อยู่ก่อนต้องหันไปมองตามเสียง

"อรุณสวัสดิ์" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทักทายพลางยกมือน้อยๆให้กับอีกฝ่าย

" อรุณสวัสดิ์ครับ " คิมหันต์ก้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านหน้าของอารยะไปกดลิฟท์ ตามด้วยสาวคนที่เรียกชื่อของเขาที่จงใจเดินข้างๆ

 " อรุณสวัสดิ์ค่ะ " เธอแสร้งทำเป็นทักทายตามมารยาท

" อรุณสวัสดิ์ครับ "น่าแปลก ทั้งๆที่ปรกติ คิมหันต์จะไปไหน หรือ ไปอะไรกับใครเขาจะไม่สนใจมากนัก แต่มันเป็นเวลา เกือบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง แล้วที่เขาไม่ได้รับความสนใจ อย่างจริงจัง จากใครเลย ไม่ว่าจะเป็นทั้งจาก เจตน์ และตัวของหนุ่มลูกครึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้
มือเรียวกำแน่น ก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปที่ลิฟท์อีกตัว

"เชิญพวกคุณก่อนเถอะครับ" อารยะเลี่ยงไปอีกทางด้วยความรู้สึกขุ่นมัว

...อะไรกัน ทำไมเป็นแบบนี้ ไม่เห็นจะสนุกเลย...

คิมหันต์เหลือบมองท่าทางแบบนั้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปยิ้มให้พนักงานสาวคนเดิม พร้อมกับลิฟท์ที่เลื่อนขึ้นไปด้านบน

=====================

" อ้วน พี่อาร์ตมายังวะ? " เจตน์เดินเข้ามาในแผนกเอกสารพร้อมกับกล่องยาใส่แผล

"ยะ...ยัง ไม่ได้ขึ้นมาพร้อมกันหรือไง " ชายหนุ่มร่างท้วมที่กำลังนั่งอ่านเอกสาร รีบ เก็บซองกระดาษเข้าใต้โต๊ะ เมื่ออยู่ๆ เพื่อนร่างสูงก็โผล่เข้ามา

...จดหมายนี่ ให้มันเห็นก็ไม่ได้อีก...ทำไมช่วงนี้มีแต่เรื่องต้องปิดมันวะ...

" เฮ้ย ไรวะ แอบดูหนังสือโป๊รึไง? " เจตน์เหล่มองเพื่อนอย่างรู้ทัน แล้วตบไหล่เพื่อนเสียงดังก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชินดนัย
"เหอะ..อย่างมึงไม่ต้องดูหรอกว่ะ มีสาวๆมาทอดสะพานให้แล้วเนี่ย " พูดถึงสาวร่างเล็กแผนกเลขา อิสราภรณ์ดูจะชอบชินดนัยเสียขนาดนั้น

"กูยังไม่รู้จะข้ามดีไม่ข้ามดีเนี่ย...ว่าแต่ กล่องพยาบาลนั่นอะไร จะเล่นหมอคนไข้เรอะ" ชินดนัยคิ้วขมวด เพราะเมื่อวานก็เพิ่งจะเห็น คนเล่น SM ไปหยกๆ

" ให้พี่อาร์ต หน้าเขียวมาเลย..ไม่รู้ไปมีเรื่องกับใคร " เจตน์นั่งเท้าคางมองหน้าเพื่อนสนิท
 " เย็นนี้สงสัยต้องทำข้าวต้มให้กินล่ะมั๊ง "

" ถ้าดูแลกันดีจริงก็อย่าปล่อยให้เขาไปกับคนอื่นดิ่วะ" ชินดนัยก้มหน้าก้มตาบ่นพึมพำออกมาด้วยข้อมูลที่ไม่อยากรู้มันเข้ามาอัดอั้นตันหัวเต็มไปหมด

" หือ มึงว่าอะไรนะ? " เจตน์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจในสิ่งที่ได้ยิน

" เปล่าไม่มีอะไร" ชินดนัยสะดุ้งพลางฉีกยิ้มกว้างจนเห็นแก้มนูน
" คือ..กูบ่นอะไรไปเรื่อยน่ะ"

" เขาไปกับคนอื่นเหรอวะ? "เจตน์ถามย้ำ น้ำเสียงทุ้มต่ำดูจริงจัง
 " มึงไปเห็นมารึไง? "

"ก็....เอ้อ ไอ้ตี่ มึงนี่ถามไรบ้าๆ" ชินดนัยอ้ำอึ้งก่อนจะเสไปเรื่อย

" มึงไปเห็นที่ไหน? เมื่อไหร่? เขาอยู่กับใคร? "เจตน์ไม่ยอมให้ชินดนัยเปลี่ยนเรื่องได้ง่ายๆ

"เอ้ย มึงจะมาถามอะไรกับกูวะ..."ชินดนัยยังคงปากแข็ง ถึงแม้ว่าจะเห็นจะๆตา แต่เรื่องแบบนี้นี่มันไม่ใช่อะไรที่จะพูดกันออกมาง่ายๆ
" มังไม่เชื่อใจพี่เขาหรือไง ?"

" กูไม่รู้จักเขาดีพอนี่หว่า "เจตน์เถียงขึ้นมาทันที
" กู...ก็แค่อยากรู้ "

ดวงตาสีเข้มของชินดนัยมองหน้าเพื่อนสนิท เขารู้ดีว่าไม่มีทางปิดอีกฝ่ายได้ แต่ถึงกระนั้น...
"........." ชายร่างท้วมถอนหายใจ ก่อนจะเอาแฟ้มใส่เอกสารมาเปิด ทำท่าเป็นไม่สนใจเสีย
"เรื่องของพวกมึงน่ะ พูดมากไปก็ไม่ดีหรอกนะเว้ย" ชินดนัยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

ทำเอาเจตน์ต้องโวยวายขึ้นมา
" ทำไมต้องมีความลับกับกูด้วยวะ อ้วน ?! "

"เออน่า...ไว้กูอยากบอกมึงเมื่อไหร่ก็จะบอกแล้วกัน โน่น คนไข้มาโน่นแล้ว"  เขาชินแล้วกับท่าทางของเพื่อนที่เป็นแบบนี้ ชินดนัยพยักเพยิดไปทางคนที่เดินปึงปังเข้ามาในแผนก

" ยาครับพี่ อย่าซุ่มซ่ามนักสิฮะ " เจตน์ยื่นกล่องยาให้อีกฝ่าย
" ผมต้องไปแล้วนะ เที่ยงนี้ไปกินข้าวกันนะ "

"อื้ม...ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวคิมหันต์จะมาว่าฉันเอา ว่ามาดึงลูกน้องเขามาอยู่ได้" อารยะพูดติดตลก ก่อนจะส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายแทนการพูดขอบคุณด้วยคำพูด ทำให้เจตน์ต้องดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะสบถเบาๆ เขาแทบจะวิ่งออกจากแผนกเอกสารเสียด้วยซ้ำ

"เฮ้อ..." เสียงถอนหายใจดังขึ้นแทบจะทันทีเมื่อร่างสูงของชายหนุ่มก้าวออกไปจากห้อง

" เอ่อ แผลนั่นมันเด่นนะครับพี่อาร์ต ...พี่ทำแผลก่อนดีกว่าครับ" ชินดนัยว่าพลางก้มหน้าก้มตา ทำงาน เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้เรื่องที่เขาเห็นแล้ว

"ขอบใจที่เตือนนะ..." อารยะว่าพลางเหลือบมองใบหน้าของอีกฝ่าย

...ทำท่าแบบนี้ เจ้าเจตน์คงยังไม่รู้เรื่องสินะ...ยังไม่ได้บอกใช่ไหม...
==================

talk : พอเค้าทำเมินก็มาแคร์เค้า อาร์ตสมชื่อจริงๆ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่18=(27/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 27-04-2013 23:06:50
อาร์ตหลงคิมหันต์แล้วล่ะสิ
บักเจตน์รีบๆตัดสินใจสิเฟ้ย น้องชินรอนานล่ะ เดี๋ยวปั๊ดยกชินให้แม่เลขาซะเลยนี่
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่18=(27/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 28-04-2013 00:20:24
สุดท้ายแล้วขอให้อาร์ตไม่เหลือใคร น่ารังเกียจจริง ๆ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่18=(27/04/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 04-05-2013 10:30:10
คนเขียนหาย!!!! รีบกลับมาเลยนะ!  ด่วน!!! คนอ่านจะลงแดงแล้วนะ!!
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่19=(4/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 04-05-2013 23:37:27
=19=

---RRR---

" มาแล้วครับ " เจตน์กดออดเรียกที่ด้านล่างของอพาร์ตเมนต์อารยะรันพร้อมกับถุงของกิน

"ขึ้นมาซิ่" เสียงนุ่มที่กรอก ลงไปตามสายอินเตอร์ คอมนั้น ดู จะฟังดูอารมณ์ดีมากกว่า ทุกที
ประตูหน้าห้องที่คุ้นเคยเปิดออกก่อนที่ ชายหนุ่มร่างสูงจะได้ยกมือขึ้นเคาะห้องเสียงอีก
"มาแล้ว เหรอ เข้ามาก่อนซิ่ นี่ กำลังหิวพอดีเลย"

" ทายารึยัง? " เจตน์ถามเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่บวมนั้นไม่ค่อยลดลงเท่าไหร่เลย

"อื้ม...ว่ากำลังจะทา แต่กินข้าวก่อน" อารยะตอบ พลางยิ้ม

" รอผมมาก่อนน่ะดิ " เจตน์เดินเข้าครัวไป " ข้าวต้มไหม? "

"อืม...แล้วแต่พ่อครัวเถอะ " ชายหนุ่มร่างบางว่า พลาง เปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา ส่วนตัวเขา ก็ เดินไปนั่งที่โซฟายาว ร่างเพรียว เอนตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอน กับโซฟานุ่ม
"เจ็บ...จัง " มือเรียวแตะเบาๆ ที่ข้างแก้มของ ตัวเอง

ไม่นานนักกลิ่นข้าวต้มหอมๆก็ลอยมาเตะจมูก " เสร็จแล้วครับ " เจตน์ยื่นถ้วยข้าวต้มให้คนตรงหน้าที่โซฟา ก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวต้มยื่นให้อีกฝ่าย

"ไม่ใช่เด็กซักหน่อย " ชายหนุ่มร่างบาง หัวเราะเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองใบหน้าของอีกฝ่าย ราวกับจะถามเล็กน้อย

" กินเร็วๆจะได้ทายาไง พี่หน้าบวมแบบนี้ผมเป็นห่วงนี่นา "เจตน์ยื่นช้อนเข้าไปใกล้ปากอีกฝ่าย

"ถ้าจะว่า ว่า ไม่หล่อแล้ว กินเอง ก็ได้นะ"  ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ก็ยอมทานข้าวต้มที่อีกฝ่าย อุตส่าห์ทำมาให้แต่โดยดี

================

" หกล้มยังไงให้กระแทกหน้าเนี่ย? "ปลายนิ้วไล้เบาๆแล้วป้ายเนื้อครีมที่แก้มอีกฝ่าย

"ก็...คนมันจะล้มนี่ กำหนดได้ด้วย หรือยังไง " อารยะว่าพลางขมวดคิ้วใส่อีกฝ่าย

" นี่ไม่ยอมทายามาตั้งแต่เมื่อวานรึไงเนี่ย ทำไมบวมตุ่ยเลย " ดูเหมือนเจตน์จะสนใจกับแก้มบวมๆของอารยะมากกว่าเสียอีก

"ก็มันต้องทำงานนี่ ไม่มีเวลkหรอก" คนถูกถามเฉตอบไปเรื่อย

" ไปกับใครมาถึงไม่มีเวลาล่ะ? " เจตน์ถามขึ้นมาลอยๆขณะที่เก็บยาให้เรียบร้อย

"เปล่า...ก็ไม่ได้ไปกับใครนี่ งานมันเยอะ "คำถามของอีกฝ่ายทำให้ดวงตาคู่สวยต้องหันไปเพ่งหน้าของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย "ทำไมอย่างนั้นเหรอ "

" เผื่อว่าพี่มีอะไรจะบอกผมไง " เจตน์ที่นั่งพื้นเงยหน้ามองคนที่นั่งโซฟาแล้วยิ้มให้

"เปล่านี่...เมื่อคืน พอนายกลับไป ก็มัวแต่วิ่งเก็บข้าวของอยู่..แล้วก็ลื่นหกล้ม เท่านั้นเอง" อารยะยังคงโกหกหน้าตายต่อไป

เจตน์พยักหน้าก่อนจะขยับไปแตะแก้มอีกฝ่ายเบาๆ " อยู่แบบนี้พี่ก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่แฮะ "

"น่ากลัว??...ฉันเนี่ยนะ น่ากลัว" อารยะ หัวเราะออกมาเบาๆ

" ผมไม่ได้อยากจะมีแฟนไว้เดาใจนี่  "เจตน์ตอบไปตามตรง " อยากได้อะไร ไม่ชอบอะไรก็พูดมาตรงๆ แมนดีออก "

"ฉัน..." คำพูดของอีกฝ่ายทำให้คนที่พยายามจะปั้นหน้ายิ้มมาตลอดต้องหุบยิ้มทันที

" พี่น่ะ..ไม่เคยอยากจะให้ผมรู้จักตัวพี่เลยซักนิด "เจตน์ถอนหายใจ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เขาพูดออกไปแบบนั้น " พี่ไม่เข้าใจเหรอว่าทุกวันนี้ผมพยายามจะทำอะไร "

"เห็นแต่นาย หนีไปทุกที... " ร่างบางพึมพำออกมาเบาๆเหมือนอย่างทุกที ที่รู้สึก ไม่ค่อยพอใจ

" ใช่ ! ผมหนีการที่จะต้องมีอะไรกับพี่ทั้งๆที่เป็นแบบนี้ไง " เจตน์โพล่งออกมา มือทั้งสองข้างกำแน่น

"นั่นก็เพราะว่านายเองก็ คิดเองเออเองอยู่ได้นั่นล่ะ..." ใบหน้ามนเบือนหน้าไปอีกทาง

" แล้วไงล่ะ พอผมถามตรงๆก็บอกให้คิดเองเอง ! "เจตน์เผลอบีบแขนอีกฝ่ายแน่น

"ก็รู้จักคิดให้มันดีๆหน่อยซิ่ เจ็บ...ปล่อยนะ..." อารยะเองก็ขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายเหมือนกัน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เพราะรอยช้ำจากชายแก่เมื่อวานยังไม่จางหายไปไหน

แต่เจตน์กับยิ่งบีบแน่นขึ้นไปอีก คำพูดแบบนั้นเขาเกลียดที่สุด
" เจ็บตรงนี้ โดนใครทำอะไรมา? .. พี่ไปกับใครมา? "เจตน์ตวาดใส่อีกฝ่าย

"ได้...เมื่อคืนฉันออกไปข้างนอกมา ...ดื่มแก้เซ็ง คนเดียว!! พอใจรึยัง "อารยะแทบจะตะโกนใส่อีกฝ่าย

" ไปเจอพี่คิมมาใช่ไหม? " เจตน์ถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากแต่กำลังสะกดอารมณ์ตนเองเอาไว้อย่างหนัก

"....ใช่...บังเอิญ เจอกันที่ร้าน ทำไม" เสียงที่ดังอยู่เมื่อครู่ดูเหมือนว่าจะแหบพร่าลงไปเลยทีเดียว

ชายหนุ่มรุ่นน้องสูดลมหายใจลึก ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ
" วันหลังอยากเที่ยวก็บอกผมซิ " มือแกร่งลูบผมนุ่มนั้นเบาๆ
" ไปคนเดียว..หกล้มแก้มบวมแบบนี้ก็แย่ซิ "

"ก็..ฉันเครียดนี่" อารยะว่าพลางหันหน้าหนีไปอีกทาง "เจ็บนะ..จะปล่อยแขนได้รึยัง?"

" โทษฮะ "เจตน์รีบปล่อยมือ ก่อนจะดูนาฬิกาข้อมือ " ดึกแล้วนะเนี่ย คงต้องไปแล้วละ "

"อืม..."อารยะพยักหน้ารับคำก่อนจะถอยออกมาจากอีกฝ่ายเล็กน้อย

...เจ็บชะมัด...

" ก่อนนอนทายาด้วยนะ " เจตน์ย้ำ " แล้วข้าวต้มที่เหลือเก็บไว้ให้แล้ว ใส่ไมโครเวฟก็กินได้แล้ว "เขาว่าพลางเก็บของ

"นี่...เจตน์" ร่างบางเดินไปหาอีกฝ่าย มือเรียวแตะไหล่กว้างของอีกฝ่ายเบาๆ

" หืม? "เจตน์หันมาหาอีกฝ่ายขณะที่กำลังเดินไปที่ประตู

ริมฝีปากบางของชายหนุ่มเจ้าของห้องแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากของเจ้าของชื่อ
"ขอบใจนะ " ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสบตาอีกฝ่าย

" ไว้เจอกันครับ "

================

"เฮ้อ..." เสียงถอนหายใจดังขึ้นแทบจะทันที ที่ประตูปิดลง

...นี่แสดงว่า มีใครหลุดปากอะไรออกไป...

อารยะคิดพลางกุมขมับ
"แต่ก็ช่างสิ คนอย่างฉันจะจริงจังกับใครได้" อารยะหัวเราะในลำคอ

================

เช้าวันรุ่งขึ้น อารยะเดินทางไปทำงานโดยหอบหิ้วเอาความสงสัยติดตัวไปด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่อยากใส่ใจมากนัก แต่เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนเอาเรื่องของคิมหันต์ไปบอกให้เจตน์ฟัง

"อรุณสวัสดิ์ ชิน" และคนแรกที่อารยะ เดินเข้าไปหา ก็คงจะหนีไม่พ้น ร่างอวบอ้วนของรุ่นน้อง

"ค...ครับ" ชินดนัยสะดุ้งโหยง

"วันก่อนนาย...ได้เข้าไปที่ห้องเอกสารบ้างหรือเปล่า " อารยะว่าพลาง โน้มตัวลงไปมองหน้าชายหนุ่มรุ่นน้อง ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต จ้องราวกับจะเค้นเอาคำตอบ

"ผม...เอ่อ....ผม"ชินดนัยเหงื่อแตกซิก  อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เมื่อนึกถึงภาพที่ได้เห็น ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่

"อยู่นี่เอง อารยะ .. มาคุยกันหน่อยสิ "ชายสูงวัยท่าทางใจดีเรียกอารยะไว้ พลางเดินไปที่โต๊ะทำงาน

"อ่ะ...ครับ" อารยะว่าพลางหันมาทองหน้าของชินดนัย อีกครั้ง
 "เดี๋ยวพี่มา... "ว่าแล้วก็เดินตามหัวหน้าแผนกเข้าไปในออฟฟิศ

================

" มีหนังสือภายในจากแผนกต่างประเทศมาถึงผมเมื่อวานเย็น " หัวหน้าแผนกเอกสารยื่นสำเนาบันทึกนั้นให้อีกฝ่าย
" ขอตัวคุณไปกลับไปที่แผนกต่างประเทศ "

"เห?...ทำไมครับ...ผมนึกว่าเขาไม่อยากจะได้ผมไปเสียอีก " อารยะขมวดคิ้วพลางเหน็บแนมสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต

" ช่วยไม่ได้นี่นา อยู่ที่นี่คุณก็ไม่ใช้ความสามารถเต็มที่ ยินดีด้วยนะ "หัวหน้าแผนกตัดบท
" ผมส่งตัวคุณวันนี้เลยก็แล้วกัน ที่ผ่านมาขอบคุณมาก "

"อ่ะ...เอาอย่างนั้นเลยเหรอครับ หัวหน้า? " อารยะ อึ้งไปกับความรวดเร็วที่เกิดขึ้น

...ให้ตาย นี่มันอะไรกันเนี่ย..

================

ในตอนบ่ายของวันเดียวกัน โต๊ะ ใหม่ ที่ถูกจัดขึ้นในแผนก และ คนที่ขนของย้ายเข้ามาก็เรียกความฮือฮาให้กับแผนกได้ไม่น้อย สายตาทิ่มแทง ที่ถูกมองมาจากหลายคนทำให้คนที่เพิ่งจะถูกย้ายแผนกรู้สึกว่า ควรจะเอาเวลามากลุ้มกับเรื่องนี้มากกว่า เรื่องของ ชินดนัยเสียแล้ว

"มองอะไรไม่ทราบ ครับ" อารยะว่าพลางวางกล่องเอกสารที่จำเป็นลงบนโต๊ะทำงาน ตัวใหม่

" พี่อาร์ต? " เจตน์รีบเดินเข้ามาทักพนักงานใหม่ของแผนก " พี่เองเหรอ? "

"อื้ม...เห็นว่า ทางนี้ เขาอยากได้ตัว ทางนั้นก็เลยส่งมา ด่วน" อารยะ ไม่มีอารมณ์จะหันไปคุยเล่นกับอีกฝ่ายเหมือนทุกที ในใจนึกด่า กร่น หัวหน้าแผนกที่ส่งลูกน้องอย่างกับส่งของแบบนี้

" อ้อ บอสงั้นเหรอ?" เจตน์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
" เขาอยู่ในห้องน่ะ ไปทักทายหน่อยสิ "

"ก็ว่าจะไปดูหน้าอยู่เหมือนกัน" อารยะว่าพลางเดินไป ที่ออฟฟิศที่อยู่ด้านในของแผนก แต่ก่อนจะได้เดินเข้าไปร่างบางก็ต้องหยุด ในใจนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อน

....หวังว่าคราวนี้ คงไม่มีเรื่องบ้าๆ เกิดขึ้นเพราะหัวหน้าแผนกอีกนะ....

================

" Welcome back Khun Araya " เสียงห้าวแบบอเมริกันแท้ดังขึ้นมาจากในห้อง

"อ่ะ...It's a pleasure to meet you,sir."เจ้าของชื่อตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ พลางยื่นมือไปทักทาย

" ตามสบายๆ ผมพูดไทยได้ นั่งสิ .. ปีเตอร์ แมคเคย์แกน ยินดีที่รู้จัก " เขาจับมืออีกฝ่าย

"อ่ะ... ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณแมคเคแกน" อารยะว่าพลางยิ้มให้กับหัวหน้าแผนกคนใหม่ ที่เป็นชายชาวอเมริกันร่างสูง ดูๆแล้ว อายุก็คงจะมากกว่าเขาอยู่เกือบรอบทีเดียว แต่คิดว่าคงจะไม่ได้เป็น คน ที่ เคร่งครัดอะไรนัก เมื่อดูจากผมสีบลอนด์นั่นก็ยาวจนระต้นคอแล้ว

" อยู่กันแบบสบายๆนะ ไอ้ระเบียบที่ไม่ได้ช่วยให้องค์กรเจริญขึ้นมาแบบที่หัวหน้าแผนกคนก่อน..ใครนะ.. " หัวหน้าคนใหม่ทำท่านึก

"เอ่อ...คุณอิทธิพลครับ" อารยะกัดฟันเอ่ยชื่อของตาแก่ที่พยายามจะทำทุกอย่างให้ได้เขาไปอยู่บนเตียงขึ้นมา

" ใช่ ปลดเกษียณไปได้ซะก็ดี .. เอาเป็นว่าอยู่กันแบบไม่เครียดนะ ดูประวัติการทำงานเก่าๆของคุณ เนี่ยช่วยผมได้เยอะ ผมจะให้คุณทำเรื่องที่เรากำลังติดต่อกับบริษัทที่อังกฤษก็แล้วกันส่วนพาร์ทเนอร์.. "  ปีเตอร์ทำท่าคิดก่อนจะกดโทรศัทพ์สายใน

" คิม เข้ามาหน่อย "

และคนที่เข้ามาในห้องหัวเน้าแผนกก็คือหนุ่มลูกครึ่งเพียงคนเดียวในแผนกนี้ .. คิมหันต์..

"สวัสดี..." อารยะทักทาย อีกฝ่าย 

" มีอะไรครับ บอส? " คิมหันต์นั่งลงข้างๆอารยะ 

" รู้จักกันแล้วใช่ไหม? อารยะจะเป็นพาร์ทเนอร์ของนาย OK? "

คิมหันต์หันไปทางอารยะเล็กน้อยก่อนจะก้มศีรษะให้เล็กน้อย
 " จากนี้ไปก็รบกวนด้วยนะครับ "

"อ่ะ...เช่นกันครับ" อารยะเองก็ก้มให้กับอีกฝ่ายตามมารยาทเช่นเดียวกัน เป็นอีกครั้งของวันที่ในใจของเขานึกต่อว่า เจ้านายร่างสูงคนนี้

...เข้าใจเลือกคนได้ถูกจังหวะ จริงๆ...

================

แต่เมื่ออกมาจากห้องทำงาน คิมหันต์ก็ไม่ได้พูดอะไรกับอารยะอีก ในเมื่องานที่กองอยู่เต็มโต๊ะขนาดนั้นคืองานที่เขาต้องการผู้ช่วยเป็นอย่างมาก เขาเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วใช้คอมพิวเตอร์ทำงานต่อไป

"ถ้ามีอะไรให้ทำก็บอกนะ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน อาจจะไม่ค่อยเข้าใจระบบใหม่มากนักแต่...ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยก็แล้วกัน" อารยะเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างๆโต๊ะของอีกฝ่าย

" ช่วยย้ายโต๊ะมาอยู่ตรงนี้เถอะนะครับ ตรงนั้นมันไกลไปน่ะ "คิมหันต์ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
" แล้วผมจะอธิบายงานให้คุณเข้าใจให้เร็วที่สุด "

"อ่ะ...อื้ม" อารยะว่าพลางเดินไปย้ายของเป็นหนที่สองมานั่งข้างๆกับอีกฝ่าย ทั้งๆที่ก็รู้ดีว่า นั่นจะต้องเป็น ภาพที่ใครอีกคนจะต้องเห็นอยู่เป็นแน่

คิมหันต์เอาปึกเอกสารวางที่โต๊ะของอารยะทันทีที่เขาจัดของเสร็จ

"โอเค พร้อมฟังเหมือนกัน ว่ามาเลย "ถึงจะรู้สึกหวั่นใจ กับ บรรยากาศ รอบ ตัว ชายหนุ่มร่างสูง แต่ในเมื่อเป็นงาน มัน ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องสนใจเรื่องนั้นมากกว่า

" อ่านก่อนเถอะ ไว้คุณอ่านเสร็จค่อยคุยดีกว่า " คิมหันต์ตัดบท

"อ่ะ... ฟ" ทั้งๆที่เตรียมพร้อมแล้วกลับถูกตัดบทอย่างไม่เหลือเยื่อใยแบบนี้ ทำให้อารยะต้องขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันมาเจอเอกสารกองโต และเมื่อมองดูเวลาด้วยแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวันนี้ได้อยู่ทำโอทีเป็นแน่

ซึ่งเป็นแบบนั้นจริงๆ  ตอนเย็น งานที่ยังไม่เสร็จเลยทำให้พวกเขาไปไหนไม่ได้ จนกระทั่งค่ำ
คนอื่นๆออกจากห้องกันไปหมดแล้ว ส่วนเจตน์เมื่อไม่ได้ไปกินข้าวกับอารยะก็รีบวิ่งไปห้องเอกสารซะอย่างนั้น

================

"โอ้ย...กว่าจะจบ" เสียงโอครวญดังขึ้น พร้อมกับร่างบางที่เอนตัวยืดเส้นไปทางด้านหลัง เพราะนั่งอ่านเอกสารอยู่อย่างนั้นอยู่หลายชั่วโมงทีเดียว

" คุณจะกลับก็กลับเถอะ " คิมหันต์พูดขึ้นมาลอยๆ

"กลับอะไร ไหนว่า อ่านจบแล้วจะพูดเรื่องงานไง"อารยะหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย

" ตอนนี้คุณคงฟังไม่ไหวหรอก..ไว้ค่อยคุยกัน  " คิมหันต์ลุกขึ้นจากที่นั่ง มือของเขาปัดกับกล่องใส่ปากกาตกลงที่พื้นเพราะความเครียดจากงานที่ต้องรับผิดชอบ " บ้าชะมัด "

"แค่นี้ก็สบถแล้ว..." เสียงนุ่มดังขึ้นพร้อมกับมือที่เอื้อมมาช่วยหยิบปากกา"แบบนี้ใครกันล่ะที่เหนื่อย ..." สิ้นประโยคริมฝีปากบางก็คลี่เป็นรอยยิ้มให้กับอีกฝ่าย

คิมหันต์ก้มลงรวบปากกานั้นไว้ มือของทั้งสองคนแตะกันทำให้คิมหันต์เงยหน้ามองอีกฝ่าย

"เหนื่อยเหรอ...หรือว่ากลุ้มใจ ที่ฉันมา"

คิมหันต์ไม่ตอบอะไรเขาดึงมือของอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ก่อนจะแตะริมฝีปากกับอีกฝ่ายปลายลิ้นสอดเข้าไปอย่างเย้ายวน

"อืม... "เสียงตอบรับสัมผัสนั้นดังขึ้นในลำคอ มือเรียวที่จับปากกาที่เก็บเมื่อครู่กำปากกาแน่น

เรียวลิ้นสัมผัสโต้ตอบเย้ายวนราวกับโหยหามานาน จนเจ้าตัวเองยังรู้สึกแปลกใจ ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้จะห่างจากคิมหันต์ไปนาน ขนาดนั้น แต่กลับยิ่งรู้สึกอยากจะสัมผัสอีกฝ่าย

...เพราะอะไรกัน หรือแค่ทนไม่ได้ที่ถูกทำเมินใส่อย่างนั้น...

แต่คิมหันต์กลับผละออกจากอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย " ผมกลับล่ะนะ "

"นี่... " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลขมวดคิ้ว ด้วยความไม่เข้าใจพลางยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากที่ยังคงเปียกชื้น
"งานก็อธิบายไม่เสร็จ เริ่มก่อนแล้วจะกลับอีก...เนี่ยนะ"

" นี่กำลังชวนอยู่รึไง? "คิมหันต์ยักไหล่ แล้วเดินไปเก็บของบนโต๊ะ

"ไม่ ฉันกำลังพูดเรื่องงานอยู่ดีๆ นายก็มาทำแบบนี้เอง ... ใช่สิ ฉันมันไม่มีอะไรดีหรอก ทำอะไรมันก็จะมีแต่ยั่ว...ขอโทษนะ ที่ความตั้งใจกับความหวังดีมันกลายเป็นแบบนี้ไปซะหมด สงสัยต้องไปถลกหน้าตัวเองทิ้งด้วยล่ะมั้ง" คำพูดประชดประชันพร่างพรูออกมาจากริมฝีปากบาง ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขาถึงรู้สึกเหมือนกับกำลังโดน อีกฝ่ายปั่นหัวอยู่แบบนี้

...เจ็บใจนัก...ทุกทีมันต้องเป็นฉันไม่ใช่หรือไงกัน....

" ไม่ได้ชวนใช่ไหม? งั้นก็กลับเถอะ "คิมหันต์ตอบกลับมาแบบง่ายๆ แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป



"โอ้ย..." อยู่ๆเสียงร้องก็ดังขึ้น

" เจ็บใจเหรอครับ ร้องซะดังเลย "คิมหันต์หัวเราะเบาๆ แต่ก็ยังไม่ได้ออกจากห้องไป

"บ้าดิ่...หมุดตำมือ เนี่ย" ว่าพลางก็ยกมือขึ้นมาดู รอยแผลจากหมุดปักกระดาษทำให้เลือดไหลซิบออกมาจากมือบาง...
"ซวยชะมัด เดี๋ยวโดนต่อย ย้ายงาน หมุดยังจะมาตำมืออีก"  อารยะว่าพลางลุกขึ้นยืน คว้าเอากระเป๋าเอกสาร ก่อนจะเดินไปทางประตูห้อง
"บ้าชะมัด" ว่าพลางก็ยกมือขึ้นเลียเลือดที่ไหลออกมา

คิมหันต์กลับคว้ามืออีกฝ่ายไว้แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดตรงที่หมุดตำนั้นให้อีกฝ่าย
" ลงทุนขนาดนี้เลยนะครับ  "

"ลุงทุน? อะไร"คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน พลางดึงมือออกจากมือของอีกฝ่าย ด้วยกลัวว่าคิมหันต์จะเล่นบ้าๆให้เขารู้สึกแปลกๆอีกครั้ง

" ลงทุนให้ตัวเองเจ็บ จะได้เรียกผมไว้ได้ไงล่ะ .. ทำแบบนี้ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะ .. ผมก็แค่คู่ขาคุณไม่ใช่เหรอ? " มือทั้งสองข้างจับแขนของอารยะไว้

"ใคร...ใครมาลงทุนบ้าอะไรกัน หมุดบ้านั่นก็แค่ไปตกอยู่ตรงนั้นเฉยๆ " อารยะเบือนหน้าหนีไปอีก ทางถึงจะรู้ว่ากลบยังไงก็กลบไม่มิด สิ่งที่ตัวเองพูดไปก็ดีแต่จะกลับตัวเองทั้งนั้น

...ก็นายอยากมาทำท่าแบบนั้นใส่ฉันก่อทำไมเล่า ไอ้บ้าเอ้ย...รู้ทันอีก....

" ว่าไงล่ะ ชวนรึเปล่า?..ในฐานะคู่ขา จะทำให้หายค้างก็ได้นะ " คิมหันต์ยื่นหน้าไปใกล้อีกฝ่าย

"ไม่..." อารยะเบือนหน้าไปอีกทาง "ฉันไม่ได้มั่วอยากกับนายไปทุกที่หรอกนะ..."
ใบหน้ามนของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงก่ำ ด้วย ความโมโห ระคนไปกับความอาย วันนั้น ในห้องเอกสารหากจะให้พูดจริงๆ เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำแบบนั้นในบริษัทเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันถูกจุดขึ้น รวดเร็วเหลือเกิน

"บ้าเอ๊ย นายนี่มัน!" มือข้างที่ว่างวาดลงกระทบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง

ใบหน้าที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรงคิมหันต์หันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปทันที
ทิ้งอารยะไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง

================

talk : คนเขียนหายไปนานจริงๆค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ออกทริปอีกแล้วเพิ่งได้กลับมานี่ล่ะค่ะ // กรี๊ดคิมหันต์  :-[
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่19=(4/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 05-05-2013 00:05:23
อารยะ.... :katai1:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่19=(4/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 05-05-2013 12:12:40
คู่อาร์ตกับคิมนี่น่าสนใจดีนะ ดูท่าคิมนี่เจ้าแผนการน่าดู สู้ๆจับอาร์ตให้อยู่หมัดล่ะ ปล่อยเจตน์ให้อยู่กับชินต่อไป -.,-
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่20=(8/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 08-05-2013 17:05:24
=20=

ทั้งๆที่เหนื่อยและล้าจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน แถมยังการเผชิญหน้าระหว่างเขากับชายหนุ่มลูกครึ่งคนนั้นอีก อารยะ ดึงเนคไทออกจากคอ มือหนึ่งถือกระเป๋าเอกสาร ไปตามถนน ค่ำคืนผ่านมา เขาควรจะกลับไปพักผ่อน แต่กลับไม่อยากจะกลับ

"ไปเที่ยวดีไหมนะ.... "อารยะเอ่ยกับตัวเอง พลันยิ้มออกมาด้วยไม่อยากจะกลับบ้าน ก่อนจะเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งเขาที่ผับแถบย่านทองหล่อ แต่ก็เปลี่ยนใจให้ไปส่งยังห้างดังเพื่อซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ เปลี่ยนใส่ให้สบายใจก่อนจะออกไปเที่ยวในคืนนี้

ร่างบางของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลในเสื้อเชิ๊ตตัวบางสีสดใส ต่างจากอารมณ์ ขุ่นมัว ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เดินเข้าไปในผับ เขาแค่อยากจะมาระบาย ความรู้สึกคับข้องใจกับการถูกปฏิเสธ และเฉยเมยใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เข้าใจว่าทำไม ถึงเป็นแบบนี้ เขาไม่เคยรู้สึกร้อนรน ขนาดนี้มาก่อน

=====================

อารยะเดินเข้าไปใน ผับ แทบจะเรียกได้ว่าตรงดิ่งไปยังบาร์ เพื่อสั่งเครื่องดื่มชนิดที่ให้แรงเข้าไว้ มาดื่ม
"  วอดก้าช็อตนึง"

" ได้ครับ วันนี้มาแต่วันเลยนะครับ " บาร์เทนเดอร์รับออเดอร์ก่อนจะเอ่ยทัก

"อืม ก็แค่อยากจะดื่มน่ะ... " ชายหนุ่มรับเอาว็อดก้ามาก่อนกระดกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว 

เสียงเพลงที่เปิดคลอนั้นด้วยว่ายังไม่ดึกมากนัก ทำให้เป็นเพลงจังหวะฟังสบายๆ ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่เมื่อหันหน้าไปมองรอบๆ ก็เห็นว่า มีคนที่คุ้นตา ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

หนุ่มลูกครึ่งที่คุ้นตากำลังยืนถือแก้วเหล้าคุยกับชายหนุ่มที่ท่าทางเป็นมิตรหลายคน และดูท่าทางเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

"เหอะ...ที่แท้ก็รีบออกมาแบบนี้นี่เอง... "อารยะเบ้หน้า พยายามไม่สนใจ คิมหันต์ เท่าไรนัก

....คนแบบนั้น... จะไปสนทำไมกัน....
....พูดจาดูถูกฉันแบบนั้น.......
.....จะไปสนเขาทำไม.......

" ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ? " เสียงหนึ่งทักขึ้น ตามมาด้วยชายวัยเกือบห้าสิบที่ถือวิสาสะนั่งข้างๆอารยะทันที
 " ขอผมเลี้ยงเหล้าคุณซักแก้วสิ "

"ไม่เป็นไรครับ.... " อารยะหันไปยิ้ม พลางปฏิเสธอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสภาพอารมณ์ที่ปั่นป่วนแบบนี้ เขารู้ว่า คำปฏิเสธคงทำให้คนที่พยายามเข้ามา หน้าหงายไปไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ช่วยไม่ได้ เขาไม่อยากจะมีเรื่องอะไรไปเหมือนกับ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคราวก่อนซักเท่าไร คืนนี้ เขามาเพื่อ เที่ยวให้สนุก

" วันนี้จะออกไปกับผมหน่อยไหม? " มือของชายคนนั้นเลื่อนไปลูบที่ต้นขาของคนที่อยู่ข้างๆอย่างย่ามใจ

อารยะ ปัดมือของผู้ชายคนนั้นทิ้ง  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายด้วยความไม่พอใจ
"ผมไม่ได้มาขายตัว...ขอตัว"

จังหวะเพลงเปลี่ยนไปแล้ว ชายหนุ่มเดินออกไปตรงกลางฟลอร์ สายตาเหลือบเป็นเห็นหนุ่มลูกครึ่ง กำลังคุยอยู่อย่างสนุกสนาน เห็นแบบนั้นแล้วยิ่งหงุดหงิด

...นายกำลังสนุก แต่ฉันต้องมาคอยเดินหนีตาแก่บ้าๆ....

" จะรีบไปไหนเล่า ทำเป็นเล่นตัวไปได้ "ชายแก่คนนั้นดึงมือของคนอายุน้อยกว่าเอาไว้ทันที เขาไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปไหนหรอก ถ้ายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ

"เฮ้ย....พูดไม่รู้เรื่องรึไง กูไม่ได้มาขาย... กูมาเที่ยว ...ต่อให้จะออกไปไหน กับใครก็เลือกหน้าตาเว้ย!" ด้วยความหงุดหงิด อารยะ ดึงแขนของตัวเอง ออกก่อนจะผลักชายสูงวัยไปให้พ้นทาง เขาเดินกลับไปที่ บาร์ หวังจะบอกบาร์เทนเดอร์ว่าให้ เอา รปภ. มาลากคอผู้ชายคนนี้ ออกไป

" มีอะไรกันรึเปล่าครับ? " หนุ่มลูกครึ่งเดินเข้ามาขวางเมื่อชายคนนั้นจะเดินเข้ามาทำร้ายอารยะ

" ไม่เกี่ยวกับมึง ! "เสียงนั้นดังขึ้นอย่างฉุนเฉียว แต่คิมหันต์กลับไม่สนใจ เขากระชากคอเสื้อของชายแก่คนนั้นขึ้นอย่างแรง

" พอดี เขามากับผม .. ถ้ามีอะไรไม่พอใจ ไปโรงพักกันดีไหมครับ? "
น้ำเสียงของหนุ่มลูกครึ่งเย็นยะเยือก ก่อนที่เขาจะปล่อยมือจากคอเสื้อ เมื่อ รปภ. ของร้านรีบเข้ามาดึงตาแก่นั่นออกไปอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศของร้านจึงกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

"  วิสกี้ ออนเดอะร็อค...เร็วเข้า..." อารยะถอนหายใจยาวออกมาก่อนจะหันไปสั่งให้บาร์เทนเดอร์ ส่งเครื่องดื่มมาให้ เขาแค่อยากจะดื่มให้มันโล่งไป รู้สึกแย่ที่มีใครมามองว่าเขาเป็นพวกเร่ขาย ตามสถานที่แบบนี้ ใครจะไปคิดกันเล่าว่า ในวันหนึ่งจะโดนพูดจาดูถูก ถึงสองครั้งสองครา

" เตกีล่า  " หนุ่มลูกครึ่งนั่งแทนที่ชายแก่คนนั้นแล้วสั่งเครื่องดื่ม ตอนนี้เขาทิ้งกลุ่มเพื่อนที่คุยกันเมื่อครู่อย่างไม่แยแส

"ขอบใจ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ยสั้นๆ
"ฉันไม่น่ามาเลยให้ตาย.... " ก่อนที่อารยะจะสบถออกมาเบาๆ สองมือขยี้ผมเล็กน้อย

" คุณเป็นแบบไหนกันแน่? "อยู่ๆคิมหันต์ก็ถามขึ้นมา เตกิล่าแก้วนั้นยังไม่ได้ถูกดื่ม

"แบบไหน.... หมายความว่ายังไง " อารยะขมวดคิ้ว นี่เขายังมีเรื่องให้ปวดหัวไปพออีกหรือยังไง อีกฝ่ายถึงได้มานั่งตั้งคำถามกับเขาแบบนี้

" ระหว่างอารยะในอุดมคติของผม กับคุณที่อยู่ในผับและเรียกผมไปนอนด้วย  " ดวงตาสีน้ำข้าวหันมามองหน้าอีกฝ่ายราวกับจะค้นหาความจริง
" คุณตัวจริง มันคนไหนกันแน่? "

"คนในอุดมคติ? " คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ชายหนุ่มหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย นิ่ง
"แล้วฉันที่อยู่ตรงนี้ มันเป็นยังไงไม่ทราบ...."

คิมหันต์ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวก่อนจะสั่งเตกิล่าแก้วต่อไป เครื่องดื่มแก้วเล็กแต่แสบร้อนนั้นถูกวางตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
" ผมชอบ อารยะในอุดมคติ " คิมหันต์สั่งเหล้าแก้วต่อไปมาดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะวางแก้วเหล้าแรงๆ
" ถึงได้เข้าไปช่วย เพราะผมไม่อยากให้คุณต้องเกิดเรื่อง..แต่ที่จริง เรื่องนั้นอาจจะเข้าแผนคุณพอดี ส่วนผมก็เป็นแค่คนที่เข้ามาทำให้แผนคุณล้มเหลวใช่ไหม? " คิมหันต์ยิ้มเยาะ
" ผมก็แค่รู้สึกผิดกับ อารยะในอุดมคติ เท่านั้นล่ะ " หนุ่มลูกครึ่งวางเหล้าแก้วต่อไปให้อีกฝ่าย

"อ้อ...ใช่ซิ่" ถึงปากจะรับคำออกไปอย่างประชดประชัน แต่ในใจของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเจ้าของชื่อกลับรู้สึกเจ็บปวด

...ยิ่งถลำตัวให้ลึกลงไปเรื่อยๆซิ่นะเรา...

"ฉันมันเลวนี่...ดีแต่สร้างภาพ...ยั่วชาวบ้านเขาไปทั่ว...ไร้ความรับผิดชอบ...แล้วนายจะมายุ่งกับฉันทำไม...ก็นี่ไงฉัน ไม่มีหรอก อุดมคติที่นายเคยเห็น ใครๆก็ดีแต่สร้างภาพด้วยกันทั้งนั่นล่ะ ไปซะซิ่ไปเสียที ไปหา"คนดีในอุดมคติ" ที่อื่นโน่นไป อย่ามาหาอะไรกับฉัน" เตกีลาที่เพิ่งจะถูกเติม ถูกยกขึ้นสาดใส่หน้าหนุ่มลูกครึ่ง ก่อนที่ขว้างแก้วนั้นลงพื้นอย่างไม่ใยดีแล้วเดินออกไปจากผับ

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งร้านต้องหันมามองเป็นตาเดียว รวมถึงลูกค้าใหม่คนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาในผับด้วย

คิมหันต์ใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าตนเองก่อนจะสั่งเหล้าแก้วต่อไป แต่กลับมือมือหนึ่งที่จับมือของเขาไว้

" เลิกดื่มดีกว่าน่า..ไปกันเถอะ "สุธาสินส่งการ์ดให้บาร์เทนเดอร์
 " ไปที่อื่นกันดีกว่า "

=====================

อีกทางหนึ่ง ชายหนุ่มร่างบางเดินออกมาจากผับอย่างหัวเสีย แอลกอฮอล์ที่ใส่เข้าไปในปริมาณที่มากกว่าปรกติ ทำให้เขารู้สึกมึนงง จนเดินเซไปทางนั้นทีทางนี้ที

" ไม่ง้อ แล้วยังจะมาด่าซ้ำอีก ไอ้บ้าเอ้ย คิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนกัน.... แท๊กซี่"ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลโวยวาย ก่อนจะโบกมือขึ้นเรียกรถแท๊กซี่

=====================

เสียงโวยวายนั่นทำให้หนุ่มผมสีน้ำตาลที่เดินออกจากอีกร้านหนึ่งพร้อมกับเพื่อนร่างท้วมและสาวๆในบริษัทต้องหันมามอง
" พี่อาร์ต? " เจตน์หันไปทางชินดนัย " มาทำอะไรนี่คนเดียววะ? "

"กูจะไปรู้เหรอ..." ชินดนัยหันไปตามทาง เห็น ท่าทางที่ไม่คุ้นเคยของอดีตเพื่อนร่วมแผนก

" ท่าทางจะเมามากนะคะ น่าเป็นห่วงจัง " สาวๆต่างประสานเสียงพลางทำท่าจะเดินไปหา

" เดี๋ยวผมไปดูเองดีกว่าครับ วันนี้ขอบคุณมากนะครับทุกคน ไว้เจอกันที่บริษัทนะครับ " เมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นเข้า เจตน์ก็รีบขอตัวไปโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเดินข้ามไปอีกฝั่งของถนนเพื่อไปหาอีกฝ่ายอย่างรีบร้อน

ส่วนทางเพื่อนร่างท้วมก็ได้แต่ยืนมองด้วยความรู้สึกที่สับสน เขารู้ดีว่าชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนนั้นได้ทำอะไรลงไปลับหลังเพื่อนรักของเขา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถที่จะบอกอะไรออกไป
ทั้งๆที่อยากจะบอก อยากให้...ตาสว่าง...ชินดนัยรู้ดีว่า การใช่คำพูดนี้มันออกจะผิดไปเสียหน่อย เพราะ เจตน์ไม่ใช่ คนที่จะหลงอะไรขนาดไม่เหลียวหน้ามองหลัง แต่...การที่ได้เห็นเพื่อนร่างสูงคนนั้น จริงจังกับใครบางคนมากขนาดนี้มันก็รู้สึกเจ็บเหมือนกัน

" ชิน..คุณชินคะ " เอิร์นสะกิดคนที่ยืนข้างๆ

"อ่ะ...ครับ" ชินดนัยหันไปหาหญิงสาว ก่อนจะยิ้มแห้งๆให้กับอีกฝ่าย "คุณจะกลับแล้วเหรอครับ?"

เอิร์นหันไปทางเพื่อนๆที่ต่างก็แยกย้ายกันไปหมด เหลือเพียงเธอกับเขาแค่สองคน
" งั้นไปส่งเอิร์นที่บ้านได้ไหมคะ? "

"อ่ะ...แต่...มันจะดีเหรอครับ นี่ก็ดึกแล้ว" ชินดนัยว่าพลางหันไปมองหาเพื่อนร่างสูงที่ดูจะเดินหายไปกับชายหนุ่มอีกคนท่ามกลางฝูงชนที่เดินขวั่กไขว่ไปมาในยามค่ำคืน

" ไม่ได้เหรอคะ? " เสียงนั้นดูผิดหวังไม่น้อยเลย

"อ่ะ ได้ ได้ ได้ซิ่ครับ"ชินดนัยเผลอพยักหน้ารับคำ
"แต่...เอ...เจตน์ไปไหนหว่า"

แต่ภาพที่เห็น ก็คือเพื่อนร่างสูงของเขาเดินลากแขนชายหนุ่มอีกคนหายไปอีกทางแล้วเป็นที่เรียบร้อย

" เราก็ไปกันเถอะค่ะ .."เอิร์นดึงแขนของหนุ่มร่างท้วมไปเช่นกัน

=====================

talk : มีแต่คนเจ็บปวดแหะ จะว่าดราม่าไหมนะ? ก็ยังไม่สุดซะทีเดียว
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่20=(8/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 08-05-2013 20:12:33
จิ้ม...
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่20=(8/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 08-05-2013 23:03:40
คิมหันต์พููดแบบนี้ตีกันเลยดีกว่า.... :m16:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่20=(8/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 09-05-2013 13:27:37

ชินซ่อนอะไรไม่ให้เจตน์เห็นอ่ะ

สรุปไม่มีใครสมหวังซักคนเลยเหรอเนี่ย

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่20=(8/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 10-05-2013 15:16:36
อาร์ตหลงรักคิมหันต์แล้วสินะ -.,- ส่วนเจตน์ไม่ใช่ว่าแกรักเค้าไปแล้วนะ ยังไงเรื่องนี้เราก็สงสารน้องชินสุดล่ะ -3-
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่20=(8/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 10-05-2013 23:46:56
พี่ชินนี่จะมีคู่ไหมฮะ น้องไม่เข้าใจจจจจจจจจจ
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่21=(13/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 13-05-2013 00:02:30
พี่ชินนี่จะมีคู่ไหมฮะ น้องไม่เข้าใจจจจจจจจจจ
ชินซ่อนอะไรไม่ให้เจตน์เห็นอ่ะ

สรุปไม่มีใครสมหวังซักคนเลยเหรอเนี่ย

+ เป็ดจ้า


มีคนสมหวังแน่นอนคร่า..เอาล่ะมาต่อกันดีกว่า

=21=

"ไม่ต้องมาจับ เลยนะ ปล่อย" เสียงอารยะโวยวายพลางสะบัดแขนออกจากแขนของอีกฝ่าย

" ผมจะพาพี่กลับ " เจตน์ตน์ดึงแขนอารยะอย่างแรง " อยากจะกินเหล้าพี่ก็ให้ผมพามาก็ได้นี่ "

"ไม่ต้องมายุ่ง...นายนี่ก็อีกคนรึไง..."อารยะโบกมือไล่อีกฝ่ายเสียงดัง

" ไม่ยุ่งได้ไงวะ ผมเป็นแฟนพี่นะ! " เจตน์ตน์โวยวายใส่

เสียงโวยวายของเจตน์ดังพอที่จะทำให้สุธาสินที่พาคิมหันต์ออกมาจากร้านต้องหันมามองเจ้าของเสียงทันที ดูเหมือนนั่นจะทำให้เจตน์ตน์รู้ตัว เขาก้มศีรษะเป็นเชิงขอโทษเล็กๆ ก่อนจะทั้งดึงทั้งลากอารยะให้ตามเขาไป

====================

"ปล่อย น่า มาถึงห้องแล้ว จะลากไปถึงไหน " เสียง คนเมายังโวยวายไม่ได้ลดลงเลยตลอดทางที่เจอชายหนุ่มร่างสูงลากกลับมาจนถึงห้องของเขาเอง

" พี่ไม่สบายนะ ยังจะออกไปเที่ยวอีก อยากเที่ยวก็ให้ผมพาไปซี่ " เจตน์โวยวายใส่ก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วดันหลังให้อารยะเข้าห้องไป

"ก็แค่หน้าช้ำ " อารยะว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ ร่างบางเดินโซเซไปนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟานุ่ม "ก็อยากกินเหล้า ให้มันหายเซ็งไปมั่งก็เท่านั้น"

" ที่ผมมาหาพี่ทุกวัน พี่เซ็งรึไง? "
เจตน์เดินตามมามือแกร่งบีบไหล่นั้น คำพูดที่หาว่าเขาน่าเบื่อนั้น ทำให้เขาโมโห

"ใครว่าอะไรนายซักคำ ไม่มี ...ทำไม ... คิดว่าอยู่ด้วยกันแล้วมันต้องแฮปปี้ ตลอด หรือยังไง...ขอโทษนะ ฉันไม่ได้เลิศเลอขนาดนั้นหรอก" อารยะว่า เขาเมาเสียจนไม่ได้คิดอีกแล้วว่าพูดอะไรออกไป ภายในหัวของเขามันกำลังหงุดหงิดกับคำพูดของชายหนุ่มลูกครึ่งคนนั้นมากกว่า จะมาสนใจ คำพูดตัดพ้อของคนที่เขาเรียกว่าเป็นคนรัก อย่างเจตน์เสียอีก

" พี่ชอบเที่ยวนักรึไง? " เจตน์ขมวดคิ้ว

"ก็...มันก็ต้องมีมั่งไม่ใช่รึไง" ดวงตาคู่สวยตวัดมองใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูง

" งั้นแทนที่ผมจะต้องมาทำข้าวให้พี่กินแล้วให้พี่อ้วกตอนเมา สู้ให้ผมพาพี่ไปเที่ยวทุกคืนดีกว่านะ "

"นี่ อยากไปกับฉันนักหรือไง? ไปเห็นฉันเมาบ้าแบบนั้นน่ะ... นายน่ะจะผิดหวังเอานะ.."
อารยะว่าพลางปลดกระดุมเสื้ออก วอดก้าที่เขาดื่มลงไปนั้นทำให้ร่างกายร้อยอย่างบอกไม่ถู ก
รอยแดงๆที่ปรากฏไปทั่วแผ่นอกนั้น เจตน์เห็นอย่างเต็มตา ความโกรธ ความผิดหวังพุ่งขึ้นมาแทบจะทันที

" พี่น่ะ..กับใครก็ได้รึไง?.. "
เจตน์ถามเสียงเรียบ มือแกร่งกำแน่น

คำพูดของอีกฝ่าย ทำให้ เจ้าของห้องนึกย้อนไปถึง คำพูดของใครอีกคน ริมฝีปากได้รูปไม่ได้ตอบอะไรหากแต่คลี่เป็นรอยยิ้มจางๆที่ยากจะคาดเดาความหมาย ดวงตาคู่สวยปิดลงช้าๆ

...นั่นซิ่นะ... 

" งั้น..ถ้าเป็นผมล่ะ? " เจตน์นั่งลงตรงหน้าอีกฝ่าย ดวงตารีมองไปทั่วผิวกายที่โผล่ออกมาจากเสื้อ

"จะทำให้หรือยังไง..." เสียงที่ถามกลับไปนั้นเรียบเฉย ราวกับว่า คนตรงหน้า ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ

" ผมก็อยากทำเหมือนกันนี่ "เจตน์คร่อมร่างของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา " ไม่ได้รึไง? "

"ไม่ได้ว่าอะไรนี่" อารยะว่าพลางยักไหล่ แล้ว ขยับตัวนอนราบลงกับโซฟานุ่ม ช่วงแขนเรียวโอบรั้งคอของอีกฝ่ายลงมาใกล้ ริมฝีปากแตะเล็มไล้ กับริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างยั่วเย้า

เจตน์ส่งเสียงในคอเบาๆ พลางส่งปลายลิ้นไปทักทาย มือแกร่งดึงสิ่งที่ปกคลุมร่างนั้นออกอย่างเร่งรีบ

"อืม..." เสียงที่ดังขึ้นดูจะเป็นเพียงแค่เสียงตอบรับ ต่อคำพูดเท่านั้น หาได้ ตอบรับในอารมณ์ที่อีกฝ่ายส่งผ่านมาไม่ สองมือค่อยลดลงจนกระทั่งปล่อยลงที่ข้างโซฟา ราวกับจะยอมให้อีกฝ่ายทำตามที่ต้องการไปเสียหมดทุกอย่าง
ท่าทางราวกับยอมตามใจเขาทุกอย่างยิ่งทำให้เจตน์ไม่คิดจะเกรงอกเกรงใจอะไรอีกต่อไป มือแกร่งจับร่างบางขึ้นมา ทั้งมือริมฝีปากรุกราน เร่าร้อนรุนแรง

หากแต่ร่างเบื้องล่างกลับดูไม่ได้มีอารมณ์ร่วม ไปด้วย แม้ว่าร่างกายจะเกร็งกระตุก ตอบสนองสัมผัสรุกล้ำ แต่จิตใจของชายหนุ่มกลับล่องลอยไปไกล

...ชวนเหรอ...ฉันก็ถูกมองเห็นเป็นอย่างนั้นทุกครั้งนี่...
....อยากจะทำอะไรก็ทำไปซี่...ฉันก็เป็นได้แค่นี้ไม่ใช่หรือไงกัน...
....ทำอะไรเอาแต่ใจตัว...ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดีซิ่นะ...
....แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ...แล้วจะให้ทำยังไงได้....

มือแกร่งที่ร้อนชิ้นตบหน้าของคนที่เขากำลังกอดอยู่เบาๆให้หันมา พร้อมๆกับขยับร่างนั้นให้รับกับร่างของเขาแรงขึ้นอีกนิด
" มองหน้าผมสิ..ผมกอดพี่อยู่นะ.. โธ่โว้ย! "

หากแต่สายตาที่มองกลับมานั้นกลับไม่ได้ให้คำตอบสนองใดๆมากนัก รอยยิ้มที่มอบให้ก่อนที่ริมฝีปากจะบดเบียดกับริมฝีปากของอีกฝ่ายนั้น ยิ่งทำให้เจตน์รู้สึกสับสน
"ทำซิ่...อยากไม่ใช่รึไง..."

" แม่งเอ๊ย " เจตน์สบถออกมาก่อนจะจับเอวบางนั้นไว้แน่น รับการโถมร่างของเขาอย่างรุนแรงและหนักหน่วงติดๆกัน เร่งเร้าให้ทั้งตัวเขาและอีกฝ่ายไปถึงให้เร็วที่สุด ทั้งมือทั้งปากไล้ไปเรื่อยแต่ดูเหมือนหนุ่มรุ่นน้องจะหยุดตัวเองเอาไว้ไม่ได้ เขายังคงทำตามใจตนเองต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงสุดท้ายของอารมณ์ หนุ่มร่างสูงถอนตัวออกทันทีที่ได้ปลดปล่อยออกไป

.. นี่มันอะไรกัน..

เจตน์มองดูร่างที่สวยงามของคนรักของเขา ... คนที่ตอนนี้หลับไปแล้ว ด้วยความเมา ..
แล้วสบถอย่างหัวเสียก่อนจะเก็บเสื้อผ้าของตัวเองไปแต่งตัวแล้วกลับห้องของตนเองไปโดยทันที

====================

"โอ้ย... เจ็บ... "

เสียงโอดครวญดังขึ้นในตอนเช้าเมื่ออารยะ รู้สึกตัวตื่น ร่างเปลือยเปล่า บนเตียงค่อยขยับอย่างยากเย็น เพื่อนั่ง และพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน แต่...อาการเมาค้าง กลับวิ่งเข้ามาทำให้ให้ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ ความรู้สึกคลื่นเหียนตีกลับขึ้นมาทันที ทำให้ชายหนุ่มผมทองคว้าผ้ามาพันตัว วิ่งเข้าห้องน้ำไปแทบไม่ทัน

"โอย...ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย..." เสียงชายหนุ่มโอดโอย ทรุดตัวลงนั่งอยู่กับพื้นห้องน้ำ รู้สึกว่า ร่างทั้งร่างมันปวดร้าวระบมไปหมด ในกระจกมองเห็นว่ามีร่องรอยแดงช้ำประปราบอยู่ทั่วแผ่นอก ...ร่องรอยที่เจตน์ทิ้งเอาไว้....อย่างน้อยเขาก็คิดแบบนั้น เขาจำแทบจะไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง

...ผมรู้สึกผิดหวังในตัวคุณมาก...

พลันเสียงของใครบางคนก็วิ่งเข้ามาในหัว มือเรียวของชายหนุ่มผมทองกำแน่น เช่นเดียวกับริมฝีปาก บางที่เม้มเข้าหากัน

"...ฉันไม่ยอมให้ถูกนายว่าฝ่ายเดียวหรอกนะ... "ว่าแล้วก็พยุงร่างอ่อนแรงของตัวเองขึ้นจัดการอาบน้ำแต่งตัว ด้วยไม่อยากจะไปทำงานสายแล้วโดนใครบางคนตำหนิเข้าให้ด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชา

====================

" พี่คิม วันนี้ประชุมไม่ใช่เหรอ มีอะไรให้ผมช่วยไหม? " เจตน์รีบเสนอตัวเข้าช่วยหนุ่มลุกครึ่งซึ่งวันนี้ต้องประชุมกับลูกค้า

" เอกสารนายก็เตรียมให้แล้วนี่ ขอบใจมาก  " คิมหันต์ดูนาฬิกาข้อมือของตนเอง ในเวลานี้ คนที่นั่งข้างๆเขาจะต้องมาเตรียมเรื่องที่จะคุยกับลูกค้าได้แล้ว แต่ทำไมยังไม่มาอีก

" เอ่อ..ต้องให้พี่อาร์ตเข้าด้วยรึเปล่าครับ? " เจตน์ถามเสียงแผ่ว .. ที่อารยะยังไม่มา หรืออาจจะไม่มาทำงานในวันนี้ก็เป็นเพราะความผิดของเขา

====================

"อรุณสวัสดิ์ครับ ... "เสียงเอ่ยทักทายคนในแผนกดังขึ้นอย่างอิดโรย พร้อมกับร่างบางของชายหนุ่มที่เดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง 

" ไม่สบายรึเปล่าครับเนี่ย ดูหน้าซีดๆ " เพื่อนในแผนกถามอย่างเป็นห่วง

เจตน์ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเตรียมเอกสารการประชุมให้คิมหันต์อย่างรู้สึกผิด ส่วนคิมหันต์ก็ได้แต่ลอบมองคนที่เข้ามาใหม่

" ไม่เป็นไรหรอก...ความดันต่ำนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวก็หาย..." อารยะแก้ตัวอย่างขอไปที ก่อนจะเหลือบมองเจตน์ ก่อนจะหันไปหาคนทำงานร่วมกัน "จะให้ ช่วยตรงไหนดี.."

" เจตน์เตรียมแล้วล่ะ .. เอาให้อารยะชุดหนึ่งสิ อีกครึ่งชั่วโมงจะประชุมแล้ว ทันนะครับ? " คิมหันต์หันไปหาคนทั้งสองสลับกัน

" นี่ครับพี่ "เจตน์ยื่นเอกสารให้คนที่เขาเพิ่งกอดมาเมื่อคืน ยิ่งอยู่ใกล้แบบนี้ยิ่งเห็นชัดเลยว่าหน้าซีดแค่ไหน
" พี่อยากได้กาแฟไหม? "

"ไม่เป็นไร... เดี๋ยวขอเวลาอ่านหน่อยนะ "อารยะยกมือเป็นเชิงปฏิเสธ ก่อนจะนั่งอ่านเอกสารไปอย่างเคร่งเครียด
ที่ด้านข้างใบหน้าซีดขาวนั้นมองเห็นเม็ดเหงื่อซึมอยู่ได้อย่างไม่ยากเย็น มือบางที่พลิกหน้ากระดาษอยู่นั้นสั่นระริก

" คนจากบริษัท...มาแล้วค่ะ " พนักงานสาวเพียงคนเดียวของแผนกรับโทรศัพท์จากแผนกประชาสัมพันธ์แล้วแจ้งให้คิมหันต์ผู้ซึ่งรับผิดชอบงานนี้ทราบ

" มาก่อนเวลาซะด้วย " คิมหันต์พึมพำเบาๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ " งั้นไปกันเถอะ "

"อ่ะ...อืม... "อารยะรีบหยิบแฟ้มงานขึ้นยืน แต่ก็ต้องเซเล็กน้อย

"อ๊ะ...ฮ่ะๆ ...ตาลายแฮะ" มือเรียวรีบจับขอบโต๊ะเอาไว้ทรงตัว รู้สึกได้เลยว่าขาสั่น อาจจะเป็นเพราะไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เมื่อคืน

" คุณก็รู้ว่าวันนี้ประชุมนี่ครับ " คิมหันต์ทำท่าจะไปพยุงอีกฝ่าย แต่เพราะเห็นเจตน์ที่เดินเข้ามาพร้อมกองเอกสาร ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ แล้วเดินไปนั่งยังที่ของตนเองอย่างใจเย็น

"ผมรู้..."อารยะเองก็ขยับตัวไปอีกทาง
"ผมมีความรับผิดชอบพอที่จัดการงานนี่หรอก...ต่อให้ตายงานก็ต้องเสร็จก่อน ผมไม่ยอมให้ใครมาาผมง่ายๆหรอกนะ" อารยะว่า แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเห็นบานประตูห้องประชุมแง้มเปิดออกพร้อมกับพนักงานที่เดินนำลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามาที่ด้านใน
"เจตน์...เอกสารพร้อมแล้วนะ" อารยะหันไปถามเจตน์

" ครับ...พี่ไหวแน่นะครับ " เจตน์ถามอีกฝ่ายเบาๆอย่างรู้สึกผิด

หากแต่ชายหนุ่มร่างบางกลับไม่ตอบ เขาเดินสวนไปอีกทาง ผ่านชายหนุ่มลูกครึ่งที่ยืนอยู่

"เอาล่ะ...เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า" อารยะว่าพลางเดินไปทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าราวกับว่าร่างกายของเขาไม่มีอะไรผิดปรกติใดๆทั้งนั้น

====================

การประชุมกับลูกค้านั้น คิมหันต์เองก็พอจะดูออกว่าอารยะกำลังฝืนตนเองอยู่หลายต่อหลายครั้งที่เขาต้องช่วยเสริมในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดตกหล่นไปบ้าง แต่มันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

" แล้วทางเราจะติดต่อกลับมานะครับ " สำเนียงแบบอังกฤษแท้ๆดังขึ้นเมื่อการเสนอแผนงานนั้นเสร็จสิ้น ก่อนจะเดินจากไปอีกทาง


"  เสร็จแล้วซิ่นะ... "เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น หลังจากที่ประตูของห้องประชุมปิดลง คิมหันต์ทิ้งให้อารยะอยู่กับเจตน์เพียงสองคนเพื่อเก็บเอกสารที่เหลือกลับไปยังโต๊ะ

แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรแบบนั้น....

โครม...

เสียงเก้าอี้ล้มไปอีกทางพร้อมๆกับร่างของอารยะที่ล้มลงไปแบบที่อาจจะเรียกได้ว่าล้มทั้งยืน

" พี่อาร์ต!! " เจตน์ตะโกนเรียกอีกฝ่าย แล้วถลาเข้าไปรับร่างนั้นแทบจะไม่ทัน

เสียงนั้นทำให้คิมหันต์ต้องรีบเข้ามาในห้องประชุมทันที และภาพที่เขาเห็น ... เจตน์กำลังกอดคนอารยะที่หมดสติไปแล้วแน่น..
หนุ่มลูกครึ่งหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วเดินไปหาคนทั้งคู่

" พี่อาร์ต..ผมขอโทษ .. ผม..ไม่ทำแล้วก็ได้.. " เจตน์โวยวาย พลางเขย่าร่างนั้นไปมา

" ฉันจะเรียกรถพยาบาลนะ " มือของหนุ่มลูกครึ่งตบบ่าของเจตน์เบาๆก่อนจะเดินเลี่ยงมาเรียกรถพยาบาล

 .. ไม่รู้ทำไม เขาถึงอยากจะไปให้พ้นๆตรงนี้นัก...

หากแต่ร่างบางนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ใบหน้าของร่างที่ไร้สติในตอนนี้กลับดูซีดกว่าตอนก่อนเริ่มการประชุมเสียอีก

" พี่อาร์ต..พี่ตื่นสิ ผมขอโทษ " เจตน์ได้แต่พร่ำบอกแบบนั้นไปจนตลอดทางที่เขาพาร่างบางไปโรงพยาบาลพร้อมๆกับรถพยาบาล

====================

แสงสว่างเย็นชาของหลอดไฟในโรงพยาบาล ทำให้คน ที่รู้สึกตัวตื่นขึ้น ต้องหันเหลียวมองซ้าย ขวา

...ที่นี่...โรงพยาบาลเหรอ...

อารยะคิดก่อนจะรู้สึกเจ็บที่มือซ้ายเมื่อหันไปมองก็พบกับเข็มร้อยสายน้ำเกลือเสียบติดอยู่กับมือ

เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ยังทำให้อารยะรู้สึกตัว เขาแกล้งทำเป็นหลับต่อไป

หนุ่มลูกครึ่งมองใบหน้าที่เริ่มเป็นเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อยแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเตียง มือแกร่งเอื้อมมาลูบเส้นผมนุ่มมือนั้นเบาๆ พลางถอนหายใจ
" ยังจะฝืนมาอีกทำไมกัน .. ทั้งๆที่แทบจะยืนไม่ได้แล้วแท้ๆ .. คุณแค่ไม่อยากให้ผมทำแย่ๆใส่สินะ "
นิ้วเรียวไล้กับแก้มนุ่มนั้นเบาๆ ราวกับกลัวว่าคนที่นอนอยู่จะตื่น

มือเรียวยกขึ้นขยับขึ้นแตะที่หลังมือแกร่งนั้นเบาๆ พร้อมกับดวงตาคู่สวยที่ค่อยๆลืมขึ้นมองดูใบหน้าของคนตรงหน้า
"ฉัน...ไม่ได้ทำให้นาย...เสียหน้าใช่ไหม..." เสียงที่เคยฟังนุ่มหู แหบแห้งลงราวกับว่ามันถูกเค้นออกมาจากลำคอ

คิมหันต์ชะงักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวมาโดยตลอด
" ใช่.. คุณทำดีมาก..แต่นั่นก็เพราะ คุณเคยทำงานเก่งกว่าผม " มือนั้นบีบมือเรียวเบาๆ

"ฮึ..."ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มจางๆ
 "อย่าได้ใจไปหน่อยเลย..." มือเรียวบีบตอบเบาๆ
 "ตอนนี้ ฉันก็ยังเก่งกว่านาย.... ฉันไม่ให้นายมาว่าฉันได้หรอก... "

" อยากได้รางวัลรึเปล่า?  "คิมหันต์ถาม พลางมองใบหน้านั้นนิ่ง

"รางวัล...อะไรไม่ทราบ...ถ้าเรื่องแบบว่า..."อารยะถอนหายใจออกมาเบาๆ
"ฉันน่ะไม่ใช่ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ อย่างนายคิดหรอกนะ"

" ให้ทำตอนนี้ ร่างกายคุณก็ไม่ไหวหรอก " คิมหันต์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงแตะริมฝีปากกับหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ
" แค่นี้ล่ะ "

"ฉันไม่ใช่เด็กนะ..." สัมผัสแผ่วเบาทำให้ใบหน้าของคนป่วยแดงเรื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

" พักผ่อนนะ .. เดี๋ยวเจตน์ก็มา " มือแกร่งนั้นลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ " ผมไปล่ะนะ "

"เดี๋ยว...." มือเรียวบางแตะมือของอีกฝ่ายเอาไว้เบาๆ ก่อนจะยกมือเรียวนั้นแตะริมฝีปากของตัวเอง
"ขอบใจ...ที่เป็นห่วงนะ"

" รีบๆหายล่ะ " คิมหันต์ยิ้มให้แล้วดึงมือของตนเองออกก่อนทำท่าจะก้มลงจูบอีกฝ่าย

"อืม..."ดวงตาคู่สวยของารยะปิดลงหมายจะรับสัมผัสจากอีกฝ่าย

แต่มันก็หยุดลงแค่นั้น เมื่อคิมหันต์ละออกไปแล้วเดินออกจากห้องไป

ดวงตาคู่สวยมองตามแผ่นหลังของร่างนั้นจนลับตาไปก่อนที่จะปิดลงช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน...

...ฉัน...ไม่ยอมแพ้ นายหรอกนะ...คิมหันต์...
...นายต้องมองฉัน....

====================


หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่21=(13/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 13-05-2013 20:54:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่21=(13/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 14-05-2013 02:55:17
ไม่รู้สิ แต่อ่านๆแล้ว เหมือนอารยะจะ ร่าน นะ -*- :ruready /
คือว่าไม่ชอบตั้งแต่เรื่มเรื่องแล้วหล่ะ เลยมีอคติอ่ะนะ 55
:katai3:

..เจตน์ นี่ยังไง สงสัยมานานแล้ว ทำมาหวงชินเวลาอยู่กับเอิร์น เชอะ! ชินอย่าได้แคร์กะคนเห็นแก่ตัวเลย
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่21=(13/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 14-05-2013 13:37:15
จริงๆแล้วเป็นสาววายนะคะ ขอบอก แบบเข้ากระดูกดำเลย
แต่จะผิดไหม ถ้าเชียร์ให้ชินได้กับเอิร์นไปเลย
แหม่ ก็สองคนนี้น่ารักทีุ่สุดแล้วอ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่21=(13/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 15-05-2013 05:01:41
แล้วชินหายไปไหนอ่าๆๆ

ขอเรื่องชินเยอะๆ เพราะความรู้สึกเหมือนกัน มันเศร้า

555


สนุกดีครับ
ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่21=(13/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-05-2013 09:01:29
บางครั้ง...ความอยากได้ เมื่อได้มาแล้ว ไม่นานก็เบื่อ...........

เฮ้อ!!!!
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่22=(18/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 18-05-2013 22:38:20
=22=

เสียงถุงพลาสติกกระทบกันไปมาตลอดทางเดินที่มายังห้องผู้ป่วยพิเศษของทางโรงพยาบาล หลังจากเลิกงานได้เพียงไม่เท่าไหร่ นั่นเป็นเพราะเจตน์กำลังรู้สึกผิดที่เขาทำให้อีกฝ่ายต้องเข้าโรงพยาบาล ทั้งๆที่ร่างกายก็กำลังไม่สบายอยู่แท้ๆ แต่เขาก็ยังไปทำแบบนั้นอีก

" พี่อาร์ต ผมเข้าไปนะ " เจตน์เคาะที่ประตูห้องพอเป็นพิธีก่อนจะเดินพรวดพราดเข้าไปในห้องผู้ป่วย

"อ่ะ....อืม... " คนที่ดูจะนั่งเหม่อลอย อาจจะเป็น เพราะด้วยอาการป่วย และใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งที่ก้มลงมาเมื่อครู่ยังอยู่ ในความทรงจำนั้น สะดุ้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา

" พี่เป็นยังไงมั่ง? " เจตน์รีบเดินเข้ามาแตะแก้มอีกฝ่าย

" ผมขอโทษ .. ไม่น่าเลย ทั้งๆที่รู้ว่าพี่ไม่ค่อยสบาย แล้วยัง.. "

"ไม่เป็นไร... ฉันไม่พักเอง..." อารยะกล่าว พลางยิ้มน้อยๆให้กับอีกฝ่าย

" นี่ ผมซื้อของที่พี่ชอบมาฝากด้วยล่ะ  " เจตน์รีบแกะของในถุงที่ซื้อมาให้อีกฝ่าย
" หิวหรือเปล่า? หมอบอกว่าหมดน้ำเกลือขวดนี้ก็กลับได้แล้วนะ แต่ถ้าพี่จะนอนอีกคืนผมจะอยู่เฝ้าเอง "

"ไม่เป็นไรหรอก แค่เพลียนิดหน่อย นายเอง ก็ไปพักซะมั่งเถอะ เดี๋ยวเกิดมาป่วยแบบฉันอีก ฉันก็โดนว่าเอาสิ"
อารยะรับเอาขนมขึ้นมาทานพอไม่ให้เสียน้ำใจ ก่อนจะวางลง

" ใครจะมาว่าพี่ล่ะ ทุกคนเขาเป็นห่วงพี่กันทั้งแผนก พี่คิมฝากให้ผมเอานี่มาให้พี่ด้วย  " เจตน์ยื่นกระป๋องวิตามินรวมให้อีกฝ่าย
" เขาบอกว่าเจอพี่เที่ยวอยู่บ่อยๆ .. ผมว่าพี่ก็เพลาๆลงมั่งเหอะ "

คนป่วยรับเอาขวดวิตามินรวมมา ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

...ขี้เก๊กชะมัด...ทำไมไม่ให้ตั้งแต่เมื่อกี้เลยล่ะ...

" ดีใจเหรอครับ? " เจตน์ถามขึ้นมา ดวงตารีจับจ้องใบหน้าที่ปิดความดีใจเอาไว้ไม่ทันนั่นนิ่ง

"อ่ะ... ก็มีคนอุตส่าห์เป็นห่วงเยอะแยะแบบนี้ " อารยะว่าพลางหันไปยิ้มให้กับอีกฝ่าย ทำเหมือน ไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกคนถาม มือเรียวเอื้อมเอาขวดวิตามินไปวางไว้ข้างเตียง

" แล้วพี่จะนอนต่อไหม หรือจะกลับดี? "เจตน์เปลี่ยนเรื่อง .. ทั้งๆที่เขาก็กำลังสงสัยอยู่

ดวงตาคู่สวยเหลือบมองใบหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย

...สงสัยอยู่ล่ะซิ่นะ...

"ก็...ถ้ากลับไปแล้ว ...ไม่ต้องป่วยอยู่ห้องคนเดียวล่ะก็...นะ" มือเรียวยกขึ้นแตะมือแกร่งของอีกฝ่ายเบาๆ ริมฝีปากบางกระซิบออกมาเป็นคำออดอ้อน

" พี่อยากให้ผมอยู่ด้วยจริงๆเหรอ "เจตน์กระซิบตอบเบาๆ
" ไม่ใช่คนอื่นใช่ไหม? "

".........ก็...ใช่น่ะซิ่ นายต้องรับผิดชอบฉันไม่ใช่หรือไงกัน" คนป่วยตอบกลับ

" ก็ใช่ ผมทำให้พี่ต้องเข้าโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? "เจตน์ทำท่าลำบากใจ

"นั่นล่ะ " อารยะยิ้มก่อนจะยื่นมือที่มีสายน้ำเกลือระโยง ยิ่งทำให้คนป่วยดูบอบบางลงไปอีกนั้น ไปสวมกอดอีกฝ่ายเอาไว้เบาๆ
"ก็จะเป็นใครเสียอีกล่ะ... "

" ผอมลงนะ " เจตน์กอดตอบอีกฝ่าย ริมฝีปากได้รูปแตะกับแก้มของอีกฝ่ายแล้วแนบกับหน้าผากมนนั่นเบาๆ

"เหรอ..." อารยะตอบกลับเบาๆ

" ไปเที่ยวทุกวัน ถึงได้ผอมล่ะสิ "เจตน์กอดคนตรงหน้าแน่นขึ้นอีก

"ก็...ฉัน..." อารยะหยุด อดจะสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม หลังๆมานี่ถึงต้องออกไปที่ผับนั่นทุกวันๆ ทั้งๆที่ไปแล้วก็มีแต่คนจะเข้ามาทำรุ่มร่ามใส่อยู่ทุกครั้งไป

" ถ้าอยากไป จะไปเป็นเพื่อน ดีไหม? "

แต่ชายหนุ่มให้อ้อนแขนกลับขยับตัวออก "...ไม่เป็นไรหรอก..."

" พี่อยากเจอใครรึไง? "เจตน์ถามเสียงเรียบ

"ก็...ตามประสา มีเพื่อน มีอะไร ก็ไปไง..." อารยะว่าพลางหัวเราะ
"มีอะไร...หึงเหรอ"

" ใช่ พี่แฟนผมไม่ใช่รึไง? "เจตน์ตอบออกไปทันที

"ก็ใช่...." ร่างบางตอบกลับทันควันเช่นกัน
"...... " ริมฝีปากบางเม้มแน่น เขารู้ดีว่า อีกฝ่ายกำลังไม่พอใจในพฤติกรรมของตัวเขา แต่... จะให้ทำยังไงได้ หากว่า ปล่อยมือจากคนๆนี้ มันก็เท่ากับเขากำลังจะกระโดดลงไปที่ก้นเหว โดยที่ไม่มีร่มชูชีพ หรือ ตาข่ายคอยรองรับ

...ไม่มีคนให้อยู่ด้วย แบบนั้นน่ะ...ไม่เอาหรอก

"เรา...ต้องรู้จักกันมากขึ้นไม่ใช่หรือไงล่ะ...ฉันก็แค่อยากให้นายรู้ว่า นี่ก็เป็นฉัน ฉันก็มีสังคม อีกอย่าง อีกที่ ที่นอกเหนือจากบริษัท และการอยู่กับนาย..."

" ผมเองก็อยากจะรู้จักพี่ให้มากขึ้นเหมือนกัน "เจตน์รีบบอก
 " ไว้คราวหน้าไปด้วยกันก็ได้ "

".........ขอฉันพักก่อนก็แล้วกันนะ...เจตน์"ชายหนุ่มร่างบางว่าพลางผละออกจากอีกฝ่ายแล้วเอนตัวลงกับเตียง

===================

วันเวลาผ่านไปกับความเงียบเหงาในโรงพยาบาล เจตน์ไม่ได้มาเยี่ยมเขาในช่วงกลางวัน... แน่ล่ะ เพราะว่ามันเป็นเวลาทำงาน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังอยากคุยกับใครซักคนอยู่ดี
คิดได้แบบนั้นมือเรียวของคนป่วยก็คว้าเอาโทรศัพท์มา กดหมายเลขที่คุ้นเคยทันที


ชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้หนุ่มลูกครึ่งหยิบมันแล้วเดินออกจากแผนกไป ยังไง เจตน์ที่ยังนั่งอยู่ตรงนั้นก็ไม่ควรจะมารับรู้เรื่องนี้
เขากดรับสาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

"คิมหันต์..นายยุ่งอยู่รึเปล่า..." เสียงแหบพร่าดังมาจากปลายสาย

" มีธุระอะไรเหรอครับ ถึงได้โทรมา " คิมหันต์ตอบกลับไปเรียบๆ

"อยากกินพายไก่ของร้านกาแฟข้างบริษัท ...แต่ไม่มีคนมาเยี่ยม... " อีกฝ่ายตอบ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าบนใบหน้ามนนั้นจะปรากฏเป็นรอยยิ้ม

" ผมจะบอกเจ้าเจตน์ให้ เอาอะไรอีกไหมครับ? "

".........แต่ฉันอยากให้นายมานี่"เสียงที่ปลายสายเปลี่ยนเป็นจริงจัง เมื่อได้ยินชื่อของบุคคลที่สาม
"นายเองก็เป็นคนนึงที่ทำให้ฉันป่วยนะ รับผิดชอบหน่อยซิ่"

" ผมจะไปกับเจ้าเจตน์ก็แล้วกัน "เสียงเรียบเฉยของคิมหันต์ไม่เปลี่ยนเลยซักนิด

"...แต่ฉันไม่ได้อยากเจอหน้าเจตน์นี่... "

"ตอนนี้ ฉันอยากกินพายไก่...ที่นายเป็นคนเอามาให้ " น้ำเสียงของคนป่วยยังคงเอาแต่ใจอยู่ไม่เปลี่ยน

" คุณโตแล้วนะ อารยะ ผมจะฝากเจตน์เอาไปให้ เย็นนี้ก็แล้วกัน " ท่าทางเอาแต่ใจที่รู้สึกได้จากน้ำเสียงทำให้คิมหันต์ขมวดคิ้ว

"ขอโทษนะ คนป่วยมันเป็นแบบนี้แหละ ไม่ต้องสนใจหรอก! "คำพูดที่เหมือนกับจะสั่งสอนของหนุ่มลูกครึ่ง ทำให้ ปลายสายหงุดหงิดขึ้นมาทันที ก่อนจะกดตัดสายไปด้วยความโมโห

...แน่ล่ะซิ่...ฉันมันก็เป็นแบบนี้นี่...ผิดหวังอีกซิ่ ทำอะไรไม่เคยเข้าตาเลยนี่...

===================

เย็นวันนั้น ดูเหมือนว่า จะไม่มีอะไรมาทำให้คนป่วยรู้สึกสงบใจได้เลยแม้แต่น้อย
จนพยาบาลสาวหลายคนที่มักจะคอยแวะเวียนเข้ามาหาเพื่อพูดคุย ก็ยังต้องขอตัวตีจากเมื่อเดินเข้าไปก็จะเจอกับคำพูดแสบๆ ที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าไปทำอะไร มาถึงสรรหามาใช้กับคนอื่นได้มากขนาดนั้น

...หงุดหงิด...ทำไมไม่มาล่ะ...ฉันป่วยนะ...เพราะนายนะ...

จนกระทั่งเสียงเปิดประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงถุงอาหาร และเสียงฝีเท้าจากรองเท้าหนัง
คนป่วยที่พร้อมจะหันไปห้ามไม่ให้พยาบาลก้าวเข้ามาในห้องหันไปหมายจะเอ่ยปากห้ามแต่ก็ต้องหยุด

"นายมา...? " เสียงที่เปล่งออกไปนั้นฟังดูประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

" พายไก่ของคุณ " คิมหันต์วางถุงพายไก่ลงที่โต๊ะข้างเตียงคนป่วย " ท่าทางสบายดีนี่ครับ "

"ก็..ยังป่วยอยู่ดี...ไม่งั้นก็ออกไปได้แล้วซิ่" อารยะว่าพลางหันไปสนใจพายไก่...นั่นดูเหมือนการแก้เขินมากกว่า

" งั้นผมไปล่ะนะ " คิมหันต์ทำท่าจะออกจากห้องไป

"เดี่ยวก่อนซิ่" ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มือเรียวของคนป่วยถึงได้คว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้

" ผมเอาพายไก่มาให้แล้วไง เดี๋ยวเจตน์มันคงจะมา " คิมหันต์มองมือที่ดึงเขาไว้

"ซื้อมาตั้งหลายอัน... อยู่กินกาแฟกันซักแก้วก่อนซิ่" เสียงของคนป่วยว่า

" ไม่ล่ะครับ ผมไม่ชอบกินกาแฟในโรงพยาบาล "คิมหันต์ปฏิเสธทันที
 " หรือ...คุณจะชวนกินอย่างอื่น? "ใบหน้าได้รูปก้มลงเข้าใกล้อีกฝ่าย

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองใบหน้าคมของอีกฝ่าย ด้วยความไม่เข้าใจ
"นาย...ฉันมันก็เป็นได้แค่นั้นใช่ไหม...ฉันจะทำกับนายที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหม?" อารยะว่าพลางยกมือข้างที่มีสายน้ำเกลือขึ้นให้อีกฝ่ายดู

" คุณน่ะ...อยากให้ผมเป็นอะไรกันแน่..เราเป็นแค่คู่ขาไม่ใช่หรือไง? "คิมหันต์มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา

"ฉัน... "อารยะกัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกอึดอัด ที่แปลกประหลาดนี่มันคืออะไรกันแน่ ...ใช่...เขาบอกตัวเอง และ บอกคิมหันต์เองว่า อีกฝ่ายเป็นแค่คู่ขา
แต่ในตอนนี้ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธการจิบกาแฟ ยามเย็น  ด้วยถ้อยคำ และสายตาเย็นชาแบบนั้นกลับเป็นอะไรที่เขาทนไม่ได้
"ฉันก็แค่อยากจะให้นาย นั่งลง แล้วก็...กินกาแฟกับฉันซักแก้วก็เท่านั้น" ชายหนุ่มว่าพลางก้มหน้าลง มือเรียวที่วางอยู่บนหน้าตักและอีกข้างที่จับมือของอีกฝ่ายเอาไว้นั้นกำแน่น

" คู่ขาน่ะ เขาไม่ทำกันแบบนี้กันหรอกนะ .. ที่เขาทำกันน่ะก็แค่เซกส์เท่านั้น "คิมหันต์บีบมืออีกฝ่ายเบาๆ
" คุณก็พอใจแค่นั้นไม่ใช่หรือไง? "

"ในตอนนั้น มันก็.......จริง .... " อารยะขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะปล่อยมือจากมือของอีกฝ่าย แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง

" ฉันปวดหัวแล้ว..."

" งั้นก็พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเจตน์ก็มา "คิมหันต์เดินออกจากห้องไปทันที

===================

ทันทีที่ประตูห้อง ปิดลง ถุงพายไก่ก็ลอยละลิ่ว ลงไปอยู่กับพื้น ด้วยแรงปัดจากคนป่วย

"บ้าเอ้ย...นายอย่ามาปั่นหัวฉันเล่นนะ" อารยะสบถดังลั่น ด้วยความรู้สึกสับสน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาไม่เคยสนว่าใครจะทำอะไร ที่ไหน หรืออย่างไร แต่ ในตอนนี้ ในหัวของเขามีแต่ห่วงว่า คิมหันต์จะทำอะไร และ คิมหันต์จะคิดยังไงกับเรื่องของเขา ...อยู่ๆ มันก็กลายเป็นแบบนี้

"...นี่ฉันพลาดไปแล้วหรือไง?.... "
ว่าพลางก็ทิ้งตัวลงนอนกับหมอนของโรงพยาบาล กลิ่นยาที่ตลบอบอวลไปทั่ว ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดและ อารยะรู้ดีว่าคนที่จะโดน ระบายใส่เป็นคนแรก ก็คงจะหนีไม่พ้นพยาบาลหน้าใหม่ที่คงจะเดินเข้ามาวัดไข้ในอีกไม่กี่นาที

...แล้วฉันต้องการอะไรจากคิมหันต์กันแน่?...

แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในสมองคิดไปเรื่อยจนกระทั่งกลับมาถึงคำพูดของหนุ่มลูกครึ่งที่ทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่จะเดินออกไป

...ก็อยากให้อยู่ใกล้ๆ...
...อยากให้ พูดคุยกันบ้าง ไม่ใช่แค่มีเซกส์...

แต่มันจะทำได้ยังไงในเมื่อไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็จะเห็นเป็นเรื่องแบบนั้นไปเสียหมด...
หรือว่า ก่อนหน้าที่ผ่านมานี้ เขา มุ่งหวัง ในเรื่องนั้นมากเกินไป ??
อารยะยังคงคบคิดไปเรื่อยจนกระทั่งการวัดไข้เสร็จสิ้นลง

===================

หลังจากนั้นอีกสองวัน หมอก็อนุญาตให้อารยะกลับมาทำงานได้ตามปรกติ ร่างของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ปรากฏตัวขึ้นที่แผนกต่างประเทศนั้นเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่มากก็น้อย ในเมื่อดูจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทที่เป็นลมล้มพับไปหลังจากการประชุม

" พี่อาร์ต..  " เจตน์รีบเดินมาหาคนรักที่โต๊ะ " น่าจะพักผ่อนอีกหน่อยนะครับ "

"ฉันพักมาหลายวันในโรงพยาบาลแล้ว...อยู่ต่อไปเป็นง่อยกันพอดี... แล้วก็จะได้ไม่มีใครมาว่าฉันมาว่าฉันว่า อู้งานด้วย" อารยะตอบ พลางยกเอาเอกสารตั้งใหญ่มากองไว้ตรงหน้า เพื่อตรวจสอบ ตามหน้าที่ที่ควรจะเป็น

" พี่คิมเขาไม่ว่าหรอกครับ ใจดีจะตาย " เจตน์หันไปทางคิมหันต์

" พูดดีนี่ วันนี้เลี้ยงข้าวเที่ยง " ซึ่งคิมหันต์ก็รับคำทันที
" แล้วก็มีเรื่องสำคัญจะพูดกับนายด้วย " ดวงตาสีนิลมองไปทางอารยะที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

คำพูดของหนุ่มลูกครึ่งที่ดังขึ้นทำให้ ชายหนุ่มต้องหันไปมองด้วยความไม่เข้าใจนัก
" เรื่องสำคัญเหรอครับ? ผมกะจะชวนพี่อาร์ตไปกินข้าวด้วยกันพอดีเลย " เจตน์บอกเสียงอ่อย

" ไม่เป็นไรหรอก เจตน์..ไปเถอะ " อารยะว่าพลางทำท่าไม่สนใจ ทั้งๆที่ยังนึกสงสัยไม่หายว่าคิมหันต์ต้องการจะทำอะไร

" ไปด้วยกันก็ได้นี่ครับ " คิมหันต์พูดขึ้นมา " ผมเลี้ยงข้าวคุณด้วยก็ได้ ไหนๆก็ทุ่มเทกับโปรเจคขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ ผมเองยังไม่ได้ไปเยี่ยมคุณเลย อย่างน้อยก็น่าจะได้เลี้ยงข้าวบ้าง "

เจตน์พยักหน้าแรงๆอย่างเห็นด้วย

"....."อารยะมองหน้าของหนุ่มลูกครึ่งอย่างชั่งใจ
"ได้... ครับ ผมจะไป "

เจตน์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองคนทั้งคู่เล็กน้อย

... เขาอยากจะรู้เหมือนกัน.. การเผชิญหน้ากันทั้งสามคนมันจะเป็นอย่างไร...

===================

ภายในร้านอาหารใกล้กับบริษัท ชายหนุ่มสามคนมารับประทานอาหารเที่ยงกัน โดย ที่เลือกนั่งที่ โต๊ะตัวด้านในร้าน อารยะนั่งอยู่แทบจะเรียกได้ว่าระหว่างสองคนที่นั่งประจันหน้ากัน

บรรยากาศความตึงเครียดดูเหมือนจะเข้ามาทับถมชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาไม่มีทางรู้เลยว่า สายตาที่คิมหันต์มองมาในตอนนั้นมันจะหมายความว่าอะไร

" พี่..ใส่เยอะไปแล้ว " เจตน์ทักเมื่ออารยะเทเกลือมากเกินไปสักหน่อย
" ปกติพี่ไม่กินเค็มนี่ " คำพูดสนิทสนมราวกับเป็นคนรักกันนั้นพูดออกมาทั้งที่คิมหันต์ยังนั่งอยู่ตรงกันข้าม

"ฉันเหม่อไปหน่อยน่ะ..."อารยะสะดุ้งก่อนจะหันไปมองหน้าของเจตน์ "ทำไงดี...กินไม่ได้แล้วเนี่ย"

" สั่งใหม่สิครับ " คิมหันต์ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเรียกพนักงานเพื่อจะสั่งอาหารจานใหม่
" ท่าทางสนิทกันจังนะ เจตน์ นายรู้ด้วยรึไงว่าอารยะชอบอะไรไม่ชอบอะไร " คิมหันต์ถาม ทั้งที่รู้ดีว่าอารยะกับเจตน์เป็นอะไรกัน แต่..ต่อหน้าเจตน์ เขาจะต้องไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

" ก็..พวกผม.. " เจตน์หันไปมองหน้าอารยะ

"เอ่อ.... " อารยะเห็นท่าทางของเจตน์แล้วแต่เขาก็ไม่อยากจะให้พูดอะไรออกไป...ไม่ใช่ต่อหน้าคิมหันต์ แต่เป็นในสถานที่สาธารณะแบบนี้ต่างหาก " เอ่อ คิมหันต์เมื่อกี้คุณสั่งอะไรนะ นั่นใช่ของคุณหรือเปล่า "

" ของผมต่างหาก พี่คิม กินเนื้อที่ไหนกันเล่า "เจตน์รับเอาจานอาหารของตนมาวางตรงหน้าก่อนจะจัดการปรุงรส

"อ้าว...เหรอ" เมื่อเจตน์ท้วงแบบนั้น ก็ทำเอา อารยะมองหน้าคิมหันต์ไม่ติด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่า เขา...ไม่ค่อยจะรู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย

" ไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอกน่ะเจตน์ เมื่อก่อน ฉันกับอารยะก็ไม่ค่อยได้ "ทำอะไรร่วมกัน" เท่าไหร่หรอก " คิมหันต์บอกไปแบบนั้นก่อนจะยิ้มรับจานอาหารของตนเองมาจากพนักงาน
" เหลืออีกชุดนะครับ ช่วยเร่งด้วย " เขาบอกกับพนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะมองหน้าอารยะ

"อ้อ...อ่ะ...อืม ...ใช่แล้ว "อารยะรับคำพลางเบือนหน้าไปอีกทาง

เพียงไม่นานนัก อารยะก็ได้อาหารชุดใหม่ของตนเอง พวกเขายังคงทานอาหารกันต่อไป โดยที่มีเพียงบทสนทนาระหว่างเจตน์กับคิมหันต์เสียเป็นส่วนมาก ส่วนอารยะที่เดิมไม่ใช่คนเงียบในวันนี้กลับเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด

" ไม่อร่อยเหรอ? " เจตน์แตะแขนของคนรักเบาๆ

"อ่ะ..เปล่า อร่อยซิ่ อร่อย " อารยะว่าพลางหันไปยิ้มให้กับคนรัก แต่ไม่รู้ทำไม ถึงรู้สึกฝืดคอที่จะยิ้ม ที่จะพูดอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่ รู้ว่า คิมหันต์นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย

" ไว้คราวหน้าไปร้านอื่นไหมครับ? ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแถวๆนี้ก็อร่อย " คิมหันต์ทำหน้าเสีย ทำเอาเจตน์ต้องรีบบอก

" ไม่หรอกพี่ ร้านนี้ก็อร่อย "

" พอดีวันนี้ ไม่ค่อยอยากอาหารล่ะมั้ง...เพิ่งหายป่วยก็แบบนี้ล่ะ อย่าใส่ใจเลย" อารยะพูด

...ทำไมต้องพูดเหมือนจะเอาใจแบบนั้นด้วย...

" ก็ผมทำให้คุณป่วยนี่ครับ? .. รึว่าคนอื่น? " คิมหันต์หันไปทางเจตน์เล็กน้อย ทำเอาเจตน์ถึงกับหน้าเสีย

"มันก็....เอ่อ....ผมผิดเองนั่นล่ะ ไม่ดูแลตัวเอง มาป่วยเอากลางงานแบบนี้ ก็ทำให้คุณลำบากเหมือนกัน ขอโทษนะครับ "ชายหนุ่มว่าพลางก้มลงเล็กน้อย

" พรีเซนต์โปรเจตน์คเสร็จแล้วนี่ครับ รอให้ทางนั้นตัดสินใจแล้วค่อยว่ากันต่อแค่นั้นเอง "หนุ่มลูกครึ่งบอก
 " อย่าคิดมากเลยครับ "

"มันเป็นงานที่ได้รับมอบหมายมา...ไม่คิดมากคงไม่ได้หรอกครับ....เอ่อ...เดี๋ยวผมขอตัวซักครู่" อารยะพูดตัดบทก่อนจะลุกเดินไปที่ห้องน้ำ

....พยายามจะเล่นอะไรกันแน่...คิมหันต์....

===================

--- RRR ---

เสียงโทรศัพท์ของคิมหันต์ดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบมันมาดูก่อนจะขอตัวจากเจตน์ไปรับโทรศัพท์อีกด้านของร้าน

"นายคิดจะทำอะไรของนาย...พูดอะไรกำกวมอยู่ได้... " เสียงที่ดังขึ้นจากปลายสายนั้นฟังดูคุ้นเคย ไม่น้อย

" นึกว่าคุณจะทนเล่นละครได้อีกหน่อยซะอีก " คิมหันต์กรอกเสียงกลับไปอย่างอารมณ์ดี เสียงก้องที่สะท้อนเข้ามาในหูโทรศัพท์ อีกฝ่ายอยู่ในห้องน้ำจริงๆ

หนุ่มลูกครึ่งเดินตามเข้าไป โดยที่ไม่ลืมจะหยิบป้าย "ระหว่างทำความสะอาด" มาแขวน
" กลัวอะไรรึไง? "

" ฉันต้องกลัวอะไร?" คิ้วเรียวขมวดมุ่น เขาล่ะอยากจะยกหมัดกระแทกหน้าของอีกฝ่ายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปกับการที่มาทำให้เขาต้องหัวปั่นแบบนี้

" กลัวเจ้าเจตน์มันจะรู้น่ะสิ..ว่าลับหลังมัน คุณเป็นยังไง " คิมหันต์เดินเข้ามาหาอีกฝ่าย มือเรียวคร่อมร่างนั้นไว้กับเคาท์เตอร์อ่างล้างมือ

"..... " ไม่มีคำพูดตอบกลับเหมือนทุกที...ใช่ เขากลัว...ไม่ใช่แค่กับเจตน์...เขากลัว การสูญเสียภาพพจน์มากยิ่งกว่าอะไร
"แล้วนายล่ะ... ดีนักเหรอ มาทำแบบนี้...คนที่บริษัทรู้เข้า นายเองก็แย่เหมือนกันล่ะ... "

" คนที่แย่คือคุณต่างหาก ..เรื่องในตอนนั้นก็เหมือนกัน "
ดวงตาสีเทาเข้มที่สบตาอีกฝ่ายฉายแววเศร้าเล็กน้อย แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น
" คุณไม่ต้องห่วงผมหรอกน่ะ " ริมฝีปากได้รูปแตะกับอีกฝ่าย ในขณะที่มือข้างว่างคลายปมไทค์ของคนตรงหน้าออก

"ไม่ได้ห่วง...อ๊ะ..." เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากของอีกฝ่าย

.....คิดถึงเหรอ??....สัมผัสของหมอนี่...

"ฉัน...จะ..แฉ..นาย” อารยะพูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง

" อ้าปากสิ " คิมหันต์ไม่ได้สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแม้แต่นิด มือเรียวเย็นๆไล้กับลำคออุ่นๆจนอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้ง ปลายลิ้นเลียริมฝีปากได้รูปอย่างยั่วเย้า

".....ไม่..... " เสียงที่เล็ดลอดไรฟันที่ขบกันแน่นออกมานั้นดูจะเป็นการหักห้ามใจของตัวเองมากกว่า ห้าม อีกฝ่าย ไม่ให้แตะต้องตัวเอง

สัมผัสเย้ายวนบนผิวกายที่ห่างหายไปนาน....ทำไมคิมหันต์ถึงทำแบบนี้กับเขา...ทำไมถึงต้องปั่นหัว ให้เขาต้องการอีกฝ่ายมากขนาดนี้ด้วย

มือเรียวกำแน่น พยายามอย่างมากที่จะไม่หลงกลเผลอไผลไปกับสัมผัสยั่วเย้า

...............แต่มันก็อดใจไม่ไหวเสียแล้ว......................

สองมือเรียวเปลี่ยนมาโอบรัดร่างของอีกฝ่ายเข้าหาตัวเองแน่น เช่นเดียวกีบริมฝีปากบางที่เผยอขึ้นรับสัมผัสจากอีกฝ่าย
ตอบสนองอย่างรุนแรง เร่าร้อน ราวกับกระหาย ที่จะแตะต้องมานาน

คิมหันต์มอบความเร่าร้อนผ่านริมฝีปากและมือทั้งสองข้างของเขา ปลายลิ้น และริมฝีปากเลื่อนไล้จากปาก ผิวแก้ม ใบหูก่อนจะเลียที่ลำคอขาวนั้น และจงใจฝังร่องรอยไว้ เรียกเสียงครางเครือออกจากอีกฝ่ายได้ไม่ยาก

"อืม...คิม....คิม.... " ริมฝีปากบางเรียกร้องออกมาเป็นชื่อของอีกฝ่าย มือเรียว ละไล้ไปทั่วแผ่นหลังแกร่งของอีกฝ่าย





เสียงและชื่อที่คุ้นเคยทำให้หนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่เดินไปที่หน้าห้องน้ำต้องหยุดฝีเท้าทันที .. เสียงหอบครางของคนรักของเขาที่กำลังเรียกชื่อรุ่นพี่ของเขาอย่างเร่าร้อน ..

เจตน์..เดินไปทางห้องน้ำช้าๆ ป้ายที่บ่งบอกว่ากำลังทำความสะอาดไม่ได้ทำให้เขาสนใจมากไปกว่าสิ่งที่อยู่ข้างใน
และภาพที่เขาเห็น ก็ทำให้เขาถึงกับหัวโล่งไปหมด ..ดวงตารีเบิกกว้าง..

"อืม....คิม.... " ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือ เพลิดเพลินกับสัมผัสร้อนบนผิวกาย แต่แล้วดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ต้องเบอกกว้าง เมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ ซ้ำร้าย....ยังเป็น

"เจตน์!!" มือเรียวผลักคิมหันต์ออกห่างทันที

===================

talk : กลับมาต่อแล้วค่ะ คอมเมนต์แรงได้ใจมากค่ะ สำหรับอารยะน่ะ ติดตามอ่านกันต่อไปนะคะแล้วจะได้รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้เป็นแบบนี้กัน ส่วนเจตน์จะปล่อยอารยะไปง่ายหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่22=(18/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 18-05-2013 22:56:42
คาหนังคาเขา อยากรู้จริงๆว่าบักอาร์ตจะแถยังไง! แล้วเจ้าเจตน์จะว่ายังไง อยากรู้จริงๆ!!!
รออ่านต่อจ้า
ปล.น้องชินยังคงไร้บทต่อไป
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่22=(18/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 20-05-2013 00:08:50
จับได้ก็เลิก

แล้วกลับไปหาชิน ได้แล้วววว
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่22=(18/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 20-05-2013 00:48:07
ขอให้เจตน์ปล่อยพี่อาร์ตไปง่ายๆเถอะ เห็นเต็มตาขนาดนี้ คบไปก็คงมีแต่เสียความรู้สึก

เราว่าเรื่องในห้องน้ำนี้คิมต้องตั้งใจแน่เลย ตอนแรกนึกว่าคิมจะอ่อนๆยอมอาร์ตมากกว่านี้นะ แต่นี่เล่นเอาอาร์ตไปไม่เป็นเลย

พ่อหนุ่มอ้วนของเราหายไปเลย ตอนแรกนึกว่าชินเป็นตัวเอกของเรื่อง แต่ไหงดูเหมือนเป็นพี่อาร์ตไปได้ล่ะนี่
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่23=(25/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 25-05-2013 20:25:15
=23=

" พวกพี่ยังไม่กลับออฟฟิตรึไง จะได้เวลาทำงานแล้วนะครับ " เจตน์สูดลมหายใจลึกก่อนจะพูด ดวงตารีสบตากับอารยะนิ่ง

"อ่ะ...เอ่อ... เดี๋ยว ก็ว่าจะกลับแล้วล่ะ " อารยะตอบละล่ำละลัก จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง

" พอดีผมรีบน่ะ พวกพี่ตามสบายก็แล้วกัน " เจตน์เดินออกไปจากตรงนั้น โดยไม่หันกลับมาแม้แต่น้อย

" นี่คุณ ค่อยๆไปก็ได้ ยังหอบอยู่เลย " คิมหันต์หันมายิ้มให้อีกฝ่ายราวกับไม่ได้ทำผิดอะไร

"นาย...." มือเรียวคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายเข้าไว้ทันทีด้วยแรงโมโห
"ยังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ"
ทั้งที่ยังหอบอยู่จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า แต่ในตอนนี้ มันกลับเต็มไปด้วยความสับสนและความอับอาย มากกว่า

" ผมต้องรับผิดชอบอะไรรึไง? แค่คู่ขาที่ทำตามหน้าที่ก็เท่านั้น " มือเรียวแกะมืออีกฝ่ายออกได้อย่างง่ายๆ ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นไปเช่นกัน

"แต่ฉันไม่ได้ขอให้มันเป็นอย่างนี้ .... "เสียงที่ดังออกมาจากคนที่ยืนอยู่นั้นสั่นเครือ

...หมดกัน...จบกัน.... พอกันที....

====================

หลังจากกลับเข้าไปที่บริษัท ความอึมครึมก็แทบจะปกคลุมไปทั่วแผนกต่างประเทศ เมื่อพนักกงานทั้งสามคนที่ออกไปทานข้าวพร้อมกันดีๆ ต่างเล่นไม่พูดไม่จาใส่กันเลยแม้แต่น้อย
เจตน์ที่เอาแต่นั่งทำเอกสารอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนคิมหันต์ก็นั่งคุยโทรศัพท์กับลูกค้าด้วยภาษาถนัดของตนอย่างยาวนาน
จะมีก็แต่ อารยะ ที่ดูจะเงียบลงไปทันตาเห็นชายหนุ่มได้แต่เดินเอกสารจากห้องนั้นไปห้องนี้ ด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ตามปรกติแล้วไม่ใช่งานของเขาเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่อยากจะอยู่ตรงนั้นแม้ซักนาที

.....เมื่อไหร่จะเลิกงานนะ ...

อารยะคิดในใจของตัวเอง

====================

จนกระทั่งเวลาเลิกงานที่เจตน์ไม่ได้หันมาพูดอะไรกับอารยะเลย เขาเก็บของออกจากแผนกไป ทิ้งให้อีกฝ่ายได้แต่มองตามไปเท่านั้น

"อ้าว....ว่าไง " เสียงชินดนัย ทักตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย ชายร่างท้วมกำลังง่วนเก็บงานเข้าแฟ้ม
"มีอะไรอีกล่ะคราวนี้... ทำหน้ามุ่ยมาแต่ไกล"

" อ้วน..กู.. " ชายผมสีน้ำตาลทำท่าลำบากใจ
" มึงไม่ได้นัดใครไว้ใช่ไหมวะ วันนี้ " เพราะว่าเดี๋ยวนี้ชินดนัยเริ่มสนิทกับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นดอกฟ้าของบริษัทไปแล้ว เขาเลยถามออกไปแบบนั้น

" ที่จริงมันก็..นะ “ ชินดนัยอ้ำอึ้ง อันที่จริง เขาเพิ่งจะตอบตกลงกับเอิร์นไปว่าเขาจะไปซื้อของเป็นเพื่อนเธอหลังเลิกงาน
" แต่เรื่องของมึงท่าทางน่าจะใหญ่กว่า "ว่าพลางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความไปหาเอิร์น

" งั้น ไปกินเหล้ากัน " เจตน์โพล่งขึ้นมา " นะ " น้ำเสียงเหมือนจะอ้อนอย่างไม่รู้ตัว

"เออๆ ไปกินเหล้าๆ ก็ได้" ชินดนัยฝืนยิ้ม เขารู้ดีว่า มันจะเป็นเรื่องอะไรไม่ได้นอกจากปัญหาใจของคุณเพื่อนอีกแน่นอน

....เรามันก็นะ....ก็แค่ที่ปรึกษานั่นล่ะน้า..

====================

ร้านเหล้าร้านประจำของทั้งคู่ยังมีคนไม่มากนักในเวลาที่เพิ่งเลิกงานแบบนี้ แต่เจตน์กลับดื่มไปหลายแก้วแล้ว และแก้วที่ห้าของเขาก็ทำให้เขากล้าที่จะพูดออกมาจนได้

" อ้วน .. พี่อาร์ต .. เขา "เจตน์กลิ้งแก้วเหล้าที่ว่างเปล่าไปมาบนโต๊ะ
" กับพี่คิม... "

"อืม... " ชินดนัย รับคำเบาๆ ในลำคอ
... ในที่สุดมึงก็รู้ซิ่นะ...

" มึงรู้? "

ชินดนัยไม่ตอบ แต่ก็พยักหน้าลงเบาๆ

ดวงตารีที่มองชินดนัยนั้นเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและผิดหวัง " ทำไมมึงไม่บอกกู "

"กู... กลัวมึงเสียใจ" ชินดนัยก้มหน้าตอบไปตามตรง

" มึงปล่อยให้กูโง่เป็นควาย! " เหล้าแก้วที่หกถูกกรอกลงไปในปากจนหมดแก้ว

"แต่ที่กูทำ ก็เพื่อมึง เจตน์... มึงคิดว่ามึงที่กำลัง หลงพี่เขา หัวปักหัวปำ จะยอมฟังกูเหรอ? มึงที่พยายามให้โอกาสพี่เขาทุกทาง น่ะ จะยอมฟังกูไหม? ถ้ากูบอกไปตอนนั้น...บางเรื่อง กูเลือกที่จะเก็บเอาไว้ก็เพราะกูรักมึงหรอกนะ" ชินดนัยว่าพลางกระกดเบียร์ ลงไปจนหมดแก้ว

" ตั้งแต่เมื่อไหร่? " เจตน์หันไปมองอีกฝ่าย ใบหูเริ่มแดงเพราะฤทธิ์ของเหล้าเพียวๆ

"ก็..." เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองพลั้งปากพูดอะไรออกไป ... ชินดนัยก็ละล่ำละลัก หาทางออกให้กับตัวเอง
"ก็... ตั้งแต่ที่มึงคบกับกูนี่ล่ะ....เป็นเพื่อนกันนี่หว่า เพื่อนรัก"

" กูถามว่า มึงรู้เรื่องนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? "เจตน์ขมวดคิ้วถาม ไม่ได้สนใจคำตอบของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้แม้แต่น้อย

"อ่ะ...อ้อ.... "ชินดนัยเกือบจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเขาเข้าใจอะไรผิดไปเอง
 "ก็...ตั้งแต่...เอ่อ...อาทิตย์ก่อน...ที่พี่อาร์ตจะย้ายเข้าไปแผนกมึงอะ "

" คงจะเร่าร้อนกันน่าดูสิวะ กูมันไม่ได้เรื่องเอง ไม่งั้นเมียจะไปมีคนอื่นได้ไง ฮะ ฮะ ฮะ "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองหัวเราะ คำพูดแต่ละคำที่ออกมานั้น น่าอายจริงๆ

"เฮ้ย เจตน์ ... ไปเรียกพี่เขาแบบนั้น... เดี๋ยวเขาก็เสียใจหรอก" ชินดนัยไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

" ก็เขาเป็นเมียกู!! " เจตน์ตะโกนใส่เพื่อน ก่อนจะดื่มอีกแก้ว

"เอ่อะ...เอ่อ...เอาน่าๆ ใจเย็นๆ" ชินดนัยพยายามสงบสติเพื่อนของตัวเอง
"  แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป?"

" กูไม่เลิกแน่ เรื่องอะไรจะยอมง่ายๆ หึ!  "พูดจบก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้ววางเงิน
" อ้วน กูเลี้ยง " พูดจบก็เดินออกจากร้านตรงไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตฝั่งตรงกันข้าม เพื่อซื้อของไปทำอาหารเย็นให้คนรักของเขา

"เฮ้ยๆ เจตน์... ให้มันเพลาๆหน่อยเถอะ กูไม่อยากให้มึงฝืนใจทำอะไรแบบนี้นะเว้ย" ชินดนัยว่า แต่ก็ไม่ได้เสียงหรือท่าทางตอบรับใดๆจากเพื่อรัก
 
"ทำยังไงดีๆ.... ทำยังไงดีๆ... "เสียงพึมพำเบาๆดังขึ้นจากริมฝีปากบาง ก่อนที่จะขบฟันลงไปบนเล็บอีกครั้ง ด้วยอยากจะหาที่ระบาย
ดวงตาคู่สวยมองไปยังนาฬิกามันใกล้เวลาเดิมๆที่ คนรัก ของเขาจะมาแล้ว ....ถ้าเขายังจะมาอยู่นะ
 
---RRR—

เสียงออดดังขึ้นในเวลาเดิมๆของมัน
ร่างบางของเจ้าของห้องถลันลุกไปเปิดประตู  แทบจะในทันที แต่คนที่มาหาเขาในเวลาแบบนี้กลับเป็นอีกคน

"คิมหันต์ !?"

" จะไล่หรือให้เข้าไปล่ะครับ? "มือเรียวจับขอบประตูห้องไว้ ดวงตาคู่สวยสะกดดวงตาสีน้ำตาลของอีกฝ่าย

"นาย...ยังจะมาอีกเหรอ... " ริมฝีปากเรียวสั่นเบาๆ เขาไม่แน่ใจนักว่าเป็น เพราะความโกรธ หรือเป็นเพราะอะไร
"พอกันที...กลับไปเลย..."ชายหนุ่มเจ้าของห้องผลักอกของอีกฝ่ายให้ถอยออกห่าง

" เจ้าเจตน์กำลังขึ้นมา .. จะให้ผมลงไปตอนนี้ก็ได้นะ " คิมหันต์บอกเรียบๆก่อนจะหันไปทางลิฟท์ของอาคาร

ดวงตาคู่สวยของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ....ไม่เชื่อสายตา...

"นาย...คิดจะทำอะไรกันแน่....แก้แค้นเหรอ?"

" เจตน์มันถือถุงใส่ของสดมาด้วย  "คิมหันต์ไม่ตอบคำถามนั้น

"นาย...มันบ้าไปแล้ว..."อารยะว่า เสียงลอดไรฟันออกมา

" ก็คุณไง  "นิ้วเรียวจิ้มที่อกอีกฝ่าย ร่องรอยแดงๆของเขายังคงประทับอยู่ที่นั่น " ผมบ้าก็เพราะคุณ "
แม้ว่าปลายนิ้วที่สัมผัสลงบนอกจะทำให้ใจสั่นไหว แต่คิมหันต์ในตอนนี้กำลังจะทำให้เสียแผนการหมดทุกอย่างที่เขาวางเอาไว้

...ฉันไม่ต้องการที่จะให้อะไรๆมันเป็นแบบนี้...

"มีความสุข...นักใช่ไหม" เสียงที่ดังลอดริมฝีปากของอารยะนั่นสั่นเครือ

" ไม่.. " ดวงตาสีนิลเหลือบมองไปที่ลิฟท์ เสียงลิฟท์ดังขึ้นแล้ว
มือนั้นโอบเอวบางก่อนจะแนบริมฝีปากกับอีกฝ่าย

"อื้อ.. " ดวงตาคู่สวยเบิกดพลงขึ้นด้วยความตกใจ เขาได้ยินเสียงลิฟท์ แต่ในขณะเดียวกัน หนุ่มลูกครึ่งตรงหน้าก็ดึงรั้งเขาเอาไว้ มือเรียวพยายามดันอีกฝ่ายออก

เป็นจังหวะเดียวกับที่เจตน์เดินอกมาพร้อมกับถุงชอปปิ้ง
ดวงตารีมองภาพนั้นอย่างเรียบเฉย ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นตรงหน้า ส่วนคิมหันต์ก็ปล่อยร่างบางนั้นช้าๆ

 " ผมกลับล่ะนะ "

มือเรียวผลักร่างสูงออกไปห่าง ในขณะที่ตัวเอง ก็ดูเหมือนไม่มีแรงจะยืน...

....นี่มันบ้าอะไรกัน....

คิมหันต์ที่เดินสวนเจตน์ไปกลับถูกดึงแขนไว้ " พี่คิม "
" ผมซื้อของมาเยอะแยะ ทานข้าวด้วยกันไหมครับ? "

"ไม่ต้องหรอก...หมอนั่นเสร็จธุระแล้ว " อารยะกลับเป็นฝ่ายตอบออกไปแทน ดวงตาคู่สวยมอง คิมหันต์ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก

" แล้วไม่เหนื่อยรึไงครับ? ทานข้าวที่นี่ก็ได้ครับ " เจตน์ตอกกลับมาก่อนจะเดินนำคิมหันต์เดินเบียดเจ้าของห้องเข้าไป
เป็นเจตน์ในแบบที่อารยะเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ

"......." ชายหนุ่มเจ้าของห้องรีบเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปข้างใน "เจตน์...นาย......คิดจะทำอะไร "

" ผมมาทำข้าวเย็นให้พี่ไง .. ก็เหมือนทุกวัน มีอะไรเหรอ? " เจตน์เดินเข้าครัวไปตามปกติที่ทำให้อีกฝ่ายอยู่ทุกเย็น

"ไม่...นาย... " อารยะรู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ
"นาย....เอ่อ....ขอบใจ นายทำกับข้าวไปเถอะ"  เขาบอกขอบใจก่อนจะรีบวิ่งไปดูที่ทางหน้าห้อง

....หมอนั่นล่ะ...

คิมหันต์นั่งเก้าอี้ที่รับแขกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือเรียวหยิบหนังสือนิตยสารบนโต๊ะรับแขกขึ้นมาอ่านอย่างสบายอารมณ์

"คิมหันต์...นี่นาย...หมดธุระแล้วไม่ใช่รึไง กลับไปได้แล้ว" อารยะว่า มือไม้สั่นไปหมด เขาไม่รู้จะทำยังไงแล้วในสถานการณ์แบบนี้

" เจ้าเจตน์มันชวนกินข้าว คุณก็รู้ว่าผมเหนื่อย "หนุ่มลูกครึ่งหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน " ขอน้ำหน่อยสิครับ  "

เมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น ชายหนุ่มร่างบางเดินตึงตังไปที่ห้องครัวก่อนจะมองหน้าของเจตน์ที่ยินอยู่ตรงหน้าซิงค์น้ำ
เปิดน้ำจากเครื่องกรองน้ำมาใส่แก้วมาสองใบสาดใส่หน้าเจตน์ ไปเสียหนึ่งแก้วแล้วถืออีกแก้วเดินมายังหน้าคิมหันต์แล้วสาดน้ำใส่หน้าของหนุ่มลูกครึ่งไปเสียอีกหนึ่งแก้ว

"สนุกกันนักใช่ไหม....เชิญกินข้าวกันไปสองคนเถอะ...ฉันไปล่ะ"  ว่าแล้วก็เดินเข้าห้อง ล็อคประตูทันที

====================

"บ้า บ้า บ้า นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นเนี่ย "อารยะโวยวายอยู่เพียงคนเดียวในห้อง
เขาไม่เข้าใจว่า คิมหันต์มาทำอะไรที่นี่...มาเพื่อยั่วให้เขาโมโหเพิ่มขึ้น ?
เช่นเดียวกับ เจตน์ ทั้งๆที่ ฝ่ายนั้นก็รู้แล้วว่า เขากับคิมหันต์ นั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์กันตามแบบ เพื่อนร่วมงานธรรมดาทั่วไป... ทั้งๆที่เคยคิดแคลงใจมากขนาดนั้น...แต่ในตอนนี้กลับยังคงมาหาเขา ด้วยท่าทีที่เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

... จะทำยังไงดีๆ ...

อารยะล้มตัวลงนอนบน เตียง เขารู้ดีว่าสองคนนั้นยังไม่กลับไป... แต่เขาก็ไม่คิดจะไปดู...
...ไม่รู้ล่ะ... อยากทำอะไรไปก็เชิญ...ไอ้พวกบ้าเอ้ย...

====================

ในตอนเช้า ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เขาเหมือนจะนอนไม่หลับ
"....... " เจ้าของห้องเดินออกมาด้านนอก ทั้งเจตน์ และ คิมหันต์ไม่อยู่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้โล่งอกไม่น้อย แถมด้วยนึกในใจว่าหากทั้งสองคนยังยืนยันจะอยู่กับสถานการณ์หงุดหงิดแบบนั้นกันข้ามคืนก็คงจะไม่ใช่คนแล้ว

กับข้าวที่เจตน์ทำวางไว้เมื่อคืน ถูกห่อด้วยพลาสติกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ

....พวกนายคิดอะไรกันอยู่....

ชายหนุ่มคิด ก่อนจะเดินกลับเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวในห้อง แล้วออกไปทำงาน โดยไม่ได้แตะอาหารที่เจตน์ทำเอาไว้

====================

ที่ด้านล่างของอพาร์ตเมนต์หนุ่มร่างสูงยืนรออยู่ด้านหน้า เป็นวันแรกที่เขาทำแบบนี้

 .. เรียกได้ว่า ไม่ยอมแพ้ ถึงจะถูก ..

" พี่ไม่ได้นอนเหรอ?" เจตน์ทักพลางยิ้มให้

"อ่ะ... " เสียงอุทานเบาๆดังขึ้นจากที่หน้าประตูกระจก
"ก็...เอ่อ...ประมาณนั้น" อารยะว่าพลางเลี่ยงเดินไปอีกทาง

....ยังไม่อยากเจอหน้าตอนนี้เลย...

" เอา..แซนวิชที่พี่ชอบไง "
มือแกร่งยื่นแซนวิชอบร้อนจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆให้ " เดี๋ยวก็ไม่สบายไปอีก "

".............." ดวงตาคู่สวยมองหน้าของอีกฝ่าย "ถ้าไม่เต็มใจนักก็ไม่ต้องฝืนก็ได้" อารยะเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่ก็รับถุงใส่แซนวิชร้อนๆเอาไว้

" ไปเถอะ เดี๋ยวสาย " เจตน์เดินนำอีกฝ่ายไปยังสถานีรถไฟเพื่อไปทำงานพร้อมกัน

"อืม... "อารยะตอบก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆ พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดอะไรกันเลย ระหว่างทางไปจนถึงบริษัท

====================

หนุ่มลูกครึ่งที่กำลังยืนคุยกับสาวแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทนั้นเป็นภาพชินตาของคนในบริษัทไปเสียแล้ว แต่ใครจะว่าอะไรได้ ในเมื่อคิมหันต์ไม่เคยทำให้งานของตนเองเสีย และหัวหน้าแผนกที่เป็นอเมริกันก็ไม่เคยว่าอะไร

อารยะเอง ก็เห็นภาพนั้น ปรกติเขาคงจะไม่รู้สึกอะไร แต่ในตอนนี้กลับทำให้รู้สึกยิ่งหงุดหงิดมากเข้าไปอีก

...อะไร...คุยกับผู้หญิง อีกแล้ว..
....อยากได้นักก็หิ้วไปซักคนเลยซิ่....
...จะมาตามทำแบบนี้ให้ฉันเห็นทำไม....
...จะมาคอยปั่นหัวฉันไปเพื่ออะไร...

" ไง เจ้าเจตน์? " คิมหันต์ทักเจตน์ย่างอารมณ์ดี ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

" ร้านเมื่อคืนสนุกดีนี่พี่ " เจตน์ทักกลับ

บทสนทนาเหล่านั้นทำให้อารยะหันไปมองหน้าของเจตน์สลับกับหน้าของคิมหันต์ด้วยความประหลาดใจ

....นี่พวกนายสองคน...ปั่นหัวฉัน?....
....ไปเที่ยว??....

" ใช่ไหมล่ะ " คิมหันต์หันไปทางอารยะ
" ท่าทางไม่ค่อยดีเลย ยังไม่หายอีกเหรอครับ? "

"...ผม...ผมหายดีแล้ว ไม่เป็นไร" อารยะพยายามยิ้ม "ไม่ต้องเป็นห่วงนักก็ได้...."

" ผมทำให้คุณป่วยนี่ครับ ไม่ห่วงได้ยังไงกันล่ะ "
คิมหันต์ตอบกลับมาก่อนจะเดินไปที่ลิฟท์ " ทางนั้นเขาตกลงมาแล้วนะครับ เราต้องเดินหน้าต่อกันแล้วล่ะ "

" พี่ก็อย่าทำให้ผมห่วงสิ " เจตน์กระซิบเบาๆก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปที่ลิฟท์

อารยะขมวดคิ้วมองหน้าเจตน์ด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน

====================

บรรยากาศในห้องทำงานค่อนข้างเครียดไม่น้อย เมื่อคิมหันต์กับอารยะได้งานชิ้นนี้ พวกเขาก็ต้องรับผิดชอบงานชิ้นใหญ่นี้ร่วมกัน
คิมหันต์ร่างเอกสารแล้วมอบให้เจตน์ โดยที่ตนเองเป็นคนติดต่อกับลูกค้า ส่วนอารยะนั้นอยู่ในส่วนการวางแผน
และหากจะให้พูดมันก็เหมือนกับความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามคนในตอนนี้

... อยู่ตรงกลาง...

====================

talk : คนที่คิดถึงเจ้าชิน ..ออกมาแล้วล่ะค่ะ..แอบรักเพื่อนนี่น้า น่าเศร้าจริงๆเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่23=(25/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 25-05-2013 21:20:51
บอกตรงๆว่าสมน้ำหน้าอารยะทำตัวเองนี่นะ
แต่คือชินจะเอายังไงอ่ะเค้ารออยู่นะ
แต่อย่าเอาไอ้เจตน์เลยโง่ดีนัก เอาให้หล่อกว่ามัน
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่23=(25/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 29-05-2013 22:58:05
ทั้งๆที่อาร์ตทำตัวแบบนี้ ทำไมทุกคนถึงยังไม่ถอยออกมาล่ะ
สงสารชินจัง ชินตัดใจซะเถอะ คนแบบนี้คงจะเห็นค่าเราจริงๆก็ตอนสุดท้าย
โอ๊ยยยย ขอประธานมาบอกรักชินที(เริ่มไปไกล)
ตอนนี้ภาวนาให้อาร์ตรีบตัดสินใจเลือกคิมหันต์อย่างเดียวเลย รีบๆเลือก แล้วตัดเยื่อใยกับเจ้าเจตน์ซะ!
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่23=(25/05/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 31-05-2013 10:23:30
เออ.....อ่ะ ไม่มีอะไรแน่นอนซักอย่าง

รอคอยการตัดสินใจของทุกคนต่อไป 4เศร้า เล่าความเท็จ!!!!!!!!!
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่24=(2/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 02-06-2013 17:52:09
=24=

" ขอพักเดี๋ยวก็แล้วกัน " คิมหันต์ขยับคอไปมาเล็กน้อยก่อนจะล้วงหาบุหรี่แล้วเดินออกจากห้องไป
ส่วนเจตน์ก็ไม่ได้รับรู้อะไรนัก เพราะยังนั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์

"งั้นเดี๋ยวฉันไปชงกาแฟ..."ทั้งๆที่เป็นงานที่ขอให้พนักงานสาวๆทำให้ก็ได้ แต่อารยะกลับพูดออกไปแบบนั้นแล้วลุกตามอีกฝ่ายออกไปบ้าง

เจตน์มองตามคนทั้งคู่ไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วหันมาสนใจงานของตนเองต่อ

===============

"เมื่อคืนนายตั้งใจจะทำอะไร... " เสียงอารยะดังขึ้นด้านหลังของหนุ่มลูกครึ่ง หลังจากที่เดินออกมาตรงที่พ้นสายตาของผู้คนเป็นที่เรียบร้อย

" ก็แค่อยากต่อเรื่องเมื่อกลางวัน แล้วบังเอิญเจ้าเจตน์มันมา "คิมหันต์พ่นควันขาวออกจากปากในบริเวณห้องสำหรับสูบบุหรี่ของบริษัท

"แต่ตอนนั้น...ฉันไม่ได้ขอให้นายทำแบบนั้น...คิมหันต์" อารยะพูดพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เขาเจ็บใจแค่ไหนกับคำพูดยัดเยียดว่า "เขาเป็นฝ่ายต้องการ" ที่ออกมาจากปากของอีกฝ่าย

" มีแต่คุณที่ต้องการฝ่ายเดียวหรือไง? .. ผมอยากทำ ผมก็มา ก็แค่นั้น " หนุ่มลูกครึ่งเก็บบุหรี่ไว้ที่เดิมก่อนจะยักไหล่

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองใบหน้าคมของอีกฝ่ายด้วยความสับสน

...เจ็บ...

"บางทีฉันอาจจะผิดเอง..."

" คุณตามผมมาถึงนี่เพื่อจะพูดอะไร? "คิมหันต์สบตาอีกฝ่ายนิ่ง

"ฉันมาเพื่อถาม...ว่านายต้องการอะไรกันแน่... อยากให้ฉันทำอะไร...ทำยังไง ก็บอกมา ไม่ใช่มาทำใส่กันแบบนี้ มายัดเยียดความรู้สึกเจ็บปวดให้กันแบบนี้ " เสียงของอารยะสั่นเครือ
"ฉันเกือบ...เกือบจะคิดไปแล้วว่า.... "

....ฉันต้องการนาย...จากใจจริง...

" คุณเองก็ยัดเยียดความรู้สึกเจ็บให้ผมตั้งแต่แรกแล้วนี่ เพราะฉะนั้น… "คิมหันต์พ่นควันมะเร็งออกมา
" ถ้าเห็นคุณเจ็บปวดเป็นบ้างก็คงจะดี "

ใบหน้าของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเงยขึ้น ไม่รู้ว่าคิมหันต์จะเห็นหรือเปล่า ถึงน้ำตาที่คลออยู่เล็กๆกับ ริมฝีปากที่สั่นระริก
"งั้นนายคงสมใจอยาก...พอที...ฉันไม่เอาแล้ว" ชายหนุ่มว่า ก่อนจะหันหลังให้กับอีกฝ่าย

มือแกร่งนั้นดึงแขนอีกฝ่ายไว้ ก่อนที่จะเดินออกไป

ใบหน้าที่หันกลับมาคือใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา ....น้ำตาที่ค่อยทิ้งตัวลงมาจากหางตาข้างหนึ่งของชายหนุ่มผมสีน้ำตาล
"เรามีอะไรต้องคุยกันอีกหรือไง..."

...ฉันไม่อยากจะเป็นต้นเหตุของเรื่องบ้าๆนี่อีกแล้ว...

" คุณ..ร้องไห้ทำไม? "

"ไม่... " อารยะยกมือขึ้นปาดน้ำตาด้วยความเจ็บใจ เขาอยากรู้ว่าทำไมคิมหันต์ถึงทำแบบนี้ และเขาก็รู้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเริ่มจากเขาเอง...
เขาล้อเล่นกับความรู้สึกของอีกฝ่าย และในตอนนี้ ต้องมาเจ็บปวดกับความรู้สึกของตัวเอง ต้องการอีกฝ่ายมาก แต่ ก็พูดออกไปไม่ได้
เขาเป็นคนที่ทำให้ความรู้สึกของอีกฝ่ายต้องแปดเปื้อน และ ในตอนนี้ เป็นความรู้สึกของเขาเองที่แปดเปื้อน
เพราะความคิดที่เขายัดเยียดให้อีกฝ่ายตั้งแต่แรก

....มันก็แค่ราคะ...มันก็แค่....คู่ขา....

"ฉัน....เจ็บใจ ที่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องทุกอย่าง มันพัง เพราะตัวฉันเอง...ตั้งแต่ต้น"

" แค่นั้นใช่ไหม? " คิมหันต์เค้นเสียงหัวเราะ มือทั้งสองข้างบีบแขนของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว

"ถ้านายต้องการจะให้ฉันตอบว่า "แค่นั้น" เหมือนอย่างที่นายพยายามจะให้ฉันบอกว่า "นายเป็นแค่คู่ขา" ล่ะก็ฉันก็จะตอบแบบนั้น"

" แล้วผมในตอนนี้ล่ะ เป็นอะไรสำหรับคุณ? "คิมหันต์ถามออกมาทันที

ใบหน้าของอารยะเบือนหลบสายตาของอีกฝ่าย "ฉันไม่รู้ " เขาตอบไปตามตรง

คิมหันต์ปล่อยมืออกจากอีกฝ่ายทันทีที่ได้คำตอบ ก้นบุหรี่ถูกปล่อยลงที่เขี่ยบุหรี่

"ฉันแค่ต้องการนาย...ต้องการที่จะรู้จักนาย...ต้องการที่จะอยู่ใกล้ๆนาย... ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้ มัน… " ชางหนุ่มร่างบางรับรู้ถึงการละออกไปของอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

" คุณชอบผมบ้างรึเปล่า? "คิมหันต์ถามออกมาตรงๆ

อารยะเงยหน้าขึ้นมองหน้าของอีกฝ่าย
"ถ้าฉันไม่ชอบนาย...ฉันคงไม่เจ็บแบบนี้... ฉันคงไม่เป็นแบบนี้ "

" เลิกกับเจตน์ซะ "  คิมหันต์บอก ก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานของตนเองไป

".......ฉัน...ไม่มีหน้าไปบอกหมอนั่นหรอก"

และทั้งๆที่คิมหันต์เองก็ได้ยิน เขาก็ไม่ได้หันกลับมาแม้แต่น้อยเช่นกัน

===============

...เลิกกับเจตน์ซะ...

...ฮะ...ถ้าทำได้ง่ายๆก็คงจะดี...

อารยะคิดอย่างหัวเสีย เมื่อมองไปฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ แล้วเห็น ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองนั่งอยู่
"จะเลิกได้ยังไง " ชายหนุ่มพึมพำออกมาเบาๆด้วยความลืมตัว

" เลิกอะไรเหรอ? "   เจตน์หันมาถามก่อนจะยื่นเอกสารให้ " ผมทำเสร็จแล้ว พี่เอาไปอ่านนะ ให้แก้ตรงไหนก็บอก "

"อ้อ..เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจนะ "อารยะว่าพลางรับเอาเอกสารมาจากอีกฝ่าย
"เอ่อ...แล้ว เมื่อคืนไปผับนั่นมาเหรอ"

" ก็พี่ไม่ยอมไปกับผมนี่ " เจตน์ตอบ " ที่นั่นเจ๋งเป็นบ้า "

"อ้อ...เหรอ" อารยะรับคำอย่างขอไปที ก่อนจะหันกลับมาส่งเอกสารชุดหนึ่งคืนให้เจตน์ "ตรงนี้พิมพ์ผิด"

เจตน์รับเอาเอกสารกลับมา " ไปกินข้าวกันที่ไหนดีฮะ วันนี้ผมชวนพี่คิมไว้แล้ว " 

"นายยังจะให้ฉันไปอยู่ระหว่างพวกนายสองคนอีกเหรอ... "คำชวนของอีกฝ่ายทำให้อารยะต้องปลายตามอง
 "ไม่กลัวโดนสาดน้ำอีกเหรอ ช่วงนี้ฉันอารมณ์ขึ้นๆลงๆนะ"

" แล้วทำไมพี่ไม่เลือกล่ะ? "เจตน์ถามแล้วหันหลังให้อีกฝ่ายทันที เพื่อแก้เอกสาร

กระดาษเปล่าที่อยู่ใต้มือของอารยะถูกขยำจนยู่ไปตามแรง

...อีกแล้ว...เอาอีกแล้ว...

ถ้าฉันไม่รู้สึกผิด ที่ตกลงใจคบกับนายจนเลยเถิดมาป่านนี้ ฉันก็คงจะบอกเลิกกับนายไปแล้ว

===============

กระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่งถูกวางอยู่ที่โต๊ะทำงานของอารยะ
"อะไรอีกล่ะนี่" อารยะดึงกระดาษโน๊ตแผ่นนั้นขึ้นมาดูอย่างหัวเสียเล็กๆ

-- เจอกันที่ผับเดิม สี่ทุ่ม ---

อารยะหันไปมองหน้าของคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างนัก ราวกับจะถามว่า "จะบ้าเหรอ"

คิมหันต์ยักไหล่แทนคำตอบก่อนจะสนใจงานของตนเองต่อ

...คิดอะไรกันอยู่ คนพวกนี้ ...จะให้ฉันปวดหัวตายใช่ไหม ...
...อ้อ แน่ล่ะ นี่คืดการชดใช้ผลกรรมที่ทำเอาไว้นี่นา...

===============

ตอนเที่ยงของวันนั้น พวกเขาไปกินข้าวกันสามคน บรรยากาศแปลกๆนั้นทำให้เจตน์ทำลายความเงียบ

" คืนนี้ไปเที่ยวกันนะ เดี๋ยวผมไปรับ ดีไหม? "เจตน์หันมาถามอารยะ

"อ่ะ...เอ่อ..."อารยะอึกอัก จะหันไปทางคิมหันต์ หรือก็ไม่กล้า "ฉัน...ไม่ว่างน่ะ" ชายหนุ่มตอบ ไม่เงยหน้าขึ้นมองใครทั้งนั้น

" ว้า… " เจตน์หันไปทางคิมหันต์เล็กน้อย ซึ่งคิมหันต์ก็ตอบท่าทางนั้นด้วยการเรียกพนักงานมาสั่งอาหารเพิ่ม

"อืม...ขอโทษทีนะ"อารยะว่า แต่ก็ยังไม่ได้เงยหน้าเงยตาขึ้นมามองหน้าใครเหมือนเดิม...มันดูออกจะผิดวิสัยของเขาไปเลยนับตั้งแต่สถานการณ์เป็นแบบนี้... ราวกับว่า เขากำลังเป็น อีกคน ...ที่สับสน...และไม่มีใคร

===============

ในคืนนั้น อารยะแต่งตัวออกไปยังผับ ที่เป็นที่นัดหมายกับคิมหันต์ เมื่อตอนกลางวัน แม้ว่าเขาจะเดาใจอีกฝ่ายไม่ออก แต่ในตอนนี้...สิ่งที่เขาคิดอยากจะทำมากที่สุดคือ การไปอยู่กับคิมหันต์ในคืนนี้

...นายจะคิดยังไง ฉันไม่อยากจะสน...
...แต่ทำแบบนี้ นายอาจจะเห็นได้ชัดกว่า ว่าฉันอยากจะทำอะไร...

เมื่อเดินเข้าไปในผับ ท่ามกลางเสียงเพลงและผู้คนมากมาย ชายหนุ่มร่างสูงนั้นมาสามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ไกล

"คิมหันต์... " ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย มือเรียวยกขึ้นแตะแขนของอีกฝ่ายเบาๆ "รอนานไหม"

" ตรงเวลาดีนะครับ " มือเรียวแตะแก้มอีกฝ่ายก่อนจะโอบเอวเอาไว้ ดวงตาสีนิลนั้นเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามา

"ฉันก็...ตรงเวลาแบบนี้มาตั้งนานแล้ว" อารยะพูดเบาๆ ไม่กล้าสบตาของอีกฝ่ายตรงๆ

....นี่ ฉันกำลัง เขิน?...




" ไหนพี่บอกว่าไม่ว่าง? " เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้อารยะสะดุ้งได้ทันที




"อ่ะ...เจตน์?"อารยะหันหลังกลับไปมองหน้าของคนที่เข้ามาทักแทบจะไม่ทัน ก่อนจะหันไปมองหน้าของคิมหันต์
 "คิมหันต์...นี่นาย..."

" เจตน์มันชวนคุณตอนกินข้าวไง ไม่ได้เกี่ยวกับผมนี่ " คิมหันต์ไม่ปล่อยมือจากอารยะ
" โทษนะเจ้าเจตน์ วันนี้เขามาหาฉันว่ะ "คิมหันต์ตอบก่อนจะดึงอารยะมานั่งข้างๆ

"คิมหันต์..."อารยะหันไปมองหน้าของเจ้าของชื่อ สลับกันกับใบหน้าของเจตน์ "เจตน์...ฉัน...มัน...เอ่อ....." ชายหนุ่มร่างบางหมดคำพูด

" ไปล่ะนะ " คิมหันต์ลาซะดื้อๆแบบนั้นโดยที่ยังโอบเอวอารยะเอาไว้

" ทำไมรีบไปล่ะครับ? ไม่กินเหล้ากันก่อน? "เจตน์หันมามองหน้าคนทั้งคู่สลับกัน

" ไม่ดีกว่า "ด้วยว่าถูกดึง ขึ้นมาดื้อๆทำให้เขาสรรหาคำพูดอะไรมาบอกลาอีกฝ่ายไม่ทันนอกเสียจากหันไปมองหน้าของเจตน์ ก่อนจะออกมาจากผับเท่านั้น

===============

talk : ถ้าไม่ทำแบบนี้อารยะจะตัดสินใจเลือกไหมนะ? ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นมาแล้ว เจตน์จะกลับไปซบอกอวบๆของเจ้าชินหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่24=(2/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 02-06-2013 20:40:06
ชินไปไหนคิดถึงชิน  :mew2:

 :katai4: :katai4:

หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่24=(2/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: BlackKnight09 ที่ 04-06-2013 22:39:23
อ่านทันเสียที

ยุ่งเป็นยุงตีกันเลยอ่ะ ทำเอาปวดหัวเล็กน้อย

ทำไหมเป็นแบบนี้ละ

แล้วจะเป็นอย่างไรต่อละเนี่ย งงดีแท้
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่25=(16/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 16-06-2013 14:32:38
=25=
มี NC เบาๆนะคะ

"พามาที่นี่...ทำไม" อารยะถามขึ้นเมื่อมาถึงจุดหมายปลายทาง ...ห้องของคิมหันต์...

" ผมนัดคุณมากลางคืนแบบนี้ .. คุณก็มานี่ แล้วยังจะถามอะไรอีกรึไง? "
ชายหนุ่มเลี้ยวรถไปยังที่จอดรถของอพาร์ตเมนต์หรูของเขา

"โอเค..." อารยะยักไหล่เล็กน้อย แม้จะได้ยินแต่เสียงของหัวใจตัวเองเต้น จากเหตุการณ์เมื่อครู่
"ฉันถามผิดเอง โทษที "

คิมหันต์ไม่ตอบอะไรอีก เมื่อจอดรถยังที่จอดรถของตนเองแล้ว เขาก็เดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องของเขาเอง

==============

"...ยังไม่ได้ดื่มซักแก้ว ก็ต้องกลับแล้วแบบนี้...เซ็งเลยนะ" อารยะว่าก่อนจะถือวิสาสะเดินไปที่ห้องครัวของคิมหันต์ เปิดหาไวน์ที่เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะต้องมีเก็บเอาไว้อย่างแน่นอน

" คุณก็ไม่ได้อยากอยู่เจอหน้าเจ้าเจตน์ตน์มันหรอกน่า " คิมหันต์ตอบกลับมาแล้วไปนั่งที่โซฟาในห้อง ไม่ได้เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในครัว

"มันก็จริง...แต่ฉันก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้นักหรอกนะ" อารยะเดินกลับมาพร้อมกับไวน์หนึ่งขวดและแก้วอีกสองใบ "เอาไหม "

" ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการหรอกน่ะ " คิมหันต์รับแก้วไวน์จากอีกฝ่ายมา

"แต่คนเราก็มีหลากหลายความต้องการใช่ไหมล่ะ" อารยะว่า ใบหน้างอง้ำอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้จะทำยังแล้วเหมือนกัน

" คุณก็เคยเรียกผมมา เพราะต้องการเซกส์ก็เท่านั้นนี่ "คิมหันต์จิบไวน์รสเลิศ
" แต่วันนี้ผมพาคุณมาที่นี่ มันก็ยังดีกว่าวันนั้นล่ะนะ " เขาพูดถึงวันที่อารยะเรียกให้เขาไปหาเพื่อที่จะมีอะไรกันและยื่นความสัมพันธ์ในแบบ”คู่ขา”มาให้

"...แต่นายก็ยังไม่ยอมรับฉัน... ในตอนนี้ นั่นก็ไม่เป็นไร ฉันรู้ตัวดี..หมดไวน์แก้วนี้แล้วฉันก็จะกลับ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองว่าพลางดื่มไวน์ลงไปอึกใหญ่

" ผมไม่ได้พาคุณมาที่นี่ เพราะจะเลี้ยงไวน์หรอกนะ "คิมหันต์ตอบกลับมา ดวงตาสีนิลมองอีกฝ่ายจากหัวจรดเท้า

"แล้วนาย ต้องการจะให้ฉํนทำอะไร... ที่นี่เลยอย่างนั้นใช่ไหม...ทั้งๆที่นายก็บอกให้ฉันไปเลิกกับหมอนั่นก่อน..มันออกจะแย่นะ ถ้านายยังจะมองว่า ฉันในตอนนี้ยังต้องการนายเพียงเพราะแค่เรื่องอย่างว่า" อารยะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดความคิดของตัวเองออกมา

หนุ่มลูกครึ่งยักไหล่  " คุณเองก็รู้ว่าผมนัดคุณออกมาทำไม "
" ถ้าตอนนี้คิดอยากจะเป็นคนดีขึ้นมา คุณจะออกมาหาผมทำไมล่ะ? "

"..." อารยะอ้าปากหมายจะเถียง "ฉัน...เอ่อ...ฉันก็แค่อยากให้หมอนั่นรู้ว่า ฉันเลือกแล้ว... ก็เท่านั้น ฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่.. " ดวงตาคู่สวยมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่งแล้ว ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกรอบ ...หมดแก้ว...

"ฉันกลับล่ะ"

" ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร ทั้งๆที่คุณคบกับเจ้าเจตน์ แต่ก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกัน "คิมหันต์รั้งอีกฝ่ายไว้
 " ผมก็แค่ ไม่อยากจะเป็นคนดีแล้วก็เท่านั้น "

"แล้วนายจะทำยังไง... รอให้ฉันเลิกก็ไม่ได้ ไม่เลิกก็ไม่ได้อย่างนี้"

คิมหันต์วางแก้วไวน์ลงกับโต๊ะรับแขกแล้วดึงแขนอีกฝ่ายให้ลงมานั่งข้างๆ
" อะไรคือได้ อะไรคือไม่ได้? "
คำพูดเหมือนไม่รับผิดชอบอะไรใดๆทั้งสิ้นก่อนจะแนบริมฝีปากกับอีกฝ่าย

อารยะหลับตาลงรับสัมผัสนั้น " ถ้านายยังตอบไม่ได้ ฉันก็ไม่รู้ "

" คุณต้องการไม่ใช่รึไง? " มือแกร่งสอดเข้าไปในเสื้อ ขณะที่แทะเล็มไปทั่ว

"ใช่... " เสียงของอารยะ แผ่วเบา หากแต่ก็รู้สึกเจ็บปวด
"นี่คงจะเป็นการชดใช้ซิ่นะ... "

" ไม่ต้องพูดแล้ว .. แค่ร้องออกมาดังๆก็พอ " คิมหันต์กดร่างนั้นลงกับโซฟา ดวงตาสีนิลสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง

"....ขอโทษ...." อารยะเอ่ยออกมาเบาๆ ดวงตาที่มองตอบกลับมานั้น เหมือนกับจะร้องไห้
ก่อนที่แขนเรียวจะโอบรอบคอของอีกฝ่าย แล้ว โน้มลงมาจูบเบาๆที่ริมฝีปาก

คิมหันต์จูบตอบอย่างร้อนแรง มือทั้งสองข้างดึงสิ่งที่กีดขวางร่างของพวกเขาออกอย่างรวดเร็ว ปลายลิ้นร้อนๆ ไล้เลียไปทั่วก่อนจะรั้งขาเรียวนั้นออก

มีเสียงครางเครือดังขึ้นเพียงเบาๆ มันเจ็บปวดที่ใจมากเกินกว่าจะรู้สึกถึงความหฤหรรษ์บนร่างกาย
"คิม...หันต์... " เสียงอารยะดังขึ้นข้างหูครางเครือออกมาเป็นชื่อของอีกฝ่าย เมื่อรู้สึกถึงกันและกัน มือเรียวฝากรอยไว้บนแผ่นหลังของชายร่างสูง

หนุ่มลูกครึ่งขยับร่างเข้าหาอีกฝ่าย เมื่อรู้สึกถึงรอยเล็บนั้น ใช่ ร่างของคนที่เขากอดอยู่กำลังต่อต้าน
" อา..ต้องให้..สอนอีก..เหรอ "
ปลายลิ้นร้อนๆเลียใบหูบางอย่างเย้ายวน " อย่า..เกร็ง "
มือแกร่งนั้นขยับความต้องการของอีกฝ่ายไปมา

"อึก...อื้อ.." ราวกับอยากจะให้มันจบลงให้เร็วที่สุด อารยะเร่งเร้าอีกฝ่ายด้วยร่างกาย เสียงครางเครือเรียกร้อง ทั้งทรมาณและสุขสม
คิมหันต์ขยับร่างเร็วขึ้น และร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ มันเป็นแค่ความต้องการของเขาเท่านั้น
"อ๊า... "เสียงร่างบางกรีดร้อง เมื่อ ร่างกายถูกชักนำไปจนถึงที่สุด ฟันขาวขบลงบนไหล่กว้างของอีกฝ่าย เพื่อสะกดเสียงของตัวเองเอาไว้ ก่อนที่ร่างที่เกร็งเครียดจะค่อยๆผ่อนกายลงกับโซฟานุ่ม

แต่คิมหันต์กลับยังไปไม่ถึงเหมือนอีกฝ่าย เขาหอบหายใจแรง แล้วพลิกร่างนั้นให้คว่ำลงกับโซฟา มือที่เปียกชื้นนั้นรั้งสะโพกบางเข้ามาหาตัวแล้วกระแทกร่างเข้าไปอีกครั้ง

"อ่ะ...คิม...ไม่ ! พอแล้ว..."เสียงร้องดังขึ้นจากร่างที่อ่อนแรง มือเรียวจับยึดขอบโซฟาเอาไว้เป็นหลักยึด
นิ้วเรียวจิกแน่น ลงบนผิวผ้า...เจ็บ...ร่างกายของเขากำลังรู้สึกต่อต้าน

" อา..อีกนิด.. "
คิมหันต์ซุกไซ้กับอีกฝ่าย ด้วยอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นสูง เขากำลังจะมาถึงปลายทางแล้ว

 "อึก...คิม...พอ...พอแล้ว"

หนุ่มลูกครึ่งส่งปลายนิ้วเข้าไปในริมฝีปากบาง รเพื่อหยุดเสียงร้อยห้ามนั้น
สะโพกขยับเข้าหาร่างบางมากขึ้น เร็วขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ

ไม่มีเสียงประท้วง... มีเพียงแค่น้ำตาที่ไหลลงมาจากหางตาของร่างที่เจ็บปวด มือเรียวจิกเกร็งลงบนพนักโซฟาจนเห็นเป็นข้อขาว .. ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองได้ยินเสียงลมหายใจเปี่ยมสุขจากร่างที่ทาบทับอยู่เบื้องหลัง

....คิมหันต์.....ทั้งๆที่อยากจะตะโกนออกไปแบบนั้น แต่เขากลับทำไม่ได้ นิ้วของอีกฝ่ายยังคงละไล้อยู่ที่ริมฝีปาก
สุดท้าย..ปลายนิ้วนั้นก็ละออกไป เมื่ออารยะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่หลั่งออกมาอยู่ในตัวของเขา มันไหลลงมาที่ต้นขา มือที่ร้อนชื้นของคิมหันต์กอดร่างนั้นไว้แน่น เสียงครางเบาๆอย่างสุขสมดังขึ้นตามมา
สองแขนที่พยายามยันตัวเองเอาไว้หมดแรงที่จะทำหน้าที่ต่อไป อารยะแทบจะทิ้งตัวลงบนโซฟา หากว่าคิมหันต์ไม่ดึงรั้งร่างของเขาเอาไว้

คิมหันต์จับให้อารยะนอนลงที่โซฟา ก่อนจะถอนกายออกจากร่างอบอุ่นนั้น

"...คิมหันต์...ฉัน... " เสียงอารยะหอบหายใจ ดังขึ้นเบาๆ
ดวงตาคู่สวยพยายามจะลืมตาขึ้นมองหน้าของอีกฝ่าย แต่น้ำตามันก็บดบังเสียใจใบหน้าของอีกฝ่ายพร่าเลือน

" เสียใจ?..รู้สึกผิด..หรือรังเกียจ? " คิมหันต์ถามออกมาเมื่อเห็นหยาดน้ำตาของอีกฝ่าย เขาเองก็เจ็บปวด นิ้วเรียวเกลี่ยน้ำตาออกจากหางตาของคนที่เขากอดอยู่

"ฉัน....ต้องการนาย....มากกว่าอะไรเลยนะ...."

" ............................... " คิมหันต์เงียบกับคำพูดนั้น บอกไม่ถูกว่าเขาจะดีใจหรือเปล่า
 " เพราะคุณควบคุมผมไม่ได้สินะ? "

มือเรียวยกขึ้นแตะแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ
"เพราะ... เป็นนาย... " เสียงของอารยะ แหบพร่า ก่อนที่จะค่อยถูกแทนด้วยเสียงหายใจแผ่ว...มือเรียวตกลงข้างตัว

....เหนื่อยเกินกว่าจะลืมตา...

talk : ขอโทษค่ะที่หายไปนาน ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าไหร่เนอะ เจ้าชินของทุกๆคนก็ยังไม่ออกโรง ความรักมันก็แบบนี้ล่ะค่ะ บางอย่างมันก็เข้าใจยาก ทำได้ยากด้วย ค้างคาต่อไป(?) แต่ก็มาต่อเรื่อยๆนะคะ ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่25=(16/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 19-06-2013 23:18:37
เฮ้ออ สงสารเจตน์ ที่อาร์ตมีให้ก็แค่ความสงสารกับรู้สึกผิดจนไม่กล้าสู้หน้า อ่านแล้วเซ็งอาร์ตขึ้นอีกเยอะเลย

ชอบคิมหันต์นิดหน่อย ที่มาจัดการปั่นหัวอาร์ตให้เลิกเล่นกับความรู้สึกคนอื่นสักที 55 แต่แน่นอนว่าชอบมากที่สุดก็เป็นชินกับเจตน์เหมือนเดิมค่ะ (:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่25=(16/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: snooppy ที่ 20-06-2013 14:14:04
ชินน่าร๊ากกก....หนูช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้

(พี่ไม่อยากให้ได้กะไอ้เจตต์เลยอ่ะ ... ได้กะคุณเลขายังดีซะกว่า)
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่25=(16/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 23-06-2013 01:23:24
สงสารชิน

ต้องเจ็บไปถึงเมื่อไหร่เนี๊ยะ???

โคตรจะไม่ชอบอารยะเลย


แม่งร่าน!!
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่26=(27/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 27-06-2013 12:28:54
=26=

อารยะลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกร้าวแล่นขึ้นมาจากเบื้องล่าง ก่อนจะค่อยๆดันตัวเองขึ้นนั่ง หนุ่มลูกครึ่งเจ้าของห้องยังคงหลับอยู่ข้างๆ บนไหล่และแผ่นหลังยังคงปรากฏร่องรอยของเขาอยู่
มือเรียวเสยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าของตัวเองขึ้นไปเล็กน้อย ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

....ต้องการ...
....ความหมายของคำๆนี้ ....มันคืออะไรกันนะ....
....ฉันไม่รู้ว่านายใช้คำนั้นในความหมายไหน คิมหันต์....

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันไปพิจารณาใบหน้าคมของหนุ่มลูกครึ่งที่ยังไม่ได้สติ
"แต่ฉันใช้มันในทุกๆความหมาย....กับนาย...."
มือเรียวไล้เบาๆที่ไหล่แกร่งของชายหนุ่มก่อนจะก้มลงจูบเบาๆ บนผิวกายนั้น

" อืม " สัมผัสแผ่วเบาบนผิวกายทำให้คิมหันต์ต้องลืมตาตื่นขึ้น กับท่าทางที่เขาไม่เคยเห็นจากอีกฝ่าย
" อารยะ ? "

"อ่ะ..." เมื่อเห็นอีกฝ่ายรู้สึกตัวขึ้นมาแบบนั้น อารยะ รีบขยับตัวออกห่างทันที
"ขอโทษ...ทำให้ตื่นเหรอ "

มือนั้นดึงแขนอีกฝ่ายเอาไว้โดยอัตโนมัติราวกับกลัวว่าอารยะจะหนีกลับไป " ยังไงก็ต้องตื่นแล้วนี่ "

"อ่ะ...เหรอ"ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองไม่รู้จะพูดอะไร ดวงตาคู่สวยมองมือที่จับแขนของเขาเอาไว้
"ฉันไม่ไปไหนหรอก"

คิมหันต์ปล่อยมือที่จับแขนอีกฝ่ายไว้ทันที " อาบน้ำเถอะ ผมจะไปต้มกาแฟ "
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่ ก่อนจะเดินเข้าครัวไป

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองพาร่างของตัวเองเข้าไปอาบน้ำ อย่างยากลำบาก
....เจ็บ...

================

เป็นนานเลยทีเดียวกว่าอารยะจะเดินกลับออกมาพร้อมกับเสื้อคลุม ด้วยไม่มีเสื้อผ้าอื่นจะใส่
กลิ่นกาแฟดำหอมๆอบอวลไปทั่วห้องครัว โดยที่ไม่มีกลิ่นใดๆอีก คิมหันต์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ขณะที่รอให้กาแฟได้ที่
"อาบเสร็จแล้ว " อารยะว่าพลางเดินไปนั่งตรงโต๊ะทานข้าว

" อืม กาแฟนะ " คิมหันต์ชี้ไปที่หม้อต้มกาแฟแล้วเดินไปยังห้องน้ำ

"อ่ะ......"ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็เดินหายเข้าห้องไปเสียแล้ว

คิมหันต์กลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าลำลองแนวสปอร์ต " วันนี้โดดเถอะ "

"เอ๊ะ.... " อารยะหันหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ

" คุณเองก็คงไม่มีหน้าไปเจอเจ้าเจตน์ใช่ไหมล่ะ? " คิมหันต์ตอบกลับมา

"มันก็.... "ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง "จริงอยู่... "

" ไปไหนดี? "คิมหันต์เดินไปที่หม้อต้มกาแฟ " เดทไหม? "

"อะไรนี่...อยู่ๆจะมาชวนเดท"อารยะ ไม่รู้จะยิ้มดีหรือเปล่า...

....เมื่อคืนยังพูด แต่เรื่อง "ความต้องการ"อยู่เลย....

" ถ้าไม่ไปผมก็จะไปส่งที่ห้อง "คิมหันต์ตอบกลับมาง่ายๆ

"ไม่ใช่แบบนั้น...ฉันหมายถึง...ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนต่างหาก" อารยะตอบ

" เดี่ยวหาให้ "คิมหันต์ดึงอีกฝ่ายให้ตามเขากลับไปในห้องนอน แล้วเปิดตู้เสื้อผ้า " เลือกดูตามใจชอบเลย "

".....วันนี้พูดแปลกๆไปนะ " อารยะพูดขึ้นเบาๆ ร่างบางค่อยๆ เลือกหยิบเสื้อผ้าออกมาจากตู้

" เหรอ? "คิมหันต์ตอบกลับมา " อะไรมันเปลี่ยนไปแล้วนี่ "

"งั้นเหรอ..."แต่คำที่ตอบรับกลับมานั้น กลับให้ความรู้สึกเศร้าอย่างประหลาด ดวงตาสีน้ำตาลหลุบลงต่ำ

" เอ้านี่ คงใส่ได้นะ " คิมหันต์หยิบเสื้อลำลองกับกางเกงให้อีกฝ่าย

"ขอบใจ" อารยะตอบเบาๆ ก่อนจะรับเอาเสื้อผ้ามาจากอีกฝ่าย "งั้น...เอ่อ...รอเดี๋ยวนะ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองว่า ก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ

คิมหันต์มองตามร่างนั้นไปก่อนจะเดินไปเก็บที่นอนให้เรียบร้อย ท่าทางของอารยะเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปในแบบที่เขาไม่เคยเห็น .. หรือนี่จะเป็นตัวจริงของคนๆนี้กันแน่?..

"เสร็จแล้ว... " ชายหนุ่มเดินกลับออกมาพร้อมๆกับ เสื้อผ้าของอีกฝ่าย แม้จะตัวใหญ่ไปนิด แต่ก็ดูเข้ากับ ผมที่ไม่ได้รับการเซ็ทเป็นอย่างดีทีเดียว

คิมหันต์มองคนที่เดินออกมาพลางยิ้มเล็กน้อย " ดูแปลกตาดีนะ เพิ่งเคยเห็นคุณแบบนี้ "

"....เหรอ..."ชายหนุ่มว่า พลางเสยผมขึ้นอย่างเขินๆ

....ทำไมต้องพูดกันแบบนี้ด้วยล่ะ.....
.....ฉันในชุดไหน...นายก็คงแค่อยากจะให้ถอดไม่ใช่เหรอ....

" ไปเถอะ "คิมหันต์ดึงแขนอีกฝ่ายให้เดินตามเขาออกจากห้องไป

=====================

"เราจะไปไหนกัน ... " เสียงชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองถามขึ้นเมื่อเดินมาขึ้นรถของหนุ่มลูกครึ่ง

" ไปไหนก็ได้ " คิมหันต์ตอบกลับมาก่อนจะเปิดประตูรถ

"อ้าว ก็เห็นว่าเป็น คนชวนหรอกนะ" อารยะหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ

" ผมก็แค่ อยากอยู่กับคุณเท่านั้น จะไปไหนก็ได้ "
หนุ่มลูกครึ่งว่าก่อนจะปลดเบรกมือเพื่อพาเขาทั้งคู่ออกจากอพาร์ตเมนต์

.....ไอ้คำพูดนั้นมันน่าจะเป็นฉันมากกว่าที่อยากจะพูดน่ะ....

อารยะ อดที่จะคิดน้อยใจไม่ได้

"ไปที่ไหนก็ได้ ที่นายคิดว่ามันน่าจะเป็น เดทที่ดีน่ะ" อารยะว่าพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเพราะอดขำไม่ได้กับคำพูดแปลกๆของตัวเอง

" ดูหนังไหม? "คิมหันต์ถามขึ้นมาก่อนจะเปิดวิทยุภายในรถของเขาเอง เพลงรอคหนักๆแบบที่ชอบดังขึ้นทำเอาชายหนุ่มยิ้มอย่างถูกใจนิ้วเรียวเคาะกับพวงมาลัยไปมา

" ชอบฟังเพลงรอคเหรอ? " อารยะว่าพลางหันไปถาม ตามปรกติ เขาไม่เคยเห็นคิมหันต์แต่งตัวแบบนี้ นอกจากชุดทำงาน ไม่เคยได้รู้เลยว่า อีกฝ่ายชอบฟังเพลงอะไร ... ชอบทำอะไรเวลาวันหยุด
"แล้ว อยากดูหนังแบบไหนล่ะ"

" หนังแอคชั่น ที่กำลังเข้า นี่เป็นไง? "คิมหันต์ถามออกมา " แนวอื่นคงได้หลับคาโรงหนัง "

" ชอบหนังแอคชั่นหรอกเหรอ" อารยะพยักหน้ารับ "ไปดูเรื่องนั้นก็ได้"

" ทำไมต้องก็ได้ล่ะ? .. จะดูหรือไม่ดูก็ว่ามา "หนุ่มลูกครึ่งขมวดคิ้ว " ว่าไงล่ะ? "

"ไม่ๆ...ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ไปดูๆ"อารยะส่ายหน้ารัว

...แค่นี้ก็ดุด้วย...

===================

ภาพพยนต์อเมริกันที่ได้นักแสดงมากฝีมือ ร่วมแสดง ทั้งฉากแอคชั่นที่โหดสะเทือนอารมณ์ และฉากดราม่า ที่ทำได้อย่างลงตัวจบลงภายในเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ ในวันทำงานแบบนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่นั่งอยู่ในโรงภาพยนต์กลางเมือง

"สนุกดีนะ..." อารยะพูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากที่เดินออกมาจากโรงหนัง

.... ทั้งเรื่อง มัวแต่นั่งดูหน้าหมอนี่ จะไปดูรู้เรื่องได้ยังไง...

" หิวแล้วล่ะ กินอะไรดี? "
คิมหันต์ดูนาฬิกาข้อมือ ของตนเอง กว่าหนังจะจบก็เลยบ่ายไปแล้ว

"อะไร...ก็ได้ วันนี้ เอาแบบที่นายชอบก็แล้วกัน" อารยะว่า

" ไปกินแมคก็แล้วกัน ใกล้ดี ตอนนี้หิวแล้วด้วย "
คำตอบง่ายๆของคิมหันต์ ตามใจตนเอง ราวกับจะทดสอบอะไรบางอย่าง

.....แมค?....ปรกติไม่เห็นจะเคยกินนี่....

" เอ่อ.. วันนี้ กินอะไรง่ายๆหน่อยก็ดีนะ" อารยะตอบ ...เขาไม่ชอบกินแมค เอาเสียเลย

คิมหันต์ยักไหล่เล็กน้อยแล้วเดินนำอีกฝ่ายไปยังร้านสีสันสดใสจากอเมริกัน โดยสั่งอาหารใส่ห่อกลับบ้าน โดยที่ไม่ถามอีกฝ่าย

"อ่ะ...เอ่อ...ขอ...แมคฟิซที่นึงครับ แล้วก็ เอ่อ...โค้ก เฟรนซ์ฟรายด์" อารยะรีบสั่งรัว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่รอ

" ไปพัทยาไหม? " คิมหันต์ถามเมื่ออีกฝ่ายแทบจะวิ่งตามเขามาแล้ว

"อ่ะ..อื้ม ไปซิ่ไป " อารยะว่า เขาไม่ได้ตั้งใจฟังด้วยซ้ำไปเพราะมัวแต่ตั้งใจที่จะเดินตามอีกฝ่ายให้ทัน
===================

เพราะรถสปอร์ตคันงามที่ขับด้วยความเร็วสูงและผ่านทางด่วนจึงทำให้พวกเขามาถึงที่หมายในเวลาเพียงไม่นาน ถุงของกินจากแมคโดนัลถูกแกะออกที่ม้านั่งยาวริมทะเล…พัทยา

ลมทะเล ที่พัดโชยเข้ามา หอบเอากลิ่นเกลือเข้ามาปะทะผิว หากแต่ทำให้รู้สึกดีไม่น้อยสำหรับ พวกที่ต้องทำงานอยู่แต่ในบริษัทแล้ว วันแบบนี้ อาจจะเป็นวันที่ให้ความรู้สึกดีที่สุดก็เป็นได้

"ขอบใจนะ" อารยะพุดขึ้นเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อลอยไปไกล

" เรื่องอะไร? "
คิมหันต์หันมามองใบหน้านั่น .. ใบหน้าที่เขาเลี่ยงที่จะมองมาตลอดทั้งวัน ซึ่งบัดนี้ลมทะเลทำให้เส้นผมนุ่มมือของอารยะลู่ไปตามลม

..น่ามอง..

"ก็เรื่องวันนี้...ฉันได้รู้อะไรอีกเยอะเลย" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองตอบพร้อมด้วยรอยยิ้ม

" ปกติไม่ดูหนัง ไม่กินแมคหรือไง? .. พูดอะไรแปลกๆ "คิมหันต์หันหน้ากลับไปแทบจะทันที

"เปล่า ก็ไม่ถึงขนาดนั้น... " อารยะพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ "แต่อย่างน้อยวันนี้ ฉันก็ได้รู้ล่ะว่านายชอบดูหนังแบบไหน ชอบกินอะไร.... "ชายหนุ่มว่าพลาง ยกแก้วโค้กขึ้นเล็กน้อย
"เรื่องที่ปรกติฉันไม่รู้เลย "

" ปกติ ไม่เห็นนายจะอยากรู้เรื่องของใคร "คิมหันต์ตอบกลับมาก่อนจะกัดแฮมเบอร์เกอร์ที่เริ่มเย็นเข้าไปอีกคำ

"มันก็.....จริง.... "อารยะก้มหน้าลงเล็กน้อย

...ก็ปรกติ พอรู้ตัวอีกที ก็อยู่บนเตียงแล้ว...

" ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย ฉันไม่ได้กำลังว่านายซักหน่อย "คิ้วเรียวขมวด แล้วเปิดโค้กกระป๋อง
ก่อนจะดื่มแล้วยื่นให้อีกฝ่าย " ดื่มไหม? "

"อืม.... " ชายหนุ่มร่างบางตอบ ก่อนจะยื่นมือไปรับกระป๋องโค้กมาจากอีกฝ่าย
อารยะค่อยดื่มโค้กลงไปช้าๆ บริเวณปากกระป๋องยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายของอีกฝ่าย ...มันก็ยังเหมือนเดิม...
แต่สิ่งที่แตกต่างออกไป ก็ดูจะเป็นวิธีปฏิบัติของคิมหันต์  หนุ่มลูกครึ่งคนนี้ดูแปลกไปมาก ตั้งแต่เมื่อวาน

....ดู.... ดุขึ้นนะ...

" ตอนเด็กๆฉันอยู่ที่นี่ " คิมหันต์พูดทำลายความเงียบขึ้นมา
" พ่อของฉันเคยมาเปิดบาร์ที่นี่ แล้วก็เจอกับแม่ ” ดวงตาคู่สวยแบบชาวตะวันตกเหม่อมองออกไปที่เส้นขอบฟ้ากับทะเล

"เหรอ.... คุณพ่อ คุณแม่ของนาย เป็นคนยังไงล่ะ... " อารยะพยายามจะถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น น่าแปลก เหลือเกินที่ในตอนนี้ เรื่องราว ของคิมหันต์นั้นดูน่าพิศมัยเหลือเกินสำหรับเขา

" ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก แม้แต่หน้าของพ่อยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ แม่พาฉันไปอยู่กับประธานบริษัทคนก่อน หลังจากที่พ่อป่วยตาย " หนุ่มลูกครึ่งตอบกลับมา โดยที่ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปเลย ดวงตาสีนิลมองดูผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มตรงหน้านิ่ง

" แม่ฉันเป็นเมียน้อยของประธานบริษัทคนก่อน ." เขาหันกลับมามองอีกฝ่าย สีหน้านั้นเจ็บปวด
" นั่นล่ะคือเหตุผลที่นายต้องถูกเด้งไปอยู่แผนกเอกสาร แทนที่จะเป็นฉัน "

"คิมหันต์.... " คำพูดของหนุลูกครึ่งทำเอาอีกฝ่ายอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอะไรดี

" แต่มันก็แค่นั้น ฉันช่วยอะไรนายไม่ได้ ..อะไรที่คิดว่าอยากจะชดเชยได้ก็อยากจะทำ "
คิมหันต์สบตาอีกฝ่ายนิ่ง " ฉันคิดว่าฉันชดเชยกับนายมากแล้ว ถ้านายยังไม่พอใจก็ขอโทษด้วย "

"...ฉัน...ต่างหากที่ต้องขอโทษ " อารยะว่า

คิมหันต์มองน้ำทะเลตรงหน้านิ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา

"ฉันมันเป็นตัวก่อเรื่อง ฉันรู้ดี...คิมหันต์..ฉัน...ขอโทษที่ทำร้ายความรู้สึกนาย.. มาตลอด "

" เราทั้งคู่ก็ไม่มีใครดีไปกว่ากันหรอก "คิมหันต์พูดออกมา มือนั้นลูบผมอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะดึงคนตรงหน้ามากอด

"อ่ะ.... เดี๋ยวใครมา " อารยะหันซ้ายหันขวา แทบจะทันที

คิมหันต์ปล่อยอีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินประยคนั้น " นั่นสิ .. กลับกันเถอะ จะไปส่ง "เขาลุกขึ้นจากม้านั่งยาว

" ขอโทษ..." อารยะพูดออกมาเบาๆ

แต่หนุ่มลูกครึ่งเดินไปที่รถ โดยที่ไม่หันกลับมาเลยแม้แต่น้อย
====================
อารยะเดิมตามอีกฝ่ายไปจนกระทั่งถึงรถ ชายหนุ่มเข้าไปนั่งด้านใน รู้สึกกระสับกระส่ายกับ สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
"โกรธรึเปล่า...เมื่อกี้"

" แค่แปลกใจ ปกติ นายก็ไม่แคร์อะไรนี่? "คิมหันต์เปิดดึงเบรกมือลงแล้วขับรถออกจากตรงนั้น

"ไม่นะ...ฉันแคร์...แคร์สายตาคนที่จะมองมา... แต่ทำเป็นไม่สนใจเท่านั้นเอง.. "อารยะตอบ
"เมื่อกี้...ฉันแค่ไม่อยากให้ใครเห็น...แล้วเอาไปพูดกัน... "

คิมหันต์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาขับรถพาอีกฝ่ายกลับมาถึงห้อง

====================

"ขอบใจนะ...ฉันสนุกมากเลยวันนี้" อารยะพูดขึ้นเบาๆ พลางหันไปยิ้มให้กับอีกฝ่าย

....โกรธอยู่ซิ่นะ...ถึงไม่ได้พูดอะไรเลย...

"แล้วก็ขอโทษ ถ้าทำให้โกรธ " มือเรียวเอื่อมไปจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้เบาๆ

สัมผัสนุ่มจากมือทำให้คิมหันต์หันไปมองอีกฝ่าย
ใบหน้าได้รูปขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะแตะริมฝีปากกับริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ

"ไม่โกรธได้ไหม"ดวงตาคู่สวยสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง

ปลายลิ้นร้อนๆเลียริมฝีปากบางเบาๆแทนคำตอบ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปิดลงรับสัมผัสแผ่วเบา

"ฉัน... เอ่อ... ไปก่อนดีกว่า" อารยะพูดออกมาอย่างลำบาก  ก่อนจะค่อยขยับถอยออกมา

=================

ทันทีที่อารยะปิดประตูรถ หนุ่มลูกครึ่งก็ออกตัวรถไปทันที ทิ้งให้หนุ่มผมสีน้ำตาลทองต้องยืนมองอยู่หน้าอพารืตเมนต์แบบนั้น

" ผมนึกว่าพี่ไม่สบายซะอีก " เสียงห้าวดังขึ้นจากด้านหลัง

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองหันไปมอง ด้วยความตกใจ ไม่น้อย "เจตน์...นายมาทำอะไรเนี่ย" อารยะ พยายามยิ้ม หวังว่าอีกฝ่าย คงจะไม่เห็นอะไรที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

" มาหาไงครับ เห็นพี่ไม่ไปทำงานพร้อมพี่คิม  บอสเลยให้มาดูน่ะ " เจตน์ชูถุงของกินให้อีกฝ่ายดู

"อ่ะ...เหรอ ขอบใจนะ อุตส่าห์เป็นห่วง " อารยะตอบพลางรับเอาถุงของกินมาถือไว้ "จะขึ้นไปใช่ไหม"

" พี่เบื่อผมแล้วใช่ไหม? " เจตน์ยิงคำถามก่อนจะฉวยเอาถุงของกินเดินเข้าไปในครัว

"..... ฉัน..... " อารยะอ้ำอึ้ง... เขาไม่ได้คิดเบื่อเจตน์...การมีเจตน์อยู่นั้นทำให้รู้สึกอุ่นใจว่า อย่างน้อยที่สุดแล้ว เขาอาจจะยังมีใครซักคน
แต่...
เขาก็แค่อยากจะเลือกแล้ว ก็เท่านั้นเองในตอนนี้ ....ถึงแม้ว่า คนที่เขาเลือกจะตีค่าการกระทำของเขาไปอีกทาง

" พี่จะพูดอะไรล่ะ? "เจตน์ถามขึ้นมา เสียงเปิดน้ำล้างผักดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดเตาไฟฟ้า

"ฉันรู้ว่า ฉันทำผิด เจตน์...ฉันไม่น่า ...มันไม่ควรเป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้น"อารยะพูดขึ้นราวกับจะพูดกับตัวเอง ชายหนุ่มร่างบางเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างอ่อนแรง

เสียงผักใบเขียวผัดกับซอสดังขึ้นในกะทะร้อนฉ่าก่อนจะจบลง เจตน์เดินออกมาจากห้องครัว

" พี่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ผมไปล่ะนะ "

"แล้วนายล่ะ...ต้องการอะไร" เสียงนุ่มของเจ้าของห้องหยุดอีกฝ่ายเอาไว้

" พี่คิดว่าผมพิศวาสพี่ขนาดนั้นหรือไง? " เจตน์หันกลับมามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
ก่อนจะเปิดประตูห้องของอารยะแล้วเดินออกไป

"ถ้าไม่ได้พิศวาส...ก็เลิกๆไปเสียซิ่... จะมาทำแบบนี้ ทำไม " อารยะพุดกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงจนรู้สึกได้ถึงรสเลือดที่กระจายออกมา

แต่เจตน์ก็เดินห่างออกไปจากประตูห้องเสียแล้ว ...


talk : อึนต่อไป ดันทุรังกันต่อไป เรื่องรักๆนี่ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆนะคะ :hao4:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่26=(27/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 27-06-2013 19:17:48
ดันทุรังกันเข้า่ไป...ให้ตายซิ ชีวิต!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่26=(27/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 28-06-2013 01:08:04
เราไม่เชื่อว่าคนเราพอมีคนใหม่ก็จะเลิกกับคนเก่าได้ทันทีหรอกนะ ใจคนตัดขาดไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
จะบอกว่าโคไรท์ปกป้องอารยะก็ได้ ถึงหมอนั่นจะดู....ร่าน...ในสายตาคนอ่าน (ฮา) ....แต่เราก็ยังชอบที่เขาเป็น "คน"
แบบนั้นอยู่ดีนะ

ลำเอียงกว่านี้มีอีกไหม ฮ่าๆ :katai2-1:

โคไรท์เอง นานๆจะโผล่มา 
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่26=(27/06/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 28-06-2013 01:18:47
ใช่ เจตน์ ไม่พิศวาสก็เลิกซี่ เลิกเลย เลิกเลย เนี่ย ส่งอาร์ตไปให้คิมหันต์จัดการดัดนิสัยซะให้เข็ด
ส่วนเจตน์ก็กลับมาหาชินอ้วนของเรา ไม่รู้ป่านนี้น้องอ้วนเราโดนผู้หญิงหลอกอยู่รึเปล่า มีคนสวยๆมาชอบแล้วแคลงใจพิกล 5555
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่27=(7/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 07-07-2013 12:17:58
=27=

การตื่นไปทำงานในตอนเช้าดูจะกลายเป็นเรื่องยาก ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง เกิดความรู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ตัวว่าต้องไปทำงาน ในสถานที่ ที่มีแต่ความอึดอัด
กับคนที่อยากอยู่ด้วย ก็ดูจะกำลังสับสน ในขณะที่กับอีกคนที่อยากจะเลิกรา ก็ดูจะไม่สบโอกาสอะไรเสียที
เจตน์ไม่ได้มายืนคอย หรือมารับ นั่นทำให้ชายหนุ่มโล่งใจไปเปราะใหญ่
แต่ที่ทำให้หนักใจ ก็คงจะหนีไปพ้น ภาพที่ควรจะชินตาได้แล้วของคิมหันต์ที่ยืน หัวร่อต่อกระซิกอยู่กับพนักงานสาว ที่หน้าลิฟท์ตัวเดิม

=================

" ไว้เจอกันนะครับ " คิมหันต์บอกกับหญิงสาวก่อนจะเดินเข้าลิฟท์พร้อมๆกับอารยะ

"อรุณสวสัดิ์" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อประตูลิฟท์ปิดลง

" อรุณสวัสดิ์ "หนุ่มลูกครึ่งทักกลับมา ดวงตาสีนิลมองไปตามตัวเลขที่ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆตามชั้นที่ลิฟท์ขึ้นผ่าน

"เสื้อผ้า...ไว้เดี๋ยวจะเอาไปคืนนะ"

" เก็บไว้เถอะ ยังไงก็ใส่ไม่ได้อยู่แล้ว "คิมหันต์ตอบกลับมา

"เหรอ....."ท่าทางของคิมหันต์ทำให้อารยะ ต้องขยับไปด้านข้างเล็กน้อย

คิมหันต์กดลิฟท์ให้หยุดก่อนจะดึงไทค์ของอีกฝ่ายให้เข้ามาหาตัว มือทั้งสองข้างล้อมกรอบร่างนั้น ดวงตาสีนิลสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง

" เจ้าเจตน์มันว่าไงมั่ง? "

".....ไม่ได้ว่าอะไร....." อารยะตอบคำถามนั้น เขาไม่แน่ใจเลยว่า คิมหันต์กำลังคิดจะทำอะไร

คิมหันต์ทำหน้าเซ็งเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว มือที่ล้อมกรอบร่างนั้นไว้เปลี่ยนเป็นโอบเอวคนตรงหน้าไว้
" แบบนี้ก็แย่น่ะสิ "

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน มองหน้าของอีกฝ่าย ด้วยความไม่เข้าใจ "นาย...คิดอะไรอยู่...."

คิมหันต์ก้มหน้าลงจูบอีกฝ่ายเป็นการตอบคำถามนั้น

"อะ...คิมหันต์... นาย" มือเรียวดันอีกฝ่ายออก เขาอยากรู้ อยากได้คำตอบ " นายคิดจะทำอะไรกันแน่...ตอบฉันซิ่"

" นาย..กลัวรึไง? "คิมหันต์ผละออกจากอีกฝ่ายก่อนจะกดลิฟท์ให้เปิดออก แล้วเดินออกไปจากลิฟท์

"กลัวซิ่" อารยะพูดออกมาเบาๆ "นายที่เป็นแบบนี้น่ะ... "

=================

"ช้าจัง" เสียงนุ่มดังขึ้นเบาๆ ดวงตาสีเข้มมองดูนาฬิกา ใบหน้าเล็กได้ขยับเป็นรอยยิ้มจางๆ เมื่อนึกถึงคนที่เขากำลังรออยู่
"เรียกเขาแล้วแน่นะ" เจ้าของร่างเล็กถามเจ้าของห้อง หัวหน้าแผนกชาวอเมริกัน

" เรียกแล้วน่ะสิ เดี่ยวก็มาน่า หมอนั่นโดดงานเมื่อวาน นายต้องอบรมด้วยล่ะ "  หนุ่มอเมริกันดูนาฬิกาข้อมือของตน
" นั่นไง เดินหล่อมาแล้ว "

"โดดงาน? นี่ยังทำแบบนั้นอยู่อีกเหรอ ไม่ได้แล้ว แบบนี้ต้องเรียกมาเตือนเสียหน่อย " เจ้าของเสียงนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้พบคนๆนี้

=================

--- RRR--

เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นที่โต๊ะของหนุ่มลูกครึ่งทันที่ที่เขาเดินไปที่โต๊ะ
" ครับ? "

"มาที่ออฟฟิศด้วย "

เสียงนุ่มนั้นทำให้คิมหันต์ต้องขมวดคิ้ว " ครับ? "

"อะไรกัน...ไม่กี่ปีก็ลืมเสียงฉันแล้วเหรอ มาที่ห้องบอสเลยนะ เดี๋ยวนี้เลย "

รอยยิ้มปรากฏขึ้นกับโทรศัพท์ก่อนที่หนุ่มลูกครึ่งจะวางหูแล้วเดินเข้าไปในห้องของหัวหน้าแผนกแทบจะทันที

ส่วนชายหนุ่มร่างบางที่เดินตามหลังอีกฝ่ายมาติดๆ เห็นหนุ่มลูกครึ่งรับโทรศัพท์ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้นนั้น ทำให้อดที่จะสงสัยไม่ได้

....อะไรกัน...รอยยิ้มแบบนั้น...

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองตามร่างสูงที่เดินไปยังห้องจองหัวหน้าแผนก ก่อนที่ประตูที่ถูกปิดไปแล้วจะถูกเปิดออกพร้อมๆกับที่ร่างเล็กของหนุ่มหน้าสวยผมยาวประบ่าที่ถูกรวบเอาไว้เพียงครึ่งเดียว เดินออกมาพร้อมๆกับคิมหันต์

"คิม... นายนี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ" ร่างบางที่เดินออกมาพร้อมกับหนุ่มลูกครึ่งพูดขึ้นพร้อมๆกับมือเรียวที่แตะเบาๆบนแขนของอีกฝ่าย

" ผมก็เริ่มแก่แล้วนี่นา "
คิมหันต์ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินสวนอารยะไป ดวงตาสินิลจับจ้องอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มให้ ในแบบของเพื่อนร่วมงาน
ท่าทีของคิมหันต์ที่มีต่อเขา และท่าทีของชายหนุ่มแปลกหน้าที่มีต่อคิมหันต์นั้นทำให้รู้สึกแปลกๆ

...ยิ้มเมื่อกี้ เพราะเขางั้นเหรอ....

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองหันไปมองตามทั้งคู่ที่เดินออกจากแผนกไป

....ธาวิน เฮงสกุล...

อารยะไม่แน่ใจนักว่าใช่ หรือเปล่า แต่เท่าที่เขาจำได้ คนๆนี้ คือลูกชายของประธานบริษัท คนก่อน

เห็นว่าไปประจำอยู่ที่สำนักงานที่ต่างประเทศ ... แล้ว เป็นอะไรกับคิมหันต์ ? ....
คิดได้แบบนั้นร่างบางก็วางของแล้วรีบเดินตามสองคนออกไปด้านนอกทันที

=================

" แล้วนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? " คิมหันต์ถามขึ้นมา

"เมื่อคืน... " ชายหนุ่มร่างบางพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูงกว่า "อยากเจอนายเลยมา"

" ผมไม่เชื่อหรอกนะ ฮะ ฮะ ฮะ " คิมหันต์หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะลูบผมอีกฝ่ายแล้วก้มหน้าลงไปใกล้ ธาวินเป็นพี่ชายอายุมากกว่าสามปี ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดใดๆกับเขาเนื่องจากเป็นลูกชายของประธานบริษัทคนก่อน พ่อเลี้ยงของเขา ร่างเล็กบางเคยเป็นแบบไหนก็เป็นเช่นนั้น รอยยิ้มสดใส ขี้เล่น เคยมีอย่างไรก็ยังคงมีเช่นนั้น
" คุณไม่เห็นแก่ลงเลยแฮะ "

"แน่นอน...ดูแลตัวเองดี อีกอย่าง...มันอยู่ที่ใจนะ" ยูนะว่าพลางยิ้มมือเรียวโอบคออีกฝ่ายของเอาไว้ ก่อนจะโน้มลงมาหาตัว
"จะพิสูจน์ไหมละ"

คิมหันต์โอบเอวอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้


ภาพของชายหนุ่มร่างสูง ที่โอบเอวของอีกคนเข้ามาหาอย่างไม่มีการเคอะเขิน จากคำเชิญชวนของอีกคน นั้นอยู่ในสายตาของอารยะอยู่ตลอดเวลา มือเรียวเผลอขยุ้มเสื้อตรงอกแน่น ความรู้สึกเจ็บวิ่งเข้าเสียดกลางหัวใจ

พลัน คิมหันต์ที่เหลือบเห็นบุคคลที่สาม เขาปล่อยร่างของคนตรงหน้าทันที

"หืม...มีอะไรเหรอ" เมื่อสัมผัสถูกละออก ชายหนุ่มร่างเล็กเองก็แปลกใจเช่นกัน

" เอ่อ .. คุณวิน นี่อารยะ เป็นพาร์ทเนอร์ของผมนะ " คิมหันต์แนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกัน

"อ่ะ... " เมื่ออยู่ๆ ก็ถูกแนะนำตัว ทำให้อารยะ หันไปมองหน้าคิมหันต์ด้วยความไม่เข้าใจนัก ก่อนยกมือไหว้แล้วแนะนำตัวกับอีกคน
"อารยะ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก"

"เช่นกันครับ...ธาวินครับ" ชายหนุ่มร่างบางว่า พลางยกมือรับไหว้อีกฝ่าย

" ว่าแต่คุณวินมีที่อยู่รึยังครับเนี่ย  คุณคงไม่พักที่บ้านใหญ่หรอกใช่ไหม? "คิมหันต์ถามติดตลก

"ลองไม่ไปซิ่ เป็นเรื่อง...."ชายหนุ่มร่างบางหัวเราะออกมาเบาๆ
" เอาไว้ จะไปหาวันหลังก็แล้วกัน คงมาอยู่อีกซักอาทิตย์น่ะ" มือเรียวแตะแขนของอีกฝ่ายเบาๆ

อารยะมองตามท่าทางแบบนั้นของชายหนุ่มร่างบาง ก่อนจะตวัดสายตามองหน้าของคิมหันต์
"ผมว่าผมขอตัว" ชายหนุ่มพูดพลางเดินไปอีกทาง ด้วยความรวดเร้ว

คิมหันต์มองตามคนที่เดินจากไปก่อนจะหันมาทางคนที่ยืนข้างๆเขาซึ่งกำลังมองเขาอยู่
" ครับ? "

"นั่นแน่....คิดเอาไว้แล้วเชียว"ธาวินชี้หน้าของอีกฝ่ายพลางยิ้ม
"เขาชอบนายนะ"

" แต่เขาก็ไม่ยอมเลิกกับคนอื่นอยู่ดี "คิมหันต์ตอบกลับมาแทบจะทันที

ดวงตาคู่สวยหันมาสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง
"นายเองก็ชอบเขานี่"

" แต่จะทำอะไรได้ละครับ ในเมื่อทั้งเขาทั้งผมก็ยังค้างคาอยู่แบบนี้ " หนุ่มลูกครึ่งถอนหายใจ

"ก็ไปทำให้มันหายค้างคากันเสียซิ่....ฉันเห็นท่าทางของเขาเมื่อกี้... " ยูนะว่าพลางมองไปทางที่อารยะเดินจากไปเมื่อครู่
 "ไม่ว่าเขาจะมีใครอยู่..เชื่อฉันเถอะ ว่า เขาพร้อมแน่ที่จะเลิก เพื่อมาหานาย"

" เดี๋ยวนี้คุณเลิกหวงผมแล้วเหรอ? " คิมหันต์รีบเปลี่ยนเรื่อง

"อืม... นายก็เปลี่ยนไปแล้ว ฉันก็เปลี่ยนไปแล้ว จะให้มาหวงห่วงเหมือนแต่ก่อน คงไม่ได้" มือเรียวแตะที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆ

" นั่นสินะ .. ไปเถอะครับ ผมจะไปส่ง ท่านประธานคงจะรออยู่ที่บ้านใหญ่น่ะครับ "

คิมหันต์จูงมืออีกฝ่ายให้เดินตามเขาไปเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กๆ เติบโตมาด้วยกัน และมีรักครั้งแรกของกันและกัน..แต่มันก็จบลงไปแล้ว..

มือที่กุมมือของเขาเอาไว้นั้น ทำให้ ธาวินยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"ทำเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว... นายนี่ เห็นฉันตัวแค่นี้ ล่ะทำเหมือนฉันเป็นเด็กทุกทีเลยนะ แล้วก็เมื่อไหร่จะเลิกเรียกพ่อว่าท่านประธานเสียที?"

“ สำหรับผมแล้ว ท่านก็เป็นท่านประธานที่มีพระคุณเสมอล่ะครับ ” คิมหันต์บอกปัด เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยยอมเรียกพ่อบุญธรรมของตนว่าพ่อเลยซักครั้ง ด้วยสำนึกในพระคุณและความต่ำต้อยของตนและแม่
" ไว้แฟนคุณมาผมจะปล่อยก็แล้วกัน " คิมหันต์ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน เป็นการตัดบทเรื่องครอบครัวเสีย

"อันที่จริงก็มานะ...รออยู่ที่บ้าน" ยูนะอดที่จะแหย่อีกฝ่ายไม่ได้จริงๆ

" ไปหลอกหนุ่มที่ไหนมาอีกล่ะ "คิมหันต์ทำท่าหน่ายๆ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ

"อืม หนุ่มอเมริกัน ตัวใหญ่ ผมสีเข้ม หน้าตาดี... ธาวินหันมองมองหน้า "ทำไม  จะหึงเหรอ"

" ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วล่ะ "มือแกร่งหยิกแก้มนุ่มนั้นเบาๆ
 " อย่าทำให้เขาหลงหัวปักหัวปำแล้วก็สลัดทิ้งก็แล้วกัน  "

คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ ร่างบางต้องทำเสียอย่างไม่พอใจนัก
"หึ นายเองก็ยังเปลี่ยนไปเลย...ฉันจะเปลี่ยนบ้างไม่ได้เหรอ "

" ผมเปลี่ยนไปตรงไหนกัน? "คิ้วเข้มได้รูปเลิกขึ้นอย่างแปลกใจในคำพูดของอีกฝ่าย

"หลายอย่าง... แต่ที่แน่ๆ คือตอนนี้ นายเริ่มคิดจะจริงจังกับใคร แล้วใช่ไหมล่ะ"

" อย่างกับผมไม่เคยคิดกับคุณงั้นแหละ " คิมหันต์หัวเราะออกมาเบาๆ

"เอาไว้ไปกินข้าวเย็น รำลึกความหลังกันก็แล้วกันนะ" ธาวินว่าพลางปล่อยมือจากอีกฝ่ายแล้วเดินตรงไปที่ลิฟท์
"ส่งแค่นี้ก็ได้....แล้วก็ไปทำงาน ตั้งใจด้วยล่ะ " ชายหนุ่มร่างเล็กว่าพลางโน้มคออีกฝ่ายลงมาจูบลาเบาๆที่ข้างแก้ม

" ครับ แล้วผมจะไปหา "คิมหันต์จูบแก้มอีกฝ่ายตอบก่อนจะปล่อยให้ธาวินเข้าไปในลิฟท์ของอาคาร

=================

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง เดินไปตามทาง ดวงตาสีที่เคยเป็นประกาย มองไปยังคนนั้นคนนี้อย่างซุกซน บัดนี้ดูเลื่อนลอย

ส่วนเจตน์ที่กำลังยืนสูบบุหรี่เพื่อผ่อนคลายความเครียดต้องหันไปมองท่าทางแบบนั้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะดับบุหรี่มวนนั้นลงกับที่เขี่ยบุหรี่ที่บริษัทเตรียมไว้ให้แล้วเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

เสียงเดินที่ดังตามหลังมานั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องไปมอง
"เจตน์............... "

" พี่เป็นอะไร? "เจตน์ถามพลางขมวดคิ้ว สีหน้าแบบนี้เขาไม่เคยเห็นเลย

"เจตน์......" เสียงที่เรียกชื่อของอีกฝ่ายสั่นเครือ ก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆไหลลงมาจากหางตา ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นเช็ดออกทันที แต่ดูเหมือนยิ่งเช็ด น้ำตาก็ยิ่งไหลลงมา จนดูเหมือนว่าจะหยุดไม่ได้เสียแล้ว ใบหน้ามนแดงก่ำไหล่ทั้งสองข้างสั่น

.....เจ็บ.....หยุดไม่ได้แล้ว.....

อารยะร้องไห้ออกมา สะอึกสะอื้น ในแบบที่แม้แต่ตัวเจตน์เองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

" อะ..เฮ้ .. พี่เป็นอะไรไปน่ะ " หนุ่มผมสีน้ำตาลทองตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มือทั้งสองข้างไม่รู้จะวางตรงไหน ชายหนุ่มแตะไหล่ที่สั่นระริกนั้นเบาๆก่อนจะดึงคนตรงหน้ามากอด
" เอ่อ.. อย่าร้องนะ .. ผมขอโทษ "

"ไม่... ไม่... ไม่.. " อารยะส่ายหน้าไปมาในอ้อมกอดของอีกฝ่าย พยายามที่จะดันเจตน์ออกไป แต่ก็ดันออกไปไม่ได้

....มันไม่ใช่เรื่องของนาย....

" ผม..ขอโทษ..อย่าร้องนะ อย่าร้อง " เจตน์กอดคนตรงหน้าไว้แน่นด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่น่าพูดแบบนั้นใส่อารยะเลยจริงๆ

"ไม่...ไม่....... " อารยะขืนตัวออก ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง พยายามจะหยุดน้ำตาของตัวเองเอาไว้

....มันไม่ใช่เรื่องของนาย...
.....แล้วก็อย่ามาทำดี...

" ไม่ ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ทำอะไรพี่ทั้งนั้น พี่เกลียดผมแล้วรึไง? " เจตน์พูดออกมาในที่สุด เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าที่พูดใส่อีกฝ่ายไปแบบนั้นมันแรงไป

"ไม่... ฉันไม่ได้เกลียดนาย..." ชายหนุ่มร่างบางพูด

"แล้วเรื่องนี่....มันก็ไม่ได้......" อารยะเก็บคำสุดท้าของประโยคเอาไว้กับตัวเอง

.....ไม่ได้เกี่ยวกับนาย...

ดวงตาคู่สวยมองหน้าของอีกฝ่าย เต็มไปด้วยน้ำตา และความรู้สึก สับสน

....ทำไมถึงเจ็บได้ขนาดนี้....
.....เพราะไม่ใช่เรื่องของหมอนี่....

" พี่จะบอกว่า .. ที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะผมใช่ไหม? " หนุ่มรุ่นน้องถามขึ้นมาเสียงเรียบ

... กำลังทำหน้ารู้สึกผิดอยู่นี่..

"เจตน์.... " เสียงสั่นเครือ เรียกชื่อของอีกฝ่าย มือเรียวกำแน่น ราวกับกำลังรวบรวมความกล้า

ดวงตาคู่สวยสบตามองกับชายร่างสูง แน่นอนว่าเต็มไปด้วนความหนักใจ แต่ถ้าหากว่าเขาไม่ทำ ....มันคงจะเจ็บกว่านี้

"เราเลิกกันเถอะ"


" รักพี่คิมใช่ไหม? "
เจตน์ถามออกมาเสียงเรียบ น่าแปลกที่ถูกบอกเลิก แต่เขายังนิ่งอยู่ได้ ทั้งร่างกาย และจิตใจ มันสงบนิ่งจนน่าแปลกใจ

อารยะ ส่ายหน้า "ฉันไม่รู้... ฉันรู้แค่ว่า ฉันต้องการเขา.... " มือเรียวกำแน่น
 "และฉันทนไม่ได้....ที่จะเห็นเขาไปกับคนอื่น...นั่นเรียกว่าหึงใช่ไหม....นั่นเรียกว่ารักหรือเปล่า" ดวงตาคู่สวยมองหน้าของอีกฝ่าย ราวกับจะวอนหาคำตอบ

" คิดว่าเลิกกับผมแล้ว จะไปหาพี่คิมได้ง่ายๆรึไง? " เจตน์ถามออกมา

" รักกับพี่คิม คนอย่างพี่จะทนได้แค่ไหน? ไม่สิ .. พี่น่ะ เคยต้องอดทนกับความรักด้วยรึไง? "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองยิงคำถามออกมาเป็นชุด
" พี่ต้องการคนอยู่ด้วยตลอดเวลา อยากให้คนตามใจตลอดเวลา .. อย่างพี่คิมน่ะ ทำให้พี่ไม่ได้แน่ๆ  " เจตน์หัวเราะออกมา
" ก็ดี .. น่าสนุกดีเหมือนกัน"

....สนุก?....

คำพูดที่เหมือนกับเคยได้ยิน บุคคลที่ถูกกล่าวถึงพูดนั้นทำให้อารยะต้องหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย
"พวกนายเห็นฉันเป็นอะไร... พวกนายเห็นฉันเป็นคนยังไง...เลวมาก...ใช่ไหม ใช่ไหม"

" พี่พูดเรื่องอะไร? "เจตน์ถามเสียงเรียบ

"ฉันรู้ ฉันเอาแต่ใจ...แต่....แต่...." อารยะพูด ท่าทางดูสับสน
"แต่ฉันก็แค่ต้องการอย่างจะหาคนที่ฉันจะรักได้ อย่างจริงใจก็เท่านั้น... แต่พอเจอ พอคิดว่าใช่.....มันก็เป็นแบบนี้ " มือเรียวกำแน่น
"....ฉัน....ฉันผิดเองตั้งแต่ต้น "

" ใครเอาพี่กลับมาที่แผนกต่างประเทศรู้ไหม? "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองตัดสินใจบอก
" พี่คิม .. พี่คิมเข้าไปขอบอสด้วยตัวเองเลย .. ผมก็รู้ดี .. ผมรู้ดีตั้งแต่ต้น ทุกอย่าง ! "ดวงตารีมองอีกฝ่าย
 " พี่คิมดีกับพี่ขนาดไหน  แต่มันก็แค่นั้น "

"แล้วฉันต้องทำยังไง...ฉันพยายามไม่สนใจนาย....ฉันยอมแทบจะทุกอย่างแล้ว แล้วเมื่อไหร่มันถึงจะจบ....เรื่องในแผนก ฉันไม่เคยขอร้อง...ไม่เคยขอให้เขาพาฉันกลับมา นี่มันอะไรกัน" 

" ไปถามเอาเองซี่!! " เจตน์ตวาดใส่อีกฝ่าย ก่อนจะหลับตาลงอย่างชั่งใจ
" ไปซะ อยู่แบบนี้มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก "

ร่างบางของชายหนุ่มร่างบางสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงตวาด และคำพูดต่อมาของเจตน์... ก็ทำให้ร่างบางคิดได้...
"ฉันขอโทษ....ฉันขอโทษ " ร่างบางหมดแรง เซไปพิงกับผนัง ตึก โชคดีที่เป็นบริเวณที่ไม่มีใครเดินผ่านมา

" พอแล้ว..พี่รีบๆไปซะ " เจตน์บอกอีกฝ่ายอย่างเย็นชาก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นแทบจะทันที โดยไม่หันกลับมามองอีกแม้แต่น้อย

"แล้วจะให้ทำยังไง...เขาก็ไปกับคนอื่นแบบนั้น...ไม่เห็นจะสนใจความรู้สึกของฉันบ้างเลย" อารยะพึมพำกับตัวเอง ร่างบางทรุดลงนั่งกับพื้นทางเดิน ....

.....เหนื่อยจัง....

=================

ชายหนุ่มร่างบาง ลุกขึ้นยืน หลังจากที่นั่งเหม่อลอยได้พักใหญ่ เดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างคราบน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะเดินกลับไปที่แผนกต่างประเทศ กลับไปที่โต๊ะทำงานของเขาที่อยู่ข้างๆโต๊ะของคนที่ทำให้เขาต้องร้องไห้

....คิมหันต์....

ดวงตาสีนิลเหลือบมองคนที่เข้ามา แต่ก็ต้องมองนิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแดงบวม

..ร้องไห้??..

" เป็นอะไรหรือเปล่าครับ? " ชายหนุ่มถามออกมา .. แบบผู้ร่วมงาน..

ดวงตาคู่สวยของคนที่ถูกถาม จ้องนิ่งอยู่บนปึกเอกสาร

....ฟังน้ำเสียงซิ่... เขาสนใจฉันที่ไหน ...

"ไม่ครับ....ไม่เป็นอะไร... " อารยะตอบ ก่อนจะลงมือทำงานของตัวเอง

" งั้นเหรอครับ "คิมหันต์ตอบกลับมาเพียงเท่านั้นก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองต่อไป

ส่วนเจตน์ .. เขาไม่ได้กลับเข้ามาในแผนกอีกเลยทั้งวัน

=================

talk : คิดว่าคงมีคนดีใจมากมายที่ อาร์ตเลิกกับเจตน์เสียทีนะคะ .. ว่าแต่ ธาวิน ?? ....
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่27=(7/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 07-07-2013 14:59:17
ชินหายไปกับสายลมแล้วใช่ไหม TT~
ดีใจกับอาร์ตด้วยนะที่ตัดสินใจได้สักที เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง!! สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่27=(7/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 07-07-2013 15:26:19
ลืมน้องชินไปรึเปล่า ชินหายไปดันมีธาวินเข้ามาอีก

ถ้าอาร์ตกับคิมคบกันนี่รับไม่ได้เลยนะ คนที่ล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่นมันต้องมีบทเรียนให้เจ็บแล้วไม่กล้าที่จะทำอีกให้มากกว่านี้สิ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่27=(7/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 07-07-2013 17:54:45
ต้องงี้ซี่ เจตน์อย่าได้แคร์นะ คิมก็อย่าใจอ่อนมากนะ อาร์ตน่ะนิสัยเสีย ปั่นหัวจนเคยตัว ต้องจัดการดัดนิสัยกันก่อน 5555

มีตัวละครใหม่โผล่มาซะแล้ว พร้อมกับน้องอ้วนของเราก็ถูกลืมต่อไป เอ หรือที่น้องอ้วนออกมาตอนต้นๆเรื่องนี่แค่เป็นคนบรรยายชีวิตของเจตน์กันนะคะ (ฮา)
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่28=(14/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 14-07-2013 16:18:31
=28=

หลังจากเลิกงาน ในตอนเย็น ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง ที่เคยทักทายเพื่อนร่วมงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทุกครั้ง ตอนนี้ กลับดูมืดหม่นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างบางเก็บของลงกระเป๋า แล้ว เดินออกไปจากตึกชนิดที่ใครๆ ก็ถามไม่ทันว่าขาจะไปไหน

....ที่ไหนก็ได้...ที่จะทำให้ฉันพ้นจากความรู้สึกแย่ๆแบบนี้...

===============

และแล้ว ขาก็พาเดินขึ้นรถไฟ มาลงที่สถานีรถไฟฟ้าทองหล่อโดยไม่รู้ตัว ที่อโคจรยามค่ำคืนของเขา

อารยะเดินเลื่อนลอยผ่านคนมากมายไปยังผับแห่งเดิม เมืองของคนราตรี แสงสี และเสียงดนตรีที่ดังอยู่นั้นไม่ได้ช่วยให้รื่นเริงนัก
มือเรียวปลดเนคไทและกระดุมเสื้ออกเมื่อก้าวเข้าไปนั่งอยู่ที่ด้านในสุดของเคาท์เตอร์

"วอดก้า "

" วันนี้มาเร็วจังนะครับ .. นี่ครับ " บาร์เทนเดอร์หนุ่มรินเหล้าสีขาวใสลงในชอตเล็กๆให้ชายหนุ่ม

"อืม....เลิกงานเร็ว เลยอย่ามาผ่อนคลายหน่อย" อารยะตอบเบาๆ ก่อนจะกระดกแก้ว ทีเดียวหมด
จากแก้วแรก แก้วต่อๆมาก็เริ่มมาขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆกับคนที่เข้ามาในร้านมากขึ้น แต่อารยะก็ไม่สนใจใครแม้แต่น้อย

"นี่...มาสเตอร์" ชายหนุ่มร่างบาง ยกมือขึ้นเรียก ใบหน้ามนเปลี่ยนสีแดงก่ำ ดวงตาสีน้ำตาลเป็นกระกาย จากฤทธิ์แอลกอฮอลล์

" ครับ? " บาร์เทนเดอร์หนุ่มวางแก้วเหล้าลงตรงหน้าอีกฝ่าย แปลกจริงๆที่แขกประจำของเขาดื่มหนักขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน
"คุณเคยรู้สึกว่า ตกหลุมรัก แล้วก็อกหักไปในเวลาเดียวกันไหม"

" เคยครับ "เขาตอบกลับมาแทบจะทันที มือทั้งสองข้างเช็ดแก้วไวน์ไปด้วย

"เหรอ... "อารยะเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าของอีกฝ่าย
"แล้วมันเป็นยังไง ทรมานไหม รู้สึก แย่ รู้สึกจะเป็นบ้าไหมเวลาที่ รู้สึกตัวว่า ต้องการเขาแทบตาย แต่ ไม่รู้จะแสดงออกยังไง เผลอทำอะไรให้เขาโกรธ ไปจน... มันดูเหมือนจะแก้ไขไม่ได้... "  ปลายเสียงนุ่มแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยอ่อนแสง ลง

" ในตอนนั้นเป็นเพราะผมไม่ไปง้อเขาน่ะครับ " เขาเทคอกเทลสีหวานลงในเหยือกเล็กๆ แล้ววางไว้ที่เคาท์เตอร์สำหรับหญิงสาวที่นั่งอยู่อีกด้าน

"แล้วยังไง... คุณเสียเขาไปไหม ในตอนท้าย " อารยะ กุมขมับของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าของอีกฝ่าย
รอยยิ้มเศร้าๆของบาร์เทนเดอร์หนุ่มคือคำตอบของคำถามนั้น ก่อนที่เขาจะขอตัวไปรับออเดอร์จากอีกด้านของเคาท์เตอร์
"เหรอ...ฮ่ะๆ...นั่นซิ่นะ" อารยะหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะวางเงินลงบนเคาท์เตอร์ มากกว่า ค่าเหล้าจริง ที่จะต้องจ่าย
"นี่ถือเป็นน้ำใจ ก็แล้วกัน " ชายหนุ่มพูดก่อนจะพาร่าง เดินโซวัดโซเซออกมาจากร้าน

===============

ทางลัดด้านหลังร้าน จะทำให้เขาไปถึงสถานีได้ไวขึ้น ถึงมันจะเปลี่ยวก็ตาม หนุ่มร่างบางเดินโซซัดโซเซด้วยฤทธิ์เหล้าโดยไม่สนใจใคร จนกระทั่งไปชนกับชายร่างใหญ่คนหนึ่ง

" เฮ้ย เดินยังไงวะ?! " เสียงห้าวนั้นตะคอกพลางกระชากคอเสื้อของอารยะขึ้นมา

"ก็ด้วยขาไง...แม่มึงไม่ได้สอนเหรอ" อารยะหัวเราะเบาๆ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรด้วย

" ไอ้หน้าอ่อน กวนนะมึง ! " เขาจับร่างบางกระแทกกับผนังตึกอย่างแรงก่อนจะจัดการสั่งสอนอีกฝ่ายด้วยมือและเท้า

อารยะยกสองมือไร้แรงขึ้นป้องกันตนเอง แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไรนัก เหล่าที่ดื่มเข้าไปราวกับน้ำ ไม่ได้ช่วยให้เขากล้าหาญ หรือหายเจ็บปวดใจ...ซ้ำร้าย ร่างกายจะยิ่งเจ็บหนักกว่าเดิมเพราะการกระทำที่ไม่ค่อยจะคิดเท่าไรของตัวเอง


เสียงโครมครามที่ดังขึ้นทำให้หนุ่มลูกครึ่งที่กำลังเดินเข้าทางลัดเพื่อตระเวนราตรีแก้เบื่อหน่ายต้องวิ่งไปตามเสียงนั้นทันที

...เขาสังหรณ์ไม่ดีเลย..

แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ร่างบางที่ยังสวมชุดที่เขาเห็นมาทั้งวัน บัดนี้นอนงอตัวด้วยความเจ็บอยู่ที่พื้น คิมหันต์ปราดเข้าไปกระชากร่างใหญ่นั้นออกแล้วจัดการล้มเขาให้ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัวด้วยซ้ำ

" อารยะ " มือจับเนื้อตัวของอีกฝ่าย แล้วตบแก้มที่ช้ำบวมนั่นเบาๆ
" ได้ยินฉันไหม? "เสียงนั้นถามอย่างเป้ฯห่วง

..ทำไมไม่สู้มัน..

"หืม....ไม่เอาน่าา จะฆ่าก็ฆ่าเลยซิ่" เสียงที่ดังออกมานั้น ราวกับว่าจะไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
ดวงตาคู่สวย ปรือขึ้นมองภาพเลือนลาง ใบหน้าที่...ดุเหมือน...จะคุ้นเคย
"สนใจฉันแล้วรึไง...ถึงมา "

" แม่ง! อยากตายนักรึไง ถึงทำแบบนี้!? " คิมหันต์โวยวายใส่ หากแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม เขาอุ้มร่างบางขึ้นทันที

"ตายก็ดี....ฉันจะได้ไม่ต้องเจ็บ...อีกต่อไป" ดวงตาคู่สวยปิดลงช้าๆ ก่อนจะพิงศีรษะลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย

....ทำไมรักใครแล้วถึงเจ็บแบบนี้นะ....

" งี่เง่า .. ไม่สมกับเป็นนายเลย " คิมหันต์เร่งฝีเท้า ดูจากสภาพแล้วคงจะใกล้หมดสติแล้ว แต่เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายหมดสติไปตอนนี้
" อย่าเพิ่งหลับ คุยกับฉัน "

"หืม...คุยอะไร ทำไมตอนนี้อยากคุย...."อารยะเริ่มจะครองสติเอาไว้ไม่อยู่ เสียงที่พูดนั้นอ้อแอ้ไม่ชัดนัก
"ก่อนหน้านี้ ไม่เห็นสนฉันเลย"

" มาทำงอนอะไรป่านนี้ " คิมหันต์ต่อปากต่อคำ เขายังให้อารยะหลับไปตอนนี้ไม่ได้ ก่อนจะเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุนัก

"เพิ่งรู้รึไง....ไอ้บ้า" เสียงที่ต่อปากต่อคำกลับมานั้นแผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

"ชอบเจ็บตัวนักรึไง?" คิมหันต์วางอีกฝ่ายลงยังที่นั่งข้างคนขับก่อนจะเอนเบาะให้นอนลง

"ไม่ใช่..ก็คนมันเมานี่...." อารยะตอบ เบาๆ เจ็บระบบไปหมด

คิมหันต์ไม่ตอบอะไรอีก เขาวสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกจากที่จอดรถไปทันที โดยที่จุดหมายปลายทางคือห้องของเขาเอง

===============

" ลุกได้แล้ว " หนุ่มลูกครึ่งบอกคนที่น่งอยู่ข้างๆ

"อือ...เพราะนายนั่นล่ะ..." อารยะว่าพลางเปิดประตูลงจากรถ
"เพราะนายนั่นล่ะที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ " เสียงคนเมาเริ่มพูดอะไรในใจออกมาเสียแล้ว

" เป็นยังไง? " หนุ่มลูกครึ่งรูดคีย์การ์ดแล้วเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง

"นายนั่นล่ะผิด... ทำให้ฉันต้องทรมานแบบนี้...มันอึดอัดเข้าใจไหม จะบอกรักก็พูดไม่เป็น... เลยต้องเมานี่ไง "
ชายหนุ่มร่างบางว่าพลางเดินโซเซไปนั่ง ที่ โซฟา

" บอกรัก? "คิมหันต์ทวนคำของอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่

..ที่คุณวินพูด จริง??..

"เออซิ่...ฉันรักนาย ได้ยินหรือยัง"

" นาย?? " คิมหันต์ย้อนคำถามนั้นก่อนจะหลับตาลงแล้วลงมานั่งข้างๆ
" รักฉันคนไหนกัน คนที่ใครต่อใครเห็น หรือคนที่เป็นแบบนี้ " ดวงตาสีนิลจับจ้องใบหน้าที่ฟกช้ำนั่นตรงๆ

"รักนาย...ทั้งสองด้านของนาย.. " มือเรียวยกขึ้นแตะใบหน้าคมของอีกฝ่าย
"นายที่อ่อนโยนกับทุกคนแบบนั้น กับ นายที่ด่าฉันเอาๆ แบบนี้...รู้ไหม คืนนี้ ฉันไม่ได้ออกไปไหนกับใครเลยนะ...ไม่ได้ออกไปไหนกับใครมาตั้งนานแล้วด้วย" น้ำเสียงที่เคยพูดจาเอาแต่ใจกลับอ่อนจนฟังดูเหมือนอ้อนในที

คำพูดนั้นทำให้คิมหันต์ดึงคนตรงหน้ามากอดไว้แน่น " ฉันไม่น่าทำแบบนั้น "
ดวงตาสีนิลไหววูบ แต่เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็น

"ทำแบบไหน...อ่อนโยน กับ ทุกคน หรือ ด่าฉัน" อารยะพูดขึ้นเบาๆ แม้ว่าจะยังมึนกับแอลกอฮอล์ แต่ ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย

" ฉันร้ายกับนาย กดดันนาย .. ทำให้นายรัก .. ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะทำยังไงกับนายดี "
หนุ่มลูกครึ่งถามอย่างสับสน เขาร้ายกับอีกฝ่าย เป็นการเดิมพันเพื่อให้ได้วามรัก และเขาก็ได้มันมา แต่เขากลับไม่รู้วิธีจะรักษามันเอาไว้

"ก็แสดงออกบ้างซิ่... อย่าทำแบบนี้ ..." อารยะพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง

" ก็ได้ " คิมหันต์ผละออกจากอีกฝ่าย
" ทำแผลเถอะ นั่งบอกรักกันอยู่นี่ ไม่มีประโยชน์หรอก " เขาว่าก่อนจะเดินไปหากล่องพยาบาลมาทำแผลให้อีกฝ่าย

"นายไม่ต้องลำบากหรอก...ฉันทำเองก็ได้" อารยะว่าพลางลุกขึ้น หมายจะเดินตามไป แต่ด้วยความมึนงง จากแรงกระแทกตอนถูกทำร้าย กับแอลกอฮอล์ ก็ทำให้เขาไม่สามารถเดินตามอีกฝ่ายไปได้เร็วนัก

" เฮ้ย  " คิมหันต์รีบเดินกลับมา
" จะตามมาทำไมเล่า "มือนั้นประคองคนที่เจ็บตัวไว้

"ก็...ไม่อยากรบกวนนี่.. เดี๋ยวจะหาว่าฉันเอาแต่ใจอีก" ชายหนุ่มร่างบางพูดออกมาเบาๆ

" ทำไม? ตอนนี้อยากจะเอาใจฉันขึ้นมาบ้างเหรอ? "หนุ่มลูกครึ่งถามติดตลก ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องพยาบาลมาวางที่โต๊ะในครัว เปิดมันออกแล้วใช้สำลีใส่แอลกอฮอล์เช็ดแผลที่ใบหน้ามนนั่น

"ก็...นาย..."ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าของอีกฝ่าย "ไม่ชอบให้ฉันเอาแต่ใจนี่... ฉันก็กำลังพยายามปรับปรุงอยู่นี่ไง" เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ

" ตัวจริงของฉันก็เอาแต่ใจ  "
คิมหันต์ตอบกลับมา " ฉันเปิดเผยตัวจริงที่เป็นแบบนี้แล้ว ฉันจะไม่ถามนายว่ารับได้หรือเปล่า แต่นายเลือกได้ว่าจะอยู่หรือไป “

“ว่าไง? "

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าองอีกฝ่ายนิ่ง ใบหน้าสวยเอียงลงรับสัมผัสจากฝ่ามือของอีกฝ่าย
"ถ้านาย...ยังไม่เบื่อ กับฉันที่เป็นแบบนี้...ฉันก็จะไม่ไปไหน...อีกแล้ว"

คิมหันต์สบตากับอีกฝ่ายนิ่ง นิ้วมือไล้กับริมฝีปากได้รูป

"...ฉันรักนายนะ คิมหันต์ ต้องการนาย... "

" นาย... "

"เรียก อาร์ต สิ " อารยะพูดขึ้นมาเบาๆ เขาไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อเล่นของเขาเลย

" อาร์ต " คิมหันต์เรียกอีกฝ่ายก่อนจะก้มหน้าลงมา ริมฝีปากได้รูปนั้นค่อยๆขยับ .....กระซิบติดริมฝีปากบวมเจ่อนั้น
 " กินยาแก้ปวดซะ พรุ่งนี้ไข้ขึ้นแน่ "

"ฮ่ะๆ " คำพูดของคิมหันต์ ทำให้อารยะหัวเราะออกมาเบาๆ "เรียกเสียดิบดี ...ให้กินยาเหรอ"

" จะไม่กินก็ได้นะ " หนุ่มลูกครึ่งยื่นเม็ดยาและน้ำให้

"โอ๊ะ..โอ้ย" เจ้าของร่างบางที่มีแต่รอยช้ำร้องโอดโอย

" กินเองไม่ได้? " คิมหันต์ถามอย่างรู้ทัน " จะให้ป้อนรึไง? "

"เปล่า... กินเองก็ได้ เอาน้ำมาซิ่ " อารยะเบ้หน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองหาน้ำ

คิมหันต์ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นก่อนจะหยิบยาใส่ปากแล้วดื่มน้ำลงไป ก่อนจะรั้งเอวบางนั้นเข้ามาแล้วป้อนยาให้

อารยะหลับตาลงรับสัมผัสนั้น ก่อนที่จะค่อยกลืนยาที่อีกฝ่ายส่งมาลงไป มือเรียวโอบรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้เล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากบางจะขยับคลี่เป็นรอยยิ้ม
"นี่น่ะหรือคนเอาแต่ใจ...นายก็ยังตามใจฉันทุกที"

" ฉันอยากจูบนายก็แค่นั้น "อีกฝ่ายเถียงกลับมาแทบจะทันที
 " ไปนอนได้แล้วไป "

"ครับๆ...ตามแต่จะรับสั่งครับ"อารยะหัวเราะ "ถ้าอย่างนั้นก็พาคนเจ็บไปนอนหน่อยซิ่"

" ห้องนอน เคยไปแล้วนี่ ไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวตามไป "คิมหันต์ชี้ไปที่ประตูห้องนอนแล้วผละอีกฝ่ายออก

"โธ่...แค่นี้เอง" อารยะเบ้หน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปทางห้องนอน แสงไฟสว่างขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงของเตียงดังขึ้นเบาๆ เมื่ออารยะล้มตัวลงไปนอน

===============

เพียงไม่นานหลังจากนั้น คิมหันต์จึงเดินตามเข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่ แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ
" หลับรึยัง? "

"อืม... " มีเพียงแค่เสียงครางรับจากในลำคอ ดวงตาคู่สวยไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่ายหากแต่ปิดสนิท แต่ใบหน้ามนกลับระบายด้วยรอยยิ้มจางๆ

คิมหันต์ห่มผ้าให้เขาและอีกฝ่ายก่อนจะปิดไฟในห้องนอนของตน เตียงกว่างที่บัดนี้มีคนอยู่ด้วย อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคย แต่เขาจะลองดู

"คิมหันต์... "

“ เรียก คิม สิ ” คิมหันต์เลียนแบบประโยคที่อารยะพูดเมื่อชั่วโมงก่อน พลางลอบยิ้มจากด้านหลัง คำพูดนั้นทำให้หัวใจของอารยะเต้นรัวอย่างมีความสุข

" คิม...อย่าหันหลังให้ฉันอีกนะ... " เสียงของอารยะดังขึ้นเบาๆ พร้อมๆกับมือเรียว ที่ยื่นออกมานอกชายผ้าห่ม

" .............. " ไม่มีคำตอบ มีเพียงอ้อมแขนที่กอดอารยะไว้ใต้ผ้าเพียงเท่านั้น

===============

หนุ่มลูกครึ่งตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ในอ้อมแขนของเขามีคนที่บาดเจ็บซุกตัวกับอก คิมหันต์ขยับตัวออกมาเบาๆ แล้วลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วกลับมาต้มกาแฟในครัว

"อืม... " เสียงร่างบางที่บอบช้ำครางเครือขึ้นเบาๆ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองพลิกตัวไปเจอกับความว่างเปล่า ของเตียงอีกด้าน ความอบอุ่นบนผืนผ้าจางลงไปมากทีเดียว น่าแปลกที่ผิวสัมผัสนั้นทำให้รู้สึกหวั่นใจพิกล

"คิม... " ชายหนุ่มเรียกชื่อของอีกฝ่าย กลิ่นหอมของกาแฟลอยมาแตะจมูก นั่นทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

...อยู่ข้างนอกซิ่นะ...

อารยะค่อยลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนอน แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาทางบานหน้าต่างบานใหญ่ของอพาร์ตเมนท์ของคิมหันต์
"คิม"

" ว่าไง? " หนุ่มลูกครึ่งถามพลางหันมาหา " นอนต่อเถอะ วันนี้วันหยุด "

"ไม่ล่ะ...นอนมากพอแล้ว " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองว่าเดินไปนั่ง ที่โต๊ะทานข้าว สองแขนวางลงบนผิวหน้าของโต๊ะ ก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์ด้านนอก
"รู้สึกเหมือน...ไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว "

" หืม? " คิมหันต์รินกาแฟร้อนใส่แก้วแล้ววางตรงหน้าอีกฝ่าย แล้วยกกาแฟในแก้วของตนขึ้นมาจิบ

"มีความรู้สึกเหมือนไม่ค่อยได้มาที่นี่เลยน่ะ..ช่วงระยะที่ผ่านมา "อารยะว่าพลางหันไปยิ้ม ใบหน้ายังคงมีรอยบอบช้ำจากเหตุการณ์เมื่อคืน

" มาบ่อยๆก็ไม่มีใครว่านี่ "คิมหันต์เบือนหน้าไปอีกทาง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
" เอ้อ วันนี้จะไปบ้านใหญ่..เอ่อ บ้านประธานคนก่อน พอดีถูกเรียกพบน่ะ "

"อ่ะ...เหรอ... " ชื่อบุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยถึงทำให้อารยะถึงกับสะอึกออกมาเบาๆ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองหน้าของอีกฝ่าย

...จะไปทำอะไรเหรอ... ราวกับจะถามออกไปแบบนั้น

คิมหันต์ลุกออกจากตรงนั้นแล้วเดินกลับมาพร้อมกับกุญแจห้องและคีย์การ์ด
" เอ้านี่ เผื่อฉันไม่อยู่จะได้เข้ามาได้ "

อารยะมองสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายนิ่ง ก่อน จะรับมาอย่างอึ้งๆ

...ที่ให้นี่...

"แล้วนายล่ะ..." ทั้งๆที่รู้ก็ยังจะถามออกไปอย่างนั้น ชายหนุ่มร่างบาง หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

" ยังไงคืนนี้ก็กลับมานอนนี่แหละ จะออกไปไหนก็ระวังแผลด้วยละกัน  " คิมหันต์ไม่ยอมตอบคำถามนั้นตรงๆ

"อ่ะ...อื้ม" อารยะยิ้ม พลางก้มลงดูพวงกุญแจที่อยู่ในมือ น่าแปลก ทั้งๆที่เป็นเพียงกุญแจ แต่กลับดูมีค่ามากเหลือเกิน

" จริงๆ ถ้านายไม่เละขนาดนี้ เย็นนี้คงพาไปด้วยนะ ยังไงก็พักผ่อนล่ะ ไม่ต้องรอหรอก " มือแกร่งจับที่หลังคอตัวเอง รู้สึกเขินแปลกๆที่พูดออกไปแบบนั้น

" ไปไหน?" อารยะว่าพลางเอียงคอมองอีกฝ่าย ก่อนจะยกมือขึ้นแตะหน้าตัวเองแล้วหันไปอีกทาง
 "ขอโทษนะ ที่กลายเป็นแบบนี้น่ะ "

" ขอโทษฉันทำไม ตัวของนายเอง ถ้ารู้จักรักตัวเองบ้างก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ "คิมหันต์ใช้นิ้วจิ้มที่รอยช้ำบนใบหน้าของอีกฝ่าย

"โอ้ย เจ็บนะ" อารยะะหันไปมองค้อน... "แล้ว คืนนี้ ก็จะไปที่บ้านของท่านประธานจนดึกเลยเหรอ"อารยะถาม ด้วย นึกอยากจะรู้เหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะไปทำอะไรกันแน่ ภาพของคนๆนั้น มันยังบาดตาบาดใจไม่หาย

" ก็ท่านเรียก อาจจะไม่ดึกมากหรอก "
คิมหันต์ยักไหล่ " จะไปรึไง? "

"ไม่... " อารยะรีบส่ายหน้า "ฉันจะไปทำไมกัน"

" ทำหน้าเหมือนอยากไปด้วย "นิ้วเรียวจิ้มที่ปลายจมูกโด่งของอารยะเบาๆ

"เปล่า นี่...ก็ไม่ได้รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว จะไปเสนอหน้าทำไมกัน...อีกอย่าง วันนี้ ฉันก็อยากจะไปทำอะไรให้มันเสร็จๆไปด้วยเหมือนกัน "อารยะว่าพลางเบี่ยงตัวหลบปลายนิ้วของอีกฝ่าย

" อืม แล้วแต่ ..งั้นเดี่ยวก็แยกไปเลยละกัน "คิมหันต์ลุกจากโต๊ะกินข้าวแล้วเดินเข้าไปแต่งตัวในห้องนอน
ทันทีที่อีกฝ่ายลุกไป ร่างบางเองก็ลุกตาม น่าแปลกที่อยากจะอยู่ใกล้กับคิมหันต์ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เคยมีแม้กระทั่ง ความรู้สึกที่ว่า ไม่อยากจะอยู่ใต้หลังคาเดียวกันเสียงด้วยซ้ำ

....แต่ก็รักไปแล้ว...

"เดี๋ยว จะไปแล้วเหมือนกันล่ะ" ชายหนุ่มว่าพลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของอีกฝ่าย
 "ขอยืมเสื้อผ้าหน่อยได้ไหม...แล้วจะเอามาคืน "

" ตามสบาย " คิมหันต์ว่าก่อนจะถอดเสื้อออกทางศีรษะ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

อารยะมองร่างสูงของอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ตามเนื้อตัวของตัวเองมีแต่รอยฟกช้ำ
"แย่เลย...." ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็น รูปร่างของตัวเองในกระจก ผอม...และฟกช้ำ ดำเขียวไปทั่วตัว ชายหนุ่มเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆของอีกฝ่าย
"ฉันนี่ น่าเกลียดเป็นบ้าเลย"

" โดนมันเล่นงานซะขนาดนั้นนี่  " คิมหันต์ไล้สายตามองอีกฝ่ายแล้วเดินมาซ้อนข้างหลังก่อนจะก้มลงเม้มที่หลังคออีกฝ่ายจนเป็นรอย

"ก็ใช่น่ะซิ่... แต่ก่อนฉันไม่เคยเป็นแบบนี้หรอกนะ อ๊ะ! " ร่างบางสะดุ้งเล็กน้องก่อนจะเอียงคอรับสัมผัส จากอีกฝ่าย
"อืม...เป็นก็เพราะนายนี่ล่ะ... "

คิมหันต์ถอนริมฝีปากออกมาเมื่อฝังรอยไว้ได้สำเร็จ
" อืม.. "แล้วหันไปรื้อเสื้อออกมาให้อารยะ
 " ตัวนี้น่าจะใส่ได้ "

ชายหนุ่มรับเสื้อเชิ๊ต แขนสั้นสีขาวมากจากอีกฝ่าย ดูจะตัวเล็กกว่า ตัวอื่นๆที่อยู่ในตู้
" นี่ ตัวเล็กขนาดนี้... เสื้อตอนเด็กรึไง" อารยะหัวเราะ

" จะใส่ไหม? " คิมหันต์ดึงเสื้อตัวนั้นกลับมา

"ใส่ซิ่..ใส่... นานๆจะได้ยืมเสื้อจากแฟนเสียทีนี่นะ" ชายหนุ่มร่างบางหัวเราะ พลางดึงเสื้อกลับมา สวมเสร็จสรรพ พร้อมกับกางเกง ขาสี่ส่วนที่รื้อได้จากแถวนั้นเช่นกัน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรน่าเขินอายไปเสียแล้ว
" ฉันไปก่อนดีกว่า..." อารยะเดินไปมองหากระเป๋าของตัวเองอย่างร้อนรน ใบหูเล็กบางแดงระเรื่อ
"เอ..กระเป๋าสตางค์ล่ะ... " ชายหนุ่มเดินหันซ้ายหันขวามองหาของของตัวเอง เมื่อคืน ทั้งเมา ทั้งเจ็บตัว จนไม่รู้เรื่องอะไรเลย

" จะให้ไปส่งไหม? " คิมหันต์ถามออกมาอย่างเป็นห่วง " น่วมไปทั้งตัวแบบนี้น่ะ "

"ไม่เป็นไรๆ... นายมีธุระนี่นา... ฉันไปเองได้ ห้องฉันอยู่แค่นี้เอง " อารยะว่าพลางยิ้มในการแสดงออกถึงความเป็นห่วงในแบบของคนรัก ใบหน้าก็ยังคงมีรอยฟกช้ำ อีกหลาย วันคงกว่าจะหาย

" อื้อ งั้นไว้เจอกันละกัน " หนุ่มลูกครึ่งว่าก่อนจะคว้าเอาเสื้อสูทลำลองสีฟ้าอมเทามาสวมอีกชั้น

"อืม เอาไว้เจอกันนะ" อารยะเดินไปที่ประตู ชายหนุ่มหันกลับมามองหน้าของอีกฝ่าย...เจ้าของห้องยังคงยืนอยู่ด้านใน ... น่าแปลกที่ดูห่างไกลเหลือเกิน

...แน่ล่ะ วันนี้ เขามีธุระสำคัญนี่นา...

"ไปก่อนนะ" หนุ่มร่างบางว่าพลางเดินออกจากห้องไป

===============

หลังจากที่ออกจากห้องของคิมหันต์...ชายหนุ่มดูจะไม่สนใจที่จะไปหาหมอเพื่อทำแผลอะไรให้มันดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่ ร่างบาง กลับ ตรงไปที่สถานีรถไฟ และจุดหมายปลายทางที่เดียวที่นึกถึงได้ในตอนนั้น คือ อพาร์ทเมนต์ของเจตน์

... ฉันควรจะเด็ดขาดกับตัวเองเสียที...

===============

talk : ยังคงเป็น คิมหันต์กับอารยะ เช่นเคยค่ะ o18 น่าจะลงตัวแล้ว (หรือยังนะ) สำหรับคู่นี้
ส่วนเจ้าชินคงจะออกเร็วๆนี้ค่ะ โปรดรออ่านกันนะคะ!!
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่28=(14/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-07-2013 16:36:48
เกลียดอารยะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่28=(14/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 14-07-2013 18:23:55
รออ่านค่ะ ว่าอาร์ตจะเด็ดขาดกับเจตน์ได้ขนาดไหน แต่ก็พอนึกออกว่าคิมหันต์ให้บรรยากาศที่ดูเข้าไม่ถึงในบางทีเหมือนกัน

เอาใจช่วยทุกคนในเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่29=(30/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 30-07-2013 14:52:19
=29=

--- RRR---

เสียงออดที่ดังขึ้นหน้าห้องทำให้เจตน์เดินหาวออกมาเปิดประตู " ครับ? "

"อรุณสวัสดิ์...."อารยะว่าพลางยิ้ม

" พี่อาร์ต?.. ให้ตายสิ ไปทำอะไรมา ทำไมเละแบบนี้วะ " เจตน์รีบดึงอีกฝ่ายเข้ามาในห้องสภาพของอารยะทำให้เขาตกใจอย่างมาก

"แฮ่ะๆ...เมาไม่เป็นท่าอีกน่ะซิ่ ถามได้...เจอมาก็หลายรอบแล้ว ไม่ชินอีกเหรอ" ชายหนุ่มร่างบางหัวเราะ

" ชินกับเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ? ว่าแต่ทำแผลมารึยัง? กินอะไรมารึยัง? " เจตน์ถามพลางมองซ้ายมองขวา ด้วยความเป็นห่วงเช่นทุกครั้ง

"อื้ม ทำแผลแล้ว... กินมาแล้วด้วย"อารยะพยักหน้าลงเล็กน้อย
"เมื่อคืน..พอดีมีคนไปช่วยไว้น่ะ "

" พี่คิม? " เจตน์ถามอย่างรู้ทัน
" งั้นเหรอ? " เจตน์พยักหน้าเบาๆ " จะไปอยู่กับพี่คิมแล้วล่ะสิ? "

"ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะว่า ฉันจะเป็นที่ต้องการหรือเปล่า.. " อารยะพูดออกมาเบาๆ มือข้างหนึ่ง อยู่ในกระเป๋ากางเกงกุมกุญแจห้องที่เจ้าของชื่อให้เอาไว้แน่น
"แต่ ฉันก็คิดว่า ฉันเจอคนที่ฉันจะสามารถเรียกว่า "รัก" ได้เต็มปากเต็มคำแล้ว" ดวงตาคู่สวยสบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง

" ที่มานี่ก็เพื่อนที่จะมาบอกเลิกกับผมให้เป็นเรื่องเป็นราวล่ะสิ "ดวงตารีสบตากับอีกฝ่าย เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเลย
อารยะ พยักหน้าลงข้าๆให้กับคำพูดนั้น

"ฉันรู้ว่า ฉันทำตัวไม่ดี...ฉันอาจจะเคยทำให้นายเสียน้ำใจ...เจ็บใจ... เสียใจ... ฉันอยากจะขอโทษ...ทั้งหมดแล้ว มันก็เป็น ความเอาแต่ใจของฉันที่อยากจะตามหาใครซักคนที่คิดว่าใช่ "

" อืม..โชคดีก็แล้วกัน  " เจตน์พยักหน้าเบาๆ น่าแปลกที่เขากลับยอมรับมันได้อย่างง่ายๆ

 ... คนที่คิดว่าใช่งั้นเหรอ?...

"นายเอง... ก็มีคนทีนายคิดว่าใช่อยู่ใช่ไหมละ" อารยะว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

" แต่ผมก็อาจจะไม่ใช่คนที่เขาต้องการก็ได้นี่ " เจตน์ตอบกลับมาแทบจะทันที ในในหัวของเขานึกถึงเพียงแต่คนที่อยู่กับหญิงสาวสวยของแผนกเลขาคนนั้นเท่านั้น

"...." ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้อารยะยิ้ม มันทำให้เขานึกถึง ท่าทีของเจตน์ในตอนแรกๆที่ได้รู้จักกัน
"ถ้าไม่ถาม ถ้าไม่บอก แล้ว จะได้รู้กันไหมล่ะ "

" นั่นสินะ "  เจตน์พยักหน้าลง คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขาตัดสินใจได้เสียที
" พี่จะกลับเลยรึเปล่า จะให้ไปส่งไหม ที่ห้องพี่คิมน่ะ? "

ปรกติแล้วเขาคงจะอ้อนให้อีกฝ่ายไปส่ง แต่น่าแปลกที่คราวนี้ อารยะกลับส่ายหน้า
"ไม่เป็นไรหรอก..นี่ก็ยังกลางวัน ฉันไม่ไปเมาตกท่อที่ไหนแน่ล่ะ...นี่ว่าจะไปหาหมอด้วย...ก่อนไปที่ห้องเขาน่ะ" ชายหนุ่มว่าพลางลุกขึ้น

" จะย้ายของเมือ่ไหร่ก็บอกผมนะ จะได้ไปช่วย " เจตน์เดินไปส่งที่ประตู แต่ก็ยังไม่วายแซวเรื่องของรุ่นพี่จนได้

"ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า... " อารยะว่าพลางหันไปตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ
"...ขอบใจมากนะ...ที่..ช่วยดูแลมาตลอด.. ขอโทษที่รบกวนด้วย" ชายหนุ่มร่างบางบอกกับฝ่าย

" ไม่เป็นไรครับ "  เจตน์เดินไปส่งก่อนจะเปิดประตูให้ " หายเร็วๆนะ "
"อืม..ขอบใจนะ" อารยะรับคำ ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมาเมื่อประตูห้องปิดลง

...จบลงแล้วซิ่นะ...

ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็รู้สึก โล่งอย่างบอกไม่ถูก มันนานแค่ไหนกันที่เขาต้องทนกับความรู้สึกอึดอัด กับการปิดบัง และ การปั้นหน้าหลอกลวง ทั้งตัวเอง และ คนอื่น

...แต่ตอนนี้มันจบลงแล้ว...

อารยะยิ้ม ก่อนจะเดินไปยังลิฟท์ เพื่อลงไปข้างล่าง

===============

"บ้านคุณนี่...หลังใหญ่ จัง" เสียงทุ้มของชายชาวอเมริกัน ที่ บุตรชายคนโตของตระกูลดัง พามาที่บ้านหลังจากกลับจากอเมริกา ดังขึ้นเบาๆ
" แน่นอน บ้านฉันนี่นา มาเถอะ " มือเรียวดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามเขาให้เข้ามาในบ้าน 

" ให้แขกใช้ห้องนอนทิศตะวันออกนะ ติดกับห้องฉันน่ะ " ธาวินสั่งการแม่บ้าน ซึ่งเธอเองก็รับคำแล้วเดินไปอย่างรู้งาน

"พูดว่าอะไร... " เอริคว่าพลางหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย

" ให้นายมานอนห้องใกล้ๆฉันไงล่ะ " ธาวินยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์
 " นอนด้วยกันไม่ได้หรอกนะ เรื่องเราน่ะ ความลับ "

"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา... " เอริคยิ้ม "ห้องไหนก็ได้อยู่แล้ว " ใบหน้าคมก้มลงไปใกล้กับใบหน้าของอีกฝ่าย กระซิบให้รู้ความหมายกันเพียงสองคน

"อื้อ  คิมจะมาแหละ "หนุ่มร่างเล็กบอกกับเอริค " อยากเจอใช่ไหมล่ะ? "

"อื้ม " เอริคยิ้มร่า "อยากเจอเหมือนกัน คนที่คุณเรียกว่า "ลูกหมา"น่ะ... ท่าทางจะน่าสนใจ "

" เล่นได้แต่ห้ามแกล้งด้วย ฉันแกล้งหมอนั่นได้คนเดียว " นิ้วเรียวจิ้มข้างแก้มคนรักเบาๆ

"ว้า... แย่จริง" เอริค หัวเราะเบาๆ "ผมไม่เล่นหรอก... คนใหม่ อย่างผม...กลัวเขาจไม่คุ้น มากัดเอาน่ะซิ่"

ท่าทางแบบนั้นของนักร้องหนุ่มชื่อดังทำให้ธาวินหันซ้าย ขวา ก่อนจะโน้มคออีกฝ่ายลงมาจูบเบาๆ
" มันไม่กัดนายหรอก มันมีเจ้าของใหม่แล้ว "

"เหรอ... แบบนั้นก็ดี... เพราะ เจ้าของเก่าคนนี้ ผมก็จองแล้วเหมือนกัน" เอริควาพลางโอบเอวบางจองอีกฝ่ายเข้ามาใกล้

" ฉันจะพาขึ้นไปดูห้องดีไหม? ตอนนี้ห้องนายแม่บ้านคงจัดการให้อยู่ ถ้าไงไปอยู่ห้องฉันก่อนก็แล้วกัน " ริมฝีปากบางกระซิบติดใบหูอีกฝ่ายอย่างยั่วเย้า

"ชัวร์... ตื่นเต้นจัง" เอริคว่าพลางถูกมือกับอกเสื้อของตัวเอง "เหมือนมาบ้านแฟนตอนเดทครั้งแรก "

" งั้นก็มาสิ " มือเรียวจูงเอริคขึ้นไปบนห้องตนเอง

==================

คอนโดของชินดนัยที่ไม่ได้มาเหยียบนานมากแล้ว เจตน์ยืนนิ่งอยู่ที่ด้านล่างของอาคารอย่างครุ่นคิดก่อนที่ช่วงชายาวจะเดินขึ้นไปตามบันได ตามทางเดิน จนกระทั่งหยุดที่หน้าประตูห้อง

นิ้วเรียวกดออดที่หน้าห้องของเพื่อนสนิท

"ครับ... " เสียงฝีเท้าหนักๆดงขึ้น ก่อนที่บานประตู จะเปิดออกรับ แขก

"อ้าว...เจตน์...ไปไงมาไง เนี่ย "

" เอ่อ ..กูมีเรื่องจะคุยกับมึง " หนุ่มร่างสูงไม่รู้จะพูดอะไร ดวงตารีสบตาอีกฝ่ายนิ่ง
แต่ก็ต้องเสมองไปทางด้านในของห้องที่ เมื่อเขาได้ยินเสียงอุทานของผู้หญิงตามมาด้วยเสียงตะหลิวกระทบกับกะทะ

"เข้ามาดิ่... " ชินดนัยว่า เขาเองก็ไม่รู้จะทำหน้า ยังไง...ดูท่าทางเพื่อนเขาจะกำลัง...ทุกข์ใจ?...ไม่ซิ่ สีหน้าแบบนี้มันเหมือนกำลังอึดอัดอะไรบางอย่างมากกว่า

" คือ.. " เจตน์ไม่รู้จะทำอย่างไร เขามาที่นี่โดยที่ไม่มีแผนสำรองอะไรไว้เลย เขาคงจะลืมไปจริงๆว่าชินดนัย กำลังคบหากับหญิงสาวสวยแผนกเลขาอยู่

" อ้าว คุณเจตน์ " หญิงสาวผมสีน้ำตาลเดินออกมาจากครัวในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูอ่อน " สวัสดีค่ะ ทานข้าวหรือยังคะเนี่ย? "มือเรียวจับแขนของคนรักร่างท้วมไว้พลางยิ้มให้

"อ่ะ...วันนี้ เอิร์นเขามาทำกับข้าวให้น่ะ" ชินดนัยยิ้ม "กินด้วยกันไหมล่ะ"

" เอ่อ คือพอดีกู... " เจตน์อ้าปากจะปฏิเสธ แต่รอยยิ้มของอิศราภรณ์ทำให้เขาต้องเงียบ

"เอาน่า...เข้ามาๆ " ชินดนัยยิ้มพลางดึงแขนเพื่อนร่างสูงเข้ามา น่าแปลกที่ระยะหลังๆ เขารู้สึกว่าไม่ได้สัมผัสร่างของอีกฝ่ายแบบนี้ซักเท่าไหร่นัก

" งั้นผมขอชิมฝีมือคุณเอิร์นด้วยนะครับ " เจตน์ก้มศีรษะให้หญิงสาวเล็กๆอย่างมีมารยาท แล้วเดินเข้าไปในห้องของชินดนัยที่ราวกับว่านานเหลือเกินที่ไม่ได้มาที่นี่เลย อาจจะเป็นเพราะทุกอย่างดูแปลกตาไปหมดกับสิ่งที่คงจะเป็นหญิงสาวคนนี้ที่ทำมาตกแต่งห้องให้ชินดนัยเสียใหม่ ส่วนอิศราภรณ์ก็ขอตัวไปจัดการอาหารในครัวต่อ



"มองอะไรเล่า..มานั่งนี่มา" ชินดนัยหัวเราะกับท่าทางของเพื่อน พลาง ตบลงตรงเบาะนั่ง ข้างๆเขา

"เปล่า  กูนึกว่ามึงอยู่ห้องใหม่  " เจตน์แซว แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้ดีใจกับการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นนี้เลย

"โธ่เอ้ย ยังไงก็ไม่รกเหมือนห้องมึงล่ะวะ" ชินดนัยว่าพลางใช้มือหนาตบลงบนไหล่ของอีกฝ่าย

" เอ่อ..แล้วนี่ตกลงคบกันแล้วเหรอ? " เจตน์เปลี่ยนเรื่องพลางหลบแรงที่ตบลงมาที่ไหล่

"ก็...เอ่อ..." จะพูดว่า "ตกลง" ไหมมันก็ไม่เชิง...แต่หลังจากที่ความสัมพันธ์มันมากไปกว่าเพื่อนร่วมงานเมื่อตื่นขึ้นมาพบกับตัวเองมีหญิงสาวสวยคนนี้ อยู่ในอ้อมกอด...อะไรๆมันก็ดูจะเปลี่ยนไป
ชินดนัยอึกอัก เล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงรับโดยดี
"ก็ได้เขามาดูแล คนอ้วนๆแบบกูนี่ล่ะ...ใช่ไหม" ว่าแล้วก็หันไปหาหญิงสาวที่ยังอยู่ในครัว

มือแกร่งกำแน่น " โชคดีแฮะ ไอ้อ้วน... กูเลยแห้วเลย " ดูเหมอืนประโยคหลังเขาจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า

"แห้ว?...อะไรวะ...เฮ้ย ชอบเอิร์นเหรอ" ชินดนัยพูดไปเรื่อย

" เฮ้ย ไม่ใช่! " เจตน์ปฏิเสธเสียงดัง รู้สึกเจ็ลแปลบๆที่อีกฝ่ายเรียกชื่อผู้หญิงที่เพิ่งจะเอาอาหารมาวางอย่างสนิทสนม
นี่ก็คงจะ..ไปถึงไหนๆกันแล้วล่ะมั๊ง

"อ้าว..แล้วอะไรอ่ะ"ชินดนัยว่าพลางรับจานจากอายะมาส่งให้กับอีกฝ่าย

" ไม่มีอะไร กินเหอะ " เจตน์ตักบทก่อนจะตักข้าวใส่ปาก ที่จริงอาหารของหล่อนควรจะอร่อย ถ้าเขาไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้

......อกหัก.........

ท่าทางแบบนั้น มีหรือจะปิดเพื่อนที่คบกันมานาน คนนี้ได้

"ไว้...เราไปส่งเอิร์นที่สถานีด้วยกันก็แล้วกันนะเจตน์...คืนนี้มึงค้างกับกู " ชินดนัยรวบรัด
เจตน์ก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองไปโดยที่ไม่พูดอะไร ลิ้นของเขาแทบจะไม่รุ้รสแล้ว

==================

เมื่อมื้ออาหารที่เงียบเชียบเสร็จสิ้นลง ชินดนัยพูดโน้มน้าวให้อิศราภรณ์กลับบ้านได้สำเร็จ ทั้งสองคนเดินไปส่งหญิงสาวที่สถานี ก่อนจะใช้โอกาสในขากลับ เพื่อที่จะพูดคุย...เหมือนอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้

"มีอะไร ไม่สบายใจ รึเปล่า " ชินดนัยถามขึ้น ดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มร่างท้วมจ้องมองที่ปลายเท้าเมื่อพวกเขาเดินเลาะริมถนนมาเรื่อย

" เอาเบียร์หน่อยไหม? " เจตน์ถามแต่ก็เดินเลี่ยงไปยังร้านสะดวกซื้อ ได้เบียร์มาสองกระป๋องใหญ่

"อืม...มึงนี่รู้ใจกูดีจริงๆ " ชินดนัยว่าพลางหัวเราะ รับกระป๋องเบียร์เย็นๆมาจากอีกฝ่าย

" เผื่อเมาแล้วกูจะได้กล้าขึ้นมาไง " เจตน์ว่าก่อนจะยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่ม

"กล้าอะไร?....ทะเลาะอะไรกับพี่อาร์ตเขาอีกล่ะ " ชินดนัยพาลคิดไปเรื่อย เพราะเจตน์ก็หาเรื่องเมาแบบนี้ทุกที

" กูเลิกกับเขาแล้ว " เจตน์ตอบกลับมาสั้นๆแล้วดื่มเบียร์ไปอีกอึกใหญ่

"อ้าว...ไหงเป็นงั้นล่ะ....อ้อ... "ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่า อารยะนั้นดูจะโอนเอียงให้กับทางคิมหันต์อยู่ ก่อนแล้ว
ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ
"เอาน่า...เพื่อนกูหล่อ เดี๋ยวหาได้ดีกว่านี้อยู่หรอก "ชินดนัยว่าพลางเดินเข้าไปโอบไหล่เพื่อนเบาๆเป็นการปลอบใจ

...ที่แท้ก็อกหักจากพี่อาร์ตแล้วนี่เอง....

ขณะที่กำลังปลอบเพื่อน ใจส่วนหนึ่งก็ปลอบตัวเองอยู่ด้วยเช่นกัน

...แบบนี้ คืนนั้น ฉันเองก็ไม่น่า...
 
" กู..ต้องบอกมึงบางอย่างนะ แต่...พอเห็นมึงตอนนี้แล้ว กูไม่แน่ใจว่าจะบอกดีมั๊ย " เสียงห้าวนั้นแหบแห้ง

"บอกอะไรวะ..."ชินดนัยชักจะงง กับท่ทางของเพื่อน "คบกันมาตั้งป่านนี้ มีอะไรก็บอกกันได้...." ชินดนัยหัวเราะเบาๆ

เจตน์หันมามองหน้าอีกฝ่าย




" อ้วน ... กูชอบมึง "




talk : ในที่สุดก็มีวันนี้นะคะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่29=(30/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 30-07-2013 23:17:14
บอกทีว่าชินโดนยาสลบ ไม่ได้นอนกับเลขาจริงๆ

จะรับไม่ได้มากมายถ้าคนอย่างอารยะมีความสุข แต่ชินไม่สมหวังอ่ะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่29=(30/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 31-07-2013 01:23:26
อ่าน อ่าน ก่อนจ๋า
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่30=(10/08/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 10-08-2013 23:38:53
=30=


"..........................." ชินดนัยกระพริบตาถี่ๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะอ้าปากออกเล็กน้อย
"หะ?"

" เออ กูบอกว่ากูชอบมึง พูดจริงๆนะเว้ย " มือแกร่งตบที่บ่าของเพื่อนอย่างแรง

"มึงเนี่ยนะ....ชอบคนอย่างกู " ชินดนัยชี้นิ้วสลับกับตัวเอง

...พระเจ้า นี่มันบ้าอะไร...

"มึงแค่อกหักจน...เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวะ... "ชินดนัยพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่เต้นในอกของตัวเอง

" กูขอถามมึงหน่อย มึงใช่ไหมที่เป็นคนเชียร์พี่อาร์ตให้กู? " เจตน์ถามเสียงเรียบ

"เออ...อื้ม...กูนี่ล่ะ...ที่เชียร์" ชินดนัยพยักหน้ารับอ้อมแอ้ม

...เจ็บชิบหายก็เถอะ...

" มึงบอกว่าพี่เขาเป็นคนดี กูก็เลยลองคบดูก็แค่นั้น "เจตน์ยักไหล่ เหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ

"กูก็อยากจะเห็นมึง มีความสุข..." หนุ่ม่างท้วมย้ำคำพูดของตนเอง

เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ " ทำไมมึงต้องคิดแทนกูด้วยวะ อ้วน กูที่อยู่กับมึงไม่ใช่คนดิบดีอะไร มึงก็ยังรับกูมาได้จนทุกวันนี้ ไม่ว่ากูจะไปหาใครสุดท้ายกูก็ต้องกลับมาหามึงไม่ใช่รึไง? "

"ก็เพราะกุชอบมึง...เหมือนกัน" ชินดนัยตอบเสียงเบา

เจตน์เลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปหาอีกฝ่าย
" มึงว่าอะไรนะ?? "

"โอ้ย...แล้วมันจะมีไอ้บ้าหน้าไหนที่ทนมึงได้ขนาดนี้วะ...กูชอบมึง ไม่ชอบมึงกูก็ไม่ทนคบกับมึง ดูแลมึง แบบนี้หรอกโว้ย" ชินดนัยเองเมื่อได้ยินอีกฝ่ายระบาย ทีนี้มันก็ถึงเวลาของเขาต้องระบายออกมาบ้างแล้ว
"แต่มึงดูกูซิ่...อ้วนฉิบหายแบบนี้ หล่อก็ไม่หล่อ พ่อก็ไม่รวย... ไม่มีอะไรดีเลย ...ก็จะกล้าเสนอตัวเองเรอะ กูก็ต้องเสนอคนที่กูคิดว่าดีเด่ะ"

" แต่มึงก็มีแฟนแล้วนี่? นี่คงนอนด้วยกันแล้วใช่ไหม? เขาถึงเกาะมึงแจแบบนี้?? "
เจตน์เองก็โวยวายใส่อีกฝ่าย ความรู้สึกที่เขาอึดอัดมาตลอดหลายชั่วโมงที่กลายเป็นส่วนเกินถูกระบายออกมา

"เออ... วันนั้นกูเมา...เห็นมึงกลับไปทำดี กับพี่เขานั่นล่ะ กูเลยเมาเละ...ตื่นมาอีกที ก็เป็นแบบนั้นแล้ว..." ชินดนัยเดินไปพิงรั้วข้างทาง รู้สึกเหมือนกับว่าขาไม่มีแรง ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

....เอ้อ...กูเนี่ยละน้า....

" นั่นกูก็ผิดเอง..ที่เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ ช่างเถอะ กูแค่อยากจะบอกมึงก็เท่านั้นเอง " เจตน์ว่าก่อนจะปากระป๋องเบียร์ลงถังขยะ
" กูกลับห้องนะ "

"งั้นก็เป็นกูเองที่ไม่ได้บอกมึงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้" ชินดนัยเองก็ปากระป๋องเบียร์ไปลงถังเหมือนกัน ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไป
"แล้วมาบอกกันตอนนี้...พวกเราจะทำอะไรได้วะ"

" ที่กูควรทำกูก็ทำแล้ว .. ที่เหลือก็แล้วแต่มึง " นิ้วเรียวจิ้มที่อกของอีกฝ่ายเบาๆ

"ไม่รู้ว่ะ" ชินดนัยยักไหล่
"ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ กูเอง คนตอบมึงได้ทันทีทันควันเลยที่บังเอิญมาใจตรงกันแบบนี้...แต่ตอนนี้...กูก็ลูกผู้ชายคนนึงเหมือนกัน... ขอกูคิดดูก่อนก็แล้วกัน" ชินดนัยว่าพลางยิ้มให้กับอีกฝ่าย ไม่ได้รู้สึกสบาย และแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นทุกข์มากจนเกินไปนัก...เพราะอย่างน้อยที่สุดแล้ว พวกเขาก็คิดตรงกัน

" อืม กูเข้าใจ ..วันนี้มึงนอนคิดไปเถอะ กูจะกลับห้องแล้ว "ริมฝีปากได้รูปนั้นยิ้มให้อีกฝ่าย มือแกร่งขยี้ผมของชินดนัยเบาๆแล้วเดินกลับไปยังสถานีรถไฟ

"เออ...เจอกัน" ชินดนัยโบกมือใหกับอีกฝ่าย พลางยิ้มออกมาเหมือนกัน

=================

"เอ่อ..... Hi" ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่มองซ้ายขวา หาคนช่วยบอกให้รู้ทีว่า คนตรงหน้าของเขาคือใคร...เมื่อหาไม่ได้ เอริค จึงเอ่ยทักออกไป

...หน้าตาแบบนี้...

"What can I help you,Mister?"

หนุ่มลูกครึ่งผมสีเข้มเงยหน้าขึ้นมองคนที่เพิ่งเดินลงบันไดมา

...ฝรั่ง ผมสีเข้ม ...แฟนคุณวิน?..

" Where is he?.. I mean Khun Tawin"

"Urr... He's upstairs...taking a rest, you know the jet lack stuff."เอริค ยิ้ม ก่อนจะเดินลงมาหาอีกฝ่าย มือของนักดนตรีหนุ่มยื่นไปทักทาย

"I'm Eric. I'm Tawin's friend from New York. Nice to meet you."

" Boyfriend? " คิมหันต์ถามย้ำออกไป ดวงตาสีนิลจ้องกับอีกฝ่ายนิ่ง มือแกร่งจับกับมืออีกฝ่ายเป็นการทักทาย

".........." เอริค ทำหน้าไม่ถูกเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกคนที่เพิ่งจะเคยเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกถามแบบนี้
"If that's what you'd like to call." เอริค หัวเราะออกมาเบาๆ


(ขอปรับเป็นโหมดภาษาไทยนะคะ เพราะว่าคุยยาวมาก)

" คุณวินบอกผมว่าคุณเป็นแฟนเขา เมื่อวานนี้ " คิมหันต์ตอบกลับมา
" ผมคิมหันต์ เป็นน้องชายบุญธรรมของเขา "

"คิมหันต์?...โอเค ผมเข้าใจแล้ว" เอริคยิ้ม
"ผมได้ยินเรื่องของคุณมาบ้าง...ดีใจ ที่ได้พบตัวจริงเสียที" ชายหนุ่มว่า ก่อนจะหันไปมองที่โซฟาแล้วหันมามองหน้าของอีกฝ่าย
"ผมรู้ว่า ผมไม่ใช่เจ้าของบ้าน ...ไม่ได้อยู่ในสถานะ...แต่...ผมว่าเรานั่งกันดีกว่า" ว่าพลางก็ผายมือไปพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟา

" คุณวินคงไม่ชวนคุณทำอะไรแผลงๆหรอกนะครับ " คิมหันต์นั่งลงที่โซฟา

"ครับ?" เอริคหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจนัก

...พามานี่ยังแผลงไม่พออีกหรือ?...

" ไม่มีอะไรหรอกครับ " คิมหันต์หัวเราะออกมาเบาๆ
" ดูเหมือนคุณวินจะเปลี่ยนไป..ในทางที่ดีขึ้นนะครับ "

"เหรอครับ...อาจจะเป็นเพราะการไปอยู่ต่างประเทศคนเดียว...มันอาจทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป " เอริคพูด ถึงจะรู้ว่า บางส่วนที่เปลี่ยนไปนั้นเป็นเพราะตัวเอง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา

" เอาแต่ใจมากไหมครับ  เวลาอยู่กับคุณน่ะ? "คิมหันต์เองก้อยากรู้ว่าเอริคทำยังไงธาวินถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้

"อืม...ยังไงดีล่ะครับ...จะว่าแบบนั้นก็ใช่" เอริคหัวเราะนึกสงสารคนที่นอนอยู่บนบ้านไม่น้อย ที่กำลังโดนพูดถึงตอนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องแบบนั้น

" แล้วตอนนี้กำลังทนอยู่หรือเปล่าครับ? ผมแปลกใจมากนะที่คุณวินพาคุณมาอยู่บ้านใหญ่แบบนี้  " คิมหันต์สบตาเอริคอย่างต้องการจะค้นหาความจริง
" แสดงว่าเขากำลังจริงจังกับคุณมากนะครับ "

"ความสัมพันธ์ของเรา...มันอาจจะเรียกได้ว่าผ่านช่วงที่ดี และ ช่วงที่แย่ที่สุดไปแล้ว...จากนี้ไปมันกำลังจะเริ่มต้น..."เอริคยิ้มพลางประสานมือเข้าหากัน
"ผมคิดว่าผมรู้ว่าเขารู้สึกยังไง...เขาถึงได้พาคนแบบผมมาในที่ของเขาแบบนี้" ชายหนุ่มว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองเพดานที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามของคฤหาสน์ตระกูลดัง 

"คุณคิดแบบนั้น เหรอครับ " หนุ่มลูกครึ่งประสานมือตนเองลงกับตักแล้วพังพนักเก้าอี้โซฟา เขามองดูชายหนุ่มชาวอเมริกันร่างสูงใหญ่คนนี้นิ่ง

"ใช่ครับ "เอริคตอบกลับไปทันที

คำตอบที่ได้รับจากเอริคทำให้คิมหันต์ยิ้ม
 " จากนี้ไปต้องฝากให้คุณดูแลพี่ชายของผมด้วย "

"คุณไว้ใจผมได้เลย... " เอริคตอบพลางยิ้ม ต่อให้อีกฝ่ายไม่ต้องพูดเขาก็ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว

=================

" นั่งนินทาอะไรกันๆ " เสียงใสของคนที่เดินบันไดลงมาดังขึ้น พลางเปิดปากหาว

"กำลังคุยเรื่องคุณน่ะ" เอริคหันไปยิ้มให้กับคนที่เดินลงมา

" อ้าว ทำไมไม่พาคุณอารยะมาด้วยล่ะ? " ธาวินแซวน้องชายบุญธรรมพลางนั่งลงข้างๆเอริค

คิมหันต์ยิ้มน้อยๆแทนคำตอบ ก่อนจะเอ่ยถาม
" มาคนเดียวครับ ว่าแต่ คุณวินมีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ? "

" ไปนิวยอร์กับฉันไหม? " ธาวินพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เขาตั้งใจจะให้เอริครับรู้ด้วย
" ตอนนี้เราต้องการฝ่ายประสานงาน มาคิดดูแล้วคนที่เก่งการเจรจาอย่างนาย ฉันคงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว "

........นิวยอร์ก........

คิมหันต์นิ่งไปทันที ใช่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเลย แต่ตอนนี้...

" ผม................. คงต้องคิดดูก่อน "

เอริค นั่งฟังการพูดคุยของทั้งสองคนไปเงียบๆ...

....ท่าทางจะเชื่องแล้ว อย่างที่ว่านะ...

" อย่านานละ เอริคจะโปรโมทเพลงที่เมืองไทยนี่อาทิตย์นึง ฉันจะอยู่แค่อาทิตย์เดียวนะ "
ธาวินหันไปทางเอริค เมื่อนึกขึ้นได้ “ พรุ่งนี้จะไปยังไงน่ะ ให้คนรถไปส่งไหม? ”

"เอ่อ... แจ๊คบอกว่า เดี๋ยวจะส่งรถมารับ..."เอริคว่าพลางพยายามนึกถึงสิ่งที่ผู้จัดการของเขาบอก ก่อนที่จะแยกกันหลังจากที่เขาขอตัวออกมาจากโรงแรมที่ทุกๆคนพัก
"ซัก....9โมงมั้ง"

" โอเค.... ไว้จะแวะไปดู " ธาวินแตะมืออีกฝ่ายไว้เบาๆแล้วยิ้มให้ ภาพรอยยิ้มอย่างมีความสุขชนิดที่คิมหันต์ไม่เคยเห็นทำให้เขาต้องยิ้มตาม

" ผมเข้าไปในครัวหน่อยดีกว่า ตามสบายนะครับ " พูดจบก็ปลีกตัวเข้าไปในครัวของบ้าน นานแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาที่นี่เลย คงนานพอๆกับที่ธาวินไปนิวยอร์ก

"เขาก็ดู...อืม...นิสัยดีนะ...แต่...รู้สึกว่าจะตรงๆ กว่าผมที่เป็น อเมริกันเสียอีก"เอริคว่าพลางหัวเราะออกมาเยา ๆ

" ก็ดีขึ้นเยอะ ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะเลยละ " ธาวินยิ้มอย่างดีใจที่น้องชายของเขาเปลี่ยนไปเสียที

"ท่าทางเขาจะเป็นห่วงคุณมาก"

" ก็เขาเป็นน้องชายนี่ ... นี่ หึงใช่ไหม? " ธาวินเปลี่ยนมานั่งที่ตักของอีกฝ่าย นิ้วเรียวจิ้มที่ปลายคางคนตัวโตกว่าเบาๆ

"ผมเชื่อคุณ"เอริคตอบสั้นๆ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ
"หรือคุณไม่"

" จนขนาดนี้แล้วนะ ... ฉันให้นายเต็มร้อยอยู่แล้วล่ะ  " ริมฝีปากบางแตะกับเอริคเบาๆ แล้วละออกมา

"นั่นล่ะ "เอริคว่าพลางทำนิ้วเหมือนปืนยิงไปที่อีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่

=================

หนุ่มลูกครึ่งกลับมาที่คอนโดของตนเองในเวลาที่ค่อนข้างดึกพอสมควร กว่าธาวินและพ่อบุญธรรมของเขาจะปล่อยตัวมาก็แทบจะเรียกได้ว่าโดนซักเสียสะอาดเลยทีเดียว เพราะนานมากแล้วที่คิมหันต์ไม่ได้กลับไปที่บ้านใหญ่เลย
มือแกร่งกดออดที่หน้าห้องตนเอง

"กลับมาแล้วเหรอ" บานประตูเปิดออกพร้อมกับร่างบางของอารยะ ใบหน้าสวยนั่นมีผ้าพันแผลปิดอยู่

" อื้ม กลับมาแล้ว " คิมหันต์ตอบก่อนจะชูถุงของกินแล้วยื่นให้อีกฝ่าย " ถ้ากินอะไรแล้ว ค่อยเก็บไว้กินพรุ่งนี้ "

อารยะยิ้มพลางรับถุงมาจากอีกฝ่าย
"ฉันเอาไปเก็บให้ "

" นี่..อาบด้วยกันไหม? " คิมหันต์ถามออกมาลอยๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

"...เอ่อ... "อารยะค่อยเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน "ก็กะว่าจะอาบ เหมือนกัน "
ชายหนุ่มว่าพลาง ปลดกระดุมเสื้อออก

=================

หนุ่มลูกครึ่งเดินไปเปิดน้ำลงในอ่างก่อนจะเข้าไปในโซนเปียก เปิดฝักบัวรดศีรษะแลัวถอนหายใจออกมา

"เป็นอะไร... " เสียงนุ่มของอารยะ ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องน้ำ ร่างบางมีเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนเล็กพันกาย

" เข้ามาสิ " เสียงสะท้อนภายในห้องน้ำ มือแกร่งเสยผมที่เปียกอยู่ของตนไปไว้ด้านหลัง

อารยะมองภาพนั้นนิ่งก่อนจะเสมองไปอีกทาง นานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่ได้เห็น ร่างกายสมส่วนของอีกฝ่ายแบบนี้

" อาบให้หน่อยได้ไหม? " คิมหันต์เอ่ยขอเมื่อเห็นอารยะยังคงอยู่ที่เดิม

"อ่ะ...อื้ม เดี๋ยวจะถูหลังให้ก็แล้วกัน" อารยะตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินประโยคนั้น พลางเดินเข้าไปอยู่ใต้สายน้ำเช่นเดียวกับอีกฝ่าย มือเรียวไล้เบาๆบนแผ่นหลังขาวกว่าคนเอเชียทั่วไปอย่างเขา ก่อนจะหยิบสบู่ขึ้นมาไล้เบาๆ จนเกิดฟอง
"มีอะไรรึเปล่า... ดูนายไม่สบายใจเลย"

" พอดี มีอะไรที่ต้องคิดน่ะ " คิมหันต์จับมืออีกฝ่ายให้เปลี่ยนเป็นกอดเขาไว้จากด้านหลัง 
" ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้อยู่กับนาย ก็คงไม่ได้ต้องคิดมากขนาดนี้ "

มือเรียวของชายหนุ่มละออกจากผิวกายของอีกฝ่าย คำพูดของคิมหันต์ทำให้เขาแปลกใจ..และความรู้สึกเจ็บลึกๆภายในอกที่คงเรียกได้ว่าคืออาการน้อยใจ
"ฉันทำให้นายลำบากใจเหรอ..."

คิมหันต์หันหลังไป แล้วใช้มือทั้งสองข้างล้อมกรอบร่างนั้นไว้ " นาย........... "
หนุ่มลูกครึ่ง ทำท่าจะพูดออกมาแต่ก็กลับปล่อยมือเสีย ร่างสูงของคิมหันต์ลงไปในอ่างอาบน้ำที่เปิดน้ำไว้จนเต็ม

"ขอโทษนะ.." อารยะเบือนหน้าไปอีกทาง จัดการอาบน้ำตัวเองจนเสร็จ ก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่รออีกฝ่ายเลย

=================

อารยะนั่งอยู่บนเตียงโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว เขาไม่ได้คิดจะเช็ดผม หรือตัวเองให้แห้ง ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขาเป็นกังวล ยิ่ง มีเรื่องของธาวินคนนั้นด้วย มันทำให้รู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีก

"หรือว่าเขาจะกลับไปคืนดีกัน... ธาวินกลับมาเพราะเรื่องนี้เหรอ?"

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น คิมหันต์เดินมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเอาผ้าเช็ดตัวแห้งๆ เช็ดผมให้เบาๆ
" ..นายย้ายมาอยู่ที่นี่ไหม อาร์ต? "

"เอ๊ะ?... "

" ฉันถามว่า นายจะย้ายมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า? " ดวงตาสีนิลสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง ดวงตาคู่สวยแบบชาวตะวันตกนั้นมองใบหน้าสวยของคนรักนิ่ง สายตาที่ปรารถนาให้อารยะมาอยู่ข้างๆ..

"ก็...ถ้านายอนุญาต ฉันก็อยากจะอยู่ใกล้ๆ กับคนที่ฉัน.... รัก" อารยะตอบใบหน้าที่กำลังส่งรอยยิ้มให้กับอีกฝ่ายแดงระเรื่อ

คิมหันต์ยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะนั่งชันเข่าลงตรงหน้าอารยะ แล้วจูบเบาๆ
" เคยไปนิวยอร์กไหม? "

อารยะหัวเราะออกมาเบาๆกับคำถามนั้น
"ไม่เคย...ถามทำไม"

" ฉันก็ไม่เคยไป " มือแกร่งไล้กับผิวแก้มที่ยังแดงระเรื่อนั้นเบาๆ
ท่าทางของอีกฝ่ายนั้นแปลกไป ..."มีอะไรล่ะ... บอกมาซิ่"อารยะว่าพลางเอียงคอลงรับสัมผัสอุ่นนั้น

" ถ้าไปที่นั่น ก็อาจจะได้ใช้ความสามารถมากกว่านี้ก็ได้ .. คุณวินบอกมาแบบนั้น .. เขาอยากให้ฉันกลับไปกับเขาด้วย "

"ไปไหน....นิวยอร์คเหรอ?" คิ้วเรียว ขมวดเข้าหากันแทบจะทันที

" ไปทำงานที่สาขานิวยอร์ก "คิมหันต์สบตากับอีกฝ่ายนิ่ง นิ้วเรียวยังไม่หยุดไล้กับผิวแก้มนั้น

...นิวยอร์ค....

....ธาวิน…

ใบหน้าสวยของอารยะส่ายรัว มือเรียวจับแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น

".....ไม่......"

.....ไม่ให้ไป....
.....จะกับใคร...
...จะที่ไหน....


....อย่าไปเลย.....

ดวงตาคู่สวยมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ราวกับกำลังอ้อนวอน
"นายจะทิ้งฉัน...ใช่ไหม?"

" หรือจะไปด้วยกัน? " คิมหันต์ถามกลับมาเบาๆ

คำชวนนั้นทำเอาอารยะต้องเงียบไปชั่วอึดใจ

"ฉันจะไปทำอะไร...เขาไม่ได้จะมาเชิญฉันไปด้วยนี่" ร่างบางยกแขนขึ้นกอดอีกฝ่ายเข้ามาหาตัว
"เขาแค่กลับมาพานายไป...ตอนที่ฉัน...."ริมฝีปากบางพูดขึ้นชิดกับผิวบนไหล่ของอีกฝ่าย

"รักนายแล้ว"

คิมหันต์กอดอีกฝ่ายแน่นเมื่อได้ยินคำรักของอีกฝ่าย
" ถ้าเป็นที่นั่น เราจะจูงมือกัน จะจูบกันกลางถนน จะไม่มีใครสนใจทั้งนั้น "

"..............แต่มีเขาอยู่" เสียงอารยะพูดออกมาเบาๆ

" เขาเป็นพี่ชายฉัน แล้วก็มีแฟนที่จริงจังกันมากด้วย " คิมหันต์ยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางที่นานๆจะได้เห็นจากอารยะ

"แต่พวกนายก็กอดกันแบบนั้น... " อารยะยังไม่ยอมปล่อย มือ
"ไม่เอา ไม่ให้ไป...นะ "

" ฮะ ฮะ ฮะ .. อ้อนเป็นเด็กๆเลยนะเนี่ย " มือแกร่งลูบผมที่ยังชื้นของอีกฝ่ายไปมา เมื่อเห็นท่าทางอ้อนเป็นเด็กๆแบบนั้น

"ไม่รู้ล่ะ ไม่ให้ไป " อารยะขยับตัวมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะเอ่ยย้ำ
"ไม่อยากให้นายไป...ได้ยินรึเปล่า "

" ได้ยินแล้ว... งั้น นายต้องไปบ้านใหญ่กับฉันนะ "

เมื่อได้ยินแบบนั้น อารยะกลับถอยออกมา ดวงตากลมโตมองใบหน้าคมอย่างแปลกใจ ความร้อนตีแผ่ขึ้นมาบนใบหน้าจนปิดไม่อยู่
"เกี่ยวอะไรล่ะ... " ทั้งๆที่รู้ความหมายดี  แต่ใจเต้นระรัวเสียจน บรรยายไม่ถูก

" คุณวินดื้อจะตาย ถ้านายไปบอกเขาเองว่า รักฉันมากจนไม่อยากให้ไปไหน เขาอาจจะฟังบ้างก็ได้ "นิ้วเรียวจิ้มปลายจมุกโด่งนั้นเบาๆ

"ยังมีดื้อกว่านี้อีกเหรอ... " อารยะ หัวเราะเบาๆ

" ใช่ " คิมหันต์หัวเราะกลับมาก่อนจะดันอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียง " ดื้อกว่านายแน่ๆ "

"ฮ่ะๆ...พวกดื้อเหมือนกันอาจจะพูดกันรู้เรื่องก็ได้นะ" มือเรียวกอดร่างของอีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ

" ก็ลองพูดดูสิ " คิมหันต์ก้มลงจูบอีกฝ่ายเบาๆ แล้วยิ้มให้อย่างมีความหมาย มือแกร่งกระตุกปมผ้าผืนขนหนูที่ปกผิดร่างกายของอารยะออก ก่อนจะปิดไฟที่หัวเตียง

=================

talk : ไม่ได้อัพนานเลยนะคะ นานจนคนอ่านลืม  o18 อิ อิ
หยุดยาวนี้ท่านผู้อ่านทั้งหลายไปเที่ยวไหนไหมคะ ที่นี่เองก็ฝนตกแทบทุกวันเลย อยากไปออกทริปไกลๆบ้างจัง
ไว้ติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่30=(10/08/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 11-08-2013 20:45:59
อา..... คิดถึงเอริคจัง....  :hao5:
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่31=(9/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 09-10-2013 10:55:44
=31=

พวกเขาแวะซุปเปอร์ที่ไม่ห่างอพาร์ตเมนต์ของชินดนัยมากนัก และเจตน์เองก็หยิบนั่นหยิบนี่มาใส่ตะกร้าที่ชินดนัยถือย่างเอาแต่ใจเหมือนทุกครั้ง

"หยิบมาเนี่ย จะให้ทำไรให้กินวะ...  แล้ว...มึงจ่ายใช่ป่ะ"ถามพลาง ก็หยิบเอาของออกจากตะกร้าส่งต่อให้ แคชเชียร์คิดเงิน
และคำตอบของหนุ่มผมสีน้ำตาลทองก็คือธนบัตรใบใหญ่ของเขาถูกจ่ายออกไป ราวกับเป็นคุณชายที่มากับผู้ติดตาม เช่นเคย ที่ชินดนัย เป็นคนถือถุงชอปปิ้งคนเดียว

...จะหาคนรับนิสัยมึงได้เนี่ย ยากนะเว้ยไอ้ตี่...
 
ชินดนัยบ่นในใจ แต่ก็ยอมหอบหิ้วถุงชอปปิ้งไปจนกระทั่งถึงอพาร์ตเมนท์ของตัวเอง


===================
ชายร่างท้วมลงมือ ทำอาหาร จากวัตถุดิบที่ซื้อออกมาได้เป็นอาหารสามถึงสี่อย่าง ทั้งของทอดของต้ม ของผัด แทบจะเรียกได้ว่า ครบทุกหวาดหมู่

เบียร์ที่ถูกแช่ในตู้เย็นจนเย็นเฉียบถูกโยนให้กับแขกที่ไม่ได้มาเยือนเสียพักใหญ่อย่างเจตน์
"เอ้า แดกซะ..."

" เจ๋ง! " ชายหนุ่มเขย่าเบียร์ก่อนจะเปิดกระป๋อง ออก และเบียร์ก็พ่นใส่หน้าตัวเอง
" เฮ้ย! " มือแกร่งเช็ดเบียร์ที่หน้าตัวเองอย่างเคืองๆ " ไรวะเนี่ย? "

"อะไร เล่า...แล้วมึงไปเขย่ามันทำไม...." ถึงปากจะบ่นๆ แต่ก็เดินไปหาผ้าขนหนูมายื่นให้กับอีกฝ่าย

ชินดนัยเป็นคนเดียวที่ไม่เคยบ่น ไม่เคยว่าเวลาที่เขาทำตัว"ตามสบาย"แบบนี้ เป็นเพื่อนแท้ที่รับนิสัยแย่ๆของเจตน์ได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น หนุ่มผมสีน้ำตาลทองจึงสามารถ เอาแต่ใจ ได้ทุกอย่างเวลาอยู่กับเพื่อนคนนี้

"เออนี่ ...สรุปงอนกูเรื่องไรอีกวะ.... "  ชินดนัยว่าพลางคีบลูกชิ้นหมูสับที่ปั้นเองกับมือเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ ถึงจะบอกว่า ชอบอีกฝ่ายไป แต่มันก็ไม่ได้ มีอะไร เปลี่ยนแปลงซักเท่าไร นอกจากความรู้สึกที่มันไม่ต้อง อัดอั้น อะไรอีกต่อไปก็เท่านั้น

" ว่าแต่แฟนมึง เขาไม่อยู่รึไง? "  เจตน์เลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามนั้น ด้วยการเปลี่ยนเรื่อง

"เอิร์นไม่อยู่ ส่งข้อความมาบอกว่าไปฮ่องกง สามอาทิตย์แน่ะ" ชินดนัยถอนหายใจออกมาเบาๆ หญิงสาวรูปร่างบอบบางคนนั้น บางครั้งสุขภาพของเธอก็ไม่ค่อยดี ทำให้เขาต้องเป็นห่วง และคอยถามไถ่อยู่เสมอ

" อ้อ..เรอะ เดี๋ยวนี้เรียกซะสนิทเลยนะ ไม่เบานี่หว่าไอ้อ้วน " น้ำเสียงของเจตน์ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

"...ก็เรียกมาพักนึงแล้ว... เขาก็เป็นคนดีนะ " พูดไปพลางก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
"ทำกับข้าวอร่อยด้วยเนี่ยซิ่"

" ช่วงนี้กูว่างๆ จะมาอยู่เป็นเพื่อนละกัน "เจตน์ว่าพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป เสียงก๊อกน้ำถูกเปิดออกเพื่อล้างหน้าที่เลอะเบียร์

ชินดนัยมองตามไปบางอย่างในใจ บอกให้รู้ว่า เพื่อนกำลังไม่พอใจเรื่องบุคคลที่เขาเพิ่งจะกล่าวถึง
"งอนเรื่องกูกับเอิร์น หรือไง" เสียงเพื่อนร่างท้วมตะโกนถาม

" ไม่ได้งอนโว้ย! "เสียงห้าวตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

"โวยวายแบบนี้ มึงนี่โคตรเข้าใจง่ายเลยว่ะ..." หนุ่มร่างท้วมหัวเราะจนพุงขยับ

ถึงจะบอกว่าชอบไป แต่ตอนนี้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเมื่อก่อน เขามีคนที่อยากจะดูแลอยู่ แต่ถ้าจะปล่อยเจตน์ออกไป ทั้งๆที่ เป็นแบบนี้ มันก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย

....คนที่จะมาดูแลมึงต่อจากกู โคตรน่าสงสารเลยว่ะ…

อาหารมื้อใหญ่ถูกจัดการไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเบียร์ และขนมขบเคี้ยว ดูท่า ทั้งเจตน์และชินดนัย จะดื่มกินกันด้วยลืมไปเลยว่า วันรุ่งขึ้นก็ยังมีงาน ต้องทำกันอีกมาก การใช้ชีวิตเหมือนกับย้อนไปสมัย มหาวิทยาลัยดูท่าจะเพิ่งเริ่ม

===================

เจตน์แทบจะหอบผ้าผ่อนย้ายมาอยู่บ้านชินดนัย เพียงเพื่อจะดื่ม และ กิน อาหารฝีมือเพื่อนร่างท้วม ตลอดสองสามอาทิตย์
และแทบจะทุกคืนที่ชินดนัยต้องได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากฮ่องกงของอิสราภรณ์ ซึ่งเจตน์จะเดินเลี่ยงไปทันที

"เป็นยังไงบ้าง ทางโน้น งานหนักรึเปล่าครับ" ชินดนัยเอ่ยถาม นึกถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนที่ปลายสาย

" เดี๋ยวก็จะได้กลับแล้วล่ะค่ะ มีเรื่องจะบอกคุณด้วย " อิสราภรณ์บอกเสียงแผ่วใฝนประโยคสุดท้าย

"เรื่อง?....บอกผม...อะไรเหรอครับ" ชินดนัยหัวเราะออกมาเบาๆ

" ไว้กลับไปบอกดีกว่าค่ะ  " หล่อนยังคงตั้งใจจะเก็บไว้เซอร์ไพรซ์อีกฝ่าย " อาทิตย์หน้าเจอกันนะคะ "

"ครับ...ได้ครับ อาทิตย์หน้าเจอกัน...ให้ผมไปรับไหมครับ คุณไปกะทันหัน ผมไม่ได้ไปส่งเลย" ชายร่างท้วมเสนอตัว

--ปัง--

เสียงประตูห้องน้ำถูกปิดอย่างไม่พอใจ

เสียงบานประตูที่ปิดลง ทำให้อดที่จะมองตามไม่ได้ มืออวบยกขึ้นเกาหัว

...เป็น...ห่า อะไรของมันอีกวะ....

"เอ่อ...เอิร์น...สรุปให้ผมไปรับ ได้ไหมครับแต่ถ้าคุณอายท่าประธาน...กับ..คนอื่นๆ ก็ไม่เป็นไรนะครับ...."

" ไม่มีอะไรต้องอายนี่ มารับสิคะ .. เอิร์นจะรอที่สุวรรณภูมินะ "หญิงสาวตอบกลับมาพลางหัวเราะ

"ฮ่ะๆ..อย่างนั้นค่อยโล่งอกหน่อย..ขอบคุณครับ แล้วผมจะไปรอนะครับ" ชายหนุ่มร่างท้วมหัวเราะออกมาเบาๆ เขารู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ใช่ คนที่ดึงดูดใครอะไรเท่าไร ตัวไม่สูง แถมยังอ้วนตุ้มตุ้ยแบบนี้อีก...

....กลัวว่า คนที่เดินข้างๆจะอายมันก็เป็นเรื่องธรรมดา...

===================

เสียงประกาศดังก้องทั่วบริเวณกว้าง พร้อมกับเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ทั้งคนไทย ทั้งคนต่างชาติ ทั้งคนที่เพิ่งกลับมาถึง และ คนที่มายืนรอรับ

ชายหนุ่มร่างท้วม ยืนรออยู่ที่รอผู้โดยสารขาเข้า หันซ้ายมองขวาดูตื่นเต้นอยู่ไม่สุข
"อ๊ะ เอิร์นครับ ทางนี้ ครับทางนี้"

หญิงสาวเดินลากกระเป๋าเดินทางใบโต หากชุดสูทราคาแพงกับผ้าพันคอยี่ห้อดังที่สวมอยู่ถูกเปลี่ยนเป็นเป็นยูนิฟอร์มของแอร์โอสเตสที่เดินลากกระเป๋าอยู่ด้านหน้าแล้ว อิสราภรณ์คงจะกลมกลืนกับพวกหล่อนไม่น้อย

หล่อนยิ้มให้คนที่มารับ ท่ามกลางสายตาของคนที่อยู่บริเวณนั้นที่มองหาชายหนุ่มผู้โชคดี
" รอนานไหมคะ? "

"อ่า ไม่ครับ ไม่นาน..." ชายหนุ่มเอ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมืออวบไปคว้ากระเป๋าของหญิงสาว
 "มาครับ ให้ผมช่วยดีกว่า "

" เราไปหาอะไรกินก่อนดีไหมคะ พอดีมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณด้วย " อิสราภรณ์มองดูท่าทางของอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากชวน

"ครับ...ไปหาอะไรกินแถวนี้ ก็แล้วกัน... เดินทางมาเหนื่อยๆด้วย"  ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะรีบ พาอีกฝ่ายเดินไปที่ ประตูทางออก พลางโบกรถแท็กซี่

===================

ไม่นานนัก ทั้งสองคน ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก ร้านอาหารแบบครอบครัวภายในห้างสรรพสินค้า คือร้านที่ทั้งสองคนเลือกที่จะเข้าไปนั่ง และหลังจากที่สั่งอาหารเรียบร้อย อิสราภรณ์ก็เอาแต่มองหน้าของหนุ่มร่างท้วมที่เธอกำลังคบหาอยู่

"ม...มีอะไรหรือเปล่าครับ มองหน้าผมแบบนั้น...หน้าผม...มีอะไรติดอยู่รึคเปล่า " ด้วยคิดว่าคงเผลอกินเปรอะเปื้อนเข้าให้ ชินดนัย รีบหยิบทิชชู่มาเช็ดอย่างรวดเร็ว ปากก็บอกขอโทษๆ ไปเรื่อย

หญิงสาวยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา " เปล่าหรอกค่ะ .. คือว่า..  "
เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง


" เอิร์นกำลังจะมีเด็กน่ะค่ะ "


"..............................................." ใบหน้าอวบอูมของชินดนัย เหมือนจะยิ้ม แต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นยิ้มเสียทีเดียว ในแววตามีคำถามอย่างเห็นได้ชัด
"ครับ? "

" ชิน..อยากจะให้เอิร์นทำยังไงกับเด็กคะ? "หล่อนถามออกมาตรงๆ

"เด็ก....ลูกของผม...ทำยังไง...ก็...ก็ต้องรับผิดชอบซิ่ครับ" ชินดนัย เอ่ยออกมาจริงจัง ขยับร่างนั่งตรง

" ชิน? "น้ำเสียงและท่าทางจริงจังของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวแปลกใจไม่น้อย เธอเคยคิดว่าเขาอาจจะไม่ต้องการลูกตอนนี้
แม้จะรู้สึกตกใจ แต่สติ ก้ฒีพอจะเรียบเรียงได้ว่า อิสราภรณ์ใช่ผู้หญิงที่เที่ยวไปกับใครได้ และตลอดเวลา ที่คบหากันมา เธอก็ดูจะอยู่กับเขาโดยตลอด ชินดนัยสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง

...แล้วเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ จะให้เขาทำอย่างไรได้...

"ให้ผม..ได้รับผิดชอบ...เด็กคนนี้ จะได้ไหมครับ"

" แต่ถ้าคุณไม่พร้อม.. " หล่อนพยายามจะทักท้วง เลขาสาวไม่อยากให้เรื่องเด็กทำให้ชินดนัยต้องมารับผิดชอบเธอไปทั้งชีวิตหากว่าระยะเวลาในการคบกันยังไม่อาจทำให้แน่ใจได้

"แล้วเอิร์นจะทำเขาลงเหรอครับ..." ชินดนัยเอ่ย เขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร  ชายหนุ่มเอ่ยถามไปตามตรง

" ถ้าจำเป็น.. "   คราวนี้อิสราภรณ์กลับเป็นฝ่ายก้มหน้าลงเสียเอง " ถ้าคุณหรือฉันไม่พร้อม.. "

"ผมพร้อมจะรับผิดชอบ...ไม่อย่างนั้นผมคงไม่พูดออกไป คุณเป็นคนดี แต่ถ้าคุณคิดว่ามันจะทำให้คุณต้องอยู่กับคนแบบผมตลอดไปล่ะก็.... ผมก็จะไม่ห้าม ร่างกายของคุณ การตัดสินใจของคุณ ผมย่อมเคารพอยู่แล้ว "

" ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ! "หญิงสาวรีบบอก ก่อนจะถาม 
" แต่คุณอยากจะอยู่กับฉันไปทั้งชีวิตรึเปล่าคะ  เราเองเพิ่งจะคบกันไม่นาน " เธอยิ้มให้กับคนตรงหน้า
" ฉันชอบคุณมาก แต่ก็ไม่อยากให้เด็กคนนี้ เป็นพันธะที่ต้องผูกติดคุณเอาไว้กับฉันหากว่าคุณไม่ต้องการ "

"ผมก็ชอบคุณมากเหมือนกัน...." ชายหนุ่มเอ่ย แม้เสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่ก็เอ่ยออกมาดังเพียงพอที่จะยืนยัน  "และผมก็ยินดี ที่จะรับผิดชอบพวกคุณทั้งสองคน"
พลันในใจนึกถึงใบหน้าของเพื่อนรัก ถ้าเจตน์รู้เรื่องนี้เข้าจะเป็นอย่างไรนะ ช่วงหลังๆ ก็มักจะอารมณ์เสียแปลกๆอยู่เสมอ เดาใจไม่ค่อยได้

แต่...เขากำลังจะเป็นพ่อคน...กับผู้หญิงที่ดีที่สุดคนหนึ่ง..หมอนั่นเองก็ควรจะยินดีกับเขาด้วยไม่ใช่หรือไงกัน

"เอิร์นครับ..." ชายหนุ่มฉวยมือเรียวของอีกฝ่ายมากุมเอาไว้
 "...คุณจะแต่งงานกับผมได้ไหมครับ?"

" ชิน? "อิสราภรณ์เรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆแล้วยิ้มให้ทั้งน้ำตา
" ดูแลเอิร์นกับลูกด้วยนะ "

"ครับ ผมจะดูแลพวกคุณเอง " ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆ ความชื้นที่มือด้วยความตื่นเต้นของตนเองนั้นยังคงมีเช่นทุกครั้ง หากแต่ต่อจากนี้ไป เขาจะไม่ปล่อยมือของหญิงสาวคนนี้อีกต่อไป .. ตลอดชีวิต..

===================

talk : ดูวันที่อัพครั้งสุดท้าย หายไปนานมากเลย(ตั้งสองเดือน) ขอโทษด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านจะยังจำเรื่องได้อยู่ไหมนะ? ตอนนี้เจ้าชินกำลังจะเป็นคุณพ่อแล้วนะคะ แล้วเจ้าเจตน์จะทำยังไงล่ะ?! มาเอาใจช่วยทั้งคู่นะคะ แล้วก็ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันนะ
ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว คนอัพอาจจะบ้าพลังหน่อยนะคะ อัพทั้งเรื่องนี้แล้วก็เรื่องอื่นด้วย ขอให้สนุกนะคะ
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่32=(12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 12-10-2013 23:26:47
=32=

เพียงไม่นานหลังจากนั้น ข่าวของความสัมพันธ์ระหว่าง อิสราภรณ์ซึ่งเป็นหลานของท่านประธานกับชินดนัย ชายหนุ่มตัวอ้วนกลม ดูไม่ได้โดดเด่นอะไรจากแผนกเอกสาร ก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วบริษัท

และแน่นอนว่ามันต้องเข้าหูเพื่อนสนิทอย่างเจตน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งในตอนนี้ดูท่าหนุ่มร่างสูงจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนักในแผนกต่างประเทศ ดีที่ช่วงนี้งานที่เขารับผิดชอบจะค่อนข้างมากเลยทำให้เจตน์ขลุกอยู่กับงาน ไม่ยอมโผล่หน้าไปให้เพื่อนร่างท้วมได้เห็นตัวเลย

"อกหักจากฉันไม่เห็นจะโหมงานขนาดนี้..." เสียง อารยะเดินเข้ามาทัก คนที่กำลังวุ่นอยู่กับการทำเอกสาร

" ผมไม่ได้อกหัก ก็แค่..งานเยอะ "เจตน์เงยหน้าจากกองเอกสารที่เขาต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จ

ดวงตาสีน้ำตาลของชายหนุ่มสบตาของอีกฝ่าย
"แน่ใจ? ได้ข่าวว่าเพื่อนนายไปแอบหมั้นหมายกับ หลานสาวท่านประธาน"

" ไม่รู้สิ .. ไม่ได้เจอหน้ามัน คงกำลังยุ่งๆมั๊ง " เจตน์ก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองต่อ ทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่อดีตคนรักกำลังพูด

"ก็มัวทำงานอยู่แบบนี้ มันก็คงจะได้เจอหรอก "ว่าพลางก็ดึงเอาแฟ้มหนึ่งมาจากโต้ะของอีกฝ่าย
" เอามานี่ ช่วยทำอันนึง ...เสร็จงานแล้วก็ไปหาเวลาคุยกันหน่อยไป เพื่อนสนิทจะแต่งงานทั้งที"
"หมอนั่นคงอยากคุยกับนายเหมือนกัน" เสียงอารยะเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป

" จะให้คุยอะไร .. มันก็เหมือนกับที่คนอื่นพูดกับมันล่ะวะ .. ตกถังข้าวสารถังใหญ่เลยนิ "เจตน์บ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปสูบบุหรี่บนดาดฟ้า

===================

บานประตูที่ดาดฟ้าค่อยเปิดออก เห็นร่างสูงของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองยืนอยู่ ท่าทางหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ในมือมีบุหรี่ ที่กำลังไหม้ต่อไปเรื่อยๆ

"เห็นพี่อาร์ตว่ามึงอยู่นี่..." ชินดนัยเอ่ยขึ้น ก่อนจะปิดประตูดาดฟ้าไว้เบื้องหลัง

" ไม่ยักรู้ว่ามึงว่างพอจะมาโต๋เต๋ได้แถวนี้ " เจตน์ว่าก่อนจะพ่นควันมะเร็งออกมา เขาไม่หันไปมองคนที่ทักแม้แต่น้อย

"ก็แวบออกมาพักเบรก.... " ชินดนัยเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินไปยืนอยู่ข้างๆอีกฝ่าย ไม่ได้หันไปมองหน้าเพื่อนร่างสูงเช่นกัน
"มึงโกรธ?"

เจตน์ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
" ท่านประธานคงหาตำแหน่งๆดีๆ รอไว้ให้มึงแล้ว  "

"กูไม่ได้ขอ... " ชินดนัยเอ่ย "กูไม่ได้คิดว่ากูจะตกถังข้าวสารหรืออะไร มันไม่ใช่เรื่องเงิน ... และถ้ามึงคิดแบบนั้นกูคงเสียใจ" ชินดนัยล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง

" มึง..กำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว  " เจตน์ขยี้ก้นบุหรี่กับระเบียงไปมา
" กำลังจะเดินนำหน้ากูไป .. และไปอยู่กับอีกสังคมหนึ่ง ที่กูเข้าไม่ถึง "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองก้มหน้าลงเล็กน้อย มือทั้งสองข้างเท้ากับระเบียง

"มึงคิดว่าการที่กูจะแต่งงาน ทำให้กูจะเลิกคบมึงรึไง  " น้ำเสียงของชินดนัยเจือความไม่พอใจ มืออวบกระแทกเข้ากับไหล่ของอีกฝ่าย
"มึงคิดแต่แบบนี้ มึงจะเดินไปกับกูได้อยู่หรอก แต่มึงไม่ยอมก้าวออกไปเอง... มันไม่มีประโยชน์ ถ้าจะหยุดอยู่กับที่ "

...ถึงกูจะชอบมึง แต่ มันไม่มีทางเป็นไปได้อีกต่อไปแล้ว...

เจตน์ขยับถอยออกมาจากอีกฝ่ายทันที มือแกร่งนั้นชี้หน้าอีกฝ่าย ใบหน้าได้รูปแสดงความไม่พอใจ
" ไม่ต้องมาสอนกู ! "
" แค่ทำผู้หญิงท้อง ก็กล้ามาสอนกูแล้วเรอะ! "ร่างสูงนั้นเดินลงจากดาดฟ้าไปแทบจะทันที

.
.
.


บุหรี่ที่ถืออยู่ในมืออวบของชายหนุ่มร่างท้วมถูกจุดขึ้นสูบ ดวงตาเหม่อมองออกไปยัง ท้องฟ้าด้านบน ควันสีขาวล่องลอยออกไป
"แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ.... ไอ้บ้าเอ้ย"

===================

ชินดนัยไม่ได้ เจอกับเจตน์อีกเลยตลอดบ่ายจนกระทั่งเลิกงาน ทั้งที่ตามปรกติ อย่างน้อยพวกเขาก็จะเจอกันบ้าง ในห้องพักของพนักงาน หรือเดินสวนกัน ในทางเดิน แต่ไม่ใช่วันนี้ อันที่จริงหากจะให้พูดถึง นับ ตั้งแต่ ข่าวคราวของการหมั่นหมายระหว่างเขากับอิสราภรณ์แพร่กระจาย ออกไป พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้เจอกันอีกเลย

และเมื่อตอนเย็น กลับมาถึงห้องในอพาร์ตเมนท์กลางเก่ากลางใหม่ของตัวเอง ก็พบว่า ประตูห้องไม่ได้ล็อค มีรองเท้าคุ้นตาของเพื่อนสนิท ถอดอยู่หน้าประตู

"กลับมาแล้ว" ชินดนัยตั้งใจพูดเสียงดังๆให้คนที่อยู่ใน ห้องได้ยิน ชินดนัยเดินเข้าไปด้านใน เป็นอย่างที่คิดเพื่อนร่างสูงกำลังยัดเสื้อผ้าลงใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่อย่างลวกๆ
"คิดจะขนไปให้หมดภายในวันเดียวเลยรึไง?"

" เดี๋ยวให้แทกซี่มาเอา " เจตน์ไม่ยอมเงยหน้าจากการเก็บข้าวของแม้แต่น้อย เขาพยายามเก็บของทุกชิ้นที่เขาเอามาที่นี่
ร่างอวบท้วมของเจ้าของห้องทิ้งตัวลงบนโซฟา เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ

"กู...เป็นคนขอเขาแต่งงานเอง...ไม่อยากให้เขาฆ่าใคร...." ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
"ไม่ได้จะทิ้งมึงไปหรอก...เพียงแค่ คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่กูจะต้องดูแล...คนอื่นด้วย"

" กูถึงควรจะรีบย้ายออก แล้วก็ รีบอยู่ให้ได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพามึงแบบนี้ไง "ชายหนุ่มรูดซิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้น

"แต่ที่มึงกำลังทำอยู่นี่...มึงคิดเหรอว่ามันทำให้กู....จะเดินต่อไปได้อย่างสบายใจ..." ชินดนัยเอ่ย
"มึงกำลังโกรธกูแบบ หัวฟัดหัวเหวี่ยง..แล้วมึงจะให้กูทิ้งมึงไปแบบ "เออ ช่าง ไม่สนแม่ง " ได้ไงวะ"

" ไม่ใช่แบบนั้น ... " เจตน์ถอนหายใจ
" กูเชื่อว่ามึงต้องเป็นพ่อที่ดี แต่ ก่อนจะถึงตอนนั้น มึงต้องเตรียมสร้างครอบครัวที่ดี ให้คุณเอิร์นวางใจได้ " เขาเดินผ่านหน้าชินดนัยไปที่ประตู
" กูถึงควรจะถอยออกมา เพื่อตัวมึงเอง และกูด้วย "

ชินดนัยถอนหายใจออกมาอีกคำรบ
"มึงรู้ไหม ว่ากูอกหักจากมึงมากี่รอบแล้ว..กับมึง มันไม่มีทางเป็นไปได้ กูชอบมึงว่ะ..โคตรชอบเลย แต่มันก็เป็นได้แค่นี้ จนบางทีกูคิดนะ ว่ากูอาจจะมีประโยชน์กับมึงได้มากกว่า ถ้าชอบมึงแบบเพื่อนต่อไป...กูไม่อยากให้มึง...หนีหายไปไหน ได้ไหม? "

ราวกับเป็นการระบายความรู้สึกทั้งหมดที่เก็บมาเป็นสิบปี ทั้งคู่ได้แต่เงียบหลังจากที่ชินดนัยได้พูดความรู้สึกของตนเองออกไปทั้งหมด ก่อนที่เจตน์จะหลับตาลง
" ถ้ามึงคิดแบบนั้น .. " มือแกร่งประตูห้องออกไป
 " ไว้กูจะแวะมาเอาของ แล้วจะคืนกุญแจให้วันหลัง "เขาบอกกับชินดนัยก่อนจะปิดประตูห้อง

===================

งานแต่งงานเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดการอย่างเรียบร้อยด้วยญาติทางฝ่ายเจ้าสาว แต่สิ่งที่หนุ่มร่างท้วมต้องเตรียมตัวอย่างหนัก คือการเตรียมเข้ามาเกี่ยวดองกับวงศาคณาญาติของท่านประธานคนปัจจุบัน ผู้ซึ่งเป็นลุงของอิสราภรณ์นั่นเอง

พ่อกับแม่ของชินดนัยดูจะยังตื่นเต้นไม่หาย เพราะ ทั้งคู่เป็นเพียงแค่ครอบครัวคนจีนที่ค้าขายภายในตัวอำเภอ กลับต้องมาอยู่ในแวดวงของผู้มีอันจะกินที่แทบจะเรียกว่าเป็นมหาเศรษฐีทั้งหลาย ทำให้อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ชินดนัยพยายามอย่างมากไม่ให้พ่อของเขาดื่มมากจนเกินไป

ชายร่างท้วมหาที่นั่งให้พ่อกับแม่ก่อนจะขอตัวออกมาพักหายใจด้านนอก

"อ้าว พวกพี่ก็มาด้วยเหรอครับ" ชินดนัยเอ่ย เมื่อเห็นว่าหนุ่มลูกครึ่งกำลังยื่นแก้วแชมเปญให้กับชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง รุ่นพี่ของเขาอีกคนนึง

" มาสิ ยังไงเขาก็ยังนับญาติกันอยู่ อีกอย่างก็อยากให้อาร์ตมางานนี้ด้วย " หนุ่มลูกครึ่งยักไหล่เล็กน้อย คิมหันต์หันไปทางอารยะที่เดินมาทางพวกเขาพอดี หลังจากออกมาจากห้องน้ำ
 " เปิดตัว "

"พวกพี่...นี่.... เหมาะกันดีจริงๆเลยนะครับ" ชินดนัยอดไม่ได้ ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ

" เหมาะ? "หนุ่มลูกครึ่งเลิกคิ้วเล็กน้อยเชิงคำถาม

"หัวเราะอะไรกัน " อารยะเอ่ยออกมา พลางรับแก้วแชมเปญมาจากมือของคนรัก

"พี่สองคน...เหมือนกันในหลายๆอย่าง ไม่รู้ซิ่ครับ ผมเลยว่ามันเหมาะมากถ้าพวกพี่จะคบกัน แบบ เปิดเผย ต่อหน้าทุกคน"
ชินดนัยเอ่ย เขารู้สึกว่า ทั้งสองคน อยู่เพียงเพื่อกันและกันและ...ไม่สนใจสายตาจากภายนอก เท่าไรนัก ...มันเป็นความกล้า ในแบบที่เขาไม่มี มาจนกระทั่งตอนนี้

" ถึงจะถูกมองแบบนั้นก็ไม่เป็นไรใช่ไหม? "คิมหันต์หันไปถามคนรักอย่างเป็นห่วง

"...ถ้านายไม่ปล่อยให้ฉันตายอยู่คนเดียว...ล่ะก็..." มือเรียวยื่นไปจับมือของคิมหันต์เอาไว้ "คงจะไม่เป็นอะไรหรอก"
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย บนใบหน้านั่นเปื้อนรอยยิ้ม ที่เป็นใครที่ได้ยินชื่ออารยะ มานาน ก็คงอดไม่ได้ ที่จะแปลกใจ

" ไม่เห็นเป็นไร คุณวินเปิดตัวเอริคเหมือนกันนะ " มือแกร่งลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ ราวกับว่าอารยะเป็นเหมือนเด็กๆ

"เฮ้ย...อายน้องมันมั่งเถอะ..." อารยะคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมเอาไว้ทันที "แล้ว...เพื่อนหายไปไหนล่ะ ชิน"

" จะว่าไปช่วงนี้เจ้าเจตน์มันทำงานหนักนะ วันๆไม่ค่อยพูดจากับใครเลย " คิมหันต์ให้ความเห็น เกี่ยวหับการเปลี่ยนไปของน้องในแผนก

"เอ่อ...หมอนั่น...เห็นว่าลาพักร้อนน่ะครับ....อันที่จริง ผมก็ไม่ได้ข่าวจากเขาโดยตรงหรอก... ไปเห็นเอาตอนไปยื่นใบลา ช่วงที่จะจัดงานแต่งนั่นล่ะครับ" ชินดนัยตอบไปตามตรงพลางถอนหายใจ
"เหมือนมันหนีหน้าผมยังไงก็ไม่รู้...."

"สงสัยจะช็อค...เพื่อนซี้จะแต่งงาน...ตัวเองเลยไม่รู้จะอยู่ยังไงล่ะมั้ง" อารยะเอ่ยพลางหัวเราะออกมา

"ไม่รู้จะอยู่ยังไง??" ชินดนัยทวนคำไม่เข้าใจในคำพูดของอีกฝ่าย

"ก็...นายน่ะสปอยเขาจนเสียคน เขาคงอยากจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนบ้างล่ะมั้ง"

"สปอย?..." ชินดนัยเลิกคิ้ว
"ฮ่ะๆ...ผมก็แค่อยากจะเทคแคร์เขาบ้าง...ในฐานะเพื่อนน่ะครับ" ดวงตาของชายร่างท้วม ฉายแววบางอย่าง ก่อนจะหันมองกลับเข้าไปในงาน เห็นว่าที่เจ้าสาวของเขายืนอยู่พร้อมด้วยรอยยิ้ม
"แต่ตอนนี้ผมคงต้องดูแลคนอื่น...อีกสองชีวิต...เขาที่โดนผมสปอยมาตลอด...คงจะช็อคจริงๆอย่างพี่ว่า"

" ให้เวลามันหน่อยก็แล้ว กันเจ้าเจตน์น่ะ  "คิมหันต์บอกก่อนจะมองตามหนุ่มรุ่นน้องไป " ไปเถอะ ว่าที่เจ้าสาวนายรอแล้ว "

"ครับ...เชิญพี่ๆ สนุกกับงานนะครับ...ผมขอตัวก่อน" ชินดนัยบอกกับทั้งสองคน ก่อนจะเดินกลับไปหาอิสราภรณ์ ที่ดูจะกำลังต้องการความช่วยเหลือ เมื่อถูกซักจากญาติผู้ใหญ่

===================

" นายคิดว่าไง เรื่องเจ้าเจตน์กับเจ้าชินน่ะ? "หนุ่มลูกครึ่งถาม ดวงตาสีนิลมองตามร่างท้วมนั้นอย่างเป็นห่วง

"คิดยังไงเหรอ... อืมมมม...." อารยะลากเสียงยาว

"ฉันยุให้เจตน์ คิดดูดีๆว่า เขาต้องการใคร...แต่อีกฝ่ายก็ดูจะรู้ตัวดี...แถมยังมีเรื่องนี้เข้ามาอีก ....ก็คงหวังแค่ว่า หมอนั่นจะเลิกเอาแต่ใจ แล้ว หัดทำให้เพื่อนสบายใจเสียที"

" ต้องให้เวลามันหน่อยล่ะ  "คิมหันต์ถอนหายใจก่อนจะโอบเอวอีกฝ่ายเอาไว้ " เข้าไปในงานเถอะ "

"ว่าแต่...วันนี้ นอกจากเปิดตัวแล้วจะต้องไป ก้มขอลูกชายบุญธรรมด้วยไหมเนี่ย" อารยะแหย่คนรัก

===================

talk : ความรักบางที ก็ไม่ใช่การอยู่เคียงคู่กันไปในฐานะคนรักหรอกนะ..ความรู้สึกของเจ้าชินที่มีกับเจตน์มันเป็นความรักจริงๆนั่นล่ะค่ะ..รู้ว่าออกมาในรูปนี้ขัดใจผู้อ่านแน่ๆ แต่ก็อยากให้ติดตามต่อไปนะคะ  
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่32=(12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 20-10-2013 00:35:13
เป็นตอนที่ชอบนะ รักกัน ไม่จำเป็นต้องคบกัน
ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ความรักมันก็แค่ การทำเพื่อใครสักคน
การแต่งงาน ไม่ได้ทำให้ ความต้องการที่จะทำเพื่อใครสักคนมันหมดไปนี่นา
ไม่ว่าจะในฐานะอะไร ได้ทำเพื่อใครสักคนก็คงจะหาความสุขได้จากสิ่งเล็กๆน้อยๆแค่นั้นนั่นล่ะนะ

จาก โคไรท์ (นานๆจะโพล่มาที.....ขอโทษนะ กำลังอินเลย )
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่32=(12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 20-10-2013 00:58:22
เป็นตอนที่ชอบนะ รักกัน ไม่จำเป็นต้องคบกัน
ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ความรักมันก็แค่ การทำเพื่อใครสักคน
การแต่งงาน ไม่ได้ทำให้ ความต้องการที่จะทำเพื่อใครสักคนมันหมดไปนี่นา
ไม่ว่าจะในฐานะอะไร ได้ทำเพื่อใครสักคนก็คงจะหาความสุขได้จากสิ่งเล็กๆน้อยๆแค่นั้นนั่นล่ะนะ

จาก โคไรท์ (นานๆจะโพล่มาที.....ขอโทษนะ กำลังอินเลย )

+เป็ดให้เลย
ตอนที่เขียนกันก็อยากจะลองเสี่ยงเขียนอะไรแบบนี้ดูซักตั้งเนอะ อยากจะสื่อในลักษณะนี้ล่ะนะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่32=(12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 20-10-2013 08:01:59
ขัดใจกับตอนนี้จริงๆ แหละ แต่ก็นะ ชีวิตใครก็ชีวิตมัน

บางทีเจตต์อาจจะสมหวังกับลูกของชินก็ได้ (แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจจะช็อกนิดๆ นะ ฮะๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่32=(12/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-10-2013 09:28:04
กว่าจะรู้ตัวก็เสียชินไปแล้วสินะ
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่33=(20/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 20-10-2013 23:21:25
=33=

ประตูรถไฟฟ้าถูกเปิดออกเมื่อมันมาสุดสายยังสนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณทางออกนั้นอยู่ชั้นใต้ดินของสนามบิน เป็นความสะดวกสบายในการเดินทางของทั้งชาวต่างชาติและคนไทยเป็นอย่างมาก หนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่สวมกางเกงยีนส์กับแจคเก็ตสีอิฐเดินออกมาจากที่นั่งพร้อมกับกระเป๋าเดินทางขนาดกลางอีกหนึ่งใบ บ่งบอกว่าเขากำลังจะไปไหนซักแห่ง
 
ชายหนุ่มเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ของสายการบินเพื่อคอนเฟิร์มตั๋วและโหลดกระเป๋าลงใต้เครื่อง ทุกอย่างถูกดำเนินการอย่างไม่ติดขัดใดๆนัก

และเมื่อได้ตั๋วเดินทาง เจตน์ก็เดินผ่านเข้าไปยัง ตม.เพื่อเข้าไปรอขึ้นเครื่อง ชายหนุ่มหยุดดูของที่ร้านขายของปลอดภาษีเป็นพักๆ
แล้วก็ต้องสะดุดกับร้านขายขนมนำเข้าประเภทชอคโกแลต พลางนึกถึง เพื่อนร่างท้วมที่กำลังจะแต่งงานอีกไม่นานนี้
ก่อนจะต้องส่ายหน้าไปมา แล้วเปลี่ยนใจ เดินเข้าร้านที่ขายน้ำหอมแบรนด์เนม

==================

ขวดน้ำหอมหลากหลายสี หลากหลายรูปทรง ตั้งเรียงรายอยู่ในบริเวณร้าน ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ยืนเลือกสินค้าอยู่ พร้อมกับ พนักงานขายที่คอยให้คำแนะนำ อยู่ข้างๆ
ขวดน้ำหอม รูปทรง ทันสมัยของเคลวิน ไคลน์ ตั้งอยู่บนชั้นวาง มือเรียวเอื้อมไปหยิบแต่ก็ต้องหยุด เมื่อมองเลยชั้นไปแล้วเห็นว่าใครเดินผ่านเข้ามาในสายตา

"สวัสดีครับ..." รูปร่างสูงโปร่ง เดินเข้าไปทัก เสื้อสูทที่สวมอยู่เป็นเครื่องแบบ ที่คุ้นตาของสายการบินชื่อดัง

"จะไปเที่ยวเหรอครับ...คุณ....เจตน์" ด้วยความที่ต้องทำงานกับผู้คนมากมาย แต่จำเป็นจะต้องจำชื่อให้ได้ ทำให้เขาดูเหมือนจะมี ความสามารถไม่น้อยในการจำชื่อและหน้าของคน

" เอ่อ..ครับ? .. คุณอะไรนะ.. "
เจตน์หันไปมองใบหน้าคุ้นๆของอีกฝ่าย ชายหนุ่มคนนี้สวมเครื่องแบบและมีป้ายชื่อ เลยทำให้เห็นชื่อสกุลของอีกฝ่ายได้ชัดเจตน์น .. นามสกุลคุ้นๆ ..

“ สุธาสิน ครับ .. เราเคยเจอกันที่ผับแถวทองหล่อไง ” เจ้าของร่างสูงโปร่งบอกชื่อตนเอง พลางยิ้มให้

" มีบินเหรอครับ? .. ไม่ยักรู้ว่าคุณทำงานสายการบินนี้ "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองเริ่มชวนอีกฝ่ายคุย ดูจากเครื่องแบบ มันไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

"ใช่ครับ... คราวนี้ก็ทำงานด้วย ติดเครื่องเขาไปลงด้วย ก็ว่าจะถือโอกาสพักร้อนเสียหน่อย คุณล่ะครับ ไปติดต่องาน?"
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงเอ่ยถาม พร้อมกับรอยยิ้ม เหมือนที่มีให้กับลูกค้า เมื่อยิ่งคุย ก็ยิ่งจำได้ว่า คนๆนั้นเป็น คนเพื่อนในที่ทำงานเดียวกับ คิมหันต์ นั่นเอง

" เปล่าหรอกครับ ผมลาพักผ่อนน่ะ .. " เขาว่าก่อนจะชูตั๋วเดินทางสายการบินเดียวกับคู่สนทนา
" ฮาวาย "

"บังเอิญนะครับ...ผมก็จะติดเครื่องไปเที่ยวบินนี้เหมือนกัน" สุธาสินเอ่ยอย่างสุภาพ ก่อนจะโค้งให้อีกฝ่ายน้อย

" อ่อ ครับ " เจตน์พยักหน้าเบาๆก่อนจะหันมาสนใจน้ำหอม ตรงหน้า
" ถูกกว่าข้างนอกเยอะนะครับเนี่ย .. "

"นั่นซิ่นะครับ...คุณชอบกลิ่นแบบนี้เหรอครับ..." สจ๊วตหนุ่มยิ้ม

" ว่าจะลองใช้ดูน่ะครับ "เจตน์ว่าก่อนจะหันไปทางพนักงาน แต่เพราะกำลังดูแลลูกค้าคนอื่นอยู่จึงทำให้ไม่ได้มาดูแลเขา
" อ้าว ว่าจะลองกลิ่นซักหน่อย "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองบ่นพึมพำออกมาเบาๆ

"ผมก็ใช้....อืม..."ร่างเพรียวขยับออกมาเล็กน้อย มองการแต่งตัว กับบุคลิกลักษณะของอีกฝ่าย
"กลิ่นนี้ ก็คงจะเหมาะกับคุณเหมือนกัน "

นั่นทำให้เจตน์ขยับเข้าใกล้สจ๊วตหนุ่มแล้วขยับสูดกลิ่นที่ออกมาจากกายของหนุ่มร่างเพรียวอย่างถือวิสาสะก่อนจะนึกได้
 " อะ..ขอโทษครับ  "

"ฮ่ะๆ.... " สุธาสินไม่ได้ ขยับหนีหรือแสดงท่าทีไม่พอใจ แต่หัวเราะออกมาเบาๆ 
"ไม่เป็นไรครับ...เป็นยังไงครับ...น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการตัดสินใจนะครับ" ชายหนุ่มว่า

" งั้น ผมเอาขวดนี้ก็แล้วกัน ขอบคุณนะครับที่ช่วยเลือก "
เจตน์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินไปจ่ายเงินพร้อมกับโชว์พาสปอร์ตให้กับพนักงานเพื่อเป็นการยืนยัน

แต่เมื่อหันกลับมาอีกที สจ๊วตหนุ่มคนนั้นกลับหายตัวไปเสียแล้ว

==================

หลังจากบินไปพักเครื่องที่ญี่ปุ่น แล้วจึงบินต่อไปที่ฮาวาย ผู้โดยสารหลายคนเตรียมตัวมาพร้อมกับ หนังสือ อ่านเล่นส่วนตัว บางคนก็ต้องหาความสำราญให้กับตัวเองด้วย หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆที่อยู่ตรงหน้า
หรือบางคน ก็พอใจที่จะเรียกใช้บริการของพนักงานบนเครื่องให้นำหนังสือ หรือ เครื่องดื่ม มาเสริฟ

ส่วนชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองก็นั่งฟังเพลงรอคจากไอพอตของตน และอ่านหนังสือนิตยสารภาษาอังกฤษของสายการบินไปด้วย

" ขอโทษครับ ขอกาแฟร้อนครับ " ชายหนุ่มเงยหน้าจากหนังสือแล้วหันไปทางพนักงานที่กำลังทำงานของตนอยู่ข้างๆเขา กลิ่นหอมอ่อนๆที่ผ่านไปผ่านมา ค่อนข้างจะทำให้เจตน์แน่ใจว่าคงจะเป็นกลิ่นเดียวกับที่ตนเองซื้อมาเป็นแน่

"ครับ...."เสียงล้อเลื่อนค่อยเลื่อนมาหยุด ชายหนุ่มดึงเอาแก้วกาแฟ ขึ้นมาวาง ก่อนจะดึงกา กาแฟ ขึ้นมาค่อยรินใส่แก้ว จัดวางช้อนและซองครีมและน้ำตาลใส่ ก่อนจะจัดเสริฟให้อย่างคล่องแคล่ว "ได้แล้วครับ..."

" อีกนานไหมครับกว่าจะถึง แล้ว ที่นั่นช่วงนี้พอจะเล่นเซิร์ฟได้ไหม? "ชายหนุ่มเริ่มถามหาสิ่งที่เขาจะทำที่นั่น

"อีก สองชั่วโมงเครื่องก็จะถึงที่หมายแล้วครับ...อากาศที่ฮอนโนลูลู วันนี้ แจ่มใสครับ คลื่นแรง น่าจะเหมาะกับการเล่นเซิร์ฟนะครับ" สุธาสินยิ้ม ให้กับอีกฝ่าย
"พักผ่อน พร้อมทั้งเล่นเซิร์ฟด้วย เป็นความคิดที่ดีนะครับ... ไม่ทราบจะรับอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าครับ"

" ไม่ล่ะครับ ขอบคุณครับ " เจตน์ยิ้มให้อีกฝ่าย
เขามองตามร่างเพรียวที่เข็นรถเข็นผ่านเขาไป คนๆนี้ดูเป็นมิตร ผิดกับหน้าตา และท่าทางแรกๆที่เคยเห็นที่ผับ ดูเป็นคนหยิ่งและเข้าถึงตัวยาก ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะอ่านหนังสือต่อไป

==================

เมื่อมาถึงสนามบินฮอนโนลูลู ชาวต่างชาติเพื่อมาเยือนจะได้รับการต้อนรับด้วยดอกไม้เขตร้อน
เสียงเพลงและบรรยากาศโดยรอบ ดูจะยิ่งเน้นย้ำความเป็นฮาวายให้รู้สึกได้ไม่ยาก

สุธาสินออกจากหน้าที่แล้ว เขาเอ่ยลา กับเพื่อนร่วมงาน เมื่อเดินออกจากสนามบิน เขาจองโรงแรม แยกกับครูวว์ในเที่ยวบิน ที่ฮาวายนี่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะมาเพื่อพักร้อนและเป็นเพียงแค่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งเท่านั้น

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงเปลี่ยนเป็นเสื้อคอโปโลสีขาวดูสบายๆเข้ากับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน หลังจากเข้าเช็คอินที่โรงแรม เดินออกมาพร้อมกับกล้องดิจิตอลแบบคอมแพ็คในมือ เตรียมพร้อมจะเก็บทุกเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆที่เจอ ในเมืองเขตร้อนเอาไว้

เขามาพักผ่อนสบายๆในฮาวาย หลีกหนีให้พ้นจาก ความจู้จี้ขี้บ่นของเพื่อนร่วมงานสาว ความน่าเหนื่อยหน่ายของกัปตันบนเครื่อง และ ความอลหม่านในตัวเครื่อง หนีทุกอย่างมาเพื่อพักผ่อนและอิ่มเอมกับท้องฟ้าสีคราม ทะเลสีฟ้าใส และเกลียวคลื่นสีขาว

เสียงโห่ร้องดังขึ้นเรียกความสนใจ บนเกลียวคลื่นมีร่างของนักโต้คลื่นกำลังอวดลีลา
ริมฝีปากได้รูปยิ้มก่อนจะกดชัตเตอร์เก็บภาพนั้นเอาไว้ ก่อนจะเอนกล้องไล่มาเรื่อยจนเห็นว่าใครคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นจากน้ำพร้อมกระดานโต้คลื่น

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง ที่เห็นจากไกลๆดูคุ้นตา จากบนเครื่องคนนั้น ชายหนุ่มที่บัดนี้ผิวขาวแบบชาวไทยเชื้อสายจีนเริ่มคล้ำลงเล็กน้อยกำลังเดินขึ้นมายังเก้าอี้ชายหาดที่เช่าเอาไว้พักผ่อน

"คุณเจตน์" สจ๊วตหนุ่ม เดินเข้าไปใกล้พอที่จะส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายเอาไว้

" ครับ? "
เจตน์หันไปตามเสียงเรียกนั้น " อ้าว เจอกันอีกแล้ว? "

"คลื่นดีไหมครับวันนี้"

" ดีเหมือนที่คุณบอกแหละครับ .. ว่าแต่เล่นด้วยกันไหมครับ? "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองเอ่ยช่วนอีกฝ่าย

"ฮ่ะๆ...ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมเล่นไม่เป็นเสียด้วยซิ่ "ชายหนุ่มยกมือเป็นเชิงปฏิเสธ "แค่มาเก็บรูปน่ะครับ... "

" งั้นนั่งที่นี่ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมออกไปอีกรอบ  " เจตน์ว่า แล้วหันไปโบกมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่มให้อีกฝ่าย
" ดื่มอะไรดี? "

ชายหนุ่มยิ้ม "แล้วนี่เลิกเล่นแล้วเหรอครับ"

" นั่งเป็นเพื่อนคุณจะดีกว่า .. ว่ามาสิ ดื่มอะไรดี? "
ชายหนุ่มยิ้มจนเห็นฟัน แสดงความจริงใจพลางเร่งเมื่อพนักงานเดินมารับออเดอร์แล้ว

"เอ๊ะ.... " สุธาสิน เลิกคิ้วสูง มองหน้าของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความจริงใจนั้นพลางยิ้ม "...น้ำมะพร้าวซักแก้วน่าจะดี..."

" โอเค "เมื่อได้รับคำตอบนั้น ชายหนุ่มก็หันไปสั่งเครื่องดื่มให้อีกฝ่ายทันที

"ขอบคุณครับ "ชายหนุ่มยังคงพูดกับอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำสุภาพ ก่อนจะเริ่มถามในสิ่งที่ยังไม่แน่ใจ
"คุณ...ทำงานบริษัทเดียวกับ ...คิมใช่ไหม"

" ครับ พี่คิมเป็นพี่ที่แผนกน่ะ "คำที่เรียกบุคคลที่สามว่าพี่ทำให้เขาต้องนึกได้
" คุณเป็นเพื่อนพี่คิมเหรอครับ? "

"เห็นเขาเป็นฝรั่งๆ ผมก็เรียกเขาคิม เฉยๆนี่ล่ะครับ ...ไม่เคยถามอายุกันเสียด้วยซิ่" สุธาสินโกหกคำโต หากให้เจตน์เข้าใจว่าเขาเป็นเพื่อนในวงเหล้าของคิมหันต์อาจจะดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องยุ่งยากในภายหลัง

" งั้น เราเป็นเพื่อนกันได้ไหมครับ? "น่าแปลกที่คราวนี้เจตน์อยากจะหาเพื่อนคุยอย่างจริงจังในต่างแดนแบบนี้ จะเรียกได้ว่าถูกชะตาก็คงไม่ผิดนักกับสจ๊วดหนุ่มคนนี้

"เพื่อน?...ยินดีครับ" ชายหนุ่มยิ้ม
"อาจจะต้องแนะนำตัวกันใหม่...เรียกผมว่า สินก็ได้" มือเรียวยื่นไป

" เจตน์ ครับ  "มือแกร่งจับกับอีกฝ่ายเบาๆ
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงสบตากับอีกฝ่าย ริมฝีปากได้รูปยิ้ม  ก่อนจะเอ่ย "ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ..."

เป็นนานกว่าที่เจตน์จะรู้สึกตัว เขารีบปล่อยมือจากอีกฝ่ายทันที รู้สึกแปลกๆ
" เอ่อ ครับ .. ผมไปเซิร์ฟต่อดีกว่า  "

"ตามสบายเลยนะครับ... "ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนจะยกแก้วน้ำมะพร้าวขึ้นดื่ม เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ชายหาด
"ผมอาจจะต้องขอนั่งพักที่นี่อีกซักหน่อย"

" ตามสบายครับ นั่งไปจนเย็นเลยก็ได้ แล้วไปกินข้าวกัน โอเคไหม? "เขาทิ้งคำชวนไว้แบบนั้นแล้วถือบอร์ดวิ่งออกไปเซิร์ฟต่อ

สุธาสินมองตามชายผมสีน้ำตาลทองร่างสูงนั้นไปก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขามองแก้วน้ำมะพร้าวที่อยู่ในมือ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ ดึงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาพร้อมทั้งวาง ค่าน้ำลงบนโต้ะ
"ไม่รอฟังคำตอบแบบนี้ จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ" สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น แล้วออกเดิน เก็บภาพ ต่อไป

==================

กว่าเจตน์จะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อเขาหันมาจากทะเลแล้วพบว่าคนที่ควรจะนั่งอยู่ตรงนั้นได้หายไปแล้ว ชายหนุ่มหยุดเล่นกีฬาที่เขาโปรดปรานและเล่นเป็นจากการได้มาเวิร์กแอนด์ทราเวลที่อเมริกาสมัยเรียน เขาว่ายเข้าฝั่งแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ แก้วน้ำมะพร้าววางอยู่ข้างๆกับเงิน มูลค่าของมัน

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองมองซ้าย มองขวา แต่ก็ไม่พบสุธาสินแล้ว

==================

talk : อืม..คนเขียนก็รู้สึกว่าฮิตมันวิ่งอยู่นะ แต่คนอ่านคงไม่แฮปปี้เท่าไหร่ที่เจ้าชินจะแต่งงาน :mew2: .. แต่ว่าสำหรับตัวคนเขียนแล้ว นี่คือชีวิตของคนทั้งคู่ล่ะค่ะ .. ก้าวต่อไปนะ!
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่33=(20/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 21-10-2013 06:37:12
แค่เห็นว่าอีกคนแต่งงานไปก็ไม่อยากอ่านต่อแล้ว มันเศร้า   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่33=(20/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 21-10-2013 07:56:46
เจตต์จะไม่ได้คู่กับชินจริงๆ เหรอ เอิ่ม...เรื่องมันเศร้า :'(
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่33=(20/10/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 21-10-2013 09:35:58
เรื่องมันเศร้า ............
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่34=(7/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 07-11-2013 22:41:18
=ตอนที่34=

พระจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ลมทะเลพัดเข้าหาชายฝั่ง
เสียงเพลงในแบบเร็กเก้ดังคลอเคล้าเสียงคลื่นและเสียงหัวเราะของแขกของโรงแรมและที่พักอีกสองสามแห่งบริเวณชายหาด มารวมตัวกัน จัดปาร์ตี้ขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์
บางก็เต้นรำคลอเคล้ากันไปกับเสียงเพลง บ้างก็ยืนดื่มเครื่องดื่มสุดพิเศษที่ทางโรงแรมเตรียมเอาไว้ ให้พร้อมกับอาหารแบบฮาวายเลิศรส

สจ๊วตหนุ่มก็มาร่วมงานพร้อมทั้งเพื่อนักท่องเที่ยวที่บังเอิญเจอกันเมื่อครู่

ร่างสูงโปร่ง ดูเพรียวลมมากขึ้นในเสื้อเชิ๊ตสีขาวกับกางเกงผ้าแบบผูกที่หาซื้อได้ก่อนกลับเข้าพักผ่อนในโรงแรมเมื่อตอนเย็น ชายผ้าทิ้งลงนั้นลู่ตามลมเล็กน้อย เมื่อสายลมพัดผ่านมา

หนุ่มชาวไทยผิวแทนแดดเล็กน้อยเองก็อดที่จะมาร่วมสนุกกับปาร์ตี้ฟูลมูนริมหาดในฮาวายแบบรี้ไม่ได้เช่นกัน เจตน์มาในเสื้อกล้ามสีขาวเผยให้เห็นรอยสักที่ต้นแขนและแผ่นหลัง กางเกงผ้าแดงนั้น ทำให้เขาดูเด่นไม่น้อยเลยทีเดียว

ชายหนุ่มเดินไปหยิบแก้วเหล้าแล้วขยับตัวไปตามเสียงเพลงเล็กน้อย เขาเองก็ไม่ได้หาเพื่อนเป็นจริงเป็นจังนัก นอกจากการเอ่ยขอเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่ยอมรอเขาไม่กินข้าวเย็นด้วยกัน

แล้วก็ต้องเหลือบเห็นสีผมที่เด่นสะดุดตาของคนที่อยู่ในงานเลี้ยง เจตน์ไม่รอช้า เขาเดินตามเข้าไปทันทีพร้อมกับมือที่ถือแก้วเหล้า

" สิน! "เขาเรียกชื่อของคนที่หันหลังให้ " เจอตัวแล้ว "

"ไม่ดีกว่าครับสาวๆ...ผมเริ่มเมาแล้วด้วย..." ชายหนุ่มเอ่ยปฏิเสธเสียงเบา ความจริงเขาไม่ได้เมาแต่อย่างใด แต่ ก็คงต้องยอมรับเลยว่า เขาไม่ถูกโรคกับผู้หญิงช่างตื๊อซักเท่าไร การปฏิเสธแบบนี้ อาจจะพอถนอมน้ำใจอีกฝ่ายได้บ้าง

" คุณจำผมไม่ได้แล้วรึไง? "เจตน์ถือวิสาสะจับไหล่บางนั้นให้หันมาหาเขา "  อยู่ๆคุณก็หายไปอีกแล้ว "

"อ่ะ...อ้าว...คุณเจตน์...เจอกันอีกแล้วนะครับ" สุธาสินตอบกลับ ทำทีเป็นไม่ได้ยินข้อความที่อีกฝ่ายพูด

"พอดีพวกสาวๆเขาต้องการคู่เต้นน่ะครับ...ไม่เต้นรำเหรอ?" ได้ทีก็รีบโยนหน้าที่เต้นรำกับสาวๆให้กับผู้มาใหม่ทันที

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อนเลย ส่วนมากมักจะต้องเออออกับการเอาแต่ใจของเขาทุกราย
" ผมอยากเต้นกับคุณมากกว่า "มือแกร่งดึงมือบางนั้นไว้เบาๆ

"เต้นกับผม?...เหมือนคิมจะเคยบอกว่าคุณคบกับ....ใครซักคนอยู่? มันจะดีเหรอครับ" รอยยิ้มที่มอบให้นั้นแฝงความขี้เล่นอยู่ในที

" เต้นกับเพื่อน จะไม่ได้เชียวเหรอครับ? "เจตน์ย้อนถามท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ไม่มีใครที่ปฏิเสธเขาได้เลย ทำไมคนๆนี้ ถึงทำให้เขาแปลกใจนักนะ

"เป็นเพื่อนแล้วจะต้องเต้นรำด้วยเหรอครับ...ผมนึกว่าต้องเต้นกับคนรัก หรือ คนที่คุณมีใจด้วยเสียอีก" สุธาสินย้อนถาม
 "ยิ่งเพลงแบบนี้ด้วยแล้ว ..." เพราะทำนองเพลงที่เปลี่ยนไปเป็นเพลงช้า แถมยังเป็นเพลงรักหวานที่ทำให้ใคร ต่างขยับเข้าหาคู่เต้นทำให้ต้องคิดดีๆ ก่อนจะเดินออกไปที่ฟลอร์กับใคร เขายังอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ไม่อยากจะ ให้ใครมองว่าเขามีคนที่ผูกมัดหรืออะไรด้วย ซักเท่าไรนัก

คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่สบอารมณ์นักมือแกร่งเกาศีรษะไปมา เขาไม่เคยต้องรับมือกับคนแบนี้จริงๆนั่นแหละ
" งั้น...ไม่เต้นก็ได้ "ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะมองไปข้างหน้า คู่รัก ทั้งที่มาด้วยกัน และอาจจะเจอกันที่นี่ต่างก็ออกไปเต้นรำกันอย่างมีความสุข


"ดูท่า...จะไม่ค่อยมีใครปฏิเสธ คุณซักเท่าไรนะ..." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงเอ่ยขึ้นมาลอยๆ


" คุณเป็นคนแรกเลย ทั้งแต่ผมจำได้ " เจตน์ไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย เขามองตรงไปข้างหน้า
พลางนึกถึงสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้ที่เมืองไทย เพื่อนรักของเขา คงเคยเต้นรำอย่างมีความสุขกับอิสราภรณ์ นึกๆแล้วก็ช่างเป็นภาพที่ชวนขำนัก ที่หนุ่มอ้วนคนหนึ่งจะเต้นรำกับสาวสวยแบบนั้น

..ช่างไม่เหมาะกับเจ้าอ้วนของเขาเลยแม้แต่น้อย..

"ดีแล้วครับ...เจอผมที่ไหนอีกก็บอกคนอื่นไปเลยนะ ว่า "นี่ล่ะ คนที่ปฏิเสธผม" " สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานเสริฟ รับแชมเปญ มาสองแก้ว
 "ดื่มนะครับ"

" ............................ "ดูเหมือนเจตน์จะยังคงจมกับความคิดของตัวเอง ขณะที่มองคู่รักคู่หนึ่งข้างหน้า หนุ่มร่างท้วมท่าทางอารมณ์ดีกำลังเต้นรำกับแฟนสาว พวกเขาดูรักกันมาก

"เจตน์?...มีอะไรหรือเปล่า .... "ชายหนุ่มขยับแก้วแชมเปญแตะกับท่อนแขนของอีกฝ่ายเบาๆ

" หมอนั่นน่ะ.. "ชายหนุ่มยังคงมองไปข้างหน้า " กำลังจะแต่งงาน "

"ใครครับ?" ได้ยินแบบนั้น ก็อดจะถามต่อไม่ได้ แต่...ดูๆไปแล้วอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ยินคำถามของเขามากกว่า เหมือนกับว่า คนตรงหน้าได้จมลงไปสู่ห้วงความคิดที่เขาไม่อาจจะเข้าใจ
สุธาสินวางแก้วแขมเปญทั้งสองลงกับโต๊ะก่อนจะหันไปหาอีกฝ่าย ช่วงแขนเรียวพาดลงบนไหล่กว้างนั้นก่อนจะตบเบาๆ

" คนที่เข้าใจผมมากที่สุดในโลก หมอนั่นกำลังจะแต่งงาน .. มันกำลังจะทิ้งผมเอาไว้ข้างหลัง "

"ไม่มีใครทิ้งใครไปหรอก... คนเรา แค่มีทางเดิน คนละทาง" ชายหนุ่มเอ่ยเสียเบา
 "หรือจะมีก็แต่...ตายจากกันไปเท่านั้น...คนๆนั้นของคุณก็ยังอยู่ไม่ใช่หรือไง"สจ๊วตหนุ่มเอ่ย ก่อนจะขยับออกห่าง
 "ถ้าเขายังไม่ได้จากไปไหนไกลขนาดนั้น มันก็มีวันที่คุณทั้งสองจะ ตามกันทันอยู่ดีไม่ใช่หรือไง... หรือคุณยอมแพ้แล้วที่จะก้าวต่อไป" สุธาสินพูดพลางตบมือลงบนหน้าตัก แล้วลุกขึ้นยืน มือเรียวคว้าแก้วแชมเปญมาดื่มอึกเดียวหมด

"เพื่ออนาคต..." รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปาก ก่อนที่ร่างเพรียวนั้นจะเดิน เลยฟลอร์เต้นรำลงไปที่ชายทะเล

" พูดเองเออเองก็เป็นแฮะ "เจตน์มองตามร่างเพรียวนั้นไป เขาไม่ได้เดินตามลงไป .. แม้จะเกิดความสนใจในตัวของสุธาสินมาก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายขีดเส้นกับเขาเอาไว้ เขาเองก็ไม่ควรจะรุกจนอีกฝ่ายต้องอึดอัดเหมือนทุกครั้ง

==================

เจตน์กลับไปพักผ่อนที่ห้องพักก่อนที่ปาร์ตี้จะจบเสียด้วยซ้ำ คืนนี้เป็นคืนที่เขาได้พักผ่อนจนเต็มอิ่มหลังจากนอนไม่หลับมาหลายวัน และตื่นขึ้นในช่วงเช้าที่สดใส

เขาลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวสบายๆแล้วลงมาทานอาหารเช้าพร้อมๆกับแขกคนอื่นของโรงแรม และร่างเพรียวที่สะดุดตาด้วยผมสีน้ำตาลแดงที่จิบกาแฟอยู่ก็ทำให้เจตน์เดินเข้าไปทักทันที

" ไม่ยักรู้ว่าคุณเองก็พักที่นี่ "

"อ้าว...อรุณสวัสดิ์ครับ" ชายหนุ่มผมแดงยิ้ม ก่อนจะวางแก้วกาแฟ พลางผายมือเป็นเชิงให้อีกฝ่ายนั่งลง
"เชิญครับ"

" เมื่อคืนผมนึกว่าคุณกลับไปแล้ว "เจตน์นั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม
" หรือว่าโกรธผมซะอีก "

"โกรธ ผมมีอะไรจะต้องโกรธกัน?" ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
"ผมก็แค่ หนีปาร์ตี้มาแล้วยังจะมาเจอปาร์ตี้อีก... มันก็ออกจะน่าเบื่อไปหน่อยจริงไหม" ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งชุดอาหารเช้ามาเสียหนึ่งชุด
"แล้ววันนี้ มีโปรแกรมจะไปไหนหรือเปล่า...." สุธาสินเอ่ย

" คงจะไปเดินเที่ยวในเมือง ดูพวกของพื้นเมือง อยากไปด้วยไหมล่ะ? " เจตน์เอ่ยชวน ในฐานะ เพื่อน

"อืม... " ใบหน้ามนเหมือนจะพยักหน้ารับ "ก็ดีเหมือนกันนะ ผมมาที่นี่ ก็ยังไม่ได้วาง โปรแกรมอะไรไว้เลย"

" โอเค งั้นวันนี้ไปกัน  "เจตน์สรุปเสร็จสรรพ แล้วยิ้มดีใจราวกับเด็กๆที่จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อน

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองใบหน้าที่ยิ้มอย่างเปิดเผยนั้น ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ
 
....ยิ้มเปิดเผย...ดีนะ.......

==================

ชายหนุ่มทั้งสองคนออกไปทัวร์รอบเมืองด้วยกัน พร้อมทั้งไปเดินซื้อของ และชมการแสดงแบบ ฮาวาย ตามที่มีอยู่ในหนังสือคู่มือการท่องเที่ยวของฮาวาย และหมู่เกาะโดยรอบ ที่เจตน์เป็นคนถือติดมือมา

" สิน เราไปพายเรือคายัคกันไหม? "
เจตน์ถามขึ้นมาขณะที่พวกเขากำลังทานอาหารกลางวันออยู่ ท่าทางเขาจะสนใจมากเลยทีเดียว

" พายเรือ? ที่ไหนล่ะ ที่เกาะใหญ่นี่หรือที่ไหน เกาะ ลาไน ?...เห็นว่าที่นั่นสวยมาก แต่นี่มันก็เที่ยงแล้ว ไปตอนนี้ คงได้พายกันตอนกลางคืน..."สจ๊วตหนุ่มเริ่มคิดเรื่องเวลา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้

" งั้น พรุ่งนี้เราไปกัน เก็บกระเป๋าค้างคืนด้วย โอเค้? "เขาถามความเห็นของอีกฝ่าย ไม่ได้พูดเองเออเองเหมือนทุกที

"ค้างเหรอ...อืม...."สุธาสินมองดูแผนที่ ระยะทางมันก็ไม่ใช่ใกล้ๆ "โอเค ค้างเป็นค้าง"

" โห..แต่นั่งเครื่อง ท่าทางจะไกลมากแฮะ "เจตน์บ่นพึมพำเมื่อเห็นทางที่จะไปได้จากเกาะใหญ่ที่พวกเขาอยู่

"เราอาจจะต้องค้างกันหลายวันหน่อยล่ะมั้ง ไปที เอาให้คุ้มคุณกำหนดกลับตอนไหน? " สุธาสินถามพลางเปิดโบชัวร์

" ผมลางานมาสามอาทิตย์น่ะ ..  "

"เหรอ...อืม...งั้นไปค้างซัก...สามสี่วันเป็นยังไง ส่วนโรงแรม ที่นี่ มันก็คืนละเป็นร้อยเหรียญเหมือนกันนะ สะดวกไหม หรือจะหารค่าห้องกัน?" สุธาสินเอ่ยถามนึกสนุกเหมือนจะออกไปแคมป์กับเพื่อนหรืออะไรซักอย่าง

" หารก็ดีนะ .. พูดตรงๆ ผมก็เพิ่งทำงานปีแรกน่ะ เงินเก็บมีไม่เยอะเท่าไหร่หรอก "เจตน์ยิ้มอย่างโล่งอกเมือ่ได้ยินข้อเสนอนั้น

"เหรอ...ฮ่ะๆ...ตกลงหารกัน ไปที่นี่ก็แล้วกันนะราคาไม่แพง มากแล้วก็ดูเหมือนคนจะไม่เยอะ ผมไม่อยากเจอคนเยอะๆน่ะ" สจ๊วตหนุ่มว่าพลางส่งโบชัวร์ที่เขาเลือกมาให้กับอีกฝ่าย เขาเอง ทำงานมาได้สองปีแล้ว ด้วยการงานที่ทำ ทำให้เขาไม่มี ปัญหาอะไรมากนัก หากจะเลือกโรงแรมที่ดีกว่านี้ แต่เพราะเขา อยากจะมีเพื่อนไปด้วยมากกว่า

" โอเคงั้นไปกัน คุณจะเป็นคนติดต่อให้หรือยังไงดี? "ท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเด็กๆทำให้สุธาสินต้องยิ้มออกมาอีกครั้ง

"อื้ม ได้ซิ่ เดี๋ยวผม บอกที่เคาท์เตอร์ให้เขาช่วย ติดต่อให้ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงว่า พลางหยิบโบชัวร์มาจากมือของเจตน์แล้วเดินไปที่เคสท์เตอร์ของโรงแรมทันที

" บริการดีจริงแฮะ " เจตน์เอ่ยแซวอีกฝ่ายเล็กน้อย คงเป็นนิสัยที่ติดมาจากงานที่สุธาสินทำอยู่เป็นแน่

==================

เช้าวันรุ่งขึ้นทางสองเร่งเรียกรถแท็กซี่ไปยังสนามบินท้องถิ่นเพื่อบินข้ามเกาะไปยังเกาะที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะใหญ่ทันที
ด้วยระยะ ทางที่ไม่ไกลมากนัก ทั้งสองคนเดินทางมาถึงเกาะ ที่มีชายหาดแสนสวย ได้ในเวลาเพียงอึดใจ
รถแท็กซี่แบบกระป๋องพาทั้งสองคนนั่งมาจนถึงโรงแรมที่มีชายหาดเล็กๆเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงแรม
ทั้งสองได้รับการต้อนรีบเป็นอย่างดีไม่ต่างไปจากตอนที่ลงมาจากเครื่อง ทางเดินไปจนถึงห้อง นั้นลัดเลาะไปกับสระน้ำที่มีไว้บริการ พร้อมด้วยเก้าอี้หวายื่ตั้งเรียงราย ใต้ร่มคันใหญ่

ห้องพักที่จองเอาไว้ นั้นมีหน้าต่างบานใหญ่เปิดให้เห็น วิวของทะเลสีครามที่อยู่ด้านนอก แบ่งเป็นสองส่วนคิอ ส่วนของห้องรับแขกและห้องนอนที่มีเตียงเดี่ยวสองเตียง

" วิวดีแฮะ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองโยนกระเป๋าลงกับเตียงที่เขาเลือกก่อนแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เห็นทะเลได้ชัดเจตน์เลยทีเดียว

"นี่...." เสียงเรียก ดังจากด้านหลัง ก่อนจะมีเสียงชัตเตอร์ตามมา ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงยืนยิ้มอยู่ พร้อมกับกล้องดิจิตอลในมือ

" อ้าว แอบถ่ายได้ไง? "เจตน์ทำหน้าเหวอก่อนจะเดินย่างสามขุมมาพยายามแย่งกล้องในมือ

"ถ่ายรูปขึ้นเหมือนกันนะ "สจ๊วตหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ กับหน้าตาเหวอๆของอีกฝ่าย พลางก้าวเท้าหนี เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้
"ไม่ให้หรอก...ขืนเอากล้องไป เดี๋ยวคุณก็ลบรูปซิ่ ผมอุตส่าห์ถ่าย"

มือแกร่งนั้นถือวิสาสะดึงแขนอีกฝ่ายไว้แล้วแย่งกล้องนั้นมา เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย

" ไม่เอาน่า...." ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ "เอางี้ๆ " เขาทำมือเหมือนจะขอสงบศึก
 "ถ่ายด้วยกันดีกว่า "ช่วงแขนเรียวเปลี่ยนมาล็อคคอของอีกฝ่ายให้อยู่นิ่งๆ
"เอ้า มองกล้องหน่อย "ว่าพลางก็ยืดมืออีกข้างออกไป เตรียมกดชัตเตอร์

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองขมวดคิ้ว ทำหน้าบูด ผิดกับสุธาสินที่ทำหน้าระรื่นใส่กล้อง

----------- แชะ-------------

"อ้าว ทำหน้างี้ได้ไง ไม่เอา.." สุธาสินโวยวาย เมื่อ เห็นย้อนกลับดูภาพที่ถ่ายได้ พลางหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย แม้ระยะห่างจะใกล้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเคอะเขินอะไร "ยิ้มหน่อยซิ่

" คุณแกล้งผมนิ จะให้ยิ้มได้ไง? "คิ้วเรียวยังคงขมวด ก่อนจะลุกขึ้น " หาอะไรให้ทำหน่อยซิ จะได้หายโกรธไง "

"เอ้ะ...นี่ผมจะต้องง้อคุณด้วยหรือไง..." สุธาสินเลิกคิ้วถามพลางหัวเราะ... "ช่างเถอะ ได้รูปแบบนี้ไปก็ดีเหมือนกัน เอาไปให้เพื่อนดูคงขำกันไม่น้อย"

" อาบแดด ท่าจะดีวันนี้ " หนุ่มผมสีน้ำตาลทองลุกขึ้นดูวิวที่หน้าต่าง เขาพึมพำออกมาก่อนจะถอดเสื้ออก เผยให้เห็นแผ่นอกแกร่ง ที่คล้ำลงเล็กน้อยก่อนจะถามคนที่มาด้วยกัน
" อาบด้วยกันไหม? "

"อืม...คงดีมั้ง... ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนก็แล้วกัน ..."ชายหนุ่มเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมทั้งถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปข้างในห้องนอน
ไม่นานนักก็กลับออกมาพร้อมกับกางเกงว่ายน้ำ และ ผ้าขนหนูผืนใหญ่ หนังสืออ่านเล่น และ แว่นกันแดด "พร้อมแล้ว"

==================

ร่างบาง ขาวเหมือนไม่ค่อยได้โดนแดด โดนลม เมื่อเดินออกไปยืนอยู่กลางแดด สีผมนั้นเป็นประกาย สีแดงสดล้อเล่นกับพระอาทิตย์และปลิวไปเล็กน้อย เมื่อลมทะเล พัดผ่าน

ชายหนุ่มทั้งสองเดินไปยังบริเวณสระว่ายน้ำ ซึ่งมีเก้าอี้สาหรับอาบแดด และแสงแดดที่ไม่เป็นอันตรายกับเขาทั้งคู่มากนัก
เจตน์มองร่างเพรียวนั้น ขาวเนียนตา .. มันทำให้เขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นของตัวเอง

"มีอะไรหรือเปล่า " เสียงนุ่มเอ่ยถามพร้อมทั้งใบหน้าสวยที่หันมา นิ้วเรียวเกี่ยวแว่นกันแดดลงเล็กน้อย เพื่อมองหน้าของอีกฝ่าย
"แดดร้อนไปเหรอ หน้าแดงๆ ก็ไม่น่าฝืนนะ เดี๋ยวเป็นลมแดดเอา...ผมคนเดียวแบกคุณไม่ไหวหรอก"ริมฝีปากได้รูปนั้นยิ้มออกมาน้อย

" คุณสวยดี "เจตน์เอ่ยชมอีกฝ่ายมาตรงๆ " ยิ่งเห็นแบบนี้ ผมยิ่งคิดว่าคุณสวยจริงๆนะ "

"ขอบใจ..." แม้จะรู้สึกทึ่งกับคำชมของอีกฝ่าย ที่เอ่ยออกมาตรงๆ กับผู้ชายกันเอง แต่ ถ้านั่นเป็นคำชมแล้ว สุธาสินคนนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรนักที่จะรับมันไว้
 " คุณนี่ พูดตรงดีนะครับ...ในที่ทำงานผมน่ะ ไม่ค่อยมีให้ได้เห็นนักหรอก... แบบคุณเนี่ย"

" พูดตรงแบบผม คนบางคนที่ทำงานเขาก็รับไม่ได้เหมือนกัน .. มีแต่เพื่อนผมคนนั้นแหละที่เข้าใจว่าผมเป็นยังไง "
ชายหนุ่มว่าก่อนจะถอนหายใจ
 " แต่ไปนึกถึงมันทำไมเนี่ย จะแต่งงานเป็นพ่อคนอยู่แล้ว ถอนตัวออกมาดีกว่าเนอะ ..ไปนั่งตรงโน้นเถอะ สิน แดดแรงดี "เขารีบเปลี่ยนเรื่อง ดูราวกับว่าไม่ได้อยากพูดถึงปัญหาของตัวเองเท่าไหร่นัก

"คุณพูดเหมือนคุณอยากจะเจอหน้าเขา...แต่ก็ไม่อยาก...."สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ
" ถ้าคุณโกรธ หรือไม่พอใจอะไรก็น่าจะคุยกันดีๆน้า.... ผมนั่งตรงนี้ล่ะ ดีแล้ว คล้ำไปก็ไม่เหมาะกับงานผมเท่าไร...คุณคงเข้าใจ"

" โอเค.. แต่ที่จริงผมว่า .. ผิวขาวมันเหมาะกับคุณดี เอาล่ะ ผมไปนอนตรงโน้นนะ  "
เจตน์เดินแยกไปนอนที่กลางแดด แว่นตากันแดดอันใหญ่ถูกนำมาสวม เขาหลับตาลง ซึมซับไอแดด และเสียงของทะเล ความสงบของบรรยากาศ มันทำให้เขาสงบลงมาตั้งแต่มาที่นี่

==================

เสียงคลื่นที่ได้ยิน กับ แรงลมที่พัดผ่านมาทำให้คนที่ตั้งใจจะอ่านหนังสือ แต่ก็มัวแต่หันมองไปทาง ที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองเดินไป นั้น ยอมตัดใจวางหนังสือ ลงแนบอก ด้วยว่าโรงแรมนี้ไม่ค่อยมีแขกมาพักมากนัก ทำให้เขามีมุมเงียบๆ พอที่จะหลับตาลง และ สลัดความคิดแปลกๆที่อาจจะเกิดขึ้นในใจออกไป

ทั้งคู่ไม่ได้ใช้เวลาพูดจากันเท่าไหร่นัก ราวกับว่ามาด้วยกันเพื่อต่างคนต่างพักผ่อน หรือคิดเรื่องของตนเอง

" โอ๊ย..แสบๆ "หนุ่มผมสีน้ำตาลทอง กับผิวสีแทนแดด นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ พลางทำหน้าบอกบุญไม่รับเท่าไหร่นัก เขาอาบแดดมาเกือบทั้งวัน ถ้าสุธาสินไม่เรียกเขาซะก่อนคงจะไหม้ไปทั้งตัวแล้วแน่ๆ

"เป็นอะไรไป..." สุธาสินเอ่ยถามเสียงดังมาจากโซนห้องรับแขก แต่สายตายังจับจ้องอยู่กับ ทีวี ที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย มือกำลัง ทาครีม ไปทั่วแขน มันเป็นเรื่องจำเป็น ที่จะต้องป้องกันไม่ให้มันไหม้ไปมากกว่า ที่ควรจะเป็น
ก่อนจะหันไปมองเห็นผิวที่คล้ำลงไปมากของอีกฝ่าย แผ่นอกกว้างนั้น แทบจะเป็นรอยแดงไปทั้งตัว สจ๊วตหนุ่มกลั้นหัวเราะเอาไว้แทบไม่ทัน
" ไปตกถังสีมาหรือไง"

" ขำอีกๆ .. ก็เกาน่ะซิ คันยิบๆเลยอะ "เจตน์ขมวดคิ้วอีกแล้วพลางเกาตามแขนตามตัวอีก

"เฮ้...อย่าเกาซิ่..."ร่างบางลุกจากโซฟา ไปรั้งมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองหน้าของอีกฝ่ายเหมือนจะต่อว่า
"มานี่... นั่งลง... ผมจะทายาให้ "สุธาสินพูดพลางดึงให้อีกฝ่ายเดินตามเขาไปนั่งที่เตียงสองมือเรียวจับให้อีกฝ่าย นั่งหันหลังให้
"มันต้องทาครีม ก่อน กับ หลัง อาบแดด ตัวจะได้ไม่ไหม้ จะได้ไม่คัน...." เสียงนุ่มเอ่ย เหมือนจะสอน พลาง มือเรียวป้ายยากึ่งโลชั่น ลงบนผิวที่ไหม้แทบจะเรียกว่า เกรียมจนสุกแดงได้ที่ของอีกฝ่าย

มือเรียว ไล้ทาไปเบาๆ บนผิวของอีกฝ่าย " เจ็บรึเปล่า" เสียงดังราวกระซิบดังขึ้นเบาๆที่ข้างหู ในขณะที่ยังไม่หยุดทา ครีมลงบนไหล่แกร่งนั้น

เสียงหัวใจเต้นแรงของหนุ่มผมสีน้ำตาลทองคงเป็นคำตอบที่ไม่ตรงคำถามนัก ซึ่งการใกล้กันขนาดนั้นก็ทำให้สุธาสินรู้ได้ไม่ยาก

"ตื่นเต้นเหรอ" เสียงนั้นถามกระเซ้า เมื่อรู้สึกได้ผ่านจากสัมผัสบนผิวเนื้อ

" แปลกรึไง ถ้าผมจะตื่นเต้นกับผู้ชาย? "มือแกร่งนั้นจับมือเรียวที่ละเลงครีมให้เขาอยู่เบาๆ

เมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาจับมือเขาไว้แบบนั้น สุธาสินนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้ม
"ไม่แปลกนี่ คุณชมว่าผมสวย...มันก็ชัดเจนดีอยู่แล้ว"

ดวงตาสีน้ำตาลนั้นเป็นประกายเมื่อต้องกับแสงไฟ แสงสีส้มนวลจากโคมไฟทำให้มองไม่ออกว่า สจ๊วตหนุ่มกำลังมีสีหน้าแบบไหน
สจ๊วตหนุ่มเหลือบมอง มือแกร่งที่จับมือของเขาเอาไว้เป็นเชิงถาม ว่าจะให้เขาทำหน้าที่ต่อไปได้หรือยัง

นั่นทำให้ชายหนุ่มปล่อยมือออกได้อย่างง่ายดาย

"เอ่อ...ผ้าเช็ดตัวจะหลุดแน่ะ...." ก่อนจะแซวเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าปมผ้าเช็ดตัวที่ขมวดอยู่มันจะคลายออกอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะแรง เมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาอย่างกระทันหันเมื่อครู่

" อะ..โทษทีๆ " ชายหนุ่มรีบดึงผ้าพันตัวขึ้นมาห่อนจะขมวดปมใหม่ ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ด้วย
" ไม่หลุดละ ผมหันหลังให้ทาดีไหม? "

"คุณก็ไม่น่าจะหันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ..." สุธาสินพูดพลางตบหลังอีกฝ่ายเบาๆให้อีกฝ่ายหันกลับไปเหมือนเดิม
จนเมื่ออีกฝ่ายหันไป สจ๊วตหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ หวังว่าอีกฝ่าย คงไม่ได้ ยินนัก คำพูดของอีกฝ่าย มันตรงเสียจน เขา ต้องอาศัยเวลาซักหน่อยในการตั้งรับ เลยทีเดียว

....ไม่คุ้นกับคนตรงๆแบบนี้เลยจริงๆ

"อ้อ..... สักสวยนี่" ก่อนจะเอ่ยชม เมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายมีรอยสัก

" ร้ายเหมือนผมนั่นแหละ "เจตน์ตอบอย่างติดตลก รอยสักรูปซาตานของของที่หลังนั้น มันแสดงให้เห็นถึงความเอาแต่ใจไม่ใช่เล่น

"ร้าย?... ไม่รู้ซิ่นะ อาจจะเอาแต่ใจแล้วก็คิดว่า ตัวเอง...เป็นใหญ่ล่ะมั้ง" สุธาสินเอ่ยออกมา เขาพอจะเดาได้ กับหลายๆคำพูดของอีกฝ่ายว่าเป็นคนอย่างไร
"มีคนเคยบอกคุณใช่ไหมล่ะ เรื่องนี้.... ผมคงไม่ใช่คนแรกหรอกนะ" มือเรียวนั้นไล้ลงไปกับแผ่นหลัง เรื่อยลงไปจนเกือบถึงบั้นสะโพก

" เอาล่ะพอดีกว่า " อยู่ๆเจตน์ก็ขยับตัวออกห่างจากมือของสุธาสิน
" ขอบคุณนะ " เขาเดินไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

"อ้าว...ทายังไม่ทั่วเลย" สุธาสินแปลกใจ ในมือยังถือขวดโลชั่นเอาไว้
"จะทาเองเหรอ? ทาเองไหม ขอโทษที ผมคง ทาแรงไปหน่อย"

" ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณมาก " เจตน์ปฏิเสธเรียบๆ ถ้าสุธาสินจะสังเกตเห็น คงจะพอรู้ว่า ใบหน้าได้รูปนั้นกำลังพยายามสะกดกลั้นอะไรอยู่

"โกรธผมเหรอ... ที่ผมพูด?"

" เปล่า..ก็แค่..รู้สึกสะอึกนิดหน่อย ถึงผมจะพอรู้ตัว แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าบอกตรงๆแบบนี้ "

..ยกเว้นเจ้าอ้วนนั่น..

เจตน์ถอนหายใจ " ใช่ไหมล่ะ ผมมันนิสัยแย่ คบกับใครก็ไม่รอดซักราย เพราะผมมันเป็นแบบนี้ "

"ผมก็ไม่รู้หรอกนะ...ก็แค่บอกไปตามเนื้อผ้า... แต่ถ้าคุณยอมรับแบบนั้นได้ ก็...ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ดีกว่า ไม่ยอมรับตัวเอง "
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเอาขวด โลชั่นไปยัดใส่ในมือของอีกฝ่าย แล้วเดินกลับไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนโดยไม่ลืม จะปิดไฟหัวเตียง

"จัดการตัวเองก็แล้วกันนะ ผมนอนล่ะ ราตรีสวัสดิ์"

==================

talk : ไม่ได้อัพนานมาก แม้จะเรื่อยๆ แต่ก็เรื่อยๆต่อไปนะคะ หวังว่าจะสนุกกับฮาวายของเจนต์และเพื่อน(?)ใหม่นะคะ
ปล.อย่าเศร้าไปเลยค่ะ ชีวิตของเจนต์มันต้องก้าวต่อไปนั่นล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่34=(7/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: BlackKnight09 ที่ 08-11-2013 21:38:09
เศร้าอ่ะ

อุตสาห์ รับรักแล้วแต่ต้องเสียไป

แล้วจะยังไงละ หนีมาแล้วทางโน้น จะคิดยังไง

มาต่อ เร็ว ๆ เนอะๆๆๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่35=(16/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 16-11-2013 20:38:08
=35=

ในตอนเช้า ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ลุกขึ้นดึงผ้าม่านเปิดออก แสงแดดยามเช้าประกายสีทองระยิบ ไปกับพื้นน้ำ

"อื้ม วันนี้ น่าจะอากาศ สดใส เหมือนเมื่อวานนะ"
ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะเดินกลับไปยังรูมเมทจำเป็น ที่ยังคงนอนคุดคู่อยู่ใต้ผ้าห่ม
"นี่...ตื่นเถอะ ไปดำน้ำกันเถอะ ต้องติดต่อเรือเขาด้วยนะ..."มือเรียวตบเบาๆ ลงบน ผ้าห่มเบาๆ

" อื้อๆ "ชายหนุ่มค่อยตื่นขึ้น แต่ก็ยังงัวเงียอยู่ไม่น้อยเลย
" ยังไม่ได้ติดต่ออีกเหรอ? "

"เอ...เอ๊ะ ไม่ซิ่ เหมือนจะไม่ได้ ติดต่อ เรื่องอุปกรณ์ ดำน้ำมากกว่า "สุธาสินเอ่ย
"เอาะเถอะยังไงก็ต้องรีบตื่นเหมือนกันนั่นล่ะ"  ชายหนุ่มเอ่ยพลางตบลงอีกครั้งบนผ้าห่ม "ลุกๆ"

" โอเคๆ"เจตน์ถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาแต่งตัวในชุดลำลองสบายๆอย่างเสื้อคอโปโลกับกางเกงสามส่วน

"รอแป๊บนะ เดี๋ยวอาบน้ำก่อน....อ้อ...เอากางเกงว่ายน้ำไปด้วยล่ะ งานนี้ ได้ลงน้ำ กันไม่ได้ ขึ้นแน่เลย" สต๊วตหนุ่มเอ่ย พร้อมกับรอยยยิ้มบนใบหน้า นึกสนุกไม่น้อยกับกิจกรรมที่แพลนไว้ว่า จะทำ

" ลงน้ำ? " หนุ่มผมสีน้ำตาลทองทวนคำพลางขมวดคิ้ว " แต่ก็เอาเถอะ เลยตามเลยละกัน "
เขาเตรียมของจำเป็นที่น่าจะเอาออกไปใช้ในวันนี้ เช่นแว่นกันแดด กางเกงว่ายน้ำ ครีมกันแดด และอื่นๆ

===================

อาหารเช้าที่โรงแรมเตรียมไว้ถูกจัดการอย่างเต็มอิ่ม ดูท่า อาหารทุกมื้อที่ฮาวายจะถูกใจเจตน์ที่ชอบอาหารรสจัดเป็นพิเศษ

"เดี๋ยวไปดำน้ำกัน..."

" ดำน้ำ? นี่ไม่ต้องเข้าไปเรียนก่อนรึไง แบบว่าดำน้ำลึกเหรอ? "เจตน์ขมวดคิ้ว ดูท่าว่าวันนี้จะเจอของยากเข้าแล้ว

"ดำน้ำดูประการัง ตื้นๆนี่เอง...เขามีพนักงานเทรนให้ก่อนหรอก" สุธาสินว่าพลางชี้นิ้วทางพนักงาน ของโรงแรมที่ยืนยิ้มอยู่อีกด้าน

" งั้นก็โอเค ฮะ ฮะ ฮะ "นั่นทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองต้องหัวเราะแก้เขินที่เข้าในผิดไปเสียยกใหญ่

===================

หลังจากอาหารเช้า ทั้งสองคน เดินตามพนักงานของโรงแรมไปจนถึงชายหาด เรือแคนนู สองสามลำ เตรียมพร้อมอยู่ที่ชายหาด พนักงาน รับหน้าเป็นติวเตอร์ ให้ทั้งในเรื่องการใช้สนักเกิ้ล และการพายเรือ อยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนจะทำหน้าที่เป็นไกด์นำทั้งสองคน ออกไปยังจุดดู ปะการัง

น้ำทะเลใส คลื่นลมแม้มีบ้างก็ไม่เป็นอุปสรรค ที่จะพายเรือไปตามเส้นทางที่ไกด์เป็นคนนำทางไป
จนเมื่อถึงจุดชมปะการัง ทั้งสองสละเรือ ลงใส่สนักเกิ้ลและตีนกบกันอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มชิน ว่ายดำดู ความสวยงามใต้พื้นน้ำกันอย่างลืมเหนื่อย นี่อาจจะเป็นข้อดี ของการมาพักผ่อนก็เป็นได้

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองดำลงดูฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่เบื้องล่าง อย่างเพลิดเพลินและในบางครั้งก็ดึงสุธาสินให้ดูด้วยกันด้วย
จนเมื่ออากาศในปอดจะหมดเสียก่อน สุธาสินยื้อแขนกลับ ทำท่าชี้ขึ้น บอกเป็นเชิงว่า จะต้องไปแล้ว

แต่เจตน์กลับขยับขาไม่ได้ เขาพยายามขยับแขนเพื่อพาตัวเองไป แต่ยิ่งขยับตัวมาก็ยิ่งปวด

ท่าทางแบบนั้นทำให้คนที่กำลังจะถีบตัวเองขึ้นเหนือน้ำ กลั้นใจ ดำลงกลับไปใหม่ กึ่งดึงกึ่งพยุง เอา คนเจ็บ ขึ้นเหนือน้ำทันที

"....ช่วยด้วย..." แม้ทุกลักทุเล ไม่น้อย แต่ ก็พาเอาตัวเองกับอีกฝ่ายขึ้นมาเหนือน้ำได้ ไกด์ที่สแตนด์บายรออยู่ด้านบน รีบ พายเรือ เข้ามาช่วยดึงทั้งสองคนเอาไว้เหนือน้ำ ก่อนวิทยุ เรียก หน่วยพยาบาล ให้รีบนำเรือเร็วมาทันที
"ทนหน่อยนะ เป็นอะไรมากไหม พยุงตัวขึ้นไปบนเรือ ก่อนนะ...จะนวดให้..."
สจ๊วตหนุ่ม ดูจะไม่ลืมหน้าที่การทำงาน แม้จะอยู่ในสถานการณ์ ทั้งๆที่ตกใจ แต่ กลับ ตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

มือแกร่งพยายามพยุงตัวเองให้ได้มากที่สุด เขารู้ดีว่าตนเองตัวหนัก มันยากเกินกว่าที่คนผอมกว่าอย่างสุธาสินจะพยุงตัวเขาได้ได้สะดวก

" โอย " เจตน์ครางออกเมาเบาๆเมื่อหน้ากากถูกสุธาสินดึงออกความปวดยังคงลามไปทั่วช่วงขาทั้งสองข้าง
" อย่างกับ..เป็นอัมพาตน่ะ.. "

"เฮ้ บ้าน่าแข็งใจหน่อยซิ่ แค่ นวดก็หายแล้ว..."สุธาสินทำเสียงดุ  ก่อนจะดันให้อีกฝ่ายเกาะเรือคายัคเอาไว้เป็นหลักยึดนะหว่างที่รอให้ หน่วยพยาบาลมาถึง ได้ยินเสียงเรือแล่นมาแต่ไกล คงจะเข้ามาใกล้มาแล้ว

มือเรียว ขยับไปจับขาของอีกฝ่าย พยายามนวดให้เบาๆ จนเมื่อ หน่วยพยาบาล มาถึงด้วย เรือที่ลำใหญ่กว่าเรือคายัค ที่มีพื้นที่ เพียงน้อยนิด พนักงานของโรงแรม กับ คนขับเรือช่วยกันดึงตัวเจตน์ ขึ้นในฯที่ตัวเขาเองก็รีบตามไปดู อาการ
"เป็นไงบ้าง"ถามไปมือก็ยังหยุด บีบนวด

" ดีขึ้น .. ขยับได้ นิดหน่อย " เขาว่าพลางพยายามขยับขา

"โอเค งั้นบอกให้เขา เอาเรือเข้าฝั่งดีกว่า "สีหน้ายังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ร่างบางหอบหายใจเหมือนเหนื่อย กับการพยุงร่างใหญ่กว่าของอีกฝ่ายเอาไว้ในน้ำ เมื่อครู่ พนักงานขับเรือ พยักหน้ารับ ก่อนจะรีบหันหัวเรือกลับเข้าฝั่งทันที

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง จะถูกหามเข้าไปในห้องพยาบาลของโรงแรม แต่เจตน์ร้องห้ามเอาไว้ เขาไม่อยากนอนบนเตียงแข็งนั่น จนท้ายที่สุด ก็ถูกพากลับเข้าไปในห้องจนได้

===================

" น่าอายแฮะ เป็นตะคริวจนได้ "เจตน์บ่นออกมาเมื่ออยู่กับอีกฝ่ายสองต่อสอง อาการของเขาดีขึ้นมาแล้ว หลังจากที่ได้สุธาสินช่วย และพนักงานของโรงแรม

"จะอายอะไรกันเล่า ใครก็เป็นได้หรอก...คุณคงเหนื่อยน่ะ" สุธาสินยิ้ม ก่อนจะส่งกระป๋องน้ำอัดลมเย็นๆให้กับอีกฝ่าย
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงนั่งลง ที่ข้างเตียง

"ดีนะไม่จมหายไป"

" คุณคงไม่ยอมให้ผมจมหรอก "เจตน์ตอบอย่างมั่นใจ ดวงตารีนั้นสบตาอีกฝ่ายแล้วยิ้มให้

"คุณคงไม่สมควรตายขนาดนั้นหรอกมั้ง" สุธาสินมองหน้าของอีกฝ่าย
"ดูหน้าแล้ว คงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้น"มือเรียวเผลอยื่นไปแตะใบหน้าของอีกฝ่าย จนรู้ตัวว่า ทำอะไรลงไป ก็ดึงมือออกทันที
"ไม่มีไข้.... โอเค งั้นพักไปก็แล้วกันนะครับ"

มือแกร่งดึงมืออีกฝ่ายเอาไว้แต่มันก็คงจะแรงเกินไปหน่อย

ร่างบางเซกลับเข้ามาตามแรงดึง ได้ยินเสียงอุทานจากร่างของสจ๊วตหนุ่มเบาๆ
"อ่ะ..ขอโทษ " ดวงตาสีเข้มที่สบตาของอีกฝ่ายนั้นฉายแววตกใจไม่น้อย

" ขอบคุณนะที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ "เจตน์ตอบ ทั้งๆที่ตอนนี้เขากำลังจับจ้องที่ริมฝีปากบางนั้น

"พูด...อะไรแบบนั้น..." สุธาสินรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องหน้า ของเขาอยู่ ดวงตาคู่สวยนั้นเสมองไปทางอีก
"เป็นใครก็ต้องทำไม่ใช่หรือไง"
"ถ้าคุณเห็นคนเป็นอะไรไปตรงหน้า ก็ต้องช่วยไม่ใช่เหรอ "สุธาสินหันกลับมาสบตาของอีกฝ่าย

แต่ใบหน้าของเจตน์ ที่อยู่ไม่ห่างออกไปนั้นกลับมีแรงดึงดูดอย่างประหลาด ทั้งๆที่อยากจะหลบสายตา แต่น่าแปลก...เขาอยากจะเข้าใกล้มากขึ้น สุธาสินขยับตัวสัมผัส กับ ริมฝีปากนั้น แผ่วเบา ก่อนจะถอนริมฝีปากออกมารวดเร็ว

ริมฝีปากนุ่มอุ่นที่แนบลงมา สำหรับเจตน์แล้ว มันเป็นสิ่งที่ไวต่อการตอบสนอง ชายหนุ่มยังอยากจะได้รับสัมผัสนั้นอีก จากคนๆนี้มือแกร่งดึงสุธาสินให้ก้มลงมาอีกครั้ง และคราวนี้ ริมฝีปากได้รูปก็มอบจูบที่ร้อนแรงขึ้นกว่าที่อีกฝ่ายเริ่มก่อน มากนัก

เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ มือเรียวใช้ เตียงเป็นที่พยุงตัวเองเอาไว้ มืออีกข้างดูเหมือนไม่รู้จะวางเอาไว้ตรงไหน สุดท้าย สัมผัสใบหน้าแกร่งนั้นแผ่วเบา

ริมฝีปากบางพยายามขยับออกเพื่อขออากาศหายใจ ตั้งแต่กลับไปเข้าทำงาน จนกระทั่งขอตัวมาพัก เขาไม่ได้สัมผัสกับใครแบบนี้ มานานเท่าไรกัน

เป็นจูบแรกที่เริ่มต้นยาวนานนักสำหรับทั้งคู่ ปลายลิ้นร้อน เลียริมฝีปากของตนเบาๆ เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกมาจากความหวานของสุธาสิน

ความเงียบเกิดขึ้น ได้ยินหัวใจตัวเองเต้นรัวอยู่ในอก สุธาสินอยากจะขยับหนี แต่ตัวก็เหมือนจะยังไม่ยอมรับคำสั่งจากสมอง ทุกอย่างมึน หมุนคว้าง ได้ยินเสียงคลื่นกำลังซัดเข้าหาฝั่ง

"ข...ขอโทษ ผมไม่น่าทำแบบนั้น..." ชายหนุ่ม ขยับ ถอย กลับไปที่เตียงของตัวเอง ทันทีที่ตั้งสติได้ ไม่ยอมให้เจตน์ได้แก้ตัวหรือพูดอะไรอีก

ส่วนหนุ่มผมสีน้ำตาลทองก็ได้แต่มองตามร่างนั้น เขาควรจะขอโทษ หรือแก้ตัวอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ทำ .. เพราะในใจลึกๆ เขาไม่ได้คิดว่ามันผิดซักนิด..

===================

มื้อค่ำคืนที่สองของการเข้าพัก มีการจัด แคมป์ไฟเล็กๆ ให้ กับแขกที่เข้ามาพัก เนื่องจากมีคนเข้ามาพักไม่มาก เพราะไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยวจึงมีแขกเข้ามาพักในโรงแรม ไม่ถึงยี่สิบคน

ชายหนุ่มทั้งสองคนไปร่วมรับประทานอาหารค่ำ บนชายหาดที่มีการ วางคบเพลิงเอาไว้เป็น จุดๆยาวลงไปจนถึงชายหาด แต่ ท่ามกลางบรรยากาศ ของความสนุกสนาน เป็นกันเอง ดูเหมือนว่า สุธาสินจะไม่กล้ามองหน้าของเจตน์มากนัก มีเพียงรอยยิ้มน้อยๆ ยามเมื่อหยิบ บาร์บีคิวส่งให้เท่านั้น

" ขอบคุณ "เจตน์รับเอาของกินที่สุธาสินมักจะจัดแจงเอาใส่จานมาให้เขาเสมอ

ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วที่ตื่นมา ทั้งคู่ไม่ค่อยได้พูดจากันเท่าไหร่ และเพราะเจตน์เป็นตะคริวเมื่อวาน ตลอดทั้งวัน ทั้งสองคนจึงพักผ่อนอยู่ในห้อง

"ผม...ไปเดินรับลมหน่อยก็แล้วกัน " เสียงนุ่มเอ่ยเบาๆ ก่อนที่ร่างเพรียว จะเอาจานไปส่งคืนให้กับพนักงาน เสียงดนตรี บรรเลง อยากสนุก แต่ถ้าอีกฝ่ายยัง มองตามอยู่ตลอดแบบนี้ มีความรู้สึกเหมือนจะไม่ได้หายใจหายคอกันพอดี สุธาสิน เดิน ไปตามทาง ที่มี คบเพลิงปักไว้เป็นแนวลงไปจนถึงชายหาด

นั่นทำให้เจตน์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย .. มันเหมือนกับคืนแรกที่พวกเขารู้จักกัน ..แล้วสุธาสินก็เดินหนีเขาไป

เพียงแต่วันนี้ เพราะว่าจูบไปแล้ว เจตน์รู้สึกว่า เขาไม่สามารถจะปล่อยอีกฝ่ายไปได้อีกแล้ว คิดได้อย่างนั้น หนุ่มร่างสูงจึงเดินตามสุธาสินไปทันที

" สิน! "เขาเรียกชื่ออีกฝ่าย หลังจากปล่อยให้เจ้าของชื่อ เดินออกมาห่างจากแคมป์พอสมควร

เจ้าของชื่อหยุด ก่อนจะหันกลับมา ลมทะเลพัดเส้นผมสีน้ำตาลนั้น จนลู่ไปเล็กน้อย ร่างบางในเสื้อเชิ๊ตสีขาว ดูบอบบาง ท่ามกลางแสงสลัว

" คุณโกรธผมรึเปล่า เรื่องเมื่อคืนนี้? "เจตน์เดินมาอยู่ตรงหน้าร่างบาง ดวงตารีสบตาอีกฝ่ายท่ามกลางแสงนวลตาของโคมไฟ
เสียงคลื่นลมกระทบชายหาดเป็นระยะๆ พัดลมเย็นๆสู่ร่างของทั้งคู่

"โกรธ?...เรื่องอะไร..."สุธาสินเอ่ยเสียงเบา
"ผมเริ่มก่อนนี่ ผมควรจะถามคุณมากกว่า ไม่ใช่รึไง...."

" คุณหลบหน้าผมมาทั้งวันแล้ว .. ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ เดี๋ยวก็หมดสนุกกันพอดี "เจตน์ถอนหายใจ เขาไม่รู้จะทำยังไงกับท่าทางแบบนั้นของสุธาสิน

"ก็...ผม...ผมไม่รู้ซิ่ โธ่เอ้ย นี่มันบ้าแล้ว ผมนี่หาเรื่องเองแท้ๆ " สุธาสิน เริ่มสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางแล้ว ออกเดิน พยายามจะหลบ "ความผิด" ของตัวเอง
"ผมมาที่นี่ จะมาพักสมอง พักใจ...แต่...ไม่รู้ ...พอสัมผัสคุณแล้ว... ผมรู้สึกว่า ผมทำแผนตัวเองพัง มันแปลกๆ "ชายหนุ่มร่างบางหยุด ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าของอีกฝ่าย

"ตรงนี้..." มือเรียววางแทบอก ใบหน้าดูลำบากใจ แต่ก็มีความรู้สึกอื่นแอบแฝงอยู่ในนั้น

มือแกร่งจับมือเรียวของสจ๊วดหนุ่มมาแตะที่อกเขาเช่นกัน

" ตรงนี้ของผม ..ก็เหมือนกัน "เขายิ้มกับท่าทางของสุธาสิน
 " แต่ตรงนี้ของผมมันสงบลง ตั้งแต่ได้มาที่นี่กับคุณ .. นั่นเพราะผมได้อยู่กับคุณ "

"...มันก็แค่ไม่กี่วัน... "สุธาสินพูดเหมือนแก้ต่าง แต่ใบหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มขึ้นมานิดๆ เมื่อรู้สึกถึง หัวใจที่เต้นอยู่ในอกของอีกฝ่าย
ดวงตาสีเข้ม หันมองไปยังทะเล ที่ยังคง ซัดคลื่นเข้าหาฝั่ง

"แต่ช่างมันเถอะ "เสียงนั้นเหมือน ตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะดึงคอของอีกฝ่าย โน้มลงมา แตะริมฝีปากแผ่วเบา

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองหัวเราะในคออย่างพอใจกับท่าทางของสุธาสิน มือแกร่งโอบเอวบางนั้นไว้
" นั่นสิ..ช่างมัน  "ปลายลิ้นร้อนลากกับริมฝีปากบางอย่างยั่วเย้า

เสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคอแผ่วเบา สองแขนโอบร่างสูงเข้าหาตัว สัมผัสยั่วยวนนั้น ทำให้ร่างทั้งร่างรู้สึกร้อนไปหมดทั้งที่ลม ทะเล ก็นับได้ว่า เย็นสบาย

ริมฝีปากบางละออกจากริมฝีปากของอีกฝ่ายเล็กน้อย มือเรียวยึดไหล่แกร่งทั้งสองข้างเอาไว้ เป็นหลักเล็กน้อย
แต่มือที่โอบเอวบางนั้นกลับเริ่มลากไล้ไปที่สะโพกบางราวกับต้องการมากกว่านี้

"เอ่อ...เดี๋ยวซิ่...มีคนมาจะว่าไง... " รู้สึกได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกร้อง สุธาสินรีบยื้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ทันที

" งั้น..กลับห้องไหม? "

"ก็...กลับสิ... "สจ๊วตหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ รู้ได้ว่า ใบหน้าร้อนผ่าว แต่อีกฝ่าย ก็คงจะไม่ต่างกัน

===================

แสงไฟในห้องเป็นสีส้มนวล ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง พยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตที่ข้อมือที่เหลืออีกเม็ดออก น่าแปลก ที่แกะไม่ออกเสียที

....อะไร...ห่างไปพัก เป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ...
.....หรือเพราะอีกฝ่ายกันแน่นะ...

เจตน์เดินมาซ้อนแผ่นหลังนั้นก่อนจะจัดการปลดกระดุมเสื้อที่ติดอยู่ ริมฝีปากร้อนเม้มเบาๆที่ลำคอนั้น
" เป็นอะไรไป?.. "เขาถามงึมงำ ขณะที่ฝังริมฝีปากกับลำคอนั้น

"เปล่า ...ก็แค่...ตื่นเต้นมั้ง ผมไม่ได้...มีอะไรกับใครมาซักพักแล้ว"ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้กับการกระทำของอีกฝ่าย

"งั้น..ผมคงเป็นผู้โชคดีสิเนี่ย"มือแกร่งค่อยๆ ปลดกระดุมเชิ๊ตขาวตัวนั้นออกทีละเม็ด

" คงงั้น...มั๊ง "เสียงนั้นตอบแผ่วเบา

ชายหนุ่มรั้งมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าไปทางด้านหลังเล็กน้อยเพียงเพื่อจะจูบอีกฝ่าย ก่อนจะขยับ ตัวออกจากอ้อมแขนนั้น มือเรียว ดึง เอาเสื้อของตัวเองออกไปจนพ้นตัว

ผิวกายขาวเนียนนั้นเด่ชัดในสายตาของหนุ่มผิวแทน เจตน์โอบเอวบางนั้นไว้ก่อนจะเริ่มขยับไปซุกไซ้กับผิวกายขาวเนียนนั้น ทั้งๆที่พวกเขากำลังยืนอยู่

เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ พร้อมเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยจากสจ๊วตหนุ่ม
"จะอยู่กับแบบนี้เหรอ..."

" แล้วจะไปไหนดีล่ะ? โซฟา ห้องน้ำ ระเบียง หรือ ที่นอนดี? "เจตน์ถามติดตลก แต่ริมฝีปากของเขากลับไม่ได้ตลอกด้วยเลย มันกำลังทำงานเพื่อทำให้อีกฝ่ายมีอารมณ์ร่วม

"ปากดี.....อ๊ะ " สุธาสินอุทานออกมาเมื่ออีกฝ่ายสัมผัสแรงบนแผ่นอก
 "ที่ไหนก็ได้...เร็วสิ...." เสียงนุ่มนั้น ฟังดูยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเมื่อมือเรียวนั้นไล้มาจนถึงสะโพกแกร่งของร่างสูง เร่งเร้าให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ไม่ใช่ผ่านผิวผ้า ของกางเกงผ้าที่ยังผูกติดอยู่กับเอว

ช่วงขาเรียวที่เป็นตะคริวเมืองสองสามวันก่อน พาร่างบางไปยังเตียงของเขา ก่อนจะผลักร่างนั้นลงนอนเบาๆ บนเตียงนุ่ม
แล้วทาบทับลงไป ริมฝีปากและปลายลิ้นร้อนๆ หยอกเย้าอย่างเร่าร้อน จนผิวกายขาวมีร่องรอยปรากฏ

มือแกร่งลากไว้สะโพกไล่ไปถึงต้นขาก่อนจะปลดกางเกงที่สุธาสินสวมอยู่ออก จนร่างนั้นนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง

"ขี้โกงเป็นบ้า..." แม้จะพูดออกมาแบบนั้น แต่ก็ต้องพยามไม่น้อยที่จะเค้นเสียง ออกมา มือเรียวเอื้อมไปหมายจะแกะ กระดุมกางเกงของอีกฝ่ายออก ซึ่งเจตน์เองก็ยอมให้อีกฝ่ายทำให้เขา ออกจะถูกใจด้วยซ้ำที่สุธาสินช่วยเขาบ้าง

ร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่ปรากฏต่อหน้าสายตาของกันและกัน ดวงตารีมองร่างบางนั้นดูร้อนแรงจนแทบจะแผดเผาสุธาสินให้มอดไหม้

นิ้วเรียวลากตามผิวเนื้อเนียนของคนที่ดูแลตนเองเป็นอย่างดีตามอาชีพ จนมาถึงเบื้องล่าง หนุ่มผมสีน้ำตาลทองยิ้มให้อย่างทะเล้นก่อนจะขยับสะโพกเข้าหาอีกฝ่าย ให้ร่างของพวกเขาได้สัมผัสกันและกันเสียก่อน

สัมผัสร้อนจากร่างของอีกฝ่าย เหมือนจะยิ่งทำให้ ร่างบางควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้ สะโพกบางนั้นขยับตอบสนอง พร้อมกับเสียง ครางเครือจากร่างที่มีเหงื่อกาฬเกาะพราว

สองแขนโอบร่างแกร่งขยับเจ้าหา ราวกับจะเรียกร้องมากขึ้นไปอีก
".....เร็ว...ได้....ไหม"

เบื้องล่างขยับเข้าหาเร็วขึ้น จนเขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างบางนั้น  ในขณะที่ริมฝีปากก็มอบจูบที่ยั่วเย้าจนสุธาสินเคลิบเคลิ้มก่อนจะละริมฝีปากออก จูบลงต่ำเรื่อยๆ แล้วจับขาเรียวนั้นให้แยกออกกว้างก่อนจะมอบสัมผัสที่เร่าร้อนตามที่อีกฝ่ายปรารถนา

มือเรียวขยับคว้าเส้นผมสีน้ำตาลทองนั้นอย่างแรงจนแทบจะเรียกได้ว่าผวา ใบหน้าสวยส่ายไปมา ด้วยยากจะควบคุม ริมฝีปากเอ่ยถ้อยคำฟังไม่ได้ศัพท์ แต่มันเร่งเร้า ยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูกเช่นเดียวกับการขยับย้ายของร่างนั้น
แต่เจตน์กลับละออกไปเมื่อสุธาสินร้องครวญหนักขึ้น ในหัวได้ในสิ่งที่สุธาสินบอกว่าห่างหายจากสิ่งที่กำลังทำอยู่มานานนัก คิดได้อย่างนั้นจึงลากปลายลิ้นไปยังช่องทางร้อนๆที่เขาควรทำความรู้จักมันก่อนจะเข้าไปในไม่ช้า

"อ๊า..ไม่...ไม่ต้องก็ได้.... "ทั้งที่ปากยังร่ำร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ถึงความรู้สึก แต่กลับเค้นคำออกมาราวกับห้าม สุธาสิน ขยับหมายจะดันอีกฝ่ายออก มันน่าอายเกินไป ไม่ค่อยมีใครทำให้เขาขนาดนี้ ร่างบางตั้งใจขยับหนี

"  ให้ทำเถอะ..นะ "เจตน์กลับไม่ยอมให้สุธาสินขยับไปไหน มือแกร่งนั้นแรงเยอะเหลือเกิน เขาจับให้ขาเรียวนั้นแยกออกมากขึ้น ปลายลิ้นสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่กระตุก มือแกร่งขยับขึ้นสัมผัสความต้องการของหนุ่มร่างเพรียว ขยับขึ้นลงมากขึ้นเรื่อยๆ

ร่างบางเกร็งแน่น รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง ยกท่อนแขนขึ้นปิดหน้า ริมฝีปากบางเม้มแน่นเข้าหากัน เมื่ออยู่ในความมืดของตัวเอง ได้ยินเสียง หัวใจเต้นคละเคล้าไปกับเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย หัวใจขยับแรงมากขึ้นไปอีกจน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะควบคุมอะไรเอาไว้ไม่อยู่ ความร้อนผ่าว ที่พยายามอดกลั้นเอาไว้ กำลังจะทนต่อไปไม่ได้ อีกแล้ว ร่างนั้นเกร็งสั่น

"อ๊า...." ความต้องการถูกปลดปล่อย น่าอายเหลือเกินที่รู้สึกมากเสียจนควบคุมเอาไว้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะห่างหายไปนาน แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายต่างหาก ความเร่าร้อนเหล่านี้ มันยากจะอธิบาย
มันเลอะทั้งมือและใบหน้าได้รูปของผู้เร่งเร้า แต่เจตน์กลับไม่ได้รังเกียจ ความพร้อมของร่างกายแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เขายิ้มออกมาเสียด้วยซ้ำ

มือแกร่งรั้งขาเรียวข้างหนึ่งกับบ่ากว้างก่อนจะค่อยๆดันนิ้วที่เปรอะเปื้อนเข้าหาร่างที่ร้อนรุ่ม ส่วนมืออีกข้างก็ขยับไปดึงลิ้นชักที่หัวเตียงเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ

"เจตน์.... " เสียงเรียกชื่อนั้นดังขึ้น ทันที ร่างบางผวา กอดอีกฝ่ายเข้าหา ริมฝีปากบางประทับลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย เรียวลิ้นไล้เล็ม ได้รสของตัวเองเข้ามากระตุ้นเร้าความรู้สึกให้มีมากขึ้น สะโพกบางขยับรับสัมผัสของปลายนิ้วที่เพิ่มจำนวนและความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางเครือดังขึ้นในลำคอบ่งบอกได้ถึงความพอใจ

" อา..สิน "เจตน์ที่แทนที่นิ้วทั้งสามด้วยตนเองที่เตรียมพร้อมแล้วนั้นครางออกมาทันทีที่เข้าไปได้ทั้งหมด ชายร่างสูงก็เริ่มขยับกายเข้าหา เร็วขึ้น รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มือข้างนึงปลุกเร้าอารมณ์ของคนที่อยู่เบื้องล่างอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง

"เจตน์....อ้ะ...อ๊า...เจตน์..." เสียงนั้นตอบรับ มือเรียวจิกเกร็งลงบนผิวเนื้อ ของอีกฝ่าย ก่อนจะพยายามห้ามเสียงด้วยสัมผัส ลงบนผิวกายของอีกฝ่าย เม้มแรงฝากร่างรอยของตัวเองเอาไว้ไม่ต่างกัน สะโพกมน ขยับรับ สัมผัสจากร่างสูง เร่าร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็น ความสุข แล่นริ้วจากเบื้องล่างไปยังทุกโสตประสาท น้ำตาพร่างพรูห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ในอก ในร่างมันร้อนและสุขเกินจะทานทนไหว ร่างเกร็งแน่นอีกครั้งในเวลาไม่นาน 

"เจตน์....ผม...." เสียงนั้นขาดช่วง ราวกับจะบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่อาจทานทนเอาไว้ได้อีกต่อไป

" ผมก็..อึก! "เจตน์กระตุกเกร็งอย่างแรงในกายอีกฝ่าย พร้อมกับที่มือของเขารู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นอีกครั้ง

ร่างทั้งสองร่างหอบหายใจอย่างแรง ผู้บุกรุกกระซิบข้างใบหูร้อนนั่นเบาๆอย่างกวนประสาท

 " คุณน่ะ..ยอดไปเลย.. " ก่อนค่อยๆถอนกายออก แล้วรูดถุงยางอนามัยทิ้งลงที่ถังข้างเตียง ก่อนจะกลับมานอนคลอเคลียอีกฝ่ายไม่หยุด

"....พูดอะไร....ปากดี อีกแล้ว..." สุธาสินหอบเหนื่อย ร่างบางรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังล่องลอย ตาเขากำลังจะหลับ แต่ยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสของอีกฝ่ายบนผิวกาย "ขอโทษ....ผมควรจะใช้นั่นด้วย..." มือเรียวแตะหน้าของอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาหา บางอย่างยังหลงเหลือ ใบหน้าสวยร้อนผ่าว

" แค่ผมคนเดียวก็พอ .. อีกอย่าง .. ของคุณมันหวานออก "ปลายลิ้นร้อนค่อยๆทำความสะอาดคราบที่เลอะตามตัวของสุธาสิน อย่างอ่อนโยน

"บ้าไปแล้ว...ไม่ต้อง...."สุธาสินหัวเราะ ริมฝีปากบางคลี่เป็นรอยยิ้ม ความรู้สึกเต็มเปี่ยมในอกนี้ยังไม่ห่างหาย เป็นครั้งแรกที่มีใครทำให้รู้สึก ได้ถึงขนาดนี้ และมันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

 " ปล่อยเถอะ จะไปอาบน้ำ...."ร่างบางว่า พลางพยายามขยับหนี

" ไม่ต้องอาบหรอก .. กลิ่นหอมแบบนี้ น่าเสียดายออก นอนเถอะ คุณง่วงแล้ว "มือแกร่งกอดร่างบางเข้าหาตัว ผิวกายที่ร้อนระอุกลายเป็นความอบอุ่นที่เขาอยากจะกอดเอาไว้นานๆ

"แต่....ไม่เคย....นอนทั้งๆแบบนี้นี่..." เสียงนุ่มอ้อมแอ้มเอ่ย ใบหน้าสวยก้มลงกับแผ่นอกของอีกฝ่าย

" ก็ลองซี่..แล้วคุณจะชอบ มานี่มา "พูดจบมือแกร่งก็โอบร่างบางเข้ามาแนบชิด มือแกร่งกอดร่างนั้นไว้หลวมๆ
" Good night "

"ราตรีสวัสดิ์..."สุธาสินรับคำแผ่วเบา อ้อมกอดแกร่งของอีกฝ่ายนั้นอบอุ่น มันอบอุ่นมากขนาดนี้เชียวหรือในอ้อมกอดของใครบางคน สุธาสินยิ้ม ริมฝีปากบางแตะเบาๆบนแผ่นอกนั้น ก่อนจะหลับตาลง ไม่นานนัก ก็ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปกับห้วงฝัน เสียงคลื่นยังคงซัดสาดเข้าหาฝั่งราวเพลงขับกล่อม


Talk : ความสัมพันธ์ของคู่นี้ก็คืบหน้าไปเรื่อยๆนะคะ..ยังคงโพสต์ต่อไปเรื่อยๆนั่นล่ะค่ะ(แต่อาจจะช้าๆหน่อยแต่จบชัวร์นะคะ) ช่วงนี้ก็ลอยกระทงแล้วไปลอยกระทงกันก็ขอให้ระวังอันตรายจากประทัดด้วยนะคะ^^
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่35=(16/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 16-11-2013 21:47:33
ตอนแรกเหมือนเจตน์จะชอบชิน แล้วก็ไปชอบอาร์ท แล้วก็เปลี่ยนอีกละ
เรื่องมันไปเรื่อยๆโดยไม่จบใช่มั้ยน่ะ เจตน์ควรจะหยุดบ้างอ่ะ
ตอนแรกเชียร์ชินเต็มที่แต่พอนึกถึงลูกชินแล้วก็นึกว่าจะไม่มีไรแล้ว
นี่ไรอีกเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย งงว่าใครเป็นพระเอกใครสมควรเป็นนายเอก
เฮ้อออออออออออออ........................
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่35=(16/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-11-2013 22:09:19
เจตต์โครตมั่วอ่ะ ไหลไปเรื่อยเหมือนอยู่ใกล้ใครก็พร้อมที่จะโอนอ่อนไปกับคนนั้น ดีแล้วหล่ะที่ชินไม่ได้กับคนแบบนี้โลเลมาก ๆ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่35=(16/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 17-11-2013 10:17:51
โคไรท์เอง

นานจนจำไม่ได้ว่าเขียนอะไรไปบ้าง

แต่...อย่างที่เคยบอก จะว่า เจตน์โลเล ไม่พอ ? หรืออะไรก็ตามแต่ คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะรักคนๆแรกที่เห็น (ยกเว้นคนในครอบครัว) ถ้ามันไม่ใช่ สมองก็จะบอกให้เราออกตามหาต่อไป รู้สึกดีกับใคร...กับคนแบบเจตน์แล้วก็คงอยากจะบอกออกไปตรงๆ เจตน์ไม่ได้ผิด ถ้ารู้สึกดีแล้วมีความสัมพันธ์ด้วย มันขึ้นกับอีกฝ่ายว่าจะตอบรับเจตน์ได้ไหม...ซึ่ง มนุษย์ที่ชื่อว่าเจตน์นั้น โดนทิ้งมาแล้วสองคร้ง   :mew5:
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่36=(22/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 22-11-2013 22:20:56
=36=

เสียงนกร้องดัง คละเคล้าไปกับเสียงคลื่น  แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในยามเช้า ทำให้ คนที่ไม่คุ้นนักกับการนอนอยู่ในอ้อมแขนของใครรู้สึกตัวตื่นขึ้นได้ไม่ยากเย็น อ้อมแขนแกร่งที่ โอบรอบตัวอยู่ ทำให้ ยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะต้องซุกไซ้หาความอบอุ่นต่อ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ขยับลุกออกจากเตียงก่อนจะลุกไปอาบน้ำชำระร่างกาย อย่างที่อยากจะทำมาตั้งแต่เมื่อคืน

เสียงประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดตามมาด้วยเสียงฝักบัวทำให้หนุ่มผมสีน้ำตาลทองต้องลืมตาตื่น มือแกร่งลุกขึ้นนั่งก่อนจะเกาศีรษะไปมา
" ไม่โรแมนติกเลยน้า "

ไม่นานนักเสียงน้ำ ก็เงียบลง ก่อนจะตามมาด้วยร่างเพรียวที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ในเสื้อคลุมอาบน้ำ และผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนบ่า สจ๊วตหนุ่มดูสดชื่นเมื่อได้สระผม

" หนีไปอาบน้ำคนเดียวได้ไง? "เจตน์ถามพลางยิ้มกับท่าทางสดชื่นของอีกฝ่าย

"ก็... ผมบอกแล้วนี่ ว่าผมอยากอาบน้ำ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ตอบ ใบหน้าได้รูปนั้นยังมีหยาดน้ำเกาะอยู่ บ้างเล็กน้อย

" โอเค งั้นผมอาบต่อละกัน "ชายหนุ่มร่างสูงที่เปลือยเปล่าลุกขึ้นผ่านอีกฝ่ายไป แต่ก็ไม่วายที่จะช่วยสุธาสินเช็ดผมไม่ได้

"อาบน้ำซิ่..." สุธาสินเอ่ยพลางหัวเราะขยับหลบมือของอีกฝาย
"ผมทำเองได้... " ชายหนุ่มเอ่ย พลาง ดันอีกฝ่ายให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ
"ไม่ต้องห่วง ผมไม่หนีไปไหนหรอก เดี๋ยวรอไปกินข้าวด้วยกัน"

"อ้าว นึกว่าจะให้ช่วย " ด้วยเพราะเคยคบกับอารยะแล้วเคยชินกับการทำนั่นทำนี่เพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ เมื่อเห็นสุธาสินแบบนี้เขาเลยแปลกใจ

"ทำไมล่ะ... ก็.... เช็ดผมเอง แปลกตรงไหนกัน " สุธาสินเลิกคิ้ว ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างพิจารณา
"อ้อ...อย่าบอกนะว่า ต้องเช็ดผมให้แฟนด้วย?"

" เคยทำน่ะ.. เอาล่ะ เดี๋ยวหาอะไรกินกัน "เจตน์ตอบก่อนจะจัดการอาบน้ำให้เรียบร้อย รวดเร็วเหมือนทุกครั้ง

===============

"เร็วจัง... " สุธาสินยิ้ม ออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋า กับกล้อง ร่างบางเดินไปที่ประตู ก่อนจะหันกลับมา มองหน้าของอีกฝ่าย
"จูบได้ไหม "

" เอาสิ "

ริมฝีปากได้รูปนั้นคลี่ยิ้ม ก่อนที่ร่างของสจ๊วตหนุ่มในชุดเสื้อยืด ดูสบายตา จะขยับเข้าไปใกล้ ริมฝีปากนั้นแตะกับริมฝีปากของอีกฝ่ายแผ่วเบา

" morning kiss รึเปล่า? " เจตน์ถามเมื่ออีกฝ่ายถอนสัมผัสออก

สุธาสินเม้มฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง เสียงพึมพำว่า อาจจะใช่มั้ง

เมื่อเห็นแบบนั้นก็ทำให้หนุ่มผมสีน้ำตาลทองอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วหันไปหอมแก้มสุธาสินเบาๆ
" ไปกินข้าวเถอะ "

===============

อาหารเช้าของวันนี้ถูกรวมไว้กับอาหารเที่ยงที่โรงแรม

" ว่าแต่วันนี้ทำอะไรดีล่ะ? " เจตน์ถามอีกฝ่าย พลางดูนาฬิกา มันจะเกือบเที่ยงแล้ว จะไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมอื่นๆก็คงไม่ทัน

"อืม... คุณ...ก็....เป็นแบบให้ผมถ่ายรูป....ริมหาด จะเป็นไง"

" ฮะ ฮะ ผมหล่อขนาดนั้นเลย? "คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ

ชายหนุ่มสีน้ำตาลแดงขยับลุกขึ้นเล็กน้อย นิ้วเรียวขยับราวกับจะเรียกให้อีกฝ่าย ลุกขึ้นมาฟังในสิ่งที่เขากำลังจะพูด
ชายหนุ่มขยับเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย พลางขมวดคิ้ว
"ผมว่า... คุณก็...ไม่ได้ดูขี้ริ้ว และ....ก็ "ไม่เลว" ในหลายๆเรื่องนะ..." ริมฝีปากบางขยับชิดใบหูของอีกฝ่าย น้ำเสียงฟังดูซุกซน อยู่ในที

" ติดใจแล้วก็บอกมาเถอะ "แทนที่จะเขิน เจตน์กลับรำคำชมนั้นหน้าตาเฉย ก่อนจะเอ่ยชวน
 " งั้นเดี๋ยวไปเล่นน้ำที่หาดข้างหน้านี่ก็แล้วกัน ดีไหม? "

"ก็ดีนะ... หามุมเงียบๆหน่อยก็แล้วกัน..." ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ 

“ โอเค งั้นคิดเงินเลยดีกว่า ” เจตน์เรียกพนักงานให้มาคิดเงิน โดยที่มื้อนี้เขาอาสาเป็นเจ้ามือเอง

===============

หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จช่วงบ่ายๆ ทั้งคู่ก็เดินลงมายังหาดของโรงแรม เจตน์ที่สวมกางเกงว่ายน้ำขาสามส่วนเดินนำสุธาสินลงไปตามชายหาด ลงไปยังผืนน้ำที่เย็นสบาย

" มาซี่ ไม่ต้องกลัวดำหรอกน่า " เจตน์ป้องปากเรียกคนที่ยังตัดสินใจว่าจะลงหรือไม่ที่หาดทราย

"เอ้า...ชีส...." สุธาสินเอ่ยขึ้นพร้อมยกกล้องขึ้นเตรียมพร้อมจะถ่ายร่างสูงนั้น
" ยังมีรอยอยู่เลย" สุธาสินเอ่ยออกมาเบาๆ เมื่อมองผ่านกล้องไปแล้วยังเห็นร่องรอยที่ตัวเองฝากเอาไว้บนแผ่นอกของอีกฝ่าย

" อ้าว มัวถ่ายรูปได้ไง โอเค มาถ่ายในน้ำดีกว่ามา " หนุ่มร่างสูงโวยเล็กๆแล้วเดินขึ้นมาหาอีกฝ่าย
" มาเล่นน้ำกันน่า สิน "

"กล้องนี่ลงน้ำได้ไม่ลึก ก็อย่ากดผมลงน้ำ ก็แล้วกัน " ชายหนุ่มว่า พลาง เดิน ลง น้ำไปหา อีกฝ่าย ใน มือยังยกกล้องเอาไว้สูง

" นี่..ไม่อยากลองถ่ายรูปคู่กับผมหน่อยเหรอ? "เจตน์ถาม มือข้างหนึ่งจับมือให้ร่างนั้นเดินตามมา

มือเรียว คว้าคอของอีกฝ่ายเอาไว้ ดึงร่างสูงนั้นเข้ามาใกล้ ริมฝีปากได้รูปนั้นแตะเบาๆที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเฉกเช่นเมื่อตอนก่อนที่พวกเข้าจะเดินออกจากห้องมา แขนอีกข้างที่ชูกล้องเอาไว้นั้นยืดออกก่อนที่จะกดชัตเตอร์ สุธาสินเหยียดยิ้มทั้งที่ริมฝีปากยังแนบชิด
ท่าทางแบบที่ไม่เคยเจอกับใครทำให้เจตน์ต้องเผลอทำหน้าเหวอๆและชัตเตอร์ก็จับภาพเอาไว้ได้ ชายหนุ่มโวยวายเล็กน้อย แล้วขอโอกาสถ่ายใหม่ และภาพที่ได้ก็เป็นภาพที่ราวกับเป็นคู่รักกันเลยทีเดียว

"ขี้อายจริงๆ...แต่ที่จริง เมื่อคืน คุณก็ทำเอาผมอายไปเหมือนกันนะ " สจ๊วตหนุ่มหัวเราะรู้สึกได้ถึงแรงซัดของคลื่นที่โถมเข้าหา ร่างบางขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายเล็กน้อย
"คราวนี้ เก๊กหน้าดีๆ กันซักทีจะได้ไหม " ว่าพลางยืดมือออกไปอีกครั้ง

ภาพที่ทั้งคู่ถ่ายด้วยกันนั้น ราวกับเป็นคนรักกันเลยทีเดียว โดยที่ต่างก็ไม่รู้ตัวว่าสายตาที่มองกันและกันนั้น ราวกับว่าตกหลุมรักกันเข้าให้แล้ว ก่อนจะกดชัตเตอร์ ภาพที่ได้นั้นทำให้เจ้าของกล้องยิ้มออกมา

ชายหนุ่มขอเวลาเอากล้องไปเก็บบนโต๊ะที่ริมหาด นั้น ก่อนจะเดินกลับลงมา ท่อนบนเปลือยเปล่า คราวนี้ พร้อมแล้ว ที่จะสนุกไปกับท้องทะเลสีครามของหมู่เกาะฮาวาย

เจตน์วิ่งกลับมาที่หาดอีกครั้งแล้วดึงแขนของสุธาสินให้ลงมาเล่นกับเสียเร็วๆ เร็วเสียจนทั้งคู่เสียหลักเปียกกันไปทั้งตัว

" ฮะ ฮะ ฮะ  "เจตน์หัวเราะอย่างสบายอารมณ์เมื่อโผล่ขึ้นมาจากน้ำ

"อารมณ์ดีจริงนะ ..." สุธาสินว่าพลางสาดน้ำใส่อีกฝ่ายเล็กน้อย

" ได้แกล้งคนนี่ " เจตน์โอบรอบเอวบางนั้นเบาๆ มือข้างว่างแตะผิวแก้มที่ร้อนเพราะแดด
" ว่าแต่ไม่กลัวดำแน่นะ? "

"อืม... นั่นซิ่ ถ้าอย่างนั้นเราไปหาที่ร่มๆ....กันดีไหมล่ะ "สุธาสินยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายมีความหมาย

" แต่คงต้องล้างน้ำทะเลออกก่อนล่ะ กลับห้องไหมล่ะ? "
เจตน์เองก็เข้าใจมันดี คิดๆดูแล้วตอนนี้เมดก็คงมาทำห้องให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว

"ก็...ดี"สุธาสินรับคำพร้อมกับริมฝีปากบางที่สัมผัสเบาๆลงบนไหล่แกร่งของอีกฝ่ายได้รสของน้ำทะเล

===============


วันแล้ววันเล่าที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวัน ด้วยการออกไปเที่ยว ทำกิจกรรมด้วยกัน แล้วกลับมาสนุกกันบนเตียง หรือในบางวันก็ขลุกอยู่บนเตียงไม่ไปไหนเลย

เจตน์พยายามจะรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เริ่มมากขึ้น และในบางครั้งเขาเองก็อาสาที่จะออกเงินให้กับสุธาสินด้วย ทำให้การวางแผนการใช้จ่ายเงินในการทำงานปีแรกของเขาต้องล้มเหลว

"มีอะไรหรือเปล่า "สุธาสินถามเมื่อเห็นเจตน์ดูมีสีหน้า เคร่งเครียดในคืนวันหนึ่ง เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นชายหนุ่มนั่งกับอยู่ที่โซฟา บนโต๊ะตรงหน้า มีกระเป๋าสตางค์และของทุกอย่างวางอยู่ระเกะระกะ เหมือนถูกเทออกมาก็ไม่ปาน

" แย่แล้วน่ะสิ..ผิดแผนหมดแล้ว "เจตน์ขมวดคิ้วกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เงินดอลล่าตรงหน้าของเขามีเหลือไม่มากเท่าไหร่ ค่าห้อง ค่าเครื่องบินที่กลับเกาะใหญ่ล่ะ ถึงจะพอ เขาก็ต้องอดตายก่อนอยู่ดี มือแกร่งกุมศีรษะของตนเอง ก่อนจะถอนหาใจอย่างหงุดหงิด

"ให้ยืมก่อนไหม" สุธาสินเอ่ยออกมาแทบจะในทันที

" ............................. "
คำพูดนั้นราวกับกระตุกความรู้สึกและอารมณ์ในขณะนี้ให้แย่ลงไปอีก เจตน์เงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
" ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ.. "ก่อนจะลุกขึ้นโกยธนบัตร เงินดอลล่า และเงินเหรียญใส่กระเป๋าเงิน

"เจตน์...ผมไม่ได้หมายความว่าอะไรแบบนั้นนะ” ท่าทางแบบนั้น ทำให้สุธาสินต้องพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงในท่าทีของอีกฝ่าย

" คุณไม่ต้องห่วง เงินค่าห้อง และค่าตั๋วกลับเกาะใหญ่ ผมยังมี "เจตน์เดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อเก็บกระเป๋าของตนเองทันที
" แต่คงอยู่ได้ถึงแค่คืนนี้เท่านั้น "

"......................เหรอ......อืม...." สุธาสินรับคำด้วยเสียงเรียบๆจะให้เขาพูดอะไรได้มากกว่านี้ สถานการณ์มันเด่นชัดมากอยูแล้ว
"งั้น...ผมก็...กลับด้วย..."

" เช็คเอาท์พรุ่งนี้ก็แล้วกันครับ "

คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ทั้งคู่ต่างคนต่างนอนยังเตียงของตน บรรยากาศที่จู่ๆก็ตึงเครียด เพราะประโยคนั้นของอีกฝ่ายนั้น แทบทำให้เจตน์ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว

===============

ในตอนเช้าชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงยังคงตื่นเร็วเหมือนเช่นเคย ร่างเพรียวลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เมื่อเดินกลับมาที่เตียงของเจตน์เพียงเพื่อจะปลุก ให้อีกฝ่ายตื่น

หากแต่เจตน์ไม่ได้ตื่นสาย เหมือนทุกวัน เขาจัดการตัวเองเรียบร้อย รวดเร็วเหมือนทุกวัน แล้วมานั่งรอสุธาสินที่เก้าอี้โซฟากลางห้อง

" เดี๋ยวกินข้าวเช้าแล้ว เช็คเอาท์เถอะ  " หนุ่มผมสีน้ำตาลทองบอกคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางสงบนิ่ง ออกจะเย็นชาด้วยซ้ำ

"อ่ะ..อื้ม...ถือของไปเลยใช่ไหม...เพราะเครื่องบินจะเข้ามาตอนสิบโมง"
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงว่าพลางถือกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้ในมือ

" อืม แต่กินข้าวก่อนเถอะ ข้าวเช้ามันบวกกับค่าห้องแล้ว " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองยังคงยืนยันในสิ่งที่เขาพูด ก่อนจะดึงกระเป๋าของอีกฝ่ายมาถือไว้เอง
" ไปเถอะ "

"อืม" แม้จะรู้สึก ผิดที่ผิดทางไปบ้างกับการมีคนมาถือกระเป๋าให้ แต่ สุธาสินก็เดินตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว

===============

บรรยากาศในการทานอาหารเช้ายังคงเป็นไปด้วยความเงียบ เหมือนกับเช้านี้ที่เจตน์ตื่นมา หนุ่มผมสีน้ำตาลทอง ปล่อยให้สุธาสินจัดการเคลียร์ค่าห้อง ให้เรียบร้อย โดยที่ค่าห้องนั้น พวกเขาได้ตักลงหารกันคนละครึ่งตั้งแต่แรกแล้ว

"เรียบร้อยแล้วล่ะ... เรา....กลับกันเถอะ" น่าแปลกเหลือเกิน ที่ไม่อยากจะ เอ่ยคำนี้ออกมาเลย สุธาสินมองทิวทัศน์รอบด้านที่เริ่มให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย ก่อนจะหันมามองใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงที่เขาใช้เวลา อยู่ด้วยมาหลายวัน

เจตน์กลับหลบสายนั้นแล้วเดินนำหน้าอีกฝ่ายไป มือทั้งสองข้างมีกระเป๋าของตัวเขาเอง และ สุธาสิน .. มันต่างจากวันแรกที่พวกเขาเจอกัน วันนั้น สุธาสินเป็นคนอาสาถือกระเป๋าให้เขาเอง

===============

ทั้งสองคนเดินทางกลับมาถึงสนามบินที่เกาะใหญ่ ผู้คนกับนักท่องเที่ยวเดินไปมาขวักไขว่ หาได้สงบเหมือนครั้งที่หลีกไปอยู่ที่เกาะเล็กไม่

" หาที่พักเถอะ คืนนี้ก็คงต้องแชร์กันอีก ขอโทษด้วยนะ "ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองถอนหายใจออกมาเบาๆ เป็นเพราะเขาวางแผนการใช้เงินผิดพลาดถึงได้เป็นแบบนี้

"ไม่เป็นไรนี่... ผมต่างหากที่ชวนเที่ยวเสียเสียแผน ต้องขอโทษด้วย" สุธาสินเอ่ย ท่าทีของเจตน์นั้นแตกต่างไปจากสองวันก่อน แต่เขาพอเข้าใจดีว่าการที่เสียเงินไปจากกระเป๋าอย่างไม่รู้ตัว นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการถูก ล้วงกระเป๋านั้นล่ะ ...ไม่แปลกเลย ที่จะรู้สึกตกใจและเครียดในภายหลัง

" ช่างเถอะ.. "เจตน์โบกมือไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

"ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ เราไปพักที่ไหน ที่มันประหยัดหน่อยก็แล้วกัน" สุธาสินเอ่ย พลางยิ้ม "เซฟทั้งคู่"

" มีที่พักใกล้ๆที่นี่ไหมล่ะ? "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองมองซ้าย-ขวา
" ว่าแต่คุณจะไม่ลำบากเหรอ พักที่มันถูกๆ นอนไม่ค่อยสบายน่ะ "

"งานของผม มันต้องนอนไหนนอนนั่นได้ นั่นล่ะ "

===============

โรงแรมขนาดสองดาวเป็นโรงแรมที่เจตน์ตัดสินใจเลือกพัก ด้วยราคาที่ไม่แพงมากนัก ใกล้สนามบิน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพอสมควร

"เอ่อ...นี่เจตน์ แล้ว พรุ่งนี้คุณจะกลับเลยเหรอ " สุธาสินไม่ได้อยากจะถาม แต่ความอยากรู้ ก็ทำให้เขาห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ได้

" ครับ .. ไม่งั้นผมจะเอาอะไรกินที่นี่ล่ะ? "ชายหนุ่มว่าก่อนจะเปิดโทรทัศน์

คำพูดแบบนั้น ทำให้อดที่จะรู้สึกเจ็บไม่ได้
"อืม... โอเค ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ ก็นอนให้เต็มอิ่มก็แล้วกันนะครับ พรุ่งนี้ ตอนเดินทางจะได้ไม่เหนื่อยมาก" สุธาสินเอ่ย พลางเดินไปหยิบ ขวดวิสกี้เล็กๆ จากใน มินิบาร์ มาเปิดใส่แก้วและน้ำแข็งดื่ม
"อ้อ...อันนี้ ผมจ่ายเองนะ คุณไม่ต้องห่วง "

เจตน์พยักหน้าอย่างรับรู้ ก่อนจะล้มตัวลงนอนกับเตียง เขาไม่ได้อยากดูโทรทัศน์ซักเท่าไหร่นักหรอก แต่อยากจะเปิดให้เสียงมันทำลายบรรยากาศหากว่าต้องอยู่กันสองต่อสองก็เท่านั้น


เช้าวันรุ่งขึ้น หนุ่มผมสีน้ำตาลทองตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด เขาลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะหันมามองร่างบางซึ่งนอนอยู่อีกเตียงหนึ่งที่มักจะอาบน้ำก่อนนอนเสมอ  สุธาสินยังคงอยู่ในชุดเมื่อวาน ที่หัวเตียงมีแก้วและขวดวิสกี้ตั้งอยู่ เจตน์รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงดื่มไปหลายแล้ว จนไม่อาจลุกไปอาบน้ำได้ ซึ่งนั่นก็ดี สำหรับเขาในตอนนี้

เจตน์ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวสำหรับเดินทางกลับให้เรียบร้อย เช็คดูสัมภาระ และสุดท้าย เขาวางธนบัตรสกุลดอลล่า ค่าห้องพักไว้ที่หัวเตียงของสุธาสิน โดยที่ใช้แก้วเหล้าวางทับไว้ เจตน์มองดูใบหน้าสวยที่เคยมีความสุขร่วมกับเขามาในช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนจะก้มหน้าลง สัมผัสริมฝีปากบางนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไปให้เงียบที่สุด

...ก็แค่เพื่อนเที่ยว..ความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย...จะเป็นไร..

===============

หลังจากนั้นหลายขั่วโมง สจ๊วตหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาได้อย่างยากเย็นเพราะฤทธิ์ของวิสกี้ ที่ดื่มเข้าไป

เมื่อลืมตามองไปยังเตียงข้างๆ เห็นว่าเตรียงนั้นว่างเปล่า สุธาสินถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปที่หัวเตียงหมายจะคว้านาฬิกามาดู เวลา แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่า มีอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงด้วย

".....................เป็นคน จริงใจ แล้วก็ทำจริงอย่างที่พูดซิ่นะ" ชายหนุ่มร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

........แต่ ทำจริงด้วยการกลับไปจริงๆอย่างที่พูด....
....มันทำให้รู้สึกแปลก ไม่น้อย.....
....ความรู้สึกที่เต็มอิ่มในอกนั้นกลับรู้สึกเบาโหวง จนตั้งตัวไม่ติด....

===============

talk : โลเล หลายใจ หรืออะไรก็แล้วแต่..แต่นายต้องสู้ต่อไปนะ เจตน์
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่36=(22/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 22-11-2013 22:33:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่36=(22/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 22-11-2013 23:30:59
ก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของเจตต์อยู่ดี

เฮ้อ..หน่วง คิดถึงชิน เบื่อเจตต์ เง้อ...
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่37=(30/11/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 30-11-2013 14:11:03
=37=

--RRR---

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องพักในอพาร์ตเมนต์กลางเมืองของหนุ่มลูกครึ่ง

"ฮัลโหล... " เสียงรับจากปลายสายยังฟังดูงัวเงียไม่น้อย ทั้งๆที่เวลาก็ผ่านไปจนเกือบจะบ่ายโมงอยู่แล้ว

" อ้าว พี่อาร์ต? " น้ำเสียงห้าวแสดงถึงความแปลกใจ ที่อารยะมาอยู่ที่ห้องคิมหันต์และมารับโทรศัพท์ให้ ในเวลาแบบนี้

"อืม...ใครน่ะ...เจตน์เหรอ หายหัวไปไหนของนายมาเนี่ย " ทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาแต่กลับสรรหาคำพูดมาแดกดันอีกฝ่ายได้ แต่ หัววัน ในสายตาของคนเพิ่งตื่นนอน

" ผมลาพักร้อนแล้วนะพี่ เปิดห้องให้หน่อยได้ไหม "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่เริ่มหงุดหงิดจากการการเดินทางที่แสนเพลียด้วยการข้ามเส้นเวลา เริ่มโวยวายเล็กๆ

"เปิดห้อง? อยู่ไหนเนี่ย?"

" อยู่หน้าห้องนี่ไง  "

"อ้าว เหรอ เดี๋ยวนะ " ว่าพลางก็เดินหนีบหูโทรศัพท์ไว้ที่ข้างหู พลางเดินไปเปิดประตูหน้าห้องให้กับอีกฝ่าย

หนุ่มร่างสูงเดินลากกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของห้องแม้แต่น้อย
" ขออาบน้ำหน่อยนะพี่ เออ แล้วพี่คิมล่ะ ? "

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าของเจตน์ ด้วยใบหน้ายุ่งยากเล็กน้อย ก่อนจะพยักเพยิดไปที่ห้องนอน
"นอนอยู่โน่น"

" นี่เล่นกันถึงบ่ายรึไง? " หนุ่มผมสีน้ำตาลทองเอ่ยแซวเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกระเป๋าเอาผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำของคิมหันต์ไป เขาอาบน้ำ สระผม รวดเร็วเหมือนทุกครั้ง

"มาถึงก็ปากดี.... "อารยะเอ่ย ก่อนจะ เดินไปหยิบน้ำ กับ แซนด์วิชที่ซื้อมาเก็บเอาไว้ให้กับอีกฝ่าย
"เอ้า กินอะไรเสียหน่อย"

" ดีเลย กำลังหิวเลย " เจตน์ยิ้มร่ากับของที่อารยะเอามาให้ แล้วแกะทานมันตรงนั้นเลย
" เดี๋ยวขอนอนนี่ละกันนะพี่ ง่วงจะแย่แล้ว " เขาพูดทั้งๆที่แซนวิชเต็มปาก

"จะเข้าไปนอนในห้องไหมล่ะ.... " อารยะแหย่พลางชี้เข้าไปในห้อง ที่มีคิมหันต์นอนอยู่

" ไม่ล่ะ โซฟาก็ได้ เดี๋ยวพี่คิมจะหน้ามืดมาปล้ำผมแทนพี่  "เจตน์ได้ทีเอ่ยแซวอีกฝ่าย แล้วหัวเราะ

"อ่ะ ปล้ำกันไปซิ่...ฉันก็อยากจะนั่งดูเหมือนกัน" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองหัวเราะออกมา
"เอาล่ะ ๆ จะนอนไหนก็นอนไปเถอะ ฉันไปอาบน้ำล่ะ...จะอาบด้วยกันไหมล่ะ" แต่ก็ยังอดไม่ได้ ที่จะเอาเรื่อง ความสัมพันธ์ของตัวเอง กับ อีกฝ่าย ขึ้นมาหยอกล้อ เหมือนกับว่าไม่มีใครเคยเจ็บจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา

" ไม่ล่ะ .. นอนดีกว่า "เจตน์โบกมือไปมาเป็นเชิงบอกไม่เป็นไร แต่พออารยะเข้าห้องน้ำไปแล้ว เขาก็รีบเปิดกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้กับตัวที่สนามบิน ของที่ยังอยู่ในถุงซิปลอคอย่างดี เจตน์มองซ้าย มองขวา ก่อนจะค่อยๆ เปิดมันออก

กลิ่นหอมสดชื่น ให้ความรู้สึกเหมือนท้องทะเล ในหน้าร้อน  ส่วนผสมของเครื่องเทศและสมุนไพรนั้น ให้กลิ่นอมเปรี้ยวเล็กๆ

... CK One Summer ...

ขวดสีฟ้าใส ขนาดกำลังพอเหมาะกับมือ สัมผัสเย็นบนผิวแก้ว นั้น ทำให้หวนคิดถึงผิวกายของใครบางคนที่มีโอกาสได้ใช้ช่วงเวลาวันหยุดอยู่ด้วยกัน สัมผัสนุ่มเนียน ของผิวเนื้อเย็นมือที่แปรเปลี่ยน เป็น ร้อนระอุขึ้นเรื่อย เมื่ออารมณ์ในร่างกายแปรเปลี่ยน จะเป็นอย่างไร หากได้กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวที่ทำให้รู้สึกสดชื่นนี้ จากร่างของอีกฝ่ายอีกครั้ง

เจตน์สะบัดศีรษะไล่ความคิดที่เริ่มไปไกลของตนเอง ทั้งๆที่อีกฝ่ายเสนอเงินให้เขา ทำเหมือนเขาไม่มีศักดิ์ศรีแท้ๆ
" ทำไมต้องไปนึกถึงเขาด้วยวะ บ้าเอ้ย " พูดจบก็วางน้ำหอมขวดนั้นลงกับโต๊ะ อย่างทนุถนอมแล้วไปนอนที่โซฟา
====================

เสียงฮัมเพลง ดังออกมาจาก ห้องน้ำ พร้อมกับร่างบางของอารยะ ที่เดินออกมาพร้อมกับ เสื้อผ้าที่ดูสบายๆ ดูเหมือนว่า จะไม่ได้ มี แผนจะออกไปไหน  ร่างสูงของคนคุ้นเคยที่นอนอยู่บนโซฟา ทำให้อดที่จะเดินไปดูไม่ได้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นจางๆบนใบหน้า ก่อนที่ดวงตาสีอ่อน จะเหลือบไปเห็น ขวดน้ำหอมสีฟ้าใสที่วางอยู่ บนโต้ะ

"หืม...น้ำหอม " อารยะหัวเราะออกมาเบาๆ

"ซื้อมาฝากใคร...ฉันเหรอ?..." อารยะมองหน้าคนที่นอนหลับเล็กน้อย ก่อนจะวางขวดน้ำหอมนั้นลง
"เหอะ... ไม่หรอก...." เขาหัวเราะ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เพื่อไปปลุกคนรักของตัวเอง

อารยะค่อยขยับลงนั่งที่ข้างเตียง ใบหน้าคมของหนุ่มลูกครึ่งนั้นยามหลับพริ้มชวนมองอย่างแปลกประหลาด อีกทั้งรอยที่เชาฝากทิ้งเอาไว้บนผิวกายนั้นเองก็ดูยั่วยวนไม่น้อย ชายหนุ่มวางสองแขนคร่อมทับร่างนั้นเอาไว้
"คิม...ตื่นได้แล้ว"
ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหู
"ไม่ตื่นจะกินล่ะนะ"

แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมตื่น ริมฝีปากบางขบเม้มปิดริมฝีปากของอีกฝ่ายในขณะที่มืออีกข้างก็บีบปลายจมูกโด่งนั้นเอาไว้

...........ไม่ตื่นให้มันรู้ไป.................

หนุ่มลูกครึ่งประท้วงเบาๆ เมื่อถูกแกล้งแบบนี้ มือแกร่งจับต้นแขนอีกฝ่าย แล้วดันออก พร้อมกับดวงตาสีนิลที่มองย่างขัดใจ
" ใครจะกินใครกันแน่? "

"อ้าว ก็ไม่ตื่น ก็ว่าจะกิน แทนข้าวเช้าเสียหน่อย" อารยะพูด ท่าทางเอาแต่ใจไม่เปลี่ยน

" เช้าเหรอ? บ่ายแล้วนะ "คิมหันต์ชี้ไปที่นาฬิกาที่หัวเตียงก่อนจะลุกขึ้นไปหามผ้าเช็ดตัว

"นั่นล่ะ มันก็ มื้อแรกของวันนั่นล่ะ..." เมื่อถูกบอกอย่างนั้น ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองขยับจะลุกออกจากเตียงทันที

" งั้นวันนี้ฉันทำเองก็แล้วกัน " หนุ่มผมดำเอื้อมมือไปขยี้ผมอีกฝ่าย แกล้งทำให้มันยุ่งๆ เหมือนเมื่อคืน
แล้วนุ่งผ้าเช็ดตัว เดินออกไปจากห้อง แล้วเขาก็ต้องอุทานเมื่อเห็นร่างของหนุ่มผมสีน้ำตาลทองนอนอยู่ที่โซฟา

" เฮ้ย เจ้าเจตน์?! "

แต่เจ้าของชื่อกลับไม่ยอมตื่น

" อาร์ต ทำไมเจ้าเจตน์มันมาอยู่ที่นี่ได้?! "เขาตะโกนถามคนที่อยู่ในห้อง

"บินมา" คนที่อยู่ในห้องตอบพร้อมเสียงหัวเราะ เขากะเอาไว้แล้วว่า อีกฝ่ายจะต้องโวยวาย
"เพิ่งจะกลับมาจากลาพักร้อน... เห็นว่า ไปฮาวายมา "

" แล้วใครให้มันมาวะ? ไอ้นี่ .. เอาแต่ใจชะมัด "คิมหันต์บ่นเล็กๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

"ฉันเปิดให้เข้ามาเองล่ะ" อารยะเอ่ยไล่หลังอีกฝ่ายไป

" เปิดให้มัน ก็เลี้ยงมันเองละกัน "คิมหันต์เถียงก่อนจะเปิดฝักบัว

"ให้เลี้ยงดูปูเสื่อเลยนะ...แน่ใจนะ....จะเลี้ยงให้ดี ไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยล่ะ" เสียงตะโกนกลับมา แค่นึกสนุกอยากจะหาเรื่องให้อีกฝ่ายหึงเล่น ก็เท่านั้น แต่ดูท่าทางแบบนี้ คงจะไม่ได้ผลซักเท่าไร แต่ก็ยังพูดออกไปแบบนั้นอยู่ดี

ทันทีที่คิมหันต์ออกมาจากห้องน้ำ เขาก็เดินไปหาคนที่นอนหลับอยู่อีกรอบ นิ้วเรียวที่เปียกน้ำสะบัดน้ำใส่ใบหน้าเรียวของหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง ราวกับจะแกล้ง เขาหัวเราะชอบใจ เมื่อเจตน์ขมวดคิ้ว และขยับหนีเพื่อนอนต่อ

" อื้ออออออ..ขออีกหน่อยน่า " เจตน์โวยทั้งๆที่ยังหลับอยู่

"เฮ้ย..ตื่น....มานอนบ้านคนอื่นแบบนี้ได้ไง บ้านตัวเองก็มีไม่ใช่หรือไง" ไม่พูดเปล่ามือเปียกๆนั้น ตบหน้ารุ่นน้องเบาๆ

แรงตบ แถมยังเปียกทำให้เจตน์ตื่นแบบไม่เต็มใจนัก
" โธ่พี่! ทำบ่นไปได้ ขอนอนหน่อยเดียวเอง "

"ไม่ได้บ่น...แค่...ไม่อยากให้มานอน แถวนี้ " คิมหันต์พูดไปตามตรง

" อะราย..กลัวผมจะแย่งพี่อาร์ตไปเป็นหมอข้างรึงาย? " รุ่นน้องหนุ่มยังไม่วายปากดี
เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจะเล็กน้อยก่อนจะลูบท้องตัวเองไปมา " ไม่มีอะไรกินอีกเรอะ หิวแล้วนะเนี่ย "

"ก็เมื่อกี้ กินแซนวิชไปอันนึงแล้วนะ..." อารยะเอ่ยอย่างหน่ายๆ ก่อนจะเดินเอาบะหมี่ถ้วยกึ่งสำเร็จรูปที่ยังไม่ได้ต้มส่งให้
"เอ้า น้ำร้อนอยู่ในครัว กินแล้วก็ช่วยเลิกบ่นได้ไหม มานี่...ยังไม่หยุดบ่นเลยนะ"

" ก็ เจ็ทแลค อะ .. บ่นไม่ได้รึไง? " เจตน์ที่หงุดหงิดเพราะถูกปลุกให้ตื่นเถียง ราวกับเป็นน้องชายคนเล็ก
มือแกร่งก็รีบแกะห่อเปิดฝาแล้วเดินไปกดน้ำร้อนในครัว

ทั้งคิมหันต์และอารยะมองหน้ากัน เล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน
"ไม่ได้ "

หนุ่มร่างสูงขมวดคิ้ว มองคนทั้งคู่ทั้งๆที่บะหมี่ที่ยังไม่สุกยังอยู่ในปาก

"ยังจะทำหน้างง... ฉันคิดว่า นายน่าจะรีบไป หาเสื้อสูทดีๆ กับของขวัญ เตรียมไปงานแต่งเพื่อนได้แล้วนะ หายไปเกือบสามอาทิตย์ จนอาทิตย์หน้า เจ้าชินมันจะแต่งอยู่แล้ว" อารยะเอ่ยออกมา

" นี่ พวกพี่อย่าเพิ่งบอกมันได้ไหม ว่าผมกลับมาแล้ว " เจตน์ถอนหายใจแล้วตัดสินใจขอร้อง เขาในตอนนี้ยังอยากจะอยู่กับตัวเองอีกซักพัก

"เป็นอะไร จะหนีไปทำใจที่ไหนอีกเหรอ..." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองอีกคนยังไม่วายจะคอยกระแนะกระแหน อดีตคนรักของตัวเอง

" แล้วก็ช่วงนี้ ผมเฝ้าห้องให้พี่ก็ได้นะพี่คิม ไหนๆ งานก็ลาไปแล้ว  " เขาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
" เงินเก็บก็หมดเกลี้ยง " ถึงจะพูดไปแบบนั้น ที่เขาโกรธคือตัวเองมากกว่าที่รักจะไปเที่ยวแบบสบายๆ ในปีแรกของการทำงาน แถมยัง....

"ถ้าเจ้าชินรู้ หมอนั่นคงเป็นห่วงนายแน่เลย...."อารยะพูดเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเหมือนไม่อยากจะยุ่งแล้ว ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองเดินหนีไปอีกทางปล่อยให้ คิมหันต์ คุยกับเจตน์ไปเอง หากเขาอยู่ คงต้องหาเรื่อง เจตน์อีกเรื่อยๆเป็นแน่

" ผมก็รู้นะว่ามันต้องห่วง แต่ผมแค่อยากจะคิดอะไรหน่อย.. "เจตน์ถอนหายใจออกมา
 " จะกลับไปที่ห้องก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง .. ตอนนี้นะ ถังแตกเลยล่ะ ซื้อ ไอ้นี่ได้อย่างเดียวเอง ตลกดีเนอะ "เจตน์หันไปมองที่ขวดน้ำหอมที่เขาซื้อมาจากร้านขายน้ำหอมในสนามบิน

"หืม?...น้ำหอม...ใช้เองเหรอ?" ในน้ำเสียงคาดคั้นเล็กน้อย เอาออกมาวางแบบนี้ คงไม่ได้ เอามาให้ใครแถวนี้หรอกนะ

" ไม่รู้สิ..คิดว่ามันน่าจะเหมาะ..กับเขา.. "
เจตน์พูดเสียงเบาในประโยคหลัง แต่ท่าทางแบบนั้นไม่ได้แปลว่าเขายังมีเยื่อใยอะไรกับอารยะอยู่

"เขานี่...เขาไหน...มีคนใหม่แล้วเหรอ?" ท้ายเสียงยินดีไม่น้อย

" มันก็แค่..ที่ฮาวายน่ะพี่ .. .มันจบแล้วล่ะ "ดวงตารีนั้นมองขวดน้ำหอมตรงหน้า
 " บ้าว่ะ .. ตังค์กินข้าวยังไม่มี ดันไปซื้อของแบบนี้มาอีก "

"จบแล้ว?"

" ก็ บอกแล้วไงว่า ถังแตก ก็เลยแยกกับเขาแล้ว .. คือจะว่าไงดีล่ะ หารค่าเช่า เที่ยวด้วยกันน่ะ แล้วก็เขาน่ะ สุดยอดเลยนะพี่ " เจตน์ยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน

"อ้อ...เรื่อง พรรค์นั้นน่ะเหรอ...ก็ถ้านายติดใจเขาขนาดนั้นแล้ว... ทำไมไม่ติดต่อเขาล่ะ...เขา...อยู่ไกลขนาดนั้นเลยเหรอ"
คิมหันต์ถอนหายใจ เหมือนกับโล่งอก ก่อนจะนั่งลงกับ โซฟาฝั่งตรงข้าม

" แล้วพี่คิดยังไงกับการให้ตังค์คนที่เที่ยวด้วยกันยืมล่ะ? "เจตน์ย้อนถามก่อนจะถอนหายใจ
" ตอนแรกผมโกรธเขามากเลยนะ .. เขาดูถูกผมไม่ใช่หรือไง? "

" ไม่มีใครเขาคิดแบบนั้นกันหรอก...." ดวงตาสีเข้มของรุ่นพี่หนุ่ม มองหน้าของอีกฝ่าย อย่างพิจารณา
"แต่จะว่าไป คนอย่างนาย เนี่ย ก็ไม่แปลกที่จะคิดนะ"

" ไม่คิดได้ไงพี่ กินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน แถมยังนอนด้วยกันทุกวันอะ! "เจตน์ขมวดคิ้ว
 " แต่ก็นั่นแหละ ผมชอบเขาเข้าจริงๆแล้วมั๊ง "

"แล้วไอ้ที่นายพูดมามันเกี่ยวอะไรกับที่เขาต้องดูถูกนายวะ... ถามจริงเถอะ...ที่กลับมานี่ เพราะคิดแค่ว่า "เออ ฉันมันจน ฉันกลับดีกว่า" แค่นั้นใช่ไหม... " คิมหันต์ถามตามตรง

" ก็คงแบบนั้น .. เริ่มมาคิดจริงๆก็ตอนที่เขาให้ยืมเงินนั่นแหละ ความแตกต่างของระดับชั้นมั๊ง พี่ " เจตน์หัวเราะตัวเองเบาๆ

"...ทีอย่างนี้ล่ะเพิ่งจะมาคิดมาก...แคร์เขาจริงๆ ก็...ไปทำอะไรให้มันดีๆกับตัวเองหน่อยไม่ดีกว่าเร้อ... "

" เอาเถอะพี่ มันจบแล้วล่ะ " เจตน์จิ้มขวดน้ำหอมตรงหน้าเบาๆ
 " ไอ้นี่ เอาไว้นึกถึงเรื่องดีๆ ระหว่างพักร้อนที่ฮาวายละกัน "

====================

ด้วยว่า วันลางานยังคงเหลือ ผิดกับเงินทั้งในกระเป๋าและในธนาคารที่แทบไม่เหลือเลย ตอนนี้เจตน์จึงของอาศัยอยู่กับคิมหันต์ชั่วคราว อย่างน้อยก็จนกว่าเงินเดือน เดือนนี้ของเขาจะออก

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองอาสาเฝ้าบ้าน ทำความสะอาด ให้ แต่ก็ทำตัวตามสบายได้ไม่ต่างจากห้องตัวเองนัก

"เอ้า.... มีคนฝากมาให้ " อารยะ เดินมาพร้อมกับยื่นการ์ดสีชมพูอ่อนให้กับอีกฝ่าย บนหน้าซองมงคล นั้น จ่าหน้าซองให้ถึงเจตน์
เจตน์เปิดซองนั้นออกดู เขาอ่านดูทุกรายละเอียด ของการ์ดใบนั้น ....อาทิตย์หน้าแล้วรึ?...
ถ้าเขาไม่ได้ไปฮาวาย และจมกับความทุกข์ที่นี่ เขาคงจะไม่อ่านการ์ดนี่ด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่ได้ไป และได้คิดบ้างแล้ว เจตน์จึงยิ้มให้กับการ์ดใบนั้นเล็กน้อย
" ผมฝากพี่ไปบอกก็แล้วกัน .. ว่าไปแน่  "

"ฝากบอกได้ไง เอ้า เขียนลงไป ข้างหลังนั่นน่ะ...ว่าจะไป กี่คน ... " ตามธรรมเนียมแล้ว ต้องตอบการ์ดเชิญด้วยว่าจะไปกี่คน เพื่อที่เจ้าภาพจะได้เตรียม ของชำร่วยถุงใหญ่ให้กับแขกได้โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง ยิ่งงานใหญ่ระดับนี้แล้ว ต้องมีการเตรียมการเรื่องนี้เป็นพิเศษเป็นแน่

" ก็ได้ๆ .. ยุ่งยากจริงเล้ยย แต่งกับพวกไฮโซเนี่ย " เจตน์ทำเสียงเบื่อหน่าย แล้วจรดปากกาเขียนรายละเอียดไปที่ด้านหลังของการ์ด

"อยากไปใช่ไหมล่ะ" อารยะอดไม่ได้ ที่จะแหย่

" งานแต่งงานเพื่อนทั้งทีนี่ .. เอ้า นี่ ส่งให้ด้วยนะ " ใบหน้าได้รูปก้มลงไปใกล้

"เฮอะ...ส่งเองดิ่ ออกไปเดินข้างนอกมั่ง... หมดตัว นี่คงไม่ได้ขาด้วนด้วยใช่ป่ะ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองยักไหล่
เจตน์ยื่นการ์ดปิดหน้าไม่ใช้อารยะเข้ามาใกล้

" ผมไม่ให้พี่แกล้งได้หรอก .. ตอนนี้ผมไม่สนพี่แล้ว "

"อกหักได้ไม่เท่าไร นี่มีคนใหม่เลยเหรอ....บอกมา ใคร" ไม่ได้หึงหวง แต่ ชอบที่แกล้ง จะต้อนอีกฝ่ายเล่นแบบนี้มากกว่า คิมหันต์ยังไม่กลับจากไปธุระกับลูกค้า เขายังมีเวลา ที่จะแหย่อดีตคนรักได้อีกหน่อย

" ใครก็ช่างเถอะพี่ มันจบแล้วด้วย ฮะ ฮะ ฮะ " เจตน์หัวเราะออกมา แต่ก็มีแววเสียใจอยู่
" ไม่ได้อกหักอะไรด้วย แค่จบไปแล้วน่ะ "

"เหรอ ทำไมล่ะ ...ความรัก?...ความสัมพันธ์ นี่มันจบได้ด้วยเหรอ..." อารยะถาม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆอีกฝ่าย

" มันก็แค่เรื่องฉาบฉวย ก็เหมือนกับว่า เจอคนถูกใจ ในที่หนึ่ง เวลาหนึ่ง พอใจจะเที่ยวด้วยกัน อยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน ก็แค่นั้นเอง " เจตน์พูดเหมือนไม่ได้สนใจอะไรก่อนจะมองออกไปที่ระเบียงห้อง
 " แต่ว่านะ พอรู้ตัวอีกที พอเดินหันหลังให้เขาไปแล้ว ก็อยากเจออีก ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะได้เจออีกไหม "

"นายที่รู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัดเนี่ย...เพิ่งเคยเห็นนะ" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองใบหน้าด้านข้างนั้น

" ผมโตแล้วนี่พี่ .. ถึงจะไม่มีเจ้าชิน ผมก็ต้องอยู่ให้ได้ "เจตน์หันมาสบตาอีกฝ่าย

"งั้น ฉันจะรอดูนายไปที่งานนั่น แล้วยินดีกับคู่บ่าวสาวก็แล้วกัน" อารยะว่าพลางขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ น่าแปลกที่ตอนนี้ รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องชาย ที่ควรจะเฝ้าดูไปอีกซักพัก

====================

ตลอดอาทิตย์  เจตน์ดูจะเป็น คนที่กระตือรือร้น กับการไปงานแต่งงานของเพื่อนร่างท้วมอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว
เมื่อออกไปเดินข้างนอกก็เผลอมองของกินที่ชินดนัยชอบ นึกในใจว่า ในวันงาน จะมีเมนูอะไรที่ชินดนัยเลือกขึ้นมา เพราะความชอบบ้างหรือไม่

หรือแม้แต่การขอยืมเงิน รุ่นพี่อย่างคิมหันต์ไปเช่าเสื้อสูทตัวสวยมาจากที่ร้านเพียงเพราะอยากจะดูดีแต่ไม่มีสตางค์ แต่เมื่อถูกแซวเล็กๆน้อยๆจากอารยะ ก็ทำเป็นเฉไฉไปเรื่องอื่นเสียทุกครั้งไป

====================

จนกระทั่งถึงวันงาน รถยนต์คันโตหลายคันแล่นมาจอดในลานจอดรถของโรงแรม หญิงสาวในแผนกเลขานุการ ของบริษัทต่างแต่งตัวกันมาอย่างเพริศพริ้งเพื่อมาร่วมงานใหญ่ ที่จะมีทั้งแขกจากนอกบริษัท และหนุ่มๆจากในบริษัทมาร่วมงาน กันเป็นจำนวนมาก

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่ย้อมสีผมเป็นสีดำ ในชุดสูทตัวสวย เดินด้วยท่าทางภูมิฐาน วันนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขณะที่เดินเข้ามาในงานพร้อมกับหัวหน้าแผนกฝ่ายต่างประเทศชาวอเมริกัน และรุ่นพี่ในแผนกอย่างคิมหันต์ และอารยะ

เสียงฮือฮาดังขึ้นจากโต้ะของสาวๆแผนกต่างๆ ที่นั่งจับกลุ่มแยกกันอยู่แต่ละมุมห้องจัดเลี้ยงอย่างช่วยไม่ได้

"มาแล้ว...หนุ่มหล่อแห่งแผนกต่างประเทศ"

"เหมือนเทพบุตรเลยใช่ไหมล่ะ..."เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นทันที

"วันนี้ คุณคิมหันต์กับคุณอารยะก็ยัง ดูดีจังเลยน้า “

"ฉันชอบแนวผู้ใหญ่ๆ แบบ หัวหน้าแมคเคแกนมากกว่า...."

"แต่..คุณเจตน์ ลาไปเที่ยวฮาวายมา อ๊า ผิวสีแทนด้วย...ผมดำนั่นก็เข้ากันดีนะ..."

"เดี๋ยว...เจ้าบ่าวคงจะออกมาแล้วล่ะ... พวกเราก็ควรจะเตรียมตัวได้แล้ว...." อารยะชี้ไปยัง ทางเดินที่ปูพรมยาว ออกไปยัง เรือนกระจกที่อยู่ด้านนอก พิธีแต่งงานใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนตามคอนเซปต์....วันทานาบาตะ คืนที่ เจ้าหญิงและเจ้าชายจะได้พบกันอีกครั้ง ... แนวความคิดนี้ คงเป็นของอิสราภรณ์เป็นแน่

แขกในงานต่างเตรียมตัวต้อนรับบ่าวสาวที่เดินเข้างานมาพร้อมกัน บริเวณแคบๆนั้น ทำให้มองเห็นแขกในงานได้เกือบทั้งหมด

"ญาตินายนี่เข้าใจคิดนะคิม....ชายเลี้ยงวัว กับ เจ้าหญิงทอผ้า..." ว่าพลางก็เดินนำ ทั้งอารยะ และ เจตน์ไป โดยไม่ลืมที่จะบอก ให้หัวหน้าแผนก ไปร่วมกับ เหล่าแขก ผู้ใหญ่ ท่านอื่นก่อนที่พวกเขาจะไปเตรียมตัว

" เหอะ ผมว่า ชายเลี้ยงหมู มากกว่า " เจตน์อดที่จะปากเสียออกมาไม่ได้ ก่อนจะเดินตามรุ่นพี่ไปยังบริเวณที่ทำพิธี

====================

ชายหนุ่มทั้งสามเดินเข้าไปที่ห้องด้านหลังเพื่อเตรียมตัว ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว ดอกไม้ ช่อเล็กๆ ถูกนำมาติดบนอกเสื้อของแต่ละคน ในขณะที่เจ้าบ่าวร่างท้วมดูจะตื่นเต้นไม่น้อย และตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อหันมาพบว่า เพื่อนร่างสูงของเขาเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปไม่น้อยเลยทีเดียว

"คล้ำไปเยอะเลยนะมึง" ชินดนัยเอ่ยเสียงเบา คำพูดของเจตน์ที่ดังขึ้นบนดาดฟ้าในวันนั้น ยัง ดังก้องอยู่ในหัว เขาคงทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจอย่างมาก

" มึงก็ผอมลงนะเว้ย เข้าคอร์สเจ้าบ่าวรึไง? " เจตน์เอ่ยแซวอีกฝ่าย ไม่ได้มีท่าทางเจ็บปวดเหมือนเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเลย ในตอนนี้เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับชินดนัย ถึงได้เข้าใจความรู้สึกตัวเองเสียที

เจ้าบ่าวยิ้มน้อยๆ
"ก็วันสำคัญของกูนี่... " มืออวบนั้นวางลงบนไหล่ของอีกฝ่าย ดวงตาสีเข้มของเจ้าบ่าวมองใบหน้า ที่ไม่ได้เห็นมาหลายอาทิตย์
"กูดีใจนะที่มึงมา... ขอโทษที่เรื่องมันกระทันหันไปหมด...คืนนี้กินให้อิ่มแล้วค่อยกลับนะ " มือใหญ่ตบลงแรงอีกครั้ง และอีกครั้ง

" เออ เรื่องนั้น มึงก็รู้นี่หว่า ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้มึงเป็นพระเอกนะเว้ย พยายามเข้า " หนุ่มผมดำยิ้มให้กับเพื่อนสนิทที่สุดของเขา ในวันนี้เขาดีใจเหลือเกินที่ชินดนัยจะได้สร้างครอบครัวใหม่ ยิ่งเขาเห็นหนุ่มร่างท้วมในตอนนี้ เขาก็ยิ่งแน่ใจว่า เพื่อนเขาคนนี้ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้อย่างไม่ต้องสงสัย

"ขอบใจ..." ชินดนัยเคยคิดว่า เจตน์จะต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเสียจนไม่ยอมแม้แต่จะตอบการ์ดเชิญของเขาเป็นแน่ แต่ในทางตรงกันข้ามกลับบอกว่าจะมาร่วมงาน นั่นทำให้เขาดีใจไม่น้อยทีเดียว

หลังจากเรื่องราว ทั้งหมด ที่ผ่านมาในช่วงไม่กี่เดือน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว จนบอกเล่าให้ใครฟังก็คงจะคาดไม่ถึง
แต่ที่แน่ๆ... จากการที่อีกฝ่าย มาในวันนี้ เขาเชื่อว่า ทุกอย่าง จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างแน่นอน

====================

talk : แต่งงานจริงไม่มีพลิกโผค่ะ..เจ้าชินน่ะ ตัวคนเขียนเองก็อยากให้เจตน์ได้เริ่มต้นใหม่เหมือนกันนะคะ ถึงจะเป็นผู้ชายที่นิสัยไม่ดีเพราะถูกสปอยมากเกินไปก็เถอะ .. บางทีนายอาจจะเจอคนที่ใช่ซักวันนะ เจตน์ สู้ต่อไป !
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่38=(12/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 07-12-2013 15:38:37
=38=

พิธีแต่งงานเป็นเรื่องที่ไกลตัวเจตน์เป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อเขาต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวร่วมกับ คิมหันต์ และอารยะ ทั้งสองจึงซักซ้อมทำความเข้าใจกับเจตน์ก่อน ให้เขาได้รู้ถึงหน้าที่และพิธีคร่าวๆ

"เอ้อนี่เจตน์.... "ชินดนัยเอ่ยพลางหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไป ยืนรอเจ้าสาว ที่จะเดินมาตามเวอร์จิ้นโร้ด
"เก็บนี่ไว้ให้ดี จนกว่าจะถึงเวลานะ... พระเอก ต้องการผู้ช่วยพระเอกเว้ย"

" ได้ทีข่มใหญ่เลยนะมึง ฮะ ฮะ "เจตน์หัวเราะกับคำพูดติดตลกของเจ้าบ่าว แล้วเอาของสิ่งนั้นใส่ไว้ในกระเป๋า

=========================

ใต้อาคารกระจก ที่มองขึ้นไปเห็นดวงดาวบนท้องฟ้า ชายหนุ่มและหญิงสาว เดินทางมาเพื่อสาบานความรักกันและกันต่อหน้าบาทหลวงและสักขีพยานมากมาย

อิสราภรณ์เดินมาในชุดสีขาวสะอาดมองดูราวกับจะเรืองแสงและเปล่งประกายในความมืด ไม่ต่างจากดวงดาว
ผู้ประกอบพิธี เอ่ยเพื่อประกอบพิธี จนกระทั่งถึงตอนสำคัญ

"คุณชินดนัย และ คุณอิสราภรณ์ ทั้งสองได้นำแหวนซึ่งจะเป็น หลักฐานที่จะแสดงถึงความรักของทั้งคู่มาหรือไม่"
ชายหนุ่มร่างท้วมหันไปมองหน้าของเจตน์ที่ยืนเยื้องไปไม่ห่าง

"ครับ...เอามาครับ"

"เจตน์...แหวนเว้ย...แหวน..." ชินดนัย แทบจะหันไปกระทุ้งศอกใส่ท้องเพื่อน

" เอ่อ! ครับๆ "เจตน์รีบล้วงกระเป๋าหยิบของออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอก ของเขา กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินบรรจุด้วยแหวนแต่งงานวงสวยจำนวนสองวง เพื่อเป็นสักขีพยายามต่อความรักของบ่าวสาว

ชินดนัยรับมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม พลางหยิบเอาแหวนของตัวเองไว้ในขณะที่อิสราภรณ์เองก็รับเอาแหวนอีกวงไว้เช่นกัน
ทั้งสองสวมแหวน ให้กันและกัน

แสงแฟลซสว่างวูบวาบ ก่อนบาทหลวงจะเอ่ย ขึ้นเป็นประโยคที่ใครหลายคนก็รอคอย
"คุณ ชินดนัย จะรับ คุณอิสราภรณ์ เป็นภรรยา ที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะรัก และ และดูแล ทั้งในยามสบาย และยามป่วยไข้ จนกว่าความตายจะมาพรากจากกันหรือไม่"

"รับครับ" ชินดนัยเอ่ย เรียกเสียงเฮได้ไม่น้อย

"และคุณอิสราภรณ์ จะรับ คุณ ชินดนัย เป็น สามี ที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะรัก และ ดูแล ทั้งในยามสบายและยามป่วยไข้ จนกว่า ความตายจะมาพรากจากกันหรือไม่"

" รับค่ะ "
เสียงหวานของเจ้าสาวเอง กลับทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในงานส่งเสียงอย่างอดที่จะอิจฉาหนุ่มร่างท้วมผู้โชคดีไม่ได้

เจตน์ที่อยู่ไม่ไกลจากพิธีเลย เขาเห็นแววตาของเพื่อนรักและภรรยา ความรัก และความรู้สึกที่แสดงออกมาทางสายตา ลึกซึ้งเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้

คิมหันต์หันมามองเจตน์เล็กน้อย ท่าทางของรุ่นน้องทำให้เขาหมดห่วงได้แล้ว สำหรับเรื่องของชินดนัย

ทั้งสองบ่าวสาว หันมาโค้งให้กับ แขกเหรื่อผู้มาร่วมงาน งานยังจะต้องดำเนินต่อไป เดี๋ยวพวกเขาจะต้องเดิน ออกไปตามทางเพียงเพื่อจะต้องรีบไปเปลี่ยนชุดและกลับเข้ามาขอบคุณแขกในงานเลี้ยง

ชินดนัยจับมือเจ้าสาวของเขาไว้แน่น ก่อนจะ จูงกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทาง แขกเหรื่อลุกขึ้น โปรยข้าวตอก และดอกไม้ ให้กับบ่าวสาว เพื่อความ เป็นสิริมงคล

จนเมื่อ ใกล้จะถึงทางออก ราวกับรู้ทันหญิงสาวหลายคนแย่งกันไปอยู่แถวหน้า เพื่อรอช่อดอกไม้ของเจ้าสาว ที่คราวนี้ เหมือนจะ มีอะไรพิเศษๆ รอพวกเธออยู่

ช่อดอกไม้ ที่อิสราภรณ์ถือลอยขึ้นไปในอากาศ แต่แทนที่จะเป็นช่อเดียว กลับ เป็น ช่อเล็กๆหลายช่อ เจ้าสาวช่างคิดคงอยากจะแบ่งปันโชคครั้งนี้ ให้กับทุกคนกระมัง

ดอกกุหลายช่อเล็กๆ หลายช่อลอยละลิ่ว เรียกความสนใจ จากสายตาหลายคู่
จนดอกไม้ช่อหนึ่งตกลงบนมือของคนที่ ถอยออกมายืนเสียห่าง

"อ๊า...คุณสินขี้โกงเป็นผู้ชายแท้ๆ...ทำไมได้ดอกไม้ล่ะ" เสียงหนึ่งตัดพ้อ

"ให้ผมยกให้ ดีไหมล่ะครับ" เสียงนุ่มเอ่ย

" สิน? "
หนุ่มผมดำที่ยืนอยู่ด้านหลังต้องอุทานออกมาเป็นชื่อของคนที่อยู่ที่ฮาวายด้วยกัน ไม้ว่าจะไกล แต่เขาจำได้ดี เลยทีเดียว

ท่าทางแบบนั้น ทำให้ คิมหันต์ต้องหันไปมองตามรุ่นน้อง คนที่เห็นยืนห่างออกไปนั้นคือ เพื่อนดื่มของเขา และเป็น ลูกพี่ลูกน้องทางฝ่ายแม่ ของเจ้าสาว ...แล้วเรียกกันสนิทสนมขนาดนั้น?....

....จริงอยู่ที่แนะนำให้รู้จัก แต่...เรียกกันเสียสนิท....

คิมหันต์ดันไหล่ รุ่นน้องร่างสูงเบาๆ ในใจนึก ดีใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ คงจะบอกให้คนที่อยู่ข้างๆรู้ไม่ได้ แน่ว่า เขาดีใจอะไรนักหนา
" ไปสิ..."

" หะ? " เจตน์หันไปเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงที่ไหล่ของเขา

"คนนั้นใช่ไหม" คิมหันต์ถามพลางพยักเพยิด ไปทางชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ในชุดสูทตัวยาวสีน้ำตาลเข้มรับกับเส้นผม ร่างสูงโปร่งยิ่งดูโดดเก่น เมื่อมีดอกกุหลายสีขาวแดง ถืออยู่ในมือ

" พี่คิม มีแหวนให้ผมยืมซักวงไหมล่ะ? "เจตน์ถามหนุ่มรุ่นพี่ ทั้งๆที่ยังมองร่างบางไม่วางตา

"หา?...เงินมี แต่แหวนน่ะไม่มีว่ะ..." คิมหันต์เลิกคิ้วสูง
"เอาไปทำไม"

เจตน์ไม่ตอบคำถามนั้นแล้ว เขาเดินดุ่มๆไปหาหนุ่มร่างบางทันที
" สุธาสิน.. "

เสียงที่คุ้นเคย ทำให้คนที่ถูกเรียกหันกลับไปหาทันที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้าง ริมฝีปาก เผยอเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ได้ เหมือนมีอะไรในอกมันตีบตัน

" เพื่อนผมเป็นเจ้าบ่าวน่ะ "ชายหนุ่มอธิบาย ยิ่งเขาเห็นอีกฝ่ายใกล้ๆแบบนี้ เขาก็ยิ่งนึกถึงน้ำหอมขวดนั้น

"เหรอ.. ”สุธาสินรับคำเหมือนจะถอนหายใจออกมาจากการที่กลั้นลมหายใจเอาไว้นานเสียมากกว่า ชายหนุ่มยิ้ม
 "ผมไม่นึกว่าจะพบคุณที่นี่...ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าสาวน่ะ"

" ผมนึกว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว " ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มให้คนตรงหน้า
" ผมขอโทษ "

"ขอโทษ?....เรื่อง....เรื่องอะไรครับ" ชายหนุ่มแสร้งยิ้ม เหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งๆที่ เขารู้สึก แย่ไปหลายวันเลยทีเดียว หลังจากที่อีกฝ่ายจากมา จนต้องรีบแพ็คกระเป๋ากลับมาไทยแทบจะในทันทีที่รู้ข่าวว่า น้องสาว จะแต่งงาน เพราะรู้ว่าอยู่ที่ฮาวายต่อก็ไม่มีอะไรทำ

" ที่ผมโกรธคุณ เพราะเรื่องแค่นั้น .. มันเป็นความโง่ของผมเอง  "เจตน์สบตาอีกฝ่าย แววตาเต็มไปด้วยความผิด

"ไม่หรอก...ผมเองก็ผิด... พูดอะไรไป บางครั้ง เราก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่าย จะคิดเหมือนอย่างที่เราคิดหรือเปล่า " ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา ดวงตาสีเข้มสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง "แต่ผม ก็ดีใจ ที่ได้ พบคุณอีกครั้ง"

"พวกเขาดูรักกันดีนะครับ...ว่าไหม "ก่อนที่ชายหนุ่มผมน้ำตาลแดง จะหันไปมอง เจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่กำลังจะขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

" ออกไปสูดอากาศหน่อยไหม? "จู่ๆเจตน์ก็เอ่ยชวน ขึ้นมา

" แต่งาน ยังไม่เสร็จเลยนะครับ"

" ก็แค่ออกไปสูดอากาศน่ะ เดี๋ยวค่อยกลับเข้ามาในงาน .. นะครับ "ท้ายประโยคนั้นฟังดูแผ่วเบา

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้าลง "ครับ...ออกไปสูดอากาศซักหน่อยก็คงดี"

=========================

หนุ่มผมดำพาสจ๊วดหนุ่มออกมาจากบริเวณงาน โชคดีที่ แขกในงานยังคงอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศงานแต่งงานครั้งใหญ่ของบริษัท จึงไม่ค่อยมีใครมากนักในบริเวณริมสระน้ำของโรงแรม

แสงไฟสลัวกระทบกับพื้นน้ำเป็นประกาย

"...อากาศดีนะครับ "สุธาสินสุดหายใจเข้าลึก ใบหน้าได้รูปเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า "สวยดีด้วย "

" ขอโทษนะ ที่กลับมาทั้งแบบนั้น " เจตน์พูดขึ้นมา วันนี้เขาขอโทษคนตรงหน้าไปกี่ครั้งแล้วนะ กับสุธาสิน เขาทำผิดไป ... ซึ่งที่จริงมันก็เหมือนทุกครั้ง ที่เขาทำผิดกับคนที่เคยคบหากันมา เพียงแต่ว่า เขาไม่เคยเอ่ยขอโทษใครเลยได้แต่ปล่อยให้มันจบไปเสียเฉยๆ

"คุณจะขอโทษผมทำไมกัน.... หลายรอบแล้วนะ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง เอ่ย ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายล้อกับแสงไฟริมสระ

" ก็ผมทำไม่ดีกับคุณไปหลายเรื่องนี่ .. ใช่ไหม? "เจตน์สบตาอีกฝ่ายนิ่ง " คุณเป็นคนแรกที่ผมอยากจะขอโทษ  "

ได้ยินแบบนั้นใบหน้าได้รูป ขยับมองใบหน้าของอีกฝ่าย ริมฝีปากได้รูป คลี่เป็นรอยยิ้ม
"พูดอย่างกับ จะสารภาพรัก... ผมนึกว่า เรื่องระหว่างเรามันจะ ฉาบฉวย เหมือน วันหยุด สั้นๆของพวกเราเสียอีก...คุณคิดจะจริงจังเหรอครับ"

" ใช่..แล้วคุณล่ะ คิดยังไง? "น่าแปลกที่ตอนนี้เจตน์กลับตอบมาได้ง่ายๆ เขาสบตาอีกฝ่ายนิ่ง
" อยากจะลองคบคนนิสัยแย่ๆอย่างผมดูไหม? "

"ผมไม่ได้คิดจะเป็นตัวช่วยในการเปลี่ยนนิสัยใคร...เพื่อที่คุณจะเอาไป...ทำให้ใครคนไหน เขามองคุณใหม่หรอกน้า...." สุธาสินตอบกลับ บนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม มือเรียวยกขึ้น ปัดเอากลับดอกไม้ที่ยังติดอยู่บนเส้นผมสีดำที่ดูแปลกตาไปจากครั้งสุดท้ายที่จำได้ออก

....น่าแปลก ที่เขาควรจะลืมอีกฝ่ายไปเสีย...
...แต่กลับยิ่งจำได้....
...เส้นผม โครงหน้า กลิ่นกาย....

" โอเค..งั้นก็ไม่เป็นไรครับ " มือแกร่งจับมือที่ลูบผมของเขาเอาไว้
" คุณจะได้บินอีกทีเมื่อไหร่ล่ะ? ผมจะได้แวะเอาของไปให้ "

"ตาราง มีก็...อีกซักสองสามวัน อาจจะไปทาง ลอนดอน ... "สุธาสินเม้มริมฝีปากเหมือนขบคิด เล็กน้อย
"ว่าแต่...ของอะไรเหรอครับ?"

" น้ำหอมน่ะ .. เงินก้อนเล็กๆสุดท้ายของผมเลยล่ะ  "เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งที่กำลังรู้สึกเบาโหวงไปหมด

"น้ำหอม...คุณซื้อน้ำหอมให้ผม?..." สุธาสินเลิกคิ้วถามเสียงสูง

" ก็แค่คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับคุณไง " เจตน์ยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันไปที่งาน เขาได้สินเสียงปรบมือจากบริเวณนั้น เจ้าบ่าว เจ้าสาวคงจะกลับมาแล้ว
" กลับเข้างานเถอะครับ พวกเขาคงกลับมาแล้ว "หนุ่มผมดำว่าก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่ายแล้วก้าวออกไป

"เอ่อ...เจตน์..." เสียงสจ๊วตหนุ่มเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมกับมือเรียวที่ดึงแขนของร่างสูงเอาไว้เบาๆ
"ถึงยังไม่ได้เห็น แต่...ขอบคุณนะครับ"

แรงดึงนั้นทำให้คนที่พยายามที่จะข่มความรู้สึกต้องหันกลับมา มือแกร่งโอบเอวบางเข้ามาใกล้ก่อนจะก้มลงจูบอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

สจ๊วตหนุ่มหลับตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ เมื่อริมฝีปากนั้นละออกไป มือเรียวไล้แตะเบาๆ บนดอกไม้บนอกเสื้อของอีกฝ่าย  ใบหน้าสวยก้มลงเล็กน้อย ได้ยินเสียงลมหายใจ และ หัวใจของตัวเอง เต้นระรัว
"เดี๋ยว...เสื้อยับนะครับ"

ราวกับยั่ว ริมฝีปากที่เผยออกเพื่อห้ามเขาถูกปิดอีกครั้ง ปลายลิ้นล่วงล้ำเข้ามาในริมฝีปากบางที่หวานหอมเหมือนทุกครั้ง

"อืม..." เสียงครางเครือดังขึ้นแผ่วเบา ยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูก สุธาสินตอบสนองสัมผัสนั้น นุ่มนวล อย่างที่ไม่เคยตอบสนองให้กับใคร มือทั้งสองยึดเสื้อที่ห่วงว่าจะยับ เอาไว้แน่น
"เจตน์... เดี๋ยวก็มีคนออกมา.... "

" ให้ตายสิ..ผมไม่เข้าใจคุณเลย "เจตน์กรระซิบติดริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนจะละออกมา มือแกร่งไล้กับผิวแก้มที่แดงระเรื่อ แล้วมองเข้าไปในงาน
" กลับเข้างานกันเถอะ "

"...........อืม...." สุธาสินสูดลมหายใจเข้าลึก รู้ดึว่า ตัวเอง กำลังหน้าแดงซ่าน เลือดในตัวกำลังพลุ่งพล่าน...แต่เขาต้องห้ามทุกอย่างเอาไว้ ที่นี่คืองานแต่งงานของน้องสาว เขาไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้...แต่ การที่ได้เจออีกฝ่าย มันก็... ทำให้อะไรๆสับสนไปหมด ก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านใน ไม่ได้รอ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่ายมากนัก

=========================

ทั้งสองเดินกลับเข้าไปในงาน โดยที่หนุ่มผมดำพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด ทั้งๆที่เมื่อครู่เขาไม่ได้ตั้งใจจะจูบสุธาสินแบบนั้นด้วยซ้ำ ตอนนี้ใจของเขาต้องค่อยๆสงบลงได้แล้ว

" พี่สิน ทางนี้ค่ะ " เจ้าสาวที่เปลี่ยนจากชุดเจ้าสาวเป็นชุดราตรีเกาะอกสีขาว สวยงามด้วยเม็ดคริสตัลที่เย็บอย่างปราณีต ระยิบระดับท่ามกลางแสงไฟ

" ยินดีด้วยนะ เอิร์น " สุธาสินโบกมือให้กับ เจ้าสาว ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดร่างบางนั้นเบาๆ " คุณชินดนัย ผม...ฝากน้องสาวผมด้วยนะครับ"

"อ่ะ....ครับ....ดะ..ได้ครับ " ชินดนัยรับคำตะกุกตะกัก เขาเพิ่งเคยพบผู้ชายคนนี้ อดนึกแปลกใจไม่ได้ ที่อิสราภรณ์ ภรรยาของเขาจะมีญาติเป็นคนที่ดูโดดเด่นขนาดนี้

...ว่าแต่เมื่อกี้เหมือนเห็นเดินออกมากับ...เจ้าเจตน์....

"รู้จักกับ..เพื่อนผมด้วยเหรอครับ...เอ่อ...พอดีเมื่อกี้เหมือนเห็นพวกคุณคุยกัน" ชินดนัยว่าพลางผายมือไปทางเจตน์ ที่เพิ่งจะเดินตามมา

"อ้อ....ครับ...พอดีว่า...รู้จักกันตอนเดินทางน่ะครับ"

ดูเหมือนว่าสายตาที่มองมาจากทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะทำให้เจตน์รู้ตัว เขาเดินเข้าร่วมวงสนทนาด้วย
" ยินดีด้วยนะครับคุณอิสราภรณ์ ไม่สิ คุณเอิร์น" เจตน์หันไปแสดงความยินดีกับอิสราภรณ์ แล้วหันไปยิ้มให้เพื่อน

"ช่าย ต้องเรียกให้มันถูกๆหน่อย... "ชินดนัยตบไหล่เพื่อนร่างสูงเสียงดัง ในสายตามองหน้าเพื่อน เป็นนัยถามว่า ...ใช่ คนนี้ หรือเปล่า....

" ฮะ ฮะ .. อีกหน่อยก็ดูแลภรรยาดีๆล่ะ ต่อไปมึงก็ไม่ต้องห่วงอะไรกูแล้วนะโว้ย อยู่คนเดียวมันไม่ตายหรอก "

คำพูดนั้นทำให้ชินดนัย ยิ้ม
"เออน่า...รู้แล้ว... ไม่ต้องย้ำมากหรอก" ชินดนัยตอบอีกฝ่ายเป็นนัยๆเช่นกัน

คำพูดกับท่าทางของชายหนุ่มทั้งสองคน ทำให้ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ จนไหล่ทั้งสองข้างสั่น

...เพราะเป็น เพื่อนที่สำคัญแบนี้สินะ ถึงได้หวงมากขนาดนี้....

=========================

"เอาล่ะครับ... ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาว เต้นรำเป็นการเปิดฟลอร์ให้กับทุกๆคน จะดีกว่า " เสียงพิธีกรในงาน ดังขึ้น พร้อมกับไฟที่มือสลัว และ เสียงดนตรีที่แปรเปลี่ยนไป

"เขาเรียกแล้ว...ขอตัวก่อนนะ เอ้อ อยู่ให้ถึงคอนถ่ายรูปหมู่ล่ะ เพื่อนเจ้าบ่าว"ชินดนัยย้ำ ก่อนจะจูงมือเจ้าสาวเดินไปตามคิวที่ได้มีการซักซ้อมเอาไว้

=========================

หนุ่มผมดำถอยออกมายังบริเวณงาน เพลงบรรเลงหวานของเครื่องดนตรีที่เล่นสดในงาน ทำให้บรรยากาศฝนตอนนี้เต็มไปด้วยความโรแมนติก ทำให้เขาอดนึกถึงคืนที่มีฟูลมูนปาร์ตี้ไม่ได้ คืนนั้นเป็นคืนแรกของเขาในฮาวาย แต่กลับล้มเหลวไปในครั้งแรก
และคืนนี้ก็คงเป็นอีกครั้ง แม้ว่าจะได้จูบ .. แต่ก็คงได้อยู่แค่นั้น คิดได้อย่างนั้นจึงกวักมือเรียกบริกรเพื่อขอเครื่องดื่มซักแก้ว ชายหนุ่มยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ ดวงตารีมองไปยังฟลอร์เต้นรำ เขาแทบจะไม่อยากเชื่อว่า เพื่อนร่างท้วมที่เต้นรำไม่เป็นของเขา วันนี้กลับทำได้ขนาดนี้

ผู้ร่วมงานหนุ่มโสดต่างเข้าไปทำความรู้จักกับสาวๆที่พวกเขาหมายตา เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์จากการเต้นรำ และหลังจากที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้เต้นรำเปิดฟลอร์ ก็ได้เวลาของคู่อื่นๆ

"อยู่ที่นี่ คงไม่มีคนให้เต้นคู่ใช่ไหมครับ" เสียงสจ๊วดหนุ่มดังขึ้น
ร่างบางในเสื้อสูทสีน้ำตาลเข้ม ก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างๆในมือมีแก้วแชมเปญ ถืออยู่ พร้อมกับ ดอกไม้ที่ได้รับจากเจ้าสาวเมื่อครู่ เขาก็ยังไม่ได้ สละมันให้เด็กสาว คนไหนอยู่ดี

" วันนี้ผมคงไม่เต้นกับใครหรอกครับ "เจตน์หันมาสบตาอีกฝ่าย " คุณไม่หาคู่เต้นหน่อยเหรอ? "
คำถามนั้นทำให้ ชายหนุ่มหรี่ตามองหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้ม ออกมา

"คุณนี่...ยอมแพ้ง่ายกว่าที่คิดนะ"

" ผมเองก็มีลิมิตของผมเหมือนกันนะ .. จะให้ผมตื้อเหรอ? "เจตน์สวนกลับมาแทบจะทันที

"เปล่า....ผมแค่จะบอกคุณว่า ผมก็ยังไม่ทันจะได้ปฏิเสธอะไรคุณเสียหน่อย"
สุธาสินหันมาสบตากับอีกฝ่าย "แต่ถ้าคุณจะตื้อ... ผมก็จะยินดีนะ...ไม่เคยมีใครตื้อผมเหมือนกัน"

" ไม่ล่ะ..ผมไม่ทำหรอก  "หนุ่มผมดำยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา แล้วถามหาคำตอบที่เขาถามไปเมื่อเกือบชั่วโมงที่แล้ว
" ตกลง จะตอบผมได้รึยัง .. คุณอยากจะคบกับผมไหม สิน? "

"ก็...ถ้าคุณ...ยอมรับได้ว่า ผมเดินทางบ่อย เราอาจจะไม่มีเวลาให้กันมาก ทั้งๆที่เราอาจจะต้องเรียนรู้กันมากกว่านี้....ผมก็อยากจะคบกับคุณนะ"

เจตน์ยิ้มกับคำตอบนั้นก่อนจะสบตาอีกฝ่ายนิ่ง  " เรายังไม่เคยเต้นด้วยกันเลยนะ .. ไว้คราวหน้าไปฮาวายด้วยกันนะ  "

"อืม...."มือเรียวข้างที่ว่าง ยื่นออกไปจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนขยับตัว เข้าไปใกล้เพียงเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่ามือของทั้งสองกำลังกอบกุมมือของกันและกันเอาไว้
"ถ้า...เราเปิดห้องที่นี่กันคืนนี้...พวกเรายังจะจัดว่ามันเป็นเรื่องฉาบฉวยอยู่รึเปล่า" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำ

" ผมไม่มีเงินหรอกนะ "เจตน์ตอบกลับมา
" และผมไม่อยากให้คุณต้องจ่ายให้ ในเรื่องแบบนี้ ผมควรจ่ายไม่ใช่เหรอ? "

"หรือจะไปบ้านผม?" สุธาสินยักคิ้วมอง

" ได้เหรอ? " หนุ่มผมดำหันมาถามพลางยิ้มอย่างยินดี

"เราไม่มีทางเลือกนักนี่นา... ไว้ผมจะรอให้คุณจ่าย ค่าห้องให้ผมก็แล้วกัน...ไม่แพงหรอก "สุธาสินยังอดไม่ได้ที่จะแหย่เรื่องเงินๆ ทองๆกับอีกฝ่าย

=========================

เจ้าบ่าวเจ้าสาว ยืนอยู่ตรงกลาง ในขณะที่เพื่อนเจ้าบ่าว ทั้งสามคนยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

บรรยากาศในงานดำเนินไปอย่างเรียบร้อย จนกระทั่งการถ่ายรูปหมู่ ที่ชินดนัยกำชับนักหนา ให้ทุกๆคนอยู่ รอเพื่อที่จะถ่ายรูปด้วยกัน
คิมหันต์ดูท่าจะกำลังกลั้นหัวเราะอยู่กับ อารยะที่ยิ้มให้กับ ดอกไม้ที่ไปฉวยหยิบมาจากมือของเด็กถือดอกไม้ เด็กชายตัวเล็กคนนั้นดูจะงงไปเลยทีเดียว ตอนที่ดอกไม้ช่อเล็กๆถูกฉวยออกไปจากมือ

ในขณะที่อีกด้าน ชายหนุ่มชาวต่างชาติ ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ กับ ลูกชาย ของประธานบริษัท ที่เพิ่งจะกลับมาจากนิวยอร์ค อย่างธาวิน ดูจะมีท่าทีประหม่าไม่น้อย เมื่อต้องมายืนหน้ากล้อง โดยที่มีชายหนุ่มร่างเล็ก คล้องแขนของเขาเอาไว้แน่น

และไม่ห่างไปจากคู่บ่าวสาว คือชายหนุ่มร่างสูงที่เปลี่ยนผมตัวเองให้เป็นสีดำ สนิทรับกับผิวสีเข้ม เคียงกายด้วย ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงดูโดดเด่น ซ่อนมือของทั้งสองเอาไว้ ด้านหลัง

คนที่ดูจะมีความสุขที่สุดในภาพนั้นคงจะหนีไม่พ้น ชายหนุ่มร่างท้วมและเจ้าสาวคนสวย

...ดีแล้วล่ะ ที่ทุกคนมีความสุข ...

ชินดนัยยิ้ม เมื่อแสงแฟลซสว่างวาบขึ้น

=========================
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่39=(28/02/57)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 28-02-2014 15:01:52
=39=
มีฉาก...นะคะ ถ้าไม่ชอบก็ข้ามไปเลยค่า :pig4:


เมื่อการถ่ายภาพจบลง ทั้งสุธาสินและ เจตน์ดูจะหายไปจากบริเวณงานแทบจะในทันที หนีไม่พ้นทิ้งให้เป็นหน้าที่ของ คิมหันต์และอารยะต้องคอยกลบเกลื่อนให้ เมื่ออิสราภรณ์เดินมาถามหา

ในขณะเดียวกัน รถยนต์คันสวยของสจ๊วตหนุ่มก็พาชายหนุ่มที่เขาเพิ่งรู้จักเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนตรงไปที่ห้องพักใจกลางเมือง สถานที่ ที่เขาไม่เคยพาใคร กลับมาด้วย

"เข้ามาสิ...." เจ้าของห้องเอ่ย พลางเปิดประตูให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา ห้องกว้าง ขนาดน่าจะพอๆกับห้องของอารยะ
มีรูปเครื่องบิน และรูปของเจ้าของห้อง ที่ได้เดินทางไปทั่วโลก ติดประดับอยู่ตามมุมต่างๆ รวมอยู่กับของที่ระลึกต่างๆ ที่ได้มาจากการเดินทางไปทำงาน

หนุ่มผมดำในชุดสูทเดินตามเข้ามา เขามองดูรอบๆห้อง คนๆนี้เดินทางมาคงแทบจะรอบโลกแล้ว
" คุณไปมาทั่วโลกรึยังเนี่ย? "

"ก็...เกือบๆ " สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ พลางปลดเสื้อสูทออกวางพาดกับโซฟา สีแดงส้ม ที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง
"ดื่มอะไรก่อนไหม"

" ไม่ล่ะ.. "เจตน์ค่อยๆถอดเสื้อสูทที่เขาเช่ามาแล้วคลายไทค์ออก

"อ้าว แล้วผมจะบริการแขกยังไงถูกล่ะเนี่ย... " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปรับ สูท ตัวนั้นของอีกฝ่ายเอาไว้ในมือ

" ไม่อยากดื่มอะไร แต่อยากอาบน้ำ ช่วยอาบหน่อยได้ไหมล่ะ? "เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะสบตาอีกฝ่ายอย่างมีความหมาย

"...." สุธาสินสบตาของอีกฝ่ายเล็กน้อย ริมฝีปากได้รูปนั้นหยักยิ้ม ก่อนที่จะหันหลังให้กับอีกฝ่าย แล้ว เดิน นำเข้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของเขาเอง

"ผมไม่เคยต้องอาบน้ำให้ใครเสียด้วย...ถ้าบริการไม่ดีต้องขออภัย " เสียงนั้นดังขึ้นจากในห้องน้ำ  พร้อมกับ ร่างสูงโปร่งที่ค่อยปลดเสื้อเชิ๊ตดำสนิทออกจากตัว

สีของเสื้อที่เพิ่งถูกปลดออกไปนั้น ขับให้สีผิวของชายหนุ่มยิ่งดูขาวเนียนมากขึ้น หากให้พูดไปแล้ว ก็ นึกไม่ถึงเลยว่า อีกฝ่ายเพิ่งจะไปใช้เวลา ช่วงวันหยุดอยู่ทามกลางทะเลและแสงแดดของฮาวายมา

เจตน์เดินมาซ้อนหลังอีกฝ่าย ริมฝีปากได้รูปจูบไหล่บางเบาๆ มือแกร่งเอื้อมมาลูบไล้แผ่นอกบาง ผิวกายที่เขาคิดถึงมาตลอด
เสียงหัวเราะดังขึ้นสลับเสียงที่บ่งบอกได้ถึงความพึงพอใจในรสสัมผัสแทบจะในทันที

"ไหนว่าจะอาบน้ำ"เสียงนั้นกระซิบ ติดริมฝีปาก เมื่อสุธาสินเอี้ยวคอมารับรสจูบจากชายหนุ่มร่างสูง

" ก็เปิดน้ำซิ "มือแกร่งเลื่อนลงมาปลดตะขอกางเกงของสุธาสินแล้วจับให้สจ๊วดหนุ่มหันหน้าเข้าหาเขา
ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้ม มือเรียวผลักให้อีกฝ่ายก้าวเข้าไปด้านในโซนเปียกของห้องน้ำ ก่อนที่มือข้างนั้นจะไล้เบาๆ กับแผ่นอกของอีกฝ่าย แล้วเลื่อนไปด้านหลังเพื่อเปิดน้ำฝักบัวให้ไหลรดลงมาบนเสื้อเชิ๊ต ที่อีกฝ่ายยังสวมใส่ อาภรณ์ทั้งสองเปียกชุ่มไปด้วยน้ำแทบจะในทันที

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายสเน่หา มือเรียวไล้เบาๆบนแผ่นอกผ่านเนื้อผ้า บางเปียกลู่แนบตัวของอีกฝ่าย ก่อนจะไล้ลงไป ปลดเข็มขัดของอีกฝ่ายออก ร่างบางขยับเข้าแนบชิด ขยับเนื้อตัวเข้ากับผ้าเปียกน้ำหนักอึ้งนั้น มือเรียวไล้เรื่อย พลางขยับปลดกางเกงของอีกฝ่ายลง เนื้อผ้ากองหมิ่นเหม่อยู่บนสะโพกนั้น

เจตน์เองก็สอดนิ้วเข้ามาในกางเกงของอีกฝ่าย แล้วค่อยๆดึงเสื้อผ้าทั้งหมดออกจากร่างบาง และร่างขาวบางที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้อารมณ์ของเขาคุกรุ่น

"อาบน้ำซิ่.... "
น้ำเสียงเอ่ยปนเสียงหัวเราะอย่างพอใจในลำคอ  ชายหนุ่มขยับแนบริมฝีปากกับอีกฝ่าย เรียวลิ้นขยับรุกล้ำ อ่อนหวานหากแต่เร้าร้อนภายใต้ สายน้ำที่สาดซัดลงบนร่าง

หนุ่มผมดำจูบกับอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน มือข้างที่ว่างถอดเสื้อผ้าของตนเองออกไปจนหมด แล้วดึงร่างนั้นมาแนบชิด ผิวเนื้อเสียดสีกันเกิดเป็นความเร่าร้อนภายใต้สายน้ำ

"เจตน์... " น้ำเสียงที่เอ่ยอย่างมั่นใจ ฟังดูแผ่วเบากว่าทุกครั้ง ร่างบางในอ้อมกอดของชายหนุ่มร่างสูง สั่นระริก เช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นอยู่ในอก ดวงตาสีเข้มปรือมองใบหน้าของอีกฝ่าย

"ผมนึกว่าจะไม่ได้ พบคุณอีกแล้ว "

" ผมชอบคุณ"เจตน์เอ่ยออกมาอย่างจริงใจ มันไม่ได้เป็นไปเพราะอารมณ์ความต้องการ แต่เป็นสิ่งที่เขาอยากจะบอกเอาไว้

สุธาสินมองหน้าของอีกฝ่าย มือเรียวเสยเส้นผมสีดำสนิทที่เปียกน้ำนั่นขึ้นไปเล็กน้อย
"ผมก็ชอบคุณ" ชายหนุ่มเอ่ย แผ่วเบา แล้วแตะริมฝีปาก กับริมฝีปากของอีกฝ่าย สองมือตระกองกอดให้เจตน์ขยับเข้ามาแนบกาย จนรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่จะไม่มีทางโกหกตัวเอง แม้ในหน้าที่การงานของเขาจะรู้สึกได้ถึงการตีสีหน้าเข้าหากัน แต่ เมื่อได้อยู่กับชายหนุ่มร่างสูงคนนี้ เขาแค่อยากจะจริงใจ กับทั้งคำพูดและการกระทำให้ได้มากที่สุด เท่าที่ จะทำได้

เจตน์จับสุธาสินพิงกับผนังห้องน้ำ ริมฝีปากได้รูปจูบตามผิวกายขาวจนเกิดรอยแดง เขาขบที่ยอดอกที่ไวต่อการสัมผัสอย่างยั่วเย้า พร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ปลุกเร้าเบื้องล่างของสจ๊วดหนุ่ม

ร่างบางผวากอดอีกฝ่ายเข้าหา ริมฝีปาก ร่ำร้องออกมาเป็นถ้อยคำที่ไม่อาจตีความหมายได้ แต่ชายหนุ่มผมสีดำคงเข้าใจ ดี
เจตน์คุกเข่าลงกับพื้นห้องน้ำ เขารับเอาความเร่าร้อนนั้นไว้ในปาก เกือบแทบทุกครั้งสำหรับเขาและสุธาสิน นี่เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายพอใจ เวลาเขาปฏิบัติให้เช่นนี้

ปลายนิ้วเรียวขยับไล้กับเส้นผมสีดำที่เปียกร่างบางเกร็งแน่น เมื่ออารมณ์ ถูกปลุกเร้าจนไม่อาจต้านทาน ความร้อนระอุในร่างกาย ถูกปลดปล่อย เรียวขาทั้งสองข้างขยับ เหมือนไม่มีแรงจะยืนอยู่อีกต่อไป จน สุธาสินต้องอาศัย ไหล่กว้างทั้งสองข้างนั้นเป็นหลักยึด

"...เจตน์...... เจตน์..... " เสียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายปะปนไปกับเสียงหอบหายใจขาดช่วง ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำ แม้จะ อยู่ท่ามกลางสายน้ำ แม้อารมณ์จะถูกปลดปล่อย แต่ กลับยิ่งรู้สึกอยากจะใกล้ชิดกับอีกฝ่าย ให้มากขึ้น ความโหยหา ที่รู้สึกมาตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายจากมาไม่เคยได้รับการเติมเต็ม

ทั้งความรู้สึกที่อยู่ในใจ อยากจะบอกออกไป และร่างกาย ที่ต้องการ กันและกัน

หนุ่มผมดำจับร่างนั้นให้ขยับขึ้นเล็กน้อย ปลายนิ้วแตะหยาดหยดแห่งความสุขของคนรักแล้วลากไปยังสะโพกบางที่สั่นระริก ปลายนิ้วร้อนๆขยับเข้าหาอีกฝ่ายช้าๆ เขาก้มลงจูบอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน ปลายนิ้วที่ขยับเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
จนร่างที่อ่อนระทวยนั้นพร้อม หนุ่มผิวแทนขยับกายเข้าหา สัมผัสแนบเนื้อต่อเนื้ออย่างไม่มีอะไรมากั้น

" อา.. " เขาครางออกมาอย่างพอใจกับความเร่าร้อนและแนบแน่นจากอีกฝ่าย

ร่างบางเกร็งแน่นแทบจะในทันที สองแขนโอบอีกฝ่ายเข้าหาตัว
"เจตน์....อ๊า...เจตน์...." เสียงหวานหูร่ำร้องออกมาเป็นชื่อของคนรัก สะโพกมนขยับ ตอบสนองความต้องการของตัวเอง เข้ากับร่างของอีกฝ่าย ห้ามไม่ได้ ต้องการอีกฝ่ายมากเหลือเกิน

" สิน .. อ๊าา.. " ชายหนุ่มเร่งขยับตัวอย่างเร่าร้อนรุนแรง เมื่อได้รับการตอบสนองเช่นกัน

ริมฝีปาก ปลายลิ้นลากไล้ไปทั่วจนผิวกายขาวแดงช้ำ ฟันของเขาขบลงบนผิวกายบางจุดเบาๆ กระตุ้นอารมณ์จากร่างข้างใต้ให้สุขสม ไม่ได้สนใจ ต่อสายน้ำที่ยังสาดลงมาบนร่าง สุธาสินขยับร่างตอบสนอง ภายในกายร้อน ร่างบางส่งเสียงออกมาฟังไม่ได้ศัพท์ เมื่อร่างทั้งร่างเกร็งแน่นอีกครั้ง

ปลายนิ้ว กดลึกลงบนแผ่นหลัง ฝากรอยลากยาวสีแดง เอาไว้เมื่อเบื้องหลังเปลือกตาที่ปิดสนิทนั้น กำลังจะกลายเป็นสีขาวโพลน

"เจตน์............." เสียงนุ่มลากยาว เรียกชื่อของอีกฝ่าย ดังกังวานไป

เมื่อรู้สึกได้อย่างนั้น หนุ่มผิวแทนก็จับร่างบางขยับเข้าหาความรุนแรงของอารมณ์แห่งความต้องการ มากขึ้นอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเขาต้องครางออกมา แล้วปลดปล่อยความร้อนออกมาในร่างบางที่รองรับ

หน้าท้องของเขายังคงรู้สึกลื่นจากสิ่งที่หนุ่มร่างบางปลดปล่อยออกมา  เจตน์หอบหายใจแรง ริมฝีปากได้รูปซุกได้กับผิวแก้มของอีกฝ่าย เขาปล่อยให้ตนเองกับสุธาสินได้แนบชิดกันอีกซักพัก ก่อนจะค่อยๆถอนกายออกมา

ร่างบางหอบหายใจ ก่อนจะทรุดกายลงกับพื้นห้องน้ำ ไม่มีเรี่ยวแรงจะยืน มือเรียวขยับไปปิดน้ำ
"อาบน้ำ...พอแล้ว..............." เสียงนุ่มดังราวหอบเหนื่อยแต่กลับมี รอยยิ้มบนใบหน้าแดงเรื่อนั้น

เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตารีดูสภาพของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งดูกระตุ้นเร้าได้อย่างบอกไม่ถูก มือแกร่งช้อนตัวคนที่แทบจะไม่มีแรงขึ้นอุ้มก่อนจะพาออกจากห้องน้ำ
" เอาเถอะ ผมจะช่วยคุณเช็ดตัว .. ดีไหม? "

"เช็ดตัว แล้ว คืนนี้ จะได้ปล่อยไหมเนี่ย" สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ แค่มองตาอีกฝ่าย ก็พอจะเข้าใจ

" คืนหนึ่ง เราเคยทำได้มากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? "
เจตน์ถามก่อนจะวางร่างบางลงกับเตียงกว้าง แล้วบรรจงเช็ดตัวให้ร่างบาง ด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม

"ก็จริง..." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแเดง เอ่ย ดวงตาสีเข้มมองอีกฝ่ายยั่วยวน ริมฝีปากบางนั้นเหยียดยิ้ม สองแขนเหยียดออก แตะแขนของอีกฝ่ายที่กำลังไล้ผ้าขนหนูลงบนแผ่นอกของตน
"คราวนี้ ...กี่รอบดีล่ะ... ต้องให้ผมนับส่วนไหนดี ...ส่วนผม หรือส่วนคุณ... นี่...ผมจะอยู่ที่นี่อีกซักอาทิตย์เองนะ...ไปดูหนังกันหน่อยไหม"

" เดทตอนผมไม่มีเงินเนี่ยนะ? .. ไว้กลับมากรุงเทพ ค่อยไปเถอะ "
เจตน์ลากผ้าขนหนูกับแผ่นอกที่มีแต่รอยจ้ำ ก่อนจะขมวดคิ้ว
 " ผมทำผิวคุณไม่สวยแล้วนะเนี่ย .. ไหนรอยฟันนี่อีก "นิ้วเรียวจิ้มที่รอยฟันที่หน้าท้องอีกฝ่ายเบาๆ

"ผมทำคุณหมดตัวขนาดนั้น...เป็นแผลนิดหน่อยจะเป็นไร... ถ้ามันช้ำ...ก็ทายาเสีย เดี๋ยวก็หาย "
ปลายนิ้วไล้ๆเบาที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย

หนุ่มผมดำจูบปลายนิ้วนั้นเบาๆ แล้วมองดูรอบๆห้องที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ ไหนจะย่านที่อาศัยอยู่ เขารู้ดีว่าคงแพงมากแน่ๆ
" ห้องผมยังไม่ได้หนึ่งในสี่ของคุณเลยนะเนี่ย .. ไหนจะสถานภาพทางการเงินของผม .. ใครรู้เข้าจะคิดว่าผมมาเกาะคุณกินรึเปล่าเนี่ย? "

"คิดแต่เรื่องเงินนะคุณเนี่ย...ไม่คิดเหรอว่า ทำไมผมถึงชอบคุณ ... " สุธาสินดึงนิ้วออก ดวงตาฉายแววไม่พอใจเล็กๆอยู่ในที
"ผมชอบคุณ เพราะคุณเป็นคนจริงใจ พูดอะไรตรงๆ ไม่ค่อยเหมือนสังคมที่ผมอยู่ซักเท่าไร... ที่นั้น ใครเขาก็พูด เรื่องเงินๆทองๆ แบรนด์นั่นนี่ ...ผมเบื่อ...แต่อยู่กับคุณ ไม่ต้องใส่หน้ากากดี...ผมชอบ"

" นึกว่าคุณจะบอกว่า เพราะเรื่องพรรคนั้นซะอีก " เจตน์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพูดถึงเรื่องของตนเอง

สุธาสินหน้าแดงก่ำ บ่นอุบว่าอีกฝ่าย เริ่มปากดีอีกแล้ว ดวงตาสีเข้มมองหน้าอีกฝ่าย

" แต่ก็นั่นแหละ ผมเคยคิดว่าการที่ผมเป็นคนตรงๆ ไม่ค่อยยอมปรับตัวอะไร  มันคงเป็นปัญหากับการอยู่ในสังคมไทยนะ "

"แล้ว ในตอนนี้ คุณคิดว่า คุณ จะปรับตัวได้บ้างหรือยัง.... อา...ผมคงจะตามใจคนเอาแต่ใจแบบคุณไปหลายอย่างแล้วล่ะซิ่"

เจตน์หัวเราะ ลั่นแล้วขยับหน้าเข้าไปกระซิบที่ใบหูบาง
" ตามใจสุดๆเลยล่ะ .. ผมชอบนะ แบบนั้น "เขาทำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะลากมือไปทั่วผิวกายเนียนมือ

"ชอบผมเพราะแค่นี้ซิ่นะ.... " สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่ได้ จะงอนหรืออะไร เพราะรู้ดีว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมันเริ่มมาจากสิ่งใด
"แต่ผมก็อยากจะให้เราพัฒนาไปอีกนะ...."

" ผมไม่ได้เป็นพวกโทรหาทุกวันหรอกนะ เพราะงั้น ถึงคุณจะบินบ่อยๆก็ไม่ต้องห่วงหรอก  "
ริมฝีปากร้อนซุกไซ้กับผิวแก้มแดงระเรื่อ " หรือคุณอยากให้ผมโทร..แต่ค่าโทรศัพท์ต้องทำผมหมดตัวแน่ๆเลย "

"ไม่ต้องโทรก็ได้... ผมก็ไม่ได้ จะมานั่งนับโทรศัพท์ คุณเสียเมื่อไร... " เสียงนุ่มขาดห้วง เมื่อริมฝีปากร้อนนั้น ขยับเม้มแผ่วเบาที่ข้างหู
มือแกร่งจับให้ร่างบางนอนคว่ำลงกับเตียงนุ่ม แล้วลากริมฝีปากกับแผ่นหลังเนียนอย่างหลงใหล

"อ๊ะ... "เสียงสุธาสินอุทานขึ้นเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงปลายลิ้นของชายหนุ่มร่างสูง มือเรียวยึดผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น ความรู้สึกซาบซ่านแล่นริ้วจากเบื้องล่าง ริมฝีปากบางส่งเสียงแผ่วเบาปนหอบหายใจ

ปฏิกิริยาที่ไวต่อความรู้สึก มันง่ายต่อการกระตุ้นเร้าโดยเขา ตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัส นั่นทำให้เจตน์ไม่ลังเลใดๆ ต่างจากประสบการณ์ที่แล้วมา  กับสุธาสินแล้ว เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจเสมอ เขาฝันที่จะเป็นผู้ชายแบบนี้มาตลอด และสุธาสินก็ทำให้เขาเป็นได้

ร่างแกร่งสอดประสานกับสุธาสินอย่างเร่าร้อน มือที่ชื้นเหงื่อขยับมาปลุกเร้าเบื้องหน้าของสจ๊วดหนุ่มเป็นจังหวะเดียวกับการแทรกกายเข้าหา เนื้อสัมผัสเนื้ออย่างไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ อีกครั้ง

"อ๊ะ....เจตน์.... "ชายหนุ่มร้องครวญออกมาเป็นชื่อของอีกฝ่าย สัมผัสร้อนที่รับรู้ได้ ทำให้นึกถึงอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป แต่ จนกระทั้งตอนนี้ แล้วหากจะพูดออกไป คงไม่ทันการณ์

...ลืม...ไปได้ยังไง....

"ไม่เคยลืมแท้ๆ....." เสียงชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงหัวเราะปนหอบเหนื่อยอย่างเร้าอารมณ์ ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มร่างสูง

" ลืม?..อ๊า..อะไร? "เจตน์ถามทั้งที่เขากำลังหอบหายใจอย่างหนัก เบื้องล่างกระแทกหาอีกฝ่ายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

"อ๊ะ... ...อ๊ะ..เจตน์..." สุธาสินเม้มริมฝีปากแน่น อีกฝ่ายขยับเข้าหารุนแรง ร่างบางพยายามตั้งสติ ที่กำลังจะหลุดลอย เอ่ยคำ สุดท้ายออกจากปาก

"ล...ลืม ... ถุงยาง....อ๊ะ..อ๊า..."

" อึ่ก .. อ๊า! "เจตน์ครางออกมาหลังจากได้ยินคำตอบ ไม่ทันเสียแล้ว เขาลืมใช้มันอีกครั้งแล้ว ชายหนุ่มปลดปล่อยออกมาในกายอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เขาปล่อยให้ตัวเองยังคงอยู่ในกายของคนรัก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ทั้งๆที่ยังหอบหายใจ
" อา..ฮะ..ฮะ ..ฮะ..เมื่อกี้ก็ลืม..นะ "

"...ไม่ต้องมาหัวเราะเลย...ออกไปเลย จะอาบน้ำ...." สุธาสินอยากจะผลักอีกฝ่ายออกไปเสียให้ได้ แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ ใบหน้าสวย ฟุบลง กับเตียง มือ ที่เกี่ยวเกาะ ผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เมื่อครู่ สั่นระริก...

" เดี๋ยวเลอะ "เจตน์ห้ามเมื่อสุธาสินจะขยับออกจากเขา ความต้องการของเขามันยังคงอยู่ในกายอีกฝ่าย ไม่น้อยเลย 
" ขอผมนอนกอดอีกหน่อยน่า "

"มันเหนียวตัวนี้ ...ไม่สกปรกบ้างหรือไง...." ชายหนุ่มบ่น ยกมือพยายามจะดันอีกฝ่ายออกแต่ก็ไม่เป็นผล....อีกฝ่ายทาบร่างทับลงมา ร่างบางอุทานออกมาเบาๆ ในที่สุดก็ต้องยอมนอนนิ่งโดยดี

" ไม่นี่  ผมชอบตอนที่อยู่ในตัวคุณแบบนี้ที่สุดเลย " มือแกร่งโอบกอดร่างบางเข้ามาหาตัว แล้วหลับตาลง

"เดี๋ยวผมเสียพลังงานหมด" สุธาสินบ่นออกมา ที่จริงเขาไม่เคยชอบให้ใครนอนกอดเขาทั้งๆที่อะไรๆยังคากันอยู่แบบนี้ แต่กับอีกฝ่ายแล้ว น่าแปลกที่อ้อมกอดกว้างนี่มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน

"อา...ผมคงจะชอบคุณจริงๆนั่นละ"

" เพิ่งจะรู้ตัวเหรอคุณ? ว่าแต่เรื่องถุงยางน่ะ ผมปลอดภัยนะ"
เจตน์กอดอีกฝ่ายแน่นขึ้นเล็กน้อย แล้วกระซิบแหย่เรื่องที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาทั้งๆที่กำลังจะถึงจุดสุดยอดไปเมื่อครู่

".......ผม...ก็กลัวว่าคุณจะถือ มันก็แค่....นึกขึ้นมาได้ "สุธาสินพึมพำเอ่ยออกมาใบหน้าแดงก่ำ

" ต่อไปจะไม่ใช้แล้วนะ "เจตน์พูดออกมาอย่างจริงจัง
" ก็เราไม่ใช่คู่นอนกันแล้วนี่ "

"เพราะไม่ใช่คู่นอน...ก็เลยไม่ป้องกันเหรอ?" สุธาสินหันมาถามพลางขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้รอคำตอบอะไร
"ไปอาบน้ำดีกว่า...." เขาคิดว่าตัดบทไปแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวอีกฝ่ายจะหาว่า เขาเรื่องมากหรืออะไรอีก

" ไม่เอา .. สิน มาคุยกันก่อน " เจตน์ดึงอีกฝ่ายเอาไว้
" อยากผมให้ทำอะไร? " เขาถามออกมาตรงๆด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างจริงจัง

"ผมก็แค่...ไม่อยากให้คุณ ปล่อยตัวเอง ก็เท่านั้น...จริงอยู่ว่าถ้าเราจะจริงจังกับใครซักคน มันอาจจะไม่จำเป็น...แต่..."ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงก้มหน้าลงเล็กน้อย
"ถ้าเรา...ป้องกันเอาไว้ ถ้าเกิดว่า ความสัมพันธ์นี้ มันจะไม่ยืนยาว คนอื่นเขาจะได้ไม่มาว่าคุณได้... ก็เท่านั้น"

" โอเค .. คราวหลังผมจะระวัง” เขายิ้มกับท่าทางที่ดูอ่อนลงของอีกฝ่าย
“ นี่ มีอะไรก็ให้บอกนะ ถ้าคุณชอบที่ผมเป็นคนตรงๆ ผมก็อยากให้คุณตรงๆกับผมเหมือนกัน "
ชายหนุ่มร่างสูงย้ำในสิ่งที่เขาอยากให้เป็น ก่อนจะขยับขึ้นไปนอนหนุนหมอนใบใหญ่

"ผม...ก็แค่...ห้ามตัวเองไม่ทัน ก็เท่านั้นเอง" ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ อย่างช่วยไม่ได้

" ช่วยไม่ได้นี่นา ผมเก่งออก จริงมั๊ย? " เจตน์หัวเราะร่า แล้วชี้ไปที่ห้องน้ำ
" ไปอาบน้ำเถอะ "

====================

ยามเช้าในห้องนอนเงียบสนิท ไม่มีเสียงนก หรือ เสียงเครื่องยนต์ของรถรารบกวน นี่เป็นข้อดีที่เขาเลือกที่อยู่ในบริเวณนี้
ร่างบางมีเพียงผ้าห่มหลุมกาย อยู่บนเตียงนุ่ม เพียงลำพัง ผิดกับเมื่อคืนที่เขามีใครอีกคนอยู่ด้วย

ดวงตาสีเข้มปรือขึ้นเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าข้างกาย ไม่มีไออุ่นของใครบางคนอยู่ข้างกาย

"อืม... เจตน์... " ปลายนิ้วไล้สัมผัส แต่พบเพียงผ้าปูที่นอนยับย่นไร้ไออุ่น สจ๊วตหนุ่มสะดุ้งผุดลุกในบัดดล ดวงตาคู่สวยเหลียวมองซ้ายขวา แต่ไม่เห็นใคร

"เจตน์............" เขาลองเรียกชื่อของคนที่รักร่วมกันเมื่อคืน แต่กลับไม่มีเสียงตอบ

"เจตน์..................." แม้เรียกอีกครั้งก็ยังคงได้รับเพียงความเงียบกลับมา พลันดวงตาเหลือบไปเห็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาอยู่ในห้อง บนโต๊ะหัวเตียงมีขวดน้ำหอมสีฟ้าใสตั้งอยู่

....วัน ซัมเมอร์...

มันเป็น น้ำหอมขวดเดียวกับ เป็นหัวข้อสนทนาให้เขาได้พบและพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างเป็นจริงเป็นจัง ในครั้งนั้น
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม ในแววตาให้ความรู้สึกเศร้าสร้อย เหมือนอย่างเช้าวันนั้น

....คุณชอบทิ้งอะไรเอาไว้จริงนะ.....

(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต39(ต่อ)(12/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 28-02-2014 15:09:40
ร่างบางลุกออกจากเตียง ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ...ไม่ใช่แค่ร่างกาย น่าแปลก ที่ความรู้สึกเต็มตื้นที่ได้รับในคืนวันแต่งงานของน้องสาว กลับหายไปจนหมดเมื่อยามเช้าผ่านมาถึง

ตื่นมาแล้วไม่มีใคร มันไม่ต่างอะไร จากวันที่ไม่มีชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นผ่านเข้ามาในชีวิต

อีกไม่นาน ก็คงจะต้องหอบเอาความเบาโหวงเหล่านี้ กลับไปทำงานด้วย

"นี่เรา..คงเหมือนศพเดินได้แน่... "

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงเอ่ย หยิบเสื้อคลุมสีดำมาคลุมกาย เดินไปยังห้องครัว อยากจะหาอะไรมาดื่มให้ อย่างน้อย ก็รุ้สึกว่า สดชื่นมากกว่านี้

====================

เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ตามมาด้วยเสียงถุงพลาสติกกระทบกันหลายต่อหลายใบ คนที่เพิ่งกลับมาคงจะไปซื้อข้าวของมาหลายอย่างเลยทีเดียว

เสียงประตูที่ดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังจะรินน้ำส้มใส่แก้ว สะดุ้งเผลอปล่อยแก้วลงกับพื้นทันที

...เพล้ง...

เสียงแก้วกระทบพื้น น้ำส้มที่กำลังเท หกเปื้อนพื้นไปหมด แต่เจ้าตัวไม่ได้ สนใจ ร่างสูงโปร่งวิ่งไป ที่หน้าประตู ทันที

" สิน! เป็นอะไรรึเปล่า? " เจตน์เองก็วางถุงของสดที่ซื้อมา แล้วเดินไปหาคนรักของเขาตามเสียงที่ได้ยินทันที

"อย่ามาเล่นบ้าๆ แบบนี้อีกนะ" สุธาสินผลักอีกฝายออก

" เล่น? ผมไม่ได้เล่นอะไรซักหน่อย คุณเป็นอะไรไปน่ะ? "เจตน์ทำหน้าไม่ค่อยถูกที่เห็นคนรักเป็นแบบนี้ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ

"นี่เหรอ ไม่ได้เล่น.... "สุธาสินพูดด้วยเสียงเรียบขึ้นมาทันที ก่อนจะดึงมืออีกฝ่ายกลับเข้าไปในห้องนอน

"วางไอ้นั้นเอาไว้...แล้ว ก็หายไป.... นี่เหรอไม่ได้เล่น..."ดวงตาสีเข้มมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง

" ก็ผม .. อยากทำอาหารเช้าให้ แล้วก็ไหนๆ ห้องคุณก็ใกล้ห้องพี่คิมก็เลยแวะไปเอาเจ้านี่มาให้ไง แต่ดันลืมซื้อของพวกนั้น " หนุ่มผมดำชี้ไปที่กองถุงของสดที่อยู่หน้าประตูห้อง
" ก็เลยออกไปซื้อ  "ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างงงๆ ก่อนจะคลายหัวคิ้วออก เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทน แล้วพูดแหย่
" ทำไม? คิดว่า ผมได้คุณแล้วจะทิ้งรึไง?  "

"............................แล้วผมผิดตรงไหนที่จะจินตนาการไปแบบนั้น" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ท่าที่ไม่ได้แสดงว่า ไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ คล้อยตามไปกับคำแหย่นั้นเสียงทีเดียว
"คุณเคยทิ้งผมเอาไว้ ... แบบนี้เหมือนกัน...  คิดว่าผมต้องพยายามทำใจขนาดไหนกัน?"

" โอเค ขอโทษครับผม  " เจตน์พูดมันได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะหอมแก้มของคนรักเป็นการง้อ

" หายโกรธนะ จะทำข้าวเช้าให้กิน ข้าวต้มดีไหม? .. ไปอาบน้ำเถอะ "

".......ไม่ ผมไม่อาบน้ำตอนเช้า... มันเย็น.... "ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่ห้องครัว เพื่อเก็บกวาด ของที่เขาทำหล่นเอาไว้ มือเก็บเศษแก้วไป ปากก็บ่นพึมพำไปเรื่อย

...แก้วแตกเลย พื้นเป็นรอยไหมเนี่ย ...

" อ่า.. ช่วยไหม? "เจตน์ที่เดินไปเก็บถุงของสด เดินมาถาม ทั้งๆที่ของเต็มไม้เต็มมือไปหมด

"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ..." สุธาสินเอ่ยขึ้น เขาชินแล้วกับการทำความสะอาด การเก็บกวาดที่รวดเร็วมันเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเขาเสมอ และเขาก็ทำมันได้เร็วและสะอาดเอี่ยมภายในเวลา ไม่กี่นาที

" โอเค งั้นผมไปทำข้าวเช้าให้ละกัน "หนุ่มผมดำพยักหน้าลง เร็วๆ ดูท่าสุธาสินคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาซักเท่าไหร่นัก

ข้าวต้มขาว กับกุนเชียงนาบกะทะ และไข่เจียวแห้งๆ และผักกาดดองกระป๋อง นั้นเป็นอาหารง่ายๆที่เจตน์ทำในเช้านี้

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงช่วยจัดเสริฟ ลงบนโต้ะ ทันทีที่เห็นว่า อีกฝ่ายทำอาหารเสร็จ

" เอาล่ะ เสร็จแล้ว " เจตน์มองชุดอาหารเช้าง่ายๆที่เขาภูมิใจเสนอ ถึงแม้จะดูไม่ค่อยมีราคาอะไรนักแต่ก็อยากให้อีกฝ่ายได้ชิมดู
" มากินข้าวกันเถอะ "

"นี่ครับ........." ชายหนุ่มเอ่ย พลางยื่นแก้วน้ำเย็นให้กับอีกฝ่าย

" มากินข้าว สบายๆซี่ .. ตอนนี้ไม่ใช่เวลางานนะครับ ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก ผมไปหยิบเองก็ได้ "เจตน์บอก ตอนนี้สุธาสินทำเหมือนเขาเป็นผู้โดยสารบนเครื่องเลย

"ครับ... "สุธาสินรับคำเสียงเบา ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต้ะอีกด้าน ชายหนุ่มตักกับข้าวเข้าปาก
"อร่อยดีนะครับ" ปากเอ่ยชม เล็กน้อย "ไม่รู้ว่าคุณทำกับข้าวเป็นด้วย... "

" แค่ข้าวต้มกับกับข้าวง่ายๆถูกๆน่ะ เห็นคุณทานได้ผมก็ดีใจนะ “ เจตน์ยิ้มแล้วเอื้อมมือไปเช็ดเม็ดข้าวที่ข้างริมฝีปากนั้น
“ว่าแต่ คุณชอบกินอะไรมั่งล่ะ ผมจะได้หัดทำของยากๆให้คุณกินมั่ง "เจตน์ยิ้มกับคำชมของคนรัก เขามั่นใจเรื่องฝีมือการทำอาหารของตนเสมอ

"ผม...ชอบกินไก่ย่างเหลือ "ใบหน้าสวยนั้น เบือนไปอีกทางเหมือนจะอาย "แล้วก็ ขนมหวาน... "

" ขนมหวาน? "หนุ่มผมดำทวนคำอีกฝ่าย พลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ .. ไม่น่าเชื่อแฮะ..
" ขนมไทยหรือ? "

"... ผมกินได้หมด ขอแค่หวาน...ปรกติไม่ค่อยได้กินเท่าไร นานๆ จะกินที... ผมทำงานแบบนี้ ให้ไปนั่งกิน ตามร้านอะไรแบบนั้น อายคนอื่นเขา" ชายหนุ่มเอ่ย แม้บางครั้งได้ไปตามสถานที่ต่างๆ แต่ การที่ทำงานแบบนี้ นอกจากจะต้องดูแล ตัวเอง แล้ว ภาพพจน์ของสายการบินก็ต้องรักษาเช่นกัน

" งั้นคราวหน้ากลับมา รับรองได้กินแน่ๆ "เจตน์จิ้มแก้มที่แดงระเรื่อของอีกฝ่ายเบาๆ
" น่า .. ไม่เห็นต้องอายเลย น่ารักดีออก "

"ผม...ไม่ได้อยากให้คุณชม ว่าน่ารักหรอกนะ..." สุธาสินพูดแต่ถึงกระนั้นก็ยิ้ม ยิ้มแรกของเช้าวันนี้

เจตน์ยิ้มตอบอีกฝ่ายแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าในส่วนของตนไป
" อะ..โทษที นี่กุญแจ "เจตน์ว่าแล้วรีบเอากุญแจวางบนโต๊ะ

สุธาสินยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากุญแจห้องกลับมา..
"เดี๋ยวผม จะ ปั้มเอามาให้ก็แล้วกันนะ"

====================

ช่วงเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเป็นไปอย่างมีความสุข หนุ่มผมดำเก็บของออกจากห้องของคิมหันต์ โดยที่อารยะอดที่จะกระแนะกระแหนอย่างทุกครั้งไม่ได้ ที่เห็นอดีตคนรักกำลังมีความสุขกับคนที่ดูดีได้ขนาดนั้น

แต่เจตน์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เสื้อผ้าไม่กี่ชุดถูกนำมาใช้ที่ห้องของสุธาสิน เขาทำตัวตามสบายๆ ทำอาหาร ทำความสะอาด แล้วก็เริ่มหัดทำของหวาน..

" เป็นไง โอเคไหม? " เจตน์ถามออกมาเมื่อคนรักของเขาตักคัสตาร์ทเข้าปาก
ท่าทางไม่ค่อยมั่นใจเลย แน่ละ .. เขาไม่ชอบของหวาน เลยไม่ยอมชิมเลย

"อืม...ก็อร่อยดี" สุธาสินยังคงชมด้วยถ้อยคำแบบเดิมๆเสมอ ไม่เคยมี "อร่อย " หรือ "อร่อยมาก"

" โอเค ก็ชมแบบขอไปที "เชฟขนมหวานจำเป็นทำหน้าเซ็งเล็กน้อย
" บอกว่าไม่อร่อยก็ได้นะ .. ไม่เป็นไรหรอก "

"เปล่า มันอร่อย... แล้วจะให้ผมชมคุณมากขนาดไหนล่ะ อร่อย ก็คืออร่อย ... "สุธาสินมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
“ที่สำคัญมันอยู่ที่ คุณทำให้ผมมากกว่า"

" งั้น คราวหน้ากลับมา ผมจะรอคำว่า " อร่อยมาก " จากคุณก็แล้วกัน  "
นิ้วเรียวจิ้มปลายจมูกของคนรักเบาๆ แล้วเดินไปเก็บครัว ผิดจากวันแรกๆที่มาอยู่กับสุธาสิน เขาไม่ค่อยชอบเก็บนั่นเก็บนี่เท่าไหร่นัก

ชายหนุ่มเจ้าของห้องยิ้ม...
" นี่ คราวนี้ผมไปนานหน่อยนะ ตารางยาวเลย "

" งั้นเหรอ.. ไว้ผมไปส่งคุณที่สุวรรณภูมิ แล้วค่อยกลับห้องก็แล้วกัน คงพอดีกับวันสุดท้ายที่ลางานไว้ "เจตน์ตอบกลับมา มือทั้งสองข้างยังคงล้างเครื่องครัวที่ใช้ไป

"ไว้คุณก็...หัดทำไปเรื่อยๆก็แล้วกัน รอลูกของเอิร์นเกิด ก็เอาไปรับขวัญหลานกัน ดีไหม" ร่างสูงโปร่งเดินไปยืนช้อนที่ด้านหลังของอีกฝ่าย มือเรียวแตะเบาๆที่ไหล่ของร่างสูง

" ฮะ ฮะ .. พ่อมันคงกินหมด ไม่เหลือให้ลูกหรอก "เจหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงคนที่กำลังจะเป็นพ่อของเด็กคนนั้น และสภาพขนมของเขาก็คงดูไม่จืดเลยทีเดียว

"ของที่ทำด้วยใจ พ่อกิน แม่กิน ลูกก็คงรู้สึกด้วยนั่นล่ะ"

" แต่ถ้าตอนนั้น คุณยังบอกแค่ อร่อยเฉยๆ .. คงจะไม่ไหวแน่ๆล่ะ " เจตน์หันมายิ้มให้คนชอบของหวาน
" ไว้ผมจะซื้ออุปกรณ์ไปหัดทำที่ห้องก็แล้วกัน " 

"ทำที่ห้อง?.... "สุธาสินเลิกคิ้วสูง
" นึกว่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกันเสียอีก"

" ย้าย? " เจ้าของดวงตารีเลิกคิ้วขึ้นสูง " คุณอยากให้ผมอยู่ที่นี่ กับคุณเหรอ? "

"อ้าว" คราวนี้เป็นสุธาสินเองที่อุทานเสียงสูง
"นี่ก็ยังไม่รู้ใช่ไหมเนี่ย ...อืม ต้องขอโทษที่ผม เป็น คนคิดอะไรไปเองตลอด"

" ผมอยากนะ! "เจตน์ตอบเสียงดัง
" ที่ถามออกไปแบบนั้น แค่แปลกใจก็เท่านั้น ผมแค่นึกว่า คุณอยากให้ผมอยู่ด้วย ก่อนบินอีกรอบ "

ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม สบตาของอีกฝ่ายนิ่ง มือเรียวจับมือที่ยังเปียกอยู่ของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
"บอกคุณตรงนี้เลยนะ ถ้าผมไม่คิดจริงจัง... ผมไม่พาคุณมาที่นี่ ตั้งแต่แรกหรอก"

" โอเค .. ให้ผมอยู่ที่นี่กับคุณใช่ไหม? " เจดึงมือที่จับมือเขาไว้มาจูบเบาๆ

"อืม... " เสียงรับในลำคอเบาๆ

"นี่..อยู่แล้วก็ทนผมไปเรื่อยๆก็แล้วกันนะ " สุธาสินยิ้มให้อีกฝ่าย รอยยิ้มสวยจนคนอายุน้อยกว่าอดไม่ได้ที่จะบีบจมูกโด่งนั้นอย่างมันเขี้ยว

" คุณต่างหากที่เป็นผู้โชคร้าย คุณนั่นแหละต้องทนผมน่ะ ฮะ ฮะ ฮะ "เขาระเบิดเสียงหัวเราะลั่นแก้เขิน

"ล้างจานต่อไปเลย " สุธาสินตัดบท ก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง

====================

หนุ่มผมสั้นสีดำ ที่อยู่ในสาขาต่างประเทศ ยังคงเป็นหนุ่มคนดังของบริษัท และยิ่งดังขึ้นมากหลังจากที่เพื่อนสนิทของเขาแต่งงานกับสาวแผนกเลขาและเข้ามาอยู่ในแผนกเดียวกัน มีข่าวลือหนาหูเลยทีเดียวว่า เจตน์เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตัวเองในทางที่ดีขึ้นเพราะรักครั้งใหม่กับญาติของอิสราภรณ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าของบริษัท

เจตน์ย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์เล็กๆเข้ามาอยู่ยังอพาร์ตเมนต์หรูกลางเมือง มันใกล้บริษัทของเขามาก จึงทำให้เขาเลือกที่จะขึ้นรถไฟเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ยังมีคนเห็นว่าช่วงวันหยุดเขาได้ขับรถสปอร์ตสีดำราคาแพงไปไหนต่อไหนเพียงลำพัง
เสียงลือต่างๆนานาไม่ได้ทำให้เจตน์สนใจอะไรมากนัก ต่างจากเมื่อก่อนที่คงจะเดือดร้อนไม่น้อย เขายังคงทำตัวปกติ ทำงานตามปกติ และไปเยี่ยมภรรยาของเพื่อนที่ท้องแก่พร้อมกับของบำรุง และขนมบ้างเป็นบางครั้ง


จนกระทั่งวันนี้ เป็นวันที่คนรักของเขาจะกลับมาเสียที ตามเวลาที่นัดหมายกันเอาไว้

.. สามทุ่มตรง สนามบินสุวรรณภูมิ ..

ชายหนุ่มเปิดฝาเตาอบแล้วหยิบพิมพ์เค้กร้อนๆออกมาวางไว้บนตะแกรง ก่อนจะราดชอคโกแลตที่ตุ๋นเอาไว้ลงไปคลุมอย่างไม่เสียดาย แล้วไปอาบน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อย จึงกลับมาเขียนที่หน้าเค้กต่อ เขายิ้มให้ผลงานของตนเองอย่างพอใจ แล้วเดินไปหยิบแจคเก็ตตัวเก่ง กุญแจรถ กุญแจห้องแล้วออกจากห้องไป

====================

ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเลือดหมูอันเป็นเครื่องแบบของสายการบินเดินลากกระเป๋าเดินทางมาพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน มีรอยยิ้ม ให้กับพวกพนักงานต้อนรับอย่างชื่นชมตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือสลับกับนาฬิกาของทางสนามบินก่อนจะปรับตั้งเวลาเสียใหม่

"เดี่ยวก็คงมาถึง...." ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มไม่ได้ ก่อนที่จะหันมาบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วเดินเลี่ยงออกมาอีกด้านเพื่อไปรอกับคนรักที่บริเวณที่นัดพบกันเอาไว้ตั้งแต่แรก

สจ๊วตหนุ่มหันมองซ้ายขวา เขามายืนใกล้กับประตูทางออก อากาศเย็นที่ดูจะผิดปกติของภาคกลางในประเทศไทยนั้นพัดผ่านเข้ามาด้านในจนตัวเองต้องกระชับเสื้อสูทของตัวเอง

"เย็นๆนะ คืนนี้" ว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะ..

" ว่าไง คนสวย มารอใครเหรอครับ? " น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง ออกจะกวนๆ เหมือนพวกนักเลงไม่มีผิด
ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้ม ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าของคนรักที่ไม่ได้เห็นมานานหลายอาทิตย์

"เสียใจ ผมไม่ว่างแล้วล่ะ"

" อืม " หนุ่มผมดำยื่นหน้าไปจูบอีกฝ่ายเบาๆ
" กลับบ้านกันดีกว่า " พูดจบก็ฉวยกระเป๋าเดินทางของสุธาสินมาถือเอาไว้

" นี่! จูบในเครื่องแบบได้ไง... "สุธาสินโวยวายเล็กๆพลางมองซ้ายมองขวา ก่อนจะรีบเดินตามเจตน์ออกมาข้างนอก บ่นพึมๆพอให้อีกฝ่ายได้ยินว่า ถ้ากลับถึงห้องแล้วจะเอาคืนแน่ๆ

" นี่ วันนี้ทำอะไรให้กินน่ะ?" เขาถามขณะที่คาดเข็มขัดนิรภัย จะว่าคาดหวังกับอาหารของเจตน์ก็ไม่ผิด เพราะชายหนุ่มดูมุ่งมั่นในการทำอาหารให้เขาเหลือเกิน

" ข้าว กับเสตกปลา สลัด ซุป  แล้วก็เค้ก " เป็นแบบนี้เสมอ ถ้าสุธาสินกลับมา เขามักจะทำอาหารมื้อใหญ่เตรียมไว้ เพราะได้ยินคนรักบอกประจำว่า อาหารบนเครื่องสำหรับพนักงานนั้น มีไม่มาก และรสชาติแย่เอาเสียมากๆ

"ดีจัง..รีบไปเถอะ มาอยู่ในเครื่องแบบแบบนี้มันทำอะไรไม่ค่อยถนัด" สุธาสินว่าพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ มือเรียวไล้ที่หลังมือของคนรักไปมา

" ทำอะไรไม่ถนัด? " ชายหนุ่มถาม พลางทวนคำพูดติดเรทนั้น แล้วหัวเราะออกมา มองดูมือที่ถูกลูบไล้นั่นแล้วก็อดที่จะหันหน้าไปจูบคนช่างยั่วเบาๆ แล้วออกรถไปทันที

=========ตอนที่39===========

เมื่อกลับมาถึงบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดสบายๆ กลิ่นหอมของอาหาร ยั่วยวนน้ำลาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด เค้กชอคโกแลตก้อนโต ดูจะเตะตามาก เมื่อเดินเข้ามาในส่วนครัว

"เนื่องในโอกาสอะไรเหรอ"

" อ่านสิ " เจดึงให้สุธาสินมาอยู่ตรงหน้าเค้ก

"lick me??? เค้ก จะไปเลียได้ไงไม่ใช่ไอติม" สุธาสินหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

" หมายถึงคนทำต่างหาก "ชายหนุ่มหัวเราะลั่น

"เฮอะ... อร่อยตายล่ะ..."สุธาสินพูดก่อนใช้มือจิ้มเอาหน้าชอคโกแลตมาใส่ปาก

" แต่ก็กินตลอดนี่นะ..อืม "หนุ่มผมดำดึงนิ้วจากปากอีกฝ่ายมาดูดมั่ง " เป็นไง หรือว่าไม่ค่อยหวาน? "

"มาเลียนี่แล้วจะได้รสอะไรรึไง กินไปหมดแล้ว " สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ "อร่อยใช่ได้"

" ให้คะแนนคนทำหน่อยซิ " เจตน์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

"อืมมม" สุธาสินหัวเราะในลำคอก่อนจะแตะริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆแล้วถอนออกรวดเร็ว
"พอใจไหม"

" แค่เนี้ย? "เจตน์เลิกคิ้วขึ้น แล้วส่ายหน้าไปมา ก่อนจะตัดเค้กใส่จาน " ลองชิมดูทั้งชิ้น แล้วจะเปลี่ยนใจ "

"งั้นจะละเลียดกินนานๆนะ" แต่แทนที่จะเอาเค้กชิ้นที่ตัดไปกลับยกเค้กทั้งก่อนที่เหลืออยู่เดินหนีไปนั่งหน้าทีวีทันที ก่อนจะตักเค้กเข้าปาก รสหวานกลมกล่อมทำให้ชายหนุ่มทำเสียงราวพึงพอใจเป็นอย่างมาก

" กินทั้งก้อนแบบนี้นะ .. อีกหน่อยลงพุงแน่ๆ "หนุ่มผมดำเตือน แต่เขารู้ว่าสุธาสินไม่ฟังเขาหรอก เมื่อคิดได้แบบนั้นเลยเดินไปอาบน้ำอาบท่าเสียที

====================

พอเจตน์กลับมาอีกที ก็ดูเหมือนว่าสุธาสินจะเลิกกินเค้กเสียแล้ว สจ๊วตหนุ่มเอาเค้กที่มีเหลือไม่มากแล้วไปเก็บไว้ในตู้เย็น ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ที่หน้าทีวี แต่สายตาไม่ได้อยู่ที่จอ เขากำลังมึนนิดๆกับรสชาติหวานหอมบรั่นดีที่พ่อครัวจำเป็นเป็นคนบรรจงใส่ลงไป อยู่อย่างนั้น

" ไปนอนไหม ดึกแล้ว กินก็อิ่มแล้ว จะได้พัก"เจตน์เดินไปนั่งข้างๆอีกฝ่าย กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำผสมกับอาฟเตอร์เชฟ กลิ่นเดียวกับแชมพู ดูสดชื่น ชายหนุ่มใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมสั้นของตนเองไปด้วย

"จะได้พักแน่เหรอ..."ท้ายเสียงถามเหมือนจะยั่ว ดวงตาคู่สวยฉ่ำหวาน ร่างบางกดรีโมทปิดทีวี ก่อนที่จะเดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องนอน

" หรือว่า อยากออกกำลัง เผาผลาญ ชอคโกแลตก่อน? "หนุ่มผมดำหัวเราะ แล้วเดินตามหลังร่างบางนั้นเข้าไปในห้องนอน

"นอนเลยก็ได้นะ... "สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ

"ไม่เป็นไรซักหน่อย..." ร่างบางนั่งลงบนปลายเตียงสองแขนเท้าไปด้านหลัง มองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง

" ไม่ได้ซี่.. ถ้าคุณลงพุง ผมก็ผิดที่เป็นคนขุนสินะ " เจตน์เท้าแขนทั้งสองคร่อมร่างเพรียวนั่นไว้
" แล้วก็ทั้งชอคโกแลต ทั้งเหล้า….. "

"อืม...มาทดสอบกันดูก่อนไหม"
ริมฝีปากบางเหบียดยิ้มสองแขนยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งของชายหนุ่มร่างสูงให้ก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบดเบียดรุกเร้าราวจะให้รางวัลเพิ่มเติมกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้

" อื้ม " เจตน์เองก็จูบตอบสุธาสินอย่างเร่าร้อน มือแกร่งที่คร่อมร่างนั้นไว้ลากสัมผัสผิวกายนุ่มนวลนั่นไปทั่ว

ทั้งสองร่างขยับเข้าหากันภาระหน้าที่การงานที่อาจทำให้เหนื่อยล้าดูจะถูกลบไปจากความทรงจำ
เวลานี้แค่อยากจะใกล้ชิดกัน ให้ได้มากที่สุดชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น

====================

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในยามเช้า ซึ่งแม้จะเรียกได้ว่าไม่เช้าเกินไปนักสำหรับคนอื่น แต่สำหรับชายหนุ่มที่อ่อนแรงทั้งสองก็ยากเหลือเกินที่จะลุกขึ้นมารับโทรศัพท์

"สวัสดีครับ...." เสียงเอ่ยอย่างเหนื่อยอ่อนของสจ๊วตหนุ่มดังขึ้นแหบพร่าเมื่อเขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมา ผ้าห่มผืนหนาร่นลงไปอยู่ที่เอวจนเห็นผิวกายขาวเนียนที่เป็นรอยจ้ำไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง

"เอ่อ...คุณสุธาสิน? นี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไรกันครับ ...เอ่อ..อ่ะ ...เอ้ย...ผมต้องขอโทษที่โทรมากวนเวลาของพวกคุณสองคนนะครับ" เสียงของชายร่างท้วมยังคงเอ่ยด้วยความประหม่าเหมือนทุกที

"อ้อ...อืม..ไม่เป็นไรครับ..คุณชินดนัย ไม่ทราบมีอะไรหรือเปล่า" เจ้าของชื่อตอบกลับ พลางยกมือขึ้นขยี้ตา

"เอ่อ เจ้าตี่ เอ้ย เจตน์มันอยู่แถวนั้น หรือเปล่าครับ"

" อื้อ...พูดกับใครน่ะ สิน? " เสียงห้าวของของหนุ่มผมดำดังเข้าในโทรศัพท์แทนคำตอบจากสุธาสิน พลางยกแขนขึ้นกอดเอวบางเอาไว้หลวม ร่องรอยเล็บที่มัดกล้ามแขนนั้นก็มีไม่ใช่น้อยเลย

สุธาสินไม่ได้ตอบเขาส่งโทรศัพท์ให้กับอีกฝ่าย ตั้งใจจะลงไปนอนกับเตียงอีกครั้ง

เจตน์ขมวดคิ้วแล้วรับเอาโทรศัพท์มาคุยทั้งๆที่ยังกอดคนรักเอาไว้
" ฮัลโหล..ใคร..ครับ? "

"ฉันเอง...พวกแกรีบลุกแต่งตัวเลยนะ “ ชินดนัยเอ่ย ควบคุมเสียงตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ไม่ได้

" มีไรวะ? "เจตน์ลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ตา เมื่อได้ยินเสียงตื่นเต้นของเพื่อนรัก

"เออน่า ล้างหน้าล้างตามาดูหน้าหลานสาวได้แล้ว" เสียงอีกฝ่ายเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะราวกับกลั้นความตื่นเต้นดีใจนี่เอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป

" หา หลานสาว? คลอดแล้ว หลานสาว??!! "ได้ผล เขาลืมตาตื่นได้ทันที พลางถามออกมาเสียงดัง เสียจนสุธาสินต้องสะดุ้งตื่น

"เออน่ะซิ่ หลานสาวมาได้แล้ว "เสียงชินดนัยออกคำสั่ง

" ที่ไหน? โรงพยาบาลอะไร " หนุ่มผมดำลุกขึ้นโดยไม่สนใจจะหาผ้าผ่อนมาใส่ให้เรียบร้อยนัก

หลังจากวางโทรศัพท์จากชินดนัย เจตน์ก็รีบดึงสุธาสินออกจากที่นอนทันที เขารู้ดีว่า คนรักพิถีพิถันเรื่องการอาบน้ำแต่งตัวขนาดไหน
" ตื่นเถอะ สิน ไปอาบน้ำก่อนเลย "

"อ่ะ...อืมๆ จะรีบก็แล้วกัน" ปากบอกแบบนั้น แต่ร่างอ่อนแรงก็ได้แต่เดินกะเผลกๆไปยังห้องน้ำ  ในใจนึกตื่นเต้นอยากรีบแต่งตัวไปมองหน้าหลานเร็วๆ แต่ก็อ่อนแรงเกินกว่าจะเร่งตัวเอง ทำงานมาหลายชั่วโมง แถมพักผ่อนน้อยอีก แบบนี้ อยากให้เร็วแค่ไหน คงไม่ได้ดั่งใจ

ส่วนหนุ่มผมดำก็ดูนาฬิกา ก่อนจะตัดสินใจที่จะ..เข้าครัว...

====================

หลังจากที่สุธาสินเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างยากลำบาก ก็ต้องแปลกใจเมื่อได้กลิ่นหอมของเค้กวนิลาจากเตาอบที่ถูกใช้งานอย่างโชกโชนภายในครัวของเขาเอง

 "โห...ยังอุตส่าห์ทำเค้ก....หรือผมอาบน้ำนานเกินไป สุธาสินหันหน้ามองนาฬิกา นึกตกใจว่าตัวเอง อาบน้ำนานขนาดอีกฝ่ายอบเค้กได้ก้อนหนึ่งเลยหรืออย่างไร

" ก็รู้อยู่แล้วว่านาน .. เอาล่ะ ครีมก็เสร็จแล้ว ผลไม้ก็อืมม มีแล้ว เหลือแต่คนช่วยแต่ง " หนุ่มผมดำในชุดนอนตอบอย่างอารมณ์ดีแล้วกวักมือเรียกอีกฝ่าย

"มีอะไรให้ช่วยไหม"

" ให้ลุงสิน ช่วยแต่งหน้าเค้ก "เจตน์บอกพลางยิ้ม ที่แล้วมา เขาเป็นคนทำตลอด คราวนี้สุธาสินต้องช่วยเขาบ้างแล้วล่ะ

"เรียกลุงแบบนี้ไม่อยากช่วยเท่าไร...นึกถึงตัวเองแก่ก็อ่อนแรงแล้ว" ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะหน้าผากทำหน้าเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้

" เอาน่าๆ " เจตน์หัวเราะแล้วไปจูงแขนอีกฝ่ายเข้ามาในครัว
" เดี๋ยวช่วยจัดผลไม้ก็แล้วกัน "เขาว่า พลางใช้สปาตูล่าปาดครีมสดลงบนเค้กอย่างไม่เสียดาย

"...โธ่ หนูน้อย ต้องมากินอาหารฝีมือฉันแบบนี้ จะเป็นอะไรไหมเนี่ย...แต่ก็เอาเถอะ....อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำตัวเค้กล่ะนะ" สุธาสินหัวเราะได้ใจ ก่อนจะเดินไปนำชิ้นผลไม้มาจัดเตรียมตามคำบอกของเจตน์ ที่ยังคงง่วนอยู่กับการแต่งหน้าด้วยครีม ดวงตาสีเข้มเหลือบมองร่างสูง อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
"ไว้...วันเกิดผมก็ทำให้กินด้วยนะ"

" แต่คงต้องก้อนใหญ่หน่อยล่ะ .. เดี๋ยวไม่มีที่ปักเทียน " เจตน์ยังคงตอบแบบยียวน ไม่วายล้อถึงอายุของอีกฝ่าย ทำเอาสุธาสินต้องมองค้อน ตอนนี้เขาปาดครีมเสร็จแล้ว จึงปล่อยให้สุธาสินใช้ผลไม้แต่งหน้าเค้กไป ส่วนตัวเขาเองก็เตรียมกรวยที่มีน้ำตาลผสมน้ำและสีชมพู ไว้เขียนหน้าเค้ก

"แล้วจะเขียนหน้าเค้กเหรอ จะเขียนว่าอะไรดีล่ะ เด็กผู้หญิง หรือ เด็กผู้ชาย พ่อเค้าได้บอกไหม"

" หลานสาว ..เขียนว่าไงดีล่ะ? "

" จากลุงสินกับลุงเจตน์? "หนุ่มผมดำขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูท่าเขาจะชอบคำว่า ลุง เหลือเกิน

สุธาสินมองหน้าของอีกฝ่าย... สายตาเอาเรื่องไม่น้อย
"จากลุงเจตน์ กับ พี่สิน"

" งั้น จาก เจตน์กับสิน " คนทำเค้กตัดสินใจเสร็จสรรพเพราะโดยที่ไม่รอให้สุธาสินตอบอะไร เขาก็เขียนหน้าเค้กลงไปเสียแล้ว

..Dear New Baby..

from J&S

(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่39=(28/02/57)
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 01-03-2014 21:39:22
ชอบฉากริมสระนะ น่ารักดี
ส่วนคุณวินกับเอริค เจอกันเลย!
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต 40 (จบ)(21/04/57)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 21-04-2014 22:12:25
=40=
END

โรงพยาบาลสำหรับผู้มีอันจะกินกลางกรุงเทพคือที่หมายของชายหนุ่มทั้งสองที่มาพร้อมกับกล่องใส่ขนมเค้กใบโต หากว่าชินดนัยไม่ได้แต่งงานกับอิสราภรณ์ หลานสาวของเขาคงคลอดที่นี่ไม่ได้เป็นแน่ หนุ่มผมดำคิดในใจ

"พี่คิมครับ...ผมว่าให้พยาบาลเขาเอาลูกไปก่อนดีกว่าไหมครับ แล้วจะได้ให้แม่เขาพักด้วย" ชินดนัยพูดไปยิ้มไป ท่าทาง คนมาเยี่ยมอย่างคิมหันต์จะไม่ยอมปล่อยรถเข็นเด็กเล็กๆในมือของพยาบาลไปง่ายๆ
มืออวบของชายหนุ่มร่างท้วมยังกุมมือภรรยาเอาไว้แน่น

" เอ่อ..เอาสิ หลานคงเหนื่อยแล้ว .. อาร์ต นายไปทำอะไรตรงนั้นนะ มาบอกลาเจ้าตัวเล็กซะสิ  " หนุ่มลูกครึ่งว่าก่อนจะกวักมือเรียกคนที่ทำเป็นไม่สนใจเด็กทารกที่ได้ชื่อว่าเป็นหลาน

"...บอกไป...ก็คงจะรู้เรื่องหรอก ... เด็กเพิ่งเกิด" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง พยายามไม่สนใจ สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่ชื่อว่า "เด็ก" ที่ขยับเบาๆอยู่ในห่อผ้าที่พันรอบตัวแน่น ใบหน้าเล็กๆนั้นดูกลมนูนไม่ได้ต่างไปจากหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น คุณพ่อคนใหม่เท่าไรนัก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เหลือบมองหน้าของอิสราภรณ์เล็กน้อย ก่อนจะก้มหัวให้เป็นเชิงขอโทษกับคำพูดของตัวเอง

"คือ..ผม... ดูแลเด็กไม่ค่อยเก่งน่ะครับ" เขาพูดเสียงเบา ใบหน้ามนนั้นขึ้นสีเรื่อเล็กน้อย

" ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปมาเล่นกับแกบ่อยๆก็ได้นะคะ .. ดูท่าแกจะชอบคนเยอะๆน่ะค่ะ " อิสราภรณ์ยิ้มให้กับคนรักของญาติตนเอง คามอบอุ่นของคนเป็นแม่ชัดเจนเหลือเกิน

"....ค...ครับ" เป็นไม่กี่ครั้งที่จะได้เห็นอารยะที่แสนมั่นใจไปเสียทุกเรื่องแสดงท่าทีประหม่ากับเรื่องของเด็กตัวเล็กๆที่เพิ่งคลอดไม่กี่ชั่วโมง

" อายเหรอ..ไว้มีเองคนนึงดีไหม? "  คิมหันต์กระแทกไหล่กับคนรักเบาๆ พลางหัวเราะ

"อยากเป็นคนท้องใช่ไหม.... "อารยะหันหน้าไปมองอิสราภรณ์ก่อนจะหันไปดึงคอคนรักลงมากระซิบข้างหูท่าทางเอาเรื่องไม่น้อย
"จะได้ทำให้... นายไม่ต้องมาขี้เล่นอะไรแถวนี้เลยนะ"

" ใครท้องกันแน่? " ริมฝีปากได้รูปกระซิบห้างหู พลางทำเสียงที่เข้าใจความหมายกันดีเพียงสองคน คงลืมไปแล้วกระมังว่าอยู่ต่อหน้าคนอีกสามคน

ได้ยินเสียงแบบนั้น คนที่ตั้งใจว่าจะขุ่เขากลับโดนเอาคืนเสียงเอง

"เฮ้ย...ปล่อยให้พยาบาลเขาพาเด็กไปได้แล้วน่า" ว่าพลางก็ขยับตัวออก พลางดึง แขนของคิมหันต์ออกจากรถเข็นคันเล็ก พยาบาลสาวกลั้นหัวเราะ ก่อนจะขอเอาตัวเด็กออกไป

"ไม่อายชาวบ้านชาวเมืองเขาเลยนะนาย"

เสียงประตูห้องพักถูกเปิดออกเรียกความสนใจจากคู่ที่เพิ่งแหย่กันได้ทันที

" ไงเจ้าเจตน์? ..อ้าว สิน กลับมากรุงเทพแล้วเหรอ? "คิมหันต์หันไปทักคนที่เพิ่งมาใหม่อย่างสนิทสนมทั้งคู่
อารยะขมวดคิ้ว เท่าที่จำได้ สุธาสินเป็นแฟนของเจ... และ...คนที่มักจะอยู่กับคิมหันต์เสมอที่ผับ ก่อนที่พวกเขาจะคบกันแต่หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้ได้เจอกันอีกเลย อารยะเดินเข้ามายืนข้างๆคนรักก่อนจะยื่นมือออกไป

"คงยังไมได้แนะนำตัว.. ผมเป็น...แฟนของคิมครับ" น้ำเสียงนั้นเน้นย้ำในประโยคหลัง ทำเอาคิมหันต์ต้องยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจกับการแสดงออกถึงความหึงหวงของคนรัก ..ถึงจะไม่รู้ตัวก็เถอะ

" ครับ  จำได้ว่าเจอคุณที่ผับวันนั้นครั้งเดียว อีกทีก็งานแต่งของเอิร์น "
สุธาสินจับมือของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูท่าว่าเพราะเรื่องที่ผับตอนนั้นจะทำให้ คนที่แนะนำตัวกับเขาลงเอยกับหนุ่มลูกครึ่งได้ แถมยังหวงมากเสียด้วย

ส่วนเจตน์ก็เดินถือกล่องเค้กไปที่เตียงซึ่งมีคุณแม่และคนพ่อคนใหญ่อยู่ไม่ห่าง
" คุณเอิร์น ยินดีด้วยนะครับ"

"ขอบคุณค่ะ... เค้กเหรอคะเนี่ย... ดูซิ่ คุณพ่อ มีเค้กมาให้ลุกเราด้วยล่ะ"
อิสราภรณ์ใช้คำแทนตัวสามีของตัวเองใหม่ ยิ่งทำให้ ชินดนัยยิ้มมากขึ้นไปอีก

"เฮ้ย นี่มึงเค้กทำเองเลยเหรอวะ?... " ชินดนัยรับเค้กไปวางไว้ที่โต๊ะที่อยู่ไม่ห่าง

" ก็คนโน้นเขาชอบ เลยต้องหัดทำน่ะสิ "เจตน์หันไปทางคนรักที่ยังคงยืนคุยกับอารยะ และคิมหันต์อยู่

ชินดนัยมองตามเห็น สุธาสินกำลังยืนคุยอยู่กับคิมหันต์ โดยที่มีอารยะคอยแทรกบทสนทนาเป็นระยะ ชายหนุ่มร่างท้วมยิ้ม
"ดีแล้วนี่... ทำให้คนที่รัก...อะไรก็ทำได้ใช่ไหมพวกเรา"
 มืออวบตบเบาๆลงบนไหล่ของเพื่อน ดวงตาที่มักจะยิ้มจนหยีนั้นสบตาเพื่อนรักของตนเองนิ่ง

 "ขอบใจมากนะ...ที่มา "

" ยินดีด้วยนะ คุณพ่อ " เจตน์ตบบ่าอีกฝ่ายตอบ สบตาคู่นั้นอย่างเปี่ยมด้วยความหมายที่ต้องการแสดงความยินดีอย่างแท้จริง ก่อนจะหันไปทางคุณแม่คนใหม่ที่นอนยิ้มอยู่ข้างๆ

" ต่อไปก็ ฝากดูแลเพื่อนผมด้วยนะครับ คุณเอิร์น "

ซึ่งหญิงสาวเองก็หันไปสบตาสามี พวกเขายิ้มให้กันเนิ่นนานท่ามกลางสายตาของเพื่อนรักอย่างเจตน์ที่ในตอนนี้กำลังอวยพรให้เพื่อนของตนมีความสุขอยู่ในใจ ก่อนที่หล่อนจะรับปากด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื้นตัน
 " ค่ะ "

ในวันที่อากาศดีแบบนี้ ในวันที่มีแต่เรื่องดีๆแบบนี้ สำหรับชินดนัยแล้วคงไม่ต้องการอะไรอื่นอีก
นอกจากการที่ได้รายล้อมด้วย คนที่เขารัก และ เหล่าเพื่อนฝูง

การที่ได้อยู่ร่วมกันไม่ว่าจะในตอนที่มีปัญหาหรือตอนที่มีความสุข นี่ก็อาจจะเป็นหน้าที่ ที่เพื่อนที่ดีจะมอบให้กัน และชินดนัยให้สัญญากับตัวเอง ว่าเขาเองก็จะไปอยู่กับเจตน์ในวันที่ดีที่สุดของอีกฝ่ายเช่นกัน

หนุ่มร่างท้วมยิ้ม ไม่มีวันไหนที่เขาจะมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว
 เขาได้เป็นพ่อคน มีภรรยาที่น่ารักแสนดี
 ในขณะที่เพื่อนคนสำคัญ ก็ดูจะประสบความสำเร็จ ทั้งในหน้าที่การงาน และ ความรัก

====================


เวลาของพวกเขาหมุนไปช้าๆ จนกระทั่งถึงวันนี้จนได้...

...ดอกทองกวาว...ยังไม่บานเลยน้า...

ชายหนุ่มคิดพลางเงยหน้าขึ้นมองกิ่งก้านที่ของต้นไม้ใหญ่ที่สูงเด่นอยู่ใกล้ๆหอประชุมที่อยู่ห่างออกไปจากตัวมหาวิทยาลัยถึงสองแยกแต่สามารถเดินกลับมาได้ ชินดนัย หนุ่มร่างอ้วนกลม เรียนที่นี่ในคณะมนุษยศาสตร์มาก็ 4 ปี ทำงานอีกหนึ่งปี ผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากเหลือเกิน เผลอๆก็มีภรรยาที่แสนดีและมีลูกสาววัยแบเบาะที่น่ารักน่าชังเสียแล้ว

แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะคิดอะไรไปได้มากกว่านั้น


ผั่วะ !!

เสียงฝ่ามือที่ตบหลังเสียดังก็มาหยุดความคิดเสียก่อน
" เหม่อ .. เออ หล่อแล้ว "

"โอ๊ยเจ็บนะ ไอ้ตี่ " คนโดนทำร้ายหันไปมองค้อน ไอ้ผู้กระทำการนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนของเขาเอง

" บอกให้เรียก ชื่อไง ไอ้อ้วน " มือเดิมยังคงตามมาตบไล่ดัง บึ๊ก ก่อนจะยิ้มให้กับเพื่อนสนิท  รอยยิ้มจากใบหน้าอวบอูมอย่างมีความสุขนั่นเป็นสีชมพู ขณะที่เดินตามแผ่นหลังกว้างเพื่อไปเข้าแถวที่หน้าทางเข้าหอประชุมแห่งนี้

====================

หลังจากซ้อมรอบเช้าเสร็จ ชายหนุ่มร่างท้วมในชุดครุยสีดำแถบขาวของคณะมนุษยศาสตร์ที่ถูกเรียกว่าไอ้อ้วน ก็มองหาเพื่อนรักที่เขามักจะเรียกติดปากว่าไอ้ตี่คนนั้น โชคดีที่ชื่อจริงของพวกเขามีตัวอักษรให้เคียงกันจึงทำให้เดินตามกันออกมาโดยไม่พลัดหลง ทั้งคู่ออกมาจากหอประชุมใหญ่ที่เป็นสถานที่รับปริญญา ตลอดทางก็มีแต่เสียงแซวหนุ่มร่างท้วมอย่างชินดนัยว่าเป็นคุณพ่อบ้าง เมียสวยบ้าง ขอจองลูกสาวบ้าง ซึ่งชายหนุ่มเองก็ได้แต่หัวเราะรับคำแซวนั้นเช่นทุกครั้ง การกลับมาหลังจากทำงานที่กรุงเทพหนึ่งปีนั้นทำให้เขาเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว เพื่อนหลายคนบอกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ถึงจะอ้วนกลมเหมือนเดิมก็เถอะ ส่วนเจตน์ หนุ่มเนื้อหอมประจำภาควิชาภาษาอังกฤษเองก็ถูกแซวเช่นกันเพราะหลังจากเปลี่ยนสถานภาพจากโสดเป็นแต่งงานในโซเชียลเนตเวิร์กเมื่อไม่นานมานี้ แม้เขาไม่บอกว่าเป็นใคร แต่หลายๆคนก็ทำตัวเป็นนักสืบจนไปเจอรูปถ่ายคู่กันของเขากับที่สุธาสินที่ฮาวายในตอนนั้นที่ลงเอาลงไว้ในเฟซบุคนั่นล่ะ โชคดีที่สาขาวิชาที่พวกเขาเรียนนั้นไม่ปิดกั้นเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่นัก จึงมีแต่คนมาแสดงความยินดีและอิจฉาที่เจตน์มีคนรักที่ดูดีได้ขนาดนั้น

“ เราเดินกลับกันเถอะว่ะ ” ชินดนัยว่าพลางยกมือขึ้นซับเหงื่อท่ามกลางแดดร้อนระอุทั้งๆที่เป็นฤดูหนาวของเชียงใหม่แท้ๆ

“ ก็ดีว่ะ..อะ ขอบใจนะน้อง ” เจตน์ตอบกลับมาสั้นแล้วหันไปรับขวดน้ำเปลี่ยนที่หลานรหัสของเขานำมาให้

“ พี่เจตน์คะ หนูขอถ่ายรูปคู่หน่อยได้ไหมคะ? ” สาวน้อยที่ยังห้อยป้ายชื่อพร้อมรหัสประจำตัวสามตัวสุดท้ายเดียวกับหนุ่มรุ่นพี่สุดเท่ห์เพราะยังไม่ได้รับการยอมรับให้เข้ารุ่นนั้น ถือกล้องโปรตัวใหญ่มาตั้งค่าแล้วยื่นให้หนุ่มร่างท้วมที่อยู่ข้างๆแล้วยิ้ม
“ พี่คะ รบกวนถ่ายรูปคู่หนูกับพี่เจตน์ให้หน่อยได้ไหมคะ? ”
มักจะเป็นแบบนี้เสมอที่เวลาเขาอยู่ข้างๆเจตน์แล้วเป็นคนที่คอยถ่ายรูปให้ ชินดนัยรับคำยิ้มแล้วเอื้อมมือไปหมายจะรับกล้องนั้นมา

“ ถ่ายรูปคู่ให้พวกพี่ก่อน น้อง เดี๋ยวค่อยถ่ายคู่ .. มาอ้วน ถ่ายกับกูก่อน ” เจนต์ดึงแขนเพื่อนให้มายืนข้างๆ แล้วโอบบ่านุ่มๆนั้นเข้ามา ชินดนัยได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะเห็นว่ารุ่นน้องสาวทำหน้าเจื่อนๆขณะที่กำลังถ่ายรูปให้พวกเขา
“ เฮ้ย! มึงทำหน้าดีๆดี่วะ .. น้องครับ ขออีกรูป ” เจตน์ใช้นิ้วจิ้มแก้มเพื่อนเมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้น ก่อนจะกำชับให้ชินดนัยทำท่าดีๆ หลายรูปเลยทีเดียวกว่าที่เจตน์จะพอใจ จึงยอมถ่ายรูปคู่กับรุ่นน้อง โดยที่ชินดนัยเป็นคนถ่ายให้ แถมยังถ่ายแค่รูปเดียวเท่านั้นอีกด้วย

“ ทำแบบนั้นกับน้องเค้าจะดีเหรอวะ? ” หนุ่มร่างอ้วนกลมมองตามหลานรหัสของเพื่อน หลังจากที่เจตน์ได้กำชับให้หล่อนส่งรูปมาทางเฟซบุคเมื่อครู่

“ กูทำอะไร? .. ขืนถ่ายกับน้องคนนั้นคนนี้ไปทั่ว สินจะได้งอนกูเอาน่ะสิ ” เจตน์ยักไหล่ ถึงแม้คนรักของเขาจะไม่ค่อยแสดงออกว่าหึงหวงนัก เพราะมั่นใจในความดูดีของตนเอง แต่เขาก็อยากจะทำตัวดีๆให้อีกฝ่ายได้วางใจเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันบ้าง

“ แล้วคุณสิน เค้า... ” ชินดนัยพูดได้แค่นั้นก็ต้องเงียบ เพราะเจนต์ทำหน้าไม่สบอารมณ์ได้ทันที

“ บินอยู่ ยังไงก็ไม่ทันมางานกูหรอก ”

มืออวบๆตบที่หลังของเพื่อนเป็นเชิงให้กำลังใจ ทั้งๆที่ควรตบบ่า แต่เพราะความสูงของบ่าเพื่อนนั้นมันมากเกินไปสำหรับเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เจตน์ยิ้มให้เล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเรื่องบ้าง ในตอนนี้พวกเขาเดินผ่านประตูด้านหลังมหาวิทยาลัยมาถึงแปลงสาธิตของคณะเกษตรศาสตร์แล้ว

“ ปีนี้เกษตรปลูกทานตะวันว่ะ ” เขาชี้ไปที่แปลงปลูกดอกทานตะวันที่ปีนี้บานท่วมศีรษะคนที่ความสูงปานกลางได้พอดี แล้วหันมาแหย่เพื่อน
“ บานเท่าหน้ามึงเลยว่ะ อ้วน ฮะ ฮะ ฮะ ”

เห็นท่าทางหัวเราะชอบใจของเจตน์ ชินดนัยเองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
“ เออ! โทษทีเมียเลี้ยงดีไปหน่อย ”
เขายิ้มหยีแล้วนึกถึงสมัยที่เข้ามาเรียนปีแรก ตอนนั้นพวกเขายังอยู่หอในมหาวิทยาลัย เจตน์ชอบมาดูนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ศูนย์ภาษาที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับแปลงเกษตรแห่งนี้ และเป็นเขาอีกนั่นแหละที่ต้องมาคอยเป็นลูกไล่ ระหว่างที่เพื่อนตรงเข้าไปจีบสาวฝรั่งทรงโต

“ มึงมาทำอะไรที่นี่วะอ้วน เดี๋ยวยุงก็กัดหรอก กูขี้เกียจเอาไปส่งโรงบาล ” นายเจตน์ที่เอาป้ายชื่อเด็กปีหนึ่งออกอย่างไม่กรงกลัวรุ่นพี่ตะโกนมาจากอีกฝั่งถนน ด้านหลังเขามีกลุ่มนักเรียนสาวชาวต่างชาติยืนหัวเราะเบาๆอยู่

“ กูมาดูดอกทานตะวันโว้ย ไอ้ตี่ ” ชินดนัยที่อยู่ในสภาพชุดนักเรียนปีหนึ่งถูกระเบียบพร้อมป้ายชื่อลุกขึ้นยืนตะโกนตอบท่ามกลางดอกทานตะวันดอกโตเท่าหน้าตัวเอง ใบหน้าขาวๆกลมๆแดงไปหมด

“หน้ามึงบานอย่างกับดอกทานตะวันแล้ว! กลับมาเลยนะมึง!! ”สภาพของเพื่อนทำให้เจตน์ต้องโวยวายออกมาจนได้

ตอนนี้พวกเขาเดินรับบรรยากาศการแสดงความยินดีของแต่ละคณะไปเรื่อยๆ จนถึงหอนาฬิกาที่อยู่ตรงวงเวียนขนาดใหญ่

“ มึงว่าตำนานผีหอนาฬิกาเป็นจริงหรือเปล่าวะ อ้วน? ” เจตน์ถามขณะที่เงยหน้ามองเวลาที่นาฬิกานั้นไปด้วย จวนจะบ่ายสองโมงแล้วสินะ

“ กูเคยมาส่งมึงพิสูจน์แล้วไม่ใช่เรอะ? แล้วเจอไหมล่ะ ” ชินดนัยย้อนถาม นึกถึงตอนที่ต้องปีนรั้วหอชายออกมาตอนเที่ยงคืนพร้อมเหล้าต้มเถื่อนจากคณะอุตสาหกรรมเกษตร ดื่มย้อมใจกันจนเมาเละพร้อมกับเพื่อนอีกสี่ห้าคน แต่กลับสั่งห้ามไม่ให้เขาดื่ม

“ มึงจะได้เก็บศพพวกกูไง! ” เจตน์ชี้นิ้วสั่งเพื่อนสนิทก่อนจะลากคอเพื่อนที่กำลังเมามายไปปั่นจิ้งหรีดที่หน้าหอดนาฬิกาแล้วจึงก้มลงมองหอนาฬิกาผ่านหว่างขาตนเอง แต่ยังไม่ทันจะเห็นผลเขาก็กลับสำลักเหล้าออกมาเสียก่อนตามมาด้วยอาเจียนรดวงเวียนหอนาฬิกาเสียตรงนั้นทำเอาชินดนัยต้องมาเก็บศพกลับไปจริงๆ

“ เจอแต่กองอ้วก.. ” หนุ่มผมดำตัดสั้นทำหน้าเลี่ยนๆเมื่อนึกถึงสภาพของตนเองในคืนนั้น ก่อนจะฉวยแขนเสื้อคุยของเพื่อนให้ข้ามถนนไปอีกฝั่ง บรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ และการตกแต่งสวนดอกไม้ของหอพักหญิง และ หอพักชายยที่อยู่ตรงกันข้ามกันนั้นทำให้รู้สึกสดชื่น เห็นบรรดาบัณฑิตที่มาถ่ายรูปกับซุ้มหน้าหอพักและมุมถ่ายรูปต่างๆกันมากมายเลยทีเดียว เดินผ่านมาอีกหน่อยก็เจอกับหอสมุดกลางที่เป็นที่สิงสถิตเป็นประจำของชินดนัยและเจตน์ แม้จะจุดประสงค์คนละแบบกันก็เถอะ

“ ที่นอนประจำมึงอะ ” มืออวบๆชี้ไปที่ชั้นสองของหอสมุด ที่ตรงนั้นเจตน์มักจะมาแอบงีบตอนกลางวันในวันที่แฮงค์จากปาร์ตี้ และเป็นเขานี่แหละที่ต้องมาปลุก หลังจากอ่านหนังสือเสร็จแล้ว

“ แอร์มันเย็นนี่หว่า ” เจตน์ยักไหล่ ก่อนจะหยุดให้รุ่นน้องจากชมรมถ่ายภาพของคณะที่มาเก็บภาพแถวๆนั้นถ่ายภาพ และเช่นเดิม ก่อนที่จะได้ถ่ายภาพเดี่ยวของเขา จะต้องถ่ายภาพคู่ของเขากับชินดนัยจนกว่าจะพอใจ!

ตอนนี้การเดินทางด้วยเท้าของพวกเขาและเหล่าบัณฑิตที่บางคนเดินด้วยกันมาตั้งแต่แรกกำลังจะถึงปลายทางแล้ว เพราะข้ามถนนไปอีกนิดก็จะถึงภาควิชาภาษาอังกฤษของตนเอง ซึ่งแม้จะมีอาคารที่สร้างขึ้นใหม่แต่คงจะไม่มีอาคารไหนน่ากลัวไปกว่าอาคารดั้งเดิมของภาควิชาภาษาอังกฤษ เพราะว่าที่นั่นเป็นที่ประกาศผลคะแนนสอบรวมถึงยื่นคำร้องต่างๆนานา เจตน์เองก็เคยมาลุ้นชะตาชีวิตของตนเองที่นี่หลายครั้ง ส่วนชินดนัยนั้นสบายมาก

เจนต์ชี้ไปที่บอร์ดชี้ชะตาที่อาคารด้านล่างนั้นพลางหัวเราะ ก่อนจะนำหน้าหนุ่มร่างอ้วนกลมเดินลัดตึกเรียนของพวกเขาไปก็ถึงภาควิชาจิตวิทยา วิชาที่เจตน์ไม่ชอบอย่างที่สุดแต่ก็ต้องเรียนเพราะเดินทางใกล้ที่สุดแล้ว แต่ด้วยความที่เขาไม่ละเอียดอ่อนนี่ล่ะถึงได้เกรดอันไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก ผิดกับชินดนัยที่แค่”มาเรียนเป็นเพื่อน”แต่กลับฟันเอได้อย่างง่ายๆ

..ส่วนเขากลับได้ฟันสาวจากคณะสังคมแทน..

“ ไปทางอ่างแก้วก็แล้วกัน ” เจตน์ว่าพลางดึงแขนเสื้อครุยของคนที่กำลังเช็ดเหงื่อให้เดินเลียบไปกับถนนเลียบอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มหาวิทยาลัยหวงนักหวงหนา ถึงกับมีประตูเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปพลอดรักกันได้ง่ายๆ แต่นั่นไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเจตน์..

“ มึงนั่นล่ะบ่นอยากกินปลาเผา กูเลยไปยืมเบ็ดลุงยามมานี่ไง! ” เพื่อนตาตี่ร่างสูงโวยวายใส่เด้กหนุ่มร่างอ้วนกลมหลังจากที่โดนยามของมหาวิทยาลัยจับได้เมื่อช่วงดึกหลังจากที่เขาไป”ตกปลา”ในอ่างเก็บน้ำนั้นมา เดือดร้อนให้ชินดนัยต้องไปซื้อเหล้ามาขอโทษขอโพยเพื่อไม่ให้เอาเรื่องเพื่อน

แทนที่จะได้กินปลาเผา กลับต้องเสียเงินค่าเหล้า แล้วยังต้องเลี้ยงเหล้าเจตน์ปลอบใจมันอีกต่างหาก!

“ อดกินปลาเลยมึง.. ” เจตน์ที่พูดขึ้นมานั้นทำให้ชินดนัยยิ้ม พวกเขามักคิดถึงอดีตในเรื่องเดียวกันเสมอ ความทรงจำที่มีร่วมกันนั้นกำลังพรั่งพรูออกมาตามสถานที่ต่างๆที่พวกเขาได้เดินผ่านไป

“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้ก็ได้กินแล้ว มึงก็มากินด้วยกันดี่วะ ” มืออวบตบหลังของอีกฝ่ายเบาๆพลางเอ่ยชวน เขายิ้มตนตาหยี

“ ไปกินโรงแรมเนี่ยนะ เหอะกูขอบายว่ะ .. เป็นเซเลปไฮโซอย่างมึงไม่ไหวหรอก ” เจตน์หรี่ตาลงเล็กน้อย ถึงชินดนัยจะเอาแต่เดินตามหลังเขาอยู่แบบนี้ แต่ที่กรุงเทพแล้วมันตรงกันข้ามกันเลย สถานะทางสังคมของเขากับชินดนัยที่เป็นสามีของญาติประธานบริษัทนั้นและกำลังรับตำแหน่งใหม่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เขายังเรียกได้ว่าเกาะสุธาสินกินอยู่เลยมั๊ง?

ชินดนัยดึงเสื้อครุยของอีกฝ่ายให้หยุดเดินทันที เจตน์ขมวดคิ้วแล้วก้มลงมองเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์นัก หลังๆมานี่ ตั้งแต่มีลูกมีเมีย ชอบขัดกันเสียจริง!

“ มึงจะมาจิตตกอะไรตอนนี้วะ .. ไอ้ตี่ กูล่ะเบื่อ เซเลปห่าอะไรเล่า กูก็ไอ้อ้วนเพื่อนมึงคนเดิม ไปกินข้าวแกงข้างบริษัทกับมึงเหมือนเดิม ” ชินดนัยเงยหน้ามองเพื่อนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

เจตน์ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าเพื่อนกำลังเป็นห่วง แต่..

“ กูไปไม่ได้ว่ะ อ้วน .. ญาติมึง ก็ญาติสิน พวกเขาไม่ค่อยชอบกูมึงก็รู้ ”

“ ถ้ากูไม่มี อิงอิง ให้ พวกเขาก็คงไม่ยอมรับกูเหมือนกันล่ะวะ แล้วมึงจะแคร์อะไร? ในเมื่อมึงเดินหน้ากับทุกอย่างมาตลอด ” ชินดนัยพูดถึงลูกสาวของตนเองที่เป็นที่รักของทุกคนเลยทำให้เขาเองเป็นที่ยอมรับไปด้วย เขาเข้าใจดีว่ามันยากที่จะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นถึงสุธาสินแล้ว

“ มึงกำลังพยายามในแบบของมึงอยู่ มึงตั้งใจทำงาน อยากให้ทุกคนยอมรับ เพราะมึงรักคุณสินเค้ามาก กูรู้ดีกว่าใคร! ” มืออวบๆนั้นเลื่อนมาตบแขนของเพื่อนแรงๆ

การให้กำลังใจของเพื่อนที่เดินอยู่ข้างหลังมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาคนนี้ทำให้เจตน์ยิ้มได้ในที่สุด เขาต่อยที่พุงพลุ้ยของอีกฝ่ายเบาๆ แล้วยิ้ม

“ เออ! มึงนี่มันรู้ดีตลอด ”

====================

การเดินทางของทั้งคู่ได้สิ้นสุดลงเมื่อมาถึงสวนดอกไม้ด้านหน้ามหาวิทยาลัย สถานที่นัดหมายของชินดนัยและครอบครัว

“ อิงอิง พ่อมาแล้ว ” ชินดนัยรีบเข้าไปหาลูกสาวที่อยู่ในชุดเด็กลายคิตตี้สีชมพู พลางเอื้อมมือไปจะอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่

“ ไม่ได้นะ คุณพ่อยังไม่ได้ล้างมือเลย แถมเหงื่อเต็มหน้าเลย เดี๋ยวเอิร์นเช็ดให้นะ  ” หญิงสาวตัวเล็กน่าทนุถนอมอุ้มลูกสาวส่งให้พี่เลี้ยงเด็กที่พามาด้วย ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าลายดอกไม้เล็กๆจากในกระเป๋าถือมาเช็ดหน้าให้สามี

ภาพนั้นทำให้เจตน์ยิ้มออก ครอบครัวของชินดนัยเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริงๆ เพื่อนของเขาโชคดีที่มีภรรยาที่สวยน่ารัก และจิตใจดี แถมยังมีลูกสาวน่ารักน่าชังอีก ส่วนเรื่องการงานนั้น แน่นอนว่าชินดนัยเรียนเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเพียงแต่ขาดความมั่นใจในตนเองไปบ้างก็เท่านั้น การที่ได้ภรรยาคนสวยมาช่วยส่งเสริมนั่นดูจะทำให้เพื่อนของเขามั่นใจในตนเองมากขึ้น ในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งและหัวหน้าครอบครัว
ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว

ชายหนุ่มเหลือบมองที่ช่างภาพครอบครัวของอิสราภรณ์สั่งตรงมาจากกรุงเทพ ช่างภาพหนึ่งคนกับผู้ชายที่ถือรีเฟลคและแฟลชอีกสองคน สมกับเป็นงานรับปริญญาของเซเลปจริงๆ

“ คุณเจตน์คะ มาถ่ายรูปด้วยกันสิคะ! ” อิสราภรณ์รีบเรียกเพื่อนสนิทของสามีเมื่อเขาทำท่าจะปลีกตัวไปอย่างเงียบๆ

“ ครับ ” เจตน์ยิ้มให้หล่อนก่อนจะเข้ามาในบริเวณที่เตรียมไว้..ข้างๆกับเพื่อนรัก..

“ มึงอยู่กับเอิร์นสิวะ เดี๋ยวกูอยู่ห่างๆก็ได้ ” ชายหนุ่มร่างสูงรู้สึกลำบากใจไม่น้อง เขากระซิบกับชินดนัยที่อุ้มลูกสาวแล้วยิ้มค้างเอาไว้

“ อย่าเรื่องมากน่า ถ่ายๆไปเถอะ ” ชินดนัยตอบทั้งๆที่ยังมองกล้อง ส่วนอิสราภรณ์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ อยู่ตรงนี้ดีแล้วค่ะ ลุงเจตน์อยู่ใกล้อิงอิง ดีออกนะ ”

เมื่อถูกบังคับจากสามีภรรยาคู่นี้ สุดท้ายเขาก็ต้องยืนอยู่กลางรูปจนได้ เจตน์ถ่ายรูปกับครอบครัวนี้ได้ไม่กี่รูปก่อนจะขอตัวไปหาญาติๆที่วันนี้เดินสายร่วมยินดีกับบัณฑิตหลายคน เลยนัดเขาที่ประตูด้านหน้าของมหาวิทยาลัย

====================


“ โอย เฮีย! กว่าจะมา “ ญาติของเจนต์เป็นสาวห้าวท่าทางทะมัดแทมง หล่อนตรงดิ่งมาต่อว่าเขาทั้งๆที่ถือกล้องถ่ายรูป และรับหน้าที่เป็นช่างภาพประจำตัวให้เขาในวันนี้อีกด้วย

“ รอนิดรอหน่อยเองน่า เดี๋ยวเฮียเพิ่มตังค์ให้  ” คิ้วได้รูปขมวดพลางขยี้ผมที่ตัดจนสั้นของน้องสาว

“ โทรศัพท์ดังตั้งแต่เช้าแล้วไหม เอาไปๆ ”

เขารับเอาโทรศัพท์มาก่อนจะกดดูข้อมูลการโทร และสายที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครอื่น สุธาสิน นั่นเอง ที่จริงเขาก็ชวนให้มางานรับปริญญาตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนแล้วนั่นล่ะ แต่ก็ถูกโวยวายว่าทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้ สุดท้ายเจ้าตัวก็ไม่สามารถลางานหรือแลกไฟลท์บินได้ ซึ่งเขาเองก็เข้าใจ .. แต่ว่าในวันที่น่ายินดีเช่นนี้..

--- ไม่มีข้อความใหม่---

เจตน์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสูทสีขาวด้านในแล้วเดินตามญาติของตนไป

(มีต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต 40 (จบ)(21/04/57)
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 21-04-2014 22:25:48
การได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ล้วนแต่เป็นความภาคภูมิใจแก่บัณฑิตและครอบครัว หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื้นตันใจในความสำเร็จของบัณฑิตนั้นอัดแน่นอยู่ทั่วบรรยากาศในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย จนกระทั่งพิธีรับปริญญาในช่วงเช้าได้สิ้นสุดลง ชินดนัยได้สะกิดไหล่เพื่อนเพื่อขอตัวไปหาครอบครัวที่วันนี้ขนกันมารับเขาถึงบริเวณสวนหย่อมหน้าหอประชุม

“ คืนนี้ไปฉลองกันที่โรงแรมด้วยล่ะมึง! ” ชินดนัยตะโกนบอก

“ บ้านกูจองร้านปลาเผาแล้ว มึงไม่รู้เรื่องหรือไงวะ! ” เจตน์ตะโกนตอบกลับมาเช่นกัน เขาจำได้ว่าเคยปฏิเสธเพื่อนไปรอบหนึ่งแล้ว มันออกจะผิดปกติไปเสียหน่อยสำหรับเพื่อนสนิทร่างท้วมที่เข้าใจอะไรได้ง่ายมาโดยตลอด

“ รู้โว้ย! แต่มึงต้องมา โอเค? ” พูดจบก็พาร่างอ้วนกลมของตนเองหายไปท่ามกลางฝูงชน เจนต์ได้แต่ถอนหายใจ จะปฏิเสธก็คงไม่ทันแล้ว

=======================

“ ม๊า เดี๋ยวผมจะแวะไปโรงแรมที่ไอ้ชินมันจองไว้หน่อยนะ ” เจตน์กระซิบบอกผู้เป็นแม่หลังจากที่เขาได้จัดการจ่ายเงินค่าอาหารที่เลี้ยงรับปริญญากับทางบ้านซึ่งในปีนี้ มีเขาและญาติอีกสองคนที่รับปริญญาปีเดียวกัน ภาระค่าใช้จ่ายจึงไม่มากเท่าไหร่นัก

“ ได้สิ แล้วคืนนี้จะกลับบ้านไหมลูก? ” ผู้เป็นแม่ที่ตามใจลูกชายคนเดียวของหล่อนมาแต่ไหนแต่ไรถามเสียตรงประเด็น

“ ม๊าถามอะไรแปลกๆ ” บัณฑิตหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

“ อ้าว ก็นึกว่าเจ้าชินเป็นข้ออ้าง แต่ที่จริงจะไปฉลองกับแฟนเราสองต่อสองเสียอีก พามาหาม๊าสิ อาเม่ยมันบอกว่าแฟนเฮียเจตน์หล่อจะตาย ”
น้ำเสียงใจดีของผู้เป็นมารดา เอ่ยล้อ พลางจ้องใบหน้าของลูกชายอย่างจับผิดเล็กๆ ครอบครัวของหล่อนรู้มาพักหนึ่งแล้วว่าเจตน์กำลังคบหาดูใจกับผู้ชาย ถึงจะไม่สบายใจนักในตอนแรก แต่หลังจากที่เห็นภาพในโซเชียลเน็ตเวิร์กและตามสืบดูหน้าที่การงานของอีกฝ่ายแล้ว สุธาสินก็ยังดีกว่าคนก่อนๆของเจตน์มากนัก

“ ฮะ ฮะ เขางานยุ่งน่ะม๊า .. ไว้คราวหน้าจะพามาไหว้นะ ” เจตน์บอกปัดกลายๆ ที่จริง ญาติผู้น้องเขาคงบอกไปแล้วล่ะว่าเขามีคนที่คบอยู่จากสถานภาพในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่แคร์เท่าไหร่นัก หากว่าจะเปิดตัวสุธาสินสักวัน

เขารู้ดีว่าครอบครัวของเขาย่อมทำตามที่เขาตัดสินใจอยู่แล้ว..

=======================

โรงแรมที่ครอบครัวของชินดนัยจองห้องจัดเลี้ยงและที่พักเอาไว้นั้นเป็นโรงแรมชื่อดังระดับโลกที่มาเปิดใจกลางเมืองเชียงใหม่ ห้องอาหารที่จองเอาไว้ก็เห็นวิวแม่น้ำปิงประดับไฟสวยงาม อีกด้านเป็นสระว่ายน้ำประดับไฟและตกแต่งด้วยโคมไฟแบบล้านนา

เจตน์ที่สวมเสื้อสูทลำลองทับเสื้อยืดคอวีกับกางเกงยีนส์ทรงเดฟนั้นเดินเข้าไปในห้องที่มีแต่บรรดาญาติๆของอิสราภรณ์และชินดนัยอยู่เต็มไปหมด ทั้งสองครอบครัวมีจำนวนสมาชิกรวมกันนับสามสิบคนได้ จึงทำให้การเข้ามาของเขาไม่ได้รับการสนใจเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้ใหญ่เหล่านั้นเงียบๆ ก่อนจะพยายามเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่ถูกญาติๆรุมอยู่อีกด้าน

“ กูนึกว่ามึงจะไม่มาแล้วนะเนี่ย ” ชินดนัยตบบ่าของเพื่อนพลางดันให้นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ

“ รถติดว่ะ กว่าจะขับมาถึง แม่ง! ” ชายหนุ่มบ่นก่อนจะขอเหล้าจากพนักงานมาดื่มรสแอลกอฮอลล์เจือจางนั้นอึกใหญ่ก่อนจะถามถึงคนที่หายไป
“ อิงอิงล่ะ? ”

“ เอิร์นพาไปนอนแล้ว ”

เจตน์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะโวยวายกับแก้วเหล้าของตน สุดท้ายก็คะยั้นคะยอให้ชินดนัยเอาขวดเหล้ามาวางไว้บนโต๊ะเพื่อที่เขาจะได้ชงเอง ทั้งคู่พูดจาเล่นหัวกันเช่นเคย ดูเหมือนในห้องอาหารนี่ญาติๆทั้งหลายต่างจับกลุ่มพูดคุยกันเสียมากกว่า ไม่มีใครมารุมสนใจเจ้าของงานนักหรอก

“ แล้ว..สรุปว่าคุณสินเขาไม่มาจริงดิ? ” ชินดนัยเทเหล้าใส่แก้วตนเองก่อนจะเทให้เจตน์ ดวงตาเล็กมองใบหน้าได้รูปของเพื่อนนิ่ง ราวกับจะมองหาความผิดหวังในแววตานั้น

“ อือ .. ไม่มา ” เจตน์ตอบสั้นๆก่อนจะฉวยแก้วเหล้าเพียวๆยกขึ้นดื่ม
พวกเขาเปิดเหล้าชั้นดีจากต่างประเทศยี่ห้อเดียวกันนี้เป็นขวดที่สามแล้ว

มืออวบๆตบบ่าเพื่อนเบาๆเชิงปลอบใจ..

=======================

ญาติๆทยอยกันกลับทีละกลุ่มๆ จนสุดท้ายเหลือเพียงบัณฑิตสองคนที่อยู่ดื่มเป็นขวดที่ห้า แม้จะเมามายไม่น้อย แต่พวกเขาก็ทำเพียงดื่มด้วยกันเงียบๆเท่านั้น

“ เหล้า..หมด..แล้ว ” ชินดนัยจิ้มขวดแก้วเปล่าๆนั้น พลางพูดเสียงแหบๆ ดวงตาเล็กๆนั้นแทบจะปิดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์

“ อือ..กลับไปนอนไป ” เจตน์โบกมือไล่เพื่อนเบาๆ พลางลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างช้าๆ

“ มึงนอนนี่ล่ะ..กูเปิดห้องเผื่อ..แล้ว ” หนุ่มร่างอ้วนกลมบอก พลางดึงแขนเสื้อสูทของเพื่อนสนิทเอาไว้ พลางโวยวายเพราะความเมา แต่ก็เป็นห่วงเป็นไยเช่นทุกครั้ง
“ เมาแม่ง! เดี๋ยวได้ตายห่าข้างทางหรอก ”

“ กูไม่มีตังค์ค่าห้องโว้ยยยย ” เจตน์สะบัดแขนออกจากเพื่อน ถึงจะเมาเขาก็รู้ดีกว่าการเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งนี้ต้องมีเงินหลักหมื่นต่อคืนเท่านั้น

“ แล้วมึงจะนอนที่ไหนอะ? ” ชินดนัยรู้ดีว่าไม่มีทางคะยั้นคะยอเจตน์ไปได้มากกว่านี้ เรื่องเงินๆทองๆสำหรับเจตน์ถือเป็นศักดิ์ศรีของเลยทีเดียว แต่เขาก็เป็นห่วง..

“ ถ้าขับไม่ไหว ก็นอนในรถนั่นล่ะ .. กูไปล่ะ เจอกันที่กรุงเทพ ” เจตน์โบกมือส่งๆแล้วเดินเซๆออกจากประตูห้องอาหารไป ทิ้งให้ชินดนัยมองเขาจากประตูห้องอาหารจนเขาเดินออกประตูฟรอนท์ของโรงแรมออกไป

=======================

ลึกๆแล้ว..ชายหนุ่มก็รู้สึกผิดที่ทิ้งเจตน์เอาไว้คนเดียวแบบนั้น..


“ ชินคะ? ”
เสียงหวานของภรรยานั่นเองที่เรียกสติของหนุ่มร่างอ้วนกลมที่ยืนมองเพื่อนจากด้านหลังอยู่แบบนั้น

“ ขอโทษนะ เหล้าเพิ่งหมด .. ผมนี่แย่จริงๆเลยเนอะ ” ชินดนัยพยายามปั้นหน้ายิ้มให้ภรรยา ทั้งๆที่อยู่ในห้วงอารมณ์ที่รู้สึกแย่ คงเพราะแอลกอฮอล์เขาเลยอ่อนไหวกว่าปกติล่ะมั๊ง

ภรรยาสาวได้แต่ยิ้มก่อนจะเดินมากอดเขาไว้จากด้านหลัง มือเล็กๆนั้นลูบพุงกลมๆที่ชอบไปมาราวกับปลอบใจ
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ”

“ แต่ผมปล่อยไอ้เจตน์ให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว..ผมมันเป็นเพื่อนที่แย่สุดๆเลย ” ชินดนัยบีบมือของภรรยาเบาๆ เขามองประตูที่เงาของเจตน์อยู่แบบนั้น

“ คุณเจตน์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ .. เชื่อเอิร์นนะ ” หล่อนรู้ดีว่าชินดนัยผูกพันกับเพื่อนคนนี้ขนาดไหน และความรู้สึกนั้นคืออะไร เคยแม้แต่เปิดอกพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยซ้ำไป

ความรักที่ปรารถนาจะให้อีกฝ่ายมีความสุขนั่นน่ะ .. หล่อนเองก็เรียนรู้จากสามีคนนี้เช่นกัน..

=======================

เสียงรีโมทกดปลดลอครถอีโคคาร์สีดำที่จอดอยู่ในที่จอดรถด้านนอกของโรงแรมดังขึ้นพร้อมกับไฟกระพริบ ที่จอดรถมีเพียงไฟสลัวๆกับอากาศด้านนอกที่หนาวเย็นจับใจ เจตน์เปิดประตูด้านหลังพลางถอดเสื้อสูทของตนเองโยนทิ้งบนเบาะอย่างลวกๆ

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ...เขาเกลียดความรู้สึกเจ็บลึกๆในอกแบบนี้..ความรู้สึกเจ็บปวดที่มีมีใครอยู่ข้างๆ..

ชายหนุ่มสะบัดหน้าไปมา ก่อนจะยกมือตบหน้าตนเองเบาๆอย่างเรียกสติ

อีกไม่นานก็เช้าแล้ว ขอเขางีบในรถเสียหน่อยก็แล้วกัน เจตน์แง้มกระจกรถลงทั้งสี่ด้านเพื่อให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก ก่อนจะเอนร่างลงนอนที่เบาะหลังนั้นเพียงลำพัง

=======================

---RRR---

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขณะที่เจ้าของรถกำลังเคลิ้มหลับ เจตน์หยิบมันมากดรับโดยที่ไม่ลืมตา

“ ไม่กลับนะ ม๊า ..เมา ขับรถไม่ไหว ” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา ก่อนจะหลับตาลง ไม่ได้สนใจว่าปลายสายนั้นจะเป็นแม่ของเขาจริงๆหรือเปล่า ชายหนุ่มอ่อนเพลียเกินกว่าจะสนใจอะไรอีก

แต่ดูเหมือนจะงีบไปได้ไม่นานเท่าไหร่

--ก๊อกๆๆ—

“ แม่ง อะไรอีกวะ! ” เจตน์สบถอย่างหัวเสียก่อนจะลุกขึ้นจากเบาะรถแคบๆ หมายจะจัดการกับคนที่รบกวนเขาเสียสองสามหมัด ชายหนุ่มเปิดประตูรถออกมาพลางดึงแขนเสื้อขึ้นเตรียมหาเรื่องเต็มที่

“ นอนในรถนี่มันผิดรึไงวะ?! ”

“ เรื่องนั้นน่ะไม่ผิดหรอก แต่คุณผิดที่คุยโทรศัพท์ไม่รู้เรื่องต่างหาก ” เสียงนุ่มที่ตอบกลับมาทำเอาเจตน์ต้องสะบัดหน้าไปมาอย่างพยายามเรียกสติตนเอง นี่เขาเมาจนเห็นภาพหลอนหรืออย่างไร

“ สิน?..มาได้ไง .. กูเมาเกินไปละ ” ประโยคหลังดูเหมือนเขาจะพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า แต่กลับถูกมือเรียวของคนที่ดูเหมือนจะเป็นภาพหลอนดึงคอเสื้อเข้ามาใกล้ๆ

“ นี่ตัวจริงนะ .. ดูดีๆสิ ” เสียงนั้นกระซิบแผ่วเบาที่ริมฝีปากได้รูปในประโยคหลัง ตามมาด้วยสัมผัสนุ่มอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของลานจอดรถของโรงแรมที่ไร้ซึ่งผู้คน ก่อนจะละริมฝีปากออกมา

“ ยินดีด้วยนะครับ บัณฑิตใหม่ .. แต่ผมรีบแลกไฟลท์กลับมาเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ ขอโทษนะเจตน์ ” สุธาสินดูเสียใจไม่น้อยที่มาถึงช้าเกินไป ใบหน้าสวยก้มลงมองที่อกของคนรัก

"ถ้า...เราเปิดห้องที่นี่กันคืนนี้..." สจ๊วดหนุ่มเอ่ยเสียงเบา

" ผมไม่มีเงินหรอกนะ "เจตน์ตอบกลับมา เขาจำได้ดีว่าเคยพูดอะไรแบบนี้กับอีกฝ่ายมาแล้วหลังจากที่ได้เจอกันอีกครั้งในงานแต่งงานของอิสราภรณ์กับชินดนัย
" และผมไม่อยากให้คุณต้องจ่ายให้ ในเรื่องแบบนี้ ผมควรจ่ายไม่ใช่เหรอ? "

"พูดเหมือนตอนนั้นเลย” สุธาสินบอกพลางยิ้มอย่างเขินๆ ถึงเจตน์จะดูเป็นคนไม่ละเอียดอ่อน แต่ลึกๆแล้วรายละเอียดบางอย่างระหว่างพวกเขา อีกฝ่ายนั้นจดจำได้เป็นอย่างดี

“ ถ้างั้น..ไปบ้านผมดีไหม ” เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ ทำเอาสุธาสินต้องเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเงยหน้ามองคนรัก

“ คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม.. ” ดวงตาคู่คมสวยนั้นฉายแววไม่มั่นใจและไม่แน่ใจเอาเสียเลย

“ ม๊าถามถึงคุณด้วย .. ที่จริงก็บอกให้พามาไหว้ได้แล้ว ” มือแกร่งลูบผิวแก้มเนียนอย่างคนที่ดูแลตนเองเป็นอย่างดีนั้นเบาๆ

“ แต่ผมเป็นผู้ชาย ” เสียงนุ่มนั้นเถียงแต่ก็ดูจะไม่มีแรงต้านสักเท่าไหร่

“ ม๊าไม่ว่าหรอก ป๊าก็ไม่ว่า ... ญาติผมก็เป็นทอมพาแฟนเป็นผู้หญิงเข้าๆออกบ้านบ่อยไป ” เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทางที่นานๆจะได้เห็นจากคนรักเสียที ท่าทางที่ไม่มั่นใจอะไรแบบนั้น เขาถามย้ำ พลางเลื่อนมือขึ้นลูบผมสีน้ำตาลแดงเบาๆ

“ ว่าไง จะไปหรือเปล่า? ”

“ ถ้าคุณโดนไล่ออกจากบ้านขึ้นมา ผมไม่มีปัญญาเลี้ยงหรอกนะ ” สุธาสินไม่ตอบคำถามนั้นเขาเปิดประตูรถตรงด้านคนขับออก ก่อนจะแบมือขออะไรบางอย่าง

“ กุญแจรถล่ะ ผมขับให้เอง คนเมาน่ะบอกทางมาก็พอ ”

เจตน์หัวเราะกับคำพูดนั้น เขาหยิบกุญแจรถของตนให้กับคนรักก่อนจะเปิดประตูนั่งลงด้านข้างคนขับ ปล่อยให้สุธาสินขับรถกลับบ้านในคืนนี้


คืนที่ถูกเติมเต็มความรู้สึกปวดในอกจากการที่ไม่มีใครด้วยการมาของคนที่อยู่ข้างๆนี้


หลังจากที่ใช้หัวใจเดินทางตามหาความรักมากมาย จนลืมมองความรักที่อยู่ข้างตัวมาตลอดชีวิต จนกว่าจะรู้ตัวก็เสียรักนั้นไปแล้ว เขาจึงเดินทางอีกครั้งและได้พบกับความรักครั้งนี้

รักที่ดูเหมือนเป็นเรื่องฉาบฉวย ไม่จริงจัง แต่กลับตราตรึงในหัวใจจนไม่อาจลืม

ถึงแม้พวกเขายังต้องพิสูจน์อะไรอีกมากมายเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากทางบ้านของสุธาสินก็ตาม

เจตน์เองก็ไม่รู้ว่าการเดินทางของความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร..แต่ครั้งนี้จะเป็นรักครั้งสุดท้ายของเขา..


=========END===========

talk : จบแล้วนะคะสำหรับเรื่องนี้ จะว่าไงดีล่ะ เข้าใจนะสำหรับคนที่เชียร์คู่เจตน์กับชิน ถึงจะไม่สมหวังก็เถอะนะคะ แต่คนเขียนก็อยากจะเล่าเรื่องของพวกเขาไปเรื่อยๆจนกระทั่งการเดินทางตามหาความรักของเจตน์จบลงค่ะ มันอาจจะไม่สมใจผู้อ่าน แต่อย่างน้อยในความรู้สึกของคนเขียน เรื่องนี้ไม่ได้ Bad End เลยนะคะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาตั้งแต่ต้นนะคะ บางคนอาจจะห่างหายจากเรื่องนี้ไปแล้วกลับมาอ่านตอนที่มันจบแล้ว
และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคนที่เข้ามาอ่านรวดเดียวจนจบเลย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้คนอ่านแชร์ความรู้สึกหลังจากที่อ่านเรื่องนี้ร่วมกันมากๆเลยล่ะค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

kuruma

21.04.2557

talk : กลับมาดูอีกที(10.5.57)ปรากฏว่าเนื้อเรื่องหายไปหนึ่งตอนใหญ่ๆ Edit เพิ่มเติมจนครบแล้วนะคะ ขออภัยอย่างสูงค่า
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: goldfishpka ที่ 21-04-2014 22:43:43
Co Writer's Talk

โอ จบแล้วจริงๆ
ยาวนานเหลือเกินกับเรื่องนี้ อันที่จริง ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Kuruma รับผิดชอบมานานแสนนาน
นานจนบางทีเข้ามาอ่าน ก็ จำได้บ้างไม่ได้บ้างว่าตัวเองเขียนตรงไหนไปบ้าง ฮา
คนอ่านคงหงุดหงิด กับ คู่ลูกครึ่งกับนายจอมเหวี่ยงนั่นมากสินะ บอกตามตรงบางทีอ่านไปก็นึกอยากเปลี่ยนคู่เหมือนกันค่ะ ฮ่ะๆ

แต่ส่วนตัวเชื่อว่าการที่ชินไม่สมหวังในตอนแรก และพบกับความสุขในตอนจบ
การที่ทุกคนทำร้ายกันด้วยคำพูด การกระทำ แต่ในท้ายที่สุดก็พบเจอกับความรักที่ตามหา
การที่เลือกแล้วในสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง และเก็บสิ่งที่มีค่าเอาไว้ ....
ทุกอย่างที่พูดมานีคือเรื่องราวที่น่าจะเกิดขึ้นได้จริงในชีวิตของทุกคนนะ

และถึงมันจะไม่เพอร์เฟค แต่เราว่ามันสวยงามในแบบของมัน

สุดท้ายนี้ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้
ฝากติดตามผลงานอื่นๆของคนเขียนทั้งสองคนด้วยนะคะ

p.k.a
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: namwaan1992 ที่ 11-05-2014 00:39:39
ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าอ่านรวดเดียวจบ
และรู้สึกขัดใจสุดๆ  มีทั้งสับสน งง หงุดหงิด  ไปขณะเดียวกัน เวลาที่อ่านเรื่องนี้
เฮ้ออออออออออออออออออออ

อึน(มี งง  มึน  หงิดหงุด เยอะครับ )สุดๆ     ไม่รู้สิครับ  เพื่อนจะรักกันทีดันไม่สมหวัง  แล้วอะไรนะ เจต-อาต-คิม 
สุดท้าย อาต-คิม   มีความสุข  ทั้งๆที่ อาต ทำใครต่อใครเจ็บไปทั่ว ทั้ง คิม ชิน แล้วก็ เจต  แต่ท้ายสุดตัวเองมีความสุข (คงทำบุญมาเยอะ 55555)
ปล่อยให้เจตตามหาความรักที่ไม่รู้ว่าสมหวังอีกรึเปล่า อย่างนี้มันน่าขีดใจสุดๆ   ถึงจะยินดีกับชินที่มีภรรยา  แต่ ...  ไม่รู้สิ นึกว่าจะได้ ชิน-เจตซะอีก                       

เฮ้ออออออออออออออออออออออออออ
โอเคครับ  ขอโทษด้วยที่พูดออกมาแบบนี้  และก็ขอบคุณครับ :)
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: inkku ที่ 14-05-2014 21:34:59
ถึงจะรู้สึกผิดหวังไปนิดก็เถอะนะคะ แต่สุดท้ายก้อแฮปปี้เอนดิ้ง
ขอบคุณนักเขียนที่เขียนเรื่องดีๆมานะคะ
รอติดตามเรื่องใหม่ค่าาาาา :bye2:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 17-05-2014 21:10:02
อ่านรวดเดียวจบเลย
จะงงๆ กับความสัมพันธ์ของแต่ละคนบ้างในตอนแรก
แต่ก็เข้าใจได้ค่ะ

ชอบบรรยากาศของเรื่อง ถึงจะเรื่องไม่เป็นดังใจแต่ตัวละครก็ไม่ฟูมฟายจนเกินไป

เราชอบนะคะ รอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ ^^


หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 18-05-2014 21:15:54
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว รู้สึกดีจริงๆค่ะ o13
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ice_spok ที่ 19-05-2014 11:07:07
รวดเดียวจบครับ ขอบคุณมากครับ สนึกมากๆ
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: BlackKnight09 ที่ 09-06-2014 21:02:42
จะไม่มีตอนพิเศษ ของเจตต์กับสิน หน่อยเหรอ

กำลังดีเลย
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 12-08-2015 17:19:06
มึนงงกับความคิดของเเต่ละคนจริงๆ ชินดนัยดีสุดในเรื่องละ o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 00:29:37
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 12-03-2022 21:08:52
....ดอกทองกวาว...ยังไม่บานเลยน้า...

ชายหนุ่มคิดพลางเงยหน้าขึ้นมองกิ่งก้านที่ของต้นไม้ใหญ่ ที่ยืนตรงมานานปีตรงสวนข้างประตูของมหาวิทยาลัย
เขาเรียนที่นี่ในคณะมนุษยศาสตร์มาก็ 4 ปี ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปเร็วถึงขนาดนี้ เผลอไปหน่อย นี่ก็เป็นวันซ้อมใหญ่ของการรับปริญญาไปเสียแล้ว 
แสดงว่าปีนั้นไม่หนาว ปกติ24มกราคม ดอกทองกวาวจะบานแล้ว โดยเฉพาะถนนด้นหน้ามหาวิทยาลัย จะบานสวยสีแสดแทบไม่มีใบเลย