บริษัทบำบัด 'โสด' [บทที่ 22+ส่งท้าย] 18 ธ.ค. 56 หน้า 18 จบแล้วค่ะ :)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บริษัทบำบัด 'โสด' [บทที่ 22+ส่งท้าย] 18 ธ.ค. 56 หน้า 18 จบแล้วค่ะ :)  (อ่าน 175807 ครั้ง)

ออฟไลน์ ✪PATTY✪

  • เมี๊ยวววว~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
    • http://facebook.com/NKM.SNK
เพิ่งมาอ่านน้า. ชอบอ่ะะะ  :-[

ออฟไลน์ yoyo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ว้าย ใครอะไรยังไง
กำลังมาหวานๆเลย อิพี่อะไรจะเข้ามา ห้ามมายุ่งกะแทคนะ
เค้าหวงไว้ให้โอบ :m31:

ออฟไลน์ PapermintReal

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-13
เขา..... o22  มานคือครายยยยยยยย

ออฟไลน์ yumsonteen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :laugh:แฟนเก่าหรอครับ

ออฟไลน์ DarknLight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
ง่ะ อมยิ้มอยู่ได้ไม่นาน มีแววจะมีมารมาผจญอีกล่ะ
 :serius2:

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 16

ผมเงียบ ภัคก็เงียบ ความจริงเขาจะกลับหรือไม่กลับ (ซึ่งคงมีวันหนึ่งต้องกลับ ผมไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะอยู่แบบไม่มีคนรองมือรองเท้าที่เมืองนอกได้นาน) ก็ไม่เกี่ยวอะไรกันแล้ว ผมไม่คิดว่าต้องมีเหตุให้เจอกันอีก หรือจะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยากทำอย่างนั้นอีก แต่ถ้าปะหน้ากันจริงนี่มันคงมีอารมณ์ไม่ทันได้ตั้งตัวบ้างถ้าไม่รู้มาก่อน

แป๊วเห็นสีหน้าผมเลยพูดอ่อยๆ “เห็นพี่เขาว่าอยากเจอ... แป๊วมาบอกแทคให้ ก็แล้วแต่นะ เผื่อเป็นเพื่อนกันได้”
   
ผมมองหน้าภัค แป๊วไม่รู้ว่าเรื่องจบลงอย่างไรจึงได้เสนอขึ้น อันที่จริง ผมก็ไม่เคยคิดว่าเราจะกลายมาเป็นเพื่อนในภายหลัง หรืออยากทำด้วยซ้ำ บางคนทำได้ แต่สำหรับผม คนที่เลิกราไปแล้วเป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่ใช่ยังรักอยู่... ก็อาจจะไม่ได้รักแบบนั้นมาตั้งแต่ต้น หรือไม่คงจากกันด้วยดี ด้วยความเข้าใจ ซึ่งในกรณีนี้ไม่มีอะไรเข้าข่ายเลย

ภัคหันเหบทสนทนาไปเป็นเรื่องอื่นได้อย่างแนบเนียนตามเคย จนแป๊วลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมจึงได้ถามขึ้น
 
“รู้แล้วจะบอกเมื่อไหร่”

“ก็เขายังไม่ได้กลับ แล้วก็ยังไม่ได้พยายามติดต่อ แค่เปรยๆ มาเลยคิดว่า... รอให้อะไรๆ มันแน่นอนก่อนดีกว่า”

ผมก็ไม่รู้ว่า ‘อะไรๆ’ นั้นคือกำหนดกลับชัดเจน หรือเรื่องราวระหว่างผมกับโอบที่เพิ่งจะเข้าใจไปกันแน่ แต่ถ้าเป็นเรื่องหลังก็... คิดว่าไม่ต้องรอแล้ว ทั้งหมดที่ผ่านมาบวกกับพอนึกย้อนกลับไป ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พยายามกับใครอื่นตั้งแต่ต้น ผมก็ไม่เคยรู้สึกว่าโอบไม่หมายความตามที่พูด บางทีอาจจะเหมือนพูดเล่นหรือพูดให้ขำ แต่ด้วยนิสัยแล้วก็ไม่ใช่คนทำอะไรทิ้งขว้างเรื่อยเปื่อย
 
คิดอีกทาง ถ้าผมเป็นเพื่อน เห็นเพื่อนเพิ่งเริ่มมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ดูท่าจะไปด้วยดี ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องเก่าเข้าไปแทรกตอนนี้เหมือนกัน

“ไม่ได้อยากเจออยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

เรื่องนี้ภัคก็เข้าใจผมอีก ผมพยักหน้า พอดีกับเพื่อนคนอื่นๆ มาถึง เราจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กันอีก

ภัคบอกตอนขับรถมาส่งผมที่คอนโดว่า ถ้าฝ่ายนั้นพยายามจะนัด แต่นัดไม่ได้ คงเลิกล้มไปเองเพราะอันที่จริงเราก็รู้กันอยู่ทั้งคู่ว่าเขาไม่ใช่เป็นคนมีความพยายามสูงส่งอะไร ไอ้ที่จะกลับมาจดจ่อกับคนเก่าทั้งๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกันก็ใช่ไยดีมากคงไม่เกิดขึ้น ลงเอยด้วยการต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม แล้วอย่างไรเขาก็น่าจะกลับไปอยู่บ้านเขาที่เชียงใหม่มากกว่า

ผมก็เห็นด้วยกับเพื่อน หวังว่า... คงเป็นอย่างนั้น


สัปดาห์ถัดมาผมลงไปเช็งเม้งแบบรีบไปรีบกลับ (เนื่องจากวันลาได้แค่นี้) โดยมีโอบขับไปส่งที่สนามบินก่อนจะต้องเข้าเวรต่อ เพราะตอนนี้เริ่มใช้ทุนอย่างเป็นทางการแล้ว ความจริงบอกว่าไม่เป็นไรเพราะอีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องตื่นให้เช้ายิ่งกว่าเดิม โดนท้วงว่า ‘เอาอีกละ...’ อันเป็นวิธีที่โอบใช้เวลาผมเผลอปฏิเสธความหวังดี ทั้งที่จริงๆ ก็แค่ไม่อยากให้ต้องเหนื่อยเท่านั้น

กลายเป็นว่าที่ผมลงไปนี่ก็เหนื่อยเหมือนกัน ถึงจะคนละแบบกับการอยู่เวรทรหดของโอบ จริงๆ แล้วผมชอบกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่เงียบๆ เจอเพื่อนเก่าตามประสามากกว่างานรวมญาติขนานใหญ่แบบนี้ แต่พอเริ่มทำงานจริงๆ ก็ได้กลับตอนเช็งเม้งเป็นหลัก นอกจากลุงแหวงกับป้าสะใภ้ อาๆ และลูกพี่ลูกน้องที่ขนกันมาจากหัวอำเภอ ยังมีหลานลูกเด็กเล็กแดงร้องกันกระจองอแง แล้วผมที่เลี้ยงเด็กไม่เป็นที่สุดก็ดันถูกมอบหมายให้ดูอีก ยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้ง วุ่นวายได้ใจ ขึ้นเครื่องบินขากลับเหนื่อยหลับเป็นตายกันเลยทีเดียว

พอถึงกรุงเทพฯ จึงได้รู้สึก... คนใต้พูดเสียงดังเป็นธรรมชาติแฮะ

เด็กใต้ก็ร้องเสียงดังกว่าที่อื่นด้วยหรือเปล่า นี่ยังสงสัย

ระหว่างเรียกแท็กซี่ว่าจะกลับบ้าน ผมก็นึกถึงคนเข้าเวรขึ้นมา ความจริงตอนอยู่ที่นู่นมีส่งข้อความบ้างปกติ โทรมาจะได้คุยประมาณสามนาทีอย่างเก่งเพราะหลานที่ผมกระเตงและอีกสองสามตัวที่เกาะขาอยู่จะแหกปากทันทีถ้าผมสนใจอย่างอื่นมากกว่า นอกนั้นถ้าเป็นเวลาโอบทำงานก็โทรไม่ได้อยู่ดี เลยตัดสินใจ... แวะไปหา

สมัยเด็ก โอบชอบกินอะไรอยู่อย่าง ไม่รู้จะจำได้หรือเปล่า ความจริงผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจำได้จนเห็นเข้า ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ขนมงานเช็งเม้งเฉพาะเจาะจงหรอก แต่ไปเจอที่ตลาดเลยต้องซื้อเพราะคิดถึง รวมทั้งของกินอย่างอื่นด้วย กองทัพเดินด้วยท้อง เผื่อหิวขึ้นมาจะได้มีอะไรทาน 

แต่การไปหาของผมคือไปฝากของไว้ให้ เกรงใจคนทำงาน เดินออกมาแล้วจึงได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมากับเสียงเรียกคุ้นเคยเจือด้วยความดีใจ

เมื่อหันไปก็พบรอยยิ้มกว้างจนผมอดยิ้มตอบกลับไม่ได้

“มาไม่ให้เขาเรียก”

"คิดว่าคงยุ่ง..."

"อยู่ห้องยาผู้ป่วยนอกข้างล่างพอดีช่วงพัก ออกมาได้แป๊บนึง... คิดถึงจะแย่”

เท่านี้ผมก็ยิ้ม... จะแย่... ขอบคุณกันเรียบร้อย พูดเรื่องเดินทางญาติพี่น้องแป๊บหนึ่งผมก็ถามว่าได้ดูของหรือยังเผื่อมีอะไรไม่ถูกใจ อีกฝ่ายบอก

“เห็นนิดเดียวมันโผล่ออกจากถุงรีบวิ่งมาก่อน หนมลา... ไม่ได้กินตั้งนาน”

คุยกันได้อีกหน่อยโอบก็ต้องกลับเข้าไปทำงานแล้ว แต่ยังว่า “ทีหลังมาบอกนะ จะได้เจอ”

“เผื่อไม่ได้อยู่ข้างล่างล่ะ”

“เขาโทรให้ได้ ไม่งั้นก็... ประกาศ” แววตาคนพูดเต้นระยิบเหมือนทุกครั้งที่คิดอะไรแกล้งผมได้ "... ว่า ภก. โอบกิจแฟนมาหาเชิญรับได้ที่ช่องสอง..."

ผมก็ขำ ใครจะไปพูดอย่างนั้น "แบบรับยาน่ะนะ?”

“เอ้า นี่ก็ยา...”

ผมรอ ถ้าโอบเล่นมุขน้ำเน่าแบบยาใจหรืออะไรนี่จะเตรียมเก็บไว้ล้อล่วงหน้าโดยไม่ปรานี อีกฝ่ายบอก

“... ยาชูกำลัง เห็นแล้วมีกำลังใจ”

ขากลับคนขับแท็กซี่เหลือบมองกระจกหลังเป็นระยะ ผมว่าผมคงนั่งยิ้มคนเดียวน่ะ...

โอบบอกไว้ก่อนแล้วว่าวันนี้เย็นๆ เพื่อนไมค์จะมาขอเจอหนู ให้ไขกุญแจด้วย พอกลับไปถึงก็เจอไมค์ที่มาก่อนเวลา เลยปล่อยให้ได้ฟูมฟายกับลูกสาวก่อนไปทำงานต่างจังหวัด เมื่อวานรุ่นโอบเพิ่งมีเลี้ยง หลายคนเริ่มแยกย้ายกันไปใช้ทุนตามที่ต่างๆ

ไมค์มาเคาะประตูบอกผมว่าจะไปแล้ว พอบอกให้เดินทางปลอดภัยกลับถาม “พี่ว่า... ผมจะได้เจอคู่สักทีไหม ย้ายคราวนี้”

ถึงผมจะทำงานด้านนี้แต่ก็ไม่ใช่หมอดู... ฟันธงไม่ได้ น้องไมค์จะเจอหรือไม่เจอใคร เจอคนที่ใช่ตอนนี้ แต่จะใช่เฉพาะช่วงเวลาหนึ่ง หรือว่าใช่ไปตลอด ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน บางครั้ง กว่าจะเจอ เราก็ต้องเจอเรื่องราวอื่นมาก่อน หลายเรื่องที่อยากจะบอกว่า ไม่เจอได้ไหม ถ้าเลือกได้ ไม่อยากเจอเลย แต่บางอย่างในชีวิตก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจที่เราจะเลือกได้

ถ้ามองย้อนกลับไป อาจจะเก็บเอาไว้เป็นบทเรียน เก็บไว้เตือนตัวเอง หรือแม้ในบางกรณี เก็บไว้ระลึกถึงเป็นความทรงจำในครั้งหนึ่งก็ได้เหมือนกัน

และผมก็อวยพรให้น้องไมค์โชคดี...


เย็นวันรุ่งขึ้นผมกำลังจะออกจากที่ทำงานอยู่แล้วแต่เสียงโทรศัพท์สายของตัวเองดังขึ้นก่อน พอรับก็ได้ยินเสี่ยน็อตพูดมาเนือยๆ

“ฮัลโหลคุณแทค”

“ครับ เสี่ยเป็นไง” ผมเหลือบดูตารางตรงหน้า ขีดไว้ว่าเสี่ยยัง... ออกไปกับคนเดิมอยู่ ส่วนคนเดิมของเสี่ย วันนี้ไปกับคนใหม่
 
“... นี่ความรักมันเป็นสาระกับชีวิตขนาดนั้นเลยหรือเปล่า”
   
ตั้งแต่ดูบัญชีให้เสี่ยมา คำถามในใจของผมทุกครั้งที่ผุดขึ้นเวลาได้รับโทรศัพท์คือ วันนี้เสี่ยอารมณ์ไหน...

เสียงเสี่ยน็อตออกจะกึ่มๆ เล็กน้อยแต่ข้างหลังก็เงียบ ถ้าให้เดาอาจจะนั่งปล่อยอารมณ์เหงาอยู่คนเดียวที่บ้าน
 
"ผมก็ว่ามันไม่ไร้สาระมั้ยครับ...” ผมพยายามพูด เสี่ยไม่ตอบ ผมเลยไปทางขำแทน “ถ้าไม่สำคัญขนาดนั้นพวกผมตกงานกันหมดเลยนะ...”   

เสี่ยคงไม่อยู่ในอารมณ์จะขำ พอถามว่ามีเรื่องอะไรก็บอกไม่ ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่คงไม่คืบหน้าไปกว่าเดิม... ละมัง

“คือผมว่าบางทีมันก็วุ่นวาย... สงสัยขึ้นมาว่ามันเป็นแก่นสารจริงๆ หรือเปล่า” 

“แล้วอะไรที่ควรจะเป็นแก่นสารล่ะครับ...” ผมถามไปเรื่อยๆ เพราะงานนี้นอกจากจะคอยดูคอยเชียร์ ให้กำลังใจแล้ว เวลาลูกค้าผิดหวัง หรืออย่างตอนนี้... อารมณ์ซึมๆ มา ก็ต้องปลอบเหมือนกัน

“... สันติภาพไง หรือภาวะอดอยากในแอฟริกา?”

เมาแน่ เมาแน่ๆ... ผมปล่อยให้เสี่ยพูดไปก่อน ซึ่งปลายสายก็ว่าต่อเอง “เอ... แต่อย่างนั้นก็ยังไม่พ้นความรักมาช่วยแก้อยู่ดี ทำไมหนีไม่พ้นเลยล่ะ”

เสี่ยเป็นคนที่เมาแล้วเวิ่นได้ที่มากๆ และผมก็ยิ่งกว่า เพราะคุยกับคนเมาได้เป็นวรรคเป็นเวร ถ้านับว่าผมมักจะแยกเรื่องส่วนตัวออกจากงาน ความสัมพันธ์กับลูกค้าคือความสัมพันธ์กับลูกค้า แต่บางทีผมก็รู้สึกขึ้นมาแวบๆ เหมือนกันว่าเสี่ยคล้ายจะเป็นเพื่อนผมคนหนึ่ง

“รักอะไรล่ะครับ...”

“ก็... ความรักเพื่อนมนุษย์ไง” เสี่ยไปนู่น ก็จริงของเสี่ยนะจะว่าไปแล้ว

“มันคนละแบบกับที่เสี่ยกลุ้มใจอยู่นี่ครับ...” ผมว่า

“จริง... เพราะว่าแบบนั้นน่ะ รักทั้งโลกเลยก็ได้ แต่แบบนี้ เราอยากให้เขารักเราคนเดียวนี่นา”

อันนี้ก็จริงอีก ถึงเสี่ยจะเข้าใจแล้วว่าถ้าอยู่ในบริการแบบนี้ ยังไม่ตกลงปลงใจ ก็มีสิทธิ์เลือกไปเรื่อยๆ แต่บางคราวมันคงอดน้อยใจขึ้นมาบ้างไม่ได้

“เสี่ยเคยบอกผมว่ามีความสุขดี” ผมกำลังจะพูดต่อว่าถ้าไม่ใช่แล้ว ก็ต้องบอกเหมือนกัน แต่เสี่ยเอ่ยขึ้นก่อน

“อืม ผมไม่ได้บอกคุณแทคหรอก”

ผมเกือบจะคิดว่าแอลกอฮอล์ในเลือดทำเอาลืมตอนเราคุยกันในออฟฟิศที่โรงงานเสียแล้ว จนอีกฝ่ายพูดต่อ “... บอกตัวเองน่ะ”

หลังจากนั้นก็พูดอะไรกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ท่าทางตอนคุยกับผมน่าจะดวดไปด้วยแน่ๆ ลงเอยด้วยการบอกว่าไว้จะโทรมาใหม่ถ้ายังรู้สึกเหมือนเดิม อาจจะคิดแบบนี้แค่ชั่ววูบก็ได้ เพราะตอนอยู่ด้วยกันเขาก็เอาใจใส่ดี
 
แต่ก็นั่นล่ะ ความรู้สึกที่ว่า เขาคงไม่ได้ดีแบบนี้กับเราคนเดียว บางทีมันก็บั่นทอนกำลังใจเหมือนกัน

พักนี้ผมกลับบ้านไปก็เป็นพี่เลี้ยงหนูแฮมสเตอร์เหมือนเดิม ต้อนรับชั่วโมงเข้าเวรอันยาวนานของโอบ ซึ่งผมเข้าใจเพราะเพิ่งเริ่มทำงาน จะปฏิเสธก็ยากนอกจากของตัวเองแล้ว พี่คนโน้นลา คนนี้ไปคลอด คนนู้นไปอบรม นี่ก็รับเละ ควบแล้วควบอีก
 
ตอนกำลังหาร้านให้ลูกค้าไปทานข้าวเย็นอยู่กับครีม พี่อิทชายตามายิ้มๆ ผมรู้ว่าครีมคิดอะไรอยู่ในใจ เพราะคอยแต่จะกระเซ้าว่า “หวีตไหม หวีตไหม” อยู่นั่น ซึ่งคงย่อมาจากสวีต ยังกับจะให้ผมไปบ้าง จนผมตอบว่า “หวีดสยองเหรอ” และได้รับการขว้างค้อนมาเป็นรางวัล ครีมมีความเชื่อว่าคนเราควรหาบรรยากาศสวีตตลอดเวลา (หรือเกือบตลอดเวลา) ซึ่ง... น้องควรลองมีแฟนดูจริงๆ สักคนจะได้รู้

ถ้าถามความรู้สึกทั่วไปผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก ไปหาได้ก็ไปหาที่โรงพยาบาลอยู่บ้าง เลือกเอาช่วงที่โอบเคยบอกแล้วว่าพัก (ไปแล้วเห็นยิ้มหน้าบานมีความสุข ผมก็มีความสุข) นอกนั้นยังทำอะไรมากไม่ได้ ผมออกไปทำงาน กลับมาค่ำโอบไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้มีเข้าเวรดึกออกเช้าอยู่บ่อยๆ บางทีทำงานต่อเลย วันหยุดมีเวร ก็ต้องไป ส่วนวันที่ได้ออกมาดึงดันจะกินข้าวกับผม แต่อยู่ในสภาพหัวแทบทิ่มชามเพราะคืนที่แล้วไม่ได้นอนก็ต้องบอกให้ไปนอน เป็นต้น

ก็เห็นโอบอยากใช้เวลากับผมอยู่ปกติ ไม่ได้ดูเดือดร้อนอะไรพอกัน แล้วไม่ใช่ไม่ใกล้หรือไม่ได้แตะ คือก็แตะนั่นแหละ อย่างตอนดูหนัง ในโอกาสหายากที่หยุดพร้อมกันนี่เอนมาจัง (และบอกว่า ‘แอร์หนาว’ บ้าง ‘กลัวผี’ บ้าง ซึ่งไม่จริงหรอก แต่ผมก็ปล่อยไป)
 
“... ถ้าโอกาสหรือบรรยากาศมันไม่เกิด ก็ต้องสร้างสิคะ!” เสียงพี่อิทดังชัดเจนทั่วออฟฟิศ ผมสะดุ้ง หันไปถึงได้เห็นคุณเธอพูดโทรศัพท์กับลูกค้าอยู่ “ต๊าย... ใจเย็นๆ ค่ะคุณน้อง เราไม่ต้องจงใจว่าจะไปถึงไหน จงใจมากไปก็ขาดเสน่ห์ค่ะ... พี่แค่บอกว่า มันต้องมีบรรยากาศโรแมนติกระหว่างกันบ้าง อยู่ด้วยกันคุยกันได้สบายใจน่ะดีอยู่แล้ว แต่เขาอยู่กับเพื่อนเขาก็เหมือนกันนี่คะ”

ครีมยื่นหน้ามาบอกผม “พี่แทคเสี่ยน็อตอยากคุยด้วย สายสอง”

“ผมว่ามันอยู่ที่บรรยากาศนะคุณแทค” พอผมรับเสี่ยก็เริ่มโดยไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น

“ครับ?”

“นี่ผมอ่านมาจากหนังสือ...” เรื่องขวนขวายต้องยกให้เสี่ย “ผมก็จุดเทียน นะ เปิดน้ำใส่อ่าง แล้วนวดสักหน่อย”

“เสี่ยครับบ้านผมไม่มีอ่าง” ผมใจลอยพูดไปก่อนจะได้สติ โชคดีที่เสี่ยดูไม่ทันได้ฟังเหมือนกัน มัวแต่เล่าต่อ

“... ตานี้พอเราออกไปกัน เจอเพื่อนผม ผมแนะนำว่าเขาเป็นแฟน ตอนแรกคิดว่าเราปากเบาไปหรือเปล่าแต่มันก็พูดออกไปแล้ว...” เสียงเสี่ยดี๊ด๊ามาก หน้ามือเป็นหลังมือผิดกับวันก่อน “... เขาไม่ว่าอะไรคุณแทค นี่แสดงว่าคืบหน้านะคืบหน้า”
 
ปากผมก็รับ เพราะผมคิดว่าเสี่ยมีความพยายามอย่างน่ายกย่อง แต่มือจดโน้ตว่าต้องไปตามเรื่องนี้กับเจ้าตัวคู่เดตเสี่ยต่อ แล้วยังคนที่เขาออกไปใหม่ด้วยตั้งสองคนไม่รู้จะยังไง ผมอยากเห็นเสี่ยได้ลงเอยกับคนที่เป็นของตัวเองจริงๆ สักทีเหมือนกัน

ตอนเย็นภัคนัดกินกาแฟนิดหนึ่งบอกมีเรื่องจะคุย เราเลยเจอกันที่ร้านกาแฟใต้ตึก เพราะเพื่อนออกมาประชุมข้างนอกใกล้ๆ กันพอดี ผมเข้าไปก็เห็นภัครออยู่ก่อนแล้ว เอ่ยขึ้นโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง

“นี่บอกนะ ยังไม่ต้องกังวล แค่ว่าเขาจะกลับมาเดือนหน้าแล้วตอนนี้ก็ถามๆ เพื่อนคณะแทคหลายคนว่าจะติดต่อได้ยังไง เพื่อนๆ โบ้ยมาทางเราเพราะคิดว่าน่าจะเจอกันบ่อยสุด แต่เราเฉยๆ ไป”

“ก็... ไม่ได้กังวล” ผมค่อยๆ นั่งลง “อย่างที่คุยกันไว้แหละ ไม่ได้เจอคงกลับเชียงใหม่ไปเอง บ้านช่องกิจการพ่อแม่เขาอยู่ทางนั้นนี่”

ที่จริงผมก็รู้ว่าไอ้จะอยู่กรุงเทพฯ น่ะไม่เป็นปัญหากับฐานะทางการเงินของเขาหรอก แต่คนใช้เงินที่บ้าน บ้านให้กลับก็ต้องกลับ ผมไม่คิดว่าเขาจะมีความอดทนพอเจอผมให้ได้

“แล้วคิดอะไรอยู่”

“คิดว่า น่าจะบอกโอบไว้”

ภัคนิ่งไปอย่างครุ่นคิดเหมือนกัน แล้วถาม “เพราะจะไปเจอหรือ”

“เปล่า แค่คิดว่าน่าจะบอกเฉยๆ”

ผมเข้าใจ ในความรู้สึกของภัค ถ้าจะไปเจอ ควรบอก เพราะจะได้ไม่ดูเหมือนแอบพบกันลับหลัง ถ้าไม่ไปอยู่แล้ว ก็ปล่อยๆ ให้ผ่านไปเลยไม่ต้องพูดถึง แต่หลังจากที่คุยกันวันนั้นผมก็รู้ว่าถ้ามีเรื่องอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ว่าเล็กน้อยขนาดไหนผมควรจะพูด อีกฝ่ายก็คงทำเหมือนกัน

“ตามใจ... มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”

ผมขอบคุณเพื่อนไป ออกจากร้านแล้วถึงเพิ่งนึกได้ว่า ยังไม่ได้ถามไถ่เรื่องเพื่อนกับคุณศรัณย์ว่าถึงไหน ราบรื่นดีหรือไม่ อันนี้ผมก็ตามกับคุณศรัณย์ไม่ได้อีกเพราะคุณศรัณย์ไม่ได้เดตภัคในฐานะลูกค้า อีกอย่างภัคเป็นเพื่อนผม จะถามใครก็ควรถามภัคนี่แหละ... แต่ไม่เป็นไร ไว้ครั้งหน้าที่เจอกันก็ได้

ผมรีบกลับบ้าน วันนี้โอบไม่ต้องเข้าเวรดึก บอกว่าจะซื้อกับข้าวไปผมก็ฝากกุญแจสำรองไว้ที่ป้าตั้งแต่เช้า พอเปิดประตู เห็นหน้าเห็นยิ้มต้อนรับกว้างขวางก็แทบลืมเรื่องอื่นหมด

สำหรับคนเคยเปิดเข้าไปเจอห้องว่างเปล่าปีแล้วปีเล่า แต่วันหนึ่งมีคนรอ... ความรู้สึกมันเทียบกันไม่ได้เลย

กินข้าวกันเสร็จโอบอาสาล้างจาน ระหว่างนั้นผมยังไม่มีโอกาสพูด มัวแต่คุยกันเรื่องอื่น เอาจริงโอบมีเรื่องประหลาด (และส่วนใหญ่ขำ) มาเล่าให้ผมฟังทุกวันจากที่ทำงาน ที่ว่าอยู่ด้วยแล้วไม่ง่วง... คงจริง

ผมนั่งอยู่บนโซฟา มองคนหันหลังยืนล้างจาน รู้สึกว่าควรจะเกริ่นก่อน

“เออ... ดูรายการนี้สิ เขาตามหาแฟนคนแรก พามาเจอกันแน่ะ แต่พิธีกรบอกว่าเบื้องหลังไปถามความสมัครใจสองฝ่ายแล้วว่าอยากจะเจออีก ถ้าจู่ๆ มาเลยนี่คงเหวอ” ผมพูดไปเรื่อย “โอบมีใครติดต่อมาบ้างหรือเปล่าเนี่ย”

“โอบไม่มีแฟนเก่าให้ไปเจอหรอก...” อีกฝ่ายเหลียวมานิดหนึ่ง ยิ้มก่อนจะหันไปล้างต่อ “ไม่เคยใช้คำนี้กับใคร”

“ไม่จริงน่า...”

“จริง... สมัยเด็กโอบเนิร์ดจะตาย”

... ถือว่าการเกริ่นตกไปแล้วไหม ผมก็ขี้เกียจจะอ้อมแล้ว เลยตัดสินใจพูดเรื่องที่เพื่อนบอกไปตรงๆ

มือที่กำลังถูฟองน้ำชะงักนิดหนึ่ง ซึ่ง... ไม่ต้องเห็นหน้าผมก็รู้ว่า... ไม่ชอบใจ แต่โอบก็เพียงแต่พยักหน้ารับรู้โดยไม่หันมา

"ปล่อยแฟนไปเจอแฟนเก่า ใจดีไปรึเปล่า..." ผมว่าลอยๆ

คนหันหลังยืนล้างจานหัวเราะหึๆ "ทำไม อยากให้ร้าย?"

อันนี้ผมก็นึกไม่ออกอีกว่าจะเป็นยังไง

“... เห็นไม่ห้าม”

คราวนี้ไม่ตอบ ผมต้องรีบพูด “ไม่ได้จะไปอยู่แล้ว”

อันที่จริงคู่อื่น ถ้าเลิกกันด้วยดี เผอิญเจอก็คุยถามไถ่กันมันไม่เป็นไรหรอก แต่นั่นคือยังเหลือความเป็นเพื่อนไว้บ้าง หรือจำเป็นต้องเจอ ด้วยหน้าที่การงานอะไรต่างๆ นี่ก็ไม่ใช่อีก อันนี้ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรดีกับใครเลยจริงๆ โอบล้างจานเสร็จ เช็ดมือกับกางเกง แล้วเดินมานั่งลงข้างๆ 

“ถึงไม่ห้ามไง...”

โอบเท้าข้อศอกไว้ที่พนักพิงโซฟา ผมนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหา อีกฝ่ายยิ้มอ่อน เอื้อมมือมาเกลี่ยไรผมที่ข้างขมับให้เบาๆ
 
“ถ้าไม่ไป ไม่ต้องมีคนห้าม ก็ไม่ไปอยู่ดี กลับกัน คนอยากจะไป ห้ามให้ตาย คงมีช่องเจอจนได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นยิ่งไม่รั้ง... เพราะถือว่า ใจเขาไม่ได้อยู่กับเราแล้ว”

ผมยิ้ม “โอบคนดี...”

"ไม่ได้ดี...” คนนั่งข้างยิ้มตอบ “แค่ไว้ใจ ว่าจะไม่ทำให้เสียใจ”

“ไว้ใจได้แน่”

ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่เคยทำร้ายผมไม่คิดว่าโอบจะมีปัญหา ผมไม่รู้ว่าตอนแรกมีความคิดว่าอยากให้ห้ามอยู่ในหัวหรือเปล่า อาจจะมีก็ได้ อยากให้ตัดสินใจให้ บอกว่า อย่าไป ห้ามไป แต่จริงๆ จะไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรานี่แหละ ไม่ใช่แฟนเราหรอก
 
พอผมชวนดูหนัง โอบก็พลิกปกไปมาแล้วว่า

“ไม่ใช่หนังผีเหรอ”

โอบคิดว่าผมดูหนังอยู่ประเภทเดียวหรือไง “เปลี่ยนบรรยากาศมั่งสิ”

ผลคือ...

ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ผมก็ชักรู้สึกได้ว่าตัวเองดูหนังอยู่คนเดียว ส่วนอีกคนน่ะ... หนังดูไปเรียบร้อยแล้ว

อันนี้ผมก็ไม่อยากจะคิดว่าโอบอยู่กับผมแล้วง่วง ความจริงที่ลืมนึกไปคือ ไม่ต้องเข้าเวรวันนี้ เพราะเมื่อคืนมันควบมาแล้วไง เที่ยงคืนถึงสี่โมงเย็น

แล้วโอบก็เพิ่งจะเล่าว่า ‘เป็นคืนที่รับโทรศัพท์บ่อยที่สุดตั้งแต่ทำมา เดี๋ยวหมอเดี๋ยวพยาบาล’ แปลว่า... ไม่ค่อยได้นอน

ผมขยับไปจัดหมอนให้ท่าทางสบายขึ้น ก่อนหันกลับมาดูจูเลีย โรเบิร์ตส์ต่อไป

... ไหนๆ ก็เช่ามาแล้วไหมล่ะ เสียดายตังค์


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2013 12:39:57 โดย เดหลี »

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
คุณ Windyne มันคือ... คนเก่าค่ะ แต่คงไม่เกิดเรื่องอะไรแล้วล่ะเน้อ... (เสียงสูงท้ายประโยค 555)

คุณ Theomen ยังไม่ค่ะ และมันอาจจะไม่ขนาดนั้นแล้วนะม่าเนี่ย (บอกว่าไม่มาม่าทำไมไม่ค่อยเชื่อกันล่ะ 55) ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณ mesomeo2 แอร๊ยยย เป็นสโลแกนเชียว ขอบคุณนะคะ

คุณ Aoya กลับมาแล้วจะเป็นยังไงนี่ก็... ต้องขอให้อ่านต่อไปล่ะค่ะ ก็ดูอยากวุ่นวายอยู่นะ เหอๆ

คุณ iforgive เพราะเพิ่งเห็นค่าของอีกคนมั้ง คนเรามันก็เป็นซะยังงี้

คุณ malula พยายาม แต่ไม่รู้จะออกมาเป็นยังไงสิเนี่ย

คุณ Gokusan คนอ่านโหดมากค่ะ คือทับหนเดียวไม่ได้ด้วยต้องทับไปทับมา 555 แทคก็ไม่ได้อยากเจอหรอกนะ ถึงจะเคลียร์ถึงจะบอก มันก็ยังมีช่องถ้ามันจะมีน่ะนะ (นี่ใบ้อะไรเนี่ย) ก็ยังต้องปรับตัวกันต่อไปจริงๆ ด้วย

คุณ goosongta ตอบสั้นๆ คือ ใช่ แต่ยังไม่มาตอนนี้ อิอิ ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณ Naenprin ขอบคุณมากค่า ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณ Millet เราก็ไม่รู้ว่า จริงๆ แกแพลนไว้มั้ย หรือมันเป็นธรรมชาติของแก ฮา

คุณ Tassanee กร๊ากโดนไล่ตั้งแต่ยังไม่ออกชื่อกันเลยทีเดียว

คุณ BeeRY คนมันเหมือนอยากยุ่งน่ะ ทำไงดี ใช่ๆ โอบสำคัญสุด 55 ก็ยังงี้แหละค่ะชีวิตคนเรา นั่นก็เป็นมารในสายตาคนอ่านหลายคนอยู่ จริง เชิดใส่ 55

คุณ KAEHUB ใช่ป่าว โอบก็เชื่อใจแทคน้า

คุณ NewYearzz คนเขียนก็พยายามปั่นมาส่งค่ะ ฮา ขอบคุณสำหรับการอ่านมากนะคะ

คุณ ่patsaporn จริงๆ คู่นี้ชิลๆ นะ คือนิสัยมันคล้ายๆ กันบางส่วน ในความคิดคนเขียนน่ะนะ โอบก็ใบ้ไปตานี้แทคก็พยายามมั่งแต่น่าจะเฟล เอาน่ะมันคงไม่เฟลไปทุกคราว ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ ขอบคุณเหมือนกันค่ะ

คุณ kyoya11 มันมาเป็นอุปสรรค อีกนิด อิอิ แต่แหม ไม่น่าจะทำลายได้หรอกน่า

คุณ Takarajung_TK ยังไม่เครียดนะคะ อิอิ ฝากอ่านต่อด้วยนะจ๊ะ

คุณ yeyong ขอบคุณมากค่ะที่แวะเข้ามา อันนี้ก็ค่อยๆ ไป (ก็ตั้งแต่แรกแล้วนี่) คนเขียนก็ว่ายังงั้นแหละค่ะ

คุณ bennnyyy ไม่รู้เหมียนกัน เห็นพยายามอยู่ ต้องฝากอ่านต่อด้วยล่ะค่ะ

คุณ ✪PATTY✪ ขอบคุณมากค่า อย่าลืมมาอ่านต่อด้วยน้า

คุณ yoyo ดีมากค่ะคนอ่าน 55 แทคก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก

คุณ PapermintReal จนป่านนี้ก็ยังไม่อยากจะออกชื่อกร๊าก มานคือคนเก่านั่นเองงง

คุณ yumsonteen ถูกค่ะ

คุณ DarknLight ไม่เยอะหรอก ชีวิตมันต้องมีบ้างสิจะได้มีรส กร๊าก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

น้องโอบยูชิลลลนะ (ส่วนแทคพยายามใหม่นะคราวหน้า กร๊าก) แต่ความจริงเรื่องมันยังไม่ถึงที่สุด ต้องรอดูกันต่อไป อีกหน่อยนะจ๊ะ

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ เลยค่า
  :กอด1:

ออฟไลน์ Windyne

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
    • Windyne Page on Facebook
คุณเดหลีเสียงสูงตล๊อดดดดดดดด!! กลัวใจคนเขียนเหลือเกิน!!! 555

ในใจเอาแต่คิด...
อิพี่คนเก่าจะมาทำไม โอบจะคิดมากมั้ย แทคจะหวั่นไหวอะไรรึเปล่า
แต่ทำไรไม่ไดั รออ่านสถานเดียว ^^

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
โอบน่ารักเสมอต้นเสมอปลายเสมอกิ่งเสมอก้านเสมอใบจริงๆ
อยากได้ยาชูกำลังแบบโอบบ้าง

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
ไม่รู้แหละ สถานการณ์ต่อไปจะเป็นยังไงช่างก่อน

นี่เขินโอบบบบบบบตลอดดดดดดดเลย (นึกว่าตัวเองชื่อแทค)

รบกวนห้องยา จัดยา โอบกิจเซตามอนให้สองแผงค่ะ ไม่ไหวแร้ว กรี๊ดดดด  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
อบอุ่นกันทั้งคู่เลย  น่ารักมากกก

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
ตาโอบน่ารักมาก...มิเสียแรงที่ชูป้ายไฟ ฮิ ^^
ในทุกความสัมพันธ์...ต้องไว้ใจกันมันถึงจะได้ใจเนาะ

ไม่ต้องมาเจอหรืออะไรหรอก...แทคแยกออกอยู่แล้ว
ระหว่างคนพยายามและมั่นคงกับเรามาตลอด...จนได้มาเจอเราอีกครั้ง
กับคนไม่มีความพยายามจะทำและรักษาอะไรไว้ซักอย่าง...จบกันด้วยไม่ดี จะมีใครกลับไปหา

แอบสงสารตาเสี่ย...ท่าทางน้อยใจ คุณคนนั้นเขาจะเห็นไหมหนอ
อยากให้เสี่ยได้เจอคนของตัวซักที...เหมือนที่แทคแอบหวัง

เมื่อมั่นใจและเชื่อใจ...อะไรก็ไม่น่ากลัวแล้วเนาะ ^^V สู้ๆ แพ็คคู่ของชั้น อิอิ

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
ชอบประโยคนี้จังเลย "ความรู้สึกที่ว่า เขาคงไม่ได้ดีแบบนี้กับเราคนเดียว บางทีมันก็บั่นทอนกำลังใจเหมือนกัน"

 แต่ยังไงก็ขอตบมือให้กับความพยายามของเสี่ย 55 :katai2-1:

พยายามจะเชื่อว่าไม่มีดราม่า แต่กลัวแทคจะเปลี่ยนใจจริงๆนะ. สงสารโอบ55

มาต่อเร็วๆน้าาา :กอด1:

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักจัง  แต่อยากให้มีเลิฟซีนบ้าง 

มันดูไม่มีอะไรผูกมัดเกินไป กลัวววว  ใครสักคนหายไป

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
แทคเราเพ้อละ "บ้านผมไม่มีอ่างอาบน้ำ...." อยากจะ Romance บ้างสินะ  :m20:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
เขินแทนแทคๆๆๆ :hao7:
บรรยากาศกำลังดี แฟนเก่าก็ปล่อยให้เก่าไปแบบนั้นแหละ :katai4:

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
ย้ายมาอยู่ด้วยกันเถอะ เวลาเปิดประตูมาเจอคนรักรออยู่ ที่พักคงสุขยิ่งกว่าวิมาน  :-[


รักพี่คนเขียน :กอด1:

รอตอนต่ไปครับ  :L2:

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
คู่โอบแทคลงตัว
งั้นลุ้นคู่คุณศรัณย์กับภัคดีกว่า
แถมเป็นกำลังใจให้เสี่ยคนน่ารักด้วยอีกคน อิอิ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ดีจังเลย พอมีอะไรก็พูดคุยกัน สื่อสารกันมากขึ้น
แต่ไม่เข้าใจว่าคนเก่าจะมาพยายามอะไรเอาป่านนี้

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ความสัมพันธ์ดูจริงจังมากขึ้น ชอบที่แทคพูดเรื่องแฟนเก่าตรงๆ รู้จากปากเราเองดีที่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
แหม่ แทคพยายามสร้างบรรยากาศโรแมนติก
หลังได้ยินเค้าพูดกรอกหูมาทั้งวัน
แต่อีกคนไปเฝ้าพระอินทร์แล้ว  :laugh:

จริงๆ นึกบุคลิกแทคไว้ว่าเป็นคนเฉยๆ แต่เห็นแบบนี้แล้วก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย

หวังว่าคนนั้นคงไม่มีความพยายามสูงส่งที่จะเจอแทคให้ได้
หรือไม่โลกเราก็คงจะไม่กลมจนเกินไป แต่ถ้ามันจะบังเอิญก็เชิดใส่มันเลยแทค  :z6:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
หวานๆ งดมาม่าาา

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew3:

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เอาซี๊  อยากรู้เหมือนกันว่ากลับมาแล้วแต่แทคไม่สนใจ  มันจะทำยังงัย ชิ

ออฟไลน์ bennnyyy

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 791
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
สงสัยแฟนเก่าแทคต้องกลับมาป่วนนานแน่ๆ แต่ยังดีที่แทคกับโอบเข้าใจกันแล้ว

ออฟไลน์ PapermintReal

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-13
 :-[ แหม~คนแบบโอมเนี่ยหาได้ที่ไหนบ้าง เจ๊จะได้เอามานอนกอดโอบ กรากกกก  :laugh:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
อยู่กันแบบเรียบง่ายน่ารักดี เค้าชอบอ่ะ ความรู้สึกที่มีคนห่วงใย คนพิเศษรออยู่
อย่างตอนแทคดีใจที่เปิดประตูมาก็เจอโอบ ได้นั่งคุยกันนิด ๆ หน่อยแม้โอบจะง่วงมากก็ตาม
แล้วก็ตอนแทคไปหาที่ รพ. แหม คนอยากเจอก็น่าจะรู้พี่แทคนี่น้า น้องโอบวิ่งตามทั่ก ๆ เลย
อยู่ห้องปั๊ดจับฟัดเนอะ เรื่องคนเก่าของแทค ตอนบอกโอบ..ผู้ชายคนนี้คิดอะไรในใจเยอะเหมือนกันนะ
โอบบอกว่าไว้ใจแทค ถึงเวลาจริงจะทำได้ป่าวไม่รู้  แทคเองก็เหมือนกันต้องเข้มแข็งนะ
ดูผู้ชายคนนั้นจะพยายามน่าดูที่จะเจอ และคิดว่าคงได้เจอแน่ ดูจะเป็นคนที่อยากได้อะไรต้องเอาให้ได้
ทำไม? อยากได้คืนเหรอ...ชิส์ กินเด็กดีกว่าเป็นอมตะ เนอะแทคเนอะ โฮะๆๆ

ขอบคุณค่า


ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
โอบเนี่ย...เอาโล่ห์พระเอกมั้ย เราจะทำให้  :hao5:  ชอบจัง  รักกันแบบเรื่อย ๆ แต่ดูมั่นคงดี 
สงสารเสี่ย  หวังว่าเสี่ยจะได้เจอรักแท้เข้าสักทีในสักวัน  :กอด1:
ส่วนแฟนเก่า ติดต่อกลับมา หวังอะไรเนี่ย  :z3:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ชอบ~ พอเป็นแฟนกันแล้วบรรยากาศหววานๆก็ลอยมาตลอด

น่ารักมากเลย อ่านไปยิ้มไปทีเดียว โอบก็น่ารัก แทคก็น่ารัก

ตอนแรกๆ ไม่คิดว่าโอบจะเป็นคนขี้เล่นขนาดนี้ โอ๊ย เขิน

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 17

“... ไม่โสดแล้วมาสายเลยนะจ๊ะ...”

เสียงพี่อิททักลอยลมมาในเช้าวันหนึ่งเมื่อผมผลักประตูออฟฟิศเข้าไป ครีมเดินถือถ้วยกาแฟออกมาสอง วางให้พี่อิทแล้วถามผมว่าจะเอาด้วยไหม

“แหม... กาแฟไม่พอม้าง...” พี่อิทตอบแทน แซวได้แซวดี แต่ดันเป็นการแซวที่ไม่มีมูลเอาเสียเลยนี่สิ

“อร๊าย พี่แทคทำอะไรมาถึงต้องโด๊ป...” ครีมกรี๊ดกร๊าด

“น้องครีม เป็นเด็กเป็นเล็ก ไม่เอาลูก...” พี่อิทจุ๊ปากแต่สำเนียงยังไงก็ให้ท้ายน้องสุดชีวิต

“เอ๊า เจ๊ก็... พูดให้คิดก่อนนี่นา” ครีมหัวเราะร่วน ก่อนเย้าอีก “ตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยเห็นพี่แทคสายเลย”

“เออ... ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจกันหรอก”

คืนนั้น หลังจากจูเลียได้ให้ความบันเทิงแก่ผมจนคุ้มราคาค่าเช่าแผ่นเรียบร้อยแล้ว โอบก็งัวเงียตื่นขึ้นมาตอนหนังจบพอดี ผมจึงบอกให้ไปนอน ที่จริงผมก็ง่วงเหมือนกัน เพราะดูหนังรักโรแมนติกคนเดียว (ซึ่งไม่ใช่หนังที่ปกติผมจะดู) มันไม่ได้อารมณ์อะไรทั้งสิ้นนอกจากอารมณ์อยากหลับ ส่วนเมื่อเช้า...

เสียงเคาะประตูดังเร่งร้อนก่อนนาฬิกาจะปลุก พอลุกมาเปิดคนอยู่ห้องตรงข้ามก็พรวดเข้ามา ได้ใจความว่าฝักบัวเสียกะทันหัน ทิ้งกุญแจรถกับกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วก็พุ่งเข้าห้องน้ำไป ผมยังไม่ตื่นดีเลยตอนโอบเสร็จธุระออกมาด้วยความรวดเร็ว ได้แต่เดินมึนๆ ไปส่งที่ประตู

อีกฝ่ายหัวเราะหึ สะพายกระเป๋าทั้งมือหนึ่งยังกลัดกระดุมเสื้อ
 
‘... ถ้าอยากดูเดี๋ยวกลับมาให้ดู ตอนนี้ถ้าสายล่ะไม่ผ่านทดลองงานแน่’

แล้วผมถึงรู้ว่านี่เผลอมองนานไป... หน่อย โทษความไม่มีสติจากที่ยังตื่นไม่เต็มตานั่นแหละ โอบเอื้อมมาหยิบกุญแจรถ ตอนขยับถอยออกรู้สึกถึงปลายจมูกเฉียดผ่านใกล้ ต้องบอก

‘รีบไปเลยไป’

แว่วเสียงหัวเราะอยู่จนประตูปิด ผมจะนอนต่อก็ไม่ได้แล้ว ที่สายนี่... ตอนออกมาดันใจลอยนั่งรถไฟฟ้าเกินป้ายไปนิดเท่านั้น

ระยะนี้โอบมีฝึกอบรมด้านเทคนิคโดยต้นสังกัดส่งไป ความจริงอาจจะไม่เร็วขนาดนี้สำหรับคนทำงานได้ไม่ถึงปี แต่พี่คนที่ได้รับเสนอชื่อตอนแรกเพิ่งรู้ว่าจะมีน้อง ซึ่งเสี่ยงกับเด็กถ้าทำยากลุ่มนี้ โอบเลยได้ไปแทน ประชุมในกรุงเทพฯ สัปดาห์หนึ่ง แต่ต่อจากนั้นต้องทำอยู่ห้องยาอีกประมาณเดือนกว่า

โรงพยาบาลที่เป็นศูนย์อบรมมีแค่สี่ห้าแห่งเท่านั้น ในกรุงเทพฯ เต็มเสียแล้ว โอบจึงต้องไปถึงฉะเชิงเทรา อันที่จริงโรงพยาบาลก็มีหอพักให้อยู่ในชั่วเวลาเดือนกว่าๆ ที่ไปฝึก แต่นี่ดื้อ ยืนยันจะไปกลับ เป็นชนวนให้เรา (เกือบจะ) ได้เถียงกันเป็นหนแรกหลังจากเหตุการณ์บนดาดฟ้าเป็นต้นมา เมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง

‘... ขับรถก็แค่ชั่วโมงนิดๆ รถติดในกรุงเทพฯ บางทียังนานกว่า’ โอบเริ่ม

‘ชั่วโมงนิดๆ นั่นน่ะต้องเหยียบกี่ร้อย’

‘อ๋อ...’ โอบลากเสียงยาว มองหน้าผมเหมือนจะคิด ‘ถ้าเป็นแทคขับก็ประมาณสี่ชั่วโมง เทียบเอาละกัน’

ผมพยายามไม่หลงกลกับคำตอบชวนโมโหเพราะจะลืมประเด็นที่เป็นปัญหาอยู่ แล้วผมก็ไม่ได้ขับช้าเต่าคลานขนาดนั้นสักหน่อย ว่ากันจริงๆ เหตุมันมาจากแม่ที่ไม่ยอมให้เอารถขึ้นเชียงใหม่ตั้งแต่สมัยเรียนจนกว่าจะขับพาไปตลาดกิมหยงในระดับความเร็วที่พอใจ กลับหาดใหญ่ทีแม่ก็ยังมานั่งกับผมตลอดแล้วเลย... คงติดมา แต่ในกรุงเทพฯ ถ้าไม่ใช่ทางด่วนหรือหัวรุ่ง ได้เกินหกสิบก็เก่งแล้ว โอบน่ะขับเร็ว ให้ระวังอย่างไรมันก็เสี่ยง แล้วใช่เรื่องไหมที่ต้องขับไปขับมาวันละสองร้อยกิโลเนี่ย

‘ก็นอนซะที่นั่นมันเป็นไงล่ะจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนี้ เย็นรถติดอีก’ ผมบอก

‘แค่เดือนเดียวแหละแล้วก็กลับมาทำที่เดิม’

‘พูดเพราะห่วง...’ ผมใช้ไม้อ่อน และเตรียมชักแม่น้ำทั้งห้าต่อ ‘เสาร์อาทิตย์ค่อยเข้ามาก็ได้’

แล้วผมก็ออกไปหาด้วยก็ได้ เอ้า

แต่อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมสายตาแบบที่ทำให้ผมใจอ่อนไปด้วย ‘เจอหน้าแค่เสาร์อาทิตย์ ไม่พอ...’

ทุกวันนี้ตอนเย็นสภาพคือ... กลับมาได้ก็เหนื่อยจะตายแล้ว ซึ่งโอบไม่เคยบ่นหรอก แต่ผมดูออก แล้วเสาร์อาทิตย์บางทียังต้องไปทำงานบ้างประปราย คงเห็นว่าไม่มีเวรดึกจันทร์ถึงศุกร์ตอนอบรมละมัง

“... เอ้า ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจแล้วยังไงจ๊ะ แหม... ทำยังกับอยู่กันมาแล้วสามสิบปี กินข้าวเสร็จก็หลับหน้าทีวีเหรอ” พี่อิทว่าต่อทำนองถ้าเป็นตามนั้นนี่ผมทำงานอะไรอยู่กันแน่ ได้ยินถึงไหนอายไปถึงนั่น เสียเกียรติประวัติบริษัท ฯลฯ

ถึงผมจะจับคู่ให้คนเป็นอาชีพก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตส่วนตัวผมต้องโลดโผนโจนทะยานด้วยนะ...

เห็นผมเงียบพี่อิทก็อุทาน “ต๊าย! ที่พูดมานี่จริงหมดหรือยะ...”

“ก็...”

“เธออย่ามาอย่างนั้นอย่างนี้ เขาเห็นเธอเฉยเขาก็เฉยบ้างสิ ถ้าเธอไม่เอื้อมันจะได้เรื่องไหม”

... นี่ผมก็ไม่เห็นจะไม่ ‘เอื้อ’ ตรงไหน (อย่างน้อยก็คิดว่าไม่ได้ทำอะไรที่ดูเป็นการขัดขวางนะ) เปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยเล่าที่โอบไปอบรมจนเป็นเหตุให้ต้องตื่นเช้ากว่าเดิมเพื่อเดินทาง พี่อิทจะได้เข้าใจถึงสภาพงานรัดตัวแบบนี้เพราะเราก็มีช่วงยุ่งเป็นพักๆ เหมือนกัน แล้วมันก็แค่เดือนเดียวเอง

“ทำยาเคมีบำบัด? แหม... ระวังนะ” พี่อิททำเสียงมีเลศนัยไม่เลิก ส่วนครีมก็หัวเราะคิกคักเป็นลูกคู่อยู่นั่นแหละ

“มันไม่เสื่อมกันง่ายขนาดนั้นหรอกน่ะ” ผมบอก

สองคนปล่อยก๊ากอย่างไม่เกรงใจ พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมรีบคว้าก่อนประเด็นจะไปไกลกว่านี้

“บริษัทบำบัดโสด พั...”

“คุณแทค...” เสี่ยน็อตไม่ยอมให้ผมพูดจนจบเหมือนเคย บางอย่างในน้ำเสียงทำให้สะดุดใจ “... ขอบคุณมากที่เป็นที่ปรึกษาให้ผมมาตลอด”

ถึงจะชินแล้วกับการเริ่มเรื่องแบบไม่มีอารัมภบทของเสี่ย แต่คราวนี้ผมยังไม่ทันตอบเสี่ยก็พูดต่อ “ผมขอหยุดสัญญาไว้แค่นี้นะ ที่เหลือบริษัทปรับเงินได้เลย”

“บริษัทเราไม่มีนโยบายปรับ... เอ้ย เดี๋ยวก่อน เสี่ยครับ” ผมรีบลำดับความสำคัญ “เดี๋ยว ใจเย็นๆ... เล่าให้ผมฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

นี่ไม่ใช่ ‘ขอหยุดสัญญาเพราะตกลงกันแล้วว่าจะคบคนเดียว’ แน่ๆ ฟังจากเสียงคนพูด เสี่ยนิ่งไปนิดแล้วว่า

“ผมก็สนใจอยู่พวกดวง เนื้อคู่อะไรเนี่ยคุณแทคก็รู้ ยังเคยดูเลยว่ามันมีราศรีที่เข้ากันดีเป็นพิเศษหรือเปล่า”

ผมจำได้ ตอนแรกๆ เสี่ยเคยคิดว่าสิงห์ไม่เข้ากับมังกร หรือจะจริง...

“ผมถึงไม่เคยมีปัญหา เขาจะลากผมไปหาหมอดูกี่คนๆ ก็ไป ถ้าทำให้เขามีความสุข แต่ก็...”

ปลายสายเงียบไปอีก ผมรออย่างอดทน ให้พูดออกมา ยังดีกว่าเก็บไว้ ได้ยินเสียงหัวเราะนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้มาจากความชื่นมื่นแน่
 
“... หรือผมหาเรื่องเอง เงียบๆ ไว้คง... ไม่เป็นแบบนี้”

“เสี่ยอยากอยู่แบบ ‘ไม่รู้’ มากกว่าหรือครับ...”

อีกฝ่ายถอนใจยาว “นั่นสิ เคยคิดว่าไม่รู้เสียดีกว่า แต่คุณแทค ผมเคยไม่อยากหลอกตัวเองมาหนหนึ่งแล้วตอนจะถูกจับแต่งงาน ทำอีกหน... คงทำได้ไม่นานเหมือนกัน ผมไม่ถามเขาเรื่องคนอื่นเพราะรู้อยู่แล้ว ปรากฎว่าได้เรื่องกับเรื่องที่ไม่คิดว่าจะต้องเป็นปัญหาเลยด้วยซ้ำ”

นิ่งไปอีกแล้วถึงบอก “ดันถาม... ถ้าหมอดูบอกว่าผมกับเขาไปกันไม่ได้ หรือมีคนบอกว่า ดวงผมกับเขาเกิดชงกันขึ้นมา  เราจะเป็นยังไงต่อ ต้องเลิกเลยไหม”

ผมไม่จำเป็นต้องถามถึงคำตอบที่เสี่ยได้รับ มันก็... ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว

“... ผมไม่ว่าอะไรกับเรื่องความเชื่อส่วนตัวนะ แต่เขาตอบได้โดยที่ไม่ต้องคิด ไม่ต้องลังเล ผมเลย... คิดได้ตอนนั้นด้วยมั้ง ผมไม่อยากอยู่กับคนที่ตัดผมออกจากชีวิตได้ง่ายขนาดนั้นน่ะ... แต่เขาคงไม่เป็นไร คงมีอีก... หลายคน”

“เสี่ย...” เริ่มแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ถ้าจะถามว่า ‘โอเคไหม ไม่เป็นไรนะ’ คำตอบมันไม่มีทางไม่เป็นไรอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่กำลังโกหกตัวเองอยู่ “ผม... เสียใจจริงๆ ครับที่เป็นแบบนี้”

ถ้าเสี่ยไม่ได้อยู่ในบริการเดต ถ้าคนที่เจอเรื่องอย่างนี้เป็นเพื่อนผม ผมคงแทบอยากไปหาเรื่องเสียเองกับคนคนนั้น แต่... นี่คือความจริงของธุรกิจนี้ หรือคง... เป็นความจริงของโลกการเดตปัจจุบัน ยังมีสิทธิ์เลือก ก็เลือกไป แต่ต้องยอมรับให้ได้ว่า เราเองก็อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยเหมือนกัน ซึ่งยัง... ปกติ แต่ถ้า ‘เผื่อเลือก’ ล่ะ

คนไม่ถูกเลือก... เจ็บเสมอ

เงียบกันไปหน่อย เสี่ยจึงเอ่ยออกมาเองด้วยเสียงแห้งแล้งเต็มที

“บอกว่าไม่เป็นไรคงไม่ได้... แต่ผมก็พยายามทำงานไปน่ะ”

“... เรายังไม่ต้องยกเลิกก็ได้ครับ” ผมพูดโดยที่ความตั้งใจตอนนั้นไม่ใช่การยื้อลูกค้าไว้กับบริษัทมากเท่าไม่อยากให้คนคนหนึ่งเสียความเชื่อมั่นจากรักที่พังทลายเพียงครั้งเดียวจนปิดกั้นตัวเอง

เจ็บได้ เสียใจได้ หลบเลียแผล นานเท่าที่ใจจะกลับมาแข็งแรงใหม่

แต่ต้องอย่าลืม คนที่ไม่ควรถูกตัดโอกาสมากที่สุด คือตัวเราเอง...

“ผมรู้ว่าตอนนี้เสี่ยยังไม่พร้อม ก็พักเอาไว้ก่อน... ที่จริงมีคนอยากจะออกไปกับเสี่ยตั้งหลายคน ติดแค่ว่าตอนนั้นเสี่ยอยากออกไปกับคนเดียว เอาไว้เสี่ยโอเคแล้ว ค่อยบอกผม... ผมจะระงับบัญชีไว้ชั่วคราว แต่ยังไม่ต้องยกเลิก นะครับ”

“ผม... เหนื่อยน่ะ”

“ผมเข้าใจ...” ผมบอก “อย่าเพิ่งท้อ คนแรก ลืมยาก ฝังใจ... แต่ถ้าเขาไม่ดี ไม่เหมาะกับเรา ไม่พยายามกับเราเหมือนที่เราพยายามกับเขา เวลาผ่านไป เราจะรู้เองว่า ไม่มีเหตุผลให้ต้องจำ”

ปลายสายเงียบไป ผมพูดต่อ

“ตอนนี้อาจยังยาก แต่... มันจะค่อยๆ ดีขึ้น”

“จริงหรือคุณแทค”

“เสี่ยเชื่อผมเถอะครับ ผมผ่านมาแล้ว”

วางสายจากเสี่ยโดยที่อย่างน้อยอีกฝ่ายไม่ได้คัดค้านเรื่องพักไว้ชั่วคราว... ตกลงกันว่าสักวันสองวันผมจะไปเยี่ยม อย่างน้อยผมก็อยากจะไปดูเผื่อเสี่ยอยากคุย ถามหรือระบายอะไร เพราะบางอย่างคุยทางโทรศัพท์ก็ไม่เหมือนต่อหน้ากัน เสี่ยยังบอก ถึงรัก แต่ก็รักแบบทำใจมาได้พักใหญ่ เลยลดทอนความสาหัสลงไปบ้าง... นิดหน่อย 

พี่อิทเดินมาบีบไหล่ผม ถึงไม่ได้ยินบทสนทนาฝั่งเสี่ย แต่ที่ผมพูดเธอคงได้ยินชัดเจน

“บ้ายดีแล้ว น้อง...”

ผมตบหลังมือพี่อิทเบาๆ ยิ้มให้

ผมคงหายดีแล้วจริงๆ


ตอนเย็นภัคส่งข้อความมาว่าออกมาพบลูกค้าใกล้ที่ทำงานผมอีกแล้ว เลยได้เจอกันหน่อย เพื่อนจิบกาแฟ เหลือบตาขึ้นมอง แล้วก็ถามแบบที่ควรไปเป็นหมอดูมากกว่าทนายให้รู้แล้วรู้รอด

“ตกลงบอกไปแล้ว?”

ผมพยักหน้า

“เป็นไงมั่ง”

“ไม่เป็นไง บอกด้วยว่าจะไม่ไปเจอ โอบก็เฉยๆ”

ก่อนหน้านี้นาน ตอนที่ทุกอย่างยังสดอยู่ และผมเพิ่งกลับจากเชียงใหม่นั้น ผมก็เคยคิดว่า ที่จริงผมออกมาโดยไม่มีคำลา ไม่มีการปิดฉาก เก็บของที่เป็นของตัวเอง แล้วทิ้งทุกอย่างนอกจากนั้นไว้ จะถือได้ว่าเรื่องจบลงแล้วหรือยัง มันจบโดยที่ผมอยากจบฝ่ายเดียวได้หรือเปล่า โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องมารับรู้ต่อหน้า และยืนยันการสิ้นสุดไปด้วย แต่นานไปก็เลิกคิด เพราะ... ถ้าความรู้สึกจบ ก็คือจบ

... ไม่จำเป็นต้องรอการอนุมัติหรือคำอนุญาต

ภัคผงกศีรษะเหมือนคาดได้ บอกว่าก็คิดไว้อย่างนั้น ยกเว้นแต่ว่าจะมีอะไรมาสะกิดใจให้นึกถึง ซึ่ง... ไม่น่าจะมีแล้วมั้ง

ผมเลยสบโอกาสถามถึงเรื่องคุณศรัณย์ เพื่อนตอบสั้น “ก็โอเค”

นิสัยขยายความเฉพาะที่จำเป็น (หรือบางที เฉพาะเท่าที่อยากทำ) ของภัคทำเอาเพื่อนเข็ดขยาดกันไปหลายคนแล้ว มีผมนี่แหละที่ยังถาม แต่คราวนี้เหมือนตกลงใจจะพูดแค่นี้ เพราะ “ถ้าไม่โอเค จะบอก”

รู้นิสัยเพื่อน เท่านี้ผมก็ต้องโอเคไว้ก่อนล่ะ...

แยกจากกันได้ไม่นานโอบก็ส่งข้อความมาว่าวันนี้เลิกเร็วหน่อยและพรุ่งนี้ได้หยุดแน่ๆ ทั้งวัน ตอนนี้กำลังซื้อของกินอยู่แถวใกล้คอนโด ผมเลยบอกให้เลือกหนังมาด้วย เอาที่ไม่น่าจะง่วง

ซึ่งโอบเลือกหนังไล่ล่าฆาตกรรมเลือดสาดมา เพราะคิดว่าผมคงชอบ...

กินข้าวเย็นเสร็จไปที่โซฟา ผมก็อุตส่าห์ พอดีลูกค้าให้ไวน์มาขวด อีกคนมองแบบประหลาดใจนิดหน่อย แต่ผมว่าไหนๆ ก็ได้หยุดแล้วนี่นา 

ตอนนี้ในจอตื่นเต้นระทึกขวัญมาก นอกจอก็เงียบสงบมากเช่นกัน โอบขยับเข้ามาใกล้ แต่ปกติก็นั่งใกล้อยู่แล้ว และพูดว่า...

“... ห้องมืดไปหน่อยรึเปล่า เดี๋ยวตาแย่” จากนั้นก็สงสัยว่าผมเกิดอยากจะประหยัดไฟอะไรขึ้นมาตอนนี้

... ใครเคยบอก ไฟไม่ดับก็จุดเทียนได้? แล้วจุดเทียนดูทีวีมันประหลาดเกินเลยหรี่ไฟลงนิดหนึ่ง แค่เนี้ย

“ดูไปเหอะน่า มืดๆ เหมือนโรงหนังไง”

ได้ครึ่งเรื่อง คนนั่งข้างเริ่มไหลมาเรื่อยๆ ซึ่งถ้าวันไหนอยากแกล้ง ผมจะดันกลับแล้วบอกให้นั่งดีๆ แต่วันนี้ไม่แกล้ง โอบเลยเอนจนแก้มมาแปะอยู่บนไหล่ผมเรียบร้อย 

“... เปลี่ยนน้ำหอมเหรอ”

ทำจมูกฟุดฟิดอีกนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ลุกออกไป

เห็นอย่างนั้นผมเลยแอบดมเสื้อตัวเองอีกข้าง เออ... พอฉีดแล้วผ่านไปพัก กลิ่นมันทำไมคล้ายๆ บุหรี่

ซึ่งเป็นกลิ่นที่โอบไม่ชอบ...

เรื่องนี้ผมรู้อยู่แล้ว แต่เพิ่งได้รายละเอียดหมดเมื่อไม่นาน

... พ่อแท้ๆ ของโอบเคยสูบบุหรี่ สูบจัดมากด้วย แต่เจ้าตัวไม่เคยมีความทรงจำอะไรที่ดีกับพ่อนัก ถ้าได้ยินพ่อทะเลาะกับแม่ หรือถูกไล่จนต้องมุดรั้วข้ามมาบ้านผม คงจำทุกอย่างร่วมกับกลิ่นบุหรี่ ได้กลิ่นอีกก็ไม่ทำให้อารมณ์เบิกบานไปได้
 
ขวดนี้ท่าทางต้องยกให้เพื่อน... อยู่บนตัวผมมันไม่เวิร์กแล้วล่ะ

ฤกษ์ชักไม่ค่อยดี หรือว่าควรต้องเปลี่ยนเสื้อ... อาบน้ำเลยมั้ย

ผมลุกพรวดแล้วสะดุดขาเก้าอี้แทบจะลงไปทับคนยังนั่งอยู่ แต่นี่ไม่ใช่ละคร ผมจึงยั้งตัวเองไว้ทัน

... ที่สะดุดก็เพราะมันมืดนั่นแหละ

โอบจับแขนผมไว้สองข้าง กึ่งรับกึ่งพยุง ก่อนจะลุกขึ้นมา “เป็นอะไร มึนหรือนิดเดียวเอง... หรือว่าตื่นเช้าไป? ตอนเย็นเจอแอลกอฮอล์เข้าอีก”

ความจริงผมไม่ได้มึนเลย แต่... ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ

โอบจึงปิดทีวี ส่งผมไปนอน และเกิดฉากคลาสสิกเสียหลักกันหน้าห้อง

อันนี้เปล่ามารยาเลยสาบาน พรมผืนเล็กที่ปูอยู่หน้าห้องนอนมันเลื่อนเพราะคนสองคนเซไปเซมาด้วยฝีเท้าไม่มั่นคงเท่าไหร่ (ยอมรับว่าอาจทิ้งน้ำหนักใส่โอบนิดหน่อย) ผมลื่นจริง
   
แต่นี่ก็ยังไม่ใช่ละครอีก ไม่มีการที่จมูกจะชนจมูกแบบพอดิบพอดี สบตากันหวานซึ้งอะไรทั้งสิ้น เพราะโอบก็ออกแรงรั้งผมขึ้นมาตามเดิม ดึงมือข้างหนึ่งให้พาดไหล่ แล้วบอกว่า...

"... แทคนี่ตัวไม่ใช่เบาๆ เลยนะ"

ซึ่งเป็นประโยคที่ไม่ชวนให้เกิดบรรยากาศโรแมนติกแต่อย่างใด...

ด้วยความที่ไม่เมา (แค่ตามน้ำเฉยๆ) ผมจึงพยายามจะเดินเอง ส่วนคนพยุงก็นึกว่ากำลังหิ้วคนเมาอยู่ ผลคือทุลักทุเลขนาดหนักจนไปถึงเตียงโดยที่โอบต้องทิ้งตัวนั่งตามลงไปด้วย

รู้สึกถึงปลายนิ้วอุ่นเกลี่ยระกรอบหน้า เปลือกตา แผ่วเบา... เรื่อยมาจนถึงไรผม ข้างแก้ม แล้วก็...

แล้วก็... หยุด

"แทค... ตอนนั้นก็เมาใช่มั้ย"

ผมนี่นะ... อยู่ดีไม่ว่าดีทำไมต้องรนหาเรื่องด้วย

ในสถานการณ์แบบนี้มันมีอะไรที่ตอบแล้วจะไม่เป็นการ 1) เข้าตัว 2) เสียความรู้สึก 3) โกหก
 
ไม่ต้องตอบ...

โอบถอนใจเฮือก ยกมือเสยผมลุกขึ้น 

"เออ ผ่านไปแล้ว ช่างมัน! แต่กับคนนี้ต้องสติเต็มร้อย รู้ไว้"

... นี่ผมก็มีสติอยู่ จริงๆ นะ

แต่จะ ‘สร่าง’ ขึ้นมาปัจจุบันทันด่วนยิ่งไม่ช่วยรูปการณ์ให้ดีขึ้น และนี่ก็ยังไม่ใช่ละครไทย เพราะโน่น... ได้ยินเสียงประตูข้างนอกปิด กลับห้องไปแล้ว

... ความจริงผมก็ไม่ควรหรี่ไฟซะห้องมืดตั้งแต่ต้นจะได้ไม่สะดุด สะดุดแล้วก็ไม่ควรจะรับสมอ้างว่าเมา หรือจริงๆ มันเริ่มที่ไม่ควรจะเปิดไวน์ จะได้ไม่ถูกทักว่าเมา หรือไม่ควรจะลุกพรวดพราดขึ้นมาตอนนั้น หรือ...

เคยได้ยินเรื่องทฤษฏีเคออสไหม ภาษาไทยจะแปลว่าทฤษฎีโกลาหล อลวน หรืออะไรก็ตาม แค่เงื่อนไขเบื้องต้นเปลี่ยนไปหน่อยเดียว ก็คาดเดาผลที่ออกมาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้สภาพจะบ่งชี้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตน่ะน่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ จากเงื่อนไขในปัจจุบัน แต่พอเอาเข้าจริง มันไม่เกิด...

อาจารย์เคยให้ยกตัวอย่างตอนเรียน ทุกคนคิดถึงหนังเรื่องบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟกต์

แต่ต่อจากนี้ คืนนี้แหละ ตัวอย่างขั้นเอกอุในชีวิตผม...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ Windyne ไม่นะคะ! อย่ากลัวไปค่ะ 55 ขอบคุณมากเลยน้าที่อ่าน อิคนเก่ามันก็ยังไม่โผล่ โอบไปคิดมาก (หรือไม่มากดี เรื่องอื่น นี่ขนาดมันยังไม่มานะ) ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณ goosongta ขอบคุณมากค่ะที่ชอบ ฝากอ่าน (โอบ 55) ต่อด้วยน้า

คุณ Millet ขอบคุณมากสำหรับการอ่านน้า ดีใจที่เขิน 55 คนเขียนก็อยากได้ยาตามสั่ง (ไม่ใช่ยาสั่งนะ) เหมียนกันนะ

คุณเฉาก๊วย ไม่รู้ตอนนี้มันน่ารักป่าว 55 ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณ Gokusan ก็ไว้ใจแหละ เราควรจะเชื่อมั่นในการแยกแยะของแทคต่อไป กร๊าก ตอนนี้เสี่ยน่าสงสารสุด แต่แล้วมันก็จะดีขึ้นนะเสี่ยนะ ฝากอ่าน (+ เชียร์) ต่อด้วยนะคะ

คุณ Theomen ก็คงจะต้องสงสารเสี่ยสุดเช่นเดียวกันในตอนนี้ พยายามแต่เขาไม่พยายามด้วยนี่น้อ นี่ไม่ม่านะคะ ก็มีเรื่องต้องจัดการกันไปตามประสา ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ

คุณ Tassanee แป๊บนึง ฮ่า แต่ถึงยังไม่ก็ผูกมัดได้น้า

คุณ mesomeo2 ความพยายามพังมากอะขอบอก กร๊าก

คุณ kyoya11 มาค่ะอ่านต่อ ตอนนี้บรรยากาศไม่รู้จะเป็นไงเลยเนี่ย ฮ่าๆ

คุณ NewYearzz คงใช้เวลาอีกหน่อย เท่านี้ก็เจอกันทุกบ่อยอยู่แล้วเนอะ รักคนอ่านเช่นกันค่ะ ฝากอ่านต่อด้วยน้า

คุณ Takarajung_TK อันนี้ถือว่าลงตัวยังไม่รู้ได้กร๊าก ทุกคนต้องการการเชียร์อย่างทั่วถึงจนกว่าจะจบ 55 ขอบคุณ (แทนเสี่ย) สำหรับกำลังใจค่ะ

คุณ malula ก็คิดได้เมื่อสายไป หรือเปล่า แต่อันนี้ยังไม่แน่ชัด ฮา ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

คุณ yeyong แทคก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ Aoya และได้เฟลอย่างมหาศาลอีกแล้ว คราวนี้โอบไม่ได้หลับนะกร๊าก ความจริงคนอ่านเข้าใจถูกนะ จริงๆ แล้วแทคก็เป็นคนเฉยๆ แหละ แต่ไม่ใช่แนวเย็นชา มันเลยออกมาเปื่นๆ บางจังหวะ 55 หวังว่าโลกจะไม่กลมนะ

คุณ drasil ไม่ม่าค่ะไม่ม่า ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณ Naenprin ขอบคุณมากค่ะ อ่านต่อน้า

คุณ iforgive ฮียังไม่มากร๊าก จะมาจริงเปล่าเนี่ย

คุณ bennnyyy นานหรือเปล่าก็ไม่แน่เหมือนกัน... อิอิ ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ

คุณ PapermintReal นั่นสิ 55 ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ ่patsaporn เรียบๆ ง่ายๆ อิอิ คราวนี้ไม่ง่วง แต่ก็ไรก็ไม่รู้ 55 เราต้องมาดูกันต่อไปว่าน้องโอบทำได้อย่างปากว่าหรือเปล่า แล้วแทครักษาสัญญาได้เปล่า จริงๆ คนเก่าก็น่าจะเป็นคนที่เอาแต่ใจประมาณหนึ่งเลยแหละ ขอบคุณที่อ่านเหมือนกันค่า

คุณ ReiSei 55 มอบให้เลยนะ คนเขียนก็สงสารเสี่ย เดี๋ยวนะเสี่ยนะ เรื่องแฟนเก่าก็ต้องฝากให้อ่านกันต่อไป อิอิ

คุณนอนกินแรง อยากให้เรื่องนี้อ่านสบายๆ น่ะค่ะ โอบก็แบบนี้มาตั้งแต่ต้นนะ แต่พอสนิทกันก็เล่นขึ้นเป็นธรรมดา ความจริงชอบแกล้งกันไปมาทั้งคู่แหละ (มันมาจากสมัยเด็ก 55) ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แทคก็... พลาดอีกละ 555 ส่วนเสี่ย... ได้แต่บอกว่าอย่าเพิ่งถอดใจ นะจ๊ะ

ตอนนี้งานเยอะมากจริงๆ (แต่ไม่ใช่ว่าคนเขียนงานเยอะเลยหาเรื่องให้น้องโอบยุ่งเหมือนกันนะ อันนี้มันอยู่ในโครงเรื่อง...) น้องโอบถึงยุ่งยังไงก็กลับมานิ คนเขียนก็กลับมาเช่นเดียวกัน จะพยายามไม่ให้ขาดช่วงมากค่ะ เอ๊ะต้องย้ำอีกมั้ยว่าไม่ม่าไม่หน่วง (อะไรมาก) แล้วนะ อิอิ

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ เช่นเดิมค่า
  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2013 12:37:59 โดย เดหลี »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด