บทที่ 17“... ไม่โสดแล้วมาสายเลยนะจ๊ะ...”
เสียงพี่อิททักลอยลมมาในเช้าวันหนึ่งเมื่อผมผลักประตูออฟฟิศเข้าไป ครีมเดินถือถ้วยกาแฟออกมาสอง วางให้พี่อิทแล้วถามผมว่าจะเอาด้วยไหม
“แหม... กาแฟไม่พอม้าง...” พี่อิทตอบแทน แซวได้แซวดี แต่ดันเป็นการแซวที่ไม่มีมูลเอาเสียเลยนี่สิ
“อร๊าย พี่แทคทำอะไรมาถึงต้องโด๊ป...” ครีมกรี๊ดกร๊าด
“น้องครีม เป็นเด็กเป็นเล็ก ไม่เอาลูก...” พี่อิทจุ๊ปากแต่สำเนียงยังไงก็ให้ท้ายน้องสุดชีวิต
“เอ๊า เจ๊ก็... พูดให้คิดก่อนนี่นา” ครีมหัวเราะร่วน ก่อนเย้าอีก “ตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยเห็นพี่แทคสายเลย”
“เออ... ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจกันหรอก”
คืนนั้น หลังจากจูเลียได้ให้ความบันเทิงแก่ผมจนคุ้มราคาค่าเช่าแผ่นเรียบร้อยแล้ว โอบก็งัวเงียตื่นขึ้นมาตอนหนังจบพอดี ผมจึงบอกให้ไปนอน ที่จริงผมก็ง่วงเหมือนกัน เพราะดูหนังรักโรแมนติกคนเดียว (ซึ่งไม่ใช่หนังที่ปกติผมจะดู) มันไม่ได้อารมณ์อะไรทั้งสิ้นนอกจากอารมณ์อยากหลับ ส่วนเมื่อเช้า...
เสียงเคาะประตูดังเร่งร้อนก่อนนาฬิกาจะปลุก พอลุกมาเปิดคนอยู่ห้องตรงข้ามก็พรวดเข้ามา ได้ใจความว่าฝักบัวเสียกะทันหัน ทิ้งกุญแจรถกับกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วก็พุ่งเข้าห้องน้ำไป ผมยังไม่ตื่นดีเลยตอนโอบเสร็จธุระออกมาด้วยความรวดเร็ว ได้แต่เดินมึนๆ ไปส่งที่ประตู
อีกฝ่ายหัวเราะหึ สะพายกระเป๋าทั้งมือหนึ่งยังกลัดกระดุมเสื้อ
‘... ถ้าอยากดูเดี๋ยวกลับมาให้ดู ตอนนี้ถ้าสายล่ะไม่ผ่านทดลองงานแน่’
แล้วผมถึงรู้ว่านี่เผลอมองนานไป... หน่อย โทษความไม่มีสติจากที่ยังตื่นไม่เต็มตานั่นแหละ โอบเอื้อมมาหยิบกุญแจรถ ตอนขยับถอยออกรู้สึกถึงปลายจมูกเฉียดผ่านใกล้ ต้องบอก
‘รีบไปเลยไป’
แว่วเสียงหัวเราะอยู่จนประตูปิด ผมจะนอนต่อก็ไม่ได้แล้ว ที่สายนี่... ตอนออกมาดันใจลอยนั่งรถไฟฟ้าเกินป้ายไปนิดเท่านั้น
ระยะนี้โอบมีฝึกอบรมด้านเทคนิคโดยต้นสังกัดส่งไป ความจริงอาจจะไม่เร็วขนาดนี้สำหรับคนทำงานได้ไม่ถึงปี แต่พี่คนที่ได้รับเสนอชื่อตอนแรกเพิ่งรู้ว่าจะมีน้อง ซึ่งเสี่ยงกับเด็กถ้าทำยากลุ่มนี้ โอบเลยได้ไปแทน ประชุมในกรุงเทพฯ สัปดาห์หนึ่ง แต่ต่อจากนั้นต้องทำอยู่ห้องยาอีกประมาณเดือนกว่า
โรงพยาบาลที่เป็นศูนย์อบรมมีแค่สี่ห้าแห่งเท่านั้น ในกรุงเทพฯ เต็มเสียแล้ว โอบจึงต้องไปถึงฉะเชิงเทรา อันที่จริงโรงพยาบาลก็มีหอพักให้อยู่ในชั่วเวลาเดือนกว่าๆ ที่ไปฝึก แต่นี่ดื้อ ยืนยันจะไปกลับ เป็นชนวนให้เรา (เกือบจะ) ได้เถียงกันเป็นหนแรกหลังจากเหตุการณ์บนดาดฟ้าเป็นต้นมา เมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง
‘... ขับรถก็แค่ชั่วโมงนิดๆ รถติดในกรุงเทพฯ บางทียังนานกว่า’ โอบเริ่ม
‘ชั่วโมงนิดๆ นั่นน่ะต้องเหยียบกี่ร้อย’
‘อ๋อ...’ โอบลากเสียงยาว มองหน้าผมเหมือนจะคิด ‘ถ้าเป็นแทคขับก็ประมาณสี่ชั่วโมง เทียบเอาละกัน’
ผมพยายามไม่หลงกลกับคำตอบชวนโมโหเพราะจะลืมประเด็นที่เป็นปัญหาอยู่ แล้วผมก็ไม่ได้ขับช้าเต่าคลานขนาดนั้นสักหน่อย ว่ากันจริงๆ เหตุมันมาจากแม่ที่ไม่ยอมให้เอารถขึ้นเชียงใหม่ตั้งแต่สมัยเรียนจนกว่าจะขับพาไปตลาดกิมหยงในระดับความเร็วที่พอใจ กลับหาดใหญ่ทีแม่ก็ยังมานั่งกับผมตลอดแล้วเลย... คงติดมา แต่ในกรุงเทพฯ ถ้าไม่ใช่ทางด่วนหรือหัวรุ่ง ได้เกินหกสิบก็เก่งแล้ว โอบน่ะขับเร็ว ให้ระวังอย่างไรมันก็เสี่ยง แล้วใช่เรื่องไหมที่ต้องขับไปขับมาวันละสองร้อยกิโลเนี่ย
‘ก็นอนซะที่นั่นมันเป็นไงล่ะจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนี้ เย็นรถติดอีก’ ผมบอก
‘แค่เดือนเดียวแหละแล้วก็กลับมาทำที่เดิม’
‘พูดเพราะห่วง...’ ผมใช้ไม้อ่อน และเตรียมชักแม่น้ำทั้งห้าต่อ ‘เสาร์อาทิตย์ค่อยเข้ามาก็ได้’
แล้วผมก็ออกไปหาด้วยก็ได้ เอ้า
แต่อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมสายตาแบบที่ทำให้ผมใจอ่อนไปด้วย ‘เจอหน้าแค่เสาร์อาทิตย์ ไม่พอ...’
ทุกวันนี้ตอนเย็นสภาพคือ... กลับมาได้ก็เหนื่อยจะตายแล้ว ซึ่งโอบไม่เคยบ่นหรอก แต่ผมดูออก แล้วเสาร์อาทิตย์บางทียังต้องไปทำงานบ้างประปราย คงเห็นว่าไม่มีเวรดึกจันทร์ถึงศุกร์ตอนอบรมละมัง
“... เอ้า ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจแล้วยังไงจ๊ะ แหม... ทำยังกับอยู่กันมาแล้วสามสิบปี กินข้าวเสร็จก็หลับหน้าทีวีเหรอ” พี่อิทว่าต่อทำนองถ้าเป็นตามนั้นนี่ผมทำงานอะไรอยู่กันแน่ ได้ยินถึงไหนอายไปถึงนั่น เสียเกียรติประวัติบริษัท ฯลฯ
ถึงผมจะจับคู่ให้คนเป็นอาชีพก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตส่วนตัวผมต้องโลดโผนโจนทะยานด้วยนะ...
เห็นผมเงียบพี่อิทก็อุทาน “ต๊าย! ที่พูดมานี่จริงหมดหรือยะ...”
“ก็...”
“เธออย่ามาอย่างนั้นอย่างนี้ เขาเห็นเธอเฉยเขาก็เฉยบ้างสิ ถ้าเธอไม่เอื้อมันจะได้เรื่องไหม”
... นี่ผมก็ไม่เห็นจะไม่ ‘เอื้อ’ ตรงไหน (อย่างน้อยก็คิดว่าไม่ได้ทำอะไรที่ดูเป็นการขัดขวางนะ) เปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยเล่าที่โอบไปอบรมจนเป็นเหตุให้ต้องตื่นเช้ากว่าเดิมเพื่อเดินทาง พี่อิทจะได้เข้าใจถึงสภาพงานรัดตัวแบบนี้เพราะเราก็มีช่วงยุ่งเป็นพักๆ เหมือนกัน แล้วมันก็แค่เดือนเดียวเอง
“ทำยาเคมีบำบัด? แหม... ระวังนะ” พี่อิททำเสียงมีเลศนัยไม่เลิก ส่วนครีมก็หัวเราะคิกคักเป็นลูกคู่อยู่นั่นแหละ
“มันไม่เสื่อมกันง่ายขนาดนั้นหรอกน่ะ” ผมบอก
สองคนปล่อยก๊ากอย่างไม่เกรงใจ พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมรีบคว้าก่อนประเด็นจะไปไกลกว่านี้
“บริษัทบำบัดโสด พั...”
“คุณแทค...” เสี่ยน็อตไม่ยอมให้ผมพูดจนจบเหมือนเคย บางอย่างในน้ำเสียงทำให้สะดุดใจ “... ขอบคุณมากที่เป็นที่ปรึกษาให้ผมมาตลอด”
ถึงจะชินแล้วกับการเริ่มเรื่องแบบไม่มีอารัมภบทของเสี่ย แต่คราวนี้ผมยังไม่ทันตอบเสี่ยก็พูดต่อ “ผมขอหยุดสัญญาไว้แค่นี้นะ ที่เหลือบริษัทปรับเงินได้เลย”
“บริษัทเราไม่มีนโยบายปรับ... เอ้ย เดี๋ยวก่อน เสี่ยครับ” ผมรีบลำดับความสำคัญ “เดี๋ยว ใจเย็นๆ... เล่าให้ผมฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
นี่ไม่ใช่ ‘ขอหยุดสัญญาเพราะตกลงกันแล้วว่าจะคบคนเดียว’ แน่ๆ ฟังจากเสียงคนพูด เสี่ยนิ่งไปนิดแล้วว่า
“ผมก็สนใจอยู่พวกดวง เนื้อคู่อะไรเนี่ยคุณแทคก็รู้ ยังเคยดูเลยว่ามันมีราศรีที่เข้ากันดีเป็นพิเศษหรือเปล่า”
ผมจำได้ ตอนแรกๆ เสี่ยเคยคิดว่าสิงห์ไม่เข้ากับมังกร หรือจะจริง...
“ผมถึงไม่เคยมีปัญหา เขาจะลากผมไปหาหมอดูกี่คนๆ ก็ไป ถ้าทำให้เขามีความสุข แต่ก็...”
ปลายสายเงียบไปอีก ผมรออย่างอดทน ให้พูดออกมา ยังดีกว่าเก็บไว้ ได้ยินเสียงหัวเราะนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้มาจากความชื่นมื่นแน่
“... หรือผมหาเรื่องเอง เงียบๆ ไว้คง... ไม่เป็นแบบนี้”
“เสี่ยอยากอยู่แบบ ‘ไม่รู้’ มากกว่าหรือครับ...”
อีกฝ่ายถอนใจยาว “นั่นสิ เคยคิดว่าไม่รู้เสียดีกว่า แต่คุณแทค ผมเคยไม่อยากหลอกตัวเองมาหนหนึ่งแล้วตอนจะถูกจับแต่งงาน ทำอีกหน... คงทำได้ไม่นานเหมือนกัน ผมไม่ถามเขาเรื่องคนอื่นเพราะรู้อยู่แล้ว ปรากฎว่าได้เรื่องกับเรื่องที่ไม่คิดว่าจะต้องเป็นปัญหาเลยด้วยซ้ำ”
นิ่งไปอีกแล้วถึงบอก “ดันถาม... ถ้าหมอดูบอกว่าผมกับเขาไปกันไม่ได้ หรือมีคนบอกว่า ดวงผมกับเขาเกิดชงกันขึ้นมา เราจะเป็นยังไงต่อ ต้องเลิกเลยไหม”
ผมไม่จำเป็นต้องถามถึงคำตอบที่เสี่ยได้รับ มันก็... ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว
“... ผมไม่ว่าอะไรกับเรื่องความเชื่อส่วนตัวนะ แต่เขาตอบได้โดยที่ไม่ต้องคิด ไม่ต้องลังเล ผมเลย... คิดได้ตอนนั้นด้วยมั้ง ผมไม่อยากอยู่กับคนที่ตัดผมออกจากชีวิตได้ง่ายขนาดนั้นน่ะ... แต่เขาคงไม่เป็นไร คงมีอีก... หลายคน”
“เสี่ย...” เริ่มแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ถ้าจะถามว่า ‘โอเคไหม ไม่เป็นไรนะ’ คำตอบมันไม่มีทางไม่เป็นไรอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่กำลังโกหกตัวเองอยู่ “ผม... เสียใจจริงๆ ครับที่เป็นแบบนี้”
ถ้าเสี่ยไม่ได้อยู่ในบริการเดต ถ้าคนที่เจอเรื่องอย่างนี้เป็นเพื่อนผม ผมคงแทบอยากไปหาเรื่องเสียเองกับคนคนนั้น แต่... นี่คือความจริงของธุรกิจนี้ หรือคง... เป็นความจริงของโลกการเดตปัจจุบัน ยังมีสิทธิ์เลือก ก็เลือกไป แต่ต้องยอมรับให้ได้ว่า เราเองก็อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยเหมือนกัน ซึ่งยัง... ปกติ แต่ถ้า ‘เผื่อเลือก’ ล่ะ
คนไม่ถูกเลือก... เจ็บเสมอ
เงียบกันไปหน่อย เสี่ยจึงเอ่ยออกมาเองด้วยเสียงแห้งแล้งเต็มที
“บอกว่าไม่เป็นไรคงไม่ได้... แต่ผมก็พยายามทำงานไปน่ะ”
“... เรายังไม่ต้องยกเลิกก็ได้ครับ” ผมพูดโดยที่ความตั้งใจตอนนั้นไม่ใช่การยื้อลูกค้าไว้กับบริษัทมากเท่าไม่อยากให้คนคนหนึ่งเสียความเชื่อมั่นจากรักที่พังทลายเพียงครั้งเดียวจนปิดกั้นตัวเอง
เจ็บได้ เสียใจได้ หลบเลียแผล นานเท่าที่ใจจะกลับมาแข็งแรงใหม่
แต่ต้องอย่าลืม คนที่ไม่ควรถูกตัดโอกาสมากที่สุด คือตัวเราเอง...
“ผมรู้ว่าตอนนี้เสี่ยยังไม่พร้อม ก็พักเอาไว้ก่อน... ที่จริงมีคนอยากจะออกไปกับเสี่ยตั้งหลายคน ติดแค่ว่าตอนนั้นเสี่ยอยากออกไปกับคนเดียว เอาไว้เสี่ยโอเคแล้ว ค่อยบอกผม... ผมจะระงับบัญชีไว้ชั่วคราว แต่ยังไม่ต้องยกเลิก นะครับ”
“ผม... เหนื่อยน่ะ”
“ผมเข้าใจ...” ผมบอก “อย่าเพิ่งท้อ คนแรก ลืมยาก ฝังใจ... แต่ถ้าเขาไม่ดี ไม่เหมาะกับเรา ไม่พยายามกับเราเหมือนที่เราพยายามกับเขา เวลาผ่านไป เราจะรู้เองว่า ไม่มีเหตุผลให้ต้องจำ”
ปลายสายเงียบไป ผมพูดต่อ
“ตอนนี้อาจยังยาก แต่... มันจะค่อยๆ ดีขึ้น”
“จริงหรือคุณแทค”
“เสี่ยเชื่อผมเถอะครับ ผมผ่านมาแล้ว”
วางสายจากเสี่ยโดยที่อย่างน้อยอีกฝ่ายไม่ได้คัดค้านเรื่องพักไว้ชั่วคราว... ตกลงกันว่าสักวันสองวันผมจะไปเยี่ยม อย่างน้อยผมก็อยากจะไปดูเผื่อเสี่ยอยากคุย ถามหรือระบายอะไร เพราะบางอย่างคุยทางโทรศัพท์ก็ไม่เหมือนต่อหน้ากัน เสี่ยยังบอก ถึงรัก แต่ก็รักแบบทำใจมาได้พักใหญ่ เลยลดทอนความสาหัสลงไปบ้าง... นิดหน่อย
พี่อิทเดินมาบีบไหล่ผม ถึงไม่ได้ยินบทสนทนาฝั่งเสี่ย แต่ที่ผมพูดเธอคงได้ยินชัดเจน
“บ้ายดีแล้ว น้อง...”
ผมตบหลังมือพี่อิทเบาๆ ยิ้มให้
ผมคงหายดีแล้วจริงๆ
ตอนเย็นภัคส่งข้อความมาว่าออกมาพบลูกค้าใกล้ที่ทำงานผมอีกแล้ว เลยได้เจอกันหน่อย เพื่อนจิบกาแฟ เหลือบตาขึ้นมอง แล้วก็ถามแบบที่ควรไปเป็นหมอดูมากกว่าทนายให้รู้แล้วรู้รอด
“ตกลงบอกไปแล้ว?”
ผมพยักหน้า
“เป็นไงมั่ง”
“ไม่เป็นไง บอกด้วยว่าจะไม่ไปเจอ โอบก็เฉยๆ”
ก่อนหน้านี้นาน ตอนที่ทุกอย่างยังสดอยู่ และผมเพิ่งกลับจากเชียงใหม่นั้น ผมก็เคยคิดว่า ที่จริงผมออกมาโดยไม่มีคำลา ไม่มีการปิดฉาก เก็บของที่เป็นของตัวเอง แล้วทิ้งทุกอย่างนอกจากนั้นไว้ จะถือได้ว่าเรื่องจบลงแล้วหรือยัง มันจบโดยที่ผมอยากจบฝ่ายเดียวได้หรือเปล่า โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องมารับรู้ต่อหน้า และยืนยันการสิ้นสุดไปด้วย แต่นานไปก็เลิกคิด เพราะ... ถ้าความรู้สึกจบ ก็คือจบ
... ไม่จำเป็นต้องรอการอนุมัติหรือคำอนุญาต
ภัคผงกศีรษะเหมือนคาดได้ บอกว่าก็คิดไว้อย่างนั้น ยกเว้นแต่ว่าจะมีอะไรมาสะกิดใจให้นึกถึง ซึ่ง... ไม่น่าจะมีแล้วมั้ง
ผมเลยสบโอกาสถามถึงเรื่องคุณศรัณย์ เพื่อนตอบสั้น “ก็โอเค”
นิสัยขยายความเฉพาะที่จำเป็น (หรือบางที เฉพาะเท่าที่อยากทำ) ของภัคทำเอาเพื่อนเข็ดขยาดกันไปหลายคนแล้ว มีผมนี่แหละที่ยังถาม แต่คราวนี้เหมือนตกลงใจจะพูดแค่นี้ เพราะ “ถ้าไม่โอเค จะบอก”
รู้นิสัยเพื่อน เท่านี้ผมก็ต้องโอเคไว้ก่อนล่ะ...
แยกจากกันได้ไม่นานโอบก็ส่งข้อความมาว่าวันนี้เลิกเร็วหน่อยและพรุ่งนี้ได้หยุดแน่ๆ ทั้งวัน ตอนนี้กำลังซื้อของกินอยู่แถวใกล้คอนโด ผมเลยบอกให้เลือกหนังมาด้วย เอาที่ไม่น่าจะง่วง
ซึ่งโอบเลือกหนังไล่ล่าฆาตกรรมเลือดสาดมา เพราะคิดว่าผมคงชอบ...
กินข้าวเย็นเสร็จไปที่โซฟา ผมก็อุตส่าห์ พอดีลูกค้าให้ไวน์มาขวด อีกคนมองแบบประหลาดใจนิดหน่อย แต่ผมว่าไหนๆ ก็ได้หยุดแล้วนี่นา
ตอนนี้ในจอตื่นเต้นระทึกขวัญมาก นอกจอก็เงียบสงบมากเช่นกัน โอบขยับเข้ามาใกล้ แต่ปกติก็นั่งใกล้อยู่แล้ว และพูดว่า...
“... ห้องมืดไปหน่อยรึเปล่า เดี๋ยวตาแย่” จากนั้นก็สงสัยว่าผมเกิดอยากจะประหยัดไฟอะไรขึ้นมาตอนนี้
... ใครเคยบอก ไฟไม่ดับก็จุดเทียนได้? แล้วจุดเทียนดูทีวีมันประหลาดเกินเลยหรี่ไฟลงนิดหนึ่ง แค่เนี้ย
“ดูไปเหอะน่า มืดๆ เหมือนโรงหนังไง”
ได้ครึ่งเรื่อง คนนั่งข้างเริ่มไหลมาเรื่อยๆ ซึ่งถ้าวันไหนอยากแกล้ง ผมจะดันกลับแล้วบอกให้นั่งดีๆ แต่วันนี้ไม่แกล้ง โอบเลยเอนจนแก้มมาแปะอยู่บนไหล่ผมเรียบร้อย
“... เปลี่ยนน้ำหอมเหรอ”
ทำจมูกฟุดฟิดอีกนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ลุกออกไป
เห็นอย่างนั้นผมเลยแอบดมเสื้อตัวเองอีกข้าง เออ... พอฉีดแล้วผ่านไปพัก กลิ่นมันทำไมคล้ายๆ บุหรี่
ซึ่งเป็นกลิ่นที่โอบไม่ชอบ...
เรื่องนี้ผมรู้อยู่แล้ว แต่เพิ่งได้รายละเอียดหมดเมื่อไม่นาน
... พ่อแท้ๆ ของโอบเคยสูบบุหรี่ สูบจัดมากด้วย แต่เจ้าตัวไม่เคยมีความทรงจำอะไรที่ดีกับพ่อนัก ถ้าได้ยินพ่อทะเลาะกับแม่ หรือถูกไล่จนต้องมุดรั้วข้ามมาบ้านผม คงจำทุกอย่างร่วมกับกลิ่นบุหรี่ ได้กลิ่นอีกก็ไม่ทำให้อารมณ์เบิกบานไปได้
ขวดนี้ท่าทางต้องยกให้เพื่อน... อยู่บนตัวผมมันไม่เวิร์กแล้วล่ะ
ฤกษ์ชักไม่ค่อยดี หรือว่าควรต้องเปลี่ยนเสื้อ... อาบน้ำเลยมั้ย
ผมลุกพรวดแล้วสะดุดขาเก้าอี้แทบจะลงไปทับคนยังนั่งอยู่ แต่นี่ไม่ใช่ละคร ผมจึงยั้งตัวเองไว้ทัน
... ที่สะดุดก็เพราะมันมืดนั่นแหละ
โอบจับแขนผมไว้สองข้าง กึ่งรับกึ่งพยุง ก่อนจะลุกขึ้นมา “เป็นอะไร มึนหรือนิดเดียวเอง... หรือว่าตื่นเช้าไป? ตอนเย็นเจอแอลกอฮอล์เข้าอีก”
ความจริงผมไม่ได้มึนเลย แต่... ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ
โอบจึงปิดทีวี ส่งผมไปนอน และเกิดฉากคลาสสิกเสียหลักกันหน้าห้อง
อันนี้เปล่ามารยาเลยสาบาน พรมผืนเล็กที่ปูอยู่หน้าห้องนอนมันเลื่อนเพราะคนสองคนเซไปเซมาด้วยฝีเท้าไม่มั่นคงเท่าไหร่ (ยอมรับว่าอาจทิ้งน้ำหนักใส่โอบนิดหน่อย) ผมลื่นจริง
แต่นี่ก็ยังไม่ใช่ละครอีก ไม่มีการที่จมูกจะชนจมูกแบบพอดิบพอดี สบตากันหวานซึ้งอะไรทั้งสิ้น เพราะโอบก็ออกแรงรั้งผมขึ้นมาตามเดิม ดึงมือข้างหนึ่งให้พาดไหล่ แล้วบอกว่า...
"... แทคนี่ตัวไม่ใช่เบาๆ เลยนะ"
ซึ่งเป็นประโยคที่ไม่ชวนให้เกิดบรรยากาศโรแมนติกแต่อย่างใด...
ด้วยความที่ไม่เมา (แค่ตามน้ำเฉยๆ) ผมจึงพยายามจะเดินเอง ส่วนคนพยุงก็นึกว่ากำลังหิ้วคนเมาอยู่ ผลคือทุลักทุเลขนาดหนักจนไปถึงเตียงโดยที่โอบต้องทิ้งตัวนั่งตามลงไปด้วย
รู้สึกถึงปลายนิ้วอุ่นเกลี่ยระกรอบหน้า เปลือกตา แผ่วเบา... เรื่อยมาจนถึงไรผม ข้างแก้ม แล้วก็...
แล้วก็... หยุด
"แทค... ตอนนั้นก็เมาใช่มั้ย"
ผมนี่นะ... อยู่ดีไม่ว่าดีทำไมต้องรนหาเรื่องด้วย
ในสถานการณ์แบบนี้มันมีอะไรที่ตอบแล้วจะไม่เป็นการ 1) เข้าตัว 2) เสียความรู้สึก 3) โกหก
ไม่ต้องตอบ...
โอบถอนใจเฮือก ยกมือเสยผมลุกขึ้น
"เออ ผ่านไปแล้ว ช่างมัน! แต่กับคนนี้ต้องสติเต็มร้อย รู้ไว้"
... นี่ผมก็มีสติอยู่ จริงๆ นะ
แต่จะ ‘สร่าง’ ขึ้นมาปัจจุบันทันด่วนยิ่งไม่ช่วยรูปการณ์ให้ดีขึ้น และนี่ก็ยังไม่ใช่ละครไทย เพราะโน่น... ได้ยินเสียงประตูข้างนอกปิด กลับห้องไปแล้ว
... ความจริงผมก็ไม่ควรหรี่ไฟซะห้องมืดตั้งแต่ต้นจะได้ไม่สะดุด สะดุดแล้วก็ไม่ควรจะรับสมอ้างว่าเมา หรือจริงๆ มันเริ่มที่ไม่ควรจะเปิดไวน์ จะได้ไม่ถูกทักว่าเมา หรือไม่ควรจะลุกพรวดพราดขึ้นมาตอนนั้น หรือ...
เคยได้ยินเรื่องทฤษฏีเคออสไหม ภาษาไทยจะแปลว่าทฤษฎีโกลาหล อลวน หรืออะไรก็ตาม แค่เงื่อนไขเบื้องต้นเปลี่ยนไปหน่อยเดียว ก็คาดเดาผลที่ออกมาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้สภาพจะบ่งชี้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตน่ะน่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ จากเงื่อนไขในปัจจุบัน แต่พอเอาเข้าจริง มันไม่เกิด...
อาจารย์เคยให้ยกตัวอย่างตอนเรียน ทุกคนคิดถึงหนังเรื่องบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟกต์
แต่ต่อจากนี้ คืนนี้แหละ ตัวอย่างขั้นเอกอุในชีวิตผม...++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุณ Windyne ไม่นะคะ! อย่ากลัวไปค่ะ 55 ขอบคุณมากเลยน้าที่อ่าน อิคนเก่ามันก็ยังไม่โผล่ โอบไปคิดมาก (หรือไม่มากดี เรื่องอื่น นี่ขนาดมันยังไม่มานะ) ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ
คุณ goosongta ขอบคุณมากค่ะที่ชอบ ฝากอ่าน (โอบ 55) ต่อด้วยน้า
คุณ Millet ขอบคุณมากสำหรับการอ่านน้า ดีใจที่เขิน 55 คนเขียนก็อยากได้ยาตามสั่ง (ไม่ใช่ยาสั่งนะ) เหมียนกันนะ
คุณเฉาก๊วย ไม่รู้ตอนนี้มันน่ารักป่าว 55 ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ
คุณ Gokusan ก็ไว้ใจแหละ เราควรจะเชื่อมั่นในการแยกแยะของแทคต่อไป กร๊าก ตอนนี้เสี่ยน่าสงสารสุด แต่แล้วมันก็จะดีขึ้นนะเสี่ยนะ ฝากอ่าน (+ เชียร์) ต่อด้วยนะคะ
คุณ Theomen ก็คงจะต้องสงสารเสี่ยสุดเช่นเดียวกันในตอนนี้ พยายามแต่เขาไม่พยายามด้วยนี่น้อ นี่ไม่ม่านะคะ ก็มีเรื่องต้องจัดการกันไปตามประสา ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ
คุณ Tassanee แป๊บนึง ฮ่า แต่ถึงยังไม่ก็ผูกมัดได้น้า
คุณ mesomeo2 ความพยายามพังมากอะขอบอก กร๊าก
คุณ kyoya11 มาค่ะอ่านต่อ ตอนนี้บรรยากาศไม่รู้จะเป็นไงเลยเนี่ย ฮ่าๆ
คุณ NewYearzz คงใช้เวลาอีกหน่อย เท่านี้ก็เจอกันทุกบ่อยอยู่แล้วเนอะ รักคนอ่านเช่นกันค่ะ ฝากอ่านต่อด้วยน้า
คุณ Takarajung_TK อันนี้ถือว่าลงตัวยังไม่รู้ได้กร๊าก ทุกคนต้องการการเชียร์อย่างทั่วถึงจนกว่าจะจบ 55 ขอบคุณ (แทนเสี่ย) สำหรับกำลังใจค่ะ
คุณ malula ก็คิดได้เมื่อสายไป หรือเปล่า แต่อันนี้ยังไม่แน่ชัด ฮา ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
คุณ yeyong แทคก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ
คุณ Aoya และได้เฟลอย่างมหาศาลอีกแล้ว คราวนี้โอบไม่ได้หลับนะกร๊าก ความจริงคนอ่านเข้าใจถูกนะ จริงๆ แล้วแทคก็เป็นคนเฉยๆ แหละ แต่ไม่ใช่แนวเย็นชา มันเลยออกมาเปื่นๆ บางจังหวะ 55 หวังว่าโลกจะไม่กลมนะ
คุณ drasil ไม่ม่าค่ะไม่ม่า ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ
คุณ Naenprin ขอบคุณมากค่ะ อ่านต่อน้า
คุณ iforgive ฮียังไม่มากร๊าก จะมาจริงเปล่าเนี่ย
คุณ bennnyyy นานหรือเปล่าก็ไม่แน่เหมือนกัน... อิอิ ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ
คุณ PapermintReal นั่นสิ 55 ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ
คุณ ่patsaporn เรียบๆ ง่ายๆ อิอิ คราวนี้ไม่ง่วง แต่ก็ไรก็ไม่รู้ 55 เราต้องมาดูกันต่อไปว่าน้องโอบทำได้อย่างปากว่าหรือเปล่า แล้วแทครักษาสัญญาได้เปล่า จริงๆ คนเก่าก็น่าจะเป็นคนที่เอาแต่ใจประมาณหนึ่งเลยแหละ ขอบคุณที่อ่านเหมือนกันค่า
คุณ ReiSei 55 มอบให้เลยนะ คนเขียนก็สงสารเสี่ย เดี๋ยวนะเสี่ยนะ เรื่องแฟนเก่าก็ต้องฝากให้อ่านกันต่อไป อิอิ
คุณนอนกินแรง อยากให้เรื่องนี้อ่านสบายๆ น่ะค่ะ โอบก็แบบนี้มาตั้งแต่ต้นนะ แต่พอสนิทกันก็เล่นขึ้นเป็นธรรมดา ความจริงชอบแกล้งกันไปมาทั้งคู่แหละ (มันมาจากสมัยเด็ก 55) ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แทคก็... พลาดอีกละ 555 ส่วนเสี่ย... ได้แต่บอกว่าอย่าเพิ่งถอดใจ นะจ๊ะ
ตอนนี้งานเยอะมากจริงๆ (แต่ไม่ใช่ว่าคนเขียนงานเยอะเลยหาเรื่องให้น้องโอบยุ่งเหมือนกันนะ อันนี้มันอยู่ในโครงเรื่อง...) น้องโอบถึงยุ่งยังไงก็กลับมานิ คนเขียนก็กลับมาเช่นเดียวกัน จะพยายามไม่ให้ขาดช่วงมากค่ะ เอ๊ะต้องย้ำอีกมั้ยว่าไม่ม่าไม่หน่วง (อะไรมาก) แล้วนะ อิอิ
ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ เช่นเดิมค่า