บริษัทบำบัด 'โสด' [บทที่ 22+ส่งท้าย] 18 ธ.ค. 56 หน้า 18 จบแล้วค่ะ :)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บริษัทบำบัด 'โสด' [บทที่ 22+ส่งท้าย] 18 ธ.ค. 56 หน้า 18 จบแล้วค่ะ :)  (อ่าน 162199 ครั้ง)

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
คือ ชอบ ชอบมากกกกกก
เรื่องมันเอื่อยๆ แต่ก็ดำเนินไปตามเรื่องราวของมัน อาจจะไม่หวือหวาเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ
แต่อ่ารแล้วอิ่ม สุขใจจริงๆนะ ชอบวิธีการคิดของแทค เหมือนจะดูเรื่อยๆ แต่ใส่ใจทุกรายละเอียด
ชอบโอบ เป็นผูัชายในฝันที่ใครๆก็อยากได้

สรุป ชอบ ชอบมากกกก ชอบบรรยากาศของเรื่อง ชอบ ชอบไปหมด แต่!!! ไม่ชอบอย่างเดียว จบตอนที่20 มันค้างงงงงงงงง

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 21

คนไม่ค่อยโกรธเวลาโกรธแล้วน่ากลัวนะ...

แบบที่ทำให้รู้สึกว่าเมฆฝนตั้งเค้ามืดครึ้มมาได้ทั้งๆ ที่ฟ้ายังสว่างอยู่นั่นล่ะ

แต่ในกรณีนี้ผมก็อดโล่งนิดๆ ไม่ได้ที่เป้าหมายไม่ใช่ตัวเอง... ยิ่งมาแน่ใจตอนคนเพิ่งมาถึงฉวยมือผมที่ดึงหลุดจากการเกาะกุมโดยไม่เต็มใจอีกครั้งไปจับไว้แน่น

... แน่นเหมือนจะบอกว่า ไม่มีช่องว่างให้ใครหน้าไหนแทรกเข้ามาได้ทั้งสิ้น

ถึงความอบอุ่นจากมือนั้นจะทำให้คลายกังวล แต่ดูจากสีหน้าสองคนที่ประจันกันอยู่แล้วไม่ค่อยน่าวางใจเท่าไหร่ ที่จริงฝ่ายโน้นเหมือนควรช่ำชอง แต่ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าในกิตติศัพท์ของความเป็นแบดบอย บ้านรวย แต่งรถซิ่ง ไม่นับเจ้าชู้ เกิดเรื่องที่ต้องลงไปใช้กำลังเองจริงๆ น้อยมาก เพราะพอจะเกิดเรื่องก็มีคนเคลียร์ให้ก่อนทุกที ท่าดีทีเหลวไปงั้น ต่างกับโอบ ถ้าไอ้พวกที่น้องไมค์เคยแอบหลุดๆ มาให้ผมได้ยินเป็นเรื่องจริง สมัยมัธยมนี่ซ่าพอแรงเลยทีเดียว
 
ผมรีบพูด “อย่ามีเรื่อง”

โอบมองมาผมก็สั่นหัว ที่ห้ามนี่ไม่ได้กลัวเป็นรองหรืออะไร แต่เราไม่ควรเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เอาไม้สั้นไปรัน เอ่อ... ขี้ เรื่องอะไรโอบจะต้องมาเดือดร้อน อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเจ็บข้อนิ้ว เสียมือจริง

"ทำไมล่ะ... มั่นใจว่าชนะ" คนยืนข้างพูดเสียงเรียบหน้าก็เฉย ตอนนั้นผมแทบหมดความสนใจอีกคนที่ตามมาดักเจอไปสิ้นเชิงแล้ว ห่วงใครก็มองแต่คนนั้นแหละ

“ไม่ต้องมีเรื่องก็ชนะอยู่แล้วน่ะ” ผมว่าพลางกระตุกมือด้วยเป็นการย้ำ “อย่าไปแลก”

คราวนี้โอบยิ้มมุมปากนิดๆ ซึ่งมันคงขัดหูขัดตาคนที่ยืนตรงข้ามพอสมควร แต่ก็ทำได้เพียงฮึดฮัดอยู่เพราะโอบก็ท่าทางเอาจริงแบบที่บอกแล้ว... ถ้าผมเป็นเป้าคงกลัวเลยแหละ
 
“กลับไป อย่าให้ผมเห็นคุณเข้าใกล้ หรือแม้แต่เดินบนถนนเดียวกับแฟนผม ถ้าเห็นเขาเดินมา ไม่ต้องพูดอะไร ทำอะไรทั้งสิ้น เดินข้ามไปอีกฝั่ง” คนที่ยังยืนจับมือผมไม่ปล่อยเอ่ยช้า ชัด ด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

เพราะโอบไม่เคยพูดเสียงเย็นขนาดนี้กับผม
 
เมื่อไร้ซึ่งทางจะตอบโต้อีกฝ่ายก็ได้แต่ผรุสวาทไปเรื่อยแถมท้ายให้ระวังว่าสักวัน แฟนผมคนนี้จะดีแตก... โอบก็พูด

“ผมไม่มีความลับ แต่ผมรู้จักทนายที่เก่งเรื่องขุดคุ้ยและยินดีจะช่วยทั้งผมและเพื่อนเขา ซึ่งคุณคงรู้ฤทธิ์เดชเขาดีนะ ทนายภัคพลน่ะ...”
 
ด้วยความที่ขาดการติดต่อและไม่สนใจแล้วจริงๆ ผมจึงไม่รู้ว่าที่ผ่านมาอีกฝ่ายไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาบ้าง แต่น่าจะไม่ใช่กิจกรรมของพลเมืองดีทั้งหมด ถ้าชื่อเสียขึ้นมาพ่อแม่เขาได้ตัดออกจากกองมรดกแน่ และนั่นคือเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงคนไม่เคยยืนด้วยลำแข้งตัวเองเบบเขา ครอบครัวนั้นมีลูกชายหลายคน ที่ผ่านมาก็ระอาพฤติกรรมลูกชายคนเล็กอยู่ไม่น้อย... แต่ก็เพราะความเป็นลูกชายคนเล็กนี่แหละมังที่ทำให้หลุดประโยคถัดไปออกมา อาจจะคิดว่าเรายังไม่มีหลักฐานก็ได้

“มึงขู่กู! รู้ไหมพ่อกูเป็นใคร”

“ไม่ได้ขู่”

โอบทำหน้าหน่าย สบตากับผมอย่างขำปนรำคาญ ซึ่งผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน

... สมัยนี้ยังมีคนใช้ข้ออ้างนี่อยู่อีก! ล้าหลังสุดอะไรสุด แต่เมื่ออีกฝ่ายอยากเล่นไม้นี้ โอบก็ย้อนศรกลับไปได้ด้วยธนูดอกเดียวกัน

“เคยได้ยินนามสกุลนี้ไหม”

... นามสกุลพ่อเลี้ยงของโอบ ซึ่งผมรู้จักนานแล้ว รู้ว่ากว้างขวางประมาณหนึ่ง โอบก็ไม่เคยจะขยายความอวดอะไรให้มากไปกว่านี้ แต่เสี่ยน็อตนั่นแหละที่ให้ข้อมูลผมสดๆ ร้อนๆ ว่าธุรกิจ กิจการอะไรแถบเทือกนั้นต้องพึ่งสายสัมพันธ์กับตระกูลนี้อยู่พอสมควร คงรวมกิจการบ้านคนที่หลุดมาดนักเรียนนอกสุภาพเรียบร้อยตอนแรกมาขึ้นกูมึงอยู่อย่างนี้ด้วย ถ้าเขาทำอะไรให้กระทบธุรกิจที่บ้าน โดนเฉ่งยับแถมตัดเงินแน่ๆ

ผมมองอีกฝ่ายเริ่มหน้าซีด และยิ่งถอดสีเมื่อระลึกได้ว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร

“ถ้าคุณคิดจะเล่นโป๊กเกอร์ จำไว้ว่าผมมีเอซ”

เท่านั้นก็คงชัดเจน โอบดึงมือผมเบาๆ เราเดินออกจากตรงนั้นอย่างไม่เหลือธุระอะไรคั่งค้างอีก แต่ยังได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังมา คงเป็นความพยายามเฮือกสุดท้าย

"... อะไรที่มันมีพี่ก็มีได้ หามาได้ มันดีกว่าพี่ตรงไหน!”

ผมรู้ว่าบ้านเขารวย เขาก็สบายเพราะที่บ้าน ไม่ใช่น้ำพักน้ำแรงตัวเองสักนิด เขาไม่รู้เหมือนที่ผมรู้ด้วยซ้ำ ว่าโอบไม่ได้ยุ่งกับกิจการที่บ้าน เพราะถือว่าไม่เหมาะที่ลูกเลี้ยงจะเข้าไปก้าวก่ายมาก ปล่อยให้ญาติๆ ฝ่ายพ่อทำไป แม่ก็ช่วยได้ในฐานะภรรยา ขนาดรถที่พ่ออยากซื้อให้เมื่อเรียนจบโอบยังเอาเงินเดือนมาผ่อนคืน เพราะฉะนั้นถ้าว่ากันตามแต่ตัวเลข เขาอาศัยเงินที่บ้านจะนับว่ารวยกว่าเงินเดือนเภสัชกรโรงพยาบาลรัฐของโอบก็ไม่ผิด

แต่ผมตอบได้ ตอบได้อย่างไม่ลังเลด้วย

"มันไม่มีทางมีอะไรที่พี่ไม่มีได้หรอก!”

ผมเหลียวไป พูดช้าๆ “ถ้าถามว่าดีกว่าตรงไหน ดีกว่ามากแบบสาธยายไม่หมด เลยไม่พูด แต่เขามีที่คุณจะไม่มีอีกแล้วแน่ๆ คือ ผม

เสร็จสิ้นกันเสียที คงไม่มีมากวนใจอีก ขึ้นรถได้ผมก็ถอนใจเฮือก โอบเร่งแอร์ให้เย็น ขากลับคอนโดเราไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ไม่ใช่ด้วยความมึนตึง มีบางครั้งหลังจากเจออะไรเหนื่อยๆ อะไร... ที่ทดสอบความสัมพันธ์และร่วมฝ่าฟันกันมาแล้ว เราก็อยากจะนั่งอยู่กับคนที่เรารักและรักเราเงียบๆ... มีเพียงความเข้าใจลอยอวลในอากาศ


... แต่พอถึงห้องอีกฝ่ายก็รวบผมไปกอดไว้แน่น และผมก็กอดตอบ... แน่นพอกัน

เรายืนนิ่งๆ กันอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง หลังโอบพิงบานประตู มือลูบหลังผมอยู่เบาๆ

“นี่... ทำไมเชื่อ...” ผมถาม ลองคิดดู บอกเสียแน่นหนา จะไม่กลับไปเจอ แต่เห็นเข้าตำตาขนาดนี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีแวบขึ้นมาบ้างแหละว่านัดกันลับหลังหรือเปล่า

“ไม่เคยทำอะไรให้ไม่เชื่อ” อีกฝ่ายตอบอ่อนโยน
 
“จริงๆ สิ...”

“นี่ก็จริงๆ” เสียงหัวเราะสั่นสะเทือนจนมาถึงผม เมื่อผละออกมองหน้ากัน โอบถึงได้พูด “... ตอนแรกก็มี... จี๊ดๆ บ้าง ตอนแรกนะ แต่พอเดินเข้ามาใกล้อีกหน่อย...”

ผมรอให้พูดต่อ อีกฝ่ายก็หยุดไปนานจนบอก “เดินเข้ามาใกล้ เห็นสีหน้า...”

ผมคงทำหน้างง เพราะโอบก็ยิ้มอีก ก่อนเอ่ย “โอบว่า โอบรู้จักแทคนะ”

ความเชื่อใจมาจากการไว้ใจ รู้แน่ว่าเขาไม่มีทางทรยศเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่... ต้องเริ่มจากการรู้จักกันดีเสียก่อน ไม่ใช่เฉพาะกับคนที่เป็นแฟน แต่กับเพื่อนสนิทที่กระโจนเข้าแก้ตัวแทนเราเวลาถูกคนอื่นใส่ความ พ่อแม่ที่คอยปกป้อง ให้กำลังใจจนเราลุกขึ้นยืนใหม่ได้... ก็เหมือนกัน

“รู้จักสีหน้า ท่าทาง ตอนคิดเรื่องงาน ตอนคุยกับแม่ ตอนเครียด ตอนเหนื่อย ตอนหิว... แล้วก็หน้าตาตอนมีความสุข”

ถ้าพ่อแม่เป็นคนที่รู้จักเราดีที่สุด เพื่อนเป็นคนที่เรา ‘อยาก’ ให้รู้จักเราดีที่สุด คนรักก็คงเป็นคนที่เรา ‘หวัง’ ว่าจะรู้จักเราดีที่สุด...

"ตอนนั้นน่ะแทคทำหน้าไม่เหมือนตอนอยู่กับโอบ ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ..."

ผมถอนใจยาว กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกหน่อย คงไม่มีทาง... ไปทำหน้าตามีความสุขอยู่กับผู้ชายคนไหนได้อีกหรอกชีวิตนี้

"มันจบไปนานแล้วโอบ นี่ก็แค่... ปิดคดี"

อีกฝ่ายหัวเราะ "ขุดหลุมฝังมิดเลยนะ"

"อืม"

"ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลยนะ"

ผมพยักหน้า อดยิ้มตามไม่ได้ จะให้ถ่วงน้ำ ลงยันต์เลยไหมล่ะ

"แน่นอน..."


เราทำมื้อเย็นกินกันอย่างง่ายๆ เมื่อถามถึงสาเหตุที่กลับมาเร็ว โอบก็บอกว่า

“เขายกเลิกสัมมนาช่วงบ่าย... มีคนอยู่เที่ยวต่อ นี่กลับมาเลยเผื่อจะทันไปลอยกระทง”

สรุปพังหมดทั้งลอยกระทงเซอร์ไพรส์ ทั้งการซื้อของกินมารับคนกลับจากต่างจังหวัดของผม หรือเราควรจะลอยในอ่างล้างจาน?... แต่ไม่รู้จะเอาอะไรมาเป็นกระทงดี ฝาหม้อ? แล้วให้ถือทุกอย่างเป็นรูปสมมติไปตามคำพระท่านว่า

“แต่ไม่ลอยก็ไม่เป็นไร” อีกคนกินข้าวไม่รู้ไม่ชี้ “... เพราะได้อย่างที่ขอหมดแล้ว...”

... เสร็จแล้วย้ายวิกไปโซฟาหน้าทีวี โอบปล่อยผมครองรีโมตส่วนตัวเองลงนอนหนุนตักเหยียดยาว แป๊บเดียวคงหลับ เพราะเหนื่อยมาจากขับรถข้ามหลายจังหวัด

เถอะ... เดี๋ยวค่อยปลุกไปอาบน้ำ

ผมหรี่เสียงทีวี ก้มลงมองใบหน้าของคนที่หลับตานิ่ง ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อน... หรือเพราะเริ่มชีวิตการทำงาน มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบ แต่ที่จริงคนตรงหน้านี้ก็ทำตัวพึ่งได้มาตั้งนานแล้ว อาจจะเป็นมุมมองของผมเองที่เปลี่ยนไป ไม่ได้เห็นโอบเป็น ‘เด็กข้างบ้าน’ ‘เด็กห้องตรงข้าม’ ‘เด็กที่แม่ฝากให้ดู’ เหมือนแต่ก่อน

ความผูกพันนั้นยังคงอยู่ เพียงแต่เป็นพื้นฐานของความรักที่ต่างออกไป เป็นคนที่จะอยู่ร่วมชีวิตด้วยกัน...

... ภาพในจอโทรทัศน์เป็นรายการพาชิมของอร่อยภาคใต้ พิธีกรลุยสวนเข้าไปหาแม่ครัวถึงในบ้าน แต่เสียงหนึ่งกลับแวบเข้ามา แจ่มชัดในความทรงจำ


'... พันติ๊ด พันติ๊ดแปลว่าอะไร...'

เป็นคำถามที่เด็กตะบอยถามมาพักหนึ่งแล้วโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ถามอยู่ได้ทุกวันมาสองอาทิตย์กว่า
   
'พันธิตร พันธิตร...' จำได้ว่าผมพูด ย้ำๆๆ อยู่นั่นแหละ ตอนนั้นคิดว่าถ้าเด็กนี่จะมากินข้าวบ้านผม อ้อนแม่ผม อย่างน้อยก็ต้องเรียกชื่อลูกเจ้าของบ้านถูกหรือเปล่า แล้วทีกับชื่อเล่นผมน่ะเรียกได้ พอตามหลัง พ พาน ดันออกเสียง ท ทหารไม่ได้เสียอย่างนั้น  ‘พัน-ทิด...’

'พันติ๊ดแปลว่าอะไร...'

'ไม่บอก... จนกว่าจะเรียกถูก'



ผมไล้นิ้วไปตามกรอบหน้าเคยคุ้นแผ่วเบา แต่คนที่นอนนิ่งกลับเอื้อมมาจับเอาไว้ยกแนบริมฝีปาก พูดทั้งยังหลับตา
 
"พันธิตรแปลว่าอะไร..."

ผมยิ้ม โอบก็จำได้ ตอนนั้น... “แล้วตอนนี้รู้หรือยัง”

อีกฝ่ายยกยิ้มเหมือนกัน เรียกให้ผมก้มลงไปหาเพื่อกระซิบริมหู
 
ความรัก... เป็นมาตั้งนานแล้ว...

“รักขนาดไหน เทียบกับอะไรดีน้า...” ผมหลุดปากออกไปแล้วจึงเพิ่งนึกได้ คำถามนี้เคยถามคนมาก่อน

ตอนนั้นได้คำตอบอย่างไม่ใส่ใจ '... อยากเทียบกับอะไรก็รักมากเท่านั้นแหละ' ซึ่งเป็นคำตอบเพลย์บอยและเพลย์เซฟมาก แปรตามคุณค่าที่เราให้ตัวเอง เพราะตอนคิดว่าเขายังรักเราอยู่ ก็หัวใจพองโต สำคัญตัวเท่าฟ้าเท่าจักรวาล

แต่ยิ่งนานไป ยิ่งรู้พฤติกรรมตอนหลังๆ ยิ่งตีค่าตัวเองต่ำลงทุกทีแล้วมันก็คงเหลือเท่า... เท่าอะไรไม่รู้ เท่าถุงเท้าเก่าๆ ข้างหนึ่งก็ได้ พร้อมโละทิ้ง แต่พอหยิบมาใส่ก็ยังสบายเท้าอยู่

ผมเลยเดินออกมาก่อนที่จะทันถูกทิ้งลงถังขยะจริงๆ กลับบ้านไปหาพ่อแม่ เจอพี่อิท ตอบรับคำชวนมาทำงานกรุงเทพฯ เพื่อให้ห่างไกลความคิดฟุ้งซ่าน... นับเป็นการตัดสินใจดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

เพราะผมได้เจอโอบ

โอบยังจับมือผมเอาไว้ ลูบวนอยู่เบาๆ ตอบว่า "ไม่รู้สิ... เทียบกับอะไรไม่ได้หรอก ไม่เทียบดีกว่า”

“นี่...” ผมเรียกหลังจากผ่านไปอีกครู่ “ปีใหม่นี้ กลับบ้านกันนะ”

โอบยิ้ม หลับตาลงอีกครั้งหนึ่ง “คิดว่าจะไม่ชวนซะแล้ว”

ผมหัวเราะ ในใจมีคำตอบ

เพราะผมก็รัก จะรัก... แบบที่เทียบกับอะไรไม่ได้เหมือนกัน


ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
คุณ goosongta เนอะ ^^ ตอนนี้แทคก็ยังชัดเจนต่อไป ฮา

คุณ Naenprin ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามนะคะ แทคก็อยากให้เพื่อนได้แฮปปี้เอ็นดิ้งเหมือนกันนะ บทหน้าก็จบแล้วเนอะ แล้วเรามาเจอกันใหม่ ฝากด้วยค่า

คุณ NewYearzz แทคกลัวโอบเสียมือค่ะ 55 แต่โอบพร้อมนะ เท่านี้ก็คงไม่กลับมาแล้วนะ ขอบคุณนะคะที่ชอบ ฝากอ่านต่อด้วยน้า สุดท้ายละ

คุณ Wordslinger ตอนแรกปรี๊ดค่ะ ต่อมาเห็นแทคไม่ค่อยแฮปปี้เลยนึกได้ 55 ส่งวิญญาณลงหม้อไปเลย

คุณเฉาก๊วย คู่นั้นลงเอยกันซะที คู่นี้ก็โอนะ

คุณ BeeRY กร๊าก งอนก็ไม่ได้งอนด้วยซ้ำไปนะนี่ รวมพลังจัดการตาคนเก่าดีกว่า คนอ่านก็ไล่จริงๆ ภัคกับเสี่ยน็อตนี่ดีนะ เสี่ยดูช่างเอาใจ 555

คุณ kyoya11 เกือบเป็นแต่ไม่เป็นค่ะ เราต้องมาตั้งหลัก

คุณ mesomeo2 หน้ามืดหิวล่ะมากกว่าเนี่ย ยังใจเย็นอยู่ อิอิ

คุณ lizzii เนอะ ปลื้มใจที่คนอ่านเชื่อว่าจะใจเย็นพอ ฮา เสี่ยก็สมควรได้แฮปปี้เอ็นดิ้งเหมือนกันนะ

คุณ Gokusan ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า อยากเอาชนะจริงๆ อะคนนั้นน่ะ แม่เสี่ยตอนแรกแอบตกใจ ตอนนี้ทำใจได้แล้ว 55 เอาถ่วงหม้อไปเลยวิญญาณในอดีตนั่นน่ะ

คุณ malula ถ้าได้แฟนดีขนาดนี้กลับไปหาคนเก่านี่ต้องป่วยไรสักอย่าง 55 ตัดสินใจผิดพลาด? จริงๆ นะ ดีใจกับภัคและเสี่ยน็อตที่หากันจนเจอ (ด้วยความช่วยเหลือของแทค ฮา) ภัคก็จะชิลๆ กับชีวิตมากขึ้นได้ละ

คุณ Theomen ขอบคุณค่ะที่เชื่อใจโอบ ฮ่าๆ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านเหมือนกันค่า ฝากต่อด้วยน้า ตอนหน้าสุดท้ายแล้ว

คุณ Mancha KHIRI อย่าลืมเข้ามาอ่านนะค้า ขอบคุณค่า

คุณนอนกินแรง ทุกคนต่างดีใจกับเสี่ย 555 ไม่ทะเลาะนะไม่ทะเลาะ รักกันๆ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ

คุณ Arancia ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ น้องโอบยังใจเย็นอยู่ค่ะ ไว้ใจได้ อิอิ

คุณคีรี~มัญจาโร ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ แทคเป็นคนเรื่อยๆ นะ แต่เมื่อก่อนก็กลัวความรักประมาณหนึ่ง น้องไมค์นี่เป็นเพื่อนพระเอกที่ออกไม่เยอะ แต่เธอฮา เสี่ยน็อตด้วย 555 ต่อไปน้องไมค์ก็คงรู้เนอะคนเขียนว่า เล่าจากมุมมองแทค คนอ่านก็เลยจะเจออะไรเหมือนที่เจ้าตัวเจอและรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ผ่านเขา คือกับภัคก็เป็นเพื่อนกันมานาน เป็นคนที่ไม่ค่อยแชร์อะไรกับเราแต่เราก็เข้าใจและเป็นเพื่อนเราอยู่ดี 55 ความโรแมนติกมันอยู่ในความคิดและความรู้สึกก่อนแล้วจึงถ่ายทอดออกมาเป็นการกระทำ ซึ่งบางทีก็ไม่ต้องเยอะเนอะ เอาความรู้สึกเป็นหลัก จริงๆ เรื่องนี้อยากให้อ่านสบายๆ ค่ะ เป็นเรื่องที่ยังมองโลกในแง่ดี มีความหวังอยู่ ไม่มืดมนอะไรมาก คือแทคก็มีโมเมนต์คิดไปเรื่อย (ห้วงรำพึง นั่นแหละ) เล่าจากบุรุษที่หนึ่งนี่เนอะ ขอบคุณนะคะที่เห็นว่ามันเป็นเรื่องโรแมนติก อิอิ

คุณ Aoya น้องโอบอยากหึงเหมือนกันนะแต่คงไม่หน้ามืด อิอิ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า

คุณ PEENAT1972 ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ

คุณ sunshine538 คุณพ่อไมค์คงคิดถึงลูกสาวบ้างอะไรบ้าง เสี่ยสละโสดไปสักที จริงค่ะ ภัคก็อยากอยู่กับคนที่ทำให้สบายใจนะ ร่วมมือกันกำจัดวิญญาณจริงๆ 55

คุณ ReiSei ขอบคุณค่ะที่เชียร์เสี่ย เสี่ยได้มีแฮปปี้เอ็นดิ้งสักที โอบเป็นปัจจุบัน เป็นคนเดียวด้วย 555 นี่ก็คงไม่กลับมาแล้วแหละ

คุณ drasil ขอบคุณมากนะคะ ฝากอ่านต่อด้วยน้า

คุณ iforgive ถูก แต่นี่ไม่รู้ว่าจัดหนักยัง 55 ก็ถ้ามายุ่งมาทำอะไรอีกไม่ได้เบี้ยเลี้ยงแน่ชีวิตแย่เลยนะนั่น

คุณ akichan ขอบคุณมากค่ะสำหรับการอ่าน ดีใจที่ชอบน้า

คุณ dekzappp ขอบคุณมากที่แวะมาอ่านค่า มันเรื่อยๆ นะ แต่ก็อยากให้อ่านสบายๆ ค่ะ คนเขียนก็ชอบโอบ ฮา ฝากอ่านต่อด้วยน้า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ถึงคนเขียนจะงานยุ่งเหยิง ก็ดีใจทุกครั้งที่มีเวลาได้เขียน ได้มาลงตอนใหม่ ได้เจอคนอ่าน ตอนหน้ามาส่งท้ายกันเนอะ น่าจะมาเกือบครบทุกคนนะคิดว่า 555

ขอบคุณมากๆ ค่า กอดถ้วนทั่ว
  :กอด1:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :-[ คู่นี้หวานซะนะ อิจฉาอ้าาาาา  :impress2:

รออ่านตอนจบค่ะ :L2:

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
เป็นความรักแบบผู้ใหญ่
อบอุ่นหวานละมุน
เหมือนดื่มชอคโกแลตร้อนๆ

aekporamai2

  • บุคคลทั่วไป
^__________________^

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
อบอุ่นอ่อนโยน โอบช่างน่ารัก การเชื่อใจสำคัญจริง ๆ

รักษาสิ่งที่คนอื่นไม่มีวันมีอีกแล้วให้ดีนะ  :กอด1:

มีความสุขมากครับสำหรับตอนนี้

รอตอนต่อไปครับ  :L2:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
เคลียร์...ชัดนะ พ่อคนไม่รู้ว่าลูกใคร
คนโกรธแบบเย็นชาน่ากลัวกว่าคนโวยวายเสมอ
ขุดหลุมฝังวิญญาณให้ไม่ได้พบพานอีกเลย...แม้เฉียดก็ไม่ได้!!

ตอนหน้า...สุดท้าย
รอเจอความสุขส่งท้าย ^^V

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
จะจบแล้ว ชอบเรื่องนี้จัง อ่านแล้วละมุนละไมดี
มีลุ้นเล็ก ๆ ไปด้วย อยากให้รวมเล่มจัง เรื่องก่อนหน้าด้วย
รอยรักจำหลักใจน่ะ

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
ทึ่งในความงามของเรื่องนี้ ทั้งความคิดทั้งอักษร ยกนิ้วให้โอบที่เป็นพระเอกเจ้าปัญญา ไม่คิดเล็ก ไม่คิดน้อย ไม่คิดมาก ไม่สรุปเอาเอง เข้าใจว่าแทคเป็นอย่างไร และไม่ทำให้เรื่องเลวร้ายลงไปกว่าเดิม

ปรี๊ดมากตอนไอ้คุณแฟนเก่ามันบอก "รู้ไหมลูกใคร" โฮะ...เห็นด้วยเลยค่ะว่าสมัยนี้ยังมีใครใช้มุขนี้อยู่อีกหรือ เลยสะใจมากเมื่อโอบใช้หมัดเดียวกันฮุกเข้าปลายคาง!

คราวนี้ปีใหม่ชวนกลับบ้าน คาดว่าคุณแม่คงดีใจ  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โอบช่างเป็นแฟนที่ประเสริฐอะไรเช่นนี้ ทั้งรักและรู้จักตัวตนจริง ๆ ของแทค
นำมาสู่ความเข้าใจและพร้อมที่จะปกป้อง หายากแท้ ๆ แฟนแบบนี้

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ปิดประตูใจ ไม่มองใครอีกแล้ว
รอตอนสุดท้ายครับ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คิดถึงโอบกับแทคมากกก
ตอนนี้สวีตแบบมีชั้นเชิงมากๆ ทั้งตอนเคลียร์กับแฟนเก่าแทค
แล้วก็ตอนที่อยู่กัน 2 คน น่ารักมากกก

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew2:

กลับมาแล้ว ดีใจจังเลยค่ะ

หายไปนานเลย

กลับมาก็ยังคงความหวานอยู่นะ แม้จะไม่มากไม่มายอะไร

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
เป็นไงล่ะพี่ หน้าหงายไปเลย
ตอนนี้โอบหล่อมากจริงๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
โอบกับแทคสุดยอดเลย ปิดคดีอย่างสวยงาม o13

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
กะแล้ว น้องโอบมีเหตุผลให้พี่แทคเสมอ
จะเปลี่ยนชื่อน้องโอบเป็นน้องแมนแล้ว เพราะน้องแมนมากๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
เด็ดขาดมากค่ะลูก แม่ปลื้ม

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
รู้สึกอิ่มเอมใจ  (เอ่อ ใช้คำนี้ไม่แก่เกินไปหรอกเนอะ :mew5:) ก็แทคกับโอบหวานขนาดนี้ คนอ่านก็รู้สึกอย่างอื่นไม่ได้แล้วนอกจากอิ่มเอมใจ :o8:
เพิ่งรู้ว่าโอบไม่ธรรมดาเลยนะฮะ อีตาคนเก่าหงายเงิบเลยสิ ไปๆชิ่วๆ อย่ามาวุ่นวายเดี๋ยวเจอของจริงจะคอยสมน้ำหน้าให้ สะใจจริง :laugh:
ตอนหน้าจบแล้วเหรอฮะ ใจหายเลย แต่ก็จะรอนะฮะ :กอด1:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ขอบคุณค่ะ หวานกำลังดีเลยเชียว แอร๊ย!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
เรื่องนี้อ่านแล้ว รู้สึกเรื่อยๆมาเรียงๆ ภาษาสวย อ่านง่ายมากเลย รู้สึกถึงความรักของคนสองคนอ่ะ ไม่รีบร้อน อ่านแล้ว สบายใจสบายตามากเลยค่ะ

ยกนิ้วให้เลย

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 22

“โอ้ย หรอย!”   

ภัคนั้นเป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด แต่เนื่องจากคบค้าสมาคมกับผมมานานจึงติดภาษาถิ่นใต้มาใช้ด้วย ถ้ารู้สึกว่าสื่อสารถึงใจกว่า หรอยนี่ก็ใช้หลายอย่าง ตั้งแต่อร่อย ได้ใจ มันใช่ อะไรก็ว่าไป

“น่าจะอยู่ด้วยตอนนั้น... แต่เจอเข้าแบบนี้ก็คงไม่กล้ามากวนใจอีกล่ะ ได้ข่าวมาว่ายังมีหนี้สินรุงรัง... อยู่ที่โน่นก็เคยติดพนัน ไม่ได้เงินที่บ้านช่วยนี่ตายแน่ๆ ตีถูกจุดสุดๆ!”

โอบวางแก้วน้ำ ยิ้มเฉยเสีย... นับว่าคำเปรียบเรื่องเล่นโป๊กเกอร์ได้ผลสองเด้ง ผมแน่ใจอย่างภัคบอก... หน้าตึกออฟฟิศนั้น คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ต้องข้องแวะหรือเจอะเจอ
 
เรานัดกินข้าวกลางวันกันสี่คนวันนี้ ก่อนหยุดสิ้นปีที่ผมกับโอบจะกลับบ้าน ไม่ได้ถามว่าภัคมีแผนฉลองปีใหม่อย่างไร ที่รู้แน่คือ... กับใคร เสี่ยน็อตกระหืดกระหอบเข้าร้านตรงมานั่งข้างเพื่อนผมพร้อมทั้งขอโทษขอโพยที่เสร็จธุระกับลูกค้าช้ากว่าที่คิด
 
ภัคไม่ได้ว่าอะไร ทั้งๆ ที่นิสัยทนายคือตรงเวลาแทบจะเป็นวินาที คนก่อนๆ นี้อาจมีเปรยต่อหน้าให้รู้กันไป แต่เรามักมีข้อยกเว้นให้ใครบางคนเสมอ... ซึ่งผมคิดว่าพื้นฐานของข้อยกเว้นนั้นมาจากความไว้ใจกันส่วนหนึ่ง ถ้าเชื่อว่าคือเหตุสุดวิสัย ไม่ได้ไปเถลไถลนอกลู่ทางที่ไหน หรือไม่ใส่ใจจะมาให้ทัน ก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ถือสาได้ทั้งนั้น

พอบริกรทวนอาหารที่สั่งเสร็จ ภัคก็มองๆ แล้วว่า “เฮีย... ถ้าจะกินเยอะขนาดนี้เดี๋ยวต้องเบิร์นออกบ้างละนะ”

“เยอะอะไร้” เสี่ยน็อตก็เสียงสูง ก่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง “อ้อ เย็นนี้อย่าลืม ต้องไปกินข้าวกับเฮียที่บ้านหม่าม้านะ บ่นไม่ได้เจอนานแล้ว ภัคงานยุ่งตลอดเลย”

“ตอนเย็นเฮียก็กินเยอะอีก”

“กินน้อยหม่าม้าก็งอนสิ ภัครอดอยู่แล้วนี่ หม่าม้ารักจะตาย”

เสียงเสี่ยน็อตสะบัดสะบิ้งได้อีก ผมกับโอบสบตากันแล้วแอบอมยิ้ม 

“ถ้าเฮียรู้ว่าตอนเย็นต้องกินเยอะอยู่แล้ว ตอนกลางวันจะกินเยอะทำไมล่ะ ร้านอยู่ชั้นสองเอง ขึ้นบันไดมาแค่นี้หอบแล้วเห็นมั้ย ไม่ออกกำลังแล้วเป็นยังไง” 

“เฮียหอบ... แดด...” เสี่ยน็อตไปได้ข้างๆ คูๆ “มันร้อน รีบมาหาภัค...”

“เฮียเป็นเจ้าลัคกี้เหรอ” ภัคถาม แต่มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ เจ้าลัคกี้คือหมาเซนต์เบอร์นาร์ดที่บ้านเสี่ยน็อต ซึ่งแน่นอนว่าหลงเสน่ห์ภัคตามทั้งตัวเจ้าของและหม่าม้าเจ้าของไปแล้วเรียบร้อย “ไม่รู้ล่ะ พรุ่งนี้เช้าจะมารับไปวิ่ง แต่งตัวรอด้วย”

... เสี่ยไม่ได้น้ำหนักเกิน อวบอ้วนอะไรอย่างชัดเจนหรอก ตี๋ขาวตามเชื้อสาย พอขยันแต่งตัวเข้าหน่อยก็ยิ่งกว่าดูได้ แต่คอเลสเตอรอลมันไม่เข้าใครออกใคร เมื่อมาอยู่กับกูรูด้านฟิตเนสและสุขภาพอย่างภัคก็เป็นธรรมดาที่จะโดนเคี่ยวเข็ญ และเป็นธรรมดาอีกเหมือนกันที่คนทำอาหารมักจะชอบกิน เสี่ยเลยมีอาการอิดออดพอให้เห็น

ผมแสนจะเข้าใจเสี่ย เพราะตัวเองจากนอนเลื้อยเป็นตัวขี้เกียจวันหยุดนี่ก็ถูกลากออกไปวิ่งเช่นเดียวกัน (วันอาทิตย์นั้น หลังโอบเสร็จภารกิจอักษรไขว้เรียบร้อยแล้ว) แถมตอนเย็นบางวันอีก เป็นเรื่องที่โอบเข้ากับภัคได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ถึงจะไม่ขนาดเข้าฟิตเนสอะไรก็ตามทีเถอะ

 “จะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ...” ภัคว่า เสียงอ่อน เอื้อมมือไปจับแขนคนข้างตัว แล้วเสี่ยก็ยวบเชียว

จริงๆ ไม่ใช่ผมไม่เคยเห็น คือพอลงพูดด้วยหน้าตาอย่างนี้ น้ำเสียงอย่างนี้ ร้อยทั้งร้อย (หรือไม่อย่างนั้นก็เก้าสิบเก้า) ยอมภัคหมดนั่นแหละ ผิดกันแค่ว่าเมื่อก่อนภัคจะใช้เพื่อยังประโยชน์มาทางตัวเอง ไม่ว่าจะอ้อนให้ไปไหนต่อด้วยกัน หรือตรงกันข้ามคืออยากชิ่งกลับบ้านเพราะคนที่คุยด้วยนั้นน่าเบื่อสุดพรรณนา แต่คราวนี้... ไม่ได้ใช้เพื่อตัวเองแล้ว

โอบกับเสี่ยน็อตดูมีเรื่องให้คุยกันไปได้เรื่อยๆ อายุห่างกันไม่เป็นปัญหา ผมมองเพื่อนที่นั่งตรงข้าม ถึงจะบ่นไปก่อนหน้า แต่พออาหารมาถึง ก็ตักของชอบให้คนข้างๆ อยู่ดี นึกดีใจ ที่ทุกอย่างลงตัว... เหมือนจิ๊กซอว์ เพื่อนผมอาจจะเป็นชิ้นที่มีลวดลาย มีสีสันสักหน่อย แต่บางทีในภาพ ชิ้นส่วนแบบนั้นก็อยู่ข้างกันกับชิ้นที่เรียบๆ ไม่ฉูดฉาดอะไร เพียงแต่มันต่อกันได้พอดีแบบที่ชิ้นอื่นมาแทนไม่ได้เท่านั้น

มาด หรือการระมัดระวังตัวอะไรบางอย่างที่เพื่อนผมเคยมี... บางทีเป็นไปเองโดยไม่รู้ตัว เพราะยังวางใจลงไม่ได้สนิท หรือ... ยังหาชิ้นส่วนที่พอดีนั้นไม่ได้ แต่พอเจอแล้ว การแสดงออกทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติอีกเหมือนกัน

... และผมว่า ผมชอบเวลาที่ภัคอยู่กับเสี่ยน็อตนะ


ตอนบ่าย ผมกลับไปจัดการงานที่บริษัทเป็นวันสุดท้าย ส่วนโอบได้หยุด จึงแยกไปซื้อของฝากลงใต้ที่รับอาสาเอาไว้ตั้งแต่วันก่อนหลังจากขึ้นไปทักพี่อิทกับครีมเรียบร้อยแล้ว

ก่อนสมัครเข้าอบรมและฝึกงานเพื่อให้มีสิทธิ์สอบใบประกอบโรคศิลปะของจิตวิทยาคลินิกได้นั้น ผมจะเริ่มช่วยงานอาจารย์เตรียมความพร้อมไว้ทั้งตรวจวินิจฉัยและบำบัด ท่านเคยสอนผมที่เชียงใหม่ แต่ผมเพิ่งรู้จากแป๊วว่าอาจารย์ย้ายมาทำงานที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เมื่อไม่นานมานี้เอง โชคดีที่อาจารย์รับว่าจะช่วยดูเรื่องต้นสังกัดและอื่นๆ ต่อไปให้ เพราะขาดคนอยู่เหมือนกัน

ระหว่างนั้นว่าจะอ่านหนังสือฟื้นฟูความรู้ด้วย จะได้ไม่ล้าหลังคนอื่นๆ ที่ถ้าไม่เพิ่งจบ ก็ทำงานด้านนี้มานานจนเชี่ยวชาญ แต่ผมไม่ได้รีบร้อนหรือจะประเมินตัวเองสูงเกินเหตุอะไร ถ้าปีหน้ารู้สึกว่าไม่ทันหรือยังไม่พร้อมจริงๆ ค่อยสอบปีต่อไปก็ได้

ผมบอกพี่อิทไว้แล้ว เพื่อไม่ให้ลำบากถ้าจะต้องรับคนมาแทน เห็นสัมภาษณ์ประปรายเหมือนกัน แต่พี่อิทยังไม่ได้ตกลงรับใคร บอกว่างานตอนนี้ยังไม่ค่อยยุ่ง มีเวลาเลือกคนต่ออีกหน่อย

“ที่จริงใกล้ปลายปี ลูกค้าลงเอยกันไปได้หลายคู่แล้วนะ” พี่อิทว่าเสียงใส “บอกแล้ว เรียบร้อยดีทุกอย่าง”

ผมพยักหน้า ยิ้มให้พี่อิท พี่อิทคงอยากให้ผมสบายใจ... ผมเองก็พยายามสะสางงาน ถ่ายทอดครีมให้ได้มากที่สุด ไม่อยากทิ้งงานที่ควรจะจัดการได้เป็นภาระทั้งคู่ ผมไม่เคยลืมว่า พี่อิทเป็นคนชวนผมมาทำงานที่กรุงเทพฯ ให้ได้ตัดสินใจออกมาจากการหลบอยู่กับบ้าน กับตัวเองในตอนนั้น... ประสบการณ์งานที่นี่ทำให้ได้พบ ได้รับรู้ปัญหา แล้วก็ได้มีส่วนช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านจิตใจอยู่ไม่น้อย ทำให้จิตใจผมเองค่อยๆ แข็งแรงขึ้นบ้าง จนมาเจอคนของผม จนแน่ใจว่า ความรักแท้จริงแล้วนั้น จะไม่ทำร้ายกันให้เจ็บปวดทั้งร่างกาย คำพูด และจิตใจ

ถึงต่อไปผมจะต้องบำบัดคนที่มีรอยแผลในชีวิตมากกว่านี้ แต่ที่นี่ก็ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรไปมากมายเหมือนกัน และจะอย่างไร... ปัญหาด้านความรักก็ยังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนเราเสมอ

“อาจจะเริ่มยุ่งอีกครั้งช่วงใกล้วาเลนไทน์” ครีมบอกพลางหัวเราะ “เดือนกุมภาเป็นเดือนที่ยุ่งที่สุดอยู่แล้ว ทั้งสองฝั่งเลย”
 
ผมยังจำได้ กุมภาที่แล้วครีมอัพทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของบริษัทว่า... ไม่มีใครอยากไร้รักในเดือนแห่งความรัก ที่จริงก็คงไม่มีใครอยากไร้รักในทุกๆ เดือน แต่เดือนกุมภาเป็นเดือนที่มีจำนวนวันน้อยที่สุดของปี และถ้าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น ก็คงมีโอกาสมากกว่าเดือนที่มีสามสิบหรือสามสิบเอ็ดวันอยู่นิดหน่อย... ละมั้ง

ครีมมองแฟ้มสุดท้ายที่อยู่บนโต๊ะของผม ลูกค้าคนสุดท้ายที่ยังคงไม่มีคู่ในปลายปีนี้ และยังรักษาอันดับหนึ่งเหนียวแน่นในการอยู่ในบัญชีได้นานที่สุด

... แฟ้มของคุณศรัณย์

“บางที ที่คิดว่าจะง่ายก็ไม่ง่ายเลยนะพี่แทค” ครีมพูดเบาๆ

“คุณศรัณย์ควรขายออกไปตั้งนานแล้ว” พี่อิทว่า “นี่ก็เลือกอยู่นั่น... แต่เข้าใจนะ เขาเลือกได้”

“เลือกแล้วมันจะไม่ถูกใจสักคนเลยได้ไงเจ๊” ครีมบ่น

“เขาก็ให้โอกาสทุกคนแล้วนี่คะน้องครีม ไม่ใช่เขาไม่ออกไปกับใครที่เราหาให้เสียเมื่อไหร่ มันยังไม่ใช่นี่นา จะให้ทำยังไงล่ะ” พี่อิทตอบ หัวเราะนิดๆ

ครีมทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน พอรับแล้วก็ปิดกระบอกเสียงไว้ “พี่แทค คุณศรัณย์”

ผมขยับจะไปพูดสาย แต่ครีมสั่นหัว บอก “คุณศรัณย์มา”


เจ้าของอู่ขึ้นมาพร้อมกระเช้าปีใหม่ใบเบ้อเริ่ม แล้วยังมีของขวัญห่อแยกมาอีก ที่จริงผมแจ้งคุณศรัณย์แล้วถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังปีใหม่... ไม่ว่าครีมหรือพี่อิทจะเป็นคนดูคุณศรัณย์ต่อ ผมแน่ใจว่าคงเป็นไปด้วยดี เพราะครีมก็ตั้งใจแถมเก่งขึ้นมาก ส่วนพี่อิทมีประสบการณ์พร้อม ตอนนั้นปลายสายเงียบไปจนผมต้องพูดซ้ำ ไม่แน่ใจว่าสัญญาณไม่ดีหรือเปล่า

เรานั่งคุยกันตรงชุดรับแขกข้างหน้า หลังจากพี่อิทกับครีมมาทักทาย ต้อนรับเอากระเช้าเก็บแล้วก็กลับไปทำงานที่โต๊ะ เพราะคุณศรัณย์ไม่ได้มีจุดประสงค์จะให้บริษัทช่วยหาคนกินข้าวหรือฉลองปีใหม่ด้วย แค่ ‘อยากคุยกับที่ปรึกษาผมหน่อย จะไม่อยู่แล้วนี่นา’

“ปีใหม่นี้คุณศรัณย์ไปไหนหรือเปล่าครับ” ผมถามหลังจากเอากาแฟไปให้และนั่งลงเรียบร้อย เพราะคุณศรัณย์ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ วางลงแล้วก็ยังไม่พูดอะไร

“ปีใหม่นี้...” คนนั่งตรงข้ามทวน ก่อนยิ้มน้อยๆ “ผมก็คงทำงานน่ะ”

“ทำทั้งปีแล้ว พักบ้างก็ได้ครับ เดี๋ยวสุขภาพจะแย่ไปเสียก่อน”

คุณศรัณย์นิ่งไปอีกนิดจึงถาม “แล้วคุณแทคล่ะ ไปไหนหรือเปล่า”

“... ผมกลับบ้านครับ”

“ที่หาดใหญ่ใช่ไหม” อีกฝ่ายว่า “คนเดียว?”

ปกติถ้าคุณศรัณย์อยากคุยเรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงาน ก็จะถามทีเล่นทีจริงอยู่เสมอ แต่คราวนี้ดูจริงมากกว่าเล่น และผมก็ตอบความจริงเช่นเดียวกัน “กับแฟนครับ...”

คุณศรัณย์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ผมพูดต่อ “แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับที่ผมออก ผมอยากทำงานให้ตรงตามที่เรียนมานานแล้ว ตอนนี้เป็นจังหวะที่ทุกอย่างลงตัว พร้อม พอดี...”

“ผมเข้าใจ” คุณศรัณย์พยักหน้า แต่แล้วก็ถอนใจ บอกว่า “ถามอะไรหน่อยเถอะ คนนั้นเขาคงไม่ใช่ลูกค้า เพราะคุณแทคบอกว่าไม่เดตลูกค้า”

“ไม่ใช่หรอกครับ”

เหมือนคล้ายเริ่มจะเป็น สุดท้ายก็ไม่ได้เป็น ผมไม่คิดว่านั่นเคยเป็นจุดประสงค์แต่แรก... เพราะโอบแค่อยากรู้จักผมให้มากขึ้น แล้วก็รู้จักงานที่ผมทำ เท่านั้นเอง

“อ้อ...” ผมรอว่าคุณศรัณย์จะพูดอะไร อีกฝ่ายเพียงยิ้มนิดๆ ก่อนเอ่ย “ถ้าเป็นลูกค้า ผมคงรู้สึกพลาดกว่านี้” 

คุณศรัณย์ถามถึงภัคต่อ ซึ่งคงรู้ได้อีกเหมือนกันว่าภัคก็ไม่ว่างแล้ว ระยะหลังคงไม่ได้ติดต่อกันด้วยเพราะต่างคนต่างยุ่ง แต่เขาก็บอก

“บางคนเหมาะจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า ภัคเขาก็ดี นิสัยดี ก็ดีแล้ว...”

คุณศรัณย์ดูจะยินดีที่เพื่อนผมได้ลงเอย คุยสัพเพเหระกันอีกเล็กน้อย ก่อนกลับผมเดินไปส่งที่หน้าลิฟต์ 
 
“ผมรู้ล่ะ...” อีกฝ่ายเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ “ผมว่าจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ ต่อไปถ้าผมชอบใคร ไม่มีเผื่อเลือก ไม่มีดูคนอื่นอีกแล้ว”
 
คุณศรัณย์ยื่นมือมาจับกับผมซึ่งยิ้มให้ และอวยพรให้เขาโชคดี

“ขอบคุณนะคุณแทค สำหรับทุกอย่าง ปีใหม่ ก็หวังว่า... จะมีโอกาสใหม่ๆ เข้ามาหาผมบ้างนะ”


“... แค่นั้นเหรอจ๊ะ” พี่อิทถามเมื่อผมกลับเข้ามาแล้ว

“ผมก็บอกให้เขาอย่าหมดหวัง”

‘โอกาสใหม่ๆ’ ของคุณศรัณย์นั่น ลูกค้าใหม่คงเข้ามาอีกปลายมกรา เป็นหน้าที่ของพี่อิทหรือครีมที่จะต้องนำเสนอกันต่อไป
“นี่เป็นตัวอย่าง...” พี่อิทเริ่ม

“ของ...” ครีมต่อ

“... ของสิ่งที่ไม่ควรพูดกับคนโสดค่ะ! เขาแค่ยังไม่มีแฟนนะคะ ไม่ได้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย” พี่อิทพูด ปรายตามาทางผมขันๆ “คนเรายังไม่ตายก็มีหวังทั้งนั้นแหละค่ะ”

“พี่แทคมีแฟนแล้วก็เงี้ย ไม่เห็นใจสาวโสดอย่างเรา” ครีมผสมโรง

เอาเข้าไป... ผมส่ายหัวแล้วลุกไปเก็บล้างถ้วยกาแฟในครัวที่อยู่ติดกัน ความจริงพี่อิทก็รู้ว่าผมหมายความว่ายังไง อยากจะแซวเล่นไปงั้น

แต่พอคิดว่าที่ทำงานใหม่จะไม่มีพี่อิทหรือครีมมาคอยแหย่อย่างนี้แล้วก็อดรู้สึกใจหายขึ้นมานิดหน่อยไม่ได้

พี่อิทเดินตามผมเข้ามาในครัว โอบไหล่ผมไว้ แล้วเราก็ยืนกันเงียบๆ อยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนเธอจะพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย

“ฉันไม่ลานะ... เพราะไม่ได้ไปแล้วไปลับ ใช่ไหม”

ผมพยักหน้า ถึงผมจะไม่มีพี่สาว แต่พี่อิทก็เป็นเหมือนพี่สาวของผมมาตลอด

“รู้ไหม เคยมีช่วงที่ฉันอยากเชียร์คุณศรัณย์อยู่เหมือนกัน”

ผมหันไปมองพี่อิท เธอก็ยิ้ม

“แต่บางที ก็ไม่รู้เขาจะเอายังไง ตัวเลือกเยอะเหลือเกิน ฉันเลยเชียร์คนที่เขารู้ตัวว่าชอบใครแน่แล้วดีกว่า”

ผมหัวเราะเบาๆ “แต่ผมเชียร์พี่อิทนะ เชียร์ตลอด”

พี่อิทก็หัวเราะเหมือนกัน ปีหน้า ปีต่อๆ ไป อาจจะไม่ใกล้ไม่ไกล

... คงจะมีชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ของเราที่ต่อกันได้สนิทพอดีรออยู่

“อ๊าย กอดอะไรกันในนี้ ครีมกอดด้วย” ครีมโผล่เข้ามา แล้วก็เกิดการกอดหมู่ขึ้นในครัวที่แสนแคบนั้น “พี่แทคต้องกลับมาเยี่ยมครีมกับพี่อิทบ้างน้า...”

“น้องครีมเอาอย่างแทคแต่ที่ดีๆ นะคะ อย่าจับอะไรประหลาดมาให้พี่ ไม่ไหวจะตามดูแลค่ะ” พี่อิทยังไม่วายแซะผมเป็นครั้งสุดท้าย

“ใครจะไปรู้เจ๊... พี่ภัคกับเสี่ยน็อตนี่ไง สุดๆ... เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ”

“ยังไงก็แล้วแต่ น้องครีมต้องอยู่ช่วยพี่ไปนานๆ นะคะ...”

“แหม เจ๊ก็อย่าตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปก่อนแล้วกันค่า...”

เสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้น ถ้ามองผ่านประตู ข้ามกระจกใสที่กรุผนังออกไปที่ฝั่งตรงข้าม จะเห็นความวุ่นวายขวักไขว่ พนักงานเดินรับโทรศัพท์กันให้ว่อน ช่วงปลายปีคงยุ่งไม่น้อยสำหรับฝั่งโน้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นฝั่งนี้ หรือว่าฝั่งนั้น ปีหน้าก็ขอให้เป็นปีที่ดี...


ผมลงไปข้างล่างตอนเย็นในเวลาที่นัดกันไว้ โอบก็ขับรถมาจอดเทียบได้พอดี เอื้อมมือดึงประตูรถฝั่งตรงข้ามเปิดออกให้พลางยิ้ม ผมกวาดตามอง ขึ้นรถแล้วก็ยังต้องถาม

“... อะไรกันเนี่ย”

ขาไปก็โล่งดีอยู่หรอก ขามานี่... ถ้าไม่ต้องเว้นที่ไว้ให้ผมนั่งบ้างละก็ ท่าทางข้าวของคงได้ลามล้นเต็มหมดแน่

“ของฝากพ่อแม่ไง” เจ้าตัวก็ตอบไม่รู้ไม่ชี้

“ทั้งหมดเนี่ยนะ” ผมเอาศอกดันถุงกระดาษใบหนึ่งที่เสียสมดุลเอียงมากลับไปเทินอยู่บนกองพะเนินบนเบาะหลังตามเดิม แล้วปิดประตู โอบก็ออกรถ ก่อนคำตอบจะทำเอาผมต้องหันไปมองอีกครั้ง

“... ยังไม่หมด มีท้ายรถอีกหน่อย”

“ไม่หน่อยแล้วมั้ง” 

“แทค กลับบ้านปีใหม่ทั้งทีเราต้องสุดสิ”

โอบเปิดวิทยุท่าทางไม่ทุกข์ร้อน ก็ปกติไม่ค่อยซื้ออะไรนอกจากหนังสือกับของกิน... สิ่งอื่นนั้นตามแต่เจอและคิดว่าผมคงชอบ เช่นเมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่งเอาต้นไม้ใส่กระถางกลับบ้านมา ผมเกือบทำตายไปหนหนึ่งทั้งๆ ที่ก็ดูแลเป็นอย่างดี คนซื้อปลุกปล้ำจนฟื้นคืนชีพแต่แคระแกร็นชอบกล เป็นเหตุให้โอบกล่าวว่านอกจากหนูเรือง ผมนี่ท่าจะเลี้ยงอะไรไม่รอดแล้วในโลกใบนี้ แน่นอนว่าผมเถียง

‘ไม่จริง’

‘เหรอ...’

บางทีโอบก็อยากจะกวนประสาทผมขึ้นมา และทำได้ดีด้วย เนื่องจากแม่มักชอบโทรมาคุยกับคนโปรด ถ้าคุยเฉยๆ ก็ไม่ใช่แม่ จะต้องแพลมเรื่องขายหน้าต่างๆ เมื่อก่อนของผมด้วยอยู่บ่อยๆ พอได้ยินเสียงหัวเราะดังมาพักหลังผมระแวงทุกที ต้องชิงพูดก่อนโอบจะคุ้ยเอาเรื่องอะไรประหลาดมาอีก

‘เออ... ถ้าซื้อต้นรักมานะ ปลูกรอดแน่ๆ’

นี่กะว่า... ต้องได้ปฏิกิริยาอะไรกลับมาบ้างล่ะ แต่ผมและมุกของผมก็ไร้คนเหลียวแลโดยสิ้นเชิง โอบเพียงแค่ส่ายหัวขำๆ แล้วกลับไปดูต้นไม้ต่อ บอก

‘เอาจริงน่ะ... เขาว่าปลูกต้นรักในบ้านแล้วจะมากรัก วุ่นวาย ไม่ดีมั้ง’

เป็นงั้นไป ล้างจานต่อให้เสร็จคงได้งานมากกว่า ปล่อยโอบอยู่ที่ระเบียงประคบประหงมต้นไม้ต่อไปนั่นแหละ แต่เสียงลอยๆ ที่ตามมาทำให้ชะงักการเลื่อนประตูมุ้งลวดเปิดออกชั่วคราว 

‘เลี้ยงต้นรักไม่รอดหรอก ต้องริง ถึงจะรอด’

‘ลิงเหรอ เราจะเลี้ยงลิงเหรอ’

ถึงได้ยินไม่ค่อยชัดแต่ผมเริ่มคิดไปไกลมาก จากเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ (ไม่นานเท่าไหร่) เป็นเลี้ยงลิงเลยนี่มันออกจะแอดวานซ์ไปนะ

‘รัก... จริง... ไง รอดแน่ เพราะทำอยู่’

เลี้ยงลิงนี่คือ ริง... จัก... เหรอ... ถ้าเป็นคนอื่นพูดผมคิดมาตลอดว่ามุกคำผวนเป็นอะไรที่จะต้องแป้กสุด ไม่ขำและไม่เขินใดๆ ทั้งสิ้น

แต่นั่นแหละ เรามักมีข้อยกเว้นให้ใครบางคนเสมอ... ผมจึงกลับเข้าไปล้างจานตามเดิม และยิ้มให้ฟองน้ำกับก๊อกเรื่อยเปื่อยไป

เพียงแต่ว่า คนที่ไม่ค่อยซื้ออะไรแล้วจู่ๆ ก็ซื้อเสียเยอะนี่ ตัดเรื่องอื่นที่ไม่เข้าข่ายออกแล้ว อาจจะมีอะไรกังวลใจอยู่ก็เป็นได้ ผมคิดว่ารู้... เลยลองบอก

“พ่อแม่น่ะรักโอบอยู่แล้วนะ”

โอบยิ้มอยู่แต่ไม่ตอบอะไร ซึ่งผมเข้าใจว่าการรักเอ็นดูเด็กข้างบ้านเหมือนหลาน เป็นลูกเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรกันมาก่อนและเคยฝากเอาไว้ ก็คงต่างกับการรักเมตตาคนที่ลูกตัวเองพากลับบ้านในอีกฐานะหนึ่ง แล้วยอมรับว่าเขาจะเป็นส่วนสำคัญในชีวิตลูกต่อไปในอนาคต แต่กรณีนี้ ผมคิดว่ามันไม่มีเส้นแบ่งแยกกันชัดเจนเด็ดขาดหรอก

“แล้วพ่อแม่ก็รักลูกเขา...” ผมว่า “ลูกเขารักใคร เขาก็รักด้วยแหละ”

โอบละมือซ้ายจากพวงมาลัย มาจับมือผม

และผมก็คิดว่า เราเข้าใจกัน

 
ถึงบ้านผมทำข้าวเย็น ปล่อยโอบวุ่นวายกับการจัดของฝากไปเอาใจพ่อแม่ผม (ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า อยากทำ จะทำเอง) กลับเข้ามาอีกทีก็เรียบร้อยแล้ว โอบพูดโทรศัพท์อยู่ พอหันมาเห็นผมจึงเปิดลำโพงวางลงกับโต๊ะ

เสียงน้องไมค์ลอดออกมา บอกว่านอกจากผมแล้ว ให้ชวนคนนี้ คนนั้น คนโน้น ด้วย ซึ่งคงเป็นเพื่อนๆ ที่สนิทกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย โอบเพียงแต่นั่งยิ้มๆ รอจนเพื่อนพูดจบประโยค ก่อนบอก

“ถ้าจะไป ก็ไปสองคน”

“เอ้า! ได้สองก็สอง” น้องไมค์กลับรับเสียง่ายๆ “ให้มาเถอะ”

โรงงานยาที่ทำงานของไมค์นั้นอยู่ ‘กลางป่ากลางดง’ อย่างเคยเล่า เพราะฉะนั้นถึงได้แห้งเหี่ยวเหลือใจ จะถ่อขับรถเข้าเมือง แต่ไม่มีเพื่อนไปไหนต่อไหนด้วยก็ไม่สนุกอยู่ดี

เราจึงตกลงกันว่าหลังปีใหม่ ถ้าโอบได้วันหยุดก่อนผมเริ่มงาน เราจะไปเยี่ยมน้องไมค์ให้ถึงที่

โอบสบตาผม ยังยิ้มอยู่เหมือนเดิม บอกเพื่อนว่า “ไปคราวนี้ มีเซอร์ไพรส์”

“อะไรๆ” ปลายสายรีบถาม ก่อนเดาเองยาวเหมือนเคย “พี่แทคจะหาคู่ให้หนูเรืองของข้าเหรอ บอกไว้ก่อนลูกเขามีพ่อมี... เอ้อ ยังไม่มีแม่ แต่จู่ๆ เอาใครไร้หัวนอนปลายเท้ามาไม่ได้นะ หนูเรืองนี่เพ็ตดีกรีนาเว้ย”

ผมขำอยู่เงียบๆ หนูแฮมสเตอร์ควรจะมีเพ็ตดีกรีจริงหรือไม่ หรือน้องไมค์ถูกหลอกมาตั้งแต่จตุจักรไม่ทราบได้ แต่จริงๆ มันก็ไม่สำคัญ... ที่สำคัญอาจจะมีเพียงแค่ว่าหนูดาวเรืองนั้นยังอยู่กับน้องไมค์ หลังจากเป็นอนุสรณ์ของชีวิตรักล่มๆ หนหนึ่ง การฝึกงานหฤโหด หอเลี้ยงสัตว์ไม่ได้ต้องเอามาฝากเพื่อนจนถึงยังไม่ได้บ้านพักแม้จะได้ที่ทำงานแล้ว แต่สุดท้ายหนูเรืองก็กลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ ไปหาเจ้าของที่แท้จริง ถึงเส้นทางจะอ้อมสักหน่อย บางที... มันก็แค่ไม่มีทางลัดนี่นะ

โอบวางหูโดยไม่สนใจเพื่อนที่ยังโวยวาย บอกว่าถ้ารู้ตั้งแต่ตอนนี้มันจะเป็นเซอร์ไพรส์ได้ยังไงเล่า คนเรามันก็ต้องรู้จักรอกันบ้าง

โอบจะเซอร์ไพรส์เพื่อน... แต่ผมไม่เคยเซอร์ไพรส์พ่อแม่ได้ ทั้งคู่เป็นประเภทที่รู้จักลูกดี รู้จักมานาน... บางเรื่องมองปราดเดียว ก็เข้าใจ หรืออาจเป็นเพราะตัวผมเองที่ไม่เคยคิดจะปิดบังอะไรพวกท่านจริงจังเลยสักหน ที่เชียงใหม่ก่อนผมจะทิ้งทุกอย่างแล้วขับรถกลับบ้านนั้น ผมก็คิดอยู่ว่าแม่รู้ อาจไม่ใช่ในทุกรายละเอียด แต่น่าจะรู้ ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กัน ทุกครั้งที่แม่ถามผมว่า เป็นยังไงบ้างลูก... ถ้าแม่รู้ พ่อก็รู้ แต่ท่านรอ... เพราะถ้าเป็นการบังคับให้ออกมาโดยไม่ใช่การตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว ก็มีโอกาสที่ยังอยากจะกลับไปอยู่นั่น

ผมคิดตลอดว่าตัวเองโชคดี ตอนเด็กๆ ก็คิดอย่างเด็กๆ เพราะแม่มีช่วงจู้จี้เหลือเฟือ แต่พอโตขึ้น คิดได้มากขึ้น ถ้าผมไม่มีพ่อแม่ที่รู้ว่าใส่ใจ พร้อมให้กลับไปหา พอเจอมรสุมชีวิตเข้า รู้สึกว่าถูกทรยศ แต่ไม่มีที่จะไป... อาจจะเตลิดถึงไหนต่อไหน ไม่ก็ทนรับกรรมในความสัมพันธ์ที่ไร้ทิศทางแบบนั้นต่อก็ได้

ครอบครัวเป็นที่แรกที่สอนให้เราเห็นคุณค่าของตัวเอง ตอนนี้ผมก็ไม่มีอะไรลังเลอีกที่จะให้คนสองคนที่ผมรักที่สุด ได้รู้จักคนที่ผมเต็มใจจะแนะนำว่า... รักที่สุดด้วยเหมือนกัน ไม่ลังเลตั้งแต่ตอนชวนโอบกลับบ้าน ความจริงก็ไม่ลังเลมาตั้งนานแล้ว

ผมมองโอบจัดกระเป๋าต่อ แล้วก็เลยพับเสื้อให้ผมด้วย ก่อนขยับเข้าไปกอดเอาไว้ วางคางลงบนไหล่ กระชับแขนรอบบ่า หัวใจของผมแนบสนิทกับแผ่นหลังของคนตรงหน้า มันคงอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันพอดี

โอบหัวเราะหึ ละจากเสื้อ มาจับมือผม พูดว่า

“นี่ทำยังงี้บ่อยไม่ต้องกินข้าวละนะ อิ่มทิพย์”
 
... ถ้าเราจะมีคนที่เรารัก และรักเราด้วยความจริงใจอยู่ด้วย ไม่ต้องเป็นปราสาทราชวัง ถึงเป็นห้องเล็กๆ ที่ระเบียงมีต้นไม้กิ่งก้านใบหรอมแหรมอยู่หนึ่งต้น...

ที่นั้นก็เป็นสวรรค์บนดิน


ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
ส่งท้าย

เราไปถึงหาดใหญ่ก่อนมื้อกลางวัน พ่อขับรถมารับ แล้วก็แวะตลาด ซื้อของกินตามคำสั่งแม่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณนายคงจัดชุดใหญ่ไว้รออยู่แล้ว ถึงจะเป็นคนประหยัด แต่ที่ไม่เคยเขียมคือเรื่องกินนี่แหละ

แน่นอนว่าพ่อแม่ดีใจที่ได้เจอโอบ ของฝากก็ชื่นชมทุกอย่าง ไม่คิดว่าจะกินหมดก็เอาไว้แจกจ่ายญาติมิตรเพื่อนบ้าน ที่ว่ารักเหมือนหลานนั้นสรุปว่าคงห่าง เหมือนลูกอีกคนจะใกล้เคียงกว่า ผมรู้ว่าโอบเคยไปเยี่ยมพ่อแม่ผมกับน้านันอยู่บ้าง แต่ก็ตอนผมเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พักหลังน้านันยุ่งกับครอบครัวและงานที่เชียงใหม่ ยิ่งโอบมาเรียนกรุงเทพฯ แล้วคงไม่ค่อยได้ไป แต่ถ้าดูจากการพูดคุย เสียงหัวเราะร่าเริง และแววตาเอื้อเอ็นดูที่พ่อแม่มีให้แล้ว ก็เหมือนเราไม่เคยห่างกันไกลเลย 

พ่อชวนผมไปดูรักบี้ต่อในวันนั้น เป็นเรื่องที่ผมทำกับพ่อบ่อยๆ ถ้าเผอิญอยู่บ้าน และมีนัดแข่งขันพอดี ไม่ว่าจะนัดใหญ่หรือเล็ก จนถึงจิ๋ว แข่งกันเล่นๆ กระชับมิตรในวิทยาลัย พ่อก็สนุกสนานได้เท่าเทียม

ผมยังคิดอยู่ว่าเราควรหาโอกาสบอกพ่อแม่ให้เป็นกิจจะลักษณะ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากปล่อยให้มันเป็นของมันไปเองแบบนี้ ขยับจะชวนโอบไปด้วย เพราะวันนี้วันหยุด แม่อาจจะอยากไสยาสน์ก่อนตื่นมาทำกับข้าวอีก แต่แม่ดึงเอาไว้ ว่าจะชวนโอบไปเที่ยวสวนยางที่อยู่ไม่ไกล จะได้ช่วยเก็บผักเหลียงในนั้นมาทำมื้อเย็นด้วย

ถึงผมจะตงิดกับการแยกกันอย่างชอบกลเช่นนี้ แต่ก็ไม่อะไรมาก ตามพ่อไปสนามรักบี้โดยดี ส่วนโอบก็ขึ้นรถขับพาแม่ไปสวนยาง ทำตัวเป็นลูกผู้เชื่อฟังกันทั้งคู่

พ่อทวนกฎรักบี้กับผม ซื้อน้ำซื้อขนมกันเข้าไป ผมนึกห่วงโอบกับแม่อยู่บ้าง แต่ไม่นานก็เหมือนได้กลับสู่วันเก่าๆ แม้ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ตอนที่เริ่มมีปัญหาแล้ว เวลากลับบ้านและพ่อพาผมมาสนามรักบี้ ก็คล้ายกับว่าจะลืมเรื่องอื่นภายนอก ได้ตะโกนจนเต็มเสียง และจดจ่ออยู่กับความเคลื่อนไหวในสนามเท่านั้น

พอพักครึ่งผมก็เหงื่อไหลไคลย้อย ยื่นน้ำส่งให้พ่อที่สภาพไม่ต่างกันมากนัก พ่อกระพือคอเสื้อจนเหงื่อพอแห้ง ยกแขนพาดบ่าผมไว้หลวมๆ เรียกผมอย่างที่ผมสุดแสนจะอายเพื่อนเมื่อตอนเด็กๆ ว่า ‘แทคเกิ้ล’

แต่ตอนนี้ผมก็เพียงแต่ยิ้มขำๆ เพราะรู้แกวแล้วว่า พ่อแกล้งเรียกผมเล่นๆ หรือไม่ก็เรียกเพราะจะพูดอะไรต่อ พ่อคุยเรื่องเกมครึ่งแรกที่เพิ่งผ่านไป พ่อชอบรักบี้ เคยเล่นรักบี้ ถึงได้ตั้งชื่อผมตามเทคนิกการเข้าปะทะอย่างหนึ่ง แล้วก็ยังสอนผมอยู่เรื่อยๆ โดยไม่แคร์แต่อย่างใดว่าป่านนี้ลูกชายคงไม่มีทางจะเป็นนักรักบี้อาชีพแล้วล่ะ

“เวลา ‘แทค’ คู่ต่อสู้ ต้องอย่าละสายตา ต้องเข้าไปหาตรงๆ อย่าลังเล ยิ่งเลี่ยงยิ่งเจ็บตัวกันทั้งคู่ ทำผิดวิธีก็เจ็บอีกเหมือนกัน ปะทะให้แรง ถ้าล้มแล้ว เอาให้อยู่...”

ผมหันไปมองพ่อ เริ่มคิดว่า เวลาพ่อสอน ‘รักบี้’ ผม พ่ออาจจะไม่ได้สอนแค่รักบี้อย่างเดียว พ่อคงบอกผมอยู่เสมอมาว่า ถ้าเวลามาถึง อย่ากลัวที่จะปะทะ อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา และเอามันให้อยู่   

ซึ่งผมคิดว่าทำได้แล้ว ถึงความเข้มแข็งนั้นจะมาจากคนอื่นที่ช่วยสนับสนุนมาด้วยตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกัน (... คล้ายๆ กับรักบี้เล่นคนเดียวไม่ได้) ทั้งจากพ่อแม่ที่คอยเป็นหลักในครั้งนั้น จากเพื่อนๆ แล้วก็... จากคนที่รักมากพอจะทลายกำแพงเข้ามา

ผมบอกพ่อ และพ่อก็ขยี้หัวผมเบาๆ พูดสั้นๆ “ลูกพ่อ”


เรากลับถึงบ้าน ชะโงกหน้าเข้าไปเห็นแม่อยู่ในครัวกับโอบแล้ว ฝ่ายหลังก็เป็นลูกมือดีเหลือเกินไม่ว่าแม่จะบอกให้หยิบจับช่วยทำอะไร ผมอดปากไม่ได้

“แม่ให้โอบช่วยนี่มันจะกินได้มั้ย ทำเป็นเหรอเราน่ะ”

“ไม่เป็น” โอบก็อุตส่าห์เงยหน้าจากครกมาตอบผม “แต่ของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับแม่ครัว ฝีมือดีมีชัยไปกว่าครึ่ง โอบแค่ใช้แรงงานเฉยๆ”

แม่หัวเราะ พยักหน้า ไล่ให้ผมกับพ่อไปอาบน้ำ ก่อนออกจากครัวยังได้ยินเสียงแม่แว่วๆ

“โอบหยิบนั่นให้แม่หน่อยลูก”

แล้วยังเสียงเจ้าตัวขาน “ครับแม่...”

นี่ก็ดูเข้ากันดีพิลึก เอ๊ะแต่เดี๋ยว ตอนสายยังเรียกกันคุณป้าอยู่เลย

... มันเกิดอะไรขึ้นในสวนยางล่ะนั่น...


ผมยังเก็บความสงสัยไว้จนจบมื้อเย็น แม่ไล่ให้โอบไปดูทีวีกับพ่อ ส่วนผมก็สบช่องเข้าไปช่วยแม่ล้างจาน ซึ่งผมล้างเป็นส่วนใหญ่ แม่รับไปคว่ำในตะแกรง นอกนั้นก็คุยโน่นนี่นั่นไม่หยุดปากตามประสาแม่

แต่ไอ้โน่นนี่นั่นมันยังไม่เฉียดใกล้ถึงเรื่องที่ผมอยากรู้เท่าไหร่ กระทั่งแม่ถามไถ่เรื่องโครงการฝึกอบรมเพื่อให้ได้มีสิทธิ์สอบใบประกอบโรคศิลปะของผม ซึ่งถ้าไม่มีปัญหาเรื่องต้นสังกัดก็น่าจะเบิกค่าใช้จ่ายได้ หรืออาจจะรอไว้อีกปี แต่เรื่องของเรื่องคือแม่ห่วงว่าผมจะรอดไหมในกรุงเทพฯ กับรายได้ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนสายงานที่ลดลงกว่าเดิมนั่นแหละ

“แม่ไม่ต้องห่วง แทคมีเงินเก็บ ไม่ค่อยได้ใช้อะไร จริงๆ”

... แล้วค่าเช่านี่โอบยังออกอยู่ครึ่งหนึ่งด้วย

“บัญชีจากสวนยางนี่แม่ว่าเพิ่มอีกส่วนหนึ่งดีกว่า แล้วก็ใส่ชื่อลูก”

“แม่... ยังไม่ต้องหรอก แทคยังไม่ได้มาช่วยทำ ยังไม่ต้องให้”

... คือถ้ามีวันหนึ่งในอนาคตอันไกลที่ผมจำเป็นต้องมารับช่วงดูสวนยาง และถ้าสภาพมันยังพอไปได้น่ะผมถึงจะคิดว่าตัวเองมีเอี่ยวในเงินรายได้ตรงนั้น ตอนนี้คะเนดูแล้ว... ไม่จำเป็นต้องกวนพ่อกับแม่

“ไว้ก่อนก็ไว้ก่อน” แม่ยอม แต่อีกประโยคที่ตามมานี่แทบทำเอาผมปล่อยจานลงอ่าง “ตอนแรกว่าเป็นบัญชีร่วมก็ดี เผื่อลูกจะเอาไปทำอะไรกัน เผื่อจำเป็นต้องดาวน์คอนโด หรือว่า...”

“เดี๋ยวแม่” ผมโพล่ง ร่วมกับใคร? ก็มีอยู่คนเดียว แต่เสร็จแล้วยังอึ้งอยู่แบบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แว่วเสียงโอบหัวเราะกับพ่อกับเสียงโทรทัศน์จากห้องนั่งเล่น แม่ก็รออยู่ จนถามเอง “ทำไมเหรอ”

“ทำไม... โอบ... แม่... คือแทคจะบอกอยู่แล้ว แต่ว่า...” ผมคงพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แม่ยิ้มขำๆ

“แม่รู้น่ะ... พ่อก็รู้”

แม่บอกว่าที่เคยโทรไปถามโอบเรื่องยา แล้วก็สารทุกข์สุกดิบ โทรไปอยู่เรื่อยๆ ถือว่าเป็นลูกหลานอีกคนหนึ่งที่คอยไต่ถามอยู่บ้างด้วยความห่วงใย แต่ว่า...

“เวลาเราคิดถึงใคร มีใครอยู่ในใจ มันก็พูดถึงอยู่เรื่อยนะ รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง”

“แค่นั้นน่ะ...” ถึงแม่จะเป็นครูคหกรรมและแนะแนวระดับมหากาฬที่นักเรียนเคยเอาไปลือว่าครูกานดาอ่านจิตได้ ซึ่งจริงๆ ก็มาจากความช่างสังเกตเท่านั้น แต่ด้วยข้อมูลแค่นี้ ผ่านทางโทรศัพท์เนี่ยนะ? แม่จะเก่งเกินไปแล้ว

“น้องโอบไม่ได้พูดอยู่ฝ่ายเดียวนะลูก...”

อ้อ... แม่คงได้ยินจากฝั่งผมด้วยสินะ ชักอายแม่หน่อยๆ...

"แม่ก็เลยไปคุยกับน้องโอบในสวนยาง คุยกันตรงๆ เนี่ย..."

แม่นะ อย่างกับตอบไม่ถูกใจจะหมกไว้ในสวนยางกลางดงเหลียงอย่างนั้นแหละ

“ที่จริงตอนแม่พูดเรื่องบัญชี น้องโอบว่า แทคคงไม่อยากกวนพ่อแม่ ตอนนี้ก็ไม่ได้ลำบาก แต่ถ้าพ่อกับแม่จะให้ ก็ให้เป็นชื่อแทคคนเดียว เพราะว่า...” แม่ยิ้มน้อยๆ “เพราะว่า เขาได้สิ่งที่มีค่าที่สุดของพ่อกับแม่ไปแล้วนี่”

ผมล้างจานต่อไปเงียบๆ รู้สึกได้ว่าแม่ยืนยิ้มมองอยู่ ผ่านไปสักพักจึงได้เอ่ย

“น้องโอบเป็นคนดีนะ...”

ผมพยักหน้า ยังไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ดี

“ดีที่สุดคือ เป็นคนดีที่รักลูก...” แม่เช็ดมือจนแห้งแล้ว มือเย็น นุ่มนวลอย่างที่จำได้ลูบแขนผมอยู่เบาๆ

... แต่แล้วคุณนายดูจะเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน “อ้อ! เกือบลืม ลูกต้องพยายามหน่อยนะ”

ผมเป็นงง ถ้าพูดถึงความรักครั้งนี้ก็ตั้งใจรักษาไว้อยู่แล้ว หรือแม่พูดถึงเรื่องอะไรอีก

แม่หายไปค้นอะไรกุกกักจากลิ้นชักในครัวอีกฝั่ง ก่อนได้สมุดเล่มเล็ก ตัวเขียนละเอียดยิบมายื่นให้

ผมรู้ว่าเป็นอะไรก่อนเปิดดูเสียอีก “โอ๊ยแม่!”

... สูตรอะไรต่อมิอะไรของแม่นั่นไม่ใช่ผมไม่มี เนื่องจากแม่เพียรส่งให้อยู่ทุกวิถีทาง แต่คนทำกับข้าวไม่เก่งบางทีมันก็ยังไม่อร่อยเป๊ะถึงจะตามสูตรแล้วก็เถอะ หนักเข้าผมก็กลับไปหาไข่เจียวผัดผักของตัวเองเหมือนเดิม รอดตายอีกมื้อ คนกินด้วยก็ไม่เห็นบ่นอะไรนี่

“คราวนี้แม่เขียนให้ง่ายแล้ว กับข้าวนะลูก... เดี๋ยวน้องโอบอด”

... แม่ก็ยังเป็นแม่อยู่ดีนั่นแหละ เรื่องกินเรื่องใหญ่สุด

แต่ว่า... สมัยนั้นแม่คงไม่ได้ใช้เสน่ห์ปลายจวักอย่างเดียวมัดใจพ่อให้อยู่หรอกมั้ง มันต้องอาศัยความ ‘หรอย’ อย่างอื่นด้วยน่ะ


รุ่งเช้าเราตักบาตร... ฟังคำพระแล้ว พ่อแม่ก็อวยพร เป็นการนับเข้าสู่ปีใหม่ที่เป็นมงคล

หลังจากนั้นครูใหญ่ผ่านมารับพ่อกับแม่ไปงานปีใหม่ที่ใกล้โรงเรียน ทั้งคู่ว่าจะกลับบ่ายๆ หน่อย ผมกับโอบจึงอาสาไปรับทีหลัง

พอรถลับแล้ว ผมหันหลังกลับ แต่สายตาปะเข้ากับต้นมะม่วงต้นเก่าแก่ที่ริมรั้ว ต้นที่ผมเคยปีน และที่เจ้าเด็กข้างบ้านในตอนนั้นเคยมาแหงนคอเรียก เกือบลืมว่ายังมีชิงช้าผูกไว้ใต้ต้นมะม่วงด้วย

ผมลองไกวชิงช้าเบาๆ มันส่งเสียงเอี๊ยดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ติดขัดอะไร ผมนึกถึงแบบทดสอบทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง... วาดรูปคนบนกระดาษ แค่ให้วาดรูปคนบนกระดาษขาวว่างแผ่นหนึ่งเท่านั้นก็บอกอะไรได้มากมาย

ผมเพิ่งรู้ตัวว่า นึกถึงแบบทดสอบนี้อยู่เป็นระยะตลอดตั้งแต่เรียนมา ผมมักจะนึกภาพตัวเองเป็นคนในกระดาษแผ่นนั้น ก็เป็นคนธรรมดาๆ อยู่ในพื้นที่ธรรมดา แต่งตัวตามธรรมดา แต่เพราะรู้ความหมายและการแปลผลแล้ว ที่มักจะนึกถึงบ่อย คืออีกขั้นหนึ่งของการให้วาดคนบนกระดาษ นั่นคือ คนบนกระดาษ... กลางสายฝน

สายฝนสำหรับนักจิตวิทยา เป็นตัวแทนของอุปสรรคหรือปัญหา พอเจอฝนแล้ว คนที่เราให้วาดจะแทนวิธีการจัดการกับปัญหานั้นลงในกระดาษ บางคนอาจจะวาดตัวเองหน้าเศร้าลง บางคนอาจจะดูโกรธเกรี้ยว บางคนอาจวาดให้เข้าไปหลบหรือแอบ ใต้ชายคา ใต้ต้นไม้...

ซึ่งผมก็เคยเป็นอย่างนั้น... ผมกลับบ้าน เพราะทุกคนมีพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง แต่คนเราอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยไม่ได้เสมอไป ตีกรอบตัวเองไว้แค่นั้นไม่ได้ตลอดไป ขอให้ใครช่วย ‘กำบัง’ ให้ไม่ได้ตลอดไป...

ผมออกจาก ‘บ้าน’ มาทำงาน อยู่คนเดียวที่กรุงเทพฯ และนึกภาพตัวเองกางร่ม ไม่ก็ใส่เสื้อกันฝน เพราะผมพยายามจะดูแลตัวเองก่อนขอให้คนอื่นช่วย ก็พยายามจะเป็นอย่างนั้นเรื่อยมา

มืออุ่นๆ ที่คุ้นเคยข้างหนึ่งสอดเข้ามาประสานกับมือผมไว้ โอบเงยหน้ามองต้นมะม่วงอยู่เหมือนกัน จะคิดถึงตอนหิวข้าวจนท้องร้องและต้องรับหน้าที่มาตามผม หรือตอนตกลงมา ได้แผลเพราะจะตามผมอีกก็ไม่รู้ได้

ผมยิ้มกับตัวเอง โอบก็คงมีกระดาษของโอบ แต่กระดาษของเราอยู่ติดกัน พื้นที่ของเราอยู่ติดกัน เหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่อยู่ข้างกัน ถ้าเจอฝน เราก็จะกางร่ม ใส่เสื้อกันฝน แล้วก็เดินต่อไป

ส่วนมือข้างที่ไม่ได้ถือร่ม เราก็จะจับกันไว้เหมือนอย่างตอนนี้ และเดินต่อไป...

“ยิ้มอะไรหรือ” โอบเลิกมองต้นมะม่วงแล้ว หันมามองผมแทน แต่วงหน้าก็ปรากฎรอยยิ้มน้อยๆ อยู่เช่นกัน

“คิดว่า... คนที่มาเจอกัน รักกันนี่ โชคดี” ผมบอก ขยายความว่า มีโอกาสที่เจอ แต่เขาจะไม่รักเราก็ได้ ที่สำคัญ คนคนนั้น... ต้องควรค่าให้รักด้วย แต่ประโยคหลังไม่ได้พูดออกไปหรอก

“เพราะว่าจะไม่รักก็ได้?” โอบทวน “บางที เราก็เจอคนที่ไม่รักไม่ได้น่ะ”

... ซึ่งก็ตอบคำถามผมแล้วล่ะ

สิ้นปีหน้าผมอาจจะไปบ้านโอบบ้าง... เชียงใหม่ไม่ใช่ที่น่ากลัวที่ต้องหลีกเลี่ยงอีกต่อไป

“อย่างนั้นเชียว”

“อย่างนั้นแหละ ถ้าเจอแล้ว พยายามจนเขารักเราแล้ว ก็จะกอดเอาไว้แน่นๆ ไม่ปล่อยไปไหน...”

โอบยังไม่ได้ทำอย่างปากว่า เพราะนี่คือหน้าบ้าน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ของครูผู้เป็นที่นับหน้าถือตาสองท่านในท้องถิ่น
 
แต่แววตาระยิบนั่นก็บ่งบอกความในใจมาจนหมด

ผมนึกถึงที่เจ้าตัวเคยพูด คืนแรกที่เจอกันอีกครั้ง   

‘อย่าลืมที่สัญญานะ... บำบัดความโสดไง’

ผมยิ้ม ลองเป็นแบบนี้แล้ว...

คงได้บำบัดกันไปจนตลอดชีวิตนั่นแหละ.


ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
คุณ Theomen ตอนจบมาแล้วน้า ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ หวังว่าจะชอบน้า

คุณ Takarajung_TK ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ ฝากอ่านตอนจบด้วยน้า ก็ลงเอยกันไปด้วยดีนะ อิอิ

คุณ kubkamsoda ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า

คุณ NewYearzz ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ หวังว่าจะชอบตอนจบเช่นกัน คนเขียนก็อยากเขียนให้คนอ่านมีความสุขจ้ะ อิอิ

คุณ Gokusan เคลียร์กันไป ไม่ต้องมาเจอกันละ แฮปปี้เอ็นดิ้งนะ ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านจ้า

คุณ iforgive ขอบคุณนะคะที่ชอบ ขอบคุณที่อ่านมาเรื่อยๆ ตลอดเลย เรื่องรวมเล่มยังไม่มีโครงการเลยค่ะ มีแต่โครงการเขียนต่อ 55 ฝากอ่านเรื่องต่อๆ ไป ถ้ามี ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

คุณ Wordslinger ขอบคุณมากนะคะ แล้วก็ขอเป็นกำลังใจในการเขียนให้ด้วยนะ ถึงจะยังไม่ได้ไปอ่าน แต่สู้ๆ นะคะ คือมันจะจบแล้วจะไม่ดราม่าปิดท้ายอะไรกันขนาดนั้น 55 พ่อแม่ดีใจแน่ค่ะ กลับบ้าน เอาลูกมาอีกคนด้วย 555

คุณ malula เอาจริงๆ คือ ระวังไม่อยากให้ดี๊ดีเกิน ยังอยากให้เป็นคนอยู่ 55 ก็คงมีอารมณ์แบบคนปกติอยู่บ้าง แต่พื้นฐานคือถ้ารักแล้วก็อยากจะดีด้วยล่ะนะ

คุณ mesomeo2 ขอบคุณสำหรับการอ่านค่ะ ฝากอ่านตอนสุดท้ายด้วยน้า

คุณ lizzii แหะ มาช้าตลอดเลย แต่ตั้งใจเขียนทุกตอนเลยนะ 55 (ก็ไม่ใช่ข้ออ้างอยู่ดี) ขอบคุณที่อ่านและชอบนะคะ

คุณ Naenprin ตอนสุดท้ายมาแล้วนะคะ ขอบคุณที่อ่านอยู่น้า เรื่องนี้มันก็แบบนี้ละเรื่อยๆ หน่อย ชิล 55

คุณ Aoya 55 ขอบคุณค่ะ ฝากอ่านตอนสุดท้ายด้วยน้า

คุณ kyoya11 ปิดฝังไปละ ตอนนี้ก็กลับบ้านละ

คุณ goosongta ถ้ารักก็อยากจะเชื่อนะ ที่คบกันแทคก็ประวัติดีอยู่ 55

คุณ drasil ขอบคุณค่ะ คนบางคนมันก็ต้องจัดการให้เด็ดขาดเนอะ

คุณ BeeRY ขอบคุณสำหรับการอ่านมากค่ะ หวังว่าตอนจบก็คงจะชอบเช่นเดียวกันน้า เหมือนมีสองตอน บทที่ 22+ส่งท้าย (epilogue) ด้วย ไม่สั้นน้า

คุณ PEENAT1972 ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า ฝากอ่านตอนจบด้วยน้า

คุณ DraCo_SLa13 ขอบคุณนะคะ อยากให้ได้ความรู้สึกสบายใจตอนอ่านไปเหมือนกัน ชิลๆ นะ ชีวิตง่ายๆ บ้าง 55 ไว้เรื่องอื่นเราค่อยดราม่ากัน (อ้าว) ฝากอ่านตอนจบด้วยนะคะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบลงแล้วอีกเรื่อง เรื่องนี้โดยรวมแล้วค่อนข้างชิล พระนายวิบากกรรมน้อย อยากให้คนอ่านได้อารมณ์สบายๆ อีกอย่างคนเขียนอยากพักจากปมซ้อน แต่ก็พบว่าถึงสบายสมองขึ้นบ้าง (ตามอารมณ์เรื่อง) แต่มันไม่ได้เขียนง่ายกว่าเดิมขนาดนั้นนิ ตัวละครแต่ละตัวก็มีปัญหาให้แก้กันไปเนอะ

ความจริงยังมีอีกหลายแนวพล็อตที่อยากเขียน (เวลาที่จะเขียนนี่ซิ ช่างหายากเย็น โครงการต่อไปถ้าเป็นเรื่องยาวแอบหนักหนาจัดเต็มกับการเขียนมากทั้งข้อมูลและพล็อต - มันจะเครียดกว่าเรื่องนี้แล้วสินะ - -") แต่ยังไงคนเขียนก็หวังว่าจะได้เจอคนอ่านอีก ในเรื่องต่อๆ ไปนะคะ

ขอบคุณทุกท่านมากสำหรับการอ่าน และกำลังใจค่ะ ขอบคุณมากๆ เลย
  :กอด1:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคะ จะรอเรื่องต่อไป และการรวมเล่มที่อาจเกิดขึ้น

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
“... ของสิ่งที่ไม่ควรพูดกับคนโสดค่ะ! เขาแค่ยังไม่มีแฟนนะคะ ไม่ได้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย”  :laugh: ตลกประโยคนี้อ่ะ

“เพราะว่า เขาได้สิ่งที่มีค่าที่สุดของพ่อกับแม่ไปแล้วนี่” โอยซึ้งกับคุณแม่กับพ่อของแทค ใจดีจังเลย :hao5:

จบได้ซาบซึ้งมากค่ะ รอติดตามเรื่องต่อไปน้าาา+1 :pig4:

aekporamai2

  • บุคคลทั่วไป
ปลื้มใจมากกกกกกกกก....อิ่มเอมมมมมมม...สนุกมากกกกกก..เนื้อเรื่องตอบตัวมันเองในแต่ละตอน...สนุกมาก..อ่านแล้วไม่ค้างคา..ขอบคุณกับเรื่องราวดีๆๆนะครับ รักแทคและโอบเพิ่มอีก 1  คู่แล้วจ้า

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
 :mew1:

จอง

ขอตัวไปอ่านก่อนนะคะ

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
จบแบบน่ารักมากค่ะ

ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านนะคะ


ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
จบได้น่ารักมาก ขอบคุณคุณเดหลีมากค่ะ ชอบบรรยากาศของเรื่องนี้ ชอบคำพูดของตัวละคร ชอบคนแต่งอะ รักโอบบบบบบบบบบมากจริงๆ อิิอิ รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด