บริษัทบำบัด 'โสด' [บทที่ 22+ส่งท้าย] 18 ธ.ค. 56 หน้า 18 จบแล้วค่ะ :)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บริษัทบำบัด 'โสด' [บทที่ 22+ส่งท้าย] 18 ธ.ค. 56 หน้า 18 จบแล้วค่ะ :)  (อ่าน 162344 ครั้ง)

ออฟไลน์ yumsonteen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ในที่สุด.........ดีใจด้วยจริงๆกับน้องโอบ
ฮาตอนโอบกวนติงคุณศรันย์
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
แง่วหายไปนานจัง

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 9

โดยทั่วไป... คงเรียกได้ว่าสถานการณ์คล้ายเดิม เนื่องจากพักนี้โอบก็อ่านหนังสือหนัก อีกไม่ถึงเดือนต้องสอบเอาใบประกอบวิชาชีพ ยังมีไปคณะ ติวหนังสือกับเพื่อนบ้าง ส่วนงานสอนพิเศษเพลาลงแล้วเพราะไม่มีเวลาจริงๆ... แต่ถึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไร บางครั้งก็จะมาเคาะประตูแล้วบอกง่ายๆ ว่า ‘ไปกินข้าวกัน’

ที่เป็นอยู่นี้สำหรับผมก็ถือว่าโอเคดี... ความจริงเคยผ่านมาแล้วไอ้สภาพที่เหมือนชีวิตเราแขวนไว้กับคนอีกคน เขาจะทำอะไร ไม่ทำอะไร มันส่งผลกับเราไปหมด เขาไม่โทรมา ตอบข้อความช้า บางทีไม่ตอบ ต้องนั่งวิเคราะห์ทุกอย่างทุกการกระทำ เหนื่อย แต่หยุดไม่ได้

แต่อยู่กับโอบ ผม... สบายใจ


วันหนึ่งเลิกงานแล้วผมกำลังเดินเข้าตึกตามปกติ คิดถึงโอบอยู่ว่ากินข้าวเย็นหรือยัง ความจริงผมมักจะรอให้อีกฝ่ายถามมามากกว่าเพราะไม่อยากกวนตอนอ่านหนังสือ พอดีได้ยินเสียงเรียก

“พี่แทค! โอ๊ย กำลังคิดอยู่เลยว่าจะเอาไง เพื่อนผมมันไม่รับโทรศัพท์อีกแล้ว”

น้องไมค์ เจ้าของหนูเจ้าเก่า... ป้าใต้ตึกก็เคร่งครัดมากในการไม่ให้กุญแจกับคนที่เจ้าของห้องไม่ได้บอก แม้อาจจะจำได้จากวันนั้นว่าเป็นเพื่อนคนอยู่ที่นี่ก็ตามที

“พี่แทคไปเรียกโอบกับผมหน่อยนะ ไม่งั้นผมขึ้นตึกไม่ได้เลยเนี่ย”

“อาจจะไม่อยู่ก็ได้” ปกติโอบมักเมสเซจมาก่อนผมเลิกงานนิดหน่อยเผื่อได้หาอะไรกินกัน แต่วันนี้ยังเงียบ

“ผมว่ามันอยู่” น้องไมค์มั่นอกมั่นใจ “มีสองอย่างเปิดสั่นไว้แล้วใส่หูฟังอ่านหนังสือ หรือตั้งใจไม่รับ... ผมถึงต้องให้พี่แทคไปด้วยเพราะมันน่าจะเกรงใจ”

ไมค์เอาเหตุผลไหนมาคิดก็ไม่รู้เหมือนกัน พอพูดว่าเกรงใจผมเลยรู้สึกถึงวัยตัวเองขึ้นมา... นิดหน่อย ในสายตาเพื่อนมันนี่ผมคงมีวัยวุฒิไม่น้อยแล้วล่ะ สามปีจะสามสิบ กับอีกฝั่งสามปีจะเบญจเพสน่ะ

ไมค์ก็พูดไม่หยุดจนผมเดาได้เลาๆ ว่าเกี่ยวกับเรื่องหนู เลยใจหายนิดหน่อยเหมือนกันว่าเจ้าหนูอ้วนมันจะต้องจากกรุงไปเป็นหนูบ้านนาเสียแล้ว แต่นึกอีกทีไมค์ยังต้องสอบพร้อมโอบ แล้วก็รายงานตัวเข้าทำงานไม่ได้จนกว่าจะรู้ผลสอบใบประกอบฯ...

พอเคาะประตู (ซึ่งใช้เวลานานพอสมควรกว่าเจ้าของห้องจะมาเปิด พร้อมหูฟังยังคาคออยู่เหมือนเพื่อนพูดไม่มีผิด) ไมค์ก็พุ่งเข้าไปในห้องหากรงหนู ทิ้งโอบถามผมอย่างออกตกใจว่ากี่โมงแล้ว ผมบอกอย่าห่วง... เพราะถ้าเพื่อนไมค์ไม่ทำท่าว่ามีเรื่องด่วนผมก็อยากให้โอบอ่านหนังสือไปตามสบายมากกว่า อีกฝ่ายยิ้มให้พอดีเพื่อนเรียกเสียงลั่น

“โอบ! นี่ลูกข้าผอมลงหรือเปล่า”

“ไม่รู้ไม่ได้ชั่งน้ำหนักไว้เทียบ” คนเลี้ยงตอบ ถ้าถามผมมันก็ยังอ้วนเหมือนเดิม นั่งจุมปุ๊กมองคนนั้นทีคนนี้ที เอาจริงๆ เลยคือถ้าไม่ใช่หลังให้ข้าวนี่เห็นขยับตัวน้อยมาก เหมือนก้อนอะไรไม่รู้กลม ฟู ส้ม

“หนูเรือง... ถ้าต้องไปตอนนี้บักโกรกแน่” เจ้าของตัวจริงดราม่าอยู่หน้ากรง ผมชักสงสัยแล้วว่ามันเป็นการปูเรื่องไปสู่อะไรสักอย่างหรือเปล่า “พ่อล่ะไม่อยากให้หนูไปลำบากกับพ่อด้วยเลยจริงจริ๊ง ตอนแรกพ่อต้องไปนอนในโรงงาน... บ้านยังไม่ว่าง"

โอบเหลือบมองผมนิดหนึ่ง แววตายิ้มๆ เหมือนรู้ทันเพื่อน แต่พูดเสียงหน่าย

"จะเอาอะไรก็บอกมาตรงๆ"

"ต้องฝากอยู่ต่อก่อนนะ โอบ เพื่อนเลิฟ"

“ถึง... ?”

"ก็ฝากต่อจนได้บ้านพักเท่านั้นล่ะน่า! จะเอาหนูเข้าไปในโรงงานยาได้ยังไง อีกอย่างหนูเรืองนอนห้องแอร์มาตลอด" คือเหตุผลของเพื่อนไมค์ผู้ (คิดว่าน่าจะ) เห็นแก่ความสุขสบายของหนูเป็นที่ตั้ง "นี่เขาให้เอาพัดลมไปเอง คิดดู"

ที่จริงประเด็นหลักน่าจะอยู่ตรงความไม่ลงรอยระหว่างสัตว์เลี้ยงหน้าขนกับสภาพที่ทำงาน อย่างน้อยก็ชั่วคราว แต่ท่าทางเหตุผลเรื่องหนูนอนห้องพัดลมไม่ได้จะทำคนรับฝากหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ ดูจากสีหน้า คนฝากก็คงรู้เหมือนกันเลยเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

"เพื่อนรู้ว่าเพื่อนเป็นคนดี... ตั้งแต่ฝากเลี้ยงมา ไม่เคยทวงค่าอะไรสักแดง ตอนนี้คงมีน้่ำใจช่วยต่อ เนอะ"

"พูดอย่างนี้จะให้ทวงไหมล่ะ" เพื่อนคนดีว่า "ค่าอาหาร ค่าหมอ ค่าขี้เลื่อย ค่า..."

"ปัดโธ่ โอบ!” ไมค์หันรีหันขวาง ก่อนจะหันมาหาผม “งั้นฝากพี่แทคได้ไหม... พี่แทคเอ็นดูหนูตัวน้อยๆ หน่อยนะพี่นะ”

“หยุด! ไม่ต้องไปกวนเขาเลย” 

"พี่แทคเขาใจดีไง เคยพูดเอง! ขอให้ช่วยไรก็ช่วย ฝากให้ทำอะไรก็..."

"แล้วแต่คนและความสนิท"

เออ มันทำผมเดือดร้อนได้คนเดียวว่างั้น... ไมค์มองผมอย่างขอความช่วยเหลือซึ่งปกติผมก็เห็นโอบโอ๋หนูเรืองจะตายละน่ะ เรื่องเลี้ยงต่ออีกนิดๆ หน่อยๆ ไม่น่าเป็นปัญหา

“โอบ...”

ยังไม่ทันเริ่มพูดเจ้าของห้องก็เด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือที่นั่งอยู่แล้วว่า “เอ้า เลี้ยงต่อให้ก็ได้ ขอบคุณพี่แทคเขาซะนะ”

น้องไมค์แทบลงไปพังพาบกับพื้น คารวะผู้มีพระคุณ... ผมรู้ละ น่าจะบ้าหนังจีน ซึ่งจริงๆ ผมก็ยังไม่ได้ทำอะไร เดาไม่ผิดว่าโอบคงช่วยนั่นแหละ ไมค์พูดต่อ

“เดี๋ยวสองทุ่มมีเลี้ยงสายรหัส... เออ พี่แนนเขาจะแต่งงานแล้วนะ”

"แนนไหน" โอบก็ถามเฉยๆ ไม่มีอาการชะงักใดๆ ทั้งสิ้น มองเพื่อนเปิดกรงล้วงหนูขนฟูมาอุ้ม

“แนนที่สวยๆ มีอยู่คนเดียว”

“อ๋อ แนนลีด” คนฟังพยักหน้ารับรู้ เพื่อนก็ว่า

“รุ่นพี่รุ่นน้องบ่นเสียดายกันใหญ่ แต่ความจริงก็ไม่ถือว่าเร็วอะไรมากมั้ง ยี่สิบหกแล้ว ฝากมาเชิญด้วยนะ จะไปไหม”

"เขาเชิญเหรอ ไปดิ”

ไมค์มองเพื่อนอย่างพินิจพิจารณา ส่วนผมก็มองหนูดาวเรืองที่นั่งเรียบร้อยอยู่ในมือคนอุ้ม ไม่รู้เป็นอะไรยังไม่อยากมองไปทางโอบ

“ไม่เสียดายบ้างเรอะ”

“เสียดายทำไม”

“เอ๊า... คนเคยชอบๆ กันอยู่”

“ก็ไม่ได้มีอะไรนี่”

“เออ! ไม่เห็นจะอะไรกับใครซะที” ไมค์ประชดแล้วหันมา “ตอนแรกบอกพี่แทคว่าคงไม่ได้เพื่อนผมเป็นลูกค้า แต่ตอนนี้ผมว่าพี่หาให้มันสักคนดีกว่า”

คราวนี้โอบมองผม ยิ้ม แล้วบอก “ก็ว่าอยู่...”

ดีที่ไมค์วางหนูลงในกรงอย่างสิ้นสุดความสนใจชีวิตรักของเพื่อนง่ายๆ เอาแค่นั้น “หนูเรือง... กินเยอะๆ นะ โถ คิดถึงพ่อจนผอม...”

... ถ้ากินมากกว่านี้ดาวเรืองคงกระเพาะครากแล้วล่ะ โอบรุนเพื่อนออกจากห้องก่อนปิดประตูถอนใจเฮือก ผมต้องพูด

“จริงๆ ก็จะรับฝากต่ออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ... โยกโย้ทำไม”

“แทคไม่รู้ไมค์น่ะฝากได้ฝากดี เมื่อก่อนฝากจ่ายค่าหอ ซื้อของ ยังจะเก็บชีท ทำโน้ต ดูแล็บ สารพัด ฝากสอบได้คงฝากละมั้ง” อีกฝ่ายตอบ “ให้ยากนิดหนึ่ง... ติดนิสัยนี่จะทำงานอยู่แล้ว”

“เล่นตัว...” ผมว่าขำๆ ก่อนจะหยุดขำเมื่อเจอประโยคถัดมา

“... กับแทคโอบไม่เล่นนะ ออกจะ...”

“เออน่า...”

“เออน่าอะไร” คนยืนพิงประตูถามยิ้มๆ

“เออน่า... รู้แล้ว”

“... รู้แล้วก็ไปกินข้าวกัน”

“ไม่อ่านหนังสือต่อเหรอ” ผมก็เอาตัวเองวัดล่ะนะเพราะเมื่อก่อนถ้าจะสอบ อ่านติดพันอยู่นี่ถ้าลุกแล้วลืม ต้องให้จบบทเสียก่อนอย่างน้อย

“ก็มาให้เห็นหน้าทำไมล่ะ เห็นแล้วเลยนึกขึ้นได้ว่า...”

โอบเว้นไปนาน แต่แล้วก็หัวเราะหึๆ พูดต่อ

“... ว่า... ไปกินข้าวดีกว่า”

ผมไม่รู้โอบนึกถึงอะไรอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเห็นผมแล้วมันจะไม่ลืมกินก็... ไม่เป็นไร

เราเดินลงบันไดไปเรื่อยๆ เพราะลิฟต์ที่ตึกช้าเหลือเกิน พักหลังบางทีไม่ค่อยได้ใช้นอกจากขาขึ้น แต่ขนาดนั้นก็ยังต้องรออยู่พักใหญ่

... ผมไม่รู้ว่าควรจะถามดีไหม อดห่วงความรู้สึกอีกฝ่ายไม่ได้ ถึงแม้... ที่จริงถ้าถึงกับเคยเป็นแฟนเก่านี่ก็ไม่น่าจะเชิญไปงานแต่งงาน หรือยังไง

“เมื่อกี้... โอเคนะ”

โอบมองผมอย่างจะถาม ผมเลยว่า “เรื่องที่... ไมค์มาบอก”

“ทำไมต้องไม่โอเคด้วยล่ะ”

“เอ้า ก็คนเคยชอบกัน” ผมพูดอย่างที่ได้ยินเพื่อนมันพูดนั่นแหละ

"ไม่ได้ชอบกัน เขามาชอบ" โอบตอบ ท่าทางเฉยๆ เหมือนเดิม

... แต่ไม่ได้บอกเพื่อนแบบนี้ ท่าทางไมค์จะยังเข้าใจว่าเพื่อนกับพี่รหัสเคย ‘ชอบกัน’ อยู่ ดูจากตอนถามอย่างไม่แน่ใจว่าจะไปงานไหม ถ้าขนาดเพื่อนสนิทเข้าใจอย่างนี้คนอื่นก็คงคล้ายคลึง จนห่างกันไปจะดูเป็นอย่างไรในสายตาใครๆ ผมก็นึกภาพโอบโพนทะนาว่าผู้หญิงมาชอบอยู่ฝ่ายเดียวไม่ออกเหมือนกัน เพื่อนๆ รุ่นพี่รุ่นน้องที่รู้จักทั้งคู่อาจคิดว่าโอบควรเสียดาย หรืออกหักเสียแล้ว

พอบอกโอบก็ยิ้มแล้วว่า

“ไม่เป็นไรหรอก... ช่างเหอะ แต่แทคเข้าใจนะ”

ผมพยักหน้า สบตากันโอบก็ยิ้มให้อีก

บางเรื่องก็คงต้อง... อาศัยเพียงเท่านี้แหละ...

ไปถึงร้านพอนั่งที่โต๊ะผมก็หยิบโทรศัพท์มาดูเผื่อจะมีข้อความจากพี่อิทหรือเรื่องงานที่ไม่ทันได้ยินก่อนหน้า แต่ปรากฎว่าดับไปเสียแล้ว ต้องปลุกปล้ำกันอยู่พักใหญ่กว่าจะติดขึ้นมาอีก ผมมองโทรศัพท์ตัวเองอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก 

"... สงสัยแบตจะเสื่อมหรือเปล่าไม่รู้"

"ตกใจรูปลูกค้าแทคเมื่อวันนั้นมั้ง"

นี่ก็พูดได้หน้าเฉยมาก... โทรศัพท์ผมจะขวัญอ่อนไปแล้วถ้างั้น เจอรูปเสี่ยน็อตถึงกับเสื่อมกันเลย

“มันเก่าแล้วน่ะ...”

“ให้โอบเอาไปดูให้ไหม เผื่อเกิดอะไรขึ้นมาไม่มีใช้จะลำบาก”

“รถคงไม่เสียซ้ำบ่อยขนาดนั้นหรอกน่า” คราวที่แล้วก็ถือว่าซ่อมที่สำคัญจำเป็นไปเรียบร้อย ผมจะลำบากเรื่องการงานมากกว่า

“กันไว้ก่อน...”

“โอเคๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำ” ผมบอก ความจริงคือถ้าวันนั้นผมไม่มีโอบไปด้วยคงแย่กว่านี้มาก ที่สำคัญมารดาจะตกอกตกใจถ้าติดต่อลูกไม่ได้ในยามที่อยากติดต่อ เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่และคนแรกๆ ที่แม่จะโทรหาอีกก็คือโอบนี่แหละ

“พรุ่งนี้กลับดึกหรือเปล่า”

“นิดหน่อยแต่ไม่น่าจะมากนะ... มีงานลูกค้า”

“ลูกค้า?” โอบทวน แล้วก็นิ่งเหมือนรอให้พูดต่อ ส่วนผมก็มัวแต่คิดว่าพรุ่งนี้อาจลากยาว เพราะกว่าจะเริ่มก็ไม่ใช่หัวค่ำแล้ว ได้ยินเสียงคนนั่งตรงข้ามถาม

"... ก่อนเที่ยงคืนมั้ย"

"เป็นซินเดอเรลล่าเหรอเราน่ะ" ผมพูดแกมหัวเราะ ทำไมต้องก่อนเที่ยงคืนด้วย

โอบส่ายหน้า ยิ้มแล้วว่า

“ไม่ใช่หรอก... เพราะถึงหลังเที่ยงคืนก็ยังอยู่ที่เดิม"


ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 9 (ต่อ)

วันรุ่งขึ้นผมเข้าที่ทำงานก็เจอสายเสี่ยน็อตแต่เช้า ฟังดูอินเลิฟจริงอะไรจริง โลกสวยงามเป็นสีชมพู นี่ออกไปถึงสองครั้งในสัปดาห์เดียวกัน นับไปนับมาถือเป็นเดตครั้งที่ห้าแล้ว

ประเด็นคือเสี่ยไม่ยอมเดตกับคนอื่นไปพร้อมกัน แต่อีกฝ่ายไม่ใช่ ผมพยายามเตือนอยู่ตลอดถึงข้อนี้ เพราะถึงใช้บริการบริษัทจัดหาคู่ก็รับประกันไม่ได้ว่าคนที่เราถูกใจและอยากเดตกับเขาคนเดียวจะรู้สึกอย่างนั้นด้วย จากที่ผมคุยเอง คู่เดตเสี่ยก็ยังอยากเดตคนอื่นอยู่ ยังไม่ได้ตกลงปลงใจอะไร แต่ดูเสี่ยจะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง (เหมือนเดิม) มัวแต่เล่าจ้อ

“วันเสาร์ผมไปขัดหน้ามาไงไอ้ที่ที่คุณแทคแนะ...”

เสี่ยก็เรียกซะน่ากลัวทำเอาผมคิดถึงขัดหม้อไห ความจริงผมไม่ได้ไปเองหรือเชี่ยวชาญเหมือนกัน อารามขี้เกียจ ล้างหน้าเช้าเย็นตอนอาบน้ำก็พอจบ พี่อิทเป็นคนให้ข้อมูลมาอีกที

“... เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ผมระวังเรื่องแต่งตัวด้วยอย่างที่คุณแทคบอก... รู้สึกนะว่าเขามองผมดีขึ้น จำได้ใช่ไหมผมเคยบอกคุณแทคว่าราศีสิงห์กับมังกรนี่บางทีจะไม่เข้ากัน แต่ผมว่าไม่ใช่แล้วล่ะ พอกินข้าวเสร็จเขาก็พาผมไปหาซินแส แล้วก็...”

“อะไรนะครับ”

อันนี้ไม่อยู่ในรายการที่ผมเคยคุยกับเสี่ยไว้ จริงๆ แล้วลูกค้าอยากจะไปทำอะไรก็ได้ไม่ต้องตามลิสต์เป๊ะตราบใดที่แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย แต่ของเสี่ยนี่โปรแกรมแทบไม่เปลี่ยน ครั้งก่อนๆ ก็เหมือนกัน ถึงกับลากไปหาหมอดูเกือบทุกครั้ง... ในหัวผมชักมีสัญญาณเตือนว่า แปลกๆ...

“ซินแสก็ดูผมแล้วไปบอกน้องเขา...”

“เดี๋ยวนะครับ” นั่นไง แปลกจริงด้วย “ดูให้แต่ไม่พูดกับเสี่ยโดยตรงเหรอครับ”

แสดงว่าเสี่ยรู้ผ่านคู่เดตเท่านั้นนะนี่...

“เหมือนเป็นวิธีของเขาแหละ แต่น้องเขาก็มาบอกผมว่าทุกอย่างโอเคดี นี้วันอาทิตย์จะไปอยุธยากัน...”

“ดีครับ ไปไหว้พระ แล้วเช่าจักรยานก็ไม่เลว แถวนั้นของอร่อยเยอะ ตรง...”

“... เพราะว่าที่นั่นมีหมอดูแม่นมาก! นี่ทุกอย่างไปได้สวยนะ คุณแทคว่าไหม ผมคงมีแฟนซะที”

ถึงจะตงิดกับอะไรบางอย่างแต่ผมก็บอกเสี่ยว่าดีใจด้วย แล้วจะโทรไปติดตามความคืบหน้าเหมือนเคย ไม่ลืมกำชับว่าตอนนี้เขายังไม่ได้เดตเสี่ยคนเดียวเพราะฉะนั้นเสี่ยมีไม้ตายอะไรก็งัดออกมาซื้อใจเขาด้วย บวกกับที่ผมเคยแนะๆ ไปก่อนหน้านี้แล้ว
 
งานผมนี่ท่าทางจะมีอะไรกลับตาลปัตรอยู่ในตัว เพราะพอเสี่ยเริ่มรอดลูกค้าคนอื่นของผมในบัญชีก็เกิดมีปัญหาขึ้นมาพร้อมๆ กัน ที่คิดว่าน่าจะปิดได้ในเร็ววันสักสองสามคนเป็นอันตกไป พูดในแง่ธุรกิจอาจจะดูดีนิดหน่อยเพราะเขาต่ออายุสมาชิก ซื้อโอกาสไปเดตเพิ่ม แต่ยิ่งนานยิ่งหาคู่ที่ถูกใจไม่ได้ความเชื่อมั่นเขาก็ยิ่งลดน้อยถอยลง พาลจะเลิกพยายามเอาง่ายๆ

พี่อิทถามผมตอนกินข้าวกลางวันเรื่องลูกค้าที่เคยหมายมั่นปั้นมือไว้แต่แรกเริ่ม คนที่อยู่ตึกเดียวกับผมนั่นแหละ แต่... ไม่น่าจะได้แล้ว ถ้าเข้าใจถูกนะ

“ต๊าย! ทักษะการขายเธอต่ำขนาดนี้เลยเหรอ” พี่อิทบ่น

“ผมลองแล้วพี่อิท” ผมว่า และอย่างที่คิด เธอซักต่อ

“เขาบอกเหตุผลไหม”

“ก็... เปลี่ยนใจแหละพี่”

“เปลี่ยนใจแล้วก็เปลี่ยนกลับมาอีกได้น้า” ครีมบอก

... ครีมพูดถูก เปลี่ยนใจแล้วก็เปลี่ยนอีกได้ นี่ถ้าโอบเปลี่ยนใจมาเป็นลูกค้าให้จัดหาคู่ให้นี่จะขำพิลึก หรือถึงตอนนั้น... ผมจะขำออกหรือเปล่า

“เพราะฉะนั้นเย็นนี้เธอต้องพยายามหาลูกค้าต่อ อย่าได้ลดละ! คุณศรัณย์เขาทำเรื่องรถคงมีผู้ชายมาในงานเยอะ มันต้องมีบ้างล่ะที่เป็น ยังไม่เจอเธอก็เอานามบัตรอีกฝั่งให้เขาไปก่อน เข้าใจนะจ๊ะ”

งานเย็นนี้... ซึ่งกว่าจะเริ่มก็สามทุ่มล่วงไปแล้ว คืองานเปิดอู่ใหม่ของคุณศรัณย์ นัยว่าโต้รุ่งให้สมกับที่เป็นอู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ผมไม่น่าต้องอยู่นานขนาดนั้น ตอนแรกตั้งใจว่าเป็นเพื่อนพี่อิทเอากระเช้าไปแสดงความยินดีแล้วปลีกตัวกลับ เพราะยังไงคุณศรัณย์ก็เป็นลูกค้าที่ผมดูอยู่โดยตรง ไม่ไปไม่ได้เสียด้วย

“นี่ถ้าน้องโอบเปลี่ยนใจ เธอต้องรู้ก่อนคนอื่นนะ”

“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะพี่อิท”

ผมคงรู้ทุกอย่างทีหลังทุกคนอีกเป็นครั้งที่สองไม่ไหว คนเรามันก็ต้องมีฉลาดขึ้นบ้างนะ จริงๆ


ครีมติดธุระที่บ้าน ผมกับพี่อิทเลยสะสางงานถึงค่ำๆ แล้วหอบกระเช้าดอกไม้ขึ้นแท็กซี่กันมา งานคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแทบหาตัวเจ้าของงานไม่เจอ แต่ด้วยความเป็นพี่อิทเธอก็อุตส่าห์แยกคุณศรัณย์ท่ามกลางแสงแฟลชและชุดสูทที่ดูเหมือนๆ กันหมดออกมาจนให้กระเช้ากับมือได้

“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ”

“ขอบคุณมากครับ” คุณศรัณย์รับไปแล้วหันมาบอกผม “คุณแทคอย่าเพิ่งไปไหนนะเดี๋ยวผมมาคุยด้วย”

พี่อิทหันมากระซิบ “ฉันจะอยู่ทางโน้น ถ้าคุณศรัณย์มาแล้วเธออย่าลืมให้เขาแนะนำเพื่อนๆ นามบัตรนี่แจกไปเลยไม่ต้องกั๊ก แล้วมองหาลูกค้าใหม่ด้วยนะจ๊ะ”

สั่งงานเสร็จเธอก็เฉิดฉายไปอีกฝั่ง สงสัยจะเห็นประชาสัมพันธ์ที่รู้จัก ผมล่ะนับถือพี่อิทจริงๆ เรื่องหางานได้ทุกที่ทุกเวลานี่

หันมาพอดีเห็นหน้าคนคุ้นเคย ผมชะงักไปก่อนจะทักอย่างงงๆ ปนดีใจ

“อ้าวภัค ไม่นึกว่าจะเจอ”

“มาแทนหัวหน้า... เขาเคยดูเรื่องกฎหมายให้เจ้าของงาน” เพื่อนผมตอบ “เป็นไงช่วงนี้?”

“ก็โอเค...”

“เออ! ยายแป๊วจะแต่งงาน ฝากเชิญด้วย” ภัคบอก “ยังว่างานแต่งเพื่อนนี่เหมือนงานรวมรุ่นแน่ๆ หาเวลาเจอกันยากจริงๆ แต่น่าจะได้เจอเพื่อนคนอื่นที่ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ เยอะหน่อย”

พอทำงานแล้วก็เป็นอย่างนี้แหละ... พักนี้ฤกษ์ดีหรืออย่างไรไม่รู้ รุ่นพี่โอบก็จะแต่ง เพื่อนผมก็จะแต่ง...

“แล้วนี่... น้องคนนั้นไม่มาด้วยเหรอ”

“ใคร” ผมหันมองตามภัค นึกไม่ทันว่าหมายถึงคนไหน

“คนที่ครีมบอกว่าจะมาเป็นลูกค้า ไม่มาด้วยเหรอ”

“อ๋อเปล่า โอบไม่รู้จักเจ้าของงาน” ผมบอก ความจริงเจอกันแล้วหนหนึ่งแหละแต่จะพูดว่ารู้จักก็ไม่ได้เต็มปากนัก

ภัคหัวเราะ “คิดอยู่ว่าดูเป็นคนน่าสนใจดี... แต่เห็นเขาแล้วนึกถึงแทคเมื่อก่อนนะ”

ผมงงนิดๆ ภัคก็เพียงแต่ยิ้มๆ ก่อนจะต้องผละไปเพราะมีคนที่รู้จักหัวหน้าที่บริษัทมาทัก แต่เอาเข้าจริงถึงจะนับได้ว่าผมเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของภัค ผมก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจเจ้าตัว บางทีชอบพูดเป็นปริศนาสฟิงซ์

คุณศรัณย์แหวกผู้คนตรงมาทางนี้พอดี พลางบอก “โทษทีคุณแทค คนเยอะเหลือเกิน”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณศรัณย์คงยุ่งอยู่แล้ว” ผมว่า “ยินดีด้วยอีกที อู่สวยมาก”

“อย่าลืมมาประเดิมล่ะ ผมลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยสาขานี้ ฉลองเปิดใหม่”

“ลดขนาดนี้เยอะไปมั้งครับ ไม่ได้กำไรกันพอดี”

“กับคุณแทคผมไม่เอากำไรหรอก เท่าทุนก็พอ”

ผมยิ้มตอบอย่างสุภาพ ยังอยากแยกความสัมพันธ์กับลูกค้าออกจากเรื่องส่วนตัวอยู่... มีความรู้สึกว่าเวลาทำงานจะง่ายกว่าจริงๆ “วันนั้นก็ต้องขอบคุณมากแล้วครับ... ผมมีอู่เจ้าประจำอยู่ด้วยเดี๋ยวเถ้าแก่จะน้อยใจ”

“ผมลดขนาดนี้นึกว่าคุณแทคจะย้ายเจ้าประจำบ้าง” คุณศรัณย์หัวเราะ ผมเลยว่า

“คุณศรัณย์ก็เป็นลูกค้าประจำของผมอยู่แล้วนี่ครับ ถ้าผมมาเป็นลูกค้าประจำของคุณศรัณย์อีกมันจะอัฐยายซื้อขนมยายไปนะ”

คุณศรัณย์ยิ้มขำๆ ตอนนั้นเองที่ผมเห็นคู่เดตเสี่ยจากอีกฝั่งของห้อง ซึ่งความจริงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเพราะอีกฝ่ายก็เป็นหนุ่มสังคมอยู่เหมือนกัน ประเด็นคือเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองใช้บริษัทจัดหาคู่ เราเคารพความต้องการของลูกค้าอยู่แล้วเพราะฉะนั้นผมก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปทัก เพียงแต่เพิ่งคุยกับเสี่ยมาเมื่อเช้าเลยยังติดใจอยู่

คุณศรัณย์มองตามสายตาผมแล้วว่า “คุณแทครู้จักเหรอ”

“อ๋อ... ก็... เคยเห็นตามหน้าสังคมน่ะครับ” ผมตอบแบบให้ปลอดภัยที่สุด ยังคิดอยู่ว่าคู่เดตเสี่ยเขาไม่ยักจะอยากเดตคุณศรัณย์ ทั้งที่เคยเห็นรูปและโปรไฟล์ แม้ว่าคุณศรัณย์ดูพร้อมหมดทั้งรูปร่างหน้าตาฐานะการงานก็ตาม

“เขาเอารถมาทำกับผมบ่อย... ผมเคยชวนไปกินข้าวด้วย” คุณศรัณย์เล่าเรื่อยๆ

หรือเขาอาจจะอยากคุยกับคุณศรัณย์ต่อนอกบริบทของการที่ใช้บริษัทเราเป็นคนกลาง เพราะเขาก็ได้เจอคุณศรัณย์ตั้งแต่ข้างนอกแล้วนี่นา

“ปรากฎว่าเขาพาผมไปหาหมอดู ผมก็ไปนะ ขำๆ ดี แต่หมอดูบอกเขาว่าดวงผมชง ก็เลยไม่ได้ไปต่อ” คุณศรัณย์ว่าพลางหัวเราะ “หมอดูยังบอกว่าเขาต้องมีแฟนให้ได้ก่อนอายุสามสิบไม่อย่างนั้นธุรกิจเขาจะแย่ ผมก็หวังว่าเขาจะหาได้”

... ไม่รู้ว่านี่เป็นเหตุผลชักนำที่ทำให้เขาออกไปถี่ในช่วงหลังๆ หรือเปล่า แล้วยังเสี่ยที่ดูจะตกหลุมรักเข้าเต็มเปาอีก...

“คุณศรัณย์... ไม่เชื่อหมอดูหรือครับ”

“ผมไม่ได้ว่าคนเชื่อนะ คุณแม่ผมก็ชอบดู... หลายคนทักว่าอู่ผมเจ๊งแน่ ถ้าเชื่อหมดทุกอย่างคงไม่ต้องเปิดอะไรแล้ว”

ผมจัดการเก็บเรื่องนี้เข้าไว้ในรายการ 'เรื่องควรระวังสำหรับเสี่ยน็อต' ไปก่อน ถ้าทั้งสองคนจูนกันติดจริงๆ ไม่ว่าก่อนหน้านั้นจะมีต้นเรื่องอย่างไร ถ้าสุดท้ายเสี่ยประสบความสำเร็จในการทำให้คนที่เสี่ยชอบมาเดตกับเสี่ยคนเดียวได้ ผมก็ควรจะเงียบไว้ก่อนหรือเปล่า

... ถ้าเขาไม่ได้เดตเสี่ยเพราะเชื่อคนอื่นล้วนๆ ล่ะก็นะ...

“นี่คุณแทคคิดเรื่องงานอยู่ใช่ไหม”

“เอ้อ... ขอโทษครับ” ผมรีบหันกลับมามองคุณศรัณย์ ไม่ให้เสียมารยาทมากไปกว่านี้

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าผมพอช่วยอะไรได้นี่ไม่ต้องเกรงใจนะ”

ผมรู้ว่าคุณศรัณย์รู้จักคนเยอะ แล้วจริงๆ จะถามข้อมูลเอาไว้โดยที่คุณศรัณย์ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมหมายถึงใครก็ยังได้ แต่ยัง... ไม่ค่อยสะดวกใจอยู่ดี

“... คง... ไม่เหมาะเท่าไหร่นะครับ ให้ลูกค้ามาช่วยเรื่องงาน”

“ก็คุณแทคไม่ยอมออกไปไหนถ้าไม่ใช่เรื่องงานนี่...”

พอดีพี่อิทฝ่าฝูงชนกลับมาถึง ผมเลยไม่ต้องนึกหาคำตอบต่อไปหวุดหวิด คุณศรัณย์รับว่าจะช่วยแนะนำบริการบริษัทเรากับเพื่อนที่ดูน่าจะสนใจให้ แต่หลังจากนั้นพี่อิทก็ตามประกบผมตลอดเพราะบอกว่าดูท่าให้ผมพูดคนเดียวมันจะไม่ค่อยได้งาน กว่าเพื่อนคุณเธอจะมารับก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว

ผมกลับถึงบ้าน เพิ่งนึกได้ว่าจนแล้วจนรอดวันนี้ก็ยังไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปทำ หยิบขึ้นมาดูก็นั่นไง... หน้าจอมืดสนิท ผมรีบเปิดแล้วยังต้องเขย่าอีก พอติดปุ๊บสายก็เข้าทันที

“แม่ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“แม่เป็นห่วง โทรไม่ติดตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว อย่างนี้จะมีโทรศัพท์ไว้ทำไหร้...”

ผมรีบบอกว่าตัวลูกน่ะไม่เป็นไร แต่โทรศัพท์ทำท่าจะเสีย ไม่ต้องห่วงพรุ่งนี้จะรีบซ่อม แต่พอแม่เอ่ยถึงเรื่องถัดมาเท่านั้นแหละ...

ผมก้มดูนาฬิกา จะตีหนึ่งอยู่แล้ว

‘... กลับดึกหรือเปล่า...’

ผมวางหูจากแม่ กดลิฟต์ แต่ลิฟต์ตึกนี้มันช้า... เลยวิ่งขึ้นบันได

‘ก่อนเที่ยงคืนมั้ย...’

ถึงชั้นห้าผมก็ถลาไปเคาะประตูห้องตรงข้ามด้วยอาการหอบ คือไม่อยากคิดว่าตัวเองแก่ แต่ตอนขึ้นดอยเมื่อเกือบสิบปีที่แล้วเหมือนจะเหนื่อยน้อยกว่านี้นะ

เจ้าของห้องมาเปิดประตูด้วยหัวยุ่งๆ นิดหน่อยเหมือนนอนไปแล้ว แต่รอยแดงตรงแก้มเหมือนหลับคาหนังสือกับโต๊ะมากกว่า ผมเท้ามือสองข้างกับกรอบประตูสูดลมหายใจ โอบก็รอ

ผมอ้าปากจะพูดแต่นึกอะไรไม่ออก เพราะพอเห็นหน้า... ไอ้ที่ตั้งใจจะว่า ทำไมไม่บอกก่อน? อยากให้รู้ก็บอก ใครจะเกิดพุทธิปัญญาขึ้นมาได้เองกับเรื่องแบบนี้ หา? หายหมด เมื่อนึกไม่ออกก็... ร้องเพลงประจำวันนี้ แบบที่คนเขาร้องกันทั่วโลกแล้วกัน

โอบก็ดูตั้งใจฟังดี เสร็จก็พยักหน้า “เยี่ยม”

“เอ่อ... ไม่มีของขวัญ” ผมโพล่ง เขาว่าเหนื่อยแล้วจะเรียบเรียงความคิดไม่ค่อยถูก...

คนถูกปลุกยืนกอดอกอยู่ตรงประตู พูดด้วยหน้าตากลั้นขำเต็มที่

“... ถือว่าให้แล้วก็ได้ พอใจละ”

ไอ้เพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์เสียงแบบเป็ดยังอายเมื่อกี้น่ะ... ขนาดเพื่อนผมยังหาให้ดีกว่านี้เลย แล้วนี่เป็น... เออ... เป็นอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะปล่อยโอบเผชิญวันแรกของอายุยี่สิบสามโดยมีแต่เสียงเพลงเพี้ยนๆ ต้อนรับก็ออกจะแร้นแค้นไปหน่อย   
           
ผมเริ่มสิ้นคิดเต็มที ไม่มีอะไรติดตัวพอจะนับได้ว่าเป็นของขวัญเลยสักอย่าง แต่จะบอกว่า ‘รอก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ (ก็คือวันนี้? หรือถ้าไม่ได้เจออีกคงต้องมะรืน หรืออาทิตย์หน้า) จะเอาให้’ มันก็ดูประหลาดอยู่ ของขวัญวันเกิดก็ควรให้วันเกิด

เอาเข้าจริงตามปกติผมไม่ได้อินังขังขอบกับอะไรแบบนี้มากนอกจากวันเกิดพ่อแม่ กับเพื่อนสนิทจริงๆ ไม่กี่คนแล้วก็... เมื่อก่อนซึ่งละไว้ในฐานที่เข้าใจ ของตัวเองนี่บางทีลืม แม่โทรมาหรือเห็นของที่ส่งให้ถึงนึกได้ แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอะไรนำพาให้วิ่งขึ้นบันไดมาตอนตีหนึ่ง วิ่งทั้งๆ ที่รู้ว่าวิ่งยังไงก็ไม่มีทางทันเที่ยงคืนแล้วนี่แหละ

“เอางี้นะ” ผมว่า มือไม้ก็ล้วงกระเป๋าไปพลาง ได้สมุดโน้ตมาเล่มหนึ่งฉีกหน้ากระดาษออกเขียนแล้วส่งให้ 

โอบรับไปดู หัวเราะพรืดแล้วรีบหยุด “เช็คของขวัญ?”

ถ้าไม่กลัวข้างห้องเปิดประตูออกมาด่านี่คงได้ปล่อยก๊ากไปแล้วแน่ๆ จะโทษคนได้ก็ไม่ถนัดเสียด้วย

ผมมองแผ่นกระดาษขยุกขยุยกับตัวอักษรเขียนไว้หวัดๆ... ไม่ต้องเรียกว่าหวัดแกมบรรจงหรืออะไรทั้งนั้น มันหวัดถึงขั้นไข้หวัดใหญ่กลายพันธุ์เลยล่ะ เป็นเรื่องที่โดนค่อนขอดมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าพ่อแม่เป็นครูทั้งคู่ลูกชายดันลายมือไก่เขี่ย... สภาพโดยรวมก็ถือว่าห่างไกลความเป็น ‘เช็คของขวัญ’ มากโขอยู่ แต่เอาไงเอากัน

“ว่างั้นก็ได้... มั้ง”

“นี่ขอไปตอนลอยกระทงยังไม่รู้เลยจะเป็นจริงเปล่า... ขออีกติดๆ กันโอบใช้โชคตัวเองหมดแล้วทำไงล่ะ”

“ไม่ต้องกลัวสอบไม่ได้หรอกน่า อ่านหนังสือซะขนาดนี้”

“อันนั้นไม่กลัวเพราะแทคขอให้” เจ้าของวันเกิดว่าแล้วบ่น “นี่จะจำเรื่องเดียวหรือไง”

ผมพยายามระลึก... แล้วบอกไป

“... ก็ไม่เกี่ยวกันหรอก” ขอคนละที่คนละทางกันนะ คิดว่า

“... อันนี้ให้ขอแทค?”

ผมพยักหน้า โอบเคาะกระดาษกับคาง แล้วถาม

“ให้ขออะไร”

"ขออะไรก็ได้"

... จริงๆ... จะให้เลี้ยงหนัง เลี้ยงข้าว เลี้ยงหนู ได้หมด

"อะไรก็ได้? อันตรายนะนั่น"

หัวสมองผมยามดึกหลังจากสู้รบปรบมือกับลูกค้ามาทั้งวันและยังไปงานเลี้ยงโดยต้องคิดบทสนทนาอยู่ตลอดทั้งที่ไม่ค่อยถนัดเริ่มจะไม่ทำงานสักเท่าไหร่แล้ว โอบก็ยิ้ม มองอยู่อีกครู่แล้วว่า

“มีวันหมดอายุไหม”

"ปีหนึ่ง..."

โอบชะงักไปเล็กน้อย ถามว่า “ปีหนึ่งเท่านั้นเองเหรอ”

"... ปีหน้าก็เกิดอีก... เดี๋ยวหาอย่างอื่นให้”

โอบค่อยๆ พับกระดาษเก็บ

"... งั้นเอาไว้ก่อน...”

ผมมองอย่างสงสัย แต่อีกฝ่ายบอก ยังยิ้ม

“ไว้ก่อนจนกว่า... โอบสมควรจะได้”

อีกครั้งที่ผมคิดอะไรไม่ออก จะตอบว่ายังไงดีกับประโยคแบบนี้

... แต่ก็พูดออกไป

“แล้ว... จะรอ”


ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
คุณ Millet ก็ดูเอนเอียงอยู่อะไรอยู่นะ ฮา เอาใจช่วยเสี่ยกันต่อปาย

คุณ 2pmui ฮ่าๆ หนังไทย ถ้าฝนตกคนลงไปแก้เครื่องก็จะเปียกละซีนะ อิเมจพี่แทคดูโหดร้ายมาก ฮา เสี่ยน็อตแกก็ทุ่มเทกับคู่แกอยู่นะ

คุณ Naenprin ก็รู้นะคะแต่ก็ไปกันแบบช้าๆ นิดนึง อิอิ ฝากอ่านต่อด้วยค่า

คุณ NewYearzz หวังว่าตอนนี้จะอ่านแล้วมีความสุขเหมือนกันนะคะ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะ

คุณ PapermintReal ขอบคุณค่ะที่ชอบโอบ กร๊าก สื่อรัก 55 ฝากอ่านต่อไปด้วยนะคะ

คุณ puppyluv ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านน้า เสี่ยก็ยังมาเรื่อยๆ แต้มเดี๋ยวไว้ก่อนนะ ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม กร๊าก

คุณ malula ก็ต้องอาศัยเวลาบิลด์ความแน่ใจกันนิดนึงคนมันเคยเฮิร์ตมาก่อนนะ แต่คนเขียนชอบที่เสี่ยเป็นแบบนี้นะ 555 (แต่แทคอาจหนักใจจริงๆ)

คุณ Gokusan คนได้รูปขำไม่ออกแน่ๆ ฮา มีไฟฉายไว้ยามฉุกเฉินก็ดีนะ ฝากเชียร์โอบต่อ อิอิ

คุณ mesomeo2 รู้สิรู้ แค่ต้องการเวลานิดนึง เสี่ยแกไม่ค่อยประสา ต้องดูกันไป ฮ่าๆ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ De_cimo ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า นี่แกก็รู้แล้วนะ ก็ไปกันต่อค่ะเรื่อยๆ เสี่ยยังออกอยู่นะ อิอิ

คุณ kyoya11 ไปกันต่อ ชิลกันต่อ อิอิ

คุณ ่patsaporn ให้โอกาสสิ (รึเปล่า 55) หวงบ้างไรบ้างยังไม่เยอะ อิอิ ตอนนี้ก็มีคุณศรัณย์ แต่ฝากคนอ่านเชียร์น้องโอบ (อ้าว) มาค่ะ เรียนรู้กันต่อไป เสี่ยน็อตก็ดูมีหวังนะ (แต่เคสแกจะแอบแปลกนิดนึง กร๊าก) ขอบคุณที่อ่านเหมือนกันค่ะ

คุณ Tassanee ขอบคุณสำหรับการอ่านค่า ฝากต่อด้วยน้า

คุณ yumsonteen ขอบคุณที่เข้ามารออ่านเสมอน้า ซึ้งใจมากจ้า

คุณ kubkamsoda ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ ว่าจะยังไงกันต่อไป...

คุณ iamnan คนเขียนก็หวังว่ามันจะไม่นานเหมือนกันค่ะ แต่อาจจะมีอะไรนิดๆ หน่อยๆ ตามรายทางนะ ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณ suck_love เสี่ยแกก็เป็นของแกอย่างนี้แหละ เชียร์โอบต่อนะคะ

คุณ milkteabeige รู้แล้ว... แต่ยังต้องเชียร์โอบต่อนะ อิอิ ขอบคุณมากเลยค่ะ

คุณ shabushabu4 ตอนแรกก็คงเป็นกลไกป้องกันตัวเองแหละค่ะ เพราะเคยมีอดีตไม่ค่อยดีเกี่ยวกับความรักนะ (อันนี้เรายังเหลือให้ขยายความกันต่อไป) แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วแหละ

คุณ yamapong มันเป็นธรรมชาติของเสี่ย ฮา ต้องเอาใจช่วยแกด้วย

คุณ pim_onelove ตอนนี้มีหนูเรือง อิอิ แทคก็เอียงไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังต้องอาศัยความมั่นใจอยู่อีกเหมือนกัน ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า

คุณเฉาก๊วย ก็มีเสี่ยอีก อิอิ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า

คุณ Cherry Red ยินดีที่ได้เจอกันอีกค่า มันก็ต้องได้ใจแทคบ้างแหละ (มั้ง) ไม่มากก็น้อยนะ พยายามกันต่อไป 55 ใส่พานถวายเลยนะคะ (นี่หนูดาวเรืองกลับมาทวงบัลลังก์ดาวขโมยซีนหรือเปล่าเนี่ย)

คุณนอนกินแรง นี่คนเขียนว่าแทคก็เอียงแล้วนะ ก็ดูกันต่อไปค่ะ ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาอ่านน้า

คุณ 1wariya1 ฮา แต่ก็ฝากเชียร์น้องโอบต่อด้วยน้า ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ปรากฎหนูเรืองได้อยู่ต่อ (ไปก่อนในตอนนี้... เธอดูเป็นตัวละครที่มีความสำคัญนะ ฮา) เส้นเรื่องทุกอย่างน่าจะบรรจบกันในไม่ช้าไม่นาน... จริงๆ มันก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหารึเปล่า เนอะ

ปล. ขอโทษคนอ่านที่รออ่านด้วยนะคะ ตอนนี้การงานโหดร้ายกับคนเขียนมาก โฮว คนอ่านก็อย่าเพิ่งทิ้งเค้าน้า สัญญาเหมือนเดิมว่าถึงช้าบ้างแต่ก็จะรับผิดชอบจนจบแน่ๆ ขอบคุณมากๆ เลยค่า
  :กอด1:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
แอบชอบคุณศรันย์เล็ก ๆ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
แว๊บมาอ่าน  :katai5:

หนูเรืองยังอยู่ :heaven

แทคให้ของอันตรายจริงๆแหละ ถ้าโอบขอให้แทคเป็น'เมีย' ทำไงดีล่ะ  :m26:  :laugh:

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
แทคเนี่ยเป็นพวกความรู้สึกช้ารึเปล่าเนี่ย  :mew4:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
อยากให้ลงเอยกันจัง คงจะน่ารักมากเลยคู่นี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
มาต่อแล้ววววว :mc2:
โอบค่อยๆกระดึ๊บความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ เชียร?สุดใจเลย :a9:

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
โอบดูอบอุ่นตลอดเวลาเลยนะ อยากเห็นตอนเขาเอาใจใส่กันอย่างเปิดเผยไวๆ จัง   :กอด1:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
กำลังคิดถึงอยู่เชียวว่าหายไปนาน ปกติจะมาอาทิตย์ละครั้งเนอะ รอได้ค่ะ แต่ก็คิดถึง 555

น้องโอบยังไม่ขอหรา เช็คของขวัญเลยน้า ขออะไรก็ได้เลยน้า ไม่ต้องให้ถึงหนึ่งปีตามอายุเช็คนะ
เดี๋ยวคนอ่านจะรอเหงือกแห้งตายซะก่อน (เค้าก็จะรักกันเบา ๆ เรื่อย ๆ อิคนอ่านก็เร่งจัง)
แต่พี่แทคน่ารักมากนะตอนวิ่งขึ้นบันไดมาอวยพรวันเกิดให้ ใจดีกับน้องตลอด ๆ เด็กมันก็แอบชอบมาตั้งแต่เด็กอ่ะสิ
ชอบตอนโอบห้ามเพื่อนรบกวนแทค ตัวเองรบกวนได้คนเดียว ฮิ้วววว ชอบมุมนี้ของโอบ หยอดบ่อย ๆ ดิ ใช้ความเด็กเข้าสู้
ยังไงก็น่าเอ็นดูอยู่แล้ว
แหม่ คุณศรัณย์เค้าก็ขยันหยอดเนอะ รู้จักแทคดีด้วยว่าถ้าไม่ใช่้เรื่องงานนี่ไม่มีสน ที่จริงโปรไฟล์แกก็เริ่ดอยู่นะ
ส่วนเสี่ยน๊อต ห่วงใยจากใจเลยค่ะ คู่เดตแกดูแปลกมาก อืม แต่ถ้ารักกันแล้วส่งเสริมกันไปก็คงดีนะ
อยากให้แกสมหวังมากบ่องตง~

ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
ชั้นชอบน้องไมค์ นางพูดมากดี กรี๊ดด  :hao3:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
เมื่อวานเปิดมาเจอตอนสี่ทุ่ม
ก็ยังเปิดแช่ต่อจน...เที่ยงคืน
และปรากฏว่า...ไปต่อไม่ไหว นอนดีกว่า
เลยอ่านขาดๆ เกินๆ จับใจความไม่ได้เรื่องอะไรเท่าไหร่

แค่หมั่นไส้คุณศรัณย์...เพื่อ?? ^^" ก็คนมันหมั่นไส้อ่ะ
แอบตามลุ้นคู่เดทเสี่ย...จะยังไงเนี่ย เหมือนทุ่มใจ ถ้าไม่ได้ก็น่าสงสารเสี่ยนิ

แล้วก็แทค...ถ้าไม่ชอบคงไม่ลงทุนวิ่งขึ้นห้อง(เขา)หรอกเนาะ ^^
ของขวัญตาโอบเป็นอะไรหนอ...ท่าทางว่าคนให้อาจได้อันตรายทางร่างกายได้ เบาๆ ;p

ชูป้ายไฟเชียร์ตาโอบกันต่อไป ^^V

ออฟไลน์ PapermintReal

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-13
ว้ายยยย อยากรู้ว่าโอบจะขออะไร :hao6:

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
ขอบอกว่าชอบโอบตอนนี้มาก
เที่ยงคืนก็ยังที่เดิม อ๊าซซซซซ :hao7:
แต่เสี่ยยังน้่ารักน่าหยิกกวนโอ๊ยเหมือนเดิม 555
สีสันจริงๆ คนนี้
คุณศรนย์เริ่มล่ะ
ชักสนุกขึ้นทุกที
อยากอ่าน :hao5:
กดบวกและเป็ด^^

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
จนกว่าจะพร้อมที่คืออะไรค่ะ รอให้แทคสมยอมหรือเปล่า  :hao6: เราก็คิดไปไกล 555555555555

ออฟไลน์ เมฆาสีน้ำเงิน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เรื่องรักบางทีก็รีบไม่ได้จริงๆนะครับ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
เย้ ๆ  :hao7: :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
คือมีความสุขที่ได้อ่าน บรรยากาศดูเรื่อยๆแต่อบอุ่น

แบบว่ายังไงดี ผู้ชายแบบโอบนี่ผู้ชายในฝันมาก

เข้าใจอะไรทุกสิ่งอย่าง น่ารัก ผมตกหลุมรักเรื่องนี้แล้วครับ  :กอด1:


รอตอนต่อไปครับ  :L2:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ขออะไร...โอบจะขออะไรน้า
 :z1:

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ขออะไรก็ได้??!!
แทคคิดดีแล้วใช่มั้ยถึงได้พูดแบบนั้น

ออฟไลน์ yumsonteen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณเช่นกันนะครับที่มีเรื่องดีๆน่ารักๆให้ผมได้อ่าน

ออฟไลน์ pim_onelove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
เป็นตอนที่อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลย อบอุ่นกำลังดี ไม่หวานจนเกินไป

และที่สำคัญ
.
.
.
.
หนูเรืองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง หนูเรืองอ้วนๆ อวบๆ ขนฟูๆ น่ารักที่สุด  *\^_________^/*  :mc4:

ออฟไลน์ Windyne

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
    • Windyne Page on Facebook
ตามมาอ่านเพราะมีโอกาสได้ไปอ่านรอยรัก จำหลักใจ ของคุณเดหลีค่ะ ชอบมากกกกกก

เรื่องนี้น้องโอบน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ชอบบรรยากาศระหว่างโอบกับแทค ดูทั้งคู่รู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่พูดอะไรออกมาชัด ๆ
แต่มันไม่อึมครึมเลย กลับน่ารักมาก  รอตอนใหม่อย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ ^^

วงกลม

  • บุคคลทั่วไป
มาตามอ่าน สนุกมาก
ปูเสื่อรอล่ะนะ ^[++++]^

ออฟไลน์ ben

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-3
โอบน่ารัก>< :mew1:
คุณศรันย์ คิดจะจีบ แทคใช่มั๊ย 5 5  :hao7:+ ไม่ได้ แทคของโอบ :katai5:
รอคนเขียนมาต่อค่ะ ชอบมาก ^^ :hao6: รอวันที่เช็คของขวัญจะถูกใช้น้ะ :mew1:

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 10

เย็นวันศุกร์ผมทำงานเสร็จก็เปลี่ยนเนคไทใหม่ไปงานแต่งเพื่อนต่อ งานของแป๊วจัดในโรงแรมขนาดกลาง ไม่เน้นหรูแต่รู้สึกเป็นกันเองดี ได้มีเวลาถ่ายรูป พูดคุยกับบ่าวสาวรวมทั้งเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เจอกันนานตั้งแต่สมัยเรียน สาวๆ ต่างก็ควงแฟนมา บางคนกำลังจะแต่ง... ส่วนเพื่อนผู้หญิงที่ยังไม่มีเป็นตัวเป็นตนก็ชักจะบ่นๆ อยากมีบ้าง เป็นอันว่าผมได้แจกนามบัตรของบริษัทไปจนแทบหมดที่พกมาด้วย แม้ไม่ใช่ความตั้งใจแต่ทีแรกที่จะไปงานเพื่อนเพื่อให้ได้งานตัวเองก็ตามเถอะ

... ถึงส่วนที่ได้ลูกค้าใหม่จะไม่ใช่แผนกเราผลก็คือกัน เพราะนโยบายบริษัทนั้นแบ่งโบนัสร่วมกันทุกแผนกไม่ได้แบ่งแยก บางทีฝั่งเรายังได้ลูกค้าเพราะฝั่งตรงข้ามแนะนำมาก็มี พี่อิทว่าช่วยกันทำงาน ยังไงเราก็ไม่แย่งลูกค้ากันอยู่แล้ว

ผมไม่เห็นภัคจนกระทั่งเจ้าสาวจะโยนดอกไม้ เพื่อนๆ กรูกันไปรอหน้าเวทีห้องเลยโล่งขึ้น ภัคยืนอยู่คนเดียวเกือบสุดข้างหลัง ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ มองภาพความโกลาหลข้างหน้าแล้วก็ยิ้ม... แต่เพราะผมรู้จักเพื่อนมานาน เลยพอจะดูออกว่าหน้าตาหม่นๆ พิกล   
ผมเดินเข้าไปใกล้ ภัคเห็นผมเข้าก็ยิ้มให้ เป็นยิ้มอย่างเดิม ผมเลยถามตรงๆ ว่า

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า"

ภัคถอนใจ ยังไม่ตอบ เรายืนอยู่ตรงนั้นกันครู่หนึ่งจนผมถามขึ้นอีก “เจอแป๊วแล้วใช่ไหม”

ภัคพยักหน้า ความจริงแป๊วเรียนคณะเดียวกับผม แต่ภัคอยู่นิติฯ งานนี้ส่วนใหญ่เลยมีแต่เพื่อนคณะเรา ซึ่งภัคอาจจะไม่รู้จักมากนัก แล้วก็คงไม่อยู่ในอารมณ์จะไปตั้งวงสนทนาใหม่ ที่จริงแป๊วกับภัค (หรือแม้แต่ภัคกับผม) อาจไม่รู้จักกันเลยก็ได้ถ้าเราไม่บังเอิญเลือกวิชาเรียนรวมของมหาวิทยาลัยตัวเดียวกัน แล้วก็มาจับกลุ่มทำรายงานด้วยกัน...

มหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับเจาะจงชั้นปีเวลาลงทะเบียนรายวิชาเลือกแบบนี้ กลุ่มรายงานนั้นเลยมีรุ่นพี่คณะของภัคด้วย แล้วก็...

ผมหันกลับไปมองภัคก่อนจะจมอยู่ในห้วงความคิดและอดีตเสียเอง บอกเพื่อนว่าออกไปหาที่คุยกันข้างนอกดีกว่า หลังจากนี้อาฟเตอร์ปาร์ตี้คงเริ่ม ออกไปตอนนี้ก็ไม่น่าเกลียด

ภัคพยักหน้าอีกครั้ง เท่าที่รู้จักกันมา... เดี๋ยวพร้อมคงเล่าเอง ก็คล้ายๆ กับนิสัยผมนั่นละ

ในซอยข้างโรงแรมพอมีร้านเงียบๆ อยู่บ้าง ลงนั่งเรียบร้อยสั่งอะไรมาดื่มเสร็จผมก็รอ จนผ่านไปแก้วที่สองแล้วนั่นแหละภัคถึงพูดขึ้นง่ายๆ “โดนทิ้ง”

ผมรีบวางแก้ว แต่เพื่อนบอก “ไม่ต้องตกใจ โอเคแล้ว... ความจริงก็ผ่านมาพักหนึ่ง พอดี... งานยายแป๊วนี่ล่ะที่ชวนมาแต่โดนตีตัวออกห่างเลย... บอกว่ามันจริงจังเกิน”

ภัคยกแก้วขึ้นดื่ม ถือไว้ในมือ พูดยิ้มๆ “ก็ชวนไปงานแต่งนะไม่ได้ชวนไปแต่งงาน...”

ไม่เกี่ยวกับเรื่องจดทะเบียนหรือกฎหมายอะไรหรอก แต่ผมเข้าใจที่ภัคหมายถึง... เพราะพอจะรู้ว่าเพื่อนคบกับคนนี้มานานพอสมควร ถึงเขาจะไม่ค่อยยอมมาเจอเพื่อนฝูงภัคเท่าไหร่ก็เถอะ พอคิดจะจริงจัง มีแค่คนเดียว ก็ทิ้งไปง่ายๆ อย่างนี้เอง

ประเด็นคือผมแทบไม่รู้จักไอ้หมอนี่เลย แต่ว่า...

พอดีภัคพูดขึ้น “นี่ไม่ต้องทำหน้าเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนั้นหรอก ไม่ได้คิดติดใจเอาเรื่องอะไรมากเพราะ... ตอนแรกดันไปบอกว่าเล่นๆ กันทั้งคู่... ความจริงมันก็ไม่เคยบอกหรือสัญญาอะไรที่เราจะทวงได้”

ผมมองภัค เพื่อนก็ยิ้มก่อนยกแก้วขึ้นดื่มอีกอึก ภัคพูดเหมือนสะท้อนภาพของผมเมื่อก่อน... เพราะคราวของผม เคยมีสัญญา แต่อีกฝ่ายรักษาไว้ไม่ได้ หรือบางที... ก็ไม่คิดจะรักษาไว้ตั้งแต่ต้น

"คือคราวนี้เป็นคนดีด้วยไง" ภัคบอก จู่ๆ ก็วางแก้วลงกับโต๊ะดังโป๊ก น้ำกระฉอก "เป็นคนดีก็ยังโดนทิ้ง สรุปเป็นคนดีแล้วได้อะไร”

... ถ้ายังแค่คุยๆ ไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันเพื่อนก็มีแสบและแซ่บบ้างตามสถานการณ์ แต่คราวนี้คงไม่เหมือนคราวอื่นๆ และผมก็นึกคำตอบให้ภัคทันทีไม่ได้

ที่จริง... ผมคิดว่าคนที่เราคบอยู่เป็นส่วนสำคัญในการทำให้เราอยากเป็นคนดีหรือไม่ดี ที่พูดกันว่าอยากทำตัวดีขึ้นเพราะใครมันไม่ใช่เรื่องน้ำเน่านะเอาจริงๆ แล้ว

เพียงแต่บางทีมันก็ไม่เสมอไปที่เราอยากเป็นคนดีเพื่อใครแล้วสุดท้ายเขาจะดีกับเราไปตลอด

เรื่องนี้ผมมีประสบการณ์ตรง...

ภัคเงียบไปนานจนผมต้องหันไปมอง เพื่อนหัวเราะเบาๆ เมื่อผมถามว่าเป็นไรหรือเปล่า

“แค่คิดถึงเรื่องเมื่อก่อน... นิดหน่อย” ภัคบอก หมุนแก้วไปมาในมือแล้วถอนใจ “ยังคิดอยู่จนทุกวันนี้ ไม่น่าแนะนำไอ้พี่นั่นให้รู้จักแทค ดูสิแทคตอนนั้น... เราตอนนี้ เจอคนพรรค์นี้ชีวิตแย่ไปพักใหญ่”

“คิดมาก... ความจริงเขาเป็นคนมาขอเข้ากลุ่มทำรายงาน แล้วภัคก็แค่รู้จักพอดีเพราะเป็นพี่คณะเท่านั้นเอง” ผมตอบ พยายามยิ้มให้เพื่อนสบายใจ

ภัคมองผมอยู่ครู่ก่อนจะเอ่ย “รู้ตัวหรือเปล่าว่าไม่ค่อยทำอย่างเมื่อก่อนแล้ว”

ผมมองเพื่อนอย่างสงสัย ภัคก็ยิ้มนิดๆ แล้วว่า “เมื่อก่อนชอบจับต้นคอบ่อย รอยนั่นน่ะ ยิ่งถ้าพูดถึง... ยิ่งห้ามไม่ได้ อัตโนมัติเลย เมื่อกี้เฉยๆ แล้วนี่”

“เรื่องมันผ่านมานานแล้วมั้ง” ผมตอบ เสยกแก้วเครื่องดื่มขึ้น

ผ่านมาแล้วและผ่านไปแล้วจริงๆ... วันยี่เป็งในตอนนั้นที่ผมสักชื่อย่อของคนคนหนึ่งลงด้วยความคิดน้อยของตัวเอง คิดว่า... คนจะอยู่กับตัวไปตลอดเหมือนรอยสัก ตอนนั้นเรื่องราวทุกอย่างมันยังดีในความคิดผม ก็ดีจนถึงอีกปีต่อมา... แต่ความจริงมันเริ่มมีเค้าลางมาตั้งแต่ต้นแล้ว ภัคเองก็เคยเตือน เพียงแต่ผมเลือกจะไม่มอง เพราะผมรักความคิดที่ได้รัก จนลืมดูว่าแท้จริงแล้วคนที่ผมคิดว่ารักนั้นเป็นอย่างไร

ถึงป่านนี้ผมก็ไม่ลบ เอาไว้เตือนตัวเองว่า... อย่าโง่อีก

ส่วนลอยกระทงปีนี้คิดว่า... ยังมีคนให้ลอยด้วย... น่าจะเป็นคนเดิมกับปีที่แล้ว

“... มีใครหรือเรื่องอะไรที่ทำให้เลิกคิดเหรอ”

ผมสะอึกนิดหนึ่งแต่ก็กลืนน้ำลงไปได้โดยไม่ถึงกับสำลัก รู้สึกว่าเพื่อนมองๆ พอยังไม่ได้คำตอบภัคก็เลยถอนใจแล้วสรุปเอง

“ดี... อยากเจอเหมือนกัน”

ผมไม่เคยแนะนำบริษัทตัวเองให้ภัค เพราะรู้มาตลอดว่าเพื่อนอยากเจอคนเอง ไม่ได้อยากถูก ‘จับ’ ให้ อย่าว่าแต่ภัคเคยพูดว่าขืนมาใช้บริการ รับรองที่ปรึกษากับลูกค้าได้มีการทะเลาะทุ่มเถียงกันรายวันแน่...

เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระต่ออีกหน่อยก่อนแยกย้ายกันกลับ เพื่อนบอกก่อนจากพร้อมกับยิ้มล้อๆ

“อย่าลืมระวังใจไว้บ้าง”

ผมขำ... หยอกกลับว่าให้บอกตัวเองเถอะ เพื่อนเล่นกับคำเวลาเราไว้เตือนคนที่กำลังมุ่งสู่เส้นทางที่น่าจะเกิดอันตรายได้ เราก็บอกเขาให้ระวังตัว

แต่ผมคิดว่าคราวนี้น่าจะปลอดภัย


ผมแวะซื้อของกินนิดหน่อยจากร้านอาหารที่ยังเปิดอยู่ คิดถึงคนอ่านหนังสือสอบว่าอาจหิวยามดึกไม่งั้นก็เก็บไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้ พอขึ้นไปถึงชั้นห้าเห็นแสงไฟยังลอดออกมาจากห้องตรงข้ามเลยตัดสินใจเคาะประตู ถึงโอบแอบงีบแต่เปิดไฟทิ้งไว้อย่างนี้จะได้ลุกไปนอนดีๆ

โอบเปิดประตูโดยที่หน้าตาไม่ได้ดูง่วงแต่อย่างใด พอผมถามว่าทำอะไรอยู่ก็ว่าดูข้อสอบเก่า... เพิ่งเสร็จชุดหนึ่งพอดี รับถุงไปแล้วยิ้ม

“... ใจดีจัง”

ผมเดินตามเข้าไปในห้องมองโอบเก็บของ แต่จู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

"เออ... ทีหลังบอกก่อนสิถ้าจะร้องเพลง”

“ทำไม” ผมชักระแวง คือมันเป็นทักษะที่ไม่ได้ภูมิใจเลยไง หรือโอบต้องการเวลาชิ่ง/เตรียมตัว/หาสำลีอุดหูก่อนผมจะร้อง?

“จะได้เอาโทรศัพท์อัดไว้” โอบว่าพลางหัวเราะ

... นี่ผมก็ช่วยอะไรมันเยอะแยะหลายสิ่งรวมซื้อข้าวให้กินโดยที่มันไม่ต้องแบล็คเมล์ผมอยู่แล้วนะ...

“ไม่น่าอัดหรอก ทำอะไรไม่เห็นได้”

“ทำไมจะไม่ได้... เอาเป็นเสียงปลุกตอนเช้าดีป่ะ” โอบพูดแล้วก็ขำ “ตื่นแน่ๆ”

ที่ต้องตื่นเพราะน่าจะทนฟังต่อไม่ไหวแหละผมว่านะถ้าทำจริง อนาถตัวเองที่นอกจากลายมือแย่แล้วหูยังเพี้ยนอีกด้วย... พ่อเป็นครูดนตรีแท้ๆ

“จะเอาไว้ทำไมแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ใครเขาเกิดกันทุกวันบ้าง”

“ก็ไม่ได้เกิดทุกวันแต่อยากได้ยินเสียง... เพลงทุกวันได้ไหมล่ะ”

พูดแล้วก็หัวเราะอีก ไม่แน่ใจว่าจะยังไงแน่... ผมเหลือบไปเห็นปฏิทินหน้าโต๊ะหนังสือมีรอยกาไว้พอดี เลยถามต่อถึงเรื่องสอบเพราะใกล้เต็มที โอบว่าสอบเสาร์หน้าแล้ว หลังจากนั้นอีกสิบวันก็รู้ผล ถ้าผ่านก็สมัครสอบหนที่สองต่อ

สนามสอบคือที่มหาวิทยาลัยโอบ... ผมคิดไปคิดมาแล้วก็เลยว่า

“เสาร์หน้าจะไปแล้วมาเคาะห้องสิ เดี๋ยวไปส่ง”

โอบเอาคางเกยแขนตัวเองที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ มองผม ยิ้มแล้วก็พูดซ้ำเหมือนเดิม

“... ใจดีจัง”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดิบพอดี ล้วงออกมาดูแล้วปรากฎว่าเป็นแม่ซึ่งยังไงก็ต้องรับ เลยลุกกลับไปพูดที่ห้องตัวเอง โอบก็เดินตามมาจนถึงประตู

แม่อยากจะรู้ว่าผมให้อะไรน้องโอบของแม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจับใจความจากการอุบอิบของผมได้แค่ไหน แต่จุดประสงค์หลักของคุณนายคือ...

“เมื่อเย็นแม่คุยกับน้านัน น้องโอบจะสอบเอาใบประกอบฯ หนแรกเสาร์หน้าแล้ว แทคไปส่งน้องหน่อยซิ”

“ได้แม่”

“น้องสอบสำคัญนะลูก ตื่นเช้าสักวันสองวันมันไม่เป็นไรหรอก...”

“แทคว่าได้ไงแม่ เดี๋ยวแทคไป” ท่าทางผมจะรับคำง่ายไม่ก็เร็วเกินจนแม่ไม่ชินละมังเนี่ย

“... ออกสายรถติดอีกหลาว...”

ผมก็รับให้แม่สบายใจว่าไม่สายแน่จนกดวาง

คือคราวนี้... ผมทำก่อนแม่จะโทรมาบอกนะ...


ศุกร์ต่อมาได้ลูกค้าใหม่เข้ามารายหนึ่ง พี่อิทส่งต่อผมทันทีผมเลยให้ครีมช่วยดู น้องจะได้เรียนรู้งานไปด้วย

เมื่อดูโปรไฟล์บัญชีเราไปๆ มาๆ แล้ว ผมก็ไม่แปลกใจที่เขาอยากออกไปกับคุณศรัณย์ก่อน พอลูกค้ากลับผมจึงโทรหาลูกค้าขายดีหมายเลขหนึ่งทันที

“เหรอ... ผมไม่เคยออกไปกับเขานะ?” คุณศรัณย์ถามไถ่มาตามสาย

“คนใหม่ครับ... เพิ่งเข้ามาเป็นลูกค้า เขารีเควสต์เดตกับคุณศรัณย์คนแรกเลยนะครับ” ไม่รู้น้ำเสียงผมลิงโลดเกินไปหรือเปล่า ก็ถ้าคุณศรัณย์ถูกใจคนนี้จะได้มีความเคลื่อนไหวในบัญชีผมบ้าง คุณศรัณย์ไม่ได้ออกไปกับใครหลายเดือนซึ่งเข้าใจได้เนื่องจากงานช่วงนี้ยุ่งบวกกับหลายคนที่ช่วงอายุ ความสนใจ หรือภูมิหลังดูพอจะไปกันได้คุณศรัณย์ก็เดตมาหมดแล้ว และบอกว่า... ไม่ถูกใจ

“เดี๋ยวผมส่งรูปกับโปรไฟล์เขาให้ดูทางอีเมล์นะครับ? หรือจะให้ส่งข้อความภาพไป”

“อ้าว ปกติคุณแทคก็เอามาให้ผมดูเองทุกทีนี่นา”

บางบริษัทที่ทำธุรกิจเดียวกับเราใช้วิธีให้ลูกค้าที่มีรหัสเข้าไปดูประวัติเองในฐานข้อมูล แต่ฝั่งผมยังใช้วิธีเดิมคือใส่แฟ้มไปคุยโดยตรง นอกจากเห็นรูปชัดเจนแล้วเผื่อมีอะไรจะได้ตอบข้อสงสัยต่อหน้า บางทีลูกค้าไม่อยู่หรือไม่สะดวกจริงๆ จึงใช้อีเมล์... แต่ที่เสนออย่างนี้เพราะคุณศรัณย์เพิ่งเปิดอู่ใหม่ น่าจะยุ่งไม่เบา

“ผมกลัวคุณศรัณย์ไม่มีเวลาน่ะครับ”

“ผมจะไม่มีเวลาให้ที่ปรึกษาผมได้ไงล่ะ ตกลงมานะ”

“คุณศรัณย์นี่ป๊อบตลอด” ครีมว่าเมื่อผมวางหูลงหลังจากนัดแนะเวลากันเรียบร้อยแล้ว เป็นเย็นวันพุธหน้า “แกไนซ์... พี่แทคอะเก่ง ถ้าเป็นครีมแล้วย้ายคุณศรัณย์ไปฝั่งนู้นนะ ฮู้ย...”

ผมจัดการบอกครีมไปว่าจะฝั่งไหนถ้าเป็นลูกค้าเราต้องมืออาชีพทั้งนั้น... ที่จริง คุณศรัณย์ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วตามปกติประสาคนมีเสน่ห์ให้บริหาร

... ซึ่งผมไม่เคยจะคิดอะไรมาก


วันรุ่งขึ้นผมจอดส่งโอบใกล้ตึกที่จะสอบ เหลืออีกครึ่งชั่วโมงนิดๆ ก่อนถึงเวลา ผมเข้าใจว่าโอบอาจอยากลงไปเจอเพื่อนไม่ก็หาที่ทวนอะไรเงียบๆ ก่อน แต่เจ้าตัวกลับยังนั่งอยู่ในรถ ผมเลยเรียก ไม่รู้ว่ามัวแต่คิดถึงหัวข้อที่จะสอบอยู่หรือเปล่า

"... ถึงแล้ว ไม่ลงไปล่ะ"

โอบเท้าศอกที่กรอบประตูหันมา บอกยิ้มๆ

"... ตากแอร์ เย็นดี..."

ผมขำ พอจะนึกรู้แล้วว่าทำไมถึงยังนั่งอยู่ เลยพูด

"เอ้า ขอให้ได้คะแนนเต็ม"

"เอาอะไรที่มันเป็นไปได้หน่อยซิ" เจ้าตัวว่าแต่ก็ยังยิ้ม ผมยิ่งขำ

ทางจิตวิทยาเขาบอกว่า... การเชียร์อัพมีผล อยากได้ผลร้อยพูดสักสองแสน ประมาณนั้น

“ถ้าตั้งใจแล้วก็พยายาม เป็นไปได้ทุกเรื่องแหละน่า”

โอบยิ้มกว้างแล้วว่า

"ทุกเรื่องจริงนะ..."

ผมยิ้มตอบก่อนจะผงะนิดหน่อยกับเงาดำที่ทาบมาเบื้องหลังคนนั่งข้าง

... ไมค์ เกาะขอบหน้าต่างอยู่แถมยังป้องหน้าส่องเข้ามาอีก พอลดกระจกฝั่งนั้นให้ก็ยกมือไหว้ผมแผล็บ รีบพูดกับเพื่อน

"ทำไรอยู่ไม่ลงซักที! เอาโน้ตมาด้วยเร็วๆ จะเข้าห้องสอบแล้วจำอะไรไม่ได้เลย ตายแน่ ตายแน่ๆ..."

โอบถอนใจ ผมอดขำไม่ได้ ความจริงเพื่อนมันจะเห็นก็ไม่แปลกเพราะรถผมไม่ได้ติดฟิล์มดำมืดอะไร ค่อนข้างใสด้วยซ้ำ ผมโบกมือลาทั้งคู่ส่วนโอบจำต้องลงจากรถไปเอาสมุดยัดใส่มือเพื่อนที่เริ่มออกอาการทึ้งหัวแล้วบอกให้ตั้งสติ ก่อนเลื่อนกระจกขึ้นโอบก็ส่งยิ้มมาให้

ผมยิ้มตอบ... หน้าตาสบายใจแบบนั้น ทำข้อสอบได้แน่ๆ...


ไหนๆ เอารถออกมาแล้วผมเลยตีออกนอกเมือง ไปเยี่ยมเสี่ยน็อตเสียหน่อย เดตครั้งล่าสุดของเสี่ยก็สองสามวันก่อน... ถึงจะเป็นวันเสาร์แต่แน่ใจว่าอยู่โรงงานเพราะหยุดแค่วันอาทิตย์ โทรไปเช็คอีกทีตอนอยู่ในรถเสี่ยก็บอกด้วยน้ำเสียงยินดีว่ามาได้เลย

เสี่ยออกมารับผมเอง ไม่ได้ใส่เสื้อยืดย้วยและกางเกงขาสามส่วนอย่างเมื่อก่อนแต่เป็นเสื้อโปโลดูดีกับกางเกงขายาว ผมต้องถาม

“เดี๋ยวเสี่ยออกไปไหนหรือว่าจะมีลูกค้ามาพบครับ”

เสี่ยหัวเราะ “เปล่าหรอกคุณแทค ผมก็แต่งๆ ให้มันดีขึ้นน่ะพอออกไปไหนจริงจะได้ไม่พลาดอีก ตอนแรกพวกพนักงานผมก็ไม่ชินกันเหมือนคุณแทคนี่แหละ”

เจ้าของโรงงานเดินนำเข้าไปในส่วนออฟฟิศ ทางขวามีดิสเพลย์สินค้าวางโชว์เอาไว้เรียงกันสวยงามแถมผูกโบเสียเรียบร้อย เสี่ยก็คว้ามาขวดแล้วยื่นให้

"นี่ผลิตภัณฑ์ใหม่ผมคุณแทคเอาไป น้ำปลาลดโซเดียม กำลังเจาะตลาดกลุ่มคนใส่ใจสุขภาพ"

ผมขอบคุณก่อนเดินถือขวดน้ำปลาตามเสี่ยเข้าไปในห้องทำงาน ขวดเก่าไซส์ครอบครัว (ขยายด้วยไม่ใช่ครอบครัวเดี่ยว) ที่เสี่ยให้มาคราวก่อนนั่นผมยังใช้ไม่หมดเลย แต่ก็ถือว่ารับน้ำใจเสี่ย ซึ่งไม่ได้เค็มเหมือนน้ำปลาที่ทำแต่อย่างใด

“เดตครั้งล่าสุดเท่าที่ได้คุยกันคร่าวๆ ก็ราบรื่นดีใช่ไหมครับ” ผมถาม จับสังเกตลูกค้าไปด้วย เพราะบางทีคุยโทรศัพท์กันไม่เห็นสีหน้าท่าทาง พี่อิทเคยมีกรณีลูกค้านิสัยดี (จนเกินไป) กลัวที่ปรึกษาจะเป็นกังวลและขี้เกรงใจจนบอกแต่ว่าอะไรก็ดีมาแล้ว กว่าจะรู้ปัญหากันก็เกือบแย่

“ราบรื่นสิ” เสี่ยว่า ผมยกแก้วน้ำกำลังจะดื่มเสี่ยก็ต่อด้วยประโยคที่ทำเอาผมเกือบทำน้ำหก “... ผมทำของเช้าไปให้เขาที่เตียงด้วย”

ผมนั่งถือแก้วน้ำค้าง ชะรอยเสี่ยจะกลัวผมยังไม่เข้าใจเลยพูดอีก “เบรกฟาสต์อินเบด”

จะได้อินเบดกันตอนเช้า ก่อนหน้านั้นมันก็ต้อง...

ผมยังไม่ได้แนะอะไรเสี่ยเรื่องนี้ เพราะเอาจริงผมไม่คิดว่าเสี่ยจะก้าวหน้าไวจนกามนิตยังอาย เสี่ย... สุดยอดของพัฒนาการ ดีใจด้วยอย่างมาก

แต่ประโยคถัดมาทำเอาภาพโรแมนติกที่น่าจะมากับคำนี้พังไปในทันที

“แต่ผมไม่แนะนำนะ ลุกไปกินดีกว่า ไม่รู้ฝรั่งนิยมได้ไง เศษขนมปังร่วงกราวเลย ระวังยากมาก แล้วก็กาแฟหก! ผมกับเขานี้โดดกันไปคนละทางแทบตกเตียง ชงมาอย่างร้อน" เสียงเสี่ยน็อตสยอง "เกือบโดนตรง..."

"เสี่ยครับ เสี่ย ไม่ต้องลงรายละเอียดถึงขนาดนั้นก็ได้” ผมรีบเบรก พอคุยซักไปเรื่องอื่นก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร นอกจาก...

“ที่... ไปดูหมงดูหมออะไรนี่ เสี่ยโอเคนะครับ?” ผมถามย้ำ คือถ้าไลฟ์สไตล์เขาไปด้วยกันได้ หรือแม้แต่ในกรณีนี้เสี่ยไม่เคยจะแยแสเรื่องโหราพยากรณ์ แต่ไปแล้วไม่รู้สึกเหมือนถูกบังคับมันก็ดี เพราะเคยมีกรณีลูกค้าเก่าผมคนหนึ่งเป็นเซียนไอที ส่วนอีกคนแค่เปิดปิดคอมได้ก็เก่งแล้ว ตอนนี้ก็ยังคบกันอยู่ ฝ่ายหลังหันมาสนใจเรื่องนี้จนชอบไปเองด้วย ส่วนฝ่ายแรกก็สนุกสนานกับการสอนแฟน แต่ถ้าฝืนใจนี่มันก็มักจะ... ไม่ยืด

"ผมก็มีความสุขดีนะคุณแทค" เสี่ยว่า "... ไม่ใช่จุดประสงค์งานนี้เหรอ"

“คู่เดตเสี่ยเขายัง... ไม่ได้หยุดเดตคนอื่นเหมือนเสี่ยนะครับ” ผมบอก ไม่อยากย้ำนักหรอกแต่ผมระวังผลประโยชน์เสี่ยไม่น้อยไปกว่าลูกค้าคนไหน ถึงอยากช่วยแต่ผมก็ไม่สามารถบังคับคู่เดตเสี่ยให้เขาออกไปกับเสี่ยแค่คนเดียวเหมือนกัน... เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ลูกค้าตัดสินใจเอง

“ผมเข้าใจ... คุณแทคทำงานดีแล้วสบายใจได้” เสี่ยบอก เว้นไปนิดก่อนจะเอ่ย “บางทีผมก็ทำเป็นลืมไปเหมือนกันนะข้อนี้เวลาอยู่กับเขาน่ะ... แต่ผมให้ที่ปรึกษากำหนดตอนจบให้ไม่ได้นี่นา”


ผมขับรถกลับบ้าน ยังคิดอยู่ บางทีคนเราก็... มีความสุขได้ทั้งๆ ที่ไม่ต้องรู้ความจริงทั้งหมด หรือบางที... จงใจลืมบางอย่างไปชั่วคราว ผมเคยผ่านมาแล้ว และรู้สึกว่ามันไม่ยั่งยืน ถ้าอีกฝ่ายยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรม... แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของผมอีกที่จะกะเกณฑ์ความสุขของคนอื่น

ไม่ได้เอาตัวไปตัดสินก็จริง แต่ทั้งเสี่ยทั้งคู่เดตเสี่ยคงยังได้ยินผมพูดเรื่องนี้ไปอีกสักพัก...

โอบส่งเมสเซจมาบอกว่าอยู่บ้านเพื่อนในกลุ่มที่ใกล้มหาวิทยาลัยคงจะค้าง มีไมค์ด้วยแล้วก็เพื่อนอีกสองสามคน ติวเคสกันแต่หลักๆ คือเยียวยาไมค์ซึ่งสภาพจิตใจค่อนข้างบอบช้ำจากข้อสอบ (โอบใส่อีโมติคอนขำมาด้วยแต่ผมสังหรณ์ว่าคงมีมูลความจริงอยู่ไม่น้อย) เอาอาหารใส่ไว้ให้หนูเรืองแล้วแต่ถ้าอยากเข้าไปดูเผื่อจะเพิ่มนิดหน่อยหรืออะไรก็ฝากกุญแจไว้ที่ป้าเหมือนเคย พรุ่งนี้เช้าคงไปสอบพร้อมเพื่อนๆ

ผมรับกุญแจจากป้า ขึ้นข้างบนเลี้ยวขวาแทนเลี้ยวซ้าย ยื่นนิ้วไปเล่นกับหนูขนฟูในกรงที่ย่นจมูกยุบยิบก่อนจะเปิดเอาออกมาอุ้ม

ผมผูกริบบิ้นที่ดึงมาจากขวดให้ ชม “หนูเรืองสวย”

หันซ้ายหันขวาดูอีกหน่อยก็แกะออกเอาไปผูกไว้กับซี่กรงบนสุดเก็บชายให้เรียบร้อยเดี๋ยวจะเผลอแทะไป ปล่อยเจ้าหนูอ้วนเข้าไว้ในกรงอย่างเดิมแล้วจึงยืนขึ้น วางน้ำปลาลดโซเดียม ‘เพื่อสุขภาพ’ จากเสี่ยไว้ที่เคาน์เตอร์ในครัว

... แต่คิดว่าเจ้าของห้องจะถือไปเคาะห้องผม ขอให้ทำกับข้าวมากกว่า...

ความจริงผมก็เริ่มชิน ชินกับการได้เมสเซจ ฝากข้อความ หรือใดๆ ก็ตามที่ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน ทำอะไร ไม่ใช่ถึงกับรายงาน แต่ก็เล่าด้วยความใส่ใจ

ถ้าเป็นเรื่องของคนนี้ ตอนนี้ ผมก็อยากรู้มากกว่าไม่รู้...


ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
คุณ iforgive คุณศรัณย์มาน้อยได้มากตลอดอะ บทนี้ด้วย ฮา เดี๋ยวก็ยังมาอีกเรื่อยๆ

คุณ mesomeo2 ตายและนี่ก็รอมาตั้งนานก็รอไปอีกหน่อยนะ ฮา

คุณ Takarajung_TK จริงๆ ก็รู้แล้วนะคะ แต่ก็... แสดงออกแบบเนี้ย 55

คุณ Naenprin อีกเดี๋ยวนะ นิดนึง อันนี้ก็ต้องฝากอ่านต่อด้วยค่า

คุณ kyoya11 ดึ๊บๆ ไปเดี๋ยวก็ได้ (แน่ใจนะคนเขียน) ขอบคุณสำหรับแรงเชียร์ค่า

คุณเฉาก๊วย ฝากอ่านต่อด้วยน้า รับรองได้เห็นแน่ค่ะ อิอิ

คุณ ่patsaporn ดีใจค่ะมีคนรอ แหะ ก็พยายามปั่นมาล่ะค่ะ คิดถึงคนอ่านเหมือนกัน น้องโอบรอก่อนค่ะเดี๋ยวค่อยใช้ คนเขียนว่าก่อนหนึ่งปีแหละ ตอนนี้พี่แทคก็ใจดีนะ คุณศรัณย์ใช้เรื่องงานอีกแล้วอะไรเนี่ย คาดว่าคนอ่านยังต้องห่วงเสี่ยต่ออีกหน่อย ขอบคุณสำหรับการอ่านเช่นกันค่ะ

คุณ Millet ดิชั้นก็ชอบน้องไมค์นะ นางเป็นอีกคนที่ออกน้อยแต่ชัด 555

คุณ Gokusan ง่วงนอนก่อนได้ค่ะ (แล้วค่อยอ่าน อิอิ) เดี๋ยวต้องหมั่นไส้คุณศรัณย์มากแน่เลยอะ ตายแร้น ลุ้นเสี่ยกันต่อ และเชียร์โอบกันต่อนะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

คุณ PapermintReal อีกสักพักนิดๆ แหละเราต้องเคลียร์เรื่องอื่นกันไปก่อน อิอิ

คุณ puppyluv ตอนนี้ก็ฝากชอบด้วยนะ กี๊ด ไม่รู้ว่าจะยังไงกับเสี่ยตอนนี้อะเอาจริงๆ แกทั้งฮาแต่บางทีก็เศร้า โถ (คุณศรัณย์ก็ไฟต์ของแกต่อ เอ้า)

คุณ suck_love แหะๆ อันนี้ก็ต้องฝากอ่านต่อล่ะค่ะ จะใช่อย่างที่คิดไหม

คุณเมฆาสีน้ำเงิน จริงค่ะ เรื่องนี้สองคนก็เลยออกแนวค่อยเป็นค่อยไปหน่อย

คุณ cher7343 ฝากอ่านต่อด้วยน้า เย้

คุณ NewYearzz 55 ขอบคุณค่ะ แต่ของแบบนี้บางทีก็ต้องดูกันนานๆ เนอะ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า

คุณ krappom อิอิ ก็ต้องฝากอ่านต่อด้วยค่า

คุณ 1wariya1 ตอนนั้นแทคเหนื่อย คาดว่าไม่ได้คิด 55 หรือคิดสิ่งที่ไม่ตรงกับใจนักอ่านส่วนใหญ่แน่ๆ

คุณ yumsonteen ขอบคุณมากเลยค่ะ ฝากอ่านต่อด้วยน้า

คุณ pim_onelove ขอบคุณค่าที่อ่านแล้วรู้สึกดี ฝากอ่านต่อด้วยน้า ตอนนี้ก็มีหนูเรืองแพลมมา อิอิ

คุณ Windyne ขอบคุณมากนะคะที่อ่านเรื่องนี้ด้วย แล้วก็ขอบคุณที่ชอบเรื่องโน้น เรื่องนี้คู่นี้ก็เป็นแบบนี้แหละรู้กัน ฮา ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณวงกลม ขอบคุณมากค่า อย่าลืมอ่านต่อด้วยน้า

คุณ ben ขอบคุณค่ะที่ชอบพระเอก กร๊าก คุณศรัณย์แกก็ไงดี แกก็พยายาม (รึเปล่า) ฝากอ่านต่อด้วยค่า เช็คนั่นก็... อีกหน่อยค่ะ อิอิ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอ้า ชิลกันไปอีกตอน ความจริงอยากจะเตือนบางคน (ในเรื่องนี้) ว่าอย่าชิลมาก ก็ไว้รอดูกันต่อไป...

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านแรงๆ เช่นเคยค่ะ 
  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2013 14:25:36 โดย เดหลี »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด