สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน
ต้องขออภัยมากๆที่หายหน้าหายตาไปนานมาก
น้ำแข็งใสแอบเข้ามาส่องบ่อยๆช่วงที่ไม่มีเวลาเขียนต่อ และยังรู้สึกดีใจมากที่ท่านผู้อ่านยังไม่ิ้งน้องใจไปไหน
ยังคอยมาถามไถ่กันเนืองๆ ซึ่งทำให้เรารู้สสึกว่าท่านผู้อ่านรอเราอยู่ เราก็จะไม่ทิ้งกันไปไหนตามที่เคยสัญญาไว้
ช่วงนี้น้ำแข็งใสอยู่มนช่วงปิดเทอมเลยจะมาลงให้ได้มากที่สุด
ขอบคุณมากค่ะที่ยังคงให้กำลังใจและติดตามเจ้าลูกหมูกับพี่ชายกันมาตลอด

บทที่ 20.2 (100%)
[/b]
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” รุ่นน้องของผมที่ชื่อพลอยที่ผมเจอเธอเดินเป็นลม ผมเลยอาสามาส่งเธอที่บ้านครับเนื่องจากเป็นทางผ่านกลับบ้านของผม ตอนแรกเธอก็ทำท่าเกรงใจผมแต่ว่าช่วงเวลาเย็นๆกับรถติดๆทำให้พลอยตัดสินใจได้ไม่ยาก
“ไม่เป็นไร” ผมส่ายหน้า บ้านของพลอยนั้นเป็นแมนชั่นกลางเก่ากลางใหม่ หลังจากล่ำลาผมก็ขับรถกลับบ้าน
และหลังจากที่ผมไปส่งเธอที่บ้านวันนั้น...ผมก็ยังไปส่งเธออีกหลายครั้งเพราะเรามีกิจกรรมรับน้องอยู่บ่อยครั้งจนใครๆหลายคนสังเกตเห็น
คนที่ใจกล้าเดินเข้ามาถามผมคนแรกคือ...ไอ้ชินเพื่อนปากดี...
“ไอ้ราชันฉันถามอะไรอย่างดิ แกมีอะไรๆกับน้องพลอยหรือเปล่าวะ” มันกระซิบเคร่งเครียดจนผมงง
“พลอย?” อย่าหาว่าผมโง่อะไรนะครับ แต่ประชากรของผู้หญิงไทยนั้นมีชื่อเล่นว่าพลอยร้อยละแปดสิบครับ แค่เฉพาะในคณะผม
ก็ปาไปหลายสิบคนแล้วครับ
“อย่ามาทำอึนก็น้องพลอยปีหนึ่งที่มีข่าวลือกับมึงอยู่ไง” อ้อ เข้าใจแล้ว ช่วงนี้ผมได้ยินข่าวลือประหลาดๆว่าผมกับเธอคบกันอยู่ ซึ่งความจริงผมไม่ได้คิดอะไรมากเพราะผมคิดกับเธอแค่รุ่นพี่รุ่นน้องและไม่เคยมีอะไรเกินเลยกว่านั้น
ผมยังคงทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้ทำตัวให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราให้ความหวังอะไรนอกจากความเป็นเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้อง ผมก็ทำตามปกติ...เรื่อยๆจนผม...ผ่านพ้นนิสิตปีสามมาเป็นนิสิตชั้นปีสุดท้ายของคณะ
ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันธรรมดาปกติอย่างทุกวันแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ...
“แกก็เข้าไปสิ จะเขินอะไรหนักหนา” เสียงรบเร้าดังไม่ใกล้ไม่ไกกลจากที่ผมนั่งมากหนัก
“แกอย่าดันสิ อย่าเพิ่งขอทำใจก่อน” อีกเสียงหนึ่งค้านขึ้นมาและมันก็เป็นเสียงที่ผมคุ้นพอสมควร พอหันไปก็เจอกับหญิงสามสอง
คนในชุดนิสิตที่กำลังยืนซุบซิบอะไรกันสักอย่าง พอทั้งสองคนเห็นผมก็สะดุ้ง ก่อนที่คนหนึ่งจะดันหลังอีกคนมาใกล้ผมแล้วเอ่ย
“พี่จอมราชันค่ะ พลอยเขามีอะไรจะพูดด้วยค่ะ” พูดเสร็จก็รีบหันหลังกลับเดินไป ทิ้งให้เพื่อนอีกคนยืนก้มหน้าพร้อมกับกอดของในมือแน่น
ผมก็ไม่ได้ซื่อบื้อจนไม่รู้ว่าทั้งสองคนมีจุดประสงค์อะไรแต่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะหักหน้าใครทั้งนั้นจึงเอ่ยถามอย่างเรียบๆ “มีธุระอะไรกับพี่หรือ?”
พลอยเงยหน้าขึ้นมามองผม ใบหน้าของเธอขึ้นสีจางเรื่อๆ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงตกหลุมรักเธอได้ไม่ยากซึ่งผมก็ไม่เถียงว่าเธอน่ารักจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ...ผมเห็นเธอเป็นรุ่นน้องที่น่ารักดีเท่านั้น
“ค...คือ...พลอยลองทำบราวนี่มานะค่ะ เลยอยากให้พี่ราชันชิมหน่อยนะค่ะ” เธอยื่นกล่องเล็กสีแดงอมชมพูขนาดไม่ใหญ่มากมาให้ผม
ผมยืนนิ่งครู่หนึ่ง “คือ...พี่ขอบใจมากสำหรับขนม” เอื้อมมือไปรับมา
บอกตามตรงผมพอจะรู้จุดประสงค์ของเธอแต่ผมก็ไม่อยากให้คนทำเสียความรู้สึก ในเมื่อเธอเป็นรุ่นน้องและผมเป็นรุ่นพี่ เรายังคงต้องเจอกันไปอีกสักพัก และที่สำคัญ!!...คือเธอยังไม่ได้ทำอะไรให้ผมลำบากใจอะไร ตัวผมก็แค่รับขนมธรรมดาจากรุ่นน้องคนหนึ่งก็เท่านั้น ซึ่งผมก็พอมีรุ่นน้องหรือรุ่นพี่ผู้หญิงหลายคนทำแบบนี้ให้แต่ผมแค่รับไว้เป็นมารยาทตามปกติ
“พลอยหวังว่าพี่จะชอบนะค่ะ” เธอสำทับมาอีกรอบ
ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนขอตัวเลี่ยงออกมา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากนั้นพลอยก็แวะเวียนเอาขนมหรือของเล็กๆน้อยๆหลายอย่างมาฝากผมตามโอกาสทุกครั้งไป วันนี้ก็เหมือนกัน พลอยมารอผมที่หน้าห้องเลคเชอร์เช่นเคย
“พี่จอมราชันค่ะ” หญิงสาวเรียกผม
“ว้าวๆๆ วันนี้มีอะไรมาฝากพ่อราชันผู้ยิ่งใหญ่ของเราอีกละเนี่ย” ชินกฤตเอ่ยแซวขำทำเอารุ่นน้องหญิงเขินเล็กๆ จนสายตาคมต้องปรามเพื่อนตัวดีกลายๆ
“คือพลอยไปเที่ยวตลาดน้ำเลยซื้อขนมมาฝากพี่ๆค่ะ” เสียงใสๆเอ่ยบอก โดยยื่นขนมไปให้พวกเพื่อนๆของผมด้วยและของผมอีกถุงหนึ่ง ผมเห็นลางๆเดาว่าน่าจะเป็นพวกขนมไทย
“ขอบใจนะ” ผมยังคงรู้สึกขอบใจที่น้องเขาเอาขนมนมเนยมาให้ ผมเองก็ไม่ได้เอาไปกินเองทุกครั้งหรอกครับบางครั้งก็แบ่งๆเพื่อนกิน บางครั้งก็เอาไปแบ่งน้องๆ
“อ...เอ่อ...คือพลอยอยากขอคุยกับพี่ราชันหน่อยได้ไหมค่ะ” พลอยเอ่ยบอก ทำเอาเพื่อนๆผมค่อยเงียบลง
“อืม...ได้สิ” พอผมบอก เธอเงยหน้ามามองผมอย่างดีใจ ส่วนเพื่อนๆคนอื่นก็รู้หน้าที่เดินเลี่ยงออกไปก่อน
ผมเดินนำหญิงสาวมาอีกทางก่อนจะหยุด
“มีธุระอะไรกับพี่หรือ?” ผมเอ่ยถามแม้ในใจลึกๆพอจะเดาออกว่าเธอจะมาพูดเรื่องอะไร
“ค...คือ...พลอยจะบอว่า...” เงียบนิดหนึ่ง “พลอยชอบพี่นะค่ะ”
หลังจากคำสารภาพออกมา เจ้าตัวก็หน้าแดงเรื่อ ส่วนผมก็เงียบไปนิดหน่อย
“อืม...พี่ขอบใจมากที่น้องมีความรู้สึกดีๆให้พี่ แต่...” คนเราเวลามีคนมารักมาชอบก็รู้สึกยินดีมากกว่ามีคนมาเกลียดนะครับ ผมก็
ว่าน้องเขาก็ดีนะครับ แต่ผมยังไม่มีความคิดจะคบใครเท่าไรในช่วงนี้ และผมยังเห็นน้องเขาเป็นรุ่นน้องที่น่ารักคนหนึ่งเท่านั้น
“คือ...พี่อย่าเพิ่งปฏิเสธพลอยเลยได้ไหมค่ะ คือพลอยอยากให้พี่ลองเปิดใจให้พลอยก่อนได้ไหมค่ะ” เสียงใสๆนั่นเอ่ยบอก เสียงเธอสั่นนิดๆ
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย “พลอยหมายความว่า...”
“คือ...พลอยอยากแค่ให้เราสองคนลองศึกษากันดูเท่านั้น ไม่ได้รีบหรือเร่งรัดให้พี่ตอบรับพลอย”
ผมขยับตัวอย่างอึดอัดนิดหน่อย อีกฝ่ายสบตาผมอย่างอ้อนวอน “คือพี่ก็ไม่ได้ไม่ชอบพลอยหรอกนะ แต่คือว่า...”
“นะค่ะ ถ้าสุดท้ายแล้วพี่จอมราชันไม่ได้ชอบพลอยเลย พลอยจะไม่มาวุ่นวายกับพี่แน่นอนค่ะ”
เธอยืนยัน ซึ่งผมก็เห็นความตั้งใจและความรู้สึกของเธอ ในที่สุดผมจึงตกลง
“งั้นพี่ตกลงครับ”
หลังจากที่ผมตอบรับเธอไปวันนั้น ชีวิตผมก็มีหญิงสาวเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตอยู่เสมอ ช่วงแรกผมก็อึดอัดบ้างเล็กน้อยเพราะอย่างที่รู้กันผมค่อนข้างเงียบๆ ออกแนวมีโลกส่วนตัวสูงนิดหน่อย ไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตผมสักเท่าไรยกเว้นคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น แต่ตอนนี้มีพลอยเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน
ผมและเธอต้องปรับตัวอะไรหลายๆอย่างๆ บางครั้งผมก็รู้สึกว่าผมยังไม่พร้อมจะมีใครเข้ามาเพราะผมยังมีความสุขดีกับการไปเรียนหนังสือ กลับบ้านไปดูน้องชายเป็นพี่ใหญ่ที่ดีของบ้าน ไม่ได้เดือดร้อนว่าจะต้องใครสักมาดูแลเคียงข้าง เพราะผมยังสนุกอยู่กับการให้คำปรึกษาน้องๆทั้งหลายในเรื่องต่างๆและคอยดูแลเจ้าลูกหมูตัวน้อยๆของผมที่กำลังน่ารักน่าชังและแสบซนจนน่าฟัดเป็นที่สุด จนเมื่อพลอยเข้ามา ผมรู้ว่าต่อไปนี้ตัวผมต้องเปิดรับเธอเข้ามามากขึ้น พลอยไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักร่าเริงแจ่มใส สมกับวัยของเธอ ใจผมเริ่มเปิดและให้โอกาสเธอมากขึ้น
จากแค่...เป็นคนที่ศึกษากัน...เราขยับขึ้นมาเป็นคนรู้ใจ...คนสำคัญ...และตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะเปิดรับเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม
เรื่องของเราสองคนกระจายเป็นวงกว้าง ผมไม่ได้คิดจะปิดอะไร ส่วนพลอยก็ยินดีให้คนอื่นได้รับรู้
จากรุ่นพี่...มาเป็น...พี่จอมราชัน...พี่ราชัน...และในที่สุด...มันก็กลายมาเป็นราชัน
ชื่อที่มีแต่คนใกล้ตัวเท่านั้นที่ผมยอมให้เรียก
เวลาผ่านพ้นไป ผมจบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะบริหาร และเข้าทำงานกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถามว่าทำไมผมถึงไม่ไปทำงานในบริษัทของครอบครัวทั้งๆที่ผมเป็นทายาทอยู่แล้วนั่นก็เพราะพ่อผมอยากให้ผมได้มีโอกาสฝึกฝนและหาประการณ์ในการทำงานก่อน เพื่อให้ผมได้เจอสิ่งต่างๆและเรียนรู้ ผมก็ไม่ได้ขัดข้องแถมยังยินดีถีบตัวเองมาเป็นลูกจ้างคนอื่นอีกด้วย
ส่วนพลอย แม้ว่าผมจะมารู้ทีหลังว่าเธออายุเท่าผมแต่หากเธอเรียนช้ากว่าผมสองปีตอนนี้เธอเลยอยู่ชั้นปีที่สามกำลังเรียนและกำลังจะเริ่มฝึกงานไปด้วย แม้ว่าเวลาที่เราได้เจอกันลดลงแต่เราก็ยังคงโทรคุยกันเป็นบางครั้งและหาโอกาสไปเที่ยวกันเวลาว่างๆ
ผมบอกได้เลยว่าช่วงเวลาที่คบกับเธอนั่นก็ถือว่ามีความสุขครับ เราก็มีทะเลาะกันบ้างตามประสาคู่รักทั่วไปแต่ไม่นานเราก็กลับมาคืนดีกันได้ อาจจะเป็นเพราะพลอยไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยากมากนัก เราเลยไปด้วยกันได้ อาจพูดได้เลยว่าผมคบกับเธอได้ยาว
กว่าคนอื่นๆที่เคยผ่านมา
“ราชันค่ะ วันนี้มารับพลอยที่ห้าง...หน่อยได้ไหมค่ะ” พลอยกรอกเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสารที่ผมกดรับ ผมคาดว่าเธอคงกำลังเดินชอปปิ้งอยู่เพราะเสียงจอแจดังมาไม่ขาดสาย
“ได้สิ” ผมตอบรับเธอ “วันนี้คุณแม่อยากให้พลอยไปทานข้าวเย็นที่บ้าน สะดวกไหม?” ผมเอ่ยถามต่อ เมื่อเช้าแม่ผมบอกว่าวันนี้ให้พาหญิงสาวไปทานข้าวที่บ้านหากเธอว่าง
“ได้ค่ะ” อีกฝ่ายโอเค
สำหรับครอบครัวของผมทุกคนเข้าใจและยินดีต้อนรับพลอย ผมจำได้ว่าผมพาเธอไปที่บ้านผมหลังจากเราเริ่มคบกันอย่างจริงจัง คุณพ่อคุณแม่ก็ยิ้มรับไม่ได้ว่าอะไร ส่วนพวกน้องชายจอมทโมนก็มีแซวบ้างตามประสาวัยคะนอง เอาเป็นว่าทุกคนในบ้านโอเคกับเธอ หากแต่...
...ยกเว้นคนหนึ่ง...
...เจ้าลูกหมูน้อยของผม...
ผมยังจำมันได้ดีเลยทีเดียว ยามดวงตากลมโตจ้องมองผมอย่างงอง้ำ ริมฝีปากเล็กเบ้ออก แก้มกลมใสพองลมออกอย่างน่ารักน่าฟัดให้แก้มยุบ
...อาการงอนขั้นสูงสุดของเจ้าตัว...
...ด้วยเหตุผลว่า...
...หวงพี่ชาย...
...วันนั้นที่ผมพาพลอยเข้าบ้านครั้งแรก...
“พ่อครับแม่ครับ นี่พลอยครับ” ผมแนะนำแฟนสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงพีชสีสวย ใบหน้าขาวใสแต่งตัวบางๆดูเป็นธรรมชาติ
“สวัสดีค่ะ”
“ไหว้พระเถอะลูก” พ่อผมเอ่ยอย่างเป็นกันเอง ทำให้พลอยดูเหมือนจะลดอาการเกร็งไปได้เยอะ
“และนี่อาประสิทธิ์ ท่านเป็นคนสนิทของพ่อผม และน้าอรครับ” ผมแนะนำครอบครัวของคนสนิทบิดาที่ผมให้ความเคารพเหมือน
บุพการีเช่นกัน
พลอยก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ส่วนนี่น้องชายของผม” ผมหันไปทางเจ้าพวกน้องชายที่นั่งเรียงๆกันไป “นี่จอมพล จอมทัพ” ผมแนะนำน้องชายคนรองและคนที่สามที่นั่งเฉยๆ ทั้งสองคนยกมือไหว้
และหันไปอีกทางที่มีเจ้าแสบสองคนสุดท้ายนั่งเล่นเกมส์ยุกยิก “นั่นจอมเวทย์และน้องเล็กสุดจอมใจ” เจ้าเวทย์เงยหน้าขึ้นมาจากเกมส์ยิ้มแฉ่งยกมือไหว้ หากแต่...เจ้าลูกหมูของผมไม่ยอมแม้กระทั่งเงยหน้าหรือพูดทักทายสักนิด
“ใจทำไมไม่สวัสดีพี่เขาครับ” ผมถามเสียงอ่อน ผมไม่เคยสอนน้องให้แข็งกระด้างไม่ไหว้ผู้ใหญ่
เจ้าหนูยังคงนิ่งไม่แยแส นั่งมองพี่ชายคนที่สี่เล่นเกมส์ต่อไป พอผมหันไปมองทุกคนในบ้านก็ได้เห็นรอยอมยิ้มของผู้ใหญ่แต่ละคน จอมพลทำปากบุ้ยใบ้ไปทางเจ้าลูกหมู
ผมก็พอจะเดาออกว่าเจ้าลูกหมูเกิดอาการงอน แต่ที่ไม่เข้าใจคือน้องงอนผมเรื่องอะไรกัน?
ผมเลยขยับเข้าไปใกล้ๆ ทั้งบ้านก็กำลังจ้องมองว่าคนอย่างพี่ใหญ่อย่างผมที่น้องติดหนักหนาจะง้อเด็กดื้อออย่างไรเพราะน้องนานๆทีจะงอนผมสักพัก ส่วนใหญ่เข้ามาอ้อนผมน่ารักๆมากกว่า
“คนเก่งเป็นอะไรครับ?” ผมขยับตัวเข้าไปนั่งแทนที่เจ้าจอมเวทย์ที่สละพื้นที่ให้ผม ส่วนเจ้าตัวย้ายไปนั่งอีกฝั่ง
ร่างกลมๆของเจ้าหนูวัยเจ็ดขวบนั่งหันหลังให้ผม ผมเลยจับเจ้าลูกหมูขึ้นนั่งตักเลย ตอนแรกเจ้าตัวกลมขืนขยับดุกดิกไม่ยอมให้ผมกอด ผมจับเจ้าตัวดื้อหั้นหน้ามามองผม แต่เจ้าตัวกลับสะบัดหน้าพรืดไปอีกทาง ผมเลยจับเจ้าตัวกลมมาฟัดพุงกลมให้หายหมั่นเขี้ยว
“ฮ่าๆๆๆ อ...อย่าซี่พี่ราชันนนน ใจจั๊กจี้น่า” เจ้าลูกหมูหัวเราะลั่น ดิ้นไปดิ้นมา
“ยอมยังๆ” ผมถาม หน้าก็ซุกอยู่ที่พุงนุ่มๆ
“ยอมๆแย้วๆๆ” เมื่ออีกฝ่ายยกธงขาวผมก็เงยหน้าขึ้น หน้ากลมใสตอนนี้แดงเรื่อ น่ารักที่สุด ผมเลยฟัดแก้มนุ่มนั่นไปตามระเบียบ
“คราวนี้บอกพี่ได้หรือยังเอ่ยว่างอนอะไร?” ผมถามเจ้าหนูบนตัก
เด็กดื้อของผมกัดปากพลางเหล่ตากลมๆไปหาหญิงสาวที่นั่งอีกฝั่ง พลอยออกแนวจะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมเล่นกับน้องแบบนี้อาจเป็นเพราะผมไม่เคยเล่นกับคนข้างนอกแบบนี้ยอกจากครอบครัวเท่านั้น
“เก๊าะ...” เสียงเล็กๆเอ่ยแล้วเงียบลงไป
“ว่าไงครับคนเก่ง” ผมถามซ้ำ
น้องมองหน้าผมก่อนทำตาหลุกหลิกเหมือนคิดอะไรอยู่ก่อนจะตอบ “ก็ใจรู้มาว่าพี่สาวคนนั้นจะมาแย่งพี่ราชันไปนะจิ” ว่าเสร็จเจ้าตัวก็ทำหน้าตางอนสุดๆ
ผมถึงกับอ้าปากค้าง “ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนครับเนี่ย” ผมยังงงอยู่ว่าน้องน้อยของผมไปเอาความคิดแบบนี้มาจากทั้งๆที่เจ้าตัวอายุก็แค่เจ็ดขวบแท้ ฟันแท้ยังไม่ขึ้นสักซี่
“พี่ราชันบอกมาก่อนสิว่าใช่หรือป่าวละฮะ” เจ้าหนูคาดคั้น ผมถึงกับอึ้ง ส่วนคนอื่นเหมือนจะหลุดหัวเราะกันไปหมดแล้ว
“ไม่หรอกครับ พี่สาวเขาแค่จะมาเล่นกับใจเป็นเพื่อนอีกคนอีกคนไงครับ ไม่ดีหรือใจจะได้มีพี่สาวเพิ่มอีกคน” ผมลองเอาเหตุผลมาอ้างดู เจ้าหนูดูเหมือนจะคล้อยตามเล็กน้อย
“พี่สาวเขาจะไม่มาแย่งพี่ราชันใช่ไหมฮะ” คำถามน่ารักน่าเอ็นดูทำเอาผมอมยิ้ม รู้สึกดีเป็นพิเศษที่น้อง...หวง...ผมด้วย
ผมโยกหัวทุยเล็กนั่น “ไม่หรอกไม่มีใครมาแย่งพี่จากเราหรอก ไม่มีวัน!!!” ผมให้คำมั่นสัญญา “จิงๆนะคับ” เจ้าตัวถามย้ำเพื่อ
ความแน่ใจ
ผมพยักหน้าให้ เจ้าหนูหันไปมองคนอื่นที่นั่งอมยิ้ม พอเห็นคนอื่นหยักหน้าให้ด้วย เจ้าหนูเลยเหมือนจะเข้าใจแล้วยิ้มกว้างๆออกมา
“งั้นใจหายงอนแย้วคับ” เจ้าลูกหมูว่าพลางกระโดดลงจากตักผม ก่อนวิ่งปรู๊ดไปโซฟาอีกฝั่งตรงที่พลอยนั่งอยู่ “พี่สาวสวัสดีคับ ผมชื่อจอมใจฮะ” เจ้าตัวกลมยกมือไหว้ดุกดิกน่ารัก
“จ๊ะ” พลอยยิ้มตาม
เมื่อเสร็จเจ้าลูกหมูก็กระโดดดุกๆกลับมาหาผมแล้วปีนขึ้นมานั่งตักเหมือนเดิม ผมก็เต็มใจครับ เจ้าตัวขยับเล็กน้อยเพื่อให้นั่งสบายมากขึ้น ร่างกลมๆพิงอกผมทั้งตัวอย่างสบายอารมณ์ ผมเลยหอมหัวทุยๆหนึ่งฟอดใหญ่
“แล้วจะบอกพี่ได้หรือยังว่าไปเอาความคิดที่ว่าพี่สาวเขาจะแย่งพี่ไปมาจากไหน” ผมถาม
คำถามของพี่ใหญ่ทำให้เจ้าหนูครุ่นคิดถึงบทสนทนาเมื่อเช้าที่เจ้าตัวกำลังคุยเล่นกับพี่เวทย์
‘วันนี้พี่ราชันจะพาพี่สาวมาละ’ เด็กชายจอมเวทย์บอกน้อง
‘พี่สาว? ใครหยอพี่เวทย์’ เจ้าลูกหมูสงสัย พี่สาวคนไหน ทำไมจอมใจไม่รู้เรื่อง
‘เอ้า...พี่สาวก็คือคนที่จะมาแย่งพี่ราชันไปคนเดียวนะสิ’ เจ้าตัวว่าพลางเดินไปทิ้งให้น้องน้อยของบ้านหน้านิ่วคิ้วขมวดกับประโยคนั้น
หลังจากที่น้องน้อยเล่าจบ เจ้าตัวก็กอดผมแน่น “พี่ราชันห้ามทิ้งใจนะครับ”
ผมกอดตอบแต่สายตานี่จ้องเขม็งไปที่ไอ้น้องชายตัวดีที่นั่งเล่นเกมส์
...ไอ้จอมเวทย์!!!!...
ผมที่นั่งคิดถึงเรื่องนั้นขณะที่กำลังจอดรถรอแฟนสาวในอาคารจอดรถของห้าง...จนมารู้ตัวอีกทีตอนมีเสียงเคาะกระจุกปุๆ
ผมตื่นจากภวังค์พลางปลดล๊อกให้อีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามา
“คิดอะไรอยู่ค่ะ?” พลอยถามผม
“ฮะๆ เปล่าหรอก คิดถึงเด็กจอมดื้อคนหนึ่งนะ” ผมคลี่ยิ้มเล็กๆ ก่อนออกรถ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC.
ตอนหน้าเราจะได้รู้กันว่าพลอยทำไรไว้กับพี่ราชันของเรากันค่ะ
วันนี้มีพาเจ้าลูกหมูมาให้เห็นกันพอให้หายคิดถึงนะค่ะ
แล้วเจอกานตอนหน้าค่ะ