Hear, Me - First' s Love
ผมกับเขาไม่ค่อยมีเวลาว่างตรงกันเท่าไหร่ แม้จะมีเวลาหยุดทำงานตรงกันแต่มันก็ไม่ใช่เวลาว่างของเขาอยู่ดี
"เสร็จรึยังเจม"
เพราะฉะนั้น เวลาที่หาเวลาว่างตรงกันได้เมื่อไหร่ นายคฤณจะไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว และแม้ว่าผมยืนกรานแล้วว่าไม่อยากออกไปไหนวันนี้ อยากนอนอยู่คอนโดเงียบๆ ตามประสานกกระจิบชอบอยู่ในกะลา เขาก็ไม่ยอมเสียความตั้งใจ
"เสร็จแล้ว" เสียงผมยานคางมาก หน้าก็หนืดมาก เรียกได้ว่าทั้งสีหน้าและท่าเดินของผมกำลังตะโกนด้วยเสียงกรรโชกกับโลกนี้ว่า "กูไม่อยากออกไปไหนเว้ย!"
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
"ก็เจมอยากนอน"
"เมื่อคืนบอกให้นอนเจมก็ไม่นอน แล้วนี่มันไม่ใช่เวลานอน แต่เจมจะนอน ผิดมนุษย์เกินไปนะครับ"
"ก็เมื่อคืนเจมเล่นเกมอยู่"
"เลิกเถอะ ไอ้ดีดหมีกับขยี้ลูกอมเนี่ย"
"ติดแล้วอ่ะ" ผมเถียงแล้วอมลมเดินเฉียดหัวแม่ตีนเขาไปใส่รองเท้าผ้าใบคู่เก๋า
"เร็วสิพี่หนึ่ง เดี๋ยวเจมเปลี่ยนใจนะ"
"โอเค โอเค ใครกันล่ะที่เริ่มยืดยาดก่อน"
"เจมเองครับ เจมผิดครับ พอใจรึยังครับ พอใจก็ไปกันเถอะครับ" ประชดให้แม่งงอนมั่ง งึ่ย! แล้วผมก็ถูกผลักหัวเบาๆ แต่ไอ้มือเดิมข้างนั้นนั่นแหล่ะที่โอบไหล่ผมไว้แล้วพาเดินออกจากห้อง
โปรแกรมวันนี้
ดูหนัง 2 เรื่องควบ!!
ผมก็ไม่รู้ว่าสามัญสำนึกส่วนไหนของเขาที่ตื่นตัว อยากจะริดูหนังมัน 2 เรื่องในวันเดียว แล้วผีตัวไหนไปบอกเขาหรอว่าผมอยากดู ผมเปล่านะ ผมรอดีวีดีได้ เดี๋ยวไอ้จิวก็เอามา
"เรื่องไหนก่อนดี คู่กรรมก่อนแล้วค่อยพี่มากเนอะ พักกินข้าวก่อน เดี๋ยวเจมหิว รอนี่นะครับ พี่ไปซื้อตั๋วก่อน"
บอกแผนแล้วก็เดินดุ่ยๆ ไปยืนหัวโด่ต่อแถวซื้อตั๋ว ท่าทางเขินสายตาคนอื่นที่เงยหน้ามองนายคฤณแล้วตะลึงในความดูดีทำเอาผมอดยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้
"หล่อยังกะลูกโกโบริแน่ะแก" หืม? ไหนๆ ขอมองมั่งดิ ผมเนียนมองหาลูกโกโบริบ้าง แต่ก็เห็นแค่วัยเกรียนที่หน้าตาไกลจากสปีชี่โกโบริมาก ไหนวะ? ไม่เห็นมี
ผมละความอายแล้วจ้องหาคนพูด แล้วก็เจอจนได้ พอสบตากันพวกเธอก็ยิ้มเขินๆ ให้ผมดู หรือหมายถึงกูวะ?
ผมยิ้มให้นิดเดียวแล้วยืนดีดหมีในไอโฟนเพื่อรอนายคฤณต่อ แป๊บเดียวเขาก็เดินดุ่มๆ มาหา พร้อมกับเสียงที่แว่วเข้าหูผมว่า "งู้ยยยยแก หล่ออออ หล่อชิบหาย โอ้ยยยย พี่น้องกับลูกโกโบริรึเปล่าวะแก"
โอเค เก็ทแล้ว
กูถูกมองประหนึ่งลูกโกโบริ ส่วนนายคฤณเป็นพี่ชายผม โอเคนะ อย่างน้อยผมก็ถูกมองว่าหล่อ ฮี่ๆ คำชมในฝัน
"แก พออยู่กับพี่แล้วโกโบริแอ๊วมากเลย" ห๊ะ?! แล้วแอ๊วคืออะไร แล้วกูจะไปถามใคร
"เป็นไรครับ" นายคฤณแตะบ่าผมเบาๆ พลางถาม เขาเอนตัวนิดนึงเพื่อมองกันชัดๆ ผมก็เลยถอยหนี แต่ก็นิดเดียวแหล่่ะ
"ไม่มีอะไรครับ" ผมปดแล้วชะโงกมองตั๋วในมือเขา
"โกโบริก่อน เดี๋ยวเข้าโรงเลย แถวบนสุด เจ๋งป่ะ พี่ไม่ชอบนั่งแถวกลาง คนข้างหลังชอบบ่นว่า ห่านี่หัวสูง เซ็ง" โถ น่าสงสารว่ะ ผมหัวเราะเป็นการปลอบใจ แล้วก็เดินเด้งส้นไปซื้อข้าวโพดคั่วรถช้อคโกแลตทันที
คนน้อยกว่าที่คิด แต่ก็ดีแล้ว ผมยังแก้อาการไม่ชอบที่พลุกพล่านไม่ได้ และไม่คิดจะแก้ด้วย นายคฤณพาผมมายังที่นั่ง ซึ่งแทบจะไม่มีใครนั่งแถวเดียวกันเลย มีแค่คน 2 คู่หนึ่งริมสุดโน่นนนน หรือว่าเขาซื้อหลายบัตรเพื่อกีดกันเพื่อนร่วมโรงวะ?
"พี่หนึ่ง ทำไมแถวบนสุดแทบไม่มีใครเลยอ่ะ"
"พี่รำคาญ" โอเค คุณมึงไม่น่าสงสารแล้วครับ ผมศอกใส่แต่ไม่ได้บ่นอะไรเสียงดังนัก ขบข้าวโพดคั่วแสนแพงไปหลายคำ หนังก็เปิดตัวชนิดที่ผิดคาด
"น่าสนใจดีเนอะ" เขาว่าแล้วหันมาเลิกคิ้วมองผมใกล้ๆ แสงจากหนังสาดเข้าแก้มเขาพอดี ผมเลยเห็นแววตาวิบวับของเขานิดหน่อย
"ครับ แปลกดี"
"แต่ก็นำเสนอเกี่ยวกับความรัก พี่เลยอยากดู" อ่อ แบบนี้นี่เอง คิดว่าหลงณเดชไปอีกราย เพราะถ้าใช่ จะเตะไปถือป้ายไฟใกล้ๆ หม่อมแม่
ผมไม่ตอบอะไร เขาเลยหันไปดูหนังอย่างตั้งอกตั้งใจ หลายครั้งที่ผมได้ยินเสียง "ห่ะ" จากเขา แต่ผมไม่ถามอะไรหรอก ปล่อยเขารื่นรมณ์ไปกับจินตนาการผู้กำกับที่ได้แดกเงินเขา 460 บาท เอ๊ะ ไม่สิ เขาซื้อมากกว่า 2 ที่นี่หว่า
"โอ่ะ" เขาอุทานเบาๆ แต่ผมพอจะรู้ว่าเขาอุทานทำไม ก็ฉากเลิฟซีนนี่มัน....อื้มมมม เข้าใจทำว่ะ
แต่ที่ทำให้ผมอึ้งสุดไม่ใช่ฉากในหนังหรอก แต่เป็นอาการเอาหัวมาโขกไหล่ผมของเขานั่นแหล่ะ! นี่มันอะไรว้า!!
"อะไร เจมไม่เล่นนะ"
"สัญญาณขอกอด แบบใหม่ไง" หน้าด้านนนน ขโมยลีลาโกโบริได้ไงเล่า ผมหันมองแล้วยู่ปากกำหมัดขู่ เขาหัวเราะเบาๆ แต่มือเลื้อยมาโอบตัวผมแล้วเรียบร้อย
แม่อังอาจใจแข็ง แต่แม่อัญอย่างผมเคลิ้มใจมาก ขอบอก!
เขาดูมีความสุขขึ้นเมื่อได้แตะตัวผม ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง ตอนซึ้งนี่ประกบมือ บีบเบาๆ แล้วขยับนั่งเอนตัวมาพิงกัน ส่วนตอนที่โกโบริสอนน้องอังพูดคำรักนั้น เขาหันมากระซิบผมว่า "ไอชิเตรุ"
ผมก็เขินสิ เสียงกระซิบนายคฤณหล่อชิบหายเลย!
สุดท้าย เรื่องราวความรักของพวกเขาเดินมาถึงทางแยกจนได้ นายคฤณยืดตัวแก้เมื่อย แต่ยังไม่ลุกจากเก้าอี้ เขารอให้คนอื่นเดินออกไปก่อน พอคนใกล้หมดโรงเขาถึงจูงมือผมเดินออกมา
เจอกับโลกจริง ผมก็รูดมือออกจากมือเขา นายคฤณหันมองสีหน้าแล้วยอมเข้าใจในที่สุด เราเดินหาร้านอาหารเพื่อกินมื้อกลางวัน แล้วก็จบลงที่ร้านอาหารไทย
การอยู่กับเขาทำให้ผมมีคามสุข แต่สายตาและเสียงผู้คนทำให้ผมอึดอัด เมื่อก่อนผมไม่แคร์ แต่ตอนนี้แคร์ ที่แคร์ก็เพราะไม่อยากให้ใครมองเขาแล้วซุบซิบ กลัวเขาเสียความสุนทรีย์ต่อโลก
"อิ่มมั้ยครับ" เขาถามเมื่ิอเห็นผมรวบช้อน แล้วความเป็นสุภาพบุรุษเสมอของเขาก็ทำให้เราถูกมองอีกจนได้
"เจมเช็ดเองได้ครับ"
"ปกติพี่ก็เช็ดให้"
"คนมอง เจมไม่ชอบ" ผมคงดูเอาแต่ใจมาก เขาถึงได้หดแขนกลับไปแล้วตีหน้านิ่ง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเก็บไปเป็นฝุ่นที่ทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวรึเปล่า แต่ปากผมก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มไปว่า เจมไม่ชอบให้คนอื่นมองพี่หนึ่งแปลกๆ
เขาคงไม่ได้ใส่ใจเรื่องในร้านอาหาร เพราะตอนนี้กำลังเดินพาผมซื้อนั่นนี่ตามแต่ที่เขาอยากให้ แต่ผมแอบรูดบัตรซื้อแว่นกันแดดให้เขาอันนึง เห็นเขาลองแล้วหล่อ แต่เขาไม่ได้ซื้อไว้ เดี๋ยวค่อยให้ที่คอนโดแล้วกัน
"พี่หนึ่ง พี่มากกี่โมงครับ"
"เกือบ 4 โมงครับ เจมนั่งกินกาแฟก่อน เดี๋ยวพี่เอาของไปไว้ที่รถเอง"
"เจมไปเอง พี่หนึ่งนั่งเย็นๆ ที่นี่แหล่ะ" ฮี่ๆ ก็ผมไม่อยากให้เซอร์ไพรส์เสียของนี่หว่า นายคฤณขมวดคิ้วนิดนึง แล้วก็ยื่นทุกสิ่งให้ผมพร้อมกุญแจรถ ยอดชายนายชานนท์อย่างผมก็เลยเดินเป็นคนบ้าหอบฟางไปยังที่จอดรถ
กลับมาเจอเขาอีกทีก็ใกล้หนังฉาย อาการรีบจนลิ้นห้อยทำให้เขาช่วยผมเช็ดเม็ดเหงื่อแล้วก็จูงมือ
และคนก็มอง
และผมก็ดึงมือออกอย่างแยบยลเหมือนเดิม
ความตลกของมุกหน้าด้านในหนังเรื่องนี้ทำให้ผมยินเสียงหัวเราะของเขาแทบทั้งเรื่อง ดีจัง ผมเองก็ขำทั้งหนังและขำนายคฤณที่กร่นด่าความหน้าด้านของแต่ละมุกอย่างอารมณ์ดี ดูหนังเรื่องนี้ เขาไม่ได้มาเบียดกระแซะอะไรผม แม้แต่หันมาชวนกันขำก็ไม่มีซักเหลียว แต่ผมไม่คิดอะไรมาก แค่เขาอารมณ์ดีก็ดีแล้ว
"ตลกดีเนอะ"
"ครับ" ผมรับคำแล้วยิ้มตามยิ้มของเขา นายคฤณมองผมระหว่างรอให้คนอื่นออกไปจนแทบหมดโรง พอไฟเริ่มสว่างจนเห็นแววตากันชัด เขาก็บอกผมว่า "เป็นเจม จะตายก่อนพี่ หรือให้พี่ตายก่อน"
"ขอตายก่อนได้มั้ย"
"ได้สิ พี่จะมีชีวิตอยู่จนกว่าเจมจะตายอย่างสงบใจ ไม่มีอะไรให้ห่วง"
"ถ้าพี่ตายก่อน เจมอยู่ได้มั้ยครับ?" ผมส่ายหน้าดิกแล้วเตะเขาเบาๆ ก็ผมไม่อยากสูญเสียใคร เขาเองก็รู้นี่่
"งั้นพี่จะรักเจม จนกว่าเจมจะไม่อยู่กับความรักของพี่แล้ว ดีมั้ย?"
"แล้วถ้าเจมตายแล้วล่ะ พี่หนึ่งจะรักคนอื่นมั้ย"
"เจมอยากให้พี่ทำยังไง"
"ไม่รักใครอีก ได้มั้ยครับ"
"ได้ครับ พี่รักใครไม่เป็นแล้ว รักเจมยังต้องทำความเข้าใจเจมวันต่อวันเลย" โอเค กูดูงี่เง่ามากในสายตาชาวโลก ผมเบ้หน้าเพราะถูกว่าเหน็บ เขาก็หัวเราะเบาๆ แล้วเกี่ยวคอผมพาเดินออกจากโรงหนัง
แต่พอออกมาเจอคนมากมาย ผมก็เพิ่มระยะห่างระหว่างเราทันที
และครั้งนี้ เขาก็แสดงออกทันทีเหมือนกันว่า ไม่ยอมให้ผมทำตามใจตัวเอง แต่ขัดใจเขาอีกต่อไป
ยิ่งเขากอดคอผมเดิน คนก็ยิ่งสนใจ ผมอึดอัดกับสายตาที่คนอื่นมองเขา แม้บางคนจะมองเพราะเขาหล่อ บางคนก็มองเพราะเขาเดินกอดคอผมไม่ปล่อย บ้างก็มองแล้วยิ้ม แต่ส่วนที่มากกว่าคือมองแล้วซุบซิบกัน
"น่ารักเนอะ"
"เสียดายอ่ะแก"
"อิจฉาคนนั้นอ่ะ พี่คนสูงโคตรหล่อเลย ไม่น่าเป็น...." คำสุดท้ายที่ออกจากปากเธอทำให้ผมรีบเดินจนพ้นจากวงแขนของนายคฤณในที่สุด ผมคิดว่าเขารู้ว่าผมเป็นอะไร และผมก็รู้ว่าเขาไม่ยอมให้ผมเป็นแบบนี้
"พี่หนึ่ง!!" ผมผลักเขาออกทันทีที่เขากอดคอผมบนบันไดเลื่อน สายตาผมบอกเขาหมดทุกอย่าง แต่สายตาเขาดุกว่าทุกครั้งที่เคยมองตากัน
"เป็นอะไรครับ?"
"อึดอัด"
"เพราะพี่หรอครับ"
"เพราะคนอื่นมอง"
"แคร์คนอื่นมากหรอ"
"คนอื่นมองพี่หนึ่งเป็นเกย์ เจมไม่ชอบ"
"พี่ไม่สนนี่ครับ เจมสนทำไม"
"แต่พี่หนึ่ง...เสียหาย"
"ตรงไหน แขนขายาวเท่าเดิมนี่ครับ" กวนตีนกูอีกแล้ว จากที่หงุดหงิดคำคนอื่น ตอนนี้ผมหงุดหงิดที่เขาไม่สะทกสะท้าน ทั้งที่ผมแบกความรับผิดชอบไว้เต็มเปี่ยมเรื่องที่ทำให้คนอื่นมองเขาเป็นเกย์ ควรให้รางวัลเป็นคำปลอบประโลมดีๆ ไม่ใช่เรอะ?
ผมตีหน้ายุ่งแล้วก้าวหนี โชคดีที่ไม่ซุ่มซ่ามตกบันได เดินจ้ำอ้าวไปตามเรื่องตามราว หันมาอีกที ผมก็เคว้งอยู่ในห้างใหญ่ใจกลางเมืองซะแล้ว
"อ่ะ อ้าว หา..ย"
ค้นเนื้อค้นตัวแล้วมีเงินติดตูด 500 บาท ไอโฟน 1 เครื่อง ส่วนคนที่หนีบผมออกจากกะลาใบน้อยหายตัวไปร่วมครึ่งชั่วโมง โดยที่ไม่ติดต่อผมเลยสักนิด
นั่งกินแม็คไปก็นึกห่วงเขาไป แต่ผมอิ๊บแป๊ะไว้ก่อน ผมเรียกร้องระยะห่างเพราะเสร่อแคร์สายตาตนที่แทบจะไม่ได้เจอกันอีกในรอบ 10 ปี ผมก็ควรดื่มด่ำความเคว้งคว้างนี้จนไม่มีวันโหยหามันอีก
นายคฤณก็คงคิดเหมือนผม เลยชมเชยผมด้วยการหายไปจากสายตา
พอดูดน้ำคุ้มตังค์แล้ว กำลังจะลุกออกจากร้านเพื่อเดินสวนกับผู้คนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาผมแต่ผมเสือกเกิดจริตมาแคร์น้ำคำพวกเขาเอาวันนี้ นายคฤณก็โทรเข้ามาพอดี
"เจมอยู่ไหน หลงไปไหนครับเนี่ย เดี๋ยวพี่ไปหา"
"แล้วพี่หนึ่งอยู่ไหน ทำไมปล่อยเจมหลงล่ะ" ผมยียวนนิดนึงแล้วอมยิ้ม เด็กสาวรุ่นๆ เดินสวนผมไป เธอเบี่ยงหลบอะไรก็ไม่รู้ แต่เธอชนผมอ่ะ
"อุ้ย ขอโทษค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ" ผมยกมือประกอบด้วย แต่เธอกลับเข้าใจอะไรผิดไป เลยเกาะแขนผมไว้แล้วบอกผมว่า "แต่หนูทำพี่เจ็บ หนูอยากรับผิดชอบ!"
"อะไรครับเจม มีอะไร เป็นอะไร แล้วอยู่ไหน?" รัวมาเป็นชุดแล้วผมจะตอบทันมั้ย ผมบอกเขาแค่ว่า "ไม่มีอะไร โดนชนนิดเดียว เจมไปรอที่รถก็แล้วกันนะครับ"
"ครับ" มีแฟนฉลาดทางอารมณ์ก็ดีแบบนี้แหล่่ะ ผมตัดสายแล้วมองเธอที่ยังคงแขนผมไว้ไม่ปล่อย
เอาไงดีวะกู?
"น้อง ปล่อยพี่ก่อนดีกว่า มันดูแย่นะ"
"พี่เจ็บตรงไหนมั้ย พี่ชื่ออะไร"
"....." ไม่อยากตอบอ่ะ งงด้วย ผมส่ายหน้่าลูกเดียว มือก็พยายามแกะมือเธอออกไป ผมไม่ได้โง่ ถึงโง่ก็ไม่บื้อ ท่าทางแบบนี้มีนจะทำให้ผมเจอเรื่องเดือดร้อนแหงๆ หรือว่าเป็นพวกป้ายยา ตกทองวะ!
"ปล่ยครับ"
"พี่กลัวหรอ หนูไม่ทำอะไรหรอกค่ะ แค่ชอบหน้าพี่เฉยๆ สเปคหนูเลย"
"พี่ ไม่"
"หนูไม่เร่งรัดหรอก เราค่อยๆ คบกันไปก็ได้"
"พี่เค้าไม่ว่างแล้วครับ คนนี้ของพี่ น้องปล่อยแฟนพี่เถอะครับ" ไม่นะ! ผมไม่ได้พูด ผมเหลียวหลังหาคนพูด แล้วก็เหวอแดกจนได้
นายคฤณตัวเป็นๆ เลย มาไงวะ? ไหนว่าจะไปรอที่รถ
"เอ่อ แต่พี่เค้าเป็นผู้ชายนะ"
"ครับ มองไม่ผิด พี่คนนี้เค้าเป็นผู้ชาย แล้วก็เป็นแฟนพี่มาปีกว่าแล้ว ปล่อยเจมครับ" เจอคำย้ำ เธอก็อึ้ง ผมอาสาจังหวะที่เธอกล้ามเนื้ออ่อนแรงแงะมือเธอออกแล้วเดินไปหามือนายคฤณที่ยื่นมารอ ผมจับมือเขาไว้โดยไม่ลังเล
เขาจับมือผมไว้แน่น แล้วก็ขยับจะพูดเพิ่ม แต่ผมกระตุกแขนเขาไว้แล้วพลิกตัวเพื่อเดินไปให้ไกลจากเธอเสียที
"พี่! "
ไม่รู้เว้ย ไม่สนด้วย ที่ได้ยินนั่นไม่ผิด เพราะหากผิด ผมก็ต้องแก้ให้ถูกอยู่แล้ว
"พี่คะ พี่ พี่ฟังหน่อยดิ"
"อะไรอีก" ผมจำต้องหันไปถาม เพราะเธอมาเกาะผมแขนผมไว้ ทำไมเดินเร็วจังวะ
"พี่ หาได้หล่อขนาดนี้หนูยอมก็ได้ แต่เลิกกันเมื่อไหร่ มาหาหนูนะ นี่เบอร์หนู" วิธีให้เบอร์ของเธอคือการคว้าไอโฟนจากมือผมไปกดแต่กๆ แล้วก็วิ่งจากไป คงอายและเสียหน้าล่ะมั้ง
กลายเป็นว่าผมหัวเราะออกมานิดๆ ส่วนนายคฤณมองตามน้องคนนั้นจนคอยืด จากนั้นก็หันมาดุผมว่า "เก่งจังนะครับ เรื่องทำให้คนอื่นมาจีบเนี่ย"
เปล่าเถอะ!
ผมไม่เถียงอะไร และไม่ดึงมือผมออกจากการจับจูงของเขา แน่นอนว่ามีคนมอง มากด้วย แต่แล้วยังไงล่ะ มองแล้วก็ไม่ตายนี่ งั้นก็มองไป ถูกมองก็ไม่ตายเหมือนกัน งั้นปล่อยให้พวกเขามองไปเถอะ
"พี่ไม่รู้ว่าการถูกซุบซิบมันทำให้เจมหงุดหงิดแค่ไหน แต่อยากให้เจมรู้ว่ามันไม่ทำให้พี่รู้สึกอะไรเลย นอกจากดีใจที่แฟนพี่น่ารัก คนเลยชอบมอง"
"เค้ามองเพราะเสียดายพี่หนึ่งต่างหาก"
"นั่นเจมคิดเอาเอง พี่ไม่ได้เดินหลับตานะ ทำไมจะไม่เห็นว่าเค้ามองอะไรกัน"
"ถามจริงๆเถอะ อายหรอที่เป็นแฟนพี่"
"เฮ้ย! ไม่ ไม่ ไม่อายเลย" ผมรีบตอบเสียงตื่นด้วยกลัวเขาจะน้อยใจแล้วงอนจนไปคุยกับที่ลิฟท์ตรงหน้าเราทั้งคู่ นายคฤณยิ้มบาง แล้วบอกผมเพียงว่า "ก็เท่านี้แหล่ะ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว"
ก็จริงของเขา เราก็แค่รักกัน"เจมขอโทษครับ"
"พี่ไม่โกรธเลยครับ เจมอารมณ์เสียเพราะไม่ชอบให้คนมองพี่เป็นเกย์นี่ ต้องให้รางวัลสิ"
หูยยยย จริงป่ะ
เอานะ นี่ไม่เห็นแก่ได้เลยบอกตรงๆ!
ของติดไม้ติดมือเยอะมาก คอนโดผมเลยหดขนาดลงนิดนึง หลังจากพะรุงพะรังเป็นบ้าหอบฟางมาถึงห้องกันแล้วผมก็นอนแผ่หลาที่โซฟา ส่วนนายคฤณเป็นพ่อบ้านครับ เก็บของ จัดของให้เข้าที่ อันไหนที่เป็นของส่วนตัวผมแยกเอาไว้ ของเขาก็แยกไว้ที่เดียวกับของผม กองนี้ต้องเอากลับคอนโดเขา เพราะนายคฤณยึดตัวผมไปที่นั่นเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เอาออกมาไว้ในห้องนี้ก็คือของกินเล่นและกินจริงจัง
"อาบน้ำเถอะเจม คืนนี้นอนที่นี่ก็ได้นะ"
"ได้หรอครับ งั้นนอนนี่นะ เจมขี้เกียจออกไปข้างนอกแล้ว" เมื่อนายคฤณยิ้มรับหน้าอ้อนๆ ของผมแล้วก็ลากมือมาที่ครัว
"ข้าวไข่เจียวนะ แล้วเจมทำต้มยำเต้าหู้หมูสับ นะครับ พี่หนึ่งอยากกิน"
"โอเค ของถนัด งั้นพี่หนึ่งอาบน้ำก่อนเลย"
"เอางั้นนะ ขอบคุณนะครับ"
"อ้อ! แว่นกันแดดอันใหม่ด้วย ขอบคุณครับ" อดเซอร์ไพรส์อีกตามเคย แม่งรู้ได้ไงว่าผมไม่ได้ซื้อให้ตัวเอง แกล้งให้หน้าแหกดีมั้ยหว่า
"แว่นอะไรครับ" ผมถามหน้าซื่อ นายคฤณเลยชะงักอาการดี๊ด๊าจะไปอาบน้ำ เขาหันมองผมแล้วก็เดินไปหยิบหลักฐานประกอบมาถือ
"นี่ไง เจมซื้อให้พี่นี่ หรือไม่ใช่"
"อ้าว พี่หนึ่งอยากได้หรอ เจมเห็นจับแล้วไม่เอา เจมเลยซื้อให้เอ่อออ ให้พี่นำ" โอ้โห สีหน้ามาก่อนเลย แฟนอีคิวสูงส่งของผมหายไปไหนแล้ววะ?
"ก็...." ผมสร้างเรื่องให้ดูสมจริง
"จะวันเกิดพี่นำแล้วนี่ครับ พี่หนึ่งบอกเอง"
"วันเกิดมันแล้วไง ซื้อให้ทำไม ให้ของขวัญนำร่วมกับพี่ก็ได้นี่"
"เจมก็รู้จักพี่นำเหมือนกัน เจมอยากให้นี่" มันจะเลยเถิดมั้ยวะ แต่ยั้งปากไม่ทันอ่ะ ผมมันปากไว
"ไม่ต้อง ทำตามที่พี่บอกก็พอ"
"ก็จะให้" หาเรื่องตายเกินไปมั้ยกู นายคฤณหน้านิ่งแล้วถอนหายใจ เขาโยนกล่องแว่นส่งๆ ลงบนโซฟา แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำ ปิดประตูดังปัง!
อาฮะ เรื่องใหญ่จริงๆ ด้วย สลดเลยกู
สำหรับคนทั่วไป ความเงียบคือเหตุแห่งปัญญา แต่สำหรับผมในตอนนี้ ความเงียบคือสัญญาณแห่งปัญหา
นายคฤณเอาแต่กินข้าวไข่เจียวที่ตัวเองทำ และพอผมตักต้มยำหมูสับที่เขาบอกว่าอยากกินให้ เขาก็เขี่ยหมูก้อนสับสวยงามไว้ข้างๆ ไม่แตะเลย
อืมมม อยากขอโทษอ่ะ แต่ปากหนัก
"ไหนว่าอยากกิน" ผมเริ่มชวนคุยก่อน พยายามไม่เสียงแข็งด้วย
"คำพูดหรือความต้องการพี่มีน้ำหนักกับเจมด้วยหรอ" โอยยย งอนม้วนกว่าหางหมูอีกเว้ยเฮ้ย อายุเท่าไหร่วะเนี่ย!
"มีสิ แล้วพี่หนึ่งก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองด้วย" ผมสัมทับแล้วตักต้มยำให้เขากินอีก รอบนี้เขี่ยนานหน่อย แต่ก็ไม่กิน อะไรวะ? เยอะเกินไปแล้วนะ
"ก็ถ้าเจมจะไม่ให้ของขวัญไอ้นำ พี่ก็จะรับผิดชอบ"
"เจมจะให้ ตั้งใจซื้อมาแล้วก็ต้องให้"
"งั้นพี่ไม่กิน"
"โอเค เจมกินเอง"
เคร้ง! ศึกส้อม เคยเห็นกันมั้ย? เขายื่นส้อมกางช้อนขวางผมทุกลีลา สุดท้ายก็ทิ้งช้อนส้อมมันทั้งคู่แล้วลุกขึ้นยืนจนเก้าอี้ส่งเสียงครืดคราด
"พี่ หึง นะ!" ".…" ใบ้แดก ผมไม่คิดว่าจะได้ยินคำประกาศศึกชวนยิ้มแบบนี้ ญี่ปุ่นเลือดปลายอย่างผมอายจนรู้สึกร้อนผ่าวทั้งหน้า แก้มแม่งจะแตกเพราะอมยิ้มไว้นี่แหล่ะ นี่ยิ้มนะเว้ย! ไม่ใช่โกโก้ครั้นท์ จะได้ระเบิดตู้ม!
"ไม่ต้องให้นำ จะแว่น จะของอื่นก็ไม่ต้อง เดี๋ยวมัน!"
"พี่นำทำไมครับ"
"เดี๋ยวมันไม่ชอบเจมแบบลดลง!" โอ้ยยย! เด็กชายคฤณ! ไอ้ขี้หวง ผมแอบอมยิ้ม ปล่อยให้เขาหงุดหงิดแล้วอิ่มกะทันหัน นายคฤณดื่มน้ำแล้วเข้าห้องนอนทันที
ตลกดีว่ะ เมื่อไหร่จะเลิกบ้าหึงพี่นำก็ไม่รู้ นายผู้นำไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับผมหรอก หมอนำเขาฮอทจะตายไป
ผมเก็บล้างจานชาม เก็บต้มยำใส่ตู้เย็น ล้างแอบเปิ้ลเขียวแช่เย็นเอาไว้ แช่น้ำขวดใหม่ แล้วค่อยเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำและนอนพักเสียที
อาการพลิกตัวหันหนีหน้าผมทันที บอกกันโจ่งแจ้งมากว่า "งอนมาก" และ "ง้อซะดีๆ"
ผมกลั้นขำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเงียบๆ พอปิดประตูปุ๊บ ก็ยินเสียงแว่วมาว่า "ว่าไงที่หนึ่ง มีไร" มันเป็นเสียงอู้อี้ที่ดังจากโทรศัพท์ และก็ได้ยินเสียงนายคฤณพูดว่า "กูจะเกลียดมึงเพิ่มอีก1 วิ!"
แฟนใครวะ หึงแล้ววัยกลับ
ผมอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี ขัดๆ ถูๆ ใช้ออยล์กลิ่นที่เขาชอบแล้วก็เดินสะเด็ดน้ำออกมา นายคฤณตะแคงตัวทันทีอีกแล้ว งอนหนักจริงๆ รอบนี้ ผมสวมเสื้อใส่กางเกงลวกๆ แล้วก็ทิ้งตัวลงเตียงแล้วสวมกอดแผ่นหลังเขาไว้ทันที
"พี่หนึ่งครับ หางม้วนกว่าลูกหมูแล้วนะ"
"พูดไม่รู้เรื่อง"
"พี่หนึ่งครับ"
"…" แจกจุดให้ผมแดกด้วย ผมแอบขำแล้วจิ้มจมูกหอมต้นคอเขาฟอดใหญ่ อาการขยับนิดหน่อยบอกผมว่าเด็กชายคฤณอ่อนมาก หอมนิดหอมหน่อยก็หายงอน
"พี่หนึ่งโกรธเจมเรื่องอะไร หือ?"
"เจมให้ความสำคัญกับผู้นำ พี่หึง"
"ให้นิดเดียวก็ไม่ได้หรอ"
"ไม่ได้ครับ เดี๋ยวนำคิดเกินเลย"
"โอเค เจมขอโทษนะ" ผมทำเสียงแง้วๆ ด้วย หอมต้อคออีกทีเขาก็ยอมนอนหงายแล้วกางแขนโอบผมไปนอนหนุนอกเขา ท่าเดิมเป๊ะ
"ง้ออีก นี่พี่หึงจริงจังนะ"
"หมดตำราแล้ว ไม่ง้อแล้ว" ผมดื้อแทนเขาที่ยอมอ่อนข้อ นายคฤณหัวเราะหึเดียว แล้วก็ซุกไซร้ผมทั้งตัว แต่รอบนี้ไซร้ลึกลงไปถึงเอว สะโพก หน้าขา หัวเข่า ข้อเท้า
เอ๊ะ! นี่มัน…
"มากัดทีนึง" บอกโจทย์ปุ๊บก็พรวดขึ้นมาจูบสะดือผม แล้วแม่งก็กัดตามที่ประกาศศักดา
"พี่หนึ่ง เจมเจ็บนะ!"
"ค่าหึง เอาวงรีก็แล้วกัน" บอกทรงรอยจบก็กัดต่อ แต่ยังไม่ทันเจ็บมากเขาก็จับผมถอดเสื้อแล้วก็ไล่ไซร้แก้มไปมาบนตัวผม
อืม นี่มัน…
"พี่หนึ่ง" ผมพลิกตัวตะแคงให้เข้าคอนเซป แล้วมันก็สำเร็จรูปเมื่อเขาเอาหัวโขกไหล่ผม 2 ที
ไอ้เชี่ย!!' ผีโกโบริทับกู!!!!!! ตีหนึ่งคืนนี้ นายคฤณนอนอมยิ้มเอมใจ ส่วนแม่อัญอย่างผมน่ะหรอ ฮือออออ กูเจ็บสะดือจริงๆ นะ!!
------------------
จบเถอะ!!
สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ ทุกคน

เรื่องต่อไป สนใจความรักของหมอนำกันมั้ยคะ?

ถ้าสนใจก็ตามมาโลดค่ะ >,<
The Existence : ผู้นำ & ธาม