Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ[UPDATE] มีข่าวประกาศเรื่องรวมเล่มหนังสือค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ[UPDATE] มีข่าวประกาศเรื่องรวมเล่มหนังสือค่ะ  (อ่าน 75920 ครั้ง)

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



-19-





“คุณรามครับ....” ธันย์ชนกเอื้อมมือมาแตะแขนของคนที่พิงไหล่เขาเอาไว้ แล้วลองเขย่าเบาๆ


“อือ” มือใหญ่จับตัวกวนที่เขย่าปลุกทั้งๆยังหลับตาแล้วดึงเข้ามากอด


“อย่าเพิ่งปลุกสิ...ตัวขี้อ้อน...” จมูกโด่งได้รูปกดที่แก้มเบาๆ ด้วยอาการสลึมสลือ


ทุกครั้งที่ทำอย่างนี้ รัญชน์จะหัวเราะคิกคักแล้วแกล้งเขย่าเขาแรงๆจนกว่าจะตื่น... ราเมนทร์ที่ยังไม่ตื่นดีรอการกระทำนั้นด้วยการกอดร่างข้างๆแน่นขึ้น


คนปลุกได้แต่นิ่งไป ร่างกายแข็งเกร็งขึ้นมา อ้อมกอดที่โอบจนแน่นทำให้รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากและปลายจมูกที่แตะสัมผัสข้างแก้มทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นจนเจ้าตัวยังรู้สึกได้


“.... ค... คุณรามครับ...”


เสียงที่ไม่คุ้นเคยเรียกให้คนกอดตื่นจากอาการง่วง ราเมนทร์ตกใจจนปล่อยตัวธันย์ชนกออกจากอ้อมกอดทันที


...แย่แล้ว...


“ขะ...ขอโทษครับ ผมนึกว่ารัน”


“..... ไม่เป็นไรครับ......” ใบหน้าของธันย์ชนกก้มลงพลางเอ่ยตอบเสียงแผ่ว




ราเมทร์ลุกขึ้นยืนเก้ๆกังทำอะไรไม่ถูก เขาจึงนั่งลงข้างๆอีกครั้งแล้วมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม


“ผมขอโทษจริงๆครับ... คุณธัน... โกรธหรือเปล่า...”


“... ไม่ครับ... อย่าคิดมากนะครับ” พอได้ยินแบบนั้นธันย์ชนกก็รีบเงยหน้าขึ้นตอบ


ชายหนุ่มยิ้มตอบแทนคำพูด


“คุณธันอาบน้ำหรือกินข้าวก่อนครับ” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ติดใจอะไร ราเมนทร์ก็เริ่มทำหน้าที่ผู้ดูแลขึ้นมาอีกที


“อาบน้ำก่อนดีกว่าครับ... หรือว่าคุณรามหิวแล้ว...” ชายหนุ่มร่างเพรียวพยายามทำตัวให้เป็นปกติ หยุดจังหวะหัวใจที่เต้นรัวแรง


“งั้นพันพลาสติกก่อนเนอะ” ราเมนทร์ตัดสินใจให้ เขาเดินไปเอาถุงพลาสติกกับเทปใสมานั่งลงที่พื้นแล้วยกขาข้างเจ็บมาวางบนเข่า


“ยืดหน่อยนะครับ”


“ด... เดี๋ยวครับ... พันแบบนี้... ผมจะถอดกางเกงยังไงครับ...” ธันย์ชนกรีบถามพลางยกมือห้ามไว้


“อ่อ นั่นสิครับ ผมลืมไปเลย” ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ตากเอาไว้ส่งให้


“คุณธันใส่ผ้าเช็ดตัวก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมพันให้”


ธันย์ชนกรู้ดีว่าทำเขินอายไปกว่านี้จะมีแต่ยิ่งผิดสังเกต


“ครับ...” ร่างเพรียวขยับยืนขึ้นโดยมีราเมนทร์ช่วยประคองไว้ เขาขยับถอดกางเกงตัวนอกและเสื้อเนื้อบางออกอย่างทุลักทุเลก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบกายไว้


“นั่งดีๆครับ”ราเมนทร์ประคองร่างเพรียวให้นั่งแล้วเป็นฝ่ายนั่งลงกับพื้นพร้อมกับคว้าเรียวขามาวางบนตักและเริ่มเอาถุงพลาสติกใบใหญ่มาคลุมขึ้นจากข้อเท้าและพันเทปใสใต้หัวเข่า


“แน่นหน่อยนะครับ น้ำจะได้ไม่เข้า”


ท่อนขาเรียวที่โผล่พ้นผ้าเช็ดตัวมีเส้นขนบางๆสีอ่อนปกคลุม ราเมนทร์ลอบมองเลยไปถึงแผ่นอกที่ใหญ่กว่าของรัญชน์เพียงนิดหน่อยและลาดไหล่ที่ดูบางกว่าในความคิด


...อันที่จริงรูปร่างก็พอใช้ได้ ติดที่ว่านิสัยโก๊ะกังกับท่าทางซึมเซาล่ะนะ...


...ถ้ายิ้มบ่อยๆ คงดีกว่านี้...


ธันย์ชนกรอให้อีกจัดการให้จนเรียบร้อย เขารู้ได้ว่าหัวใจยังไม่หยุดเต้นรัวแรงเลยสักนิดเดียว ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนแน่นโดยไม่รู้ตัว


“... ขอบคุณครับ.......”


“งั้นผมพาไปนะ” ราเมนทร์ลุกขึ้นแล้วโอบร่างเพรียวให้พิงตัวเองไว้ กลิ่นหอมเหมือนลูกพีชสุกโชยจากเส้นผม... กลิ่นหอมหวานที่ชวนให้รู้สึกเศร้า


“ขอบคุณครับ... คุณราม” ชายหนุ่มค่อยๆขยับเดินไปถึงห้องน้ำแล้วจึงสอบถามว่าสบู่อะไรอยู่ตรงไหนเรียบร้อย แล้วก็ยิ้มให้จางๆกับเจ้าของห้อง



“... ขอบคุณนะครับ... เสร็จแล้ว... ผมจะเรียกนะครับ...” เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องบ่นแน่ถ้าเขาพยายามจะออกมาจากห้องน้ำเอง


“ครับ”

 
 
 











“ตัวเล็กคนดี ตื่นได้แล้วครับ” ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปกระซิบคนที่นั่งข้างๆในขณะที่รถจอดสนิท

“.... อือ............” คนโดนปลุกยังคงมีทีท่างัวเงียไม่ยอมลุก แต่แขนสองข้างกลับเอื้อมมือกอดเอาร่างสูงไว้


“ขี้เซากลับไปนอนบ้านเลย ไม่ชวนพี่คุยเอาแต่หลับปุ๋ย...ดูสิคนเขาพามาเที่ยวนะ”


กว่าจะฝ่าด่านงานมาได้กำหนดการลับๆของเขาก็เกือบล่มเพราะไอ้พี่ชายหวงน้องคนนั้น พอบอกว่าจะพามาค้าง ราเมนทร์ก็แทบจะแยกเขี้ยวใส่ ยังดีที่ว่าคนตัวเล็กทั้งขู่ทั้งปลอบจึงยอมให้แบบไม่ค่อยเต็มใจ


“ลงรถกันเหอะ นะๆ” หมอหนุ่มกอดร่างเล็กเบาๆแล้วดึงออก


“Ok-- ok” รัญชน์ยกมือยอมแพ้ก่อนจะเปิดประตูรถลงมาก่อนจะมองไปรอบๆ อากาศที่ไม่ร้อนจนน่าอึดอัดเหมือนในเมืองทำให้เขายิ้มออกมา แขนสองข้างกางออกเพื่อบิดขี้เกียจ ดอกไม้มากมายที่ปลูกอยู่รอบๆส่งกลิ่นหอมสดชื่นมาให้


“สวยจัง...” ร่างเล็กหันหลับไปที่รถก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาแล้วมองไปที่บ้านสีส้มพาสเทลตรงหน้า


“หลังนี้เหรอครับพี่หมอ...”


“อื้อ” ธนกฤตที่หิ้วเป้ของตัวเองสะพายหลังเสร็จตอบเบาๆ


บรู๊คไซด์ วัลเล่ย์ รีสอร์ท  ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาของจังหวัดระยอง เนื้อที่กว้างใหญ่ปกคลุมด้วยสีเขียวของแมกไม้ซึ่งรายล้อมทะเลสาบสีเหลือบเงิน บ้านที่เขาจองเป็นบ้านขนาดกลางสีส้มซึ่งเป็นเรือนเดี่ยวสีหวานคล้ายลูกกวาด


“ชอบไหม”


“ชอบที่สุดเลย... ชอบพี่หมอด้วยนะ” เขาเดินเข้ามาเคียงข้างพลางเอียงตัวเข้าหาร่างสูง


“อันหลังไม่ได้ถาม แต่ก็ขอบคุณครับ” ธนกฤตจับมือเล็กจูงเข้าไปในบ้าน


“เตียงเดี่ยวนะ รันนอนได้ป่ะ”


“ไม่ได้....” รัญชน์ตอบเสียงแข็งก่อนจะจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง


“จะนอนกับพี่หมอ.....”


ร่างเล็กเดินสำรวจรอบบ้านพลางจูงมืออีกคนให้เดินตาม ชั้นล่างเป็นห้องรับแขกมีโซฟากับทีวีพร้อมกับโต๊ะเตี้ยด้านหน้า ถัดออกไปเป็นประตูกระจกบานใหญ่ที่เปิดออกไปเป็นระเบียงให้ได้ดูกับลำธารสายเล็กที่ไหลผ่านด้านข้างของบ้าน ก่อนจะถึงบันไดมีห้องน้ำขนาดเล็กอยู่


“น่ารักนะ...” รัญชน์พูดต่อพลางดึงให้ธนกฤตเดินตามขึ้นไปข้างบน


เมื่อเดินมาตามทางเดิน ทางซ้ายมือเป็นห้องใต้หลังคาเล็กๆที่มีฟูกปูอยู่ หากเดินตรงไปก็จะถึงห้องนอนใหญ่ที่เป็นเตียงเดี่ยวสองหลัง


“.... เตียงแบบนี้ไม่เอานะ.....”


พอหันไปมองข้างๆ เด็กหนุ่มร่างเล็กก็พูดต่อ


“ห้องน้ำกว้างดี แต่รันจะนอนกับพี่หมอ”


“เดี๋ยวตีเลย เป็นเด็กเป็นเล็กนะเรา ก็นอนแยกไปก็ได้นี่” ชายหนุ่มขำกับท่าทางที่เหมือนเด็กถูกขัดใจ ธนกฤตแกล้งไม่สนใจ เขาถอดเป้วางลงกับพื้นแล้วโถมตัวขึ้นเตียง


“................. โกรธเลยนะ...” รัญชน์ว่าพลางโยนกระเป๋าเป้ของตัวเองลงบนพื้น ก่อนจะดึงผ้าห่มของเตียงข้างๆออกแล้วซุกตัวเองเข้าไป


“โกรธเลยเหรอ” ธนกฤตพลิกตัวไปมองก้อนกลมที่ซุกในผ้าห่ม


“ก็เตียงมันเล็ก เดี๋ยวนอนไม่สบายนี่ ตัวเล็กจะนอนเบียดกันเหรอ”


“ก็ไม่เห็นจะเป็นไร... ไม่พูดด้วยแล้วนะ” เด็กหนุ่มยังทำเสียงขุ่นใส่


ธนกฤตยิ้มขำกับท่าทางเอาแต่ใจ เขาลุกจากเตียงเดินไปทุ่มทั้งตัวกอดก้อนกลมๆที่อยู่ข้างในผ้าห่ม


“มาเที่ยวกันนะรัน อารมณ์ดีหน่อย ไหน...ขอพี่หมอดูหน้าหน่อยเร็ว”


พออีกคนมาง้อแบบนั้น คนงอนก็ยอมเลิกผ้าห่มออก แล้วจ้องมาดวงตาเรียวคมของอีกฝ่ายนิ่ง


“ไม่ต้องทำเหมือนรันเป็นเด็กนะ”


แขนสองข้างเอื้อมดึงลำคอของร่างสูงลงมาจนปลายจมูกชนกัน รอยยิ้มหวานออดอ้อนที่ใช้ประจำปรากฏขึ้นก่อนจะแตะริมฝีปากลงที่ข้างแก้มของธนกฤตเบาๆ


“นอนเล่นด้วยกันก่อนนะ”


“แค่นอนเหรอ.....” ชายหนุ่มยิ้มพราวก่อนจะทุ่มลงกอดทั้งตัว ร่างสูงใหญ่คร่อมบนร่างบอบบางก่อนจะจูบเบาๆที่ริมฝีปากบาง


ธนกฤตซุกใบหน้าลงกับลำคอเรียวพลางเม้มเบาๆ


“รันอยากนอนงั้นนอนก็ได้” เขาทิ้งตัวลงทับแล้วจับพลิกให้ร่างเล็กนออนหนุนอยู่ในอ้อมแขน


คนตัวเล็กกว่านึกสนุกจึงอ้าปากงับเบาๆที่ต้นแขนของธนกฤตแล้วซุกใบหน้าเข้าหาก่อนจะขยับไซร้หัวกับแผ่นอกกว้าง


“อร่อยนะ”


“ตัวเล็กต่างหากที่น่าอร่อย” ปลายนิ้วของหมอหนุ่มเขี่ยเบาๆที่ข้างแก้ม


“อยากไปเดินดูรอบๆก่อน....หรืออยากโดนกิน...ว่าไง”


รัญชน์หัวเราะคิกคักเบาๆพลางย่นจมูกแล้วเอียงหน้าหลบปลายนิ้วที่เอื้อมมาเขี่ย


“พี่หมอไม่กินหรอก... ไปเดินเล่นก็ได้”


ธนกฤตยิ้มหวานตอนรับก่อนจะพลิกตัวอีกครั้ง ร่างสูงคร่อมคนตัวเล็กไว้ข้างใต้และบดเบียดจุมพิตหวานโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว


...เดิมทีก็ไม่ได้อดกลั้นเก่งอยู่แล้ว...


หลายครั้งหลายคราที่เกือบจะกอดร่างเล็กอย่างจริงจัง แต่ด้วยความรู้สึกที่ยังก้ำกึ่งว่าชอบ... หรือรัก ทำให้ทำได้เพียงหยอกล้อไปมา แต่เพราะทุกวันที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันความรู้สึกก็ยิ่งเพิ่มพูน


...และในตอนนี้...ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่ากำลังตกหลุมรัก...คนรักของตัวเองเข้าอย่างจัง...


จมูกโด่งซุกไซร้ที่กระดูกไหปลาร้าที่โผล่พ้นเสื้อ เฉกเช่นเดียวกับมือใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ลูบไล้เรือนร่างของรัญชน์ผ่านเสื้อผ้าเนื้อบาง


“เปลี่ยนใจแล้ว...กินดีกว่า”


“อ...! ได้เหรอ.... เดี๋ยวก็เหมือนทุกทีหรอกนะ” รัญชน์ยังเอ่ยพูดหยอกขณะขยับตัวรับสัมผัสอย่างเคยชิน หลายต่อหลายครั้งที่เป็นแบบนี้ สุดท้าย ก็จบลงก่อนที่การแลกเปลี่ยนจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนกันเท่านั้น


...ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน


ธนกฤตใช้การกระทำเป็นคำตอบ มือใหญ่ที่หยอกล้ออยู่เคลื่อนลงสู่ใต้เนื้อผ้า กางเกงสามส่วนตัวเก่งถูกดึงลงมาที่ต้นขาเผยผิวผ่องใสชวนสัมผัส ความรุ่มร้อนของร่างเล็กถูกกอบกุมผ่านบ็อกเซอร์ตัวสั้น ธนกฤตจงใจใช้ปลายนิ้วไล้ตามความยาวของมันเชื่องช้า... จนรู้สึกถึงอาการบางอย่างในมือ


ริมฝีปากได้รูปเลื่อนลงต่ำก่อนจะขบเบาๆที่ยอดอกซึ่งถูกความร้อนเร่าปั่นป่วนจนแข็งตัวนูนเป็นรอยผ่านเสื้อ


“อย่าบอกให้หยุดแล้วกัน...” นัยน์ตาพราวระยับมองพร้อมพูดออกมาทั้งที่ยังขบเม้ม


“อ... จริง... เหรอ....” นับเป็นครั้งแรกที่มือของอีกฝ่ายเคลื่อนไหวไปไกลขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยสัมผัสตัวเอง แต่เพราะคิดไว้ว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้าลงมือทำอะไรจริงๆ-- หรือถึงทำก็ไม่น่าจะทำได้เท่าไหร่เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ธนกฤตบอกว่าชอบผู้ชาย


ความคิดของรัญชน์หยุดลงเมื่อฝ่ามือร้อนสากอ้อมไปด้านหลังแล้วลูบไล้ตามแนวกระดูกสันหลังขึ้นมาจนถึงลำคอ


“อ๊า...” มือสองข้างยกขึ้นมาปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นริ้วไปทั่วร่างกายจนต้องหลับตาลง



“ของรัน...ตรงนี้เหรอ” ว่ากันว่าในร่างกายคนจะมีจุดอ่อนที่ปลุกเร้าได้ง่ายอยู่ ธนกฤตแกล้งไล้ฝ่ามือลงมาเชื้องช้า ให้ร่างเล็กขยับดิ้นในอ้อมกอดด้วยแรงอารมณ์


มือที่หยอกเย้าอยู่สอดเข้าไปภายใน ธนกฤตดึงทั้งชั้นนอกชั้นในลงไปกองกับพื้นก่อนจะเลื่อนตัวลงไป ชายหนุ่มใช้อุ้งมือโอบล้อมส่วนกลมหยุ่น พอเคล้นคลึงเบาๆแก่นกายอ่อนไหวก็แข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว


“จะเอาคืนให้หมดเลย... ที่ตัวเล็กยั่วพี่หมอไว้”


“พ... พี่... หมอ... เป็นคนแบบนี้... เหรอ.....” เด็กหนุ่มไม่อาจขยับต้านอะไรได้ พอจะถอยหนีก็คล้ายจะหมดแรง นัยน์ตาคู่สวยค่อยๆเปิดมองคนตรงหน้า รอยยิ้มร้ายที่อยู่บนใบหน้าของคนที่ปกติมักจะยิ้มให้ตลอดเวลาทำเอาตกใจ


“ขี้... โกง.....”


“อื้ม” คนถูกกล่าวหายิ้มรับอย่างเต็มใจ


ธนกฤตละมือไปถอดเสื้อคนตัวเล็กจนร่างผอมบางเปลือยเปล่า แสงแดดจ้าตอนเช้าโลมไล้ผิวสีอ่อนจนเป็นสีทองนิดๆ สายลมอ่อนโชยกลิ่นดอกไม้หอมมาทางหน้าต่างที่เปิดกว้าง


...แต่หอมไม่สู้คนในอ้อมกอดสักนิด...


ริมฝีปากครอบครองยอดอกสีสวยเบาๆก่อนจะใช้ฟันขบอีกครั้ง


“ตัวเล็ก....อร่อย....”


“ย... อย่ากัด.... อื๊อ--! นะ....” ความคิดทั้งหมดเป็นอันต้องพับเก็บเขวี้ยงทิ้งทันที ธนกฤตไม่ใช่ผู้ชายใจเย็นที่ชอบยิ้มแย้มตลอดเวลาอย่างเดียว


...This is insane!!!!


แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะอยากผลักไสออกไป เพราะว่ารักถึงได้หยอกเล่นอยู่ทุกวัน ตลอดเวลาสามเดือนที่คบกันมานั้นมีแต่ความสุขที่ต่างมอบให้กัน


...but this is a whole different fucking thing!!


อาจจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายถูกกระทำมากขนาดนี้


“.... พ.... พอแล้ว....”


“ไม่เอาหรอก ทีตัวเล็กยังแกล้งได้เลย”


พอกระตุ้นทั้งบนและล่างพร้อมกัน ร่างในอ้อมกอดก็ขดตัวคล้ายจะหนี ธนกฤตตรึงร่างท่องล่างด้วยลำตัว ริมฝีปากละลงจากยอดอกมายังหน้าท้องแบนราบ และต่ำลงเรื่อยๆ


“ของตัวเล็กน่ารัก” พูดจบธนกฤตก็ครอบครอง ‘ส่วนน่ารัก’ ด้วยริมฝีปากตัวเอง


แม้จะไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย แต่เพราะก่อนหน้านี้ได้ศึกษาไว้บ้าง ทั้งจากหนังสือและอินเตอร์เนต อีกทั้งการเป็นหมอยังทำให้สามารถรู้ส่วนที่ทำให้รู้สึกดีของผู้ชายได้อย่างไม่ยากเย็น


“อึก-!!? พี่... บีม..!!” คล้ายกับเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบออกไปหมด ที่รู้สึกได้มีเพียงส่วนอ่อนไหวที่บัดนี้เริ่มแข็งขืนอยู่ในโพรงปากของอีกฝ่าย มือสองข้างที่ปัดป่ายไปรอบๆอย่างไร้ทิศทางคว้าผ้าปูที่นอนเอาไว้ได้ก็จิกลงเกร็งแน่นอย่างไม่กลัวขาด


“ฮ... อ๊า...”


ธนกฤตห่อริมฝีปากสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ภายใน เขารูดริมฝีปากขึ้นลงตามแนวความยาวสลับกับใช้ลิ้นหยอกล้อ มือข้างหนึ่งลูบฐานล่างด้านหลังกระตุ้นอารมณ์ร่างบาง ชายหนุ่มยิ้มเมื่อรู้สึกถึงเรียวขาที่หนีบศีรษะของตัวเอง เขาเลื่อนมืออีกข้างลูบแผ่นหลังที่ม้วนขด


กระแสเสียงอ่อนหวานกระตุ้นกึ่งกลางลำตัวที่อยู่ใต้เสื้อผ้าจนปวดหนึบ แต่ธนกฤตยังเพลิดเพลินกับร่างกายของคนตัวเล็ก


พอถูกกระตุ้นไปทั่วร่าง ซ้ำจุดไวสัมผัสที่แผ่นหลังยังถูกรุกไล่ไม่ยอมปล่อย นัยน์ตาคู่สวยปิดแน่น ร่างทั้งร่างบิดเกร็ง


“I....!! I'm coming...” ปลายนิ้วจิกดึงผ้าปูที่นอนจนแทบขาด ร่างบางเกร็งกระตุกสองสามที ก่อนจะทิ้งร่างกายลงบนเตียงอย่างหมดแรงพลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง


หยาดอุ่นร้อนที่อยู่ในริมฝีปากไม่ได้ทำให้รู้สึกรังเกียจหากแต่เป็นความอิ่มเอมที่สัมผัสได้ ธนกฤตถอนริมฝีปากออกแล้วคายมันลงใส่ฝ่ามือ


“ตัวเล็กโอเคไหม เหนื่อยล่ะสิ” ธนกฤตโน้มตัวเข้าหาแล้วจูบเบาๆบนริมฝีปากบาง


“.... นิสัยไม่ดีนะ......” รัญชน์เอ่ยตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นจนเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตที่มักกระพริบมองอย่างสดใสกลับหรี่ปรือด้วยความสุขทางอารมณ์ที่ไม่เคยได้รับ


“นิสัยไม่ดีแล้วรักเปล่าล่ะ” มือที่เปรอะหยาดอารมณ์วางทาบบนช่องทางด้านหลังเบาๆก่อนที่นิ้วมือจะสอดเข้าไปทีละนิด


ธนกฤตจูบเบาๆที่หัวคิ้วขมวดมุ่น รัญชน์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์หวามดูเย้ายวนเกินกว่าจะห้ามใจ เขาขยับปลายนิ้วเข้าออกช้าๆดึงอารมณ์ร้อนเร่าให้สูงขึ้นอีกทีละนิด


“หืมม์ ว่าไงครับตัวเล็ก....”


“.....” คนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้อีกฝ่ายกลั่นแกล้งขมวดคิ้วมองธนกฤต


“....... ไม่รัก... ไม่ยอม... หรอก.. นะ อ๊า--!” ปลายนิ้วที่สอดเข้าไปสะกิดกับผนังอ่อนนุ่ม ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมาจนสะดุ้งตัว


ในขณะที่ใช้นิ้วสอดแทรกเข้าไปในช่องทางเบื้องหลัง ชายหนุ่มก็ใช้อีกมือกำจัดกางเกงและชั้นในให้ความรุ่มร้อนที่ซ่อนอยู่ออกมาเป็นอิสระ ฝ่ามืออุ่นจับหลวมๆที่ส่วนอ่อนไหวของรัญชน์พลางชักนำอารมณ์ให้ขึ้นสูง


พอสอดนิ้วที่สองเข้าไปร่างเล็กที่ถูกทำให้ปลดปล่อยไปแล้วครั้งหนึ่งก็งอตัวจนน่าสงสาร ธนกฤตโน้มตัวขึ้นไปจูบหัวไหล่เปลือยเปล่าเบาๆพลางขบเม้มจนเกิดรอยสีเข้มตัดกับผิวนวล


“ไหวไหม...” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่ากระซิบเบาๆ


“... Stop-- asking me...!! อึ๊ก--!?” รัญชน์ที่ไม่อาจคุมสติให้อยู่กับตัวไว้ได้อีกต่อไปเอ่ยตอบกระท่อนกระแท่น-- ทั้งๆที่เคยดูและรู้อะไรมามากมาย แต่พอเป็นฝ่ายถูกกระทำเข้าแบบนี้จริงๆจังๆทำให้รู้สึกอยากกลับไปบ้านเกิดแล้วเอาดีวีดีจากเพื่อนนายแบบด้วยกันปาใส่หัวทีละคนให้รู้แล้วรู้รอด


...Which part is the same!!!


ความรู้สึกปั่นป่วนตีกันไปมาทั่วร่างจนรู้สึกเหมือนหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนแล้วด้วยซ้ำ อย่างเดียวที่รู้สึกได้มีเพียงปลายนิ้วของธนกฤตเท่านั้น


“รักนะครับ” ภาษาไทยแปลกประหลาดแปรเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงขาดห้วงบอกธนกฤตได้ดีว่าคนรักของเขาอยู่ในอารมณ์ใด


การเตรียมพร้อมให้คนไม่เคยมาก่อน... เพื่อจะรองรับส่วนหนึ่งของร่างกายอีกคนเข้าไปไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะอยากเข้าไปใจแทบขาดแต่ถ้าทำให้คนตัวเล็กบาดเจ็บเขาก็ไม่เอา


...เพราะรักเกินกว่าจะเห็นแก่ตัว...


“อึดอัดไหม...คนเก่งของพี่หมอบีม” ถามจบปลายนิ้วที่สามก็แทรกเข้า ธนกฤตเขี่ยส่วนนูนแข็งที่อยู่ด้านใน... จุดกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชายที่น้อยคนจะรู้ นิ้วที่เคยกอบกุมเกี่ยวกระหวัดถูกชักเข้าออกเพิ่มความเคยชิน


...และเตรียมความพร้อมเผื่ออะไรที่อุ่นร้อนกว่าหลายเท่า


คนถูกถามมีเพียงเสียงครางแทนคำตอบเพราะไม่อาจเอ่ยพูดได้แม้เพียงคำเดียว มือที่จิกผ้าปูที่นอนไว้คลายออกก่อนจะเอื้อมคว้าร่างสูงเอาไว้ในตอนที่แอ่นกายจนแผ่นหลังโค้งงอ


“Kiss..... me....” รัญชน์ค่อยๆลืมตามองใบหน้าของคนรัก ก่อนจะต้องปิดลงอีกครั้งเพราะทนต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ไหว


ธนกฤตตอบรับคำร้องขอด้วยจุมพิตแนบแน่น ชายหนุ่มแนบแก่นกายแข็งแกร่งลงบนหน้าท้องที่สั่นไหวด้วยลมหายใจปั่นป่วน


ปลายนิ้วทั้งสามถูกถอนออกก่อนจะแทนที่ด้วยสิ่งที่อุ่นร้อนและใหญ่โตกว่า หมอหนุ่มกดส่วนปลายเข้าไปในร่างเล็ก ลมหายใจหนักหน่วงถูกถ่ายทอดออกมาแทบจะเป็นจังหวะเดียวกัน


“...!!!!??” มือที่โอบกอดกลายเป็นรัดจนแน่นเมื่อแก่นกายแข็งขืนสอดแทรกเข้ามาในร่างกาย แพขนตายาวชุ่มไปด้วยน้ำตา


ธนกฤตรู้สึกถึงแรงต่อต้านที่โอบกระชับกึ่งกลางร่างกายจึงหยุดที่จะรุกรานต่อ มือใหญ่ลูบแผ่นหลังสั่นสะท้านเบาๆราวกับจะปลอบโยนหากแต่ไร้คำพูดใด พอร่างกายที่แข็งเกร็งค่อยๆนิ่งลงร่างสูงก็สอดใส่เข้าไปเชื่องช้า... เนิบนาบ แต่ไม่ได้หยุดกระทำจวบจนเข้าไปได้เสร็จสมบูรณ์


“เจ็บไหม”


“N... no...” รัญชน์ตอบเสียงเบาพลางพยายามผ่อนลมหายใจ ความเจ็บปวดไม่ได้เกิดขึ้นมากจนทนไม่ได้ กลับกัน เด็กหนุ่มรู้สึกหวามไหวจนต้องปิดตาแน่น


“Just... move. It might be.... better...”


“ว่าไงนะ....” ธนกฤตแกล้งแช่ตัวนิ่งไว้ให้ส่วนที่เชื่อมต่อค้างคาอยู่ภายใน


นิสัยไม่ดีที่ชอบแกล้งคนรักของตัวเองเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย... ยิ่งรักมากยิ่งแกล้งมาก


ความอุ่นที่โอบกระชับทำเอาแทบจะไปในทันที แขนเล็กๆที่กอดเขาแน่นจึงถูกจูบไล่เบาๆเพื่อผ่อนอารมณ์ที่ใกล้ประทุ


“ตัวเล็ก...อยากให้พี่ทำ...อะไร...”


“... อึก... Just-- shut up and move--!?” มือที่กอดร่างสูงเอาไว้เปลี่ยนเป็นออกแรงกดปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังเนื่องจากไม่สามารถหาแรงมาเขย่าได้


“B......... bad.......”


“อื้อ นิสัยไม่ดี” รอยยิ้มร้ายผุดบนใบหน้าหล่อเหลา ธนกฤตจูบเบาๆบนเปลือกตาชุ่มน้ำก่อนจะขยับร่างกายช้าๆ


สะโพกที่เชื่อมต่อกระทบกันเป็นจังหวะเนิบนาบ ริมฝีปากของคนที่อยู่ด้านบนจูบลงที่ท่อนขาที่แยกออก กายสอดประสานเสียดสีเข้าออกเกิดเป็นเสียงเปียกลื่นดังในห้องนอนยามเช้า


“...รัน...ตัวเล็ก...”


“..... So… what?” รัญชน์เอ่ยถามเสียงพร่า


“.... Kiss... me.... again”


“ลุกขึ้นมาจูบสิ” เสียงทุ้มพูดหยอก คนที่อยู่ด้านบนกระแทกกายเข้าหาอย่างดุดันลิ้นอุ่นร้อนวนเวียนอยู่บนยอดอกไม่ต่างจากมือที่เฝ้าลูบไล้กลางแผ่นหลัง


“So mea-!!” พอถูกกระตุ้นทุกทางแบบนั้น ร่างทั้งร่างกลับเกร็งแน่นอีกรอบก่อนจะครางออกมาเสียงหวาน ของเหลวสีขุ่นไหลเลอะลงบนหน้าท้องเรื่อยถึงแผ่นอกสีนวล


ของเหลวสีขาวที่เปรอะอยู่บนหน้าท้องและแผ่นอกกระเซ็นขึ้นมาบนร่างของธนกฤตเช่นกัน ภาพรัญชน์ที่นอนระทดระทวยอยู่เบื้องล่างตนเองเป็นภาพที่ชวนให้อยากรังแกมากขึ้น


ธนกฤตขยับรวดเร็ว กระแทกสะโพกเข้าสู่จุดที่เชื่อมต่อ ในหูแว่วเสียงหวานครางเครือที่ยิ่งเร้าอารมณ์ให้ขึ้นสูงเป็นอีกเท่าตัว


...ตัวเล็กของพี่...


กายสูงใหญ่ขยับตัวติดต่อกันอีกหลายครั้ง จนเมื่อร่างกายปะทุถึงขีดสุด แผ่นหลังกว้างเกร็งตัวก่อนจะปลดปล่อยหยาดอารมณ์เข้าไปสู่ภายในร่างคนที่รองรับ


“รัก...นะครับ...” พูดจบธนกฤตก็ทรุดตัวลงกอดกลิ้งบนที่นอนซบลงกับเส้นผมชื้นเหงื่อของคนรัก


“... me.... too.....” ร่างบอบบางขยับซุกตัวเข้าหา มือยกขึ้นแตะทาบบนแผ่นอกกว้างแล้วเอนศีรษะหา


“.... นิสัยไม่ดี..... แต่รัน... ก็รัก... นะ.... พี่บีม”


ท่อนแขนแข็งแรงกอดศีรษะที่ซุกซบไว้กับตัวแล้วพลิกร่างเล็กให้ขึ้นนอนบนตัวเขาแทน


“เตียงแคบ...” บ่นเบาๆด้วยรอยยิ้ม


นัยน์ตาสีเข้มมองคนรักที่นอนหรี่ตามองเขาอยู่บนอก กายที่ยังเชื่อมต่อรู้สึกถึงกันและกับ ชีพจรที่เริ่มสงบ... กระทั่งลมหายใจที่เป่ารินรด


“เด็กลามก... มองอะไรน่ะ” เสียงทุ้มเย้าเบาๆด้วยเพราะคนตัวเล็กจับจ้องใบหน้าเขาโดยไม่พูดอะไรเลย


“มองหน้าคนนิสัยใจร้าย” รอยยิ้มเย้าแหย่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม


“ใจร้ายสิ ก็มีเด็กชอบแกล้งอยู่ด้วยนี่นา” ชายหนุ่มกดแผ่นหลังให้ร่างเล็กแนบชิด


รอยยิ้มหวานมอบให้ท่ามกลางแสงเจิดจ้าของดวงตะวัน ธนกฤตเขินนิดหน่อยกับการเปลือยกายนอนกอดก่ายกันทั้งๆที่สว่างจ้าแบบนี้


...แต่ช่างเถอะ บรรยากาศมันเป็นใจนี่นา...


“ตัวเล็กเจ็บตรงไหนป่ะ”


“นิดนึง.... ไม่เป็นไรนะ...” เขายิ้มเบาๆพลางยกมือเขี่ยปลายนิ้วบนแผ่นอกกว้าง


“รันมีความสุขนะพี่บีม”


พอเจอแบบนี้เข้าไป ธนกฤตที่ปกติจะปากดีถึงกับไปไม่เป็น ชายหนุ่มทำได้เพียงกอดคนตัวเล็กเอาไว้แล้วดื่มด่ำกับความรู้สึกเต็มตื้นในอก


“พี่ก็มีความสุขที่สุดในโลกเลย”


...ขอบคุณที่รักกัน...


“จริงหรือเปล่านะ” รัญชน์ขยับตัวขึ้นอีกนิด ทำให้แก่นกายที่เชื่อมต่อหลุดออกจากกัน


“อือ.......” เขาปล่อยเสียงครางออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกถึงของเหลวอุ่นข้นที่ไหลตามออกมา


ใบหน้าขาวที่แดงซ่านด้วยความสุขสมดูน่ารักจนอยากจะคว้ามาทำให้เป็นของตัวเองอีกรอบ แต่ธนกฤตกลับหักห้ามใจทำเพียงเอื้อมมือเข้าไปทางด้านหลังสัมผัสกับน้ำอุ่นๆที่เลอะสะโพกเรียวและต้นขาด้านใน


“รันเลยเลอะเลย ทำความสะอาดให้เอาไหม พี่อ่านเจอมาว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้ท้องจะเสียนะ”


“จริงเหรอ... แต่ยังไม่อยากเลย.... นะ” นัยน์ตาสีอ่อนคู่สวยเหลือบมองอย่างออดอ้อน


คำว่า ยังไม่อยากเลย ของอีกฝ่าย หากจะตีความหมายก็คงจะเป็นความหมายที่เหมือนกันกับสิ่งที่อยู่ในใจ


แววออดอ้อนที่อยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเจือเทาแฝงความเว้าวอนและความต้องการที่ไม่ต้องสื่อเป็นคำพูด ธนกฤตโอบลำตัวเพรียวของคนตัวเล็กเข้าแนบชิดแล้วลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังกอดกันไว้ เรียวขาสีนวลไขว้กับแผ่นหลัง รัญชน์ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างสมบูรณ์


ชายหนุ่มโน้มคอลงกระซิบข้างหูเสียงแผ่ว
“ไม่อยาก...ตัวเล็กก็ทำต่อสิ....”


รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน มือสองข้างยกขึ้นประคองใบหน้าของธนกฤตไว้พลางเคลื่อนใบหน้าเข้าชิด


“........ ได้นะ........” ริมฝีปากทาบทับลงหาอย่างแนบชิด


“แกล้งกันอีกแล้ว” รอยยิ้มที่ร้ายไม่แพ้กันผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา


มือใหญ่จับร่างในอ้อมกอดยกขึ้นให้สะโพกอ่อนล้าลอยจากตัก แก่นกลางใหญ่โตเรียกร้องความต้องการชูชันขึ้นเสียดสีต้นขาด้านในที่ชื้นเหงื่อ


“งั้นพี่บีมให้รันทำตามใจเลย เนอะ”


“อื้อ” เด็กหนุ่มเอื้อมมือลงไปกำรอบแก่นกายร้อนผ่าว แล้วค่อยๆลดตัวลงหา


“จะเอาคืนนะ....”
















To be continued...








kagehana :

เรื่องนี้...อันที่จริงก็จบแล้วค่ะ แต่เอามาลงไม่ค่อยสม่ำเสมอ ฮือออ จะพยายามมาลงบ่อยๆนะคะ

พี่หมอได้กินน้องรันแล้ว /จุดพลุให้
:mc4:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ดีใจด้วยนะพี่หมอบีมได้กินน้องรันแล้วเย้

แล้วคู่พี่รามจะเป็นไงต่อไป
ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1


-20-
















“มาติดต่อคุณหมออนิรุทธิ์ครับ”


“รบกวนขอบัตรคนไข้กับบัตรนัดด้วยค่ะ” นางพยาบาลประจำห้องตรวจเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม


ราเมนทร์หยิบบัตรจากในกระเป๋าเสื้อยื่นส่งให้ก่อนจะเดินกลับมาหาอีกคนที่นั่งรออยู่ตรงม้านั่ง


“วันนี้จะถอดเฝือกแล้ว ตื่นเต้นไหมครับ”


“... พูดเหมือนผมเป็นเด็กๆเลยนะครับ” ธันย์ชนกยิ้มน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นดันแว่นกรอบหนาที่เลื่อนหลุดให้เข้าที่


“ก็จริงๆแค่กระดูกร้าวน่าจะหายนานแล้ว แต่คุณธันมัวกลัวไม่กล้าถอด อย่างงี้เด็กไหมครับ” ราเมนทร์พูดหยอก


เกือบสามเดือนที่อยู่ด้วยกันทุกวันทำให้ความสนิทสนมก่อตัวมากขึ้น ราเมนทร์ยังเคยนึกว่าเพราะมีธันย์ชนก... เขาถึงลืมเรื่องน้องชายได้บ้าง


“......... ก็.... ช่วยไม่ได้นี่ครับ....” เขาหัวเราะเบาๆพร้อมรอยยิ้มจางๆตามแบบฉบับของเจ้าตัว


“เชิญคุณธันย์ชนกที่ห้องตรวจ2ค่ะ”


“เรียกแล้วครับ” ราเมนทร์ลุกขี้น ก่อนจะพยุงคนเจ็บด้วยการโอบรอบลำเอวบางไว้แนบชิด


“............... ครับ” ชายหนุ่มร่างเพรียวตอบรับเสียงแผ่วเบา สัมผัสที่โอบรอบเอวทำให้หัวใจเต้นรัวขึ้นจนหยุดไม่ได้


ราเมนทร์ประคองร่างเพรียวเข้าไปนั่งในห้องตรวจ หมออนิรุทธิ์ยิ้มอย่างใจดีให้แทนคำทักทาย  เขาปล่อยให้ธันย์ชนกนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆแล้วถอยออกมาฟังอาการ


“สามเดือนกับกระดูกร้าวนี่ใครได้ยินคงขำหมอแน่เลย ใช่ไหมครับคุณธันย์ชนก” นายแพทย์เคาะเบาๆที่เฝือก... จริงๆแค่เฝือกอ่อนก็น่าจะพอ แต่เพราะกระดูกร้าวค่อนข้างมากกันไว้ก่อนจึงไม่มีอะไรเสียหาย


“งั้นลองเดินก่อน ไม่ต้องประคองนะครับคุณราเมนทร์” คุณหมอใจดีรีบดักคอราเมนทร์ที่ทำท่าจะเข้ามา


คนป่วยขยับมองหน้าราเมนทร์สลับกับคุณหมอเจ้าของไข้ไปมา มือสองข้างจับที่พนักเก้าอี้เพื่อยันตัวเองขึ้นก่อนจะก้าวขาข้างที่ไม่เจ็บลงไปก่อน จากนั้น จึงค่อยๆหย่อนขาที่ใส่เฝือกลงบ้าง แต่ก็ยังไม่ลงน้ำหนักไปเลยทีเดียว


ธันย์ชนกสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปล่อยน้ำหนักลงไปที่ขาข้างที่เจ็บ นัยน์ตาสีเข้มปิดลงครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆเปิดขึ้นอีกครั้ง


“... ไม่เจ็บ.... แล้วล่ะครับ”


“งั้นลองเดินดูนะครับ” อนิรุทธิ์หยิบแผ่นเอกซ์เรย์ขึ้นติดกับกระดานไฟสีขาวฉายภาพกระดูกที่ประสานตัวกันดีแล้ว


“ถ้าดูจากในฟิล์มก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วนะครับ เดี๋ยวลองให้คุณธันย์ชนกเดินดูก่อนแล้วหมอจะส่งไปผ่าเฝือกที่ห้องผ่านะ”


“ครับ...” พอไม่รู้สึกเจ็บแล้ว เขาก็ค่อยขยับเดินไปข้างหน้าทีละก้าว อาจจะเป็นเพราะไม่ได้เดินมากในตลอดเวลาเกือบสามเดือนทำให้ดูเก้ๆกังๆไปบ้าง แต่ก็สามารถเดินได้ ไม่มีทีท่าว่าจะล้มหรืออะไร พอไม่รู้สึกเจ็บหรืออะไรแล้ว ความรู้สึกดีใจที่หายป่วยก็ทำให้อดยิ้มออกมาไม่ได้


“เดินได้ ไม่เจ็บ แล้วล่ะครับ” แม้จะเหมือนเอ่ยบอกแพทย์ของตัวเอง แต่ใบหน้าและรอยยิ้มหวานกลับหันมามอบให้กับราเมนทร์ที่นั่งอยู่


...เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องมา...


ราเมนทร์ตอบรับรอยยิ้มหวานด้วยสายตายินดี ชายหนุ่มมองรอยยิ้มที่ส่งมาแล้วอดคิดไม่ได้ว่าถ้าอีกฝ่ายยิ้มได้แบบนี้ทุกวันก็ดี


“โอเคครับ งั้นส่งตัวไปฝ่าเฝือกออกได้เลย”


“ครับ ขอบคุณมากครับ”เพื่อนคนป่วยกล่าวขอบคุณ


หลังจากออกมาจากห้องตรวจ ธันย์ชนกก็เดินตามบุรุษพยาบาลที่จะนำทางไปยังห้องผ่าเฝือก ชายหนุ่มร่างโปร่งหันหาคนข้างๆก่อนจะเอ่ยขอบคุณ


“ขอบคุณนะครับคุณราม... ทีนี้ก็ไม่ต้องรบกวนทั้งวันแล้ว...”


ราเมนทร์ยิ้มตอบโดยไม่พูดอะไร...แม้จะไม่ได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายรบกวนสักนิด


เพราะเกิดเป็นความเคยชินเสียแล้ว...วันไหนที่มีงานเขาก็จะรับธันย์ชนกมานั่งที่ห้อง แล้ววานรัญชน์หาข้าวกลางวันให้ ส่วนตัวเขาเองก็กลายเป็นพวกกลับบ้านเร็วเพราะผลัดคิวให้น้องชายไปเฝ้าไอ้หมอบ้า


แม้ส่วนใหญ่จะเป็นการอยู่ด้วยกันเงียบๆ...แต่เป็นความเงียบที่สงบสุข


“ก็ถ้าคุณธันไม่เบื่อผม ว่างๆก็แวะมานั่งเล่นนะครับ”


“... ครับ”


...ผมไม่เคยเบื่อคุณเลยสักนิดเดียว...


ความคิดในใจที่ไม่ได้พูดออกไปถูกตอบด้วยรอยยิ้มจางๆแทน ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องตรวจ ปล่อยให้ราเมนทร์ได้นั่งรออยู่หน้าห้อง


ราเมนทร์นั่งลงที่เก้าอี้ยาวหน้าห้อง รอยยิ้มเล็กๆมุมปากผุดขึ้นนิดๆเมื่อนึกไปถึงรอยยิ้มดีใจและประกายตาสดใสที่ธันย์ชนกเผลอส่งมาให้ ราเมนทร์รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติ... และความรู้สึกบอกไม่ถูกที่ไม่อยากจะตีความหมาย


...ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิด...


...ไม่ใช่เพราะหลงลืมน้องชายคนเดียว...


แต่เพราะรอยยิ้มนั้น...มันทำให้หัวใจสั่นไหว


...แค่นั้นเอง...

 

 











“เรียบร้อยแล้วครับคุณราม” ชายหนุ่มนักเขียนเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเขินๆ


“.... ผมคงกังวลเกินไปจริงๆด้วย” ธันย์ชนกยกมือขึ้นเกาศีรษะช้าๆแล้วยิ้มบางๆให้


“เป็นธรรมดาล่ะครับ แต่ผมชินแล้ว ตอนอยู่ที่นั่นพวกเพื่อนๆมันซ่ากัน... ยิ่งเพื่อนร่วมอาชีพนี่บาดเจ็บกันเป็นว่าเล่น”


ราเมนทร์ลุกขึ้นก่อนจะโอบร่างเพรียวเข้าอย่างทุกครั้ง


“กลับกัน..อ๊ะ! ขอโทษครับ” ความเคยชินทำให้เป็นไปโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มยิ้มแก้เก้อแล้วปล่อยมือออก


“มัน...ชินไปหน่อย...หายดีแล้วนี่เนอะ”


ใบหน้าเนียนเป็นสีเข้มขึ้นก่อนจะขยับเดินนำไป


“ให้ผมเลี้ยงข้าวเย็นนะครับ... ผมอยากขอบคุณคุณรามที่ช่วยดูแล” ธันย์ชนกส่งรอยยิ้มให้อีกครั้ง


“จริงๆแล้วก็ไม่ได้ดูแลเท่าไหร่หรอกครับ” พอพูดไปใบหน้าเล็กดูหมองลง ราเมนทร์เลยพูดต่อ


“แต่ของฟรีชอบครับ ให้คุณธันเลือกร้านนะ”


“ไม่ได้สิครับ ต้องให้คุณรามเลือก... อะไรก็ได้เลย... นะครับ” ธันย์ชนกรบเร้าพลางก้มลงมองนาฬิกา


“เดี๋ยวกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยก่อน... แล้วไปกันครับ”


“ไม่เอาครับ ถ้าคุณธันไม่เลือกผมก็ไม่ไป” ราเมนทร์ยิ้มแล้วหันไปมองหน้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มใต้กรอบแว่นหนายังเจือไปด้วยแววกังวลจนอดขำไม่ได้


“นะครับ....”


“แต่ผม... ไม่ค่อยได้ไปกินข้างนอก ไม่รู้หรอกครับว่าร้านไหนอร่อย”


“งั้น......” เจ้าของงานเลือกไม่ได้ สุดท้ายก็ตกมาที่เขาอยู่ดี


“ไปร้านโปรดร้านใหม่ของรันก็ได้ อาหารอร่อยบรรยากาศดี น่าจะชอบนะครับ”


“ถ้าอย่างนั้น... ก็ได้ครับ” เขายิ้มรับข้อเสนอแนะนั้นก่อนจะเดินออกจากอาคารผู้ป่วย


 

 












“ขอโทษครับ... เสร็จแล้วครับ” ธันย์ชนกเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แปลกตาไป แว่นตากรอบหนาอันใหญ่หายไปจากใบหน้า เผยให้เห็นดวงตาคู่สวยชัดเจนกว่าเดิม ผมสีอ่อนที่มักยุ่งเหยิงถูกจัดให้เป็นทรงมากขึ้นกว่าเคย


คนที่เสร็จก่อนมองคนที่เพิ่งเปิดประตูออกมา ธันย์ชนกในตอนนี้เหมือนย้อนเวลาไปถึงวันวานในรูปถ่าย ผิดแต่เพียงเรือนผมสีอ่อนเท่านั้น ราเมนทร์รู้สึกถึงโลกที่หมุนเอียง...ราวกับตัวตกวูบลงไปในอากาศ เพียงเพราะรอยยิ้มที่อีกฝ่ายมอบให้


“คุณธันดูแปลกตาไปนะครับ.....”


“อ...!? เพราะว่าใส่คอนแท็คเลนส์หรือเปล่าครับ..... ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปเปลี่ยนก่อนก็แล้วกัน” ใบหน้าที่ดูไร้สีสันในตอนแรกพลันเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น ชายหนุ่มหันตัวกลับเข้าห้องของตัวเองแทบจะทันที


...ไม่ดี...


...จริงๆด้วย...


“เดี๋ยวครับ” ราเมนทร์รีบคว้าแขนไว้...ขืนเป็นอย่างนั้นก็น่าเสียดายแย่น่ะสิ อุตส่าห์เหมาะแท้ๆ


“แบบนี้ดีแล้วครับ อย่าใส่แว่นเลย”


ชายหนุ่มปล่อยมือที่คว้าแขนไว้ออกก่อนจะส่งรอยยิ้มให้


“คุณธันไม่ใส่แว่นแล้วดูดีกว่านะ”


“..... ถ้าอย่างนั้น........ ก็... ครับ...” ร่างเพรียวยิ้มเขินๆพลางเดินตามอีกฝ่ายออกไป


“ผมไม่เคยไปนะครับ....”


“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมขับรถพาไปเอง รับรองว่าคุณธันต้องติดใจ”


 

 












'Trrrrrr Trrrrrrrrr Trrrrrrrr'

 

เสียงโทรศัพท์ไม่คุ้นหูปลุกชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ให้ลุกขึ้น เขามองไปรอบๆที่แสงแดดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้มพลางนึกเขินในใจที่ทำอะไรไม่ได้ดูช่วงเวลาเลย ธนกฤตยิ้มกับเรือนผมยุ่งๆที่นอนซบอยู่บนอกแล้วหอมที่หน้าผากเบาๆ


“โทรศัพท์ตัวเล็กหรือเปล่า...เด็กขี้เซา”


“อือ...... พี่ราม..................” ร่างบางขยับยุกยิกออกจากอ้อมกอดพลางคลานไปเอื้อมคว้าเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา


“S'up.......”


“ทำอะไรอยู่น่ะเรา” เสียงงัวเงียทำเอาคิ้วเข้มขมวดขึ้น ราเมนทร์กดแฮนด์ฟรีเข้าที่ด้านในพลางเอี้ยวตัวดูรถเพื่อถอย


“ขอคุยกับไอ้หมอหน่อย”


“อือ.... ไม่ให้.....” รัญชน์ค่อยๆเขยิบตัวขึ้นมาบนเตียงเหมือนเดิม แล้วซุกตัวเข้าหาทั้งๆที่ไม่ยอมลืมตาขึ้นด้วยซ้ำ


“ทำไมนอนแล้วล่ะ ยังไม่เย็นเลยนี่” ราเมนทร์ถามซ้ำ ก่อนจะเร่งเครื่องยนตร์เข้าสู่ท้องถนน


“เดี๋ยวพี่จะไปกินร้านบ้านน้องนัท ขอคุยกะไอ้หมอบ้าหน่อย จะฝากจองที่” ปกติแล้วก็ไม่ได้อยากจะขัดขวาง...ในเมื่อเขายอมรับกับความสุขของน้องชายแล้ว


...แต่ถ้าเรื่องแค่นี้ไม่มีน้ำใจคงต้องคิดดูใหม่...


“อย่าแกล้งนะ.....” เขาพูดเบาๆงัวเงียๆก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้กับคนรัก


“พี่อยากคุยด้วย”


แม้จะงงอยู่บ้างแต่ก็คิดว่าเป็นแค่เรื่องพี่ชายหวงน้อง ชายหนุ่มรับโทรศัพท์มาแล้วกรอกเสียงลงไป


“หวัดดีครับ”


-ทำอะไรอยู่ทำไมเสียงงัวเงียทั้งคู่เลย-


คิ้วเข้มขมวดขึ้นมาทันที แต่ธนกฤตก็ยอมให้กับเสียงดุที่ดังมาตามสาย


“เพิ่งตื่นครับ คุณรามมีอะไรเหรอครับถึงอยากคุยกับผม”


-เพิ่งตื่น? ป่านนี้เนี่ยนะ นี่มันเย็นแล้วไม่ใช่เหรอ-


ธนกฤตยกหูโทรศัพท์ออกห่าง... ให้ตายสิ นี่มันยายแบมภาคผู้ชายหรือไงวะเนี่ย


“ก็พักผ่อนกันนิดหน่อย”


-เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน พอดีฉันอยากจะไปที่ร้านเพื่อนนายแต่ฉันไม่มีเบอร์...นายโทรไปจองให้หน่อยได้ไหม คุณหมอ-


คุณหมอที่อีกฝ่ายจงใจกระชากเสียงนิดๆทำเอาคนฟังชักไม่อารมณ์ นิสัยขี้แกล้งที่พยายามเก็บไว้จึงถูกดึงออกมาเป็นคำพูด


“แล้วถ้าไม่ได้ล่ะครับ คุณพี่ชาย----” เสียงพูดลากยาวอย่างจงใจกวนกระตุกต่อมฝั่งตรงข้าม


“อือ....” เสียงคล้ายกับถูกขัดใจดังขึ้นจากตัวเล็กที่เกาะอยู่กับแผ่นอกพลางงับเบาๆที่ลาดไหล่กว้าง


“อย่าแกล้งสิ....”


“แกล้งพี่อีกแล้วนะ” จมูกโด่งกดเบาๆที่หน้าผากมน


-ทำอะไรน่ะรัน!-


ธนกฤตยิ้มหวานให้คนรักก่อนจะหันไปพูดต่อ


“ทำอะไรดีน้า-- คุณพี่ชายล่ะครับ ไปกันกี่คน”


-สอง...เดี๋ยวสิ  ขอคุยกับรันหน่อย-


“โอเค สองนะครับ แค่นี้นะหวัดดี”


ธนกฤตกดตัดสาย แล้วลงใจเผลอมือไปกดปุ่มปิดเครื่องก่อนจะหย่อนโทรศัพท์วางบนโต๊ะแล้วหันมากอดคนตัวเล็กที่ซุกอยู่ไม่ห่าง


“พี่ชายตัวเล็กนี่ดุชะมัด หวงน้องยังกับอะไรดี"


“.... อือ....... หิวแล้ว........” คนที่ยังหลับตาไม่ยอมลืมงับเบาๆเข้าอีกครั้ง


“ไม่หิวได้ไง...ก็เล่นแกล้งพี่ขนาดนั้น รับผิดชอบมาเลย” ธนกฤตทวงความรับผิดชอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาเอื้อมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาบ้าง


“กินพี่อีกรอบไหมล่ะ”


“กินข้าวก่อนได้ไหม..... ท้องร้องแล้วนะ....” ร่างเล็กขยับตัวไปมาอีกครั้ง


“แป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่โทรหาไอ้ยุตแป๊บ” ร่างสูงลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง อากาศเย็นสดชื่นลอยเข้ามาปะทะแผ่นอกเปลือยเรียกความสดชื่นคืนมา แววตาอ่อนโยนมองรัญชน์ที่ตอนนี้นอนกอดอยู่บนตักก่อนจะยิ้มแล้วลูบผมที่รุ่ยร่ายให้เบาๆ


“ฮัลโหลไอ้ยุต... อ่าว คุณนัทเหรอครับ”


-สวัสดีครับคุณบีม.... จะคุยกับพี่ยุตเหรอครับ- น้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มหูเอ่ยถามอย่างสุภาพ


“มันว่างป่ะครับ ถ้าไม่ว่างคุยกับคุณนัทก็ได้” ร่างเล็กที่นอนอยู่ยุกยิกตัวไปมา มือใหญ่จึงลูบเบาๆที่แผ่นหลังให้อยู่นิ่งๆ


“คือผมแค่จะจองโต๊ะให้พี่ชายรันน่ะครับ ชื่อราเมนทร์ สองที่...”


-ได้ครับ... เดี๋ยวผมบอกให้...- ญาณัชเอ่ยตอบพร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า


“ขอบคุณมากครับ รู้สึกว่าน่าจะไปถึงสักเกือบๆทุ่มมั้งครับ ฝากด้วยนะครับ”


ตัดสายเสร็จธนกฤตก็ดึงคนตัวเล็กที่ซุกซบอยู่ขึ้นมาจากเตียงแล้วลุกขึ้นยืนทั้งอย่างนั้น


“ไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวไปกินข้าวกัน”


“.............. ไม่มีแรงแล้ว.......” ทำทีเป็นอ้อนก่อนที่จะยอมลุกตาม


“อาบน้ำให้รันนะ”


“ขี้อ้อนนะรันนะ” ธนกฤตล้อเลียนภาษาไทยแปลกประหลาดของคนรัก


“รันนี่ถนัดภาษาอังกฤษมากกว่าเนอะ เวลาอย่างนั้น...” ปลายนิ้วแตะที่ไหล่เนียนซึ่งถูกฝากรอยไว้แล้วไล้วนเบาๆ


“...ยังพูดรัวจนพี่แทบฟังไม่ทันเลย”


“!!? ก็.... ไม่รู้นี่!!” ร่างเล็กเขย่าธนกฤตเต็มแรง


“โอ๊ะๆๆ อย่าเขย่าสิ” ร่างสูงทุมกายเข้าหากอดคนตัวเล็กไว้


“ไม่ล้อแล้วก็ได้ ไปอาบน้ำกินข้าวกัน”


ขืนอยู่ด้วยกันต่อมีหวังไม่ต้องทำอะไรกันพอดี...


พอถูกกอดไว้แบบนั้น คนตัวเล็กก็ยิ้มออกมาก่อนจะแนบใบหน้าเข้ากับต้นแขนเย็นๆของร่างสูง


“รักพี่บีมนะ”


คำบอกรักหวานๆดึงหัวใจของคนถูกรัก ธนกฤตรู้ดี... ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้มีความสุขเพียงใด


“รักตัวเล็กเหมือนกัน”


แม้จะรวดเร็วเกินกว่าจะพูดว่าตลอดไป... แต่อย่างน้อย ความรู้สึกเช่นนี้ก็คงยาวนานกว่าครั้งไหน


..และสักวัน ตลอดไปของเขา..คงจะมาถึง...

 

 










ร่างสูงใหญ่ในชุดเชฟที่ยืนอยู่หน้าเตาสะบัดแขนช้าๆ ไหล่ผึ่งผายยกขึ้นเป็นจังหวะเพื่อเขย่ากระทะในมือ มือหนาใหญ่ทุบที่ด้ามจับสลับกันจนอาหารข้างในคลุกเคล้าเข้ากันดีแล้วจึงหันมาตักใส่จานข้างกาย


นัยน์ตาสีเขียวอมเทามองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาถึง...ก่อนดวงตานั้นจะแปรเป็นความอบอุ่นที่มอบให้เพียงคนเดียวเสมอมา


“รอข้างนอกสินัท ข้างในมันร้อน”


“ไม่เป็นไร... เมื่อกี๊คุณบีมโทรมา....” ร่างบางเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ในมือมีผ้าขนหนูผืนเล็กยกขึ้นแตะบนใบหน้าคนรัก


“เหนื่อยไหม”


ทยุตก้มตัวลงเล็กน้อยให้ญาณัชซับใบหน้า มือใหญ่จับเบาๆที่มือเรียวนิ่มก่อนจะดึงขึ้นมาจูบหลังมือ


“หายเหนื่อยแล้วล่ะ....แล้วไอ้หมอมันโทรมาทำไมเหรอ”


“อยากจองที่2ที่ให้พี่ชายของคุณรันน่ะ...” ญาณัชยังไม่หยุดมือที่ซับเหงื่อ


“ไอ้หมอน่ะเหรอ...แต่วันนี้โต๊ะเต็มแล้วนะนัท โทรไปบอกมันได้ไหม” หัวคิ้วขมวดขึ้น ธนกฤตหันไปล้างมือแล้วกลับมากอดญาณัชไว้หลวมๆ


“.... นัทบอกไปแล้วว่าโอเค... แค่สองคนเอง... ไม่ได้เหรอ” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมอง


เชฟหนุ่มทำหน้ายุ่ง จริงอยู่ว่าก็พอจะจัดโต๊ะให้ได้ แต่กระทันหันแบบนี้ก็ออกจะลำบากเอาการ


“ก็...ได้อยู่หรอกนะ...แต่ว่า” ร่างสูงก้มลงหอมแก้มขาวเบาๆแล้วกอดเอาไว้แนบอก


“ขอรางวัลให้คนใจดีก่อน”


คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะขยับใบหน้าเข้าแตะริมฝีปากเบาๆ


“.... ขอบคุณครับ” ญาณัชเป็นฝ่ายขยับวงแขนโอบกอดรอบเอวของร่างสูง


“ขอบคุณเหมือนกันครับ”


ยังไงก็ตาม....คนรักของตนเองก็ยังเป็นคนที่น่ารักที่สุดในโลกอยู่ดี


“เดี๋ยวไปจัดโต๊ะก่อน แล้วค่อยมาเอารางวัลอีกทีคืนนี้นะ”


 



















To be continued...







kagehana :

พี่รามพี่ธันค่อยๆกระดื๊บบบบบไปเรื่อยๆ ตอนนี้ยังมุ้งมิ้งกันอยู่ ปล่อยให้หวานไปอีกสักระยะก่อนค่ะ  o18


ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
คนแต่งพูดแบบนี้จะมีดราม่าป่าวเนี่ย

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
อะแฮ่มมมมไม่ค่อยนิยมดราม่านะคะ5555555555555555555
พี่รามตะลึงเลยดิ คุณธันน่ารักล่ะซิ๊

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 

“ร้านบรรยากาศดีจังครับ” ธันย์ชนกพูดขึ้นหลังจากนั่งลงที่โต๊ะ เขามองไปรอบๆอย่างชื่นชมกับการตกแต่งง่ายๆแต่ดูสวยงาม


“ดีจังครับที่ชอบ” ราเมนทร์เดินนำเข้าไปเช็กที่กับพนักงานเสิร์ฟก่อนจะหันมาส่งยิ้มแล้วกลับมาพาธันย์ชนกไปที่โต๊ะ


“พอดีแฟนรันเขาเป็นเพื่อนกับเจ้าของที่นี่... นี่ก็โทรไปหักคอให้จองให้อย่างที่คุณธันได้ยินล่ะครับ” มือใหญ่รับเมนูมาแล้วส่งต่อ


“แฟน.......” เขาทำเสียงแปลกใจขึ้นมา แต่ก็เงียบไปเมื่อนึกถึงบทสนทนาเมื่อครู่


...ไอ้หมอที่ว่า...


...ก็คงเป็นคุณหมอคนนั้นสินะ...


“คุณธันทานอะไรดีครับ ที่นี่มีอาหารฝรั่งแล้วก็อาหารไทยนิดหน่อย ผมชอบสปาเก็ตตีแกงเขียวหวานกุ้ง..อร่อยใช้ได้เลยครับ” ราเมนทร์ถามแล้วพูดต่อ


“เอาเป็นไวน์หรือเบียร์ดีครับ ฉลองกันหน่อย” คนพูดตบท้ายด้วยรอยยิ้ม


“ผม... ไม่ค่อยทานเบียร์... ส่วนอาหาร... เอาเป็นสปาเก็ตตีปลาเค็มก็แล้วกันครับ”


“งั้นเอาสปาเก็ตตีปลาเค็ม สปาเก็ตตีกุ้งเขียวหวาน ปลากระพงชุบเกล็ดขนมปังทอด สลัดไข่เอาน้ำสลัดพริกไทดำ แล้วก็...” ราเมนทร์หันไปหาธันย์ชนก


“เอาไวน์ไหมครับ หรือค่อยไปต่อที่บาร์ดี”


“ผมไม่ถูกกับทั้งสองอย่าง... แต่ไปต่อก็ได้ครับ” คนถูกชวนยิ้มตอบจางๆ


“งั้นแค่นี้ก่อนครับ”


ราเมนทร์หันไปมองบรรยากาศรอบกาย คราวที่แล้วที่มากับรัญชน์เขาสนใจแต่น้องชายจนลืมซึมซับกับบรรยากาศเงียบสงบ แต่คราวนี้... อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นธันย์ชนกที่พูดน้อย ความรู้สึกผ่อนคลายจึงตามมา


“ปกติคุณธันไม่ค่อยทานข้างนอกเหรอครับ”


“ไม่ครับ... ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะๆ....” คนอายุมากกว่ายังคงตอบพร้อมรอยยิ้ม


“คุณรามชอบสินะครับ”


“ก็ด้วยงาน...มันชินไปเองน่ะครับ” นัยน์ตาสีสวยมองรอยยิ้มของคนตรงข้าม


“แต่ถ้าเลือกได้ ผมชอบบรรยากาศสงบๆมากกว่า”


“.... นั่นสินะครับ... คุณรามเป็นคนกว้างขวางอยู่ด้วย” เขายกน้ำเปล่าที่ยกมาเสิร์ฟขึ้นดื่มช้าๆ


“แซวผมอยู่หรือเปล่าครับ”


บริการสาวที่เดินมายังโต๊ะวางขวดน้ำและแก้วลงก่อนจะบริการจนเรียบร้อยพร้อมรอยยิ้ม ราเมนทร์เลื่อนให้ธันย์ชนกที่ยังยิ้มบางๆอยู่ตลอดเวลา


“ว่าแต่คุณธันมีแฟนยังครับ ผมไม่ค่อยเห็นใครมาที่ห้องเลย” อย่างธันย์ชนกก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่ง ก็ไม่แปลกอะไรที่จะมีคนรัก หากแต่สามเดือนที่ผ่านมา... แทบจะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาแทบไม่เคยเห็นใครมาหาเลย


“...ไม่มีหรอกครับ... ผม ไม่ค่อยยุ่งกับใคร... คุณรามละครับ” ธันย์ชนกก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเงยขึ้นอีกครั้ง


“ผมเหรอครับ...ก็มีไอ้ตัวยุ่งอยู่แล้ว แฟนก็เลยไม่มีน่ะครับ”


อาหารควันฉุยกลิ่นหอมถูกเสิร์ฟพร้อมกับบนโต๊ะที่จุดเทียนไว้ แสงสลัวในยามค่ำคืนจับผิวแก้มคนฝั่งตรงข้ามเป็นเงามืดที่ดูหม่นเศร้า


“ทานกันเลยไหมครับ คุณธันลองชิมของผมไหม”


“.... คำเดียวก็แล้วกันครับ....” เขายิ้มอายๆรับคำเชิญของอีกฝ่าย


“แต่นี่น้องรันมีแฟนไปแล้ว... คงตาคุณบ้างแล้วสินะครับ”


ราเมนทร์ชะงักนิ่ง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าน้องชายมีคนรัก แต่เพราะความรู้สึกที่สั่งสมมามันยาวนานเกินกว่าจะตัดได้ ความรู้สึกในปัจจุบันยังคงเดิม... รักเท่าไหนก็ยังเท่านั้น


...บางทีทั้งชีวิต...อาจไม่พอที่จะลืม...


แม้การมีอยู่ของหมอธนกฤตจะไม่เจ็บเท่าวันแรกๆ แต่ไม่ใช่ว่ามันหายไป


...รักที่ไม่สามารถเป็นจริงได้...


“ผมคง...ไม่...หรอกครับ...ยังลืมใครบางคนไม่ได้...”


“..... อย่างนั้น... เหรอครับ.......” ธันย์ชนกนิ่งไป ใบหน้าที่ดูหมองลงทำให้อยากจะให้กำลังใจ


...ให้มีรอยยิ้มดังเดิม...


“ถ้ารักแล้วไม่มีความสุข...... ผมก็ขอให้คุณรามลืมได้เร็วๆนะครับ...” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นอีกครั้ง


“ยิ่งถ้าจำฝังใจมากๆแล้วยิ่งเจ็บปวด... สุดท้ายแล้ว... เราก็จะไม่เหลืออะไรเลย..... นะครับ”


คำพูดของธันย์ชนกที่เหมือนกำลังเล่าประสบการณ์ของตัวเองทำให้ชายหนุ่มนึกสงสาร...ไม่ว่าใครต่างก็เคยมีเรื่องราวที่อยากจะลืมทั้งนั้น


หัวใจที่บิดเบี้ยว...ถึงจะเยียวยาเท่าไรก็ไม่มีวันเหมือนเดิม


“ถ้าผมลืมได้...ผมก็อยากให้คุณลืมได้เหมือนกัน” ราเมนทร์ยิ้มนิดๆก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมไปบีบมือที่กำแน่น


“ที่คุณพูดบอกผม...ถ้าเดาไม่ผิด...คุณเองก็เคยบอกตัวเองตอนเกิดเรื่องที่อยากลืมเหมือนกันใช่ไหม”


...เพราะรับรู้และเข้าใจ...


...ด้วยแววตาที่แฝงความเศร้าคู่นั้น...


“... ขอบคุณครับ........” เขารับคำด้วยรอยยิ้มเหงาๆ


...แต่บาดแผลของผม...


...มันลึกเกินกว่าจะหาย...


“ทานกันดีกว่า คุณธันชิมนี่นะครับ” ราเมนทร์ยิ้มพลางม้วนเส้นใส่ลงในถ้วยเล็กให้


...ต่อให้เจ็บปวดเท่าไร...


...ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป...

 

 















“ทะเลสาปสวยดีนะ รันชอบแบบนี้... ถึงจะชอบทะเลมากกว่าแต่นี่ก็โอเคนะ” เด็กหนุ่มตัวเล็กเอ่ยอย่างเริงร่าหลังจากพากันลงเรือลำเล็กมาได้ จักรยานน้ำ อีกหนึ่งกิจกรรมที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ ทะเลสาปที่ขุดขึ้นเองเป็นเหมือนศูนย์กลางของหุบเขาแห่งนี้ แยกระหว่างร้านอาหารกับห้องพักแบบโรงแรมออกจากกันโดยมีสะพานแขวนเชื่อมเอาไว้


“พี่ก็ชอบทะเล แต่แบบนี้เงียบสงบดี” ชายหนุ่มถีบที่ปั่นช้าๆ ลมเย็นที่โชยมาปะทะผิวกายให้ความรู้สึกสดชื่น ผิวกายอุ่นๆของคนตัวเล็กที่อิงแอบหลังผ่านความสัมพันธ์ลึกซึ้งก็ให้ความรู้สึกพิเศษจนไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายได้


“มีความสุขจัง”


“รัน..... ทำให้มีความสุขด้วยใช่หรือเปล่า” ใบหน้าหวานหันมองก่อนส่งรอยยิ้มหวานให้


“มีดีหรือเปล่าน้า” หมอหนุ่มยิ้มเย้าแล้วบิดจมูกโด่งรั้นของคนรักเบาๆ


“รันทำให้พี่วุ่นวาย สับสน รันทำให้พี่คิดมาก...แต่รันก็ทำให้พี่ยิ้มกว้าง อบอุ่น...รันไม่รู้หรอกว่ารันทำให้พี่มีความสุขแค่ไหน”


“....... จริงนะ?” เขาขยับศีรษะเข้าหาก่อนจะซุกไซร้กับไหล่กว้างเบาๆ


“ให้ตอบด้วยการกระทำแทนไหมล่ะ” ธนกฤตหยุดถีบเรือแล้วปล่อยให้มันลอยอยู่กลางทะเลสาป ความมืดที่โอบล้อมมีแสงสว่างจางๆด้วยดาวดวงน้อยที่อยู่บนฟากฟ้า


ร่างสูงเอนตัวเข้าหาแล้วจูบลงบนริมฝีปากบางสีอ่อน กลิ่นเลมอนหวานๆของรัญชน์ยังคงเย้ายวนใจเฉกเช่นตอนกลางวัน


...หากแต่มีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป...


ไม่ใช่หอมที่ทำให้ร่างกายเร่าร้อน แต่เป็นหอมละมุนที่ชวนให้เคลิบเคล้ม


รัญชน์ขยับใบหน้าเข้ารับจูบ มือข้างหนึ่งเอื้อมมาแตะบนใบหน้าของร่างสูงเบาๆ


หลังจากที่ริมฝีปากแนบสนิท ธนกฤตก็ค่อยๆละตัวออก มือเรียวที่แตะบนตัวถูกเอามากุมไว้ นัยน์ตาพราวระยับหรี่เป็นรูปจันทร์เสี้ยวเช่นเดียวกับริมฝีปากชุ่มชื้น


“เดี๋ยวขึ้นไปนอนดูดาวที่บ้านกันไหม”


“... อื้อ ไปสิ...” รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นอีกครั้ง


“กับพี่บีมนะ ไปไหนก็ได้หมดเลยนะ”


ต่อให้เป็นใครมาจากไหน... เจอแบบนี้เข้าไปก็เสร็จทุกราย


“ตัวเล็กน่ารักเกินไปแล้ว...รู้ตัวไหม”


พูดจบร่างสูงก็เอนกายแตะริมฝีปากลงอีกครั้ง... ท่ามกลางความมืดมิดใต้ราตรีกาล

 











 

“... ไม่ไหว... แล้วล่ะครับ....” ธันย์ชนกยกมือปรามคนตรงหน้าที่ตั้งท่าจะเทเหล้าใส่แก้วเขาอีก แต่เดิมเขาไม่ใช่คนคอแข็งอยู่แล้ว และตอนนี้ก็ดื่มเข้าไปเยอะในระดับนึงแล้วเหมือนกัน


“อีกนิดนึงนะครับ” ราเมนทร์ยิ้มหวาน


ยามที่แอลกอฮอล์เข้าไปในกระแสเลือด ความเจ็บปวดที่เคยรู้สึกก็เหมือนจะจางลงไป การดื่มเพื่อลืมใครสักคนก็เช่นกัน... แม้ความจริงจะยังเหมือนเดิม


แต่แค่สักวินาที... แค่นั้นก็พอ


“ไหนๆก็ฉลองทั้งที...นะครับ...” มือหนาถือโอกาสรินเหล้าลงไปในแก้ว


“ผสมให้ก็ได้นะ”


“.... แค่นิดนึง... นะครับ....” ธันย์ชนกยิ้มรับจางๆแล้วยกแก้วขึ้นจิบทีละนิด


ผิวแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อจางๆให้ความรู้สึกแปลกประหลาด... ธันย์ชนกในตอนนี้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น นัยน์ตาสีเข้มหรี่ปรือนิดๆแต่เจ้าตัวฝืนไว้ให้ความรู้สึกเซ็กซี่อย่างน่าประหลาด


“ปกติคุณธันไม่ค่อยได้ทานเหล้าเหรอครับ”


“ผม... ไม่ถูกกับเหล้าน่ะครับ... ดื่มได้ไม่มาก” เขายิ้มตอบอีกพลางยกขึ้นจิบอีกนิด


“ผมไม่เที่ยวน่ะครับ”


“ก็คุณธันไม่ค่อยว่างนี่ครับ เขียนหนังสือมันต้องใช้เวลากับสมาธิ จะมามัวไปเที่ยวแบบพวกผมคงไม่ค่อยได้” ราเมนทร์ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบช้าๆก่อนจะเรียกบริกรที่อยู่ใกล้ๆ


“น้องครับ เอาวอดก้ามะนาว2แก้ว”


ชายในชุดบริกรรับออเดอร์แล้วเดินจากไป ราเมนหันไปมองที่คนข้างๆซึ่งในตอนนี้ริมฝีปากชุ่มชื้นกำลังจิบอยู่ที่น้ำสีอำพัน


“แต่ไหนๆก็มาแล้ว วอดก้าของที่นี่เขาขึ้นชื่อ ชิมหน่อยนะครับ”


“..... แค่นิดเดียวนะครับ......” ธันย์ชนกปฏิเสธคนไม่เก่งอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนที่รู้สึกดีๆด้วยยิ่งไม่ต้องคิดว่าจะพูดอะไรเลย


แก้ววอดก้าเกลือที่มาเสิร์ฟโดยบริกรคนเดิมถูกวางลงที่โต๊ะ แก้วสีใสทรงสูงบรรจุน้ำสีเดียวกัน ขอบปากมีเกลือจับเป็นเกล็ดโดยรอบและมะนาวผ่าเสี้ยวเสียบบนขอบ


ราเมนทร์ยื่นอีกแก้วให้ธันย์ชนก


“คุณธันทำตามนะครับ ปาดเกลือลงไปในแก้วนิดๆ แล้วบีบมะนาวลงไป” คนพูดจับจ้องกิริยาเงอะงะแล้วอดไม่ได้ที่จะคว้ามาทำให้เสียเอง


ปลายนิ้วสากลากบนขอบแก้วให้เกลือที่จับอยู่หล่นลงในวอดก้าชั้นดี มะนาวเสี้ยวถูกบีบตามลงไปก่อนที่มือหนาจะยกแก้วขึ้นเขย่านิดๆให้เข้ากันแล้วส่งให้


“ชนแก้วกันนะครับ”


“.... ครับ” รอยยิ้มที่ไม่ถูกความเศร้าโศกจากอดีตกลบไว้เผยออกบนใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าอายุ ขณะยื่นแก้วออกไปชนกับอีกฝ่าย


“หมดแก้ว” ราเมนทร์พูดตามธรรมเนียมแล้วยกขึ้นดื่ม


ความร้อนวูบวาบบาดลึกลงไปในลำคอ รสขมปร่าเจือเค็มและเปรี้ยวนิดๆคงไม่อร่อยสำหรับคนไม่คุ้นเคย แต่สำหรับราเมนทร์... แค่นี้ยังธรรมดามาก


คนไม่คุ้นเคยหลับตาจนแน่นขณะพยายามดื่มให้หมด-- จนกระทั่งรู้สึกคล้ายกับมึนศีรษะจนตึ้บไปหมด


“คะ-คุณธัน!?” เจ้าของเรือนกายกลิ่นพีชเอนตัววูบจนแทบคว้าไว้ไม่ทัน แก้ววอดก้าว่างเปล่ากลิ้งอยู่บนโต๊ะเปียกๆ


ราเมนทร์ดึงร่างเพรียวเข้ามากอดไว้ ลมหายใจเจือแอลกอฮอล์ของธันย์ชนกเป่าเข้าที่แก้ม ริมฝีปากสีอ่อนที่แดงขึ้นจนเป็นสีจัดเผยอค้าง ไม่นับรวมไปถึงท่อนแขนเรียวที่ปล่อยทิ้งไว้ข้างตัว


...ซวยแล้ว...


“คุณธัน...กลับบ้านนะครับ”


มือข้างที่ตกลงยกขึ้นแตะต้นแขนของราเมนทร์เบาๆ ริมฝีปากสีเข้มแย้มรอยยิ้มแปลกตากว่าทุกที


“ฉันยังไหวนะ... ให้อยู่เป็นเพื่อนก่อนก็ได้” สรรพนามที่ใช้แทนตัวเปลี่ยนไป กระทั่งน้ำเสียงก็ยังสดใสขึ้น


...ฉัน...คำแทนตัวที่แปลกไป...ยิ่งกว่านั้น น้ำเสียงที่ปกติจะเรียบๆกลับหวานและสดใสขึ้น


“ผมว่าคุณเมาแล้ว กลับบ้านเถอะ” ราเมนทร์ลุกขึ้นแล้วโบกมือให้บริกรมารับการ์ดในมือไป


“คุณธัน เวียนหัวไหม”


“นิดนึงล่ะมั้ง... แต่ไม่เป็นไรจริงๆนะ” คนที่แทบไม่เหลือสติแล้วยังคงยิ้มแย้มพูดจาคลายกังวลให้ร่างสูง


รอยยิ้มที่ดูราวกับเด็กซุกซนทำให้ราเมนทร์ยิ้มออกมาบ้าง เขาประคองธันย์ชนกที่โซเซมาซบก่อนจะรินเหล้าที่เหลือเข้าปากในทีเดียว


“เหล้าหมดแล้ว กลับบ้านกันนะ”


“หมดแล้วเหรอ..... อยากกลับรึเปล่า” แม้จะไม่ค่อยมีสติแต่ก็ยังถามถึงความต้องการของอีกฝ่าย


“กลับสิ” ราเมนทร์เซ็นชื่อในบิลแล้วลุกขึ้นประคองร่างบอบบางที่ตอนนี้ตัวอ่อนจนต้องซบบนหน้าอกตนเอง


“เวลาเมาแล้วดูเปลี่ยนไปนะคุณธัน”


“...... เหรอ เปลี่ยนไป... ขนาดไหน” คนเมายังคงยิ้มถามแม้จะแทบไม่ได้ยืนด้วยแรงตัวเองแล้ว


“ก็...แบบที่น่าตกใจล่ะนะ” รอยยิ้มหวานฉ่ำของคนเมาทำเอาอดยิ้มตามไม่ได้ ราเมนทร์รู้สึก'ชอบ'รอยยิ้มแบบนี้... แต่ก็ไม่มากเท่ายามที่เจ้าตัวยิ้มอายๆให้


...เมาแล้วหรือไงวะนี่


“ไม่กลับบ้านผมอุ้มกลับจริงๆนะ”


“ฮะฮะฮะ อุ้มฉันไม่ไหวหรอก.... ฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆนะ” ขายาวๆสองข้างเริ่มก้าวเดินแบบไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไหร่นัก พอพ้นประตูร้านออกมาได้เขาก็เริ่มยืนได้มั่นมากขึ้น


“ถึงจะไม่ใช่เด็กผู้หญิง แต่ผมก็อุ้มได้ ลองไหมล่ะ” ราเมนทร์พูดหยอกแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่ายืนเป็นหลักให้คนตัวเล็กกว่าเกาะไว้


...จะบ้าหรือไงวะ ดันไปหยอกคนเมาซะได้


นัยน์ตาเข้มมองใบหน้าขาวที่ตอนนี้แดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ธันย์ชนกในตอนนี้เหมือนเด็กหนุ่มในภาพถ่ายเมื่อวันวาน


...น่าดูน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ


“ก็ลองสิ ฮะฮะฮะ” ธันย์ชนกพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะหัวเราะตามมาอีกครั้ง ร่างโปร่งบางยึดเอาไหล่กว้างไว้พลางค่อยๆก้าวเดินต่อ


ร่างสูงย่อตัวลงแล้วตวัดร่างเพรียวขึ้นแนบอก ศีรษะกลมมนโชยกลิ่นแอลกอฮอล์และพีชซวบซบบนแผงอกหนา ธันย์ชนกที่เงยหน้าขึ้นมองอยู่ใกล้จนริมฝีปากแทบจะแตะปลายจมูก


“อุ้มแล้ว คุณธันเมาอย่างนี้กลับบ้านกันดีกว่า”


รอยยิ้มฉายขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับท่อนขาแข็งแรงที่ก้าวเดิน


...บางที...การอยู่กับธันย์ชนกก็มีความสุขเหมือนกัน...


“ทำแบบนี้... ฉันเขินเป็น... นะ” รอยยิ้มยังปรากฏบนใบหน้าของคนที่ถูกอุ้มไปจนถึงรถ ธันย์ชนกเอนกายพิงลงกับเบาะข้างคนขับก่อนจะหลับตาลงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ริมฝีปากยังคงไม่หยุดพูด


“แรงเยอะ... จริงๆด้วย”


“นอนไปเลยครับ หลับไปเลยก็ได้เดี๋ยวปวดหัว” ราเมนทร์ปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วสตาร์ทเครื่องและไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อคลุมมาห่มให้ 'ผู้ใหญ่ขี้เมา' ที่นอนขดตัวอย่างกับเด็กน้อย


“ปกติไม่เคยเห็นยิ้มเยอะขนาดนี้เลย...”

 

 











กว่าจะทุลักทุเลอุ้มพาคนเมาหลับมาถึงห้องได้ก็ปาไปกว่าเที่ยงคืนแล้ว ราเมนทร์นั่งพิงโซฟาตัวนุ่มโดยที่มีธันย์ชนกนอนคว่ำจับจองไปแล้วเรียบร้อย


แม้ว่าฤทธิ์เหล้าจะทำอะไรเขาไม่ได้สักนิด แต่ดูเหมือนกับคนที่นอนอยู่จะทำให้เป็นมากเสียยิ่งกว่ามากอีก


ร่างสูงลุกไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆมาเช็ดตามลำคอขาวเนียน ปลายนิ้วสากไล้ตามรอยแดงที่เกิดด้านหลังพลางพึมพำเบาๆว่าแพ้หรือเปล่า..


“คุณธัน พลิกตัวมาเช็ดหน้าก่อนนะครับ” พูดทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีสติจะตอบแล้ว


รอยยิ้มอ่อนใจผุดขึ้นก่อนที่เขาจะช่วยร่างเพรียวขยับตัว..แต่แต่แตะนิดเดียว ธันย์ชนกกลับพลิกตัวนอนหงายจนทำให้ตนเองเป็นฝ่ายเสียหลักล้มลงแนบแก้มคนเมา


“ตื่นแล้วเหรอ....”


นัยน์ตาคมมองแพขนตาที่ปิดสนิทของคนตรงหน้า ใบหน้าที่ปกติจะมีแต่ร่องรอยความเขินอายกลับหลับใหลต่อหน้าตนเองอย่างเปิดเผย ริมฝีปากสีสดโชยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆจากลมหายใจ ใบหน้าที่เกือบจะแนบชิดกันทำให้รู้สึกหวั่นไหว...จนสุดท้ายก็อดจะลองลิ้มรสความหวานที่ขมปร่าของริมฝีปากที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้


...ขม...


...แต่หวาน...


สัมผัสบนริมฝีปากไม่อาจปลุกคนที่ไร้สติได้ ทว่าบนใบหน้ากลับมีรอยยิ้มเขินอายของเจ้าตัวปรากฏขึ้น


“....... คุณ..... ราม......” ธันย์ชนกพึมพำออกมาเบาๆทั้งๆที่ยังไม่ได้สติ


เสียงหวานหูที่ดังขึ้นใกล้ตัวเรียกสติคนที่หลงใหลในรสจูบกลิ่นพีช  ราเมนทร์เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะถอยตัวออกมานั่งลงบนพื้น


“เมาเหรอวะ...”


คุณ... ราม


เสียงของธันย์ชนกที่เรียกชื่อตนเองบอกให้รู้ถึงความรู้สึกบางอย่างของคนๆนี้... และถ้าไม่ได้คิดไปเอง หลายๆการกระทำยังช่วงเสริมได้ว่าธันย์ชนกชอบตัวเขา


“...เป็นเรื่องเลยกู...”


ร่างสูงปล่อยตัวไหลลงจากโซฟาสู่พื้น ความรู้สึกในตอนนี้ไม่มีคำว่ารังเกียจสักนิด... ติดไปทางค่อนข้างชอบคนที่นอนหลับอยู่ด้วยซ้ำ


...แต่แน่นอน...


...คำว่ารักมีให้ได้เพียงคนๆเดียว...


ชายหนุ่มค่อยๆหยิบบีบีแล้วเลื่อนเปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายภาพ ปลายนิ้วกดลั่นชัตเตอร์ถ่ายไว้... ภาพรอยยิ้มหวานที่นานครั้งจะได้เห็น เขาอยากเก็บภาพนี้ไว้เป็นตัวแทนของความทรงจำในวันนี้...


...ผมชอบคุณนะคุณธัน...


...เพียงแต่ผมไม่สามารถเลิกรักรันได้จริงๆ...














To be continued...




kagehana : ยังค่ะยัง ยังไม่ดราม่า หวานให้ตายใจไปก่อน อิอิ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
คุณธันน่ารักนะพี่ราม

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1


-22-














“... น้ำตกสวยจังเลยนะพี่หมอ” รัญชน์เอ่ยพูดอย่างเริงร่าพลางเหยียดแขนขากางออกรับลมเย็นที่เกิดขึ้นเพราะแรงน้ำตก ด้านหลังมีร่างสูงนั่งเป็นหลักให้พิง ใบหน้าหวานหันมาหาก่อนจะเอ่ยชักชวน

“ลงน้ำไหม”

“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อ” กำแพงให้พิงพูดตอบ ธนกฤตเงยหน้าเอนหัวพิงไหล่เล็ก

“ตัวเล็กอยากลงเหรอ”

“อื้อ ลงด้วยกันนะ” ยิ้มรับไม่พอ ซ้ำยังลุกขึ้นแล้วฉุดแขนอีกฝ่ายให้ตามมา

“แน่ะ พี่บอกแล้วว่าขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อนี่” ถึงจะพูดเหมือนบ่นแต่ใบหน้าหล่อเหลากลับยิ้มกว้าง

ธนกฤตแกล้งทิ้งตัวไปด้านหลังถ่ายน้ำหนักไว้ที่สะโพกไม่ให้คนตัวเล็กกว่าดึงได้

“..... ลงคนเดียวก็ได้...” รัญชน์ยู่หน้าอย่างขัดใจก่อนจะปล่อยมือออก ร่างเล็กค่อยๆหย่อนปลายเท้าลงในน้ำ แล้วค่อยๆร่นตัวเองตามลงไปไม่ให้น้ำกระจายออก

“เย็นดีนะ!”

“เสื้อเปียกหมดแล้ว ทำไมไม่ถอดก่อนล่ะ” ธนกฤตลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งแช่เท้าริมน้ำ สายน้ำเย็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆแถมยังใสจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน

แต่อะไรก็ไม่เร้าใจเท่าภาพคนตัวเล็กตรงหน้า...

เสื้อสีขาวตัวบางที่ชุ่มน้ำแนบตามร่างบอบบางเปิดเผยอะไรต่อมิอะไรจนหมดสิ้น ยอดอกสีสวยถูกความเย็นจนนูนขึ้นบนแผ่นอกที่เห็นรอยช้ำกระจายทั่ว ไหปลาร้าสวยได้รูปขยับเบาๆตามแรงว่ายของคนอยู่ไม่สุข... ยังไม่นับคิสมาร์คที่ซ่อนอยู่ใต้เรือนผมสีอ่อนหลังลำคอที่เขาแอบทำไว้เมื่อคืน

“เห็นหมดแล้วตัวเล็ก...” ธนกฤตพูดอ้ำอึ้ง ใบหน้าขาวขึ้นรอยแดงอย่างปิดไม่มิด

...บ้าเอ๊ย! อายอย่างกับเด็กหนุ่มหลังมีเซ็กส์ไปได้...

“........” เด็กหนุ่มหยุดการเคลื่อนไหว ก่อนจะเปลี่ยนมาเอียงคอให้ซ้ำยังส่งยิ้มหวาน

“เห็นอะไรนะ”

“ก็เมื่อวานทำอะไรไว้ก็เห็นหมดแหละ” พูดพลางชี้ไปที่ลำคอของตนเองแล้วพยักเพยิด

“ขึ้นดีกว่ามั้ง นอนน้อย...เดี๋ยวไม่สบายนะ”

“นอนน้อยอะไร เมื่อวานนอนเต็มอิ่มออกนะ” คนตัวเล็กทำเสียงไม่พอใจขึ้นมา แต่รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหวาน เขายกมือขึ้นเสยผมตัวเองลวกๆแล้วดำน้ำลงไปอีกครั้ง ก่อนจะโผล่ขึ้นมาใกล้ๆ

“ไม่ลงด้วยจริงๆเหรอ”

“อยากให้ลงเปล่าล่ะ” ธนกฤตยิ้มแล้วก้มตัวลงจูบหน้าผากเย็นฉ่ำเร็วๆทีนึง

พอแช่เท้าแล้วก็รู้สึกอยากเล่นขึ้นมาเหมือนเด็กๆ ยิ่งปลอดคนแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่

“อยากสิ ไม่อยากแล้วจะถามทำไมนะ” คนพูดไม่ชัดทำทีเป็นยอกย้อนพลางยิ้มหวานให้อีกที

พอฟังคำร้องขอปนยอกย้อนบวกรอยยิ้มหวานๆ หมอหนุ่มก็ถอดเสื้อวางบนโขดหินแล้วไถลตัวลงน้ำตกทันที

สัมผัสแรกคือความหนาว...จนต้องลากเจ้าตัวเล็กที่ยิ้มชอบใจเข้ามากอด ก่อนจะแปรเป็นความอบอุ่นของผิวเนื้อที่สัมผัสจนแนบชิด ธนกฤตเกลี่ยปลายจมูกบนแก้มใสเบาๆแล้วงับติ่งหูหยุ่นนิ่ม

“ทำคนเขาเสียผู้ใหญ่หมด”

“เสียผู้ใหญ่... คืออะไรนะ” คนฟังทำหน้าสงสัยพลางเกี่ยวแขนโอบรอบเอวของร่างสูงไว้แน่น ให้ความอุ่นจากผิวกายถ่ายทอดสู่กัน

“ก็...อธิบายยากน่ะนะ”

...ไอ้มือลูกปลาหมึกนี่มันอะไร...

“ก็แบบ...พี่เป็นผู้ใหญ่ไหม แล้วรันเป็นเด็ก รันเล่นน้ำได้โดยไม่มีใครมอง... แต่พี่แก่แล้วควรนั่งดูเฉยๆ อะไรประมาณนี้มั้ง” มือใหญ่จับท่อนแขนเรียวที่กอดเอวแน่นแล้วค่อยๆดึงออก

“แยกกันดีกว่า เดี๋ยวใครเห็นเขินเขาแย่”

รัญชน์ส่งรอยยิ้มหวานปนร้ายให้อีกทีหนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วดำน้ำลงไป มือสองข้างเอื้อมมาจับขอบกางเกงของธนกฤตก่อนจะออกแรงดึงให้เลื่อนลง

เขาใช้มือกอบกุมส่วนอ่อนไหวที่ยังไม่ตื่นตัวของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะยื่นปลายลิ้นออกไปแตะเบาๆจากใต้น้ำ

“เดี๋ยว-- เดี๋ยวเถอะ!?” ร่างสูงที่รับรู้ว่าอะไรคืออะไรโวยลั่น ท่อนแขนแข็งแรงแช่ลงไปในน้ำรีบดึงร่างเล็กที่ยิ้มใส่อย่างไม่เกรงกลัวขึ้นมา

“ลามกนะเรา เป็นเด็กเป็นเล็กเล่นอย่างงี้ได้ไง” แก้มใสๆที่ลอยไปลอยมาอย่างไร้อาการสำนึกทำเอาอยากลงโทษสักที

...นี่มันคนเดียวกับไอ้ที่นอนครางตอนถูกลูบหลังเมื่อวานเหรอวะเนี่ย...

ธนกฤตรีบดึงกางเกงที่หลุดออกขึ้นใส่จากใต้น้ำ แล้วหันมาหยิกแก้มขาวเบาๆ

“ทะลึ่งใหญ่แล้ว”

“You don't like it?” คนถูกปรามทำหน้าสลดลงพลางทำเสียงอ่อนถาม

“ไม่... อย่าทำหน้าแบบนี้สิ” พอเห็นรัญชน์ทำหน้าสลดเข้าหน่อยก็อดจะโอ๋ไม่ได้

“เรื่องแบบนี้ทำในที่ที่อาจจะมีคนเห็นไม่ดีหรอกนะ”

“ใครจะมาเห็นนะ เงียบออก ที่รีสอร์ทก็ไม่เห็นมีใครเท่าไหร่นะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

“อาจมีใครแอบดูก็ได้ นะครับ ตัวเล็กคนดีของพี่หมอ” 'พี่หมอ'ยิ้มหวานปลอบใจ

“ก็... พี่หมอก็ยืนนิ่งๆนะ ตัวเล็กทำให้” รัญชน์ยิ้มหวานออดอ้อนอีกที

“เดี๋ยวตีเลย เด็กอะไรก็ไม่รู้” ใบหน้าขาวที่เย็นเฉียบด้วยน้ำกลับร้อนขึ้น ธนกฤตดึงร่างบอบบางเข้ามากอดแล้วซุกซบใบหน้าบนลาดไหล่เล็ก

“ทำเป็นหรือไง เมื่อวานมีแต่พี่ทำให้นะ”

“... ลองดูนะ” เด็กหนุ่มร่างเล็กยังไม่ล้มเลิก นัยน์ตากลมโตสบมองดวงตาเรียวคมของอีกฝ่ายนิ่ง

“เสียเส้น... ให้พี่ทำแล้วกัน” มือหนาใหญ่รั้งเอวบางเข้ามาแนบชิด การกระตุ้นแบบขาดๆเกินและบรรยากาศที่ดูเหมือนกำลังลักลอบทำอะไรอยู่ราวกับชนวนที่ถูกจุดจากเชื้อไฟ

...เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว จะให้ทำเฉยก็ดูไร้น้ำยาเกินไป...

“จูบหน่อยครับ”

รัญชน์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะใช้เรียวขาเกี่ยวรอบเอวของร่างสูงแล้วยืดตัวขึ้นแนบริมฝีปากที่เย็นเยียบเข้าสัมผัสกัน

ธนกฤตจูบตอบ... ก่อนจะเลื่อนลงจูบปอยผมชุ่มน้ำของคนรักที่รุ่ยร่ายอยู่บนแผ่นอกเรียบตึงสีจางด้วยเชื้อชาติที่อยู่ในสายเลือด กลิ่นหอมสดชื่นของผิวกายเมื่อรวมกับกลิ่นธรรมชาติแล้วยิ่งกระตุ้นอารมณ์ส่วนลึกให้ปลดปล่อยออกมา

...เป็นไปตามธรรมชาติ...

...และหัวใจที่เรียกร้อง...

“รักพี่บีม... ที่สุดนะ...” คนตัวเล็กที่เริ่มปล่อยตัวตามสบาย ให้สัมผัสของธนกฤตเป็นฝ่ายนำไปเอ่ยคำรักหวานหู

“พูดอย่างนี้ให้ได้ตลอดนะ” พระจันทร์เสี้ยวคู่บนใบหน้าหยักโค้งอย่างใจดี... แต่หากมองอย่างชัดเจนจะเห็นแววเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกับคนตัวเล็ก

“ถ้าทำต่ออย่าร้องให้หยุดแล้วกัน”

 












 

เสียงกุกกักใกล้ๆตัวค่อยๆเรียกธันย์ชนกให้ลืมตาขึ้นช้าๆ มือเรียวยกขึ้นกดที่ข้างขมับก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

...ปวดหัวจัง...

แถมยังจำอะไรไม่ค่อยได้อีก

“อือ...” ชายหนุ่มมองไปรอบๆด้วยความรู้สึกไม่คุ้นเคย

...จำได้ว่าฝันดี...

“..... ??!!!” เพราะนึกขึ้นได้ถึงสถานที่ในตอนนี้ ธันย์ชนกรีบลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ทันที ก่อนจะรู้สึกคล้ายๆกับโลกหมุน จนต้องป่ายมือหาที่ยึด

เสียงเนื้อผ้าเสียดสีกันปลุกคนที่นอนอยู่บนพื้นพรมให้ค่อยๆลืมตาขึ้น ราเมนทร์หาวเบาๆแล้วยกมือขยี้ตา

...ทำไมมานอนตรงนี้ได้วะ

ยังไม่ทันจะหาคำตอบได้ เสียงร้องสั้นๆพร้อมกับก้อนอะไรบางอย่างก็ตกลงมาบนร่าง

“โอ๊ย!”

“อูย-- !!??? คุณราม???” คราวนี้ธันย์ชนกถึงกับทำอะไรไม่ถูก เขารีบยันตัวเองขึ้นจากอีกฝ่ายแทบจะทันที

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ โดนตรงไหนบ้างไหม...”

“ตรงท้องนิดหน่อยครับ” ราเมนทร์ไม่ใช่พระเอกที่จะบอกว่าไม่เจ็บทั้งที่ในใจคิดอีกอย่าง ร่างสูงค่อยๆจับธันย์ชนกที่ล้มใส่ให้นั่งลงกับพื้นก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ

“วิธีปลุกแบบใหม่เหรอ” กลิ่นพีชในเช้านี้ดูจะหอมมากขึ้น... โดยเฉพาะเวลาที่ใบหน้าอยู่ใกล้กันขนาดนี้

“เปล่าครับ ผมยังมึนอยู่ก็เลย.... ล้ม” พอรู้สึกได้ว่าใบหน้าอยู่ใกล้กัน ธันย์ชนกก็เบนสายตาหลบก่อนที่พวงแก้มจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

ใบหน้าสีจัดของธันยช์ชนกชวนให้นึกถึงเมื่อคืนที่แอบขโมยจูบตอนนอนไป ริมฝีปากแดงก่ำที่ดูบวมๆ...ในตอนนี้กลับไปเป็นแบบเดิมโดยไร้ร่องรอยใดๆแล้ว

...แต่รสชาติยังติดใจอยู่ในไม่เลือนหาย...

“เมื่อคืนคุณเมามากเลยนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณคออ่อน...”

“!!?? ขอโทษครับ ผมทำให้ลำบากหรือเปล่า... แต่... ผมจำอะไรไม่ได้เลย คุณรามต้องพากลับมาเอง... ขอโทษนะครับ” ท้ายประโยคเสียงของธันย์ชนกเบาลงขณะค่อยๆเหลือบตามองใบหน้าของราเมนทร์

ราเมนทร์ยิ้มจางๆ ถ้าคนๆนี้เป็นรัญชน์...เขาคงยื่นมือไปลูบหัวแล้ว

“ไม่ลำบากหรอกครับ คุณธันยังเมาแล้วน่ารัก...ไม่เหมือนพวกเพื่อนผม เมาแล้วเรื้อนกันเป็นแถว”

“............. น่ารัก... อะไรกันครับ ผมจำอะไรไม่ได้เลยแท้ๆ” เขาเอ่ยต่อเสียงเบาพลางค่อยๆถอยตัวออกมาแล้วลุกขึ้นยืน

“ผมกลับห้องก่อนนะครับถ้าอย่างนั้น... ขอโทษนะครับ...”

“แล้วเมื่อคืนไม่ได้ถอดคอนแทคไม่เคืองตาแย่เหรอครับ” ราเมนทร์ลุกตาม มือใหญ่เผลอจับที่ใบหน้าขาว หัวคิ้วขมวดมุ่น

“ไม่ดีนะครับใส่ไว้ทั้งคืน ผมก็แย่จริงๆ...ลืมถอดให้”

ธันย์ชนกรีบหันใบหน้าหนี แล้วเอ่ยตอบอย่างรีบร้อนพลางเดินออกห่าง

“ก็แสบตานิดหน่อย... ครับ... เดี๋ยวจะถอดออกแล้ว..... เอ่อ ยังไงก็ ขอบคุณนะครับ” หมดคำร่างเพรียวก็เปิดประตูห้องของราเมนทร์แล้วเดินออกไปทันที

“แปลกคนแฮะ” บ่นพึมพำด้วยรอยยิ้ม ราเมนทร์มองร่องรอยบนโซฟาที่ธันยช์ชนกทิ้งไว้ ร่างสูงทุ่มกายลงบนโซฟาพลางหลับตาลง...

...พีช....

แม้เจ้าตัวจะไม่อยู่แล้ว แต่กลิ่นหอมหวานเจือเศร้ายังคงหลงอยู่ในอากาศ...และความทรงจำของใครบางคน

 











 

“พี่หมอเป็นตัวร้าย คนไม่ดี” รัญชน์เอ่ยพึมพำเบาๆขณะขี่หลังอีกฝ่ายกลับบ้านพัก ใบหน้าหวานแนบกับแผ่นหลังกว้างอย่างหมดแรง

“พี่หมอเป็นคนน่ารัก เป็นคนดีที่สุดในโลกต่างหาก” คนที่เป็นม้าให้ขี่พูดยิ้มๆ

หลังจากที่โดนฤทธิ์'เด็กกวน'จนต้อง'กวนกลับ'ที่น้ำตกไปแล้ว คนตัวเล็กที่โดนจัดการจนหมดแรงก็อ้อนขอขี่หลังทำโทษเขาพลางพึมพำไม่หยุด

“รันต่างหากนะ ที่นิสัยไม่ดีนะ” เสียงทุ้มแกล้งดัดง้องแง้งเลียนแบบคนรัก

“..... อย่ามาล้อเลียนกันนะพี่บีม” คนหมดแรงทุบเบาๆที่ลาดไหล่กว้างแล้วงับให้แรงขึ้น

“ไม่ล้อก็ได้... เจ็บหรือเปล่า” แม้ในน้ำจะใสและดูแล้วไม่น่ามีอะไรแปลกปลอม แต่ตอนที่พลั้งเผลอไถลตัวไปตามแรงอารมณ์อาจจะทำให้เป็นแผลได้

“ถ้าเหนื่อยก็นอนได้นะ... สมน้ำหน้าเด็กชอบยั่ว” คำสุดท้ายพูดพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสดใส... และแรงงับที่หนักขึ้นบนไหล่หนา

“..... แบบนี้ก็เหมือนไม่ได้มาเที่ยวเลยนะ... พี่บีมนิสัยไม่ดี... ถ้าแค่ครั้งเดียวก็ไม่หมดแรงหรอกนะ......” คนถูกทำโทษยังคงบ่นอุบอิบไปพลาง เปลี่ยนมางับต้นแขนไปพลาง

“ก็ถ้าตัวเล็กไม่แกล้งพี่ก่อนก็ได้เล่นน้ำสบายๆแล้ว” หมอหนุ่มประท้วงด้วยน้ำเสียงสดชื่น เขารั้งตัวคนที่อยู่บนแผ่นหลังเข้ามาใกล้แล้วจูบข้างแก้มเบาๆ

“ก็รันมาจุดไฟพี่อ่ะ....ร้อนแรงกันเลยทีนี้”

“จุดไฟ... อะไร?” วงแขนที่โอบรอบตัวไว้รัดแน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะบ่นอุบอิบเบาๆ

“ก็รักพี่บีมนะ....”

“รู้แล้วครับ รักเหมือนกัน”

พอมาถึงที่พัก เสื้อผ้าที่เปียกชื้นของคนที่เคยอยู่บนหลังก็ถูกจับถอดวางไว้ตรงพื้นทันที ธนกฤตถอดของตัวเองกองไว้บ้างแล้วเปลี่ยนเป็นท่าอุ้มทั้งๆที่เปลือยกาย

“เดี๋ยวไปอาบน้ำล้างนู่นนี่กันก่อนแล้วไปหาอะไรกินกัน โอเคป่ะ”

“อือ... ไม่แฟร์เลย... ทำไมพี่บีมไม่เหนื่อย.... นะ” ใบหน้าของรัญชน์เอนซบลงบนแผ่นอกกว้างแล้วหลับตาลง

“อาบน้ำให้ด้วยนะ....”

“คร้าบ-------”

...ถึงจะขี้อ้อน งอแง เอาแต่ใจ...

...แต่ปีศาจน้อยตัวร้ายคนนี้ก็เป็นคนที่เขารักที่สุดอยู่ดี...

 











 

หลังจากจัดการตัวกวนน้อยๆเสร็จ ธนกฤตก็พาคนรักไปร้านอาหารของรีสอร์ท รัญชน์ชี้ชมอาหารไทยก่อนจะเกิดอาการอยากนู่นกินนี่จนต้องคอยเบรกไว้

“อาหารที่นี่ใช้ได้เลยล่ะ” หลังจากรบเรื่องของกินกันเสร็จธนกฤตก็ยิ้มหวานให้ ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

ชายหนุ่มกดรับแล้วกรอกเสียงไปในทันทีที่รู้ว่าเป็นใคร

“ป๊า— คิดถึงบีมเหรอ”

-อือ หยุดทั้งทีไม่ยอมกลับบ้าน ไปไหนน่ะเรา-

“บีมมาบรู๊คไซด์...รีสอร์ทที่ระยองอ่ะป๊า”

-ไปกับแฟนล่ะสิ... สาวคนนี้ชื่ออะไรนะ-

คำพูดของผู้เป็นบิดาทำให้หมอหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง... เพราะไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้... นัยน์ตาหรี่คมมองนัยน์ตาสีสวยที่มองมาอย่างสนใจ

“ไม่ใช่แฟนน่ะป๊า...เพื่อน...อยากคุยป่ะ”

คำว่าเพื่อนที่ธนกฤตพูดออกมาทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไหววูบอยู่ในใจ แต่รอยยิ้มก็ยังประดับไว้บนใบหน้าพลางรับเอาโทรศัพท์มาจากเขา

“สวัสดีครับคุณพ่อ... ผมชื่อรันครับ”

-หวัดดีลูก...ไอ้เจ้าบีมมันชอบเล่นแผลงๆอย่างนี้แหละ... แล้วเป็นไง ไปเที่ยวกันสนุกไหม ไปกับโรงพยาบาลเหรอ-

“สนุกดีครับคุณพ่อ... ผมเพิ่งจะกลับมาประเทศไทยได้ไม่นาน... พี่บีมก็เลยพาเที่ยวครับ” รัญชน์เริ่มระวังคำพูด และเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามให้ฟังดูผิดสังเกตเกินไป

-ดีแล้วลูก เปิดหูเปิดตา งั้นพ่อไม่กวนแล้ว เที่ยวให้สนุกนะ-

“ขอบคุณครับคุณพ่อ สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยิ้มให้กับโทรศัพท์ก่อนจะส่งมันคืนให้กับเจ้าของ

“ป๊าว่าไงมั่ง” มืออุ่นๆแตะที่ข้างแก้มด้วยเห็นวี่แววความไม่สบายใจปรากฎ

“ขอโทษนะตัวเล็ก....ที่พี่บอกว่าเป็นแฟนไม่ได้.....”

รัญชน์นิ่งไปเล็กน้อย เพราะว่าดูเหมือนตัวเองจะลืมบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญไป-- ธนกฤตยังมีครอบครัว ไม่เหมือนเขาที่มีเพียงราเมนทร์ เทียบกันแล้ว ภาระที่มีกลับต่างกันมากมาย ราเมนทร์จะทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องคิดถึงใคร ในขณะที่ธนกฤตต้องดูแลครอบครัว ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว... การที่มาคบกันแบบนี้ทำปัญหาให้

...หรือไม่ได้ทำ

“... แล้ว....... แปลว่า..... รันต้องเลิกกับพี่บีม.... ในอนาคต... หรือเปล่านะ”

คำพูดซื่อๆที่ถ่ายทอดความกังวลของคนรักไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่อยู่ในความคิด กับป๊า... คงยากที่จะเดินเข้าไปบอกว่าลูกชายโตเป็นเกย์ ไม่สามารถมีหลานสืบทอดสกุลได้ เพราะไม่อยากให้ท่านเสียใจ

แต่ถ้าทำอย่างนั้น ฝ่ายที่เสียใจก็ต้องเป็นรัญชน์... และตัวเขาเอง

ทางเลือกที่ไร้ทางออกเหมือนหุบเขาวงกต ตัวเขาได้แต่เดินเวียนวนรอวันที่จะสามารถพูดออกไปได้

...แต่ก็เป็นตัวเอง... ที่ไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มเอ่ยปาก...

ถ้าไม่ใช่คนสำคัญ... คงง่ายกว่านี้

“ถ้าป๊ารู้จักรัน ป๊าต้องรักรันแน่ๆ” มือใหญ่โอบร่างเล็กเขามากอดเบาๆซ่อนแววตาอ่อนล้าไว้

ณ วินาทีนี้... เขาทำได้เพียงเท่านี้เอง

“จริง... เหรอ... ขนาดพี่บีมใจดี พี่ยังไม่ชอบเลย.....” รัญชน์เอ่ยเปรียบเทียบ

...ก็นั่นมันพี่บ้าน้อง...หวงยิ่งกว่าพ่อซะอีก...

“ไม่รู้สิ แต่ป๊าพี่ใจดี... ถ้าพี่บอกว่าพี่รักรัน ป๊าคงเข้าใจแหละ” ธนกฤตพูด... ทั้งที่รู้ว่าชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้น

ชายไทยเชื้อสายจีนอายุก็ร่วมจะเจ็ดสิบ... กับปัญหาเรื่องลูกชายเป็นเกย์ คงจะทำให้เจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว

ถ้าม๊ายังอยู่... ม๊าจะทำยังไงนะ

“ไว้หลังเที่ยวเสร็จ พี่หมอเคลียร์งาน... แล้วจะพารันไปแนะนำกับป๊า ตัวเล็กคนดีไม่ต้องกังวลนะครับ”

“... ถ้าพี่บีมบอกแบบนั้น... รันก็จะไม่กังวลนะ....” หากแต่ในใจจริง คล้ายกับมีอะไรมากดทับเอาไว้

...จะเชื่อคำว่าไม่ต้องกังวล...















To be continued...









kagehana :

ดราม่านิดๆ มาแบบกระปิบกระปอย

คนเขียนกลัวคนอ่านเบื่อความหวาน :hao7:


ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
โหยยยความหวานไม่เบื่อหรอกค่า
แต่ไม่ชอบดราม่า ฮือๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



-23-








“ตัวเล็กง่วงยัง” ในยามที่ท้องฟ้าโรยตัวด้วยความมืด ร่างสูงที่นอนกอดคนตัวเล็กก็กระซิบถามเบาๆ

“ยัง... ก็นอนเล่นเฉยๆนะ...” แขนเรียวเล็กขยับกระชับรอบเอวของร่างสูงมากขึ้น พร้อมๆกับใบหน้าที่ขยับเข้าซุกบนแผ่นอกกว้าง

ชายหนุ่มรับลูกแมวขี้อ้อนเข้ามาเต็มสองแขน ร่างนุ่มนิ่งซุกลงกับอ้อมอกราวกับจะหาความอบอุ่น ธนกฤตลูบหัวไหล่มนเบาๆอีกครั้งแล้วลุกขึ้นจากที่นอนซึ่งตอนนี้ลากเตียงมาติดกันแล้ว

“ชอบดูดาวไหม”

“ชอบดูที่ทะเลนะ รันชอบทะเลที่สุดในโลก” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนที่โอบกอดตัวเองเอาไว้

“ทะเลที่ออสเตรเลียสวยไหม” ใบหน้ายิ้มแย้มของคนรักบอกได้ดีว่าชอบแค่ไหน

“ไว้คราวหน้าที่ว่าง...เราไปทะเลกันเนอะ พาพี่รัน ป๊า พาไอ้แบมไปด้วย”

“สัญญานะ” คนพูดยื่นปลายนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้าของธนกฤต

นิ้วก้อยถูกยกมาเกี่ยวแทนคำสัญญา เขาประทับริมฝีปากบนข้อนิ้วแทนการผูกมัดและคำรักหวาน...ที่เข้าใจโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย

“....... รักพี่บีมมากกว่าทะเลอีกนะ...” เจ้าแมวเหมียวเอ่ยพูดขึ้นมาขณะเขย่านิ้วเกี่ยวสัญญาไปมา

“ตัวเล็กแพ้พี่....” นัยน์ตายิ้มได้พราวระยับในขณะที่มองนิ้วเล็กๆที่เกี่ยวกัน

“....เพราะพี่รักรัน....มากกว่าลมหายใจอีก...”

คำพูดสวยหรู...แต่ไม่เกินความจริงสักนิด.

...เพราะลมหายใจของเขา...ให้คนๆนี้ไปหมดแล้ว...

“ไม่แพ้นะ ก็รันชอบทะเลมาก.... ถ้าจะตายก็อยากจะตายที่ทะเลนะ” รัญชน์เถียงกลับเป็นเด็กๆอย่างไม่ยอมแพ้

“ตายที่ทะเลไม่เอาด้วยหรอก บวมฉึ่ง หน้าเขียว ดีไม่ดีถูกปลาแทะอีก” ปลารูปมือหนีบเบาๆที่เนื้อขาวๆตามลำแขนเรียวและแก้มป่อง

“มาตายตรงตักพี่ดีกว่า” ...พูดไปก็เลี่ยนเอง พักหลังๆดูดีกรีความน้ำเน่าของเขาจะพุ่งทะลุถึงขั้นเทพยิ่งกว่าเวลาจีบสาวๆเสียอีก

“........ งั้นพี่หมอก็ไปเป็นตักที่ทะเลนะ!” คนพูดยังดูจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคำว่า'ตาย'เท่าไรนัก

“ยังไงก็จะเอาทะเลให้ได้เลยใช่ไหม” ธนกฤตบีบจมูกคนรักเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว

“อื้อ... ไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กถามต่อ

“ไม่ได้บอกว่าไม่ได้สักหน่อย”

...ทะเลาะกันบ้าง...

...เอาใจกันบ้าง...

...และรัก... กันมากๆ...

เผื่อในวันนึงที่อาจจะต้องห่างไกล... จะได้เก็บความทรงจำเหล่านี้... ไว้แทนหัวใจ

 

 

ธันย์ชนกปิดหนังสือลงก่อนจะถอดแว่นออกมาวางบนโต๊ะกลมตัวเล็กเพื่อพักสายตา การต้องอ่านหนังสือผ่านกระจกเลนส์ก็ทำให้ปวดตาได้เหมือนกัน

ใบหน้าที่ไม่มีแว่นกรอบหนามาปิดบังหันไปมองคนที่กำลังรัวชัตเตอร์อย่างคล่องแคล่ว ธันย์ชนกรู้สึกว่าตัวเองกำลังหลงใหลใบหน้ายามจริงจังของราเมนทร์เข้าเสียแล้ว ดวงตาสีแปลกดูไม่คุ้นเคยเหมือนปกติ-- ตั้งแต่วันที่ไปดื่มเหล้ามาด้วยกัน คล้ายกับว่าเขาสองคนจะสนิทกันมากขึ้น

...ขนาดที่ราเมนทร์ชวนให้มาด้วยกันในวันนี้

“รีเฟล็กซ์อัพซ้าย” เสียงทุ้มพูดสั่งแล้วเคลื่อนตัวถอยหลังหามุมเหมาะๆก่อนจะกดชัตเตอร์ด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

นางแบบวันนี้เป็นน้องครีม..ดาราดาวรุ่งช่องน้อยสีที่กำลังโด่งดัง ด้วยความที่ทางช่องต้องการธีมแบบน่ารักสบายๆ สตูดิโอที่เซตขึ้นมาเลยดูสบายไปด้วย

“โอเค น้องครีมเก่งมาก ไว้ช่วงบ่ายมาดูรูปกัน” ราเมนทร์ยิ้มจางๆให้เด็กสาวก่อนจะหันมาทางธันย์ชนกที่นั่งอยู่มุมห้อง

“รูปนึงนะคุณธัน เป็นที่ระลึก” ร่างสูงยกกล้องขึ้นรอ

“!?” ร่างกายกระตุกไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าของชายหนุ่มหันหลบพลางเอ่ยปฏิเสธเสียงกุกกัก

“ผ... ผมไม่ชอบกล้องถ่ายรูปครับ... ขอโทษด้วย...” ธันย์ชนกพูดโดยไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย

“เป็นที่ระลึกก็ไม่ได้เหรอครับ” ช่างภาพหนุ่มยังไม่ยอมกล้องลดลง นัยน์ตาสีอ่อนจ้องคนที่ก้มหน้าหลบผ่านเลนส์

“....... ขอโทษจริงๆครับ...” ธันย์ชนกหลับตาแน่น ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นมาในจิตใจจนกลัวว่าจะผิดสังเกต

พอเห็นธันย์ชนกหลับตาปี๋...และร่างกายที่เริ่มสั่น ราเมนทร์จึงลดกล้องลงแล้วเข้าไปจับที่ไหล่เบาๆ ชายหนุ่มย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับสายตา

“ไม่เอาแล้วก็ได้ครับ ถ้าคุณธันไม่ชอบขนาดนั้น....ขอโทษครับ”

“...... ผมต่างหากครับ.... ที่ต้องขอโทษ....” พอลืมตาขึ้นมาก็พบกับใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้ ทำให้เผลอถอยห่างออกเล็กน้อย

“... แล้ว...... ทำงานเสร็จแล้วเหรอครับ”

“ก็...เกือบเสร็จแล้วแหละครับ ไม่สิ ในส่วนของผมเสร็จแล้ว เหลือแค่ดูรูปในคอม ส่วนเรื่องคัดเลือกปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้ช่วยไปแล้วกันจะได้ฝึกไปด้วย” ราเมนทร์ลุกขึ้น

นัยน์ตาคมเหลือบไปเห็นแว่นที่วางไว้พร้อมเอ่ยทักทันที

“คุณธันถอดแว่นอ่านหนังสือเหรอครับ...แสดงว่าไม่ได้สั้นมากน่ะสิ”

“!? เปล่าครับ... ถอดออกมาพักเฉยๆครับ....” เจ้าตัวรีบคว้าแว่นมาสวมคืนบนใบหน้า ท่าทางหวาดกลัวในตอนแรกเริ่มจางหายไป

“ผมนึกว่าแกล้งหลอกว่าสายตาสั้นซะอีก ถ้าไม่ได้สั้นก็ดีสิ...หน้าเปล่าๆดูดีกว่า” ตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวาน

“เฮียราม เอาข้าวป่ะ เดี๋ยวน้องโจ๊กจัดให้” เสียงห้าวๆตะโกนจากกลุ่มคนที่รุมรวมตัวเหนือกล่องข้าว โจ๊กที่เป็นตัวโจ๊กของทีมตามชื่อยิ้มแป้นแล้วพร้อมโชว์ในมือ

“คุณเพื่อนเฮียรามก็จัดให้นะคร้าบ บริการดีๆไม่คิดตัง”

“ไม่ว่ะ เดี๋ยวจะออกไปข้างนอก” ชายหนุ่มหันกลับมาหาธันย์ชนก

“ไปเลยไหมครับ”

“ครับ...” ร่างเพรียวบางคว้าเอาหนังสือขึ้นมาถือ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามคนที่เก็บของเรียบร้อย

ราเมนทร์ขับรถพาคนที่มาดูงานไปยังใกล้ๆกับห้างใหญ่ใจกลางกรุงเทพ  ในยามบ่ายของวันทำงานยังคงมีรถอยู่หนาตาแต่ก็เคลื่อนตัวสะดวก ชายหนุ่มขับรถมาจอดตรงร้านอาหารไทยที่อยู่ในซอยด้านใน

“ร้านนี้เวลาผมมาอยู่ไทยมากินบ่อยๆ คุณธันเคยมาไหมครับ”

“ผมไม่ได้มาแถวนี้นานแล้วล่ะครับ ถ้าเป็นสมัยเรียนล่ะก็เคยมาครับ” ธันย์ชนกหันมาตอบยิ้มๆพลางเก็บหนังสือใส่กระเป๋า เผื่อว่าอีกฝ่ายจะบอกให้เขาลงก่อน

“คุณธันเรียนแถวนี้เหรอครับ ดีจัง...แสดงว่าเรียนเก่งน่ะสิ” ราเมนทร์ถามขณะหมุนพวงมาลัยเข้าไปยังที่จอดรถ

“ก็... ไม่เก่งขนาดนั้นหรอกครับ” ชายหนุ่มพูดถ่อมตัวก่อนจะหัวเราะเบาๆ ตั้งแต่วันฝนตกวันนั้น ธันย์ชนกก็ไม่ได้กลับมาแถวนี้อีกเลย

“ถ่อมตัวตลอด...” ราเมนทร์แซวยิ้มๆ

เขาจอดรถเสร็จก็เปิดประตูออกมายืนข้างรถรออีกคน

“เชิญครับ” พอธันย์ชนกลง ชายหนุ่มก็ทำท่าผายมือให้เข้าไปในร้านก่อน

“... ขอบคุณครับ” พอถูกปฏิบัติคล้ายกับเป็นคนพิเศษ ชายหนุ่มอายุมากกว่าก็อดจะเขินไม่ได้ ได้แต่ก้มศีรษะขอบคุณไปแล้วเดินเข้าร้าน

ร้านนี้ยังคงเหมือนครั้งสุดท้ายที่มากิน ตัวร้านเป็นกำแพงโปร่งๆสีขาวติดแนวกระจกซึ่งทำเป็นม่านน้ำตกไว้ ด้านนอกมีโต๊ะเอาท์ดอร์เล็กๆจัดเป็นมุมสวยงาม ส่วนข้างในที่เพิ่งก้าวเข้ามานั้นเป็นส่วนร้านอาหารที่ตกแต่งในสไตล์อบอุ่น ราเมรทร์ยิ้มทักให้พนักงานเสิร์ฟที่มาต้อนรับ

“สองท่านนะคะ เชิญด้านในเลยค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

“......” ธันย์ชนกนั้นเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ ด้วยความไม่คุ้นเคยกับการต้องอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆแบบนี้

พอนั่งลงที่โต๊ะ ท่าทางที่ดูเกร็งๆก็ค่อยผ่อนคลายลง

เมนูซึ่งมาในรูปแบบแผ่นไม้หนาแต่เบาถูกวางลงที่โต๊ะ ราเมนทร์หยิบมาดูแล้วยื่นให้

“วันนี้ผมชวนคุณธันมาเหนื่อยที่กอง เพราะงั้นผมเลี้ยงนะครับ..ทานเผ็ดได้ไหม”

“ได้ครับ ผมไม่เลือกกินเท่าไหร่... แต่ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องเลี้ยงหรอกครับ....” คนอายุมากกว่าพูดอย่างเกรงใจ

“งั้นแชร์กันก็ได้ครับ” ราเมนทร์ตอบอย่างไม่เรื่องมาก

“เดี๋ยวขอดูเมนูแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวเรียกอีกที” คราวนี้หันไปพูดกับบริกรสาวที่อยู่ใกล้ๆซึ่งเธอก็ยิ้มรับและถอยออกไป

ขณะที่กำลังไล่สายตาไปตามเมนูนั้น ตอนที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองรอบๆกาย ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่แขกกลุ่มใหม่ที่เข้ามา

“!!???”

...ไม่จริง...

ใบหน้าที่ปกติก็ดูไร้สีสันอยู่แล้วกลับดูซีดลงทันที ธันย์ชนกรีบซ่อนใบหน้าไว้หลังเมนูรอให้กลุ่มคนเหล่านั้นเดินผ่านไปแล้วจึงรีบเอ่ยปาก

“คุณรามครับ-- ผมคิดว่าไม่สะดวกแล้วที่จะทานข้าวที่นี่ ถ้ายังไง... เปลี่ยนที่ได้ไหมครับ” แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังกดให้เบาคล้ายกับกลัวใครได้ยิน

“หือ? ทำไมเหรอครับ คุณธันไม่ชอบที่นี่เหรอ” ราเมทร์ถามพลางมองคนที่พยายามห่อตัวเหมือนจะให้หายไปกับเก้าอี้นั่ง ใบหน้าขาวซีดฉายแววหวาดกลัวจนอดนึกสงสัยไม่ได้

“คุณธัน... ไม่สบายเหรอครับ”

“นึกว่าใคร... ธันเองเหรอเนี่ย” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเหนือศีรษะเรียกให้ราเมนทร์แหงนขึ้นมอง

คนที่เพิ่งมาใหม่ซึ่งเรียกธันย์ชนกอย่างสนิทสนมมีร่างกายสมส่วนและผิวขาว ใบหน้าจัดว่าหล่อเหลา...แต่ไม่นับกับความรู้สึกแปลกๆที่ให้บรรยากาศคุกคามเจ้าของชื่อ

“ไม่ได้เจอกันตั้งเกือบสิบปี นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” มือนั้นแตะที่ปลายผมสีอ่อนของธันย์ชนกแล้วม้วนเล่นเบาๆ นำความไม่พอใจมายังนัยน์ตาสีน้ำตาลจางของราเมนทร์

ปลายนิ้วที่สัมผัสบนเส้นผมทำให้ธันย์ชนกขยับหนีโดยไม่ได้ตั้งใจ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก รู้สึกได้ถึงปลายนิ้วมือที่เย็นเยียบของตน

“อ... อืม.... เดี๋ยว... ฉันจะกลับแล้ว......” กระทั่งน้ำเสียงที่ส่งออกไปก็ยังแปร่งปร่า สั่นพร่าจนรู้สึกได้

“จะรีบกลับทำไมล่ะ มานั่งคุยเรื่องเก่าๆกันหน่อยไหม” ใบหน้าที่ก้มเข้าใกล้จนร่างเพรียวถึงกับตัวสั่นเป็นเหตุให้ราเมนทร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามลุกขึ้นเบี่ยงกายเข้าแทรกแล้วจับข้อมือเรียวไว้

“ขอโทษนะครับ คุณธันท่าทางจะป่วย ขอตัวก่อน” ราเมนทร์โอบร่างบางให้ลุกขึ้น ร่างสั่นเทาที่อยู่ในอ้อมแขนดูน่าสงสารและหวาดกลัวเกินกว่าจะปล่อยมือไป

“แฟนใหม่เหรอ?”

ในตอนนี้ ธันย์ชนกไม่รู้แม้แต่จะตอบอะไรอีกฝ่ายแล้วด้วย

“..... อ...”

“แฟน” ราเมนทร์ให้คำตอบแทนคนที่ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด นัยน์ตาคมมองคนที่มาใหม่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ

“ขอตัว”

“เดี๋ยวสิ ฉันพูดกับธัน ไม่ได้พูดกับนาย”

มือที่แข็งราวกับเหล็กจับไปที่ท่อนแขนเรียวพร้อมกับออกแรงบีบเบาๆ

“มีแฟนใหม่ทำลืมฉันเชียวนะ”

“!!? ป... ปล่อย-!?” แม้จะต่อต้านแต่กลับไม่มีแรงจะสะบัดแขน เรี่ยวแรงทุกอย่างคล้ายถูกมือข้างนั้นสูบพลังออกไปหมด

ท่าทีที่ไม่ยินดีของธันย์ชนกทำให้ราเมนทร์ตัดสินใจดึงแขนเรียวออกมาทันทีที่ผู้ชายอีกคนเผลอ ชายหนุ่มประคองร่างเพรียวเดินมาที่รถพร้อมกับเปิดล็อกแล้วรุนธันย์ชนกเข้าไปนั่งด้านในก่อน

“คุณจะทำอะไร”

“แล้วนายคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ” เรียวคิ้วบนใบหน้าขาวนักขึ้นอย่างตั้งใจกวนอารมณ์ ก่อนจะมองราเมนทร์จากหัวจรดเท้าแล้วยิ้มเยาะออกมา

“ธันน่ะ...เห็นอย่างนั้นแต่เมื่อก่อนสนิทสนมกับฉันมากเลยรู้ไหม”

“ผมไม่อยากรู้ และไม่อยากยุ่งกับคุณอีก....คุณธันเองก็คงคิดเหมือนกัน”

“แต่อดีตมันเปลี่ยนไม่ง่ายหรอกนะ...ฝากบอกธันด้วยล่ะ”

ไม่ทันที่จะพูดจบราเมนทร์ก็เป็นฝ่ายเดินหนีขึ้นรถ ยังให้ชายหนุ่มที่ถูกทิ้งแสดงอาการโกรธผ่านถ้อยคำหยาบคายซึ่งถูกกันไว้ด้วยกระจกรถ

“โรคจิตเปล่าวะ...แม่ง...” แม้จะโมโหแต่ชายหนุ่มที่เพิ่งขึ้นรถก็ใจหายวูบเพราะธันย์ชนกเกิดอาการสั่นจนจิกท่อนแขนของตัวเองเป็นรอยข่วนยาว

“คุณธัน! คุณธัน! “ เรียกพลางดึงมืออีกฝ่ายมากุมเบาๆ

“!? ............... อ..... ข... ขอโทษครับ” ชายหนุ่มได้สติค่อยๆคลายแขนออก ใบหน้าของเขาซีดจนน่ากลัวว่าจะพับไป

“...... อย่าเพิ่ง... กลับบ้าน... ได้ไหมครับ”

“ใจเย็นๆนะครับคุณธัน.....” น้ำเสียงที่เจือความอ่อนโยนทุ้มต่ำลง ราเมนทร์ออกรถทั้งๆที่มือยังกุมมือเรียวไว้

ชายหนุ่มบีบมือที่คล้ายจะเล็กลงกว่าเดิม จนเมื่อธันย์ชนกหยุดสั่น รถก็เคลื่อนตัวไปกลางท้องถนนแล้ว

“ไม่เป็นไรนะครับ...ผมอยู่ตรงนี้...”

“...... ไป..... ที่ไหน.... สักที่.... ที่ไม่ใช่บ้าน... นะครับ” น้ำเสียงของธันย์ชนกเอ่ยแผ่วเบา ในใจนึกขอบคุณทว่ากลับยังหวาดกลัวต่อคนที่เจอเมื่อครู่

...และไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายกับคนข้างๆยังไง

“...ได้ครับ...” ถึงจะไม่รู้เหตุผล แต่ราเมนทร์ก็ยอมทำตามคำขอร้องอันแผ่วเบานั้น

“ดูท่าทางคุณธันอยากพักผ่อน...จะได้ไหมครับถ้าผมพาคุณธันไปโรงแรมใกล้ๆ...แล้วค่อยสั่งอะไรขึ้นมากิน หมอนั่นเองจะได้ตามมาไม่ถูกด้วย”

ทางออกแม้จะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่เลวร้ายเกินไป เพราะหากไปที่ร้านอาหารคนๆนั้นคงตามมาได้ แต่โรงแรมมีเป็นร้อยห้อง...น่าจะปลอดภัยกว่า

“คุณธัน...ไม่ถือใช่ไหม..”

“...... ไม่... เป็นไร... ครับ” เขาเอ่ยตอบพลางค่อยๆเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของราเมนทร์

...จะรังเกียจผมหรือเปล่า...

“ดีแล้วครับ” ราเมนทร์บีบมือเบาๆก่อนจะปล่อยมาจับพวงมาลัยเหมือนเดิม

...รู้สึกเป็นห่วงกว่าปกติ...

...ความรู้สึกแบบนี้ไม่คุ้นเลย...

 

 
“..... ขอโทษ... นะครับ...” ธันย์ชนกเอ่ยพูดขึ้นหลังจากทั้งสองคนก้าวเข้ามาในห้องพักแบบปกติ

“.... ถ้ายังไง เดี๋ยวผมจ่ายค่าห้องเอง... คุณราม.... ไม่ต้องอยู่ด้วยก็ได้ครับ....” อีกฝ่ายคงจะพอรู้แล้วว่าเขามีความสัมพันธ์แบบไหนกับผู้ชายคนเมื่อครู่-- แล้วยังจะรับได้หรือ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ จะปล่อยคุณธันให้อยู่คนเดียวได้ยังไง” ราเมนทร์ยิ้มจางๆ

เวลาที่ล่วงเข้าไปบ่ายกว่าทำให้ท้องเริ่มเกิดอาการประท้วง ชายหนุ่มจึงเดินไปที่โซฟาแล้วหยิบรูมเซอร์วิสขึ้นมาดู

“ทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน คุณธันเอาเป็นพวกโจ๊กไหมครับ”

“...... สปาเก็ตตีซอสเนื้อครับ...” เขาตอบเบาๆ ความมีน้ำใจของอีกฝ่ายคล้ายกับทำให้จิตใจที่ไม่สงบนิ่งของตัวเองค่อยๆเย็นลง

ราเมนทร์กดเบอร์พลางสั่งอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่าง ชายหนุ่มมองธันย์ชนกที่ยืนหันรีหันขวางแล้วจึงขยับตัวชิดอีกด้าน

“คุณธันมานั่งนี่สิครับ”

แวบหนึ่ง...ใบหน้าของชายอารมณ์ร้อนก็เข้ามาในความคิด ภาพใบหน้านั้นซ้อนทับกับรูปที่แอบเก็บไว้..รูปที่ธันย์ชนกถูกโอบกอดเบาๆพร้อมรอยยิ้มสดใส

...แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้...

“...... คุณราม.... ใจดี... นะครับ” เขาหันมาพูดขณะขยับนั่ง บนใบหน้ามีรอยยิ้มเหงาๆจับอยู่

“ผมเหรอครับ? ไม่มั้ง ผมไม่ใช่คนใจดีหรอก”ราเมนทร์ยกมือขึ้นเสยผมลวกๆแก้เก้อ

“ก็แค่...กับบางคนล่ะครับ” นัยน์ตาสีสวยจ้องสบกับดวงตาฝ่ายตรงข้าม

“..............” ธันย์ชนกหลบสายตาที่มองมาแล้วเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เขามองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

“คุณธัน...อยากเล่าอะไรให้ผมฟังไหมครับ” เจ้าของที่นั่งอีกด้านหนึ่งเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

...ถ้าคนๆนี้เป็นรัญชน์..คงจะไม่ลังเลใจเลยที่จะลากมากอดแล้วถามสาเหตุที่ทำให้ไม่สบายใจ...

...แต่เพราะไม่ใช่...

“ผม..ขอโทษนะครับถ้าทำให้คุณลำบากใจ”

“.... คุณรามไม่ต้องขอโทษหรอกครับ......” ชายหนุ่มตอบเสียงเบา

“อย่างที่คุณรามคงพอเข้าใจ... นั่นคือ... แฟนเก่าของผมครับ.....”

“ถ้าถามเหตุผลว่าทำไมคุณต้องกลัวเขาขนาดนั้น...คุณธันพอจะตอบได้ไหมครับ”

...แฟนเก่า...

...เพราะงั้นสินะ รูปใบนั้นถึงได้ดูมีความสุขขนาดนี้...

“เขา... ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเกินไป..... ผมเลย.... ไม่ชอบครับ” นัยน์ตาของธันย์ชนกเหลือบลงต่ำก่อนจะหันมามองคู่สนทนาอีกครั้ง

“คุณไม่รังเกียจเหรอครับ... ที่ผมเป็นเกย์...”

เสียงสั่นๆของธันย์ชนกเจือแววกังวลไว้อย่างชัดเจน

...รังเกียจงั้นเหรอ...

...ถ้าอย่างนั้น ผมที่รักน้องชายตัวเองคงน่ารังเกียจยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า...

“ไม่ครับ..”น้ำเสียงหนักแน่นย้ำชัดเจนเฉกเช่นดวงตาที่มองสบ

“คุณธันเป็นคนน่ารัก..เพราะงั้นอย่ากังวลเรื่องนี้เลย”

รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธันย์ชนก รู้สึกว่าก้อนหนักๆที่กดทับอยู่เมื่อครู่ได้ถูกยกออกไป

“.... ขอบคุณ... ครับ”

'ก็อกๆ'

เสียงเคาะประตูจากด้านนอกเรียกความสนใจของราเมนทร์จากรอยยิ้มบนใบหน้าเศร้า ชายหนุ่มลุกขึ้นไปส่องดูจากตาแมวก่อนจะหันมาทางธันย์ชนก

“รูมเซอร์วิสน่ะครับ” มือใหญ่เปิดประตูให้เข้ามา

ธันย์ชนกมองพนักงานที่เข็นรถเข้ามา อาหารที่ถูกฝาเหล็กครอบไว้ถูกยกลงวางบนโต๊ะที่เขานั่งอยู่ กลิ่นหอมๆที่ลอยขึ้นมาทำให้รู้สึกดี

“ขอบคุณครับ...” เขาเอ่ยขอบคุณพนักงานบริการก่อนจะยื่นทิปให้หลังจากอาหารทุกจานได้รับการจัดวางอย่างเรียบร้อย

ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่ารอจนราเมนทร์นั่งลงที่โต๊ะ จึงค่อยหยิบส้อมขึ้นมา แล้วม้วนเส้นสปาเก็ตตีขึ้นชิม

“ผมว่าคืนนี้เราค้างที่นี่ก่อน..รอให้ไอ้นั่นมันไปจริงๆแล้วค่อยกลับกันตอนเช้าได้ไหม” ราเมทร์พูดจบก็ตักข้าวหมูกระเทียมของตัวเองเข้าปาก แกงจืดผักกาดขาวที่อยู่ตรงกลางถูกเลื่อนไว้ตรงหน้าธันย์ชนก

“เดี๋ยวคุณนอนบนเตียง ผมนอนโซฟาเอง”

“ไม่ดีหรอกครับ! คุณนอนบนเตียงแหละครับดีแล้ว” เขารีบร้องท้วงทันที

“สบายมาก ที่สตูดิโอพวกผมยังนอนกับพื้นเลย คุณธันนั่นแหละนอนไป” ราเมนทร์ตัดสินใจให้แล้วตักข้าวเข้าปากต่อ

“หมู่นี้ผมกินข้าวกับคุณบ่อยกว่ากับเจ้าตัวยุ่งอีกนะเนี่ย”

“ฮะฮะฮะ เบื่อแล้วก็บอกนะครับ...” ธันย์ชนกม้วนเส้นคำโตขึ้นทานต่อ สลับกับตักน้ำซุปมาซดเบาๆบ้าง

“... ไม่ได้หรอกครับ คุณรามนอนเตียง... นะครับ”

“เรื่องนั้นไว้คุยกันตอนอาบน้ำเสร็จแล้วกัน”เอื้อมมือจะคว้าช้อนกลางแกงจืด แต่มือกลับชนกับมือเรียวที่เอื้อมมาพร้อมกัน

“ก่อนเลยครับ” มือใหญ่หดเข้า

“... ขอบคุณครับ” เขาได้แต่ยิ้มน้อยๆพลางตักน้ำแกงมาใส่ในช้อนของตัวเอง

ราเมนทร์เป็นคนอบอุ่นกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ในตอนแรกที่คิดว่าเป็นพี่ชายใจดีรักน้องเฉยๆ แต่ตอนนี้กลับเป็นผู้ชายที่ดีกว่านั้น ทั้งใจกว้างแถมยังตั้งใจทำงานและดูมีความรับผิดชอบ

...น่าอิจฉาคนที่จะได้มายืนเคียงข้างคุณเหลือเกิน...

ราเมนทร์ทานข้าวช้าๆ ใช้เวลาในการพิจารณาฝั่งตรงข้าม จนเมื่อคำสุดท้ายหมดลงน้ำดื่มก็ถูกรินแล้วเลื่อนให้

“ไม่ต้องรีบทานนะครับ ผมทานเร็วเป็นนิสัย” รอยยิ้มใจดีตบท้ายอย่างอ่อนโยน

ชายหนุ่มร่างโปร่งยิ้มรับ พลางค่อยๆทานส่วนของตัวเองต่อโดยมีความเงียบโอบล้อมระหว่างเขาทั้งสองคน น่าแปลกว่าในความเงียบนี้กลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย

...มีเพียงความสงบใจเท่านั้น

ถ้าหากธันย์ชนกสามารถขออะไรแล้วเป็นจริงได้ ในตอนนี้ เขาคงอยากให้เวลาหยุดลงไว้เช่นนี้...










To be continued...


kagehana : พี่ธันย์ของเค้าาาาาา

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเปลี่ยนมาใส่ชุดนอนของทางโรงแรม ธันย์ชนกกลับพบว่าคนตัวโตที่ใจดีได้จับจองพื้นที่บนโซฟาไปเสียแล้ว

...ไหนว่าจะตกลงกันก่อน...

ท่าทางหลับสบายของราเมนทร์ทำให้เขาไม่อยากไปกวน แต่พอหันไปมองที่เตียงนอน ก็รู้สึกไม่อยากจะสบายอยู่แต่ฝ่ายเดียว

...สุดท้าย ธันย์ชนกก็หอบเอาผ้านวมผืนหนากับหมอนหนึ่งใบไปปูในอ่างอาบน้ำที่ไม่มีใครใช้ แล้วหย่อนตัวเองลงไปแทน

...แบบนี้ ก็สบายไปอีกแบบเหมือนกัน...

'เปรี้ยง!!!'

เสียงฟ้าผ่าจากนอกหน้าต่างดังสนั่น ราเมนทร์สะดุ้งตื่นกลางดึงที่เย็นเยียบ แอร์ในห้องหนาวยิ่งกว่าเก่าด้วยอุณหภูมิภายนอก ท้องฟ้าสีดำสว่างเป็นระยะด้วยประกายฟ้าแลบ... และตามด้วยเสียงที่ชวนสะดุ้งซึ่งดังลั่นราวกับหน้าต่างจะหลุด

นัยน์ตาเข้มมองเลยออกไปนอกหน้าต่าง สายฝนยังคงกระหน่ำอยู่ไม่ขาดสาย เขาเสตาไปมองบนเตียง หัวใจวูบขึ้นมากระทันหันด้วยเพราะไร้คนที่น่าจะนอนอยู่ตรงนั้น

“คุณธัน!”

ร่างสูงเด้งขึ้นจากโซฟาไปที่เตียงเพื่อดูให้แน่ใจ ยิ่งพอไม่เห็นว่ามีรอยยับความกังวลก็ยิ่งเพิ่มพูน

...หรือว่าหายไปแล้ว...

ใบหน้าหล่อเหลาเกิดริ้วรอยแห่งความกังวล ราเมนทร์เดินเข้าไปที่ห้องน้ำ...เผื่อว่าบางทีอาจจะอยู่ในนั้น

...คุณธัน...

ห้องน้ำที่ไร้แสงไฟถูกเปิดประตูออก และภาพแปลกประหลาดก็ปรากฎสู่สายตา

ร่างเพรียวยึดอ่างอาบน้ำเป็นที่นอนโดยใช้ผ้าห่มปูรองแล้วม้วนตลบคลุมตัวไว้ ธันย์ชนกนอนงอตัวนิดๆ... เรียวคิ้วสีจางอ่อนขมวดมุ่น ริมฝีปากสีอ่อนขยับพึมพำเบาๆด้วยเสียงที่แทบไม่ได้ยิน

“ข... ขอร้อง...... ไม่... เอา.....” หยาดน้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิทของธันย์ชนก

...ไม่เอา?..ขอร้อง?...

เสียงครางแผ่วเกือบจะเป็นเสียงสะอื้น...ราเมนทร์แตะที่หน้าผากเบาๆ แต่พอแตะลง คนที่ยังหลับไหลกลับสะบัดหน้าหนีและเกิดอาการดิ้นรนพร้อมทั้งพึมพำประโยคเดิม หยาดน้ำตาที่รินจากหางตาทำให้หัวใจเจ็บลึกๆ

“คุณธัน...”

อาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำหรืออะไรก็ตาม ธันย์ชนกที่ดิ้นรนกลับค่อยๆสงบลง

ราเมนทร์เอื้อมมือไปจับข้างแก้มเพื่อวัดไข้ เขาไล้ฝ่ามือเบาๆเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของคนตรงหน้าไม่มีอะไรผิดปกติ

“ไปที่เตียงกันนะ...”

ร่างกายของชายหนุ่มไม่ได้ต่อต้านอะไร ทว่าคล้ายกับเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นในตอนแรกนั้นค่อยๆคลายออก

“... คุณ.... ราม....” แม้จะเรียกชื่ออีกฝ่าย แต่ธันย์ชนกกลับยังไม่ตื่นขึ้น นัยน์ตาที่ปิดสนิทยังคงนิ่งอยู่เช่นนั้น

“ผมอยู่ตรงนี้แล้วครับ” ชายหนุ่มกระซิบเบาๆข้างหูก่อนจะโอบอุ้มขึ้นมาทั้งผ้าห่ม ศีรษะกลมมนที่ดูอ่อนล้าเอนซบอกแข็งแกร่ง ธันย์ชนกในตอนนี้ดูอ้อนล้าไร้เรี่ยวแรง... แต่ก็เหมือนยอมเชื่อใจให้คนอย่างเขาคอยดูแล

ราเมนทร์ยินดีที่จะใช้ความรู้สึกไม่แน่นอนของตัวเองโอบกอดธันย์ชนกไว้... ความรู้สึกชอบ... ที่ยังไม่ใช่รัก

...ถ้าผมรักคุณ...

...ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ...

ราเมนทร์วางร่างเพรียวลงบนเตียงเบาๆ แต่พอผละออกฟ้าข้างนอกก็ผ่าลงมาดังเปรี้ยง ธันย์ชนกที่เพิ่งสงบลงกลับผวาวูบแล้วเริ่มดิ้นรนอีกครั้ง

“คุณธัน....คุณธัน....” ราเมนทร์เรียกชื่อเบาๆ มือใหญ่ลูบเส้นผมสีอ่อนเบามือ

...ถ้าผมไม่ได้รักรัญชน์...

...ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ...
















“..... โฮ่ย... ตื่นเต้นจัง ถ้าคุณพ่อไม่ชอบคุกกี้จะทำยังไงดีนะ” รัญชน์โพล่งออกมาหลังจากน้องบูบู้เข้าจอดในบ้านเดี่ยวขนาดไม่ใหญ่นัก

“ป๊าพี่ชอบของฝาก โดยเฉพาะของกิน” ธนกฤตพูดหยอกคนรักทั้งที่ในใจนึกกังวล

หลังจากกลับจากพักผ่อน ธนกฤตเร่งเคลียร์งานที่ฝากไว้พร้อมทั้งคุยกับน้องสาว...ปรึกษาเรื่องของรัญชน์ ในทีแรกเขาตั้งใจว่าจะรออีกนิด...พอพูดไปอย่างนั้นธิวรางค์ก็สวนกลับมาด้วยคำว่า “แล้วเมื่อไหร่?”

รู้ทั้งรู้...ว่าจะเร็วจะช้า เรื่องที่คบกับคนรักที่เป็นผู้ชายก็ต้องเปิดเผยอยู่ดี

เพราะฉะนั้น...ที่เขาทำอยู่ก็เป็นแค่เพียงการยื้อเวลาเท่านั้น

...เวลา...ที่อาจจะทำให้ใครหลายคนเสียใจ...

น้องบูบู้จอดลงที่โรงรถแล้ว ธนกฤตนั่งมองหน้าคนรัก แววตาสีเข้มถ่ายทอดความอ่อนโยนให้

“เข้าบ้านไปหาป๊ากันนะตัวเล็ก”

...เพราะรักทั้งสองคน...

...จึงอยากให้วันนี้..ไม่มีเมฆหมอกร้าย...

เด็กหนุ่มเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปโดยที่ถือถุงคุกกี้ไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งจับมือของธนกฤตไว้แน่น

...It's gonna be ok...

ที่ห้องรับแขกกลางบ้าน บิดาของธนกฤตที่นั่งเอนกายอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็ลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลูกชายที่ส่งเสียงมาแต่ไกล

“ฮั่นแน่! ป๊าแอบอ่านหนังสือโป๊ไม่แบ่งบีมอีกแล้ว”

“ทะลึ่งใหญ่แล้วนะเรา” ธงพูดตอบพลางลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วม้วนตีไปที่ลูกชายซึ่งตอนนี้มานั่งเบียดอยู่ข้างๆเรียบร้อยแล้ว

“ป๊า...นี่รันนะ...”

ธนกฤตจับแขนคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ให้เข้ามาใกล้อีกนิด

รัญชน์รีบยกมือขึ้นไหว้พร้อมก้มศีรษะลงอย่างสุภาพ เขาไม่แน่ใจว่าการทำความเคารพที่ดีนั้น... แบบนี้ดีแล้วหรือเปล่า ที่พอรู้จากบิดามารดาก็คือการไหว้ผู้ใหญ่หรือคนที่อายุมากกว่าอย่างอ่อนน้อมเท่านั้น

“สวัสดีครับ...”

“ไหว้พระเถอะลูก นั่งลงก่อน” ท่าทางเก้ๆกังๆของคนตรงหน้าทำให้ธงอดเอ็นดูไม่ได้

“ใช่คนเดียวกับที่ไปเที่ยวกับเจ้าบีมหรือเปล่าเนี่ย...ป๊าว่าเสียงคุ้นๆ”

ร่างเล็กขยับนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างก่อนจะตอบรับคำถามของอีกฝ่าย

“ครับ...”

ชายวัยกลางคนเหลียวหลังไปมองหาคนที่คิดว่าจะตามมาด้วย...ตอนแรกไอ้ลูกชายตัวดีโทรมาบอกว่าจะพาแฟนมาไหว้ แต่ตอนนี้ไม่เห็นมีสักคน

“เออเจ้าบีม ไหนเราบอกว่าจะพาแฟนมาไหว้ป๊าไง อยู่ไหนล่ะลูก”

ธนกฤตหันไปมองรัญชน์...คนตัวเล็กนั่งก้มหน้าลงก่อนจะเงยสบอย่างกล้าๆกลัวๆ

...ถ้าไม่ใช่ตอนนี้...

...จะเป็นเมื่อไหร่...

หมอหนุ่มยิ้มจางๆให้คนรักก่อนจะเอื้อมไปบีบมือรัญชน์เบาๆ

“ป๊า....ตลอดมาบีมไม่เคยบอกป๊าเลย..ว่าบีม...เป็นแฟนกับรัน....”

รัญชน์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อจึงทำได้เพียงส่งรอยยิ้มให้กับชายสูงวัยเบื้องหน้า

ธงมองหน้าลูกชายอีกครั้ง...ในใจนึกหวังว่าสิ่งที่ได้ยินจะแปรเปลี่ยนเป็นคำล้อเล่นที่เคยได้ยินอยู่บ่อยๆ

“...เรา..ล้อป๊าเล่นกันเหรอ...” นัยน์ตาสีดำจ้องมองลึกเข้าในดวงตาลูกชาย ความรู้สึกหวั่นไหวปรากฎขึ้นเต็มอกเมื่อเห็นแววตาจริงใจของลูกมองกลับมา

“ป๊า...บีมกับรันรักกัน..บีมไม่ได้อำป๊าเล่น บีมรักรันจริงๆ”

“บีม...บีมเป็นผู้ชายนะลูก..” เสียงสั่นเครือพูดเบาๆ

คล้ายกับความเจ็บปวดผ่านน้ำเสียงของธงนั้นส่งผ่านมาถึงตัว รัญชน์ได้แต่นิ่ง ไม่รู้ว่าควรแทรกเข้าไปตรงไหนหรือแทรกอย่างไร

ดวงตาปวดร้าวที่ฉายลึกอยู่ในตัวธงทำให้ความรู้สึกผิดแล่นริ้วขึ้นมา ธนกฤตเม้มปากแน่น ถ้อยคำที่แม้จะอ่อนระโหยแต่กลับเหมือนหนามที่ทิ่มแทง

ความเสียใจของคนที่รักและดูแลตนเองมาทั้งชีวิตถ่ายทอดออกมาผ่านแววตาเจ็บปวด

“ป๊า...บีม...”

“ป๊าเลี้ยงบีมมา..ป๊าก็หวัง..ให้บีมมีความสุขกับคนที่บีมรัก มีหลานให้ป๊า มีครอบครัวที่อบอุ่น..แต่ที่บีมเป็นอย่างนี้เพราะป๊าเหรอลูก..ป๊าทำให้บีมเป็นอย่างนี้หรือเปล่า” น้ำเสียงของธงขายหายไปด้วยเพราะน้ำตาที่ไหลออกมา ชายวัยกลางคนขบฟันแน่นกลั้นความเสียใจไว้

“ป๊าไม่เคยว่าบีมเลย บีมจะมีแฟนกี่คน จะรักใคร...จะเลิกกับใคร ป๊าถือว่าเป็นเรื่องของบีม บีมโตแล้ว...ป๊าไม่ได้รังเกียจรัน...แต่จะให้ป๊าทำใจยอมรับเรื่องที่ลูกชายชอบผู้ชาย...ป๊า..ป๊า...”

มือเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบศีรษะลูกชายเบาๆ ธงเห็นแววตาที่เจ็บปวดของคนรักของธนกฤต...แล้วก็เลือกที่จะหลบตาหนี

“...ป๊าเลี้ยงบีมไม่ดีเหรอลูก...”

ธนกฤตรู้สึกถึงแรงสั่นของมือที่ลูบอยู่บนศีรษะ แต่เขาก็ตัดใจจากคนรักของตัวเองไม่ได้

“ป๊า...บีมขอโทษ..ป๊าเลี้ยงบีมมาดีที่สุดแล้ว แต่เรื่องความรัก...ถ้าเป็นรันไม่ได้เหรอป๊า..บีมรักเขา..” นัยน์ตาที่ฉายแววโศกเศร้ามองคนรัก ใบหน้าของรัญชน์ตอนนี้ราวกับจะร้องไห้

รัญชน์ไม่รู้แล้วด้วยซ้ำว่าควรจะพูดอะไรดี ความเจ็บปวดของคนสองคนส่งผ่านมาถึงตัวเขาจนอยากจะวิ่งหนีออกไป

...This isn't right...

“แล้วบีมไม่รักป๊าเหรอลูก.....”

คำตัดพ้อของบิดาทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่าคำใดๆ ธนกฤตนั่งนิ่ง..รักทั้งสองคน..และไม่อยากสูญเสียไปทั้งคู่

...จะพอมีทางไหนบ้าง..สำหรับปัญหาที่ไร้ทางแก้นี้...

ธงที่เห็นลูกนิ่งไปก็ได้แต่เสียใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเวลาลูกชายรักใครแล้วจะจริงใจแค่ไหน แต่เพราะเป็นพ่อ..การที่ลูกชายที่หวังจะฝากฝังเดินมาบอกว่ารักเพศเดียวกันต่อหน้าก็อดเสียใจไม่ได้

ชายวันกลางคนละมือออกก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยสีหน้าราวกับแก่ลงสัก10ปี แต่ไม่ทันที่จะได้เดินไปไหน นัยน์ตาก็เหมือนจะมืดดับตามด้วยอาการเจ็บอย่างรุนแรงในหน้าอกจนพยุงตัวไม่ไหว ร่างกายอ่อนแรงซวนเซทำท่าจะล้มลงกับพื้น

...บีม...

“คุณพ่อ--!??” รัญชน์ที่มองเห็นอาการผิดปกตินั้นรีบขยับเข้าไปประคองเอาไว้

ธงฝืนลืมตาขึ้นมอง ธนกฤตปราดเข้ามาประชิดตัวแล้วโอบร่างบิดาไว้

“ป๊า!ป๊า! เจ็บตรงไหน บอกผมก่อน”

สติที่มีเพียงลางเลือนส่งผลให้ชายสูงวัยไร้เสียงจะพูด มือเล็กที่วางอยู่บนอกถูกปัดออก ธงเห็นแววตาสีสวยฉายแววเจ็บปวด...

...ก่อนสติสุดท้ายจะดับวูบไป...

ธิวรางค์เดินมาหาคนที่นั่งรออยู่ด้านนอกด้วยใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้ม

“... พี่กลับบ้านไปก่อน เดี๋ยวมีอะไรจะโทรเรียก”

ตอนนี้บิดาของธนกฤตพ้นขีดอันตรายแล้ว อาการเบื้องต้นมาจากความเครียดและโรคหัวใจที่เคยมีอาการมาบ้างแต่ไม่ร้ายแรงอะไร

“แบมกลับไปก่อนเถอะ พี่จะเฝ้าป๊า” เสียงแหบแห้งพูดเบาๆ

“ฉันบอกให้กลับ!! อย่ามาพูดอะไรทั้งนั้นนะ!! เพราะพี่นั่นแหละ!! ป๊าถึงเป็นงี้!! ถึงฉันจะบอกว่ารับได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าพามาแบบนี้!! เพราะงั้นกลับไปก่อนเลย!!” ธิวรางค์พูดเสียงแข็ง นัยน์ตาเรียวคมทอประกายกร้าวพลางชี้นิ้วออกไปทางลิฟท์

“พี่...ขอโทษ...” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆแต่ไม่ยอมลุกไป

“แต่แบมกลับไปก่อนได้ไหม กลับไปกับรันก็ได้...พี่อยากอยู่กับป๊า อยากขอโทษป๊า เพราะพี่เองป๊าถึงเป็นแบบนี้” เขาเม้มปากแน่นระงับเสียงสั่นเครือ

...ตั้งแต่ม๊าเสีย...

...ป๊าก็ดูแลบีมกับน้องมาตลอด...

“เรื่องอะไร??? พี่ไปมีแต่จะทำให้ป๊าแย่ลง!!! บอกให้กลับก็กลับสิ!! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ?????” น้ำเสียงที่ใช้เริ่มดังขึ้น ไม่นับกับที่โมโหอีกฝ่ายที่ยังคิดว่าจะให้กลับบ้านพร้อมกับรัญชน์

“อย่าตะโกนได้ป่ะ...แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว” ธนกฤตพูดบ้าง เขาหันไปหาคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกาย รัญชน์ดูเงียบลงและไร้รอยยิ้มต่างกับทุกครั้งอย่างเห็นได้ชัด

“รันกลับบ้านก่อนนะ ไปคอนโดพี่ก่อน...ให้แบมมันไปส่ง”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยตอบอะไรนั้น ธิวรางค์ก็ว่าต่อ

“พี่ไม่มีสิทธิสั่งฉัน! ฉันจะอยู่เฝ้าป๊า ถ้าเขาจะต้องกลับก็ให้กลับเอง... แต่ฉันไม่ให้พี่เข้าไปเยี่ยมป๊า”

“งั้นรอให้ป๊าได้ห้องก่อนค่อนกลับแล้วกัน” ธนกฤตถอนหายใจหนัก

ดูแล้วอารมณ์ของน้องสาวเขาจะขึ้นจนไม่มีใครฉุดอยู่ ทำตาวาวอย่างกับแม่เสือ..ถ้าดื้อฝืนอยู่อย่างนี้คงได้ทะเลาะกัน

“รันอยากกลับเลยหรือเปล่า”

“....... รัน... กลับก่อนก็ได้.....” เขาเอ่ยตอบเสียงเบาพลางขยับลุกขึ้น ก่อนจะพนมมือไหว้แล้วก้มศีรษะให้หญิงสาว

“... ผม ขอโทษครับ.....”

ธนกฤตจับน้ำเสียงทมี่เจือความสั่นไหวเอาไว้ได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนใกล้ๆแล้วโอบไหล่เล็กที่ลู่ลงไว้เบาๆ

“หรือให้พี่ไปส่งรันก่อน แล้วค่อยกลับมานี่ได้ไหมแบม”

หมอหนุ่มมองหน้าน้องสาว...แม้ว่าเขาจะเป็นหมอ แต่ในตอนนี้...ยังช่วยบิดาอะไรไม่ได้เลย

...เพราะตัวเอง..ที่ทำให้ป๊าป่วย...

“จะรีบไปรีบกลับนะ”

“เออ......” ธิวรางค์ตอบเสียงขุ่นพลางมองแผ่นหลังของพี่ชายและเด็กหนุ่มเดินออกไป

“ขอโทษนะตัวเล็ก...เลยต้องเหนื่อยเลย” รอยยิ้มจางผุดบนใบหน้าอ่อนล้า

ธนกฤตนั่งลงบนโซฟาในห้องของเขาแล้วฉุดคนตัวเล็กมากอดไว้แนบกาย

“..... อืม....” รัญชน์ขยับแขนโอบรอบเอาไว้แน่น ก่อนจะซุกใบหน้าไว้กับแผ่นอกกว้าง ตลอดเวลาที่นั่งรถกลับมานั้นเขาแทบไม่ได้พูดอะไร

...This is it...

...I guess...

มือใหญ่เอื้อมขึ้นลูบศีรษะกลมมนเบาๆพร้อมกับจูบที่กลางกลุ่มผมสีอ่อนนุ่ม

“ไว้รอป๊าดีขึ้น...พี่จะไปคุยกับป๊าอีกที...ตัวเล็กอย่าคิดมากนะ”

...คำสัญญา...

...ที่ไม่รู้ว่าจะได้ทำเมื่อไร...

“..... จูบ... ได้ไหม.....” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองด้วยดวงตาเศร้าสร้อย

คำขอแสนเศร้าถูกตอบรับด้วยจุมพิตเงียบงัน ธนกฤตแตะริมฝีปากเข้าหาแล้วกอดร่างเล็กเข้ามาแนบชิดไม่เหลือช่องว่างใดๆ

เพราะไม่อยากแยกจาก...เพราะอยากอยู่ด้วยกันอย่างนี้...

“พี่บีม....” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย มือข้างที่ยึดเสื้อของธนกฤตเอาไว้ออกแรงบีบแน่นขึ้น

...I love you...

“ว่าไงครับตัวเล็ก...” น้ำเสียงอ่อนล้าแสร้งทำร่าเริง

ธนกฤตมองเข้าไปในดวงตาสีสวยของคนรัก ความรู้สึกบางอย่างที่อีกฝ่ายถ่ายทอดมาสั่งให้ท่อนแขนที่โอบกระชับแนบแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“...... เลิกกันเถอะ... นะ” รัญชน์เอ่ยช้าๆทว่าน้ำเสียงกลับฟังชัดเจน ด้วยความรักที่มีให้ เขาไม่อาจทำใจเป็นตัวทำร้ายครอบครัวของคนรักได้

“ไม่เอา!” คำขอเลิกที่แค่ฟังก็รู้ว่าคนพูดเจ็บเท่าไหร่... ธนกฤตรีบตอบปฎิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิดอีดครั้ง

“ไม่เลิกนะรัน...เรารักกันไม่ใช่เหรอตัวเล็ก...”ชายหนุ่มกอดคนตัวเล็ก ความกลัวที่จะสูญเสียไปอีกคนครอบงำร่างกาย...จนแม้กระทั่งมือที่มั่นคงยังสั่นไหว

“ก็........”

...I know...

...But I don't wanna hurt your family...

“รัน... ไม่เอาหรอกนะ.......... พ่อพี่บีมไม่ได้ต้องการแบบนี้นะ!!”

“ไม่สิรัน... เรื่องป๊าพี่ก็อีกเรื่อง ทำไมเราต้องเลิกกันทั้งๆที่เรารักกันล่ะ” หมอหนุ่มดึงร่างคนรักออกห่างแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาคลอน้ำตา

“...ถ้าตัวเล็กไม่รัก..พี่จะไม่ฝืนใจให้คบกันต่อ..แต่นี่มันไม่ใช่”

แค่เรื่องป๊าก็หนักหนาแล้ว...หากต้องเสียไปอีกคนจะทำใจได้ยังไง

มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มละเอียดของคนรักก่อนจะเลื่อนมือลงจับที่แก้มเบาๆ

“เรื่องป๊าปล่อยให้พี่จัดการเองไม่ได้เหรอ...”

เด็กหนุ่มร่างเล็กขยับตัวถอยออก ขืนแรงอีกฝ่ายแล้วละออกมา

“ไม่เอา พี่บีมมีพ่ออยู่นะ พี่บีมต้องให้ความสำคัญกับพ่อเยอะๆสิ! รัน..... ไม่เป็นไรนะ!”

...I love you too much...

“ไม่เป็นไรได้ไง...ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนี้” ธนกฤตพูดเสียงแผ่ว เขาลูบเหนือคิ้วคนตัวเล็กเบาๆ....รัญชน์พูดความจริงเรื่องที่เขายังมีครอบครัวให้ต้องใส่ใจ ทั้งยังสถานะในสังคม ลำพังตัวเองคงไม่หนักหนา แต่หากต้องทำให้บิดาอับอาย..ก็ยากที่จะแกล้งลืมได้

“ขอโทษนะตัวเล็ก...แต่ถึงยังไงพี่ก็ไม่อยากเลิกจริงๆ”

“ก็รันอยากเลิก!” รัญชน์ลุกออกมาพลางดันร่างสูงออกไป

...Don't make it any harder for me...

“....โกหก....” เสียงที่เอ่ยออกมาหนักแน่นและมั่นคง ธนกฤตได้แต่มองรัญณ์ที่อยู่ห่างออกไปด้วยสายตารู้เท่าทัน

“ตัวเล็กไม่ได้อยากเลิก...แต่ตัวเล็กเป็นห่วงต่างหาก...เรื่องแค่นี้ทำไมพี่จะไม่รู้”

...เพราะรักมาก...

...เลยต้องเสียสละ...

มือเล็กล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง สิ่งที่หยิบออกมาคือคีย์การ์ดของห้องๆนี้ ของขวัญชิ้นสำคัญที่ได้มาจากคนรัก

...I love you...

...so much...

“ทำไมพี่หมอถึงพูดไม่รู้เรื่อง รันบอกว่าอยากก็อยาก นี่ก็เอาคืนไปเลยนะ แล้วรันจะไม่มาที่ห้องนี้แล้ว” รัญชน์โยนคีย์การ์ดนั้นไปที่พื้นข้างๆแล้วหันหลังให้ก่อนจะเริ่มก้าวขาที่หนักอึ้ง หากแต่ถ้าพ้นประตูนี้ออกไป ก็ไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว...

ในพริบตาที่เห็นสิ่งที่ถูกขว้างกระทบลงบนพื้น หัวใจก็พลับวูบหาย ความรู้สึกเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ทุกสิ่งจนทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่น ถ้อยคำร้ายกาจของคนรักกรีดลึกลงไป... แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือความรู้สึกของรัญชน์ที่ถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงเกรี้ยวกราดอันสั่นไหว

...มันบอกธนกฤตว่าคนพูดต้องอดทนเพียงไรถึงจะเอ่ยออกมาได้...

“รันจะไม่มาก็ได้...รันจะทิ้งคีย์การ์ดก็ได้....” ร่างสูงสืบเท้าเข้าหาแล้วกอดแผ่นหลังสั่นไหว มือใหญ่เอื้อมจับเบาๆที่มือทั้งสอง

“......แต่รันอย่าเลิกรักพี่เลย.....”

“.... ไม่รู้หรอก!! ปล่อยนะ-!” ร่างเล็กขืนตัวไว้ก่อนจะสะบัดออกแม้ในใจจะโหยหาความอบอุ่นจากอ้อมกอดนั้นในยามที่หัวใจเหน็บหนาวจนชา พออีกฝ่ายออกแรงกอด ยิ่งทำให้รัญชน์ยิ่งดิ้นก่อนจะผลักร่างสูงออกไปได้ นัยน์ตาคู่สวยสบมองคล้ายกับเป็นการมองครั้งสุดท้ายก่อนจะผลุนผลันไปที่ประตูแล้วเปิดออกไป โดยไม่ฟังเสียงของอีกฝ่ายที่ตะโกนไล่มาเลยแม้แต่น้อย

...I won't come back...

...I can't...

แม้จะคิดแบบนั้น แต่ชั่วขณะที่กำลังวิ่งลงบันได เสี้ยวหนึ่งของจิตใจนั้นกลับเรียกร้อง

...If maybe...

...Sometimes in the future...

...I wish...

...I could see you again...

คนที่ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องเพียงลำพังทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง ความรู้สึกเจ็บปวดกลั่นตัวเป็นมวลอากาศบีบคั้นให้ร่างสูงได้แต่ห่อตัวกอดตัวเองไว้

...ไม่มีแล้ว..ใช่ไหม...

...ถึงไม่ได้เกลียด แต่ก็อยู่เคียงข้างไม่ได้แล้ว...

...ใช่ไหม...

คนที่บอกว่าผู้ชายถึงเจ็บแค่ไหนก็ร้องไห้ไม่ได้...มันไม่ใช่ความจริงหรอก

อย่างน้อยที่สุด...หนึ่งคนตรงนี้ แม้จะไม่มีเสียงใดๆ...

แต่รสชาติของหยดน้ำที่หลั่งรินออกมา...ก็เป็นเสียยิ่งกว่าตัวแทนของความทรมานที่แสนเงียบงัน

 

To be continued...







kagehana : พี่หมออออออ น้องรันนนนนนน ฮืออออออ อิพี่รามก็คนบาปเหลือเกิน

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ทำไมเป็นอย่างเงงงงงงงงงงงงง้
คู่พี่ก็หน่วงคู่น้องก็ดราม่า

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

-25-




“พี่ราม... Let's go home.......... I don't wanna be here anymore....” ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับใบหน้านองน้ำตาของคนตัวเล็กที่พยายามปาดมันออก ถ้ายังอยู่ที่นี่ คงมีแต่จะคิดถึงอีกฝ่ายไม่หยุดแน่ๆ แม้ว่าจะบอกเลิกไปแต่ในหัวใจนั้นรู้ดีว่าตัวเองรู้สึกยังไง-- เพราะว่ารักมาก ถึงไม่อยากให้ธนกฤตต้องทำเรื่องที่อาจจะทำให้ต้องเสียใจไปชั่วชีวิต เขายังมีพ่อ มีครอบครัวที่รักอยู่ จะให้ละทิ้งสิ่งเหล่านั้นเพื่อมามีความสุขแบบนี้-- เขาทำไม่ได้


“Whoa-- wait-- what happened?? Why are you crying like a dog?”


คนที่นั่งอยู่ในห้องลุกพรวดทันทีที่เห็นน้ำตาบนใบหน้าที่เคยมีแต่ความร่าเริง ราเมนทร์เดินเข้าไปใกล้แล้วกอดคนตัวเล็กที่เป็นเหมือนกับหัวใจเอาไว้... ให้หัวใจได้อยู่ใกล้กัน


“Come here. Tell me what happened first”


“...... I broke up with him.” พูดจบเขาก็โอบกอดเอาคนตัวสูงเอาไว้ ซุกซ่อนใบหน้ายามอ่อนแอกับแผ่นอกกว้าง


“His dad was in shocked and I guess it was a stroke so he's in the hospital right now-- and there's nothing I can do but to cause more trouble. So I decided it's better to break up--” มือข้างที่ยึดเสื้อเอาไว้กำแน่นขึ้นก่อนจะยิ่งห่อตัวเข้าหา


“But I love him so much--”


คำรักที่พูดออกมาอย่างชัดเจนของคนเป็นน้องทำให้ในหัวใจรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบอย่างรุนแรง ราเมนทร์หลับตาลง... เขาไม่ปฏิเสธที่จะบอกว่าเขาดีใจแค่ไหนที่น้องชายเลิกกับไอ้หมอบ้านั่น


...แต่น้ำตาของรัญชน์ก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากเห็น...


มือใหญ่ลูบศีรษะเล็กด้วยความรักที่แอบซ่อนไว้อย่างเงียบงัน หากแต่เพราะใบหน้าของคนไร้ที่พึ่งที่เงยขึ้นทำให้กำแพงที่ก่อไว้เริ่มเกิดรอยร้าว


“ถ้าเราอยู่กับพี่... จะเลิกรักเขาได้หรือเปล่า”


“... Wha? ...... ไม่รู้... นะ......” นัยน์ตากลมโตปิดลงขับน้ำตาที่ไหลออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง


“จะตอบ... ได้ยังไงนะ...”


“พี่อยากรู้ว่า เราจะตัดใจจากเขาได้ไหม... ถ้าเรากลับไปอยู่ที่นั่นกัน รันจะเลิกรักเขาหรือเปล่า” ความอิจฉาซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางอ่อนโยน


...รัญชน์จะรักพี่ได้ไหม...


...ถึงเราจะเป็นพี่น้องแท้ๆกันก็ตาม...


“If you can stop loving him. I'll take you home.”


“What the fu-? How can I possibly do that???? I love him! Don't you understand??” คนตัวเล็กร้องท้วงทั้งน้ำตา จะให้เลิกรักนั้นทำไม่ได้แน่ๆ


“รู้สิ... เพราะรู้ถึงได้พูดได้ไงว่าเลิกกับมันซะ” ราเมนทร์พูดเสียงสั่น


...เพราะรักเรามาตลอด...


...พี่ถึงเข้าใจคำว่า 'รักที่ไม่มีวันได้มาครอบครอง'...


“อยู่อย่างนี้รันไม่มีทางหาความสุขได้หรอก มีแต่เสียน้ำตา สังคมไทยที่บอกว่าเปิดกว้างน่ะมันโกหกทั้งเพ... สักวันไอ้หมอบ้ามันอาจจะเบื่อรัน เลิกรักรัน แล้วก็ทิ้งเราไปแต่งงาน มันเป็นหมอ มันมีหน้ามีตาในสังคมนะ… การเป็นเกย์มันไม่ง่ายหรอก”


คำพูดรุนแรงระเบิดออกมาทำร้ายจิตใจ... ทั้งตนเองและน้องชาย ราเมนทร์ดันร่างเล็กออกห่างก่อนจะก้มลงเอาหน้าผากแตะกันเบาๆ


“...เลิกรักมันซะ...กลับไปอยู่กับพี่ที่ออสเตรเลียนะ...”


“..... ต........ แต่...... อื๊อ--!!!! ก็จะพยายามนะ แต่รันไม่รู้หรอก!! จะบอกให้เลิกรักทันทีรันจะทำได้ไงนะ!!!!!”


“ไม่เป็นไร...ยังไงเราก็ยังมีพี่” ...ที่รักเรา...วลีสุดท้ายที่แห้งหายกลายเป็นเพียงการขยับปากที่ไร้สำเนียง


ท่อนแขนแข็งแกร่งกอดกระชับ... ยิ่งรู้สึกว่ากำแพงที่สร้างไว้ใกล้พังเท่าไร แขนสองข้างที่โอบประคองก็ยิ่งกอดรัดแน่นขึ้น


“ไม่ต้องมีไอ้หมอ...แค่มีพี่...พี่จะอยู่ข้างๆเราตลอดไปนะ”


“... ถึงจะมีพี่..... แต่... ก็ไม่เหมือนกันหรอกนะ....” ร่างเล็กตอบเสียงเบาก่อนจะขยับใบหน้าเช็ดน้ำตากับเสื้อ


“รู้ได้ไงว่าไม่เหมือน....” เสื้อตัวบางที่เปียกชุ่มด้วยน้ำตาถูกยกขึ้นเช็ดใบหน้าเล็กเบาๆ สองมือที่กอดอยู่คลายออกแล้วเลื่อนมาประคองใบหน้าหวานเศร้าเอาไว้


“เราไม่เคยรู้....ไม่เคยรู้อะไรเลย”


...พี่รักรัน...


...พี่รักรัน...


“ไม่รู้อะไรนะ? จะเหมือนได้ไง พี่รามไม่ใช่แฟนนะ!!” รัญชน์เถียงกลับ


...ไม่ใช่แฟน...


คำพูดของคนที่เขารักมาตลอดชีวิตกระทบเข้าตรงหัวใจอย่างรุนแรง... ทั้งที่คิดว่าจะไม่เป็นไร แต่พอถูกพูดออกมาตรงๆก็ไม่ต่างกับการเอามีดมากรีดบนผิวเนื้อเปล่าเปลือย


...ทั้งที่น่าจะทำใจได้...


...แต่มันไม่ใช่เลย...


“แต่พี่รักรันมากกว่ามัน พี่รักรันมานานกว่ามัน... พี่รักของพี่มาตลอดทั้งชีวิต! เพราะเป็นพี่ชายไม่ใช่แฟน พี่เลยต้องยอมแพ้มันเหรอ!! รันไม่เคยรู้ความรู้สึกของพี่ก็อย่ามาพูดเลย!” ร่างสูงก้มลงจนใบหน้าเกือบจะแนบชิด นัยน์ตาสีเดียวกันสะท้อนความปวดร้าวและเจ็บปวดที่ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกแล้ว


“ถึงพี่เจ็บแค่ไหน... จะรักแค่ไหน... ก็เป็นมากกว่าพี่ชายไม่ได้ใช่ไหม...”


คราวนี้รัญชน์ถึงกับตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน


“อ... อะไรนะ?? เดี๋ยว--!!! มากกว่าพี่ชายอะไร??”


“I love you” คำที่คนทั้งโลกเข้าใจถูกถ่ายทอดพร้อมเสียงแหบพร่าและจุมพิตดุดัน


“!!!???” คราวนี้คนตัวเล็กเบิกตากว้างก่อนจะพยายามดิ้นหนีจากริมฝีปากของราเมนทร์ มือสองข้างพยายามผลักไสอีกฝ่ายออกสุดแรงของตัวเอง


...Why...


...When??


ครั้นจะกัดก็ทำไม่ลงเพราะเป็นพี่ชาย สุดท้าย จึงได้แต่พยายามผลักคนตัวสูงกว่าที่ไม่เคยสู้แรงได้มาทั้งชีวิตออก น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยไม่ขาดหาย


“อย่าทำอย่างนี้....” ท่าทางดิ้นรนทั้งน้ำตาของรัญชน์พาให้ในหัวใจกลับเจ็บปวดมากขึ้น


ราเมนทร์ออกแรงกอดคนที่ตนเองรัก...รั้งไว้ในอ้อมแขน


...แม้มันจะยิ่งทำให้เบาดแผลร้าวลึกเท่าไรก็ตาม...


“...อย่าเกลียดพี่ได้ไหม...” เสียงแหบพร่าตรงข้ามกับท่อนแขนที่โอบรัดอย่างแน่นหนาโดยสิ้นเชิง


“L-- Let go of me--!!!!” มือเล็กทั้งสองยังพยายามดันอีกฝ่ายออก หัวใจเต้นรัวแรงด้วยความตกใจ


“พี่รักเรานะ... พี่รู้ว่ามันบาป... พี่รู้ว่าเราเป็นพี่น้องกันแท้ๆไม่ควรจะคิดแบบนี้” น้ำเสียงทุ้มต่ำยังคงพูดกับเรือนผมสีอ่อน


“รู้ไหม...พี่ยังเคยคิดว่าเราไม่น่าจะเกิดมาเป็นพี่น้องกันเลย...ไม่อย่างนั้นพี่คงจะสามารถอยู่กับรัน...และรักรันได้โดยที่ไม่ต้องทำให้รันเจ็บอย่างนี้”


คล้ายกับคำพูดเหล่านั้นไม่เข้าหูอีกแล้ว แต่จริงๆแล้วรัญชน์กลับได้ยินชัดถ้อยชัดคำทุกอย่าง


“ม... ไม่เอานะ!! ป... ปล่อยรันนะ!!”


...This is all wrong!!!...


“ไม่ได้นะ-- มันผิด มันไม่ถูกแล้วนะ!”


“มันก็ผิดมาตั้งแต่ต้นแหละ! คิดว่าพี่สบายใจเหรอที่ต้องมารักน้องตัวเอง! พี่พยายามแล้ว..พี่มีใครต่อใครตั้งหลายคน ใช้ชีวิตแบบไม่เกรงใจใคร  แต่สุดท้าย...พี่ก็ยังรักเราอยู่ดี”


ราวกับปีศาจที่อยู่ในตัวทะลุออกมาจากกำแพงที่พังทลาย ราเมนทร์ยัดเยียดจุมพิตร้อนแรงให้อีกครั้งก่อนจะเลื่อนใบหน้าซุกลงกับลำคอเรียวขาว


...ทั้งๆที่ทะนุถนอมมาทั้งชีวิต...


ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา เขาไม่เคยคิดอะไรเพราะว่าพี่ชายที่แสนดีคนนี้ดูแลเขาและอยู่กับเขาตลอด แต่เจ้าตัวไม่อาจเข้าใจได้ว่าอะไรทำให้ความรู้สึกของราเมนทร์กลายเป็นแบบนี้


“บอกให้ปล่อยนะ!!” รัญชน์รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักอีกฝ่ายออก แม้ปกติแรงของตัวเองจะไม่สามารถทำอะไรได้ นั่นเป็นเพราะรัญชน์เพียงแค่แหย่เล่น แต่ตอนนี้เขาคิดแค่ว่า ต้องออกไปจากที่นี่เท่านั้น


แรงผลักที่แม้จะไม่มาก...หากแต่ความรู้สึกที่ส่งผ่านทำให้คนที่ถูกผลักยืนนิ่งงันไม่สามารถกระทั่งหายใจ


“รัน...เดี๋ยวก่อน...”


ทว่าร่างเล็กกลับไม่ฟังเสียง เขารีบวิ่งออกไปจากห้อง ไม่อยากได้ยินอีกแม้แต่คำเดียว ที่อีกฝ่ายจะเอ่ยพูดถึงความรักที่มีให้


“It's impossible!!”


ประตูห้องปิดลงพร้อมกับราเมนทร์ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

 

 








หลังจากวิ่งออกมา รัญชน์ไม่อาจคิดได้ว่าจะหนีไปไหน คนที่เขารู้จักที่นี่มีไม่กี่คน ธันย์ชนกที่อยู่ห้องตรงข้ามคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเขาจะขอไปอยู่ด้วยก่อนสักพัก-- กับอีกคนที่นึกออก ก็มีเพียงธนกฤตเท่านั้น ทว่าตัวเขาได้ทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย เป็นคนหนีออกมาเองแล้ว


...How can I go back there...


ที่แน่ๆ ในตอนนี้ รัญชน์ยังไม่อยากอยู่กับพี่ชายในตอนนี้ ความรู้สึกสับสนมากมายทับถมลงมาจนคิดอะไรแทบไม่ออก รู้สึกตัวอีกที ก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง


“... พี่กุ้ง........”


“อ้าว น้องรันทำไมมาอยู่นี่ละคะ”นางพยาบาลสาวที่เพิ่งออกเวรถามด้วยความประหลาดใจ


“วันนี้หมอบีมไม่ได้เข้านะคะ เอ...หรือนัดนอกเวลาไว้คะ”


“..... ขอ.... เข้าไปห้องหมอได้ไหมครับ” รัญชน์พยายามที่จะคุมเสียงไม่ให้สั่น เพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ถ้าอยู่ในนั้นได้ก่อนก็คงดี-- ทั้งๆที่รู้ว่าคงไม่ได้


“คือว่ามันผิดกฏน่ะน้องรัน... เป็นอะไรมาหรือเปล่าคะหน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย” แม้จะออกเวรแล้วแต่เพราะเป็นคนคุ้นเคยกันก็ยังคงเป็นห่วง แต่เรื่องเปิดห้องให้เข้าไปนั่งในห้องพักแพทย์ก็อาจจะเกินไปสักนิด


“ให้พี่โทรตามหมอบีมให้ไหมคะ”


“ไม่ต้อง... หรอกครับ........ งั้นผมขอนั่งแถวนี้สักพัก.... นะครับ” ในตอนนี้เขาไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยิ้ม


คำว่าไม่ต้อง... ทั้งที่หน้าตาเป็นแบบนั้นทำให้กันยายิ่งเป็นห่วง หญิงสาววางถุงข้าวของลงแล้วจับมือเล็กขึ้นมาบีบเบาๆ


“เอางี้ดีกว่า ถ้าน้องรันไม่รู้จะไปไหน งั้นไปนั่งเล่นห้องพี่กุ้งก่อนไหมคะ”


“ได้... เหรอครับ.....” รัญชน์ถามย้ำเสียงอ่อน


“ได้สิคะ”


กันยายิ้มรับด้วยรอยยิ้มสดใส


...หมอบีมนะหมอบีม...


...เดี๋ยวตีให้ตายเลย คอยดู...

 

 









“ตามสบายนะคะน้องรัน เดี๋ยวพี่เอาน้ำให้” พอมาถึงห้องพักในแฟลตของโรงพยาบาลหญิงสาวก็ดันหลังเด็กหนุ่มให้เข้าไปนั่งตรงโซฟาตัวนุ่มทันที


“หรือจะเอาเป็นอะไรอุ่นๆไหมคะ”


“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบก่อนจะยกเอาขาขึ้นมากอดเข่าตัวเองเอาไว้


“ไม่เป็น— อ๊ะ!แป๊บนะน้องรัน” โทรศัพท์ที่ดังขึ้นพร้อมชื่อเพื่อนนางพยาบาลด้วยกันเรียกความสนใจของกันยาไปอีกทาง หญิงสาวบุ้ยใบ้ให้คนที่เพิ่งมาทำตัวตามสบายก่อนจะกดรับแล้วหนีบไว้กับไหล่พร้อมหยิบตะกร้าผ้าขึ้นมาถือ


“พี่เอาผ้าไปปั่นแป๊บนะ... อือ ว่าไงอิง...อยู่ห้อง....” เสียงใสหัวเราะร่วนแล้วเปิดประตูห้องเดินออกไป


พอถูกปล่อยไว้อยู่คนเดียว รัญชน์ก็พยายามทำใจให้สงบ ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันมากเกินไปที่คนอย่างเขาจะรับไหว-- ทั้งเรื่องบิดาของธนกฤต เรื่องบอกเลิกไป แล้วยังเรื่อง...


...พี่ราม...


ได้แต่คิดวนไปวนมาไม่รู้จบ เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไร บางที ถ้ามีธนกฤตอยู่อาจจะมีคำตอบดีๆให้-- แต่ตัวเขาที่ทำร้ายอีกฝ่ายไปอย่างนั้น จะยังได้รับความใจดีอีกครั้งงั้นหรือ

 

 








“ยัยอิงนะยังอิง ชวนเม้าท์ซะนานเชียว” หญิงสาวบ่นอย่างอดไม่ได้ ก็ใช่ว่าเป็นความผิดเพื่อนอย่างเดียวเพราะตัวเธอเองก็ติดลมจนผ้าที่เอามาปั่นได้เวลาตากพอดีเช่นกัน


กันยาหอบหิ้วตะกร้ามาวางหน้าห้องพลันนึกถึงแขกมาใหม่ กันยาเปิดประตูเข้าไปเบาๆแล้วร้องทัก


“น้องระ...อุย...” หญิงสาวเปลี่ยนเป็นกิริยาที่นุ่มนวลขึ้น เธอปิดประตูห้องเบาๆแล้วเอาตะกร้าไปตากจนเสร็จ


กันยาเดินเข้ามายืนใกล้ๆเด็กหนุ่มซึ่งแม้จะเลือนลางแต่คราบน้ำตาบนผิวแก้มยังคนมองเห็นได้ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงเจ้าของไข้...ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุ


...ไม่ใช่ไม่รู้ว่าคบกันในลักษณะไหน...


...แต่เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นคนดี เลยอยากช่วยทำเป็นไม่รู้มากกว่า...


-ครับ..ว่าไงครับคุณกุ้ง-


“... หมอทะเลาะอะไรกับน้องรันหรือเปล่าคะ” ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย กันยาก็เอ่ยถามทันทีไม่คิดอ้อมค้อม


-แน่ะ! รู้ดีอย่างกับเห็นน่ะคุณกุ้ง...ก็มีนิดหน่อยน่ะ รันโทรไปหาคุณกุ้งเหรอ- เสียงตามสายพูดอย่างร้อนรนเนื่องจากพอบีบีไปอีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบเสียที


กันยาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเอ่ยต่อ


“โทรอะไรล่ะคะ มาหาถึงโรงพยาบาลต่างหาก หมอบีมนะคะ คราวหน้ากุ้งจะไม่พูดด้วยแล้ว”


-รันเขา...เป็นยังไงบ้าง...แล้วตอนนี้ยังอยู่ที่โรงบาลหรือเปล่า ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก-


“ตอนนี้อยู่ที่ห้องกุ้งค่ะ หลับไปแล้ว... หมอบีมทำอะไรให้แกร้องไห้คะ....” สายตายังคงมองคราบน้ำตาก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะของคนตัวเล็กเบาๆ


-ก็มีปัญหากันนิดหน่อยครับ ถ้าไง...ผมไปรับรันที่ห้องคุณกุ้งได้ไหม ไม่ต้องบอกเขานะครับ เดี๋ยวจะหนีไปอีก-


“... ได้ค่ะ แต่ห้ามทำแกร้องไห้อีกนะคะ” กันยาบอกเสียงเด็ดขาดก่อนจะบอกอีกฝ่ายถึงเส้นทางมายังแฟลตแห่งนี้

 

 






หลังจากที่อยู่คนเดียวจนสงบจิตใจได้ อีกทั้งธิวรางค์ยังโทรมาบอกว่าตอนนี้อาการไม่มีอะไรและย้ายไปห้องพักฟื้นได้แล้ว ธนกฤตที่เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากพยาบาลคนสนิทก็รีบขับรถไปยังที่อยู่ของกันยา


ชายหนุ่มจอดรถข้างล่างแล้วขึ้นไปยังห้องหญิงสาว ก่อนจะเอ่ยทักเจ้าของห้องด้วยรอยยิ้ม


“ขอบคุณนะคุณกุ้ง หมอมารับเด็กแล้วล่ะ”


“... ยังหลับอยู่เลยค่ะ...” เจ้าของห้องเอ่ยบอกพร้อมทั้งบุ้ยหน้าไปทางร่างเล็กบนโซฟา


“หมอขโมยกลับไปทั้งอย่างนี้ได้ไหมเนี่ย” ร่างสูงนั่งลงบนพื้นแล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผิวแก้มชื้นเบาๆ


“เงียบๆนะคุณกุ้ง เดี๋ยวรันจะตื่น”


ธนกฤตหันมายิ้มให้หญิงสาวแล้วค่อยๆช้อนตัวคนรักที่ยังหลับลึกเข้าสู่อ้อมกอด


“... คราวหน้ากุ้งจะไม่พูดกับคุณหมอแล้วจริงๆนะคะ” กันยาพูดเสียงเบาพลางขยับเปิดประตูห้องของตัวเองให้อีกฝ่าย


“ไม่มีคราวหน้าแล้วครับคุณกุ้ง...” หมอหนุ่มยิ้มหวานอีกครั้งพร้อมให้สัญญา... ที่คนในอ้อมกอดคงไม่ได้ยิน


...จะไม่ทำให้เสียน้ำตาอีกแล้ว...


 

 



“... อ... อืม...” เสียงแตรรถที่บีบจนลั่นถนนเป็นตัวปลุกให้ร่างเล็กที่นอนหลับอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะพบว่าตัวเองนั้นอยู่บนรถที่กำลังวิ่ง


“??!!” รัญชน์ผุดขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ทันทีที่สายตาจับภาพคนข้างๆได้ ก็คล้ายกับจะอยากร้องไห้ออกมา


...พี่บีม...


“ตื่นแล้วเหรอตัวเล็ก” คนขับหันมายิ้มจางๆให้คนที่เพิ่งตื่นก่อนจะละพวงมาลัยออกมาลูบศีรษะกลมเล็กเบาๆ


“ขอโทษนะที่ขโมยตัวมาแบบนี้....”


“ม... มาได้ยังไง...” คนตัวเล็กหันหลบหนีจากสัมผัสอบอุ่นที่ทำให้น้ำตาแทบไหลลงมา


“..... รัน... แค่จะหาที่นอนเฉยๆ... นะ.......”


 “ก็ที่นอนของรัน...เป็นบ้านพี่ไม่ได้เหรอ...” ชายหนุ่มหันมายิ้มพลางหักรถออกจากเลนไปยังอีกเป้าหมาย...


...สวนสาธารณะที่เคยเจอกันครั้งแรก...


“อย่าร้องไห้นะตัวเล็ก...”


“....... แต่... นะ.... เลิกกันแล้ว....” รัญชน์พูดเบาๆพลางก้มหน้าลง


“ตัวเล็กพูดไปคนเดียวต่างหากล่ะ” ธนกฤตจอดรถตรงที่จอดในสวนแล้วจับมือเล็กที่กำลังสั่นไว้


“แต่ยังไงก็ตาม ถึงตัวเล็กจะบอกว่าเลิก...ที่ตรงข้างๆพี่ก็ยังเป็นของตัวเล็กคนเดียวนะครับ”


น้ำตาค่อยๆหลั่งไหลออกมาก่อนที่มือเล็กจะบีบมือของอีกฝ่ายกลับ


“........ แต่... พี่... ราม... ก็บอก.... แบบนั้น.... ว่า... รัก...........”


พี่ราม....รัก?...


“ไหนรันใจเย็นๆนะ..หายใจลึกๆ” ธนกฤตลอบยิ้มกับคนตัวเล็กที่ทำตาม รัญชน์ที่กำลังกลั้นสะอื้นดูทั้งน่ารักและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน


“ค่อยๆอธิบายพี่อีกที ไอ้...เอ่อ..พี่ของรันเขาทำไมนะ”


“พี่... ราม.... บอกว่ารักรันนะ... ทั้งๆที่เป็นพี่น้อง... แต่ว่าไม่ได้นะเพราะว่า... มันผิด... นะ... พอ... พอบอกไปแบบนั้นพี่ราม..... ก็โมโห..... น่ากลัว... มากๆนะ......”


“รัก?...รามกับรันเป็นพี่น้องแท้ๆกันไม่ใช่เหรอ” หมอหนุ่มถามย้ำอีกครั้งซึ่งก็ได้รับการยืนยันด้วยการพยักหน้าเบาๆของรัญชน์


แม้จะไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปก็จริงอยู่ แต่เพราะหน้าที่ของเขา..หลายต่อหลายครั้งก็ได้รับรู้เรื่องของคนในครอบครัวเดียวกันหรือญาติร่วมสายเลือดมีความสัมพันธ์กันเองและเกิดการตั้งครรภ์ที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อเด็กในครรภ์เนื่องจากเชื้อสาย...


“แล้ว...เขาทำอะไรตัวเล็กหรือเปล่า” มือใหญ่บีบเบาๆที่หลังมือ


หลายต่อหลายครั้ง...การตั้งครรภ์ของคนเชื้อสายเดียวกันก็ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ ผู้หญิงหลายคนจำต้องทนเลี้ยงลูกพิการซึ่งเกิดมาจากการถูกข่มเหงหรือใช้กำลัง...และอีกหลายรายที่ผู้เสียหายเป็นเพศเดียวกับผู้กระทำ


“แค่... จูบ... นะ... แต่ว่า ผลักออก... แล้ว... พอหนีมา... รัน ไม่รู้จะไปไหน... นะ...” นัยน์ตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตากระพริบไล่น้ำตาออกเบาๆก่อนจะมองใบหน้าของธนกฤตด้วยความรู้สึกที่ยังสับสน


“แล้วทำไมไม่บอกให้พี่ไปรับล่ะ” ธนกฤตโอบคนรักแล้วอุ้มข้ามเบาะขึ้นมานั่งบนตักพร้อมกับปรับเลื่อนเบาะไปด้านหลังจนสุด


“ถึงรันจะบอกเลิกพี่....แต่พี่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะเลิกด้วย”


“... ไม่ดี... ไม่ใช่เหรอ... นะ” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงก่อนจะพูดต่อ


“รันบอกเลิก... ทำตัวไม่ดี... ก็ไม่ควรมาแล้ว... แบบนั้น....”


“รันไม่ใช่คนไม่ดีหรอก...แต่รันเป็นคนดีมากต่างหาก”


เหตุผลที่แท้จริงของการขอเลิกรู้อยู่แก่ใจ...ถ้าไม่ใช่เพื่อเขา..เพื่อป๊า คงไม่มีเหตุผลอื่น


“รันไม่อยากให้พี่กับป๊าเสียใจใช่ไหมล่ะ รันคิดว่าจะทำให้พี่เจ็บปวด...ทำให้ป๊าป่วย ทำให้พี่มีปัญหา” เขาดึงศีรษะกลมเล็กให้ซุกแนบอก หัวใจที่เต้นเรียบเรื่อยอบอุ่นขึ้นช้าๆ


“แต่รู้ไหม...ที่รันทำแบบนี้ทำให้พี่เจ็บมากกว่าอีก...”


“ทำไม... ล่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพร้อมทั้งน้ำตา


“การที่รันทิ้งพี่..ขอเลิกกันนั่นล่ะที่ทำให้พี่เจ็บที่สุด” ปลายนิ้วปาดที่ใต้ตาเบาๆพร้อมด้วยจุมพิตซับน้ำตา


“เพราะพี่รักรัน...เกินกว่าจะอยู่คนเดียวได้แล้ว”


“.......... พี่บีม...” ร่างเล็กสวมกอดธนกฤตเอาไว้พลางสะอื้นเบาๆ


“... รักพี่บีม... นะ.... ขอโทษ... แต่พี่ราม... นะ... จะทำ... ยังไง......”


ชายหนุ่มลูบหลังคนรักเบาๆพลางดันร่างให้แนบชิดขึ้นอีกนิด


“เรื่องราม...เดี๋ยวรอให้เขาใจเย็นลงกว่านี้ก่อนแล้วเราค่อยไปหาพร้อมกัน พี่จะไปคุยกับเขา..บอกว่ารักรันมากแค่ไหน พี่เชื่อว่าพี่ชายรันคงกำลังสับสนมากกว่าถึงทำให้รันกลัว รอสักสองสามวัน..มาอยู่กับพี่ก่อนนะครับ”


“.......................... จริง... นะ...” เขาถามซ้ำก่อนจะซุกใบหน้าเช็ดน้ำตาของตัวเอง


“ได้...... เหรอ.....”


“ได้สิ..จะนานแค่ไหนก็ได้นะ” ธนกฤตโอบรอบศีรษะกลมเล็กที่ซุกซบพลางหอมที่กลางศีรษะเบาๆ


...ต่อให้เป็นตลอดชีวิตก็ยังไหว...
 








To be continued...


kagehana :

พี่รามแม่ม.....

หมอกับน้องเลิกกันได้ตอนนึงก็กลับมาเหมือนเดิม ก็คนเขารักกันนี่เน้ออออ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ชื่อตอนนึกว่าจะดราม่ากับรัน โธพี่รามนะพี่ราม
เป็นกำลังใจให้พี่รามสู้กับความรู้สึกตัวเองข่า

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
มาให้กำลังใจพี่ราม
จุบบบบบบบ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โผล้งออกไปจนได้น่ะพี่ราม

ออฟไลน์ full69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-26-








“อืม....” ปลายนิ้วไล่ไปตามซองบะหมี่สำเร็จรูปก่อนจะตัดสินใจหยิบออกมาหนึ่งซอง-- ภายในร้านสะดวกซื้อแถวคอนโดของตัวเอง ธันย์ชนกกำลังหยิบเลือกของเข้าไปใส่ในตู้เย็นของตน



หลังจากหยิบซื้อส่วนที่จำเป็นของตัวเองแล้ว ร่างโปร่งกลับไปยืนหยุดอยู่หน้าตู้เครื่องดื่ม



...เอาแบบไลท์ก็แล้วกัน...



เขาเอื้อมเปิดแล้วหยิบเบียร์ออกมาสามกระป๋อง-- แม้ธันย์ชนกจะไม่ใช่คนดื่มเบียร์ แต่เป็นเพราะตั้งแต่วันนั้น เขาก็ใช้เวลากับราเมนทร์มากขึ้น ทั้งอาหารการกินหรืออะไร ก็เริ่มมีส่วนของอีกฝ่ายมารวมอยู่ด้วย



...จนอดคิดไม่ได้ว่าเหมือนคนรักกันบ้างหรือเปล่า



หลังจากนั้นก็หยิบพวกไส้กรอกมาเพิ่มไว้เป็นกับแกล้มก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน



เสียงท้องฟ้าคำรามจากภายนอกทำให้ธันย์ชนกแหงนขึ้นมอง



...ฝนจะตกอย่างนั้นเหรอ...



ร่างโปร่งหยุดยืนอยู่หน้าคอนโดของตัวเองด้วยความแปลกใจ ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนโอนเอนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นราเมนทร์



“คุณราม-!?” ธันย์ชนกรีบปราดเข้าไปประคองเอาไว้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะล้มลงจริงๆ ด้วยน้ำหนักตัวที่ต่างกันส่งผลให้เขาเองก็ถึงกับเซไปเหมือนกัน



“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามด้วยความเป็นห่วงขณะที่ค่อยๆพาเข้ามาในตัวอาคาร กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยเข้ามาแตะจมูกทำให้ได้คำตอบ



...คงไปดื่มมาล่ะมั้ง...



ราเมนทร์หรี่ดวงตาหนักๆขึ้นเล็กน้อย ในสายตามองเห็นหน้าของธันย์ชนกแบบพร่าเลือน อาการคลื่นเหียนที่จับเป็นระยะเมื่อผสานฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ร่างสูงจำต้องฝากร่างกายอ่อนเปลี้ยไว้กับคนที่ตัวเล็กกว่า



“...ไม่มี...ที่ไหนก็ไม่มี....” น้ำเสียงของคนเมาพึมพำเบาๆก่อนร่างกายจะกระตุกเพราะอาการลำไส้ขย้อน



“อุก...ปวดหัว...จะอ้วก...” พูดจบก็ครางเบาๆออกมา



“เดี๋ยวถึงห้องแล้วนะครับ คุณราม” ปลายนิ้วกดลิฟท์ขึ้นไป ก่อนจะประคองร่างอีกฝ่ายให้พิงไว้กับผนังลิฟท์



ราเมนทร์คว้าแขนของคนที่ยืนอยู่ข้างๆในลิฟท์เข้ามาแล้วโอบรัดร่างเพรียวเข้าสู่อ้อมกอด ในตอนนี้เขาทั้งหนาว...และโดดเดี่ยว ครอบครัวเพียงคนเดียวที่มีอยู่ตนเองก็ทำลายลงไปด้วยคำว่ารักที่ไม่ควรเอ่ย ชายหนุ่มกอดธันย์ชนกด้วยกำลังของคนเมาเท่าที่มีแล้วซุกใบหน้าลงกับไหล่ราวกับเด็กน้อยที่กำลังหาที่พึ่ง



...ขอแค่นิดเดียว...



...แค่ไออุ่นจากร่างกาย...ที่บอกว่าผมไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้...



“คุณธัน...รัน....”



“!? ค-- คุณราม--!” แม้จะตกใจ แต่เขาก็ไม่ได้ผลักออก ท่าทางอ่อนแอของฝ่ายตรงข้ามทำให้เขาค่อยๆยกมือขึ้นลูบศีรษะของราเมนทร์เบาๆ



...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...



...แต่ถ้าพึ่งผมได้...



...ผมก็ยินดีครับ...

 

 








เพราะว่าไม่สะดวกที่จะพาเข้าห้องของเจ้าตัว ธันย์ชนกจึงพาอีกฝ่ายเข้าห้องของตัวเองแทน ถุงของที่ซื้อมาถูกวางทิ้งไว้ตรงข้างประตูก่อนที่ชายหนุ่มเจ้าของห้องจะพาคนเมาไปนั่งที่โซฟาในห้อง



“เดี๋ยวผมเอาชามาให้นะครับ” ร่างเพรียวรีบหมุนตัวเข้าไปในครัวพลางกดน้ำร้อนลงใส่ถุงชาในแก้ว จากนั้นหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาบิดในน้ำเย็นให้หมาดๆแล้วหยิบเดินมาหาพร้อมกัน



“คุณราม... เช็ดหน้าก่อนนะครับ” มือที่ถือผ้ายื่นไปแตะเบาๆบนใบหน้าของอีกฝ่าย



สัมผัสที่แม้จะนุ่มนวลกว่าทุกครั้งแต่เพราะความเย็นของผ้า..ชายหนุ่มจึงยอมรับมันแต่โดยดี เขารู้สึกถึงผ้าชื้นๆที่เช็ดตามใบหน้าและลำคอ นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาลืมขึ้นครึ่งหนึ่งแลเห็นเส้นผมสีอ่อนจางที่ขยับไปมา



...รัน...



“รัน...พี่ขอโทษ...พี่ขอโทษ...” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆแล้วดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด



“อย่าไปไหนนะ...อยู่ด้วยกัน....”



“ค-- คุณราม?? ผมธันนะครับ” พอถูกกอดไว้แบบนั้นก็ทำให้ขยับไม่สะดวกนัก ถึงจะสนิทกันขึ้นแต่พอถูกกอดเอาไว้แบบนี้ ก็ทำเอารู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที แม้จะบอกว่าไม่ควรถือสาคนเมาแต่ธันย์ชนกก็ยกมือขึ้นดันอีกฝ่ายออกเบาๆ



“แบบนี้เช็ดไม่สะดวกนะครับ...”



แรงต่อต้านของคนในอ้อมกอดทำให้คนที่ถูกฤทธิ์เหล้าที่กินไปถึงกับชะงักงัน



หลังจากที่รัญชน์หนีออกไปจากคอนโด ชายหนุ่มก็ออกตามหาในทุกๆที่ที่คิดว่าคนตัวเล็กจะไป เวลาหลายต่อหลายชั่วโมงถูกใช้ทั้งบนท้องถนนและการเดินเท้า โทรศัพท์ที่เฝ้าโทรมีเพียงเสียงสัญญาณว่างแต่ไร้การรับสาย ราเมนทร์หยุดพักที่ผับแห่งหนึ่งในย่านใกล้ๆคอนโด... เดิมทีเขาคิดเพียงจะสั่งเครื่องดื่มมาให้พอสดชื่น แต่เพราะบรรยากาศและความทุกข์ จากแก้วที่หนึ่งก็เริ่มสู่แก้วที่สอง... จนสุดท้ายจบลงที่แก้วเท่าไรไม่อาจนับได้ เขาพาตัวเองขึ้นแท็กซี่ที่เรียกจากหน้าร้านเพื่อมาดูที่คอนโดอีกครั้ง



...รัญชน์...



“พี่มันไม่ดีใช่ไหม...พี่ทำให้รัน...กลัว...แต่ว่า...” สองมือที่โอบกอดรัดแน่นขึ้นก่อนจะลูบแผ่นหลังบอบบางช้าๆ



“พี่รักรัน...”



เพราะเป็นเพียงแค่ฝันดี...ชายหนุ่มจึงกล้าทำทุกอย่างตามใจตนเอง



...เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเพียงฝัน...



...รัญชน์ไม่มีทางมาอยู่ตรงนี้ได้...



คำบอกรักที่หลุดออกมาทำให้ร่างโปร่งถึงกับนิ่งไป



...รักรัน...?



เป็นคำที่ได้ยินไม่ผิดเพี้ยน และไม่คิดว่าตัวเองกำลังคิดอะไรเกินเลยไปสักนิด ถ้าให้ลองปะติดปะต่อเรื่องราวดูก็ทำได้ไม่ยากเย็นเลย ราเมนทร์เอาตัวมาสนิทสนมกับเขาในช่วงที่ผ่านมา



...ตั้งแต่รัญชน์เริ่มมีแฟน



แบบนี้แล้วไม่ต่างอะไรกับเป็นแค่ตัวแทนความเหงาเท่านั้น-- ความรู้สึกวูบโหวงในจิตใจคล้ายกับถูกเจาะเป็นรูกว้าง



“... คุณรามครับ” เขาเรียกสติอีกคนพลางใช้มือสองข้างพยายามดันออก ทั้งที่รู้สึกเจ็บลึกอยู่ข้างใน



...ความรักที่ไม่มีวันได้คืน



“ไม่...อย่าเรียกว่าคุณ...ไม่นะ” เพราะร่างในอ้อมกอดกำลังจะหายไปอีกครั้ง ราเมนทร์จึงกอดไว้แน่นขึ้นแล้วบดเบียดยัดเยียดจุมพิตอันปวดร้าว



แม้ว่าจะสมจริงเท่าไร... แต่นี่คือความฝันเท่านั้น



ข้างนอกที่เคยสงบนิ่งในครานี้กลับก่อกลุ่มเมฆดำมืดเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าผ่าดังลั่นและไม่กี่วินาทีฝนก็เทกระหน่ำราวกับใครสักคนบนฟ้าปลดปล่อยมันออกมา สายฝนเกรี้ยวกราดโหมกระหน่ำจนไร้แสงสว่าง สายลมที่ราวกับพายุพัดพาความรู้สึกของคนอ้างว้างให้ยิ่งรุนแรง



...เพราะรัก...



...จึงต้องการ...



“ทำไมเราต้องเป็น... พี่น้อง... ทำไมพี่ต้อง...รัก”



เสียงฟ้าผ่า แรงกอดที่ไม่อาจต่อต้านได้ จุมพิตรุนแรงที่ถูกบังคับทำให้ร่างกายสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แว่นกรอบหนาเลื่อนหลุดลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ตัว



“ผม... ธัน... นะครับ” แม้เรี่ยวแรงถูกดึงหาย แต่ธันย์ชนกก็ยังหวังจะเรียกสติของอีกคนให้คืนมา



“รัน...รัน...” คนที่หลงมัวเมาในสิ่งที่คิดว่าเป็นเพียงความฝันร้องเรียกชื่อคนที่รักสุดหัวใจออกมาด้วยเสียงทุ้มพร่า



...ฝันที่ราวกับความจริง...



แม้กระทั่งอุ่นไอของร่างกายที่ถ่ายทอดยังเป็นความรู้สึกถึงชีวิต ราเมนทร์ลูบบนใบหน้าขาวที่มองเห็นไม่ชัดก่อนจะจูบอีกครั้งด้วยริมฝีปากอันหนักหน่วง



“อย่าร้อง..นะ...ขอโทษ..”



“??!!! คุณราม!!??? ป... ปล่อยผม-- ครับ” น้ำตาไร้ที่มาหลั่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว มือสองข้างปัดป้องอีกฝ่ายออกอย่างไร้ผล



ร่างสูงกดบ่าเล็กลงกับพื้นก่อนจะซุกไซร้ใบหน้าเข้ากับลำคอเรียว วูบหนึ่งเขารู้สึกถึงกลิ่นหอมจางที่แตกต่างจากทุกครั้ง แต่เพราะดวงตายังคงจดจำภาพใบหน้าของน้องชายและเรือนผมสีจาง ความฝันสมจริงจึงไม่สามารถหยุดได้



...ขอแค่ในฝัน...



...แค่เท่านี้...



“ไม่..แค่ฝัน...ก็ไม่ได้..ใช่ไหม...”



เสียงฟ้าร้องจากข้างนอกดังลั่นจนสั่นสะเทือนถึงตึก ไฟฟ้าที่เคยสว่างจ้าดับวูบลงปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในความมืดที่ได้ยินเพียงเสียงฝนและลมหายใจ


“รักรัน... ไม่ได้ใช่ไหม...”



ยิ่งอีกฝ่ายรุกรานเข้ามา เขายิ่งรู้สึกหวาดกลัว ภายในความมืดที่ไม่อาจมองเห็นสีหน้าของราเมนทร์ กลับมองเห็นภาพของคนอื่นซ้อนทับมา



“ปล่อย.... ครับ....” น้ำเสียงสั่นพร่าเอ่ยขอ ซ้ำยังพยายามขยับร่างกายหนี



...หวาดกลัว



...ไม่เหมือนราเมนทร์ที่เคยรู้จัก



...ไม่เหมือนผู้ชายอบอุ่นที่หลงรัก



เสียงหวาดกลัวของคนที่อยู่เบื้องล่างมิได้เรียกสติของชายหนุ่มที่อยู่ด้านบนเลยสักนิก ราเมนทร์ปล่อยตัวเองไปกับสิ่งที่คิดว่าเป็นเพียงฝัน ร่างสูงใหญ่กดลงแนบชิดพร้อมกับถอดสิ่งที่คนตรงหน้าสวมใส่



“...รัก...รันนะ...”



...เกลียดความจริงที่ต้องเผชิญ...



...จนอยากอยู่กับความฝันตราบนานเท่านาน...



“ไม่เอา... ปล่อย... นะครับ” ถ้อยคำบอกรักที่เหมือนกับมีดกรีดลงบนหัวใจขับให้น้ำตาไหลออกมาหนักขึ้น นอกจากจะกลายเป็นความรักที่ไม่สมหวัง ซ้ำยังต้องกลายเป็นเพียงตัวแทนยิ่งทำให้เจ็บปวด



ทันทีที่ฝ่ามือร้อนผ่าวทาบลงบนผิวเนื้อเปล่าเปลือย ร่างทั้งร่างก็สั่นเทิ้มขึ้นมาอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวจากซอกลึกของจิตใจ



“ปล่อย.....”



“ไม่....แค่ฝัน..ยังไม่ได้...เหรอ” ราเมนทร์ถามเสียงแผ่วหากแต่มือหนายังคงลูบไล้ตามแผ่นอกเปล่าเปลือย มือหนึ่งตรึงข้อมือทั้งสองข้างก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงขบเม้มผิวอ่อนนุ่ม กลิ่นกายหอมหวานตลบอบอวลอยู่ในห้วงฝันแสนหวาน



“ทำไมล่ะ...ทำไมถึงรัก...ไม่ได้”



“ผม... ไม่ใช่รัน... ครับ.....” ยิ่งพูดออกมา น้ำเสียงที่ฟังยิ่งดูเจ็บปวดยามปนกับเสียงสะอื้น ข้อมือที่ถูกรวบไว้ขยับไม่ได้ราวกับถูกคีมเหล็กล็อค สัมผัสจากริมฝีปากทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวพอๆกับร้อนรุ่ม



“ปล่อยผม--!!? อึก....”



ริมฝีปากดุดันหยุดไปครู่หนึ่ง ราเมนทร์หยุดฟังเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัว



...เป็นฝันที่คล้ายกับความจริง...



หากแต่สุดท้ายเขากลับทำตามที่หัวใจเรียกร้อง



...แต่ยังไงมันก็แค่ความฝัน...



...เพราะรัญชน์ตัวจริงไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว...



ธันย์ชนกได้แต่ร้องห้ามตามความรู้สึกหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นจากก้นบึ้งของจิตใจ ทว่าเสียงที่เปล่งออกมากลับฟังแผ่วเบาและแหบพร่า



“ขอร้อง... ล่ะครับ....”



คนที่ไร้การควบคุมและยึดมั่นว่านี่เป็นความฝันซึ่งเกิดจากความต้องการอย่างสุดซึ้งไม่แม้แต่จะฟังเสียง ร่างสูงอาศัยร่างกายที่ใหญ่กว่ากดทับแล้วแนบกายเข้าหาอย่างคนที่หิวกระหายในรัก ท่อนล่างถูกปลดเปลื้องออกรวดเร็วพอๆกับที่ปลุกเร้าให้คนที่อยู่เบื้องล่าง ราเมนทร์สอดปลายนิ้วเข้าที่ช่องทางเบื้องหลัง...และแม้ว่าคนในอ้อมกอดจะดิ้นรนเท่าไร ก็ไม่มีทางสู้แรงได้



...ถ้าหากต้องเสียไป...



...ขอให้เกลียดกันไปเลยดีกว่า...



“... อึก-! ปล่อย.... อ... บอล... ปล่อย” ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ใช่ราเมนทร์ที่รู้จักสนิทสนมอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นภาพของผู้ชายที่เรียกว่าแฟนเก่าของตัวเอง



“ไม่ร้องนะ...คนเก่ง...ของพี่” เสียงสั่นเครือและหยาดน้ำตาทำให้เสียงสั่นๆพูดออกมาเบาๆก่อนที่ราเมนทร์จะเลื่อนขึ้นไปจูบที่เปลือกตา



...ขอโทษ...



...ขอโทษที่รักรัน...



แม้ปากจะพูดปลอบแต่ความรุ่มร้อนในกายกลับสวนทาง ราเมนทร์จับเรียวขาเปล่าเปลือยให้แยกออกกว้างก่อนจะดึงปลายนิ้วออก



ส่วนรุ่มร้อนที่ตื่นตัวเต็มที่สอดแทรกเข้าสู่ภายในพร้อมๆกับเสียงร้องที่ดังขึ้นท่ามกลางเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น



สายฝนที่บ้าคลั่งโหมกระหน่ำท่ามกลางความมืดมิด ลมพายุจากฟากฟ้าพัดกระพือเร่งสายฝนให้โปรยปรายมิได้หยุดหย่อน พระจันทร์สีนวลถูกบดบังด้วยเมฆครึ้ม



....ที่ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะหายไป...

 

 










“..... ขอบคุณนะ... พี่บีม” ร่างเล็กพูดขึ้นมาเบาๆขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของร่างสูง



“ขอบคุณอะไร?” คนที่แบ่งอกให้พิงเอ่ยถามเบาๆ เขาใช้ปลายนิ้วเขี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าเล็กออกแล้วก้มลงมาใกล้



“ที่... รักรัน... ขนาดนี้” เขาตอบเบาๆพลางจิ้มปลายนิ้วลงที่ปลายคางของอีกฝ่าย



“ไม่ใช่หรอก...” ชายหนุ่มก้มลงหอมปลายนิ้วเล็กๆก่อนจะเงยหน้าสบตากับดวงตาสีน้ำตาลเทาแสนสวย



“เพราะรันรักพี่มาก...เลยทำให้พี่รักรันขนาดนี้”



ถ้าจะมีเหตุผลใดที่ทำให้ผู้ชายปกติอย่างเขาหันมามีความรักกับเพศเดียวกัน...เหตุผลนั้นคงเป็นเพราะรักที่อีกฝ่ายส่งมาถึง



“เมื่อก่อน... นะ... ตอนรันมีแฟนคนแรก.... รันไม่ได้บอกพี่.... ก็เลยทะเลาะกันบ่อย... นะ”



“แฟนคนแรก...ตอนไหนเหรอ” ธนกฤตไม่ได้เป็นห่วงเรื่องพี่ชายขี้หวงทะเลาะกับน้อง แต่เพราะเรื่องแฟนคนแรกของคนรัก..จึงทำให้แอบสนใจอยู่ไม่น้อย



“แล้ว...ผู้หญิงหรือผู้ชาย...”



...พอคิดว่าอาจจะเคยสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ...



...ก็อดหึงขึ้นมาไม่ได้...



“ผู้ชาย... ถ่ายแบบด้วยกันนะ... ตอนนั้นรักกันมาก.... ชื่อเอริค... เป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส... นะ...” เขาตอบเบาๆยามนึกถึงใบหน้าคนรักเก่า



“แล้ว...รักพี่มากกว่าหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามต่อแทบจะทันที ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง...ในเมื่อหึงก็ต้องแสดงออก



...ก็ใครใช้ให้คนตัวเล็กในอ้อมกอดนั่งยิ้มเล็กยิ้มใหญ่ตอนนึกถึงแฟนเก่าล่ะ...



“รักพี่บีมมากกว่า” คนตอบยิ้มให้จางๆก่อนจะเบียดตัวเข้าหาไออุ่น



“เอริคว่านะ... ว่ารันไม่รัก เพราะรันติดพี่นะ แล้วก็ไม่ยอมบอกพี่ว่ามีแฟนนะ... แบบนั้น... ก็เลยไม่พอใจ”



บอกตามตรง...ถ้าเขาเป็นเอริคอะไรนั่นก็คงอดคิดแบบนั้นไม่ได้ คนรักที่ไม่ยอมบอกว่าคบกันกับครอบครัวแถมยังติดพี่ชายอีกต่างหาก



“แล้วรันกับเอริคคบกันนานไหม...กว่าจะเลิก”



“..... ก็........ เกือบสองปีนะ ตอนรันไปถ่ายแบบที่ฝรั่งเศส เลยได้เจอกันนะ... ตอนนั้น... รันอายุ14... จะ15... นะ” รัญชน์ขยับปลายนิ้วเขี่ยไปมาเบาๆตามลาดไหล่กว้าง



สิบสี่สิบห้า...นั่นมันยังเด็กอยู่เลยไม่ใช่หรือไง



“...ตั้งสองปีแน่ะ...” ธนกฤตบ่นพึมพำเบาๆแล้วคว้ามือเล็กซุกซนขึ้นมาจับ ชายหนุ่มดึงคนตัวเล็กเข้ามาหาแล้วจูบเบาๆที่ริมฝีปากสีสวย



“เพราะพี่ชายรันก็เลยทะเลาะกันบ่อยสินะ...ไม่สิ แสดงว่าเอริคก็ต้องเกาะแกะรันให้เห็นด้วยแหงๆ”



“อืม... ก็สนิทกันนะ” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองพลางตอบคำถามแบบไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก



“ตกลงเขาสอนอะไรมามั่งเนี่ย” น้ำเสียงทุ้มเริ่มฉายแววขัดใจกับคำตอบที่เหมือนตอบแบบขอไปทีของคนรัก ธนกฤตจับคนตัวเล็กที่นั่งอิงแอบอยู่มาให้นั่งตรงหน้าแล้วสบตากัน



“มาเล่นเกมผลัดกันถามกันไหม....กติกาคือ พี่ถามอะไรตัวเล็กก็ได้และตัวเล็กก็ถามอะไรพี่ก็ได้เหมือนกัน ห้ามโกหกนะ ห้ามงอแงไม่ตอบด้วย”



“สอน? เหมือนบอกอะไรมั่งอะเหรอ?” เด็กหนุ่มทำท่าคิดก่อนจะเอ่ยต่อ



“ก็... French kissนะ... หมดแหละ.... But we didn't have sex....”



“...แล้วไอ้ทั้งหมดนั่นมันแค่ไหนล่ะ” ธนกฤตเริ่มขี้โกงด้วยการถามต่อทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้คนรักได้เฉลียวใจ



“จูบ กอด...แล้วอะไรอีก”



“ก็.... หมด..... ว่าเป็นแฟนกันทำอะไรนะ... ก็ชอบผู้ชายนี่นะ...” เพราะว่าไม่ค่อยเข้าใจจุดมุ่งหมายของคำถามเท่าไหร่ จึงตอบออกไปเท่าที่คิดว่าจำเป็น



คราวนี้คนถามเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา... รู้ดีว่าคนขี้หึงไม่น่ารัก แต่การที่คนรักของเขามานั่งรำลึกความหลังว่าเคยทำอะไรมาบ้าง...แม้จะเป็นคนถามเองก็ยังหึงอยู่ดี



“....เอริคอะไรนี่ดีเนอะ ได้ทั้งจูบแรกได้ทั้งกอดรันก่อนพี่...”



“.....” คนตัวเล็กอ้าปากงับต้นแขนอีกฝ่ายเบาๆแล้วพูดต่อ



“คุณน้ำอะไรนั่นก็ดีเหมือนกันนะ... คุณแนนอะไรนั่นก็ด้วย... ได้..... ความรัก.... จากพี่บีมก่อนรันนะ”



“งับอีกแล้ว เดี๋ยวเถอะ...” ธนกฤตใช้ริมฝีปากงับที่ใบหูบางๆนั้นบ้าง



“หึงหรือไง...ตัวเล็กคนดี”



“อือ....... ก็พูดเหมือนพี่บีมพูดถึงเอริคไงนะ...” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานจางๆก่อนจะหลับตาลง



“แค่เอาคืน.... นะ”



“เฮ้ย พี่ไม่ได้หึงนะ แค่ถามดูเฉยๆไง” คนขี้หึงปากแข็งยืนยันในสิ่งที่ตรงข้ามความจริง



ธนกฤตรับร่างคนตัวเล็กมาให้พักพิง เขากอดหลวมๆห่อห่มคนรักไว้ด้วยร่างกายตนเอง



“ก็พี่กลัวนี่นา...ว่าตัวเล็กจะรักคนอื่นมากกว่าพี่”



คนได้ฟังถึงกับยิ้มหวานออกมาแล้วใช้วงแขนสองข้างโอบกอดรอบเอสอีกฝ่ายเอาไว้จนแน่น



“ถ้าไม่ได้รัก... รันไม่บอกพี่รามหรอกนะ.....”



“....ถ้าพี่ไม่ได้รักรัน...พี่ก็คงไม่บอกป๊าเหมือนกัน...” พอนึกถึงคนเป็นพ่อ น้ำเสียงก็เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง



“ป๊าเป็นคนใจดี...พี่เชื่อว่าป๊าไม่ได้รังเกียจรันหรอกนะ แต่ป๊าแค่ยังทำใจไม่ได้” พูดไป ชายหนุ่มกลับรู้สึกถึงแรงรัดที่น้อยลงจนเหมือนจะปล่อยมือออก แขนสองข้างจึงรั้งร่างบอบบางเข้าหา



“แต่พี่จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ...ตัวเล็กเองก็ด้วย อย่าบอกเลิกพี่อีกนะ....”



“....... Ok-- I promise” รัญชน์เอ่ยตอบเสียงบางเบาพลางซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างอีกครั้ง



“Just, don't stop loving me.”



“ไม่มีวันอยู่แล้ว” เสียงทุ่มต่ำตอบรับด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน



...ไม่มีวันที่จะไม่รัก...



...เพราะหัวใจมอบให้ทั้งหมดแล้ว...













To be continued...






kagehana : ข้างบนไฝว้ดราม่ากันแทบเป็นแทบตาย ข้างล่างดราม่าเหมือนกันแต่รักกันจุ๋งจิ๋ง ฮืออออออ พี่ธันของเค้า
:hao5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สงสารธัน :hao5: เป็นแผลอีกแล้ว

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
นี่คือนิยายดีๆอีกเรื่องนึงเลยครับ
แต่งได้ดีมากๆเลย
น่าติดตามอ่าน ลื่นไหลมากคับ
หลงเข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียวเลยยย
แอบงงนิดหน่อย
ไม่ค่อยมีคนเม้นต์
คนแต่งสู้ๆนะครับ
นิยายดีๆ เดี๋ยวจะต้องมีคนมาอ่านเพิ่ม
เชื่อผมๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ละคุณธันจะเกลียดรามมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ว้าวววว เพิ่งได้อ่านฮะ
น่าติดตามมาก สู้ๆนะคนเขียน o13

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1






-27-










...ปวดหัวชะมัด...



ความรู้สึกแรกที่พุ่งเข้ามาหลังจากรู้สึกตัวในยามเช้าคืออาการปวดหัวจนแทบไม่อยากลืมตา ราเมนทร์ฝืนตัวเองค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ



นัยน์ตาสีน้ำตาลเทากวาดไปรอบห้อง แต่ก่อนที่จะเห็นอะไร... ความรู้สึกอุ่นนุ่มที่อยู่ในอ้อมแขนก็เรียกความสนใจขึ้นมาก่อน



...อบอุ่น… เหมือนผิวกายที่แนบชิด...



ร่างสูงมองกลุ่มผมสีอ่อนที่หนุนอยู่บนท่อนแขน ลาดไหล่เปล่าเปลือยคู้งออย่างน่าสงสาร คนมองใจหายวาบ... สายตาที่ชัดเจนมองไปเบื้องล่างของทั้งตนเองและอีกคนที่เปล่าเปลือยแนบชิด ร่างกายแข็งทื่อค่อยๆคลายออกเชื่องช้า



..คุณธัน...



อย่าบอกนะว่า....



“.......คุณ...ธัน....” ในความฝันเมื่อคืน รัญชน์เป็นคนที่อยู่ในอ้อมกอด แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นอีกคนที่ถูกเขาทำร้าย



เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาปลุกให้อีกคนค่อยๆลืมตาขึ้นมา เมื่อพบกับสายตาของราเมนทร์ที่จ้องมองมาก็รู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นสาด



...เพราะจำทุกอย่างได้แม่นยำ ความรักที่บิดเบี้ยวของอีกฝ่ายที่มีให้น้องชายถูกระบายลงกับตัวเอง



ชายหนุ่มร่างบางปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งก่อนจะขยับตัวขึ้นหนีจากอ้อมกอดอบอุ่นนั้น



...เพราะมันไม่ได้มีไว้สำหรับเขา



“... ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ...”



“ด— เดี๋ยวครับคุณธัน” ราเมนทร์มองใบหน้าเฉยชาของธันย์ชนก ความรู้สึกผิดกระจายตัวไหลสู่ทั้งร่างจนไม่รู้จะทำอย่างไร



“ผม...ผม...” เพราะไม่รู้จะพูดอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงทำได้เพียงรั้งข้อมือของคนตรงหน้าไว้



...กลับมาเป็นคนเดิมแล้ว...



...คุณที่ใจดีอ่อนโยน...



“... ครับ” เขารับคำสั้นๆพลางมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง— หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้ามองหน้าราเมนทร์ตรงๆแบบนี้ด้วยซ้ำ



“ผม... ขอโทษ” เพราะแววตาที่มองกลับทำให้หัวสมองที่ว่างเปล่าเริ่มสงบลง ราเมนทร์แอบไล่สายตาดูเรือนกายขาวที่แต่งแต้มด้วยรอยจุมพิตแทบจะทั้งร่าง ท่อนขาเรียวที่อยู่ในท่าคุกเข่ามีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากด้านหลังตามผิวละเอียด...ก่อนจะหยดลงสู่พื้นพรมยับย่นบนพื้น



ราเมนทร์มองย้อนกลับที่ดวงตานิ่งเฉยซึ่งเก็บซ่อนความรู้สึกอยู่ข้างใต้ ในใจพลันนึกสงสารและเสียใจในสิ่งเลวร้ายที่ทำลงไป



“ขอโทษจริงๆ...คุณธัน” ร่างสูงยืดตัวขึ้นแล้วโอบกอดร่างเพรียวตรงหน้า



มือสองข้างของธันย์ชนกรีบยกขึ้นดันอีกฝ่ายออก



“ไม่เป็นไรครับ...” ธันย์ชนกตอบเสียงเรียบพลางออกแรงดันราเมนทร์ออกให้มากขึ้น



“ผมจะไปอาบน้ำแล้ว...”



“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า...” นอกจากจะไม่ยอมถอยตามที่อีกฝ่ายดันแล้ว ราเมนทร์ยังรั้งธันย์ชนกให้ลงมานั่งในตักด้วย เขาโอบกอดคนที่ถูกทำร้ายเบาๆแล้วซบใบหน้าลงกับลาดไหล่นวล



...ผมขอโทษ...



...ทั้งที่รู้สึกดีกันแท้ๆ..แต่ผมกลับทำร้ายคุณได้...



“...ผม....ขอโทษ...ที่ทำร้ายคุณ...”



“ผมก็... บอกแล้วไงครับ... ว่าไม่เป็นไร” ชายหนุ่มอายุมากกว่ายังคงน้ำเสียงราบเรียบเอาไว้ยามเอ่ยตอบ



“คุณธัน... อย่าทำอย่างนี้...” เพราะแววตาแตกสลายที่อีกฝ่ายพยายามซ่อนไว้ทำให้ร่างสูงไม่คิดจะปล่อยมือ



“จะโกรธ... จะทำร้ายผมก็ได้... อย่าทำเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น..”



“........ ก็มันไม่เป็นไรครับ... คุณเมา... ก็แค่นั้น” ชายหนุ่มยังคงยืนยันเช่นนั้น



“ใช่ผมเมา... แต่ก็อย่างที่คุณเห็น ผมมีอะไรกับคุณ..ผมข่มขืนคุณ...” ท้ายประโยคเงียบไปเพราะทันทีที่พูดคำว่าข่มขืน ร่างในอ้อมกอดกลับสั่นจนรู้สึกได้



“ขอโทษ...คุณธัน....ใจเย็นๆนะ” มือที่โอบกอดเปลี่ยนเป็นลูบศีรษะทุยได้รูปที่เส้นผมยับยุ่งเบาๆ



...อย่าเย็นชากับผม...



...อย่าให้อภัยผม...



“... แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงครับ ร้องไห้ฟูมฟายเรียกร้องให้รับผิดชอบแบบผู้หญิงเหรอครับ” ธันย์ชนกไม่ได้ตั้งใจจะประชดด้วยคำพูด หากแต่เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมาทำแบบนี้



คำพูดของคนตรงหน้าราวกับค้อนอันมหึมาที่ตอกซ้ำลงบนศีรษะ ราเมนทร์ปล่อยตัวธันย์ชนกออกจากอ้อมกอดหากแต่ดวงตายังมองสบเข้าไปข้างใน



“ไม่ต้องอย่างนั้นก็ได้ครับ...แต่ผมจะรับผิดชอบ”



...รับผิดชอบที่ทำให้คุณเสียใจ...



...รับผิดชอบที่คิดว่าคุณเป็นตัวแทนใคร...



“รับผิดชอบทำไมครับ... ผมบอกว่าไม่เป็นไร” เขายังคงตอบเสียงเรียบนิ่งทั้งที่รู้สึกหวั่นไหว-- เพราะไม่อยากจะเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยว



แต่ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือเขายังรู้สึกกับอีกฝ่ายเหมือนเดิม แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ยังรัก



“ขอโทษครับ” คำพูดที่ไม่รู้พูดออกมาเป็นครั้งที่เท่าไรทั้งกับธันย์ชนก... และรัญชน์



“ผมไม่นึกว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ผมเมามาก... แต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะอ้างได้ เพราะยังไงสิ่งที่ผมทำลงไปกับคุณก็ควรรับผิดชอบ”



นัยน์ตาสีสวยมองด้วยสายตาขอโทษ



“มันไม่ใช่แค่คำว่าไม่เป็นไร...แล้วมันจะจบนะ..คุณธัน...”



“... แล้วคุณ... จะเอาอะไรครับ... ผมมีสิทธิ์ที่จะไม่ต้องการอะไรจริงไหม” ธันย์ชนกแค่นยิ้มจางๆ



“คุณธัน.....คบกับผมนะครับ” ชายหนุ่มจับมือเรียวที่กำเข้าหามาจับไว้



“มันอาจจะเป็นเรื่องโง่ๆที่ขอร้องคุณอย่างนี้ แต่อย่างน้อยที่สุด...ผมจะไม่ทอดทิ้งคุณแน่นอน”



คำที่หลุดออกมาจากริมฝีปากฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทำให้รู้สึกดีอย่างที่ควรจะเป็น



...เพราะรู้ว่าในหัวใจอีกฝ่ายนั้นมีที่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง



“ไม่ต้อง... หรอกครับ ไม่เป็นไร...”



“คุณธัน.....” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมตกลง ราเมนทร์จึงหยุดพูดแล้วค่อยๆลุกขึ้น



เพราะเรื่องราวยังสดใหม่เกินไป... เพราะกำแพงน้ำแข็งที่ถูกก่อไว้มันเย็นจนเจ็บหัวใจ



“ถ้างั้น..แค่ตอนนี้...ให้ผมพาคุณไปอาบน้ำได้ไหม”



...สุดท้าย...



...เขาก็ต้องใจอ่อนกับสายตาอ่อนโยนนั่น...



“........ ครับ...” ชายหนุ่มนักเขียนเอ่ยตอบเสียงแผ่ว



...เอาไงดีวะ...



พออีกฝ่ายตกลงง่ายๆ คนที่ถามเลยย้อนกลับมาที่ตัวเอง... ว่าจะอาบให้ยังไง



ถึงจะสนิทสนมแต่ไม่เคยถึงขั้นอาบให้ ยิ่งบวกไปกับความกระอักกระอ่วนในเรื่องที่เพิ่งทำไปหมาดๆยิ่งส่งผลให้ร่างสูงทำได้เพียงยื่นมือมาให้



“เดินไหวไหมครับ”



“.... ไหวครับ” ถึงปากจะพูดว่าไหว แต่เขากลับเอื้อมมาจับมือข้างนั้นเอาไว้



...อย่างน้อยความอ่อนโยนในตอนนี้...



...คุณก็มอบให้ผม...



ราเมนทร์ประคองร่างเพรียวให้ลุกขึ้นช้าๆ ร่างกายเปล่าเปลือยของธันย์ชนกถูกแสงแดดยามเช้าโอบล้อมไว้ลางๆ พอยิ่งไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ความเปราะบางของชายหนุ่มตรงหน้าก็ราวกับจะเพิ่มมากขึ้น



...ราวกับแก้วสีสวยที่ร้าวจากภายใน...



...แม้ไม่แสดงให้เห็นแต่ก็สามารถแตกได้ในวันนึง...

 

 














หลังจากอาบน้ำเสร็จ ธันย์ชนกค่อยๆก้มลงหยิบเอาของที่ซื้อมาเมื่อวานจัดใส่ตู้เย็นเงียบๆโดยไม่พูดอะไร



ราเมนทร์ที่ยังอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวมีน้ำหยดพราวเต็มแผ่นอกแข็งแรงเดินเข้าไปหาเงียบๆ มือเย็นฉ่ำแตะลงข้างแก้มขาวเบาๆ



“คุณธันไปนอนเถอะ เดี๋ยวผมเก็บเอง”



“... ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มเอียงใบหน้าหลบจากสัมผัสเย็นๆนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนที่จะหลบสายตาอีกฝ่าย



“เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว...”



ของในถุงนั้นมีจำพวกอาหารสำเร็จรูปและอาหารสดในถุงซีลที่อุ่นได้ จากการที่เขาพาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆธันย์ชนกในช่วงหลังๆทำให้เขารู้วิธีกินอยู่ของชายหนุ่มมากขึ้น ธันย์ชนกรักที่จะกินอาหารสำเร็จรูปหรือทำอาหารง่ายๆกินเองมากกว่าจะไปกินข้างนอก หลายต่อหลายครั้งเขาก็มาฝากท้องที่นี่ พออยู่ด้วยกันแล้วยิ่งคุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆจนเขาพอจะลืมความเหงาได้บ้าง



ชายหนุ่มมองมือเรียวที่หยิบกระป๋องสีอ่อนๆออกมาไว้ข้างกายแล้วก้มหน้าก้มตาหาที่ว่างเพื่อจัดวางมัน



...เบียร์..แถมเป็นแบบไลท์...



ร่างสูงย่อตัวลงนั่งข้างๆแล้วคว้าร่างเพรียวเข้ามากอดแนบแน่น



ธันย์ชนกที่ไม่นิยมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดกลับซื้อเบียร์มาติดตู้เย็น...ถ้าไม่ใช่เพื่อเขาแล้วจะเพื่อใคร...



...ทั้งที่ผมทำร้ายคุณมากขนาดนี้...



“ขอโทษนะคุณธัน...”



คำขอโทษรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้คล้ายกับจะพยายามละลายน้ำแข็งที่สร้างไว้ป้องกันตัวเอง



“... พอ... เถอะครับ”



“ขอบคุณนะครับ....” คำพูดเบาๆกระซิบที่ข้างหู ราเมนทร์กอดธันย์ชนกแน่นขึ้นแล้วเอาคางเกยไหล่



“ทำไมคุณธันถึงดีกับผมขนาดนี้นะ”



“..... คุณ... ต้องถามผมด้วยเหรอครับ” มือสองข้างขยับดันอีกฝ่ายออกเบาๆ



“ผมอยู่คนเดียว ไม่มีใคร... ก็แค่นั้น”



ราเมนทร์ปล่อยมือออกแล้วลุกขึ้นยืน เขายิ้มจางๆให้อีกครั้ง



“ผมชอบคุณนะ”



...ถ้าผมรักคุณจะดีแค่ไหน...



...แต่คุณรักรัน...



ความจริงที่แทงใจไม่ได้ถูกเอ่ยออกไป ธันย์ชนกหลับตาลงโดยที่ไม่ตอบรับอะไร-- เขาควรจะใช้โอกาสนี้ให้ได้อยู่ข้างๆไหม



...เหมือนคนบ้าที่ถูกทำร้ายขนาดนี้ก็ยังอยากให้อภัย



“... เหรอครับ” เขาถามกลับเสียงเบา



“ผมชอบคุณมากกว่าที่ผมคิดซะอีก... ผมไม่ได้พูดให้ตัวเองดูดีขึ้นหรือลบล้างความผิดอะไร... แต่ที่ผมชอบคุณเพราะอยู่ด้วยแล้วมันสงบอย่างบอกไม่ถูก”



“..... อย่างนั้น... เหรอครับ...” ถ้อยคำว่าชอบที่อีกฝ่ายพูดออกมาทำให้อดไม่ได้ที่จะคลางแคลงในใจ-- เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายไม่เคยมีท่าทีอะไรด้วยซ้ำ



“ไม่ได้โกหกครับ” ราเมนทร์พูดตอบ การที่พาตัวเองมาอยู่ใกล้กับคนที่รู้ว่ารู้สึกอย่างไรกับเรา... ถ้าไม่ได้มีใจให้บ้างคงไม่ทำเช่นนี้



เขาชอบบรรยากาศของการอยู่ร่วมกับธันย์ชนก ชอบช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างทำอะไรเงียบๆแล้วเงยหน้ามาสบตากันพอดี ชอบรอยยิ้มเขินๆของคนอายุมากกว่า... ชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ



“ถ้าคุณไม่เชื่อ จากนี้ไปผมจะใช้เวลาอยู่กับคุณให้มากขึ้นดีไหม”



ธันย์ชนกลังเลที่จะตอบรับคำพูดนั้น ความรู้สึกที่ว่าตัวเองถูกทำร้ายยังคงฝังแน่นอยู่ในใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รับเอาความเจ็บปวดเพราะความรักที่มีต่อน้องชายเข้ามาด้วย



...ผมคงบ้าไปแล้ว...



ที่คิดว่าอย่างน้อย ราเมนทร์ก็ไม่ได้ตั้งใจทำร้าย หรือว่าหักหลังเขา แต่เกิดขึ้นเพราะอีกฝ่ายกำลังเสียใจและผิดหวังอย่างรุนแรงจนต้องหันไปพึ่งแอลกอฮอล์



“....... ผม... ไม่อยากให้คุณ... ฝืนใจ... นะครับ”



“ถ้าฝืนใจผมไม่ทำหรอก” นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทามองเผยความจริงใจ มันคงยากที่จะทำให้คนที่เคยถูกทำร้ายกลับมาเชื่อใจอีกครั้ง แต่ลองดูสักครั้งคงไม่ผิดอะไร



ชายหนุ่มรั้งมือเรียวมาจับแล้วพาร่างของคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นยืน มือใหญ่ยกขึ้นประคองใบหน้าเศร้าๆของธันย์ชนกไว้



“ผมไม่ขอให้คุณลืมเรื่องเมื่อคืนที่ผมทำไว้... แต่อยากขอให้คุณให้โอกาสผมทำอะไรบ้าง... ได้ไหมคุณธัน...”



สายตาที่ส่งมองมาสื่อความรู้สึกของเจ้าตัวได้ชัดเจนจนไม่อยากที่จะเอ่ยถ้อยคำทำร้าย



“.... ถ้าคุณว่าอย่างนั้น........ ก็... ครับ”



“ขอบคุณมากครับ” คำขอบคุณออกมาพร้อมรอยยิ้มละไม ริมฝีปากได้รูปของตากล้องหนุ่มกดลงฉวยหอมจากแก้มขาวเบาๆ



“ผมจะเป็นแฟนที่ดีของคุณนะ”



ใบหน้าของธันย์ชนกเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นยามเอียงหลบอีกฝ่าย



“..... ครับ...”



...ถ้าคุณหันมารักผมได้จริงๆ...



...คงเป็นเรื่องที่วิเศษเหลือเกิน...

 

 











“อืม...ค้างบ้านไอ้หมอใช่ไหม...ดูแลตัวเองดีๆล่ะ”



ราเมนทร์วางสายจากน้องชายที่โทรมาบอกว่าจะค้างบ้านคนรัก จากวันนั้นที่เขาได้ทำร้ายคนที่รักทั้งสองคนก็เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้ว


หลังจากที่เขาขออยู่ใกล้ๆธันย์ชนก... สองสามวันหลังจากนั้นไอ้หมอก็พอรัญชน์มาหา ราเมนทร์ยอมรับว่าเรื่องที่พูดกันก็แฟร์ๆดี... ธนกฤตบอกและยืนยันว่ารักซึ่งไอ้ตัวขี้อ้อนก็พยักหน้าเสริม ตัวเขาเองก็แกล้งยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันแค่สับสนพร้อมอ้างถึงธันย์ชนกยกมาเป็นกันชนเพื่อให้น้องชายสบายใจ



...ไม่มีเวลามามัวนั่งเจ็บอีกแล้ว...



เมื่อเทียบสิ่งที่เขารู้สึกกับสิ่งที่ทำกับธันย์ชนกลงไป... เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย



แม้จะไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว... แต่วันเวลาก็ค่อยๆคืนน้องชายที่น่ารักคนเดิม และเพิ่มความสนิทสนมกับคนข้างห้องที่ถูกอ้างว่าเป็นคนรักมากขึ้น พอได้ปล่อยให้รัญชน์มีอิสระกับคนรัก เขาก็พาตัวเองแวะเวียนไปหาคนของตัวเองบ้าง จากคำสุภาพก็ค่อยๆเลือนหาย ตอนนี้จากที่เคยเรียกว่า 'คุณธัน' เวลาได้ทำให้สั้นลงเหลือเพียง 'ธัน'



ร่างสูงก้าวยาวๆจากในห้องออกไปนอกห้องแล้วจัดแจงล็อกประตูของตัวเองก่อนจะไปยืนหน้าห้องธันย์ชนกแล้วเคาะเบาๆ



“ธัน... เปิดประตูให้ผมหน่อย”



เสียงโครมครามดังมาจากด้านในอีกเช่นเคย ก่อนที่เสียงตอบรับจะตามมา



“ครับ--” ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้อง ผมเผ้าของธันย์ชนกยังยุ่งเหยิงเหมือนเดิม ที่ต่างไปมีเพียงสีผมที่ได้รับการย้อมกลับเป็นสีดำตามเดิม



หลังจากที่ตอบรับการที่ให้เขาอยู่ข้างๆ วันต่อมาเจ้าตัวก็แอบไปย้อมเส้นผมสีอ่อนกลับมาเป็นสีดำ พอถามเหตุผมก็เอาแต่ยิ้มเศร้าๆไม่พูดอะไรราเมนทร์ถึงไม่ถามต่อ



...อันที่จริง สีผมเข้มๆยิ่งทำให้ดูเด็กลง เหมือนในรูปที่แอบเก็บไว้...



“ทีหลังไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ เดี๋ยวหกล้มได้แผลอีกหรอก” ราเมนทร์ลูบเส้นผมดำขลับให้เข้าทรงเหมือนเดิม



“วันนี้ผมมาค้างด้วยนะ... กวนหรือเปล่า”



“ไม่กวนหรอกครับ...” เขายิ้มตอบจางๆก่อนจะหลีกทางให้ราเมนทร์ได้เข้ามา



“ทานอะไรหรือยังครับ”



“ยังเลย พอดีวันนี้เข้าสตูมา... หงุดหงิดคนนิดหน่อยเลยชิ่งกลับก่อน” ราเมนทร์ถอนหายใจหนัก วันนี้มีคิวของนางเอกสูงวัยมาถ่ายแบบภาพศิลป์ มาสายยังพอทนแต่ยังมากเรื่องเพราะถือว่าเป็นนางเอกเก่า อันที่จริงก็พอรู้มาบ้างว่าเบื้องหลังยังไงกับการถ่ายโฟโต้บุ๊คแฉประวัติตัวเองครั้งนี้... แต่ไม่อยากพูดให้เสียน้ำใจกัน



...แต่การมาก้าวก่ายส่วนงานของเขาก็ทำให้ฟิวส์ขาดได้ง่ายๆ...



“เหนื่อยจัง ธัน... ไปหาอะไรกินข้างนอกกันไหม”



“... ถ้าเหนื่อยก็อยู่บ้านดีกว่าไหม เดี๋ยวผมทำอะไรง่ายๆให้ทาน” ไม่พูดเปล่า แต่ร่างโปร่งกลับเดินไปเปิดประตูตู้เย็นพลางหยิบกระป๋องเบียร์แบบไลท์ออกมาก่อนจะยื่นให้คนตรงหน้า



“พักก่อนก็ได้ครับ...”



“เอางั้นก็ได้... ผมชอบฝีมือคุณ” มือใหญ่รับกระป๋องเบียร์มาเปิดแล้วยกขึ้นดื่มดับความร้อน



ธันย์ชนกมักใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆอยู่เสมอ ในตู้เย็นมักมีเบียร์แบบไลท์มาสำรองติดไว้เผื่อเขา ก่อนหน้านี้เขาเคยบ่นว่ามันไม่เข้มข้นแต่ร่างเพรียวก็ยังยืนยันจะซื้อแบบนี้... เพราะไม่อยากให้ตัวเขารับแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป จนคนดื่มอย่างเขาชินและอร่อยไปกับรสบางๆนี้เอง



เบียร์เย็นๆหลังเลิกงาน บรรยากาศผ่อนคลาย อาหารอร่อยที่ตั้งใจทำ... จะเรียกว่าความสุขก็คงใกล้เคียง



แต่ยิ่งกว่านั้น....การมีธันย์ชนกอยู่ด้วยก็เหมือนได้บำบัดตลอดเวลา ทั้งบรรยากาศ ร่างกายอุ่นๆยามโอบกอด กระทั่งผิวแก้มนุ่มที่ขโมยหอม



...นี่คือความสุขอย่างไม่ผิดเพี้ยน...



“วันนี้เขียนนิยายไปถึงไหนแล้ว”



“ก็... คิดว่าใกล้จะจบได้แล้วล่ะครับ แต่ยังไงก็ต้องมาอ่านทวนใหม่ทั้งหมดอีกอยู่ดี” เขาหันมายิ้มให้จางๆก่อนจะเอื้อมหยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่ตรงทางก่อนเข้าครัวมาสวม แล้วจึงเปิดตู้เย็นออกอีกครั้ง



ในตู้เย็นมีของสดไม่มาก จึงตัดสินใจหยิบเอาหมูสับออกมาพร้อมกับถั่วฝักยาว แล้วก็หยิบไข่ออกมาสองฟองพลางจัดเตรียมต่อ



“หมูสับผัดถั่ว... นะครับ” ธันย์ชนกหันหามาถามความเห็นของอีกคนหนึ่งขณะที่กำลังตอกไข่ใส่ชามแก้ว



“ก็ได้นะ” ราเมนทร์เอนตัวพิงกับโซฟาตัวนุ่มแล้วหยิบกล้องขึ้นมาเช็ค



งานอดิเรกอย่างหนึ่งในช่วงนี้คือการแอบถ่ายธันย์ชนกตอนเผลอ เขาซื้อกล้องคอมแพคตัวเล็กมาใช้แทนเจ้าตัวใหญ่ที่ดูธันย์ชนกจะตกใจและปฏิเสธไม่ให้ถ่ายทุกครั้งที่หยิบขึ้นมา ชายหนุ่มลั่นชัตเตอร์เก็บภาพด้านข้างของคนในครัวไว้



“แล้วนิยายของธันแฮปปี้เอนดิ้งหรือเปล่า”



“ก็... น่าจะเป็นแบบนั้นนะ... ทิศทางตัวละครตอนนี้กำลังดำเนินไปด้วยดีครับ” เขาตอบขณะที่กำลังพลิกไข่สีเหลืองทองที่เริ่มส่งกลิ่นหอมไปรอบๆ



“ไว้ค่อย รออ่าน นะครับ”



“ขออ่านหน่อยไม่ได้เหรอ” นัยน์ตาสีสวยจับจ้องธันย์ชนกในชุดผ้ากันเปื้อนแล้วพูดเย้า



“แสดงว่าพระเอกกับนางเอกรักกันแล้ว”



“ก็.... อะไรแบบนั้นล่ะครับ... ตอนนี้นางเอกไม่อยากที่จะกลับโลกของตัวเองแล้วล่ะครับ” ธันย์ชนกหันมาเอ่ยตอบยิ้มๆ ก่อนจะรีบหลบหน้ากลับไปเมื่อพบว่าถูกจ้องอยู่



“ครับอีกแล้ว....ธันเองก็อายุมากกว่าผม ทำไมถึงพูดสุภาพด้วยล่ะ” อึกสุดท้ายถูกยกดื่มหลังพูดจบ ราเมนทร์ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปหยิบจานมารอข้างๆกะทะไข่เจียว



“แถมยังชอบเรียกคุณรามด้วย...”



“เอ๋ ก็ปกติ... ไม่ใช่เหรอครับ”



“ก็เห็นตอนเมายังยิ้มหวานเรียกตัวเองฉันอย่างโน้นอย่างนี้ได้เลย” เมื่อเห็นว่าไข่เจียวได้ที่ ร่างสูงก็ยืนซ้อนด้านหลังเอื้อมมือไปจับตะหลิวในมือธันย์ชนกพลิกกลับอีกครั้งแล้วตักใส่จานที่อยู่ในมืออีกข้าง



“แบบนั้นก็ดีออก... ไม่ใช่เหรอ”



“พ... พูดอะไรครับ... ผมจำไม่เห็นได้เลย” ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น



“ไม่ได้หรอกครับ”



“คุณจำไม่ได้แต่ผมจำแม่นเลยล่ะ” ราเมนทร์ยิ้มอย่างเป็นต่อ มือใหญ่ผลักไหล่บางเบาๆให้หันมาเผชิญหน้า



“ทั้งใส่คอนแทค ทั้งพูดอ้อนๆ... ผมไม่ลืมหรอก ก็คุณน่ารักจะตาย”



ยิ่งแกล้งยิ่งเขิน... ราเมนทร์ลองก้มหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดและเป็นอย่างที่คาด... ธันย์ชนกที่หลบตามีผิวแก้มแดงก่ำ



...ผม...



...ไม่กล้าที่จะทำแบบนั้นแล้วล่ะครับ...



“........... ไม่น่ารักหรอกครับ....” เขาตอบเบาๆพลางเอียงใบหน้าไปอีกทาง รู้ดีว่ากำลังโดนแกล้งอยู่



“ประเมินตัวเองต่ำไปอีกแล้ว” ราเมนทร์ก้มลงแล้วแตะริมฝีปากบางด้วยริมฝีปากตนเอง กลีบปากบางถูกขบเม้มเบาๆก่อนจะดุนให้เผยอลงแล้วสอดปลายลิ้นขมปร่าด้วยรสแอลกอฮอล์เข้าหา



หลายครั้งที่เขารุกไล่ ธันย์ชนกก็ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจหากแต่ก็ไม่ได้โอนอ่อนโดยง่าย หลังจากเหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อนราเมนทร์ก็ทำอย่างมากแค่จูบ... และลูบไล้หรือกอดเบาๆ



การที่จะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนที่ชอบจริงๆได้นั้นยากกว่าที่คิด เขากลัวจะทำให้ธันย์ชนกนึกถึงเรื่องวันนั้น



....และกลัวที่จะยอมรับว่าธันย์ชนกมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของตนเองมากไปกว่านี้



“หมูผัดถั่วให้ผมผัดให้ไหม” พอถอนจุมพิตหวานออก ราเมนทร์ก็เฉไฉไปเรื่องอื่นได้หน้าตาเฉย



“......... ผม... ทำเองได้ครับ... คุณรามไปจัดโต๊ะก็ได้....” ธันย์ชนกรีบหันกลับไปหาเตาก่อนจะหยิบขวดน้ำมันมาเทใส่กระทะ พวงแก้มสีจางเปลี่ยนเป็นสีเข้มจนถึงใบหู



“อย่าเขินจนเทน้ำมันหมดขวดนะ” ราเมนทร์หยอกอีกครั้งแล้วถือจานไข่เจียวเดินตัวปลิวไป



...ถ้าผมอยู่กับคุณทุกวันอย่างนี้...



...ผมจะรักคุณมากขึ้นได้ไหม...












To be continued...




kagehana : ผิดคาดรึเปล่าคะที่ไม่ดราม่าเท่าไหร่ เราเขียนกันด้วยเบสที่ว่าพี่ธันเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์หลายอย่างมา เลยอาจจะทำให้เข้าใจอะไรได้มากกว่าคนทั่วไป (ถึงจะน่าสงสารก็เถอะนะ....)

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
:mew1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2014 20:25:53 โดย kagehana »

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เฮือกกกกกกกกกขอให้พี่รามอยู่กับพี่ธันนานๆละกันคือดูน่าปกป้องมากกกกกกกกกกก
ถ้าทิ้งละน่าดูจะสาปแช่งให้ทรมานกว่าคุณธันอีก!

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขอให้ควมเจ็บปวดจางหายไปไวไวนะ :กอด1:

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



-28-







“ธัน...ผมง่วงแล้วล่ะ” เสียงโทรทัศน์ดับลงพร้อมๆกับเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ชายหนุ่มที่นอนเอนอยู่บนโซฟาลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปยังคนที่ยังอยู่หน้าคอม



“ไปนอนกันไหม”



“... ผมขอพิมพ์ย่อหน้านี้ให้จบก่อนได้ไหมครับ... คุณรามนอนไปก่อนเลยก็ได้...” เจ้าของห้องตอบโดยไม่ได้หันมามองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ



“งั้นรอ” ราเมนทร์ตอบง่ายๆแล้วกดเปิดโทรทัศน์ ชายหนุ่มเลื่อนช่องไปยังรายการเพลง ในโทรทัศน์ฉายภาพดูโอหนุ่มที่กำลังมีชื่อเสียงในเอ็มวีภาพสวย

 



ใจหนึ่งใจ จะต้องการอะไร

ให้มันมากมาย ให้มันวุ่นวาย

เพียงเธอนั้น ใส่ใจกันเบาเบา

พอให้สองเรา ได้ทำอะไรมากมายในตอนนี้

บางเวลาไม่เป็นไร ถ้าเธออยู่ไกล

บางเวลาฉันเข้าใจ เธอลืมกันไป

บางเวลาไม่เป็นใจ ก็ไม่ต้องเสียดาย

ปล่อยมันไปก่อนนะ

 






เสียงหวานของนักร้องหนุ่มผมยาวกับเนื้อเพลงทำเอาอดนึกถึงความสัมพันธ์ของตนกับธันย์ชนกไม่ได้ ความรัก... ถ้ามันหนักเกินไปอาจจะทำให้เหนื่อยได้ในวันหนึ่ง แต่ถ้าเพียงเท่าที่เป็นอยู่... ก็รู้สึกสบายดีไม่ใช่หรือ?




เอ็มวีภาพสวยดึงดูดสายตาของราเมนทร์ จวบจนเนื้อเพลงท่อนสุดท้าย... ไลน์กีตาร์กับเสียงร้องเข้ากันได้อย่างน่าทึ่ง จึงไม่แปลกใจเลยที่ดูโอหน้าใหม่ทั้งสองคนจะทำให้เกิดกระแสนิยมขนาดนี้

 







คิดถึงฉันสักครั้ง เมื่อไม่ได้คิดถึงใคร

ทำตัวตามสบาย แล้วเจอกันในความฝัน

มีเวลาดีๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง

ขอเธอแค่เพียงเท่านั้น ค่อยๆ รักกันเบาเบา

 

ค่อยๆ รักกันเบาเบา


...ถ้ารักที่ให้รัญชน์เป็นรักที่ทุ่มเท...


...คำว่าชอบที่ผมให้คุณก็ให้ความรู้สึกประมาณนี้ละมั้ง...


“รักกันเบาๆงั้นเหรอ...” ชายหนุ่มพึมพำ



“... เสร็จแล้วครับคุณราม” ปลายนิ้วกดเมาส์เลื่อนไปที่ปุ่มปิดเครื่อง ก่อนจะยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นตรงเพื่อยืดเส้นสาย


ราเมนทร์ปิดทีวีแล้วลุกขึ้นเดินมาหาธันย์ชนก มือใหญ่วางบนบ่าเล็กที่แข็งเกร็งจากการพิมพ์งานแล้วบีบนวดเบาๆ ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีอ่อนกับกางเกงขายาวเนื้อผ้านิ่มพร้อมนอนที่ทิ้งไว้ในห้องนี้ ทุกครั้งที่มานอนชายหนุ่มนักเขียนจะเก็บเสื้อผ้าไปซักและพับเก็บไว้ให้ กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มกับกลิ่นแดดทำให้รู้สึกดีทุกครั้งที่สวมใส่



...เป็นความคุ้นเคยที่ทำให้เคยชิน...



“ธันทำงานมากไปแล้วนะ ผมรู้นะว่าเวลาผมไม่มานอนด้วยน่ะคุณนอนเกือบเช้าตลอดเลย”



“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมทำงานตอนกลางคืนได้ดีกว่า” เขาหันมายิ้มจางๆให้แล้วลุกขึ้นยืน



“ถ้าเขียนจบจะได้อ่านอีกรอบ... แล้วจะได้แก้ไข ส่งสำนักพิมพ์สักทีน่ะครับ”



จากการที่คนนั่งลุกขึ้นยืน มือใหญ่ที่วางบนไหล่จึงเลื่อนเป็นโอบเบาๆแทน



“งั้นสัญญานะครับ...ว่าถ้าเรื่องจบแล้วจะให้ผมอ่านคนแรก” ราเมนทร์โอบรั้งเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งคลอเคลียแก้มหอมกลิ่นแป้ง



“.... ครับ” ธันย์ชนกเบนใบหน้าหนีด้วยความเขินอาย ไม่ใช่เพราะรังเกียจ ตั้งแต่อีกฝ่ายเริ่มมาใช้ชีวิตอยู่ด้วย เขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร กลับกัน กลับมีความรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆด้วยซ้ำ



แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเสียใจเล็กๆ เพราะทุกครั้งที่ราเมนทร์มาหา คือเวลาที่น้องชายของอีกฝ่ายไม่อยู่ด้วยเท่านั้น



...บางที...



...ถ้าคุณเลือกผมก่อนบ้าง...



...ก็คงดีไม่น้อย...



แรกๆที่มานอนด้วย ธันย์ชนกมักจะเกี่ยงยกเตียงให้นอนแล้วเป็นฝ่ายไปนอนที่โซฟาบ้างหรือไม่ก็อ้างว่าจะทำงานต่อ  พอสักสองสามครั้งราเมนทร์ก็เริ่มใช้แผนงอแงให้นอนด้วยกัน หลายครั้งถึงกับกอดล็อคเอาไว้จนหลับไปด้วยกัน



พอถึงเตียงชายหนุ่มก็เอาผ้าห่มที่พับไว้เรียบร้อยกับหมอนที่วางอยู่บนชั้นวางมาจับจองพื้นที่ครึ่งหนึ่ง ร่างสูงยืนมองพยักเพยิดหน้าให้เจ้าของนอนก่อน



“.... ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งค่อยๆขยับขึ้นบนเตียงแล้วหันมามองอีกคนคล้ายกับเรียกให้ตามขึ้นมา



คนที่ยืนอยู่รอจนธันย์ชนกนอนเรียบร้อยก็หยิบผ้าห่มที่พับอยู่ปลายเท้ามาห่มให้ ราเมนทร์จูบที่หน้าผากมนเบาๆแล้วคร่อมตัวบนร่างเพรียว



“ธัน...กอดได้ไหม...”



คำถามของอีกฝ่ายทำเอาเขาตระหนักถึงความเป็นจริง ถ้าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้คือคนรักกัน สิ่งที่อีกฝ่ายขอก็เป็นเรื่องปกติ



“..... ผม....” เขาไม่แน่ใจว่าควรจะตอบอะไรดี



“ผมรู้ว่ามันยากที่จะลืมเรื่องวันนั้น... แต่ถ้าผมขอให้คุณแทนที่มันด้วยเรื่องที่เราจะทำด้วยกันในวันนี้ได้ไหม”



ชายหนุ่มกระซิบข้างหูเสียงแผ่วเบา



...ไม่ใช่จะเอาใครแทนที่ใคร...



...แต่เพราะอยากจะกอดคนตรงหน้านี้...ก็เท่านั้น...



“ผมรู้ว่ามันงี่เง่ามากที่มาขอร้องคุณให้มีเซ็กส์กับผม”



“ผม... ไม่รู้... ครับ” ธันย์ชนกหันหน้าหลบ เพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะตอบเช่นไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างกายตัวเองจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบไหนต่อสัมผัสจากคนตรงหน้า



...ต่อต้าน หรือว่ายอมรับ



“ผมจะไม่ฝืนใจคุณ....ถ้าคุณบอกให้หยุดผมจะหยุดนะ” ราเมนทร์ลูบใบหน้าธันย์ชนกที่หลับตาอยู่เบาๆแล้วค่อยๆจูบเบาๆ



ฟ้าข้างนอกที่มืดมิดเริ่มมีฝนโปรยปราย สายฟ้าแลบผ่าท้องฟ้าเป็นสองซีกก่อนจะตามด้วยเสียงดังสนั่น



“ผมชอบคุณ”



คำว่าชอบฟังหอมหวานและทำให้รู้สึกเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน



...มีเพียงผมที่รักคุณฝ่ายเดียว...



ธันย์ชนกไม่เอ่ยตอบอะไรนอกจากพยักหน้าเบาๆพลางยกมือขึ้นทาบปิดบนใบหน้า ไม่อยากเผยสีหน้าของตัวเองให้ราเมนทร์เห็น



...โดยไม่รู้ว่าร่างกายเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นมาเมื่อฝ่ามือร้อนลากเข้าใต้ผิวเนื้อ



“ธัน??” มือที่สัมผัสผิวใต้เสื้อผ้าแตะเบาๆที่ช่วงท้องซึ่งเกิดอาการสั่นอย่างรู้สึกได้ชัดเจน ยิ่งพอค้างนานเท่าไหร่ธันย์ชนกก็ดูยิ่งจะสั่นเท่านั้น



“เป็นอะไรหรือเปล่าธัน?” ราเมนทร์ถามเบาๆพลางกดจุมพิตที่หน้าผากปลอบโยน



...หรือว่าคุณยังกลัว...



...กับสิ่งที่ผมทำวันนั้น...



“... ม... ไม่เป็นไรครับ....” แม้จะรู้ดีว่าในใจไม่ต่อต้านแล้ว แต่สมองและร่างกายกลับไม่ยอมทำตามคำสั่งเลยแม้แต่น้อย



...เพราะมันคงฝังลึกเกินไป...



“ธัน...เดี๋ยวสิ...ผมขอโทษ...” ราเมนทร์ละมือออกแล้วรวบร่างเพรียวที่สั่นสะท้านไว้ในอ้อมกอด เขาพลิกตัวให้ธันย์ชนกนั่งอยู่บนตักแล้วลูบหลังปลอบใจเหมือนปลอบเด็กเล็กๆที่ถูกทำร้าย



“ขอโทษนะ....ไม่ทำแล้ว...ขอโทษ....”



ความอบอุ่น ห่วงใยและกังวลที่ถ่ายทอดมาทำให้ธันย์ชนกเอนใบหน้าซบลง



“เปล่าครับ... ม... ไม่ใช่เพราะคุณ...”



แม้จะแปลกใจกับคำพูดที่ได้ยิน แต่ราเมนทร์ก็เลือกที่จะปลอบใจคนรักตรงหน้าโดยการกอดไว้เบาๆ



“....หายสั่นหรือยัง...ผมทำให้คุณกลัวหรือเปล่า...”



ฟ้าข้างนอกยังโปรยปราย... แต่กลับกลายเป็นสายฝนที่เงียบงันชวนให้ใจสงบ อากาศที่เย็นขึ้นกลายเป็นข้ออ้างให้ท่อนแขนแข็งแรงโอบแน่นขึ้นอีกนิด



“... ผม..... คงเป็นแบบนี้ไปแล้ว... แต่ไม่ใช่เพราะคุณนะครับ...” เขาเอ่ยตอบเสียงเบา



...ไม่ใช่เพราะผม...



...ถ้างั้นเป็นเพราะใคร...



“ถ้าผมจะขอถามได้ไหม...ว่าเป็นเพราะใคร” กิริยาเกร็งร่างแข็งคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าเจ้าตัวไม่อยากพูดหรือแม้แต่จะนึกถึง ราเมนทร์จึงลูบหลังตามแนวกระดูกสันหลังเบาๆผ่านเนื้อผ้าบางเพื่อปลอบใจ



“ไม่อยากรู้แล้ว... อย่าทำอย่างนี้เลย... ขอโทษนะธัน”



“.... ผม... ไม่เป็นไร....” ริมฝีปากบางขยับเอ่ยตอบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ



“...... จริงๆ... นะครับ”



“ผมก็ไม่เป็นไร...อย่าฝืนนะธัน...” ไม่เป็นไรที่ส่งผ่านมาพร้อมแววตาที่สั่นไหวขนาดนั้นจะเชื่อได้ยังไง



ราเมนทร์แตะมือกับฝ่ามือที่แนบแก้มแล้วเลื่อมมันลงมาจูบที่กลางฝ่ามือเบาๆ



“ถ้าแค่กอดนอนเฉยๆคงได้...หรือเปล่านะ...”



รอยยิ้มจางๆแฝงความเศร้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธันย์ชนก



“... ได้ครับ” เขารู้สึกเกลียดร่างกายของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง กับแค่จะให้อีกฝ่ายกอดยังทำไม่ได้



...จะเป็นคนรักกันได้จริงๆน่ะหรือ



ใบหน้าเศร้าๆของคนตรงหน้าดูน่าสงสาร ราเมนทร์ไม่อยากให้ธันย์ชนกทำหน้าอย่างนี้... แต่เขาเองก็มีส่วนที่สร้างมันขึ้นมา



“ธันไม่ต้องคิดมากนะ... ผมจะรอ... จะอยู่กับธัน” แม้จะไม่ได้รักแต่ก็ชอบเกินกว่าจะให้อยู่ห่างกาย ราเมนทร์รู้สึกตัวดีว่าความชอบของเขาเพิ่มมากขึ้นในทุกๆวันที่อยู่ด้วยกัน



“........ ครับ” ที่ตอบรับไปไม่รู้ว่าเป็นเพราะเชื่อในคำสัญญาของอีกฝ่ายหรือว่าอะไร แต่ชายหนุ่มร่างโปร่งก็ซบใบหน้าเข้ากับลาดไหล่ของราเมนทร์เบาๆก่อนจะสวมกอดร่างสูงเอาไว้หลวมๆ



เพราะอ้อมกอดที่โอบไว้และเสียงหัวใจเต้นช่วยยืนยันการมีอยู่ของธันย์ชนก ความอบอุ่นที่แฝงความเศร้าของทั้งตนเองและคนตรงหน้าถักคลุมบรรยากาศที่แม้จะไม่มีความหวานแต่อบอวลไปด้วยความห่วงใย



ธันย์ชนกเป็นคนแรกนอกจากรัญชน์ที่เขาอยากจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยในทุกๆวัน



...ไม่เคยมีคำว่าเหนื่อยในระยะเวลาที่ผ่านมา...



...จะมีก็แต่ความชอบ...ที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆวัน...

 

 







“พี่บีม... พ่อชอบคุกกี้ที่รันทำไปให้หรือเปล่า.....” เสียงเล็กๆออดอ้อนดังขึ้นจากตัวขี้อ้อนในอ้อมกอด เวลาที่ผ่านมาสามเดือนนั้น รัญชน์ทำคุกกี้ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไปให้ธงอยู่เรื่อยๆ ราวกับจะแทนคำขอโทษในแบบที่ตัวเขาพอจะคิดได้



“อืม... ก็ไม่รู้สิ แต่ป๊าก็กินนะ แต่ไอ้แบมมันชอบแย่งเลยไม่รู้ป๊าได้กินเท่าไหร่” ปลายคางสากกดลงบนเส้นผมนุ่มๆของคนที่ขยับยุกยิก



“แต่ป๊าก็ดีขึ้นเยอะแล้ว วันก่อนไปเยี่ยมยังเดินเล่นรอบๆบ้านได้อยู่นะ”



“ดีแล้วนะ...” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มพลางงับเบาๆบนต้นแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อของธนกฤต



“ฮื้อออ งับอีกแล้วนะตัวเล็ก เดี๋ยวเหอะ พี่งับบ้างอย่ามาร้องแล้วกัน” ธนกฤตงับเบาๆที่ใบหูนิ่มก่อนจะไล่งับแก้มขาว จมูกรั้นๆ ตบท้ายด้วยริมฝีปากบางๆที่เชิดนิดๆ



“ไม่ต้องกังวลน่า เดี๋ยวไปอีกรอบไม่แน่ป๊าอาจปูพรมแดงรอรับลูกชายคนใหม่เลยก็ได้” ชายหนุ่มพูดติดตลก



“... คงไม่ขนาดนั้นหรอกนะ... รัน... อยากให้พ่อพูดว่าอยากเจอรัน... เองนะ”



“งั้นต้องรออีก... พักใหญ่ๆ...” ธนกฤตดึงคนรักมากอดแน่นแล้วลูบหลังเบาๆปัดเป่าความไม่สบายใจ



“ป๊าเป็นผู้ใหญ่ มีเรื่องต้องคิดอีกเยอะ...ถ้าจะรอให้ป๊าพูดว่าอยากเจอพี่ว่าเราเสี่ยงไปหาป๊ากันอีกทีไม่ดีกว่าเหรอ ป๊าเองก็คงทำใจได้พอสมควร...ไม่น่าจะเป็นอะไรอีก”



ถึงจะไม่มั่นใจเท่าไร แต่ป๊าที่เลี้ยงดูเขามาตลอดชีวิตไม่ใช่คนไร้เหตุผลที่เอาแต่จะสั่งให้ลูกทำตามใจตนเองอยู่แล้ว



“... ไม่เอานะ... เสี่ยงไปนะ...” คนตัวเล็กรีบร้องท้วงขึ้นมาทันที



“ให้แน่ก่อนว่าพ่ออยากเจอนะ”



“เดี๋ยวให้ไอ้แบมมันตะล่อมป๊าให้”



ค่าใช้จ่ายในการตะล่อม... คงเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมที่เจ้าตัวกรี๊ดกร๊าดหรือไม่ก็แพคเกจท่องเที่ยวบวกเงินก้นถุงอีก...



...แต่ถ้าทำให้ทุกคนสบายใจก็คุ้มอยู่...



“แล้ววันนี้ราเมงไปไหนล่ะ ทำไมถึงมานอนด้วยได้” พอนึกถึงหน้าบอกบุญไม่รับของพี่ชายคนรักตอนที่ถูกเรียกว่า 'คุณพี่ราเมง' ก็อดจะขำไม่ได้ทุกที... จากนั้นมา ธนกฤตเลยติดเรียกอีกฝ่ายว่าราเมงจนแทบไม่ได้เรียกชื่อจริงๆแล้ว



“ก็ไปอยู่กับพี่ธันนั่นแหละนะ... กำลังเลิฟๆก็แบบนี้ล่ะ” เด็กหนุ่มตอบพลางหัวเราะเบาๆ



“จะว่าไป...แล้วเขาไปรักกันตอนไหนเนี่ย” เวลาแค่สองสามวันจะเพียงพอให้คนรักกันงั้นเหรอ...



พอนึกๆดู ก็เป็นไปได้ว่าราเมนทร์อาจจะอ้างว่าธันย์ชนกเป็นคนรัก ซึ่งอีกคนก็คงรับสมอ้างโดยง่ายเมื่อดูจากนิสัยแล้ว...แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงไปค้างที่บ้านราวกับคนรักจริงๆ



“ก็... คงตั้งแต่ตอนนู้น— ล่ะมั้ง ที่พี่บีมพารันไประยองนะ” รัญชน์ลากเสียงยาวพลางพลิกตัวขึ้นมานอนทับเจ้าของห้อง



“ตอนที่ให้พี่บีมจองร้านให้... ก็เหมือนจะไปกับพี่ธัน..... นะ”



“เอาเป็นเบาะรองนอนเลยนะ” หมอหนุ่มพูดยิ้มๆแล้วจัดการล็อคไว้ในอ้อมกอดพร้อมโยกตัวเบาๆ



“อืม... แต่ท่าทางไม่น่าคบกันได้เลยเนอะ ราเมงก็หัวดื้อ ปากหมะ— เอ่อ..ดูดุๆ ...คุณธันก็เงียบๆ ไม่รู้อยู่ด้วยกันแล้วคุยอะไรกันมั่ง”



“แต่พี่ธันน่ารักนะ... ใจดีด้วย” เขาขยับตัวไปมาแกล้งถ่ายน้ำหนักให้คนข้างล่างรู้สึกเหมือนโดนแกล้ง



“ยังไงก็ดีกว่าพวกนางแบบนมโตตั้งเยอะ”



“ตัวเล็ก... แกล้งอีกแล้ว” ใครจะไม่รู้ว่าคนรักของตัวเองจงใจขยับไปมาบนร่างกาย ดึงความสนใจจากเรื่องของคนอื่นไปหมดสิ้น



“คราวที่แล้วไม่เข็ดใช่ไหม”



“ไม่เข็ดอะไรนะ” รัญชน์ท้าวคางพลางยิ้มทะเล้นใส่ ก่อนจะยืดตัวแล้วโน้มลงจูบเบาๆที่ปลายจมูกของอีกฝ่าย



“เดี๋ยวก็เดินไม่ไหวแบบตอนน้ำตกหรอก” ธนกฤตบีบจมูกโด่งรั้นเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว



“ใครกันน้าที่ต้องขี่หลังพี่กลับบ้าน เด็กซนคนไหนก็ไม่รู้เนอะ”



“ก็พี่บีมไม่พอนะ...” เด็กหนุ่มเถียงกลับพลางงับเบาๆที่ปลายนิ้วของธนกฤต



“ก็ใครเริ่มล่ะ” ธนกฤตเถียงด้วยใบหน้ายิ้มๆแล้วใช้นิ้วที่ถูกกัดบีบแก้มเบาๆจนริมฝีปากบางหุบเข้าหากันเป็นปลาทอง



“ทำท่าอย่างนี้มีแผนอีกหรือเปล่า... รู้ล่ะสิว่าพี่หมอมีเข้าบ่าย”



“เปล่านะ อย่ามา..... กล่าวหา กันแบบนี้นะ” คนตัวเล็กท้วงเสียงยาวก่อนจะถอยตัวลงมาจากร่างสูง



“นอนก็ได้นะ...”



“ฮื้อ ยังไม่ง่วงเลย” คราวนี้แท่นรองนอนท้วงแล้วยึดคนตัวเล็กไว้



...อยากจะกอดให้นานกว่านี้...



“อยากไปเที่ยวอีกจัง...อยากไปบ้านเกิดตัวเล็กด้วย”



“ให้พี่บีมว่างก่อนนะ... แล้วไปด้วยกันนะ” พอได้ยินคำว่าบ้านเกิด ใบหน้าหวานก็ดูสดใสขึ้นมา ดวงตากลมโตคู่สวยทอเป็นประกายสบมอง



“นะ”



“อื้อ จะได้ไปทักทายที่หน้าหลุมศพกับพ่อแม่รันด้วย” เขามองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ฉายแววดีใจ



“รันคิดถึงที่นั่นหรือเปล่า”



“คิดถึงสิ... รันโตที่นู่นนะ...” รัญชน์ยิ้มหวานพลางขยับยื่นใบหน้าเข้าใกล้



คนที่อยู่ข้างล่างตอนรับด้วยจูบเบาๆที่ปลายจมูก



“งั้นไปกัน...ว่างๆ... สัญญานะ” ธนกฤตจูบที่ริมฝีปากเล็กเบาๆแทนคำสัญญาหวานฉ่ำ



“อื้อ” ท่อนแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบลำคออีกฝ่ายพลางเบียดตัวเข้าหาก่อนจะกอดเอาไว้แน่น



...ในตอนนี้ที่ได้อยู่ด้วยกัน...



...ก็มีความสุขพอแล้ว...

 






To be continued...







kagehana : คิดดูว่าเขียนมานานขนาดไหน สมัยซินนัทยังเป็นดูโอหน้าใหม่เลยนะ ฮ่าๆๆๆๆ

พี่ธัน.....เค้ารักพี่ธันนะ โอ่เอ๊
:hao5:

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
แอบลุ้นคู่ธันกับรามเบาๆอ่ะ
ความหลังของธันคืออะไรเน้อออออ

ส่วนคู่รันกับบีมนี่ พัฒนาใหญ่เชียว
คงรอแค่คุณพ่อพี่บีมเปิดใจละเนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด