Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ[UPDATE] มีข่าวประกาศเรื่องรวมเล่มหนังสือค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ[UPDATE] มีข่าวประกาศเรื่องรวมเล่มหนังสือค่ะ  (อ่าน 75889 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อดีตทึีฝังใจของธันคืออะำไรหนอ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
พี่รามทำตัวไม่ชัดเจนอะสมควรที่คุณธันยังคิดว่าตัวเองเป็นตัวแทนเฮ่อออออ
คู่พี่ก็ยังหน่วงคู่น้องนี่หว๊านหวาน

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ค่อยๆ หน่วงกันไปเบาๆ

เมื่อไหร่ป๊าจะยอมรับ เมื่อไหร่รามจะชัดเจน

เฮ้อ.....

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



-29-







แสงแดดอ่อนๆยามเช้าทอเป็นลำแสงจ้าจากหน้าต่างม่านปลิวไสว ชายหนุ่มร่างสูงที่นอนอยู่ฟากนั้นหรี่ตาช้าๆพลางขมวดคิ้วแน่น อากาศไม่ได้ร้อนขนาดที่นอนต่อไม่ได้แต่เพราะแสงแดดที่แยงนัยน์ตา ราเมนทร์จึงค่อยๆลืมตาแล้วพลิกกายกอดคนในอ้อมแขน



นานๆครั้งจะได้เห็นธันย์ชนกในตอนที่ยังไม่ตื่นนอน ทุกครั้งที่มานอนด้วยคนรักแสนดีของเขาจะพยายามตื่นเช้ามาทำอาหารง่ายๆให้กิน ใบหน้าขาวๆที่ไร้แว่นปิดบังดูราวกับเด็กวัยรุ่น ผิวแก้มนวลละเอียดมีเลือดฝาดจางๆ ริมฝีปากบางเผยอนิดๆดูเซ็กซี่ขนาดที่ว่าถ้าไม่ติดว่าหลับอยู่จะแอบขโมยจูบไปแล้ว



“อื้ด---” ราเมนทร์เอื้อมมือจะไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาถ่ายรูปแต่เพราะแขนอีกข้างยังถูกจับจองจึงต้องยืดตัวบริหารร่างกายกันแต่เช้า



มือใหญ่คว้าเปะปะได้โทรศัพท์ของตนแต่กลับทำสิ่งที่ตั้งอยู่ข้างๆหล่นลงบนหมอนที่ถูกเจ้าของทิ้ง



แว่นกรอบดำแบบเรียบๆที่เจ้าตัวใส่ติดประจำถูกหยิบขึ้นมาด้วยมือใหญ่



“สั้นขนาดไหนกันนะ”



ว่าแล้วคนขี้สงสัยก็สวมเข้าที่หน้าตัวเอง



...รู้แล้วล่ะ...



...สั้นขนาดชัดเจนกันเลยทีเดียว...



แรงขยับตัวของราเมนทร์ปลุกให้คนที่ยังหลับอยู่ค่อยๆตื่นขึ้นมา นัยน์ตาคู่สวยปรือมองก่อนจะกระพริบตาสองสามที



“... ตื่นแล้ว... เหรอครับ” เสียงงัวเงียนิดๆเอ่ยถามเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปหมายคว้าแว่นตาที่วางไว้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ทันสังเกตว่ามันอยู่บนใบหน้าของคนรัก



“หาอะไรอยู่” ราเมนทร์ทักพร้อมรอยยิ้ม ธันย์ชนกในตอนตื่นนอนก็ดูงุ่มง่ามน่ารักไปอีกแบบ



“... แว่น..... !!???” นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าแว่นที่ตัวเองหาอยู่ที่ไหน



...เสร็จกัน...



“หลอกกันนี่นา” ราเมนทร์ต่อว่าทั้งรอยยิ้ม



“ไหนว่าไม่ใส่จะมองไม่เห็น... แต่อันนี้ผมว่ามันแว่นกระจกชัดๆนะ”



“.... ป... เปล่า... ครับ” คนถูกจับได้หลบสายตาก่อนจะค่อยๆเอนตัวลงนอนเหมือนเดิม



“...... ผม... ไม่ชอบ... เฉยๆ.....”



“ไม่ชอบนี่... ไม่ชอบอะไรเหรอ” ราเมนทร์ยังคนถามต่อแล้วยื่นใบหน้าที่ใส่แว่นเข้าใกล้



“ก็ผมบอกแล้วไงว่าหน้าเปล่าๆน่ารักกว่า”



“.... ก็.... ไม่ใส่... แล้วมีแต่คนมอง.... ผมไม่ชอบ” เขาย่นคอก่อนจะหนีจากสายตาคู่นั้น



ที่เขามองเพราะน่ารักน่ะสิ... ราเมนทร์คิดในใจ



“งั้น... ตอนที่ไม่มีคนอื่น ตอนเราอยู่ด้วยกันสองคนก็ถอดแว่นนะ”



ราเมนทร์เอื้อมไปแตะหลังคอของธันย์ชนกแล้วดึงร่างเพรียวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากหยักได้รูปบรรจงจูบเบาๆที่หน้าผากมน กลิ่นพีชหอมหวลซึ่งรวยรินจากเรือนกายทำให้รู้สึกสดชื่น



“มอร์นิ่งคิส”



ธันย์ชนกตอบรับจูบนั้นอย่างขวยเขินด้วยการแตะริมฝีปากลงที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย



“.... ครับ”



“ผมยังไม่ยกโทษให้เรื่องหลอกผมว่าสายตาสั้นหรอกนะ” ชายหนุ่มถอดแว่นที่อยู่บนใบหน้าออกพลางจ้องธันย์ชนกด้วยดวงตาสีน้ำตาลอมเทาที่พราวระยับ



“ธันอยากลองไปเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนที่เขียนนิยายบ้างไหม”



“...... เปลี่ยน? ไปที่ไหนเหรอครับ?” เขามองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ



“อืม... ญี่ปุ่น... ดีไหม” พูดจบก็พลิกตัวขึ้นนอนคว่ำ ปลายนิ้วสากเขี่ยเส้นผมสีดำที่รุ่ยร่ายล้อมกรอบใบหน้าขาวออกทัดหูให้



“ยังไม่เคยไปเลย แต่อยากไปกับธัน”



...ถ้าเราใกล้กันขึ้นอีกนิด...



...จะเป็นยังไงนะ...



“กับผม? เหรอ...” ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นก่อนจะหลบเอียงเล็กน้อย



“ก็ถามคุณจะให้ไปกับใครล่ะ” ใบหน้าเขินๆหลบไปมายิ่งทำให้ปลายนิ้วยิ่งอยากสัมผัสมากขึ้น



“....ไปนะ” กระซิบเสียงแผ่วข้างหูพร้อมงับเบาๆ



“......... อ... ครับ” พวงแก้มสีอ่อนยิ่งเปลี่ยนเป็นสีเข้มมากขึ้นก่อนจะขยับซุกใบหน้าเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อซ่อนความเขินอายของตัวเอง



“อย่าบอกรันนะผมจะแอบไป” ราเมนทร์หอมพวงแก้มนิ่มเบาๆแกล้งให้สีที่จัดอยู่แล้วแดงขึ้นอีก



“เป็นความลับของเรา...นะ...”



ได้ยินเพียงเท่านั้นกลับทำให้รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตด้วยความดีใจ เป็นครั้งแรกที่ราเมนทร์เลือกเขาก่อนน้องชายของตัวเอง ไม่เช่นนั้น ปกติก็จะมีแต่มาหาเขาเพราะรัญชน์ไม่อยู่บ้านเท่านั้น



“ครับ...” แม้ใบหน้าจะแดงก่ำ ทว่ากลับไม่อาจซ่อนรอยยิ้มหวานของตัวเองได้



ราเมนทร์นึกดีใจกับรอยยิ้มหวานที่ไม่ปิดบังของธันย์ชนก ร่างสูงชันศอกขึ้นแล้วดึงตัวเองไปคร่อมร่างเพรียวพลางใช้ปลายจมูกกดเบาๆที่จมูกของฝ่ายตรงข้าม ริมฝีปากอุ่นร้อนลากลงประกบข้างลำคอขาวพร้อมขบเม้มเบาๆสร้างรอยแดงตัดกับผิวสวย



ราเมนทร์รู้สึกถึงความรุ่มร้อนของร่างกายที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังผ่านกางเกงเนื้อบางที่แนบชิดอยู่กับต้นขานุ่มๆ นัยน์ตาสีสวยมองสบธันย์ชนกที่มีสีหน้าขัดเขิน



“ขอโทษนะ...รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า...”



คนถูกถามส่ายศีรษะช้าๆ นัยน์ตาสีเข้มเบนหลบสายตาของราเมนทร์โดยไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น



เพราะอีกฝ่ายเป็นธันย์ชนกจึงรู้ว่าอาการเบนสายตาออกไม่ใช่รังเกียจ... แต่เป็นเพราะเขินเกินกว่าจะตอบรับ



“ไปญี่ปุ่นช่วงวาเลนไทน์ไหม... หรือธันอยากไปช่วงดอกซากุระบาน”



เสียงทุ้มต่ำพูดข้างหูพร้อมกับมือใหญ่ที่สอดเข้าไปสัมผัสผิวกายอุ่นๆข้างในเสื้อ ราเมนทร์ไม่ได้ขออีกฝ่ายเหมือนยามค่ำคืนเพราะอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ



...ถ้าโอเค...ก็คงดี...



“...แบบไหนดี...”



“...... แล้วแต่คุณราม... สิครับ...” ธันย์ชนกค่อยๆหลับตาลงก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสจากมือของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนจนเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์ที่เริ่มเพิ่มขึ้นของตัวเอง— แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อาจหยุดร่างกายที่เริ่มสั่นได้



“งั้นไปกุมภานะ... หนาวๆกำลังดี” ชายหนุ่มค่อยๆถอดชุดนอนของอีกฝ่ายออกเชื่องช้า แม้ว่าธันย์ชนกจะยังมีอาการสั่นแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร



“รังเกียจไหม...ธันไหวหรือเปล่า...”



...ถ้าเป็นไปได้...



...ก็อยากจะก้าวผ่านไปด้วยกัน...



“อ... อือ.... ไหว..... ครับ...” ชายหนุ่มร่างโปร่งเอ่ยตอบเสียงเบา



“ถ้าไม่ไหว....... ผม.... จะ....... บอกเอง.... ครับ” ท้ายประโยคเสียงของเขาฟังแผ่วลงจนแทบไม่ได้ยิน



คำพูดของธันย์ชนกราวกับชนวนที่เร่งไฟปรารถนาให้พลุ่งพล่าน ริมฝีปากร้อนลากไล้สัมผัสผิวกายแทนฝ่ามือที่ลงไปรั้งกางเกงตัวนิ่มออก ชายหนุ่มค่อยๆโลมไล้เชื่องช้ากระตุ้นให้คนขี้อายรู้สึกมากขึ้น



“ธัน... ยังสั่นอยู่เลย” ราเมนทร์ระมัดระวังไม่ให้อีกฝ่ายคิดว่ากล่าวโทษ เขาแค่ต้องการบอก... ไม่ให้ฝืนเกินไป



“.... ไม่ต้อง....... สน.... อ.... ก็ได้... ครับ” เสียงกระซิบบอกแผ่วเบาจากริมฝีปากแทบฟังไม่ได้ยิน ใบหน้าสวยขยับหนีซ่อนจากแววตาของอีกคน



“ไม่ได้นะ... ผมอยากให้คุณรู้สึกดี... มากกว่าจะกลัว”



เบื้องล่างอันรุ่มร้อนอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมเบาๆ ชายหนุ่มขยับเร่งเร้าตามประสบการณ์ที่รู้ว่าทำอย่างไรฝ่ายตรงข้ามจะรู้สึกดีที่สุด



ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความรุ่มร้อนของตัวเองที่เรียกร้องการแนบชิด แต่เพราะประสบการณ์ในคืนวันฝนกระหน่ำวันนั้น เขาจึงอยากจะอ่อนโยนกับคนรักให้มากที่สุด



...เพราะเป็นคนรัก...



...ไม่ใช่ใครก็ได้แบบที่แล้วมา...



“ถ้าธันโอเค... กอดผมแน่นๆได้ไหม” ชายหนุ่มเลือกที่จะให้ธันย์ชนกใช้ภาษากาย... เพราะรู้ว่าคงเขินเกินกว่าจะพูดได้



แม้จะไม่ได้เอ่ยอะไรตอบ แต่ท่อนแขนที่สั่นระริกก็ค่อยๆยกขึ้นโอบรอบลำคออีกฝ่าย ไม่ใช่แค่พวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แต่กลับลามไปทั่วร่างกายสีขาว



ราเมนทร์ยิ้มกับตัวเอง... บอกไม่ถูกว่าดีใจแค่ไหนที่ธันย์ชนกไม่ได้ปฏิเสธ เขารู้เพียงว่าอยากจะต้อนรับการโอบกอดแสนประหม่านี้ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี



...อยากจะรัก...



...และผูกพันให้มากกว่านี้



“ถ้าเจ็บต้องบอกนะ” สิ้นเสียง ปลายนิ้วหยาบก็แตะที่ช่องทางเบื้องหลังเบาๆ ราเมนทร์ชะงักไปครู่หนึ่งเพราะรู้สึกถึงแรงต่อต้าน ร่างสูงเอื้อมไปเปิดลิ้นชักควานหาโลชั่นทาผิวที่โดนบังคับให้ทาเสมอ



“ธันไม่มี... ไอ้นั่นสินะ...”



แม้จะไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก แต่เขาก็มั่นใจว่าสิ่งที่ราเมนทร์ถามหานั้นตัวเองไม่มีแน่ๆ



“... ม... ไม่มี... ครับ”



“คราวก่อน... ก็ไม่ได้ใช้สินะ...” ราเมนทร์จำได้ว่าตอนที่อีกฝ่ายลุกขึ้น... ท่อนขาเรียวสวยมีสิ่งที่คั่งค้างอยู่ไหลออกมา



“ผมกลัวคุณเจ็บ... มัน... ใช้แล้วพอช่วยได้บ้าง... แต่ไม่เป็นไรนะ” ราเมนทร์กดโล่ชั่นออกจากขวดปั๊มก่อนจะเริ่มนวดเบาๆที่ช่องทางเบื้องหลัง



...อุ่นร้อน... จนแทบทนไม่ไหว



“...... ครับ...” ชายหนุ่มตอบรับเสียงเบา “ผม... เชื่อ.... ครับ”



มือหนึ่งลูบหัวไหล่มนเบาๆ ส่วนอีกข้างนั้น... ปลายนิ้วสากได้สอดเข้าไปยังภายใน ราเมนทร์รู้สึกได้ถึงร่างในอ้อมกอดที่แข็งเกร็งและด้านหลังที่บีบรัดอย่างรุนแรง ชายหนุ่มก้มลงจูบหัวไหล่เปลือยเบาๆพลางยิ้มให้ใบหน้าสวยที่อยู่แนบชิด



“ไม่เป็นไร... ผมไม่ทำร้ายคุณอีกแล้ว...”



“.... อ..... อึก....... ครับ......” ไม่มีการฝืนใจ ไม่มีสัมผัสรุนแรง มีเพียงความอ่อนโยนมอบให้เท่านั้น-- หวังอยู่ลึกๆว่าจะมีความรักมอบมาให้ด้วย



ราเมนทร์ยิ้มกับคำตอบนั้น....คำที่เชื่อมั่นในตัวเขา



...ผมชอบคุณ...



บทรักละลุนละไมเริ่มขึ้นท่ามกลางแสงอบอุ่น สายลมเรื่อยเอื่อยจากเครื่องปรับอากาศพัดพากลิ่นพีชหอมจางๆสู่ร่างทั้งสองที่แนบชิด เมฆสีขาวที่สามารถมองเห็นจากหน้าต่างคอนโดลอยเหนือท้องฟ้าในยามเช้าของวันใหม่



...ยามเช้าที่ไร้เงาจากฝันร้ายของวันวาน...


 

 













“ขี้โกงที่สุดนะ!! ให้รันไปด้วยดิ!!!” คนตัวเล็กร้องประท้วงอย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะพาธันย์ชนกไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเพียงสองคน



“ไหนเคยบอกจะไปด้วยกันไง”



“ไว้คราวหน้านะ... จะไปอยู่วันสองวันแล้วซื้อตั๋วขอวีซ่าไม่ทันหรอก” มือใหญ่วางบนเส้นผมสีอ่อนที่เด้งขึ้นลงเพราะเจ้าของเต้นด้วยความขัดใจ



ในที่แรกว่าจะหนีไปแล้วค่อยเมลบอก แต่พอใกล้ๆวันก็เกิดนึกสงสาร... กลัวจะต้องเหงาอยู่คนเดียว คนเป็นพี่เลยยอมเอ่ยปากแถมยังแอบโทรไปฝากฝังกับคนรักของน้องถึงที่



-...ไปเหอะ ไปนานๆก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวพามานอนที่บ้านเลย-



...แน่นอนว่าก็ได้รับคำตอบกวน... แบบไม่มีใครเกิน



“นะ...ไปอยู่กับไอ้หมอก่อน”



...บางที...ที่ญี่ปุ่นกับธันย์ชนกอาจจะทำให้ลืมเรื่องที่เขารักคนตัวเล็กตรงหน้านี้...



“โกรธแล้วนะ! ไม่อยากพูดด้วยแล้วนะ.....” รัญชน์ยังค้อนอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ เพราะเจ้าตัวก็รู้สึกอยากไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง



“นะ... ไปแป๊บเดียว ตัวเล็กคนเก่งของพี่ไม่งอแงหรอก” ราเมนทร์โอบไหล่น้องชายเบาๆ



ในบางครั้งที่นึกอิจฉาหมอที่ได้อยู่เคียงข้างน้องชายที่เขารัก... ใบหน้าของธันย์ชนกที่ลอยมาในหัวก็ทำให้หัวใจสงบลงได้



...อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคนๆนี้...



“เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก แถมตุ๊กตายางฝากไอ้หมอด้วยเอ้า”



กำปั้นทุบเข้าที่สีข้างของอีกฝ่ายแล้วโวยต่อ



“ตุ๊กตายางอะไร? นิสัยไม่ดีเลยนะ”



“ก็เอาไว้ให้หมอมันระบายไง หน้าตาอย่างนั้นท่าจะชอบนะ” คนเป็นพี่พูดกลั้วหัวเราะ



...ชักอยากเห็นหน้าตอนเอาไปให้แล้วสิ...



...คงสนุกน่าดู...



“จะฟ้องพี่ธัน ว่าพี่รามนิสัยไม่ดี... ลามกด้วย” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพลางทำหน้ายี้ใส่



“ไม่กลัวหรอก ธันเขาไม่ว่าอะไรแน่” ราเมนทร์ยิ้มอย่างเป็นต่อ มือใหญ่จับที่แก้มใสแล้วดึงเบาๆให้ยืดออก



“เดี๋ยวอยากได้อะไรจะซื้อมาฝากหมดเลย เอาให้หมดตัวดีไหม”



“เอา... พีเอสพีนะ แล้วก็อควอเรี่ยมพกพานะ แล้วเอาผงอาบน้ำกลิ่นเลมอน” พอได้ยินแบบนั้น เด็กหนุ่มก็รีบบอกของที่ต้องการให้อีกฝ่ายได้ยิน



“เยอะแล้วเยอะ” ราเมนทร์จับจมูกรั้นๆดึงเบาๆ



“แต่เอาเหอะ ตามใจจัดไป... แถมตุ๊กตายางกะAVให้ไอ้หมอติงต๊องด้วย”



“ไม่เอา” ใบหน้าหวานขยับหนีจากมือของอีกฝ่าย



“แล้ววันนี้ออกไปไหนเปล่าเนี่ย” ชายหนุ่มถามเปลี่ยนเรื่อง



“พี่มีเข้าบริษัทนิดหน่อย งานต่อเนื่อง... ไม่จบไม่สิ้นซะที”



จริงๆแล้วส่วนงานของเขาน่าจะจบไปได้เดือนกว่า... ถ้าแม่นางเอกเก่าแก่ไม่คิดอยากจะเพิ่มรูปลับๆลงในพ็อกเก็ตบุ๊คที่จ้างมือปืนเขียน แถมยังรีเควสว่าเขาต้องเป็นคนถ่ายอีกเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา



“ไม่มีนะ...” เขาตอบพลางถามต่อ



“พี่รามล่ะ ทำอะไร”



“ก็มีเข้าไปถ่ายเพิ่มยัยป้านางเอกเก่าแก่นิดหน่อย คงสักครึ่งวันมั้ง” ราเมนทร์ตอบพลางลูบเส้นผมเล็กละเอียดของน้องชายเบาๆ



“งั้นตอนเย็นไปดูหนังกันไหม ชวนธันไปด้วย”



“งั้นรันลองชวนพี่หมอนะ” คนตอบไม่พูดเปล่า แต่มือหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาทันที



“เฮ้ย...ใครให้ชวน...”



...ดูท่าจะห้ามไม่ทันแล้วสินะ...



“พี่บีม— เย็นนี้ว่างนะ ไปดูหนังกันนะ” เสียงใสๆเอ่ยถามและชวนทันทีที่ได้ยินเสียงฮัลโหลของอีกฝ่าย



-ไปกี่โมงล่ะ แต่พี่เลิกทุ่มนึงนะ-



ราเมนทร์ขัดใจที่รู้ว่าอีกฝ่ายว่าง ไม่งั้นจะได้มีความสุขโดยไม่ต้องมีตัวน่ารำคาญมาเกาะแกะน้องชายแล้ว



“บอกมันดึกไป กลับบ้านไปกินนมนอนเลย”



รัญชน์ตอบรับคำพูดนั้นด้วยสายตาดุๆ



“อื้อ ทุ่มก็ได้นะ เจอกันที่พารากอนนะ”



-ครับ แล้วเจอกัน-



“เซ็งเลย....” คนที่ยืนฟังอยู่แกล้งบ่นเบาๆเมื่อรัญชน์กดวางโทรศัพท์



“ยังไม่ได้ชวนธันเลย รันแวะไปที่ห้องธันตอนเกือบๆเที่ยงได้ไหม... ตอนนี้คงยังไม่ตื่นหรอก”



“ได้สิ... ทำไมพี่ธันนอนตื่นสายจังนะ” หลังจากตกลง รัญชน์ก็ถามต่อด้วยความสงสัย



“ก็ช่วงนี้เร่งเขียนนิยายไง เพราะพี่บอกแล้วว่าไปญี่ปุ่นห้ามเอาไปเขียน”



พอนึกถึงใบหน้าประหลาดใจตอนบอกว่าห้ามเอาไปเขียนด้วยก็อดขำไม่ได้



“อือ— ก็ได้นะ เดี๋ยวปลุกให้ ไปทำงานนะ” เขาเอื้อมกอดพี่ชายตัวโตไว้หนึ่งทีแล้วผละออกมาก่อนจะโบกมือไล่



“อื้อ แต๊งกิ้ว”



...ถ้าเป็นความสัมพันธ์ในระดับนี้...



...คงไม่เจ็บปวดเท่าไร...

 

 









“ก็... ตามนั้นครับ ผมแก้แค้นพี่รามนิดหน่อยที่จะหนีผมไปญี่ปุ่น” รัญชน์ยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าพลางหยิบไส้กรอกขึ้นทาน



“แต่พี่หมอจะไปด้วย ผมไม่กวนพี่ธันหรอกนะครับ” แล้วก็ยิ้มหวานให้อีกที ทำให้คู่สนทนาได้แต่ยิ้มจางๆให้



“.... ไม่เป็นไรหรอกครับ” ไปกันหลายคนคงสนุกดี



“พี่ธันใจดีจังนะครับ ผมชอบจังนะ... ถ้าพี่รามนิสัยไม่ดี ฟ้องผมนะ... ผมจัดการให้เองครับ”



ได้ยินแบบนั้นเข้าธันย์ชนกก็หัวเราะเบาๆก่อนจะรินน้ำชาใส่แก้วให้เด็กหนุ่ม



“.... ครับ”



รัญชน์มองใบหน้าสวยภายใต้กรอบแว่นของฝ่ายตรงข้ามเงียบๆ ดูยังไงก็ผิดไปจากผู้หญิงที่ราเมนทร์เคยคบ— จริงๆต้องบอกว่าไม่คิดว่าพี่ชายของตัวเองจะหันมาคบผู้ชายด้วยซ้ำ



“..... อย่าตามใจพี่รามมากนะครับ เดี๋ยวได้ใจ”



“ค... ครับ? ตามใจ? พี่ไม่ได้ตามใจนะครับ”



“...... ผมบอกไว้เฉยๆครับ” ใบหน้าหวานระบายรอยยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้



“ผมไม่กวนแล้ว... ตอนเย็นเจอกันครับ”



 

 








“ธันกับรันเอาโค้กกับป๊อบคอร์นไหม” คนถามจงใจเว้นอีกชื่อของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆน้องชายตัวเอง แค่เห็นหน้าก็ปวดหัวกับรอยยิ้มกวนๆจะแย่อยู่แล้ว ไหนจะอาการสนิทสนมอย่างโอบไหล่หรือขยี้หัว เพราะว่าสูงเท่าๆกับแถมท่าทางดีจนน่าหมั่นไส้เลยอยากจะลืมๆไปซะว่ามาด้วยกัน



“คุณพี่ชายอย่าให้ทานน้ำอัดลมสิครับ ไม่ดีต่อร่างกายนะ”



“ไม่ได้กินทุกวันซะหน่อย”



คุณพี่ชาย? ได้ข่าวว่าอายุเท่ากันไม่ใช่หรือไง



“อือ จะกินนะพี่บีมนะ...” นัยน์ตากลมโตกระพริบมองอย่างออดอ้อนในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนกลับยิ้มจางๆ



“ไม่เอาหรอกครับ... แค่ชาเขียวโออิชิก็พอแล้วครับ” ธันย์ชนกตอบ



“น้ำเปล่าครับ ขอบคุณนะคุณพี่ชาย” ธนกฤตพูดต่อพร้อมกับขอบคุณปิดการปฎิเสธ... ซึ่งแน่นอนว่าราเมนทร์ก็ยอมหน้างอไปซื้อให้แบบไม่เต็มใจเท่าไร



“คุณธัน... เป็นนักเขียนเหรอครับ”



“อ... ครับ” เขาหันมายิ้มให้อีกฝ่ายจางๆ นี่เป็นครั้งที่สามกับการพบหน้ากันกับคนๆนี้



“คราวนั้นที่บอกว่าเป็นญาติไป ต้องขอโทษด้วยนะครับ”



“ไม่เป็นไรหรอกครับ คงเป็นคนนี้ของผมสินะที่ให้คุณโกหก” ธนกฤตโอบ ‘คนนี้ของผม’ เอาไว้แน่นพลางมองด้วยสายตาอ่อนโยน



“เปล่าหรอกครับ แค่ให้มาเอายาให้เฉยๆ เนอะครับ” เขายิ้มให้กับคนตัวเล็กที่ยืนยิ้มไปมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว



“ใช่— ก็พี่หมอใจร้าย”



“ไม่ได้ใจร้ายสักหน่อย ตัวเล็กต่างหากที่ใจร้ายหนีพี่หมอ” ร่างสูงโน้มตัวเข้าหาขโมยจุ๊บที่แก้มเบาๆตอนที่ไม่มีใครเห็น



“ทำอะไรน่ะ!” คนที่เดินกลับมาพร้อมถังป็อปคอร์นและน้ำแก้วยักษ์พร้อมน้ำขวดพูดขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาขมึงทึงจนคิ้วแทบผูกกัน



“ป๊อบคอร์นมาแล้ว ไปๆๆ รีบเข้าไปก่อนนะ” รัญชน์รีบเบนความสนใจของพี่ชายไปทางอื่น ในขณะที่ธันย์ชนกได้แต่แย้มรอยยิ้ม... คล้ายกับให้กำลังใจตัวเอง



“ธันเป็นอะไรหรือเปล่า... ดูเหนื่อยๆ” ราเมนทร์ถือน้ำส่วนของตัวเองกับธันย์ชนกไว้แล้วหันมาถามในระหว่างทางที่เดินเข้าโรงหนัง



...ไม่อยากมาดูหรือเปล่านะ....



“อ... เปล่าครับ... ไม่มีอะไร” เขารีบส่งยิ้มจางๆให้อีกครั้งแล้วเดินไปด้วยกัน

 










To be continued...





kagehana : หวานไปเรื่อยๆให้คนอ่านตักตวงไว้ เนื่องจากเรื่องนี้ดราม่าตอนท้ายๆเรื่องทำเอาหมีกับดอกไม้เขียนไปร้องไปมาแล้ว (ขู่55)



ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ก็ยังสงสารพี่ธันอยู่ดีมันยังหวานแบบเหมือนมีตะกอนอะไรหน่วงๆอยู่
ฮือออออออออออออออออออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะว่าหวานมันก็หวานนะ จะว่ามนมันก็มนอะ

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ถ้าเป็นธัน ..
ก็คงจะหน่วงมากๆเลยแหละ
รามอาจจะรู้สึกกับรันน้อยลง
แต่ธันรู้ความจริงแล้ว
ทำใจลำบากนะเนี่ยยย

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



-30-





ที่นั่งฮันนีมูนซีทสองที่ที่จองไว้ได้แยกคู่รักทั้งสองคู่ออกจากกัน ราเมนทร์เลือกนั่งริมทางเดินแล้วให้ธันย์ชนกนั่งข้างๆ ส่วนคู่ถัดไปก็เป็นน้องชายของตน หนังกำลังเดินทางไปกว่าครึ่งเรื่องแต่เพราะเป็นหนังที่ไม่ถูกสเปคเท่าไรร่างสูงจึงเกิดอาการง่วงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


“นอนได้ไหมธัน” น้ำเสียงงัวเงียถามเบาๆก่อนจะเอียงหัวซบไหล่บางโดยไม่รอคำอนุญาต


“.... ไม่สนุกเหรอครับ” เขาหันมาถามเบาๆก่อนจะขยับให้อีกฝ่ายพิงได้สะดวกมากขึ้น


“อือ...เหนื่อยนิดๆด้วย” ราเมนทร์งัวเงียพูดตอบแล้วเลื่อนมือโอบเอวธันย์ชนก


“ขอโทษนะ...แต่ไม่ไหวแล้ว”


“... ครับ” ธันย์ชนกอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆด้วยความรู้สึกเอ็นดูที่บางทีราเมนทร์ก็ทำตัวเป็นเด็กๆแบบนี้


"ลูบอีกนะ" ราเมนทร์พึมพำเบาๆ สัมผัสจากฝ่ามือเรียวให้ความรู้สึกดี


เขาชอบความนุ่มนวลของธันย์ชนก ชอบกลิ่นพีชอ่อนๆยามที่ร่างกายอยู่แนบชิด ชอบท่าทางเขินอายตอนที่ถูกหยอกล้อ...เขาชอบธันย์ชนกจนลืมไปแล้วว่าการอยู่โดยไม่มีคนๆนี้จะเป็นอย่างไร


...แต่ไม่ใช่รัก


ธันย์ชนกยิ้มออกมากับคำอ้อนนั้นก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอ


...อย่างนี้ใช่ความสุขไหมนะ...


“ธันตามใจผมอยู่เรื่อย...ง่วงหรือเปล่า” ราเมนทร์ถามต่อเบาๆไม่ให้รบกวนคนอื่นในโรงหนัง


“ไม่หรอกครับ... หนังก็ดูเรื่อยๆ คุณรามนอนเถอะครับ” เขาบอกเพื่อคลายกังวลของอีกคน


“อือ.....” ครางเบาๆก่อนเปลือกตาหนักจะหลับลง อากาศเย็นๆในโรงหนังถูกไออุ่นของคนนั่งข้างๆช่วยบรรเทาไว้ ราเมนทร์จึงปล่อยให้ตัวเองตกสู่ห้วงภวังค์


...กับความฝันแสนดี

 

 










“คุณราม..... หนังจบแล้วครับ...” เขาเขย่าคนที่นอนพิงอยู่เบาๆแล้วเอ่ยเรียก


“อือ...จบแล้วเหรอ” คนที่นอนพิงอยู่ลุกขึ้นนั่งตัวตรง มือใหญ่เสยผมลวกๆก่อนจะหันมายิ้มให้


“เมื่อยหรือเปล่า ขอโทษนะธัน”


“ไม่หรอกครับ” เขายิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้


“เบาะนิ่มสบายดีครับ”


“ก็เป็นฮันนีมูนซีทนี่ครับ...” ราเมนทร์ลุกตามพร้อมหันไปหาน้องชายที่ยังแทบจะนอนซุกกับคนรัก


“รัน....ลุกเลยๆ”


“อือ--- ยุ่งจังนะ” เขาทำเสียงขุ่นพลางขยับตัวลุกออกมา


“จะไปกินข้าวกับพี่บีมนะ”


“ก็ไปกินด้วยกันนี่แหละ กินเสร็จก็กลับบ้านเลย” ใช่ว่าจะแสดงน้ำใจ..แต่เพราะกลัวว่าไปแค่สองคนแล้วจะยาว


“ไปร้านเพื่อนหมอก็ได้ คุณเชฟที่ผมทองน่ะ”


“วันนี้ปิดร้านมั้ง”


“ปิดเหรอ? ลองโทรถามได้ไหมนะพี่บีม” รัญชน์หันมาถามดู ตัวเขานั้นจำวันเปิดและปิดไม่ได้ แต่ก็อยากไปทานสเต็กฝีมือทยุตอีกแน่ๆถึงได้เอ่ยอ้อน


“อืม...แต่ไม่รู้ครัวปิดหรือยังนะ จะสามทุ่มแล้วนี่” พอคนรักอ้อนเข้าหน่อยหมอหนุ่มก็ยอมทำตามแต่โดยดี


เขาโทรศัพท์ไปหาญาณัชเพราะรู้ว่าไอ้ตัวเพื่อนคงกำลังวุ่นวายกับการสู้รบในครัว


...และอีกเหตุผลหนึ่งคือพูดกับญาณัชง่ายกว่า...


“ฮัลโหล ผมบีมนะคุณนัท ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ”


-สวัสดีครับคุณบีม มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ-


“ร้านปิดยังครับ พอดีผมกับแฟนแล้วก็พี่ชายกับแฟนพี่ชาย...” ธนกฤตปรายตามองราเมนทร์ที่ทำหน้าตึงแล้วยิ้มหวานให้


“...อยากไปทานที่ร้าน แต่ว่าดึกแล้ว เลยไม่รู้ว่าจะสะดวกหรือเปล่า”


-จริงๆแล้ววันนี้ไม่ได้เปิดร้านน่ะครับ พอดีอาผมมาเยี่ยมพี่ยุตเลยทำบาร์บีคิวให้น่ะครับ- ปลายสายตอบเสียงนุ่มพลางหันไปถามคนที่กำลังเดินเข้ามาหา


-อาพีท ถ้าเพื่อนของพี่ยุตแวะมาทานด้วยได้ไหมครับ-


-เอาสิ มาหลายๆคนสนุกดี อาไม่ว่าหรอก-


-ครับคุณบีม ถ้าสะดวกก็เชิญเลยนะครับ-


“สี่คนนะครับ คุณนัทเอาพวกเครื่องดื่มไหมครับพวกไวน์ เหล้าเบียร์ หรืออยากให้ซื้ออย่างอื่นด้วยก็ได้นะ”


เขาเคยได้ยินเรื่องของคุณอาใจดีมาจากญาณัช... และคุณอาหวงหลานจากทยุต


...อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไหน


-ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอบคุณนะครับคุณบีม-


“งั้นผมไปกวนอย่างเดียวนะ ฝากบอกไอ้ยุตด้วย”


ธนกฤตของคุณอีกครั้งก่อนจะวางสายไป


“วันนี้ร้านปิดแต่ญาติเจ้าของร้านมาเยี่ยมเลยทำบาบีคิวกินน่ะรัน...เขาบอกว่าให้ไปด้วยกันเลย คนเยอะๆสนุกดี”

 

 








“Hey! Kiddo! Didn't I tell you to drink more milk?”


“Geez! Get your hands off! Old man” รัญชน์ร้องโวยวายเมื่อถูกผู้ชายวัยกลางคน(หรือลุงแก่ที่เขาชอบเรียก) ขยี้ศีรษะจนเรือนผมสีอ่อนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง


ธัชกับรัญชน์เคยรู้จักกันมาก่อนเพราะเด็กหนุ่มร่างเล็กเคยถ่ายโฆษณาให้กับบริษัทของเขา


“แกล้งเด็กอีกแล้วนะ” พิชญ์ที่เพิ่งเดินออกมาพูดพร้อมรอยยิ้มดุๆ


“สวัสดีครับ... ผมพีทครับ”


นัยน์ตาหรี่ๆสองคู่ที่มองชายร่างสูงแสดงอาการสนิทสนมกับเจ้าตัวเล็กหันกลับมาทักทายเจ้าของเรือนผมยาวสีน้ำตาลเข้มที่มีรอยยิ้มดึงดูดสายตา


“สวัสดีครับ-ผมราม”

“สวัสดีครับ หมอบีมครับ”


ราเมนทร์พูดขึ้นพร้อมกับธนกฤตก่อนจะหันหน้ามามองกันแล้วแสร้งทำเป็นมองคนละด้าน


“รัน...รู้จักกันมาก่อนเหรอ” คนเป็นพี่ชายพูดขึ้นซึ่งตรงใจกับธนกฤตอีกครั้ง


“อื้อ ตอนไปถ่ายโฆษณาการ์ดคริสต์มาสเมื่อตอนห้าปีที่แล้วนะ” เขาหันมาตอบพลางรีบหลบออกมาก่อนที่จะโดนขยี้ศีรษะอีกครั้ง


“เด็กที่ไหนไม่รู้ชอบเรียกคนอื่นว่าคนแก่....” ธัชพูดยิ้มๆก่อนจะเดินไปหาคนรัก น้ำเสียงดุๆแบบนี้ปล่อยไว้นานไม่ได้...เดี๋ยวเป็นเรื่อง


“ผมธัชครับ... โลกกลมจริงๆ”


“ครับ... กลมมาก” ธนกฤตที่พอจะมองออกถึงความสัมพันธ์ของคนที่เพิ่งรู้จักก็คลายใจลงจนยิ้มออกมาได้


“แล้วไอ้ยุตกับคุณนัทไปไหนล่ะครับ คุณพีท”


“.... นัทไปช่วยจัดจานชามน่ะครับ บอกแล้วว่าให้ธัชทำได้ก็ไม่ยอม ดื้อไม่เลิกเลย” พิชญ์เอ่ยตอบยิ้มๆ


“เชิญนั่งก่อนเลยครับ ตามสบาย” เขาพูดต่อพลางขยับมือเชื้อเชิญให้นั่งลงที่โต๊ะตัวยาว


เป็นเพราะคนที่มาด้วยเงียบไป ราเมนทร์จึงโอบที่ไหล่บางเบาๆ


ธันย์ชนกไม่คุ้นเคยกับคนเหล่านี้ก็เป็นธรรมดาที่จะเกิดอาการแบล๊งค์... ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร


“สบายๆนะธัน..” ราเมนทร์กระซิบข้างหูเบาๆ


“อืม... ผมไม่รู้... จะพูดอะไร... ดีน่ะครับ” เขาได้แต่ยิ้มอายๆให้กับอีกคนก่อนจะค่อยๆนั่งลงบ้างตามคำเชื้อเชิญ


“แฟนลุงสวยจังนะ ใช้คำว่าสวยได้หรือเปล่า” รัญชน์พูดพร้อมกับรอยยิ้มยียวนขณะมองใบหน้าของพิชญ์ที่ดูจะเหวอๆไปเล็กน้อย


“ยังไม่ใช่ลุงซะหน่อยน่าไอ้เจ้าเปี๊ยก” ธัชพูดขำๆเพราะชินกับการแสดงออกของรัญชน์มาตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว


“ถ้าฉันลุงนะ คนสวยของเราไม่เป็นลุงกว่าเหรอ เขาอายุมากกว่าฉันอีกนะจะบอกให้”


“อย่ามาโกหกนะ ตลกนะ ดูยังไงก็เท่าพี่ธันคนนี้นะ” เด็กหนุ่มเบ้หน้าพลางหันชี้ไปทางธันย์ชนกที่ได้แต่นั่งยิ้มจางๆก่อนจะตกใจที่อีกฝ่ายชี้มาทางตัวเอง


“พีท...รันเขาว่าอย่างนั้นน่ะ” คราวนี้ธัชหันไปหาคนรักของตัวเองบ้าง


“คุณพีทเป็นอาคุณนัทนะรัน...”ธนกฤตเองแม้ไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ช่วยยืนยันจากข่าวที่ได้รับมาอีกครั้ง


“ธันอายุเท่าไหร่แล้วครับ” 'คนสวย'ที่ว่าหันไปถามเจ้าตัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“.... 32... ครับ” ธันย์ชนกเอ่ยตอบเสียงเบา


“หืม... ห่างกันตั้ง10ปีแน่ะ” พิชญ์ว่าก่อนจะหันกลับมายิ้มให้กับเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้ทำตาโตด้วยความตกใจ


“โกหกนะ!!”


“อ้าว หวัดดีไอ้หมอ...คุณรัน คุณพี่ชายแล้วก็อีกคุณอีกคนด้วยครับ” เชฟหนุ่มที่หอบถาดของสดเสียบไม้ที่อยู่บนถาดใบใหญ่เอ่ยทักอย่างทั่วถึง


“คุณพี่ชายชื่อราเมง ส่วนคุณแฟนพี่ชายเขาชื่อคุณธันเว้ย” ธนกฤตแทรกพูดตอบพลางลุกขึ้นไปช่วยพยุงถาด


“หวัดดีอีกครั้งครับ” ทยุตปล่อยให้เพื่อนเป็นฝ่ายถือแล้วหันไปหาคนตัวเล็กที่เดินตามมา ก่อนจะเอื้อมมือไปยกถาดจานให้


“คุณธันเคยมาทานที่ร้านครั้งนึงใช่ไหมครับ ผมจำได้”


“ครับ... หนเดียวครับ... จำได้ด้วยเหรอครับ” ธันย์ชนกยิ้มอายๆที่อีกฝ่ายจำได้ แม้ในใจจะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนมาอยู่ผิดที่ผิดทาง ทุกคนดูจะอารมณ์ดีแล้วก็สบายๆ เป็นคนสนุกสนาน มีแต่เขาที่ได้แต่นั่งยิ้ม


“คุณรันเอาน้ำอะไรดีครับ” ญาณัชเอ่ยถามขณะที่หยิบแก้วเปล่าขึ้นมา


“โค้กครับ”


“ไอ้เปี๊ยก กินโค้กเป็นเด็กๆอยู่เลยนี่” ธัชอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่กวนประสาทเป็นพิเศษในสายตาของรัญชน์


“เอาเบียร์ครับ! กินได้ลุง”


“เฮ้ย เดี๋ยวเมานะรัน” ราเมนทร์เอ่ยแย้ง...และเป็นอีกครั้งที่ตรงใจธนกฤต


“กินได้ ไม่เมาหรอก เมื่อก่อนก็กินกับพวกเอริคบ่อยๆนะ” คนเป็นน้องไม่ฟังเสียงห้ามของพี่ชายแม้แต่น้อย


เอริค...เป็นชื่อที่คุ้นหูมากสำหรับทยุต ชายหนุ่มเริ่มเอาบาบีคิวที่เสียบไว้ย่างบนเตาพลางทาน้ำซอสรสเข้มข้นบนผิวเนื้อ


...ถ้าจำไม่ผิด แฟนวินที่เป็นนายแบบก็ชื่อนี้...


...แต่โลกคงไม่กลมขนาดนั้นมั้ง...


“งอนเลยงอน พูดถึงแฟนเก่าอีกแล้ว” ธนกฤตโน้มตัวมากระซิบที่หูคนตัวเล็กเบาๆ


“ไอ้นั่นอีกแล้ว...หลายคดีแล้วนะนั่น เจอเมื่อไหร่โดนจัดหนักแน่” ราเมนทร์บ่นงึมงำ นัยน์ตาสีสวยปรายไปมองขวดเหล้าสีใสก่อนจะหันไปคุยกับธันย์ชนก


“ธันเอาหน่อยเนอะ...วอดก้ามะนาวไหม”


ธันย์ชนกจำได้ดีว่าคราวก่อนที่ลองตามอีกฝ่าย ก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย


“.... นิดเดียวจริงๆนะครับ”

 

 











“ฮะฮะฮะ จริงเหรอครับ..”


เสียงหัวเราะร่วนของชายหนุ่มคนเรียบร้อยดึงความสนใจจากเตาย่าง ราเมนทร์เงยหน้าที่มันไปด้วยเหงื่อมองไปทางธันย์ชนกซึ่งตอนนี้ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นแดงก่ำพร้อมรอยยิ้มหวานที่มอบให้รอบวง


นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทามองกิริยาน่ารักของคนรักพร้อมๆกับวางแปรงทาน้ำซอสลง


...ให้ตายซิ ไปเมาตอนไหนวะ...


“แล้วก็นะ พอฉันไม่ยอมอาบน้ำก็โดนดุอีก แถมยังขู่ซ้ำว่าถ้าไม่อาบซะทีจะโดนดีแน่...หน้าหนาวของอเมริกามันหนาวจะตายไปนี่นา ใครอยากอาบกันล่ะ” คนที่ครองการสนทนาพูดจบก็เรียกเสียงหัวเราะจากรอบวงและรอยหยิกหมับจากคนรักที่อยู่ข้างๆ


“โอ๊ย! พีทครับ..อายเด็กน่า”


ธัชแกล้งทำหน้าอ้อนแล้วเริ่มรินเหล้ารอบวงอีกครั้ง


“ใครอยากฟังต่อหมดแก้วเลย...”


“พอแล้วธัช... นี่ ธันเขาไม่ไหวแล้วนะ” พิชญ์รีบทำเสียงดุพลางเอื้อมมือไปห้ามไว้


...แต่มีหรืออีกฝ่ายจะฟัง


“ไม่เป็นไรครับ ดื่มได้” เจ้าของชื่อยิ้มหวานให้พลางยื่นแก้วเหล้าที่ว่างเปล่าให้กับธัช


“น่าพีท โตๆกันแล้ว แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก” ธัชรินเหล้าลงไปในแก้วที่ยื่นมารอ


“รอบนี้เพียวเลยไหมคุณธัน”


“ได้ครับ” รับคำเฉยๆไม่พอยังตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานขอบคุณก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด


“ทั้งสองคนนี่ดีจังนะครับ เหมือนพรหมลิขิตเลย” เขาพูดต่อ


“ก็นะครับ...ใครจะไปรู้ว่าคนที่เป็นพรหมลิขิตของตัวเองอยู่ที่ไหน ผมยังต้องไปเจอถึงอเมริกา แถมตายไปหลายปีปล่อยให้เศร้าอีกต่างหาก” คราวนี้ธัชหันไปยิ้มกับคนรัก ท่อนแขนที่โอบเอวอยู่เบาๆรัดแน่นขึ้น


“คุณธันก็เจอคุณรามแล้วนี่ครับ ไอ้เปี๊ยกกับนัทก็ด้วย “


“... ผมกับรามเหรอครับ.....” เขาหยุดนิ่งไปเมื่อพูดถึงชื่อของตัวเองขึ้นมา


“... ถ้าเป็นอย่างพวกคุณคงวิเศษไปเลย” รอยยิ้มหวานในตอนแรกกลับดูหมองลงเล็กน้อย


“แล้วไม่ใช่เหรอครับ” ธัชยิ้มจางๆ จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา...ถ้าหากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดอย่างนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ


“ธัน...เมาแล้วเหรอ” ราเมนทร์ที่เห็นรอยยิ้มที่เปลี่ยนไปรีบเดินผละจากเตาย่างมาหาแล้วก้มลงกระซิบเบาๆ


...เป็นอะไรหรือเปล่านะ...


“เวียนหัวไหม”


“เปล่านะ ไม่เป็นไร” ธันย์ชนกยิ้มกว้างขึ้นพลางส่ายศีรษะช้าๆ


“ก็.. เรื่องนั้นผมยังไม่รู้หรอกครับ” เขาหันไปตอบคำถามของธัช


“เมาแล้ว” ราเมนทร์ดึงใบหน้าสวยที่กำลังยิ้มหวานให้หันเข้าซุกในอกแล้วกอดเอาไว้


...ทุกที...


...ไอ้อาการเมาแล้วยิ้มหวานนี่ขอได้ไหม...


“คุณธัชพอแล้วดีกว่าครับ ธันเขาคออ่าน เราก็ด้วยรัน หน้าแดงหมดแล้ว”


“....... ยังไม่เมานะราม...” เขายันตัวออกมาจากอ้อมกอดนั้น แล้วหยิบแก้วขึ้นมายื่นให้คนรินเหล้าพลางส่งยิ้มหวานให้


“พี่รามเงียบๆไปเลย!!” เจ้าตัวเล็กโวยวายขึ้นมา


“ไม่ให้กินแล้ว พอเลยทั้งสองคนน่ะ!” ...ลองเรียกว่ารามได้เต็มปากเต็มคำแสดงว่าเมาแน่ๆ


“ไม่เป็นไรหรอกคุณราม ถึงเมายังไงก็มีคุณคอยดูแล..ก็ไม่น่าห่วงอะไรนี่”


พอธัชพูดอย่างนั้นชายหนุ่มเลยพูดอะไรต่อไม่ได้ ราเมนทร์นั่งลงชิดกับธันย์ชนกแล้วโอบเอวไว้เบาๆ รอจังหวะที่ทุกคนเผลอกระซิบข้างใบหูนิ่ม


“ผมหวง..ไม่รู้หรือไง”


เจ้าตัวได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มหวานให้แล้วขยับใบหน้าเข้าใกล้


“หวงอะไร...”


“หวงคุณไง....” รอยยิ้มหวานของธันย์ชนกยังคงน่ารักเหมือนวันวาน..น่ารักจนอยากจะเก็บไว้ดูแค่คนเดียว


“มัวแต่ยิ้มให้คนอื่น”


คราวนี้ธันย์ชนกหัวเราะเบาๆออกมาบ้าง


“ก็ยิ้มให้รามอยู่นี่ไง จะบอกว่าฉันไม่ได้ยิ้มเหรอ”


“ยิ้มสิ ยิ้มเรี่ยราดเลยล่ะ” จะถือสากับคนเมาก็ใช่ที่ จริงอยู่ว่าเวลาเมาแล้วคนรักคนนี้น่ารักกว่าปกติ แต่อาการอย่างนี้เขาไม่อยากให้คนอื่นเห็น


...หวง...


...เพราะชอบมาก...


“กระจุ๋งกระจิ๋งกันไม่สนใครเลยนะราเมง” ธนกฤตกับทยุตที่สองมือเต็มด้วยถาดของย่างตามมาสมทบ ซึ่งคนมาทีหลังได้เอาอีกจานที่แยกไว้ให้คนรักโดยเฉพาะวางตรงหน้าญาณัช


“ไม่มีผัก...วันนี้ยอมให้วันนึงนะนัท”


ญาณัชแย้มรอยยิ้มหวานให้กับร่างสูงก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา


“ขอบคุณนะพี่ยุต... ไม่มีกระเทียมใช่ไหม”


“ไม่มีหรอก” มือใหญ่จับเส้นผมที่รุ่ยร่ายทัดให้เบาๆ


“คุณธันครับ อีกแก้วนะ” ธัชที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ขัดขึ้นแล้วยกขวดวอดว้าเทลงกว่าครึ่งแก้ว


“ลองดูสิครับ คุณธันเมาแล้วพูดเก่งขึ้น ดีออกนะผมว่า เอาครับ...ดื่มให้ลืมเมาไปเลย”


“พูดเก่งอะไรครั-!? อ๊ะ” คนฟังหัวเราะไปพลางยกแก้วมา แต่กลับทำเอาว้อดก้าที่อยู่ในแก้วกระฉอกออกหกใส่ตัวเอง


ใบหน้าสวยที่หันมายิ้มแหยด้วยใบหน้าแดงก่ำทำเอาโมโหไม่ออก ราเมทร์หยิบแก้วของธันย์ชนกวางลงบนโต๊ะแล้วลูบน้ำที่เปียกบนเสื้อให้


“เปียกหมดแล้ว กลับบ้านดีกว่าธัน..เดี๋ยวไม่สบาย” ชายหนุ่มโมเมเอาเองแล้วพยุงธันย์ชนกขึ้นยืน


“กลับพร้อมกันสิรัน เราเองก็เดี๋ยวพับไปอีกคนหรอก”


“กลับไปเลยไป... รันยังกินบาร์บีคิวกับเบียร์อยู่นะ” รัญชน์ร้องท้วงพลางยกมือไล่


“ราม ฉันบอกว่าไม่เป็นไรไง นิดเดียวเองนะ เดี๋ยวก็แห้งแล้ว” ธันย์ชนกไม่ยอมง่ายๆเหมือนปกติ ซ้ำยังยิ้มให้หมายจะคลายความกังวลบนใบหน้าของราเมนทร์ออกด้วย


“ไม่เอา กลับเถอะ...นะธัน....”


สำหรับรัญชน์ ถ้าดื้ออยู่อย่างงี้ต่อให้ช้างมาฉุดก็ไม่ไป แต่ธันย์ชนกที่ทำท่าดื้อแบบเบาๆยังน่าจะพอไหว


“กลับกันนะธัน ผมง่วง กลับไปห้องธันนะ”


“เขาไม่อยากกลับก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไม่ก็ยุตไปส่งเองก็ได้ คุณรามไม่ต้องห่วงนะ” ธัชนึกสนุกแกล้งพูดออกมา


...ดูสิว่าจะเป็นยังไง...


“รบกวนคุณธัชกับคุณยุตเปล่าๆครับ ธันเองก็ไม่ไหวแล้ว....ผมเป็นแฟนผมรู้ดีครับ” อารามที่ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่างทำให้ชายหนุ่มเผลอตอบห้วนๆ


“เหรอ...” คนที่เมาไปไหนถึงไหนแล้วลากเสียงยาวก่อนจะหันมาจ้องตาราเมนทร์จังๆ


“จะกลับแล้วเหรอ”


“อื้อ กลับกันธัน” ชายหนุ่มยิ้มให้แล้วกล่าวลาทั้งรอบโต๊ะ


“ไอ้หมอ พารันกลับบ้านด้วยล่ะ อย่าทิ้งไว้แถวนี้”


“อือน่า ไม่บ้านผมก็บ้านคุณพี่แหละ”


“รัน...เบียรน่ะอย่าให้มันมากนักล่ะ”


“ไปเลยไปนะ ไม่ต้องบ่นเป็นคนแก่แล้วนะ” เด็กหนุ่มทำมือไล่อีกครั้งก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มต่อ


“สวัสดีครับ ไว้มีโอกาสแล้วพบกันใหม่นะครับ” ธันย์ชนกยกมือไหว้พร้อมก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้กับทุกคนแล้วหันมาหาคนข้างๆ


“อือ กลับก็กลับ ถ้ารามง่วงแล้ว”


“ไปก่อนนะครับ” ราเมนทร์เอ่ยซ้ำแล้วประคองธันย์ชนกค่อยๆเดินมาที่รถซึ่งจอดไว้หน้าร้าน


“ทีหลังไม่ให้กินเหล้ากับคนอื่นแล้ว...” เขากดเปิดล็อคก่อนจะจับร่างเพรียวพิงรถไว้


“ทำไมล่ะ รามเคยบอกว่าน่ารักไม่ใช่เหรอ” คนเมาไม่ถามเปล่า รอยยิ้มหวานยังอยู่บนใบหน้าไม่หายไปไหน ถึงจะจำเรื่องที่เกิดตอนเมาไม่ได้ แต่ที่ราเมนทร์เคยพูดไว้ตอนไม่เมานั้นจำได้แน่นอน


“ผมหึง” คนฟังยอมรับออกมาได้หน้าตาเฉย พอๆกับที่ย้ายที่ยืนเปลี่ยนเป็นคร่อมร่างเพรียวกางกั้นไว้ด้วยสองแขน


“มัวแต่หัวเราะกับคุณธัชไม่สนใจผมเลย...”


“จริงเหรอ” ธันย์ชนกถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ


“จริงสิ” ปลายนิ้วสากเกี่ยวแว่นออกจากใบหน้าสวยที่แดงก่ำก่อนจะกดจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากสีระเรื่อ


“... ถ้างั้นก็ดีจัง” รอยยิ้มหวานวาดขึ้นบนใบหน้าสวยหลังจากราเมนทร์ถอนริมฝีปากออกไป


“รามหึงฉัน... แปลว่าเริ่มชอบฉันขึ้นมาบ้างแล้ว... ใช่ไหม”


“.....ชอบสิ....”ราเมนทร์ตอบเบาๆ


เขาชอบธันย์ชนก..ชอบมาก


แต่แค่เพียงมันไม่ใช่รัก...


คนเห็นแก่ตัวอย่างเขารู้ดีว่าการแบ่งความรู้สึกอย่างนี้..ถ้าธันย์ชนกรู้จะเจ็บปวดแค่ไหน


...ถ้ารักคนๆนี้ได้..คงจะมีความสุขมาก...


ใบหน้าหวานขยับเข้าหาอีกครั้งก่อนจะเอ่ยแผ่วเบา


“แล้วสักวัน... รามก็คงรักฉันได้... ใช่ไหม....”


...สักวันที่ว่านั้น...


...จะมาถึงเมื่อไหร่...


“ถ้าคุณธันยังชอบผมอย่างนี้...ก็คงใช่” ราเมนทร์รวบร่างบอบบางเข้ามากอดเบาๆพร้อมกับหอมที่เส้นผมดำสลวย


“ผมดีใจนะ...ที่คนที่คุณชอบคือผม..”


...ปัจจุบันที่มีความสุข...


...ผมไม่อยากสูญเสียไปอีกแล้ว...


“ฉันไม่ได้ชอบราม...” เขาหัวเราะเบาๆพลางแตะปลายจมูกที่ริมแก้มสากของอีกฝ่าย


“ฉันรักรามต่างหาก....”


คำบอกรักตรงไปตรงมาของธันย์ชนกทำให้ราเมนทร์ยิ้มออกมาได้จากหัวใจ เขาสวมกอดแน่นขึ้นพร้อมกับเคลียคลออยู่ข้างผิวแก้มนิ่มๆ


“ธัน...รักผมมากๆนะ”


หนึ่งในนับร้อยความเจ็บปวด...คงจะเป็นการที่ในวันนึงไม่มีคนๆนี้อยู่เคียงข้างแล้ว


“อยู่กับผมนะ”


ความอ่อนแอของเขามีไว้ให้คนๆเดียวเห็น...คนที่ชื่อธันย์ชนก
 

 

 

 

 
To be continued...




kagehana : พี่ธันของเค้าเมาแล้วยิ้มหวานเรี่ยราดฟีโรโมนกระจุยกระจายยยยยย ฮิฮิฮิ

ออฟไลน์ michiri.sama

  • ลูกเป็ดที่หมกมุ่นในโลกสีม่วง (´∀`)♡
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เดี๋ยวนะคะ มีกันสี่คู่แต่ละคนผลัดกันเรียกชื่อเล่นชื่อจริงทำเอามึนไปนิดหน่อยเหมือนกัน 555

เมื่อไหร่คุณพี่รามจะรักธันซักทีนะ
รักเขาแต่เขายังไม่รักกลับนี่เจ็บปวดเนอะ
คงต้องรออย่างเดียว

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

-31-




“สนุกจังนะธัช” พิชญ์เอ่ยขึ้นหลังจากที่แขกทุกคนกลับไปแล้ว

“หืม พีทไม่สนุกเหรอ” ธัชพูดด้วยน้ำเสียงมึนนิดๆ

“ทำหน้ายักษ์เชียว”

“เปล่า... ไม่มีอะไร......” เขาตอบเสียงเรียบพลางเดินหนีไปอีกทาง

ไอ้ที่ว่าไม่เป็นไรน่ะมันตรงไหนกัน

“พีทเดี๋ยวสิ เป็นอะไรเหรอ” ร่างสูงเดิมตามไปแล้วดึงร่างบางเข้ามากอด

“ผมทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า”

ได้ยินคำพูดอีกฝ่ายแบบนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆกับความเป็นเด็กของตัวเอง

...ทั้งๆที่แก่แล้วแท้ๆ...

“... เปล่าหรอก ธัชไม่ได้ทำอะไร....”

“ไม่เอานะพีท เราเคยคุยกันแล้วนี่ว่าจะไม่ปิดบังกัน” มือใหญ่จับปลายผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นมาจูบเบาๆ

“งอนอะไรผมอยู่...”

“เจอคนเด็กกว่าก็เลยดี๊ด๊า......... น่ะ...” พิชญ์เอียงหลบเล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทั้งๆที่พวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

“หือ? เด็กกว่าอะไร ผมไม่เห็นเข้าใจเลย” ร่างสูงฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายยังทำหน้าคิดไม่ตกเดินกอดพาไปยังมุมสวนที่มีเจ้าตัวกวนสองตัวที่เพิ่งตื่นเดินวนไปมา

“เด็กดีๆ ไปเล่นตรงอื่นก่อนนะ” ธัชลูบบนหัวกลมๆของเจ้าตัวใหญ่แล้วตบก้นเบาๆให้เดินออกไป

“ก็คนอื่นๆน่ะสิ... รันก็ด้วย แบบนั้นเหมาะกับเรามากกว่ารึเปล่า” เขาพูดโดยไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย

พอรู้ว่าอาการของอีกฝ่ายคืออะไร คนที่อายุน้อยกว่าก็ยิ้มกว้างกลางกอดแน่นขึ้น

“รันน่ะเด็ก... เด็กมาก เป็นลูกเราได้เลยนะ... พีทหึงผมหรือไง ผมกับรันไม่มีอะไรกันจริงๆ แล้วพีทจำไม่ได้เหรอว่าผมเคยพูดอะไรกับพีทไว้....”

“จำ..... ได้...” ร่างบางตอบเสียงเบาก่อนจะเอ่ยต่อ

“ก็... ฉันจะหึงบ้าง... ไม่ได้หรือไง.....” น้ำเสียงของเขาฟังดูขุ่นคล้ายกับจะดุอีกฝ่าย

“ได้สิ แต่พีทต้องรู้ไว้นะ...” ท้ายประโยคคำพูด ธัชได้หมุนตัวของพิชญ์มาไว้ตรงหน้าแล้วจูบเบาๆที่ริมฝีปากบางสวย

“พีทจะแก่... จะตาย... หรือจะฟื้น อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของผมคือพีทนะ”

“....... อันนั้นได้ยินจนจำได้แล้ว...” เขายังคงทำหน้าขึงขังใส่อีกฝ่ายกลบความเขินอายที่พุ่งขึ้นมา

“ก็พีทมัวหึงผมจนลืมไปไง เลยต้องย้ำบ่อยๆ” จมูกโด่งกดลงบนแก้มนิ่มเบาๆ

“ดีใจจังนะ แก่เป็นลุงป่านนี้แล้วพีทยังหึงผมกับเด็กรุ่นลูกอีก”

“ก็เราน่ะ... ดูดีออกขนาดนี้... ช่วยไม่ได้นะ...” พิชญ์ยิ้มอย่างคนยอมแพ้ เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆกับความเป็นเด็กของตัวเองอีกครั้ง

“ผมต่างหากล่ะที่ต้องพูดอย่างนั้น พีทตั้ง42แล้วแต่ยังน่ารักอยู่เลย” ธัชจบบทสนาด้วยจุมพิตหวาน... เนิ่นนาน

...ผมรักพีท...

...ไม่ว่าจะถึงเมื่อไหร่ผมก็ยืนยันคำเดิม...

 

 








“ราม... อุ้มฉันไหวจริงๆด้วย” ธันย์ชนกเอ่ยกลั้วหัวเราะหลังจากถูกวางลงบนเตียงหลังกว้าง

“ไหวสิ ธันตัวเล็กจะตายไป กินก็น้อย” ราเมนทร์บ่นงึมงัมแล้วนั่งลงบนเตียงบ้าง

“อาบน้ำไหวไหม หรือจะเช็ดตัว”

“อาบสิ...... ไม่งั้นนอนไม่ได้หรอก” ร่างเพรียวลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ต้องเซล้มไปอีกครั้ง

“เมาขนาดนี้ผมอาบให้ดีกว่า” ราเมนทร์ยิ้มส่ายหัวเบาๆกับอาการหลุดๆของธันย์ชนก เขาคว้าแขนเรียวให้คล้องบ่าแล้วเดินไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ด้านใน

“แช่น้ำอุ่นนะ”

“อะไรก็ได้ราม” เขาตอบยิ้มๆก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้พาตัวเองไปถึงห้องน้ำ

ราเมนทร์เปิดน้ำอุ่นจากก็อกให้ไหลลงอ่าง เสื้อผ้าชื้นๆของธันย์ชนกถูกถอดออกอย่างเบามือ เขาเทผงอาบน้ำกลิ่นหอมหวานลงในอ่างแล้วเปิดฝักบัวราดบนผิวเปลือยเบาๆ ฟองน้ำชุ่มครีมอาบน้ำถูกเอามาขัดตรงแผ่นหลังบอบบาง

“ดีไหมธัน....”

“อือ... สบายจัง เหมือนในหนังญี่ปุ่นเลย” คนอายุมากกว่ายังคงยิ้มไปหัวเราะไป

หนังเอวีน่ะสิทำหน้ายั่วกันขนาดนี้...

ราเมนทร์พยายามเบามือถูทำความสะอาดร่างเปลือยตรงหน้า เขากลั้นใจราดน้ำฝักบัวลงบนผิวเนียนละเอียด

“สบายตัวยัง... แช่น้ำนะ”

“รามก็แช่ด้วยกันเนอะ” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้าของธันย์ชนก

พอได้ฟัง เส้นความรู้สึกที่คอยประคองไว้ก็เหมือนจะขาดลงทันที ชายหนุ่มดึงร่างบางเข้าหาแล้วประกบจุมพิตเร่าร้อนบนริมฝีปาก มือใหญ่ลูบไล้ทั่วร่างเปล่าเปลือย เสียงเปียกชื้นสะท้อนก้องในห้องน้ำที่เต็มไปด้วยควันจากน้ำอุ่น

“อย่ามา... ยั่ว... กันนะ...”

“ฉัน... เปล่า” เขาตอบเสียงเบาก่อนที่จะปล่อยร่างกายให้ราเมนทร์ได้ประคองไว้แต่คนเดียว จากที่ยืนไม่ค่อยจะไหวอยู่แล้ว พอถูกรุกไล่อย่างเร่าร้อนเช่นนี้ยิ่งทำให้หมดแรง

“เปล่าอะไร อย่างนี้แกล้งกันชัดๆ” ร่างสูงถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกเผยร่างกายกำยำเปียกชื้น  ริมฝีปากรุ่มร้อนลากไล้เบาๆก่อนจะย้ำแรงขึ้นจนเกิดรอยแดงก่ำ

“กลัวไหม....”

“กลัวทำไม... รามจะไม่ทำร้ายฉันไม่ใช่เหรอ” นอกจากจะไม่สั่นแล้ว ธันย์ชนกยังยิ้มจางๆให้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายกังวล

“อืม... ไม่ทำอีกแล้ว” ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดไร้อาการสั่นไหวเหมือนเมื่อครั้งก่อน ราเมนทร์แนบกายเปล่าเปลือยเข้าหาให้ร่างกายทั้งหมดสัมผัสกันแนบชิด

“แต่คนเมายั่วอย่างนี้ระวังไว้นะ... ผมอดทนไม่เก่งหรอก...”

“ฉันบอกว่าไม่ได้ยั่ว... อย่ากล่าวหากันสิราม” มือสองข้างยกขึ้นแตะใบหน้าของคนที่รักสุดหัวใจ

ราเมนทร์จับมือทั้งสองข้างมาจูบกลางฝ่ามือเบาๆก่อนจะพามันไปฝากไว้ที่เอวของตัวเอง ชายหนุ่มยกขาเรียวของคนรักให้ชันขึ้น เขารุกไล่จนแผ่นหลังของร่างบางแนบชิดกับกำแพง ปลายนิ้วสากสอดเข้าใต้ท่อนขาเรียวที่ถูกยกทั้งท่ายืนก่อนจะเอื้อมไปสัมผัสช่องทางด้านหลังที่ยังหุบแน่น

“ผมเอาจริงนะ...”

“อือ...” ธันย์ชนกในตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะเอ่ยปฏิเสธอะไรได้ ในยามปกติก็แทบจะยอมราเมนทร์ทุกเรื่องอยู่แล้ว ลองมึนเมาเพราะเหล้าที่ดื่มเข้าไปแบบนี้ ยิ่งมีแต่จะตามใจมากขึ้น

ร่างสูงบดเบียดจุมพิตหวานที่ปนไปด้วยความหึงหวงและปรารถนา นิ้วมือที่ช่ำชองปลุกเร้าด้านหน้าที่ยังอ่อนตัวของธันย์ชนกเช่นเดียวกับอีกมือที่คลึงเคล้นด้านหลังไปพร้อมๆกัน

...จะทำให้ชอบมากขึ้นอีกเท่าไร...

เวลาเมาก็น่ารัก เวลาปกติก็อยากดูแล ธันย์ชนกเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตของเขาเพิ่มมากขึ้นจนราเมนทร์รู้ว่าขาดคนๆนี้ไม่ได้อีกแล้ว

“... อึ๊ก--! ราม...” นัยน์ตาคู่สวยที่หรี่ปรือจ้องมองภาพใบหน้าของร่างสูงพลางเอ่ยเรียกให้สนใจ

“.... รักฉัน..... บ้าง... นะ.....”

“อืม...” ราเมนทร์ตอบรับในลำคอเพราะไม่สามารถบอกได้ว่ารัก ความรู้สึกในตอนนี้มีแต่ชอบจนเกือบเทียบเท่า... แต่ยังไม่ใช่

...ผมอยากรักคุณ...

“ผม... จะพยายาม...”ราเมนทร์กระซิบเสียงแผ่วกับตัวเองแล้วโอบร่างบางให้มาพักพิงที่อก แก่นกายแข็งขืนเสียดสีกันเบาๆกระตุ้นให้ความตื่นตัวและอารมณ์หวามไหวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“พรุ่งนี้อย่าว่าผมนะ...”

ท่อนแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบศีรษะและลำคอหนาจนแน่นก่อนจะเอ่ยตอบเสียงพร่า

“ฉันรักราม..... อ... ฉันไม่ว่า... หรอก”

อยากจะตอบรับคำว่ารักนั้น... แต่อยากให้ความรู้สึกมั่นคงกว่านี้

...เพราะเขาไม่สามารถรักใครได้พร้อมกันถึงสองคน...

มือหยาบกุมส่วนอ่อนไหวของอีกคนแล้วขยับเชื่องช้า ราเมนทร์จูบผิวแก้มแดงๆของคนรักที่หรี่ตาปรือปล่อยร่างไว้กับเขา ลมหายใจยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์อยู่แต่ยิ่งราวกับจะเร้าอารมณ์ให้ยิ่งสูงขึ้นไป กลิ่นกายหอมยิ่งหอมขึ้นเมื่อเจอกับน้ำอุ่นๆที่ราดรดบนผิวขาวละเอียด

“..ชอบไหม...”

“อ... ราม... อือ-- ม-- ไม่ไหว... อึก-!!” ร่างเพรียวบางเกร็งจนแน่นก่อนจะปลดปล่อยออกมา ทุกอย่างรอบตัวเหมือนกับจะเป็นแรงกระตุ้นชั้นดี บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่อยู่ในตัวแล้ว ความสุขสมที่พุ่งขึ้นสูงคล้ายกับเป็นการใช้พลังส่วนสุดท้ายในร่างกาย

“... อืม.....” แขนสองข้างที่ยกกอดราเมนทร์ไว้ค่อยๆคลายออกก่อนที่ใบหน้าจะเอนซบเข้ากับไหล่กว้าง

“...ธัน...” ราเมนทร์เรียกชื่อเบาๆเมื่อเห็นธันย์ชนกนิ่งซบอยูนาน เขากดจูบเบาๆบนไหล่นวลซึ่งก็ไม่ได้รับการตอบสนองอะไรมากไปกว่าเสียงครางในลำคอ ราเมนทร์ดึงร่างบางออกจากอ้อมกอด... แล้วพบว่าคนรักตัวดีของเขาหลับใหลไปแล้ว

“โห... ชิ่งเลยนะธัน” ราเมนทร์ยิ้มอ่อนใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นอุ้มร่างบอบบางไว้ในอ้อมแขน

...วันนี้ฟาวส์สินะ...

“คอยดูนะ... คราวหน้าผมจะเอาคืน” ราเมนทร์คาดโทษด้วยรอยยิ้มหวานก่อนจะตบท้ายการลงโทษด้วยจูบ... เนิ่นนาน

 

 







“โอย....” ธันย์ชนกค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับอาการปวดศีรษะจนต้องร้องโอดโอยออกมา

“... ปวดหัว....”

“แหงสิ... เมื่อคืนดื่มไปเยอะนี่” คนที่นอนไม่หลับทั้งคืนพูดเสียงขุ่น ก่อนจะยิ้มพรายแล้วแกล้งดึงคนเพิ่งตื่นเข้ามาคลอเคลีย

...แกล้งสักนิดก่อนดีกว่า...

“เมื่อคืนธันน่ารักมากเลยรู้ไหม ผมไม่นึกเลยว่าธันจะทำได้ถึงขนาดนั้น...”

“?!!! อะไร?? ผม... ไม่เห็นรู้เรื่องเลย... ครับ” ธันย์ชนกทำหน้าตกใจซ้ำยังถามเสียงดังกว่าปกติ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“ใจร้ายจังนะ ทำกับผมถึงขนาดนั้นแท้ๆ.....” ราเมนทร์ทิ้งเสียงยาวพลางแกล้งถอนหายใจ

“ไม่ยักรู้ว่าธันออนท็อปเป็น”

คราวนี้คนฟังถึงกับหน้าแดงจัดจนถึงคอก่อนจะรีบซ่อนใบหน้ากับหมอนใบนุ่ม

“ผม.... ไม่รู้-!!”

“ก็เมาไม่รู้เรื่องเลยนี่นา ในห้องน้ำก็ด้วย... ยืนจนเมื่อยขาเลย” กิริยาน่ารักของธันย์ชนกยิ่งเหมือนตัวเร่งให้ยิ่งอยากแกล้ง

“ธันเกี่ยวผมไว้... ไปต่อในอ่างอาบน้ำ จบลงที่เตียง ผมเกือบใส่เสื้อนอนให้ไม่ได้แน่ะ ธันรั้งผมไว้ทั้งคืนเลย”

“ไม่พูดแล้วได้มั้ยครับ.....” คนขี้อายได้แต่หันหนี ยิ่งได้ยินจากปากอีกฝ่ายยิ่งรู้สึกเขินจนไม่อยากมองหน้า

“ทำเป็นจำไม่ได้ ผมน้อยใจนะ” แกล้งทำเสียงเศร้าพร้อมก้มลงซ่อนแววตาขำ

“รู้งี้ให้นอนแบบโป๊ๆดีกว่า”

“พอแล้ว! ฉันไม่พูดกับรามแล้ว!” พอถูกแซวถึงจุด ธันย์ชนกก็พูดเสียงดังออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ทีท่าอย่างนั้นทำเอาคนแซวตกใจไปพักหนึ่ง ก่อนรอยยิ้มหล่อเหลาจะแย้มกว้าง

“ถ้าธันเรียกผมว่ารามเฉยๆเหมือนเมื่อกี้... เหมือนตอนเมา ผมจะบอกอะไรธันอย่างหนึ่งล่ะ” ราเมนทร์อมยิ้มเจ้าเล่ห์

...โกรธแบบนี้ยังน่ารักเลย...

ร่างเพรียวบางนิ่งไปก่อนจะนึกต่อว่าตัวเอง จะให้เรียกอีกฝ่ายเฉยๆแบบนั้นได้อย่างไร

เมื่อกี๊มันเพราะอารมณ์ชั่ววูบชัดๆ!!

“........................... อะไร... ครับ............. ราม”

“คืองี้นะครับธัน” ชายหนุ่มแกล้งทำเสียงเป็นทางการ

“ที่บอกว่าออนท็อป ทั้งคืนไม่ยอมปล่อย...” ท่อนแขนแข็งแรงรั้งธันย์ชนกเข้ามาหาอ้อมกอด

“.........ผมอำเล่น”

“!!?” ได้ยินแบบนั้นคนที่ถูกต้อนได้แต่พยายามดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั้น

“..... แกล้งผม.... นะครับ”

“ก็ธันทำผมไว้ก่อน เมื่อคืนผมทำให้คุณเสร็จ คุณก็ชิ่งหลับให้ผมค้างอยู่คนเดียว แถมต้องอาบน้ำใส่ชุดนอน ลากคนเมาหลับขึ้นเตียงอีก” ชายหนุ่มบ่นยิ้มๆแล้วซุกจมูกลงที่ซอกคอหอมกลิ่นพีชอ่อนๆ

“คนใจร้าย...”

“......... ขอโทษ.... ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเสียงแผ่วก่อนจะขยับเข้าหาเล็กน้อย

“... ทำให้ลำบาก...... หรือเปล่า... ครับ”

“เป็นแฟนกันนะธัน เรื่องแบบนี้เขาไม่เรียกลำบากหรอก” ชายหนุ่มเอ็นดูน้ำเสียงเบาๆที่ชอบถามอย่างเกรงใจ... จนบางครั้งก็รู้สึกว่าเกรงใจมากเกินไป

ราเมนทร์ขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วยกคนที่ตัวเล็กกว่าให้มาพิงที่อกพลางกอดไว้เบาๆ

“อย่าเกรงใจผมเยอะเลย เอาแต่ใจบ้างก็ได้”

“ถึงจะพูดแบบนั้น... ผมจะเอาแต่ใจเรื่องอะไรล่ะครับ......” เขารู้สึกคล้ายหัวใจพองโตขึ้นมาทุกครั้งที่ได้ยินราเมนทร์พูดคำว่า 'เป็นแฟนกัน'

...ตอนนี้ผมกับคุณเป็นแบบนั้นจริงๆแล้วใช่ไหมครับ...

...ถึงอย่างนั้น ธันย์ชนกก็ไม่กล้าถามออกไปว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกับตัวเขาบ้างแล้ว

“ก็เรื่องอะไรก็ได้... แบบ อยากให้ผมอยู่ด้วยนานๆ อยากไปเที่ยวไหน อยากให้ผมทำอะไรให้” ปลายคางที่มีตอเคราเขียวเพิ่งขึ้นกดเบาๆตรงกลางศีรษะ

“มีแต่คุณที่ทำให้ผม ต้องตื่นเช้ามาทำกับข้าวให้ทั้งที่นอนดึก คอยเอาเบียร์มาให้ตอนผมกลับมา... หมู่นี้น่ะผมก็รู้ตัวเหมือนกันนะว่าอ้อนคุณเกินไป... อาจจะทำให้คุณลำบากใจก็ได้”

...เพราะเป็นความเคยชินอันแสนอบอุ่น...

...ก็เลยเผลออ้อนไปเยอะ...

“ก็... ผมเต็มใจทำให้... ไม่ลำบากใจหรอกครับ....” เขาขดตัวให้เล็กลงพลางขยับรับความอบอุ่นให้มากขึ้น

“... เดี๋ยวจะไปญี่ปุ่นกันแล้ว... ดีใจแล้วครับ...”

“นั่นสินะ... ญี่ปุ่น” ราเมนทร์พึมพำเบาๆแล้วก้มลงหอมแก้มนวลที่ขึ้นสีแดงก่ำ

...ขอแค่คุณมีความสุข...

...ผมก็ยินดี...

 

 








“โรงแรมแบบโบราณนี่บรรยากาศดีจังนะครับ” ธันย์ชนกพูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ เขาเลื่อนมือเปิดบานประตูที่มองออกไปเห็นสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งไว้สวยงาม

“... ค่าโรงแรมแพงหรือเปล่าคุณราม”

“ไม่เท่าไหร่หรอก...” ตอบเสร็จชายหนุ่มที่เดินตามออกมาก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเป่าออกมาช้าๆ

...ต่อให้ราคาเท่าไหร่ หากได้มากับคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เขาก็ยินดีจ่าย

“ยังหนาวอยู่เลยเนอะ แต่ที่นี่มีบ่อน้ำร้อนด้วย ไว้เย็นๆไปแช่ด้วยกันนะ”

“.... อ... อืม” เขาหันมาหาราเมนทร์แล้วแย้มรอยยิ้มให้ มาเที่ยวญี่ปุ่นคราวนี้อีกฝ่ายขอไว้ ทำให้ธันย์ชนกยอมไม่ใส่แว่นกรอบหนาปกปิดดวงตาสวย

“ธันอยากนอนพักก่อนเปล่า หรือว่าหิวแล้ว” ราเมนทร์เดินกลับเข้าไปในห้องหาสิ่งที่โรงแรมญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว

“เอ... ยูคาตะนี่เค้าใส่เลยได้ไหมนะธัน หรือว่าต้องอาบน้ำก่อน”

“ผมว่า... อาบน้ำก่อนน่าจะดีนะครับ เพิ่งอาบน้ำร้อนมาแล้วใส่ยูคาตะจะสบาย... ครับ” ชายหนุ่มร่างเพรียวเดินตามเข้ามาโดยมีรอยยิ้มจางๆประดับอยู่บนใบหน้า

“ธันน่าจะใส่ยูคาตะขึ้นเนอะ” นัยน์ตาพราวระยับมองอย่างคาดหวัง ดูเหมือนว่าราเมนทร์จะหลงมนต์เสน่ห์ของญี่ปุ่นและยูคาตะเข้าแล้ว

“งั้นธันใส่นอนนะ”

“ด... เดี๋ยวก่อนสิครับ ใส่นอนจะสบายเหรอครับ... ผมไม่เคยนะ...” ธันย์ชนกร้องท้วงก่อนจะหลบมองไปทางอื่น ไม่รู้เพราะอะไร แต่สายตาของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ก็น่าจะสบายนะ ผ้าบางๆเอง มาอยู่โรงแรมแบบนี้แล้วไม่ยอมใส่ก็เสียดายแย่สิ” มือใหญ่จับยูคาตะที่พับไว้คลี่ออก แล้วเดินเอามาคลุมร่างเพรียวไว้

“ลองใส่ดูก่อนไหม ใส่ทับเสื้อเลยก็ได้”

“ผมใส่ไม่เป็นนะครับ คุณรามใส่เป็นเหรอ...” หนุ่มนักเขียนขี้อายได้แต่ยืนเก้กังปล่อยให้อีกฝ่ายทาบผ้าลงมาบนตัว

“ใส่ไม่เป็นหรอก แต่ก็แค่พันๆแล้วเอาผ้าเล็กๆนี่ผูกไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มทาบผ้าเอามาทบกันแล้วเอาสายคาดเอวผูกรอบ ท่อนแขนแข็งแรงโอบมาด้านหน้าก่อนตัวจะเดินตามแล้วคุกเข่าผูกปมให้

“ยากเหมือนกันแฮะ ปมนี่ต้องผูกยังไงรู้ไหมธัน”

“ไปถามพนักงานจะง่ายกว่าไหมครับ” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ

“อืม... เดี๋ยวค่อยถามก็ได้ ธันหิวไหม เดินทางเพลียหรือเปล่า” ราเมนทร์ดึงธันย์ชนกให้ลงมานั่งบนเสื่อทาทามิแล้วแกะปมที่เขามัดไว้ให้

“แล้วก็นะ...ไอ้คำสุภาพกับที่เรียกผมว่าคุณรามๆน่ะ เลิกเถอะนะ...” น้ำเสียงอ้อนจางๆถูกย้ำพร้อมรอยจูบที่ผิวแก้ม

“....... ก็...... ชินแล้วครับ...” เขายิ้มบางๆให้อีกทีขณะเอียงใบหน้ารับจูบของอีกฝ่าย

“ก็หัดเรียกรามอย่างเดียวให้ชินสิ”

การที่ธันย์ชนกทำตัวสนิทสนมและยอมทำตามความเอาแต่ใจของเขานั้น... ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจพองโต

ยิ่งได้อยู่ด้วยกันยิ่งทำให้ชอบมากขึ้นทุกที

...จนไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ตรงไหน...

“ไหนลองสิ....”

“..... ราม......... ขำออกครับ” คราวนี้ธันย์ชนกหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

อาการยิ้มแย้มผิดกับเมื่อก่อนเหมือนสิ่งที่ทำให้เขาภาคภูมิใจ... ว่าเป็นเพราะเขา คนๆนี้ถึงได้ยิ้มได้

“ขำตรงไหน แฟนกันเขาก็เรียกกันแบบนี้แหละ”

“.... ก็ผมไม่ชินนี่ครับ คุณรามห้ามผมไม่ได้หรอก....” ธันย์ชนกยังคงหัวเราะเบาๆ ไม่ใช่ว่าเขาเรียกไม่ได้ แต่ก็ยังรู้สึกเคอะเขินอยู่บ้าง และเพราะยังไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ในตอนนี้สักที

“ก็ได้..ยังมีเวลาอีกเยอะ ไว้ผมจะทำให้เรียกรามเฉยๆให้ได้เลย”

 

 

 

 

To be continued...

 

kagehana :

สวัสดีค่ะ หายไปนานจนโดนย้ายมาห้องนิยายยังไม่จบเลย แง

จริงๆเรื่องนี้จบแล้วค่ะ แต่เราเอามาลงช้า สารภาพว่าลืม น้อมรับความผิดค่ะ /โค้ง

เอาเป็นว่า สำหรับคนที่ติดตามอ่านอยู่ตอนนี้ ก็ขอฝากตอนต่อๆไปด้วยนะคะ สัญญาว่าจะมาลงให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะตอนนี้กำลังเริ่มโปรเจ็คภาค2กับดอกไม้อยู่ อิอิ

ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-32-



“ธันทานพวกปลาดิบได้ไหม” เสียงทุ้มดังขึ้นหลังจากเปิดเมนูดู แม้ว่าจะเป็นโรงแรมเก่าแก่แต่เพราะมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวจึงมีเมนูภาษาอังกฤษไว้ให้ด้วย

“ได้ครับ” เขาเอ่ยตอบขณะที่ไล่สายตาไปบนเมนู

“แล้วธันเอาอะไรดี ผมเอาชุดปลาบุริย่างซอสแล้วกัน... อืม ซาชิมิด้วยไหม ที่มาบนเรือน่ะ” ราเมนทร์ชี้ชวนให้ดูภาพในเมนู

เขาชะโงกตัวไปดูก่อนจะยิ้มให้น้อยๆ

“เอาปลาหิมะย่างเกลือครับ... ซาชิมิด้วยก็ได้....”

ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วหันไปพูดภาษาอังกฤษสั่งอาหารกับสาวเสิร์ฟในชุดยูคาตะ ตอนแรกนึกว่าต้องลำบากในการสื่อสาร แต่เพราะพนักงานมีภาษาที่ดีพอสมควรเลยไม่ยากลำบากนัก

“ที่นี่สงบดีนะ แต่ข้างนอกนี่บรรยากาศวาเลนไทน์มาเต็มๆ คนญี่ปุ่นนี่ขี้เห่อชะมัด แถมยังเป็นสาวๆให้อีกต่างหาก ถ้าเป็นที่ออสเตรเลียส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายให้คนรักมากกว่า” ราเมนทร์พูดขึ้นหลังจากที่อยู่กันตามลำพัง

“...ธันชอบกุหลาบไหม...”

“...” คนถูกถามได้แต่ยิ้มออกมาจางๆก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ

“ผมไม่ค่อยชอบกลิ่นมันน่ะครับ ถ้าเป็นลิลลี่ก็โอเคครับ”

ลิลลี่...ดูจะเป็นดอกไม้ที่เศร้าไปหน่อย ถ้าเป็นกุหลาบขาวคงเหมาะกว่า...ราเมนทร์คิดในใจ

“แต่ธันกลิ่นพีช....” ราเมนทร์พูดเบาๆแล้วยิ้มอย่างมีความนัย จนคนฟังถึงกับออกอาการหน้าแดง

“ผมก็ชอบ กลิ่นพีช... หอมหวาน... แต่เศร้า..”

...เหมือนคุณ...

“............ คุณราม... พูดอะไร... ไม่รู้........... ครับ” เจอพูดเอาตรงๆแบบนั้นธันย์ชนกถึงกับหาคำพูดไม่ถูก จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากหลบสายตาอีกฝ่าย

“ก็ธันตัวหอมเหมือนพีชเลยไง” ราเมนทร์พูดหน้าตาเฉยแถมยังยิ้มเหมือนไม่รู้อะไร

“อยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึกดี”

คนฟังหยิบแขนตัวเองขึ้นมาแล้วลองตามอีกฝ่ายว่า

“แกล้งผม... รึเปล่าครับ... ไม่เห็นได้กลิ่นเลย”

ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆยืดตัวแล้วจรดจมูกโด่งลงบนหลังคอขาวพร้อมแนบจุมพิตเบาๆตาม

“ตรงนี้ก็หอม... ธันไม่รู้หรอก”

ธันย์ชนกสะดุ้งตัวพลางหันมามองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ

“... ล... เล่นอะไรน่ะครับ”

“เปล่านี่ ไม่ได้ทำอะไร” คนพูดดึงตัวเองกลับแล้วนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“omataseshimashita” เสียงหวานหูดังขึ้นจากด้านนอกหลังจากที่ขอเปิดบานเลื่อนแล้ว หญิงสาวสามคนยกโต๊ะเล็กตั้งอาหารชุดและซาชิมิลำเลียงมาวางไว้กลางห้องพร้อมโค้งตัวทำความเคารพ

“...... คุณ........ ชอบแกล้งผมนะครับ.....” คิ้วของธันย์ชนกขมวดเข้าหากันเล็กน้อยพลางเบนสายตาไปมองอาหารที่ถูกยกมา

“ก็มีกันอยู่สองคนไม่แกล้งธันจะให้แกล้งใครล่ะ” ราเมนทร์พูดแล้วยิ้มหยอก

ชายหนุ่มรอจนพนักงานของโรงแรมออกไปหมดแล้วจึงเลื่อนตัวเองและถาดวางข้าวมานั่งใกล้ธันย์ชนก

“แต่ที่บอกว่าหอม...ผมพูดจริงนะ”

“!? อือ.... ผมไม่อยากพูดด้วยแล้วนะครับ” ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าท้วงคืนราวกับเด็กๆ อีกฝ่ายตั้งใจจะทำให้เขารู้สึกเขินอายไปจนถึงไหนกัน แค่นี้ก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนจนถึงไหนแล้ว

“ไม่พูดงั้นก็ทานข้าวกันดีกว่า....จะได้อาบน้ำเร็ว” คนขี้แกล้งหยิบตะเกียบขึ้นมาฉีกก่อนจะคีบชิ้นปลาเนื้อนุ่มเข้าปากด้วยแววตาเชื่อมแสง

...ที่ผมมีความสุขขนาดนี้...

...ก็เป็นเพราะคุณ...

 







 

“ถ้าเป็นบ่อรวมผมไม่เข้านะครับ” ธันย์ชนกเอ่ยบอกพลางหันมาค้อนให้กับคนที่คอยพูดแหย่เขาตลอดมื้ออาหารที่แสนอร่อย ตัวเองทานอะไรเข้าไปบ้างก็แทบจะไม่รู้รสเพราะมัวแต่เขินกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“ผมก็ไม่ให้เข้าเหมือนกันแหละน่า...ผมจองบ่อส่วนตัวไว้แล้ว”

ร่างสูงที่หอบหิ้วผ้าขนหนูกับชุดยูคาตะพูดแล้วยิ้มหวานให้อีกครั้ง

“รับรองว่าจะมีแค่ผมกับธันแน่นอน ผมสั่งสาเกมารอแล้วด้วย จิบสาเกไปแช่น้ำอุ่นๆตรงบ่อกลางแจ้งไป น่าจะดีนะ”

ราเมนทร์เลื่อนบานเลื่อนที่กั้นบ่อส่วนตัวเอาไว้ ข้างในเป็นห้องวางของพร้อมถังน้ำขนาดใหญ่เพื่อเอาไว้ล้างตัวก่อนลงแช่

“เดี๋ยวต้องถอดเสื้อผ้าล้างตัวตรงนี้ก่อนแล้วค่อยเปิดไปแช่ที่บ่อบ้ำร้อนอีกทีนะ”

ชายหนุ่มพูดจบก็ปิดบานเลื่อนด้านนอก ตัดโลกส่วนตัวให้เหลือเพียงสองคน

“...... ผมไม่เคยเข้านะ...” ธันย์ชนกเอ่ยพูดเสียงเบาพลางเดินตามเข้าไปแล้วรอให้อีกฝ่ายแนะนำ

“ผมก็ไม่เคย แต่เท่าที่รู้ต้องถอดเสื้อผ้าล้างตัวก่อน เอาของทั้งหมดไว้ส่วนที่เรายืนอยู่นี่ล่ะ แล้วก็เอาตัวกับผ้าขนหนูเล็กๆเข้าไปแช่... ขันไม้ด้วยก็ได้มั้ง ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่” ราเมทร์พูดพลางปลดเครื่องแต่งกายของตนเองออก ยูคาตะที่เอามาถูกวางไว้บนชั้นวาง กายกำยำภายใต้เสื้อเผยผิวขาวแบบคนสุขภาพดีและมัดกล้ามที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป

“ธัน... แอบมองผมอีกแล้ว”

“!? ผมเปล่า!” น้ำเสียงที่ใช้ดังขึ้นพร้อมๆกับใบหน้าที่เปลี่ยนสี

“..... ก็แค่.... ต้องทำอย่างไหนบ้าง... แค่นั้น”

“ถอดเสื้อผ้าก่อนเลย” ไม่พูดเปล่า ร่างสูงขยับตัวมาซ้อนด้านหลังแล้วดึงเสื้อที่ร่างบางสวมใส่ขึ้นเผยผิวช่วงท้อง

“ยกมือสิธัน”

“ไม่ต้องทำเหมือนผมเป็นเด็กๆ...... ก็ได้........” แม้ปากจะพูดอย่างนั้นแต่ธันย์ชนกก็ยกแขนขึ้นตามอีกฝ่าย

“ไม่ได้ทำเหมือนเป็นเด็กๆสักหน่อย... ที่ทำให้เพราะเป็นธันต่างหาก” พอถอดเสื้อเสร็จราเมนทร์ก็คุกเข่าลงเพื่อปลดกางเกงอีกฝ่าย

“เรื่องแค่นี้คนเป็นแฟนกันไม่ต้องมาคิดมากหรอก”

“.... ทำแบบนี้... ผมดีใจ... มาก... นะครับ” ใบหน้าของธันย์ชนกก้มลงมองพื้น ไม่กล้าที่จะสบตากับคนที่ย่อตัวลงนั่ง

“ดีใจอะไร” คนพูดยังคงก้มตัวลงรูดกางเกงออกจากปลายขาเรียว เขารอให้ธันย์ชนกยกขาขึ้น จากนั้นก็ยืดตัวเอาทั้งชั้นนอกและชั้นในใส่ไว้ในตะกร้าเดียวกัน

“ธันดีใจอะไรเหรอ...ผมไม่เห็นเข้าใจเลย” ปลายนิ้วสากเอาเส้นผมสีดำสนิททัดผมให้ก่อนที่จะแตะที่ผิวแก้มเบาๆ

“.... ไม่บอก... ครับ” ธันย์ชนกอมยิ้มน้อยๆพร้อมกับพวงแก้มสีเข้ม

...แค่คุณอยากทำให้...

...ผมก็ดีใจจนเหมือนจะลอยได้แล้ว...

“งกนะ” ราเมนทร์บ่นเนาๆแบบไม่จริงจัง

ร่างสูงจูงมือคงรักไปที่อ่างน้ำอุ่น เขาตักน้ำราดบนร่างกายเปล่าเปลือย หยาดน้ำสีใสกลิ้งบนแผ่นหลังเนียนลงสู่สะโพกเพรียวได้รูป ราเมนทร์ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำอุ่นหรือเพราะอาการเขินอาย ร่างทั้งร่างจึงออกสีจัดไปทั่วแบบนี้

“ชินได้แล้วน่าธัน เลิกเขินแล้วก็เลิกเรียกผมว่าคุณรามด้วย... นะ?” เขาหยอกคนรักด้วยน้ำเสียงรื่นเริง

“เรื่องนั้น... ห้ามได้... ที่ไหนครับ” เขาหันมาทำเสียงขุ่นใส่เมื่อรู้สึกว่ากำลังโดนหยอกอีกครั้ง ไม่รู้ว่าราเมนทร์อยากจะแกล้งจนเขาไม่พูดด้วยขึ้นมาจริงๆหรืออย่างไร

“งั้นเปลี่ยนกัน คุณราดน้ำให้ผมบ้าง” ราเมนทร์ส่งขันไม้ให้แล้วยืนนิ่ง

“เร็วสิธัน หนาวจะตายผมอยากแช่จะแย่อยู่แล้ว”

ธันย์ชนกยิ้มจางๆให้ก่อนจะหยิบขันไม้ขึ้นมาตักน้ำอุ่นแล้วค่อยๆรินรดลงบนร่างกายของราเมนทร์

ราเมนทร์ซึมซับความเอาใจใส่ที่ไหลผ่านสายน้ำที่รินรดร่างกาย น้ำอุ่นถูกราดเบาๆลงบนแผ่นหลังกว้าง... ตามด้วยมือนิ่มที่ช่วยลูบเบาๆ

“พอแล้ว... มากกว่านี้จะแย่เอานะธัน”

“... งั้น... โอเคแล้วนะครับ?” ธันย์ชนกขยับลุกขึ้นพลางวางขันไม้ลงคืนที่เดิม

“อืม ไปแช่น้ำกัน” ราเมนทร์หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาพาดบ่า เพราะฝ่ามือนิ่มนวลนั้นแท้ๆเลยรู้สึกถึงอารมณ์ที่พุ่งพล่านไปทั้งร่าง

เขาหวังว่าน้ำร้อนจะพอช่วยดับได้บ้าง... แต่คงยากถ้ามีคนตรงหน้าแช่พร้อมๆกัน

“ธันเปิดบานเลื่อนเลย”

“ครับ...” รับคำเสร็จ มือก็เอื้อมไปเปิดประตูบานเลื่อนออก เผยให้เห็นบ่อน้ำร้อนขนาดเล็กที่น่าจะลงแช่ได้ไม่เกินสี่คน สมกับเป็นบ่อส่วนตัว

“หนาว....” บ่นเบาๆแล้วดึงร่างเพรียวเข้ามากอด ผิวกายหอมหวานถูกแอบสูดดมเบาๆก่อนจะกดริมฝีปากลงบนลาดไหล่

ขวดสาเกพร้อมจอกเล็กๆสองอันถูกวางไว้บนถาดไม้ข้างขอบหิน ท้องฟ้ากว้างเปิดโล่งให้ชมวิวของอากาศหนาวในวันวาเลนไทน์ ข้างบ่อมีต้นไม้เล็กๆปลูกไว้และรั้วกันสายตาที่ทำจากไม้ไผ่กั้นทุกอย่างไว้จากโลกส่วนตัว

“สวยจังเนอะ”

“อืม...” ธันย์ชนกปล่อยร่างกายไปตามสบายก่อนจะเอนศีรษะซบพิงคนที่กอดเขาไว้จากด้านหลัง กลิ่นหอมๆของน้ำร้อนบวกกับธรรมชาติที่งดงามทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

เขากอดธันย์ชนกแล้วพาเดินไปยังบ่อน้ำร้อน ราเมนทร์คลายอ้อมกอดแล้วกดบ่าธันย์ชนกเบาๆ

“เขาบอกว่าต้องแช่เท้าปรับอุณหภูมิก่อน... จะได้ไม่ร้อนเกินไป” พูดจบก็ทำเป็นตัวอย่างด้วยการหย่อนขาลงบ่อน้ำร้อน

ร่างบางค่อยๆย่อตัวลงบ้างก่อนจะค่อยๆหย่อนปลายเท้าลงในน้ำร้อน

“ผมนึกว่า... คุณรามเคยมาบ่อยๆ... ถึงได้เลือกมาอีก....” เขาเปรยขึ้น

“ผมไม่เคยมาญี่ปุ่นหรอก ส่วนใหญ่ไปๆมาๆระหว่างอเมริกา ออสเตรเลีย แล้วก็ไทยมากกว่า”

พอเริ่มปรับอุณหภูมิได้ ร่างสูงก็เลื่อนตัวลงในบ่อก่อนจะวนมายืนตรงหน้าคนที่ยังไม่ได้ลง ชายหนุ่มกอดเอวบางของคนรักแล้วซบศีรษะลงกับตักที่มีผ้าขนหนูผืนบางคลุมอยู่

“มาที่นี่ครั้งแรก...กับธันเป็นคนแรกด้วย...”

...อยากเอาใจใส่ให้มากกว่านี้...

...เพราะสิ่งที่ธันย์ชนกมอบให้ช่างมากมายเหลือเกิน...

“....” ความรู้สึกดีใจก่อตัวขึ้นอีกครั้ง มือข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนศีรษะอีกฝ่ายก่อนจะลูบเบาๆ

“..... ขอบคุณครับ”

...ผมดีใจ...

...ที่ได้ยินอย่างนั้น...

มืออบอุ่นของธันย์ชนกให้ความรู้สึกดีทุกครั้งที่สัมผัสเขา ตั้งแต่เล็ก... เพราะเป็นพี่คนโตที่มีน้องตัวเล็กขี้อ้อน จึงเป็นฝ่ายถูกอ้อนมากกว่า อีกทั้งพ่อและแม่ยังรู้ดีว่าเขาสามารถดูแลตัวเองและน้องได้จึงเลี้ยงดูแบบค่อนข้างปล่อย พอเกิดเรื่องอุบัติเหตุ... เขาเองก็เลือกที่จะดูแลทั้งน้องและตนเองโดยไม่พึ่งพาใคร

เขาไม่เคยอ้อนใคร... และไม่เคยมีความต้องการอย่างนั้น

...แต่พอเจอธันย์ชนก ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ธันย์ชนกเหมือนเป็นกุญแจที่ไขเปิดประตูในสิ่งที่เขาต้องการ ความรู้สึกแฝงที่ซ่อนเร้นจนเจ้าตัวลืมไปแล้ว... ว่าการที่เป็นฝ่ายถูกดูแลมันเป็นอย่างไร

“ธันรักผมเยอะๆ... แทนคำขอบคุณนะ...”

...ผมรักคุณมากขนาดไหน...

...คุณคงยังไม่รู้หรอกครับ...

ธันย์ชนกยิ้มจางๆให้แทนคำตอบรับ เพราะตัวเองนั้นมีความรักให้อีกฝ่ายอยู่แล้ว กลับกัน เขาอยากให้อีกฝ่ายมีความรักให้เขาด้วย ทั้งคำพูดและการกระทำของราเมนทร์ คล้ายกับจะสื่อแทนความรู้สึก ทว่าในใจนั้น ธันย์ชนกก็ยังรู้ดี ว่าคนที่ราเมนทร์มอบหัวใจให้นั้นคือใคร

“... ขอบคุณ.... ครับ”

“ธันนี่ดื้อนะ บอกว่าไม่ต้องขอบคุณแล้วแท้ๆ” ราเมนทร์เงยหน้าขึ้นสบตาแล้วดึงร่างเพรียวให้ลงมาด้วยกัน

ชายหนุ่มจูบเบาๆที่ผิวแก้มแดงเปล่งปลั่งก่อนจะปล่อยมือออก

“ร้อนๆอย่างงี้... กอดไว้ธันคงอึดอัดแย่”

“ถ้าไม่กอดจนแน่น.... ก็ไม่อึดอัดหรอกครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงเบาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ

“งั้นแสดงว่าอยากให้กอดล่ะสิ” ราเมนทร์พูดยิ้มๆแล้วกอดอีกครั้ง

ปลายคางสากวางบนลาดไหล่ขาว ริมฝีปากหยักสวยงับเบาๆที่ใบหูนิ่ม ธันย์ชนกที่อยู่แนบกายให้ทั้งความรู้สึกเย้ายวนและน่ารักจนบอกไม่ถูก

“อยากกอดธันทั้งอย่างงี้เลย...” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู

“ม... ไม่เอาครับ” คนถูกคุกคามรีบหันมาร้องห้ามแทบจะทันที ยิ่งเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่าย คิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน

“ไม่เห็นมีใครเลย...แล้วผมจองไว้ ถ้าไม่เรียกไม่มีใครเข้ามาด้วย” แก้มหอมๆถูกลวนลามด้วยจมูกโด่งนับครั้งไม่ถ้วน ราเมนทร์จ้องมองนัยน์ตาสีเข้มของธันย์ชนกด้วยแววตาสื่อความหมาย

“แต่ถ้าธันไม่ชอบ...ผมไม่ทำก็ได้”

“มาแช่บ่อน้ำร้อนนะครับ... ไม่เอา...” ธันย์ชนกเปลี่ยนโทนเสียงให้เข้มขึ้นก่อนจะหันมามองหน้าราเมนทร์ตรงๆ ในแววตาคล้ายกับจะบอกว่าไม่ยอมแน่ๆ

“ไม่เห็นเป็นไรเลย” คนกอดบ่นเบาๆแล้วปล่อยมือออก ราเมนทร์พิงตัวเองกับขอบบ่อแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเข้าสู่ยามโพล้เพล้

“จะมืดแล้วด้วย ทีคราวที่แล้วตอนเช้ายังได้เลย....” คนถูกห้ามบ่นอุบเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

“....... มัน... ไม่เหมือนกันครับ....” เขาเอ่ยตอบเสียงนิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

...ถ้าตอบว่าได้...

...จะทำให้คุณรักผมขึ้นมาบ้างหรือเปล่า...

“ล้อเล่นน่า” พอธันย์ชนกแสดงอาการที่เปลี่ยนไปก็เหมือนหัวใจถูกบีบ

...ขอโทษนะ...

...ที่ผมทำให้ลำบากใจ...

“ขอโทษนะธัน ผมบอกแล้วไงว่าอะไรที่ธันไม่ชอบผมจะไม่ทำ” ราเมนทร์ลูบแก้มเบาๆก่อนจะจูบที่หน้าผาก

“เปลี่ยนเป็นชนแก้วกันดีกว่า” ราเมนทร์เอื้อมหยิบถาดไม้ที่วางบนโขดหินมาถือไว้ในมือ เขารินเหล้าลงจอกเล็กๆแล้วยื่นส่งให้

คำพูดของอีกฝ่ายเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มร่างบางคืนมา

“ไม่เอาแล้วล่ะครับ... ผมดื่มทีไร... เป็นเรื่องทุกที”

“แค่นี้ไม่เมาหรอก คราวนี้ผมไม่ให้คุณเมาแน่” มือใหญ่หยิบจอกเล็กขึ้นแตะริมฝีปากสีสวย

“จิบนิดเดียวก็ได้... นะ..”

ริมฝีปากบางเผยอออกเล็กน้อยก่อนจะจิบสาเกจากจอกเพียงนิดเดียว ทว่ารสชาติกลับแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น

“นิดเดียวแล้วครับ...”

“อือ” ราเมนทร์ยกจอกที่ยังเหลือมาจรดริมฝีปากที่รอยเดิมด้วยความจงใจ เขาสบสายตาเยิ้มฉ่ำของธันย์ชนกแล้วยกขึ้นดื่มจนหมด

หยาดสาเกสีใสที่เปื้อนริมฝีปากถูกปลายลิ้นชุ่มชื่นปาดเข้าปากจนหมด ราเมนทร์ดื่มด่ำรสขมของเหล้า... และรสหวานที่หลงเหลือจากริมฝีปากตรงหน้า

“อร่อยดีนะ..”

ธันย์ชนกค่อยเอนศีรษะพิงกับขอบบ่อก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ดื่มด่ำกับเสียงของธรรมชาติและสายน้ำ พร้อมๆไปกับความรู้สึกที่มีให้คนข้างๆ ถ้าอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ราเมนทร์จะรักเขาได้เอง

...กว่าจะถึงวันนั้น...

...ผมจะรอไหวไหมนะ...

ร่างสูงปล่อยให้ธันย์ชนกดื่มด่ำกับความเงียบสงบ เขาจิบสาเกอีกแก้วช้าๆพลางลอบมองคนที่อยู่ข้างๆ

...คุณอยู่กับผมแล้วมีความสุขเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า...

เขาปล่อยให้คำถามนั้นดังก้องอยู่ในหัวและความเงียบงันแทนคำตอบ ไอน้ำร้อนและน้ำอุ่นๆที่ไม่เกิดแรงไหวทำให้หัวใจสงบลง... และคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆได้ชัดเจนขึ้น

...ทำไมผมถึงได้แค่ชอบคุณนะ...

...บางทีผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...

“.... ราม” จู่ๆธันย์ชนกก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ใบหน้าหวานไม่ได้หันมาหา นัยน์ตาคู่สวยยังคงปิดสนิท

“... ขอบคุณนะที่พาฉันมา....”

คนฟังที่ได้รับคำขอบคุณ...ที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แต่นิ่งฟังเสียงน้ำที่กระเพื่อมจากการขยับตัวของตน

พออีกฝ่ายยอมเรียกชื่ออย่างเดียว...หัวใจเหมือนจะเต้นแรงขึ้น

...ดีใจอย่างบอกไม่ถูก...

“ขอกอดได้ไหมธัน...กอดเฉยๆ...แค่คุณอยู่ในอ้อมกอดผม”

ไม่มีคำตอบจากฝ่ายตรงข้าม แต่คนที่นอนพิงกับขอบบ่อกลับขยับตัวช้าๆ แขนข้างหนึ่งเอื้อมมาโอบรอบเอวของราเมนทร์เบาๆก่อนจะซบใบหน้าลงกับลาดไหล่กว้าง

ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าโอบกอดเบาๆ และไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าจูบแผ่วๆบนเส้นผมเปียกชื้น

ขอแค่ช่วงเวลานี้... มีอยู่ตราบนานเท่านาน

...ในสถานที่ที่มีเพียงเราสอง






To be continued...


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รามธันนี่เป็นอะไรที่หน่วงมาก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
หลังจากอาบน้ำร้อนจนเสร็จเรียบร้อย ราเมนทร์และธันย์ชนกก็กลับมาที่ห้องพักในชุดยูคาตะที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ร่างเพรียวบางขยับไปนั่งลงที่ริมชาน รับเอาลมเย็นๆยามค่ำคืนให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น

“คิดอะไรอยู่เหรอ” ร่างสูงในชุดยูคาตะเดินเข้ามานั่งข้างๆแล้วเอนตัวลงนอนแผ่บนพื้นจนชายเสื้อด้านบนแหวกเห็นแผ่นอกกำยำ

“.... คิดว่า... ถ้ารามรักฉัน... ทริปนี้คงวิเศษที่สุดเลย...” พูดจบธันย์ชนกก็รีบยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง

...ไม่ควรพูดอะไรแบบนั้นออกไป...

“ผม... ขอโทษ.... คิดเสียว่าผมไม่ได้พูดอะไรนะครับ......” ไม่พูดเปล่า ร่างบางขยับลุกขึ้นทันทีก่อนจะหันตัวกลับ

“.... ผม... ไปนอนก่อนนะครับ.....”

“เดี๋ยวธัน!” มือใหญ่รีบคว้าข้อมือของธันย์ชนกแล้วกระตุกให้เจ้าตัวเซล้มลงมาในอ้อมกอด

“ขอโทษนะที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น” ราเมนทร์พูดเสียงเบาด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น

...แน่นอนว่าการที่เมื่อรักใครสักคน ย่อมหวังที่จะให้อีกฝ่ายมีความรู้สึกเดียวกันตอบแทน... การกระทำของเขาในตอนนี้ที่เอาแต่รับความรักของธันย์ชนกไม่ต่างอะไรกับคนเห็นแก่ตัวที่หลอกใช้ความรู้สึกของคนที่เรียกว่าคนรักกัน

...และทำร้ายคนที่รักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

“ผมอยากให้คุณมีความสุข... เพราะผมชอบคุณมาก... มากเกินกว่าที่ผมจะชอบใครคนนึงได้อีก มันอาจจะน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับที่คุณรักผม... แต่ผมในตอนนี้ คนเดียวที่อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็คือคุณนะ”

ผม... ที่ไม่สามารถพูดว่ารักคุณได้... จะยังดีพอสำหรับคุณไหม

หยดน้ำตาหลั่งไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กระทั่งเจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึก คำพูดที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาทำให้ความรู้สึกนั้นเต็มตื้นไปหมด

“..... ครับ” กระทั่งน้ำเสียงยังสั่นไหว ทั้งๆที่เขารู้ดีว่าราเมนทร์มอบหัวใจให้ใครไปแล้ว แต่ก็มีความสุขกับคำพูดของอีกฝ่ายเหลือเกิน

...ความรัก...

...ทำไมถึงต้องเจ็บปวดขนาดนี้...

...ทั้งๆที่มีความสุข...

...แต่ผม ก็ยังเจ็บปวด...

มือใหญ่จับใบหน้าสวยให้เงยขึ้นก่อนจะจูบเบาๆที่เปลือกตาซับหยาดน้ำตาที่ไหลริน

“ถ้าธันไม่รักผม... ผมต้องอยู่ไม่ได้แน่ๆ”

...รัญชน์ไม่รัก...ผมยังมีคุณที่คอยอยู่เคียงข้าง...

...แต่ถ้าคุณไม่รัก...

...ผมคงไม่เหลือใคร...

“ผมเป็นมนุษย์เห็นแก่ตัวที่โชคดีที่สุดในโลก... เพราะมีคุณนะ”

ถ้อยคำที่ได้ยินกลับฟังหวานจนเรียกรอยยิ้มคืนมาบนใบหน้า

...ผมคงบ้าไปแล้วจริงๆ...

“ถ้าคุณอยู่กับผม... ผมจะรักคุณ... ครับ”

“ผมจะอยู่กับธันอย่างนี้... จนกว่าธันจะเบื่อเลย” ราเมนทร์ซุกจมูกลงบนลำคอขาวแล้วขยับริมฝีปากไล่จูบร่องไหปลาร้าเนียนแล้วแช่ไว้บนหัวไหล่มนที่โผล่พ้นเสื้อยูคาตะ

“ยังรู้สึกไม่ดีเวลาผมกอดอยู่หรือเปล่า....”

“ผม... ไม่เคยบอกนะครับ... ว่ารู้สึกไม่ดี..........” เขารีบเอ่ยปฏิเสธทั้งใบหน้าสีเข้ม

“ก็ธัน...กลัว...” ราเมนทร์งับเบาๆตรงที่รอยริมฝีปากประทับ หากแต่มือกลับสอดเข้าไปในชายที่ทบซ้อนกัน

“ผมเป็นห่วงความรู้สึกของธันนะ...อยากให้คุณมีความสุขด้วย..”

รอยยิ้มเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย

“รามอยู่กับฉัน..... ฉันก็มีความสุข....”

“มักน้อยจัง...ก็เคยบอกแล้วว่าให้เอาแต่ใจมากกว่านี้ก็ได้” รอยยิ้มหวานของคนรักทำเอาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบเบาๆ

“แต่ที่เรียกว่ารามเฉยๆนี่ดีแล้วนะ...ผมชอบ”

“ก็..... ฉันขอให้รามรักฉันไม่ได้นี่....” แม้จะพูดแบบนั้น แต่รอยยิ้มก็ไม่ได้หายไปจากใบหน้าของธันย์ชนก

“.........ขอโทษนะ...” เป็นฝ่ายราเมนทร์เองที่เงียบไป เพราะเขาทำไม่ได้อย่างที่ธันย์ชนกบอกจริงๆ

“ตอนนี้ไม่ได้...ไม่ได้แปลว่าตลอดชีวิตจะไม่ได้...” เขาพูดเสียงแผ่วพร้อมนัยน์ตาเชื่อมแสง

...สักวัน...

...ผมคงรักคุณได้แน่ๆ...

“... อืม...” เขายกมือขึ้นแตะใบหน้าของคนที่รักหมดหัวใจ

“ถ้ารามอยู่ด้วย.... ฉันจะรอ”

“รอผมนะ...” ร่างเพรียวถูกรวบกอดแน่นขึ้นก่อนจะเอนลงวางกับพื้นนอกชาน

ยามราตรีในคืนอากาศหนาวโชยกลิ่นหอมจางของดอกไม้ประดับสวน แสงดาวนับพันดวงทอแสงอ่อนโยนแทนที่พระจันทร์สีนวลตาบนท้องฟ้าสีดำสนิท

“ถ้ามันเป็นจริงเมื่อไหร่...ผมจะบอกว่ารักธัน...แทนที่วันนี้ที่ผมไม่ได้พูด..ให้มากกว่าหลายเท่า..”

“...... อืม...” ริมฝีปากขยับเข้าจูบอีกฝ่ายแผ่วเบาแทนคำสัญญา

...ถ้าคุณอยู่กับผมแบบนี้...

...ผมก็จะรักคุณไปเรื่อยๆ...

...อย่างไม่มีที่สิ้นสุด...

ร่างสูงตอบรับคำสัญญาแสนหวานด้วยจุมพิตหวานล้ำ ราเมนทร์ดึงผ้าที่ผูกเอวยูคาตะของธันย์ชนกช้าๆจนเลื่อนหลุด มือใหญ่ยกปลายผ้าขึ้นจูบเบาๆก่อนจะดึงสาบที่ทบกันออก

“ตรงนี้...นะ?”

“.......” ธันย์ชนกตอบคำถามด้วยการพยักหน้าเบาๆ

...ผมจะรักคุณได้มากกว่านี้อีกไหม...

...แค่ตอนนี้...

...ผมก็ไม่คิดว่าจะอยู่ได้แล้ว...

...ถ้าไม่มีคุณ...

สายลมหนาวที่พัดผ่านร่างของคนทั้งสองไม่อาจต้านทานความเร่าร้อนในยามที่อารมณ์แสนหวานดำเนินไป กายที่สอดประสานสร้างความอบอุ่นบนผิวเนื้อที่ไม่มีผ้าห่มผืนใดในโลกจะทำได้

...อุ่น..ไปถึงหัวใจ...

 

 

“... ชาผลไม้ร้านนี้อร่อยจังนะ... ว่าไหมครับ” ธันย์ชนกเอ่ยขึ้นหลังจากจิบชาร้อนขึ้นชิม-- หลังค่ำคืนแสนหวาน เช้าวันวาเลนไทน์เลยชวนกันออกมาเดินเล่นรับบรรยากาศที่รอบข้างมีแต่คู่รักเดินเคียงกัน

“อืม รสชาติใช้ได้เลย ขนมก็อร่อย” ราเมนทร์จิ้มวัฟเฟิลร้อนๆราดเมเปิ้ลไซรัปเข้าปากแล้วยิ้มหวานให้

แม้การที่ผู้ชายหน้าตาดีสองคนจะมานั่งกินขนมในร้านแบบคาเฟ่จะดูแปลกไปบ้าง แต่ก็ถูกบรรยากาศของวาเลนไทน์ปกคลุมจนแทบจะกลืนไปกับกลุ่มคู่รักที่อยู่ในร้าน

“ธันสั่งเค้กมากินด้วยหรือเปล่า หรือจะแบ่งกัน?”

“เช้าๆผมไม่ค่อยกินหรอกครับ คุณรามทานเถอะ” เขายิ้มให้จางๆก่อนจะยกชาขึ้นจิบอีกครั้ง

“งั้นทีหลังเวลาผมไปค้างที่ห้อง คุณก็ไม่ต้องตื่นมาทำข้าวให้ผมก็ได้นะ...ผมไปหาเอาข้างนอกง่ายกว่า คุณจะได้นอนเต็มอิ่มด้วย” ราเมนทร์พูดพร้อมกับตักไอศกรีมวานิลลาเข้าปาก

“หรือให้ผมทำไว้ให้ก็ได้ เห็นแบบนี้ผมก็ทำเป็นนะ”

ถ้าราเมนทร์สังเกต จะเห็นว่าร่างบางค้อนให้หนึ่งที

“ผมอยากทำให้ครับ....”

“ก็ผมกลัวคุณเหนื่อยนี่ ไม่ต้องมาค้อนเลยธัน” มือใหญ่เอื้อมจับผิวแก้มนิ่มแล้วดึงเบาๆ

“ต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน...ผมก็ต้องเอาใจคุณบ้างเป็นธรรมดา”

“ทำเหมือนผมเป็นเด็กๆไปได้...” เขาทำเสียงขุ่นเก็บอาการเขินของตัวเอง

“นั่นมันก็เรื่องของคุณ... แต่ผมอยากทำให้.... คุณจะมาห้ามผมได้ยังไง”

“ไม่ห้ามก็ได้ แต่...ขอบคุณนะธัน” ราเมนทร์พูดแล้วก้มลงดูดลาเต้เย็นในแก้วแก้เขิน

“เดี๋ยวผมต้องไปแวะหาซื้อของฝากรัน..กับไอ้หมอบ้านั่นด้วย เดี๋ยวทานเสร็จไปกันนะ”

เป้าหมายของราเมนทร์อยู่ที่ร้านที่เขาหาจากในอินเตอร์เน็ต...และเซ็กส์ช็อปที่อยู่ละแวกเดียวกัน

...อยากเห็นหน้าตอนเปิดดูชะมัด...

“ได้สิ” นักเขียนหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นอาการเขินของอีกฝ่ายบ้าง

“ธันมีอะไรอยากซื้อเป็นพิเศษหรือเปล่า มาญี่ปุ่นทั้งที...จะซื้อไปฝากเพื่อนหรือพวกกองบ.ก.มั่งไหม”

“..... คุณรามอยากได้อะไรล่ะครับ” ธันย์ชนกเป็นฝ่ายถามกลับแทน จะเพื่อนหรือใคร... เขาก็ไม่มีแล้วทั้งนั้น

“ก็พวกอควอเรียมจำลอง เกม ผงอาบน้ำฝากรัน แล้วผมอยากได้ชากับพวกอโรม่า...ธันเอาชาไหม เห็นที่ห้องซื้อติดไว้ประจำ”

...ชาพีชที่หอมหวาน...

“งั้น... ผมซื้อให้คุณนะครับ” ร่างบางเอ่ยยิ้มๆ

“อย่าลืมชาพีชนะ...ผมชอบ” รอยยิ้มที่ส่งไปแปลความหมายไปถึงคนที่มีกลิ่นพีชติดตัว ซึ่งนั่งหน้าแดงอยู่ตรงหน้าเขา

“ธัน...เกิดวันที่เท่าไหร่เหรอ”

“6มิถุนาครับ” ธันย์ชนกตอบพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง

“งั้นวันเกิดธันปีนี้... เรากลับมาฉลองที่นี่กันอีกนะ” มือใหญ่เลื่อนกุมมือที่จับหูแก้วชาร้อนเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทามองสื่อความหมายอันลึกซึ้ง

“...สัญญานะธัน....”

“... ครับ... สัญญา....” ชายหนุ่มร่างบางยิ้มจางๆ พวงแก้มขึ้นสีเข้มขณะเอื้อมมืออีกข้างไปแตะหลังมือของราเมนทร์

“ห้ามผิดสัญญานะ”

 

 

“ธัน...อาจจะลำบากใจนิดหน่อย แต่ผมอยากแวะที่นี่น่ะ” เสียงทุ้มพูดอ้อมแอ้มขณะชี้มือไปยังร้านที่ตกแต่งเป็นสีชมพูหวานแหว..และแปะป้ายร้านที่คนทั่วโลกต่างเข้าใจว่าขายอะไรในนั้น

ราเมนทร์ที่หอบของที่ซื้อให้รัญชน์เต็มสองมือยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้ดีว่าอย่างธันย์ชนกคงไม่กล้าเข้าไปเป็นเพื่อนแน่

“เอ่อ..เพื่อน...มันฝากซื้อนะธัน ผมไม่ได้เอาเอง”....ถ้าไม่ติดว่าพูดไว้แล้ว เขาคงไม่มาเหยียบที่นี่แน่

...ตุ๊กตายาง...

...ของไอ้หมอกวนตีนนั่น...

“ผม... รอข้างนอกได้ไหม” เป็นไปตามคาด ธันย์ชนกมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาแทบจะทันที

“ธันไม่ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยเหรอ....” นัยน์ตาสีน้ำตาลมองอ้อน

“เผื่อว่าธันอยากได้อะไรในนั้นไง”

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพร้อมใบหน้าอันแดงก่ำ

“ผมจะไปอยากได้อะไรล่ะครับ??”

“ก็..ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ราเมทร์พึมพำแต่กลับคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้แน่น

“พวก..ช็อกโกแลต...มั้ง...”

“ร้านแบบนี้มีขนมด้วยเหรอครับ... ผม... ไม่เข้าไปไม่ได้เหรอครับ” คราวนี้ธันย์ชนกลองถามเสียงอ่อนลง

เพราะใบหน้าสวยที่แสดงความลำบากใจ ราเมนทร์เลยยอมปล่อยข้อมือออกพร้อมวางถุงของไว้ที่ปลายเท้า

“งั้นคุณนั่งรอหน้าร้านก็ได้ เดี๋ยวผมฝากของไว้...จะรีบออกมานะ”

หน้าร้านเป็นกระจกใส ถ้าคอยมองไว้คงไม่เป็นไร..

ธันย์ชนกนั่งลงที่เก้าอี้ด้านนอกก่อนจะมองที่ร้านอีกครั้ง ให้จินตนาการภาพตัวเองเข้าไปยังนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

“Excuse me, do you speak English?” เสียงที่ดังจากด้านหน้าเรียกให้ร่างบางเงย

หน้าขึ้นมอง ชาวต่างชาติตัวโตกับกระเป๋าเป้สะพายหลัง

...ถามทางละมั้ง...

“Yes.”

“Ah! Great! You see-- I'd like to go to Venus fort. Can you show me the way?”

...ขอโทษนะครับ...

“I'm sorry. But I'm not Japanese.” ธันย์ชนกยิ้มจางๆให้พร้อมกับก้มหัวเล็กน้อยเป็นการขอโทษ

“Oh. I see. Where are you from?”

...ทำไมต้องถามอีกครับ...

...ก็ไปถามทางคนอื่นสิ...

“Thailand. There is an information center down this way. I think they can help you”

“Really? I've never been to Thailand before”

ดูท่าทางว่าจะตัดบทไม่ได้ง่ายๆเสียแล้ว จะให้เดินหนีเข้าร้านเดี๋ยวก็หาว่าคนไทยไม่มีน้ำใจอีก

 

 

ข้างในร้านดูดีกว่าที่คิดไว้ สินค้าต่างๆจัดวางเป็นระเบียบอยู่บนชั้น แสงไฟสีนวลส่องให้ร้านดูสว่าง และแม้จะมีเซ็กส์ทอยวางโชว์อยู่ตามจุดต่างๆแต่ก็ตกแต่งแบบน่ารักมากกว่าจะน่ากลัว...

“...ทำไมมันเยอะอย่างงี้วะ” ใช่ว่าไม่เคยรู้เรื่องอุปกรณ์พวกนี้ แต่เพราะทั้งสีสัน หน้าตา รวมไปถึงขนาดมันดูเยอะกว่าที่เคยคิดไว้

“Moshiwakegozaimasenga...ano...” จู่ๆเสียงเล็กๆจากทางด้านหลังก็ดังขึ้น

สาววัยรุ่นที่เป็นพนักงานร้านมองหน้าเขาพลางยิ้มแย้มพูดจาภาษาต่างดาวใส่ ราเมนทร์ยิ้มหวานให้แล้วรีบตอบไปเป็นภาษาอังกฤษว่าไม่เป็นไร เธอถึงได้ยอมเดินไปหาลูกค้าคนอื่น

นอกจากเขาแล้วยังมีคู่รักที่กำลังเลือกของเล่นอยู่อีกคู่ และกลุ่มเด็กสาวที่ยืนหัวเราะคิกคักกับเลิฟบีทซึ่งพนักงานสาวกำลังเปิดเครื่องให้ดู

ราเมนทร์เดินไปแถวหน้าร้านหวังจะไปดูพวกเซ็กซี่ช็อกโกแลต แต่เพราะตรงหน้าร้านที่ธันย์ชนกนั่งอยู่ตอนนี้...มีฝรั่งตัวสูงกำลังยืนอยู่ด้วยท่าทางที่ไม่น่าไว้ใจ

...เวรเอ๊ย!...

ร่างสูงรีบเดินออกนอกร้านแล้วเข้าไปหาธันย์ชนกทันที เขาโอบไหล่ร่างบางเบาๆเป็นภาษาสากลที่บอกได้โดยที่ไม่ต้องพูดอะไร

“มันทำอะไรน่ะธัน เห็นยืนอยู่ตั้งนาน”

“?! เขามาถามทาง แล้วก็ชวนคุยน่ะ...” ธันย์ชนกที่กำลังลำบากใจกับบทสนทนาที่หาทางตัดยาก ก็ต้องตกใจกับร่างสูงที่เข้ามาโอบไว้

“Oh. Sorry sorry! Thank you thank you” ดูเหมือนสายตาคมและบรรยากาศที่แผ่คลุมจะทำให้ชาวต่างชาติคนนั้นตัดสินใจถอยออกไป

“แล้วก็ไปคุยกับเขาอีกเนอะ...ธันนี่ปล่อยไว้ไม่ได้เลย” ใบหน้าหล่อเหลายังคงบูดบึ้งแถมท่อนแขนยังกระชับแน่นเข้า

“ไม่เอาแล้ว เข้าไปร้านด้วยกันดีกว่า นั่งตรงนี้เดี๋ยวมีใครมาจีบอีก”

...ผมหวง...

...ถ้าพูดแบบนั้นออกไป คุณจะหาว่าผมงี่เง่าหรือเปล่า...

“ก็แค่ถามทางนะครับคุณราม...” ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่ารีบท้วงขึ้นทันที ราเมนทร์กำลังคิดมากไปหรือเปล่า

“ผมหวง...” หลุดปากไปแล้วจะเอาคืนก็ไม่ได้ ชายหนุ่มเลยจำใจเก๊กหน้าขรึมแล้วถือทั้งของดึงทั้งคนมายืนที่ประตูหน้าร้าน

“มีช็อกโกแลตด้วย ขนมอื่นก็มี ธันไปดูแถวนั้นก็ได้ ผมซื้อแป๊บเดียว”

เพราะคำที่อีกฝ่ายหลุดปากออกมาทำให้ธันย์ชนกไม่ปฏิเสธอะไร เขายอมก้าวเข้าร้านแล้วไปยืนอยู่ตรงโซนที่ขายขนมแทน

...หวงผมเยอะๆแบบนี้...

...ผมมีความสุขนะครับ...

ราเมนทร์เลือกของฝากแฟนของน้องชายอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกนึกว่าต้องเดินถือกลับไปเองแต่ที่ร้านกลับมีไปรษณีย์ข้ามประเทศ เขาเลยกล้าแถมของฝากพิเศษไปอีกสองชิ้นให้ส่งที่ที่อยู่ไอ้หมอบ้าที่ขอรัญชน์ไว้ล่วงหน้าแล้ว

...นี่ยังปรานีนะไอ้หมอ ที่ไม่ส่งไปโรงพยาบาลน่ะ

รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นขณะรูดการ์ด ก่อนที่เขาจะเดินไปหาคนรักที่มีที่ท่าสนใจช็อกโกแลตที่วางอยู่ในกระจาดเล็กๆสีฟ้าหวาน

“เสร็จแล้ว..นั่นเซ็กซี่ช็อกโกแลตนะธัน เอาไปลองชิมไหม”

“เอ๋? คืออะไรเหรอครับ” เขาหันมามองคนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ ถึงจะบอกว่าเป็นช็อคโกแล็ตแต่ชื่อของมันก็ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่เลย

ราเมนทร์หยิบช็อกโกแลตขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มกว้าง

“ก็ช็อกโกแลตนี่แหละ...แต่แบบ..ธันก็รู้มาบ้างใช่ไหมว่าช็อกโกแลตมันทำให้ผ่อนคลายแล้วก็มีส่วนช่วยกระตุ้นเรื่องเซ็กส์น่ะ...”

นี่ยังดีว่าร้านนี้ไม่มีแบบที่ผสมยาปลุก ไม่งั้นคงได้อธิบายอีกยาว

“แล้วก็...มันทำเป็นรูปตรงนั้นของผู้ชายแล้วก็หน้าอกผู้หญิง...เลยเรียกว่าเซ็กซี่ช็อกโกแลต”

“... ไม่เอาหรอกครับ... น่าอายจะตายไป...” ไม่ใช่แค่พูดออกมา แต่ใบหน้ายังแดงไปถึงไหนต่อไหน

“ซื้อไปเก็บไว้เล่นๆเป็นที่ระลึกก็ได้ เนอะ?” ราเมนทร์หยิบขึ้นมาใส่ตะกร้า5-6กล่องแล้วหยิบลูกอมที่อยู่ข้างๆขึ้นมา

“ลูกอมรสจูบ...เชื่อสิว่าหวานสู้จูบธันไม่ได้หรอก” ถึงจะพูดอย่างนั้นลูกอมรูปริมฝีปากก็ถูกโยนไปรวมกับช็อกโกแลต

“............. ผมไม่พูดด้วยแล้วครับ!” พอโดนรุกแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนั้น ธันย์ชนกก็หันหนีเดินออกจากร้านแทบจะทันที

“ไม่ต้องเขินหรอก ไม่มีใครฟังเราพูดรู้เรื่อง... คิดอย่างนี้สิ” ราเมนทร์รั้งแขนเรียวไว้แล้วยิ้มให้

“ไปจ่ายตังค์กันดีกว่า ธันเอาอะไรเพิ่มไหม”

...แค่ของกินเล่นๆยังเป็นแบบนี้...

...ขืนพาไปเดินดูเซ็กส์ทอยมีหวังเขินหน้าแดงเป็นกุ้งแน่...

“..... ไม่เอา... ครับ” ร่างบางตอบเสียงเบาแล้วหันหน้าหนี

“งั้นผมไปจ่ายเงินก่อนนะ” ราเมนทร์ยิ้มหวานให้คนรักก่อนจะเดินไปที่เค้าน์เตอร์

...บางที...

...กุหลาบวาเลนไทน์คงกำลังมาถึงห้องพักแล้ว...

 

 

 

 

 

 

To be continued...

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-34-





“Happy Valentine's Day” น้ำเสียงหวานติดจะออดอ้อนเล็กน้อยเอ่ยขึ้นข้างหูคนที่ยังหลับอยู่ ในมือถือคุกกี้ช็อคโกแล็ตทำเองกับดอกกุหลาบสีแดงสดพร้อมยื่นให้คนรักที่กำลังจะตื่นเต็มที่

“ตัดหน้าอีกแล้ว...แต่ก็ขอบคุณนะตัวเล็ก” ธนกฤตลุกขึ้นนั่งพิงขอบเตียงแล้วรับทั้งของทั้งคนให้เข้ามาในอ้อมกอด

“นึกว่าได้ช็อกโกแลต ลงท้ายก็คุกกี้เหมือนเดิม...” แซวแล้วใช้จมูกโด่งกดที่แก้มขาวเบาๆแทนคำขอบคุณอีกครั้ง

“ไหนๆก็วาเลนไทน์ทั้งที ในฐานะที่พี่หมอเป็นคนโรแมนติกที่สุดในโลก....ตัวเล็กหลับตาก่อนนะ”

“เอ๋? พี่หมอจะให้อะไรเหรอ... ขี้โกงอีกแล้วนะ อยู่ด้วยกันเกือบตลอด ไปแอบซื้อได้ไงนะ” แม้ปากจะพูดไม่หยุด แต่นัยน์ตากลมโตก็ปิดลงตามคำขอของอีกฝ่าย

“ก็ไม่ได้แอบไปตอนนี้สักหน่อย คนเขาเตรียมพร้อมซื้อไว้นานแล้วต่างหาก” คนพูดเลื่อนลิ้นชักข้างเตียงออกแล้วหยิบกล่องสีแดงออกมา

ปลายนิ้วหยาบหยิบแหวนขึ้นมาอย่างทะนุถนอมก่อนจะสวมลงไปบนนิ้วนางข้างขวาซึ่งอยู่ในฝ่ามือ

...แหวนทองคำขาว...ที่สลักว่าBeam & Ran...

“สุขสันต์วันแห่งความรัก...รักกันตลอดไปนะ...” ริมฝีปากทาบทับลงบนแหวนและหลังมือนุ่มนวลอย่างอ่อนโยน แทนหมื่นล้านคำพูดที่อยากจะบอก

...promise ring...

...ที่จะไม่แยกจากกัน...

“... นิสัยไม่ดี.... นะ....” เนื้อแหวนที่เย็นเฉียบพลันอบอุ่นเพียงแค่สัมผัสเบาๆ หยดน้ำใสๆเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่สวยทว่ารัญชน์กลับไม่คิดจะปาดมันออกไป

...เพราะเป็นน้ำตาแห่งความยินดี...

“...... รัก... นะ... ที่สุดเลย....”

ธนกฤตรวบร่างเล็กเข้ามากอดอีกครั้งพร้อมจุมพิตหวานล้ำซับน้ำตาบนใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“อื้อ...รักรันที่สุดเหมือนกัน...”

...แค่มีคำบอกรักด้วยเสียงของคนๆนี้...

...อนาคตข้างหน้าไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว...

“...ทีนี้... นะ... ถึงพี่หมอจะไล่... รันก็ไม่ยอมจะไปแล้วนะ...” ตัวขี้อ้อนเงยหน้าขึ้นมองแล้วโอบรอบลำคออีกฝ่ายไว

“ไม่มีทางหรอก จะอยู่ให้รันกอดไปตลอดชีวิตเลย” ธนกฤตจูบที่หน้าผากมนเบาๆ

“ข้างในแหวนมีสลีกชื่อด้วยนะ..ชื่อเราสองคน...”

“ดีจัง... ชอบมากเลยนะ... ขอบคุณนะพี่บีม...” รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าก่อนจะเป็นฝ่ายโถมตัวเข้าจูบอีกฝ่ายเบาๆ

'Trrrr Trrrrrrr '

ไม่ทันที่หมอหนุ่มจะได้จัดการกับตัวขี้อ้อน เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ตัวกลับดังขึ้นก่อน หน้าจอที่มีไฟสว่างโชว์เบอร์และใบหน้ายิ้มๆของผู้เป็นบิดา

“ป๊าโทรมา...แป๊บนะรัน”

ราเมนทร์กอดคนรักไว้แนบอกแล้วกดรับโทรศัพท์

“หวัดดีครับป๊า สุขสันต์วันวาเลนไทน์”

-ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ สุขสันต์วันแห่งความรักเหมือนกันบีม- ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง อาจจะเพราะไม่เคยคุยกันตรงๆตั้งแต่เรื่องคราวนั้น

แม้ว่าจะไปเยี่ยมแต่ก็เป็นธิวรางค์ที่ชักชวนพูดคุยมากกว่า เพราะบรรยากาศที่เมื่อปล่อยให้ตัวเขาอยู่กับบิดาเพียงสองคนมันอึมครึมเกินไป น้องสาวตัวดีเลยไม่ยอมเปิดประเด็นเรื่องคนรักของพี่ชายแล้วเพลย์เซฟด้วยการเป็นหัวข้อสนทนามากกว่า

...นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้คุยเล่นกันแบบนี้...

“ป๊า...”ธนกฤตเรียกเสียงเบา เขารู้ดีว่าธงเป็นคนอย่างไร..และเข้าใจตัวตนของเขามากแค่ไหน

-บีม..พรุ่งนี้วันเกิด..บีมจะมาที่บ้านไหม-

เสียงของผู้เป็นพ่อเจือความอ่อนโยนและห่วงใยไว้ในน้ำเสียง จนคนได้ยินคิดถึงจนแทบทนไม่ไหว

“ไปสิป๊า เดี๋ยวบีมซื้อข้าวไปกินกันนะ จะไปแต่เช้าเลย” พูดจบก็หันมามองคนรักที่อิงแอบอยู่

“รัน...พรุ่งนี้พี่ไปที่บ้านนะ...”

รัญชน์ได้แต่พยักหน้าเงียบๆ พี่ชายของเขาก็ยังไม่กลับ ส่วนตัวเขาเองถ้าไม่มีธนกฤตก็คงต้องอยู่คนเดียวไปก่อน

“งั้น รันอยู่นี่นะ กลับบ้านไม่มีใครอยู่...”

“อื้อ...” พอเห็นดวงตาที่โศกลงก็อยากจะขอโทษ แต่ก็ทำได้เพียงรับคำเบาๆเท่านั้น

“ป๊างั้นพรุ่งนี้--”

-อยู่กับรันเหรอลูก- ธงแทรกเสียงขึ้นมา

“ครับป๊า..ตอนนี้อยู่กับรัน”

-งั้น...พรุ่งนี้เราก็ชวนรันมาที่บ้านด้วยสิ ป๊าอยากขอบคุณเรื่องคุกกี้...มาทานข้าวพร้อมๆกัน- ธงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากเดิม...เป็นป๊าผู้ใจดีของบีมและแบม

“พาไปได้เหรอป๊า...ให้รันไปด้วย?” ธนกฤตรู้ดีว่าเสียงของตัวเองปิดความดีใจไม่มิด จนนัยน์ตาสีเข้มหรี่หยีเป็นรูปจันทร์เสี้ยว

“รัน...ป๊าบอกว่าให้รันไปกินข้าวด้วยกันนะ”

คราวนี้เจ้าของชื่อมีสีหน้าตกใจขึ้นมาแทบจะทันที รอยยิ้มค่อยๆฉายขึ้นบนใบหน้าก่อนจะรีบพยักหน้าแรงๆ

“อื้อ... ไปนะ... ไป...”

“ป๊า...งั้นพรุ่งนี้บีมกับรันจะไปหานะป๊า เดี๋ยวให้รันอบคุกกี้ไปด้วย”

-อืม...แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะบีม อ่อ เจ้าแบมเขาฝากบอกว่าถ้าไม่ใช่คุกกี้ช็อกโกแลตใส่ช็อกชิพ...ไม่ให้เข้าบ้านแน่- ชายสูงวัยหัวเราะเบาๆตามด้วยเสียงตัดพ้อของธิวรางค์

“ครับ “

-บีม...- น้ำเสียงแผ่วเบาของบิดาเรียกความสนใจจากคนฟัง

-ป๊าอยากให้บีมจำไว้ ว่าป๊ารักบีมและบีมก็เป็นลูกที่ป๊าภูมิใจเสมอนะ แค่นี้ล่ะ...พรุ่งนี้เจอกัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์..ขอให้บีมมีความรักที่สวยงามนะ-

เสียงสัญญาณถูกตัดไปแต่ความซาบซึ้งใจกลับห่อหุ้มตัวของธนกฤตเอาไว้อย่างอบอุ่น เขาวางโทรศัพท์ลงข้างกายแล้วกดใบหน้าลงบนกลุ่มผมสีอ่อนอันนุ่มนวลของคนรัก

“ดีจังเลยรัน...”

“อือ ดีจัง... ดีจังนะ... พ่อจะไม่ว่าแล้วใช่ไหม...” นัยน์ตากลมโตหวานเยิ้มก่อนจะโอบกอดร่างสูงเอาไว้แน่น

“... จะไม่เป็นไรแล้ว... ใช่ไหม”

“ยังไม่รู้หรอก...แต่พี่คิดว่าคงไม่มีอะไรแล้ว” ธนกฤตลูบเบาๆที่แหวนวงเกลี้ยงในนิ้วของคนรัก

“แต่ไม่ต้องกลัวนะ...เราสัญญากันไว้แล้วนี่”

...สัญญา...

...ว่าจะไม่แยกจากกัน...

“อื้อ รันต้องเอาอะไรไปไหม ทำคุกกี้ขิงอีกดีไหมนะ” ใบหน้าหวานเงยถาม

“แบมมันฝากบอกว่า...ถ้าไม่ใช่คุกกี้ช็อกโกแลตใส่ช็อกชิพเยอะๆจะไม่ให้เข้าบ้านล่ะ”

“งั้น... รันทำสองแบบเลยนะ ดีไหม... ของพี่แบม แล้วก็ของพ่อนะ...” ร่างเล็กรีบลุกขึ้นจากเตียงและอ้อมกอดทันที

“ไปซื้อของทำคุกกี้กันนะ”

“ยังเช้าอยู่เลย” ธนกฤตกลิ้งตัวไปหาผ้าห่มบนเตียงแล้วซุกใบหน้าลงกับมัน ดอกกุหลาบสีแดงโชยกลิ่นหอมสดชื่น...แต่ไม่หอมเท่าผิวกายของใครบางคน

คนตัวเล็กกระโดดเข้าใส่ร่างสูงที่นอนอยู่

“อย่าขี้เกียจนะ!”

“ไม่ได้ขี้เกียจสักหน่อย”ร่างสูงกอดคนที่ทุ่มตัวเข้าหาไว้แน่นแล้วลูบแผ่นหลัง..แกล้งไล้มือเรียกเสียงครางเบาๆ

“รุกกันแต่เช้าเลยนะรันนะ” ธนกฤตแกล้งทำเสียงเล็กล้อเลียน

พอโดนสัมผัสถูกจุด ร่างบางก็เกิดอาการหมดแรง ตัวอ่อนยวบลงในอ้อมกอดแข็งของคนรัก

“อือ.... รันเปล่า... นะ”

“ไม่แกล้งแล้วก็ได้” ชายหนุ่มดึงรัญชน์มากอดอีกครั้งแล้วลุกนั่ง

“แต่พี่มีไปโรงบาลตอน9โมงถึงเที่ยง งั้นตัวเล็กรอครึ่งวันได้ไหมแล้วจะมารับ..นะ..”

“อื้อ... ได้” รัญชน์ยิ้มหวานให้ก่อนจะตามมากอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง แล้วหอมแก้มเบาๆซ้ายขวา

“ตั้งใจทำงานนะ”

“ได้กำลังใจแบบนี้สู้ตายเลยครับ”

 

 








...พลาดซะแล้ว...

ราเมนทร์ยืนมองช่อกุหลาบขาวที่ตกแต่งอย่างน่ารักซึ่งเขาให้บริษัทส่งดอกไม้มาส่งให้ที่โรงแรม

 

“ธันชอบดอกไม้อะไรเหรอ...”

“ลิลลี่สีขาวครับ...” ธันย์ชนกเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ

 

..ไม่น่าเลย...

ถ้าไม่ถามคงไม่ต้องคิดมากอย่างนี้ กุหลาบขาวที่คิดว่าเหมาะกับธันย์ชนกที่สุดและตัดสินใจสั่งไปเรียบร้อยตั้งแต่วันแรกที่มาถึง แถมยังเปลี่ยนไม่ทันเมื่อได้ยินที่บอกชอบลิลลี่......และในเมื่อเจ้าตัวชอบลิลลี่ ช่อดอกไม้นี้ก็คงไม่พิเศษอีกแล้ว

ราเมนทร์ถอนหายใจยาว นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาจ้องมองกลีบสีขาวอมเขียวของกุหลาบแสนสวย

...จะให้หรือไม่ให้ดี...

“คุณราม...” เสียงนุ่มดังขึ้นจากในห้องแต่งตัว ธันย์ชนกเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดยูคาตะสบายๆที่ให้ใส่ในโรงแรมตามคำขอของอีกฝ่าย

“เสร็จแล้วครับ”

ราเมนทร์หันไปหาทั้งอย่างนั้น โดยไม่ทันแม้แต่จะซ่อนช่อดอกไม้

“เอ่อ..ธัน...” กุหลาบในมือถูกยื่นไปตรงหน้า

“ผม...ไม่รู้ว่าคุณชอบลิลลี่..เมื่อวันก่อนผมเลยสั่งกุหลาบขาวมาให้...ขอโทษนะ”

“..................” นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองช่อดอกไม้แสนสวยด้วยความรู้สึกคล้ายกับบินได้

“... แค่ให้..... ก็ขอบคุณแล้วครับ”

“ก็ผมอยากให้คุณได้ของที่ชอบที่สุดนี่นา... แต่ว่า... สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะธัน” ราเมนทร์ยื่นช่อดอกไม้ให้ และเมื่อธันย์ชนกรับเขาก็ดึงร่างเพรียวเข้ามากอดเบาๆ

“...ผมดีใจที่เราเป็นแฟนกัน...ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ”

“..... พูดอะไรขนาดนั้นครับ....” เพราะว่าเขินกับคำพูดของอีกฝ่ายถึงได้ถามกลับแทน

“วาเลนไทน์นี้... ผมก็... มีคุณแล้ว... ไงครับ”

“ไม่ยักรู้ว่าธันเองก็หวานเหมือนกัน” ราเมนทร์กอดร่างบอบบางอีกครั้ง

...บางทีกลิ่นพีชที่หวานเศร้า...

...อาจจะไม่ต้องอยู่เดียวดายอีกแล้ว...

“จะปีหน้า หรือปีไหนๆ... วาเลนไทน์ของผมก็จะให้คุณ...”

ธันย์ชนกไม่กล้าตอบรับคำบอกนั้น ทั้งๆที่มันสลักลงไปในหัวใจของเขาเสียแล้ว ใบหน้าแดงก่ำมีเพียงรอยยิ้มแทนคำตอบคำหวานนั้น

...ขอบคุณครับ...

...ที่ทำให้ผมมีความสุขขนาดนี้...

 

 

'Trrrrr Trrrrrrrrrr'

 

คงไม่แปลกนักที่เสียงโทรศัพท์จะดังในยามค่ำคืน แต่เพราะการดังต่อเนื่องกว่าครึ่งชั่วโมงแบบนี้ทำให้นายแบบหนุ่มที่เพิ่งหลับไปไม่ถึงลิมิตของตนอดหัวเสียไม่ได้

เขางัวเงียคว้ามาดู เบอร์ +66 ที่ไม่ค่อยคุ้นตา...แต่รู้ดีว่าจากประเทศไหน

...ก็เล่นให้คนรักของตัวเองหนีกลับไปที่นั่นเป็นว่าเล่น ต่อให้ใครก็รู้ล่ะน่า

“วิน! หายงอนแล้วเหรอ” เอริครีบรับแล้วกรอกเสียงลงไป

-วินอะไร? นี่ฉันเองนะ!- เสียงปลายสายฟังเริงร่าแม้จะคล้ายกับดุๆในทีแรก

“ฉันไหนวะ...” เอริคสบถเบาๆก่อนจะนึกได้ทันที

“หรือว่ารัน?? ใช่ไหม เปลี่ยนเบอร์เหรอ ตอนนี้อยู่ไทย?” น้ำเสียงทุ้มรัวเร็วตามสาย

-อื้อ กลับมาแล้ว เป็นไงมั่งนะ- เสียงปลายสายยังคงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเริงร่า

...ตั้งแต่เลิกกัน ก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย

 





 

“Hi guys-- I'm Ran” เด็กผู้ชายตัวเล็กเจ้าของดวงตากลมโตยิ้มกว้างพลางยกมือขึ้นโบกทักทายกับเหล่านางแบบนายแบบที่กำลังแต่งหน้าทำผมกันอยู่

“He's from Thailand and he'll be part of the shooting today. Be nice with him children.”

นัยน์ตาสีเทาเหล็กละความสนใจจากหน้านิตยสารขึ้นมามองทันทีที่ได้ยินคำว่าไทยแลนด์ เอริคเหลือบตามองเด็กใหม่ที่แทบเรียกได้ว่าเป็นเด็กชายเท่านั้น เขามองไปทางโปรดิวเซอร์เพื่อสื่อสายตาว่าจะเอาจริงหรือ...และคำตอบที่ได้คือนัยน์ตาที่จริงจัง

...ไอ้เด็กนี่เนี่ยนะ...

เอริคที่แต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วลุกจากหน้ากระจกก่อนจะเดินไปหาไอ้ตัวเล็กหน้าสวย เขาหยุดยืนอยู่อย่างงั้นโดยที่ไม่พูดอะไร...มีเพียงดวงตาที่สบกันเท่านั้น

...หน้าตาเอาเรื่องเหมือนกันนี่ไอ้เปี๊ยก...

“Hi, I'm Ran” ริมฝีปากสีอ่อนฉีกยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเรียวเป็นเส้นโค้งพลางยื่นมือมาข้างหน้า

“I'm Eric” มือใหญ่เอื้อมไปจับพร้อมกับบีบเบาๆแทนคำทักทาย

“มาจากไทยเหรอ” น้ำเสียงภาษาไทยที่ไม่ชัดเท่าไหร่เอ่ยถามต่อ

“??? อ เอ๋?? คนไทยเหรอ!! โห ตัวโตจัง” รัญชน์มีท่าทีตื่นเต้นขึ้น ไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่พูดภาษาบ้านเกิดของตัวเองได้ที่นี่ เพราะดูอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีเค้าเลยสักนิดเดียว

“ครึ่งฝรั่งเศสน่ะ” เอริคยิ้มนิดๆ ไอ้ท่าทีตื่นเต้นจนออกนอกหน้านี่ยังไงก็เด็กชัดๆ

“แล้วนาย..น้อง..ไม่สิ หนูอายุเท่าไหร่แล้ว” อีกฝ่ายดูเด็กมาก จนคนที่ไม่ค่อยชินกับภาษาไทยสับสนว่าควรเรียกแทนว่าอะไรดี

“14แล้ว เรียกหนูทำไมนะ” คนฟังมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแทบจะทันที

...14แล้วยังตัวแค่นี้เนี่ยนะ

เอริคเอื้อมมือไปขยี้ผมเด็กน้อยที่ยืนทำหน้ายุ่งอยู่ตรงหน้า

“14ก็เด็ก...ไม่ให้เรียกเด็กว่าหนูแล้วจะให้เรียกอะไร”

“อ๋า--! อย่าขยี้นะ!!” เด็กตัวเล็กเอื้อมมือหมายจะปัดออกแต่เอื้อมเท่าไหร่ก็ไม่ถึงตัว

มือใหญ่หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะยกอีกข้างมาช่วยขยี้ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกว้างขึ้นเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าขัดใจพร้อมกับโวยวาย

“แล้วมาถ่ายเซตไหน ของฉันบีชซัมเมอร์”

“เอ๊ย---!! ปล่อยสิ!!!! เมื่อกี้เค้าบอกว่าจะให้ใส่เดรสริมทะเลนะ” ยิ่งถูกแกล้งก็ยิ่งดิ้นมากขึ้น

คราวนี้คนฟังอึ้งไปพักใหญ่ เพราะถ้าเป็นถ่ายริมทะเลก็มีหวังเซตเดียวกันแหง แต่เท่าที่รู้มา...จริงๆต้องเป็นเขากับนางแบบสาววัยรุ่นไม่ใช่เหรอ

“นี่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเจ้าเปี๊ยก ไหนผู้จัดการฉันบอกว่าถ่ายกับสาวไง”

“ก็... จะรู้ไหมนะ อย่ามาเรียกเจ้าเปี๊ยกน่า เขาสั่งให้มาฉันก็มานะ” เด็กหนุ่มยังคงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

นัยน์ตาสีสวยด้วยคอนแทคเลนส์จ้องมองใบหน้าเล็กๆที่แสดงอาการดื้อดึง เอริคยิ้มจางๆให้แล้วกระซิบเบาๆ

“เจ้า...เปี๊ยก”

 

 

เอริคไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าจะมองเด็กที่แกล้งจนตาค้างได้แบบนี้ ร่างบอบบางในชุดแบบที่ทั้งผู้หญิงผู้ชายใส่ได้เดินยิ้มหวานคุยกับช่างแต่งหน้า เส้นผมสีอ่อนถูกรวบเป็นทวินเทลต่ำๆดูน่ารักน่าทะนุถนอมจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับไอ้เปี๊ยกคนนั้น

รัญชน์รู้สึกถึงสายตาที่มองมาจึงหันไปหาก่อนจะจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง

“เอริค...” เขาเรียกเบาๆพลางหันไปลาช่างแต่งหน้าแล้วเดินเข้ามาหา

ทันทีที่อีกฝ่ายเรียกชื่อ เอริคก็คว้าตัวเด็กหนุ่มให้เดินมาด้วยกัน สถานที่ที่ยังเซตและเช็คไฟไม่เสร็จเปิดโอกาสให้นายแบบทั้งคู่หลบฉากออกไปได้อย่างง่ายดาย

เอริคพารัญชน์มายังแนวร่มไม้ใกล้หาดทราย ทะเลที่เงียบสงบไม่มีสำเนียงใดๆเร่งให้หัวใจดูจะเต้นผิดปกติ

“มีอะไร?” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ

“อยากจูบ” คนถูกถามตอบโต้งๆแล้วก้มใบหน้าเข้าใกล้

“เคยหรือยัง?”

“หา... อะไรนะ??” คำว่าจูบที่อีกฝ่ายพูดนั้นรัญชน์ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร

“kiss ไงล่ะ” คนตัวสูงพูดจบก็สาธิตวิธีทำกับริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่ถูกเคลือบกลอสไว้เบาๆ เขารั้งร่างเล็กให้เข้ามาอีกนิดแล้วขยับใบหน้าให้รับกับจุมพิตที่เร่าร้อน

“สตรอว์เบอร์รี่...กลอสเหนียวชะมัด” นัยน์ตาเชื่อมแสงพราวระยับรับกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

นัยน์ตาสีอ่อนมองอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะกระพริบมองช้าๆ ถ้าเป็นจูบล่ะก็ไม่เคยแต่กลับไม่ได้รู้สึกเกลียด รู้สึกวูบวาบเสียด้วยซ้ำ

“... อีกที... นะ”

นายแบบรุ่นพี่หัวเราะเบาๆตามด้วยรอยยิ้มหวาน เขาตอบรับคำขอของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยจุมพิตดูดดื่มไม่แพ้กับครั้งแรก

“อ้าปากสิ...จะทำให้รู้สึกดีกว่านี้อีก” เอริคที่ผละจูบออกมาพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงแหบห้าว

ริมฝีปากบางเผยอออกช้าๆขณะที่ปลายเท้าเขย่งขึ้นหาคนที่ตัวสูงกว่ามาก มือสองข้างเอื้อมไปยึดเสื้อของเอริคไว้

จูบหวานๆปนความร้อนแรงของวัยรุ่นถูกมอบให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ

และหลังจากวันนั้น....ความสัมพันธ์ก็เดินไปในรูปแบบที่แตกต่าง...ที่เรียกว่ารักครั้งแรก

...

-ตอนนี้อยู่ไหนนะ Franceหรือเปล่า- รัญชน์เอ่ยถามต่อ

“เปล่า ตอนนี้อยู่มิลาน” เอริคตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ตั้งแต่เลิกรากันไป... ถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่ก็ห่างกันมากจนแทบไม่ค่อยได้ติดต่อ หลายครั้งที่อยากจะโทรหา... และสานสัมพันธ์ต่อ แต่เพราะจบไม่ค่อยสวยเลยไม่อยากเจ็บซ้ำอีก

...จนเมื่อได้เจอเชฟฝึกหัดขี้วีนแสนเอาแต่ใจคนนั้น...

...รวินทำให้เขาเข้าใจความรัก...ที่มากกว่าหลงเหมือนตอนเด็กๆ...

“แล้วไปอยู่เลยหรือเปล่า หมู่นี้ไม่เห็นงานถ่ายแบบเลย”

-เปล่าอะ มาพักปีเดียวแหละ คิดถึงงานถ่ายแบบแล้วล่ะ- ไม่พูดเปล่าซ้ำยังหัวเราะเบาๆ

“คิดถึงก็กลับมาสิ แฟนๆนายเยอะจะตาย ไม่มีผู้ชายคนไหนใส่กระโปรงได้น่ารักเท่านายหรอก ผู้จัดการฉันยังบอกเลย”

“อีกสองวันจะไปง้อคนที่ไทย ไปทำงานด้วย มาทำด้วยกันไหม”
-ได้เหรอ เอาสิ เดี๋ยวพาแฟนไปด้วย-
 
น่าแปลกว่าคำว่าแฟนของรัญชน์ไม่มีผลต่อจิตใจเขาสักนิด ตรงกันข้าม...กลับรู้สึกยินดีที่อีกฝ่ายมีคนรักแล้ว

“เดี๋ยวถึงแล้วจะไปหา ใช้เบอร์นี้นะ”

-อือ ใช้เบอร์นี้แหละ โทรมานะ- น้ำเสียงหวานฟังร่าเริงขึ้นทันทีที่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง

“โอเค แล้วไว้เจอกันนะ” เอริคตอบกลับแล้วกดวาง

...พอดีเลย...

...กลับไทยคราวนี้คุ้มจริงๆ...

To be continued...





kagehana :

ยังหวานต่อไปให้ทำใจเยอะๆ อิอิ


ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



-35-







“..... คุกกี้พร้อมแล้ว.....” รัญชน์พูดเบาๆขณะถือกล่องคุกกี้ไว้บนตัก น้องบูบู้คันเก่งเข้ามาจอดในบริเวณบ้านหลังใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่ทำให้คนตัวเล็กหายตื่นเต้นได้

“แล้วตัวเล็กคนดีของพี่หมอพร้อมยัง” คนที่เดินตามมาโอบไหล่คนรักไว้เบาๆเพื่อให้กำลังใจ

ไม่ง่าย...กับการกลับมาในที่ๆเคยทำให้มีความทรงจำไม่ค่อยดี

...แต่เขาเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุด วันนี้คงดีกว่าคราวนั้น

“ป๊าคงรอในห้องนั่งเล่นมั้ง ไปกราบป๊ากันนะ”

“โอเคนะ... โอเคแหละ...” เขาหันมายิ้มให้คนรักก่อนจะกระชับมือที่ถือกล่องคุกกี้ไว้ให้มั่น แล้วเดินตามไป

ธนกฤตเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้านที่ตกแต่งแบบเรียบง่ายอย่างที่มารดาเขาชอบ หมอหนุ่มพาคนรักเดินไปที่ห้องทานข้าวที่อยู่ติดกับครัวเพราะเสียงตะหลิวนำทาง

ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะซึ่งรายล้อมด้วยอาหารหลายอย่างมองมายังคนที่เดินเข้ามาใหม่พร้อมรอยยิ้มขรึมๆ

“ป๊าหวัดดีครับ” เพราะตัวเองก็ยังเกร็งอยู่เลยไม่หยอกล้อเหมือนเมื่อก่อนเกิดเรื่องคราวนั้น

ธนกฤตแตะที่หลังคนรักแล้วดันเบาๆเพื่อให้รัญชน์เดินเข้าไปหาธง

“รันเอาขนมมาฝากน่ะป๊า”

“สวัสดีครับ” เพราะว่าตื่นเต้นทำให้เด็กหนุ่มเผลอพูดเสียงดังก่อนจะเดินเข้าไปแล้วยื่นกล่องคุกกี้ให้

“ผมทำคุกกี้แบบที่พี่แบมบอกว่าอยากได้ แล้วก็คุกกี้ผสมงามาให้คุณพ่อครับ”

“ขอบใจมาก” อาการเกร็งของคนตรงหน้าทำให้เสียงที่ออกมาอ่อนโยนขึ้น

ใช่ว่าเขาไม่รักไม่สงสารเด็กคนนี้ แต่บางทีอคติของคนก็ยากจะจำกัดได้...แต่ถ้าผ่านวันเวลาไป เขาเชื่อว่าสักวันคงสามารถเห็นรัญชน์เป็นลูกอีกคนหนึ่งได้จริงๆ

“นั่งสิลูก บีม..ไปช่วยเจ้าแบมทำกับข้าวก่อน” ธงเรียกให้นั่งแล้วหันไปส่งสายตา ซึ่งลูกชายเองก็พยักหน้าเบาๆแล้วเดินเข้าไปในครัว

“ป๊าขอบใจรันสำหรับคุกกี้ที่ฝากมาให้ทุกครั้งด้วยนะ”

“ครับ... ผมชอบทำคุกกี้ แต่ถ้าทานหวานมากๆจะไม่ดี... นะครับ ก็เลย.. ทำแบบนี้” นัยน์ตากลมโตจ้องมองหารอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของชายสูงวัย

“คนแก่แล้วก็อย่างนี้แหละ ต้องระวังหลายอย่าง” ธงยิ้มจางๆให้ รัญชน์เป็นคนอ่อนโยนอย่างที่คิด แต่เพราะคราวที่แล้วไม่ทันจะได้ทำความรู้จักเลยยังมองไม่ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัว

...โลกมันเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยที่ยังเป็นหนุ่มสาวมาก

“รัน ป๊าถามรันตรงๆนะ” ธงทอดสายตาอ่อนโยนแล้วกล่าวต่อ

“ ถ้ารันรักกับบีม ป๊าว่าเราสองคนต้องเจอแรงกดดันหลายๆอย่าง บีมก็ส่วนบีม... แต่รันล่ะลูก รันจะทนมันไหวไหม ป๊าบอกก่อนว่าป๊าไม่ได้เกลียดรัน ไม่ได้รังเกียจผู้ชายที่รักผู้ชาย แต่สังคมไม่ใช่ป๊า ไม่ใช่แค่รันกับบีม ถ้าเป็นอย่างงั้นแล้วรันจะไหวไหม”

คนฟังได้แต่ยิ้มให้อีกฝ่ายจางๆ เรื่องแบบนั้นเขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ

“ถ้าพี่บีมไหว... ผมก็ไหวครับคุณพ่อ....” เขาตอบชัดเจนและหนักแน่น

...ทั้งคำพูดและความรู้สึกจากใจ...

“บีมเป็นลูกชายคนเดียวของป๊า ป๊าอยากให้เขามีครอบครัว มีความสุข มีหลานให้ป๊า....” ชายผู้เป็นพ่อพูดช้าๆ ทั้งหมดนั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดในแง่ของตนเองที่เป็นพ่อ...

“แต่ป๊ารักบีม มากกว่าจะให้บีมทำตามความต้องการของป๊าโดยที่ไม่สนใจความรู้สึกลูก ถึงบีมจะเป็นลูกแต่พ่อแม่ก็ไม่มีสิทธิ์บังคับเรื่องหัวใจได้”

มือเหี่ยวย่นเอื้อมไปลูบศีรษะของคนตัวเล็กเบาๆ นัยน์ตาที่มีริ้วรอยของคืนวันที่ผันผ่านหรี่ลงเป็นรูปจันทร์เสี้ยวพร้อมรอยยิ้มใจดี

“ในเมื่อบีมรักรัน ป๊าก็รันรันด้วย ป๊าเชื่อในเราสองคน...อย่าทำให้ป๊าผิดหวังนะลูก...”

“ครับ!!” นัยน์ตาคู่สวยคลอไปด้วยน้ำตาก่อนจะตอบรับหนักแน่น

“ไปลูก...ไปบอกพี่ๆเขาหน่อยว่าป๊าหิวแล้ว” ธงเอามือออกแล้วยิ้มให้อีกครั้ง

...ป๊าเลือกทางที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหมม๊า...

ถ้าม๊าอยู่ ป๊าเชื่อว่าม๊าเองก็ต้องทำแบบป๊า เพราะม๊าเป็นแม่เจ้าบีมกับเจ้าแบม ลูกๆที่เราภาคภูมิใจ...

“แล้วถ้ารันเรียกป๊าว่าป๊าเหมือนแบมกับบีม..ป๊าจะดีใจมากเลย”

“... ไม่ค่อยคุ้นนะครับ... แต่จะเรียกนะครับ... ป๊า” ร่างเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วรีบเดินหายเข้าไปในครัว

“พี่หมอ ทานข้าวนะ”

“เป็นไงมั่งตัวเล็ก” ธนกฤตละมือจากถาดอาหารแล้วเดินเข้าหา แม้ดวงตาจะมีหยาดน้ำคลอแต่ใบหน้ากลับยิ้มอย่างดูมีความสุข

“โอเคไหม”

“อื้อ... พี่แบมครับ คุกกี้อยู่ข้างนอกนะครับ”

หญิงสาวมองพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มจางๆให้ก่อนจะหยิบเอาจานอาหารขึ้นมา

“ถ้าไม่อร่อยฉันเอาตายแน่” ธิวรางค์พูดทิ้งไว้ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากห้องครัว

“นั่น... จริงเหรอ” เขาหันมาถามคนรัก

“เรื่องอื่นพี่ไม่รู้...แต่เรื่องกินของไอ้แบมใครอย่าได้ไปขัดใจเชียว” ธนกฤตสำทับซ้ำพร้อมยิ้มกว้าง

“ดีใจจัง”

“ดีใจด้วยเหมือนกันนะ ไปกินข้าวกันนะ” เขาเอื้อมมือมาโอบเอวของอีกฝ่ายไว้แล้วออกแรงดัน

ธนกฤตพาคนรักมาที่โต๊ะอาหารแล้วให้รัญชน์นั่งข้างธิวรางค์ ส่วนตัวเขาปราดไปนั่งข้างธงพลางยิ้มจนดวงตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว

“ป๊า น้องบีมรักป๊าจังค่ะ”

ธงไม่ตอบอะไรมากไปว่ารอยยิ้ม เขาลูบหัวลูกชายเบาๆก่อนจะหันมาที่อาหารที่ว่างอยู่บนโต๊ะ

“วันนี้น่ากินจัง ฝีมือเราหมดเลยเหรอแบม”

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะป๊า ไม่เหมือนพี่บีมหรอก ทำทีไรทำแต่กุ้งกระเทียม” หญิงสาวไม่พูดเปล่าซ้ำยังแอบแขวะพี่ชายซ้ำ

“ก็แล้วอร่อยไหมล่ะ พ่อคะพี่แบมแกล้งน้องบีม” ชายหนุ่มกอดแขนพ่อแล้วทำท่างอแงใส่

สัมผัสอุ่นๆที่แสนคิดถึง... ในตอนนี้ได้กลับมาอยู่ด้วยอีกครั้งแล้ว

“เอ้า มัวแต่เล่นกันอีกแล้ว กินข้าวๆ” ธงตักหมูสับปั้นก้อนทอดใส่จานของเด็กหนุ่มที่นั่งเฉียงไป

“ทานเยอะๆนะรัน ไม่ต้องไปสนพี่น้องทะเลาะกันหรอก...เป็นแบบนี้ประจำ”

“ครับ! เหมือนพี่ชายผมเลยนะครับ” เขายิ้มกว้างรับก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“เถียงกันที่โต๊ะกินข้าวตลอดนะครับ”

ธงยิ้มกับคำพูดของคนรักของลูกชาย ก่อนจะตักข้าวเข้าปากพร้อมกับมองความสุขที่อยู่ตรงหน้า

...ม๊ากำลังดูพวกเราอยู่ใช่ไหม...

...ไม่ต้องเป็นห่วงนะม๊า..เพราะป๊ายังต้องอยู่กับลูกๆและลูกชายคนใหม่ของเราไปอีกสักพัก

 

 








“Happy Birthdayนะพี่บีม” ร่างเล็กเดินเข้ามาหาพร้อมกับเค้กก้อนเล็กๆที่ปักเทียนไว้หนึ่งเล่ม หลังจากทานอาหารเย็นและร่วมร้องเพลงวันเกิดกับที่บ้านเรียบร้อย ทั้งสองคนก็กลับมาที่คอนโดเพราะรัญชน์บอกว่าทำเค้กไว้ให้พิเศษ

ทั่วทั้งห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงเทียนเล็กๆที่สว่างไสวสะท้อนรับกับใบหน้าสวยซึ่งยิ้มแย้มอยู่ทางด้านหลัง

ธนกฤตจับมือเล็กที่ประคองเค้กเบาๆแล้วก้มหน้าเอาหน้าผากแตะคนรัก

“ขอบคุณนะตัวเล็ก”

“เป่าเร็ว แล้วขอพรนะ” รัญชน์พูดเบาๆพลางยื่นยกเค้กขึ้นสูง

ธนกฤตหลับตาลงพร้อมกับคำอธิษฐานในใจ

...ขอให้ป๊าสุขภาพแข็งแรง ขอให้ทุกคนมีความสุข...และขอให้อยู่ด้วยกันกับตัวเล็กตลอดไป...

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นแล้วเป่าเทียนเล่มน้อยจนดับไป

“รักตัวเล็กนะ”

“รักพี่หมอเหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มยิ้มหวานพลางยื่นใบหน้าไปแตะริมฝีปากเบาๆ

“เขินนะครับ”

ธนกฤตใช้ปลายนิ้วปาดครีมเค้กสีขาวมาชิม รสหวานอย่างที่ชอบแถมยังมีกลิ่นเลมอนอ่อนๆผสมทำให้กลายเป็นเค้กวันเกิดที่แสนพิเศษจากคนรัก

“รันชิมสิ ไปเอาจานนะ”

“โอเค...” เด็กหนุ่มตอบรับแล้วส่งเค้กให้คนรักถือก่อนจะวิ่งไปหยิบช้อน

“เอ้า!”

“ไม่ต้องมีตัดแบ่งกันเลยเนอะ”ธนกฤตรับช้อนมาแล้วพาทั้งเค้กทั้งคนไปนั่งที่โซฟาในห้อง ร่างสูงฝากตัวไว้บนโซฟาตัวนิ่มพลางกอดโอบล้อมคนรักตัวเล็ก

“ป้อนนะ”

“อื้อ..” เขาใช้ช้อนตัดเค้กเป็นคำเล็กๆแล้วเอื้อมช้อนไปตรงหน้าของคนรัก

“อ้าม~ม”

“ไม่อั้ม” หมอหนุ่มหุบปากแน่นแล้งชิงหอมแก้มเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด

“อั้มรันดีกว่านะรันนะ....ให้พี่หมอบีมคนดีกินได้ป่ะครับ”

“อุตส่าห์ทำเค้กแล้วนะ นิสัยไม่ดีนะพี่บีม” เจ้าตัวเล็กทำหน้ายุ่งแล้วยื่นช้อนไปใหม่

“อ้าม~ม”

เค้กหวานๆที่ “อุตส่าห์” ทำให้ถูกงับเบาๆก่อนที่ร่างเล็กจะโดนให้ชิมเค้กที่ตัวเองทำจากริมฝีปากของธนกฤต

“หวานเนอะ หอมด้วย” ริมฝีปากที่ถอนออกกระซิบแผ่ว

“....... นิสัย... ไม่ดี” พอได้รับจูบหวานๆผสมรสเค้กแบบนั้นทำให้อดไม่ได้ที่จะต่อว่า แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ห้ามอะไร

“กินอีกไหม...”

“ป้อนก็เอา” ธนกฤตพูดแล้วใช้ช้อนตักมาจ่อที่ริมฝีปากรัญชน์

“อ้าม--”

คนตัวเล็กอ้าปากรอให้อีกฝ่ายส่งช้อนเข้ามา

ธนกฤตใส่ช้อนเข้าไปในปากแล้วปล่อยให้คนรักละเลียดชิมเค้กฝีมือตนเอง ใบหน้าเล็กๆยิ้มอย่างมีความสุขเช่นเดียวกับนัยน์ตาสีสวยที่ส่องประกายวาววับ

“ไว้วันเกิดรันพี่จะทำให้กินบ้างดีไหม”

“เค้กกุ้งไม่เอานะ...” รัญชน์แกล้งเบ้หน้า จงใจล้อเลียนอีกฝ่าย

“งั้นเอาเค้กปลาหมึกแทนแล้วกันเนอะ”

ชายหนุ่มยิ้มหวานให้คนรักก่อนจะแนบจุมพิตลงไปอีกครั้ง

...ขอให้อยู่ด้วยกัน..ตลอดไป...

 

 







“.... เมืองไทยนี่ร้อนจริงๆนะครับ” ธันย์ชนกเอ่ยขึ้นหลังจากเดินผ่านศุลกากรออกมาแล้ว ใบหน้าสวยภายใต้กรอบแว่นหันมายิ้มให้จางๆขณะที่เดินลากกระเป๋าเดินทางมาด้วยกัน

“นั่นสิ นี่ถ้าธันไม่คิดถึงงานนิยาย ผมไม่ติดงานที่สตู...ผมยังอยากอยู่ต่อเลยนะ” ราเมนทร์บ่นเบาๆพลางลากกระเป๋าเดินมาคู่กัน

“ธันโอเคเปล่า มึนหัวไหม” สำหรับตัวเองสภาพงานทำให้ชินกับเครื่องบินไปแล้ว แต่กับธันย์ชนกอาจจะเกิดอาการอะไรอยู่บ้าง

“ไม่มึนครับ...” ชายหนุ่มยิ้มคลายกังวลอีกฝ่าย ไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้เขามีแต่ความทรงจำดีๆกับราเมนทร์จนทำให้คิดว่าจากวันนี้ไป คงจะมีแต่เรื่องดีๆ แล้วอีกฝ่าย ก็จะรักเขาได้เอง

...วันนั้นคงไม่ไกลเกินไป...

...ใช่ไหมครับ...

“ดีแล้ว งั้นจะหาอะไรกินก่อนกลับไหม” ร่างสูงโอบเอวคนรักเบาๆ

ราเมนทร์ไม่ลืม...ว่าเขามีความสุขได้เพราะใคร เพราะถ้าไม่มีคนๆนี้ เรื่องราวที่ผ่านมาคงหนักหนาเกินกว่าจะทำเฉยแล้วผ่านไปได้ด้วยตนเองได้

...ขอบคุณนะธัน ที่ทำให้ผมมีความสุข...

 

ภาพของคนสองคนที่ยิ้มให้กันชื่นมื่นอยู่ในสายตาของชายหนุ่มร่างสูงซึ่งยืนอยู่ด้านนอก นัยน์ตาเข้มมองรอยยิ้มหวานของคนที่ครั้งหนึ่งเคยมอบให้เพียงเขา... และเขาก็ทำลายมันไปอย่างไร้เยื่อไย

ภูริมองแฟนเก่าของตัวเองกับผู้ชายอีกคนที่เคยเจอกันครั้งหนึ่งที่ร้านอาหาร ก่อนจะยิ้มจางๆออกมาด้วยแววตาที่ยากจะบรรยาย

...ถ้าเขารู้เรื่องของนายกับฉัน เขาจะยังยิ้มให้แบบนี้ไหม...

 







“เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วไปทานอะไรกันดีครับ หรือคุณอยากจะพักผ่อน” ธันย์ชนกเอ่ยถามขณะยืนรอแท็กซี่ด้านนอก

“อยากทานข้าวผัดกุ้งฝีมือธัน...นะ?” ราเมนทร์พูดอ้อนแล้วส่งรอยยิ้มหวานให้

แท็กซี่จอดลงที่ข้างหน้า ราเมนทร์ดันธันย์ชนกให้เข้าไปก่อนแล้วเอากระเป๋าทั้งหมดใส่หลังรถก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวตามขึ้นไป

รถแท็กซี่เลี้ยวออกจากที่รอรับผู้โดยสารมุ่งกลับสู่คอนโดใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย

...โดยไม่รู้ว่าทั้งหมดอยู่ในสายตาของชายหนุ่มในแท็กซี่อีกคันที่ขับตามไป

“.... กำลังอ้อนอยู่เหรอครับ” อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆถาม

“อ้อนอยู่สิ ก็อ้อนธันได้คนเดียวนี่” ร่างสูงที่นั่งพิงเบาะรถเอนศีรษะลงซบบ่าเล็กเบาๆด้วยกิริยาคล้ายเด็กน้อย

“ไม่ใช่ธันผมไม่อ้อนหรอก เสียหน้าแย่”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ....” เขาหันมายิ้มขำให้กับคนข้างๆ

“ทำตัวเป็นเด็กๆเชียว....”

“ไม่ชอบหรือไง” คนที่มักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่หลิ่วตาลงอย่างตั้งใจแกล้งรวน

“หรือธันชอบผมแบบเมื่อก่อนมากกว่าตอนนี้”

“.... แบบไหน... ก็เป็นคุณรามนะครับ” เขายิ้มให้จางๆอีกครั้ง

“................... ไม่เห็นต้องถามเลย”

“คุณกำลังทำให้ผมเขินนะรู้ไหม.....” ราเมนทร์ตัดการสนทนาด้วยฝ่ามือใหญ่ที่กุมมือคนที่นั่งข้างๆไว้เบาๆ

ทำนองเพลงที่ดังจากวิทยุช่วยให้บรรยากาศเงียบสงบไม่เงียบจนเกินไป เนื้อเพลงแสนหวานดังโอบล้อมกายของคนทั้งสองที่นั่งพิงกันอยู่ทั้งรอยยิ้ม

 







 

“ข้าวผัดเสร็จแล้วครับ” ธันย์ชนกเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับจานสองใบ

“งั้นเดี๋ยวผมไปเอาน้ำให้ ธันเอาน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ดี” ราเมนทร์รับจานมาวางบนโต๊ะแล้วกดบ่าของธันย์ชนกให้นั่งลงกับพื้นหน้าทีวี

“นั่งกินกันตรงนี้ล่ะเนอะ ไว้อิ่มแล้วก็กลิ้งเลย”

“ส้มนะครับ” เขาเงยหน้ายิ้มให้ แล้วเขยิบที่นั่งเตรียมไว้ให้อีกคนด้วย

ราเมนทร์เดินเข้าไปรินน้ำผลไม้ใส่แก้วทรงสูงแล้วหยิบขวดน้ำพร้อมแก้วสองใบเดินกลับมาที่เดิม เขานั่งข้างธันย์ชนกแล้วเริ่มทานข้าวผัดกุ้งที่อ้อนให้คนรักทำให้

“อร่อย....” เขาพูดเท่านั้นแล้วก็ตักเข้าปากต่อ

“ก็ผมทำได้ไม่กี่อย่างนะครับ” เขาหัวเราะเบาๆพลางตักเข้าปากบ้าง

“ไม่ต้องมากหรอก ผมกินง่าย” ราเมนทร์ยิ้มจางๆ... แต่รู้ไหม สิ่งที่คุณทำอยู่ทุกอย่างในตอนนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากได้มาตลอด

“ผมชอบคุณจัง....” พึมพำเบาๆกับจานข้าวผัดที่อยู่ตรงหน้า

"อยากได้ข้าวผัดเป็นแฟนเหรอครับ" ธันย์ชนกยิ่งหัวเราะหนักขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดกับข้าวผัดแบบนั้น

"ผมบอกว่าชอบธันต่างหากล่ะ..." ราเมนทร์เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มด้วยนัยน์ตา

".... ชอบ... ทำให้ผมเขินนะครับ" รอยยิ้มกับพวงแก้มสีแดงปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มนักเขียน

"ก็ผมชอบดูธันเขิน" ราเมนทร์บอกโต้งๆแล้วตักข้าวกินต่อจนหมดจาน ตบท้ายด้วยน้ำดื่มเย็นๆในแก้วทิ้งท้าย

บรรยากาศภายนอกเงียบสงัดผิดกับทุกวัน จะมีเพียงเสียงฝนโปรยปายเป็นหยาดน้ำที่พอให้ชุ่มชื่น ราเมนทร์ที่กินอิ่มแล้วเลื้อยตัวเอนศีรษะพิงโซฟาตัวนิ่มรอธันย์ชนกทานข้าว

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูก่อนจะกดเข้าโหมดถ่ายภาพ

...ถ้าเป็นตอนนี้ คุณจะยิ้มให้กล้องผมได้หรือเปล่า...

"ธัน... มาถ่ายรูปกันไหม"

"...?!" เขาหลบสายตาอีกฝ่ายไปครู่หนึ่ง

"...... แค่กล้องมือถือก่อน.... ก็แล้วกันนะ... ครับ"

ราเมนทร์พยักหน้าเบาๆแล้วยิ้มให้คนที่ฉายภาพมายังโทรศัพท์ของเขา

"ธันยิ้มหน่อยนะ อากาศหนาวๆมีฝนตกปรอยๆ...มีผมอยู่ด้วย ธันมีความสุขไหมนะ..." เจ้าของโทรศัพท์ยิ้มให้คนรักแล้วพูดต่อ

"ยิ้มหวานๆเหมือนที่ตอนยิ้มให้ผมหน่อยนะ...คนดีของผม...."

"อยู่ๆบอกให้ยิ้ม... ผม... ทำหน้าไม่ถูกเลย..." ทั้งที่พูดแบบนั้น แต่บนใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มเขินอายอยู่

"ไม่ต้องทำอะไรหรอกธัน...." ราเมนทร์กดถ่ายภาพใบหน้าที่ยิ้มอย่างเขินอายแต่ยังมองมาที่กล้องของเขาไว้

"ไว้ผมจะถ่ายเยอะๆ..ถ่ายมากๆ...จนกว่าธันจะชิน" ราเมนทร์เลือกโหมดถ่ายวีดีโอแล้วเริ่มต้นพูดต่อพร้อมกับหันกล้องมาหาตัวเอง

"วันนี้ฝนตกปรอยๆ อากาศเย็นดี มีข้าวผัดกุ้งให้กินด้วย...แต่ที่พิเศษที่สุด..."

มือใหญ่หมุนกล้องไปทางธันย์ชนกที่ยังยิ้มอยู่

"วันนี้เป็นวันแรกที่ธันมองมาตรงๆยิ้มให้กล้องของผม...โคตรดีใจเลย...ธันพูดอะไรหน่อยสิ.."

แต่ละอย่างที่อีกฝ่ายทำและพูดออกมาทำให้เขาเก็บความสุขเอาไว้แทบไม่อยู่ มือสองข้างยกขึ้นปิดหน้าของตัวเองแล้วพูดเบาๆ

"ถ่ายอะไร... น่าอาย.... นะครับ"

"ไม่เห็นน่าอายเลย" ราเมนทร์ลุกจากที่ของตัวเองแล้วเข้าไปนั่งชิดธันย์ชนก ท่อนแขนแข็งแรงโอบไหล่บอบบางไว้

"ตอนนี้อยู่ห้องธัน เพิ่งกลับจากญี่ปุ่น...แล้ววันเกิดธันเราจะไปกันอีก ใช่ไหมธัน" ราเมนทร์หันไปหาจนปลายจมูกชนผิวแก้มนิ่ม

รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นก่อนจะหันมาหาร่างสูงแล้วขยับจนปลายจมูกชิดกัน

"... ครับ... สัญญาครับ..."

"ห้ามลืมนะ" คนถ่ายพูดเบาๆแล้วหมุนโทรศัพท์มากดเซฟ

"ธันยิ้มน่ารักมากเลยรู้ไหม" ราเมนทร์กดดูวีดีโอที่เซฟไว้แล้วยิ้มจางๆ

ธันย์ชนกเอนมาดูภาพตัวเองบนหน้าจอมือถือของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกแปลกใจ แทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าหน้าตาตัวเองตอนยิ้มเป็นแบบนี้ ร่างบางเอนศีรษะพิงกับไหล่กว้างก่อนจะขยับมือมาจับแขนข้างนั้นของราเมนทร์ไว้

"... เพราะคุณราม... นะครับ...."

"เพราะธันต่างหาก" ราเมนทร์ยิ้มให้กับรอยยิ้มอันอ่อนโยนของคนในวีดีโอ

"ตอนนี้ธันมีความสุข... ธันเลยยิ้มได้ จะมากไปไหมถ้าผมจะขอให้ธันลืมเรื่องเก่าๆในอดีต ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรแต่มันคงหนักหนาพอที่จะทำให้คุณเปลี่ยนแปลงไป" ราเมนทร์วางโทรศัพท์ลงกับพื้นแล้วโอบคนที่อิงแอบเข้ามาในอ้อมกอด

"ลืมมัน... แล้วใช้ชีวิตทุกวันที่อยู่กับผมให้มีความสุขนะ"

"... ครับ..." ชายหนุ่มตอบรับขณะที่เอนใบหน้าเข้าซบ

"อยู่กับผม... นะครับ"

"อื้อ..."

ข้างนอกแม้จะหนาวเหน็บด้วยหยาดฝนที่โปรยปราย แต่ทว่าในห้องกลับอบอวลด้วยความรู้สึกหวานๆของคนทั้งสอง ราเมนทร์ซุกใบหน้าลงกับเส้นผมสีเข้มแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากหอมละมุน

...ผมจะอยู่กับคุณ...

...ตลอดไป...

ราเมนทร์สัมผัสความอบอุ่นในวันฝนพรำอย่างเต็มตื้น

...โดยที่ไม่รู้เลยว่าพายุร้าย...ได้ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล

 

To be continued...





kagehana :

ไม่อยากจะสปอยล์(หราาา) แต่จะบอกว่าพาร์ทของอิราม พี่ธัน และคนๆนั้น เป็นอะไรที่อ่านกี่ทีหมีกับดอกไม้ก็เสียน้ำตา...

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



kagehana :

ฝากแบบสอบถามค่า โครงการรีปรินท์พี่เดฟน้องปันนะคะ

https://docs.google.com/forms/d/16gTgJZqcpW1aI5EhgdcsspSk7Kq2p8mC54sy-LKDcAM/viewform

ใครสนใจสามารถตอบได้เลยนะคะ  :mew1:


-36-




“พี่ราม... เอริคบอกว่าอยากให้ไปช่วยงาน ไปนะ” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามา

“เอริค? เอริคที่ชอบมาตามเราน่ะเหรอ” ราเมนทร์ที่เอนหลังเช็ดเลนส์กล้องอยู่ถึงกับลุกขึ้นมานั่ง

“ไปช่วยงาน...ไปทำอะไร จะชวนกันไปทำอะไรแปลกๆอีกน่ะสิ”

“ทำอะไรแปลกๆ? จะมาถ่ายแบบพอดีต่างหาก เขาอยากถ่ายกับรันอีกนะ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนถูกต่อว่า

“ไม่เอาหรอก คราวที่แล้วที่หนีไปถ่ายพี่ยังจำได้ เอริคเกาะติดเรายังกับอะไรดี... ถ้าคิดถึงงานมากเดี๋ยวหาเจ้าอื่นให้ อย่าไปเลย” ราเมนทร์ขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนน้องชายของเขาจะเริ่มหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว

“ไปถ่ายน่ะบอกไอ้หมอหรือยัง”

“พี่หมอจะไปด้วยต่างหาก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังแลบลิ้นยียวนพี่ชายให้อีกที

“ถ่ายวันไหน กี่โมง ที่ไหน” ราเมนทร์ซักต่อด้วยใบหน้าบึ้งตึง

...ไอ้เด็กบ้านั่นกับไอ้หมอ...ไว้ใจไม่ได้ทั้งคู่

“ถ้าพี่ว่างจะไปด้วย ถ้าไม่ว่างเราไม่ต้องไป”

“พรุ่งนี้ ที่ปราณอะไรซักอย่าง เพราะงั้นจะไปเย็นนี้นะ” รัญชน์ยิ้มกว้างแล้วเอานิ้วจิ้มไปที่กลางอกพี่ชาย

“พี่รามไม่มีสิทธิ์ห้ามนะ รันจะไป”

ถึงอยากจะตามไปด้วยแค่ไหนแต่เพราะกะทันหันเกินไป พรุ่งนี้เขามีงานใหญ่ถ่ายนอกสถานที่ซึ่งกว่าจะเคลียร์คิวตกลงกันได้ก็นานมากแล้ว จะให้รอช่างภาพด้วยเหตุผลว่าไปเฝ้าน้องชายก็ยังไงอยู่...

“แล้วไอ้หมอมันว่างหรือไง หมอประสาอะไรทิ้งงานไปตามแฟน” ราเมนทร์บ่นเบาๆ

...แต่อย่างน้อย ไอ้หมอมันก็คงดูแลรันได้

“ก็อย่ามัวแต่เที่ยวเล่นล่ะ อย่าไปเชื่อคนง่ายแบบตอนมันชวนไปดูหนังโป๊ด้วย”

“อือ ไม่ไปนะ รันแค่อยากถ่ายรูปนะ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมให้

ครั้งล่าสุดที่จำได้... เอริคและเพื่อนนายแบบกำลังดูหนังเอวีกันอยู่ที่ในห้องพักนายแบบ ซึ่งเจ้าตัวเล็กที่เขาดูแลมาอย่างดีก็นั่งเบียดกระแซะตั้งใจดูอย่างสนอกสนใจ

...หลังจากนั้น ในหัวของราเมนทร์ก็ระบุไว้แล้วว่านายแบบหนุ่มชื่อดังคนนั้นเป็นตัวอันตราย

จนกระทั่งมาเจอตัวอันตรายกว่า...ไอ้หมอบีมที่ดูไม่น่ามีพิษมีภัยแต่กลับคว้าไปเป็นคนรักโดยที่คนเป็นพี่ชายไม่รู้สักนิด

“ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน”

“อื้อ แล้วเจอกันนะพี่ราม” เด็กหนุ่มวิ่งหายเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อเก็บเสื้อผ้า

 

 

 

“ไฮ รัน” นายแบบหนุ่มที่กำลังถูกช่างแต่งหน้าจัดการหันมามองเพื่อนเก่าแล้วยิ้มหวานพร้อมส่งเสียงเรียก

“ไม่ค่อยโตจากเดิมเลยนะ” เอริครอให้ช่างแต่งหน้าพอใจแล้วจึงลุกเดินมาหา

“..... อะไรเนี่ย คิดงั้นด้วยเหรอ” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่แขนสองข้างกลับเอื้อมยกหมายจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้

เอริคโอบร่างเล็กเข้ามากอดแน่นแล้วหอมที่หน้าผากแทนคำทักทาย โดยที่ไม่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาอย่างขุ่นเคืองสักนิด

ธนกฤตที่หอบหิ้วกระเป๋าให้เม้มปากแน่นพลางมองคนรักของเขากำลังถูก... ผู้ชายที่เป็นแฟนเก่ากอดอย่างสนิทสนม

“ก็ตัวแทบเท่าเดิมเลยนี่...แล้วมากับใครอ่ะ พี่รามไม่เห็นมานี่”

“ขืนมาไม่ได้ทำงานสิ... นั่นแฟนฉันเอง ชื่อบีมนะ” รัญชน์ปล่อยแขนที่โอบกอดร่างสูงออก ทว่าก็ยังปล่อยให้เอริคกอดเขาไว้อย่างนั้น

“พี่บีม นี่เอริค เอริค พี่บีมนะ”

“หวัดดีครับพี่บีม” เอริคยิ้มทักทายพร้อมโค้งหัวลง

“สวัสดีครับ” แม้ริมฝีปากจะยิ้มแต่นัยน์ตากลับไม่ได้ยิ้มด้วยสักนิด ธนกฤตมองไปที่รัญชน์แล้วพูดต่อ

“งั้นรันเตรียมตัวไปแล้วกัน พี่จะแวะเอาของไปเก็บที่ห้องพักก่อน” พูดจบชายหนุ่มก็หันหลังให้แล้วเดินทำหน้าขรึมจากไป

“นี่..เป็นเกย์เหรอแฟนนายอ่ะ ถ้านายไม่บอกว่าแฟนฉันดูไม่ออกหรอกนะนั่น”

“เปล่าเป็น” คนที่ยังห้อยอยู่บนตัวของร่างสูงยิ้มกว้าง

“ฉันชอบเขาก่อนนะ ตอนนี้แฮปปี้ พี่รามบ้าไปเลยตอนแรก แต่โอเคแล้วนะ” รัญชน์ไม่พูดเปล่าซ้ำยังโชว์แหวนที่นิ้วนางข้างขวาให้ดูอีก

...ไอ้พี่บ้าที่หวงน้องยิ่งกว่าหมาแม่ลูกอ่อนเนี่ยนะยอม โลกมันหมุนกลับหรือไง

ตอนที่เขาคบกับรัญชน์ เจ้าตัวขอร้องให้ช่วยปิดพี่ชาย ตัวเขาเองแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็พยายามเพื่อที่จะได้คบกันต่อ ตอนนั้นขนาดไม่รู้...ยังหวงยิ่งกว่าอะไร แล้วไหงตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้

“ทีตอนเราคบกันนายไม่เห็นบอกพี่รามเลย” เอริคตัดพ้อ แต่ไม่ได้น้อยใจอะไร

...ในเมื่อตอนนี้เขามีคนที่รักที่สุดอยู่แล้ว...

“แล้วพี่บีมผ่านด่านมาได้ไงเนี่ย”

“ก็...... ฉันดื้อไง” เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ

“เดี๋ยวไปแต่งตัวก่อนนะ” ร่างเล็กดันตัวออกจากอ้อมกอดแล้วเดินไปทางช่างแต่งตัว

ธีมถ่ายรูปในวันนี้ก็เป็นแค่เสื้อผ้าสไตล์ริมทะเลที่ออกแนวหรูหรา ไม่ใช่เพียงแบรนด์ธรรมดาๆที่เห็นได้ทั่วไป เนื่องจากเสื้อผ้าคราวนี้เป็นแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวในอเมริกาใต้ และเจ้าของแบรนด์อยากได้ไอเดียใหม่ๆและแหวกแนวไปกว่าที่เคย...

ธนกฤตนั่งมองคนรักของเขาในชุดเดรสพิมพ์ลายสีสวยหากแต่ว่าสั้นเสมอเข่า ใบศีรษะมีหมวกสานใบโตสวมลงบนเส้นผมอ่อนละมุนที่พลิ้วไหวตามลมทะเล ใบหน้าขาวถูกแต่งแต้มเล็กน้อยพอมีสีสันที่เป็นธรรมชาติ

แต่เขาจะยินดีและภูมิใจมากกว่านี้...ถ้ารัญชน์ไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของนายแบบหนุ่มร่างสูง

ภาษาอังกฤษที่คอยตะโกนให้เปลี่ยนท่ายิ่งทำให้คนนั่งดูหงุดหงิด

“ชิดขนาดนั้นยังจะให้แนบเข้าไปอีก ไอ้พวกบ้าเอ๊ย” คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าขี้หึงบ่นเบาๆกับแก้วบลูฮาวายในมือ

ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากของเอริคก่อนจะจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีควันบุหรี่ที่มีเสน่ห์ของอีกฝ่าย

“... ถ่ายกับเอริคเนี่ย สบายที่สุดนะ” เด็กหนุ่มกระซิบกระซาบเบาๆ

“ก็แหงสิ ไม่ต้องเกรงใจอะไรกันแล้วนี่” เอริคก้มลงข้างซอกคอตามคำสั่งและกระซิบตอบ

“แต่พี่บีมของนายน่ะตาเขียวแล้ว”

เด็กหนุ่มหัวเราะคิกคักเบาๆอย่างสบายอารมณ์

“น่า ไม่ใช่พี่รามนะ เป็นพี่รามสั่งเลิกแล้วเนี่ย”

“ฉันน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่นายต่างหากที่ต้องเคลียร์เอง” เอริคแตะริมฝีปากบนไหปลาร้าที่โผล่พ้นชุดเดรสพลางส่งสายตาเย้ายวนให้ตากล้องที่คอยลั่นชัตเตอร์อยู่ใกล้ๆ

“ดีนะแฟนฉันไม่ได้มา ไม่งั้นมีหวังต้องง้อกันยกใหญ่...พวกขี้หึงก็เงี้ย” แม้ปากจะพูดเหมือนบ่นแต่กลับมีรอยยิ้มละไมอยู่บนใบหน้า

...คิดถึงวินจัง...

“...... ดีนะ” มือเรียวยกขึ้นทาบบนผิวแก้มของอีกคนให้หันมามอง

“คิดถึงจัง”

“อื้อ คิดถึงเหมือนกัน” นายแบบหนุ่มนอกบทด้วยการรั้งชายชุดเดรสของอีกฝ่ายขึ้นแล้วยกขาเรียวที่เปียกน้ำให้เกี่ยวเอวไว้

“จะยั่วให้พี่บีมหึงล่ะสิ ฉันรู้ทันหรอกน่า”

คราวนี้รัญชน์ยิ่งหัวเราะชอบใจ

“แต่ที่ว่าคิดถึง ฉันพูดจริงๆนะ” รอยยิ้มหวานมอบให้กับเอริคดังเช่นวันวาน ที่ต่างไปคือไม่มีความรักแฝงอยู่ในสายตาคู่นั้นอีกแล้ว

 

 

“อื้อ เข้ามาสิ” ประตูห้องเปิดออกเผยให้เห็นห้องกว้างที่รกบ้างตามประสาวัยรุ่น เจ้าของห้องโอบไหล่เด็กหนุ่มตัวเล็กให้เข้าข้างในแล้วปิดประตูลง

“นั่งตามสบายเลยนะรัน”

จากไอ้เปี๊ยกในวันนั้น... ความสัมพันธ์ของเอริคและรัญชน์ก็พัฒนาขึ้นด้วยจุมพิตริมทะเล แม้จะไม่ได้ขอคบอย่างเป็นทางการแต่ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันจนคนสนิทหลายๆคนยังแอบแซว

เมื่อได้ยินคำเชื้อเชิญร่างเล็กก็กระโดดขึ้นเตียงหลังเล็กทันที

“เท่จังนะ อยู่คนเดียวนะ”

“ก็โตแล้วนี่ ไม่เหมือนนายเอาแต่ติดพี่” เอริคโยนกระเป๋าไว้บนพื้นแล้วไต่เตียงขึ้นไปนอนข้างๆ

“เหนื่อยจังแฮะวันนี้” ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดร่างเล็กเข้าหา

“ใครติด” พอท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบลำตัวเองไว้ มือสองข้างก็ยกขึ้นกอดอีกฝ่ายตอบ

“ก็รันไง อะไรๆก็พี่ กลัวพี่รู้บ้างล่ะ เดี๋ยวพี่ดุมั่งล่ะ...แฟนอย่างฉันก็น้อยใจเป็นนะ” ปลายคางสากกดที่ผิวแก้มเบาๆก่อนจะมอบจุมพิตหวานๆให้

“เมื่อไหร่จะบอกซะทีว่าเราคบกัน”

“อือ...” เด็กหนุ่มครางเบาๆในลำคอขณะตอบรับจุมพิตนั้น

“เดี๋ยวพี่... โมโหนะ...”

“พี่อีกแล้ว” ชายหนุ่มดึงแก้มขาวจนเป็นรอยแดง

“อุตส่าห์หนีพี่มา ยังจะพูดถึงพี่อีก”

“งั้นก็อย่าชวนพูดถึงพี่สิ..... นะ” รอยยิ้มหวานออดอ้อนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม

“พูดถึงเรื่องเราแทน...ใช่ไหม” นับจากวันนั้นที่ชิงจูบแรกจากเด็กหนุ่มร่างเล็ก เอริคก็คอยสอนย้ำในหลายๆอย่างทั้งเรื่องการวางตัวและเรื่องอื่นๆ เขายังจำได้ถึงใบหน้าแดงก่ำยามที่บอกว่าเวลาผู้ชายมีอะไรกันจะใช้ตรงไหนบ้าง

“อือ... แค่นั้นนะ” รอยยิ้มออดอ้อนปรากฏขึ้นอีกครา มือเรียวเล็กเอื้อมแตะบนริมฝีปากอีกคนแล้วขยับใบหน้าเข้าชิด

“แล้ววันนี้ตามมาอยากเรียนอะไรล่ะ... จูบ ทำให้ หรือมากกว่านั้น” เอริคลูบแผ่นหลังผ่านเนื้อผ้าเบาๆ จุดอ่อนที่เพิ่งพบสร้างความรื่นรมย์ยามเห็นร่างเล็กสั่นสะท้าน

“หรือง่วงแล้ว?”

“..... ไม่รู้นะ....” เจ้าตัวเล็กขยับขดตัวเข้าให้ร่างสูงโอบกอดเอาไว้

“อยากให้กอดไว้... นะ”

ร่างสูงขยับตัวกอดไว้แนบแน่น ให้คนรักตัวเล็กซุกไซ้กับแผงอกแนบชิด

...ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้วกัน..ก็ยังอายุเท่านี้เองนี่นา

 

 

“เสร็จแล้วครับพี่หมอบีมคนดี” ร่างเล็กในเสื้อผ้าชุดสวยเดินเข้ามาหาคนที่นั่งหลบแดดอยู่ไม่ไกลนักพร้อมรอยยิ้มหวานบนใบหน้า

“ไม่เป็นไรครับตัวเล็ก พี่หมอคนดีรอได้” คนที่บอกว่ารอได้ทำเมินนั่งเฉยไม่รับคนตัวเล็กเข้ามากอดเหมือนทุกครั้ง

“ก็ถ้าจะนานกว่านี้ก็ไม่เป็นไร ตามสบายเลยรัน พี่อยู่คนเดียวได้”

รัญชน์หน้าเสียไปก่อนจะเดินเข้าไปใกล้

“.... พี่บีม... เป็นอะไร”

“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร” ตอบแบบนี้ร้อยทั้งร้อยต้องมีอะไร ธนกฤตหลับตาลงแล้วแกล้งเอนหลังพิงเก้าอี้

“หรือถ้าพี่เกะกะ จะให้กลับไปรอที่ห้องไหม”

“... ไม่เอา...” เขาเอื้อมมือไปคว้าแขนของธนกฤตขึ้นมา

“....... กลับห้องกันนะ....”

“ไม่เอา” คนตัวใหญ่กว่าดื้อแพ่ง

“กำลังนั่งรอให้สุกได้ที่ประชดคนไม่สนใจ”

ธนกฤตแอบขำที่คนตัวเล็กมีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย แต่เพราะความขี้หึงงี่เง่าของเขา... เลยอยากจะทำให้รู้บ้างว่าคนอารมณ์ดีก็หึงเป็น

“พี่หมอบีม... โกรธจริงๆเหรอนะ” ร่างเล็กเขย่าแขนของอีกฝ่ายไปมา

“ใครจะกล้าโกรธที่รันได้เจอแฟนเก่าล่ะ ใครจะกล้าน้อยใจที่รันไม่สนใจ...เอาแต่ยิ้มให้คนอื่น ใครจะกล้างอนตัวเล็กที่ทิ้งให้อยู่คนเดียว... ไม่มีหรอก” ธนกฤตยกน้ำที่น้ำแข็งละลายจนหมดขึ้นมาดูดเบาๆ

“สักคนก็ไม่มี”

“พี่หมอ---- กลับห้องกันนะ” ดวงตากลมโตดูหม่นหมองลง

“อุ้มสิ” หมอหนุ่มเกือบหัวเราะออกมาเมื่อคนรักตั้งท่าจะฉุดแขนเขาขึ้นอุ้มจริงๆ

“ไป... ไปงอนตัวเล็กต่อที่ห้องดีกว่า” เจ้าของรอยยิ้มหวานยิ้มอีกครั้งแล้วสปริงตัวขึ้นยืน

รัญชน์รีบเดินไปคว้าเอวอีกคนไว้แล้วเดินตามไปยังห้องพักทันที

เมื่อประตูห้องปิดลง เด็กหนุ่มก็โผเข้ากอดธนกฤต

“อย่าโกรธรันนะ”

“ก็รันพาพี่มาทิ้ง....” ธนกฤตกอดตอบเบาๆแล้วพบว่าคนตัวเล็กยิ่งขยับเข้าซุกหา

“ตัวเล็กก็รู้... ว่าพี่ขี้หึง”

“..... ไม่มีอะไรแล้วซักหน่อยนะ” เด็กหนุ่มว่าเสียงเบา

“แค่อยากรู้... พี่บีมหึงยังไง แต่ไม่เอาแล้วนะ อย่าหึง... อย่าโกรธรันนะ”

“แล้วเอริคยังรักรันอยู่หรือเปล่าล่ะ....ทำไมถึงกอดกันแน่นขนาดนั้น” ธนกฤตมั่นใจว่าคนของเขาเป็นอย่างที่พูด แต่ไอ้แฟนเก่าหน้าตาดีดีกรีนายแบบคนนั้นล่ะ...

“รักอะไรนะ ไม่รักแล้ว เอริคบอกว่าแฟนขี้หึงที่สุดนะ” ใบหน้าหวานที่ดูสวยแปลกตาด้วยเครื่องสำอางเงยขึ้นมอง แม้ว่าจะดูสวยแต่สำหรับเขาแล้ว คนรักที่มีใบหน้าใสๆน่ารักที่สุด

“งั้นก็แล้วไป แล้วนี่มีถ่ายอีกไหม”

“มีกลางคืนอีกเซ็ตนะ แล้วก็เสร็จแล้วนะ” รัญชน์ซุกไซร้กับแผ่นอกกว้าง

“งั้นหน้านี่ลบให้นะ ไม่คุ้นเลย” ชายหนุ่มประคองใบหน้าคนรักขึ้นมาแล้วแตะริมฝีปากที่ผิวแก้ม

“ได้ไหม”

“อื้อ ได้... ไม่ชอบเหรอนะ” เขายื่นหน้าให้อีกฝ่ายได้เช็ดตามใจชอบ

“ก็สวยดี” มือใหญ่คว้าทิชชูเปียกมาเช็ดที่เปลือกตาบางเบาๆ

“แต่รันแบบปกติน่ารักกว่าตั้งเยอะ พี่ชอบแบบนั้นมากกว่า”

“เหรอ... ได้นะ... ชอบรันรักรันเยอะๆนะ” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

“จะไม่รักเพราะตัวเล็กชอบไปยุ่งกับคนอื่นนี่แหละ” ชายหนุ่มเช็ดเครื่องสำอางออกให้เบาๆอย่างตั้งอกตั้งใจ

ธนกฤตย่นจมูกใส่แต่รอยยิ้มกลับพรายอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา

“ยุ่งอะไรนะ ถ่ายแบบเฉยๆนะ” เด็กหนุ่มว่าก่อนจะเอื้อมแขนขึ้นโน้มอีกฝ่ายให้ก้มลงมา

หมอหนุ่มบีบจมูกรั้นๆของคนช่างเถียงก่อนจะจูบบนผิวแก้มที่ไร้เครื่องสำอางใดๆ

“นัวเนียขนาดนั้น ถ้ารันเห็นพี่นัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นรันก็หึงเหมือนกันล่ะน่า”

“ถ้าพี่หมอเป็นนายแบบ รันจะไม่หึง” รัญชน์เอ่ยตอบหน้าตายพลางขยับปลายจมูกโด่งกับข้างแก้มของร่างสูง

“ไม่ต้องมาหอมเอาใจเลย... อย่างงี้ต้องลงโทษ” ร่างสูงจับแฟนหนุ่มอุ้มขึ้นแล้วขบเบาๆที่ลำคอขาวพลางลูบไล้แผ่นหลังแผ่วเบาตามแนวสันกระดูก จนเมื่อร่างเล็กสั่นสะท้านไปทั้งร่างจึงค่อยผละออก

“อ... พี่หมอ....” นัยน์ตาคู่สวยเริ่มสะท้อนไปด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นขึ้นมา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจแกล้ง

“ครับ?” นัยน์ตารูปจันทร์เสี้ยวหยักโค้ง

“ว่าไง... คราวนี้ใส่เสื้อคอกว้างๆโชว์รอยเลยนะ” ปลายนิ้วสากกดย้ำลงอย่างจงใจบนรอยช้ำสีแดงสดที่แสดงความเป็นเจ้าของ

“อือ... ยังไงเขาก็แต่งกลบอยู่ดีนะ...” แขนสองข้างขยับโอบกอดธนกฤตไว้ เรียวขาขาวที่โผล่พ้นชุดเดรสยกขึ้นเกี่ยวเอวไว้แน่น

“ไม่ให้ได้ไหม...เหลือไว้นะ” เรียวขาที่เกี่ยวพาดถูกตีเบาๆ...ดูเด็กคนนี้..

“ทะลึ่งนะรันนะ”

“ทะลึ่งอะไร ก็พี่หมอหึง... รันก็ต้องอธิบายนะ” ไม่พูดเปล่าแต่ริมฝีปากบางกลับอ้าออกก่อนจะงับเบาๆที่ต้นแขนอีกฝ่าย

“แล้วขาที่เกี่ยวนี่ล่ะ” มือหนาตีเบาๆเพื่อย้ำสถานที่ที่อยู่ของเรียวขา

“ไว้งานเสร็จก่อนนะ...เสร็จแน่ตัวเล็ก”

“ไม่อาว....” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกครั้ง

“งั้นนอนกอดกันเฉยๆนะ”

“...................ก็ได้”

เอาเหอะ...ถึงจะต้องอดทนหนักสักนิด

.....แล้วค่อยเอาคืนให้สมใจทีหลังแล้วกัน

 

 

“แล้วรันตอนนี้ทำอะไรอยู่ล่ะลูก....เรียนจบแล้วใช่ไหม” บิดาของธนกฤตถามขึ้น ก่อนจะเอนร่างพิงโซฟาตัวนิ่ม

“จบนานแล้วครับป๊า” เด็กหนุ่มร่างเล็กเอ่ยตอบก่อนจะขยับมานั่งลงข้างๆ ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยต่อ

“แต่เดี๋ยวเดือนหกก็จะเข้า......... มหาวิท... ยาลัยแล้วครับ”

“เหรอ ดีแล้วลูก ขยันไว้จะได้ไม่ลำบาก” ชายวัยกลางคนพูดอย่างเอื้อเอ็นดู รัญชน์ใช้เวลาไม่นานในการชนะใจเขา...และรวดเร็วที่จะทำให้รักเอ็นดู

“แล้วเตรียมตัวแล้วเหรอ ใกล้แล้วนี่.....เจ้าบีมจะไปส่งหรือเปล่า”

“แหะ... ยังไม่ได้บอกพี่บีมเลยครับป๊า.... เนอะพี่บีม” รัญชน์แหงนหน้ามาหาคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน ที่ใบหน้าตอนนี้ดูจะเต็มไปด้วยอารมณ์ที่บรรยายไม่ถูก

“ป๊า เดี๋ยวบีมขอพาลูกชายคนเล็กป๊าไปคุยแป๊บนะ” ใบหน้าเคร่งขรึมพยายามฝืนยิ้ม ทันทีที่ธงพยักหน้า มือใหญ่ก็ดึงข้อมือคนตัวเล็กลากเข้าไปในห้องส่วนตัวของเขาในบ้านหลังนี้

“รัน....ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเรียนต่อเลย”

“ก็........... รันไม่ได้บอก” คนตัวเล็กยิ้มกว้างราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“ขอคำตอบที่มากกว่านี้ได้ไหม....” ธนกฤตถอนหายใจเหนื่อยอ่อน

ทำไมถึงชอบทำเป็นเล่นอีกแล้ว....

“จะไปอยู่แล้วไม่บอกกันสักคำ”

“ก็... จริงๆรันลืมไปแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่ได้อีเมลแจ้งวันเปิดเซเมสเตอร์นะ.... สมัครไว้ตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนพี่บีมอีก....” รัญชน์ทำเสียงอ่อนลง

“ถ้าป๊าไม่ถามพี่จะได้รู้เมื่อไหร่ วันรันไปสินะ....” หมอหนุ่มปล่อยข้อมือแล้วเดินไปทิ้งกายบนเตียงกว้าง

...ทั้งที่เข้ากับครอบครัวของเขาได้แล้ว ทั้งที่คิดว่ารู้เรื่องกันและกันดีที่สุด

...แต่เหมือนไม่รู้อะไรเลย...

“รันคิดจะบอกพี่เมื่อไหร่”

“............... ก็ว่าใกล้ๆ... แล้วจะบอก.... รันลืมนะ........ พี่บีม” คล้ายกับเริ่มรู้สึกสำนึกผิด เด็กหนุ่มร่างเล็กจึงได้เดินตามไปหาถึงข้างเตียง

“พี่บีม....”

ธนกฤตรั้งร่างบอบบางเข้ามากอดไว้เบาๆ แต่ก็แรงพอที่จะให้รับรู้ถึงความรู้สึกที่อัดแน่น

“ไปวันไหน....ให้ไปส่งนะ”

ใบหน้าหวานซุกซบเข้าในอ้อมกอดแทบจะทันที

“ก็... อีกสองอาทิตย์นะ... พี่บีมทำงานยุ่ง...... รันไม่อยากกวน ไม่อยากงอแง... ว่าให้อยู่ด้วยกันนะ”

“ก็เลยไม่ยอมบอกซะเลย” ธนกฤตพูดงอนๆแต่กลับกอดฟัดคนรักด้วยความหมั่นเขี้ยว

“อือ... ก็ จะคิดถึง... มากๆเลยนะ” ตัวขี้อ้อนทำเสียงอ่อนลงกว่าเดิมขณะเอานิ้วจิ้มไปบนผิวแก้มของอีกคน

“ต้องคิดถึงมากๆเหมือนกัน พี่อยู่กับรันจนชิน พอคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าทุกวันแล้วใจหายยังไงไม่รู้” ปลายนิ้วที่จิ้มแก้มถูกดึงมาจูบทีละนิ้ว

“ใช้skypeได้นะ บีบีนะ ทวิตเตอร์นะ เยอะแยะ” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน

“...........แค่บีบียังตั้งนานกว่าจะใช้เป็น” ธนกฤตบ่นเบาๆ

“แต่จะพยายามนะตัวเล็ก อย่าไปสนใจหนุ่มที่โน่นล่ะ”

“ไม่สนนะ มีpromise ringแบบนี้ ไม่สนแน่ๆ” เขาเอ่ยบอกเสียงเบาพลางเอนศีรษะพิงบนต้นแขนของอีกคน

หมอหนุ่มซึมซับความตื้นตันและความอบอุ่นของร่างกายด้วยอ้อมแขนของตนเอง ริมฝีปากหยักหนาก้มลงจูบเบาๆแทนคำพูด....ว่าจะรักและรอตลอดไป

 

 

ธันย์ชนกเปิดประตูตู้เย็นออกมาดูของสดที่มีไว้ ตั้งใจว่าเย็นนี้คงจะทำอาหารง่ายๆอย่างเช่นเคย ดูเหมือนว่าราเมนทร์จะติดใจหมูสับผัดถั่วถึงได้บอกมาว่าอยากทานอีก

มือที่กำลังจะเอื้อมหยิบเนื้อหมูชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง เจ้าของห้องยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่าย แม้จะมีกุญแจห้องแต่ราเมนทร์ชอบให้เขาเปิดประตูต้อนรับมากกว่า

“มาแล้วครับ” ธันย์ชนกผลักประตูตู้เย็นให้ปิดลงก่อนเดินไปที่ประตูห้องแล้วเปิดออก

“กลับ--!?”

“ไงธัน.....คิดถึงจังเลย” เจ้าของน้ำเสียงทุ้มแหบห้าวพูดเบาๆก่อนจะเอาตัวกั้นประตูที่อีกฝ่ายพยายามปิดสุดชีวิต

“ทักทายแฟนเก่าดุเดือดไปหรือเปล่า....” ภูริพูดพลางเอื้อมมือพยายามดึงธันย์ชนกเข้ามาใกล้

“ม... ไม่บอล..... ก... กลับไป...” น้ำเสียงสั่นระริกเอ่ยสั่นไหว

“ธัน.....ขอเข้าไปข้างในหน่อยสิ” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มที่ไม่ต่างไปจากวันวาน

“ไม่นึกว่าธันจะเป็นนักเขียนชื่อดัง... เราไม่ได้เจอกันมากี่ปีแล้วนะ นายรู้ไหมว่าฉันคิดถึงนายตลอดเลยนะ”

“ย... อย่าบอล.... ไม่... เอา... กลับไป...” ถ้อยคำที่เคยทำให้หัวใจสั่นไหวในวันวานทำให้รู้สึกเจ็บปวดในตอนนี้

...พูดออกมาทำไม...

“ไม่เอาน่าธัน....ฉันคิดถึงนายจริงๆนะ รู้ไหมว่าฉันดีใจมากเลยตอนที่เจอนายที่ร้าน” ภูริผลักประตูจะเข้าด้านใน

“จะให้ฉันเข้าไปหรือจะให้บอกเรื่องของพวกเราให้แฟนใหม่นายรู้”

ได้ยินแค่นั้นธันย์ชนกก็นิ่งไป นั่นเป็นเหมือนฝันร้ายสุดท้ายที่เขาอยากรับรู้

“......... ม.... มีอะไร.....”

“ฉันแค่บอกว่า....ฉันคิดถึง...อยากเอาคนของฉันคืน” นัยน์ตาสีเข้มวาววับอย่างน่ากลัว

“เลิกกับมันซะ!”

ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว ร่างกายสั่นระริกโดยไม่รับรู้ แววตาที่จ้องมาทำให้เขาไม่สามารถโต้ตอบใดใดได้

...หวาดกลัว

“ม... ไม่.....”

ภูริที่ร่างกายได้เปรียบกว่าผลักประตูเข้ากระแทกโดยแรงแล้วอาศัยจังหวะที่ธันย์ชนกเซล้มเข้ามาในห้องได้อย่างง่ายดาย

“..... รักมันมากกว่าฉัน... ที่เป็นคนแรกของนายหรือไง” น้ำเสียงเย็นเยียบกระซิบข้างหูพลางกอดร่างที่สั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว

“!???” สัมผัสจากร่างสูงไม่ได้สร้างความรู้สึกอะไรให้เลยนอกจากความหวาดหวั่นในใจ คิดว่าจะโต้ตอบอะไรแต่กลับทำไม่ได้แม้แต่เอ่ยพูด

“ไม่ว่าใครก็แทนที่นายไม่ได้จริงๆ....” ภูริพึมพำเบาๆพลางลูบศีรษะกลมมนของอดีตเพื่อนสนิทและคนรักเก่า

ถึงตอนนี้... แม้จะแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางบ้านเลือกให้ ก็ยังไม่สามารถลืมช่วงเวลาที่เคยมีธันย์ชนกอยู่ข้างกายได้เลย

“เรื่องวันนั้น..... ไอ้นั่นยังไม่รู้สินะ ถ้ามันรู้... มันจะยังทนคบกับนายได้หรือเปล่า ลองดูไหมธัน ฉันบอกมันให้ว่าตอนที่ได้กอดนายมันรู้สึกดีแค่ไหน”

“ย... อย่านะบอล...... ฉัน... กับนาย.... จบไปแล้ว...... จบแล้ว...” น้ำเสียงสั่นไหวเอ่ยบอกด้วยหัวใจที่หวาดกลัว-- กลัวคนที่รักสุดหัวใจจะรู้เรื่องในอดีตของเขา

...กลัวว่าจะจากไป

“ฉันไม่ยอมหรอก!” ร่างสูงตะโกนก้อง นัยน์ตาวาววับเหมือนสัตว์ร้าย

“ฉันไม่จบกับนายง่ายๆหรอกฉันจะเอานายคืนมาให้ได้”

“!!?? ม... ไม่... ออกไปนะ--!?!!” แม้จะเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่แขนสองข้างกลับไม่มีแม้แต่แรงที่จะผลักอีกฝ่ายออกไป

ยิ่งผลักไสภูริยิ่งกอดแน่น เขาดึงร่างบอบบางเข้าแนบชิดพร้อมจุมพิตร้อนแฝงความหยาบคาย

“เกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ... จำไม่ได้หรือไงว่าตอนนั้นนายรักฉันมากแค่ไหน...”

“นั่น..... มัน... ตอน..... นั้น....” เขาตอบเสียงแผ่ว น้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจขณะพยายามผลักไสอีกฝ่ายออก

“นาย... รักเขามากหรือไง” ภูริกระซิบถามแล้วปล่อยร่างบอบบางออกจากอ้อมกอด

“ใช่......... ขอร้อง..... นะ” ร่างบางขยับถอยออกพลางเอ่ยปากขอร้องโดยไม่มองหน้า

ภูริแค่นหัวเราะ... เขาประมาทไปหน่อยที่ปล่อยให้เวลามันผ่านนานเกินไป ธันย์ชนกในตอนนั้นที่ว่าง่ายและอ่อนต่อโลกถึงกล้าพูดออกมาได้เต็มปากว่ารักคนอื่นแล้ว

...แต่ของที่เคยอยู่ในกำมือครั้งหนึ่ง ยังไงก็จะไม่ยอมปล่อยแน่..

“แต่เสียใจด้วยนะ ฉันไม่ปล่อยนายไปหรอก” ร่างสูงสืบเท้าเข้าหาแล้วเชยคางอีกฝ่าย

“ฉันยังมีอะไรบางอย่าง... ที่ถ้านายได้เห็นจะไม่มีวันลืม และแน่นอนว่ามันอาจจะหลุดออกมาให้ใครอื่นเห็นก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร..”

โทรศัพท์มือถือถูกยกมาเข้าโหมดดูรูป ก่อนที่ภูริจะยื่นให้ธันย์ชนกดู

“นายยังไม่เปลี่ยนไปเลย.....”

มือเอื้อมคว้าปัดมือถือออกไปจากสายตา ความทรงจำเลวร้ายในอดีตวิ่งกลับเข้ามา

“อย่านะบอล!!! อย่า!!!”

“ฉัน--”

ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็ดังขึ้น ภูริมองรูปและเบอร์โทร เขายิ้มเย้ยก่อนจะกดรับ

“ว่าไงแพร ผมทำงานอยู่”

-วันนี้ต้องไปรับคุณย่ามาทานข้าว บอลอยู่ไหนแล้วคะ-

“ผมทำงานอยู่ใกล้เสร็จแล้วล่ะครับ เดี๋ยวผมแวะรับแพรแล้วเราไปด้วยกันนะ” คำพูดหวานหูถูกพูดออกจากริมฝีปากที่เหยียดยิ้มแย็นชา ชายหนุ่มกดทิ้งแล้วหันกลับมาหาธันย์ชนก

“ดูท่าวันนี้จะไม่สะดวก...ไว้ฉันแวะมาใหม่นะ” ชายหนุ่มก้มลงจูบที่ริมฝีปากบางแล้วขบจนได้เลือด ดวงตาฉายแววพอใจ... ก่อนที่จะยอมเดินจากห้องไป

...ราม...

...ช่วยผมด้วย...

ร่างเพรียวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง

ไม่อยากเชื่อเลยสักนิดว่าอีกฝ่ายจะหาเขาพบ ทั้งๆที่ย้ายที่อยู่แล้วตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกแล้วแท้ๆ

ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจจนร่างกายสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง หากราเมนทร์กลับมาแล้วกอดเขาเอาไว้คงทำให้ฝันร้ายกลายเป็นดี ยังไงก็ใกล้ถึงวันเกิดที่จะไปญี่ปุ่นด้วยกันตามสัญญาแล้ว ถ้าจะอ้อนให้อยู่นานขึ้นอีกหน่อยคงไม่เป็นอะไร

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากให้ราเมนทร์รู้เรื่องราวในอดีตเป็นอันขาด ถ้าไปญี่ปุ่นด้วยกันแล้ว ภูริอาจจะล้มเลิกที่จะตามหา ถึงตอนนั้นต้นฉบับคงเสร็จพร้อมพิมพ์ แล้วเขาก็จะเลิกเขียน

...จะหนีไปให้ไกล

 

To be continued...

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

-37-






ราเมนทร์ที่เพิ่งกลับมาถึงแวะที่ห้องธันย์ชนกโดยที่ไม่ไขห้องตัวเอง เพราะน้องชายตัวดีดันขอตัวไปเคลียร์เรื่องไปเรียนต่อกับคนรัก และเขาก็ไม่อยากอยู่คนเดียวทั้งที่มีคนอยากอยู่ด้วย

การเรียนต่อของรัญชน์...ทำให้เขานึกถึงว่ามันซ้อนทับกับสัญญาของใครบางคน สัญญา...ที่ตัวเขาเองบอกว่าห้ามอีกฝ่ายลืม

ราเมนทร์เคาะประตูห้องเบาๆด้วยสีหน้าหนักใจ

...จะบอกอย่างไรดีว่าสัญญานั้นคงต้องเลื่อนไปก่อน

“ธัน... กลับมาแล้ว เปิดประตูให้หน่อย” ชายหนุ่มทำแบบทุกครั้ง... เขาชอบให้ธันย์ชนกมารับหน้าห้องมากกว่าจะไขกุญแจเข้าไปเอง

คนที่นั่งเงียบอยู่ในห้องรีบลุกมาเปิดประตู พอเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่เขาก็เข้าไปสวมกอดทันที

“กลับมาแล้วเหรอครับ....”

ราเมนทร์กอดตอบคนที่เข้ามากอดอย่างแปลกใจเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไร แม้ธันย์ชนกจะกอดเขาบ้างแต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่รู้สึกได้ถึงความต้องการการพึ่งพิงขนาดนี้

“เป็นอะไรหรือเปล่าธัน....” ชายหนุ่มกอดกระชับในอ้อมแขนแล้วถามเบาๆ

“...... ไม่มีอะไรครับ....” เขาเอ่ยตอบเสียงเบาก่อนจะพูดต่อ

“ใกล้จะปิดต้นฉบับแล้ว... คงเหนื่อยๆน่ะครับ”

ราเมนทร์ลูบศีรษะกลมมนเบาๆก่อนจะนวดขมับทั้งสองข้างให้

“อย่าเครียดมากนะ สุขภาพสำคัญกว่า ยังไงวันนี้เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้ทานแทนแล้วกัน”

พอเห็นสภาพอ่อนแอของธันย์ชนก เขากลับไม่กล้าที่จะบอกเรื่องไปเรียนต่อของรัญชน์

“... ไม่เป็นไร ผมเตรียมของไว้แล้วครับ คุณรามบอกว่าจะกินหมูผัดถั่วไม่ใช่เหรอครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มจางๆให้

“ปิดต้นฉบับเสร็จ จะได้ไปพักผ่อนด้วยกัน... เนอะครับ”

พออีกฝ่ายพูดถึงการไปเที่ยวพักผ่อนด้วยสายตาคาดหวัง ราเมนทร์ก็แทบไม่อยากจะบอกความจริงออกไป

...แต่ถ้าไม่บอกก็มีแต่ผิดใจกันไปอีก

“ธัน... ถ้าเราเลื่อนเรื่องเที่ยวไปอีกหน่อยได้ไหม..” ชายหนุ่มถามเบาๆ

คำว่าเลื่อนออกไปทำให้อีกฝ่ายตกใจ

“เอ๋? ทำไมเหรอครับ”

“พอดีว่ารันจะเปิดเทอมตอนนั้น... ใกล้ๆวันเกิดคุณเลย แล้วผมต้องบินไปจัดการเรื่องที่มหาลัยให้ก่อน” ราเมนทร์เงียบเสียงลงเมื่อเห็นสีหน้าคนรัก เขาจับที่ผิวแก้มซีดเผือดเบามือ

“ขอโทษที่ผิดสัญญา... แต่ถ้าไปญี่ปุ่นหลังวันเกิดคุณได้ไหม”

ไม่ใช่ว่าเห็นใครสำคัญกว่าใคร... แต่เพราะเป็นห่วงน้องชายที่จัดการอะไรเองไม่เป็น

ถ้าเขาจะเห็นแก่ตัวให้รัญชน์ไปจัดการคงเดียว ไม่แน่ว่ารัญชน์อาจจะไม่ได้เข้าเรียนก็ได้...

“แล้ว...... จะไปนานแค่ไหน... ครับ” น้ำเสียงฟังดูแผ่วเบากว่าเมื่อครู่ หัวใจวูบไหวลงไปเมื่อได้ยินสาเหตุของอีกฝ่าย

...เป็นเพราะรัน...

...สินะครับ...

“น่าจะสองอาทิตย์ล่ะมั้ง ไม่แน่ อาจจะนานกว่านั้นนิดหน่อย แล้วเราค่อยวางแผนไปเที่ยวกันใหม่... ธันโกรธผมหรือเปล่า” เพราะธันย์ชนกเงียบไป... เงียบจนเกินไป ราเมนทร์เลยถามแล้วกอดเบาๆอย่างเอาใจ

“........ ไม่ไป.... ไม่ได้เหรอครับ....” เขาลองตัดสินใจถามออกไป

...เลือกผม...

...ได้ไหมครับ...

“ผมขอโทษนะ... แต่ผมปล่อยรันไปที่นั่นคนเดียวไม่ได้ ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ด้วยวันเกิด....” ราเมนทร์จูบที่หน้าผากมนเบาๆ

“แล้วจะชดเชยให้นะ”

“.................. อยู่... กับผม..... ไม่ได้เหรอครับ” หัวใจรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมายิ่งกว่าเดิม

...สุดท้ายผมก็...

...ไม่ไหวสินะ...

...ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่รู้สึกเสียใจขนาดนี้...

...แต่เพราะรู้ว่าเป็นคนที่ราเมนทร์รัก...

...มากที่สุด...

“ธันเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้คุณดูแปลกๆนะ” เขาไม่ได้หวังว่าธันย์ชนกจะเข้าใจง่ายดาย อาจจะมีงอนหรือมึนตึงบ้าง...แต่มันไม่น่าออกมาในรูปแบบนี้

...แบบที่เหมือนธันย์ชนกร้องขอและรั้งเขาไว้เพื่ออะไรบางอย่าง

“ผมขอโทษจริงๆธัน ไม่ใช่ว่าคุณไม่สำคัญ... แต่รันเป็นน้องชายคนเดียวของผม แล้วเรื่องเรียนมหาลัยมันก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผมต้องดูแลด้วย”

“....... ถ้า... งั้น.... เลิกกันดีกว่าครับ... ผม.... ไม่ไหวแล้วล่ะครับ”

...ผมไม่อยากเป็นตัวแทนใคร...

...ไม่อยากเป็นเงาให้รัน...

...ไม่อยากต้องเผชิญกับบอล...

...แล้วให้คุณกลับมารับรู้...

คำบอกเลิกที่ขาดห้วงคล้ายอาการกลั้นเสียงสะอื้นเหมือนน้ำร้อนที่ราดจากศีรษะจรดปลายเท้า ราเมนทร์มองเข้าไปในดวงตาคลอน้ำของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“ธัน...พูดอะไร...” ราเมนทร์จับมือเรียวขึ้นมาบีบเบาๆ... และหวังให้สิ่งที่ได้ยินเป็นเพียงตลกร้าย

“ที่ว่าไม่ไหว... หมายถึงอะไร ธันอย่าอำผมแบบนี้นะ”

...ทำไม....

...ในหัวใจถึงวูบโหวงแบบนี้...

“ผม... ไม่ไหวแล้วครับ” น้ำเสียงของธันย์ชนกแม้จะสั่นเครือ แต่เขาก็ไม่หยุดพูด

“ขอโทษนะครับ ผมเคยคิด........ ว่าจะ... รอคุณได้ แต่.... ไม่ครับ ผมรอไม่ไหวแล้ว ถึงคิดว่าเราเลิกกันดีกว่าครับ”

ราเมนทร์จับบ่าเล็กๆที่สั่นไหวด้วยสองมือ เขาจ้องตา... พยายามมองหาความจริงที่แอบซ่อนอยู่

“ผมไม่เข้าใจ... คุณรออะไรน่ะธัน ผมทำอะไรผิดเหรอ แล้วทำไมถึงไม่รอแล้ว”

เพราะไม่คิดว่าจะมีวันนี้... วันที่ต้องเสียคุณไป

“ไม่นะธัน..ไม่เลิก...”

“ผม........... ไม่อยากรอความรักจากคุณแล้ว........” รอยยิ้มที่เคยมีจางหายไปจากใบหน้าของธันย์ชนก เพราะคิดว่าถ้าอีกฝ่ายอยู่ด้วยจะไม่เป็นไร

“ไม่อย่างนั้น.... รอได้ไหมล่ะครับ รอผมปิดต้นฉบับแล้วให้ผมไปหารันด้วย.......”

“มันไม่ทันจริงๆนะธัน อย่าเอาเรื่องอย่างนี้มาทะเลาะกันได้ไหม รอผมแค่สองอาทิตย์... คุณก็ปิดต้นฉบับเสร็จพอดี แล้วเราค่อยไปกันนะ” ราเมนทร์ตอบ เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้ธันย์ชนกมีเหตุผลอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่แค่เรื่องการผิดนัดของเขา

“ธัน มีอะไรคุณพูดมาตรงๆเลยดีกว่า ผมไม่อยากให้เราไม่เข้าใจกัน” ราเมนทร์ประคองใบหน้าเล็กให้เงยสบตา

“ผมชอบคุณมากนะ...แต่ไม่ชอบคุณในวันนี้เลย”

คุณที่แปลกไป... ทั้งดูอ่อนแอและหวาดหวั่นราวกับกำลังมีความลับ

...ที่คุณไม่อยากบอกผม

“ผม....... ผมอยากอยู่กับคนที่รักผมหรือว่าพร้อมจะรักผม ไม่ใช่คนที่ชอบผมทั้งๆที่รักคนอื่น” คำว่าไม่ชอบตัวเองในเวลานี้ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวด

“ธันพูดอะไร! คนอื่น?.....” ราเมนทร์ขมวดคิ้วแน่นพลางจ้องมองธันย์ชนก

“ธันกำลังคิดอะไรอยู่.....”

ความลับที่ว่าเขารักใคร... มันควรเป็นความลับไปตลอดกาล

“............ มองตาผม... แล้วบอกผมได้ไหมครับ ว่าคนอื่นที่คุณรักไม่ใช่รัน” นัยน์ตาสีเข้มสบมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

...บอกผมทีว่าไม่ใช่...

ร่างกายชาวูบเหมือนถูกน้ำเย็นราดซ้ำ ราเมนทร์หลบสายตาที่มองมาเพราะความรู้สึกผิด

คนที่ไม่อยากให้รู้ที่สุด กลับรู้เสียแล้ว...

เพราะไม่สามารถปฎิเสธความจริงได้ ชายหนุ่มจึงใช้ความเงียบและอ้อมกอดอ่อนล้าแทนคำตอบ

“...................ขอโทษ”

ขอโทษที่ผมต้องทำให้คุณทรมานตลอดเวลาที่คบกัน

น้ำตาที่พยายามเก็บกลั้นเอาไว้ตลอดค่อยๆไหลออกมาในที่สุด

“ไม่... เป็นไร... ครับ...” เขายกมือขึ้นโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้

“เลิกกัน...... นะครับ”

“ธัน....ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริงๆ...” ยิ่งธันย์ชนกดีกับเขาเท่าไหร่... ตัวเขาที่ใช้ธันย์ชนกเป็นเครื่องมือเพื่อลืมรัญชน์ยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น

“แต่ผมไม่อยากเลิก... ได้ไหม... ผมจะพยายามรักคุณ จะรักคุณให้มากกว่ารัญชน์”

...ช่วยฟังคำขอร้องของคนเห็นแก่ตัวอีกสักครั้งได้ไหม...

“......... ไม่.... ครับ...” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเสียงพร่า ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบรับคำขอร้องนั้น

แต่เป็นเพราะเขาไม่อาจหาทางออกได้เลยสักนิด ถึงจะขอให้ราเมนทร์อยู่ด้วย แต่ถ้าภูริมาแล้วเผยอดีตของเขา

...ราเมนทร์ก็จะไปจากเขา

หากตอบรับคำขอร้อง ตอนที่ราเมนทร์ไม่อยู่ ภูริจะมาทำอะไรบ้างก็ไม่อาจรู้ได้

เพราะอย่างนั้น ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือเลิกกับราเมนทร์เสีย

“...ไม่ได้จริงๆ...ใช่ไหม...” ข้อความเหมือนจะเข้าใจแต่น้ำเสียงและอ้อมกอดบอกตัวเองว่าไม่ได้เข้าใจสักนิด

ราเมนทร์กอดร่างบางแน่นขึ้นแล้วซุกใบหน้าลงกับเส้นผมสีเข้มของคนรัก

...เหมือนหัวใจถูกทึ้งออกจากร่าง...

“ขอเวลา... ให้ผมหน่อย... ให้ผมอยู่กับคุณต่อ... ก็ไม่ได้ใช่ไหม...”

“คุณ.... อยู่ได้เหรอครับ คุณ....  ต้องไปกับรัน... ไม่ใช่เหรอ” ธันย์ชนกเอ่ยเสียงแผ่วทั้งน้ำตา

...ผมรักคุณ...

...แต่บอลรู้แล้วว่าผมอยู่ไหน...

...คุณควรจะอยู่กับคนที่คุณรัก...

...ให้ผม... ที่คุณแค่ชอบมาก... อยู่คนเดียวเถอะครับ...

“ผม...ถ้าผมบอกว่าผมอยากอยู่กับคุณ คุณจะเชื่อไหม” คนพูดย้ำด้วยแววตา

“เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้...ไม่ใช่ตอนที่รันกำลังจะเริ่มต้นชีวิตอีกขั้น ขอเวลาให้ผมสองอาทิตย์ไม่ได้เหรอธัน...”

...เชื่อครับ...

...แต่ผมคงไม่ไหวแล้ว...

...ถ้าบอลมาหา...

...ถึงตอนที่คุณกลับมา...

...ผมอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้...

“....... ขอโทษครับ.........” ธันย์ชนกได้แต่ตอบเบาๆอย่างหมดแรง

“ผมไม่เลิกกับคุณ... คุณเคยบอกว่าจะอยู่ข้างๆผมตลอดไปไม่ใช่หรือไง ผมยังจำได้...” ความรู้สึกอบอุ่นที่สัมผัสผ่านฝ่ามือในต่างประเทศยังชัดเจนในความทรงจำ และราเมนทร์ก็ไม่อยากเสียธันย์ชนกไป

“อย่าทำอย่างนี้นะธัน... อย่าขอโทษผม... ผมชอบคุณนะ”

“ครับ... ผม...... สัญญาไว้อย่างนั้น.......... แต่ เพราะผมคิดว่าคุณจะอยู่กับผม... ขอโทษครับ รันเป็นครอบครัวคนสำคัญของคุณ แต่เพราะผมรู้ว่าเขาเป็นยิ่งกว่านั้นสำหรับคุณ” ชายหนุ่มหยุดไปก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา

“ผมถึงได้.... รู้สึกไม่พอใจลึกๆอยู่แบบนี้”

 มือที่อยากจะยกปาดน้ำตาให้ทำได้เพียงปล่อยมันตกข้างตัว ราเมนทร์รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ส่งผ่านน้ำเสียงอันสั่นเครือซึ่งเป็นเขาเองที่ทำให้เกิดขึ้น

ต่อให้ขอโทษสักกี่ร้อยครั้งก็ไม่เพียงพอ....

“คุณรู้...ตั้งแต่เมื่อไหร่...”

“................... ตั้งแต่.... คืนนั้น........ ครับ” มือสองข้างยังคงยกขึ้นปาดน้ำตาออกครั้งแล้วครั้งเล่า

“คุณเมา............ แล้วคิดว่าผม... เป็นรันครับ” ทุกถ้อยคำที่พูดออกมากลับมาทำร้ายตัวเองอีกครั้ง

“ธัน....” ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากร่างสูง เขาทำได้เพียงหันหน้าไปอีกทางแล้วปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมอยู่กับความรู้สึกผิด ฝ่ามือหนากำแน่นรู้สึกได้ถึงแรงสั่นของทั้งร่าง ในตอนนี้ราเมนทร์ไม่กล้าที่จะสบดวงตาที่มองมาแค่เพียงเขาได้เลย

“ผมขอโทษ... แต่ช่วงเวลาที่อยู่กับคุณ ผมไม่เคยโกหกคุณ... ผมมีความสุขจริงๆที่ได้อยู่กับคุณ ถึงแม้ว่าจะทำให้คุณเจ็บปวด” คำพูดเงียบหายไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า

“แล้วทำไม... ตลอดมาคุณถึงไม่บอกอะไรเลย... ทำไมถึงปล่อยให้ผมทำร้ายคุณอยู่อย่างนี้...”

“........... เพราะผมคิด.... ว่าผมจะไม่เป็นไร.... ครับ..... ผม......... รักคุณมากเกินไปครับคุณราม.... ตอนนั้น....” น้ำตายังไม่ยอมหยุดไหลออกมา

...แล้วตอนนี้ผมก็รักคุณที่สุด...

...เท่าที่ผมจะรักใครคนหนึ่งได้...

“แล้วตอนนี้ล่ะธัน....คุณไม่ได้รักผมแล้วเหรอ”

คำว่าตอนนั้น...ดูจะเป็นอดีตที่ยาวนานเหลือเกิน

เพราะตัวเขามั่นใจว่าได้รับความรักจากธันย์ชนก เลยหลงคิดว่าจะได้มันตลอดไปอย่างงั้นหรือ? ความรักที่เขาเป็นฝ่ายรับอยู่คนเดียวคงทำให้คนให้ทรมานมาก... มากจนทำให้รักหมดอายุ

...ผมกลัวว่าจะสูญเสียคุณ...

...แต่ผมก็ไม่เคยทำอะไรให้คุณเลย...

...เพราะงั้น...ผมเลยต้องเสียคุณไป...

“รักผม... รักกัน... อีกสักครั้งไม่ได้เหรอธัน...”

“คุณ...... แค่ชอบผมมาก... เท่านั้นครับ..... อยู่กับผม แล้วคุณสบายใจ.... ก็เท่านั้น” ถ้อยคำที่เสียดแทงจิตใจของผู้พูดยังคงหลุดออกมา

ราเมนทร์ไม่เถียงว่ามันเป็นเรื่องจริง...แต่ในใจลึกๆบอกกับเขาว่ามันไม่ใช่แค่นั้น

..เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร

“แล้วที่ผ่านมา...ธันไม่มีความสุขเลยเหรอ...”

ถ้าเป็นอย่างนั้น...ผมคงให้อภัยตัวเองไม่ได้ชั่วชีวิต

“...... มี... ครับ....” ใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยน้ำตาก้มลง

...จนผมไม่อยากเสียไป...

“แต่ว่า... ผมไม่ใช่คนใจกว้างอย่างที่คุณคิดครับ.... ถ้าไม่ได้ทั้งหมด... ผมไม่เอาแล้ว... ล่ะครับ”

...ขอโทษนะครับ...

...ที่ต้องโกหก...

...แต่เดี๋ยวคุณก็ไม่เป็นไร...

...เพราะผมเป็นคนที่คุณชอบ...

...ไม่ใช่คนที่คุณรักครับ...

“ถ้าผมรักคุณล่ะธัน... คุณจะอยู่กับผมเหมือนเดิมได้ไหม” ราเมนทร์กอดร่างเพรียวไว้แล้วจุมพิตซับน้ำตา

“ผมมันโง่... ไม่คู่ควรกับคนดีๆอย่างคุณเลยจริงๆ”

“.... พอเถอะครับ... เลิกกัน.... นะครับ ผมขอร้อง....” ทั้งอ้อมกอดและกิริยาของราเมนทร์นั้นทำให้ร่างบางแทบอยากยอมแพ้ต่อความตั้งใจของตัวเอง

“ทำไมล่ะธัน ทำไมเราต้องเลิกทั้งๆที่เราอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข ทั้งๆคุณเองก็ไม่ได้อยากจะบอกเลิก” ท่อนแขนแข็งแรงกอดแน่น ราเมนทร์รู้สึกถึงความร้อนที่หัวตาจนต้องกัดปลายลิ้นไม่ให้ความอ่อนแอไหลออกมา

“ผมไม่อยากให้เราจบกันแบบนี้... ผมไม่มีคุณไม่ได้...”

“คุณ.... ยังพูดว่ารักผมไม่ได้เต็มปากเลย... ถึงจะมีความสุขแต่หัวใจผมก็ว่างเปล่าครับ! เข้าใจผมด้วยเถอะ!” แขนสองข้างพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมกอด

ราเมนทร์ปล่อยแขนออกตามแรงดันนั้นอย่างง่ายดาย เขายืนมองพื้นห้องที่เคยอยู่ด้วยกัน มองโซฟาตัวที่เคยหลับใหล มองฝ้าเพดานและกำแพงราวกับจะเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้... ให้ประทับอยู่ในหัวใจ

สุดท้าย...นัยน์ตาสีน้ำตาลเทาก็กลับมาสบกับนัยน์ตาคู่สวยอีกครั้ง

“ผมจะยอมเลิก...ถ้าคุณบอกคำเดียว...ว่าไม่ได้รักผมแล้ว...”

นัยน์ตาที่ยังมีน้ำตาจ้องมองดวงตาสีสวยเรียบนิ่ง

...ขอโทษครับ...

“ครับ..... ผม... ไม่ได้รักคุณ..... แล้วครับ.... คุณราม”

“ขอบคุณครับ” ราเมนทร์หลับตาลงด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้

...ขอบคุณ...คำโกหกของคุณ...

“กุญแจ...ผมขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ไหมธัน...ผมสัญญาว่าจะไม่ใช้มัน...อย่าเอาคืนเลยนะ”

คำพูดพร่าเลือนที่ใช้ความพยายามมากเหลือเกินที่จะเปล่งออกมา ผ่านลำคอที่แห้งผาก

...ไม่รักผม...

...คุณโกหกไม่เก่งจริงๆ...

“......... ครับ...............” ธันย์ชนกผงกศีรษะช้าๆก่อนจะเปิดประตูห้องออกช้าๆ

“................ ขอบคุณ... นะครับ”

“อยู่คนเดียวแล้ว... อย่าทำงานจนลืมกินข้าวนะธัน” ราเมนทร์ยิ้มจางๆให้เหมือนทุกครั้ง... แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายที่จะประคองไว้บนใบหน้า

“ดูแลตัวเองดีๆนะ...อย่าซุ่มซ่ามให้ได้แผล..อย่าฝืนทำอะไรเกินตัว...อย่าลืมเป็นห่วงตัวเองบ้าง..”

...ทำไมกัน...

...ทำไมผมถึงเจ็บปวดขนาดนี้...

“...อย่าลืมผมนะ...”

“..... ครับ...............” ริมฝีปากบางพยายามแย้มรอยยิ้มให้อีกคน

...ผมรักคุณครับ...

...จะรัก...

...ตลอดไป...

“ผมคงคิดถึงคุณ.... ไปก่อนนะธัน” ราเมนทร์ผลักบานประตูที่เปิดค้างไว้ เขามองหน้าธันย์ชนกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สายตาจะถูกกั้นจากบานประตู

...ไม่มีอีกแล้ว...

ในตอนนี้...เขาไม่รู้เลยว่าน้ำตาของตัวเองไหลออกมาตอนไหน

...เพราะความเศร้าที่เกาะกุมหัวใจนั้นมากมาย...ยิ่งกว่าครั้งใดที่ผ่านมา...

 

To be continued...


kagehena : รับประกันระดับความมาม่าค่ะ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



-38-








“แล้วบีบีกันนะพี่บีม... ทวิตเตอร์ด้วยนะ เฟซบุ๊คด้วย สไกป์ด้วยนะ” คนตัวเล็กเอ่ยบอกทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมกอดอีกคน ใบหน้าหวานซุกอยู่กับเสื้อของอีกฝ่ายพลางกอดเอาไว้จนแน่น

“เอาทุกทางเลยเนอะ ตัวเล็กก็อย่ามัวแต่เล่นกับเพื่อนใหม่เพลินจนลืมพี่นะครับ” ธนกฤตหอมเบาๆกลางศีรษะด้วยรอยยิ้ม

แม้จะเหงา...แต่เพื่ออนาคตของคนรัก เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมให้ไป

ร่างสูงหันไปมอง 'ซากราเมนทร์' ที่ยืนอยู่ข้างๆ อันที่จริงคนเป็นพี่แค่ไปส่งแต่ทำไมถึงทำหน้าเหมือนหมาถูกทิ้งอย่างนี้ก็ไม่รู้

“ไปถึงแล้วรีบติดต่อพี่นะ”

“อื้อ จะรายงานตลอดเลยนะ...” เด็กหนุ่มหันไปมองพี่ชายตัวเองด้วยอีกคนก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆแล้วถอนหายใจออกมา

“พี่ราม... ไม่เป็นไรแน่เหรอ”

“อืม ไม่เป็นไร” ราเมนทร์ยิ้มแล้วขยี้หัวน้องชายเบาๆ

ตั้งแต่วันนั้น... ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

คิดถึง... แต่ไม่สามารถไปหาได้ เป็นความทรมานที่สักวันหนึ่งจะชินได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้

“ไปกันเถอะรัน”

“แล้วเจอกันนะพี่หมอ” เขากระโดดเข้าไปกอดคนรักอีกครั้ง

“รักพี่บีมนะ”

 

 

ราเมนทร์ที่นั่งข้างทางเดินปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับเก้าอี้ เขาไม่มีอีเมล ทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค หรืออะไรที่จะติดต่อธันย์ชนกได้เลย เพราะปกติทุกครั้งแค่เคาะประตูก็ได้เจอกันแล้ว

ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหลับตาลง

...ยิ่งนานยิ่งคิดถึง...

“นี่.... ไปทำอะไรมานะ ถึงโดนบอกเลิกน่ะ” น้องชายที่กังวลมาตั้งแต่แรกตัดสินใจเอ่ยถาม

ราเมนทร์ทำกำลังจะปล่อยตัวเองให้จมในห้วงความคิดขมวดคิ้วแล้วหันมามองรัญชน์

“ไม่มีอะไร ไม่ต้องคิดมาก...แค่ทะเลาะกันน่า”

“เป็นซากขนาดนี้น่ะเหรอไม่มีอะไร ก็รักกันขนาดทิ้งรันไปญี่ปุ่นนี่ ทะเลาะเรื่องอะไรน่ะ” เขาไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายตัดบททิ้งแน่ๆ

“เรื่องของผู้ใหญ่น่า เราสนแต่ไอ้หมอไปเถอะ”

ตั้งแต่คบกับธันย์ชนก ความรู้สึกอิจฉาที่มีแต่แฟนหนุ่มของน้องชายก็ลดลงเรื่อยๆ จนตอนนี้สามารถมองทั้งคู่ได้โดยที่ไม่เจ็บปวดแล้ว

“ได้ไง พี่ทั้งคนนะ! นิสัยไม่ดีเลย นอกใจพี่ธันเหรอ” รัญชน์เถียงกลับ

“เปล่าน่า! คิดอะไรอยู่ฮึเราน่ะ” ปลายนิ้วหยาบบีบจมูกโด่งรั้นเบาๆ

“พี่จะนอกใจธันทำไมล่ะ”

“แล้วไม่ง้อเหรอ รักพี่ธันไม่ใช่เหรอนะ” เขาหันมาเอียงคอถามพี่ชาย

“บางทีผู้ใหญ่ก็มีเหตุผล... ที่ทำให้ง้อไม่ได้เหมือนกัน ธันกับพี่ไม่เหมือนเรากับแฟน... แค่พื้นฐานเริ่มต้นก็ต่างกันแล้ว”

...อีกคู่เริ่มจากความรัก...

...ส่วนอีกคู่... จนถึงวันสุดท้ายก็ยังไปไม่ถึงคำนั้น

“หรือรันว่าไง เพราะถึงง้อ... ก็ยังไม่เห็นหนทางเลยไม่ใช่เหรอ”

“ก็... ถ้ารักกันก็ต้องได้สิ” เขาตอบตามความรู้สึกของตัวเอง

“ถ้าเป็นอย่างงั้น.... ถ้าเขายอมใจอ่อนก็ดี”

“ก็ถ้าพี่รามรักพี่ธัน ก็ต้องบอกให้เชื่อสิว่ารัก”

“......................นอนแล้ว” ราเมนทร์พูดเบาๆแล้วหันหนี

รัก.....กับชอบ......

เพราะสองคำนี้เลยต้องเสียคุณไป

“ไม่ต้องง้อได้เลยงั้น” คนตัวเล็กแลบลิ้นใส่ก่อนจะหันหลังให้พี่ชายแล้วหยิบผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองบ้าง

“รัน......” เงียบได้สักพักพี่ชายก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ่นก่อน

“ชอบกับรัก...ต่างกันยังไง”

“ก็ชอบคือชอบไง เหมือนรันชอบเอริค............................” เจ้าตัวเล็กที่รู้ดีว่าเผลอหลุดอะไรออกไปจึงเลือกที่จะนั่งเงียบเพื่อดูปฏิกิริยาพี่ชาย

“ชอบอะไร? เอริค? ไอ้เด็กกวนตีนนั่นน่ะเหรอ” ราเมนทร์หันกลับมามองตาเขม็ง

“มีอะไรปิดบังพี่อยู่ใช่ไหม เราน่ะ”

“............. ไม่มีได้ป่าว” เด็กหนุ่มหลบตาพลางยิ้มกว้างเรื่อยเปื่อย

“ไปฝึกนิสัยกวนอย่างงี้จากไอ้หมอแหง ตอบพี่มาเลยรัน!”

“.... ก็เคย.... คบกัน.....” รัญชน์ตอบอ้อมแอ้ม

“คบกันตอนไหน ทำไมพี่ไม่รู้” คนเป็นพี่ชายทำเสียงเขียวใส่

“ก็... บอกพี่ก็โกรธรันสิ..... ตั้งนานแล้ว... ตั้งแต่รู้จักกัน..... นั่นแหละ...” เด็กหนุ่มเบ้ปากพลางหันหน้าหนีไปมองอีกทาง

“หัดหลอกพี่มาตั้งแต่เด็ก...จำไว้เลยไอ้ตัวเล็ก” จะให้โกรธไปก็เท่านั้น มือใหญ่ลูบเส้นผมสีอ่อนเบามือด้วยรอยยิ้ม

“คราวหน้ามีแฟนใหม่ต้องให้พี่พิจารณาก่อน เข้าใจไหม”

“ไม่มีแล้ว! จะมีได้ไงนะ รันรักพี่หมอนะ ไม่เหมือนกับเอริคนะ นั่นรันแค่ชอบนะ” รัญชน์แทบจะหันมาแยกเขี้ยวใส่เมื่อได้ยินคำว่าแฟนใหม่

“แล้วสรุปว่ารักกับชอบมันต่างกันยังไง” สุดท้าย คำถามเดิมก็วนมาอีกครั้ง

“ก็... เอริครันแค่ชอบ ตอนเลิกกันก็ไม่เสียใจขนาดนั้น ไม่ได้คิดว่าจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป... แบบนั้นอะ” เด็กหนุ่มร่างเล็กเอนศีรษะลงซบกับไหล่กว้างก่อนจะเอ่ยพูดต่อ

“ส่วนพี่หมอ รันอยากอยู่ด้วยตลอดไปนะ คิดภาพอนาคตที่จะมีพี่หมอไว้เลย อะไรแบบนั้น... ขาดไม่ได้นะ”

...ถ้าขาดไม่ได้คือรัก งั้นตัวเขาที่รู้สึกแบบนั้นกับธันย์ชนกจะเรียกว่ารักงั้นหรือ...

“พี่เลิกกับธัน... พี่เสียใจมากนะรัน... แล้วพี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเหมือนเดิมได้หรือเปล่า... เขาคงไม่ให้อภัยพี่...”

“................” นัยน์ตากลมโตหันไปมองพี่ชายแล้วค่อยเอื้อมมือไปตบต้นแขนเบาๆราวกับจะให้กำลังใจ

“พี่ก็ต้องพูดให้พี่ธันเชื่อสิ ว่าพี่รักพี่ธันขนาดขาดไม่ได้น่ะ”

“.........ไว้จะลองแล้วกัน” ราเมนทร์พูดแล้วหลับตาลง

...ขาดไม่ได้คือรัก...

...เพราะงั้น...บางทีผมอาจจะรักคุณ...

 

 

“บ้าที่สุด...” น้ำเสียงหวานที่มักจะฟังแสบแก้วหูสำหรับธนกฤตวันนี้กลับสั่นเครือ ธิวรางค์นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวพร้อมกับหนังสือเล่มหน้าบนตก กับกล่องทิชชู่ที่ถูกยกมาไว้ข้างกาย

หมอหนุ่มมองน้องสาวที่มักส่งเสียงแว้ดๆ แต่ที่แปลกไปคือวันนี้กลับนั่งนิ่งร้องไห้กะอืดๆเหมือนลูกนกสำลักน้ำ ธนกฤตเดินไปนั่งข้างๆแล้วหยิบหนังสือที่อีกฝ่ายอ่านอยู่ออกมา

“อ่านไรวะแบม ร้องไห้หน้าตาดูไม่ได้เลย”

“นิยายรักของธันย์ เศร้าเป็นบ้าเลย สงสารนางเอก ผู้ชายแม่งเลวกันหมด” ไม่ตอบเฉยๆ แต่เจ้าหล่อนยังใส่ความเห็นของตัวเองแถมมาด้วย

“อ้าวเฮ้ย พูดงี้ได้ไงวะ พี่แกก็ผู้ชายนะ” ธนกฤตพลิกดูหน้าปกไปมา

“มันเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เคยเป็น ไม่นับเป็นผู้ชายแล้ว” หล่อนแขวะให้ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดหน้าเช็ดตาอีกครั้ง

“อือ เศร้ามาก นางเอกน่าสงสารโคตร ชีวิตมีแต่มรสุม”

“เฮ้ย ชอบผู้ชายก็ยังเป็นผู้ชาย น้องบีมไม่ได้อยากแต๊บเสริมอึ๋มยัดก้นเด้งนะคะ” พี่ชายทำท่าตุ้งติ้งแล้วเอาทิชชู่เช็ดให้อีก

“เรามันอ่อนไหวไปป่ะ มรสุมอะไร พระเอกถูกนางร้ายตื๊อ เข้าใจผิดเหมือนทั่วๆไปอ่ะดิ่”

“เอาไปอ่านเองเลยไป ไม่ใช่เรื่องงี่เง่าแบบนั้นหรอกน่า”

ธนกฤตเปิดดูคร่าวๆ

“คนเขียนชื่อธันย์เหรอ ไม่เห็นเคยได้ยิน นักเขียนใหม่ป่ะ”

หญิงสาวส่ายศีรษะก่อนจะตอบคำถาม

“เขียนมานานแล้ว แต่นี่เป็นเรื่องแรกที่เศร้าน่ะ”

“งั้นขอยืมไปหน่อยแล้วกัน อยากรู้ว่าจะเศร้าแค่ไหนกันเชียว”

 

 

“พี่ราม พี่หมอส่งหนังสือมาให้อ่าน รันยังขี้เกียจอยู่นะ.... อ่านแล้วเล่าให้ฟังทีดิ” คนเป็นน้องเอ่ยบอกทันทีที่พี่ชายเปิดประตูเข้าบ้านมา

“ตอนสไกป์กันพี่บีมยังร้องไห้ตาบวมเลย... อ่านแทนทีนะ” รัญชน์เอ่ยทับแกมบังคับ

พอนึกหน้าผู้ชายตัวโตๆร้องไห้ตาบวมก็อดขำไม่ได้ ราเมนทร์ลูบหัวน้องชายเบาๆแล้วรับหนังสือมาวาง

“เราก็อ่านสิ ฝึกไว้ จะได้อ่านไทยคล่องๆ”

เกือนสองเดือนแล้วที่อยู่ที่นี่... ในตอนแรกเขาคิดว่าแค่สองอาทิตย์ก็น่าจะเสร็จ แต่พอมาถึง เอเจนซี่เจ้าที่เคยสนิทสนมและ”ใหญ่”ในวงการกลับป้อนงานใหญ่ให้เขา จนแทบไม่มีเวลาไปไหน

หรืออีกอย่าง... คือเขาไม่มีเหตุผลที่จำเป็นต้องอยู่ไทยแล้ว

กับธันย์ชนก... เพราะบอกไว้ตอนเลิกกันว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวายให้รำคาญใจ เพราะอย่างนั้น แม้จะอยากติดต่อเท่าไรชายหนุ่มก็ต้องฝืนความรู้สึกไว้..

แต่ราเมนทร์รู้ข้อดีอย่างหนึ่งของการอยู่ห่างกัน... คือเขาได้รับรู้ว่าเป็นห่วงและคิดถึงธันย์ชนกแค่ไหน

“ก็อ่านให้รันก่อนนะ นะ.... นะ” สามนะแบบนี้แปลได้ชัดว่ากำลังออดอ้อนพี่ชายของตัวเองชัดเจน

“อือ ไว้ว่างๆก่อนแล้วกัน”

...ไอ้ตัวขี้อ้อนก็ยังเป็นตัวขี้อ้อนวันยังค่ำ ความรู้สึกรักของเขายังคงมีให้ไม่เปลี่ยนแปลง

...แค่ไม่ชัดเจนว่ารักที่เป็นอยู่... มันคือรักแบบไหน...

“เย้” เด็กหนุ่มร่างเล็กกระโดดเข้ากอดราเมนทร์เต็มแรง

“แล้วอย่าลืมมาเล่าให้รันฟังนะ”

“อื้อ”

ไม่รู้ว่าจะทนอ่านได้แค่ไหน...เพราะเท่าที่เคยเป็นมาไม่เกินหนึ่งบทก็จอดซะแล้ว

“ไว้ว่างๆก่อนแล้วกัน ปะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

ราเมนทร์วางหนังสือลงกับโต๊ะ หลังสือเล่มหนา...ที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปทั้งชีวิต

 

 

เสียงจังหวะยาวในการรอสายไม่ได้ทำให้คนโทรหงุดหงิดในการรอสักนิด รอยยิ้มจางที่แฝงความน่ากลัวยังคนจับบนใบหน้า... รอเวลาที่ใครบางคนจะลนลานรับโทรศัพท์มือถือที่ส่งไปให้ทางไปรษณีย์

“รับเร็วสิ...ธันย์ชนก”

-ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ- น้ำเสียงสั่นไหวเอ่ยขอร้อง

“ไม่ให้โทร? แสดงว่าอยากเจอหน้าฉันล่ะสิ... แต่ขอโทษจริงๆนะ พอดีช่วงนี้ฉันยุ่งๆ” น้ำเสียงคุกคามที่ฟังเผินๆเหมือนกำลังทักทายเพื่อนเก่ายังคงพูดต่อ

“คิดถึง... อยากกอดนาย... นายคิดถึงฉันหรือเปล่าธัน”

-..... ไม่.... ฉันไม่อยากเจอนายแล้วบอล.......-

“พูดอย่างนี้คิดดีแล้วเหรอ... อย่าลืมสิว่าฉันมีความลับของนายอยู่” ภูริพูดเบาๆแล้วหัวเราะ

ต่อให้ต้องแย่ง..ต้องเลว เขาก็จะเอาของๆเขาคืนมา

“รูปนายที่กำลังร้องไห้อยู่ใต้ตัวผู้ชายอื่น... แฟนนายคงชอบนะ”

-ฉันบอกแล้วว่าเขาไม่ใช่แฟน เราเลิกกันแล้ว!! นายก็ด้วย ออกไปจากชีวิตของฉันเสียที- น้ำเสียงที่ดังขึ้นไม่ได้ฟังน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย เป็นแค่การทำเสียงดังสู้กับความหวาดกลัวของตัวเองก็เท่านั้น

“ที่ฉันกลับมาเพราะจะทวงนายคืนต่างหาก เลิกกันแล้วก็ดี... งั้นฉันเปลี่ยนใจแล้ว อีกสองสามวันฉันจะไปหานายที่ห้อง ถ้านายไม่เปิดให้ฉันจะเปิดโปงภาพหลุดของคุณธันย์ นักเขียนชื่อดัง...”

ปลายนิ้วสากกดตัดสายทันทีที่พูดจบ เขามองโทรศัพท์ในมือแล้วหัวเราะเสียงดัง... ด้วยน้ำเสียงแสนขมขื่น

...ถ้าตอนนั้นฉันไม่ทำพลาดไป...

...ตอนนี้ฉันจะยังคงมีนายเคียงข้างใช่ไหม...

 

 





“........ พี่ราม?” คนที่กลับมาถึงบ้านแปลกใจกับไฟที่ยังไม่เปิดและสภาพบ้านที่ดูจะเงียบๆผิดปกติ เพราะไม่เห็นคนตัวโตที่มักจะมาต้อนรับ หรือบอกว่าเย็นนี้จะพาไปทานอะไร

“รัน... กลับมาแล้วเหรอ...” เสียงแหบห้าวดังจากมุมหนึ่งของโซฟา

ราเมนทร์ลุกขึ้นจากตรงที่นอนอยู่แล้วเดินมาสวมกอดน้องชายแน่น

...พี่รักรัน...

เป็นเส้นความรักที่ปิดกั้นหัวใจของเขา โซ่ที่พันธนาการไว้ไม่ให้เขารักใครได้อีก

...แต่บางที กุญแจที่ไขโซ่นั้นได้คือตัวเขาเอง

“รัน... พี่จะกลับไทย” เป็นครั้งแรกที่ราเมนทร์บอกความปรารถนาของตัวเองมาตรงๆ โดยไม่มีคำถามต่อว่าพี่จะกลับได้ไหม หรือ รันจะอยู่ได้หรือเปล่า

“ธันเขารอพี่อยู่... เขารอให้พี่กลับไปหา ไปบอกรักเขา....”

หนังสือเล่มหนาที่มาจากไทย ตัวละครที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นตั้งแต่เป็นร่างคาแรคเตอร์... หญิงสาวที่ถูกทำร้ายกับเจ้าชายต่างภพ

หากความรู้สึกที่ขาดหายไปเป็นถนนเส้นหนึ่ง หนังสือเล่มนี้คงเป็นสะพานเชื่อมที่จะพาให้เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ชัดเจนไม่ใช่แค่คิดถึง ไม่ใช่แค่ห่วงหาหรือต้องการคนอยู่เคียงข้าง

...แต่เป็นรัก... ที่ไม่มีมายาใดๆมาพรางตา...

...ธัน... ผมรักคุณ...

“อือ กลับสิ ง้อให้ได้นะ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างให้อย่างเข้าอกเข้าใจ

“รันโตแล้วนะ”

“บางทีมันอาจจะนาน ยังไงรันก็ดูแลตัวเองด้วย มีอะไรโทรหาพี่นะ... พี่จะออกเดินทางพรุ่งนี้แล้ว” ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดแล้วมองน้องชาย... ที่จู่ๆก็ดูโตขึ้นผิดหูผิดตา นัยน์ตาสีน้ำตาลเทาไล่มองรัญชน์แล้วเขาก็พบความจริงที่ว่า ความรักที่เคยคิดว่าผิดบาปนั้นได้หายไปแล้ว

...ในชั่วเสี้ยววินาทีที่เขารู้ตัวว่ารักใคร...

“อื้อ ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงรันนะ” เขาโอบกอดพี่ชายเอาไว้แน่น

“ง้อให้ได้นะ”

“รุ่นนี้แล้วไม่มีผิดหวัง” ราเมนทร์ยิ้มกว้าง... และเป็นรอยยิ้มจากใจจริงครั้งแรกนับตั้งแต่มาอยู่ออสเตรเลีย

 

To be continued...


ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-39-




 

“บอล..... เลิกยุ่งกับฉัน... เสียที” นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูพลางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“ไม่...อย่าให้ฉันต้องเหนื่อยน่า สองเดือนมานี้ฉันคิดถึงแต่นายคนเดียวเลยนะ...” ภูริยิ้มยียวนแล้วถือโอกาสผลักประตูเข้ามาในห้อง

“ทีเมื่อก่อนนายตัวติดฉันแจ พอมีผู้ชายใหม่ก็บอกให้เลิกยุ่ง ฉันเป็นคนหวงของ...นายก็รู้”

“... รู้ ถึงได้อยากให้นายไป..... ฉัน.... ไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้วบอล....” เขาตอบเสียงเรียบโดยไม่มีอารมณ์ใดใด พยายามข่มความหวาดกลัวที่เริ่มตีขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า 'หวงของ'

ธันย์ชนกที่ดูแปลกไปทำให้ภูริชะงักไปเล็กน้อย เหมือนกับไม่กลัวเขาและอดีตอีกต่อไปแล้ว... ซึ่งเป็นท่าทีที่น่าหวั่นเหลือเกิน

“นายไม่กลัวเรื่องนั้นจะเปิดเผยหรือไง.....วันนี้ฉันมีของให้นายดูด้วยนะ”

มือใหญ่หยิบอัลบั้มในกระเป๋าออกมาแล้วดึงรูปถ่ายในนั้นมาโยนแทบเท้า

“คัดพิเศษเพื่อนายโดยเฉพาะ....ถือว่าเป็นของขวัญจากฉัน”

“!!!??? ภาพที่ปรากฏต่อสายตาทำให้หัวใจวูบไหว อดีตที่วิ่งหนีกลับมาหลอกหลอนจิตใจจนลนลาน เพราะไม่เคยคิดว่าจะต้องเห็นภาพเหล่านี้ ที่ตอกย้ำชัดเจนยิ่งกว่ายามฝันร้าย

“ม-- ไม่!! ไม่บอล!! นายจะเอาอะไร??”

ปีศาจร้ายในร่างคนพรายรอยยิ้มหล่อเหลา เขาดึงรั้งร่างเล็กที่สั่นไหวมากอดแล้วกระซิบข้างหู

“เมียฉัน ผู้หญิงแสนดีที่น่าเบื่อที่สุดในโลกไม่อยู่สองอาทิตย์ ฉันจะมาอยู่กับนายที่นี่... แล้วฉันจะยอมเก็บรูปสวยๆพวกนี้ไว้สักพัก...”

...สองอาทิตย์...

...อย่างนั้นเหรอ...

“แค่.... สองอาทิตย์... ใช่ไหม....” น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกไปฟังสั่นไหว แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“ทำไงได้ แพรไปแค่นั้น ฉันยังอยากให้ไปสักสองเดือนด้วยซ้ำ” ภูริทำท่าเบื่อหน่าย

ผู้หญิงแสนดีเพียบพร้อมทุกอย่าง... แต่เขาไม่เคยมีความสุขหรือตื่นเต้นเมื่ออยู่ใกล้ ไม่มีอาการใจเต้นเหมือนอยู่กับธันย์ชนกในตอนนั้น

“ให้ฉันอยู่นะธัน...”

...คล้ายกับตัวเองไม่มีทางเลือก ธันย์ชนกไม่ต้องการให้รูปเหล่านั้นไปปรากฏที่ไหน อยากจะให้หายไปจากโลกใบนี้ด้วยซ้ำ

“... แล้วนาย ต้องทิ้งรูปพวกนั้น.......”

“อือ....” คำตอบรับไปส่งๆไม่ได้สร้างความมั่นใจให้คนฟังสักนิด

“ถ้านายยอมทำตามใจฉัน รูปพวกนั้นไม่มีวันที่ใครจะได้เห็นแน่”

...อดทนแค่สองอาทิตย์...

...แค่สองอาทิตย์เท่านั้น...

“เข้าใจ... แล้ว” เขาตอบรับโดยไม่อาจรู้ได้ว่าอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

...หรือตอนจบของนิยาย...

...เป็นแบบนั้นดีแล้ว...

 

 

“ขอดูแหวนวงนั้นหน่อยครับ” ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ชี้นิ้วไปที่แหวนทองคำขาวแบบเกลี้ยงที่วางอยู่บนชั้นวาง ในมือถือช่อลิลลี่สีขาว...

ดอกไม้ที่ธันย์ชนกชอบ

ทั้งที่ตอนแรกว่าจะกลับมาเร็วที่สุด แต่ดันเจอมรสุมงานเข้ามาจนล่าช้าไปสองอาทิตย์ นิยายเล่มหนาที่ถูกเปิดอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นได้พกมาด้วยในกระเป๋า

“วงนี้นะคะ” พนักงานสาวแย้มรอยยิ้มหวานให้พลางเอื้อมมือเข้าไปหยิบแหวนวงนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะวางลงบนถาดไม้ที่ปูกำมะหยี่ไว้

ราเมนทร์หยิบแหวนขึ้นมาดูแล้วยิ้มออกมาจางๆ ดูจากขนาดแล้วน่าจะพอดี... แถมรูปลักษณ์ยังเรียบๆซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่ชอบสะดุดตาใครๆอย่างธันย์ชนก

ชายหนุ่มวางแหวนลงแล้วหยิบการ์ดยื่นให้พนักงาน

“เอาวงนี้ครับ”

“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวหยิบแหวนขึ้นมาแล้วค้อมศีรษะให้ ก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านหลังร้านเพื่อหยิบเอากล่องและถุงออกมาให้ราเมนทร์เลือกดู

ราเมนทร์ใช้เวลาเลือกสักพักก่อนจะตัดสินใจเลือกเอากล่องเรียบๆกล่องหนึ่ง เขารับบัตรและของมาด้วยอาการหัวใจพองโต

...การที่รู้ว่าตัวเองรักใครจริงๆแล้วมันเป็นเช่นนี้เอง...

ชายหนุ่มอมยิ้มกับตัวเอง... และภาวนาให้ชายหนุ่มที่แสนคิดถึงคนนั้นยังไม่นอนหลับไป

...คุณจะดีใจหรือเปล่านะ...

...ถ้าตอนนี้ ผมจะบอก...ว่ารักคุณ...

 

 

“ย-- อย่า... อ.... อือ..... บอล.... ม...” ธันย์ชนกเอ่ยเสียงสั่นพร่า ร่างกายสั่นสะเทิ้มอยู่ภายใต้พันธนาการของภูริ

“ว่าไงนะ...พูดชัดๆสิธัน...” ชายหนุ่มรั้งข้อมือที่ผูกไว้แล้วจับปลายขาของธันย์ชนกแยกออกกว้าง

“ตรงนั้นของนายที่ถูกไอ้นั่นเข้าไป....เดี๋ยวฉันทำความสะอาดให้แล้วกัน”

“อึก! ม.... ไม่บอล..! อย่า--!?” น้ำเสียงที่อ้อนวอนฟังดูอ่อนแรงไร้ประโยชน์

ท่อนล่างที่เปลือยเปล่าของอดีตคนรักถูกสอดแทรกแก่นกายแข็งแรงเข้าสู่ภายในโดยไร้การโลมเร้าใดๆ ความปรารถนาที่หื่นกระหายถูกยัดเยียดลงสู่ร่างบาง... เหมือนที่ครั้งหนึ่งได้เคยกระทำไว้ในวันที่ฝนเทสาดอย่างกราดเกรี้ยว

“... ฉันจะลงโทษ... ที่นายให้... ผู้ชายคนอื่น... กอด...” เสียงทุ้มต่ำคล้ายเสียงสัตว์ครางกึกก้อง

หลังจากวันที่ธันย์ชนกยอมให้เข้ามาอยู่ ร่างบางก็ตกเป็นเป้าหมายในการร่วมรักอย่างดุดันสนองความต้องการปีศาจในร่างคน สามวัน... ที่ภูริเอาแต่มัวเมาในร่างบอบบางที่เต็มไปด้วยรอยขบเม้มที่เขาสร้างมันขึ้น จะมีก็เพียงตอนที่หลับและกินข้าวทำความสะอาดร่างกายเท่านั้นที่ชายหนุ่มไม่ดึงร่างบางมาแนบชิดกาย

“ฉันไม่ให้ไป... ไม่ให้นายหนีไปจากฉัน... นายเป็นของฉัน... ธัน... ธัน...” น้ำเสียงคลุ้มคลั่งกระซิบข้างหูพลางสอดร่างกระแทกลึกเข้าไป

“... จ... เจ็บนะ... บอล... อ.. อึ้ก--!” น้ำตาค่อยๆเอ่อไหลลงอาบแก้มสีซีด บาดเจ็บทั้งหัวใจและร่างกาย

“พ... พอเถอะ... พอ”

“ลืมมันสิธัน... ลืมมัน แล้วมารักฉันเหมือนเดิม” กายที่สั่นระริกของธันย์ชนกยังแสดงความรังเกียจตัวตนของเขาเหมือนในวันวาน

ภาพในวันนั้นซ้อนทับกับวันนี้... จนภูริรู้สึกเจ็บในใจ

“บอกสิว่ารักฉัน อย่าร้องไห้ บอกมา!”

“ไม่-- ฮึก ฉัน... ไม่ได้รัก.... นายแล้ว” ใบหน้าสวยพยายามหันหนี

-เพี๊ยะ-

ใบหน้าสวยถูกฝ่ามือฟาดอย่างรุนแรงจนหันไปฝั่งตรงข้าม ภูริกระแทกกายซ้ำจนได้กลิ่นคาวเลือด มือที่แข็งเหมือนเหล็กบีบปลายคางแล้วก้มลงชิมรสขื่นของเลือดในโพรงปาก

“ห้าม...พูด...ไม่งั้นฉันจะฆ่านาย...แล้วจะฆ่าตัวตายตาม”

ความรุ่มร้อนอันบ้าคลั่งทะยานจนถึงที่สุด ภูริกระตุกเกร็งตัวแล้วปลดปล่อยเข้าสู่ภายในอันบอบช้ำ ข้างในที่ถูกปลดปล่อยซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่สามารถรองรับของเหลวที่พวยพุ่งออกมาได้ พอร่างสูงถอนกายออก หยาดน้ำจึงไหลออกมาเปรอะเปื้อนสะโพกแดงช้ำและท่อนขาเรียวที่ไร้เรี่ยวแรง... ก่อนจะค่อยๆหยดลงเลอะผ้าปูที่นอนยับย่น นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองสีแดงของโลหิตที่ไหลออกมาปะปนพลางยิ้มจางๆมุมปาก

“เหมือนตอนนั้นเลยธัน... นายที่กำลังถูกทำลาย... ชักอยากถ่ายรูปเก็บไว้แล้วสิ ดีไหมธัน... รูปของนาย... ของนายกับฉันคนเดียว...”

คนที่ถูกทำร้ายได้แต่ร้องไห้สะอึกอื้น ไม่สามารถสรรหาคำพูดใดใดออกมาบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ได้

...นอกจากเฝ้าหวังให้เป็นเพียงฝันร้ายและจบลง

 

 

...ตอนนี้จะยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่านะ...

ราเมนทร์คิดขึ้นมาหลังจากที่ยืนอยู่หน้าห้องของธันย์ชนก ชายหนุ่มถือช่อลิลลี่แล้วจ้องมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย มือใหญ่กระชับกล่องแหวนในมือแล้วตัดสินใจเคาะเบาๆ

“ธัน.... อยู่หรือเปล่า”

ทว่าเจ้าของห้องกลับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

“พอ... หรือยัง.......” นัยน์ตาไร้แววจ้องมองอย่างขอร้อง

“หึ... ยังหรอกนะ นายต้องอยู่ให้ฉันทำอย่างนี้จนกว่าจะพอใจ” ภูริลุกขึ้นแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันลวกๆ ร่างกายที่ยังไม่ได้ชำระล้างเดินจะไปอาบน้ำ หากแต่ได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้นมาก่อน หัวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาทันทีอย่างไม่สบอารมณ์

“ใครวะแม่ง ขัดจังหวะชิบ”

ภูริยักไหล่ ไม่แม้แต่จะเดินไปประตู เขาหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำทิ้งร่างบอบบางให้นอนหมดสภาพบนเตียง

“... อ... อึก.....” ธันย์ชนกพยายามขยับตัวแต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะพันธนาการที่ข้อมือ ในใจนึกต่อว่าตัวเองที่รับข้อตกลงที่ไม่น่าเชื่อถือของอีกคน ทั้งๆที่น่าจะรู้ดีที่สุดว่าคนอย่างภูริไม่น่าจะรักษาสัญญาได้

“ธัน...” เสียงแผ่วๆดังขึ้นอีกครั้ง ราเมนทร์เคาะประตูแรงขึ้น เท่าที่ได้ยิน... เขาได้ยินเสียงเดินในห้อง แต่ไม่รู้เพราะอีกฝ่ายไม่อยากเจอหรืออะไรถึงไม่ยอมตอบรับ

...ไม่ได้แล้วใช่ไหม...

...ที่ผมจะบอกว่ารัก...

เสียงที่ได้ยินพร้อมกับเสียงเคาะประตูเรียกให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มที่ไม่อาจขยับตัวได้ทำเพียงปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

...คิดถึงเหลือเกิน...

...เสียงของคุณ...

...แต่ขอร้อง...

...กลับไปเสียเถอะครับ...

“ยังไม่ไปอีกเหรอวะ” น้ำเสียงหงุดหงิดดังขึ้นจากด้านในก่อนร่างสูงในชุดเดิมจะเดินออกมา นัยน์ตาคมมองร่างบอบบางที่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินก็พอจะเดาเรื่องได้ ภูริยิ้มกว้างแล้วปราดเข้ามาหาธันย์ชนก

“ธัน... ไอ้หมอนั่นมันกลับมา... เลิกกับมันนะ อย่าไปรักมัน มันรับนายไม่ได้หรอก ถ้ารู้เรื่องของพวกเรา... เชื่อฉันนะ... ไม่มีใครรักนายได้หรอก เพราะนายเป็นของฉันคนเดียว”

ภูริลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู เขาหมุนลูกบิดทำท่าจะปลดล็อก

“ให้มันเห็นนายตอนนี้... คงสนุกดีนะ...”

“ไม่!! อย่านะบอล!!!” น้ำเสียงแหบแห้งตะโกนบอกห้าม มือสองข้างพยายามขยับสู้อีกครั้งเพื่อสลัดให้หลุด

...ขอแค่นั้น...

...อย่าให้คุณเห็นผม...

ภูริหันไปมองอีกครั้งก่อนจะปลดล็อก... แล้วเปิดประตูออกกว้าง

ราเมนทร์ที่ยิ้มกว้างพร้อมช่อดอกไม้นิ่งอึ้งไปทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนเปิด ร่างสูงไล่สายตาสำรวจสภาพห้องแต่ไม่ทันได้ทำอะไร ดอกไม้ในมือที่ถืออยู่กลับถูกกระชากลงไปกับพื้นแล้วเหยียบซ้ำจนช้ำหัก นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน ราเมนทร์ผลักไหล่ผู้ชายที่รู้ว่าเป็นแฟนเก่าของธันย์ชนกแล้วเดินกระแทกไหล่เข้าไปโดยไม่รู้ว่าคนที่ถูกผลักนั้นยิ้มกำลังยิ้มร้ายกาจรอเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น

“ธัน...คุณอยู่ไหน..”

...ทำไม...

...ผมมาช้าไปใช่ไหม...

“ไม่!! คุณราม-- ออกไป!!! อย่าเข้ามา ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ!!!” ธันย์ชนกร้องตะโกนลั่นพลางพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ

ราเมนทร์ชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตะโกนที่เกือบจะเป็นตวาด... แต่เพราะปลายเสียงที่อ่อนแรงทำให้อดที่จะเดินเข้าไปต่อไม่ได้

เขาเคยเห็นภาพที่ไม่น่าดูมามากมาย... แต่สิ่งที่กำลังปรากฏต่อสายตาเขาตอนนี้คือภาพที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต

ธันย์ชนก... คนรักของเขา อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและถูกพันธนาการข้อมือยึดไว้กับหัวเตียงจนแดงช้ำ ร่างกายที่เคยเป็นสีนวลมีร่องรอยฟกช้ำและรอยแดงนับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น ท่อนขาเรียวที่ถูกมัดแล้วจับแยกออกกว้างแลเห็นส่วนอ่อนไหวที่อ่อนตัว... และช่องทางด้านหลังที่เปรอะเปื้อนด้วยโลหิตและหยาดขุ่นข้น

ราเมนทร์มองใบหน้าสวยที่บัดนี้เต็มไปด้วยรอยน้ำตา

“ธัน... ธัน...” ราเมนทร์พูดอะไรไม่ออกได้แต่พึมพำเรียกชื่อแล้วเดินเข้าไปหาช้าๆ

ภูริมองภาพของคนที่ถูกทำร้ายทั้งสองคน แล้วยิ้มออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“กลับมาทำไมล่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าอะไรที่เป็นของฉัน ฉันต้องเอาคืน...”

“............. เข้ามา.... ทำไม...... ครับ......” น้ำเสียงที่ไร้กำลังเอ่ยผะแผ่ว ใบหน้าที่มีแต่รอยน้ำตาเบือนหนี รู้สึกคล้ายกับหัวใจถูกขยี้จนไม่เหลือแม้แต่ซาก

แววตาของธันย์ชนกที่ราวกับคนสูญเสียทุกสิ่งบ่งบอกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากความปรารถนาของเจ้าตัว ราเมนทร์เดินเข้าไปหาแล้วแกะเชือกที่มัดข้อมือทั้งสองก่อนจะเลื่อนลงไปแกะที่ปลายเท้าและรวบร่างอ่อนเพลียเข้าสู่อ้อมแขน

“ธัน... ขอโทษ... ผมขอโทษ...”

ร่างกายบอบบางสั่นระริกซ้ำยังเกร็งขืนสัมผัสอบอุ่นที่อีกฝ่ายมอบให้ ใบหน้าของธันย์ชนกยังคงเบือนหนี

“ออกไป.... ครับ... อย่า...”

“ไม่... ธัน... อย่าร้องไห้” ชายหนุ่มรู้ซึ้งถึงคำว่าหัวใจสลาย เขาได้แต่กอดร่างคนรักที่เปรอะเปื้อนไว้ด้วยกำลังแขนที่มี

“หึ... ทำตัวเป็นพระเอก จะบอกให้นะธัน ไม่มีใครมันรับได้หรอกเรื่องที่นายถูกคนอื่นกอด... ยกเว้นฉัน... อย่าไปเชื่อมัน” ภูริพูดขึ้นอย่างร้อนรนด้วยเห็นท่าทีของราเมนทร์ที่กอดธันย์ชนกอย่างทะถุถนอม

“ไม่มีใครรักนายจริงหรอก!”

“หุบปาก!” ราเมนทร์หันหน้าไปตวาดแล้วหันกลับมาลูบศีรษะธันย์ชนกอย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรนะธัน ผมอยู่ตรงนี้... จะอยู่กับคุณ... เชื่อผมนะ...”

“ผม......” นัยน์ตาแดงช้ำจ้องมองคนที่เอ่ยคำสัญญา ไม่อยากจะเชื่อว่าราเมนทร์จะพูดอย่างนั้นออกมาได้ ในอกรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมา

...จนลืมบางสิ่งบางอย่างไป

ภูริมองภาพธันย์ชนกแล้ว ความโกรธยิ่งเพิ่มขึ้น ร่างสูปราดเข้ามากระชากไหล่บอบบางในอ้อมกอดราเมนทร์แล้วดึงเส้นผมสีดำจนใบหน้าสวยแหงนขึ้น

“อยากโง่เหมือนตอนนั้นใช่ไหม โดนรุมซะขนาดนั้นไม่เข็ดหรือไง” ภูริตอกย้ำด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“ไม่มีใครรักนายหรอก ไม่มีสักคน นอกจากฉัน”

“โอ๊ย--! ไม่-- บอล! อย่า-- ฮึก.... อย่า อย่านะ--!” ธันย์ชนกรู้ดีแล้วว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร มือที่เป็นอิสระแล้วพยายามเอื้อมคว้าท่อนแขนแข็งแรงของภูริเอาไว้ หมายจะยื้อยุดเพื่ออ้อนวอนไม่ให้พูดต่อ

“แฟนแกน่ะถูก--” ไม่ทันได้พูดจบ กำปั้นก็พุ่งเข้าใสหน้าจนภูริล้มลงไปกับพื้น

ราเมนทร์ลุกขึ้นยืน นัยน์ตาสีสวยเต็มไปด้วยความคั่งแค้น เขาลุกเข้าไปหาแล้วเตะคนที่นอนอยู่เต็มแรง ราเมนทร์กระชากคอเสื้อคนที่นอนอยู่ขึ้นมาแล้วต่อยใบหน้าจนแตกเลือดไหลอาบ

“อย่ามาแตะต้องธันอีก” น้ำเสียงราบเรียมแต่เฉียบขาดพูดขึ้น

“ธันเป็นคนของฉัน แกไม่มีสิทธิ์มาแตะต้อง”

“ถามธันดูสิว่าใครได้แตะต้องก่อน! ฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเขา ไม่สิ... ต้องบอกว่าพวกฉันถึงจะถูก...” ภูริค่อยๆยันกายขึ้นแล้วปาดเลือดที่มุมปาก ก่อนจะถ่มน้ำลายลงพื้นแล้วเหยียดยิ้มสะใจ

“บอกเขาไปสิว่าครั้งแรกของนายเป็นยังไง!”

“บอล!!!” ชายหนุ่มได้แต่สะอื้นออกมาพลางก้มหน้าลง

“ไม่... ไม่.....”

“หยุดพูดเรื่องพวกนี้แล้วออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก!” ราเมนทร์พูดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“เอาสิ จะได้รู้กันไปเลยว่านักเขียนชื่อดังเป็นเกย์ โดนข่มขืนยับ ทีนี่ต่อให้ปิดใครก็ไม่มิดแล้วเรื่องอดีตของนาย”

ธันย์ชนกได้แต่ร้องไห้ สิ่งที่หลุดออกมาปะปนกับเสียงสะอื้นมีเพียงคำว่า พอแล้ว กับ หยุดเสียที เพราะไม่อยากให้ราเมนทร์ต้องรับรู้เรื่องราวในอดีตเลยแม้แต่สักนิดเดียว

ราเมนทร์มองคนรักแล้วได้แน่นึกสงสาร แต่ตอนนี้... หากเขาแสดงความหวั่นไหวเพียงชั่วครู่ก็คงจะเปิดโอกาสให้คนตรงหน้ารังควานไม่รู้จบ

“ถ้าแกกล้าทำ... ฉันจะฆ่าแก” สันกรามถูกขบแน่นด้วยความโกรธ ร่างสูงใหญ่ประเคนหมัดซ้ำเพื่อยืนยันว่าเขาเอาจริง

ภูริได้แต่ปัดป้อง นักธุรกิจกับช่างภาพที่ต้องแบกกล้องร่วมสิบกิโล... ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ

ราเมนทร์เตะเข้าที่ท้องก่อนจะตวัดขาเตะที่ปลายคางจนภูริล้มทั้งยืน... และนอนหมอบอยู่แทบเท้า

ใบหน้าที่เคยดูดีบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดและคั่งแค้น อดีตคนรักของธันย์ชนกผงกหัวขึ้นมองแล้วกระอักเลือดออกมา แต่ไร้เรี่ยวแรงจะทำอะไร

“ไปซะ แล้วอย่ามายุ่งกับเราอีก แกมันไม่คู่ควรกับคนดีๆอย่างธัน”

“เฮอะ... คนดีๆ” ภูริค่อยๆลากตัวเองลุกขึ้น แล้วเดินโซเซไปที่ประตู

“งั้นเชิญดูคนดีของแก... ที่ในรูปพวกนี้แล้วกัน” พูดจบ มือเขียวช้ำก็ควักรูปถ่ายหลายสิบใบออกมาโปรยทั่วห้อง

“ขอให้แกมีความสุขกับอดีตของแฟนแก... ที่เป็นเมียของอีกหลายๆคน....”

ภูริหัวเราะกึกก้องก่อนจะเดินโผเผออกนอกประตูไป ทิ้งให้ทั้งห้องจมอยู่กับความเงียบงัน...

มือที่ไร้แรงเอื้อมคว้าร่างสูงที่ยืนนิ่ง

“อย่าดูนะครับ.... คุณราม.... อย่าดู--!” ร่างบางขยับลุกหมายจะไปเก็บรูปถ่ายของตัวเองที่ไม่เคยได้ดูให้พ้นจากสายตาของราเมนทร์

...แต่ทุกอย่างมันสายเกินไป

รูปหลายสิบใบ...เป็นภาพที่แค่ดูแวบแรกก็รู้ว่าเป็นการข่มขืน..

เขาเหลือบเห็นรูปหนึ่งที่ตกอยู่ปลายเท้า ราเมนทร์เอื้อมหยิบขึ้นมาดูก่อนจะขยำทิ้งช้าๆ

...ไอ้เลว...

ในภาพนั้น ธันย์ชนกที่เนื้อตัวเปล่าเปลือยถูกจับให้นอนหงาย ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนหยาดน้ำตาและของเหลวที่แค่มองก็รู้ว่าเป็นอะไร ริมฝีปากเล็กๆถูกบีบจนอ้าออกเพื่อรองรับส่วนแข็งขึงของใครคนหนึ่ง อดีตแฟนเก่าที่อยู่ในรูปถ่ายกำลังสอดใส่อยู่ในช่องทางด้านหลังที่เลือดสีแดงไหลหยดลงบนเตียงสีขาวยับย่น ด้านข้างมีผู้ชายอีกคนกำลังใช้มือปลดปล่อยหยาดอารมณ์ใส่ใบหน้าสวย และอีกน่าจะมีอีกหนึ่งคน... ที่เป็นคนถ่ายรูปใบนี้

ความรู้สึกขมๆพุ่งมาจากช่องท้อง พอมองรูปอื่นที่ตกอยู่บนพื้นแล้วมีร่างเล็กๆของธันย์ชนกกำลังใช้มือที่สั่นเทาเก็บก็เห็นไม่แตกต่างกัน คนในรูปมีเพิ่มลดจำนวนไปบ้าง แต่ทุกรูป... ผู้ถูกกระทำเป็นธันย์ชนก

...และกลุ่มคนที่รุมข่มขืนก็เป็นเพื่อนทั้งสามคนและอดีตคนรักที่เขาเก็บรูปถ่ายที่ธันย์ชนกมีแต่รอยยิ้มนั้นไว้...

“เลว... ไอ้สัตว์นรก...” ราเมนทร์พึมพำเบาๆ แล้วค่อยๆย่อตัวลงนั่งกับพื้น เก็บรูปมาพลิกกลับด้านลงปิดบังภาพถ่ายเหล่านั้นจากสายตา

...คนรักของเขา...

...และอดีตที่โหดร้าย...

ชายหนุ่มนั่งหลับตานิ่ง...โดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย

“อ... ออกไปครับ.... ออกไป!” ธันย์ชนกเอ่ยไล่ทั้งน้ำตา ในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าไม่เหลืออะไรในชีวิตอีกแล้ว เขาไม่อยากมองสายตาของราเมนทร์ที่คงมองตัวเองด้วยความสมเพช

...หรือรังเกียจ

“ธัน...ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร...” ราเมนทร์คลานไปหาธันย์ชนกที่นั่งร้องไห้ราวกับจะขาดใจบนพื้น ชายหนุ่มโอบร่างบอบบางที่ถูกทำร้ายไว้ในอ้อมกอดที่รัดจนแน่นเพราะกลัวจะแตกสลายลงไป

“คนผิดคือพวกมัน... ไม่ใช่ธัน...” น้ำตาไหลจากดวงตาที่เศร้าโศกที่มองเห็นพื้นพร่าเลือน

“ให้ผมอยู่นะธัน... ให้ผมอยู่กับคุณ... อย่าไล่ผม... อย่าร้องไห้คนเดียว”

“ไม่... รังเกียจผม... เหรอครับ...” ใบหน้านองน้ำตาเงยขึ้นสบมองพลางเอ่ยถามเสียงเบา

ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ... เขาไม่ได้รังเกียจธันย์ชนกเลยสักนิด หากจะมี... ก็เป็นเพียงความสงสารและเสียใจที่ตัวเองปล่อยให้เหตุการณ์ร้ายๆนี้ย้อนมาในความทรงจำของคนรักอีกครั้ง

“............”

...แล้วตัวเขาเองล่ะ...

ราเมนทร์ที่กอดคนรักอยู่รู้สึกผิดอย่างรุนแรงเมื่อนึกถึงตนเอง เพราะครั้งหนึ่ง เขาเองก็เคยบังคับฝืนใจธันย์ชนกเหมือนกัน

“ธัน... ผมขอโทษ... เรื่องวันนั้น ขอโทษที่ทำร้ายคุณซ้ำ... ขอโทษที่ฝืนใจคุณ...” ขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ชายหนุ่มก็ลูบแผ่นหลังบอบบางไปด้วย เรื่องกล้องถ่ายรูป กับอาการสั่นยามถูกกอด ก็คงเป็นเพราะเรื่องราวเลวร้ายนี้เหมือนกัน

“ผมมันเลว... ไม่ต่างกับพวกมันเลย...” น้ำตาอุ่นร้อนหยดลงผ่านปลายจมูก... สู่หัวไหล่บอบบางที่มีรอยช้ำ

...ขอโทษ... ที่ตอกย้ำแผลของคุณ...

“อย่า... พูดแบบนั้นครับ...” ธันย์ชนกไม่เคยเอาอีกฝ่ายไปเปรียบเทียบแบบนั้นด้วยซ้ำ คนพวกนั้นทำไปด้วยความสะใจ ระบายอารมณ์ใคร่ของตัวเองใส่เขาที่ไร้ทางสู้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่ราเมนทร์ทำไปด้วยความเมา

คำพูดธันย์ชนกที่ช่วยปลอบทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ความรู้สึกผิดก็ยังคงอยู่...

“ผมจะไม่ปล่อย... ให้เกิดเรื่องแบบนี้... ขึ้นอีกแล้ว”

ธันย์ชนกได้แต่ร้องไห้ มือไม้ที่อ่อนแรงยกขึ้นโอบกอดแผ่นหลังกว้างเอาไว้ด้วยเรี่ยวแรงที่มี

...คุณจะอยู่กับผมจริงเหรอครับ...

“...... กลับมา... ทำไมครับ....”

“...กลับมาอยู่กับคุณไง...” ราเมนทร์ยิ้มออกมาได้เมื่อธันย์ชนกเป็นฝ่ายกอดบ้าง เขาจูบเบาๆที่ข้างแก้มแล้วซุกใบหน้าบนลาดไหล่บาง

“..ผมน่าจะกลับมาเร็วกว่านี้... คุณจะได้ไม่ต้องเจอเรื่อง... แบบนี้”

หากจะบอกรักตอนนี้...อีกฝ่ายคงไม่มีเรี่ยวแรงจะฟังแล้ว

...รอให้จัดการอะไรบางอย่างเสร็จก่อน...

...ผมจะบอกว่ารักคุณ...

“............... อืม” เขาตอบรับให้กับอะไรนั้น ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ เพียงแค่น้ำเสียงอ่อนโยนกับอ้อมกอดนี้ ก็ทำให้รู้สึกคล้ายกับจะทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังได้

“ไปอาบน้ำกันนะ” พูดจบร่างสูงก็อุ้มร่างบอบบางที่เหมือนจะหักพับไว้แนบอกแล้วก้าวเดินไป

นัยน์ตาอ่อนแรงที่สบมองมีเพียงความรักส่งไปให้

“ทั้งๆที่ผม... บอกว่าไม่รัก... คุณรามแล้ว”

แต่ผมรักคุณ...ราเมนทร์ต่อในใจ

“ไม่เป็นไรหรอกธัน...เพราะคุณโกหก... ผมรู้”

“!? ................ ขอบคุณ......” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า แบบที่ว่าหากไม่สังเกตดีๆก็คงไม่เห็น

...ขอบคุณที่กลับมาหาผม...

...ขอบคุณที่รับรู้ถึงความรักของผม...

 

 

 

 

 

 

 

 

To be continued...

ออฟไลน์ iamtoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พี่รามอย่าไปยอมมมมมม มันทำร้ายคนที่พี่รามรักเลยนะะะะะะ เอาให้จมดินแบบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาอีกเลยเถอะะ  :angry2: :m31:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-40-









หลังจากพาธันย์ชนกไปชำระล้างร่างกายแล้ว ราเมนทร์ก็โอบอุ้มคนรักของตัวเองที่พันเพียงผ้าขนหนูมาวางบนโซฟาที่เขาชอบนั่งประจำ ชุดนอนถูกเอามาวางไว้ข้างๆก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกขึ้นขยับใส่ให้ช้าๆ

“วันนี้ไปนอนห้องผม...ไม่สิ เราย้ายไปอยู่ห้องผมกัน ของค่อยเอาตามไปแล้วคืนห้องนี้ซะ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องให้นะธัน...”

...ไม่อยากให้คุณอยู่ในสถานที่ที่มีแต่ความทรงจำเลวร้าย

“.... ถ้าคุณอยู่ด้วย....... ผมไม่เป็นไร... หรอก” เจ้าของห้องตอบเสียงเบา ความรู้สึกในตอนนี้เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน หากแต่ถ้าราเมนทร์อยู่ข้างๆแบบนี้ไปตลอด ก็ไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติมมากมาย

“ผมกลัวว่ามัน... เอ่อ... มันชื่ออะไรนะ” ราเมนทร์แสร้งถาม... เขาต้องการข้อมูลของคนที่ทำร้ายธันย์ชนก เพื่ออะไรบางอย่าง... ที่บอกคนตรงหน้าไม่ได้

“ยังไงผมขอชื่อมันไว้ เผื่อมันมาอีกจะได้แจ้งให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันว่ามันบุกรุก... ผมกลัว... ว่ามันอาจจะแอบกลับมาอีก” ชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าให้จนเสร็จแล้วหยิบยาและผ้าพันแผลมาทำแผลตรงข้อมือให้เบาๆ

“... ภูริ..... ปัญจวิเชียร....” ชายหนุ่มมองคนที่กำลังทำแผลให้ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก

...ผมรักคุณ...

...รักเหลือเกิน...

“เสร็จแล้ว...ไปนอนไหมธัน” ราเมนทร์พันผ้าก็อซให้แล้วลูบเบาๆ เขายกข้อมือเรียวขึ้นมาแนบริมฝีปาก

“......... เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ ธันไม่ต้องกังวลอะไร... ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องคิดว่าตัวเองไม่มีค่า...” ชายหนุ่มเลื่อนสายตาขึ้นไปสบด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม

“... เพราะคุณเป็นคนที่มีค่าที่สุด... ในชีวิตผม...”

“.................” น้ำตาไหลออกมาด้วยคำพูดที่บอกว่าตัวเองนั้นมีค่า ธันย์ชนกพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ขณะที่บีบมือของราเมนทร์แน่นขึ้น

“.... อือ........ อือ......”

ปลายนิ้วสากแตะที่ผิวแก้มแล้วเช็ดน้ำตาออกให้อย่างทะนุถนอม

“ไปนอนนะธัน....”

...ขอให้คุณนอนหลับฝันดี...

...ส่วนผม...จะทำให้คนที่ทำร้ายคุณไม่กล้ากลับมาอีก...ตลอดไป...

 

 






ท่ามกลางความมืดมิดในห้องกว้าง มีร่างที่เคยยืดอกสูงใหญ่นั่งขดตัวซุกอยู่ที่มุมห้อง แสงพระจันทร์ที่ฉายลงบนพื้นเป็นสิ่งเดียวที่บอกว่าตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาใด

คนที่นั่งอยู่ขยับตัวนิดหนึ่งแต่ก็สูดปากเพราะความเจ็บ เขาเอามือกุมซี่โครงที่คาดว่าน่าจะหักเอาไว้ นัยน์ตาสีดำหรี่ลงอย่างคั่งแค้นเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ตัวเองต้องบาดเจ็บและกลับมาในสภาพแตกยับโดยที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย

เสียงกริ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากเจ้าของห้อง ร่างอ่อนเพลียที่บาดเจ็บค่อยๆลุกขึ้นเดินไปตามเสียงนั้น เขาลากขาช้าๆด้วยความเจ็บปวด... ที่แม้จะผ่านไปสามวันแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นเลย

“ใครครับ” เสียงแหบถามไปเบาๆ เพราะด้วยหน้าตาที่ต้องรักษา... ทั้งของตนเองและภรรยา เขาจึงจำใจใช้แต่ภาษาสุภาพ

“คุณภูริ... ปัญจวิเชียร นะครับ”

“ครับ... ไม่ทราบว่าใครครับ” ภูริขมวดคิ้วแน่น แม้ที่นี่จะเป้นห้องพักในอพาตเม้นท์สุดหรู แต่ยามวิกาลเช่นนี้ก็ไม่น่าจะมีใครมาหาได้

“ผมมาจากเคาน์เตอร์ด้านล่าง พอดีมีพัสดุด่วนมาถึงคุณครับ”

ภูริถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูให้ไปรับ

“รีบๆเอามา จะได้เสร็จเรื่องซะที”

“งั้นคงต้องขอเวลาหน่อยแล้วกัน” ปีกหมวกที่หุบลงถูกเปิดขึ้นเผยใบหน้าคุ้นเคยที่ฉายแววตาโหดเหี้ยม

“แก!!”

 






 

นัยน์ตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้ค่อยๆเปิดขึ้น ท่อนแขนเรียวขยับช้าๆก่อนจะรู้สึกได้ว่าคนที่นอนกอดอยู่นั้นได้หายไปแล้ว

“...... คุณราม” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยเรียกแผ่วเบาก่อนจะมองไปรอบๆห้องขณะที่ยันกายขึ้นนั่ง

...แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงา

ธันย์ชนกค่อยๆขยับลุกขึ้นแล้วก้าวลงจากเตียง รู้สึกปวดไปตามร่างกายจนต้องนิ่วหน้า

...อยู่ข้างนอกหรือเปล่านะ

ทว่าพอเดินออกไป กลับไม่เห็นแม้แต่เงา

...คงออกไปซื้อของล่ะมั้ง...

ร่างบางตัดสินใจนั่งลงที่โซฟาแล้วเอนตัวพิง

...เดี๋ยวคงกลับมา...

 






 

-ตุ้บ-

ร่างสะบักสะบอมถูกเหวี่ยงลงไปนอนกองกับพื้น ปลายเท้าของราเมนทร์ถีบหัวไหล่ให้อีกฝ่ายหงายขึ้นแล้วเหยียบบนยอดอกไว้

“แค่นี้มันยังไม่สาสมกับที่แกทำกับธันไว้ แต่ฉันกลัวแกตาย...” ใบหน้าหล่อเหลาชื้นเหงื่อยังคงราบเรียบ มีเพียงดวงตาที่ลุกโชนด้วยความแค้น

“ไม่ใช่ห่วงแกหรอกนะ ฉันห่วงตัวเอง ไม่อยากเข้าคุก” ปลายเท้าหนักๆกระทืบซ้ำ

“ฮะฮะฮะ” คนที่นอนหงายสะบักสะบอมหัวเราะลั่นห้องสลับกับสำลักเลือด

“ถุย พระเอกนะมึง เห็นรูปแล้วสินะ เป็นไง... ธันตอนเรียนมหาลัยของกูสวยไหม มึงรู้เปล่าว่าตอนที่กูใส่เข้าไปน่ะธันมันร้องยังกับผู้หญิงเสียซิงเลยนะเว้ย”

คำพูดหยาบคายที่อีกฝ่ายพ่นออกมาทำให้ร่างสูงฟิวส์ขาด เขาลงนั่งกับพื้นแล้วดึงเส้นผมชุ่มเลือดของภูริขึ้นมา

“หุบปากหมาๆของแกซะ” หมัดหนักๆกระแทกเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกจนเลือดไหลโกรก ภูริเจ็บจนร้องไม่ออก แต่ร่างกายอ่อนแอยังคงถูกรั้งไว้จนใบหน้าบิดเบี้ยว

“แค่ก...แค่ก...”

“ฟิล์มอยู่ไหน... รูปทั้งหมด ทุกอย่างที่แกมีอยู่ไหน!”

“กูไม่ให้ ธันของกู... นั่นมันของกูคนเดียว กูไม่ให้ใครทั้งนั้น!” พูดจบก็รวบรวมแรงทั้งหมดถุยน้ำลายปนเลือดใส่หน้า

“ธันไม่ใช่ของแก ไม่ใช่ตั้งแต่วันที่พวกแกทำร้ายเขา... แกบอกว่าแกรักธัน... อยากให้ธันอยู่กับแก... แล้วแกทำอย่างนั้นได้ยังไง” ราเมนทร์พูดเสียงเบาด้วยความรู้สึกขมขื่น

“คนที่รักจริง... เขาไม่ทำอย่างนี้หรอก” ราเมนทร์ยกแขนปาดสิ่งที่ติดอยู่บนใบหน้าออก แล้วกระชากคอเสื้อให้ภูริลุกขึ้น

“แกมันก็คนมีหน้าตาในสังคม... เมียแกก็ด้วย ฉันสืบประวัติมาหมดแล้ว.... อย่าทำให้ฉันโมโห ไม่งั้น... ฉันจะทำลายครอบครัวแกให้หมด”

“เฮอะ...” ภูริพูดออกมาแค่นั้นแล้วหลับตาลง

...เพราะรัก... มากเกินไป...

...เขาเลยต้องทำลายธันย์ชนก...

“เออ ตอนนั้นกูมันเหี้ย! กูรู้ว่ากูทำร้ายธัน แต่กูรักธัน... มึงออกไปจากชีวิตธันสิ แล้วกูจะยอมให้ฟิล์มให้รูปทั้งหมด มึงยอมแลกไหมล่ะ”

ราเมนทร์มองภูริอย่างสมเพช... หมาจนตรอกที่มีดีแค่ปาก หากไม่กำหราบในวันนี้อาจจะทำอะไรร้ายแรงขึ้นมาอีกได้

“พอเหอะ... ธันไม่ได้รักแกแล้วนะบอล...” ราเมนทร์เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ

“ฉันรักธัน... และไม่มีอะไรมาเปลี่ยนฉันได้ ฉันยอมรับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเขา... แกอย่ามายุ่งอีกเลย ให้ธันเขามีความสุขเสียที แค่นี้เขาก็เจ็บปวดมามากพอแล้ว”

ภูริเงียบลง เขาเบือนหน้าหนีกลั้นความรู้สึกผิดที่หลั่งไหลมาอย่างท่วมท้นจนเกือบจะเป็นน้ำตา

...และเพราะความรักที่เปลี่ยนเป็นการทำลาย...

...เลยต้องสูญเสียไป...

“..........อยู่ในตู้เซฟ รหัส...วันเกิดธัน....” น้ำเสียงอ่อนล้าพูดออกมาแผ่วเบา

...รั้งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว...

ภูริพึมพำเบาๆด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกลั้นสะอื้น

“.......กูรักธัน...กูรักธันจริงๆ...”

หากย้อนเวลาได้...เขาก็อยากให้ความคิดชั่ววูบในวันนั้น เป็นเพียงฝันไป...

 

 

ธันย์ชนกไม่รู้ว่าตัวเองนั่งรอราเมนทร์ให้กลับมานานแค่ไหน ผ่านไปหนึ่งวัน หรือมากกว่านั้น นัยน์ตาสีเข้มที่ไร้ประกายมองเหม่อไปด้านนอก

...หรือจะไม่กลับมาแล้ว...

ร่างบางนั่งกอดเข่าอยู่ที่ริมระเบียง สายตาว่างเปล่ามองไปอย่างไร้จุดหมาย ในตอนที่ตื่นขึ้นมานั้นคิดไว้แล้วว่าราเมนทร์จะกลับมา แต่นี่ผ่านไปจนมืดแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่กลับมา จวบจนรุ่งสางวันใหม่มาเยือน ก็ยังไม่กลับมา พอลองเดินดูรอบๆห้องก็ไม่เห็นรูปที่ภูริเอามาโยนไว้

...หรือจะฝันไป...

ทว่าหลักฐานการทำแผลก็ยังคงอยู่ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาเปลี่ยนใจแล้วหนีไป

น้ำตาไหลลงมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ธันย์ชนกก็ไม่คิดจะปาดมันออก ร่างบางค่อยๆยืนขึ้นแล้วเอนตัวพิงกับราวระเบียงแล้วชะโงกหน้าไปมองด้านล่าง

“.... พีรกานต์... ตอนนั้นก็คงรู้สึกแบบนี้... สินะ...”

 

 

“.... ไม่มีอีกแล้วใช่ไหม” ราเมนทร์ที่เดินถือรูปและฟิล์มออกมาเอ่ยถามคนที่ยังนอนกองกับพื้นแน่นิ่ง

“บอล... ไม่มีอีกแล้วใช่ไหม ทั้งรูปทั้งฟิล์ม”

มือที่เลอะไปด้วยเลือดค่อยๆหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้

“ไม่มีแล้ว... ที่อื่นก็ไม่มี กูมีกล้องอันเดียว... พวกมันไม่มี...” ภูริพูดไปไอไปก่อนที่แขนไร้แรงจะปล่อยให้โทรศัพท์ตกลงพื้น

“ในมือถือ... กูถ่ายจากรูป มึงเอาไปให้หมดเลย...”

ราเมนทร์เอื้อมหยิบมือถือขึ้นมารวมไว้แล้วเก็บทุกอย่างใส่ถุงกระดาษ

“บอล... ไปหาหมอซะ” ร่างสูงพูดเพียงเท่านั้นก่อนทำท่าจะเดินออกไป แต่สุดท้าย... ก็หันกลับมาพูดอีกครั้งกับคนที่นอนอยู่

“ฉันขอร้อง... ออกไปจากชีวิตธันซะ แกช่วยทำดีกับธันเป็นครั้งสุดท้าย... อย่าให้คนที่ฉันรัก..และแกก็รัก ต้องเจ็บอีกเลย อย่ามาให้เห็นหน้า... อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก แกทำเพื่อธันได้ไหม....”

ราเมนทร์เห็นเพียงอาการพยักหน้าตอบรับของคนที่นอนขดร่างกายสั่นเทาบนพื้น ชายหนุ่มพรูลมหายใจช้าๆแล้วเดินไปที่ประตู

“เดี๋ยว...”

ราเมนทร์หันตามเสียงเรียกแล้วสบตากับคนที่พลิกตัวหันมาทางเขา

“....มึงรักธันจริงใช่ไหม...มึงจะไม่ทำร้ายเขา... แบบกูใช่ไหม...” คนพูดหลับตาลงช้าๆก่อนจะลืมตาเผยดวงตาแดงก่ำ ราเมนทร์พยักหน้าให้โดนไม่มีเสียงพูดใดๆ

“....... บอกธันด้วย ว่ากูขอโทษทุกเรื่องที่กูทำกับเขา... และกูจะไม่ไปยุ่งอีก... กูสัญญา”

ถ้าการรักใครสักคน... แต่ความรักนั้นมีแต่ทำร้ายอีกฝ่าย อย่างน้อยก็ควรหยุดตั้งแต่ที่ยังสามารถทำได้

...ทำร้าย...

...เจ็บปวด...

...แต่จะไม่มีอีกแล้ว...

ภูริหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ตัวเองที่เหลือเพียงลำพังนอนฟังเสียงฝีเท้าและประตูที่ปิดลง

...ขอให้นายมีความสุข...กับคนที่นายรักและรักนายจริง...

...ธันย์ชนก...

 

 

“... รัก... อย่างนั้นเหรอ” ธันย์ชนกพึมพำออกมาเบาๆ ขณะที่ยืดตัวผ่านระเบียงไป

...บางทีถ้ากระโดดลงไปเลย...

...อาจจะไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วก็ได้...

ราเมนทร์ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ หลังจากจัดการกับภูริเสร็จก็ล่วงเข้าไปค่อนคืนของวันที่สามที่หลบออกมาแล้ว ในตอนแรกเขาคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการตามหา แต่ยิ่งตามยิ่งสับสน กว่าจะเจอได้ก็ต้องรบรากับการเอารูปและฟิล์มกลับมาอีก

ชายหนุ่มเสียบคีย์การ์ดห้องเข้าไป ภายในห้องดูเงียบสงบ... เงียบจนเหมือนไม่มีคนอยู่ในห้อง

“ธัน... อยู่ไหนน่ะ... ธัน” ราเมนทร์เรียกเบาๆ

ทว่าเจ้าของห้องกลับไม่ได้ยินเสียงเรียกในยามที่ตัวเองกำลังยืนอยู่ริมระเบียง

...คงไม่กลับมาแล้วจริงๆ...

ราเมนทร์เดินหาในห้องจนครบก็ไม่เห็นใคร ในใจนึกร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว เขาสืบเท้าเข้าห้องนู้นออกห้องนี้แล้วพบเพียงความว่างเปล่า ในหัวคิดแต่เรื่องร้ายๆที่อีกฝ่ายจะทำ เขาไม่มีโอกาสอธิบายเรื่องอะไรก่อนจะออกมา... ทั้งที่รู้ว่าตอนนี้ธันย์ชนกอ่อนแอถึงขีดสุดก็ตาม

นัยน์ตากังวลมองออกไปนอกระเบียง และทันทีที่เห็นแผ่นหลังเล็กบางซึ่งนั่งอยู่บนขอบ ของทุกอย่างในมือก็ถูกทิ้งลงพื้นแล้ววิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“ธันจะทำอะไรน่ะ!!” ทันทีที่เขากอดร่างเล็กนั้นไว้ได้ก็ตะโกนออกมา

“ธันจะตายไม่ได้... ห้ามทำอย่างนี้... ไม่นะธัน....” น้ำเสียงสั่นเครือละล่ำละลักพูดต่อ

“...... คุณราม” เขาหันมากระพริบตามองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ

“........... กลับมา... เหรอครับ” น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน

“กลับมาสิ... กลับมา...” ราเมนทร์แทบจะร้องไห้เมื่อเห็นแววตาของธันย์ชนก เขาอุ้มร่างบอบบางกลับเข้ามาในห้องแล้วกอดไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรออกมาเลย

“ผมนึกว่า... คุณจะไม่กลับมา.....” มือเอื้อมมาโอบกอดร่างสูงเอาไว้แน่น

“ผมไปเอาฟิล์มกับรูป.... แล้วก็มือถือของบอลมาให้... ผมไม่หนีธันไปไหน...” ร่างสูงกอดแน่นขึ้นแล้วพาเดินไปหยิบถุงกระดาษให้

“ทั้งหมดอยู่ในนี้ พรุ่งนี้หาที่กว้างๆไปเผาทิ้งกันนะธัน ลบอดีตร้ายๆแล้วอยู่กับผมนะ”

“..... จะอยู่กับผมจริงๆเหรอครับ.....” เขายังคงไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินจากปากของอีกฝ่าย

“อืม... ผมมีบางเรื่องที่ยังไม่ได้บอกคุณ ผมเลยต้องรีบกลับมา” ราเมนทร์ยิ้มจางๆแล้วจับมือเรียวเอาไว้

“ถ้าคุณฟังแล้ว... ค่อยตัดสินใจก็ได้ว่าจะให้ผมอยู่ด้วย... ตลอดไป... หรือเปล่า”

ราเมนทร์บีบเบาๆที่มือเรียง เขาลูบผ้าพันแผลช้าๆแล้วค่อยๆดึงผ้าก็อซออก

“แต่ผมยังไม่บอกตอนนี้หรอก.... มาทำแผลกันก่อนดีกว่า”

“อืม....” เขาตอบรับเสียงเบาพลางปล่อยให้ราเมนทร์ได้ทำตามใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจะบอกนั้นคืออะไรด้วยซ้ำ

ร่างสูงวิ่งไปหยิบยาใส่แผลและแอลกอฮอล์พร้อมสำลีมาวางไว้ข้างกายแล้วเริ่มลงมือล้างแผลใส่ยาจนเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง

“ขอโทษนะที่ผมไปโดยไม่บอกคุณ... แต่หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว ถึงคุณจะเบื่อจะรำคาญ... ผมก็จะอยู่ข้างๆคุณ”

ราเมนทร์ขยับตัวเข้าใกล้แล้วจูบที่ริมฝีปากบางที่แตกซีดเบาๆ... จุมพิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของผู้ชายคนหนึ่ง

...ผมรักคุณ...

“... ทำไม... ถึงกลับมา... คุณ... น่าจะลืมผม... ไปแล้ว... ไม่ใช่เหรอ” เพราะเวลาสองเดือนกว่าที่เขาต้องทรมานอยู่กับอดีตของตัวเอง ก็คิดมาตลอดว่าราเมนทร์คงจะไปมีความสุขใหม่แล้ว

“....... ผม... คิดถึงคุณทุกวัน ไม่ว่าผมจะทำอะไร ภาพความทรงจำที่มีคุณมันคอยจะผุดขึ้นมาในนี้” ราเมนทร์เอื้อมมือจับมือเรียวให้มันมาแตะอยู่บนหน้าอก

“คุณทำให้ผม..... ไม่คุ้นเคยกับการไม่มีคุณนะธัน”

“........ เป็นแค่ความคุ้นเคย.... ใช่ไหมครับ” ธันย์ชนกถามเสียงนิ่ง

“ไม่ใช่นะ!” ราเมนทร์รีบแก้เพราะคราวที่แล้วที่เสียไปก็เพราะเรื่องนี้

“ทั้งที่ผมจะบอกพรุ่งนี้แท้ๆ แต่เอาเหอะ” ชายหนุ่มไปคว้ากระเป๋าของตัวเองมาแล้วหยิบหนังสือข้างในมาเปิดตรงเนื้อเรื่องหน้าสุดท้าย

“ผมจะกลับมาเปลี่ยนตอนจบของหนังสือเล่มนี้........”

“?!” เขาตกใจ เพราะไม่คิดว่าราเมนทร์จะได้อ่านด้วยซ้ำ

“... ทำไมถึงมีหนังสือของผม....”

“ก็ต้องยกความดีให้แฟนรันเขา ไอ้หมอมันอ่านแล้วชอบเลยส่งมาให้ รันใช้ให้ผมอ่านอีกที... ผมจำคาแรคเตอร์ได้เลยรู้ว่าเป็นคุณ... ผมชอบมันนะธันแต่คิดว่าตอนจบเศร้าไป...” ราเมนทร์เปิดหนังสือออกแล้วกางไปหน้าสุดท้าย ปลายนิ้วสากไล่ตามตัวหนังสือที่เขียนอยู่

...แม้กระทั่งตอนนี้...

...ข้าก็ยังรักเจ้า...

...ดีมีเทรียส...

...สักวันนึงเจ้าอาจจะลืมข้า...

...แต่ข้า...

...รักเจ้าจนลมหายใจสุดท้าย...

“บางที... พีร์ราห์เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้นะว่าที่จริงแล้วดีมีเทรียสเป็นคนโง่... ที่เพิ่งรู้ตัวว่าเขารักใคร” นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทามองสบกับดวงตาคู่สวย

“ให้นิยายเรื่องนี้มันจบแบบมีความสุข... เถอะนะธัน...”

“....... คุณ... จะรู้ได้ยังไง... ผมเป็นคนเขียน.... ตอนจบแบบนี้ ก็ถูกแล้ว” ธันย์ชนกเถียงกลับทั้งที่ในอกนั้นหัวใจกำลังเต้นแรง

“ผมรู้สิ เพราะดีมีเทรียสต้องรู้สึกแบบเดียวกับผมแน่ๆ มันโง่ มันงี่เง่า... มันต้องสูญเสียไปก่อนถึงจะรู้...” ราเมนทร์ยิ้มให้คนรักแล้วโน้มตัวป้องปากกระซิบข้างหู

“....ผมรักธัน.....”

“................ จริง.... เหรอ...” เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่อยากคิดว่าได้ความรักของอีกฝ่ายมาแล้ว

“คุณราม... รักผม... จริงๆ... ใช่ไหม....”

“ตอนที่คุณขอเลิกกับผม จนถึงตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ผมรู้สึกกับคุณคือความรัก... แต่ยิ่งนานวันเข้า มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่ต้องการคนอยู่ด้วย...แต่มันเหมือนมีอะไรขาดหายไป”

ราเมนทร์รวบร่างบางเข้ามากอดแน่นอีกครั้ง แล้วหอมที่แก้มขาวเบาๆ

“เพราะผมคิดว่าตัวเองรักรัน มันเหมือนสมองผมสั่งให้บอกตัวเองอย่างนั้น โดยที่ผมไม่ได้ฟังเสียงหัวใจตัวเองเลย”

...ว่าที่จริงแล้วผมรักใคร...

“พอผมได้อยู่กับตัวเอง ได้อยู่ห่างคุณ ได้คิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า... ผมเลยรู้ว่าตัวเองโง่แค่ไหน... ที่ไม่ยอมบอกคุณว่ารัก”

ราเมนทร์เลื่อนใบหน้าธันย์ชนกมาสบตาแล้วกระซิบเสียงแผ่ว

“...ผมรักคุณ...”

“ฉัน.... ขอโทษ.....” เสียงของธันย์ชนกฟังดูสั่นเครือ ปลายนิ้วยกขึ้นสัมผัสใบหน้าของร่างสูงแผ่วเบา กระทั่งสรรพนามที่ใช้ก็เปลี่ยนไป ในยามที่หัวใจไม่ปิดกั้นตัวเอง

“..... ฉันรักราม..... ขอโทษ.... ที่บอกว่าไม่รักแล้ว.......”

...เพราะอดีตที่หลอกหลอน...

“บอลมาหาตอนที่รามไม่อยู่... ฉันเลยคิดว่าถ้ามีรามอยู่ด้วยฉันคงไม่เป็นไร แต่รามก็บอกว่าจะไปกับรัน... ฉันถึงคิดว่า ถ้ารามกลับมาแล้ว ฉันคงไม่เหมือนเดิม.... ฉันถึงได้........ บอกเลิก... เพราะคิดว่า.... ยังไง รามก็ไม่รักฉัน........”

“ผมรู้... ผมรู้ธัน... คุณโกหกไม่เก่ง ตอนคุณบอกไม่รักรู้ไหมว่าดวงตาของคุณเศร้าแค่ไหน” ราเมนทร์แตะที่หางตาเบาๆ

“ถ้าผมไม่ไปกับรันตอนนั้น คุณคงไม่โดนบอลทำร้าย... ผมรู้สึกแย่จัง” ราเมนทร์กอดแล้วซบใบหน้าลงบนไหล่บาง

“ช่าง... เถอะ.... ไม่เป็นไร” เขาหันมาแตะริมฝีปากที่ข้างขมับของราเมนทร์

“ไว้ผมชดเชยให้ ผมจะรักคุณเยอะๆ รักมากๆ... จะทำดีกับคุณ ให้คุณลืมเรื่องร้ายๆนะธัน ผมรักคุณ...” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังใต้เสื้อตัวบางเบาๆ ก่อนจะพรมจูบที่ราวกับปีกฝีเสื้อทั่วใบหน้า

“หอมพีช... หวานๆเศร้าๆ” จมูกโด่งแตะลงข้างลำคอสูดกลิ่นหอมที่แสนคุ้นเคย

“......... อืม” สัมผัสอบอุ่นที่คุ้นเคยทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นราเมนทร์ แต่ดูราวว่าช่วงที่ห่างหายไปกลับถูกฝันร้ายทำให้กลับเป็นดังเดิม

นัยน์ตาสีสวยสลดลง... เขารู้ว่าอาการต่อต้านนี้เกิดมาจากเรื่องใด ทั้งที่ครั้งหนึ่งมันเคยหายไปแล้ว

...เขาไม่อยากจะให้อภัยผู้ชายคนนั้น แต่ถ้าเขาทำร้ายจนอีกฝ่ายตาย... ตัวเขาเองก็อาจจะไม่ได้อยู่เคียงข้างธันย์ชนก

“ขอโทษนะธัน... ไม่เป็นไร... ไม่สั่นนะ... ใจเย็นๆ ผมไม่ทำร้ายคุณ” ราเมนทร์กอดแน่นพลางกระซิบเบาๆที่ข้างหู

“ไม่เป็นไร..... ฉันไม่เป็นไรราม....” ธันย์ชนกเอ่ยตอบเสียงแผ่ว เขายกมือขึ้นดึงฝ่ามือของอีกฝ่ายให้ทาบลงบนผิวกายที่ยังสั่นระริก

“ฉัน... ไม่เป็นไร”

“ไม่ต้องฝืนหรอกธัน เรื่องมันเพิ่งเกิด... ไม่ต้องรีบร้อนนะ ยังไงผมก็รอ” ราเมนทร์พูดจากใจจริง บาดแผลที่เบื้องหลังแม้จะไม่ใหญ่ แต่หากไปสะกิดมันอาจจะทำให้เจ็บอีก

...ไหนจะสภาวะจิตใจที่บอบช้ำ...ที่ควรจะใช้เวลาเยียวยา...

“ผมรักคุณ ไม่ใช่แค่ร่างกาย หัวใจ หรือข้างใน แต่ผมรักทั้งหมด”

“.... กอดฉัน......” คำขอร้องเบาๆที่ไม่เคยเอ่ยหลุดออกมาจากริมฝีปากบาง

คนฟังรู้ดีว่าธันย์ชนกต้องข่มความอายแค่ไหนถึงจะพูดมันออกมาได้ ใบหน้าขาวแดงก่ำไปด้วยเลือดฝาดย้อมผิวระเรื่อชวนให้หลงใหล ชายหนุ่มซุกจมูกข้างลำคอแล้วแตะปลายลิ้นเบาๆตรงร่องไหปลาร้าหยักสวยที่โผล่พ้นเสื้อ มือใหญ่สอดเข้าไปด้านหลังแล้วลูบไล้ผิวเรียบเนียนเบาๆแถวช่วงเอว

“ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่ธันบอกให้กอด... รู้สึกดีใจยังไงไม่รู้...”

“.... จริงเหรอ” แม้น้ำเสียงจะสั่นไหวทว่ารอยยิ้มจางๆบนใบหน้ากลับบอกตรงข้ามกัน

“ดีใจสิ... ก็ผมรักคุณนี่นา” ราเมนทร์จับที่ชายเสื้อของธันย์ชนกแล้วค่อยๆถอดออก..

รอยช้ำบนร่างกายเลือนหายไปบ้าง แต่ก็ยังพอมีให้เห็นเป็นจ้ำ ราเมนทร์มองอยู่ครู่หนึ่งแล้วดึงร่างบอบบางมากอดเบาๆ

“มาสร้างความทรงจำใหม่แทนที่มันนะ... ผมจะทำให้ธันมีความสุข...”

“อืม.....” เขาตอบรับเบาๆพลางจูบอีกฝ่ายผะแผ่วที่ริมฝีปาก

ราเมนทร์รั้งร่างบอบบางเข้ามาแนบชิด ผิวขาวถูกจูบเบาๆไปทั่วทั้งร่าง ราเมนทร์กอดซ้ำเมื่อร่างกายคนรักสั่น และรุกเร่งยามที่อีกฝ่ายโอนอ่อน ให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ

“เข้าไปได้ไหม....” ชายหนุ่มแตะที่ช่องทางเบื้องหลังแผ่วเบาแล้วกดย้ำอีกครั้ง

“...ธัน...ไหวไหม....”

“... อ... อือ...” แม้จะบังคับร่างกายไม่ได้ แต่เขาก็บอกความปราถนาของตัวเองออกมาให้อีกฝ่ายรู้

รอยยิ้มจางๆแตะบนใบหน้าหล่อเหลา ราเมนทร์ค่อยๆเล้าโลมร่างเพรียวให้มีอารมณ์ร่วม เมื่อไหร่ที่ร่างกายสั่นไหว...เขาก็จะหยุดแล้วจูบปลอบโยนให้ เหมือนครั้งก่อนที่รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นาน

...ถึงมันจะกลับมาเริ่มต้นจากจุดเดิมก็ตาม...

“รัก... ธันนะ...” ชายหนุ่มกระซิบเบาๆแล้วงับติ่งหูนิ่ม นัยน์ตาที่เงยสบนั้น... แม้ไม่ต้องพูดออกมาก็รู้ว่าต้องเป็นสิ่งเดียวกัน

“... อืม... ฉันรักราม....” เขาปล่อยร่างกายให้อีกฝ่ายได้สัมผัสตามใจโดยไม่อยากให้สนตัวเองที่กำลังสั่นระริกเพราะร่างกายที่จดจำฝันร้ายเอาไว้

คำตอบรับเสียงสั่นๆเป็นเหมือนแรงกระตุ้นแสนอ่อนโยน ราเมนทร์จูบริมฝีปากสั่นไหวแล้วแทรกตัวคั่นระหว่างขาทั้งสองข้าง ส่วนอ่อนไหวที่แข็งขึงเสียดสีกันเชื่องช้า หยาดน้ำใสๆไหลจากส่วนปลาย... ทุกครั้งที่เสียดสี ร่างของธันย์ชนกก็จะสั่นไหวและผวากอดเรียกชื่อเขา

แม้จะไม่อยากให้ธันย์ชนกฝืนเกินตัว แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ห้าม ชายหนุ่มจึงรักษาระดับของการเคลื่อนไหวไว้

“ธันพร้อมไหม.... ผมนวดเจลให้แล้วนะ.... รู้สึกถึงนิ้วผมนะ” ราเมนทร์พูดพลางขยับปลายนิ้วเข้าออกช้าๆ

“ฮึก.... อือ...” เพราะยังรู้สึกแสบแผลที่เกิดจากการฉีกขาดอยู่บ้างทำให้น้ำตาไหลออกมา กระนั้น เรียวแขนที่อ่อนแรงก็โอบกอดร่างสูงเอาไว้ด้วยความรัก พลางเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำไปมาไม่หยุด

“ไม่เป็นไรนะ... ไม่เป็นไร...” เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามจะก้าวข้ามความทรงจำเลวร้าย ชายหนุ่มจึงไม่ได้หยุดมือแต่เปลี่ยนเป็นกอดแน่นขึ้นแล้วลูบหลังปลอบใจ

จนเมื่อช่องทางด้านหลังเริ่มอ่อนลง... ไม่แข็งเกร็งเหมือนก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มจึงถอนปลอยนิ้วออกแล้วขยับอุ้มให้คนรักนั่งบนตัก

แก่นกายสีสวยที่สั่นไหวของธันย์ชนกแนบชิดหน้าท้องของเขา โดยมีท่อนแขนเรียวโอบรอบลำคอไว้ ธันย์ชนกซบหน้าลงกับบ่าของเขา ใบหน้าหวานแดงซ่านพลางหอบหายใจแผ่วๆ

ส่วนแข็งขึงของราเมนทร์แนบชิดกับเบื้องหลัง... ซึ่งนั่นเป็นยิ่งกว่าแรงกระตุ้นใดๆ

“ธัน... จะนั่ง... หรือนอน...” ราเมนทร์เปิดโอกาสให้ หากจากสภาพนี้... ถ้านั่งแล้วช่วยธันย์ชนกประคองสะโพก อีกฝ่ายจะรับรู้ความรู้สึกได้เร็วและดีกว่า

“... นั่ง.... ก็ได้.....” เขาตอบเสียงพร่าทั้งที่ไม่เคย ในตอนนี้เขาคิดเพียงว่าหากได้เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันก็พอแล้ว

แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะให้ชายหนุ่มทำตามใจตัวเอง... ราเมนทร์ใช้มือหนึ่งประคองสะโพกเพรียวให้ค่อยๆลดตัวลงต่ำ มือหนึ่งจับส่วนรุ่มร้อนของตัวเองกดเบาๆที่รอยจีบที่ยังไม่เปิด ชายหนุ่มลดร่างคนรักลงมาเรื่อยๆ ในตอนแรกที่เข้าไปได้เพียงส่วนบนสุด ร่างในอ้อมกอดก็กลับแข็งเกร็งจิกเล็บลงบนไหล่

“ไม่เป็นไรนะ...ค่อยๆนั่งนะธัน..ผ่านด้านบนสุดไปก็สบายแล้ว” ราเมนทร์จูบที่ลำคอชื้นเหงื่อปลอบโยน

“อ... อือ.... ราม..... ราม....” ที่บังคับได้ในตอนนี้มีเพียงหัวใจที่ต้องการราเมนทร์ ถึงร่างกายจะเกร็งต้าน สั่นระริกเพราะความหวาดกลัวจากส่วนลึก แต่เขาก็รับรู้ถึงความรักครั้งนี้มากพอที่จะต่อต้านความกลัวของตัวเอง

ราเมนทร์ค่อยๆประคองสะโพกเพรียวให้ลดลงเรื่อยๆ ส่วนแข็งเกร็งที่โอบล้อมด้วยช่องทางอ่อนนุ่มดูเหมือนจะยิ่งโตขึ้นภายใน ความเร่าร้อนก่อตัวอย่างรวดเร็วทนแทบทนไม่ไหว แต่ชายหนุ่มทำได้เพียงกดอาการของตัวเองแล้วปล่อยให้ธันย์ชนกค่อยๆนั่งคร่อมลงมาจนแนบชิด

ในช่วงเวลาที่เชื่อมต่อกันสมบูรณ์ ราเมนทร์กอดร่างที่สั่นไหวไว้แนบแน่นพลางจูบปลอบนับครั้งไม่ถ้วน ฝ่ามือหนาลูบบนแผ่นหลังเปล่าเปลือยชื้นเหงื่อเบาๆด้วยความรัก

“ผมอยู่ในตัวธันแล้วนะ รู้สึกไหม...”

“อือ..... รู้สึก....” วงแขนโอบรัดรอบร่างสูงแน่น ริมฝีปากสั่นระริกแนบริมฝีปากที่ข้างขมับของร่างสูง

“ขยับได้ไหม” เสียงทุ้มถามเบาๆ

ริมฝีปากอุ่นร้อนไล่จูบที่ต้นแขน หัวไหล่ จบตรงไหปลาร้าข้างลำคอหอมๆ

“ยกตัวขึ้น... ขยับนะ”

คำพูดของราเมนทร์ทำให้รู้สึกคล้ายกับต้องมนตร์ ร่างกายเริ่มขยับตามที่อีกฝ่ายพูด ทันทีที่รู้สึกถึงการเสียดสี นัยน์ตาคู่สวยก็ปิดแน่น

“อ๊า-- ราม... อือ...”

ร่างกายที่สอดประสานค่อยๆขยับเคลื่อนอย่างเชื่องช้า ไฟอารมณ์อันเร่าร้อนถูกสุมเข้าหากันให้ลุกท่วมร่างที่กอดเกี่ยว เสียงผิวเนื้อเสียดสีสลับกับเสียงครางดังในห้องกว้าง ท่ามกลางสายฝนที่โปรปรายอย่างอ่อนโยนภายนอกหน้าต่างท่ามกลางท้องฟ้าไร้ดาว

...ท้องฟ้า...ที่จะเปลี่ยนให้วันพรุ่งนี้เป็นวันที่สวยงาม...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

To be continued...

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
“

-41-






“หึ...หึหึ....” เสียงหัวเราะไร้เรี่ยวแรงดังขึ้นในความเงียบ

ร่างบอบช้ำของคนที่นอนอยู่บนพื้นคลายจากการงอตัว ภูริพลิกตัวมานอนหงาย หน้าต่างที่เป็นกระจกใสเกือบทั้งบานเผยให้เห็นท้องฟ้ายามกลางคืนอันมืดมิด มีเพียงแสงดาวเล็กๆรำไรอยู่ริมขอบ มือหนาเอื้อมมือไปคว้าอากาศแต่ก็หมดเรี่ยวแรงจนมือข้างนั้นตกลงมาก่อน

นัยน์ตาสีเข้มมองข้างนอกเหม่อลอย ก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะมีหยาดน้ำตาไหลออกมา... พร้อมกับหยาดฝนเม็ดแรกที่พรำลง

...มันเริ่มผิดพลาดตั้งแต่ตอนไหน...

...ทำไมฉันถึงกลายเป็นคนแบบนี้...

ภาพอดีตย้อนเข้ามาในหัวยามที่เปลือกตาปิดลง

...ภาพ..ของวันแรกที่ได้เจอกับธันย์ชนก...



//////////



“... ฉัน... ธัน นายล่ะ” รอยยิ้มกว้างบนใบหน้ามอบให้กับชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆขณะรอรุ่นพี่มาพาไปเข้าหอประชุม

“ชื่อบอล ยินดีที่ได้รู้จักนะ”



...ตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ถูกนัยน์ตาคู่สวยดึงดูดเข้าไปแล้ว...



“ธันชอบเขียนหนังสือเหรอ” ภูริที่เพิ่งเลิกเรียนนั่งลงบนม้านั่งใต้ร่มไม้ข้างๆธันย์ชนก

“เห็นว่างๆก็เอาแต่ก้มหน้าเขียนๆ ไม่ค่อยพูดกับฉันเลย”

“อื้ม น่าเบื่อเนอะ” เขาเงยหน้าขึ้นมามองพลางตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ

“หือ? ไม่นี่ ก็นายชอบของนาย อย่างฉันยังชอบเล่นกีต้าร์เลย สิ่งที่ชอบไม่มีเบื่อหรอกนะ” พูดจบร่างสูงก็นั่งลงข้างๆแล้วชะโงกหน้าดูในหนังสือ

“ว่าแต่เขียนอะไรเนี่ย เอามาดูมั่งได้ปะ” ใบหน้าคมสันฉีกยิ้มหวานแล้วแกล้งดึงออกมา

“เฮ้ยๆๆ ไอ้บอล แม่งนั่งจีบกันอีกแล้ว กูล่ะเซ็ง เพื่อนเป็นตุ๊ด” กลุ่มเพื่อนอีกสามคนที่ตามมาสมทบยืนหัวเราะเบาๆ

“เชี่ย พ่อมึงดิตุ๊ด สัดวี”

คนพูดน้อยหัวเราะตามพลางหันไปตอบภูริ

“อืม แต่เพิ่งวางพลอตเอง ไม่มีอะไรเท่าไหร่หรอก”

“เดี๋ยวไว้ขอดูนะ” ความสนใจถูกหันไปหาเพื่อนที่ยืนมองยิ้มๆ

“ยิ้มไรมึง ไปไกลๆไป”

“หวงเหรอวะ เฮ้ย ธัน.... ไอ้บอลมันหวงแกเหรอ เป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” วิสุทธิ์หยอกแล้วตบที่บ่าเล็กเบาๆ

“เป็นแฟนอะไร พวกเราเปล่า ใช่มั้ยบอล” ธันย์ชนกหันไปยิ้มให้กับอีกคนรอคำตอบ

“ไอ้พวกนี้แม่งปากหมา อย่าไปสนเลย” พูดจบก็คว้ามือไปจับแล้วพาลุกออกไป



...ฉันยังจำได้นะธัน...

...ว่าตอนนั้นมือนายอุ่นแค่ไหน...



“เล่นกีต้าร์ให้ฟังเอาปะ” ภูริขยับเอากีต้าร์ที่วางอยู่บนเตียงมาวางบนตัก ห้องส่วนตัวกว้างขวางได้ต้อนรับเพื่อนสนิทคนนี้เป็นครั้งแรก

“อยากฟังเพลงอะไร... บอกมาได้เลย”

“เอาสิ เพลงอะไรก็ได้ ฉันฟังได้หมดล่ะ” เขาหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ



จะอยู่ไกลห่างสักเท่าไหร่ สิ่งหนึ่งที่ยึดใจเราอยู่ ไว้ไม่ให้เราห่างกัน

คือความห่วงใยที่เธอให้ฉัน คำพูดเหล่านั้น ที่เธอคอยส่งมา

ให้ฉันได้รับรู้ ให้ฉันนั้นได้มั่นใจ ไม่มีสิ่งไหนที่จะลึกซึ้งถึงคุณค่า

ผ่านมาจากถ้อยคำนั้น ผ่านมาจากสายตาฉัน และสิ่งๆนั้นบอกฉันให้รู้ตลอดมา



ชายหนุ่มร้องเพลงเบาๆ กีต้าร์ตัวเก่งถูกดีดเป็นทำนองเพลงดังในขณะนั้น ทำนองเพลงแสนหวานถูกดีดไปเรื่อยๆพร้อมเสียงร้องนุ่มนวล ดวงตาสีเข้มมองเพื่อนตรงหน้า... ด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร



ฉันและเธอจะเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าจะทุกข์หรือว่าจะสุขสันต์ ฉันจะมีเธอข้างกาย

วันเวลาจะนานสักเพียงไหน เพื่อนฉันคนนี้นั้นไม่มีวันห่าง และไม่มีวันจากไปไหน



คอร์ดสุดท้ายจบลงพร้อมกับร่างสูงที่เอียงตัวเข้าหาจนใบหน้าเกือบแนบชิด

“นายชอบป่ะ”

“?! อ-อือ ชอบสิ” คนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับตกใจ พวงแก้มสีขาวซับสีเรื่อขึ้นมาทันที

“บอลเล่นเก่ง... เพราะดี”

“ก็เล่นให้ธัน...นายชอบก็ดีแล้ว”



ในตอนนั้น...ถ้าเพียงความสัมพันธ์ของเราถูกยอมรับจากคนอื่นๆ

...เรื่องมันคงไม่จบเลวร้ายอย่างงี้...



“ธันมีแฟนยัง” คำถามที่ถามขึ้นมาท่ามกลางความมืดในหอพักเงียบๆของธันย์ชนกในค่ำคืนที่นอนไม่หลับ ภูริพลิกตัวนอนคว่ำแล้วจ้องลงไปในดวงตาคู่สวยรอคำตอบ

คนถูกถามหัวเราะเบาๆ

“ไม่มี มีก็เห็นแล้วสิ บอลเถอะ มียัง”

“งั้นมาลองคบกันไหม” ภูริตอบด้วยคำถาม

“หา?? คบ? คบอะไรบอล” ใบหน้าหวานหันมามองด้วยความตกใจ

“ไม่รู้ดิ ก็ฉันชอบอยู่กับนายน่ะ... ก็เลยอยากรู้ว่าถ้าเราคบกันจะเป็นยังไง แต่ถ้านายไม่โอเคก็ไม่เป็นไรนะ”

“ที่บอกให้คบ... บอลรู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมาน่ะ” ธันย์ชนกท้วง เพราะแค่ทุกวันที่อยู่ด้วยกัน ก็ต้องถูกเพื่อนในก๊วนช่วยกันแซววันละไม่ต่ำกว่าสามรอบแล้ว

“ก็ชอบธันไง แล้วฉันก็รู้ว่านายก็ชอบเหมือนกับ... นี่ไง เราคบกันแบบลับๆไม่ต้องบอกใครดีไหม” ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนตัวเด็กหนุ่ม เพื่อนสนิทคนสำคัญที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว

...ไม่ได้ถึงขั้นรัก แค่รู้สึกดีที่อีกฝ่ายแสดงออกว่าชอบเขาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว...

“ก็ไม่เสียหายอะไร ใช่ไหม?”

หัวใจเต้นรัวขึ้นแค่เพียงอีกฝ่ายพาดแขนลงมา

“..... รู้.... ตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาเอ่ยถามเสียงเบา

“รู้..... แล้วก็ยังเป็นเพื่อนกับฉัน.... เหรอ”

“อือ... ถ้าธันชอบฉัน ฉันก็คิดว่าโอเคนะ ธันน่ารักว่าผู้หญิงหลายๆคนอีก” ภูริก้มลงแตะริมฝีปากที่ข้างแก้มซับสีเลือด

“ตกลงปะ..คบกันนะ”

ร่างบางไม่ทันตั้งตัวจึงได้แต่หันใบหน้าหลบด้วยความเขินอาย

“.... อืม.... คบกัน...”



...ทำไมนะ...

...ทำไมฉันต้องเป็นคนอ่อนแออย่างนี้...



“บอล...พรุ่งนี้พ่อจะพาไปหาคู่หมั้นแก หนูแพรลูกสาวคุณหญิงพิไล”

“ป๊า ผมมีแฟนอยู่แล้ว...”

“นั่นเรื่องของแก แต่นี่เป็นเรื่องของครอบครัวเรา แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”



“บอล กูถามจริงเหอะ มึงชอบไอ้ธันเหรอวะ”

“กู... เปล่า...”

“เชี่ยแม่งโกหกว่ะ กูเห็นไอ้ธันมันมานัวเนียกับมึง เดี๋ยวจับแขน เดี๋ยวกอด ห่า มึงก็ยอมให้ทำ กูเห็น...”

“ไรวะ เดี๋ยวนี้มึงชอบไอ้นั่นแทนนมเหรอวะ ฮะฮะฮะ ติดใจล่ะสิมึง”

“เฮ้ยกูบอกว่าเปล่า กูไม่ได้คบ”



ถ้าถามว่ารักไหม... ในตอนนั้นเขายังไม่สามารถพูดได้เต็มปาก ทั้งหน้าตาชื่อเสียง และสังคมที่อยู่

มันไม่ใช่ความรัก... ต้องไม่ใช่

ก็แค่ถูกใจ... จะใครก็ได้ทั้งนั้น

ภูริตอนเรียนมหาวิทยาลัยได้แต่พร่ำบอกตัวเองเท่านั้น



“แต่ธันมันชอบมึงแน่ๆ กูถามจริงเหอะ มึงเสร็จไอ้ธันหรือไอ้ธันเสร็จมึงวะ”

“ปากหรือส้นตีนวะ ไอ้ธันมันมาชอบกูเอง กูรำคาญจะตายห่า ไล่ก็ไม่ไป” เพราะความโง่เง่าอันน่าสมเพช ถึงได้ต้องรีบปฏิเสธอย่างนี้



ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ภูริคนนั้นไม่เคยรักใคร... จะมีก็เพียงธันย์ชนกที่เข้ามามีอิทธิพลจนตัวเองยังรู้สึกกลัว กลัวจะสูญเสียทุกอย่างในมือ กลัวว่าคนอื่นจะรู้ กลัวว่าตัวเอง... จะตกหลุมรักขึ้นมาจริงๆ



“มึงคิดว่ากูเป็นเกย์เหรอ”

“แต่มึงมีไอ้ธันอยู่ อย่างงี้ก็เหมือนคู่เกย์ล่ะวะ”



เพราะมีธันย์ชนกอยู่...เลยอาจจะต้องสูญเสียทุกอย่างไปเหรอ



“ป๊าได้ข่าวมาว่าแกคบกับผู้ชายเหรอบอล ไอ้ทุเรศ ไอ้ลูกอกตัญญู”

“ป๊า-- เดี๋ยว”

“ไม่ต้องมาป๊า ลูกชายฉันต้องเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ตุ๊ด ลูกชายฉันต้องไม่เป็นตุ๊ด”



“ไอ้ธันแม่งมีอะไรดีวะ มึงถึงไม่ยอมไล่มันซะที”

“เออ... กูบอกแล้วว่าตุ๊ดทั้งคู่ มึงปล่อยๆมันไปเหอะ”

“ห่า... กูว่าแล้ว”



ความกดดันในตอนนั้น ภูริที่ไม่เคยต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ถึงกับสติหลุด เขาจินตนาการถึงวันที่ความจริงถูกเปิดเผย คิดถึงความรู้สึกซับซ้อนที่มีต่อธันย์ชนก...

...ไม่...

...ฉันจะไม่เป็นเกย์...

แต่ถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไป... สุดท้ายแล้วคงไม่พ้น ต้องรักธันย์ชนกเข้าสักวัน



“พวกมึงอยากลองมั้ยล่ะว่าอะไรทำให้กูติดใจมัน... กูหาวิธีไล่มันจากชีวิตกูได้แล้ว”



ราวกับปีศาจร้ายเข้าสิง ความคิดในวันนั้นเป็นความคิดเลวร้ายที่สุด... ซึ่งมันยังคงฉุดรั้งเขาให้เจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง

...ทำไมนะ...

...ทำไมฉันถึงไม่เข้มแข็งกว่านี้...



“ธัน วันนี้ไปที่หอฉันนะ” ภูริเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ปิดบังความกังวลไว้

“หืม ได้สิ จะให้ฉันทำอะไรให้กินหรือเปล่า” ธันย์ชนกเอ่ยตอบทันที เขานึกถึงเวลาที่คนรักมาหาที่หอ ชอบให้ตัวเองทำอะไรง่ายๆให้ทาน

“ไม่ต้อง แค่ไปก็พอ...”



และความทรงจำเลวร้ายของธันย์ชนกก็เริ่มขึ้นตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปในห้องนั้น



“พวกมึงจะเล่นกับมันก็ได้ แต่กูขอก่อน” ภูริผลักร่างเพรียวลงไปกลางวงแล้วก้าวขึ้นคร่อมร่างที่สั่นไหว

“บอล??? ทำอะไร????!!!!” ธันย์ชนกที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเบิกตากว้าง

“ไอ้วี มึงล็อคแขนไว้” ภูริไม่ได้ให้คำตอบแต่กลับบอกด้วยการกระทำ

“ไอ้แจ็ค...มึงถ่ายรูปให้กูหน่อย”

นัยน์ตาสีเข้มก้มลงมองธันย์ชนกที่เงยขึ้นมาสบตาด้วยแววตาตระหนก

“ฉันจะทำให้นายออกไปจากชีวิตฉันเสียที... นายมันน่ารำคาญ น่าเบื่อ... ฉันจะทำลายนาย เอาให้ไม่มีหน้าไปสู้ใครได้เลย”



ฉันจะทำลายนาย... และอะไรบางอย่างในความรู้สึกฉันที่มันก่อตัวอย่างชัดเจน



“!!!!!??? ทำไม??? บอล-!!? อย่านะ!!!!” พอจับต้นชนปลายได้ถูก ร่างบางก็รีบปัดป้องดิ้นรน



...ทำไมวันนั้นฉันถึงไม่ยอมฟังคำขอร้องของนาย...

...ทำไมถึง..ไม่ฟังเสียงหัวใจตัวเอง...



“.....ธัน...” พอเรียกชื่อ นัยน์ตาที่บวมปิดของร่างบอบช้ำข้างใต้ก็ตื่นขึ้นมามองด้วยแววตาหวาดผวา ผิวกายเปลือยเปล่าถูกเล่นอย่างรุนแรงจนช้ำไปทั่งร่าง เสียงหวีดร้องที่ดังหลายต่อหลายครั้งมีแต่จะยั่วยุให้คนทั้งสี่กระทำตามใจตนเอง ภูริเป็นคนแรกที่ได้เข้าไปในตัวธันย์ชนกและยังครอบครองมาจนถึงตอนที่ฟื้นจากสลบไสล

“เหนื่อยหรือไง ยังไม่จบหรอกนะ”

“พอแล้ว...... พอแล้วบอล.... ฉันขอโทษ......... ฮึก-- ไม่!! ไม่!!! ปล่อย-!!!” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยอ้อนวอนแต่กลับต้องหวีดร้องอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายกระทำตรงข้าม

ภูริกระแทกร่างเข้าลึกสู่ภายใน ท่ามกลางเสียงเชียร์และยุส่งของเพื่อนๆที่ร่วมกันทำร้าย... เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่หลงรักเขา...

...ยังจำได้ดีถึงกลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาจากร่างที่ถูกทำร้ายจนยับเยิน

...และแววตาคู่สวยที่มองถามว่าตนเองผิดอะไร...



ภูริลืมตาขึ้นมองเพดานห้องอันมืดมิด เขาไอสำลักเลือดออกมากองบนพื้น

จากวันที่สายฝนโปรยปรายอย่างบ้าคลั่ง วันต่อมา... เขาก็ไม่เห็นหน้าธันย์ชนกอีกเลย

ชายหนุ่มได้ยินข่าวมาว่าธันย์ชนกลาออกจากมหาลัยแล้วกลับไปอยู่ต่างจังหวัดกับญาติ

หลายต่อหลายครั้งที่เขานึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่ทำลงไป เขารู้สึกเหมือนคนโง่เง่าที่สุด... ในตอนที่ผ่านไปหลายปี หลังแต่งงานกับคู่หมั้นสาวสวย

...ว่าเขารักธันย์ชนก...

ภูริยกมือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างไม่อายใคร เสียงร้องไห้ดังก้องในห้องว่างเปล่าที่แสนเงียบงัน

...เสียงของคนที่โง่เง่าที่เพิ่งรู้ใจตนเอง...



//////////////////////////



“... ตื่นแล้วเหรอราม” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยถามคนที่ขยับอ้อมกอดช้าๆก่อนที่จะได้สบมองกับนัยน์ตาสีอ่อนที่น่าดึงดูด รอยยิ้มจางๆประดับบนใบหน้าของธันย์ชนกขณะที่ยกมือขึ้นสัมผัสปลายผมของราเมนทร์เบาๆ

“อือ...” น้ำเสียงงัวเงียบอกให้รู้ว่ายังตื่นไม่เต็มที่ มีแต่ร่างกายเปล่าเปลือยที่กอดรัดแน่นขึ้นเท่านั้นที่เป็นการกระทำโดยอัตโนมัติ

“เจ็บ... หรือเปล่า” คำถามที่ตามมาคือความเป็นห่วงที่พอจะแทรกความง่วงเข้ามาได้

“... ไม่เป็นไร... นะ” ฝ่ามือที่ยังเย็นอยู่แตะลงบนผิวแก้มของอีกฝ่าย ซึมซับความอบอุ่นจากผิวกายของราเมนทร์แล้วยิ้มให้อีกครั้ง

“ไม่เรียกผมว่าคุณรามแล้วเหรอ...” ราเมนทร์ดึงมือที่แตะแก้มเขามาจูบเบาๆที่กลางฝ่ามือ

“แต่ผมชอบนะ แทนตัวเองว่าฉันแล้วเรียกผมว่ารามเฉยๆเนี่ย”

“... ก็รามรักฉัน...... ใช่ไหม...” เขาเอนศีรษะเข้าหา คล้ายกับอยากได้อ้อมกอดอบอุ่นอีกครั้ง

“อือ รักสิ” คนที่เป็นหมอนให้โอบไว้เบาๆอย่างทะนุถนอม

“รักมาก... จะมากขึ้นทุกวัน... จะไม่ปล่อยให้รออีกแล้ว”

“อืม... ขอบคุณนะ... ที่รักฉัน... ที่ไม่ทิ้งฉัน...” นัยน์ตาคู่สวยปิดลงช้าๆพลางขยับตัวเข้าใกล้อีกนิด

...ความสุขที่ตามหามาตลอด...

...อยู่ตรงนี้แล้วใช่ไหม...

“ไม่ทิ้งหรอก ไม่มีวันทิ้ง ผมจะอยู่กับธันจนกว่าธันจะไล่ผม... จนกว่าธันจะเกลียดผม... แต่ผมหวังว่าไม่มีวันนั้นนะ” ราเมนทร์ยืดตัวมาหอมข้างแก้มขาวเบาๆแทนคำบอกรักใดๆ

...ให้ผมได้อยู่กับคุณ...

...ตลอดไป...



///////////////////////////



นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองเปลวไฟสีส้มที่ไหววูบไปตามแรงลม ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมา10ปีกำลังถูกเผาทิ้งไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก ภายใต้ท้องฟ้าสีเทานั้น ข้างกายของเขามีคนรักยืนอยู่

...คนที่บอกว่าจะไม่ทิ้งไปไหน...

ราเมนทร์มองเปลวไฟที่ลามเลียถุงกระดาษที่ไหม้จนจวนจะหมด เขากอดธันย์ชนกจากด้านหลังให้ตัวเองเป็นที่พักพิงของคนรัก

“จดจำไว้แต่สิ่งดีๆนะธัน... ให้เรื่องร้ายๆมันมอดไปกับไฟที่เผานะ อย่าไปจำมันอีกเลย จากนี้ไปให้ความทรงจำของเราเข้าไปแทนที่..... จำไว้นะว่าผมอยู่ข้างคุณเสมอ”

“อืม... ฉันจะจำ แต่เรื่องๆดีนะราม...”

เขายกมือขึ้นรับอ้อมกอดที่มีแต่ความรักมอบให้ไว้ก่อนจะหลับตาลง

...ครั้งหนึ่ง...

...ก็เคยมีคนกอดฉันแบบนี้...



///////////////////////////////////





“ธัน... ทำอะไรน่ะ” ร่างสูงที่เพิ่งละความสนใจจากกีต้าร์ตัวโปรดเขยิบตัวเข้ามาหา ท่อนแขนแข็งแรงวาดโอบจากด้านหลังมากอดไว้ก่อนปลายคางสากจะวางบนไหล่

“เขียนนิยายอีกแล้ว...”

เจ้าของชื่อหันไปมองยิ้มๆก่อนจะเอ่ยตอบเช่นเคย

“ก็เวลาคิดออกแล้วถ้าไม่เขียนมันจะลืมน่ะ ขอโทษนะ อุตส่าห์มีเวลากันสองคนแท้ๆ...”

“หืม? ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่หิวหรือยัง เดี๋ยวฉันลงไปซื้อข้าวที่ร้านให้ไหม” ภูริหอมแก้มคนรักแรงๆทีหนึ่งแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอด

“ธันตัวอุ่น หอมด้วย...”

“บอลพูดไปนู่นเลย ยังไม่ได้อาบน้ำ จะหอมอะไร” ธันย์ชนกหัวเราะเบาๆพลางเอียงใบหน้าหลบเล็กน้อย

“ไม่รู้ดิ แต่หอมไง ฮ้อมหอม” คนตัวส งกว้าแกล้งหยอกด้วยการไล่จุ๊บที่หลังคอเน้นเสียงให้คนถูกทำได้แต่ดิ้นด้วยความจักจี้

“คุณยายเป็นไงมั่งอ่ะ สบายดีป่ะ”

“อืม สบายดี ยังขายขนมเทียนอยู่เหมือนเดิม” หลังจากดิ้นหนีริมฝีปากของภูริได้ ร่างบางก็เอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“กลับบ้านคราวหน้าฉันจะเอามาฝากบอลนะ”

“อื้อ ชอบกินฝีมือของยายที่สุดเลย” ภูริลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา

“อยู่กับธันนี่ดีจัง สบายๆดี ไม่ต้องเหนื่อยด้วย”

“ฮะฮะฮะ จริงเหรอ ไม่น่าเบื่อแน่นะ” คำพูดของอีกฝ่ายเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะออกมาจากธันย์ชนก

“ไม่นี่... ไม่เบื่อหรอก ฉันชอบจะอยู่กับธันจะตาย” ร่างสูงโน้มตัวลงจูบหน้าผากมนเบาๆ

ความรู้สึกดีใจถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มหวานก่อนที่จะยืดตัวขึ้นไปกระซิบบอกเบาๆ

“รักบอลจัง...”

“รักธันเหมือนกัน” ภูริตอบกลับด้วยถ้อยคำที่หวานล้ำอย่างเท่าเทียม ก่อนจะตามด้วยจุมพิตหวานบนริมฝีปากบางตรงหน้า

“.... ขอบคุณนะ.....” รอยยิ้มหวานไม่ยอมจางหายไปจากใบหน้า เรียวแขนของธันย์ชนกยกขึ้นโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้

“ขอบคุณอะไร ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้าง

“แค่อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว...”

“..... อืม.... ฉันจะอยู่กับบอลนะ” ริมฝีปากขยับเข้าแตะที่ข้างขมับ

“อยู่ด้วยกัน....”



//////////////////////



...จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่เข้าใจ...

...ว่าฉันทำให้นายเบื่อ...

...หรือรำคาญ...

...ตั้งแต่เมื่อไหร่...

“คิดอะไรอยู่เหรอธัน...” น้ำเสียงทุ้มถามข้างหูก่อนจะขยับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น

“ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า บอกผมมานะ”

“ไม่เป็นไรหรอก... มันเป็นอดีตไปแล้ว... คิดไปก็เปล่าประโยชน์” เขาหันใบหน้ามายิ้มจางๆให้คนที่โอบกอดไว้

“ใช่...ตอนนี้คิดถึงเรื่องเราดีกว่าธัน...” ปลายเสียงเลือนหายไปคล้ายลังเลที่จะพูด

“เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำกัน... ธันรู้ไหม...”

ร่างบางหันมาหาพร้อมกับสีหน้าแปลกใจและรอยยิ้ม

“มีอะไรต้องทำ... อีกเหรอ”

“ฟังดีๆนะธัน... เพราะผมรักคุณ ผมถึงต้องพูดออกมา...” ราเมนทร์พูดด้วยน้ำเสียงเครียด เขาสบตากับนัยน์ตาสีดำที่มองมาตรงเขา

“เราไปตรวจเลือดกันนะธัน ทั้งผมทั้งคุณ” ร่างสูงเห็นแววเจ็บปวดในดวงตาที่ฉายออกมาวูบหนึ่งก็อดจะรวบเข้ามากอดไม่ได้

“ไม่ใช่นะธัน... ผมไม่มีทางรังเกียจ แต่ผมคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเราทั้งคู่รู้ไว้ว่ามันมีหรือไม่มี... เชื่อผมนะธัน ถ้าเกิดโชคร้าย... เราก็จะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันนะ”

“.... เรา.... ใช่ไหม” เขาถามย้ำเสียงอ่อน เขาไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้ คิดเพียงแค่ว่า ตัวเองไม่เคยอยากนึกถึงเลยสักนิด

“เราสิ... ทั้งผมทั้งคุณ ถ้าคุณโชคร้ายผมก็พร้อมโชคร้ายไปกับคุณ” ราเมนทร์ยิ้มจางๆให้

...อยากให้คุณเชื่อผม...

...ว่าผมจะอยู่เคียงข้างคุณ...

“ผมเองก็ใช้ชีวิตโลดโผนมาเยอะ เจอเรื่องราวต่างๆก็มาก...ถ้ามันจะเป็นโชคร้ายจากคนที่ผมรัก ผมก็จะยอมเป็นโดยไม่แคร์อะไรด้วย”

“....... ทำตัวเป็นพระเอก.... จังเลยนะรามน่ะ” คำพูดของอีกฝ่ายเรียกน้ำตาให้รื้นออกมา

“ไปตรวจกัน......”

“เดี๋ยวไปหาไอ้หมอ ไปวันไหนดี” ราเมนทร์ดีใจที่คนรักยอมตกลง

“กลัวหรือเปล่าธัน....”

“ไม่กลัว.... มีรามอยู่ ฉันจะไม่กลัว” เขาตอบอย่างหนักแน่น

...ฉันจะเข้มแข็ง...

ราเมนทร์รับคำด้วยจุมพิตหวาน ย้ำคำสัญญา... ที่ว่าจะอยู่ข้างกันตลอดไป









To Be Continued....

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-42-






“หวัดดีครับคุณธัน คุณพี่ชาย” เจ้าของนัยน์ตาจันทร์เสี้ยวเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่มาขอนัดนอกรอบมาถึงแล้ว

“สวัสดีครับหมอบีม” ธันย์ชนกยิ้มให้ก่อนจะนั่งลง

“วันนี้มีนัดตรวจเลือดวิเคราะห์หาเชื้อHIVและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆนะครับ ผมนัดไว้ให้แล้ว...” ธนกฤตหันไปมองราเมนทร์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“ไม่ต้องกังวลนะ เรื่องผลไม่กี่วันก็ออก เดี๋ยวผมนัดมาฟังผลอีกที”

หมอหนุ่มเซ็นเอกสารแล้วยิ่นให้

“เดี๋ยวไปเจาะเลือดนะครับ แล้วยังไงจะติดต่อกลับไป”

“ผลเลือดส่งที่นี่หรือที่บ้าน” ราเมนทร์ถามเสียงเรียบเพราะไม่คุ้นเคยกับคนรักของน้องชายในบทบาทนายแพทย์

“มีทั้งสองแบบ แต่ผมแนะนำว่าให้มาฟังผลที่นี่เพื่อความชัดเจน”

ธันย์ชนกหันมาหาคนรักแล้วบีบมือข้างที่จับกันไว้เบาๆ

“มาที่นี่แหละ ฉันไม่เป็นไร”

“งั้นมาที่นี่ก็ได้” ราเมนทร์ยอมรับ

“ช่วงนี้คุณธันมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้สลับสูงต่ำ หรือท้องเสียอาเจียนมั่งไหมครับ” ธนกฤตถามขึ้นอีกครั้งแล้วสบตากับดวงตาสีเข้มที่มองมาอย่างอ่อนโยน

“ไม่มี... ครับ” เขาตอบอย่างสงบนิ่ง

...ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าตัวเองจะสงบใจได้ขนาดนี้...

“ผมก็ไม่มี” ราเมนทร์ตอบต่อ มือใหญ่ที่วางอยู่เลื่อนจับมือเรียวมาบีบเบาๆ...แอบให้กำลังใจกันใต้โต๊ะ

“ถ้างั้นก็เป็นสัญญาณที่ดีครับ งั้นเชิญไปเจาะเลือดเก็บตัวอย่างแล้วกลับบ้านได้ ผมจะติดต่ออีกทีครับ”

ธนกฤตพูดทั้งรอยยิ้ม

...อาการเบื้องต้นที่น่าสงสัยยังไม่เกิด..ก็ยังสามารถคิดได้ในทางบวก...

“ขอบคุณนะครับหมอบีม ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมลาก่อนนะครับ” เขาลุกขึ้นพร้อมทั้งยกมือขึ้นไหว้

“ครับ สวัสดีครับ”ธนกฤตไหว้กลับแทบไม่ทัน

“ไปก่อนนะ แล้วตอนนี้ยังติดต่อกับรันอยู่หรือเปล่า หรือเลิกกันแล้ว” มุมปากที่ยกยิ้มขึ้นเผยให้ธนกฤตรู้ว่ากำลังถูกกวน

หมอหนุ่มยิ้มหวานตอบกลับพร้อมเอ่ยประโยคที่ทำให้คนเป็นพี่หุบยิ้มแทบไม่ทัน

“ทุกวันครับ รับรองว่าตุ๊กตายางของคุณพี่ชายยังไม่มีรอยแกะใช้แน่นนอน เดี๋ยวผมส่งคืนไปที่บ้านคุณให้แทนแล้วกัน”



////////////////////////



“รามอยากกินอะไรเย็นนี้” ธันย์ชนกเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาหา

“ฉันจะทำให้”

“ไอ้หมอมันโทรมาบอกเมื่อกี้...ว่าให้ไปฟังผลพรุ่งนี้” ราเมนทร์พูดเบาๆแล้วดึงร่างเล็กมากอดไว้

“พร้อมนะธัน...”

“อื้ม... พร้อมสิ....” เขาซึมซับไออุ่นจากกายของราเมนทร์ไว้

“พร้อม”

“งั้นหลับตาก่อน” ราเมนทร์พูดแล้วจูบเบาๆที่เปลือกตา

“ไม่ว่าพรุ่งนี้ผลจะออกมาเป็นยังไง เราจะอยู่ข้างกันและกัน...จะไม่ทิ้งกันใช่ไหม..คุณธันย์ชนก”

...ในหัวใจเขาไม่เคยหวาดกลัวกับโรคร้ายที่อาจจะต้องเผชิญ...

...เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไร..เขาก็จะมีคนๆนี้อยู่เคียงข้าง...

ชายหนุ่มอายุมากกว่าหลับตาลงตามคำขอ ริมฝีปากมีรอยยิ้มจางๆปรากฏให้เห็น

“ทำไมต้องเรียกเต็มยศขนาดนั้นครับ คุณราเมนทร์” น้ำเสียงติดจะขำน้อยๆด้วยซ้ำ

ราเมนทร์หยิบกล่องที่อยู่ในกระเป่ากางเกงออกมา เขาเปิดดูมันแล้วยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุขให้กับแหวนเรียบๆที่ขาวเงิน..ที่ราคาสูงไม่มากไปกว่าความรักที่เขามีให้คนๆนี้

...แหวน...ที่ตั้งแต่คราวนั้นยังไม่ได้ให้...

“รักธันนะ..อยู่ด้วยกันตลอดไป”

เสียงกระซิบทุ้มแผ่วเบาข้างใบหูนุ่มนิ่มในยามที่แหวนถูกเลื่อนเข้าไปสู่นิ้วนางข้างซ้ายที่จับไว้

“ไปแต่งงานที่ออสเตรเลียกันนะ”

“ราม??!!” ธันย์ชนกมีสีหน้าตกใจ เพราะสิ่งที่มอบให้ไม่ใช่สิ่งที่คิดว่าจะได้รับ

“อะไร... นี่... เดี๋ยว-...”

“ไม่เอาจะโกรธนะ” คนพูดยิ้มหวานแล้วแตะหน้าผากอีกฝ่ายด้วยหน้าผากตัวเอง

“ผมซื้อมัน..ตั้งแต่วันแรกที่ผมกลับมาไทย...แล้วรอโอกาสที่จะให้คุณมาตลอด”

...โอกาส...

...ที่จะขอให้คุณอยู่เคียงข้างกัน...

“รักคุณจัง....”

“ใครบอก... ว่าฉันจะไม่เอา....” เขาเงยขึ้นสบตาคนที่โอบกอดเอาไว้

“ร้องไห้เป็นผู้หญิงบ่อน้ำตาตื้นเลย”

“ไม่เป็นไรหรอก..ถ้าธันร้องเพราะความดีใจผมก็ยินดี” ราเมนทร์แตะริมฝีปากข้างผิวแก้มเนียนเบาๆ ก่อนจะเลื่อนลงสู่ริมฝีปากสีสวยที่สั่นไหวเพราะกลั้นสะอื้น

“พรุ่งนี้ไปฟังผลกัน...แล้วแวะหาอะไรกินข้างนอกนะ ห้ามใส่แว่นด้วย” ชายหนุ่มขู่คนรักเบาๆแล้วงับเข้าที่ปลายจมูกด้วยความหมั่นเขี้ยว

“... อืม.... ไม่ใส่แล้ว... จะไม่ใส่... อีกแล้ว” ธันย์ชนกตอบเสียงสั่นก่อนจะจูบอีกฝ่ายตอบเบาๆ

“ฉันรักราม... รัก... รักมาก...”

“รักเหมือนกัน...รักธันนะ...”

...จะพูดคำว่ารัก...

...แทนช่วงเวลาที่เสียไป...

...ให้มากเท่าที่ก้องกังวานในหัวใจ....



/////////////////////////////



“หวัดดีครับคุณธัน คุณพี่ชาย”

“สวัสดีครับ หมอบีม” เขาเอ่ยทักด้วยใบหน้าที่มีแต่ความสุขฉาบฉายอยู่

“วันนี้มาดูผลตรวจกันนะครับ....พร้อมหรือยังครับ” ธนกฤตมองสบตากับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม

“ก็มาอยู่นี่ไง ถ้าไม่พร้อมก็ไม่เห็นหรอกน่า” รอยยิ้มกวนๆนั่นเหมือนกับดึงอารมณ์บูดของราเมนทร์ออกมา ชายหนุ่มพูดเสียงห้วนกลับไปแทบทันที

“ราม....” ชายหนุ่มร่างบางเอ่ยเสียงเข้มขึ้นเป็นเชิงปราม ไม่ว่าเมื่อไหร่ ราเมนทร์กับธนกฤตก็ดูจะหาเรื่องขัดกันได้เสมอ

“ผลว่าไง” พอถูกปราม ร่างสูงเลยได้แต่นั่งนิ่งๆแต่ไม่วายถามอีกรอบ

ธนกฤตกลั้นขำกับอาการที่เหมือนเสือตัวใหญ่ที่ถูกกระต่ายขี่หลัง นายแพทย์หนุ่มหยิบกระดาษที่บอกผลออกมาวางบนโต๊ะแล้วเลื่อนให้คนทั้งคู่

“ผมขอให้เขาตรวจละเอียดที่สุดแล้วก็เร็วที่สุดด้วย อยากเปิดเองหรือให้ผมอธิบายให้ครับคุณธัน”

“อธิบายให้ผมฟังก็ได้ครับ” เขาตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง

“งั้นของคุณธันก่อนนะครับ”

ธนกฤตหยิบใบตรวจเลือดของธันย์ชนกขึ้นมาเปิด เรื่องผลนั้นเขารู้ดีอยู่แล้ว...จึงไม่รู้สึกเครียดที่ต้องอธิบายอะไรสักนิด

“ของคุณธันมีภาวะเม็ดเลือดแดงต่ำไปนิดหน่อยแต่ไม่มีปัญหาอะไร เดี๋ยวผมสั่งยาบำรุงเลือด ส่วนเรื่องผลตรวจHIV...” ธนกฤตเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วยิ้มให้จนนัยน์ตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว

“ไม่พบเชื้อครับ สบายใจได้”

ได้ยินเพียงเท่านั้น รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธันย์ชนกขณะที่หันมามองหน้าของคนรัก

“.... ขอบคุณนะ... ราม”

ราเมนทร์ดึงคนรักมากอดอย่างไม่อายสายตาคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาพูดไม่ออกเพราะความยืนดีที่ตื้นตันอยู่ในอก ชายหนุ่มทำได้เพียงลูบแผ่นหลังคนรักเบาๆแล้วกอดนิ่งนาน...

“ดีจัง...ดีจังนะธัน....”

“อื้อ... ดี... ดีมากเลย” เขาเอนใบหน้าซบลงกับไหล่กว้าง

ธนกฤตมองภาพความยินดีตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่ติดจะอิจฉานิดๆ ก็ใครใช้ให้คนรักตัวเล็กทำแสบหนีไปเรียนต่างประเทศ..แถมเกือบจะไม่ได้บอกเขารอมร่อด้วยซ้ำ

“อะแฮ่ม..แค่กๆ..” ...อิจฉาโว้ย

“ทีนี้เหลือของคุณพี่รามนะครับ” ธนกฤตพูดแทรกขัดความสุข

“กลัวไหม?”

“อย่ากวน เปิดอ่านแล้วบอกมา” ราเมนทร์หันมามองแล้วดึงใบหน้ายิ้มกว้างอย่างน่ารักของธันย์ชนกมาหันหาเขา

...ก็หวง...

...ไม่อยากให้ใครเห็น...

ธนกฤตเปิดกระดาษออกดู คิ้วเข้มขมวดมุ่น... แล้วคลายออก... ก่อนจะขมวดอีกครั้ง โดยไม่มีคำพูดใดๆออกมา

“ทำไมครับหมอบีม” เป็นธันย์ชนกเองที่กังวลจนต้องละมือที่จับไว้ออก

ธนกฤตไม่ตอบอะไร มือใหญ่เลื่อนส่งให้ราเมนทร์ที่นั่งอึ้ง ราเมนทร์รับมาพลิกดูและในนาทีเดียวกันนั้น นายแพทย์หนุ่มก็ยิ้มออกมา

“แข็งแรงสมบูรณ์มาก ทนถึกใช้งานหนักได้สบายครับ” หมอขี้เล่นยิ้มกว้างแล้วยักคิ้วให้ราเมนทร์

“กวนตีนนะไอ้หมอ” ใจที่หล่นวูบไปครู่หนึ่งฟูขึ้นมาดังเดิม แต่ปากก็อดพูดแขวะคนรักน้องชายไม่ได้

“ทำหน้าเครียดใส่เมื่อกี้เพื่อจะเล่นมุขหรือไง กระจอก”

“ก็ยังดีที่ได้เห็นใครบางคนหน้าซีดล่ะนะครับ คุณพี่ชาย~”

ธนกฤตยิ้มอีกครั้งแล้วก้มลงเขียนตัวยาบำรุงเลือดในชาร์ตของธันย์ชนก

“หมอบีมขี้แกล้งแบบนี้... ระวังน้องรันไม่ยอมกลับมานะครับ” ธันย์ชนกอดไม่ได้ที่จะแหย่คืน ความหนักอึ้งที่แบกไว้ในตอนแรกคล้ายกับถูกยกออกไปหมดจนสบายตัว

“โหคุณธัน อย่าขู่อย่างงี้สิครับ แค่นี้ก็คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว” ชายหนุ่มแกล้งทำหน้าเศร้า

“ใครจะไปโชคดีได้อยู่กับแฟนแบบคุณธันล่ะ อ่อ...แต่ไม่รู้โชคดีหรือไม่ดีที่ได้แฟนกวนๆแบบนี้นะครับ” ธนกฤตกัดโดยที่ยังยิ้มอยู่

“โชคดีสิครับ...” ร่างบางตอบโดยไม่สนใจรอยยิ้มของธนกฤต ตอบตามความรู้สึกของตัวเองล้วนๆ

คนนั่งข้างๆหันไปมองคนรักด้วยรอยยิ้ม...ที่หวานยิ่งกว่าครั้งใด

“ผมก็โชคดี...ที่มีคุณ...”

“งั้น... ถ้าธุระเสร็จแล้ว... ผมขอตัวก่อนเลยนะครับ” ร่างโปร่งลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วจับแขนอีกคนให้ลุกขึ้นมาด้วย

“เดี๋ยวครับ เดี๋ยว” ธนกฤตรีบเรียกคนที่ทำท่าจะเดินออกไปไว้

“รอรับยาคุณธันก่อนนะครับ เดี๋ยวไปรอที่ห้องจ่ายยา เดี๋ยวผมให้คุณกุ้งหน้าห้องจัดการให้”

พูดจบก็เปิดช่องเล็กๆยื่นเอกสารให้พยาบาลคู่ใจ

“เรียบร้อยครับ ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว...แค่กินยาเรื่อยๆแล้วสักสองสามเดือนก็น่าจะโอเค”

“ขอบคุณหมอบีมมากนะครับ เป็นธุระให้เยอะแยะ” คนอายุมากกว่าหันมายกมือไหว้ขอบคุณจากใจ

เป็นอีกครั้งที่ธนกฤตไหว้กลับแทบไม่ทัน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทำตามหน้าที่หมอแล้วก็หน้าที่น้องเขยที่ดี” นัยน์ตายิ้มได้หยักโค้งอย่างสดใส

“ไปเอายากันดีกว่า...”ราเมนทร์โอบคนรักให้หันหลังแล้วพาเดินไปที่ประตู เขาหยุดยืนชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมาหาแล้วพูดด้วยเสียงเบาๆรัวเร็ว

“ขอบใจ........”



///////////////////////



ชายหนุ่มร่างเล็กในชุดครุยเดินออกมาจากผู้คนมากมายที่พากันจับกลุ่มคุยเพื่อแสดงความยินดีให้กันและกัน

เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนรอบๆทำให้เจ้าตัวต้องรีบหลบไป

“ว่าไงพี่ราม... อือ รู้แล้ว ที่โรงแรมนะ... เดี๋ยวขับรถตามไป... อือ เจอกัน”

...วันนี้เป็นวันที่รัญชน์เรียนจบ และพี่ชายของเขาก็จะพาไปเลี้ยงฉลองให้ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง

จากเด็กตัวเล็กเมื่อสี่ปีก่อน กลายเป็นชายหนุ่มร่างบางที่ดูเติบโตขึ้น แม้จะยังไม่สูงขึ้นเท่าไหร่ แต่โครงร่างและรูปหน้าก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ท่ามกลางกลุ่มคนมากมายที่กำลังแสดงความยินดี ธนกฤตรู้สึกขัดเขินในความแปลกที่และแปลกตา เขาปัดชุดสูทสีเทาอ่อนเบาๆ ช่อดอกไม้ในมือถูกโอบกอดอย่างทะนุถนอมในขณะที่เดินไปหาคนรักที่ยืนหันหลังให้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนยิ้มกว้างขึ้น ในอกเหมือนหัวใจที่กำลังเต้นอยู่จะหลุดออกมา ร่างสูงไม่ร้องทัก... เขาเพียงแค่เดินไปหาจากด้านหลังแล้วกอดเอาไว้ด้วยความรู้สึกแสนคิดถึง

“Hey?!” ร่างบางหันมาด้วยความตกใจและตั้งใจจะผลักออก แต่พอเห็นว่าเป็นใครแล้ว รอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“พี่บีม!” เรียวแขนสองข้างเอื้อมไปโอบกอดเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึง

“ยินดีด้วยนะรัน” แม้จะเจอหน้ากันทางสไกป์เกือบทุกคืน แต่ยังไงก็ไม่เหมือนกับความอบอุ่นที่ได้กอดอย่างนี้

“คิดถึงรัน...คิดถึงตัวเล็กที่สุดเลย” พึมพำกับเส้นผมสีอ่อนพลางหอมลงไปเบาๆ ธนกฤตดึงล่างเล็กออกนึดหน่อยแล้วส่งช่อดอกไม้ที่เตรียมมาให้

“ยินดีด้วยที่เรียนจบแล้วนะ”

“เซอร์ไพรส์มากๆเลยนะ อือ...” รัญชน์รับเอาช่อดอกไม้มาถือไว้ด้วยความดีใจ

“มาได้ยังไงนะ....”

“ก็คุณธันบอก...ว่าวันนี้รันจะรับปริญญา”

หลังจากตรวจเลือดเสร็จ ไม่กี่เดือนราเมนทร์กับธันย์ชนกก็ย้ายกลับมาอยู่ที่ออสเตรเลียในบ้านหลังเดิม บางครั้งธันย์ชนกก็อีเมลมาถามไถ่ตามประสาคนรู้จัก จนเมื่อสองอาทิตย์ก่อนชายหนุ่มอีเมลมาบอกว่ารัญชน์กำลังจะรับปริญญาและจะมีงานเลี้ยงกัน ชายหนุ่มเลยตกลงใจจองตั๋วเครื่องบินที่ได้มาแบบฉิวเฉียด

“ก็รันไม่ยอมบอก พี่เลยต้องหาจากแหล่งข้อมูลไง”

“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตั้งใจไว้นะ ว่าจะรีบกลับไปหาคนงานยุ่งด้วยซ้ำ” มือเขาเอื้อมคว้าข้อมือของธนกฤตแล้วดึงให้เดินตามไปที่ลานจอดรถ

“ก็คนงานยุ่งมาหาแล้ว...จะมาเอาแหวนที่เคยให้คืนด้วย” พอหยุดยืนหน้ารถ ชายหนุ่มก็พูดด้วยใบหน้านิ่งๆ

“ป๊าบอกว่า4ปีนานไปแล้ว ไปเอาแหวนคืนมาได้แล้ว”

“ไม่ให้! พี่บีมให้แล้วรันไม่คืนนะ!” เขาโวยกลับไม่ต่างจากเมื่อสี่ปีก่อน ขณะเปิดรถแล้วเอาช่อดอกไม้วางไปที่เบาะหลัง รถเต่าคันเล็กนั้นถือว่าขนาดกำลังเหมาะสำหรับคนขับ

“ก็ตั้ง4ปี...รันจะให้พี่ทำยังไงล่ะ มันนานมากนะ รันก็เรียนจบแล้ว พี่รอไม่ไหว...” ธนกฤตจับมือข้างที่มีแหวนไว้แล้วแตะเบาๆ

“คืนพี่เถอะ..”

“ไม่คืน!!!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ประตูรถถูกปิดเสียงดังพร้อมทั้งเสียงที่ดังขึ้น

“เดี๋ยวเถอะ!จะพังรถหรือไง” ใบหน้าโกรธๆที่งอง้ำน่าจับมาหอมให้เข็ด แต่ชายหนุ่มยังคงเก๊กหน้าขรึมต่อ

“ยังไงพี่ก็จะเอาคืน ของๆพี่นะ...”

“ไม่ให้! ยังไงรันก็ไม่ให้!! อึก...” หยดน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งๆที่คิดว่าได้เจอหน้ากันแล้วก็ดี แต่กลับถูกทวงแหวนคืนแบบนี้ เมื่อกี๊มันน่าเหวี่ยงดอกไม้ทิ้งเสีย

“ไม่ให้แล้วจะเปลี่ยนยังไงล่ะ” มือข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ยื่นไปตรงหน้า เผยให้เห็นแหวนวงเรียบแบบเดียวกันแต่ฝังเพชรไว้สามเม็ดเรียงกัน

“คืนแหวนสัญญามา....แล้วเอาแหวนหมั้นไปแทนนะ” ธนกฤตจับมือเรียวข้างซ้ายขึ้นมาจูบเบาๆ

“ใส่สองข้างแปลกออก เอาแหวนสัญญาไปร้อยสร้อยดีกว่าเนอะ”

“นิสัยไม่ดีที่สุดนะ! นิสัยไม่ดีจริงจัง! ไม่คืน ไม่ให้ จะใส่สองวงข้างเดียวกัน!!” พอรู้ตัวว่าโดนแกล้ง รัญชน์ก็โวยวายเสียงดังขึ้นพลางยื้ดยุดมือไว้ ไม่ยอมคืนแหวนให้ท่าเดียว

ธนกฤตขำกับท่าทางเหมือนเด็กถูกขัดใจของคนรักเลยยิ่งแกล้งดึงมือเล็กเอาไว้

“สองวงข้างเดียวก็ตลก อย่าดื้อน่า”

“ไม่ตลก เป็นแฟชั่นได้ พี่หมอไม่รู้เรื่องแฟชั่นอย่ามาเถียง” ร่างเล็กยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมอ่อนให้ง่ายๆ โชคดีที่วันนี้เป็นวันรับปริญญา ลานจอดรถที่แม้จะเต็มไปด้วยรถมากมายหากแต่ไร้ซึ่งเงาผู้คน

“ข้างๆคูๆ” ร่างสูงพูดยิ้มๆแล้วรวบตัวเข้ามากอดไว้

“ถอดมาเลย เดี๋ยวเอาไปใส่สร้อยให้ แล้ววงนี้ไม่เอาใช่ป่ะ..นี่แหวนหมั้นนะ” มือที่จับแหวนอยู่ส่ายยั่วไปมาใกล้ๆใบหน้าเล็กๆที่ทำปากยื่นอย่างน่ารัก

“ก็รันจะใส่สองวง!!! ไม่เอานะ!!” คนตัวเล็กกว่ายังคงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

“จะใส่สองวงไปทำไม งั้นไม่ถอดวงนั้นคืน วงนี้โยนทิ้งนะ” ชายหนุ่มชูแหวนขึ้นแล้วโยนเล่นในมือ

“ให้รันทั้งสองวง ขอคืนแค่ไม่กี่วัน เดี๋ยวเอามาให้ใหม่นะ”

“................ ขี้โกง!! นิสัยไม่ดี!!” พูดแบบนั้นออกไปแต่ก็ถอดแหวนวงเก่าคืนให้พลางทำหน้ายู่

“ทำหน้าบู้อีกแล้ว” ธนกฤตรับแหวนวงเก่ามาแล้วหอมเบาๆตรงหน้าผากของคนแสนงอน

ชายหนุ่มจับมือนุ่มของคนรักขึ้นมาแล้วสอดวงใหม่ไว้กับนิ้วนางข้างซ้ายพร้อบกับจูบหวานๆฝากไออุ่นไว้กับแหวนบนนิ้ว

“หมั้นไว้ก่อนนะ คนนี้พี่หมอบีมสุดหล่อจองแล้วด้วย” นัยน์ตาสีเข้มหยักยิ้มจนหรี่หยี

“อื้อ จองเลย ให้จอง ห้ามจองนานนะ มาเอาไปเร็วๆด้วยนะ” รอยยิ้มหวานจับที่ริมฝีปากบางขณะเอื้อมแขนขึ้นโอบกอดอีกคนให้ใบหน้าชิดเข้ามา

“จองเลยเอาเลยได้ป่ะ” ธนกฤตถามคล้ายล้อเล่นแต่แววตาแฝงความจริงจัง

“กลับไปอยู่ที่ไทยด้วยกันไหม..พี่เป็นคนขี้เหงา อยู่คนเดียวมาตั้งสี่ปีแล้ว... ถ้าเป็นอย่างนี้อีกหน่อยต้องเหงาตายแน่ แต่ถ้ารันยังไม่อยากทำอะไร ยังไม่มีใครที่อยากอยู่ด้วยมากกว่าพี่... เราย้ายไปอยู่ด้วยกันนะ”

นัยน์ตาสีเข้มมองสบคนรัก

...เอาแต่ใจแบบนี้...

...จะได้ไหม...

“..... พูดเหมือนว่ามาแล้วต้องรีบกลับเลย ยังไม่ตอบได้ไหมนะ” รัญชน์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวาน

“ได้..ให้คิดนานๆ แต่พี่เคลียร์งานมาแค่อาทิตย์เดียวนะ” มือใหญ่ลูบหัวคนรักอย่างเอ็นดู

“ให้พี่ขับให้ไหม รันเหนื่อยแล้วทั้งวัน ไปกินกันที่ไหนนะ”

ชายหนุ่มร่างเล็กเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับออก

“ขึ้นไปเลย รันจะขับให้ ไม่ต้องไปกินแล้ว จะกินพี่หมอแทน”

“เฮ้ย! ได้ไง เดี๋ยวนี้ทะลึ่งใหญ่แล้ว” คนที่เพิ่งมาถึงยอมนั่งแต่โดยดี พอร่างเล็กขึ้นมานั่งบนรถถึงได้พูดต่อ

“เดี๋ยวไอ้ราเมงมันก็กินหัวพี่หรอก นัดคุณธันไว้แล้วด้วย ไป-กิน-ข้าว-เลย” ธนกฤตเน้นเสียงทีละคำแล้วดึงแก้มนิ่มๆไปด้วย

“ช่างสิ ไม่เอา ไม่มีรันพี่รามก็ดินเนอร์กับพี่ธันไปนั่นแหละ” เขายังไม่ยอมงาย มือบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องแล้วค่อยๆถอยรถออกจากที่จอด

“แน่ะ! เอานิสัยดื้อแบบนี้มาจากใครเนี่ย” ธนกฤตยิ้มอ่อนใจ ดูเหอะ... นี่ขนาดมีคนรอจัดงานให้นะเนี่ย

“ไม่เอานะ รันคิดถึงพี่บีม นานสี่ปีเลยนะ ไม่ได้นะ รันจะกินพี่บีม” รถเต่าคันเล็กค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ แล้วมุ่งหน้าไปยังถนนใหญ่

“ฮะฮะฮะ” คนที่จะถูกกินหัวเราะลั่นรถแล้วบีบจมูกโด่งรั้นของคนรักเบาๆ

เอาเหอะ......

...เพราะตัวเขาเองก็อยากจะ‘ถูกกิน’จะแย่อยู่แล้ว...

“แล้วอย่าลุกไม่ขึ้นแล้วกัน!”

“ไม่มีแล้ว ไม่มี!” รัญชน์เหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มส่งเสียงครืนๆ

“โอเค แล้วจะคอยดู”



//////////////////////



ท้องฟ้ามืดครึ้มโชยกลิ่นฝนมาแต่ไกล ร่างสูงมองออกไปข้างนอกครั้งแล้วครั้งเล่า สอดส่ายสายตาหาน้องชายที่ยังมาไม่ถึงซะที

“ธัน...ผมได้บอกรันหรือเปล่าว่าเรานัดกันที่นี่”

“บอกแล้ว....” ธันย์ชนกยิ้มให้อีกฝ่ายที่กระวนกระวายร้อนรน

...บางทีถ้าบอกไปตอนนี้คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง...

“อาจจะไม่มาแล้ว... มั้ง”

“อ่าว ทำไมล่ะ ก็นัดกันที่นี่ รันจะไปไหนได้” ราเมนทร์หรี่ตามองความผิดปกติในดวงตาคนรัก... ซึ่งฉายแววซุกซนขึ้นเรื่อยๆ

“ธันมีอะไรปิดผมแหง..ใช่ไหม”

“จับได้แล้วเหรอ” คนรักแสนดีหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน

“ก็วันนี้หมอบีมเขาโผล่ไปเซอร์ไพรส์”

“ว่าไงนะ!” ราเมนทร์เผลอเสียงดัง ก่อนจะลดเสียงลง

“ไอ้หมอมันมาได้ไง รันไม่ได้บอก ผมก็ปิดมัน.....หรือว่า...”

ไอ้ใบหน้ายิ้มหวานๆหัวเราะคิกคักนี่ขอเหอะ... แค่นี้ก็หวงจะแย่อยู่แล้ว

“ฉันบอกเองแหละ โกรธเหรอ” เขาเอียงคอถามเสียงอ่อน

“...................จะโกรธลงได้ไงล่ะ”

แค่อีกฝ่ายยิ้มให้ เขาก็ยอมทุกอย่างแล้ว กับเรื่องแค่นี้จะโกรธได้ไง

“ร้ายมากนะธัน แอบไปติดต่อไอ้หมอตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย..... ผมหึงนะ”

“ก็คิดว่างานรับปริญญาของรันสำคัญนี่นา ไม่ใช่เหรอ จะหึงอะไรผมครับคุณราเมนทร์” หางเสียงฟังดูลากยาวกว่าปกติพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

“ก็ธันแอบไปติดต่อไอ้หมอ ไม่รู้แหละ.... เอาเป็นว่าผมหึง ถ้าคืนนี้ไม่ให้ทำโทษผมจะงอนนะ” ร่างสู่ขู่หวานๆแล้วชิงลงโทษก่อนด้วยการเอาจมูกกดลงบนแก้มขาวหอมกลิ่นพีช

...ที่ตอนนี้กลายเป็นกลิ่นหอมหวานที่แสนสดใส...

...ช่วงเวลาทุกวินาทีที่อยู่ด้วยกันเป็นสิ่งมีค่าเกินกว่าจะหาคำใดมาบรรยาย...

“รักธันนะ”

...ผมจะพูดมันออกมาทุกครั้งที่อยากพูด...

...ไม่ให้คุณรู้สึกว่ามันขาดหาย...

“ฮะฮะฮะ ทำโทษเหรอ แล้วจะหายงอนฉันแน่นะ” ธันย์ชนกยิ่งหัวเราะร่วนพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่กว้างขึ้น

“คุณก็รู้ว่าผมเคยงอนคุณได้นานที่ไหน...” ราเมนทร์เอ่ยอ้อนเสียงหวาน

บรรยากาศงานฉลองกลายเป็นดินเนอร์แสนหวานด้วยไวน์ชั้นเลิศ ราเมนทร์ชิมรสหวานอมขมของไวน์พร้อมกับแอบฉกริมฝีปากหวานๆเป็นของแกล้มหลายต่อหลายครั้ง ท่านกลางยามค่ำคืนที่ฝนโปรยปราย ความอบอุ่นกลับโอบล้อมทั้งสองคนไว้... จากความหนาวในวันฝนพรำ



/////////////



“พี่บีม...” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยเรียกแผ่วเบายามริมฝีปากแนบสัมผัสกัน

“... ฝนตกแล้ว...” มือเรียวโอบรอบลำคอหนาแล้วดึงลงมาให้แนบชิด

“อืม...เหมือนวันแรกที่เจอตัวเล็กเลย...” ชายหนุ่มขยับตัวรับคนรักเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมจุมพิตแผ่วๆที่สัมผัสกัน

“ดีจังที่เราได้รักกัน”

“อืม... ดี... ไว้จะพาพี่บีม... ไปตากฝนนะ”

“เป็นหวัดนะ..ตากฝนน่ะ” ชายหนุ่มลูบเส้นผมนุ่มๆที่ยาวขึ้นอีกนิดแล้วจับปลายผมข้างหน้ามาแตะริมฝีปากเบาๆ

“แต่ถ้าตากกับรัน..ก็โอเค...”

“รัก... ที่สุดเลย.......” คำบอกรักหวานหูถูกพูดอีกครั้งก่อนที่จุมพิตหวานจะกลืนมันเข้าไป เตียงหลังใหญ่ยวบลงด้วยน้ำหนักของคนทั้งสอง

ร่างกายอบอุ่นกอดเกี่ยวกันด้วยความรัก แม้ข้างนอกจะมีฝนโปรยแต่กลับไม่รู้สึกหนาว

...เพราะมีกันและกัน...

...ความอบอุ่นนั้นจึงซึ่มผ่าน...

...ไปถึงหัวใจ...

วันฝนพรำที่สร้างความทรงจำทั้งดีและร้ายจะถูกจดจำไว้ในหัวใจ... และก้าวผ่านมันไปพร้อมมือที่เกาะกุมกัน

...ขอให้วันฝนพรำของทุกคน...

...เต็มไปด้วยความอบอุ่น






-END-





Talk : จบแล้วววววว ลงจนจบจนได้ค่ะ มุมิ

นิยายธีมฝนพรำที่ลงในหน้าฝนซึ่งไม่มีฝนซักเม็ด 5555

ขอบคุณที่ติดตามกันมายาวนานนะคะ ใครเพิ่งมาอ่านก็ขอให้สนุกกับการอ่านยาวๆไป แอ๊งบ้างกร๊าวบ้างสีสันชีวิตค่ะ

หมีกับดอกไม้ขอขอบคุณคนอ่านทุกคนสำหรับกำลังใจนะคะ เรื่องถัดไปก็ยังวนเวียนอยู่บ้านนี้ อาถรรพ์จริงๆสิให้ตาย 555

รักคนอ่าน

kagehana


ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อยากให้ไอ้เลวภูริได้รับกรรมมากกว่านี้จับค่ะ. ชอบนิยายแนวหน่วงๆจบแฮปปี้แบบนี้มากๆตามอ่านขอบคุณนักเขียนแทบทุกเรื่องเลย
ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ชอบมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ปักหมุดไว้ก่อน ยังไม่ได้อ่าน
ตามอ่านแพร๊บบบบ

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากค่ะ อ่านรวดเดียวจนตาแฉะหมดแล้ว ขอบคุณนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
น่ารักดีจ้าาาา แฮปปี้แอนดิ้ง น่ารักๆๆๆ :mew1:

ออฟไลน์ evil_kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เพิ่งมีโอกาสอ่านเรื่องนี้ รวดเดียวจบเลย
ชอบมากเลยค่ะ ภาษาสวยมาก แทบไม่มีคำผิดเลย

น้องรันน่ารัก  >_<

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด