kagehana : พอมาอ่านแล้วก็พบว่า เรื่องนี้เขียนมานานมาก ตั้งแต่บีบียังฮิตและบาบีคิวพลาซ่ายังไม่มีกะหล่ำฟรี 555
-17-
นัยน์ตากลมโตกระพริบมองคนที่ทำเป็นสนใจเอกสารตรงหน้ามากกว่าเขา มือสองข้างยกขึ้นท้าวคางเอาไว้แล้วค่อยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ผมหายแล้ว... บอกผมมานะ พี่หมอบีม”
“อืม....” หมอหนุ่มแกล้งทำหน้าเคร่งใส่เอกสาร ผลเลือดที่ออกมาแสดงผลว่าคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าหายขาดแล้ว ระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่บังคับกันกินยาอย่างเคร่งครัดส่งผลมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
“ขอดูมือคุณรันหน่อยครับ” ธนกฤตบังคับคิ้วตัวเองให้ขมวด ทั้งที่ในใจยิ้มร่า
“ครับ...” เด็กหนุ่มนึกหวั่นใจพลางค่อยๆยื่นมือไปข้างหน้า
“อาจจะช้าไปหน่อย....” ธนกฤตล้วงมือเข้าไปสัมผัสกับโลหะเย็นๆในเสื้อกาวน์แล้วหยิบมันขึ้นมา
“ยินดีด้วยที่หายแล้ว...แล้วก็ของขวัญคบกันครบเดือนย้อนหลังครับ” เขาวาง 'ของขวัญ'ที่ว่าลงบนฝ่ามือ
กุญแจดอกเล็กพร้อมคีย์การ์ดถูกร้อยไว้กับพวงกุญแจรูปคู่อัดกรอบพลาสติกแข็ง หมอหนุ่มยิ้มหวานแถมท้ายก่อนจะเอ่ยต่อ
“ให้ไว้เผื่อตัวเล็กอยากไปนั่งเล่นนะ”
“ให้ผมเหรอ?? จริงนะ??” รอยยิ้มแผ่กว้างบนใบหน้าหวาน เขาหยิบกุญแจขึ้นดูอีกครั้งก่อนจะเดินอ้อมมา ร่างเล็กยกแขนขึ้นโอบกอดธนกฤตจนแน่น
คนถูกกอดกอดตอบแล้วหัวเราะเบาๆจนดวงตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
“ให้จริงๆน่ะสิ ของขวัญให้คนเก่งไง” หมอหนุ่มดึงร่างเล็กลงมานั่งตักแล้วจูบแตะที่ริมฝีปากเบาๆ
“จะได้ไม่ต้องมารอที่โรงบาล อนุญาตให้เข้าไปเล่นในห้องได้เลย”
“... ดีจังนะ” รัญชน์ยังไม่ยอมลุกออกไปไหน ใบหน้าหวานขยับเข้าหา แล้วแตะริมฝีปากที่ปลายจมูกของร่างสูง
“แต่มาที่นี่สนุกกว่านะ”
“เดี๋ยวเถอะ! ยั่วหมออีกแล้วนะเรา” ปลายจมูกกดลงที่ริมฝีปากสีสวยเบาๆ ธนกฤตรั้งลำคอของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้แล้วประทับรอยจูบเบาๆ
“พี่หมอไม่หื่นในเวลางานหรอก”
“เหรอ” เด็กหนุ่มจงใจลากเสียงยาว มือข้างหนึ่งย้ายมาแตะลงบนแผ่นอกกว้างผ่านเสื้อกาวน์ตัวหนา
“อย่าทำอย่างนี้สิ” มือใหญ่ทาบลงบนหลังมือซุกซน
“เดี๋ยวคุณกุ้งเห็นหมอเสียหายนะ รันจะรับผิดชอบแต่งงานกะพี่ป่ะ” สรรพนามที่ใช้แทนตัวเปลี่ยนไปเรื่อยตามประสาคนสบายๆ บางครั้งก็พี่... บางทีก็หมอ บางครั้งก็มาแบบควบด้วยซ้ำ
“ถ้าขอก็แต่งงานนะ...” ถึงจะโดนยึดมือไว้ แต่รัญชน์ก็ยังไม่สนใจเท่าไหร่ มืออีกข้างถูกยกมาแตะเบาๆที่ข้างแก้ม
“ยังไม่มีนัดอื่นไม่ใช่เหรอครับ” นัยน์ตาสีอ่อนสบมองลึกไปในดวงตาสีเข้มของธนกฤต
“อือ ไม่มีหรอก” ธนกฤตจูบที่ปลายคางมนเบาๆก่อนจะดึงคนตัวเล็กมาล็อกไว้ไม่ให้ขยับแกล้งได้
“นี่มันโรงบาลน่า รันคิดดิ่ว่าถ้าหมอ... เอ่อ... นั่นแหละ กับรันที่นี่ แล้วเวลาหมอทำงานไม่เอาแต่คิดถึงแย่เหรอ”
“..... ไม่เกี่ยวกันนะ” คนถูกขัดใจทำหน้ายู่
“เกี่ยวสิ ก็พี่หมอจะคิดถึงตัวเล็กไม่เป็นอันทำอะไรไง” ธนกฤตหอมหน้าผากเบาๆแล้วดันร่างเล็กในอ้อมกอดออก
“นะครับ ตรวจเสร็จแล้ว เย็นนี้ไปทำอะไรกินบ้านหมอกัน ตัวเล็กคนดีของพี่หมอไปรอที่บ้านก่อนนะ”
“.... ไปรอพี่หมอเฉยๆน่าเบื่อหรือเปล่า... ผมไปหาพี่ก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปหาพี่หมอตอนเย็น” เด็กหนุ่มร่างเล็กลุกออกมายืนก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้
“เอางั้นก็ได้” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ยืดตัวตามแล้วหอมแก้มขาวอีกที
“รางวัลเด็กดี เย็นนี้เจอกันครับ”
little RAN : Where - are - you - ?
ขณะที่เดินออกมาจากโรงพยาบาล รัญชน์ก็กดข้อความหาพี่ชายแทบจะทันที
โทรศัพท์ที่ดังขึ้นในเวลางานเรียกความสนใจของคนที่กำลังปรับรูรับแสงของกล้อง ปกติแล้วราเมนทร์มักจะไม่สนใจเรื่องอื่นในเวลางาน...แต่เพราะเป็นเสียงที่ตั้งไว้เฉพาะ มือใหญ่จึงละออกจากกล้องได้
“เอาเสื้อคลุมให้น้องเอ็มมี่ก่อน ขอตัวแป๊บ” ชายหนุ่มสั่งทีมงานผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆ
งานวันนี้ดำเนินไปได้ช้ากว่าที่คิดไว้ เพียงเพราะนางแบบนู้ดคนสวยที่อยู่ในธีม'รักร้าว' ซึ่งต้องแสดงความเจ็บปวดผ่านสีหน้าเอาแต่ส่งยิ้มหวานยั่วยวนเขา ราเมนทร์หงุดหงิดกับพวกคนที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพจนแทบจะตะโกนให้เลิกทำปากเผยอและกระพริบตาได้แล้ว
ปลายนิ้วสากกดอ่านข้อความก่อนจะโทรกลับเพราะมีเวลาไม่มาก
“ฮัลโหล ว่าไงล่ะเรา อยู่ที่ไหน”
“ตรวจเสร็จแล้ว หายแล้ว! ไปฉลองกันไหม”
ข่าวดีจากน้ำเสียงร่าเริงเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มหน้าบึ้ง
“ยินดีด้วย เราอยากไปกินที่ไหนล่ะ เอาเป็นข้าวเที่ยงหรือเย็นดี... ตอนนี้พี่ยังเหลือถ่ายน้องเอ็มมี่อีกนิดนึง”
“เที่ยงสินะ เย็นไม่ว่างนะ” เขาเอ่ยถามเสียงเริงร่า
“อ้าว เย็นไปไหนเหรอ” หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย
“ไปฉลองกับพี่หมอ แต่อยากฉลองกับพี่ก่อน ไม่ได้เหรอ” ตัวขี้อ้อนเริ่มลากเสียงยาว
“ได้สิ งั้นพี่จะรีบทำงาน รันจะมาหาพี่ที่สตูดิโอไหม” แม้ว่าชื่อของพี่หมอจะทำให้เกิดความขมปร่าซ่านขึ้นมา หากแต่การที่อีกฝ่ายยังคงนึกถึงตัวเองก็พอบรรเทาได้บ้าง
...ขอแค่ให้มีความสุข...
“โอเคนะ เดี๋ยวไปหา” พูดจบรัญชน์ก็วางสาย ก่อนจะตัดสินใจเรียกรถแท็กซี่ไปแทน
“เอาชุดครอบครัวหมูเพิ่มเห็ดออรินจิกับกะหล่ำอย่างละ2ถาดครับ” ราเมนทร์สั่งแบบไม่ต้องดูเมนูเพราะทุกครั้งที่มาก็สั่งอย่างนี้เป็นปกติ
เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดา ร้านอาหารในห้างจึงค่อนข้างบางตา สองพี่น้องจับจองที่นั่งด้านในติดกระจก เบื้องหน้ามีเตาทองเหลืองและเจ้าบาบิกอนวางอยู่
“รันเอาอะไรเพิ่มป่ะ”
“ไม่เอาแล้ว เอาโค้ก!” คนตัวเล็กเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
หลังจากบริกรสาวเดินไป ราเมนทร์ก็พูดขึ้น
“คราวนี้หายได้ก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่ซื้อของขวัญให้ เอาอะไรดี” แม้ใจจะนึกโกรธเรื่องที่แย่งรัญชน์ไป... แต่เพราะไอ้หมอเวรนั่นทำให้น้องชายเขาหายขาดได้จึงรู้สึกขอบคุณไม่น้อย
“ต้องขอบคุณไอ้หมอนั่นด่วยล่ะนะ...”
“ไม่ต้องหรอก พี่ให้รันเยอะแยะแล้วนะ?” รัญชน์โน้มตัวมาด้านหน้าพลางส่งยิ้มให้อีกครั้ง
“แค่นี้จิ๊บจ๊อย พี่เป็นพี่รันนะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาทอดแววอ่อนโยน ต่อให้อีกฝ่ายจะมีใคร... ฐานะพี่ชายสายเลือดเดียวกันคนสุดท้ายในโลกก็ยังไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
...และเป็นความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวด...
“แล้ววันนี้นัดหมอนั่นไว้ที่ไหนล่ะ”
“คอนโดหมออะ” ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนั้น
คำตอบอีกฝ่ายทำเอาถึงกับยิ้มหุบ ราเมนทร์หรี่ตาลงก่อนจะขมวดคิ้ว
...ไอ้บ้านั่น...
“ไปได้ไง ถ้าเกิดไอ้หมอบ้านั่นมันหวังเคลมเราจะทำไง ถึงจะคบกันแล้วก็ไว้ใจไม่ได้หรอก พี่ไม่ยอม จะไปก็ไปกินกันข้างนอก ร้านเพื่อนหมอก็ได้ เดี๋ยวพี่จองให้”
คราวนี้รัญชน์หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“พี่หมอน่ะเหรอ คงทำอะไรได้หรอก” นึกถึงหน้าและท่าทางอีกฝ่ายแล้วก็ขำ
“We're not gonna have sex. Relax”
“ถ้าเราไปนัวเนียมากๆก็ไม่แน่หรอก ไอ้พวกนี่เห็นหงิมๆบทจะหื่นขึ้นมาคงน่ากลัวพิลึก” ราเมนทร์นินทาเต็มปากเต็มคำก่อนจะหยุดลงเมื่ออาหารพร้อมน้ำมาเสิร์ฟ
ชายหนุ่มโรยกะหล่ำปลีซอยใส่น้ำเป็นอันดับแรกแล้วค่อยวางเนื้อหมูชุบน้ำจิ้มลงบนเตา
“เพิ่งคบกันเอง เรื่องมีอะไรกันนี่ไม่ไหวนะ...ยิ่งเร็วยิ่งง่ายก็ยิ่งเลิกกันง่ายรู้ไหม”
“คร้าบ-- เหมือนพี่ใช่มะ” รัญชน์เริ่มเป็นฝ่ายกวนกลับ
“อ้าว พูดเรื่องไอ้หมออยู่มาพาดพิงพี่ทำไมเนี่ยเรา” ราเมนทร์ขยี้หัวน้องชายเบาๆ
เขาเอาเนื้อหมูที่ปิ้งสุกวางบนจานน้องชาย
“กินเยอะๆ โตไวๆ ตัวเล็กเกินไปแล้ว”
“ไม่โตแล้วนะ หยุดโต ใช่ไหม” คนตัวเล็กทิ้งคำถามไว้ก่อนจะคีบชิ้นหมูเข้าปาก
“อือ หยุดโตแล้ว” ราเมนทร์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพันธุกรรมตรงไหนของเจ้าตัวเล็กมันผิดไปหรือเปล่า เพราะทั้งที่เป็นพี่น้องแท้ๆยังต่างกับเขาและพ่อถึงเพียงนี้
“ค่อยๆกิน เดี๋ยวติดคอหรอก”
ราเมนทร์ยิ้มให้คนตัวเล็กที่กินอย่างน่าอร่อย
...ถ้าพื้นที่ของคำว่าพี่ชายยังคงเหลือ...
...เขาก็ขอเป็นแค่เท่านี้ตลอดไป...
รัญชน์เปิดประตูเข้าห้องของคนรักพร้อมกับถุงคุกกี้ในมือ เมื่อหันไปปิดประตูห้องได้แล้ว เขาก็ส่งข้อความหาธนกฤตทันที
little RAN : I'm here already
ธนกฤตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความก่อนจะตอบกลับ
พี่หมอบีม : กำลังซื้อของซุปเปอร์ไปทำกับข้าวกินกันครับ รอแป๊บนึงนะ
พอได้ความอย่างนั้น เด็กหนุ่มร่างเล็กก็เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วมองไปรอบๆ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้มาที่นี่ แต่ด้านความรู้สึกนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
“มาเร็วๆนะ”
“กลับมาแล้วตัวเล็ก” หมอหนุ่มหอบของพะรุงพะรังเอ่ยทักรัญชน์ที่นอนอยู่ตรงโซฟา เขาวางของลงแล้วเข้าไปกอดพลางหอมแก้มเบาๆ
“มาทำกับข้าวกัน”
ทว่าคนตัวเล็กกลับยึดธนกฤตเอาไว้แน่น ไม่ปล่อยให้ได้ลุกขึ้น
“ไม่ช่วย”
“ไม่หิวเหรอ พี่บีมหิ๊วหิวอ่ะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยอมให้ยึดไว้อยู่ดี
“กินตัวเล็กแทนไหม”
“กินจริงอย่าหนีแล้วกัน” ธนกฤตยิ้มท้า
“ใครกันแน่....” ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มร้ายขึ้นก่อนจะดึงอีกฝ่ายลงมาจูบเบาๆ
ธนกฤตตอบสนองจุมพิตหวานด้วยความร้อนแรงไม่แพ้กัน พอละริมฝีปากออกร่างสูงก็ลุกยืนตรงแล้วดึงคนตัวเล็กให้ลุกด้วย
“ไปต่อกันในครัว....”
'ฉ่า---'
ไอร้อนขึ้นควันขโมงเมื่อมือใหญ่ใส่กุ้งลงไปผัดกับกระเทียมและน้ำมัน ธนกฤตมองคนตัวเล็กที่ยืนหน้าตูมอยู่ใกล้ๆด้วยแววตาหยอกล้อ
“ทำหน้าหงิกเชียว”
“.... ไม่อยากพูดด้วยเลย...” เขาทำเสียงขุ่น
“ไม่ต้องพูดก็ได้ มาช่วยพี่หมอบีมทำกับข้าวเร็ว”ธนกฤตยื่นส่งตะหลิวให้
“รันทำกับข้าวให้พี่ทานมั่งป่ะ”
“ทำไม่เป็น... ทำเป็นแต่ขนมนะ...”
“แน่ะ งอนอยู่ล่ะสิ มาเร็ว...ทำตัวเป็นเด็กดีเดี๋ยวให้ของขวัญนะ” ธนกฤตเดินเข้ามาหาแล้วโอบร่างเล็กพาเดินมาหน้าเตา มือใหญ่สอดตะหลิวเข้าให้แล้วกุมจับไว้ด้วยกัน
“กุ้งผัดกระเทียมพริกไทย..ของโปรดพี่”
“.... น้ำมันกระเด็นนะ... เป็นแผลทำไง” ร่างเล็กหันมาหาแต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือที่ถือตะหลิวออก
“ไม่โดนหรอก...ถึงโดนก็ไม่เป็นไรแป๊บเดียวก็หาย” ธนกฤตกดคางลงบนศีรษะกลมมนและเส้นผมอ่อนนุ่มสีสวย
“ตัวเล็กเป็นไข่ในหินเกินไป ถ้าไม่มีพี่ชาย...ไม่มีพี่หมอจะอยู่ยังไง จากนี้ไปพี่จะสอนให้รันทำกับข้าวเล็กๆน้อยๆเป็น...อ่อ หัดขับรถด้วยมะ ขับรถเป็นไหมล่ะตัวเล็ก”
“เป็นสิ เห็นรันเป็นคนแบบไหนนะ” คราวนี้รัญชน์ทำเสียงขุ่นแล้วหันไปทำคิ้วขมวดใส่
“เป็นตัวเล็กคนดีขี้งอนไงครับ”ชายหนุ่มหอมลงไปบนหว่างคิ้วที่ขมวดแน่น
ธนกฤตดึงมือตัวเองแล้วปล่อยร่างรัญชน์ไว้หน้าเตา
“รันนี่ท่าทางจะเหมาะกับผ้ากันเปื้อนเนอะ”
“หือ... ลามกเหรอ?” เด็กหนุ่มหันมายิ้มร้าย
“ลามกสิ พี่น่ะลามกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” คนพูดยิ้มหวาน
“เอากุ้งใส่จานได้แล้วครับ เดี๋ยวไหม้หมด”
“ลามกแต่พูดน่ะสิ...” เขาใช้ตะหลิวตักกุ้งใส่จานตามที่อีกฝ่ายว่า
“ใครบอก...ไม่รู้อะไรซะแล้ว” ธนกฤตลุกไปหยิบจานวางลงกับโต๊ะ ร่างสูงดึงเด็กดื้อมากอดแล้วจุ๊บที่หน้าผาก
“เป็นผู้ใหญ่ต้องรู้จักอดกลั้นไม่แสดงความลามก....เด็กๆไม่เข้าใจหรอก”
“18แล้วนะ ไม่เด็กแล้วนะ...” รัญชน์ยังคงทำหน้ายู่ใส่ขณะตะปบมือเข้าที่เอวของอีกฝ่ายแล้วเขย่าสองสามที
“พี่หมอบีม30แล้ว แก่กว่าตั้งเยอะ” พูดไปก็นึกยอกใจ นอกจาก30ยังไม่มีหลานให้ป๊าอุ้มแล้ว...ยังมีแฟนเป็นผู้ชายเด็กกว่าตั้ง12ปีอีก
“พูดเรื่องอายุแล้วรู้สึกเหมือนกำลังหลอกตัวเล็กไงไม่รู้...”
“หลอกเหรอ? ไม่หลอกนะ...” มือเล็กเอื้อมแตะปลายนิ้วลงบนแก้มของอีกฝ่าย
“ก็ตัวเล็กอายุน้อยกว่าไม่รู้สึกอะไรหรอก...แต่พี่เนี่ยดิ่ มีหวังโดยแซวว่าเป็นเฒ่าหัวงูแหง”
คนฟังได้แต่ยืนกระพริบตามอง
“เฒ่า... อะไรนะ?”
“เฒ่าหัวงู...แบบ พวกคนแก่ที่ชอบสาวเอ๊าะๆอายุน้อยกว่าไง” ธนกฤตมองหน้าคนตัวเล็กแล้วยิ้มให้
“เอาเหอะ...ก็ชอบไปแล้วนี่เนอะ”
ราเมนทร์เอนตัวลงนอนบนโซฟาบีนตัวนุ่มที่มุมห้อง เพลงหวานแผ่วที่ดังจากโทรทัศน์กล่อมอารมณ์ให้ชวนเคลิ้มหลับ ตะเกียงอโรม่าที่จุดไว้โชยกลิ่นหอมของน้ำมันกลิ่นเลมอนกลิ่นโปรดที่ให้ความสดชื่น...กลิ่นที่ให้ความรู้สึกเหมือนน้องชายอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
ต่างจากอีกคนที่อยู่ห้องตรงข้ามฝั่งกำแพง ในวันสบายๆแบบนี้เขาควรจะได้หยุดพัก แต่ดูเหมือนกับว่าเป้าหมายกับนิยายเรื่องใหม่จะทำให้ธันย์ชนกไม่อาจนอนนิ่งๆได้
การเดินทางผ่านมิติกับโลกแฟนตาซีอาจฟังดูธรรมดา ทว่าเขากลับอยากลองสร้างภาษาของตัวเองออกมาเพื่อใช้เป็นภาษาของดินแดดนั้น
มือเอื้อมดึงเอากล่องหนังสือที่อยู่บนสุดของชั้น กล่องพลาสติกที่ใส่พจนานุกรมหลากภาษาเอาไว้ถูกดึงออกมา
“อ...?!” ด้วยน้ำหนักกล่องที่หนักกว่าที่คาดไว้ทำให้ทั้งคนทั้งกล่องร่วงตามกันมา
“โอ๊ย-!!!” กล่องพลาสติกที่หล่นตามมากระแทกลงบนขาเขาจนเจ็บแล้ว บันไดเจ้ากรรมก็ยังตามมาซ้ำอีกรอบจนต้องนิ่วหน้า
เสียงโครมครามที่ดังกว่าครั้งไหนๆทำเอาราเมนทร์ถึงกับสะดุ้ง เขาลุกขึ้นแล้วแนบหูกับกำแพง...เสียงสูดปากกับเสียงครางด้วยอาการเจ็บทำให้เขานึกเป็นห่วง
...ซุ่มซ่ามอะไรอีกแล้วล่ะสิ...
ร่างสูงเดินออกจากห้องไปยืนหน้าประตูห้องติดกันแล้วเคาะเบาๆ
“คุณธันครับ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ธันย์ชนกได้ยินเสียงเรียกจากประตูก็เอื้อมผลักกล่องพลาสติกกับบันไดออกแล้วค่อยยันตัวขึ้น
“!!!!!? อึก!!!” ร่างโปร่งบางทรุดฮวบลงทันที ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาจนถึงสมอง เขาก้มลงมองที่ขาของตัวเองก่อนจะนึกว่าความซุ่มซ่ามที่ไม่หายสักที
สุดท้าย เขาก็ใช้ขาอีกข้างที่ไม่เจ็บ พาตัวเองไปจนถึงประตูห้องได้
“... เดี๋ยว... คงเรียกรถ... พยาบาล... ครับ” แค่จะอ้าปากพูดก็ยังรู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ
“เปิดประตูหน่อย” ราเมนทร์เผลอทำเสียงดุ... เดี๋ยวที่ว่าของธันย์ชนกคงกินเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ขืนเป็นอะไรร้ายแรงก็คงแย่กันพอดี
“คุณธันเจ็บตรงไหนใช่ไหม”
มือจับที่กลอนประตูบิดออกแล้วค่อยเปิดประตูให้ก่อนจะรีบยึดกรอบประตูไว้
“... ครับ......”
“โดนอะไรอีกครับคราวนี้” น้ำเสียงอ่อนใจเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าธันย์ชนกจะยังหน้าตายุ่งเหยิงแต่ถ้ามาเปิดให้ได้ก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง
“คุณธันเจ็บตัวอยู่เรื่อยเลย”
“... กล่อง-!!?” ความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมากระทันหันทำให้ทรุดลงนั่งอีกครั้ง
“ทับลงมาน่ะครับ”
อาการทรุดนั่งลงไปกับตานั้นไม่มีทางที่จะธรรมดา ราเมนทร์ปราดเข้าไปประคอง น้ำหนักตัวของอีกฝ่ายดูจะน้อยกว่าที่คิดไว้เพราะแค่ประคองขึ้นร่างเพรียวก็ลุกได้โดยไม่หนักแรง
“ไปโรงพยาบาลกันนะ คุณธันพอจะเดินไหวไหม”
ถ้าจะอุ้มก็ดูตลกเกินไป แต่ถ้าให้เดินเองก็คงไม่ถึงแน่... ราเมนทร์ตัดสินใจพิงร่างเพรียวกับผนังแล้วย่อตัวลง
“ขึ้นหลังผมดีกว่า”
“... แค่ประคองเฉยๆ... ก็พอครับ...”
“ไม่ได้ครับ ถ้าเจ็บซ้ำขึ้นมาจะทำยังไง” ราเมนทร์หันไปพูดเสียงเข้มใส่
“ขึ้นมาเร็วๆสิ ผมจะได้พาไปโรงพยาบาล”
“.... ครับ” ธันย์ชนกยอมทำตามที่อีกฝ่ายพูด แม้จะนึกว่าตัวเองที่รู้สึกอายกับเรื่องเพียงแค่นี้
ราเมนทร์รอให้น้ำหนักถ่ายทอดมาสู่แผ่นหลังแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน เขาหันไปหาธันย์ชนกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ทีหลังมีอะไรเรียกผมนะครับ...อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนบ้านกัน”
“.............. ขอบคุณครับ...” คนเจ็บเอ่ยเสียงเบา ซ่อนพวงแก้มสีเข้มไว้กับแผ่นหลังกว้าง พลางนึกถึงทิศทางของนิยายเรื่องใหม่ที่กำลังดำเนินไป
...บางที...
...อาจจะไม่ได้จบแย่ขนาดนั้นก็ได้...
To be continued...