Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018  (อ่าน 122616 ครั้ง)

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ขอมาแทรกอารมณ์ดราม่านิดนึงนะค่ะ    คือว่าวันนี้น้องป๊อนซ์ลงแข่งฟุตซอลนัดแรก  คนเขียนได้ไปนั่งเฝ้าชิดติดขอบสนามเลย  และก็ได้เห็นโมเมนต์นิดๆหน่อย  มันเลยทำให้ต่อมแห่งความฟินได้พุ่งทยานถึงขีดสุด ทำให้คนเขียนต้องมาแต่งเรื่องระบายความฟินกันเลยค่ะ

เนื้อหาในนิยายบางเรื่องก็เป็เนรื่องจริง  แต่บางเรื่องก็เกิดจากจินตนาการของคนเขียนเองนะเจ้าค่ะ


Special ฟุตซอลประเพณี





[Pontz x Joe]




[Joe]





“มึงโอเคยัง?” ผมถามพร้อมกับจับมือป๊อนซ์และลูบเบาๆ 

“ยัง” ตอนนี้ตามันลอยมากเลย  ฮ่าๆๆๆ  ตลกดีจัง

ไม่ใช่อะไรหรอกนะคือว่าวันนี้มันเป็นวันแข่งฟุตซอลประเพณีนัดแรกของป๊อนซ์  การแข่งครั้งนี้มันเป็นการแข่งขันแบบพบกันหมด 
และเหมือนโชคชะตาแกล้งมันเพราะว่าแข่งนัดแรกก็เจอกับทีมในตำนานของรุ่นพี่เลย 

“โจเอาไงดีวะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับหันมามองผมด้วยสายตาที่สับสนเป็นอย่างมาก  มันจะรู้ตัวรึเปล่านะว่าตอนนี้หน้ามันเหมือนลูก
แมวมากเลย งุ้งงิ้งๆๆๆๆ

“ก็เล่นเหมือนตอนที่มึงซ้อมไง”  เท่าที่ผมไปนั่งดูมันซ้อมทุกวันเนี่ย  ผมว่าฝีมือการเล่นมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นที่เค้าเล่นกันมานานแล้วเลยนะ  ถ้าเทียบกับว่ามันเพิ่งจะมาซ้อมเอาอาทิตย์ สองอาทิตย์ก่อนแข่งเพราะว่าปกติแล้วมันจะชอบเล่นบาสซะมากกว่า

“อืมๆๆ” ไอ้ป๊อนซ์หลับตาลงทำสมาธิก่อนจะลงแข่งขัน ในขณะที่มือของผมก็ยังคงจับมือมันอยู่


ปี๊ดดด  ปี๊ดดดดดดด

เสียงนกหวีดจากกรรมการที่อยู่ในสนามเป่าขึ้น เพื่อเรียกให้ผู้เล่นทั้งหมดลงไปในสนาม

“โชคดีนะ” ผมตบไหล่ป๊อนซ์เบาๆ ก่อนจะดันหลังป๊อนซ์ให้ลุกขึ้นและเดินลงจากอัฒจรรย์ที่ผมนั่งอยู่ให้ลงไปในสนาม

ไอ้ป๊อนซ์ลงไปยืนในสนามกับคนอื่นๆในทีม  ส่วนผมก็ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆกับที่ที่ไอ้ไปป์กับไอ้ลิ้มนั่งดูอยู่  ไอ้สองคนนี้มันไม่
ลงน่ะครับ มันบอกว่าเป็นที่ปรึกษาให้ทีมมันดูเท่ห์กว่า ==’

ตอนนี้ผู้เล่นทั้งหมดก็ยืนเรียงแถวข้างๆกันทั้ง 2 ทีม  ก่อนจะคำนับผู้ชมบนอัฒจรรย์เชียร์ทีละด้าน

เมื่อมองลงไปตอนนี้ก็จะเห็นผู้ชายคนนึงที่โดดเด่นขึ้นมาจากคนอื่นๆ เค้าใส่ชุดบอลลายขาวดำ รองเท้าสีม่วงเด่นหรา ที่หลังเสื้อ
เบอร์ 10 ของเค้าเขียนว่า   

-Pon Pont-

ฮ่าๆๆๆ  คงจะไม่ต้องบอกแล้วนะครับว่าเค้าคนนี้เป็นใคร

ตอนแรกผมก็สงสัยนะว่าไอ้เลข 10 ที่หลังเสื้อ กับ Pon Pont เนี่ยมันคืออะไร  พอผมถามมันก็บอกผมมาหน้านิ่งๆเลยว่า

‘เบอร์ 10 ก็จำนวนครั้งที่เราจูบกันไง ส่วน Pon Pont มันก็อ่านได้ว่า ปอนป๊อนอ่ะ  แต่เอาจริงๆ กูตั้งใจให้มันเป็นชื่อมึงกับชื่อกูนะ Pon ก็มาจาก Pongsakorn ชื่อจริงมึงไง ส่วน Pont ข้างหลังอ่ะ ก็หมายถึงชื่อกู’

 เงิบครับ  บอกได้คำเดียวว่าเงิบ  ไอ้ชื่อจริงผมนี่ว่าเสี่ยวแล้วนะ  แต่ไอ้จำนวนครั้งที่จูบกันเนี่ยผมไม่ไหวจริงๆ 

หลังจากคำนับผู้ชมบนอัฒจรรย์เสร็จ ผู้เล่นของแต่ละทีมก็เดินกลับมาที่ฝั่งของตัวเองก่อนจะมาฟังแผนครั้งสุดท้ายก่อนจะลงเล่น

“คืองี้นะ แผนมันมีอยู่ว่า...” ในขณะที่ไอ้ไปป์กำลังจะพูดเกี่ยวกับแผนการเล่นของทีม  ก็ดันมีมารผจญอย่างไอ้ลิ้มขัดขึ้นมาเสียก่อน

“กูว่าไม่ต้องมีผงมีแผนอะไรแล้ว  พวกมึงอยากเล่นกันยังไงก็ตามใจพวกมึงเลย เอาแบบว่าหนุกๆไรเงี้ย” ไอ้ลิ้มพูดออกมาด้วย
ท่าทางร่าเริงผิดกับคนอื่นๆในทีมที่ตอนนี้คิ้วจะผูกกันจนเป็นโบว์อยู่แล้ว

“เอ่อ...” ไปป์อึ้งแดกเลยครับ อย่างว่าล่ะนะเอาแน่เอานอนอะไรกับมันไม่ได้หรอกไอ้ลิ้มอ่ะ  ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับความคึกของมัน
อย่างเดียวเลย

ไอ้ป๊อนซ์ส่ายหัวนิดๆพร้อมกับทำสีหน้าเอือมๆ แล้วเดินมาทางผมแทนที่จะยืนฟังแผนการเล่นในทีมต่อ

“โจ” มันเรียกผมเสียงค่อยๆ ก่อนจะกวักมือผมให้โน้มหน้าลงไปด้านล่างที่มันยืนอยู่

“หืมม” ผมก็งงๆนะ  แต่ก็ยื่นหน้าลงไปตามที่มันต้องการ

“กูขอกำลังใจหน่อย” พูดจบมันก็ทำแก้มป่องๆ แล้วหันมาทางผม

“มึงจะบ้าเหรอป๊อนซ์  คนโคตรเยอะเลย” ผมพูดบอกมันพร้อมกับหันไปมองรอบๆสนาม  อืม  แม่งน่าจะไม่ต่ำกว่า 300 คนเลยนะ
เนี่ย  ไม่เอาไม่คุ้ม

“ไม่เอาอ่ะโจ โจ ดื้อออออออ” มันพูดเสียงยานๆ พร้อมกับกระทืบเท้าไปมาอย่างเอาใจ  ป๊อนซ์ นี่มึงกี่ขวบแล้วเนี่ยสัด

“เออๆ” ผมกะจังหวะ มองซ้ายมองขวาแล้วว่าไม่มีใครเห็นก่อนจะ 

จุ๊บ

แต่ปรากฏว่าพอปากผมประทับลงบนแก้มของป๊อนซ์เท่านั้นแหละ เสียงพี่ผู้หญิงจากอัฒจรรย์ฝั่งตรงข้ามก็ดังสนั่นขึ้นมาทันที

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด  แกๆๆๆๆ  ชีวิตฉันกำลังจะพัง”

“อ๊ายยยย  แกฉันว่าแล้วว่ามันต้องมีโมเมนต์แบบนี้  นี่มันคุ้มมากเลยนะกับการที่ฉันโดดเรียนคาบสุดท้ายเพื่อมารอดูเนี่ย”

“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย  ฉันจะเป็นลม แกดูหน้าน้องโจดิแดงมากกกกกก”

และอีกมากมายดังระงมอยู่ภายในโรงยิมชั้น 2

ตาย ไม่น่าเลยกู  กูพลาดแล้ววววววว

ในขณะที่ผมกำลังนั่งกลุ้มกับฟีดแบคของเหตุการณ์เมื่อกี๊  ไอ้ตัวต้นเหตุกลับยืนยิ้มพิงขอบอัฒจรรย์อย่างสบายใจราวกับไม่มีอะไร
เกิดขึ้น   มึงจะหน้าด้านไปแล้วนะป๊อนซ์!!

ปี๊ดดด  ปี๊ดดดดดดดดดดดด

เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณเรียกตัวนักกีฬาลงสนามเพื่อทำการแข่งขัน

ป๊อนซ์เดินออกไปยืนในสนามเพื่อประจำตำหน่งทันที  แต่มันก็ยังไม่หยุดหันมายั่วอารมณ์ของผม

“ดื้อออออ  เค้ารักดื้อนะ” ป๊อนซ์ตะโกนพร้อมกับทำท่าหัวใจแล้วโยนมาทางผม

สาดดดดดดดดด   มึงต้องการอะไรจากสังคมวะไอ้ป๊อนซ์!!!!!!!!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”   เออ  กรี๊ดกันเข้าไป  กรี๊ดอีกกกก

แม่งไอ้ป๊อนซ์ ไอ้ชั่ว  ไอ้หน้าหนา  ไอ้หน้าด้านนนนนนนน


แล้วเกมส์การแข่งขันที่แสนดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้น  ถึงทีมป๊อนซ์จะซ้อมมาหนักและเข้มขนาดไหน แต่เมื่อเทียบกับทีมของพี่เค้าที่ถือว่าเจนสนามมากก็ทำให้ทีมของป๊อนซ์เสียเปรียบมากอยู่ดี

 
จบครึ่งแรกทีมพี่เค้าก็นำไป 3 ประตูต่อ 0 ตอนนี้สมาชิกในทีมเริ่มจะมีสีหน้าที่กดดันและเคร่งเครียดมากขึ้นไม่เว้นแม้กระทั่งไอ้ป๊อนซ์ที่ตอนนี้หน้ามันนิ่งเสียจนน่ากลัวมากๆ

“เอ่อ กูว่าตอนนี้ยังไงเราก็ตามไม่ทันอยู่แล้วว่ะ กูว่าเอาเป็นว่าอย่าให้จบด้วยเกมส์ 0 เป็นพอ โอเคมั้ย” ไอ้ลิ้มที่เล่นๆก็เริ่มจะพูดอะไรที่มันเข้าท่ากับเค้าขึ้นมาบ้างแล้ว

“เออ กูก็เห็นด้วยกับไอ้ลิ้มนะ เอาเป็นว่า รอบนี้ไม่เป็นไร เราค่อยสู้กันใหม่รอบหน้า แต่รอบนี้พวกมึงต้องทำประตูให้ได้อย่างน้อย
สักประตูนะเว้ย” ไอ้ไปป์พูดเสริมไอ้ลิ้มขึ้นมาอีกที  ทำให้สมาชิกในทีมต่างก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

ผมอยากมีส่วนร่วมทำให้ทีมตีไข่แตกได้ในรอบนี้จัง  แต่ผมก็ไม่รู้จะทำไงดี

อืมมมมมม อ๋อ เอางี้ดีกว่า

“ป๊อนซ์ๆ” ผมโน้มหน้าลงจากอัฒจรรย์เพื่อเรียกป๊อนซ์ให้เข้ามาหา

“ว่าไงดื้อ” มันเดินเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งๆพร้อมกับสีหน้าเครียดๆ

“เอาหูมานี่ดิ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับหูมันแล้วดึงเข้ามาใกล้ๆ

“หือออออ” มันทำหน้างงๆแต่ก็ยอมเอาหูเข้ามาให้ผมกระซิบบอก

“.....”  ผมกระซิบบอกข้อเสนอของผมออกไป

ไอ้ป๊อนซ์ยิ้มกว้างออกมาทันที  ก่อนที่จะหันมาทำตาวิบวับใส่ผม

“ไม่มีปัญหา  แต่ดื้อก็อย่าลืมสัญญาแล้วกัน” มันพูดย้ำสัญญาที่ผมเพิ่งจะบอกมันไปเมื่อกี๊

“เออ ไม่ลืม”

“งั้นเค้าไปก่อนนะ” พูดเพราะขึ้นมาเชียวนะมึง แม่งแล้วไอ้หน้าหื่นๆเนี่ย ช่วยอย่าแสดงออกมาให้มันมากนักได้มั้ยห๊ะ????

ป๊อนซ์วิ่งไปยืนประจำตำแหน่งของตัวเองที่กลางสนามอีกครั้ง แล้วหันมาส่งยิ้มให้ผมก่อนที่เกมส์การแข่งขันครึ่งหลังจะเริ่มขึ้น

การแข่งขันก็ยังคงดุเดือดไม่แพ้ครึ่งแรก  ทีมของพี่เค้าก็ยังคงบุกมาทำแต้มอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้เหลือเวลาแค่ไม่กี่นาทีการแข่งขันก็จะจบลงแล้วแต่ทีมของป๊อนซ์ก็ยังไม่สามารถที่จะทำประตูได้เลย

ผมตัดสินใจวิ่งไปเกาะที่ราวของอัฒจรรย์ก่อนจะตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง

“ป๊อนซ์สู้ๆ  ดื้อเป็นกำลังใจให้อยู่นะครับ!!!!!!!” หลังจากที่ผมตะโกนออกไปแววตาของป๊อนซ์ที่เคยเหมือนกับว่าจะยอมรับความ

พ่ายแพ้ก็กลับมามีความหวังอีกครั้งก่อนที่ป๊อนซ์จะบุกเดี่ยวเข้าไปทำประตูให้กับทีมในเวลา 1 นาทีก่อนที่จะหมดเวลาการแข่งขัน

“เย้!!!!!!!!!!!!!”  พวกผมกระโดดจนตัวลอยกันเลยทีเดียว  เฮ้ออออ  อย่างน้อยๆตอนนี้มันก็ไม่ได้จบที่สกอร์ 0 แล้ววว

ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ดดดดดดดดดดดดด


เสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งขันดังขึ้นทำให้ผู้เล่นของทั้ง 2 ทีมเดินมาจับมือกันบ้างพูดคุยกันบ้าง กีฬามันก็ดีแบบนี้แหละนะ  ตอนอยู่ในเกมส์นี่ทำอย่างกับจะฆ่ากันให้ตายแต่พอจบเกมส์ปั๊ป ก็ได้มิตรภาพใหม่ปุ๊ป

ผมเดินลงจากอัฒจรรย์ไปยืนที่ข้างๆสนามแทน  ในมือของผมตอนนี้ก็ถือน้ำเปล่าขวดนึง น้ำส้มขวดนึงแล้วก็ผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนนึง

เมื่อประกาศผลพร้อมกับกล่าวขอบคุณเสร็จ ป๊อนซ์ก็วิ่งตรงมายังที่ที่ผมยืนอยู่ทันที

“ดื้ออออ  กูทำได้แหละ” มันพูดพร้อมเข้ามากอดผมทั้งๆที่ตัวมันเปียกเหงื่อเต็มไปหมด

“อืมๆ  เก่งๆ  แต่ตอนนี้มึงปล่อยกูก่อนได้ป่ะ กูเปียก” ผมพูดพร้อมกับมือดันอกมันออกนิดๆ

“อื้ออออ อะไรอ่ะไม่เอาๆ” แต่มันก็ไม่ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระครับ มันยังคงกอดผมอยู่แบบนั้น

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด  แกดูดิ มีให้กำลังใจกันหลังแข่งด้วย   น่ารักอ่ะ”

“ใช่ๆ  ฉันฟินจนจะลอยได้แล้วแก ช่วยจับฉันไว้ที อ๊ายยยยยยยยยยยยย”

โอ๊ยยยย  อะไรมันจะขนาดนั้นกันละครับเนี่ย   นี่ขนาดว่าการแข่งขันจบไปแล้วแต่เสียงกรี๊ดก็ยังคงดังระงมอยู่ในโรงยิมชั้น 2 อยู่ดี

“ดื้อ  มึงยังจำสัญญาได้ใช่มั้ย” ป๊อนซ์ดันตัวผมออกช้าๆก่อนจะเอามือจับที่ไหล่ของผมและบังคับให้ผมมองหน้ามันตรงๆ      และแล้วช่วงเวลาที่ผมกลัวที่สุดก็มาถึง

“เอ่อ  ได้ๆ”

“งั้นก็....” มันทำท่าจะรวบตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง

“เดี๋ยว  กินน้ำก่อนนะป๊อนซ์” ผมเอามือดันไว้ก่อนจะเอาอีกมือที่ว่างอยู่ยื่นขวดน้ำไปให้มัน

“อ๋อ โอเคๆ”  มันรับน้ำไปกินอย่างว่าง่าย  กินน้ำเสร็จสายตามันก็กลับมาวิบวับอีกครั้ง

“เดี๋ยวๆป๊อนซ์” ผมเอามือดันอกป๊อนซ์ไว้อีกครั้ง

“อะไรอีกอ่ะ” หน้าป๊อนซ์เริ่มจะขมวดนิดๆ

“กินน้ำส้มก่อน  กูอุตส่าห์ซื้อมาให้นะ” ผมยื่นขวดน้ำส้มไปตรงหน้ามัน

“เออๆ อะไรหนักหนาเนี่ย” ไอ้ป๊อนซ์บ่นกระปอดกระแปดแต่มันก็ยังคงรับน้ำส้มจากมือผมไปกินอยู่ดี

“เอาล่ะ กูกินน้ำส้มแล้ว  มึงก็ควรจะทำตามสัญญาได้สักทีนะ” ไอ้ป๊อนซ์วางน้ำส้มลงก่อนจะเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ
ผมตัดสินใจดันป๊อนซ์ให้เข้าไปอยู่ในช่องว่างระหว่างอัฒจรรย์ที่มันค่อนข้างจะลับตาคนก่อนจะเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่จะเอามาให้ป๊อนซ์ คลุมหัวของเราทั้งสองคนไว้

ก่อนที่ผมจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้  ผมเขย่งปลายเท้าขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากบางของตนเองลงบนริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่าย
อย่างช้าๆ

ป๊อนซ์ยิ้มมุมปากนิดๆ  หลังจากที่ผมผละริมฝีปากออกและกำลังจะเอาผ้าที่คลุมอยู่บนหัวออก

“น่ารักว่ะดื้อ  แต่แค่นี้มันน้อยไป”  พูดจบป๊อนซ์ก็เอามือประคองใบหน้าของผมไว้ก่อนจะโน้มหน้าลงมาแล้วเอาริมฝีปากมาประกบ
กับริมฝีปากของผมอีกครั้ง 

แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ประทับเฉยๆน่ะสิ  ป๊อนซ์ส่งลิ้นร้อนเข้ามาทักทายเกี่ยวกระวัดกับลิ้นเล็กของผมก่อนจะควานหาความหวานในปากของผมจนหนำใจ ตอนนี้ผมมึนงงไปหมดสติที่มีอยู่กำลังจะหายไปเพราะกลิ่นและรสของส้มอ่อนจากน้ำส้มที่ป๊อนซ์เพิ่งจะกินเข้าไปเมื่อกี๊

“อื้ออออ” ผมเอามือดันอกป๊อนซ์เบาๆเป็นเชิงบอกว่าผมกำลังจะหมดอากาศอยู่แล้วววว

“แฮ่กๆ” ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีที่ป๊อนซ์ปล่อยให้ริมฝีปากของผมเป็นอิสระ

“ดื้อ  ทำไมมึงหวานขนาดนี้วะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับยื่นมืออกมาดึงผมเข้าไปซุกอยู่ที่อกของมัน

“มึงแม่งตลอด” ผมบ่นอุบอิบอยู่กับอกของป๊อนซ์ แม่งเป็นแบบนี้ทุกทีเลย ผมไม่น่าไปสัญญากับมันแบบนั้นเลย

“ป๊อนซ์ๆ” ผมโน้มหน้าลงจากอัฒจรรย์เพื่อเรียกป๊อนซ์ให้เข้ามาหา

“ว่าไงดื้อ” มันเดินเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งๆพร้อมกับสีหน้าเครียดๆ

“เอาหูมานี่ดิ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับหูมันแล้วดึงเข้ามาใกล้ๆ

“หือออออ” มันทำหน้างงๆแต่ก็ยอมเอาหูเข้ามาให้ผมกระซิบบอก

“ถ้ามึงทำได้ประตูนึงกูจะจูบมึงทีนึง”  ผมกระซิบบอกข้อเสนอของผมออกไป

ไอ้ป๊อนซ์ยิ้มกว้างออกมาทันที  ก่อนที่จะหันมาทำตาวิบวับใส่ผม

“ไม่มีปัญหา  แต่ดื้อก็อย่าลืมสัญญาแล้วกัน” มันพูดย้ำสัญญาที่ผมเพิ่งจะบอกมันไปเมื่อกี๊


เฮ้ออออออ  มีแต่เสียกับเสียอย่างเดียวเลยผม

“ไปกันเหอะดื้อ” ป๊อนซ์ดันผมออกจากอกก่อนจะดึงผ้าขนหนูที่คลุมหัวอยู่ไปพาดที่บ่าแล้วเดินกอดคอผมออกไปด้านนอก

“โอ๊ยยยยย   ไปทำไรกันมาละสัด ไอ้โจหน้าแดงเชียว” ไอ้ลิ้มยักคิ้วให้ป๊อนซ์ก่อนจะหันมาล้อผม
ผมก็ทำไรไม่ได้ล่ะครับ  ได้แค่ยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วหันหน้าเข้าไปหาออกของป๊อนซ์

“เออน่า  กูไปรับรางวัลมานิดหน่อย  เอ่ออ  กูมีปัญหาเรื่องเสื้อวะ”

“อ้าวทำไมวะ”

“กูขอสกรีนเสื้อใหม่ได้ป่ะ” เอ๋  มันจะสกรีนเสื้อใหม่ทำไมล่ะเนี่ย

“แล้วมึงจะสกรีนอะไรใหม่วะ”

“เลข”

“หืมมมมม”

“เปลี่ยนเป็นเลข 11” เชี่ยยยยยยย  กูเข้าใจแล้ววววว

“โอ๊ยยยยย  ไอ้เหี้ยป๊อนซ์แม่งโหดว่ะ  แล้วนี่ถ้ามึงยิงได้ทุกนัดมึงไม่ต้องตัดเสื้อใหม่ทุกนัดเลยเหรอวะ” ไอ้ลิ้มถามป๊อนซ์ด้วยน้ำ
เสียงหยอกๆ  ผมแม่งไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าไปมองมันเลยอ่ะ

“กูยอมวะ เพราะผลตอบแทนแม่งโคตรคุ้มเลย” ป๊อนซ์พูดก่อนจะเอามือขึ้นมาลูบหัวของผมเบาๆ

“เออ หวานจริงงงงงง”

“เออ ใช่หวานมากกกกกก” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงหื่น

“โอ๊ยยยยยยย สาดดดป๊อนซ์  แม่งหื่นเหี้ยอ่ะ”

 “กูหื่นกับดื้อคนเดียวหรอกเนอะ”  ป๊อนซ์พูดแล้วเอามือมาเชยคางผมให้ขึ้นไปสบตามัน

“มึงแม่ง....” แล้วผมก็ได้แต่บ่นเหมือนหมีกินผึ้งอยู่คนเดียว ท่ามกลางเสียงโห่ละเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆรอบข้าง


..................................END............................................

มาอัพ special คั่นกันก่อนนะค่ะ

ส่วนของเรื่องหลักตอนต่อไปก็ใกล้จะเสร็จแล้วน่าจะไม่เกิน  2 วันคงจะได้ลงนะจ๊ะ  :z13:

อาจจะมีตัวละครเพิ่มมาอีกสักคู่นึงอะไรทำนองนี้นะ   :-[

***** คนเขียนขอเปลี่ยนชื่อเรื่องจาก  "รักมึงเข้าแล้ว"  เป็น   "รักคุณเข้าแล้ว"  นะคะ
ต้องขอบคุณ คุณ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ด้วยนะคะที่มาเตือนเรื่องชื่อเรื่อง ^^  *****


วันนี้ก็เหมือนเดิมมมมม

โมเมนต์แถมจ้าาาาาาาาาา

- ในปีกของป๊อนซ์ที่หอเนี่ยก็จะมีปฏิทินประจำของต่ละปีก  อาจจะเอาไว้เขียนวันเกิดของคนในปีกมั้ง(อันนี้คนเขียนก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน)  มีอยู่วันนึงเพื่อนของคนเขียนมาเล่าให้ฟังว่า เห็นป๊อนซ์เดินไปวงอะไรสักอย่างที่ปฏิทิน  เพื่อนคนเขียนเลยเดินไปดูแล้วก็พบว่า ป๊อนซ์วง ตรงวันที่ 14 มกรา ล้ว เขียนว่า วันวาเลนไทน์♥  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ  คนเขียนขำกลิ้งเลยตอนรู้เรื่องอ่ะ

-อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เลย โจกับป๊อนซ์นั่งอยู่ที่ระเบียงทางเดินหน้าห้องเรียน  แล้วจู่ๆโจก็ยกเท้าขึ้นมาแล้วหันไปเรียกป๊อนซ์
"ป๊อนซ์ๆ"
"หืมมมม"
"มึงดูถุงเท้ากูดิ" แล้วโจก็ส่ายเท้าไปมา
"ทำไมวะ" ป๊อนซ์ทำหน้างงๆก่อนจะหันไปถามโจ
"ถุงเท้ากูย้วยอ่าาาา" แล้วนางก็ทำหน้าเศร้าๆ
ส่วนหน้าป๊อนซ์นี่คือบบว่าเอือมขั้นสูงสุด ==
แต่คนเขียนว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักมากเลยนะ




ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกกำลังใจนะคะ    อย่าลืมติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยเน้ออออ   :bye2:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
โจน่าสงสารอะ โกรธมันนานๆเลยนะโจ คนอย่างไอ้เหี้ยป๊อนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาหรอก

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ตอนพิเศษน่ารักค่ะ
แต่,,ตอนหลัก เริ่มไม่น่ารักแระ อิอิ

ออฟไลน์ actionmarks

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-44
ระวังนะ บางครั้งเส้นทางที่เราคิดว่า สวยงาม ราบเรียบ และโปรยด้วยดอกกุหลาบ แต่ภายใต้ดอกกุหลาบนั้นมันอาจะไม่ได้มีแค่หนาม อาจจะเป็นตะปู มีด หรือขวดแก้วแตกก็ได้นะ

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดด น่ารักกก

แต่ตอนหลักไม่ไหวจะเคลียร์

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ตอนนี้น่ารักนะ ป๊อนซ์นี่หวานกับโจตลอดเลย
แต่อิตอนที่แล้วนี่ยังเกลียดป๊อนซ์อยู่นะ

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
กรี๊ด น่ารักอ่ะ หวานตลอดเลยคู่นี้ ระวังเบาหวานขึ้นนะหนู

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ฟินไม่ออก
 

โกรธไอ้ป๊อน :m16:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 8


[Pontz x Joe]



[Pontz]



“อ๋อ  เพื่อนน่ะครับ” และแล้วตอนนี้ผมก็ได้กลายเป็นคนเลวอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

“เหรอครับ” น้องพลัสหันมาฉีกยิ้มกว้างใส่ผม และรอยยิ้มนั้นก็สามารถที่จะทำให้ผมลืมความรู้สึกผิดที่มีต่อโจไปได้

“เออ จะว่าไปพี่ยังไม่มีเบอร์พลัสเลยนะครับ” ผมลองเอ่ยถามขึ้น เพื่อดูปฏิกิริยาของน้อง

“เอ่อ คือ....”  น้องดูลำบากใจที่จะให้เบอร์ผม แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนะ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

“ไม่เป็นไรครับ” ในขณะที่ผมกำลังจะเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าอยู่นั้น

“08x xxxxxxx ครับ” น้องพูดเสียงค่อยๆพร้อมกับก้มหน้าลงมุดดิน  ท่าประจำที่น้องเคยทำ

“ครับ” ผมตอบกลับก่อนจะตัดสินใจเมมลงเครื่อง แต่เอ๊....ผมจะเมมว่าอะไรดีล่ะ
เอ้างี้ดีกว่า...... แล้วผมก็นั่งเมมเบอร์อย่างตั้งอกตั้งใจ  หลังจากเมมเสร็จผมก็ทำทีเป็นว่าให้น้องตรวจเบอร์อีกที แต่จริงๆแล้วอ่ะ  ผมต้องการจะให้น้องเห็นชื่อที่ผมเมมต่างหาก

-Pontz’s Plus- 

หน้าของน้องพลัสเริ่มขึ้นสีชัดขึ้นเรื่อยๆ  พอตั้งสติได้ น้องพลัสก็รีบยื่นโทรศัพท์คืนให้ผมก่อนจะวิ่งหนีไปเลย  น่ารัก.......



แล้วผมก็ต้องลงไปซ้อมต่อจนถึงเที่ยง  ตอนนี้แม่งเหนื่อยมากจริงๆ แล้วเหนื่อยนี่ยังไม่เท่าไหร่นะ   มันยังมีอาการล้า อยู่ด้วย 

-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว-

-P.J.-

“โหลว่าไงมึง”

(มึงถึงคราวเสียเมียแล้วเว้ย)

“หมายความว่าไง” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เหวี่ยงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

(คือ ตอนนี้อ่ะ ไอ้โจมันไปกินข้าวกับพี่เบสว่ะ แล้ว....) ผมตัดสายทันทีที่ฟังได้ความว่าไอ้โจมันกำลังไปกินข้าวกับไอ้เหี้ยนั่น  วอนแล้วมึง...

ผมรีบกดเบอร์โทรออกหา

ไอ้โจทันที 

(ตื้ดดดดดดดดดดดดด  โหลว่าไง)  รับเร็วดี ยกโทษให้กึ่งหนึ่ง

“มึงทำอะไรอยู่” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะนิ่งๆ และผมก็มั่นใจว่าสามารถจะทำให้มันกลัวได้ไม่มากก็น้อย

(ก็กำลังจะกินข้าว) ชัดเลยสาดดดดดดดด   

“กับใคร” ดีๆนะโจ 

(กับพี่เค้า)  เหี้ยแม่งงงงงง 

“ชื่อ” ผมถามกลับไปสั้นๆเพราะตอนนี้ต้องพยายามกดอารมณ์อย่างมาก

(ได้แล้วครับโจ อ่ะ สองอย่างใช่ป่ะ) แม่งงงงงงงงงงงงง  ทำอะไรเกรงใจกูบ้างมั้บวะ

(ใช่ครับ)  ไอ้นี่ก็ตอบเค้าซะเพราะอีก  ลืมไปแล้วเหรอว่าคุยกับกูอยู่อ่ะ

“กู ถาม ว่า มัน ชื่อ อะ ไร” ผมถามมันแบบเน้นทีละคำ  อย่างช้าๆ

(ก็พี่เบสไง มึงจำได้ป่ะ พี่เบสที่เล่.....)  พี่เบสงั้นเหรอ  ไอ้เหี้ยแม่งงง   

ผมกำโทรศัพท์จนแน่น พร้อมกับขบฟันจนกรามขึ้นเป็นสันนูนบนใบหน้า เพื่อที่จะระงับอารมณ์

“เอาโทรศัพท์ให้มันคุย”

(ห๊ะ) โจอุทานด้วยความแปลกใจ   

“กูบอกว่าเอาโทรศัพท์ให้มันคุยดิ” ผมพูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้มันทำตาม

(เออๆ แป๊ปนึง)

(พี่เบส ไอ้ป๊อนซ์มันจะคุยกับพี่อ่ะ)

(ครับๆ)  พูดเพราะเชียวนะสัด  ยิ่งมันพูดเพราะอย่างนี้ต่อหน้าโจ ผมก็ยิ่งกลัวเพราะว่าไอ้โจมันชอบให้คนอื่นพูดดีๆด้วย  แม่งยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด

(ว่าไง  มีอะไรจะพูดกับพี่งั้นเหรอ)

“มึงไปกินข้าวกับโจทำไม” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

(ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ครับ  พี่ก็แค่พาน้องเค้ามากินข้าวด้วยกันเฉยๆ)  สาดดด  มึงตอบได้หล่อมากไอ้เหี้ยเบส

“มึงจะแย่งแฟนกูให้ได้ใช่มั้ย หา!!!!!!!” ผมตะโกนจนคนที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆต่างสะดุ้งไปตามๆกัน

(พี่น่ะไม่หรอกครับ  แต่ถ้าคนของน้องเค้าเลือก  พี่ก็คงทำอะไรไม่ได้) คำตอบของไอ้พี่เบสทำให้ผมเริ่มนิ่งและกลับมาคิดตามที่มันพูด   

เออ  แล้วนี่ถ้าโจมันเลือกที่จะไปกับไอ้พี่เบสเองแล้วผมควรจะทำยังไงล่ะ

“กูหวังว่ามึงจะมีความเป็นสุภาพบุรุษพอ  ไม่แย่งของๆคนอื่น”

(ครับๆ  เอาชัยชนะมาให้โรงเรียนให้ได้นะครับน้องป๊อนซ์)

“อืม” ผมตอบกลับไปเบาๆ เพราะตอนนี้ผมก็ยังคงคิดถึงเรื่องที่มันเพิ่งพูดอย่างหยุดไม่ได้

(อ่ะ โจ)

(โหลป๊อนซ์)  โจพูดเสียงหวานมาให้ผม 

“กลับไปมีเคลียร์แน่!!!!” ผมพูดขู่โจ  เพราะคิดว่าคงจะทำให้มันอยู่ห่างไอ้เบสนี่ออกไปหน่อย

(แน่จริงก็กลับมาดิ ฮ่าๆๆๆ  กลับมาเลยยยย)  ผิดคาด  มันท้าครับ  มันกล้าท้า   

“มึงท้า”

(ช่ายยยย  กูท้า) ผมแอบได้ยินเสียงไอ้เหี้ยเบสนั่นหัวเราะด้วย

“เดี๋ยวมึงเจอกูแน่” และแล้วผมก็ตัดสินใจได้แล้วล่ะครับ

(เชื่อตายเหอะ)  มันคงยังไม่รู้ว่าผมจะกลับไปหามันตอนนี้เลย แม่งท้าดีนัก

“เตรียม เสียตัว  ไว้ได้เลย”  ผมพูดขู่ด้วยประโยคเด็ดก่อนจะกดตัดสายไปเลย  ก่อนที่มันจะด่าอะไรผมอีก

หลังจากที่ผมตัดสินใจกับทางเดินชีวิต (ซะเว่อร์เลย) ได้แล้ว ผมก็เดินตรงเข้าไปหาโค้ชทันที

“พี่โบ๊ทครับ” ผมเรียกพร้อมกับยื่นมือไปสะกิดหลังพี่โบ๊ท

“ว่าไงมึง” พี่โบ๊ทตอบกลับมาทั้งๆที่สายตายังมองไปที่สนามซ้อม

“วันนี้ตอนเย็นต้องซ้อมป่ะ”

“ไม่ต้องแล้ว  เย็นนี้มึงก็แค่พักผ่อนเยอะๆ จะได้พร้อมกับการแข่งพรุ่งนี้” คราวนี้พี่โบ๊ทหันหน้ามามองผมพร้อมกับตบไหล่ไปด้วย

“งั้นผมก็กลับบ้านได้มั้ยพี่”

“หา!!!!!”  พี่โบ๊ทตะโกนลั่นจนคนทั้งสนามหันมามอง

“ทำไมวะ” พอตั้งสติได้พี่โบ๊ทก็รีบถามผมทันที

“มีธุระสำคัญมากอ่ะพี่  ต้องกลับไปเคลียร์วันนี้เลย” ผมเลี่ยงที่จะบอกพี่โบ๊ทว่าเป็นเรื่องไอ้โจ  เพราะเดี๋ยวพี่โบ๊ทจะไม่ให้ผมกลับ
และอาจจะบอกว่าผมงี่เง่า

“เออๆ แล้วมึงจะกลับมาทันเหรอ”

“ทันแน่นอนพี่  ผมกลับวันนี้เลย”

“โอเค  งั้นก็โชคดีนะมึง”

“ครับ” พูดเสร็จผมก็รีบเดินกลับไปที่หอพักเพื่อจะเปลี่ยนชุดและเอาของที่จำเป็นๆติดตัวไปด้วย

พอเปลี่ยนชุดเสร็จผมก็รีบโทรไปที่บ้านให้ดูเรื่องไฟลท์บินให้ ส่วนผมก็ต้องไปรบกวนพี่โบ๊ทให้ไปส่งที่สนามบิน  แต่ในขณะที่ผมกำลังจะขึ้นรถนั้นก็มีมือข้างหนึ่งมากระตุกที่ชายเสื้อของผมเบาๆ

“อ้าว น้องพลัสมีอะไรรึเปล่าครับ” ผมพูดถามไปแบบรีบๆเพราะกลัวจะไม่ทันเครื่อง

“เอ่อ  พี่ป๊อนซ์จะไปไหนเหรอครับ” คนตัวเล็กพูดถามออกมาแบบกล้าๆกลัวๆ

“พี่มีปัญหาที่บ้านนิดหน่อยน่ะ”

“อ๋อครับ  แล้วพี่จะกลับมาอีกมั้ย”

“กลับสิครับ  กลับวันนี้เลย” คำตอบของผมทำให้ร่างบางตรงหน้ายิ้มออก  ก่อนจะปล่อยมือจากชายเสื้อของผม

“งั้นเดินทางดีๆนะครับ”

“ครับๆ เดี๋ยวถึงโน่นแล้วพี่โทรมาหานะ” ผมพูดพลางยื่นมือไปลูบหัวพลัสบาๆ

“ครับ”

ผมบอกลาน้องพลัสก่อนจะขึ้นรถตรงไปสนามบินทันที  ระหว่างที่รอก่อนขึ้นเครื่องผมก็โทรบอกให้คนที่บ้านเอารถมาให้ที่สนามบินที่โน่นด้วย 

ทันทีที่ผมลงจากเครื่องผมก็รีบออกมาด้านนอกทันที  แล้วผมก็หันไปเห็นคนของที่บ้านยืนอยู่ข้าง z4 ที่ป๊าเพิ่งจะถอยให้ผมสดๆร้อนๆเลย

ผมบอกให้ลุงคนขับกลับบ้านไปเลยเพราะผมจะไปรับไอ้ตัวยุ่งด้วยตัวเอง 

ผมขับรถด้วยความเร็วที่ค่อนข้างจะน่ากลัวเพราะตอนนี้มันเป็นเวลาที่ใกล้จะเลิกเรียนแล้ว เดี๋ยวถ้าเลิกเรียนคนก็จะเยอะ  ผมไม่ค่อยชอบที่ๆมีคนเยอะๆเท่าไหร่

และในขณะที่ผมกำลังขับรถวนอยู่ในโรงเรียนเพื่อหาไอ้ดื้ออยู่นั้นสายตาของผมก็ไปปะทะกับแผ่นหลังเล็กๆแผ่นหนึ่งที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปทางหอ  หึ เจอสักที


-ปี๊ดดดดดดด-


ผมบีบแตรเรียกคนข้างหน้าแล้วก็ได้ผลครับ คนตัวเล็กที่เดินอยู่สะดุ้งนิดๆ    แต่ก็ยังไม่ยอมหันมาทางผมอยู่ดี  นี่มึงคิดจะเล่นสงคามประสาทกับกูเหรอโจ

-ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด-

ผมบีบแตรอีกครั้ง ครั้งนี้มันหันกลับมามองนะ  แต่มันคงจะไม่รู้ว่าคนในรถเป็นใครเพราะมันยังไม่เคยเห็นรถคันนี้ของผม และอีก
อย่างรถผมก็ติดฟิล์มดำด้วย

“สัดโจ ไม่ได้ยินเสียงแตรรึไง” ผมตัดสินใจลดกระจกและชะโงกหน้าออกไปตะโกนเรียกมัน

“หืมมมม”  ไอ้โจยังคงทำหน้างงๆอยู่  มึงจะมาโง่อะไรตอนนี้วะดื้อออออ

“ขึ้นรถมาเลย” ผมพูดออกไป  ต่ดูเหมือนโจจะยังไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่

“ยึกยักนะมึง จำผัวตัวเองไม่ได้รึไง”  เล่นไม้ตายเลยครับ  หน้าของโจขึ้นสีเล็กน้อย หึๆต้องให้เล่นไม่แข็งสินะ

“เอ่ออ” ยังครับ  มันยังทำหน้าเอ๋อไม่เลิก

“จะยืนเอ๋ออยู่อีกนานมั้ย”

“เอ่อ”  โจยังคงยืนอ้าปากค้างอยู่บบนั้น  คือก็เข้าใจนะว่าตกใจ  แต่ว่าอะไรมันจะนานขนาดนั้นล่ะเนี่ย

“ยัง ยัง  จะให้กูลงไปอุ้มขึ้นมาใช่มั้ย”  ผมพูดขู่โจพร้อมกับทำท่าเหมือนกับจะก้าวลงจากรถ

“เออๆๆ  แล้วมึงจะพากูไปไหน”  โจยังไม่ยอมขึ้นรถครับ มันคงจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ผมขู่ไว้ทางโทรศัพท์ก่อนจะกลับมาหามัน  งั้นดีเลย  ขอแกล้งมันหน่อยเหอะ

“บ้าน”  ผมแอบทำหน้าหื่นๆใส่มันด้วยแหละ  กร๊ากกกกก  ฮาว่ะ

“ไปทำไม” สีหน้ามันตอนนี้ แบบว่าระแวงมากก  ดีกูชอบบบบ(โรคจิตเกินไปแล้ว)

“เอา”  ฮ่าๆๆๆๆ  ผมแทบจะหลุดขำออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมันตอนที่ผมพูดออกไป  ทำตัวน่ารักตลอดเลย  แฟนใครก็ไม่รู้???



 ระหว่างทางกลับบ้านผมก็ต้องพยายามปั้นหน้าโหดเพื่อที่จะแกล้งมัน  เอาจริงๆมั้ย ผมไม่ได้โกรธอะไรมันมากมายหรอก  ก็แค่จะกลับมาพูดเรื่องไอ้พี่เบสนั่นกับมันตรงๆ เพราะเรื่องแบบนี้ผมคิดว่าถ้าคุยทางโทรศัพท์บางทีมันอาจะไม่เคลียร์ก็เลยตัดสินใจกลับมาคุยกับมันแบบตัวๆเลย



พอถึงบ้านผมก็ได้เก็บเล็กเก็บน้อยจากตัวโจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย (ถึงจะอยากก็เถอะ)  เพราะการตอบสนองของโจทำให้ผมใจอ่อน ผมไม่คิดเลยว่าโจจะอ่อนหัดขนาดนี้  นี่ผมแค่จูบแค่แตะนิดๆหน่อย โจก็เริ่มจะยืนไม่อยู่แข้งขาอ่อนไปหมด  น่ารักจริงๆคนเรา

-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว-

อืมมมมมม  โทรศัพท์ผมนี่ อืมมมม  อยู่ไหนวะ

ผมพยายามจะเอามือควานหาโทรศัพท์ทั้งๆที่ตายังปิดอยู่  ว่าแต่นี่ผมหลับไปตอนไหนเนี่ย เมื่อกี๊ยังนอนคุยเล่นกับโจอยู่เลย 
สงสัยว่าผมจะเหนื่อยเกินไปจริงๆ  ถึงได้หลับไปแบบไม่รู้ตัวขนาดนี้

พอคว้าโทรศัพท์ได้ผมก็พยายามจะแหวกขี้ตาขึ้นมาดูว่าใครโทรเข้า  แต่พอผมเห็นชื่อผมก็ลุกขึ้นนั่งทันที

-Pontz’s Plus-

เออ    ลืมไปเลยว่าจะโทรหาน้องพลัส   พอได้สติผมก็ลุกจากเตียงเบาๆแล้วเดินไปที่ระเบียงเพื่อที่จะคุยโทรศัพท์ ที่ผมไม่คุยที่
เตียงเพราะไม่อยากให้เสียงดังรบกวนแล้วผมก็ไม่อยากให้โจรู้เรื่องน้องพลัส เพราะถึงผมจะสนใจน้องเค้าแต่ผมก็ไม่คิดจะทิ้งโจไปอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้โจต้องคิดมากกับเรื่องนี้เลยตัดปัญหาโดยการไม่ให้โจรู้ไปเลย

“ว่าไงครับ” ผมเอ่ยทักทายคนในสวยด้วยน้ำเสียงหวานปนอ้อนนิดๆ

(พี่ป๊อนซ์อยู่ไหนแล้วครับ) เสียงคนในสายถามมาด้วยความเป็นห่วง

“คิดถึงพี่ล่ะสิ”  ผมลองหยอดน้องพลัส  ดูซิว่าน้องจะตอบว่าอะไร

(อะ เอ่อออ  ครับ)  เสียงตอบกลับมาแบบค่อยๆ  ผมว่าตอนนี้น้องต้องก้มหน้างุดๆอยู่แน่ๆเลย  เฮ้ออออ น่ารัก

“พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกันแหละ” ผมพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์นิดๆ  ผมชอบแกล้งน้องนะ  ผมว่าน้องเป็นคนที่หน้าแดงง่ายมากๆเลยล่ะ

เสียงขยับตัวของโจ ทำให้บทสนทนาของผมหยุดลงก่อนที่จะเดินไปหาโจที่เตียง

ผมนั่งลงข้างโจเบาๆก่อนจะยื่นมือไปลูบผมโจเล่น  ผมชอบผมของโจนะเพราะว่ามันจะนุ่มแล้วก็ลื่นอีกต่างหาก  ที่สำคัญมันหอมมากๆด้วย

“ว่าไงนะ  เมื่อกี๊คุยถึงไหนแล้ว” ผมกลับมาคุยกับน้องพลัสต่อในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ก็คอยลูบผมโจอยู่เรื่อยๆ  เพื่อเป็นการกล่อมโจให้หลับสบาย 

(เอ่อ  ไม่รู้สิครับ  ว่าแต่พี่ป๊อนซ์จะกลับวันนี้เลยมั้ยครับ) น้องพลัสพูดถามผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆ  ถ้าให้ผมเดาผมว่าน้องต้องร้องไห้
อยู่แน่ๆเลย  นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆนะ จะจับมากอดปลอบซะเลย

“ครับๆ  พี่กลับวันนี้ค่ำๆน่ะ เดี๋ยวก็เจอกันแล้ว  อย่างอแงสิครับ” 

(ครับ ล้วตกลงนี่พี่ป๊อนซ์กลับบ้านไปทำไมอ่ะครับ) น้ำเสียงของน้องค่อนข้างกลับมาเป็นปกติแต่ก็มีเสียงขึ้นจมูกบ้างเป็นบางครั้ง

“พี่บอกแล้วไงครับ ว่าพี่กลับมาเคลียร์ปัญหากับ ‘เพื่อน’ นิดหน่อย” 

(อ๋อ ครับๆ กลับมาเร็วๆนะครับ ผมคิดถึง  ผมรักพี่ป๊อนซ์นะครับ)  เฮ้ยยยย  เซอร์ไพรส์โคตรๆเลย  ผมไม่คิดเลยว่าน้องพลัสจะพูด
บอกรักผมแบบนี้  แอบตื้นตันนะเนี่ย

“ครับๆ รักเหมือนกัน บายครับ” ผมตอบกลับน้องพลัสไปแบบเดียวกับที่น้องตอบผมมาทั้งๆที่ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าไอ้ที่ผมรู้สึกกับ
น้องเค้าตอนนี้มันใช่ความรักรึเปล่า หรือมันอาจจะเป็นแค่ความชอบ หรือความเอ็นดูผมก็ไม่รู้  แต่ที่แน่ๆคือความรู้สึกที่ผมมีกับน้องเค้ามันเทียบกันไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่ผมมีให้คนที่นอนอยู่ข้างๆผมตอนนี้

ผมอาจจะต้องการเวลาสักหน่อยในการพิสูจน์ว่าตกลงแล้วผมรู้สึกยังไงกับน้องพลัสกันแน่ แล้วถ้าผมรู้แล้วผมก็ต้องมานั่งคิดอีกที
ว่าผมควรจะทำยังไงต่อไป  แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง

ผมค่อยๆปิดตาและปล่อยให้ความคิดไหลปนกันไปมาในหัว  แล้วก็เผลหลับไปอีกครั้งนึง



“อืมมมมมม” ปวดหัวอ่ะ  ไม่น่านอนตอนเย็นเลย

“ดื้อออ” ผมเรียกคนข้างกายพร้อมกับวาดมือออกไปกะจะคว้าเข้ามากอด แต่ผมก็ต้องแปลกใจเมื่อข้างๆกายผมมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

“เฮ้ย ดื้อ” ผมตะโกนเรียกโจพร้อมกับเริ่มเดินหาไปจนทั่วห้องแต่ก็ไม่มีร่องรอยของโจเลยแม้แต่น้อย

ผมรีบวิ่งลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้านก่อนจะเดินตามหาโจอีกครั้ง

“ม๊า!!!!!!!!!” ผมตะโกนเรียกแม่จนเสียงก้องไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่กลางบ้าน

“ว๊ายยย  ตาเถรยายชี เป็นอะไรลูกตกใจหมด” แม่ผมเดินออกมาพร้อมกับเสียงโวยวาย

“ไอโจอ่ะ”

“อ๋อ เห็นม่บ้านบอกว่ากลับไปล้วนี่ตาป๊อนซ์”

กลับไปแล้วงั้นเหรอ กลับยังไง??  กลับกับใคร?? และอีกมากมายหลายคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวผม

“ม๊า ป๊อนซ์จะไปหาโจนะ” ผมพูดพร้อมกับเดินไปหยิบกุญจรถบนโต๊ะ

“เดี๋ยวตาป๊อนซ์ ลูกลืมไปแล้วรึเปล่าว่าต้องกลับไปแข่งบาสอีกนะ” เออว่ะ แม่งงงงทำไมมันต้องมามีเรื่องวุ่นวายเอาตอนนี้ด้วยนะ

“แต่....” ผมพยายามที่จะพูดปฏิเสธแม่

“ป๊อนซ์ ม๊าว่ากลับไปแข่งบาสให้เสร็จก่อน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะจองไฟลท์ที่เร็วที่สุดทันทีที่ลูกแข่งเสร็จเลยโอเคมั้ย” ผมเริ่มนิ่งและคิดตามคำที่แม่พูด

“โอเคครับ” ผมรับคำ


ระหว่างที่ผมนั่งรอก่อนที่จะขึ้นเครื่องอยู่นั้นผมก็ตัดสินใจโทรหาโจ เพื่อที่จะถามเหตุผลที่โจออกจากบ้านผมไปโดยไม่กล่าวลาผมสักคำ

“ฮัลโหล  มึงหายไปไหนวะโจ”ผมกรอกเสียงลงไปทันทีที่สัญญาณรอสายเงียบไป

(นี่กูพีเจนะ  ไอ้โจมันอาบน้ำอยู่) เฮ้ออออ  สบายใจไปเปราะนึงแล้ว  เพราะอย่างน้อยๆมันก็กลับถึงหอด้วยความปลอดภัย

“อ๋อ มึงเหรอ เออ แล้วไอ้โจมันกลับโรงเรียนไปยังไงวะ”

(กูไปรับมันเองแหละ  แล้วนั่นมึงจะขึ้นเครื่องยัง) อ๋อออ โทรให้พีเจมารับนี่เองสงสัยจะติดงานอะไรละมั้งเนี่ยย แต่ก็นะมันน่าจะ
บอกผมหน่อยไม่ใช่ปล่อยให้ผมเป็นห่วงบบนี้

“ใกล้แล้ววะ  แม่งกูกลับมากะว่าจะเคลียร์เรื่องไอ้เบสนั่นสักหน่อย  ดันหนีกลับไปซะก่อน” ผมระบายความคิดในหัวของผมไปให้
พีเจฟัง

(มันบอกว่าเห็นมึงเหนื่อยๆเลยไม่อยากให้ขับรถไปมาหลายรอบ) ว๊ายยยย  ที่แท้ก็เป็นห่วงเค้านี่เองงงงง   แอบดีใจนิดนึงนะเนี่ย

“อ๋อๆ เออ งั้นไม่มีอะไรแล้วฝากไอ้โจด้วยนะ ว่ากูโทรมา”

(เออๆ เดินทางดีๆนะมึง)

“อือๆ” ผมตอบรับคำของพีเจสั้นๆ ก่อนจะตัดสายไป


และล้วผมก็กลับมาเหยียบแผ่นดินถิ่นอีสานอีกครั้ง  เฮ้ออออ  อย่างกลับบ้านนนนน

-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว –

อ้าว ใครโทรมาอีกละเนี่ย ไม่คิดจะให้กูหายใจหน่อยรึไง

-PJ-

ผมกดรับสายพีเจทันที

“มีไรรึเปล่ามึง”

(ป๊อนซ์กูถามมึงจริงๆนะ)

“ว่า??” ผมถามพีเจไปอย่างงงๆ  อะไรของมันวะเนี่ย

(มึงกับไอ้โจมีปัญหาอะไรกันรึเปล่าวะ) หา!!!!! ผมกับโจเนี่ยนะ

“ก็ปกติดีนี่หว่า มีอะไรงั้นเหรอ”

(มึงรู้มั้ยว่ากูงงมาก เพราะอยู่ดีๆ ไอ้โจก็โทรมาบอกให้กูไปรับมันที่บ้านมึง)

“อืม” ผมตอบรับคำพีเจนิ่งๆเพราะตอนนี้น้ำเสียงของพีเจฟังดูเครียดมากจนผมสังหรณ์ใจแปลกๆว่ามันจะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง

(พอกูไปถึงมันก็รีบขึ้นรถมาทันที แล้วมันก็เงียบไม่พูดอะไรเลย แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้กูตกใจเท่ากับว่าอยู่ดีๆมันก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก กูขอย้ำว่าหนักมากๆ) หัวใจผมไหววูบทันทีที่พีเจพูดเสร็จ ร้องไห้งั้นเหรอ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาหาผมทันที หรือว่าโจจะรู้เรื่องน้องพลัส?????

“เฮ้ออออ  กูผิดเอง กูผิดเอง...” ผมพูดกับตัวเองซ้ำๆ อย่างหยุดไม่ได้

(กูจะไม่ถามมึงนะว่าเรื่องอะไรแต่ในเมื่อมึงรู้ตัวเองล้วว่ามึงทำอะไรผิด มึงก็ควรจะเคลียร์กับไอ้โจให้รู้เรื่อง กูไม่อยากให้พวกมึงมีปัญหากันเพราะยังไงพวกมึงก็เพื่อนกูทั้งสองคน)

“อืม” ผมรับคำสั้นๆ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันหนักอึ้งไปหมด ผมทำให้คนที่ผมรักมากที่สุดร้องไห้ อีกทั้งตอนที่เค้ากำลังเสียใจอยู่
ผมก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ได้อยู่ข้างๆเค้า

(เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูดูไอ้โจให้ ส่วนมึงพรุ่งนี้ก็ทำให้เต็มที่โอเคมั้ย)

“อืม”

(แค่นี้นะมึง โชคดี)

“อืม” แล้วพีเจก็ตัดสายไป  ปล่อยให้ผมจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง




“ไอ้ป๊อนซ์ไปขึ้นรถไป” เสียงเรียกพร้อมกับแรงจากการสะกิดผมจากข้างหลังทำให้ผมหลุดกลับจากห้วงของความคิดมาเผชิญหน้ากับโลกของความเป็นจริง

“อ้าวพี่โบ๊ทมานานยังอ่ะ” ผมหันไปยิ้มให้พร้อมกับทักทายหลังจากที่เห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังผมนั้นคือพี่โบ๊ท โค้ชคุมทีมนั่นเอง

“ก็สักพักอ่ะ โทรมามึงก็ไม่รับ  แล้วนี่กูก็มายืนเรียกมึงตั้งนานแล้วเนี่ย มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะ” พี่โบ๊ทถามพร้อมกับบีบไหล่ให้กำลัง
ใจผม

“นิดหน่อยครับ” ผมบอกพี่โบ๊ทไปตามตรง 

“อืมมม  แล้วพรุ่งนี้มึงจะแข่งไหวมั้ยเนี่ย”

“ไหวดิพี่” ผมหันไปยิ้มให้พี่แกอีกครั้ง

“ไปเหอะมึง ไปคุยกันต่อบนรถ”

“ครับ”



ระหว่างที่รถกำลังจะเข้าจอดเพื่อที่จะส่งผมที่หอพักนักกีฬา สงไฟหน้ารถก็สาดไปกระทบกับร่างๆหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าหอ

“พลัส” ผมเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย เมื่อเห็นว่าร่างที่นั่งอยู่นั่นคือใคร  อันที่จริงผมก็กะว่าจะกลับมาเคลียร์กับน้องพลัสให้รู้เรื่อง
เหมือนกัน ต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เคลียร์เร็วขนาดนี้

“อ้าวยังนั่งอยู่อีกเหรอ” พี่โบ๊ทเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะแปลกใจ

“ทำไมอ่ะพี่”

“ก็น้องแกเล่นมานั่งตั้งแต่ตอนเย็นโน่น แล้วนี่มันจะเที่ยงคืนอยู่ล้วเนี่ย ใครบอกให้ขึ้นไปนอนน้องแกก็ไม่ขึ้นไปสักที บอกว่าจะคุยกับพี่ป๊อนซ์ก่อน” ป๊อนซ์ ป๊อนซ์อีกแล้วเหรอ ผมชักจะเกลียดตัวเองขึ้นอีกล้วสิ นี่ผมทำให้ใครต้องเดือดร้อนต้องเสียใจไปกี่คนแล้วเนี่ย

“ขอบคุณนะพี่” ผมรีบหันไปพูดขอบคุณกับพี่โบ๊ทก่อนจะรีบลงจากรถเพื่อมาคุยกับน้องพลัสที่นั่งรออยู่

“พลัส” ผมเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าตามตัวของน้องแกมีแต่รอยแดงจางๆกระจายไปทั่ว ส่วนที่ข้อมือนี่ดูจะหนักสุดเลย
เพราะมันเป็นรอยแดงอย่างชัดเจน และดูเหมือนว่าจะช้ำเลือดด้วยนิดๆ

“อ้าวพี่ป๊อนซ์” น้องพลัสเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับผม  และผมก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อ พบว่าถึงริมฝีปากของน้องแกฉีกยิ้มกว้างให้
ผมอย่างสดใส แต่น้ำตาที่ไหลอาบแก้มและนัยย์ตาเศร้าของน้องแกนั้นดูไม่เข้ากันเลยกับรอยยิ้ม

“เอ่ออ พลัสเป็นอะไร ใครทำอะไรพลัสน่ะ” ผมพูดพร้อมกับจะเข้าไปจับแขนน้องขึ้นมาเพื่อดู แต่พลัสกลับนั่งลงกับพื้นก่อนก้มหัว
ลงจนเกือบจะชนพื้น

“พลัสขอโทษ พลัสขอโทษ  ฮึก  ฮืออออ พลัส ไม่รู้ว่าพี่ป๊อนซ์มีแฟนแล้ว ฮึกก ฮืออออ พลัสขอโทษ”  ผมทรุดลงพร้อมกับดึงพลัสเข้ามากอดไว้ทันที แต่อ้อมกอดนี่ไม่ใช่เหมือนอ้อมกอดที่ผมให้กับโจ มันเป็นอ้อมกอดที่แสดงถึงความเป็นห่วง และความรัก....แบบพี่ชาย

“พลัสเงยหน้ามองพี่  พลัสเงย!!!” ผมเผลอตะคอกใส่พลัสไปเมื่อพลัสไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผม ทันทีที่สิ้นคำตะคอกของผม
พลัสก็สะดุ้งสุดตัวพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนักอีกครั้ง

“ฮืออออ  พลัสกลัวแล้ว พลัสจะไปขอโทษพี่ป๊อนซ์  ฮืออออ” ผมว่านี่มันชักจะยังไงๆแล้วนะ

“น้องพลัสเงยหน้าขึ้นมามองพี่ป๊อนซ์” ผมพูดบอกพลัสด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลที่สุดตอนนี้

“........” พลัสค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผม  ตาที่บอบช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนักคู่นั้นมองผมด้วยสายตาที่รู้สึกผิดเสียเต็มประดา
ละนั่นก็ทำให้ความรู้สึกผิดของผมมันยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีกเป็นร้อยๆเท่า

“พลัสไม่ผิดเลยโอเคมั้ย  พี่ผิดเอง พี่ผิดเองที่ทำบบนั้น ที่ให้ความหวังพลัสทั้งๆที่พี่เองก็มีคนที่พี่รักสุดชีวิตอยู่แล้ว ตอนแรกพี่ก็
ยอมรับนะว่าพี่สับสนว่าพี่คิดยังไงกับพลัสกันแน่  แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าพี่คิดกับพลัสเหมือนพลัสเป็นน้องชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง” ผมพูดสารภาพกับพลัสไปจนหมด พลัสค่อยๆยิ้มออกมาอีกครั้ง

“ครับ ผมก็รักพี่ป๊อนซ์บบพี่ชายเหมือนกัน” พลัสพูดพร้อมกับกอดเข้าที่เอวของผม

“โอเคเราสรุปว่าตอนนี้เราคุยกันเข้าใจแล้วนะ”

“ครับ” พลัสตอบพร้อมกับยิ้มให้ผมจนตาหยี เฮ้ออออ ทำไมผมในตอนแรกถึงนึกไม่ออกนะว่าความรู้สีกที่ผมมีกับน้องพลัสนั้นมัน
เป็นความรู้สึกแบบ เอ็นดู  ไม่ใช่ อยาก ดูเอ็นเหมือนกับโจ (ขอหื่นนิดนึง ดราม่ามาเยอะ)

“เอาล่ะ งั้นบอกพี่มาซิว่าใครทำแบบนี้กับเรา” ผมพูดพร้อมกับจับหน้าของพลัสให้ประจันหน้ากับผม

“เอ่ออ ไม่มีอะไรหรอกครับ” พลัสปฏิเสธพร้อมกับยิ้มให้ผมแบบเหนื่อยๆ ไม่ใช่ยิ้มแบบสดใสเหมือนครั้งอื่นๆ

“โอเค ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าพี่มารู้ตอนหลังว่ามันเป็นใครมันก็ต้องชดใช้ที่ทำกับน้องของพี่แบบนี้”

“พี่ป๊อนซ์อย่าไปทำอะไรพี่ปะ..อุ๊บ” พลัสเอามือปิดปากตัวเองทันทีเมื่อกำลังจะหลุดชื่อของคนที่ทำร้ายน้องออกมา

“โอเคๆ พี่จะไม่คาดคั้นนะ ไปนอนเหอะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”

“ครับ” ผมพยุงน้องให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่น้องจะหันมาโบกมือให้ผม พร้อมกับเดินไปยังหอพักของน้อง

เฮ้ออออออออออ  สบายใจไปนิดนึงแล้ว เพราะอย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็เคลียร์กับพลัสไปเสร็จแล้วแถมยังได้น้องชายที่โคตรจะน่า
รักมาเพิ่มอีกคนนึงด้วย  จะหนักอยู่ก็ฝั่งโจเนี่ยแหละที่ดูท่าว่าจะไม่ใช่งานง่ายเลย




“ไปป์ส่งมาให้กู!!!!” ผมตะโกนบอกไปป์ให้ส่งบาสในมือมาให้ผม

“ป๊อนซ์รับ” ไปป์ตะโกนก่อนจะส่งบาสมาให้ผมอย่างรวดเร็ว แล้วผมก็จัดการชู้ตแบบเช็ดแป้นลงไปอย่างสวยงาม ฮ่าๆๆๆ สมกับเป็นป๊อนซ์จริงๆ (อวยตัวเองตลอด)

และเกมส์การแข่งขันก็ดำเนินมาจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของควอเตอร์สุดท้าย

“ไอ้ไปป์รับ” ผมเรียกไปป์ก่อนจะส่งลูกไปให้ไปป์จัดการ  และมันก็เป็นไปตามที่คาดไว้แหละครับ  ไอ้ไปป์ก็ชู้ตลูกลงห่วงอย่าง
สวยงามก่อนที่เสียงนกหวีดหมดเวลาจะดังขึ้นเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

“เหยดดดดดดดดดดดดดดดด  ชนะโว๊ยยยยยยยย!!!!!” ผมตะโกนก่อนจะวิ่งไปกระโดดเกาะบนคอ แล้วโยกหัวมันไปมา



หลังจากช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะผ่านไป ผมก็ต้องตั้งหน้าตั้งตารีบบึ่งกลับไปง้อเมียเป็นการด่วน

“พี่ป๊อนซ์” เสียงเรียกเบาๆดังขึ้นจากหลังต้นไม้ต้นใหญ่

“เอิ่มม ใครอ่ะ” ผีรึเปล่าวะ แต่แบบว่าตอนนี้มันเที่ยงเปรี้ยงๆเลยน่ะสิ

“พลัสเองครับ” เสียงตอบเบาๆดังมาจากหลังต้นไม้

“อ้าวพลัสเองเหรอ”

“ครับ คือพลัสอยากมาส่งพี่อ่ะครับ” พลัสเดินออกมาจากหลังต้นไม้ช้าๆ

วันนี้เป็นวันที่อากาศโคตรจะร้อนแต่พลัสกลับใส่เสื้อกันหนาวแบบมีฮู้ดมา  แถมไซส์มันยังใหญ่จนพลัสใส่แล้วมันก็เลยขนพลัส
ออกมาเป็นคืบเลย 

“ไม่ร้อนรึไง” ผมถามพร้อมกับยื่นมือไปจับที่หูแมวที่อยู่บนฮู้ด

“นิดหน่อยครับ”

“งั้นจะใส่มาทำไม” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงมือของพลัสออกมาจากแขนเสื้อ  แต่ผมต้องถึงกับชะงักเมื่อเห็นว่ารอยตามตัวของพลัสมันชัดขึ้นมากกว่าเมื่อวาน แถมบางแห่งยังเป็นรอยใหม่อีกด้วย

“เอ่อ คือ...” พลัสทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อผมใช้สีหน้าคาดคั้นกับตัวเอง

“ใคร?” ผมถามออกไปสั้นๆ ละพยายามที่จะข่มน้ำเสียงโมโหเอาไว้

“เอ่ออ...”

“ไอ้ป๊อนซ์ ทำไรอยู่วะ เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก” ระหว่างที่พลัสกำลังอึกอักอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกผมดังมาจากข้างหลัง

“เออกำลังจะไปแล้ว” ผมหันไปบอกไอ้ไปป์ ก่อนจะหันมาหาพลัสอีกครั้ง

“พลัส พี่ย้ำอีกครั้งนะ อย่าให้พี่รู้ว่ามันเป็นใคร”

“ครับ” พลัสตอบพร้อมกับก้มหน้างุดๆมองพื้นดินอีกเช่นเคย

“พี่กลับก่อนนะ ว่างๆแล้วเดี๋ยวโทรมาหา” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปยีหัวน้องเบาๆ

“ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ” พลัสบอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกมือให้ผมช้าๆ

ผมเดินออกมาจากใต้ต้นไม้นั้นก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสนามบินทันที 

เฮ้อออ  ตายแน่กู โจอย่าโกรธกูเลยนะ TT





ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ต่อจากด้านบนค่ะ
[/size]


ทันที่ที่ผมลงจากเครื่องผมก็บอกคนขับรถที่มารับว่าให้กลับไปได้เลยแต่เค้ากลับบอกว่าพ่อกับแม่ให้พาผมกลับบ้านก่อน ผมก็เลยต้องจำใจขึ้นรถกลับบ้านก่อนที่จะไปง้อโจที่โรงเรียน


“ไงไอ้เสือ” เสียงของพ่อดังขึ้นทันทีที่ปลายจมูกผมโผล่เข้าประตูบ้านมา

“ดีป๊า” ผมหันไปทักทายพ่อที่นั่งจิบชามะนาวเนสทีอยู่หน้าทีวี

“จำเริญนะมึง ทักพ่อมึงแบบนั้นได้ไงวะ” พ่อผมโวยขึ้นมาเบาๆ แหมทำเป็นขึ้นเชอะ ไม่ง้อ

“เออแล้วนี่จะให้ผมกลับบ้านมาก่อนทำไมเนี่ย ผมจะรีบไปง้อโจ” ผมหันไปบ่นใส่พ่อ

“ทะเลาะกันเหรอวะ”

“ครับ นิดหน่อยอ่ะ”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ มึงมีคนอื่น”

“ก็โจเค้าเข้าใจว่าแบบนั้น”

“มันต้องอย่างนี้ ถึงจะสมกับเป็นลูกกูหน่อย” พ่อพูดแล้วยกชามะนาวขึ้นจิบก่อนจะทำหน้าภูมิใจ  พ่อใครวะเนี่ยโรคจิตชิบ ==

“แล้วตกลงว่าจะให้ผมกลับบ้านมาก่อนทำไมอ่ะ”

“ไปถามเมียกูดู กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” พ่อหันมาพูดพร้อมกับหันไปสนใจทีวีที่อยู่ตรงหน้าแทนลูกอย่างผม 

“ม๊า!!!!!!!!” ผมตะโกนเสียงดังจนก้องไปทั่ว

“ตะโกนหาแม่มึงเหรอไอ้ป๊อนซ์” พ่อยกมือขึ้นมาปิดหูก่อนจะหันมาด่าผม

“เยสสสส  ใช่แล้วผมกำลังตะโกนหาแม่อยู่”

“กวนตีนนะมึงอ่ะ” พ่อผมพูดพร้อมกับชี้หน้าผม ส่วนผมน่ะเหรอ ยิ้มกว้างให้พ่ออย่างรักใคร่ ฮ่าๆๆๆ หนุกดี

“คุณค่ะ ชี้หน้าลูกแบบนั้นได้ไง” แม่เอ็ดพ่อทันทีที่เห็นว่าพ่อกำลังชี้หน้าผมอยู่

“เออ แม่งงง” พ่อหันมาทำแก้มป่องใส่แม่ก่อนจะสะบัดหน้าไปมองทีวีต่อ

“เหอะทำตัวเป็นเด็กๆไปได้  เออใช่ตาป๊อนซ์เรียกแม่ทำไมจ๊ะ” แม่พูดพร้อมกับเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ

“ผมจะถามว่าแม่เรียกผมกลับมาที่บ้านทำไมอ่ะครับ”

“ก็แม่เห็นว่าลูกอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่ก็เลยยังไม่อยากให้ออกไปไหน  อีกอย่างคือแม่ไม่อยากให้ลูกขับรถด้วย มันอันตราย” แม่พูด
พร้อมกับเลือนมือจากหัวลงมาวางบนไหล่ของผม

“ครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผม” ผมพูดพร้อมกับกอดเอวแม่ไว้แน่น

“จ้า เอาล่ะ ขึ้นไปนอนพักผ่อนก่อน คืนนี้ที่โรงเรียนเค้ามีงานกันใช่มั้ยล่ะ เดี๋ยวพักผ่อนให้เต็มที่แล้วตอนค่ำๆค่อยขับรถไปเองโอ
เคมั้ย”

“ครับ” ผมตอบรับแม่พร้อมกับเอาหน้าซบลงที่คอแม่พร้อมกับกอดเอาไว้หลวมๆ

“ไอ้ป๊อนซ์ปล่อยมือออกจากเมียกูเดี๋ยวนี้เลย!!!!” มาแล้วครับ ฮ่าๆๆๆๆ

“คุณค่ะ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้พูดเพราะๆกับลูกอ่ะ”

“นี่คุณเข้าข้างมันเหรอ” พ่อพูดพร้อมกับชี้นิ้วที่สั่นระริกนั้นมาทางผม

“คุณสันติ!!!” แม่ผม เผลอเสียงดังใส่พ่อผมไปครั้งหนึ่ง

“เออ แม่งงอนแล้ว” แล้วพ่อก็เดินออกไปเลย  ดูสิครับครอบครัวผมม่งโคตรหรรษาเลย

“เฮ้ออออ ฉันละปวดหัว” ผมผละออกจากแม่ก่อนจะหอมแก้มแม่หนึ่งที

“ผมขึ้นไปนอนก่อนนะครับ”

“จ้ะ เดี๋ยวแม่จะขึ้นไปเคลียร์บัญชีเหมือนกัน พอถึงเวลาแล้วแม่ไปปลุกนะปลุกนะ”

“ครับ”

ผมเดินตรงไปยังบันไดพร้อมกับแม่ที่กำลังจะขึ้นไปเคลียร์บัญชีของบริษัทบนห้องทำงาน

“ก็ใช่สิ ฉันมันไม่ดีอย่างเค้าไม่ค่อยหน้าแคร์เท่าไหร่ ได้แต่น้อยใจเบาๆอย่างนี้ ก็ใช่สิ” โอ๊ยยยยย ตายๆๆพ่อผมไปแล้วววว

“ไปเหอะลูก” แม่ทำหน้าเอือมก่อนจะดันหลังผมให้เดินขึ้นบันไดต่อไป



หลังจากที่ผมได้นอนอย่างเต็มอิ่มแล้ว แม่ก็ขึ้นมาปลุกให้ผมอาบน้ำแต่งตัวและลงไปกินข้าว

ผมวางช้อนลงก่อนจะยกน้ำขึ้นกิน

“อิ่มแล้วเหรอลูก” ม่หันมาถามผมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ครับ ผมไปก่อนนะครับ” ผมหันไปไหว้แม่ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามและไหว้พ่อที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

“โชคดีนะลูก ขับรถอย่าประมาทเข้าใจมั้ย”

“ครับ”

“ง้อเค้าให้ได้ล่ะมึง อย่าให้เสียชื่อกู” พ่อเงยหน้าขึ้นมาบอกผม

“ครับ”

ผมเดินออกมาจากบ้านโดยไม่ลืมที่จะคว้ากุญแจรถออกมาด้วย  วันนี้จะไปง้อเมีย เอา alfa romio spider ไปดีกว่า เอาแบบว่าให้โจประทับใจไปเลย


พอขับถึงโรงเรียนผมก็รีบจอดรถก่อนจะเดินตรงไปยังหอประชุมของโรเงรียนทันที
แต่เสียงที่ดังออกมาจากหอประชุมนั้นทำเอาผมก้าวขาไม่ออก

นี่ ฮึก ฉันยัง ฮึก ดีไม่พอ หรือเธอ ฮึก ไม่พอสักที
ที่ฉันทำทุกๆอย่าง ฮึก  เห็น ฮือออ ใจกัน  ฮึก บ้างมั้ยย
ต้อง ฮือออ ให้ใจ ฮึก ฉัน ทั้งโดนย่ำ โดน ฮึก เหยียบเพียง ฮึก ใด ฮือออออ

ผมค่อยๆเอามือไปจับที่ประตูหอประชุมช้าๆก่อนจะผลักให้มันเปิดออกแล้วเดินเข้าไปด้านใน   แม้ว่าเสียงด้านในจะโหวกเหวกโวยวายขนาดไหน แต่ตอนนี้ผมกลับหูอื้อไปหมดเมื่อเห็นร่างบางที่ผมได้ทำร้ายเขาไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว  ผมทำร้ายความรู้สึกดีๆที่เขามีให้ผมโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ

เธอจึงคิดที่จะ ฮึก เปลี่ยน และ ฮึก ฮือออ  กลับมา ฮึก รักแค่ฉัน ฮึก เพียงคนเดียวว
แล้วนี่มัน ฮึก คืออะไร  ฮือออ  ฉัน ฮึก ทำไปแค่ไหน อึก
แล้วเธอก็อย่างดิม  ฮืออออ  แล้ว ฮึก เธอ ฮือออ ก็ยัง ฮึก  มี  ฮือออ  ใคร ฮืออออ
ฮืออออออออ  ฮึกกกกกก  ฮือออออออ


แล้วโจก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนร้องเพลงต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ไอ้ลิ้มจึงต้องเดินมาร้องเองโดยที่โจก็ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ยืนปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่หยุด
มีมือข้างหนึ่งวางบนไหล่ผม

“สู้ๆนะมึง” ไอ้พีเจพูดพร้อมกับบีบไหล่ผมเบาๆเพื่อเป็นการให้กำลังใจ

ผมหันไปพยักหน้าให้พีเจก่อนจะเดินหวกฝูงชนด้านข้างเวที เพื่อที่จะขึ้นไปหาคนที่ยืนร้องไห้สะอื้นจนตัวโยนอยู่บนเวที 

นี่ฉันยังดีไม่พอ หรือเธอไม่พอสักที
ที่ฉันทำทุกๆอย่างเห็นใจกันบ้างมั้ย
ต้องให้ใจฉันทั้งโดนย่ำโดนเหยียบเพียงใด
เธอจึงคิดที่จะเปลี่ยนและกลับมารักแค่ฉันเพียงคนเดียว

เสียงเพลงจบลงพร้อมๆกับที่ผมขึ้นไปบนเวทีได้พอดี  ผมค่อยๆก้าวไปยืนหน้าร่างของโจช้าๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดน้ำตาให้โจ  ตอนนี้ความรู้สึกผิดกำลังพุ่งเข้ามาใส่ผมอย่างไม่ยั้ง ผมไม่คิดเลยว่าผมจะทำให้โจเป็นถึงขนาดนี้  โจคงจะเจ็บ  เจ็บมากก
แต่เค้าจะรู้รึเปล่าว่าตอนนี้ ทันทีที่ผมเห็นน้ำตาของเขาผมก็มั่นใจได้เลยว่าผมเจ็บกว่าเค้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า หยาดน้ำหยดเล็กๆที่ไหลออกมาตาคู่สวยของคนที่ยืนตรงหน้าผมตอนนี้มีอิทธิพลกับตัวผมมาก  เพราะผมรู้ว่ามันไม่ได้เป็นแค่น้ำแต่มันคือความผิดหวัง ความเสียใจ และอีกหลายความรู้สึกที่ปะปนกันอยู่

ผมค่อยๆเอ่ยปากพูดคำคำหนึ่งที่ ผมคิดว่าคำคำนี้จะสามารถแทนความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีต่อเค้าในตอนนี้ออกไปได้



“โจ ป๊อนซ์ขอโทษ”


........................................TBC.....................................

อ๊ากกกกกกกกกกกก  ยาวววววววมากกกกกกก 

อยากจะบอกว่าแต่งตั้งแต่ตี 2 ยัน ตี 5 ดังนั้นแล้ว ไม่ได้นอนเจ้าค่าาา  :really2:

แต่เมามันส์ในการแต่งมากกกกก 

คนเขียนขอติดประกาศไว้นิดนึงว่า
จะมีอีกคู่นึงเพิ่มเข้ามาจ้าาาาา  ลองทายกันดูแล้วกันเนาะว่าใครกับใคร?????

และก็เช่นเคยเหมือนทุกครั้ง

วันนี้ไม่มีโมเม้นต์เนอะ ขี้เกียจพิมพ์ ก๊ากกกกก กระโดดหลบกระสุน

อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
Pontz เอ๊ย   :m16: :m16: :m16:

แค่จากกันวันเดียวก็ใจโลเลแล้ว

แถมโทษว่าโจเข้าใจผิดไปเองอีก

น่าสงสารโจคบคนแบบนีทุกข์ทั้งชีวิต :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
อย่าให้อภัยง่ายๆนะโจ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ถึงป๊อนซ์จะบอกว่ารู้สึกผิดมากต่อโจ มันก็ยังรู้สึกสงสารโจอยู่ดี
นิสัยอย่างนี้มันต้องมีอีกแน่ ถ้าเจอคนน่ารักอีกก็ต้องไปติดอีก
โจอย่าไปยกโทษให้ง่ายๆนะ

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
โอ้ยป๊อนซ์ทำรายโจอ่ะ โจอย่าใจอ่อนน๊า

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
อีกคู่น่าจะ ไปป์ น้องพลัส แน่เลย   

เรื่องป้อนซ์ มันพูดยากนะ เพราะทำอะไรไม่นึกถึงจิตใจคนที่รัก มันน่านักเชียว

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
โจอย่าใจอ่อน ให้อภัยง่ายๆนะ ดัดนิสัยเลยคนแบบนี้

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
หนูโจของแม่

อย่ายอมนะลูก จัดไปซะให้เข็ดเลย
 :oak: :o211: o12
คนเราถ้ารักกันจริงก็อย่านอกใจซิ ดั๊นยอมไม่ได้ :m31: :m31:

เรื่องนี้จะไม่จบกันง่ายๆแน่นะนายป๊อน

ปล.คนเขียนรีเควสขอให้น้องโจงอลยาวเลย เชอะ  :a14: :a14:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
มีโมเม้นต์กับรูปมาฝากกันก่อนที่จะดราม่าอีกรอบ  :o12:

มาเริ่มที่โมเม้นต์กันก่อนเลย
:-[
-เวลาที่โจไปดูป๊อนซ์เล่นฟุตซอล  ก่อนที่ป๊อนซ์จะลงสนามป๊อนซ์ก็จะไปนั่งใส่รองเท้าใส่ถุงเท้าอยู่ข้างๆโจ  แต่นั่งกันค่อนข้างห่าง  ไม่เหมือนเวลานั่งกับเพื่อนคนอื่น  แต่เวลาจะคุยกันก็จะขยับเข้ามาจนใกล้กันมากๆ เกือบๆจะซ้อนหลังกัน แล้วป๊อนซ์จะเอี้ยวตัวไปข้างหลังก่อนจะกระซิบอะไรกับโจสักอย่าง  แต่พอมีเสียงกรี๊ด(เนื่องจากความฟิน)ดังขึ้น นางทั้งสองก็จะขยับห่างจากกันทันที
-ป๊อนซ์เดินหารองเท้าอยู่บนอาคารเรียนชั้น 2 คุยโทรศัพท์กับโจที่ยืนอยู่ชั้น 1 ตลอดเวลา จนป๊อนซ์มาด้านล่างถึงจะวางสาย #ห่างกันแค่นิดเดียวก็ไม่ได้นะ  ต้องคุยกันตลอดดดด

อันนี้ก็เป็นรูปจ้าาาาา (เพื่อนคนเขียนเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะไปถ่ายมา)
 มันเป็นรูปที่น้องแกกำลังเรียนเคมีกันอยู่ แต่ด้วยความขยันโจก็ฟุบลงไปก่อน  แล้วผ่านไปสักพักมันก็กลายเป็นแบบนี้  ป๊อนซ์ไม่ได้หลับหรอกนะ  แต่จะฟุบลงตรงข้ามโจอย่างนั้นทำไม อันนี้คนเขียนก็ไม่รู้เหมือนกัน  :impress2:


[attachment deleted by admin]

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
รอ ครับบบบบบ เสพติดความดราม่า

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 9
 


[Pontz x Joe]



[Joe]






ขอโทษ ทำไมผมถึงรู้สึกเกลียดคำๆนี้จังนะ ???

เหอะ แต่ก็ไม่แปลกหรอกนะที่ผมจะเกลียดคำๆนี้ เพราะว่าก่อนที่ใครสักคนจะพูดคำๆนี้ออกมาได้นั้นเค้าต้องไปทำเรื่องที่ยากแก่การให้อภัยมาก่อน

ผมปาดน้ำตาออกจนหมดพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปอย่างแรง 

ผมเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาเลยหลังจากที่ป๊อนซ์กล่าวขอโทษกับผม

“โจ..” น้ำเสียงแผ่วเบาที่เรียกชื่อของผมหลุดออกมาจากป๊อนซ์

“.....” ผมหันไปมองหน้าป๊อนซ์อย่างเต็มตาก่อนจะ ผลักที่อกมันเบาๆเป็นเชิงขอทางให้ผมเดินผ่านออกไป

“เอ่ออ  การแสดงของวงเราก็จบลงเพียงเท่านี้นะครับ ไว้เจอกันงานหน้าคร้าบบบบบ” ไอ้ลิ้มอึกอักนิดนึงกับสถานการณ์ระหว่าง

ผมกับไอ้ป๊อนซ์ แต่มันก็สามารถแก้สถานการณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี

ผมเดินลงจากเวทีโดยไม่หันมองใครเลยแม้แต่คนเดียว หลายคนคงจะสงสัยในปฏิกิริยาของผม หึ ไม่มีอะไรหรอกก็แค่ไม่อยากเห็นหน้าคนบางคนแค่นั้นเอง!!!!!

“โจ กูขอร้อง หันหน้ามาพูดกับกูหน่อย” น้ำเสียงอ้อนวอนนั้นมาพร้อมกับมือที่จับเข้าที่ข้อมือของผม

ผมหันหน้ากลับไปหามันก่อนจะส่งสายตาเย็นชาไปให้พร้อมกับปลดมือที่เกาะกุมอยู่ที่ข้อมือของผมออก  แล้วหันหลังกลับมาเดินต่อทันที

“อ้าวไอ้โจ อยู่นี่เอง” ไอ้พีเจวิ่งมาดักหน้าผมไว้ทันที

“มีไร” ผมถามกลับไปสั้นๆ เพราะตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิดมาก  ผมอาจจะเหวี่ยงใส่คนอื่นๆที่เข้ามายุ่งกับผมโดยที่เค้าไม่ได้ผิดอะไรก็ได้

“เอ่ออ คือ..” ไอ้พีเจดูอึกอักหลังจากที่มันชะเง้อไปมองคนที่อยู่ด้านหลังของผม

“ถ้าไม่มีอะไรกูไปก่อนนะ กูรีบ” ผมพูดปัดก่อนจะเดินออกมาทันที

ผมไม่ต้องการให้มีใครมาอยู่กับผมในตอนนี้ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าผมอารมณ์ไม่ค่อยจะดีอยู่  แล้วผมก็รู้ตัวเองดีที่สุดว่าในเวลาแบบนี้ ผมต้องอยู่คนเดียวเท่านั้น

ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองหรอกนะว่าตอนนี้รู้สึกยังไงกับป๊อนซ์ เพราะว่าในตอนแรกนั้นผมรู้สึกผิดหวังและเสียใจเอามากๆ แต่พอมาตอนนี้ผมกลับมีความรู้สึกอย่างอื่นขึ้นมาแทน   

ความรู้สึกโกรธยังไงล่ะ  โกรธมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งโกรธจนตอนนี้จะกลายเป็นเกลียดอยู่แล้ว!!!!

“โจได้โปรดหันมาหาคุยกับกูหน่อย กูขอร้อง”

ปึ้ก!!! 

หลังจากสิ้นคำพูดของป๊อนซ์ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนของกระทบพื้นอย่างแรง และเมื่อผมหันกลับไปดูก็พบว่าป๊อนซ์กำลังนั่ง
คุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด

“หึ” ผมส่งยิ้มเหยียดๆไปให้มันก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมาเบาๆ

“พอเหอะป๊อนซ์ มันไม่มีประโยชน์ว่ะ ปล่อยให้กูอยู่คนเดียวสักพักเหอะ” พอพูดจบผมก็เดินออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
เฮ้ออออ  มึงจะใจอ่อนไม่ได้นะโจ  มันทำให้มึงเจ็บ มึงก็ควรจะทำให้มันเจ็บด้วยเหมือนกัน!!!!!!!!



อื้มมมมมมมม  สดชื่นจริงๆกับเช้าวันใหม่

ผมเดินลงจากเตียงก่อนจะค่อยๆก้มลงเพื่อปลุกคนที่อยู่เตียงล่างด้วยความเคยชิน  เฮ้ยย กูจะไปปลุกมันทำไมวะ 

ผมรีบหันหลังให้เตียงทันทีที่เดินลงถึงพื้น   แต่แล้วผมก็แพ้ใจตัวเองจนได้ เมื่อผมตัดสินใจเดินกลับไปที่เตียงเพื่อที่จะปลุกคนที่อยู่เตียงล่าง

แต่แล้วก็ต้องพบกับความว่างเปล่า มันไปไหนวะ????

เหอะ ช่างเหอะ ดีแล้วจะได้ไม่ต้องเจอหน้ามันตั้งแต่ตื่นนอน



ผมเดินมาโรงเรียนพร้อมกับพีเจ ระหว่างทางเราก็ไม่ดุ้ยอะไรกันเลย  พีเจดูเหมือนมีเรื่องกังวลใจบางอย่างอยู่ในใจ ผมดูออกนะแต่ผมก็ไม่ถามหรอก ถ้ามันอยากให้ผมรู้มันก็คงจะบอกผมเองแหละ

“เอ่ออ โจ” พีเจเอ่ยเรียกชื่อผมเสียงค่อย

“อืม มีไร” ผมหันไปตอบมันแบบห้วนๆ

“คือ.. คือว่า” พีเจดูอ้ำอึ้ง ไม่ยอมพูดออกมาสักที และท่าทางนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกรำคาญขึ้นมาดื้อๆ

แต่เอ๊ะ นี่ผมกลายเป็นคนขี้รำคาญแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ???

“ว่าไง มึงมีอะไร” ผมพูดถามพีเจเพื่อย้ำอีกครั้งหนึ่ง

“อ้าวว กู๊ดมอร์นิ่ง มายเฟรนด์” แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดเสียก่อน

“อ้าว ภูมิ” ไอ้พีเจหันไปทักทายไอ้ภูมิที่เดินมาพร้อมๆกับไอ้ลิ้มและไอ้ไปป์

“ขึ้นห้องเรียนกันเหอะ สายแล้ว” ผมพูดขึ้นแล้วเดินหันหลังเพื่อที่จะเดินไปขึ้นอาคารเรียน 

ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่ถามถึงเรื่องเมื่อคืนเพราะทุกคนคงจะรับรู้ได้ว่า ผมไม่อยากให้มีใครพูดถึงมันอีก  ผมจะกลายเป็นคนใหม่  ผมจะต้องไม่ร้องไห้เพราะผู้ชายคนนั้นอีก  ผมจะต้องเข้มแข็งกว่านี้ให้ได้



และแล้วการเรียนที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยก็เริ่มขึ้น โดยที่วันนี้ไอ้คนที่นั่งข้างๆผมมันไม่ได้มาโรงเรียน  มันเป็นอะไรของมันละเนี่ย

“พงศกร  ภัทรพงศ์ไปไหนจ๊ะ” อาจารย์ที่กำลังเช็คชื่ออยู่หันมาถามผมเมื่อเห็นว่าเก้าอี้ข้างๆผมนั้นว่างอยู่

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ” ผมตอบออกไปอย่างไม่ค่อยจะสนใจนัก

“เอ่อ อาจารย์ครับ” ไอ้พีเจเรียกอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยเสียงเบาๆพร้อมกับยกมือขึ้น

“มีอะไรจ๊ะ”

“คือผมจะบอกว่าภัทรพงศ์เค้าไม่สบายน่ะครับ”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง โอเคครูจะได้เช็คว่าเค้าลาป่วย แต่ว่าต้องบอกเค้าให้เอาใบลามาให้ครูด้วยนะจ๊ะ”

“ครับ”

ป่วยงั้นเหรอ???  มันจะเป็นอะไรมากรึเปล่านะ    แต่เท่าที่เห็นมันก็ไม่ค่อยจะป่วยเท่าไหร่นะ อยากมากก็แค่ปวดหัวนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับต้องหยุดเรียนขนาดนี้

ผมเก็บความสงสัยทั้งหมดเอาไว้ในใจเพราะไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกสับสนในตัวของผม  ตกลงตอนนี้ผมรู้สึกยังไงกับมันกันแน่???



“น้องโจคะ” เสียงเรียกของพี่ผู้หญิงคนนึงทำให้ผมได้สติหลังจากที่นั่งเหม่อใต้ต้นไม้อยู่นาน

“ครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกลับยิ้มนิดๆ

“เอ่อ คือว่าพี่ขอไลน์ของโจได้มั้ยคะ” พี่ผู้หญิงคนนั้นพูดเสียงเบาๆพร้อมกับหลบสายตาผม หึ ผมแอบเห็นพี่เค้าหน้าแดงๆด้วยแหละ 

อ๋อออออ  ผมรู้วิธีที่จะทำให้ลืมไอ้ป๊อนซ์ได้ทันทีที่เห็นหน้าพี่เค้า

“ได้สิครับ เอาเบอร์ผมไปแล้วกันนะ” แก้มของพี่เค้าขึ้นสีนิดๆ

“ค่ะ” พี่เค้าตอบรับก่อนจะฟังเบอร์โทรศัพท์ของผม

“ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอครับ” ผมเอ่ยถามหลังจากที่บอกเบอร์พี่เค้าเสร็จ

“พี่ชื่อต้นหลิวค่ะ” พี่ต้นหลิว(เพิ่งจะรู้ชื่อเมื่อกี๊เลย)เงยหน้าขึ้นมาบอกผมพร้อมกับส่งยิ้มกว้างจนตาปิดมาให้

“อ่าๆครับ ทักได้ตลอดนะครับ” ผมพูดพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้พี่ต้นหลิวอีกครั้ง

“โหวยยยยย  เอาแล้วเว้ยยยยยย” เสียงโห่จากบรรดาสิงสาราสัตว์ที่กำลังเดินเข้ามาหาผมดังขึ้น

“ไรมึง”  ผมตอบกลับไปห้วนๆ

“เดี๋ยวนี้เล่นรุ่นพี่เลยเหรอมึง” ไอ้ลิ้มแซวก่อนจะวางกระเป๋าและนั่งลงข้างผม

“เปล่า เค้าก็แค่มาขอไลน์กู กูก็เลยให้ไป” ผมตอบกลับไปแบบชิวๆ

“อ๋อเหรอออออ  มึงกลายเป็นคนเจ้าชู้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”คำถามของไปป์ทำเอาผมสะอึก

หึ ก็ตั้งแต่ที่เพื่อนมึงทำให้กูเสียใจยังไงล่ะ

“หึ” ผมส่งเสียงในลำคอเบาๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“โจ” เสียงที่ผมไม่ได้ยินที่สุดในตอนนี้ดังขึ้น

บรรยากาศร่าเริงของทุกๆคนเมื่อกี๊หายไปในพริบตา เมื่อคนๆนี้เดินเข้ามา

ผมยังคงนั่งนิ่งและไม่หันไปตามเสียงเรียก ถึงแม้ว่าลึกๆแล้วผมจะอยากหันหน้าไปหาคนๆนี้ก็เถอะ

“โจ” ป๊อนซ์เรียกผมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมยื่นมือไปจับกระเป๋ามาสะพายเข้าที่หลังพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที

“โจ กูขอร้องโจ” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ทำให้ฟังออกว่าอาจจะมีพิษไข้อยู่นิดหน่อย

“เอ่ออ  โจกูว่า...”

“กูไปก่อนนะ” ผมพูดขัดขึ้นมาในขณะที่ลิ้มดูเหมือนกำลังจะช่วยพูดเกลี้ยกล้อมผม

ทุกคนในที่นั้นเงียบหลังจากที่ผมพูดและปล่อยให้ผมเดินออกมาโดยไม่รั้งไว้เหมือนก่อน

เฮ้ออออออ  ผมเหนื่อย  เหนื่อยเต็มที



หลังจากที่ป๊อนซ์มาหาผมที่โรงเรียนวันนั้น มันก็ไม่ได้มาหาผมอีกเลย นี่ก็ประมาณอาทิตย์นึงได้แล้ว  เหอะ กะแล้วมันคงจะเหนื่อยจะเบื่อ แต่ก็ดีแล้วที่มันหายไปแบบนี้มันทำให้ผมตัดใจจากมันได้ง่ายขึ้น

“โจ” พีเจเรียกผมด้วยน้ำเสียงปนกังวล

“หืออ มีอะไรอ่ะ” ผมหันไปตอบพีเจ

พีเจไม่พูดอะไรแต่ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ผม

“หืมมม” ผมส่งเสียงในลำคอด้วยความสงสัย

“มึงจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานมั้ยโจ กูเห็นมึงก็คุยๆกับพี่หลิวแล้วนี่ ทำไมมึงยังเป็นแบบนี้!!!” พีเจพูดเสียงดังจนผมสะดุ้ง

“....”ผมยังคงนิ่งๆและอึ้งอยู่ในขณะที่พีเจเอาผ้าเช็ดหน้าจากมือผมกลับไปอีกครั้งพร้อมกับเช็ดเบาๆที่ข้างแก้มของผม
นี่ผมร้องไห้อีกแล้วเหรอ   ทำไมผมถึงทำตามที่ผมต้องการไม่ได้นะ  ทำไมผมต้องร้องไห้เพราะคนๆนั้น

ตึ้ง ตึ่ง

เสียงไลน์เข้าเรียกสติของผมให้กลับมาอย่างครบถ้วน

-TonLiw-

>>โจๆ เย็นนี้ว่างมั้ย

ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไปแล้วกดส่ง

                                                                                                       มีอะไรรึเปล่าครับ<<

>>คือว่าพี่จะชวนโจไปดูหนังอ่ะ

ดูหนังเหรอ  ดีเหมือนกันหาอะไรทำจะได้เลิกฟุ้งซ่านซะที
                                                                                โอเคครับ เดี๋ยวตอนเย็นผมไปรับนะ<<

>>จ้า  ตั้งใจเรียนนะเด็กน้อย ^^

                                                                                                      ครับๆ เหมือนกันนะ<<


ผมกับพี่หลิวดูเหมือนจะไปด้วยกันได้ดีใช่มั้ยล่ะ   แต่มันไม่ใช่เลยเพราะเวลาผมไปไหนมาไหนกับพี่หลิว แล้วที่ๆนั้นเป็นที่ๆผมเคยไปกับป๊อนซ์มาก่อน ภาพบรรยากาศเก่าๆมันก็จะคอยแทรกเข้ามาทำให้ผมต้องคิดถึงมันอยู่ตลอด   นี่ผมต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ

“มึง เย็นนี้กูไปดูหนังกับพี่หลิวนะ” ผมละสายตาจากมือถือแล้วหันไปบอกพีเจ

“อืมม ดีเหมือนกัน” พีเจพูดสั้นๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไป

“ไอ้พีเจ!” ผมตะโกนเรียกพีเจไว้อีกครั้ง

“หืมมม”

“เย็นนี้ไปด้วยกันมั้ย ชวนไอ้ลิ้ม ไอ้ภูมิแล้วก็ไอ้ไปป์ไปด้วย”

“เอ่ออ คือ  เย็นนี้พวกกูไม่ว่างว่ะ”พีเจตอบกลับผมมาด้วยสีหน้าแปลกๆ เหมือนกับว่ามันพยายามจะปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้

“ไปไหนกันวะ” ผมถามออกไปอย่างสงสัย

“อ๋อ  พวกกูมีธุระนิดหน่อยว่ะ ไปก่อนนะ” พีเจพูดเสร็จก็รีบเดินออกไปทันที

“อะไรของมันวะเนี่ย” ผมได้แต่พึมพำกับตัวเอง  ช่วงนี้พวกเพื่อนๆของเค้าไม่รู้เป็นอะไรกันไปหมด  พอถึงเวลาเลิกเรียนก็จะ
หายหัวกันไปหมดกลับมาที่หออีกทีก็ค่ำๆแล้ว



“โจๆ พี่ขอแวะเข้าไปดูเสื้อแป๊ปนึงนะ” พี่หลิวกระตุกที่แขนเสื้อของผมเบาๆเมื่อเรา 2 คนเดินผ่านร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง

“ได้ครับ” ผมตอบกลับพลางส่งยิ้มหวานไปให้

พี่หลิวยิ้มกว้างจนตาปิดอย่างเคยแล้วรีบเดินเข้าไปในร้านทันที  ส่วนผมก็นั่งรอที่เก้าอี้หน้าร้านเนื่องจากไม่ค่อยชอบเข้าไปในร้านอะไรแบบนี้

หลังจากที่ดูหนังเสร็จผมกับพี่หลิวก็เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น  ก็อย่างว่าอ่ะนะผู้หญิงเค้าจะโลกส่วนตัวทันทีที่ได้มาเดินช๊อป ผมก็เดินตามไปเงียบๆไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ  เดินไปเดินมาก็เพลินดี  ตอนนี้ขอแค่ไม่ต้องนั่งฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวเป็นพอ


ไอ้แผนการตอนแรกที่ผมกะว่าจะลืมป๊อนซ์เนี่ย  ไม่รู้ทำไมมันถึงกลายเป็นผมเองที่เจ็บ เจ็บทุกครั้งที่พยายามจะทำตัวเหมือนสนุกสนานมีชีวิตชีวาแต่จริงๆนั้นไม่ใช่เลย  ผมยังคิดถึงแต่ป๊อนซ์คิดถึงมาก  จนหยุดคิดถึงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย  ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้!!!!!!


“โจ น้องโจ” พี่หลิวสะกิดที่ไหล่พร้อมกับเรียกผมให้ตื่นจากภวังค์

เห็นมั้ย มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว  แค่ผมได้อยู่คนเดียว อยู่กับตัวเองแค่ไม่กี่นาทีผมก็จะกลับไปคิดถึงมันตลอด

“ครับ”

“กลับกันเหอะ”

“ครับ” ผมตอบพลางยื่นมือไปช่วยถือของให้พี่หลิวแล้วเดินตามหลังออกมาจากร้าน



เมื่อกลับมาถึงหอผมก็เดินตรงไปยังเตียงตัวเองทันที  แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อคนที่นอนเตียงล่างของผมมันยังไม่มา   มันจะหายไปแบบนี้จริงๆเหรอ

“กูโทรบอกน้องพลัสแล้ว” เสียงของไปป์ที่ดังมาจากล็อกเกอร์ทำให้ผมหยุดเดินและตั้งใจฟังเรื่องที่มันกำลังพูดอยู่ เพราะในบท
สนทนาของมันมีชื่อของน้องพลัสอะไรนั่นอยู่ด้วย

“อือ แล้วน้องแกจะมาถึงวันไหนวะ” คราวนี้เป็นเสียงของไอ้พีเจบ้าง

“น่าจะเย็นๆวันพรุ่งนี้แหละ” น้องพลัสงั้นเหรอ  แล้วน้องพลัสจะมาทำไม

“อือๆ พอมาถึงก็พาไปหาป๊อนซ์เลยแล้วกัน” อ๋ออ  มันเป็นอย่างนี้นี่เอง  ผมเข้าใจ  เข้าใจทุกอย่างแล้ว  ว่าในขณะที่ผมกำลังเจ็บ
ปวดจนจะเป็นจะตาย  ไอ้ป๊อนซ์มันก็กำลังจะได้มีความสุขกับคนที่มันรัก 

ผมเดินมาที่เตียงก่อนจะปีนบันไดเพื่อที่จะขึ้นไปอยู่บนเตียงบนที่เป็นเตียงของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวลงช้าๆ  ปล่อยให้ความรู้สึกทุกอย่างมันไหลออกมากับน้ำตา  และนี่ก็เป็นอีกครั้งแล้วสินะที่ผมต้องเสียน้ำตาให้ผู้ชายคนนี้   ผมต้องทำยังไงถึงจะเลิกรักเค้าได้  ผมมองไม่เห็นหนทางเลยจริงๆ



“ไอ้ลิ้มๆ เชี่ยลิ้มมมมม” เสียงโหวกเหวกโวยวายจากเตียงข้างๆดังขึ้น และมันก็สามารถปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาได้

เอ๋ แต่นี่เมื่อคืนผมหลับไปตั้งแต่ตอนไหนกันละเนี่ย น้ำก็ยังไม่อาบเหม็นตัวเองชิบ

“ไรของเมิงง” เสียงงัวเงียของลิ้มดังขึ้นมาตอบไอ้พีเจที่เดินไปปลุก

“ไปหาไอ้ป๊อนซ์กัน ไอ้ป๊อนซ์อาการทรุดว่ะ”

“เชดโด้ รอกูเปลี่ยนชุดแปป” สิ้นคำพีเจไอ้ลิ้มก็สบถออกมาด้วยเสียงเครียดๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดที่ล็อกเกอร์

ป๊อนซ์อาการทรุดงั้นเหรอ  ป๊อนซ์เป็นอะไร???????

ผมไม่รอให้คำถามนั้นมันค้างคาอยู่ในใจได้นาน  ผมตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วหันไปถามพีเจที่ยืนอยู่ด้านล่าง



“ป๊อนซ์เป็นอะไร”



.....................................TBC..................................................

มาอัพแล้วนะคะ   ต้องขอโทษด้วยที่มาช้าไปหน่อย   :z10:

แล้วก็ต้องขอโทษอีกอย่างที่ตอนนี้มันมั้น แต่มันก็มีเหตุผลนะ

ถ้ามันยาวกว่านี้มันก็จะไม่ค้างไง 5555  :laugh:

อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ   :pig4:     

 :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
สมน้ำหน้าเน้
ทำตัวเองไม่เลิก

ออฟไลน์ 7th SensE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ้ากกกกกกกกป๊อนซ์เป็นอะไรอ่ะทำไมอาการทรุด ฮือเค้าอยากรู้ สงสารทั้งโจทั้งป๊อนซ์เลยอ่ะ คนเขียนมาอัพต่อเร็วๆน้าเราอยากรู้อ่า

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เข้าข้างโจนะ มันน่าโกรธไหมล่ะ
แล้วเห็นว่าโจ ไม่สนใจ ก็ไม่คิดว่าจะบอกว่าป๊อนซ์เป็นอะไร
โอ๊ะ เครียด เป็นกำลังใจให้คนแต่งงงงง

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
ป๊อนซ์เป็นอะไร น่าจะเคลียร์ให้จบๆๆนะ  สงสารทั้งสองฝ่าย

โจก็น่าจะฟังก่อน จะเชื่อหรอโกรธก็ค่อยว่ากันอีกที

ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
ก็ดีแล้ว  จะได้สำนึกบ้าง

พวกเพื่อนก็ยังไปตามน้องพลัสอะไรนั่นมาอีก  :m16:

เพื่อนแต่ละคนไม่ไหวจะเคลียร์ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อ่ะ ป๊อนซ์เป็นอะไรอีกล่ะ
สงสารนะแต่ก็หมั่นไส้เล็กๆ
เอาเป็นว่าขอให้คืนดีกันไวๆเนอะ

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
สงสารโจอะ ขนาดป๊อนซ์ป่วยเพื่อนก็ไม่บอกโจว่าเป็นอะไร ปล่อยให้โจเข้าใจผิดอะไรหรือป่าวให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆเองนี่ มันดูไม่น่าเลยนะ สงสารโจ เจอแบบนี้ใครเป็นโจก็เข้าใจแบบนี้ทั้งนั้นแหละ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
เป็นยังไงล่ะ
ทำโจเค้าเจ็บ มาเยอะแล้วนะ
น้องโจสู้นะลูก
ปล. ทำไมไม่มีใครบอกโจเรื่องป๊อนเลย จะเก็บเงียบทำไม (ถ้ามันสมควรบอกก็บอกไปเถอะ ปิดทำไมเนี่ย)

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อะนะ จะโทษโจไม่ได้หรอก ยิ่งปิดบังยิ่งทำให้โจเข้าใจผิด ยิ่งประโยคที่ไปป์พูดอีก ยิ่งแล้วใหญ่ ในเมื่อป๊อนเป็นฝ่ายนอกใจก่อน แถมคำพูดที่บอกว่าโจแค่เพื่อน แถมบอกรักกันอีก ส่วนพลัสไม่โกรธนะเพราะไม่รู้เรื่องเพราะไอ้เชี้ยป๊อนมันเป็นฝ่ายเล่นกับเขาก่อนให้ความหวังเขาอีก พลัสคู่กับไปป์ใช้ปะ ถ้าพีเจโทษโจเรื่องป๊อนจะโกรธพวกมันทุกคนเลย อีกอย่างคนแต่งจงใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็ต้องคอยดูว่าป๊อนจะสำนึกไหม แล้วมันจะลงเอยยังไง ก็ลุ้นละทึกกันต่อไป ปวดใจจัง

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
" ถ้าตอนนี้มันไม่สั้น มันก็จะไม่ค้าง " โอเคเรย ขอบคุณมากคนแต่ง  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ป๊อนซ์เป็นไรอ่าาาา เป็นไข้ใจหรอ

เรียกน้องพลัสมาให้ช่วยเคลียร์ หรือยังไงอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด