“โอ๊ยยยยย ไอ้ภูมิมึงเล่นดีๆดิ”
“แป๊ปดิ ฟีลลิ่งกูแม่งกำลังมาเลย”
“ลิ่งพ่องมึงดิ มึงช่วยเล่นตามโน้ตที่เค้ามีมาให้ได้มั้ยวะ”เสียงไอ้นายกับไอ้ภูมิทะเลาะกันดังลั่นไปทั้งห้องซ้อม ใช่แล้วครับตอนนี้พวกเราก็มาสิงสถิตอยู่ที่ก้องซ้อมดนตรีอีกครั้ง แต่มันต่างกันตรงที่ว่าครั้งที่แล้วผมมาห้องนี้ด้วยจิตใจที่โคตรจะห่อเหี่ยวจากการทะเลาะกับป๊อนซ์แต่วันนี้ผมมาด้วยความเริงร่าและเบิกบานนนนนนนนนเป็นที่สุด
“มึงอย่าทะเลาะกันได้ป่ะ กูท่องเนื้อไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย” เสียงดุๆของไอ้ไปป์ทำให้ห้องซ้อมกลับเข้าสู่ความสงบได้อีกครั้ง เฮ้ออออ ปวดหัวตลอดเลยเวลาอยู่กะไอ้พวกนี้เนี่ย
“หึๆ เป็นไงดื้อร้อนเหรอ เหงื่อเต็มเลย”ป๊อนซ์เดินยิ้มเข้ามาหาผม แล้วยื่นมือออกมาเช็ดเหงื่อที่ไรผมของผมออก ก็ห้องนี้แม่งโคตรร้อนเลยอ่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้ป๊อนซ์ต้องมาซ้อมเพื่อที่จะขึ้นร้องวันชาวหอนะ ผมแม่งไม่มานั่งทนร้อนอยู่แบบนี้หรอก
“อืมมม ห้องนี้แม่งมีแอร์ป่ะเนี่ย” ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางที่แอร์ตั้งอยู่ก่อนจะพยายามกระโดดเพื่อเอามือลองไปบังที่แอร์ดูว่าแอร์ออกมั้ย แต่มันก็ดูเหมือนจะเป็นงานที่ยากไป
“เฮ้อออ ไปนั่งไปเดี๋ยวดูให้” ไอ้ป๊อนซ์เดินมาประชิดด้านหลังของผมก่อนจะบอกให้ผมเดินไปนั่งแล้วเอามือบังๆที่แอร์ให้
“แอร์ไม่เห็นจะออกเลยว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์หันกลับมาบอกผมหลังจากที่เอามือลองบังที่แอร์ดูแล้ว
“อ้าวววว แล้วใครเข้ามาคนแรกวะเนี่ย ได้เปิดแอร์ยัง??”ผมถามไปสะบัดเสื้อไป นี่แม่งก็แกะกระดุมออก 2 เม็ดแล้วนะ แต่ไอ้พวกที่เหลือนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอ่ะครับถอดเสื้อกันหมดแล้ว ตอนแรกผมก็กะจะถอดนะแต่ก็มีคำสั่งมาจากเบื้องบน ข้าน้อยอย่างผมก็ขัดไม่ได้ซะด้วยสิ
“กูเข้ามาคนแรก กูกดแล้วนะ” ไอ้ป๊อนซ์ส่ายหน้าเบาๆอย่างไม่เชื่อใจก่อนจะเดินไปดูที่แผงควบคุมแอร์
“เปิดบ้านมึงดิภูมิ แม่งยังปิดอยู่เลย” ไอ้ป๊อนซ์หันมาด่าไอ้ภูมินิดๆก่อนจะกดเปิดแอร์
“อ้าววววว ไหนบอกเปิดแล้วไงไอ้ภูมิ” ผมก็หันไปด่าแม่งเหมือนกันครับ ดีนะเนี่ยที่รู้ตัวทันไม่งั้นคงจะขาดอากาศตายกันอยู่ในห้องนี้แล้วละมั้ง
“เออ แม่งกูร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว”
“สัดเสื้อกล้ามกูโคตรเปียกอ่ะ” และก็ยังมีไอ้ไปป์กับไป้นายช่วยกันผสมโรงด้วยครับ คราวนี้ไอ้ภูมิถึงกับเบะปากเลยทีเดียว ฮ่าๆ
ๆๆมันไม่ได้น่าสงสารเลยนะ แต่ว่าแม่งโคตรฮาอ่ะ
“ก็ใครจะไปรู้วะ พวกมึงบอกให้กูเข้ามาแล้วกดที่สวิตช์กูก็กดดิ ตอนแรกกูก็คิดนะว่าจะกดดีมั้ยเพราะแม่งไฟมันติดอยู่แล้วอ่ะ แต่
ในเมื่อพวกมึงบอกให้กูกดกูก็เลยกดไง เพราะกูแม่งเชื่อเพื่อนเว้ย”ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับทำสีหน้าแน่วแน่ อื้ออออหือกูขอสาบานต่อหน้าต้นหญ้าทั้งหมดทั้งมวลที่หน้าห้องซ้อมว่าต่อไปนายพงศกรคนนี้จะไม่ปล่อยให้ไอ้ภูมิเข้าห้องมาก่อนอีกเป็นอันขาด
“เออๆ แม่งช่างเหอะซ้อมต่อดีกว่า” ไอ้ไปป์พูดตัดบทขึ้นมา ทำให้ทุกคนต่างก็หันกลับไปทำงานของตัวเองตามเดิม ไอ้ภูมินี่ก็ตีกลองในจังหวะแปลกๆที่มันคิดขึ้นมาเอง ไอ้นายก็นั่งซ้อมกีต้าร์อย่างตั้งใจ ไอ้ป๊อนซ์ลูบหัวผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งซ้อมร้องเพลงกับไอ้ไปป์ต่อ แต่ไอ้ลิ้มนี่สิจนป่านนี้แล้วยังไม่มาเลย แปลกๆแล้วนะเพื่อนลิ้ม หึๆ
“เอ่ออ โทษทีวะพวกมึง” พูดถึงลิ้ม ลิ้มก็มาครับแม่งสภาพนี่คืออย่างกับวิ่งมาสัก 100 กิโลได้ เสื้อหลุดออกจากกางเกงทุกด้าน
แล้วไหนจะเหงื่อที่เปียกจนชุ่มบนเสื้อนักเรียนนั่นอีก
“กว่าจะมานะมึง” ไอ้พีเจหันมามองไอ้ลิ้มแล้วยิ้มนิดๆ
“ไปไหนมาว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์วางเนื้อเพลงก่อนจะเดินไปหาลิ้ม
“กูไปส่งเทลที่หอมาแล้วมีเรื่องนิดหน่อย” กูว่าแล้วววววว หมอโจฟันธง!! ฉึกๆ
“เรื่องไรวะ”พูดถึงเรื่องมีเรื่องมีราวนี่ไม่ได้เลยนะไอ้ไปป์ เลือดร้อนเหลือเกิน
“ก็แค่ไอ้เด็กนั่นมันก็แอบมีพรรคพวกเหมือนกันไรเงี้ย แล้วมันก็มาดักรออยู่หน้าหอเทล”ไอ้ลิ้มเล่าหน้าตานิ่งๆ แต่เอ๊ะมีเรื่องแล้ว
ทำไมมึงไม่เป็นไรเลยวะเนี่ย หรือว่ามึงแดกเหล็กไหลเข้าไปแล้วเป็นอมตะ (เพ้อแล้วไอ้โจ)
“แล้วทำไมมึงไม่มีร่องรอยของการมีเรื่องเลยวะ” สงสัยเหมือนกันเลยชายป๊อนซ์
“ก็บังเอิญว่ากูก็โทรบอกป๋าว่าให้เอาคนมาเฝ้าที่หน้าหอเทลไว้เหมือนกันไง” อ๋อออออ แบบนี้นี่เองงงงง
“รอบคอบว่ะมึง” ผมชมไอ้ลิ้มพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือให้ในไปเลยสองข้าง
“หวงขนาดนั้นทำไมไม่เอามาด้วยวะ” ไอ้พีเจยิงคำถามจึ๊กๆอีกแล้วครับ ผมล่ะช๊อบชอบบบบ
“ตอนแรกก็จะเอามาแล้วนะเว้ย แต่เทลบอกว่าพรุ่งนี้สอบก็เลยอยากอยู่อ่านหนังสือที่หอมากกว่า” ว๊าววววว เพื่อนผมครับเพื่อน
ผม
“อ๋ออออ” ผมส่งเสียงอ๋อยาวเหยียดแสดงถึงความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
“ปิดปากหน่อยดื้อ ยุงบินเข้าไปหลายตัวแล้วนะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นมือมาปิดปากผม แม่งยุงบินเข้าปากกูงั้นเหรอออ งับมือแม่งเลย งับๆๆๆ
“โอ๊ยยยดื้อ เล่นไรวะ” ไอ้ป๊อนซ์รีบดึงมือกลับแล้วสะบัดแรงๆหลายที
“ฮ่าๆๆๆสมน้ำหน้า” ผมหัวเราะก่อนจะหันหลังแล้วเอามือตบที่ตูดพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนมันด้วย
“ยั่วกูเหรออออ” ป๊อนซ์ทำหน้าหื่นก่อนจะลากเสียงยาวๆ ยั่วงั้นเหรอ??
“โอ๊ยยยย นี่มึงมายืนตบตูดเชิญชวนไอ้ป๊อนซ์ทำไมตรงนี้วะเนี่ย ขวางทางกูว่ะ” ไอ้นายที่เพิ่งจะเดินกลับจากเข้าห้องน้ำก็พูดขึ้น
ทำให้ผมกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที แม่งไอ้หื่นป๊อนซ์!!!!!!!!!!
“ไอ้เสื่อม!” ผมกลับมายืนท่าปกติก่อนจะหันหน้าไปด่าไอ้ป๊อนซ์
“ว่ากูเสื่อมแล้วทำไมมึงต้องหน้าแดงด้วยดื้อ มึงคิดไรอยู่เนี่ย”
“ก็ ก็...ก็มึงบอกว่ากูยั่วอ่ะ” พูดเองก็อายเองครับ
“ฮ่าๆๆๆ มึงแหละเสื่อมกูหมายถึงยั่วโมโหหรอก” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้ารับไม่ได้ หนอยไอ้ป๊อนซ์ กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอ่ะ
“ป๊อนซ์ มึง!!!!!!!” ผมชี้หน้าคาดโทษไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าหาหมายจะงับหูมันให้ขาดไปเลย
ตึ่ง ตึ้ง
เสียงไลน์ใครน่ะ
ไอ้ป๊อนซ์ล้วงไอโฟนของผมออกมาจากกระเป๋า(มันยังไม่คืนผมเลยครับตั้งแต่วันที่โรงพยาบาลอ่ะ) แล้วก้มลงมองก่อนจะเงยหน้ามามองผมด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมผิดจากเมื่อ 2 วินาทีที่แล้วราวฟ้ากับเหว
“มีไรเหรอปอนป๊อนซ์” ผมเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงสั่นๆหน่อย
“มึงไปทำไรไว้โจ”
“ไม่เค๊ยไม่เคย” ผมปฏิเสธพร้อมกับโบกมือไปมา
“แล้วทำไมไอ้คนที่ชื่อต้นหลิวนี่ถึงมาบอกรักมึงห๊ะ” ตายห่าแล้ว ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าผมม่อพี่ต้นหลิวไว้
“เอ่อ...คือ....”
“โจโจ” ไอ้ป๊อนซ์กัดฟันกรอดๆแล้วเรียกชื่อเล่นที่มีเพียงแม่ของผมเท่านั้นที่เรียกอยู่
“คร้าบบบบบ” ผมขานตอบเสียงหวาน แล้วค่อยๆเดินถอยหลังให้ออกห่างจากมันที่เดินเข้ามา
“ตายห่าแน่ไอ้โจ”เสียงนิ่งๆของไปป์ลอยมาเข้าหูผมเป็นเสียงแรกเลยครับ
“สะใจวะแม่ง” สะใจอะไรของมึงวะพีเจ
“ต๊ายยยยย ไอ้โจกลัวจนตัวหดลงอีกแล้ว” แม่งมึงสิไอ้ลิ้ม
“เดธชัวร์!!!!!” ไอ้ภูมิยกไม้กลองขึ้นชูสูงพร้อมกับตะโกนออกมาราวกับว่าเพิ่งประกาศอิสรภาพจากพม่า
อย่าแช่งกูดิ แค่นี้กูก็กดดันจะตายอยู่แล้วววววววว
ไอ้ป๊อนซ์ไม่พูดอะไรก่อนจะเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ แต่นั่นก็ทำให้ผมกลัวจนตัวสั่นฟันกระทบกันดังกึกๆได้
ป๊อนซ์ไล่ต้อนจนผมติดผนังก่อนจะค่อยๆก้มลงมาแล้ว............................................................TBC.........................................
อัพแล้วววววววว
ฟิ้วว!!!!!!! หลบดงกระสุนปืนมาอัพ 555
อันที่จริงจะอัพตั้งแต่วันเสาร์แล้วแต่คอมโดนยึด
ช่วงหลังจากนี้โรงเรียนคนเขียนจะปิดเป็นการภายใน
ขอสัญญาว่าจะอัพให้ถี่จนขี้เกียจอ่านกันไปเลย
คนเขียนขอย้ำอีกครั้งว่านิยายเรื่องนี้เกิดจากความฟินของคนเขียนและคณะ มีส่วนจริงบ้างมโนบ้าง(เยอะ!!!!!)
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะจ๊ะ^^แถมมมม มีอะไรมาโม้แหละ
แต๊น แต่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
พรุ่งนี้เป็นวันจำลองวันวาเลนไทน์ของโรงเรียนคนเขียนแล้วทีนี้เค้าก็มีโปสการ์ดขายแล้วบังเอิญว่ามีคนเอาชื่อเรื่องไปทำเป็นโปสการ์ดแหละ ปลื้มมากกกกก
คนเขียนเลยซื้อมาเก็บไว้ใบนึงแล้วก็เขียนให้น้องเค้าอีกใบนึง (
น้องคนนั้นจะเป็นใครก็รอลุ้นกันวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ)
อย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจกันด้วยล่ะ
[attachment deleted by admin]