Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018  (อ่าน 115103 ครั้ง)

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
มารอ หายไปไหน ทำไมยังไม่กลับมาอีก คิดถึงคนเขียนแล้วนะ   :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
**ในเรื่องนี่จะเป็นตอนที่โจป๊อนซ์อายุ 25 ปีนะคะ แบบว่านเขียนอย่างแต่งพาร์ทผู้ใหญ่บ้าง**

Special Songkran’s Day




[Pontz x Joe]



[Joe]




“มึงๆๆๆๆ”

“หื้ม??” ป๊อนซ์วางมือจากงานตรงหน้าก่อนจะหันมามองที่ผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงสงสัย

“อยากไปเที่ยวอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับทำตาปริบๆอ้อนมันเต็มที่

“ออกไปก็เปียกอ่ะ อย่าไปเลย” ป๊อนซ์ส่ายหัวนิดๆก่อนจะหันไปทำงานต่อง

“อ้าววว สงกรานต์มันก็ต้องเปียกดิ”เห็นงานดีกว่าเมียตลอดอ่ะ

“สรุปคืออยากออกไปเล่นน้ำว่างั้น”ป๊อนซ์ถามทั้งๆที่ตายังจดจ้องกับตัวเลขที่วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในจอ แม่งหุ้นตกสักนิดมึงไม่ตายหรอก
ไอ้เวร

“อืมมม” ผมตอบลากเสียงยาวพร้อมกับเอาหัวไปซุกตรงไหล่ของป๊อนซ์เบาๆ

“อืมม เอางี้นะ กูขอเคลียร์งานที่เหลืออยู่อีกนิดนึงแล้วกัน ส่วนมึงก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเลย” ป๊อนซ์หันมามองผมก่อนจะ
ยิ้มบางๆแล้วก็หันกลับไปจดจ้องกับงานตรงหน้าต่อ

จุ๊บ !!!

“ขอบคุณนะครับที่รัก” ผมก้มลงไปจุ๊บเบาๆที่ปากของป๊อนซ์หนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเปียกอีกครั้ง ฮ่าๆๆๆ



“ถ้ายังอยากไปเล่นน้ำอยู่ก็กลับไปเปลี่ยนชุดซะ” ป๊อนซ์ขู่ผมเสียงเข้ม พร้อมกับจ้องเขม็งราวกับจะเข้ามาบีบคอผมให้ได้

“ทำไมอ่ะ ไปเล่นน้ำก็ต้องแต่งแบบนี้ดิ” ผมใส่เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงขาสั้นสีฟ้าสดใสนี่ผมผิดมากเลยใช่มั้ย แม่งจะให้กูใส่สูท
ใส่กางเกงแสล็กไปเล่นน้ำรึไงวะ

“จะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาเสยผมเหมือนต้องการจะระงับอารมณ์

“เออ!!!! ก็ได้วะ” ผมตะโกนใส่หน้าป๊อนซ์อย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเข้าไปในห้องเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อเป็นตัวใหม่ส่วนกางเกงก็ยัง
คงใส่ตัวเดิมนั่นแหละ

“ได้ยัง?” ผมเดินออกมาจากห้องพร้อมกับหมุนตัวไปรอบๆ

“โจ!!!” ป๊อนซ์ตะคอกผมจนเสียงดังก้องไปทั้งห้อง

“ทำไม!!!”

“มึงไม่มีเสื้อที่มันมิดชิดกว่านี้รึไงวะ?”

“เสื้อคอวีมันไม่เรียบร้อยตรงไหนล่ะ แม่งระแวงเกินเหตุ” ผมพูดพร้อมยกมือขึ้นมากอดอกอย่างเอาใจ

“แต่มันเป็นสีขาว มันบางจนเห็นไส้ติ่งมึงแล้ว”

“เว่อร์!!!”

“หยุดเถียงเลยนะ ถ้ายังอยากไปอยู่ก็ไปเปลี่ยนเป็นสีดำซะ” ป๊อนซ์ยื่นคำขาดก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถกับแว่นดำที่ตั้งอยู่ ส่วน
ผมเหรอ หึ!!ก็ต้องไปเปลี่ยนเสื้อดิแม่งงง



“แล้วนี่อยากไปเล่นที่ไหนอ่ะ” ป๊อนซ์ถามขึ้นหลังจากที่ขับรถออกมาจากบ้านได้สักพักนึงแล้ว แม่งงงง ทำไมหล่อจังวะ วันนี้
ป๊อนซ์แค่ใส่เสื้อกล้ามสีดำ(แม่งทีกูจะใส่ละไม่ให้ใส่ ชิ) กับกางเกงยีนส์ขาถึงเข่า หนีบแตะ แล้วก็แว่นดำที่เข้ากับหน้ามันโคตรๆ

“จะมองอีกนานมั้ย รู้แล้วว่าหล่อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหันมายักคิ้วให้ผม

“เหอะ หลงตัวเองอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับหันไปแลบลิ้นใส่มันทีนึง หมั่นไส้ๆๆ

“ฮ่าๆๆๆ ว่าไงตกลงจะไปเล่นที่ไหน”

“สีลม” ที่นี่เลยยย ไอ้ลิ้มไปเล่นมาแล้วบอกว่าหนุกมากกกก ตำรวจไม่เยอะเหมือนข้าวสารแล้วคนที่มาเล่นก็ไม่ได้เด็กมากเหมือน
แถวสยามด้วย สีลมนี่แหละกำลังดี

“ฝันไปเลยนะ กูไม่พาไปเด็ดขาด”

“ไมอ่ะ” ผมถามพร้อมกับทำแก้มป่องอย่างไม่เข้าใจ

“แหล่งรวมเลยนะมึง พอไปแล้วมันก็จะหมดสนุกเพราะกูก็จะคอยหวงแต่มึง มึงก็จะรำคาญกู” ป๊อนซ์พูดออกมาเสียงนิ่งๆ

“โอ๊ยยยยยย  โน่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้!!!!”

“โจ!!!”

“เรียกทำไม กูรู้ว่ากูชื่อโจ ย้ำจัง” ผมพูดอุบอิบเบาๆ

“อย่ากวนตีน” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับขบฟันจนกรามขึ้นนูนเป็นสัน

“ก็ไม่รู้อ่ะ ที่ออกมาเล่นนี่ก็เพราะอยากไปเล่นที่สีลมไง”

“โว้ยยยยย  เออแม่งสีลมก็สีลมวะ” ป๊อนซ์พูดออกมาอย่างปลงๆ

“เย้!!! ปอนป๊อนซ์น่ารักที่สุดเลยยยยย”ผมตะโกนออกมาลั่นด้วยความดีใจก่อนจะหันไปหอมแก้มแรงๆหนึ่งทีเป็นการให้รางวัล

“หึๆ” ป๊อนซ์ยิ้มมุมปากนิดๆบวกกับแว่นดำที่มันใส่อยู่แล้วทำให้มันดูมีเสน่ห์ขึ้นโคตรๆเลย



หลังจากที่หาที่จอดรถแล้วก็เดินหาซื้อแป้ง ซื้อปืนฉีดน้ำได้แล้ว ป๊อนซ์ก็เดินจูงมือผมเข้าไปรวมๆกับกลุ่มคนที่เล่นน้ำอยู่ก่อนแล้ว แบบว่าไม่รู้ใครเป็นใครเล่นกันแบบมั่วๆ หนุกดี

“เอ่อ พี่ครับ” ผมหันไปทางต้นเสียงก็พบกับเด็กผู้ชายอายุน่าจะประมาณ 17-18 ปี สองสามคนยืนอยู่ แต่แม่งทำไมเด็กสมัยนี้มัน
โตกันเร็วจังวะ สูงกว่าผมอีกนะเนี่ยยย

“ครับ มีอะไรเหรอ?”

“ผมขอปะแป้งพี่ได้มั้ยครับ” หนึ่งในสามคนถามขึ้น

“ได้ดิๆ อ่ะๆ” ผมพูดบอกพร้อมกับเอียงแก้มไปให้พวกน้องๆเค้า

“ทำอะไรกัน!!!” เสียงป๊อนซ์ดังแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดอยู่

“ก็น้องเค้ามาขอปะแป้งอ่ะ” ผมตอบพร้อมกับหันไปมองป๊อนซ์ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“แล้วมึงก็ยอมสินะ!!”

“แล้วมึงจะคิดอะไรให้มันมากมายวะ”

“กูแม่งไม่น่าพามึงมาเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับสะบัดหน้าไปมองน้องสามคนที่ยืนตัวสั่นกันหมดแล้ว

“เอ่อ พวกผมขอโทษนะครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้พี่ทะเลาะกันเลยนะครับ” น้องคนหนึ่งพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ขอโทษไอ้
ป๊อนซ์ ส่วนไอ้ป๊อนซ์ก็ยังนิ่งพร้อมกับมองไปที่น้องเค้าด้วยสายตาโกรธๆ

“ไม่เป็นไรหรอกครับน้อง มึงก็เหมือนกันป๊อนซ์ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย” ผมหันไปพูดกับน้องเค้าก่อนจะหันกลับมาว่าไอ้ตัวดีที่ยืน
หน้ายักษ์คิ้วขมวดอยู่ข้างๆ

“เออๆ ไม่เป็นไรๆ” ป๊อนซ์หันไปบอกน้องเค้าแบบส่งๆแต่มันก็สามารถลบความกังวลของพวกน้องๆเค้าไปได้มากเลยทีเดียว

“งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ เอ่อ ผมอยากบอกว่าพี่น่ารักมากเลยอ่ะครับ รักกันนานๆนะครับ” น้องเค้าพูดลาก่อนจะยกมือไหว้แล้ว
เดินหายไปในกลุ่มคนที่แออัดกันอยู่

“หึๆ ตาแก่ขี้หวง” ผมหันไปล้อป๊อนซ์พร้อมกับแลบลิ้นออกมาอย่างล้อเลียน

“เออ ใช่สิ กูมันไม่ได้เอ๊าะๆแบบไอ้พวกเมื่อกี๊นี่” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำหน้าเหวี่ยงๆออกมา

“ฮ่าๆๆๆๆ โอ๋ๆๆไม่เป็นไรนะ ถึงจะแก่แต่ก็หล่อนะ ใครจะไม่รักล่ะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปหยิกแก้มป๊อนซ์เบาๆ

“หึ ไม่ได้แค่หล่ออย่างเดียวนะ แรงดีท่าเยอะด้วย” ป๊อนซ์ก้มลงมากระซิบข้างหูของผมเบาๆ แต่นั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบ
ที่หน้าขึ้นมาทันที

“หื่น!!” ผมพูดพร้อมกับรีบเดินหนีป๊อนซ์ออกมาอย่างรวดเร็ว

ผมเดินมาเรื่อยๆจนรู้สึกได้ว่ามันไกลจากที่เดิมเยอะมากๆแล้ว และที่สำคัญคือผมไม่รู้ว่าต้องเดินกลับไปทางไหน โทรศัพท์ผมก็
ไม่พกมาเพราะว่ากลัวจะเปียกน้ำ ง่า แล้วทีนี้ผมจะติดต่อมันยังไงล่ะเนี่ยย

“โอ๊ะ ขอโทษครับ” ผมก้มหัวพร้อมกับกล่าวขอโทษขึ้น หลังจากที่เดินไปชนใครก็ไม่รู้เข้าฅ

”อ้าวน้องง  ชนแล้วชิ่งเหรอครับ” ไอ้คนที่ผมเพิ่งเดินชนมันเมื่อตะกี๊ยกมือขึ้นมาดึงแขนผมเข้าหาตัวจนผมเซไปกระแทกกับตัวมัน
อย่างแรง

“ก็ผมขอโทษไปแล้วนี่ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปจ้องมันแบบซึ่งๆหน้า แม่งตัวใหญ่โคตร

“ขอโทษแล้วพี่จะหายเจ็บเหรอครับ” มันพูดพร้อมกับเลื่อนหน้าเข้ามาจนเกือบจะติดกับหน้าของผมอย่างรวดเร็ว สัดหล่อไม่ได้
เศษตาปลาไอ้ป๊อนซ์เลยย

“แล้วจะให้กูทำไงวะ!!” ผมชักจะยั๊วะขึ้นมาบ้างแล้วสิ แม่งอะไรนักหนาวะ

“เฮ้ยน้อง พูดดีๆดิ เดี๋ยวปั๊ด” ไอ้ยักษ์ยกมือขึ้นแล้วง้างออก ส่วนผมน่ะเหรอก็ได้แต่ยืนหลับตาปี๋รอความเจ็บปวด เพราะดูยังไงผม
ก็ไม่มีทางที่จะชนะมันได้เลย

“ขอโทษครับพี่ ไอ้นี่อ่ะเมียผม” เสียงของป๊อนซ์ดังขึ้นก่อนที่ผมจะถูกดึงตัวไปอยู่ในอ้อมแขนของอีกคนนึง

“ป๊อนซ์” ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดนั่นก่อนจะเรียกชื่อมันออกมาเบาๆ

“อ้าวว เมียน้องเหรอ นึกว่ายังไม่มีเจ้าของ งั้นก็ดูแลมันดีๆหน่อยแล้วกัน อย่าแถวปล่อยให้เดินคนเดียวอีกเพราะหน้าตาเมียน้อง
เนี่ย เป็นที่ต้องการของหลายๆคนแถวนี้ซะด้วย”

“ครับ” ป๊อนซ์รับคำพี่เค้าเบาๆก่อนจะดึงมือผมให้เดินออกมาจากบริเวณนั้นและตรงไปที่รถ

“ป๊อนซ์เบาๆหน่อย กูเจ็บ” ผมพูดพร้อมกับพยายามดึงมือออกจากมือของป๊อนซ์ที่ตอนนี้บีบอยู่ที่มือผมจนแดงไปหมดแล้ว

“.....” เงียบครับเงียบ

“ป๊อนซ์ ไอ้ปะ...”

“เงียบ!!!” ป๊อนซ์หันมาตะคอกใส่หน้าผมจนคนแถวนั้นหันมองกันเป็นตาเดียว แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจสายตาพวกนั้นเลย
แม้แต่น้อย เพราะมันก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากผมออกมาจากโซนเล่นน้ำอย่างเดียว


ป๊อนซ์ลากผมออกมาจนถึงรถที่จอดอยู่ก่อนจะกดปลดล็อกประตูและดันผมเข้าไปนั่งด้านในรถทั้งๆที่ตัวผมเปียกโชก แถมยังปิดประตูใส่หน้าผมอีกด้วย แม่งๆๆๆๆๆ

และในขณะที่ป๊อนซ์กำลังเดินอ้อมรถเพื่อเข้ามานั่งฝั่งคนขับผมเลยถือโอกาสเปิดประตูและวิ่งออกจากรถ แต่...

“จะไปไหน!!!!!” กึ๊กก หยุดชะงักทันทีก่อนจะเดินคอตกกลับเข้ารถโดยไม่ต้องให้ป๊อนซ์ออกมาลากด้วยซ้ำ

“....” ผมกลับเข้าไปนั่งประจำที่ก่อนจะปิดประตูเบาๆแล้วนั่งก้มหน้าบีบมือจนมือที่ซีดอยู่แล้วกลับซีดเข้าไปอีก

“สำนึกผิดรึยัง?” ป๊อนซ์พูดขึ้นพร้อมกับสตาร์ทรถแล้วเปิดแอร์ในรถด้วย ทำให้ผมที่สั่นเพราะกลัวมันอยู่แล้วต้องสั่นเข้าไปอีก
เพราะแอร์มันหนาวมากก =3=

“จะสำนึกได้ไงก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่” ผมพูดงุบงิบกับตัวเองเบาๆ

“โจ!!!!”

“ฮึก จะตะคอกทำ ฮึก ไมวะ” ไม่อั้นไม่กลั้นไม่เก็บอีกต่อไปแล้วครับ ผมปล่อยโฮออกมาทันทีที่สิ้นคำตะคอกของไอ้ป๊อนซ์

“โอ๊ยยยยย จะร้องทำไมห๊ะ?” ป๊อนซ์พูดเสียงดังออกมาอีกครั้งก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดและกดหน้าผมลงให้ซุกอยู่กับอกอุ่นๆของ
มัน

“ก็ ฮึก มึง ตะคอก ฮึก กูอ่ะ..” ผมพูดอู้อี้ๆ อยู่กับอกของป๊อนซ์

“เฮ้ออออ กูขอโทษแล้วกันนะ” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจากครั้งก่อนเยอะมากพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหัวของผมเบาๆ

“ฮือออ มึง ฮึก ต้องสัญญานะ ว่า ฮึก จะไม่ตะคอกกูแบบนั้นอีก”

“อืมม สัญญา แต่มึงก็ต้องห้ามดื้อห้ามงอแงเวลากูเตือนหรือกูห้ามไม่ให้ทำอะไรเข้าใจมั้ย”

“อือออ” ผมพยักหน้ารัวๆอยู่กับอกป๊อนซ์ก่อนจะถูหน้าไปมาเพื่อเป็นการเช็ดคราบน้ำตาออก

“ดื้อออ มานี่มาเดี๋ยวกูเช็ดให้” ป๊อนซ์ดันผมออกเบาๆก่อนจะหยิบทิชชู่ในรถมาซับน้ำตาให้กับผม

“ขอบคุณนะ” ผมพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างไปให้ป๊อนซ์

“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นดีกว่ามั้ย ไอ้ตัวดี” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้ากวนเบื้องล่าง เอ่อ ผมหมายถึงเท้านะ ไม่ใช่ล่าง
สะดือ (มีแต่มึงแหละที่คิดอยู่อ่ะ)

“จะเอาอะไรล่ะ” ผมถามพร้อมกับก้มหลบสายตาของป๊อนซ์และเป็นการซ่อนใบหน้าที่ร้อนวูบวาบจนกำลังจะแตกของตนเอง

“ก็อันนี้ไง” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับแตะนิ้วลงเบาๆที่ปากของผม สาดดดเดี๋ยวกูงับนิ้วเลย

“งั่ม!!” ผมกัดลงบนนิ้วของป๊อนซ์เต็มแรง ฮ่าๆๆๆๆ สะใจโคตร

“โอ๊ยยยยย ดื้อปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับพยายามดึงนิ้วออกจากปากของผม แต่มีรึไอ้โจคนนี้จะยอม ฝันไปเถอะ
คุณป๊อนซ์

“ไอ้อ่อย (ไม่ปล่อย)” ผมพูดออกไปทั้งๆปากก็ยังคาบนิ้วของป๊อนซ์อยู่

“ให้โอกาสอีกครั้งนะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับกดเสียงให้ต่ำลงกว่าเดิม

“อื้อๆๆ” ผมส่ายหน้าไปมาพร้อมกับส่งเสียงในลำคอ

“ได้” ป๊อนซ์ยกยิ้มร้ายๆออกมาก่อนจะก้มลงเป่าลมร้อนๆใส่คอของผมจนผมต้องหดคอหนีด้วยความจั๊กจี้

“อ๊ะ!!” ผมเผลอหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อป๊อนซ์กัดลงเบาๆที่คอของผมก่อนจะค่อยๆเลียรอยกัดนั้นอย่างทะนุถนอม และมันก็
ทำให้นิ้วของป๊อนซ์หลุดออกจากปากผมได้อย่าง่ายดาย

“ต้องให้ใช้ไม้แข็งตลอดเลยนะที่รัก” ป๊อนซ์พูดเบาๆที่ข้างหูของผมก่อนจะค่อยๆละริมฝีปากออกจากคอของผมอย่างอ้อยอิ่ง

“...” โอ๊ยยยยย ทำไมผมต้องแพ้มันทุกทางแบบนี้ด้วยนะ เซ็งๆๆๆๆๆ

“คิดอะไรอยู่อีกล่ะดื้อ คิ้วขมวดเป็นปมเชียว”

“ปะ เปล่าสักหน่อย” ผมปฏิเสธออกไปเสียงสั่นๆ

“เหรอจ๊ะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว

“เออดิ!!”

“จ้าๆๆๆ  ไม่แกล้งแล้ว” ป๊อนซ์ยื่นมือมาขยี้หัวของผมจนยุ่งไปหมดก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ตั้งอยู่เบาะหลังมาวางบนหัวผม
เพื่อให้ผมเช็ดหัวให้แห้ง

“เช็ดซะนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

“อือๆๆ ฮัดชิ้ววว”

“นั่นไง ยังไม่ทันขาดคำเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับส่ายหัวอย่างปลงๆ

“อ่า คัดจมูกอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับถูจมูกไปมา

“อย่าถูแบบนั้นดิดื้อ” ป๊อนซ์ยื่นมือมาจับมือผมไว้ไม่ให้ผมได้ขยี้จมูกต่ออย่างที่ต้องการ

“อือๆๆ”

ป๊อนซ์หยิบผ้าบนหัวผมไปก่อนจะเช็ดให้ไปเรื่อยๆจนผมของผมเริ่มจะแห้งลงบ้างแล้ว

“อ่ะ เดี๋ยวค่อยกลับไปไดร์ให้แห้งสนิทที่บ้านอีกทีแล้วกันนะ”

“อือๆๆ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะปรับเอนเบาะลงเพื่อที่จะนอนได้ แต่ก็ต้องขดตัวขึ้นมาเนื่องจากแอร์ในรถนี่แบบว่าหนาวมากกก

“หนาวเหรอดื้อ” ป๊อนซ์เอามือมาจับที่หัวของผมก่อนจะลูบเบาๆ

“อือออ”

“รอแป๊ปนะ” ป๊อนซ์เอี้ยวตัวไปด้านหลังก่อนจะดึงเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นมาแล้วเอามาห่มตัวให้ผม

“อืมม ขอบคุณนะป๊อนซ์” ผมพูดออกมาทั้งๆที่ตาก็ปิดไปแล้ว

“ครับ หลับไปได้เลยนะเดี๋ยวถึงบ้านแล้วป๊อนซ์ค่อยปลุกนะ”

“ค้าบบ” ผมรับคำลากเสียงยาวก่อนจะกระชับเสื้อของป๊อนซ์ให้ชิดตัวมากยิ่งขึ้น เฮ้อออ ชอบจังที่ได้ห่มเสื้อไอ้ป๊อนซ์แบบนี้
เพราะว่ามันเหมือนกับว่าป๊อนซ์มันกอดผมอยู่ยังไงยังงั้นแหละ ฟินอ่ะๆๆๆๆ

“หึๆ” ป๊อนซ์หัวเราะในลำคอก่อนจะก้มลงมาจุ๊บที่ปากของผมเบาๆ

“รักป๊อนซ์นะ” ผมพูดพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะหลับไปในที่สุด

“หึๆ รักดื้อเหมือนกันนะครับ”


..................................End of Songkran's Day..................................................

มาเสิร์ฟออร์เดิร์ฟแล้วจ้าาาาาาาา  :mew3:

ช่วงนี้คนเขียนไม่ค่อยได้จับต้องเน็ตเท่าไหร่อ่ะคะ เลยไม่ค่อยได้มาอัพ  :ling1:

แต่ตอนนี้ก็ยังแต่งอยู่เรื่อยๆนะจ๊ะ  :katai4:

แล้วก็มีอะไรบางอย่างจะมากระซิบด้วยแหละ เอาหูมา  :katai5:

คนเขียนมีแผนว่าจะแต่งภาคต่อเรื่อง Friend ในตอนที่อยู่มหาลัยกันแล้ว ตอนนี้ก็เก็บข้อมูลอยู่

จะแต่งในชื่อเรื่อง >> Forgotten Love รักที่ถูกลืม (ดราม่า 100% เต็ม)  :hao5:

อย่าลืมติดตามกันด้วยนะจ๊ะ  :mew6:

มีโมเม้นต์มาฝากด้วยจ้าาาา

-เพื่อนคนเขียนไปกินข้าวที่มาบุญครองแล้วบังเอิญว่าเจอเข้าน้องโจกับน้องป๊อนซ์นั่งอยู่ เหมือนกับว่าตอนแรกจะเดินมาด้วยกันแล้ว ป๊อนซ์ก็ไปนั่งรอที่โต๊ะเท้าคางไรเงี้ย ส่วนโจก็เดินไปซื้อข้าวซื้อน้ำแล้วมานั่งกิน แบบว่านั่งตรงข้ามกันอ่ะนะ คนที่กินก็มีแต่โจคนเดียวนะคะ ป๊อนซ์ไม่ได้กินแต่ไปเป็นเพื่อน ><//// เพื่อนคนเขียนบอกว่านั่งเท้าคางมองแบบนิ่งๆ ว๊ายๆๆๆๆๆๆ ฟินเฟ่อร์

อย่าลืมเม้นต์ & บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ  :call: :call:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โตแล้วน้องโจก็ยังน่ารักเนอะ อิอิ
ป๊อนซ์โหดกว่าเดิมรึป่าวเนี่ย

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 17





[Pontz x Joe]



[Joe]




“ไอ้เหี้ยป๊อนซ์!!!!!!!!!!”

“เสียงดังอะไรแต่เช้าวะดื้อ” ป๊อนซ์เดินออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมกับเลิกคิ้วมองผมอย่างสงสัย

“มึงดูสภาพกูดิ กูจะไปเรียนไงวะเนี่ย” ผมพูดพร้อมกับชี้ให้ป๊อนซ์ดูรอยต่างๆนาๆที่มันเป็นคนทำขึ้นทั้งหมดที่โผล่พ้นบริเวณคอ
เสื้อนักเรียนออกมา

“อ๋อออ ก็ไปแบบนี้แหละดื้อ คนเค้าจะได้รู้กันไงว่าดื้อมีเจ้าของแล้ว” ป๊อนซ์พูดสบายๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวอีก
ครั้ง

“พ่อมึงสิป๊อนซ์”

“เรียกหาทำไม มึงเป็นชู้กับพ่อกูเหรอ” ไอ้ป๊อนซ์ที่เพิ่งจะเดินหายเข้าไปในห้องรีบชะโงกหน้าออกมาอย่างรวดเร็ว

“โอ๊ยยยยย กูเบื่อจะเถียงกับมึงแล้วว่ะ เอางี้ มึงมีพลาสเตอร์ยาบ้างมั้ย??”

“อืมมม มีๆรอแป๊ป” ป๊อนซ์ดีดนิ้วดังเปาะก่อนจะเดินไปค้นลิ้นชักที่อยู่ใกล้ๆกับหัวเตียง

“อ่า นี่ไง ว่าแต่มึงจะเอาไปทำไมอ่ะ”

“ก็เอามาติดรอยพวกนี้ไงสัด แม่งอย่างกับเป็นไข้เลือดออก” ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบรอยพวกนั้นอย่างปลงๆ

“อ๋อออ งี้นี่เองอ่ะๆ เดี๋ยวกูแกะให้ อ่ะ กูจะบอกอะไรมึงอีกอย่างนึงนะว่าพลาสเตอร์ยาพวกนี้ไม่ใช่พลาสเตอร์ยาธรรมดานะเว้ย”
ป๊อนซ์ละสายตาจากพลาสเตอร์ยาในมือแล้วเงยขึ้นมามองผมด้วยสายตาจริงจัง

“อ้าว แล้วมันพิเศษยังไงอ่ะ”

“ก็นี่เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่น วันพีชที่พ่อกูสั่งทำให้ตอนวันเกิดปีที่แล้วไง ดูดิ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นพลาสเตอร์ยานั้นมาให้ผมดู ผมก็ได้
แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆกับความเด็กของมัน

“เออๆเอามา” ผมหยิบพลาสเตอร์ยามาจากมือป๊อนซ์ก่อนจะส่องกระจกแล้วติดมันเข้าที่รอยที่คอของผม

“อื้มมมม เรียบร้อย” ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้ตัวเองในกระจก

“เอ่อ โจ” ป๊อนซ์เรียกพร้อมกับเอามือมาสะกิดผมจากด้านหลัง

“ทำไมอีกอ่ะ?”

“คือ..คือ...” ป๊อนซ์อ้ำอึ้งอยู่นานจนผมชักเริ่มจะรำคาญ

“มีอะไรอีก?”

“คือกูจะบอกว่ารอยที่ต้นคอด้านหลังของมึงแบบว่าอื้อเลยอ่ะ”

“หา!!!!” ผมรีบหยิบกระจกบานเล็กอีกอันที่ตั้งอยู่ขึ้นมาส่องเพื่อที่ดูรอยด้านหลัง

“เฮ้ยยยย ไอ้ป๊อนซ์!!!!!!” ผมให้ไปตะคอกใส่หน้าป๊อนซ์สุดเสียงแต่มันกลับทำเพียงยิ้มแหยๆกลับมาให้เท่านั้น

“แล้วมึงจะทำไงล่ะทีนี้ หรือจะไม่ไปโรงเรียนดีอ่ะ”

“เรื่องอะไรล่ะ อื้มมมม เอาไงดีวะ?” ผมพูดพร้อมกับเดินไปเดินมาในห้องป๊อนซ์



“โอ๊ยยยย  หยุดเดินก่อนดื้อ เอางี้ใส่เสื้อฮูทไปเอามั้ย” ป๊อนซ์พูดเสนอความคิดออกมา

“เออใช่ ไหนอ่ะเอามาดิๆ” ผมรีบวิ่งนำมันเข้าไปในห้องแต่งตัวของมันเพื่อจะยืนรอมันเดินเข้ามาหาฮูทให้

“อ่ะ ตัวนี้แล้วกันนะ มันเล็กที่สุดแล้วที่กูมีอ่ะ”

“อืม ได้ๆ”

“ไหนยืนนิ่งๆดิ จะได้ลองทาบดูก่อน” ป๊อนซ์พูดก่อนจะยื่นเสื้อมาทาบบนตัวผม พร้อมกับทำหน้าพินิจพิจารณาอย่างหนัก

“อื้มมม แขนยาวไปหน่อยแต่ก็โอเค ใส่ได้”

“อืออ เอามาๆ” ผมพูดพร้อมกับรับเสื้อมาจากมือป๊อนซ์ก่อนจะเอามาสวมทับเสื้อนักเรียนที่ใส่อยู่

“ปะ ที่นี้ก็ไปโรงเรียนกันได้สักทีนะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นมือออกมาขยี้หัวผมเล่น

“อื้ออ ผมกูเสียทรงหมด” ผมพูดอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเอามือจับมือป๊อนซ์ไว้ไม่ให้มาขยี้หัวผมอีก

ป๊อนซ์จูงมือผมให้เดินลงมาชั้นล่างอย่างอารมณ์ดี สัดไม่ได้เป็นคนถูกกระทำอย่างกูนี่

“เดินช้าๆหน่อยป๊อนซ์” ผมพูดพร้อมกับกระตุกมือป๊อนซ์

“อ้าวว ไมอ่ะ” ยังมีหน้ามายิ้มอีกนะมึง

“กูเจ็บ” ผมพูดเสียงเบาอย่างอายๆ

“อ่ะ อ๋อออออ อย่างงี้นี่เอง” มันพูดพร้อมกับทำสีหน้าล้อเลียนผม เออ อย่าให้กูได้กดมึงบ้างแล้วกันไอ้เลวว

“อ้าว ป๊อนซ์จะไปโรงเรียนกันแล้วเหรอลูก” แม่ไอ้ป๊อนซ์ถามขึ้นขณะที่เรากำลังจะเดินไปเอารถที่โรงรถ

“ครับม๊า” ป๊อนซ์หันไปตอบแม่มันอย่างร่าเริง

“แล้วเย็นนี้จะนอนหอหรือนอนบ้านกันล่ะ?”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ เดี๋ยวผมโทรมาบอกอีกทีแล้วกันนะ”

“จ่ะๆ  ตั้งใจเรียนกันด้วยนะลูก” แม่ป๊อนซ์หันมาบอกลาพวกเราเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไปโรงเรียน

”ครับม๊า/ครับผม” ผมกับไอ้ป๊อนซ์ตอบรับออกมาพร้อมกันก่อนจะเดินกันไปที่รถเพื่อจะไปโรงเรียนกันเสียที



“มึงเป็นไรวะโจ หน้าดูซีดๆ” ไอ้พีเจทักขึ้นเมื่อเห็นว่าวันนี้ผมดูอิดโรยจนน่าเป็นห่วง

“ปวดหัวนิดหน่อยว่ะ” ผมหันไปตอบพีเจก่อนจะหยิบยาดมขึ้นมายัดใส่รูจมูกซะ

“แล้วไอ้ป๊อนซ์อ่ะ”

“ไปซื้อน้ำอยู่” ผมพูดทั้งๆที่หน้ายังซบอยู่กับโต๊ะหินอ่อนโต๊ะประจำ

“อ้าวววว  ยังไม่หายปวดอีกเหรอจ๊ะ” สัดภูมิ กูเกลียดมึง

“ส้นตีน” ตอบกลับไปแบบเบาๆครับ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แบบว่าตอนนี้หายใจยังเหนื่อยเลย

“มึงก็อย่าไปกวนมันมากดิภูมิ” มาแล้ววววว ที่รักของผม(หน้าไม่อายย)

“เชอะ” ภูมิทำเสียงสะดีดสะดิ้งก่อนจะหันไปคุยเรื่องถักโคเชกับไอ้ลิ้ม

“ดื้อ เงยหน้ามากินน้ำกินยาก่อน” ป๊อนซ์สะกิดไหล่ผมสองสามที

“อื้มมมม ปวดหัวอ่ะ”ผมเงยหน้าขึ้นมาแต่ก็ต้องหรี่ตาลงเมื่อเจอกับแสงจ้า

“มากินยาก่อนนะ”

“...” ผมพยักหน้านิดๆ ก่อนจะรับยาจากมือป๊อนซ์มาเข้าปากแล้วกลืนน้ำตามลงไป

“หึๆ”

“หัวเราะอะไรวะไอ้ไปป์” ป๊อนซ์หันไปถามไปที่หัวเราะออกมานิดๆหลังจากเงียบมานาน

“เปล่า ก็แค่กำลังคิดว่าเมื่อก่อนไอ้พลัสก็เป็นแบบนี้” หน้าตามึงเฉยมากไปป์

“เหรอ แล้วตอนนี้อ่ะ” พอแล้วป๊อนซ์ พอแล้ววว

“ก็มีเจ็บ มีอะไรนิดหน่อย แต่อาการไข้นี่ก็น้อยลงเยอะมากอ่ะ” ไปป์มันจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่ามันทำหน้าเหมือนเป็นศาสตราจารย์เกี่ยว
กับด้านนี้โดยเฉพาะเลย

“เฮ้ย จริงดิ ทำไงวะ” ไม่ต้อง ทำ ไงไอ้ควายป๊อนซ์!!!

“ทำบ่อยๆไง”

พรวดดดด!!!!!!!!

น้ำที่กำละงแดกอยู่นี่คือพ่นออกมาหมดทั้งปากเลยอ่ะ สัดไปป์ ทำไมมึงต้องชี้รูให้เหี้ยด้วยวะ แม่งงงงงง

O_o <<หน้าไอ้ป๊อนซ์

*{}* <<หน้าไอ้ลิ้ม

>3<  <<หน้าไอ้ภูมิ

=_=’ <<หน้าไอ้พีเจ

ส่วนหน้ากู >>   ToT

“เฮ้ยย วิธีมึงเด็ดมากไปป์” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้อย่างชื่นชม

“กูละเหนื่อยกับมึงจริงๆเลย” พีเจส่ายหน้าปลงๆ แต่สายตามึงนี่วิบวับเกิ๊นนน

“กูจะจำไว้เป็นตัวอย่างนะ” ไอ้เหี้ยลิ้ม กูจะฟ้องท็อปเทล

“สุโค่ยยยย เพื่อนกู” ถ้ามึงจะชื่นชมมันขนาดนั้นมึงก็สร้างอนุสาวรีย์ให้มันเลยเหอะภูมิ

“สัด พอเลยๆๆๆ” ผมตะโกนออกมาหลังจากนั่งอัดอั้นอยู่นาน

“เฮ้ยย พูดเสียงดังทำไมดื้อเดี๋ยวก็ปวดหัวอีกหรอก”

“ไม่ต้องเลยมึง” ผมพูดพร้อมกับหันไปจ้องหน้าไอ้ป๊อนซ์อย่างเอาเรื่อง

“โอ๋ๆๆๆ กูไม่ทำแบบนั้นหรอกมึง”

“เออดิ มึงไม่มีทาง ‘ได้ทำ’ อีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน” ผมพูดพร้อมกับจ้องหน้าป๊อนซ์ด้วยสีหน้าที่จริงจังที่สุดเท่าที่จะทำได้

“โจอ่า”

“เรียกทำไม!”

“โจโจ” ป๊อนซ์ไม่พูดเปล่า มันยังพยายามจะเอาหัวมาถูกับแขนผมด้วย

“เออ จะเรียกทำไมนักหนาวะ!!!”

“เสียงดังอ่ะ” คิดว่าทำแก้มป่องแบบนั้นแล้วกูจะใจอ่อนเหรอ ฝันไปเถอะไอ้น้อง

“...” ผมเงียบครับ ไม่รู้จะต่อปากต่อคำอะไรกับมันดี

“โจโกรธเค้าเหรอ”

”เปล่า”

”งั้นหันมาพูดกับเค้าก่อนดิ”

”....” ผมหันไปมองหน้ามันเหนื่อยๆ

“โอเค ป๊อนซ์ไม่ตื๊อแล้ว แต่ว่าเย็นนี้ไปดูป๊อนซ์ซ้อมบาสด้วยนะ”

”อืมม ได้”

“เย้!!!” เฮ้อออออ บางทีมึงก็ทำตัวเป็นเด็กๆไปนะป๊อนซ์


“ดื้อออ เอาน้ำให้กินหน่อย” ป๊อนซ์วิ่งกระหืดกระหอบจากกลางสนามมายังอัฒจรรย์ที่ผมนั่งอยู่

“น้ำส้มหรือน้ำเปล่า?”

“น้ำเปล่าจ๊ะ” ผมหยิบน้ำเปล่าก่อนจะยื่นไปให้ป๊อนซ์ที่ยืนรอรับอยู่ด้านล่าง

“แต๊งกิ้ว” ป๊อนซ์รับน้ำไปก่อนจะกระดกดื่มอย่างรวดเร็วจนเหลือแค่ครึ่งขวด แล้วจึงเอาน้ำที่เหลือนั้นราดบนหัวแล้วสะบัดไปมา
แรงๆ

“สัด เปียกเหอะ” ผมพูดพร้อมกับปัดรอยเปียกตามเสื้อออก

“โห ไรอ่ะรังเกียจเหรอ?”

“รังเกียจแล้วจะมานั่งเฝ้าแบบนี้มั้ยห๊ะ ถามอะไรอ่ะคิดบ้าง” ผมพูดแบบประชดออกมาก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งบนอัฒจรรย์
ตามเดิม

“ดื้ออ่ะ ช่วงนี้งอนบ๊อยบ่อย เดี๋ยวค่อยง้อตอนเล่นบาสเสร็จแล้วกันเนอะ” พูดจบมันก็วิ่งกลับเข้าไปในสนามอีกครั้ง  ไอ้งามมมมม

“พี่โจ หวัดดีครับ”

“อ้าวท็อปเทล มาเฝ้าไอ้ลิ้มเหรอ”

“อ่า ใช่ครับ” น้องตอบก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาหน้าแบบเขินๆ

“แล้วทำไมเพิ่งมาล่ะ”

“เพิ่งเรียนเสร็จอ่ะครับ” น้องพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม เฮ้อออ ยิ้มของน้องแกนี่มันดูสดใสไร้มลทินจริงๆเลย

“อ๋อครับๆ” ผมรับคำยิ้มๆก่อนจะยื่นมือไปขยี้หัวน้องเบาๆ

“ไอ้ป๊อนซ์ ไอ้ลิ้มมม  เมียมึงเล่นชู้กันเองแล้วเว้ยยย!!!!!!” สาดภูมิปากมึง

“ดื้อทำไรอ่ะ!!” มาแล้วครับเสียงนึง

“ท็อปเทลลลล!!!!!” มาแล้วอีกเสียงง

“กูเปล่านะ / เทลไม่ได้ทำ” ผมกับท็อปเทลปฏิเสธออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย

“เลิกเล่นแล้ว!!!!!” แน่ะ ทำไมมึงต้องพูดพร้อมกันด้วยวะ ไอ้ป๊อนซ์ไอ้ลิ้ม

“เทลกลับบ้าน  ส่วนมึงอย่าแม้แต่คิดนะโจ” ไอ้ลิ้มเดินมาลากแขนท็อปเทลออกไปก่อนจะหันกลับมาชี้หน้าคาดโทษผมไว้

“มึงบ้าเหรอไอ้เหี้ยลิ้ม คิดไงเชื่อไอ้ภูมิวะ” ผมตะโกนไล่หลังไอ้ลิ้มที่เดินดุ่มๆตรงไปยังรถของมัน

“อ่ะนะ คนมันน่าเชื่อถือ” ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับตบอกตัวเอง

“หยุดเลยสัดภูมิ”

“มึงก็หยุดเหมือนกันโจ” แงๆๆ อย่าทำเสียงโหดดิป๊อนซ์

“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะป๊อนซ์”

“ไม่ต้องพูดเลย กูเห็นนะ” ป๊อนซ์พูดเสียงเย็นๆ

“เห็นเหี้ยไร!!” เอาดิ ผมก็เริ่มจะขึ้นแล้วเหมือนกัน แม่งโกรธอะไรไม่เคยคิดจะถามผมก่อนอ่ะ

“เห็นว่ามึงจะเล่นเมียเพื่อนไงโจ!!”

”พ่อมึงสิไอ้สัด กูจะกล้าไปคิดแบบนั้นกับใครอีกห๊ะ มึงทำอะไรกับกูไว้จำไม่ได้รึไง  แม่ง รอยเต็มตัวกูไปหมดแล้ว มึงยังต้องการ
อะไรอีกป๊อนซ์ ล่ามกูไว้ที่บ้านเลยมั้ยไอ้เหี้ยย!!” ผมพูดออกมาอย่างสุดเสียง โดยไม่คิดจะอายคนทั้งสนามที่เงียบยิ่งกว่าป่าช้า
เสียอีก

“ไปคุยกันบนรถ” ป๊อนซ์พูดเสียงนิ่งๆ พร้อมกับลากมือผมให้เดินตามไปที่รถ

“ทำไม อายรึไง”

“โจ” ป๊อนซ์พูดขู่เสียงแข็งขึ้นกว่าเดิม

“มึงอายใช่มั้ยป๊อนซ์ อายเรื่องที่กูพูดอยู่ตอนนี้ อายที่ไอ้พวกที่ยืนอยู่ในสนามนี้มันรู้ว่ากูกับมึงเป็นอะไรกัน อายที่....อุ๊บบบ”
ป๊อนซ์ตัดสินใจเอาปากของมันทาบลงมาปิดปากของผมที่พูดระบายออกมาไม่มีหยุด

“โอ้ววววว” เสียงโห่ เสียงแซวดังกระหึ่มไปทั้งสนาม สัดเอ๊ยย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“อื้มมมมม” ผมหลุดเสียงครางในลำคอออกมานิดๆเมื่อป๊อนซ์ใช้ลิ้นร้อนของมันไล่ต้อนลิ้นของผมไปเรื่อยๆอย่างมีชั้นเชิง

“อื้อออ” ผมเอามือทุบไหล่ป๊อนซ์อย่างแรงเมื่อเริ่มได้สติว่าเราไม่ได้อยู่ในสนามกันแค่สองคน

“แฮ่กๆๆๆ” ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีที่ป๊อนซ์ปล่อยให้ปากของผมเป็นอิสระ

“ไง ยังจะคิดว่ากูอายอีกมั้ย?”

ผมไม่ตอบแต่ส่ายหน้าไปมาอยู่กับอกป๊อนซ์

“กูขอโทษแล้วกันนะ ขอโทษที่โมโหมึงโดยที่ไม่ฟังอะไรก่อน”

“อืมม” ผมพยักหน้ารัวๆ โดยที่ยังคงซบอยู่กับอกป๊อนซ์เนื่องจากผมไม่กล้าที่จะสู้หน้ากับใครทั้งนั้น

“วันนี้กลับไปนอนที่บ้านกูแล้วกันนะ”

”อืมม”

”เดี๋ยวกูเก็บของแป๊ป” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับดันไหล่ผมออกเพื่อที่จะได้เดินไปเก็บกระเป๋าขวดน้ำขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเอามือที่ว่างอีกข้างนึงมาพาดคอผมไว้แล้วพาให้เดินออกมาจากโรงยิม

“กลับบ้านดีๆนะจ๊ะ คู่รักข้าวใหม่ปลามัน” ไอ้ภูมิตะโกนไล่หลังมาพร้อมกับเสียงโห่ของไอ้พวกที่นั่งอยู่ในโรงยิมทั้งหมด  แม่งงงง
ไอ้เลววว

“เออๆ เดี๋ยวคืนนี้กูไลน์ไปถามการบ้านอีกทีนะมึง” ป๊อนซ์หันกลับไปตะโกนหาภูมิอีกครั้ง

“จ้า”



“เหนื่อยๆๆๆๆ” ไอ้ป๊อนซ์บ่นเสียงดังพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงคิงไซส์ที่ตั้งอยู่กลางห้อง

“ป๊อนซ์   สกปรก”

“ก็มันเหนื่อยอ่ะ”

“ก็ใครใช้ให้มึงไปเล่นบาสล่ะ” ผมเถียงกลับไปอย่างไม่ลดละ

“โอ๊ยๆๆๆๆๆ หยุดบ่นซะที เดี๋ยวก็จับกดซะเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้าทีเล่นทีจริง

“เหี้ยเหอะ” ผมหันไปตะโกนใส่ไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะเอาผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

ผมใช้เวลาดื่มด่ำกับการขัดถูตัวเองอยู่ราวๆ 15 นาทีก็เดินใส่เสื้อคลุมอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำแต่ก็ต้องตกใจแทบช็อคเมื่อเห็นว่า
ไอ้ตัวดีมายืนยิ้มร่ารออยู่ที่หน้าประตู

”เฮ้ย!!! มายืนตรงนี้ทำไมเนี่ย”

“ก็ดื้ออาบน้ำนานอ่ะ เค้าคิดถึ๊ง คิดถึง” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำปากยื่นมาด้านหน้าอย่างน่าหมั่นไส้

“มึงอินจัดกับ พี่มาก เกินไปป่ะ”

“บ้าเหรอดื้อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำหน้าอายๆแล้วเดินกลับไปหยิบผ้าเช็ดตัวบนเตียงก่อนจะเดินมาหน้าห้องน้ำอีกครั้ง

“เสียงกลองรบดังสนั่นเหล่าชายฉกรรจ์ปกปักษ์ปฐพี เฮ้!! ฮ่าๆๆๆๆ” ไหนบอกไม่อินไอ้สัด จัดเพลงกองพันมาเลยนะ  ผมว่านับวัน
มันยิ่งปัญญาอ่อนขึ้นเรื่อยๆแล้วนะเนี่ย

ผมส่ายหน้าอย่างปลงๆก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบโลชั่นออกมาค่อยๆทาไปตามขาและแขนจนทั่วก่อนจะตบๆซ้ำ
อีกทีเพื่อให้มันซึมเข้าไปด้านในได้ดียิ่งขึ้น

“ยั่วเหรอจ๊ะโจโจ” ป๊อนซ์ที่ยืนเปลือยท่อนบนพิงประตูห้องน้ำอยู่พูดออกมา

”ยั่วเหี้ยไร” ผมสะบัดหน้าไปมองอย่างอารมณ์เสีย แต่ก็ต้องชะงักนิ่งเมื่อเห็นสิ่งนั้นเข้า

“ปะ ป๊อนซ์..” เสียงของผมขาดห้วงลงอย่างบังคับไม่ได้

“หื้มม ทำไมอ่ะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“มึงไปทำมาตอนไหนเนี่ย ทำไมกูไม่เคยเห็น” ผมถามออกมาเบาๆราวกับเสียงกระซิบก่อนจะจดจ้องไปยังสิ่งๆนั้นอย่างหลงใหล
แล้วจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาป๊อนซ์อย่างช้าๆ



............................................TBC............................................

อัพแล้วนะคะ  :hao7:

อย่าลืมเม้นต์ แล้วก็บวกเป็ดให้กำลังใจด้วยนะคะ  :call:

ขอโทษทีนะคะที่หายไปนาน ช่วงนี้ใกล้เอ็นท์แล้ว ก็เลยไปตามผู้ชาย 5555  :mew1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ขอเดาว่า ป๊อนซ์ไปสักมาใช่ไหม

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
เย่ๆๆๆอ่านมา2วันในที่สุดก็ตามทัน.สนุกมากกกกกกเลยอะ

โจเห็นอะไรอะอยากรู้ เราเห็นคอมเม้นนึงเขียนว่าเห็นรอยสัก เราเริ่มคิดว่าเปฺ็นรอยสักแล้วอะดิ 555

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 18




[Pontz x Joe]




[Joe]





“สวยใช่ป่ะ ไม่รักทำไมได้นะเนี่ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำหน้าภูมิใจกับสิ่งๆนี้อย่างยิ่ง

‘Love J. Forever’

ผมค่อยๆใช้นิ้วไล้ไปตามตัวอักษรที่เป็น ‘รอยสัก’ ที่ปรากฏอยู่บริเวณเหนือหน้าอกที่ใกล้ๆกับไหปลาร้าด้านซ้ายนั้นเบาๆ

“ไปทำมาตอนไหนทำไมกูไม่เคยเห็นอ่ะ” ผมยังคงถามต่อโดยที่มือก็ไม่ได้ห่างออกจากรอยสักเลยแม้แต่น้อย

“เฮ้ยบ้า แล้วเมื่อคืนก่อนที่เราอ๊อดอ๊อดกันนี่มึงไม่เห็นเลยรึไงโจ” สิ้นคำพูดของไอ้ป๊อนซ์ผมก็ชะงักมือที่กำลังลูบอกมันอยู่ออก
แทบจะทันที พร้อมกับเอามือทั้งสองขึ้นมาแนบที่ข้างแก้มเพื่อที่จะลดความร้อนบนใบหน้าลง

“กะ...ก็ มันมืดอ่ะ” ผมพูดตอบมันอย่างตะกุกตะกัก  กูจะสั่นทำไมวะเนี่ย

“อื้มมม อย่างนี้นี่เอง” ป๊อนซ์พูดตอบพร้อมกับทำน้ำเสียงล้อเลียนผมไปด้วย

“แล้วนี่จะบอกได้ยัง ว่าไปทำมาเมื่อไหร่”

“อ๋ออ  สักพักแล้วล่ะ แบบว่าไปเดินแถว XX กับไอ้ไปป์ ไอ้ไปป์มันบอกว่ากูน่าจะลองทำดูกูเลยทำไง”

“ละ...แล้วทำไมต้องเป็นคำนี้อ่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอานิ้วไปจิ้มๆตรงตัวอักษรอีกครั้ง

“ยังจะถามอีกเหรอดื้อ” ป๊อนซ์พูดเบาราวกับเสียงกระซิบก่อนจะค่อยๆทาบริมฝีปากของป๊อนซ์ลงบนปากของผมเบาๆ โดยไม่ได้
มีการรุกล้ำใดๆทั้งสิ้นแต่มันก็กลับทำให้ผมรู้สึกวาบหวามในอกได้ไม่น้อย

“อื้มมม ปะ..ป๊อนซ์ พอก่อนน” ผมพยายามเอามือดันอกป๊อนซ์ให้ห่างออกไปเพราะตอนนี้มือมันเริ่มจะอยู่ไม่สุขแล้ว

“ก็ได้” ป๊อนซ์ผละออกอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้ผมพร้อมกับเอามือลูบหัวผมอย่างทะนุถนอม

“ทำไมวันนี้พูดง่ายจัง”

“ไม่ดีรึไง”

“ก็ดีแล้ววว” ผมพูดลากเสียงยาวก่อนจะผลักป๊อนซ์ออกให้พ้นทางแล้วรีบวิ่งไปใส่เสื้อผ้าทันที



~รัก คือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป...~

“ดื้อออ โทรศัพท์” เสียงป๊อนซ์ตะโกนดังมาจากบนเตียง

“ได้ยินแล้ว” ผมตะโกนกลับไปก่อนจะผละสายตาจากจอคอมแล้วลุกขึ้นเดินไปที่เตียง

“ใครโทรมาอ่ะมึง” ผมถามขึ้นขณะที่กำลังเดินตรงไปหาป๊อนซ์

“ไม่รู้อ่ะ เดินมาดูเองดิ”

“โอ๊ยยย แม่งมึงจะจ้องคอมขนาดนั้นให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ เดี๋ยวก็สายตาเสียหรอก”

“บ่นจ๊างงงงง”

“เออกูจะบ่น แล้วอีกอย่างมึงลงมาอุ้มลูกมึงขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยดิ อยู่บนพื้นเดี๋ยวก็โดนเหยียบตายหรอก” ผมพูดพร้อมกับบุ้ย
ปากไปทางที่ไอ้โปมันซุกตัวอยู่

“จ้า ทำแล้วจ้า เมียหรือแม่เนี่ย”

“ป๊อนซ์!!”

“คร้าบบบ ลุกแล้วครับลุกแล้ว” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปอุ้มโปไปโยนไว้บนเตียง

“เฮ้ออ ใครโทรมาวะเนี่ย” ผมพูดขึ้นลอยๆพร้อมกับยกไอโฟนขึ้นมาดู

-ม๊า-

เฮ้ยยยย นี่ผมไม่ได้โทรหาม๊ามากี่อาทิตย์แล้วเนี่ย ลืมไปเลยว่าต้องโทรหาม๊า

“ฮัลโหลครับม๊า” ผมกดรับก่อนจะพูดเริ่มบทสนทนาขึ้น

(ไม่โทรหาม๊ามากี่ปีแล้วล่ะเนี่ย)

“แหม ม๊าก็เกินไป แล้วนี่โทรมามีไรป่ะครับ”

(ทำไม ฉันจะโทรหาลูกฉันนี่ ต้องมีธุระด้วยเหรอ)

“เปล่านี่ อะไรของม๊าเนี่ย”

(ก็แค่จะโทรมาหา แล้วก็จะถามว่าทำไมไม่กลับบ้านบ้าง)

“ก็เดี๋ยวกลับตอนปิดเทอมไงม๊า”

(อืมม แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะ)

“อยู่บ้านป๊อนซ์”

(ทำไมไปอยู่บ้านป๊อนซ์บ่อยจังล่ะ) แม่ถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆที่ดูเหมือนจะเป็นการจับผิดบวกกับคาดคั้น

“เอ่อ ก็ โจสนิทกับมันไง” ผมตอบออกไปด้วยอาการสั่นๆ เพราะในตอนนี้แม่ของผมก็ยังไม่รู้เรื่องระหว่างผมกับป๊อนซ์เลยแม้แต่
น้อย

(อืมมม เออๆแล้วนั่นมีตังค์ใช้ดีรึเปล่า)

“มีครับ” ผมตอบกลับไปสั้นๆเพราะในหัวของผมกยังคงคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้อยู่

(อืมม งั้นก็แค่นี้ก่อนแล้วกัน อย่าลืมโทรหาม๊าบ้างนะ)

“ครับ”

(เออ แล้วก็อย่าเที่ยวไปรบกวนคนอื่นเค้ามากนะ )

“คะ..ครับ” แม่พูดทิ้งท้ายไว้ให้ผมคิดหนักก่อนจะวางสายไป

“เป็นอะไรรเปล่าโจ สีหน้ามึงดูไม่ค่อยดีเลย” ป๊อนซ์ถามขึ้นพร้อมกับดึงแขนผมให้นั่งลงบนเตียงข้างๆมัน

“เปล่า กูแค่รู้สึกว่าแม่กูพูดแปลกๆ”

“แปลกยังไง” ป๊อนซ์ถามหน้าเครียด ทำให้ผมต้องยกเลิกความตั้งใจที่จะปรึกษามันทิ้งไปในทันที

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะฝืนยิ้มออกไปมันดูปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แน่ใจนะดื้อ มีอะไรไม่สบายก็ขอให้บอกเข้าใจมั้ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับจับมือของผมเอาไว้แน่นราวกับจะเป็นการบ่งบอกว่าผมจะ
ไม่มีวันต้องเผชิญปัญหาอยู่คนเดียวอย่างแน่นอน

“อืม” ผมตอบรับเบาๆก่อนจะโผตัวเข้ากอดแล้วซุกหน้าลงกับอกของป๊อนซ์

“หึๆ วันนี้ดูอ้อนๆยังไงก็ไม่รู้อ่ะ” ป๊อนซ์ยกมือขึ้นมาลูบหัวของผมเยาๆพร้อมกับกดให้ซุกเข้าไปที่อกยิ่งขึ้น

“บ้า!! ไม่ได้อ้อน”

“อ๋อจ้าๆ ไม่ได้อ้อนก็ไม่ได้อ้อน”

“นอนกันเหอะ ง่วงแล้วอ่ะ” ผมพูดก่อนจะดันตัวออกจากอ้อมแขนของป๊อนซ์พร้อมกับขยี้ตานิดๆ

“อือๆ แล้วไอ้โปอ่ะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับจับที่หูสองข้างของไอ้โปแล้วยกมาชูอยุ่ตรงหน้าของผม

“ป๊อนซ์!! ทำไมจับมันแบบนั้น เดี๋ยวก็หูขาดหรอก” ผมตะวาดป๊อนซ์ก่อนจะรีบดึงไอ้โปมาอุ้มไว้ทันที

“เอาน่า ไม่ขาดหรอก แล้วตกลงจะให้มันนอนไหนเนี่ย”

“ก็นอนกับเราสองคนบนเตียงนี่แหละ นอนตรงกลางเลย”

“ไม่เอาอ่ะ ถ้ามันนอนตรงกลางแล้วกูจะกอดมึงยังไงอ่ะ” อื้อหือ มึงพูดออกมานี่ไม่ได้กลัวกูเขินเลยใช่มั้ย

“ก็ ก็ ไม่รู้อ่ะ”

“เอางี้นะ มึงก็นอนกอดไอ้โปไว้” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับจัดท่านอนให้กับส่วนผมที่อยู่ในอาการเขินปนงงก็เลยตามน้ำปล่อยให้มันจัด
ไปได้โดยไม่มีขืน

“แล้วมึงก็นอนตะแคงแบบนี้” นั่นมีจับกูนอนตะแคงด้วย

“แล้วกูก็จะนอนกอดมึงจากด้านหลังแบบนี้ “ ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยกหัวผมขึ้นให้นอนหนุนแขนของมันส่วนแขนอีกข้างหนึ่งที่ยังว่าง
ก็วาดผ่านลำตัวมากอดผมเอาไว้แล้วดึงเข้าหาตัวมันก่อนจะกอดผมไว้แน่นพร้อมกับซุกหน้าลงที่ด้านหลังคอของผม

“เอ่อ ป๊อนซ์ กูจั๊กจี้อ่ะ” ผมพูดพร้อมกับหดคอหนีเล็กน้อยเมื่อลมหายใจร้อนๆของป๊อนซ์มากระทบลงที่ลำคอของผมเบาๆ

“อย่าดิ้นดิโจ เดี๋ยวของขึ้นแล้วกูไม่รับรองความปลอดภัยนะ”

กึ่กกก!!!!!!

หยุดการกระทำทุกอย่างลงในทันที แม่งขู่นะมึง แม่งคิดว่ากลัวเหรอสัด ต้องขอบอกว่ากลัวโคตร

และสรุปว่าทั้งคืนกว่าผมจะหลับลงก็ต้องใช้เวลานานมากกก  เพราะมัวแต่เกร็งไม่ขยับอยู่จนตัวจะเป็นตะคริวไปครึ่งนึงแล้ว



หลังจากที่ผมต้องนอนเกร็งตัวทั้งคืนจนเผลอหลับไปนอนไหนไม่รู้ ผมก็ต้องตื่นมาด้วยอาการตกใจแทบจะสลบเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเรียนอยู่แล้ว

“สาดป๊อนซ์!!!!!!!” ผมดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมกอดของป๊อนซ์อย่างรุนแรง แต่แทนที่มันจะปล่อยผมมันกลับรัดผมแน่นเข้าไปอีก

“นิ่งๆดิโจ กูง่วง”ป๊อนซ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงง่วงๆปนรำคาญนิดๆ

“มึงไม่ไปเรียนรึไง ไอ้ควาย”

“ด่ากูเหรอโจ” ป๊อนซ์พูดเสียงแข็งๆพร้อมกับผลิกตัวขึ้นมาคร่อมตัวผมเอาไว้ทันที

“เอ่อ..คือ กู อุ๊บ!!” นั่นไง กูว่าแล้ววววว  แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมหรอก ผมต้องไปเรียนเพราะวันนี้มีวิชาโปรดของผม วิชากฎหมาย
นั่นเอง แต่ที่เหลือก็เป็นวิชาเบาๆอย่างสุขศึกษา แนะแนวไรเงี้ย

“โอ๊ย ดื้อมึงจะตีกูทำเหี้ยไร” ป๊อนซ์ปล่อยให้ปากของผมได้เป็นอิสระทันทีที่ผมตีไปที่ท้องมันหนึ่งทีแบบหนักๆ

“ก็มึงจะทำเหี้ยไรล่ะ!!”

“มึงก็น่าจะรู้นะดื้อ~” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับก้มลงมาจุ๊บที่ปากผมเบาๆหนึ่งที คืออยากจะบอกว่าผมยอมให้มันจูบเลยดีกว่านะ เพราะ
พอมันทำแบบนี้แล้วผมเขินมากกว่าอีกอ่ะ

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงวันนี้กูก็ต้องไปเรียน” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาแน่วแน่ไปให้ป๊อนซ์

........

......

....

..

.

“อ๊ะ ป๊อนซ์ กูจุก บะ..เบาๆหน่อย”

“จุกแต่ก็ชอบใช่ป่ะ” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงล้อๆก่อนจะกระแทกลงมาแบบเน้นๆจนผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ก็ตามนั้นล่ะครับ ห้ามมันไม่ได้อีกตามเคย สาดดดดดด วิชากฎหมายของกู YY

~รัก คือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป...~

ใครมันโทรมาตอนนี้วะแม่ง!!!!

“อ่ะ กูให้มึงรับสายก่อน” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหยุดการกระทำทั้งหมดก่อนจะหยิบไอโฟนแล้วยื่นมาให้ผม

“อื้อออ ไม่เอา ไม่รับ”ผมพูดพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างเอาใจ แม่งกูค้างอ่ะ

“รับซะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับพลิกให้ผมขึ้นไปนั่งอยู่บนมันทั้งๆที่เราสองคนยังเชื่อมติดกันด้วย เอ่อ เอ่อ ไอ้นั่นแหละอยู่เลย

“อื้อ ไม่เอาอ่ะ อื้ออ” ผมกัดริมฝีปากกลั้นเสียงของตัวเองเอาไว้ เพราะเมื่อผมได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้มันทำให้ผมเสียวขึ้น
มากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลย

“อุ๊ย กดรับไปแล้วอ่ะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้าตอแหลอย่างหน้าหมั่นไส้

“สัด!!” ผมด่ามัน ก่อนจะแย่งไอโฟนขึ้นมาแนบไว้ที่หู

“ฮัลโหล” ผมรับสายด้วยเสียงสั่นๆเนื่องจากต้องกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้ด้วย

(ทำไรกันอยู่วะ) เสียงพีเจกรอกมาตามสายอย่างเป็นห่วง แต่ผิดเวลาไปหน่อยนะสาดด

“ยุ่งนิดหน่อย ละแล้วมึงโทรมาทำไมเนี่ย”

(กูจะโทรมาถามว่ามึงไม่มาเรียนกันรึไง)

“ไม่ไปแล้ว อื้ออ” สาดป๊อนซ์ จะลูบขากูทำหอกไรวะ

(แล้วนั่นมึงเป็นอะไรวะ)

“มะ ไม่ได้ อื้อออ เป็น อ่าส์” ผมฟุบตัวลงกับอกป๊อนซ์ทันทีที่มันเด้งสะโพกสวนขึ้นมา

(โจ ไอ้โจ) เสียงพีเจยังคงดังออกมาจากโทรศัพท์ในขณะที่สติของผมเหลือน้อยลงเต็มที

“หึ” เสียงป๊อนซ์หัวเราะในลำคอดังขึ้นก่อนที่มันจะพลิกเอาผมไว้ด้านล่างอีกครั้งแล้วแย่งไอโฟนไปแนบหูไว้เสียเอง

“ไงพีเจ” มันพูดพร้อมกับขยับแก่นกายของตัวเองเข้าออกไปด้วย

“อ๊ะ อ๊ะ อื้ออออ” ผมต้องรีบอาหมอนมาปิดปากกลบเสียงครางของตัวเองไว้ทันที

“มันไม่ได้ป็นอะไรนี่ ก็ดูมีความสุขดี”

“อ๊ะ ไอ้สัด!!!” ผมด่าพร้อมกับฟาดไปที่ไหล่มันแรงๆหนึ่งที

“ตีกูทำไมห๊ะ?” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับกระแทกเข้ามาอย่างแรงจนผมจุกไปทั่วทั้งท้องน้อย

“อื้อออ”ผมจุกจนน้ำตาไหลออกมาชื้นๆอยู่รอบๆดวงตา

“เออ ไม่มีไร”

“ไอ้โจเหรอ อยู่ล่างกู” สาดดดดด

“กูก็อยู่บนมันไง” สิ้นคำพูดของป๊อนซ์ผมก็ง้างมือเตรียมจะฟาดมันอีกครั้ง แต่มันก็ชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ทำให้ผมก็ได้แค่ส่ายหน้า
ไปมาอย่างเอาใจ

“อืม กูฝากจดด้วยแล้วกัน” เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะงอแง ป๊อนซ์จึงค่อยๆใส่นิ้วมาในปากของผมก่อนจะใช้นิ้วค่อยๆไล่ต้อนลิ้นของผม
อย่างมีชั้นเชิง

“อื้มมม” แล้วผมก็ต้องแพ้ทางนิ้วที่โคตรจะพลิ้วของมันอีกครั้ง

ผมค่อยๆดูดเม้มนิ้วมันกลับอย่างเงอะๆงะๆ

“อื้มมม เออๆ แค่นี้ก่อนนะพีเจ โจแม่งเริ่มยั่วแล้วว่ะ” พูดจบป๊อนซ์ก็ขว้างไอโฟนผมจนไปตกส่วนไหนของเตียงก็ไม่รู้ ก่อนจะหัน
มามองหน้าผมด้วยสายตาที่ร้อนแรงสุดๆ

“ยั่วเหรอจ๊ะ”

“อ๊ะ ป๊อนน อื้อออ” และกิจกรรมนี้ก็ดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน จนกว่าที่ไอ้ถึกนี่มันจะหมดพลังงานก็เกือบจะบ่ายสามแล้ว

หลังจากเสร็จกิจกรรมเข้าจังหวะไอ้ป๊อนซ์ก็อุ้มผมที่มีสติเหลือน้อยลงเต็มทีไปอาบน้ำล้างตัวก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนชุด
ใหม่ให้เรียบร้อย แล้วก็พาผมมานอนอีกครั้ง เฮ้อออ วันนี้นี่กูจะไม่ได้ลุกจากเตียงเลยใช่มั้ยเนี่ย




.............................................TBC.............................................................

อัพอีกตอนแล้วนะจ๊ะ  :katai3:

ห่างหายไป แล้วนานๆมาทีแบบนี้ เพราะช่วงนี้งานเยอะมากจริงๆ  :z10:

ช่วงนี้น้องโจกับน้องปอนซ์ดูวิ้งค์ๆขึ้นมากเลย  :katai1:

วันนี้ไปดูน้องไปป์กับน้องลิ้มแข่งวอลเล่ย์บอลมา บอกได้คำเดียวว่า แหล่มมาก!!!!

อ่านแล้วเม้นต์ & บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  :hao5:

.....KATIEZZ......

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
แฮ่ แค่คนเขีบยกลับมาก็ดีใจแทบตายละ
มาเจอแบบนี้  :m25: :z1:  ฟินนนนนนน

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
แน่ะ แอบไปสักมาจริงๆด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
หะ หะ หะ หื่นอ่าาาา ทำไมป๊อนซ์มันหื่นแบบนี้

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
สงสัยโจคงต้องอยู่บนเตียงทั้งวันเพราะป๊อนซ์มันหื่นเกิน 5555

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
ในที่สุดโจก็เสียเอกราช ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Special Basketball



[Limp x Toptell]



[Toptell]




“พี่ลิ้ม เทลบอกแล้วไงว่าเทลไม่ได้คิดอะไรกับพี่เค้าเลยนะ” ผมพูดพล่ามออกมายาวเหยียดพร้อมๆกับวิ่งตามหลังคนตัวสูงด้านหน้าที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินลงง่ายๆ

“.....” พี่ลิ้มยังคงไม่ยอมพูดอะไรออกมาอยู่ดี แล้วไอ้ต้นเหตุนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยก็แค่พี่ลิ้มไปเปิดinboxของผมแล้วก็เจอ
อันที่ผมไปชวนพี่คนนึงคุยด้วยเค้าคุยพอดีเพราะว่าพี่เค้าเคยเก็บของของผมได้แล้วเอามาคืนก็แค่นั้นเอง

“พี่ละ..”

“ไอ้ลิ้ม!!!!!” เสียงเรียกของผมโดนกลบด้วยเสียงตะโกนของพี่ไปป์

“ไมวะ?”พี่ลิ้มหยุดเดินก่อนจะตอบกลับไปสั้นๆพร้อมกับเหลือบหางตามามองผมนิดๆ

“ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว เราแข่งกันคู่แรกนะมึง” พี่ไปป์บอกกลับเสียงนิ่งๆตามสไตล์

“อืม ไปเหอะ” พี่ลิ้มรับคำแล้วเดินออกไปทันทีโดยไม่ได้หันมามองผมเลยแม้แต่น้อย  ส่วนพี่ไปป์ก็หันมามองผมนิดๆก่อนจะออก
เดินไปพร้อมๆกับพี่ลิ้ม

“พี่ลิ้ม” ผมเรียกพี่ลิ้มด้วยน้ำเสียงเครือๆเพราะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

“เฮ้ออ ค่อยกลับไปคุยกันตอนเย็น” พี่ลิ้มถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะหันมาพูดกับผม

“ครับ สู้ๆนะครับ”

“อืม แล้วไม่ต้องตามไปที่สนามบาสนะ” พี่ลิ้มรับคำสั้นๆพร้อมกับขู่ส่งท้ายก่อนจะเดินต่อไป

พี่ลิ้มไม่เคยให้ผมไปดูพี่ลิ้มเวลาแข่งเลยเพราะพี่แกเคยบอกว่าพี่แกจะไม่มีสามธิเพราะมัวแต่หันมามองว่ามีใครเข้ามายุ่มย่ามกับ
ผมรึเปล่า ///><///

ง่า ผมควรทำไงดีล่ะเนี่ย ปกติถ้าพี่แกโกรธก็จะโวยวาย หรือไม่ก็โมโหออกมาแบบสุดๆไปเลย ไม่ใช่มานั่งอมพะนำอยู่แบบนี้ 
โอ๊ยยยยย เครียดๆๆ แล้วผมก็เริ่มขยี้หัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

“ขอโทษนะคะ น้องท็อปเทล” เสียงสะกิดบวกกับเสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมต้องหยุดการกระทำที่ดูคล้ายคนบ้าของตัวเอง
ก่อนจะหันไปมองด้านหลัง

“ครับ?”

“ช่วยเป็นหลีดให้สีเราหน่อยได้มั้ยคะ?”

“เอ่อ..คือ..ผม..” เอาไงดีละทีนี้ ขืนตอบตกลงเลยโดยที่ไม่ถามพี่ลิ้มก่อน มีหวังได้ตายแน่

“เอางี้นะ พี่ให้เวลาน้องไปคิดก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะมาขอคำตอบพรุ่งนี้โอเคมั้ย?”

“ครับๆ” ผมรีบรับคำอย่างรวดเร็วเพราะอย่างน้อยๆมันก็ยืดเวลาการให้คำตอบของผมออกไปได้อีกหน่อย

พี่ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ผมก่อนจะเดินกลับไป  เฮ้อออ ทำอะไรต่อดีล่ะเนี่ย ว่างอ่ะ เบื่อๆๆๆ

“ท็อปเทล!!” เสียงตะโกนแปดหลอดจากเพื่อนรักของผมดังขึ้น

“อ้าวบิส มาก็ดีเลยเค้ากำลังหาคนอยู่เป็นเพื่อนเค้าพอดี” ผมพูดออกมาด้วยความดีใจเพราะอย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็ไม่ต้องเดินง่อย
อยู่คนเดียวแล้ว

“แล้วพี่ลิ้มอ่ะ?”

“แข่งบาส”

“งั้นเราไปดูพี่ลิ้มแข่งบาสกันดีกว่า”

“เค้าไปไม่ได้อ่ะ พี่ลิ้มสั่งห้ามเอาไว้น่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆเพราะอันที่จริงผมก็อยากไปดูพี่ลิ้มแข่งนะ อยากไปให้กำลังใจ
ติดขอบสนามเลยด้วยซ้ำ

“เอาน่า ไปดูนิดเดียวก็ยังดี ไปแบบไม่ให้พี่ลิ้มเห็นก็ได้”

“อ๊ะ..” ก่อนที่ผมจะได้เถียงอะไรออกมา บิสก็จัดการวิ่งลากผมมายังสนามบาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



“ยืนอยู่ตรงนี้ก็พอบิส อย่าเข้าไปใกล้กว่านี้เลย” ผมรั้งแขนบิสไว้เนื่องจากไม่อยากเข้าไปใกล่กว่านี้เพราะอาจจะทำให้พี่ลิ้มเห็นได้

“เอาน่าอีกนิดนึงแล้วกัน ไปยืนตรงหลังต้นไม้นั้นก็ได้”บิสพูดพร้อมกับชี้มือไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ติดขอบสนาม

“จะดีเหรอ”

“ดีสิ” แล้วบิสก็ไม่ฟังคำของผมอีกเช่นเคย เฮ้ออออ




[Limp]



“ลิ้มๆ”เสียงเรียกของเพื่อนร่วมทีมดังขึ้น

“อื้ม” ผมพยักหน้ารับอย่างรู้กันก่อนจะส่งลูกไปให้เพื่อนคนนั้นแล้วลูกก็ถูกชู้ตลงห่วงไปอย่างสวยงาม

“สาดดลิ้ม เก่งไปมั้ยมึง”ไอ้ไปป์ที่จากปกติจะเล่นเป็นทีมเดียวกันแต่วันนี้ต้องมากลายเป็นคู่แข่ง เดินเข้ามาหาพร้อมกับพูดแขวะ
ผมแบบขำๆ

“อย่ามา มึงก็เล่นแรงกับกูใช้ย่อยนะสาดดด” ผมพูดกลับพร้อมกับหัวเราะนิดๆ

หลังจากหยอกกันเสร็จผมกับไอ้ไปป์ก็กลับไปเล่นตามหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ แล้วสกอร์ก็จบที่สีของผมชนะสี
ของไอ้ไปป์แค่สองคะแนนเท่านั้น

“เหนื่อยวะสัด” ผมพูดกับไอ้ไปป์ก่อนจะต้องชะงักทันทีเมื่อสายตาไปปะทะกับร่างบางๆที่พยายามจะหลบอยู่หลังต้นไม้ข้างสนาม

“ไปป์ เดี๋ยวกูมานะ” ผมหันไปบอกไปป์ก่อนจะเดินตรงไปยังต้นไม้นั้นทันที

“เฮ้ยๆ เอาไงดีอ่ะเทล พี่ลิ้มเดินมาทางนี้แล้วอ่ะ” เสียงของบิสเพื่อนสนิทของเทลดังขึ้น ไม่ต้องเอาไงแล้วล่ะ อยู่รอรับกรรมได้เลย

“เอ่อๆ อะ เดี๋ยวดิบิส บิสกิท!” บิสวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งลูกแมวน้อยไว้ตัวนึง เอาล่ะลิ้ม มึงจะทำโทษลูกแมวตัวนี้ยังไงดีน้า

“มาที่นี่ทำไม?” เข้มใส่ไปก่อนแล้วกัน

“เอ่อ คือ... คือ เทล..เทล..” ท็อปเทลอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดออกมา ผมล่ะชอบตอนเทลเป็นแบบนี้ที่สุดเลยมันดูน่ารักไปอีกแบบ(มึง
มันโรคจิต)

“ว่าไง?” กดดันเข้าไปครับ ฮ่าๆๆๆ มีความสุขอ่ะ

“บิสพาเทลมา” ร่างบางเอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับกลัวจะโดนดุ แถมยังก้มหน้างุดๆไม่ยอมเงยขึ้นมาอีกต่างหาก

“แล้วก็ตามเค้ามาว่างั้น”

“ก็เทลไม่รู้จะไปไหนอ่ะ”

“ทำไมไม่กลับไปอยู่ที่หอ” ผมยังคงระดมรัวคำถามใส่ไม่หยุด

“ไม่อยากอยู่คนเดียว” เทลตอบเสียงเบาลงกว่าเดิมเยอะมาก พร้อมกับใบหน้าที่เริ่มปรากฏสีแดงจางๆบริเวณแก้มลามจนมาถึงหู

ผมยกยิ้มมุมปากนิดๆก่อนจะทำเป็นเข้มตามเดิมเมื่อท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมามอง

“พี่แข่งเสร็จก็กลับไปอยู่แล้ว”

“ก็ไม่รู้ว่าจะแข่งนานรึเปล่า”

“เฮ้ออออ นี่ไงแข่งเสร็จแล้ว เทลกลับไปนั่งรอที่หอนะ เดี๋ยวพี่เก็บของเสร็จแล้วจะตามไป” ผมพูดออกมายาวเหยียดก่อนหันหลัง
เดินออกไปแต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อมีมือมาดึงๆอยู่ตรงปลายเสื้อบาส

“ทำไมอีกอ่ะ?” ผมหันกลับไปถามเสียงห้วนๆ เดี๋ยวก็อารมณ์เสียจริงๆซะหรอก

“เทลยืนรอกลับพร้อมพี่ลิ้มได้มั้ย?” หึ เทลพูดเบาๆพร้อมกับยังคงกำปลายเสื้อผมเอาไว้แน่น

“อืม ก็ได้ ยืนรอตรงนี้นะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวเทลเบาๆเทลจึงยอมปล่อยมือจากเสื้อผมทำให้ผมได้เดินลงไปเก็บของ
ในสนามบาสอีกครั้ง

“ไงครับ พี่ลิ้มเคลียร์กันนานเชียวว”เสียงกวนตีนๆของไอ้ป๊อนซ์ดังขึ้น

“นิดนึง แล้วเมียมึงอยู่ไหนอ่ะ”

“ไอ้โจอ่ะเหรอ?”

“เออดิวะ หรือว่าแม่งมีหลายคน เดี๋ยวกูฟ้องไอ้โจได้เคลียร์กันยาว”

“บ้า มีคนเดียว กูรักมันจะตายอยู่แล้ว จะไปมีคนอื่นทำไม” ไอ้ป๊อนซ์ตอบพร้อมกับทำหน้าเพ้อฝันนิดๆ

“เออ แล้วตกลงมันไปไหนอ่ะ”

“นอนอยู่บนหอ แม่งช่วงนี้มันชอบทิ้งให้กูมาเดินคนเดียวตลอดอ่ะ” ได้ทีบ่นใหญ่เลยมึง

“เออๆ ช่างมึง แล้วนี่แข่งคู่ไหน”

“เนี่ย คู่ต่อไปเลย” ไอ้ป๊อนซ์พูดก่อนจะนั่งลงใส่ถุงเท้าที่พื้นสนาม

“เออ สู้ๆนะมึง กูคงไม่ได้อยู่เชียร์ว่ะ” ผมพูดพร้อมกับตบไหล่มันเบาๆ

“ไม่เป็นไรๆ ไอ้ไปป์ยังอยู่มันเป็นกรรมการให้คู่กู”

“อ๋อ อืมๆดีแล้ว กูไปก่อนนะ”

“อืมๆ” ป๊อนซ์รับคำก่อนจะก้มหน้าลงไปจัดการกับรองเทาของตัวเองต่อ

“อ๊ากกก  ออกไปนะ ออกไป!!!” เสียงร้องของเทลดังลั่น จนผมแทบจะเหาะไปหา

“ท็อปเทล!!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อเทลดังลั่นก่อนจะวิ่งไปทางต้นเสียงนั้น

“ฮือออ พี่ลิ้ม พี่ลิ้ม!!!!!” เทลตะโกนเรียกผมดังลั่นทั้งน้ำตา  ผมเหลือบมองไปข้างๆตัวเทลก็พบเข้ากับตัวปัญหา

หมา ใช่แล้วครับ หมาพันธุ์ไทยตัวเล็กมากๆกำลังยืนเห่าท็อปเทลอยู่ ==’

“เทล จะร้องทำไมมันไม่ได้ทำอะไรเราสักหน่อย” ผมตะโกนจากขั้นล่างสุดของบันไดที่อยู่ในสนามบาส

“ฮือออ พี่ลิ้ม รู้ได้ไงอ่ะว่ามันไม่กัด มันกำลังเห่าเทลอยู่นะ” เทลดูเหมือนจะสติหลุดไปแล้วล่ะครับ เอาแต่โวยวายร้องห่มร้องไห้
อย่างเดียวเลย

โฮ่ง ๆ โฮ่ง!!!

โอ๊ยยย ไอ้หมานี่ก็ไม่ยอมหยุดเห่าสักที ดูเหมือนมันจะชอบใจที่เห็นเทลกลัวนะเนี่ย(มึงไปเข้าใจอารมณ์หมาได้ไง?)

“อ๊ากกก ไม่เอา อย่าเข้ามาๆ” เทลตะโกนพร้อมกับเดินถอยหลังมาเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเท้าของตัวเองกำลังจะพลาด
ลงมาจากบันไดขั้นแรก

“เฮ้ย ท็อปเทล!!!” ผมทิ้งกระเป๋าเป้ของตัวเองลงก่อนจะรีบวิ่งไปหาท็อปเทลทันที

“อ๊ะ!!!” ท็อปเทลหลุดเสียงอุทานออกมาทันทีเมื่อรับรู้ได้ว่าใต้เท้าที่ก้าวถอยหลังมาเหยียบนั้นมีเพียงอากาศที่รองรับอยู่

ปึ่ก!!! กึ่ก!!!

เสียงร่างกระทบพื้นตามมาด้วยเสียงที่เหมือนกับอะไรสักอย่างที่แข็งแรงมากๆแล้วได้รับการกระทบกระเทือนถึงขั้นแตกหรือไม่ก็
หัก

“โอ๊ย!!” ผมร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกาะกุมอยู่ทั่วบริเวณข้อเท้า

“อ๊ะ พี่ลิ้มเป็นอะไรอ่ะ” ท็อปเทลรีบคลานลงจากอ้อมกอดของผมทันทีก่อนจะก้มลงไปเอามือจับๆแถวๆข้อเท้าของผม

“โอ๊ยย อย่าจับ เดี๋ยวมันจะยิ่งไปกันใหญ่” ผมร้องห้ามเตือนเมื่อเทลทำท่าจะจับตรงบริเวณข้อเท้าของผม

“ฮึกก แล้ว เทลต้องทำไงอ่ะ ฮือออ” เอาล่ะ ร้องอีกจนได้สินะ เฮ้ออออ

“ไม่ต้องร้องๆ” ผมยันตัวขึ้นนั่งก่อนจะดึงตัวเทลเข้ามากอดปลอบ กลายเป็นผมต้องเป็นคนปลอบอีกแล้วเนี่ย

“ไอ้ลิ้ม เกิดไรขึ้นวะ” พีเจที่ไม่ได้ลงแข่งอยู่ในสนามอย่างคนอื่นๆวิ่งเข้ามาถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“น่าจะข้อเท้าร้าว ไม่ก็หักอ่ะ” ผมตอบพีเจกลับไป โดยลืมนึกไปว่ามีอีกคนอยู่ด้วย

“ฮือออ เทลทำพี่ลิ้มเจ็บอีกแล้ว ฮึก ความผิดของเทลเอง ฮือออ” ท็อปเทลเริ่มสะอึกสะอื้นออกมาอีกครั้ง ผมก็ทำได้แค่ส่ายหน้า
เบาๆพร้อมกับลูบหัวท็อปเทลไปด้วย

“ไอ้ลิ้มมันไม่เป็นไรมากหรอกท็อปเทล เดี๋ยวพี่ไปตามคนมาช่วยพยุงไอ้ลิ้มก่อนนะ” พีเจก้มลงพูดกับเทลก่อนจะหันมาพยักหน้า
กับผมเป็นเชิงว่ารอไหวนะ ผมก็พยักหน้ากลับไปมันจึงรีบเดินไปทางที่ไอ้นายกับไอ้ภูมินั่งอยู่

“เทล”

“ครับ”

“เทลช่วยไปเอากระเป๋าพี่ที่อยู่ตรงนั้นให้หน่อยได้มั้ย” ผมพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางที่ผมสลัดกระเป๋าทิ้งเมื่อกี๊

“ได้ครับ” เทลรีบรับคำก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบกระเป่ามาทันที

“เดี๋ยวเทลถือให้นะ” เทลพูดด้วยน้ำเสียงเครือๆเนื่องจากยังคงร้องไห้อยู่แต่มือก็พยายามจะปาดน้ำตาออกอยู่เรื่อยๆ

“อืมม” ผมตอบกลับสั้นๆเพราะเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว

“อ้าวว ลิ้มมม ทำไมลงไปนอนอยู่ตรงนั้นล่ะ ลุกขึ้นมาเร็ว” ไอ้ภูมิเดินพูดกวนตีนมาแต่ไกล

“ร้อนนะมึงลุกๆ ง่วงก็ไม่บอก จะได้พาไปนอน ฮ่าๆๆ” เอ่อ พวกมึงช่วยสนใจอาการของกูนิดนึงก็ยังดีนะ

“พวกมึงก็อย่ามัวแต่เล่นอยู่ดิ ไปช่วยพยุงมันก่อน” พีเจที่ดูจะเข้าท่าสุดก็เริ่มพูดดุพวกมันนิดๆ

“เออๆ” ไอ้ภูมิกับไอ้นายเบะปากเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้นยืน และพาเดินไปยังห้องพยาบาลเพื่อดูอาการ



“อาจารย์ใส่เฝือกให้แล้วนะจ๊ะ” อาจารย์ประจำห้องพยาบาลพูดด้วยน้ำเสียงใจดี แต่ตอนใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่มแล้วเพราะพรุ่งนี้
ผมยังคงต้องแข่งบาสอีก

“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับอาจารย์”

“จ๊ะ เอาน่าเพื่อความมั่นใจ” อาจารย์พูดพร้อมกับตบไหล่ผมนิดๆก่อนจะเดินออกไป

“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก

“เอ่อ พี่ลิ้มหลับรึยังครับ” เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นที่ข้างหูของผม

“ยังอ่ะ มีอะไรรึเปล่า” ผมพูดถามออกไปทั้งๆที่ยังไม่ได้เปิดตาด้วยซ้ำ

“เทลขอโทษนะ” ท็อปเทลพูดด้วยน้ำเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

“ไม่ต้องขอโทษแล้ว มานั่งนี่มา” ผมพูดออกมาอย่างเหนื่อยๆก่อนจะกวักมือเรียกให้ท็อปเทลมานั่งลงบนเตียงข้างๆผม

“แต่เทลทำพี่ลิ้มเจ็บ”เทลยังคงพูดโทษตัวเองต่อไป นี่คือกูพูกอะไรมึงไม่ได้ฟังเลยใช่มั้ยเนี่ย

“เทลไม่ได้ทำซะหน่อย พี่ทำตัวพี่เองต่างหาก”

“แต่ต้นเหตุก็ยังมาจากเทลอยู่ดีอ่ะ”

“พี่เต็มใจจะทำ”

“ขอบคุณนะครับที่ทำเพื่อเทล”เทลพูดก่อนจะก้มหัวลงมาซบลงที่ไหล่ของผม

“ใครบอกว่าพี่ทำเพื่อเทล” เทลชะงักนิดนึงก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

“เอ่อ คือผมคงจะ ฮึก คิดไปเอง” เอาล่ะ เริ่มร้องอีกแล้ว

“อืมม แล้วรู้มั้ยว่าพี่ทำเพื่อใคร” ผมยังคงถามเทลต่อไป

“...” เทลไม่ตอบแต่ทำท่าลุกขึ้นแล้วเดินออกไปแทน แต่มีรึผมจะปล่อยให้ไปง่ายๆ

“พี่ทำเพื่อคนที่พี่รัก” เทลหยุดขืนตัวก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมด้วยแววตาที่สับสน

“เอ่อ..” หน้าท็อปเทลขึ้นสีนิดๆก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มเม้มปากแน่นพร้อมกับกำมือตัวเองไปด้วย

“แล้วเทลใช่คนนั้นรึเปล่าล่ะ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“พี่ลิ้มอ่ะ” เทลเดินมากระแทกนั่งบนเตียงอย่างแรงก่อนจะรัวมือตีเข้าที่แขนผมไม่หยุด

“โอ๊ยยย พอแล้วครับๆ พี่เจ็บแล้วครับ” ผมพูดพร้อมกับยกมือขึ้นแบข้างลำตัวเป็นเชิงว่ายอมแล้วๆ

“ฮึก อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ อย่าพูดอีก” แรงตีของเทลเริ่มจะน้อยลงจนกลายเป็นหยุดตีไปเลย

“พี่ขอโทษครับ”

“อย่าพูดเหมือนเทลไม่สำคัญ ฮึก อย่าพูดเหมือนกับเทลไม่มีความหมายกับพี่แบบนั้นอีก” เทลพูดพร้อมกับก้มหน้าลงร้องไห้ ส่วน
มืออีกสองข้างก็กำแขนเสื้อผมจนยับยู่ยี่

“ครับๆ อย่าโกรธพี่เลยนะ”

“อืมม” เทลรับคำในลำคอพร้อมกับล้มตัวลงนอนแล้วซุกหน้าเข้ากับอกของผม

“ท็อปเทลอย่าหลับนะ เดี๋ยวต้องกลับหอ” ผมพูดเตือนสติเทลนิดๆ

“อื้มมมมม” เทลตอบรับเสียงยาวก่อนจะดึงมือผมให้ไปกอดอยู่ที่เอวคอดของตัวเอง

“ทำไมวันนี้อ้อนจัง จะเอาอะไรรึเปล่าเนี่ย” ผมถามพร้อมกับลูบผมของท็อปเทลเล่นอย่างเบามือ

“คือ มีพี่เค้ามาขอให้เทลเป็นหลีดอ่ะ”

“...” ผมชะงักมือที่ลูบผมของเทลลง

“เทลไม่เป็นก็ได้นะ เทลไม่อยากเป็นอยู่แล้ว เทลแค่มาถามพี่ลิ้มเฉยๆ” ท็อปเทลละล่ำละลักพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

“หึ พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนี่” ผมพูดพร้อมกับก้มลงไปจูบลงบนผมนิ่มๆนั้นก่อนจะลูบผมเทลต่อด้วยความรักใคร่

“อ้าวว แล้วตกลงเอาไงอ่ะ” ท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมามองผมทำให้ปากผมประทับลงบนหน้าผากมนนั้นพอดี

“อ๊ะ!” เทลรีบก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

“เป็นไปเถอะ ถือว่าเป็นการช่วยพี่เค้าแล้วก็ช่วยสีเราด้วย”

“พี่ลิ้มให้เทลเป็นเหรอ”

“อืมมมม” ผมตอบก่อนจะก้มลงจูบลงบนผมของเทลอีกครั้งนึง

“อื้อออ พี่ลิ้มเนี่ยเป็นคนดีจังเลยนะ หน้าตาก็ดี แถมยังใจดีอีก” เทลเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ให้กับผม

“ดีแล้วรักป่ะละ?”ผมถามพร้อมกับรั้งเอวบางให้เข้ามาชิดตัวผมมากกว่าเดิมพร้อมกับขยับตัวเทลให้อยู่ในระดับที่ใบหน้าเราตรงกัน
พอดี

“เอ่อ ไม่รู้อ่ะ” เทลพูดพร้อมกับทำสีหน้าเลิ่กลั่ก

“อ้าวได้ไงอ่ะ” ผมพูดเสียงติดงอนนิดๆ

“คือไม่ใช่แบบนั้นนะ คือเทล..เทล...”

“เทล...ทำไมเหรอ?” ผมยังคงเค้นถามต่อไป

จุ๊บ!!

เทลขยับตัวขึ้นมานิดนึงก่อนจะประทับริมฝีปากบางนั้นลงบนปากของผมอย่างรวดเร็ว

“เข้าใจรึยังอ่ะ” ทำเสร็จเทลก็มุดหัวลงกับเสื้อของผมตามเดิม

“คร้าบบบ เข้าใจแล้วครับ แต่พี่ว่าตอนนี้เรากลับหอกันดีกว่านะ”

“อ่าครับๆ” เทลรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับไปหยิบไม้ค้ำพยุงมาให้ผม

“ขอบใจนะ” ผมค่อยๆเลื่อนขาตัวเองลงมาให้ห้อยอยู่ที่ข้างเตียง

“อ๊ะ แป๊ปนึงนะพี่ลิ้ม” ท็อปเทลพูดก่อนจะค้นกระเป๋าของตัวเองแล้วหยิบปากกาเคมีออกมา

“ทำอะไรอ่ะเทล” ผมถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเทลนั่งลงกับพื้น

“เทลอยากเขียนอ่ะ” ท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนจะลงมือเขียนลงบนเฝือกอย่างตั้งใจ

“อ่ะ เสร็จแล้ว กลับหอกันเหอะ” พอเขียนเสร็จเจ้าตัวดีก็ลุกขึ้นยืนยิ้มหน้าแป้นแล้นสะพายกระเป๋าของผมและของตัวเองไว้

“เขียนว่าอะไรล่ะเนี่ย?” ผมถามพร้อมกับจะก้มลงมอง

“อ่ะ ไม่ได้ๆ อย่าดูนะ” เทลรีบร้องห้ามพร้อมกับรีบเข้ามาพยุงผมให้เดินออกมาข้างนอก

“โอ๊ยยย กูนึกว่าจะอยู่กินกันในนั้นแล้ว สาดดด” ไอ้ภูมิบ่นกระปอดกระแปดเมื่อเห็นผมเดินออกมาจากห้อง

“กุนึกว่าพวกมึงกลับกันแล้ว”

“ก็รอมึงอยู่เนี่ย” ไอ้พีเจพูดตอบยิ้มๆ

“เอ๊ะนั่นอะไรอ่ะ ที่เฝือกมึงอ่ะ” ไอ้นายถามก่อนจะก้มลงอ่าน

“อ๊ะ พี่นายอย่าอ่านนะ” ท็อปเทลรีบห้ามเสียงแข้ง แต่มีรึคนอย่างไอ้นายจะไปฟัง

“อะไรเนี่ย ‘พี่ลิ้มของเทลน่ารักฝุดๆ’ ว๊ายๆๆๆๆๆ” ผมยิ้มกับคำพูดของไอ้นายก่อนจะหันมามองคนข้างกายที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเขิน
จัดจนทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว

“หึๆ” ผมหัวเราะนิดๆ

“อย่าหัวเราะนะ” เทลออกอาการเหวี่ยงเพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง

“เอาหูมานี่ดิ”

“ห๊ะ” เทลทำตามที่ผมบอกทันที

“เทลของพี่ก็น่ารักเหมือนกันครับ” ผมกระซิบให้หูของคนตัวเล็กก่อนที่คนได้ยินจะหน้าแดงเดินเขินม้วนนำหน้าผมออกไป

เฮ้ออออ อย่าน่ารักไปมากกว่านี้เลยท็อปเทล   เพราะแค่นี้พี่ลิ้มก็รักจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วสิ ^^



...........................End of Special Part..............................................

มาอัพสเปเชียลให้ก่อนะคะ  เดี๋ยวตอนหลักจะตามมาทีหลัง  :z2:

ช่วงนี้ที่โรงเรียนของคนแต่งอยู่ในช่วงกีฬาสีพอดี แล้วน้องๆก็ลงเล่นบาสด้วยเลยเอามาเสิร์ฟกันให้เข้ากับสถานการณ์  :hao3:

แล้วอีกอย่างตอนนี้น้องลิ้มของเราก็เท้าเจ็บอยู่จริงๆนะคะ ช่วยส่งกำลังใจให้น้องหายไวๆกันด้วยเน้อ  :3123:

น้องท็อปเทลน้องภูมิน้องแล้วก็น้องพีเจของเราก็เป็นหลีดด้วย  :z2:

ส่วนคนอื่นๆ(ในเรื่อง) ก็เล่นกีฬาเดินพาเหรดกันไปตามเรื่องตามราว  :katai5:

โมเม้นต์แถม!!!!!

คนแต่งไปสืบสาวประวัติน้องโจกับน้องป๊อนซ์มาอีกครั้งได้ความว่า สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว อยู่ด้วยกันบ่อยๆ แล้วก็ไปมาหาสู่บ้านกันเป็นเรื่องปกติ

cr.สักคนในโรงเรียน


จะพยายามเร่งตอนหลักให้เสร็จเร็วๆนี้นะ  :katai4:

อย่าลืมเม้นต์ & บวกเป็ดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าาาาา  :ruready

กราบขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่าาาา  :call:

.................KATIEZZ.....................

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 19




[Pontz x Joe]




[Joe]






“บีหนึ่ง มึงคิดเหมือนกูรึเปล่า” มาอีกแล้วเสียงแบบนี้ แต่ก็นะผมชักจะชินกะมันแล้วล่ะ

“เรื่องนั้นรึเปล่าอ่ะบีสอง” มึงก็เล่นกะไอ้ภูมิมันสินะ ไอ้นาย

“เรื่องไหนอ่ะบีหนึ่ง อึ๊ยๆๆๆๆ”

“เรื่องนั้นแหละ”

“ก็เรื่องไหนล่ะ”

“จะให้พูดตรงๆมันก็เขินๆ”

“พอเลยสัด!!!!” ผมตะคอกลั่น ตัดบทรับบทส่งของไอ้ภูมิกับไอ้นายซะก่อน

“เสียงดังทำไมดื้อ เดี๋ยวก็เจ็บคออีกหรอก”ป๊อนซ์พูดดุผมเบาๆพร้อมกับดึงแขนผมนั่งลงกับม้าหินอ่อนตามเดิม

“ยุ่ง!!!” ผมหันไปขู่ป๊อนซ์พร้อมกับถลึงตาใส่

“ก็ต้องยุ่งสิ อย่ามาทำเก่งตอนนี้โจ มึงไม่สบายอยู่นะ!” ป๊อนซ์ตะคอกผมกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองอยู่

“เออๆๆ เอาเหอะๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยมึง”พีเจพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่ไอ้ป๊อนซ์เบาๆเพื่อเป็นการห้ามทัพ

“หึๆ เป็นไงเมื่อเช้าเรียนรู้เรื่องป่ะโจ”จู่ๆไปป์ก็ถามผมขึ้นมาดื้อๆ แม่งซะดูออกเลยนะว่ามึงอยากเปลี่ยนเรื่องคุยอ่ะ

“ก็มีงงๆบ้างอ่ะ” ผมพูดออกไปตามความจริง ก็นะอาจารย์เข้าห้องมาก็ท่องๆๆๆๆ อะไรก็ไม่รู้ ผมละอยากจะถามจริงๆเลยว่าแกสอน
เด็กหรือสอนกระดานอยู่กันแน่

“วิชาอะไรอ่ะดื้อ เดี๋ยวตอนเย็นกูสอนให้อีกที” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือผมไปลูบเล่นบนตักมันเบาๆ

“ว๊ายๆๆๆๆๆ อิจฉาคนมี ‘ผัว’ เก่งอ่ะเนอะนายเนอะ” เอาอีกแล้ว แม่งอยากเอาสันแคมเบลฟาดหน้าแม่งจริงๆเลย

“ช่ายยย มีติวกันด้วยอ่ะ แต่ว่าติวกันดีๆแล้วกันนะเดี๋ยวจะไม่ได้มาเรียนเหมือนเมื่อวานอีก ฮ่าๆๆๆ” เออ เอาเข้าไป

“อิจฉา ก็หาเอาสักคนดิไอ้ภูมิ ไอ้นาย” มาให้กูจูบกระหม่อมทีลิ้ม แม่งขนาดเพิ่งเดินมายังช่วยกูได้เยอะเลย

“ไม่เอาดีกว่าอ่ะ เพราะทุกวันนี้กูก็ขี้คล่องดีอยู่แล้ว กูไม่ต้องการตัวช่วย ‘สวน’” สาดดดดด  เหี้ยภูมิ!!!

“ตายซะเถอะมึง!” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือข้ามไปบีบคอไอ้ภูมิทีนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ยั้ง

“อ๊ากกก ช่วยกูด้วย ไอ้โจแม่งจะฆ่ากูแล้ววว” ไอ้ภูมิได้แต่ดิ้นพร้อมกับโอดครวญออกมาอย่างหนัก โดยที่เพื่อนๆทุกคนในโต๊ะต่าง
นั่งมองพร้อมกับขำกันเบาๆ ไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วยมันสักคน

~รักคือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอนเดียวจากนี้ไป~

ใครแม่งโทรมาตอนนี้วะ

“ป๊อนซ์ ดูให้หน่อยดิว่าใครโทรมา” ผมหันไปสั่งป๊อนซ์โดยที่มือก็ยังไม่ได้ปล่อยจากคอไอ้ภูมิ

“อืมๆ เอ่อ แม่มึงโทรมาอ่ะดื้อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นไอโฟนมาให้ผม

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ผมขู่ไอ้ภูมิก่อนจะปล่อยมือจากคอมันแล้วรับไอโฟนที่ยังคงแผดเสียงร้องลั่นอยู่จากมือไอ้ป๊อนซ์

“ฮัลโหลม๊า”

(ไง ไม่โทรหาม๊าอีกแล้วนะ) แม่พูดด้วยเสียงดุนิดๆ

“อ๋อ เมื่อวานโจไม่สบายอ่ะ เลยไม่ได้โทร”

(อ้าว แล้วเป็นอะไรล่ะ) เวรแล้วว ไม่น่าบอกเลย

“ไข้หวัดธรรมดานี่แหละม๊า”

(อืมๆ แล้วได้ไปหาหมอรึเปล่า)

“ไม่อ่ะ โจนอนอยู่บ้านป๊อนซ์ทั้งวันเลย” ผมพูดบอกไปตามความจริง

(หึ ป๊อนซ์อีกแล้วเหรอ)

“อะ..เอ่ออ..”

(อ้ำอึ้งอะไรล่ะโจ หรือว่ามีอะไรปิดบังม๊าอยู่)แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเหมือนกับครั้งที่แล้วที่โทรมา แต่ครั้งนี้มันดูเจาะจงและชัดเจนกว่าครั้งที่แล้วมาก

“เอ่อ..คือ..”ผมรู้สึกหูอื้อไปหมด พูดอะไรก็ไม่ออก ผมว่าแม่ต้องรู้เรื่องระหว่างผมกับป๊อนซ์แล้วแน่ๆเลย

“ดื้อ เป็นอะไรรึเปล่าทำไมหน้าซีดๆ มือสั่นๆแบบนั้นล่ะ” ป๊อนซ์เข้ามาจับมือที่กำลังสั่นของผมไปกุมไว้ก่อนจะบีบเบาๆเหมือน
เป็นการให้กำลังใจ

“คะ..คือ..” ในระหว่างที่ผมกำลังอ้ำอึ้งอยู่นั้น ป๊อนซ์ก็ดึงไอโฟนไปจากมือผมก่อนจะเอาไปพูดแทน

“สวัสดีครับม๊า”ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ในขณะที่ผมก็พยายามจะแย่งไอโฟนคืน

“ป๊อนซ์เอาคืนมาเหอะ กูขอร้อง”ผมพูดขอด้วยน้ำเสียงสั่นๆเพราะตอนนี้มันมีหลายความรู้สึกที่กำลังตีรวนกันอยู่ทั้งกลัว ทั้งกังวล
ทั้งเป็นห่วง ผสมกันไปหมด

“อยู่นิ่งๆดื้อ”ป๊อนซ์เอามือจับไหล่ของผมก่อนจะกดให้นั่งลงแล้วมันก็เดินไปคุยใต้ต้นไม้ที่ห่างจากโต๊ะที่นั่งพอสมควร

“เอาน่ามึง ป๊อนซ์มันจัดการได้อยู่แล้ว” พีเจพูดพร้อมกับตบไหล่ผมสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ

“แต่กูกลัว” ผมพูดออกมาลอยๆอย่างไร้สติ

“เหอะน่า อย่ากลัวอะไรที่มันยังมาไม่ถึงดิวะโจ”ไอ้ลิ้มก็ช่วยพูดเพื่อให้ผมสบายใจขึ้นอีกคน

“อืมม”ผมรับคำไปแต่ในใจก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี

เฮ้อออ ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ถ้าพ่อกับแม่รู้เรื่องของผมกับป๊อนซ์แล้วเขารับไม่ได้หรือเขารังเกียจขึ้นมา ผมไม่ต้องเลิกกับ
ป๊อนซ์เลยรึไง



“อ่ะดื้อ” ป๊อนซ์สะกิดที่ไหล่ผมเบาๆพร้อมกับยื่นไอโฟนคืนให้ผมหลังจากที่มันเอาไปคุยประมาณ 20 นาทีได้

“ป๊อนซ์ เป็นไงบ้าง”ผมจับมือป๊อนซ์ไว้ก่อนจะเขย่าเบาๆ

“ไปเรียนกันเหอะนะ ไปพวกมึงขึ้นไปเรียนได้แล้วจะถึงเวลาอยู่แล้ว”ป๊อนซ์บอกพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆก่อนจะหันไปบอกคนอื่นๆ
ในโต๊ะให้ลุกขึ้นไปเรียน

“ป๊อนซ์” ผมบีบมือป๊อนซ์แน่นขึ้นพร้อมกับเรียกชื่อของมันด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“ไม่มีอะไรต้องห่วงนะดื้อ กูสัญญาว่ากูจะไม่มีทางปล่อยมึงไปแน่นอน”ป๊อนซ์พูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผมแล้วดึงกระเป๋าของผมไป
ถือไว้ซะเองก่อนจะเดินนำหน้าผมขึ้นอาคารเรียนไปก่อน ทิ้งให้ผมยืนคิดไม่ตกกับคำพูดของมัน


“ฮ้า~ การเรียนนี่แม่งมันเหนื่อยจริงๆเว้ย” ไอ้ลิ้มโวยวาย ตั้งแต่อาจารย์ออกจากห้องจนตอนนี้อาจารย์กลับบ้านไปชงนมให้หลานแล้วมั้งเนี่ย มันก็ยังไม่เลิกบ่นสักที

“เออมึง กูว่าพวกเราช่วยกันลงขันแล้วไปซื้อที่ทำไร่ชากันดีกว่า” อะไรของมึงอีกละภูมิ

พวกผมที่เหลือจ้องไปที่ไอ้ภูมิพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“ทำไมวะมึง ทำไมต้องไร่ชาอ่ะ ทำไมไม่ทำไร่ผักกาด ไร่พริก ไร่มะเขือไรเงี้ย” ไปกันใหญ่แล้วไอ้นาย ไอ้เหี้ยนี่ดูจะฟุ้งซ่านกว่า
ไอ้ภูมิอีกป่ะเนี่ย

“ควายนายยย  มึงก็ดูคุณตันดิ แม่งรวยเอ๊ารวยเอา”

“เออว่ะ” เออเชิญมึงสองคนขึ้นดอยไปทำไร่ชากันตามสบายเลย พวกกูลาล่ะ

“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะของป๊อนซ์ดังขึ้นหลังจากที่มันนั่งเงียบมาตลอดบ่าย เฮ้ออ นี่ต้องขอบคุณไอ้ภูมิกับไอ้นายเลยนะเนี่ย เพราะ
ถ้าไม่ได้พวกมันสองคนคอยสร้างสีสัน สร้างความผ่อนคลายให้ป่านนี้ผมกับป๊อนซ์ก็คงจะยังนั่งเครียดกันอยู่แค่สองคนแน่ๆ

“แหม กว่าจะหัวเราะกว่าจะยิ้มออกมาได้นะมึง กูกับไอ้นายเกือบจะหมดมุขอยู่แล้วเนี่ย” ไอ้ภูมิหันมาพูดแบบขำๆกับป๊อนซ์

“อืมม ขอบใจพวกมึงมากนะเว้ย” ป๊อนซ์ตอบกลับพร้อมกับยิ้มนิดๆไปให้ทุกคนด้วยสีหน้าประมาณว่ากูยังโอเคอยู่

“ป๊อนซ์”

“ว่าไง?”

“อยากไปกินอาหารทะเลอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับกระตุกชายเสื้อป๊อนซ์ไปด้วย

“วันนี้เลยเหรอ?” ป๊อนซ์ถามออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าว่ากำลังคิดหนักอยู่ เฮ้อออ นี่ผมรบกวนป๊อนซ์มากไปรึเปล่า

“ไม่ไปแล้วดีกว่า” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ ที่ผมชวนมันไปกินอาหารทะเลก็เพราะว่าเวลาเรามีเรื่องอะไรไม่สบายใจกันเราก็จะ
ไปกินอาหารทะเลกันตลอด

“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ไปก็ไปดิ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาขยี้หัวผมเล่นเบาๆ

“เย่!!!!”

“หึๆ  แล้วพวกมึงจะไปด้วยมั้ย” ป๊อนซ์อมยิ้มนิดๆพร้อมกับมองผมที่กำลังยิ้มจนแก้มปริ ก่อนจะหันไปถามคนอื่นๆที่เหลือ

“ไม่อ่ะ เชิญพวกมึงไปสวีทกันสองคนเหอะ”ลิ้มพูดพร้อมกับทำสีหน้าล้อเลียนนิดๆ

“เออ งั้นพวกกูไปก่อนนะ ไปเหอะดื้อ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะจับมือผมแล้วจูงให้เดินไปทางที่รถจอดอยู่



“ป๊อนซ์” ผมพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบเชียบและอึมครึมบนรถตอนนี้

“มีอะไรอ่ะดื้อ ทำไมไม่หลับไปก่อน” ป๊อนซ์ถามออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มๆที่ฟังแล้วอดเขินไม่ได้

“หลับแล้วใครจะนั่งเป็นเพื่อนมึงอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับทำแก้มป่องไปด้วย

“เฮ้อออ มึงก็เป็นซะแบบเนี่ย จะให้กูเลิกรักมึงได้ไงวะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะเอามือมาโอบคอผมเอาไว้แล้วดึงให้ไปซุกอยู่ที่ไหล่
ของมัน

“ป๊อนซ์ วันนี้มึงคุยอะไรกับแม่กูกันแน่” และแล้วผมก็ตัดสินใจถามคำถามที่ทำให้ผมนั่งคิดไม่ตกมาทั้งวัน

“เฮ้ออ ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือที่โอบคอผมอยู่มาลูบหัวผมเล่นแทน

“โกหก บอกกูเหอะนะป๊อนซ์ มึงอย่าแบกไว้คนเดียวได้มั้ย” ผมพูดพร้อมกับหลับตาลงแล้วซุกเข้าหาป๊อนซ์มากขึ้น

“เดี๋ยวนี้ทำไมชอบพูดอะไรเสี่ยวๆจังวะดื้อ”

“ไม่ได้เสี่ยวเหอะ”

“หึๆ ค้าบๆ ไม่เสี่ยวก็ไม่เสี่ยว” ป๊อนซ์พูดก่อนจะก้มลงหัวจูบบนหัวผมเบาๆ  แม่งขับรถมือเดียวนี่คงเสี่ยงตายไม่พอใช่มั้ยเนี่ย

“ปล่อยเลยๆ กูนอนแล้วก็ได้ ไม่งั้นแม่งมีหวังมึงได้ไปเสยเอารถใครสักคนแน่” ผมพูดก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนไอ้ป๊อนซ์แล้ว
เอนเบาะให้นอนลง

“อืมๆ เออเดี๋ยว”

“ทำไมอ่ะ” ผมชะงักตัวไว้ก่อนที่จะถึงเบาะ

“เอาเสื้อแจ็กเก็ตกูที่ตั้งอยู่ด้านหลังมาห่มซะด้วย มันหนาว”

“อืมๆ” ผมทำตามคำพูดป๊อนซ์อย่างว่าง่าย ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วเอาแจ็กเก็ตของมันขึ้นมาห่มตัวจนมิด

“หลับไปเลยนะดื้อ เดี๋ยวถึงแล้วกูปลุกนะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลูบหัวผมไปด้วย โดยที่ตาก็ยังไม่ผละมาจากถนนด้านหน้า

“อืมๆ” ผมรับคำป๊อนซ์เบาๆก่อนจะหลับไปเพราะสัมผัสเบาๆบนหัวของตัวเอง




“โจ”

“อื้มมมมม”

“โจโจ ตื่นได้แล้ว” เสียงปลุกยังคงดังอยู่อย่างไม่ลดละ

“ขออีกแป๊ปนึงนะ” ผมพูดเสียงยานๆเพราะตอนนี้ผมไม่พร้อมจะสนทนากับใครจริงๆ

“แป๊ปนึงอะไรล่ะ ถึงร้านแล้วนะ” ป๊อนซ์พูดเสียงนุ่มพร้อมกับพยายามจะยื้อแจ็กเก็ตออกจากอ้อมกอดของผม

“ป๊อนซ์อ่ะ” ผมลุกขึ้นนั่งอย่างหัวเสียโดยที่ยังไม่ลืมตาเลยด้วยซ้ำ

“อ่ะ เอาน้ำนี่ล้างหน้าก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเช็ดหน้ากับผ้ากู” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นขวดน้ำมาให้

ผมพยักหน้ารับก่อนจะลืมตาแล้วเปิดประตูลงจากรถ

อ้า  สดชื่นจัง!

ผมมองไปยังหาดทรายตรงหน้าด้วยความรู้สึกผ่อนคลายก่อนจะค่อยๆเดินไปช้าๆ

“จะไปไหนอ่ะดื้อ”

“ป๊อนซ์ กูอยากเดินเล่นก่อนอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับหันไปส่งสายตาอ้อนๆให้ป๊อนซ์

“ไปกินกันก่อนดีกว่าดื้อ แล้วเดี๋ยวตอนกินเสร็จเร่าอยมาเดินย่อยกัน”

“ก็ได้” ผมทำแก้มป่องนิดๆก่อนจะ รีบล้างหน้าบ้วนปากแล้วเดินกลับไปที่รถ

“มานี่มา เดี๋ยวเช็ดหน้าให้” ผมรีบเดินไปทางต้นเสียงทันทีโดยที่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ

“อ๊ะ ปล่อยเลยนะป๊อนซ์” ผมรีบดันมือป๊อนซ์ออกอย่างรวดเร็วก่อนที่ผมจะขาดอากาศหายใจไปซะก่อนเพราะตอนนี้ป๊อนซ์กำลัง
บีบจมูกผมอยู่

“ฮ่าๆๆๆ หมั่นเขี้ยวจริงๆเลย” ป๊อนซ์หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะปล่อยมือออกจากจมูกผมอย่างว่าง่าย

“ชิ จมูกแดงแน่เลยอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือถูจมูกเบาๆ

“ไหนดูดิ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับจับมือผมออก

“นี่ไงๆ” ผมพูดพร้อมกับเอียงจมูกด้านที่คิดว่าแดงไปให้ป๊อนซ์ดู

ฟอด~

“ไอ้ป๊อนซ์!” ผมตะคอกพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษป๊อนซ์

“อื้มมม ชื่นใจจริงๆเลยนะเนี่ย”

“จำไว้เลยนะ”

“ฮ่าๆๆ ขอโทษคร้าบบ ให้หอมคืนเลยอ่ะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอียงแก้มมาหาผม

“ไม่เอาเหอะ”

“โอ๋ๆๆๆ อย่างอนเลยนะ เข้าไปในร้านกันดีกว่า” ป๊อนซ์พูดก่อนจะจูงมือผมให้เดินตามหลังมันเข้าไปในร้านอาหารทะเลร้านประจำ
ของเราสองคน



“เอาอะไรบ้างดื้อ?” ป๊อนซ์เปิดดูเมนูสองสามแผ่นก่อนจะยื่นให้ผม

“อ้าว แล้วไมมึงไม่สั่งอ่ะ”

“มึงสั่งดีกว่า” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยิ้มบางๆมาให้ผม

“งบเท่าไหร่อ่ะ”

“ไม่อั้น”

“ดีเลย งั้นเอา หมึกไข่นึ่งมะนาว กุ้งอบวุ้นเส้น ทอดมันปลา ปูนิ่มทอดกระเทียม หอยลวกจิ้ม ผัดเผ็ดปลากะพง ยำไข่แมงดา กุ้งปู
ปลาเผา ยำทะเล ส้มตำปูม้า แล้วก็ต้มยำทะเลน้ำข้นครับ” ผมสั่งยาวเหยียดก่อนจะปิดเมนูและหันไปยิ้มให้คนรับออร์เดอร์จนตา
ปิด

“กินให้หมดนะดื้อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับอมยิ้มนิดๆ

“หมดอยู่แล้ววว”

“ครับๆ เชื่อครับเชื่อ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเล่นเบาๆ



“อาหารที่สั่งได้แล้วครับ” เสียงของพนักงานเสิร์ฟดังขึ้นทำให้ทั้งผมและป๊อนซ์ที่กำลังเมามันส์อยู่กับเกมส์ในไอโฟนของตัวเอง
เงยหน้าขึ้นมาแล้วยัดไอโฟนลงในกระเป๋าทันที

“ขอบคุณครับ” ผมพูดขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มไปให้พนักงานคนนั้น

“อาหารที่ได้ครบนะครับ” พนักงานคนนั้นถามพร้อมกับยิ้มตอบให้ผม

“ครบครับ” ป๊อนซ์ตอบเสียงเข้มพร้อมกับจ้องไปที่พนักงานคนนั้นอย่างไม่วางตา

“ขาดเหลืออะไรก็บอกนะครับ” พนักงานคนนั้นชะงักนิดนึง ก่อนจะหันมาพูดกับผมอีกครั้ง

“คงไม่รบกวนแล้วล่ะครับ เชิญ!” ป๊อนซ์พูดเสียงแข็งพร้อมกับขึ้นเสียงจนเกือบจะเป็นตะคอกตรง้ทายประโยค

“ครับ” พนักงานคนนั้นรับคำก่อนจะเดินออกไปทันที

“เป็นไรอ่ะป๊อนซ์” ผมถามออกมาด้วยความสงสัย ก็เมื่อกี๊ยังอารมณ์ดีอยู่เลยนี่นา

“ไม่พอใจคน”

“ใคร?”

“ก็ไอ้พนักงานคนเมื่อกี๊ไง”

“ทำไมอ่ะ กูก็ไม่เห็นว่าเค้าจะทำอะไรผิดเลย”

“ก็มันจ้องเมียกู กูไม่ชอบ” เมียกู เดี๋ยวนะ เมียไอ้ป๊อนซ์งั้นเหรอ ///><///

“ไอ้บ้า เค้าก็ไม่ได้จ้องกูนี่ ก็แค่มองปกติทั่วไปอ่ะ”

“ปกติอะไรล่ะ มองอย่างกับจะกินมึงเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว”

“คิดมากอ่ะ”

“เออ กูคิดมากเองแหละ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำหน้าเหวี่ยงๆก่อนจะก้มลงกินของบนโต๊ะโดยไม่สนใจผมเลย

“ป๊อนซ์”

“ทำไม!”

“ทำไมต้องเสียงดังใส่กูด้วย”

“กูขอโทษ ว่าไงเมื่อกี๊เรียกทำไม”

“จะกินกุ้งเผา”

“แล้ว?”

“ก็กูปอกไม่เป็นอ่ะ จะให้กินทั้งเปลือกรึไงเล่า!!!!” ผมพูดเสียงดังก่อนเอามือขึ้นมากอดอก

“เฮ้อออ ก็บอกดีๆดิดื้อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอากุ้งตัวโตไปนั่งแกะ สักพักก็ได้เนื้อกุ้งเปล่าๆมาตั้งไว้บนจานของผม

“อ่ะ กินดิ เดี๋ยวกูปอกให้เรื่อยๆ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะก้มหน้าก้มตาแกะเนื้อปูเนื้อกุ้ง เนื้อปลา ตั้งจนเต็มจานของผม

“มึงไม่กินเหรอป๊อนซ์” ผมถามพลางหยิบเนื้อปูในจานขึ้นมากิน

“มึงกินไปเหอะ” ป๊อนซ์พูดโดยไม่ละสายตาจากบรรดาอาหารทะเลมีเปลือกตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

“อ่ะ” ผมหยิบกุ้งที่ป๊อนซ์ปอกไว้ให้ก่อนจะจิ้มน้ำจิ้มแล้วเอาไปจ่อไว้ที่ปากของป๊อนซ์

“มึงอิ่มแล้วรึไง?”

“ยัง”

“แล้วทำไมไม่กินเอง”

“ก็จะให้มึงกินอ่ะ กินเร็วๆเลย มัวแต่ปอกให้กูอยู่นั่นแหละ”

“มึงกินไปเหอะ”

“ไม่! อ้าปากเลยนะ อ้ามมมม” ป๊อนซ์ถอนหายใจออกมานิดๆก่อนจะยอมอ้าปากรับเนื้อกุ้งที่ผมป้อนให้

“อร่อยเนอะ”

“อื้มมม” ป๊อนซ์ตอบในลำคอพร้อมกับแกะอาหารทะเลที่เหลือไปด้วย



“อ่า อิ่มสุดๆอ่ะ”ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบท้องตัวเองไปด้วย  ตอนนี้บนโต๊ะเหลือแค่เปลือกของสัตว์ต่างๆที่ผมกินเข้าไปเมื่อกี๊ 

“ควรจะอิ่มเหอะ”

“แล้วมึงอิ่มมั้ยเนี่ย”

“อิ่มดิ เห็นมึงอิ่มกูก็อิ่มแล้ว” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้าทะเล้นนิดๆ

“เลี่ยนนนนน”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“มึงเรียกเก็บตังค์ดิ กูอยากไปเดินเล่นแล้วอ่ะ”

“อืมๆ เก็บตังค์ด้วยครับ” ป๊อนซ์รับคำก่อนจะหันไปเรียกพนักงานมาเก็บตังค์

“ทั้งหมด...บาท ครับ”

“อ่ะครับ ไม่ต้องทอน” ป๊อนซ์วางตังค์ลงบนถาดใบเสร็จก่อนจะลุกขึ้นมาจูงมือผมให้เดินออกจากร้านทันที

“ทำไม อารมณ์เสียอีกแล้วเหรอ?”

“เปล๊า ก็แค่อยากเดินเล่นเร็วๆ”

“เหรออออออ” ผมถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปจนเกือบจะถึงหน้าของป๊อนซ์

”ครับ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแทนจนผมต้องรีบถอยออก

“เหอะ ชอบฉวยโอกาส” ผมพูดก่อนจะรีบเดินหนีออกมาจากตรงนั้นก่อนที่หน้าจะแดงไปมากกว่านี้

“ก็ตอนนี้ยังมีโอกาสให้ฉวย ก็ต้องรีบฉวยไว้ดิ” ป๊อนซ์เดินตามมาก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก

“ป๊อนซ์ สัญญากับกูได้มั้ยว่ามึงจะไม่ทิ้งกู” ผมหันกลับไปเผชิญหน้ากับมันแบบตรงๆ พร้อมกับพูดในสิ่งที่ผมคิดจะพูดมาทั้งวัน
หลังจากที่เจอเข้ากับปัญหา

“จำไว้เลยนะโจ ไม่ว่ายังไงกูก็ไม่มีวันปล่อยมึงไปแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกูขอให้มึงเชื่อใจกูเข้าใจมั้ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับ
ดึงผมเข้าไปกอดจนแน่น

“อืมม กูเชื่อมึง” ผมพูดตอบออกมาเสียงแผ่วเบา

“ป่ะ กลับหอกันดีกว่า” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับดันตัวผมออกเบาๆก่อนจะจับมือผมไว้แล้วเดินไปที่รถ

“อืมมม” ผมเดินตามหลังป๊อนซ์ไปช้าๆพร้อมกับคิดวิธีที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาที่กำลังจะมาถึง




“โจ ถึงหอแล้วนะ” เสียงเรียกของป๊อนซ์ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง

“อ๋อ อืมๆ” ผมรับคำก่อนจะปลดเบลท์แล้วเปิดประตูลงจากรถ


“แกไปไหนมาห๊ะ โจ!!!” เสียงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้นหลังจากที่ผมก้าวลงจากรถได้เพียงไม่กี่วินาที


“ม๊า!!!”


............................................TBC....................................

กลั่นออกมาได้อีกตอนนึงแล้วนะค  :katai4:

ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพบ่อยๆ แบบว่างานยุ่งจริงๆ  :z10:

พอดีที่โรงเรียนเพิ่งจะผ่านงานกีฬาสีมาสดๆร้อนๆ เมื่อวันศุกร์นี่เอง  :mew3:

แล้ววันนั่นนี่คือ จะแจกแจงให้ฟังเป็นคนๆเลยแล้วกันนะคะ >>>

-น้องป๊อนซ์ของเราถือป้าย ใส่ชุดไทย ดูดีมากกกกก :katai2-1:

-น้องโจ เดินพาเหรดเป็นหนึ่งในคุณชายจุฑาเทพ  :katai5:

-น้องไปป์ เดินพาเหรดเป็นโกโบริ (อยู่สีของคนเขียนเองแหละ  :hao3: )

-น้องภูมิ พีเจ แล้วก็ท็อปเทล เป็นหลีด (น่ารักมากกก  :katai3: )

แล้วเดี๋ยวตอนวันสุนทรภู่ที่กำลังจะมาถึงนี้ น้องๆก็มีหน้าที่ต้องออกร้านขายอาหารกัน ได้ข่าวมาว่าร้านของน้องโจกับน้องป๊อนซ์มีโปรโมชั่นพิเศษเยอะเลยยย

อย่าลืมเม้นท์ & บวกเป็ด เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยน้าาาา  :mew6:


KATIEZZ



 :call: :call: :call: :call: :call: :call:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 20




[Pontz x Joe]




[Joe]




“ม๊า!!!!!!!!” ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองหมดแรงขึ้นมากะทันหัน

“ทำไมแกทำแบบนี้ห๊ะโจ!!! ทำไม!!!!” แม่ตะวาดขึ้นเสียงดังพร้อมกับมองมาที่ผมด้วยแววตาที่สื่อถึงผิดหวังที่สุด

“ม๊า คือโจ คือ...”ผมพยายามจะพูดออกมาแต่ปากมันดันชาไปหมด

“สวัสดีครับม๊า” ป๊อนซ์กล่าวทักทายแม่ผมก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างๆผมพร้อมกับจับมือของผมขึ้นมาจับไว้ราวกับเป็นการบอกว่า
ผมจะไม่ต้องสู้อยู่คนเดียว

“ฉันมีลูกชายคนเดียว” แม่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆพร้อมกับตวัดหางตาไปมองป๊อนซ์ด้วยสายตาที่สื่อถึงความเกลียดชังอย่างไม่
ปิดบัง

“ผมรู้ครับว่าม๊ามีลูกชายคนเดียวแต่บังเอิญลูกชายคนนั้นของม๊าดันเป็นคนคนเดียวกับคนที่ผมรักที่สุดน่ะครับ” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำ
เสียงเรียบๆราวกับว่าไม่มีอะไรต้องกังวลผิดกับผมที่รู้สึกได้ว่าตัวเองสั่นจนควบคุมไม่อยู่

“นี่ขนาดว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ ยังกล้าพูดอะไรที่มันทุเรศๆแบบนั้นออกมาได้อีกเหรอ!!” แม่ของผมตวาดออกมาอย่างเหลืออดอีก
ครั้ง

“ม๊า...ฮึกก..ฮือออ” ผมปล่อยน้ำตาที่พยายามกลั้นอยู่นานให้ไหลออกมาอย่างหมดแรง

“ม๊าเอาอะไรมาตัดสินเหรอครับว่าการที่ผมกํบโจรักกันมันเป็นเรื่องทุเรศ?”

“ก็แกทั้งคู่เป็นผู้ชายน่ะสิ แค่นี้มันก็ทุเรศ วิปริต ผิดปกติไม่พอรึไง”

“แล้วม๊าเอาอะไรมาติดสินล่ะครับว่าการที่ผู้ชายกับผู้ชายรักกันมันเป็นเรื่องวิปริต เรื่องผิดปกติ” ป๊อนซ์ยังคงเถียงแม่ของผมด้วย
น้ำเสียงนิ่งๆเช่นเดิม

“ป๊อนซ์..ฮึกก...พอเหอะนะ..” ผมพูดออกมาด้วยความยากลำบากเพราะต้องกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไปด้วย พร้อมกับเอามือ
ทั้งสองข้างเกาะแขนของป๊อนซ์แล้วเขย่าเบาๆ

“โจกลับไปพูดกับม๊าที่บ้านเดี๋ยวนี้!!” แม่เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของป๊อนซ์แล้วเปลี่ยนมาเป็นลากผมให้กลับไปด้วยกันแทน

“ฮึก..ม๊า...โจเจ็บ...”ผมพูดออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นในขณะที่มือก็คอยจับบริเวณที่ม๊าจับเอาไว้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บของตัว
เอง

“ม๊าครับ ม๊ายังไม่ตอบคำถามป๊อนซ์เลยนะครับ” ป๊อนซ์ดึงผมกลับแล้วดันไปไว้ด้านหลังในขณะที่ตัวเองก็พูดกับแม่ของผมไป
ด้วย แต่ครั้งนี้ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นจากครั้งแรกมาก

“ปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” แม่ตวาดเสียงดังอีกครั้งพร้อมกับพยายามจะยื่นมือมากระชากผมไปจากป๊อนซ์

“เห็นมั้ย แค่นี้ม๊ายังให้คำตอบผมไม่ได้เลย”

“ป๊อนซ์!!!!”

“ยอมรับความจริงเถอะครับม๊า ว่าโจกับผมรักกัน” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลูบที่ไหล่ผมช้าๆเป็นการปลอบ

“ฮึก...ฮืออออ” ผมก็ได้แต่ยืนสะอื้นอยู่อย่างนั้นโดยทำอะไรไม่ได้เลย

“ได้ในเมื่อเธอต้องการแบบนี้ ถ้าแกอยู่กับมันแกก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าม๊าอีกต่อไป”

“ฮึก..ม๊า...ฮือออ” ผมสะบัดมือจนหลุดจากการเกาะกุมของป๊อนซ์ก่อนจะวิ่งไปกอดม๊าไว้จนแน่นทันที

“โจ..”ป๊อนซ์เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูผิดหวังเอามากๆ

“กลับบ้านกับม๊า แล้วเดี๋ยวเราไปเคลียร์กันที่บ้าน”แม่พูดพร้อมกับมองมาที่ผม

“ฮึก..ครับ” ผมรับคำแม่ช้าๆก่อนจะเดินตามหลังแม่ไปที่รถ

“โจ กูขอร้อง” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงเครือๆเหมือนกับพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

“ฮึก ป๊อนซ์ กูสัญญาว่ากูจะกลับมาหามึง” ผมพูดโดยที่ไม่ได้หันไปมองป๊อนซ์เลยแม้แต่นิดเดียว

“โจ กูขอร้อง..อย่าไปจากกูได้มั้ย?” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับคุกเข่าลงกับพื้นและปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างไม่อาย

“กูขอโทษป๊อนซ์ กูขอโทษจริงๆ” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นรถของแม่ไป

ผมนั่งมองป๊อนซ์จากด้านในของตัวรถ มอง มองจนรถวิ่งออกมาจนป๊อนซ์ลับสายตาไปแล้ว

“โจ แกเข้าใจม๊าใช่มั้ย”

“...” ผมเลือกที่จะเงียบเพราะถ้าถามจริงๆตอนนี้ผมยังไม่เข้าใจเหตุผลของแม่เลย

“โจ ที่ม๊าทำแบบนี้เพราะม๊าคิดว่าบางทีความรักของแกกับป๊อนซ์อาจจะเป็นแค่ความหลง ความสนุกเฉยๆก็ได้”

“ฮึก..ฮืออ” ผมเริ่มจะสะอื้นออกมาอีกรั้งอย่างควบคุมไม่ได้

“ฟังม๊าให้ดีนะโจ ม๊ากับป๊ารู้เรื่องของแกมาสักพักนึงแล้ว แล้วเราก็คุยกันว่าถ้าแกตัดใจไม่ได้เราจะส่งแกไปอยู่ที่เชียงใหม่กับน้อง
ดลลูกป้าน้อย”

“ม๊า!!!!!!”

“...” แม่เงียบราวกับไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผม

“ม๊าไม่ถามความเห็นผมเลย ฮึก ทำไมม๊าทำแบบนี้ ฮือออ...”

“ม๊าทำเพื่อแกนะโจ”

“เพื่อผม? แล้วม๊าได้ถามผมบ้างรึเปล่าว่าสิ่งที่ม๊าทำมันทำให้ผมมีความสุขบ้างรึเปล่า”

“ฉันรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำเพราะงั้น ถึงแกเถียงอะไรตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะฉันจัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว แกต้องออก
เดินทางพรุ่งนี้ตอนหกโมงเย็น”

“ม๊า!!!!” ผมรู้สึกเหมือนตัวชาไปทั้งตัว พรุ่งนี้งั้นเหรอ ผมต้องไปพรุ่งนี้แล้วงั้นเหรอ มันเร็วไปมั้ย ผมยังไม่ได้แม้แต่ลาป๊อนซ์เลย
ด้วยซ้ำ

“หวังว่าแกจะเข้าใจ” แม่พูดแค่นั้นก่อนที่เราทั้งคู่จะเงียบกันตลอดทางจนถึงบ้าน



ทันทีที่รถจอดสนิทอยู่ในโรงจอดรถ ผมก็เปิดประตูลงไปทันทีโดยปราศจากบทสนทนาใดๆทั้งสิ้น

“โจ เป็นไงบ้าง” พ่อวางหนังสือพิมพ์ลงถามขึ้นเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในบ้าน

“ฮึก ป๊าจะถามทำไม ป๊ายังสนใจอีกเหรอว่า ฮึก ผมจะรู้สึกยังไงอ่ะ!!!” ผมตอบกลับไปด้วยอารมณ์โมโห

“ฉันเป็นพ่อแกนะ แกจะพูดแบบนี้กับฉันไม่ได้!”

“ครับ..ฮึก...โจยังเห็นป๊าเป็นป๊าอยู่ตลอด ไม่เหมือนป๊าหรอก..คงไม่เห็นผมเป็นลูกแล้ว ถึงได้ทำแบบนี้..ฮือออ”

“โจ!! ไอ้ป๊อนซ์มันทำให้แกเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ”

“ฮือออออ” ผมส่ายหัวพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ฉันถามทำไมไม่ตอบ!!” พ่อตวาดออกมาเสียงดังก่อนจะเดินตรงเข้ามาบีบที่ข้อมือของผม ซ้ำกับรอยเดิมที่แม่เคยทำไว้ก่อนหน้า
นี้

“ฮึก..ปล่อยโจนะ..โจเจ็บ ฮืออออ” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะแกะมือออกจากการเกาะกุมของพ่อ

“แค่นี้ทนไม่ได้รึไง แกรู้ไว้เลยนะว่าฉันเจ็บกว่าแหลายเท่าตอนที่รู้ว่าแกเป็นเกย์!!!”

“ป๊า!!!!” ผมสะบัดแขนออกก่อนจะตะโกนใส่หน้าป๊าอย่างเหลืออด

เพียะ!!!!

“ฉันเป็นพ่อแกนะ แกไม่มีสิทธิ์มายืนตะคอกใส่หน้าฉันแบบนี้” ป๊าตบหน้าผมก่อนจะด่าผมอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับชี้หน้า
คาดโทษไปด้วย

“ป๊า ฮึกกกก ฮือออ” ผมเอามือขึ้นไปจับไว้ตรงแก้มหวังจะบรรเทาความเจ็บปวด ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเอง
ทันที

         

-รัก คือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป-

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผมดังขึ้น

-Pontz^^-

ผมรีบกดรับแทบจะทันทีเมื่อเห็นรายชื่อที่โชว์อยู่ที่หน้าจอ

“ป๊อนซ์ ฮึก มาช่วยกูด้วย ฮือออ”

(โจ!! เป็นอะไร ไหนบอกกูมาดิ) เสียงของป๊อนซ์ร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด

“ป๊อนซ์ ฮึกก ป๊อนซ์ กู.กู...รักมึงนะ ฮึก...มึงมาพากูไปจากที่นี่หน่อยได้มั้ย ..ฮืออออ”

(โจตั้งสติหน่อยแล้วบอกกูว่าเกิดอะไรขึ้น) ป๊อนซ์พยายามบังคับเสียงของตัวเองไม่ให้ดูร้อนรนมากเกินไปเพราะมันอาจจะทำให้
ผมอ่อนแอลงไปอีก

“กู..กู..”ตอนนี้ผมเหมือนพูดไม่ออก มันรู้สึกมึนงงแล้วก็กลัวไปหมด

(เอางี้นะ เปิดคอมแล้วล็อกอินสไกป์ซะนะ กูอยากเห็นหน้ามึง) ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆกึ่งอ้อนวอน

“อืมๆ” ผมกดวางสายก่อนจะเดินตรงไปที่คอมเพื่อล็อกอินเข้าสไกป์ทันที

หลังจากเชื่อมต่อจนเสร็จหมด หน้าของป๊อนซ์ก็เด่นหราขึ้นมาบนหน้าจอคอมและนั่นก็ทำให้ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนักอีกครั้ง

“ป๊อนซ์ ฮึกกก ป๊อนซ์ ฮือออออออ”

(โจ..กูขอร้อง มึงอย่าเป็นแบบนี้ มึงต้องเข้มแข็งดิ)

”กูไม่ไหวแล้วป๊อนซ์..กู ..ฮึก..ไม่ไหวแล้วว”

(โจ....อย่าร้องไห้...กูขอ..ได้มั้ยย?) ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงเครือๆราวกับกำลังกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้

“อืออ ฮึก ฮึกกก” ผมรับคำก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

(อืมมม ไหนลองตั้งสติแล้วบอกกูดิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมึงถึงร้องไห้หนักขนาดนี้ฮึดื้อ)

“ม๊า..ฮึก..ม๊าจะส่งกูไปอยู่เชียงใหม่ ฮือออ”

(อืมม วันไหน?)

“พรุ่งนี้เย็น”

(หา!! พรุ่งนี้เย็น)

“อืมม ฮึก ป๊อนซ์..มาพากูไปที..ฮึกกก กูไม่อยากไปอยู่เชียงใหม่ ฮืออออ..กูอยากอยู่กับมึง”

(โจ...)

“ป๊อนซ์..กูขอร้อง..ฮึกก..พากูไปทีไปที่ไหนก็ได้”

(เอางี้ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปหานะ กูจะไปพูดกับพ่อแม่มึงเอง)

“อืมม อย่าลืมนะ มึงอย่าโกหกกูนะ ฮือออ”

(ไม่มีทาง)

“อือออ ป๊อนซ์เปิดกล้องไว้แบบนี้ได้มั้ย?”

(อืมม ได้ดิ)

ผมนอนมองหน้าจอคอมที่มีป๊อนซ์นั่งจ้องอยู่จนหลับไปในที่สุด



ก๊อกๆๆๆ

เสียงเคาะประตูปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาเผชิญกับโลกความเป็นจริงอีกครั้ง

“โจ ตื่นรึยังลูก?”

“ตื่นแล้ว”

“ออกมากินข้าวหน่อยดีกว่าลูก เมื่อวานตอนเย็นก็ไม่ได้กินอะไรเลย”

“โจไม่หิว” ผมพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆก่อนจะมองไปที่หน้าจอคอม

“เอาเป็นว่าเดี๋ยวม๊าไปยกขึ้นมาให้แล้วกันนะ” ม๊าพูดก่อนจะเดินออกไปจากหน้าประตูห้องของผม

“ป๊อนซ์” ผมเรียกป๊อนซ์เมื่อเห็นว่ากล้องยังเปิดอยู่ หากแต่ว่าป๊อนซ์ไม่ได้อยู่ในกล้องแล้ว

“ป๊อนซ์ ฮึก ป๊อนซ์ ฮือออ”

(หืมมม มีไรอ่ะดื้อ?) ป๊อนซ์ถามขึ้นพร้อมกับเดินมานั่งตรงที่เดิมหน้าจอคอม

“กู..ฮึก..กูนึกว่ามึงทิ้งกูไปแล้ว”

(หึ จะทิ้งได้ไงคิดมากนะเนี่ย)

“ฮึก ฮืออออ” ผมยังคงร้องไห้ออกมาไม่หยุด

(อย่าร้องเลยนะ ดื้อร้องไห้แบบนี้ป๊อนซ์ใจไม่ดีเลย) ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปที่หน้าจอคอมของป๊อนซ์แล้วลูบเบาๆราวกับ
จะเป็นการเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มของผม

“ฮึก  ไม่ร้องแล้ววว” ผมเม้มปากกลั้นน้ำตาไว้ก่อจะตอบป๊อนซ์ออกไป

(ฮ่าๆๆ ครับๆ แล้วนี่กินอะไรบ้างรึยังเนี่ย?)

“..”ผมส่ายหน้าไปมาช้าๆ

(ไม่ได้นะดื้อ มึงไปหาอะไรกินเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก)

“อืมๆๆ” ผมรับคำก่อนจะเดินผละออกมาจากหน้าจอคอมแล้วแง้มดูที่หน้าประตูก็เห็นว่ามีถาดอาหารตั้งอยู่เลยรีบเปิดประตูแล้ว
หยิบอาหารเข้าในห้องก่อนจะปิดประตูทันที

“ได้มาแล้วว” ผมพูดก่อนจะตั้งถาดอาหารลงหน้าจอคอม

(อืมม ดีมาก กินเลย กินให้กูเห็นตอนนี้เลยนะ เพราะถ้ากูปล่อยให้ไปกินเองเดี๋ยวก็แอบทิ้งอีกอ่ะ)

“คร้าบบบบ” ผมรับคำเสียงสดใสก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้าทันทีโดยที่มีป๊อนซ์นั่งมองอยู่ตลอด



“อ้ากกก อิ่มๆๆๆๆ”

(อืมม เดี๋ยวกูไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ)

“อ้าวว จะไปไหนอ่ะ” ผมเสียงหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด

(ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าเลยนะดื้อ กูจะไปบ้านมึงนั่นแหละ)

“อ๋อออ รีบมานะป๊อนซ์”

(อืมมม งั้นก็ล็อกเอ้าท์สไกป์แล้วนะ)

“อืมมม กูจะรอมึงนะป๊อนซ์”

(อืมม)

“รักมึงนะ”

(รักมึงเหมือนกัน)

ป๊อนซ์ยิ้มพร้อมบอกรักผมก่อนที่จะปิดกล้องไป


ผมก็นั่งยิ้มอยู่กับหน้าจอมืดๆคนเดียว...




โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่านี่จะเป็นการบอกรักผมครั้งสุดท้ายของป๊อนซ์....



.....................................TBC................................................

มาอัพต่อแล้วนะจ๊ะ  :katai4:

ใกล้จะจบเข้าไปทุกทีแล้วกับ Friends รักคุณเข้าแล้ว

แต่ก็อย่าลืมติดตามเรื่องราวของป๊อนซ์กับโจ ภาคต่อใน>>>

Forgotten Love รักที่ถูกลืม  นะค่าาาา

ตอนนี้อัพมานิดเดียวเนอะ เหตุผลเดิมๆ>>เดี๋ยวไม่ค้างงง 555 :katai3:

อย่าลืมเม้นท์&บวกเป็ด ให้กำลังใจคนเขียนกันด้วยเด้ออออ  :mew2:

 :call: :call: :call: :call: :call: :call:

KATIEZZ

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กินมาม่าตอนจบเรื่องสินะ ขอร้องละอย่าจบเศร้าๆเลย อย่าทำอย่างนั้นเลยยยยย :serius2: ไม่งั้นโกรธจิงด้วยยย  :m16: :m16: :m31: :m31: :m31:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2013 03:32:31 โดย Redz »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เห็นชื่อเรื่งของภาคต่อแล้วมันยังไงกันนะ
จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างป๊อนกับโจ อะไรหรือใครที่เปลี่ยนไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
กินมาม่าอีกชามโต ชามใหญ่ๆเลย สวสารรักของป๊อนซ์โจ

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
ม่ายนะ บอกรักครั้งสุดท้าย
ไม่อาวอ่ะ
บวกและเป็ดลุ้นตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ :hao5:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
**แนะนำว่าฟังเพลงนี้ไปด้วยขณะอ่านนะจ๊ะ  :hao3:**
https://www.youtube.com/watch?v=2CwJUUScEqs (ftp://www.youtube.com/watch?v=2CwJUUScEqs)

The End




[Pontz x Joe]




[Joe]




“โจ เดี๋ยวประมาณบ่ายสาม ม๊าจะพาไปสนามบินนะ”

“โจไม่ไป”

“โจ..”

“ฮึก โจ ไม่อยากไป ฮึก โจจะอยู่กับป๊อนซ์” ผมพูดประโยคนี้ออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่มันก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้พ่อ
กับแม่เข้าใจผมได้

“โจ”

“วันนี้ป๊อนซ์จะมาหาโจ ป๊อนซ์จะมาคุยกับป๊า กับม๊า ฮือออ”

“เฮ้ออ ม๊าไม่รู้นะ แต่บ่ายสาม โจต้องออกเดินทาง” แม่พูดเสียงห้วนก่อนจะเดินออกไปจากห้องทันที



 12.00น.


ผมนั่งเล่นมาเรื่อยๆจนเที่ยงแล้ว ป๊อนซ์ก็ยังไม่มา   

“โจ เตรียมของรึยัง?”

“ยังครับ”

“อ้าวว ได้ไงล่ะเนี่ย ไปเตรียมของเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ครับ” ผมรับคำนิ่งๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปเก็บของบนห้อง

เฮ้อออ เมื่อไหร่ป๊อนซ์จะมาล่ะเนี่ย



13.00 น.


ทักไลน์ไปก็แล้ว โทรไปก็แล้ว ไม่มีคนตอบ ไม่มีคนรับสาย ป๊อนซ์จะเป็นอะไรรึเปล่านะ???

“โจ มากินข้าวเที่ยงก่อนมั้ย”

“ไม่เอาอ่ะม๊า โจจะรอป๊อนซ์” ผมพูดพร้อมกับชะเง้อคอมองไปที่หน้าบ้านอย่างรอคอย

“เฮ้ออ รักใครน่ะก็รักไป แต่อย่าลืมรักตัวเองด้วยล่ะโจ” แม่พูดนิ่งๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องของผม



14.00 น.


“โจ ม๊าว่าป๊อนซ์คงจะไม่มาแล้วล่ะ”

“ม๊ารู้ได้ไง ว่าป๊อนซ์จะไม่มา?!”

“นี่มันบ่ายสองแล้วนะโจ ลูกบอกว่าป๊อนซ์ออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ?”

“..คือ..ฮึกกก...ป๊อนซ์.อาจจะ..ติดธุระ..ฮึก..อยู่ก็ได้.ฮือออ” ผมพูดพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมา

“ม๊าขอยืนยันคำเดิมนะโจ บ่ายสามต้องออกจากบ้าน” แม่พูดพร้อมกับเดินเข้ามาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

“ป๊อนซ์..ฮึกก..มึงอยู่ที่ไหน ตอนนี้มึงอยู่ไหนป๊อนซ์...ฮืออออ”



14.30 น.


“ป๊อนซ์!!!!!!!! ฮืออออออ...” ผมแผดเสียงออกมาจนดังลั่นไปทั้งห้องพร้อมกับก้มหน้าลงซุกที่เข่าของตัวเอง

“โจ เป็นอะไรลูก!” แม่เปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดจนแน่น

“ม๊า..ป๊อนซ์..ฮึกก..ป๊อนซ์ไปไหน ป๊อนซ์ไปไหนอ่ะม๊า..ทำไมป๊อนซ์ ไม่มาหาโจ ทำไม!!” ผมตะโกนออกมาอย่างเสียสติ ตอนนี้
ผมรู้สึกเหมือนร่างกายมันชาไปหมด ผมไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ต้องเดินไปทางไหน มันเจ็บไปหมดแล้ว

“โจ ฮึกก ม๊าขอร้อง อย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ย ฮือออ” แม่กอดผมแน่นขึ้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนักพอๆกับผม

ปี๊นนน!!

เสียงแตรรถดังมาจากหน้ารั้วบ้าน ทำให้ผมลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“ป๊อนซ์!!” ผมวิ่งมาถึงหน้าประตูอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อหน้าบ้านไม่ใช่ป๊อนซ์แต่กลับเป็นคนที่มาส่งของแทน

“เอ่อ..คือผมมาส่งของอ่ะครับ”

“ป๊อนซ์ล่ะ ป๊อนซ์อยู่ไหน?”

“เอ่อ ..ใครนะครับ?”

“ป๊อนซ์ไง ป๊อนซ์อ่ะ เค้าอยู่ที่ไหน” ผมถามเค้าอย่างอ้อนวอนพร้อมกับพยายามจะยื่นมือออกไปหาเค้าที่ยืนอยู่ด้านนอกรั้ว

“เอ่อ..คือ”

“ขอโทษด้วยนะคะ รอตรงนี้สักครู่นึงนะคะ โจเข้าบ้านก่อนลูก” แม่พูดกับคนพวกนั้นก่อนจะหันมาประคองผมที่แทบจะไม่มีแรงยืน
แล้วให้เดินเข้าบ้าน

“ม๊า ป๊อนซ์จะมาหาโจมั้ย??”

“เอ่ออ ม๊าก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ตอนนี้ไปนั่งพักในบ้านก่อนนะโจ” แม่เดินประคองผมมานั่งที่โซฟากลางบ้านก่อนจะเปิดทีวีเอาไว้แล้ว
เดินออกไปคุยกับคนส่งของด้านนอก

/ใบไม้หล่น เมื่อลมพัดผ่าน
เป็นสัญญานแห่งความผันเปลี่ยน
ทุกๆ สิ่งคือความหมุนเวียนไม่เที่ยงแท้
ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
เพียงเพื่อฉุดให้เธอไม่ไป
ในที่สุดก็คงต้องหยุดและยอมแพ้~/


เสียงเพลงลมเปลี่ยนทิศจากทีวีดังขึ้น

“ฮึกก ฮืออออออ” ผมปล่อยโฮออกมาอีกครั้งเมื่อฟังเนื้อหาของเพลงไปเรื่อยๆ



14.50 น.


“โจ ลูกฟังเพลงนี้มาเป็นสิบรอบแล้วนะ” แม่พูดพร้อมกับส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ผม

“โจคิดถึงป๊อนซ์” ผมพูดออกมาอย่างเลื่อนลอย

“แต่นี่มันก็ใกล้ถึงเวลาที่เราตกลงกันเอาไว้แล้วนี่”

“ถ้าโจออกไปแล้วป๊อนซ์มาถึงพอดีล่ะ”

“เฮ้อออ โจ ฟังแม่นะ ป๊อนซ์มาหาโจไม่ได้แล้ว”

“ทำไมละครับ?”

“ฟังแม่แล้วตั้งสติดีๆนะโจ คือ ป๊อนซ์ขับรถชนเมื่อเช้าตอนกำลังจะออกมาหาลูก แล้วอาการสาหัสมากจนทนพิษบาดแผลไม่ไหว
เสียไปเมื่อตอนประมาณบ่ายโมง แล้วคนที่ส่งของเมื่อกี๊ เค้าก็เป็นคนที่แม่ของป๊อนซ์ส่งมาให้เอาของมาให้…”

ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกสลายลงตรงหน้า  ผมไม่อยากทำอะไรแล้ว ไม่อยากแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ

“ฮึก ไม่จริงใช่มั้ย..ม๊า..ล้อโจเล่นใช่มั้ย..บอกโจมาสิ..บอกโจมาว่าล้อเล่น ฮึกก บอกโจมา ฮือๆๆ” ผมตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
พร้อมกับพยายามจะเอามือทุบขมับของตัวเองไปด้วย

“โจ โจ!!! ม๊าบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ตั้งสติ ..หยุดทำร้ายตัวเองได้มั้ย..ฮึกก ..ม๊าขอ” แม่พูดพร้อมกับพยายามจะยื้อมือของผมไว้ไม่
ให้ทำร้ายตัวเอง

“ฮือออ ป๊อนซ์ ป๊อนซ์!!!!!!!!!!!”

“โจ มีสติหน่อยสิ ฮืออ นี่เป็นของที่ป๊อนซ์ตั้งใจจะเอามาให้ลูก” แม่พูดพร้อมกับยื่นกล่องแหวนมาให้ผม

ผมรับกล่องนั้นมาด้วยมือที่สั่นอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกช้าๆ

ด้านในกล่องเป็นแหวนเงินเกลี้ยงสลัก “P&J FOREVER” ที่เต็มไปด้วยเลือดมาดูช้าๆ

“ฮือออ ป๊อนซ์ ไม่จริงใช่มั้ยยย ป๊อนซ์ยังอยู่กับโจใช่มั้ย!!!!!!!!!!”

แม่กอดปลอบผมอีกทีก่อนจะคลายอ้อมกอดแล้วเดินไปที่โทรศัพท์

“คะ พี่น้อยใช่มั้ยคะ”

“คือน้องจะโทรมาเลื่อนกำหนดที่โจจะขึ้นไปเชียงใหม่อ่ะคะ”

“อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอกคะ มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย”

“ค่ะๆ แล้วถ้าขึ้นไปวันไหนจะโทรบอกอีกทีนะคะ”

“ค่ะๆ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ” แม่วางสายก่อนจะเดินมาหาผมช้าๆ

“ม๊าโทรไปเลื่อนป้าน้อยให้แล้วนะโจ” ผมพยักหน้ารับช้าๆก่อนจะปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ

/ชีวิตหนึ่งกำลังเริ่มใหม่
ชีวิตหนึ่งกำลังว่างเปล่า
ความรู้สึกช่างทรมาณและโหดร้าย
ทำได้เพียงแต่ยอมรับมัน
แม้ต้องเจ็บจะยอมเข้าใจ
คงไม่มีอะไรเหมือนเดิม อีกต่อไป~/



1 เดือนผ่านไป.....


“ป๊อนซ์ ทำไมป๊อนซ์ไม่ตอบไลน์โจอ่ะ”

(...)

“อย่าเงียบดิ ไม่งั้นมีงอนแน่”

(...)

“ป๊อนซ์ตอบดิ โจบอกให้ตอบไง!!!!! ทำไมไม่ตอบ ฮึกก ไม่รักกันแล้วใช่มั้ย ฮือๆๆๆ”

(...)

“ฮืออๆๆๆ” โจวางโทรศัพท์ลงข้างๆตัวก่อนจะร้องออกมาอย่างหนัก

“โจ เป็นอะไรลูก” แม่ของโจรีบวิ่งเข้ามากอดโจไว้ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน

“ป๊อนซ์ไม่ยอมพูดกับโจอ่ะม๊า ฮึกก ป๊อนซ์ไม่รักโจแล้ว ฮือออ” โจพูดพร้อมกับยื่นไอโฟนของตนที่ไม่ได้มีหน้าจอที่แสดงการ
เชื่อมต่อหรือกำลังโทรหาใครทั้งสิ้นแต่กลับเป็นภาพพักหน้าจอที่เป็นรูปคู่ของโจกับป๊อนซ์ขึ้นอยู่แทน

“โจ เมื่อไหร่ลูกจะเลิกเป็นแบบนี้สักที นี่มันก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้วนะ” ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเครือๆจากการพยายามกลั้น
เสียงสะอื้นเอาไว้

“...” ไร้เสียงตอบรับจากโจ เนื่องจากตอนนี้สายตาโจไม่ได้มองอยู่ที่แม่แล้ว แต่มันกลับเหม่อลอยมองออกไปทางนอกหน้าต่าง
แทน

“โจ..ฮือออ” แม่ร้องไห้ออกมาพร้อมกับกอดโจให้แน่นขึ้นกว่าเดิมราวกับต้องการจะส่งความแข็งแกร่งไปให้ผู้เป็นลูก

“ม๊าว่า ป๊อนซ์ยังรักโจมั้ย?”

“...”

“ม๊าว่าป๊อนซ์จะคิดถึงโจเหมือนที่โจคิดถึงป๊อนซ์มั้ย?”

“.....”

“ม๊าว่าป๊อนซ์จะกลับมาหาโจมั้ย?”

“โจ...”

“ตอบสิม๊า!!! ตอบโจสิ!!!!!!!!!” โจพูดพร้อมกับเขย่าร่างของแม่อย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบ

“ฮึก ฮืออๆๆ โจ..”

“เกิดอะไรขึ้น!!” เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้น

“คือโจ..โจ....โจไม่รู้..ฮึก..ฮืออออ” โจปล่อยมือออกจากแม่ช้าๆก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นจับหัวตัวเองอย่างคุ้มคลั่ง

“ป๊า ม๊าสงสารลูกอ่ะ” แม่ของโจพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นไปยืนข้างๆพ่อ

“อืมม ป๊าว่าเราควรจะพาโจไปหาหมอ” พ่อพูดก่อนจะพยุงให้โจลุกขึ้นยืนแล้วประคองออกมาจากบ้านก่อนจะรีบสตาร์ทรถเพื่อตรง
ไปยังโรงพยาบาลทันที



“จากการวินิจฉัยของหมอนะครับ หมอว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจของน้องอย่างมาก หมอแนะนำว่าทางที่ดีควรจะพาน้องไปอยู่ไกลๆ อยู่ในที่ที่ไม่มีความทรงจำกับคนๆนั้นอยู่เลยนะครับ” หมอพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้พ่อกับแม่ของโจ

“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ”

“ครับ”

หลังจากพูดคุยกับหมอเสร็จทั้งสามคนก็เดินออกมาจากโรงพยาบาล โดยที่มีพ่อกับแม่ช่วยๆกันประคองโจที่ตอนนี้แทบจะไม่มีสติ
เหลืออยู่แล้วให้เดินไปเรื่อยๆ

“ม๊า ป๊าว่าเราควรส่งโจไปเชียงใหม่ได้แล้วนะ”

“แต่ม๊าเป็นห่วงโจอ่ะ”

“ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าช่วงแรกๆนี้เราก็ขึ้นไปอยู่กับโจก่อนก็ได้ แล้วพอโจดีขึ้นเราค่อยลงมาอยู่บ้านกันเหมือนเดิม”

“อย่างนั้นก็ได้คะ”



หลังจากวันนั้นพ่อกับแม่ของโจวางแผนกันก่อนจะจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินเรื่องอะไรทั้งหมด แล้วพากันขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อพาโจ
ไปฝากให้อยู่กับป้าน้อย ซึ่งเป็นพี่ของแม่โจ

ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนเพื่อน เปลี่ยนคนรอบข้าง แล้วมันจะช่วยเปลี่ยนใจเปลี่ยนความคิดของโจได้จริงๆน่ะเหรอ???


...........................................End of FRIENDS รักคุณเข้าแล้ว.......................................

จบกันไปแล้วเน้ออออ ในพาร์ทของ FRIENDS  :katai3:

พาร์ทต่อไปคือ Forgotten love ซึ่งจะเป็นเรื่องในพาร์ทของตอนที่ขึ้นมหาลัยกันแล้วนะคะ  :hao6:
 
แต่ก็ยังจะแอบมาอัพโมเม้นท์ อัพตอนพิเศษอยู่เรื่อยๆนะคะ

ยังไงก็ฝากติดตามต่อในเรื่อง Forgotten love ด้วยนะคะ  :hao5:

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


Intro

Forgotten Love รักที่ถูกลืม



[Pontz x Joe]


[Joe]


ตอนเช้า ณ ม.AAA

การที่ผมต้องกลับมาเหยียบที่ที่เคยสร้างรอยแผลใหญ่ไว้ในชีวิตผมนี่มันเป็นอะไรที่ยากที่สุดเลย

“พี่โจรีบเดินหน่อยดิ ตอนนี้พี่ยังไม่รู้เลยนะเว้ยว่าคณะเราต้องรายงานตัวอะไรตรงไหน” ดลพูดเร่งขึ้นในขณะที่ผมกำลังงงๆกับการ
ตื่นเช้าอยู่  อะไรคือการที่เฟรชชี่ปีหนึ่งอย่างผมต้องมาเดินเคว้งคว้างกันอยู่สองคนไร้เงาผู้ปกครอง ==’

“อืมๆ ว่าแต่แกรู้แล้วเหรอว่าต้องรายงานตัวตรงไหน”

“รู้แล้วดิ อ่ะ! นี่ไงถึงแล้ว ไปก่อนนะพี่ ส่วนพี่ก็เดินไปตามแผนที่ที่ผมวาดให้แล้วกันนะ” ดลพูดรัวก่อนจะรีบวิ่งขึ้นตึกไป

แล้วไปตึกคณะนิติศาสตร์นี่มันต้องไปทางไหนวะเนี่ย 

ผมมองแผนที่ในมือก่อนจะขยี้หัวอย่างงงๆ ถึงจะเคยอยู่จังหวัดนี้แต่ก็ไม่เคยเข้ามาในมหาลัยนี้มาก่อน เอาแล้วกู เดินไปทางไหนดี
ละเนี่ย

“เอ่อ..ขอโทษนะครับ คือจะถามว่าตึกคณะนิติศาสตร์นี่ไปทางไหนเหรอครับ”  ผมถามคนคนนึงที่เดินผ่านมาเพราะท่าทางเค้าดู
เป็นมิตรที่สุดแล้วในบริเวณนั้น

“อ๋อ เราก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ แต่นายลงไปถามกลุ่มพี่ปี 2 ตรงนั้นนะ เพราะเราก็ไปถามพี่เค้ามาเหมือนกัน” ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นตอบ
กลับผมอย่างเป็นมิตร

“ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

หลังจากกล่าวขอบคุณกันเสร็จผมก็เดินไปยังโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ที่ชายคนนั้นบอกทันที

“ขอโทษนะครับ” ผมพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ พร้อมกับก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาพี่เค้า

“มีอะไรครับน้อง” เสียงที่หันหลับมาตอบทำเอาของที่อยู่ในมือของผมร่วงลงพื้นทันที

พีเจ!!!

“คือ..ไม่มีอะไรครับ” ผมยังไม่พร้อมและยังทำใจไม่ได้ที่จะเจอกับเพื่อนๆในกลุ่มตอนนี้เพราะสามปีที่ผมไปอยู่ที่เชียงใหม่นั้นผม
ไม่ได้ติดต่อใครที่นี่เลย

“อ้าวว ซะงั้น”

“อึ่ก!” นี่ก็เสียงไอ้ภูมิสินะ ผมจำได้

“น้องคร้าบบบ ผมออกทองๆซะด้วยย ลูกครึ่งรึเรา??” ไอ้นายก็เดินเข้ามาพยายามที่จะให้ผมตอบกลับ

ตอนนี้กลายเป็นว่าผมกำลังก้มหัวลงจนเกือบจะมุดกับดิน เพราะไม่อยากให้ไอ้พวกนี้รู้ว่าผมคือใคร

“พวกมึงก็อย่าไปแกล้งน้องมันดิวะ” ไอ้ลิ้มสินะ

“เออ เป็นกูกูก็กลัว” เสียงนิ่งๆแบบนี้ก้คงเป็นไอ้ไปป์ล่ะสิ

“คือผมขอโทษครับ” ผมพยายามรีบพูดปัดๆก่อนจะรีบก้มลงเก็บของที่ตกอยู่กับพื้นจนหมด เหลือแค่แหวนที่ป๊อนซ์เคยให้ไว้ตอน
โน้นที่ยังอยู่ใต้ที่นั่งของอีกคนซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร

“เอ่อ พี่ครับผมขอเก็บของหน่อยนะครับ” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะก้มหัวลงไปใต้เก้าอี้

“สัด!! ยุ่งยาก วุ่นวาย!” ไม่ใช่ ใช่มั้ย บอกผมทีว่าไม่ใช่ ใช่มั้ย???

“เอา ของมึง!!” ผมรับแหวนมาด้วยมือที่สั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ก้มหน้าเหมือนกับคนอื่นๆที่ผผ่านมา ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเค้าแล้วก็ต้องตกใจจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

“ป๊อนซ์!!” ผมตะโกนเรียกชื่อ ชื่อที่ผมไม่คิดว่าจะได้เรียกอีก ชื่อที่ผมไม่คิดฝันว่าจะได้เห็นเจ้าของชื่อมาอยู่ตรงหน้าผมแบบนี้

“เฮ้ย ไอ้โจ!!!” เสียงของคนอื่นๆในกลุ่มดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

“ฮือๆๆ ป๊อนซ์” ผมเรียกชื่อป๊อนซ์อีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปหาป๊อนซ์ช้าแล้วจับมือขึ้นมากุมเอาไว้

พลั่ก!!!

“อะไรของมึงเนี่ย?” ป๊อนซ์สบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะสะบัดมือผมออกแล้วผลักจนผมล้มลงไปกับพื้น

“ป๊อนซ์คะ นี่ใครอ่ะคะ” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างป๊อนซ์ลุกขึ้นมาจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง

“ใจเย็นๆกันก่อนนะ” พีเจที่ดูเหมือนจะมีสติสุดพยายามจะคงบคุมสถานการณ์เอาไว้

“ป๊อนซ์ กูคิดถึงมึง มากนะ ฮือๆๆๆ” ผมยังคงพร่ำบอกความรู้สึกที่มีในใจออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ป๊อนซ์กลับมองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจปนรังเกียจ

“โว๊ยยยยยยย!!! ใครก็ได้ช่วยบอกกูที ว่าไอ้เหี้ยนี่มันเป็นใคร????!!!!”


............................To Be Continue in Forgotten Love รักที่ถูกลืม.................................

หากสงสัยว่า...

เกิดอะไรขึ้นกับโจ

เกิดอะไรขึ้นกับป๊อนซ์

และทำไมจู่ๆโจถึงกลายเป็นรุ่นน้องของป๊อนซ์และคนอื่นๆไปแล้ว

ก็ติดตามกันต่อใน >> Forgotten Love รักที่ถูกลืม << ด้วยนะคะ


อาจจะมาอัพช้าหน่อยนะคะ เพราะอยู่ในช่วงเตรียมเอ็นท์ อาจจะเว้นไปพักใหญ่ๆ

อย่าลืมกันไปก่อนล่ะ  :mew2:

ถ้าอยากทวงตอนพิเศษหรืออะไรก็ไปทวงกันได้ที่นี่เลย >>> https://www.facebook.com/habbiezz

Thank You  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

KATIEZZ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2013 16:29:21 โดย katiezz »

ออฟไลน์ BBlabong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เศร้าเลย ๆ รอติดตามจ้า


ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาม่ากันเข้าไป  :serius2: :serius2: เข้าใจว่าเด็กแอดสู้ต่อไปละรีบๆมาต่อนะ  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
งงเลย จู่ๆ ป๊อนซ์ก็ไม่ตายแถมจำโจไม่ได้ แล้วไงโจมาเป็นรุ่นน้องได้

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ภาคต่อเศร้าจังเลย ทำไมต้องเป็นโจที่ต้องเสียใจตลอด
แล้วเพื่อน ๆ ไม่มีใครเคยเอ่ยถึงโจให้ป๊อนได้ยินเลยเหรอ

shockoBB

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
อ่านตอนนี้แล้วเศร้าใจมาก แต่พอมาอ่านเรื่องใหม่ เศร้าใจยิ่งกว่า
เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ มันคือการเล่นตลกของใคร คอรบครัว
ของป๊อนกับโจหรือ หรืออะไรทั้นั้น และเค้าลางอุบัติเหตุป๊อนซ์ไม่ได้ตาย
แต่ความจำเสื่อม ทุกคนเลยสร้างเรื่อง แต่ใครสนใจจิตใจโจตอนบอบช้ำนั้นไหม
หากน้องไม่สามารถลืมได้ ยึดติด และเป็นบ้าไปเลย ใครรับผิดชอบวะ เราว่าครอบครัว
บางทีก็ควรเข้าใจอะไรให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เป็นแบบนี้ แล้วมาเสียใจ เมื่อทุกอย่างสายไป
รอต่อ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไม เพื่อนทุกคน หากป๊อนซ์ไม่ตาย ทำไมสามปีไม่ช่วยให้ป๊อนซ์จำโจได้ละ
เห่อ งงเกินไปแล้ว สงสารน้องโจมากๆทังสองเรื่อง เกือบเป็นบ้า เสียใจ :mew2: :hao5: :mew6: :o12:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2013 18:21:16 โดย hotladyanyavee »

ออฟไลน์ Minerva

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
อยากร้องไห้แทน สนุกมากๆเลย
มีอุปสรรคเข้ามาไม่เว้นวัน สงสารโจมาก
ครอบครัวไม่ฟังอะไรเลย หมั่นใส้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ที่พอมารร.โดยไม่ถามความเห็น
แล้วนี่ยังไม่เปิดใจรับฟังความเห็นของลูกนี่เหรอครอบครัวที่อบอุ่น
จนสุดท้ายก็ทำให้น้องเสียใจจนเป็นบ้าอยู่แล้ว (เอ๋ แรงไปเปล่า)

โอ้ ภาคใหม่เกิดอะไรขึ้นโจสมองกระทบกระเทือน? หรือว่าย้อนอดีต
ไม่รู้ว่าอะไร แต่จะติดตามค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด