Magica Café
Magic (4)
หลังเลิกเรียน การ์ฟตรงดิ่งมาที่ห้องของบิว คนรักของน้าชายอย่างเทสต์เพื่อเอาเรื่องน้าชายที่พูดเล่นจนเป็นเรื่อง แต่เอาเข้าจริงความผิดมันก็อยู่ที่เขาเองต่างหากที่ทำแบบนั้นลงไป ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าชั่วขณะหนึ่งเขาก็เกิดอยากทำมันขึ้นมา มันต้องเป็นมนต์ดำของอาตี๋นั่นแน่ การ์ฟก็ได้แต่โทษคนอื่นไปเรื่อย
หน้าห้องของบิว เทสต์มาเปิดประตูเมื่อมีคนมากดกริ่ง เพียงบานประตูเปิดออกเจ้าหลานชายตัวดีก็เดินดุ่มเข้ามาในห้องก่อนหันมาโวยใส่เขาเสียเต็มที่ ราวกับมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“น้ารู้ไหมว่าทำอะไรลงไปน่ะหา! ทำให้ผมเลิกกับแฟนคนก่อนยังไม่พอใช่ไหม ต้องให้ผมผิดหวังในความรักไปอีกเท่าไหร่น้าถึงจะพอใจ!!”
ด้วยความโมโหทำให้การ์ฟโยงเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ เขายังแค้นใจไม่หายที่เทสต์ทำให้เขาและคนรักเก่าเลิกกันไป เพราะคำทำนายสั่วๆของคนอย่างเทสต์
“ใจเย็นไอ้หนู เรื่องแฟนเก่าคนนั้นน่ะน้าขอโทษแล้วกันถ้าการ์ฟบอกว่ามันเป็นความผิดของน้า”
“น้าผิดอยู่แล้วล่ะเทสต์ มันเป็นเพราะน้าเขาถึงได้เลิกกับผม!”
“โอเค ถ้าเราจะเชื่อแบบนั้นแล้วสบายใจก็ตามใจ”
เทสต์ยกมือยอมแพ้ อารมณ์นี้น้ำกำลังเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางจะดีกว่า เรื่องคนรักเก่าของหลานชายเขาก็ยอมรับว่ามีส่วนทำให้ทั้งคู่เลิกกัน เธอเป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างเชื่อเรื่องดวง แต่ไม่ได้ถึงขั้นงมงายอะไร เธอเคยให้เขาดูดวงให้ ก็ดูกันแบบเล่นๆไม่ได้จริงจังอะไร แต่หลังจากนั้นเธอกลับนำมันมาเป็นเหตุผลในการเลิกกับการ์ฟ เพราะคำทำนายของเขาที่บอกว่าเธอและการ์ฟไม่ใช่เนื้อคู่นั้นทำให้เธอไม่สบายใจ และมันทำให้ไปกันไม่รอด ทั้งที่แท้จริงแล้วเธอมีคนใหม่ ความผิดมันเลยตกมาอยู่ที่เขาเมื่อการ์ฟคิดว่าเขาคือตัวต้นเหตุและฝังใจกับมันมาจนถึงวันนี้
“แต่ว่านะการ์ฟ ตอนนี้ที่สำคัญกว่าเรื่องเก่าเก็บพวกนั้นคือเรื่องน้องตี๋นั่นไม่ใช่เหรอ เราเล่นไปจูบเขาแบบนั้นแล้วจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้?”
พอน้าชายเอ่ยถามมาแบบนั้นการ์ฟถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาเกือบจะทำเป็นลืมๆมันไปได้แล้วเชียว
“ไม่รู้เว้ย!!”
หลานชายกระแทกเสียงก่อนเดินย่ำตึงๆหนีเข้าข้างในแล้วไปนั่งเล่นเกมส์ของบิวหน้าตาเฉย เทสต์ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้บิวที่เดินออกมาหาตนเอง บิวเหลียวไปมองการ์ฟที่เล่นเกมส์ไม่สนใจใครก่อนหันมาเอ่ยถามเทสต์
“แกล้งอะไรหลานอีกล่ะมึงน่ะ?”
“กูเปล่า”
เทสต์รีบปฏิเสธทันทีที่อีกฝ่ายถาม บิวมองด้วยหางตา แสดงออกให้เห็นว่า กู-ไม่-เชื่อ!
“ก็เปล่าจริงๆ คราวนี้หลานมันทำของมันเองน่ะเว้ย~”
“ส่วนมึงเป็นคนเสี้ยม” บิวตอกกลับหน้าตาย
“โห่ พูดซะเสีย ช่างการ์ฟมันเถอะน่า เดี๋ยวมันก็ดีเองแหละ” เทสต์บอกปัดก่อนยักคิ้วกวน
“ไร้ความรับผิดชอบมากเลยมึง” บิวทำหน้าหน่ายใจกับนิสัยของคนรัก
“กูรับผิดชอบมึงแค่คนเดียวก็พอแล้ว”
เทสต์หยอดหวาน แต่บิวกลับจิกตาใส่ด้วยความรักและเอ็นดู ก่อนเดินเข้าไปหาการ์ฟที่เล่นเกมส์อย่างเมามันเหมือนไม่เคยเล่นมาสักสามชาติเศษ เทสต์เลยเดินตามกันมาต้อยๆ การ์ฟละความสนใจจากหน้าจอเกมส์มามองน้าชายกับแฟนแล้วบอกกับตัวเองว่าจะไม่เป็นแบบน้าแน่ๆ อะไรจะหงอปานนั้น~
+++++++++++++++
แม้จะผ่านวันเกิดเรื่องมาแล้วแต่การ์ฟก็ยังหมกมุ่น ไม่รู้จะแก้ปัญหาที่ตนเองก่อเอาไว้อย่างไร หากอาตี๋เอาเรื่องนี้ไปบอกมิมิวเขาจะทำอย่างไรดี เมื่อได้เจออาตี๋ที่โรงเรียน การ์ฟจะเข้าไปพูดด้วยหลายทีแต่ฝ่ายนั้นกลับหลบหน้า มันจงใจจนดูน่าโมโห
คนใกล้ตัวอย่างมิมิว เมื่อเห็นการ์ฟดูเหม่อๆเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาแต่กลับไม่ยอมบอกเธอ ยิ่งเกิดความสงสัย การ์ฟเองพยายามทำตัวให้ปรกติที่สุด แต่มันก็ยังมีเรื่องติดค้างในใจที่ไม่ได้สะสางให้จบสิ้น มองหน้ามิมิวก็รู้สึกไม่สนิทใจ อยากตบหัวตัวเองแรงๆสักหลายๆทีให้สมกับที่โง่ทำอะไรอาตี๋ลงไปโดยไม่ยั้งคิด เพื่อนแฟนนะเว้ยการ์ฟ เฮ้อออ
+++++++++++++++
ในที่สุดการ์ฟก็ทนความคาราคาซังที่เกิดกับตนเองไม่ไหว ในวันหยุดเขาจึงได้มาหาอาร์ดิวถึงที่ร้านMagica Café พยายามอย่างยิ่งที่จะใจเย็น เพื่อที่จะได้คุยกับอาร์ดิวให้จบเรื่อง ไม่หาเรื่องอีกฝ่ายให้เสียการก่อน อาร์ดิวมองคนที่เดินมาหยุดตรงหน้าเคาน์เตอร์อย่างแปลกใจ ก่อนจะงงหนักกว่าเดิมเมื่อการ์ฟขอคุยด้วย อาตี๋เรียกชีวามาฝากงานส่วนของตนเองชั่วคราว เพื่อที่จะไปคุยกันกับการ์ฟด้านใน ชีวามองเขม่นการ์ฟ แต่คนถูกเขม่นเพียงปรายตามาให้ทีเดียว ชีวากัดฟันกรอดกับท่าทางหยิ่งๆนั่น ไอ้... ฮึ้ย ไม่อยากจะด่า!!
เมื่อเข้ามาด้านในแล้วสองหนุ่มก็ยืนห่างกันเป็นวา ต่างก็มีท่าทีประดักประเดิดเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามันมารบกวนจิตใจ ก่อนที่การ์ฟจะเอ่ยขึ้นมาโดยไม่มองหน้าคนที่ตนเองพูดด้วย มองผนังสงสัยจะพูดกับจิ้งจก
“เรื่องวันนั้นน่ะ ลืมมันไปเถอะนะตี๋”
อาร์ดิวหันขวับมามองคนพูด ซึ่งการ์ฟเองก็หันมาพอดี สีหน้าของอาตี๋ดูจะไม่พอใจกับคำพูดของเขานัก
“ถ้าคุณไม่พูดขึ้นมาผมคงลืมมันไปแล้ว” อาร์ดิวว่า เสียงติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย
“ความผิดฉันหรือไง?” การ์ฟเอ่ยถาม ไม่ยอมรับความผิดของตนเอง
“ใช่สิ” อาร์ดิวตอบกลับ น้ำเสียงขุ่นเขียวยิ่งกว่าเดิม พูดจาไม่ถูกหูเลยจริงๆนายคนนี้
“....ขอโทษ ลืมมันไปเถอะ”
การ์ฟนิ่งไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยบอก อาร์ดิวอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้ทำ การ์ฟพูดง่ายดี แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อยเขาก็ลืมแล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าจำสักหน่อย
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วจึงถือว่าเรื่องที่ค้างคาในใจก็คงจบลงได้สักที การ์ฟเดินนำอาร์ดิวออกไปด้านหน้าร้าน ก่อนจะหยุดชะงักอยู่ตรงทางออก อาร์ดิวที่เดินตามมามองงงๆ
“เป็นอะไร?” อาตี๋เอ่ยถามเมื่อคนด้านหน้าไม่ขยับ
“คนนั้นใคร?”
คำถามนั้นทำให้อาร์ดิวต้องก้าวเข้ามาใกล้การ์ฟอีกนิดแล้วชะเง้อมองออกไปด้านนอก
“ผมจะรู้ไหมล่ะ?”
คำตอบนั้นทำให้การ์ฟเดินดุ่มเข้าไปหาจุดที่หมายตา อาร์ดิวตกใจกับท่าทางพร้อมจะมีเรื่องของการ์ฟ เด็กหนุ่มรีบตะโกนบอกชีวา
“ชีวา จับการ์ฟไว้!!”
ชีวาหันมาตามเสียงก็เห็นการ์ฟผ่านหน้าไปแล้ว ตัวสูงๆนั้นรีบถลาออกจากหลังเคาน์เตอร์มาจับแขนการ์ฟไขว้หลังทั้งสองข้าง เด็กสาวแสนคุ้นหน้าสำหรับการ์ฟมองมาอย่างตกใจ จะไม่ตกใจได้อย่างไรในเมื่อคนๆนั้นคือมิมิว แฟนสาวของเขาเอง
และที่ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่ได้มาทานอาหารที่ร้านเมจิคกะเพียงคนเดียวเสียด้วย ถึงได้ทำให้เธอตกใจขนาดนี้ ผู้ร่วมโต๊ะของเธอค่อยลุกขึ้นแล้วหันมาทางการ์ฟช้าๆ ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นคนๆนั้นถนัดตา
“ไอ้เชน??”
เด็กหนุ่มผู้ร่วมโต๊ะอาหารของมิมิว ผู้ที่การ์ฟเอ่ยเรียกว่า เชน มองมาที่การ์ฟด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ก่อนจะพ่นวาจาก่อกวนให้ขุ่นมัว
“อ้าว? มาทำอะไรที่นี่วะ เอาะ อ๋ออออ ร้านอาหารก็มาทานอาหารสิเนอะ”
รอยยิ้มเยาะของเชนทำให้การ์ฟกำหมัดแน่น รู้สึกแค้นใจจนจะกระอัก ดวงตาเรียวที่มีแววโกรธกรุ่นเบนมาทางมิมิวที่ยืนหน้าซีดอยู่ไม่ไกลก่อนเอ่ยถามลอดไรฟัน
“มิว นี่มันหมายความว่าไง ห๊ะ!!?”
ท้ายประโยคการ์ฟตวาดเสียงดังจนมิมิวสะดุ้ง อาร์ดิวที่เข้าไปขอโทษลูกค้าที่มาทานอาหารอยู่ใกล้ๆหันมามองตามเสียง ได้แต่ร้องห้ามในใจว่าอย่าก่อเรื่องอีกเลยได้ไหม!
“เฮ้ย ใจเย็นก่อนดิวะ ค่อยคุยกันก็ได้” ชีวาเอ่ยปราม
“มึงยุ่ง’ไรด้วย!”
“อ้าวไอ้เหี้ย มึงกำลังจะมีเรื่องในร้านพวกกู แล้วมาพูดงี้เหรอวะสาด!!”
ชีวาที่ล็อคแขนการ์ฟอยู่เอ่ยเตือนสติ เพราะสงสารเพื่อนอย่างมิมิวที่หน้าซีดแล้วซีดอีก แต่การ์ฟกลับตอบกลับด้วยอารมณ์ทำให้เขาก็ชักไม่อยากทนเหมือนกัน ก่อนที่จะมีเรื่องซ้ำเรื่องซ้อนไปมากกว่านี้ อาร์ดิวที่ขอโทษลูกค้าทุกคนแล้วจึงเดินเข้ามาหย่าศึก มองหน้าทุกคนที่อยู่ร่วมในสถานการณ์ ไม่คิดเข้าข้างใครทั้งนั้น ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเอ่ยกับทุกคนเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พวกคุณคงรู้นะครับ ว่าควรจะทำยังไง?”
ดวงตาเรียวรีนั้นมองมาอย่างต้องการคำตอบ การ์ฟสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของชีวา มองกราดทุกคนในที่นี้ก่อนเดินออกจากร้านไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“การ์ฟ การ์ฟคะ!”
มิมิวร้องเรียกคนรัก เธอจะก้าวตามเขาไปแต่กลับถูกรั้งแขนเอาไว้ เด็กสาวมองมือที่จับแขนของตนเองอยู่ ก่อนค่อยมองหน้าคนจับด้วยแววตาผิดหวัง เด็กสาวปลดมือนั้นออกแล้ววิ่งตามการ์ฟไป เชนสบถเมื่อมันไม่เป็นไปดั่งใจ จะตามมิมิวไปแต่ชีวากลับกระชากตัวไว้ กับหมอนี่สมควรแก่การกระชากแล้วล่ะ
“จ่ายค่าอาหารก่อนไหม?”
เชนกัดฟันกรอดกับท่าทางการทวงค่าอาหารของชีวา เด็กหนุ่มควักแบงค์พันมาจ่าย ตบใส่อกชีวาก่อนมองหน้าแล้วบอก
“ไม่ ต้อง ทอน!”
ชีวากำเงินที่อีกฝ่ายให้มา มองตามหลังเชนด้วยความไม่พอใจ สถานการณ์ทุกอย่างดูจะสงบลงแล้ว แต่ลูกค้ากลับลุกออกไปหลายโต๊ะ อาร์ดิวหันมามองหน้าปอมปอมที่ถูกกันให้อยู่นอกวง น้องชายของเขาดูจ๋อยลงไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่สองพี่น้องช่วยกันดูแลร้านตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่แล้วมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไม่รู้จะรับมือกับมันอย่างไร
เมื่อลูกค้าโต๊ะสุดท้ายออกจากร้านไป อาร์ดิวจึงตัดสินใจปิดร้าน เด็กหนุ่มกับน้องชายและพนักงานในร้านเอ่ยขอบคุณลูกค้า ก่อนจะเปลี่ยนป้ายหน้าร้านจากเปิดเป็นปิดแล้วช่วยกันเก็บร้าน คุณน้าจันทราที่ต้องเข้ามาเวลาบ่ายของทุกวันหยุดเห็นป้ายหน้าร้านเปลี่ยนเป็นปิดแต่หัววันแบบนี้จึงได้เรียกหลานชายทั้งสองมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กๆบอกว่ามีเรื่องนิดหน่อยทำให้ลูกค้าทยอยออกจากร้าน ทั้งสองคนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะต่างก็รู้สึกไม่ดีที่มันเป็นเช่นนั้นจึงตกลงใจว่าจะปิดร้านเร็วขึ้นในวันนี้
“ปัญหามันเกิดขึ้นได้ตลอดนั่นล่ะ อยู่ที่ว่าเราจะรับมือกับมันยังไง” คุณน้าสอนสั่ง
“พวกเราคงเด็กไปถึงได้รับมือกับมันไม่ไหว”
ปอมปอมบอกเสียงอ่อย สีหน้ายังจ๋อยสนิท อาร์ดิวโยกหัวน้องเบาๆเป็นการปลอบใจกัน
“ค่อยๆฝึกไปก็ได้ลูก ตอนนี้เรารู้แล้วว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน ต่อไปเราก็จะได้หาทางจัดการกับมันถูก ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลาให้เราสองคนเรียนรู้อีกเยอะเลย”
คุณน้ายิ้มบอกอย่างใจดี สองพี่น้องขอบคุณท่านก่อนเข้ามากอดเอวคนละข้าง น้าจันทรากอดตอบหลานทั้งสองคน โยกตัวไปมาแล้วพากันหัวเราะ ถึงทั้งสองคนพี่น้องจะบอกว่าตัวเองยังเด็กไปถึงจัดการกับปัญหาที่เกิดไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆคุณน้าก็ได้เห็นแล้วว่าหลานชายมีสติพอ ไม่แตกตื่นไปกับสถานการณ์จนมันบานปลายใหญ่โต ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
เมื่อช่วยกันเก็บร้านเสร็จ สามหนุ่มก็พากันกลับบ้านดังเช่นทุกวัน แต่วันนี้กลับเร็วกว่าทุกวันเท่านั้นเอง เมื่อรถแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้านสองพี่น้องปอปลาทั้งหมดจึงลงจากรถ ก่อนที่จะเข้าบ้านใครบ้านมันชีวาก็พูดถึงการ์ฟขึ้นมาว่าเป็นเพราะการ์ฟมาที่ร้านถึงได้เกิดเรื่อง ปล่อยให้ชีวาบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปอย่างนั้น เพราะพอบ่นเสร็จชีวาก็เข้าบ้านไป ขณะที่สองพี่น้องก็เข้าบ้านของตนเองบ้างเหมือนกัน
“คนที่มากับพี่มิมิวเป็นใครอ่ะดิว?” ปอมปอมเอ่ยถามพี่ชายที่เดินอยู่ข้างกัน
“ไม่รู้สิ ไม่รู้...”
อาร์ดิวเอ่ยตอบเสียงเบา ก่อนดันหลังน้องให้เดินเข้าบ้านเร็วๆเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เห็นหน้าการ์ฟตอนนั้นแล้วเขารู้สึกเจ็บแทน มันคงเป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ แต่อาร์ดิวก็เชื่อว่ามิมิวเพื่อนของตนเองไม่ใช่คนประเภทคบใครหลายคนพร้อมกัน มันต้องมีอะไรบางอย่างที่เข้าใจผิดกันแน่
++++++++++++++++
กริ๊งงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงง
เสียงกริ่งหน้าบ้านพี่น้องปอปลาดังจนน่าหนวกหู เวลาพลบค่ำแบบนี้ยังมีใครที่ไหนมากดกริ่งอีกไม่รู้ ปอมปอมวิ่งปิดหูมาหาพี่ชายที่ห้อง ก่อนบอกให้พี่ไปเปิดเพราะเขาไม่กล้าไปคนเดียว อาร์ดิวพาน้องลงมาชั้นล่าง เห็นแม่บ้านยืนรีๆรอๆอยู่ ดูท่าคงกลัวเหมือนปอมปอมแน่ แค่เสียงกริ่งดังติดกันแบบกระหน่ำไม่กลัวบ้านเขาจะเปลืองไฟแค่นี้เอง กลัวไปได้
เด็กหนุ่มเดินมาหน้าบ้านโดยมีลูกลิงเกาะหลังมาด้วย ถึงปอมปอมจะกลัวคนที่มากดกริ่งแต่ก็เป็นห่วงพี่ชายอยู่นะ พอมาถึงประตูรั้วสองพี่น้องก็หันมามองหน้ากันเองงงๆ เมื่อคนกดคือมิมิว เพื่อนของอาร์ดิวเอง พอเปิดประตูให้เท่านั้นมิมิวก็โผเข้ามากอด ชีวาที่อยู่บ้านข้างๆเดินเข้ามาหาเพราะเสียงกริ่งบ้านสองพี่น้องดังรัว เห็นอาร์ดิวลูบหลังปลอบมิมิวอยู่ก็เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม อาร์ดิวส่ายหน้าว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ชีวาจึงปล่อยให้เพื่อนปลอบมิมิวไป ส่วนตนเองเลี่ยงไปช่วยปอมปอมกับแม่บ้านเข็นประตูรั้วเปิดให้รถของบ้านมิมิวเข้ามาจอดด้านใน
อาร์ดิวพาเพื่อนเข้าไปนั่งคุยกันในบ้าน วานแม่บ้านเอาน้ำกับของทานเล่นไปให้คนขับรถของมิมิวด้วย ให้มิมิวไปล้างหน้าล้างตาก่อนที่จะมาคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ปอมปอมแยกไปนั่งดูทีวี อยากรู้เรื่องด้วยเหมือนกันว่ามีอะไรเกิดขึ้น ชีวากลับบ้านตัวเองไปแล้วเพราะท่าทางมิมิวมีเรื่องอยากคุยกับอาร์ดิวมากกว่าเขา จึงไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
มิมิวขอให้อาร์ดิวช่วยดูให้หน่อยว่าตนเองกับการ์ฟยังรักกันดี และจะได้อยู่ด้วยกันต่อไปหรือไม่ เมื่อได้ฟังที่เพื่อนร้องขออาร์ดิวก็ชักลำบากใจเพราะไม่กล้าดู กลัวจะเห็นอะไรที่ไม่ควรอีก กับบางคนเขาเห็นได้ง่ายๆแม้ไม่อยากเห็น แต่บางคนก็ต้องเพ่งดูถึงจะเห็นได้ เขาไม่ใช่พวกทรงเจ้าเข้าผี ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์พิสดารอะไรขนาดนั้น ยังควบคุมความพิเศษที่ตนเองมีไม่ค่อยจะได้ จึงได้แต่ปลอบเพื่อนไป
“เพราะมิวกับการ์ฟจะเลิกกันจริงๆใช่ไหม อาร์ดิวถึงไม่ยอมดูให้อ่ะ” มิมิวต่อว่าเมื่ออาร์ดิวไม่ยอมดูให้เธอ
“ไม่ใช่อย่างนั้น เราแค่ไม่อยากให้มิวงมงายจนเกินไป ถ้ามิวกับนายการ์ฟรักกันก็ต้องได้อยู่ด้วยกันต่อไปอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มเอ่ยแก้ความเข้าใจผิด
“แต่ว่า... แต่ว่าการ์ฟเขากำลังมีคนอื่นอ่ะ” พอพูดแบบนั้นแล้วมิมิวก็ทำท่าจะปล่อยโฮอีก
“หา? เขา... เขาบอกมิวแบบนั้นเหรอ?”
อาร์ดิวเอ่ยถามเสียงเบา มิมิวส่ายหน้าหวือทำให้อาร์ดิวถึงกับงง
“อ้าว แล้ว…?”
“เขาแปลกๆไปอ่ะ มิวก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เหมือนเขามีเรื่องอะไรในใจแต่ไม่บอกมิว บางทีเขาอาจจะกำลังคิดหาทางบอกเลิกมิวก็ได้อ่ะ”
ยิ่งพูดมิมิวก็ยิ่งคิดไปไกล เธอกำลังหวั่นใจ รู้สึกอ่อนไหวไปกับทุกการกระทำของการ์ฟ ยิ่งมีเรื่องของ เชน คู่อริของการ์ฟเข้ามาเกี่ยวด้วยเธอก็ยิ่งกลัวว่าการ์ฟจะเอามันมาเป็นเหตุผลในการเลิกกัน
“ไปกันใหญ่แล้วมิมิว เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย ตีตนไปก่อนไข้นะแบบนี้”
“แต่ลางสังหรณ์ของผู้หญิงมันแม่นนะอาร์ดิว” เด็กสาวยังแย้งเพื่อนอีก
“คิดมาก” อาร์ดิวว่า
“ถ้าไม่อยากให้มิวคิดมาก ดูให้มิวหน่อยสิ นะ”
“ไม่เอา เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วนะมิว... แล้วเรื่องนายคนนั้นล่ะ ที่มากับมิวเมื่อกลางวัน”
อาร์ดิวดุเพื่อนที่ยังไม่ยอมเลิกล้มความคิดจะให้เขาดูเรื่องในอนาคตผ่านนิมิตของเขาให้ ก่อนเปลี่ยนไปถามเรื่องผู้ชายที่มาทานข้าวที่ร้านเมจิคกะจนเกิดเรื่อง
“เขาเป็นที่ปรึกษาที่ดี มิวคิดแบบนั้น แต่ที่จริงแล้วเขาเป็นคู่อริของการ์ฟ เขาเข้ามาตีสนิทมิวเพราะจะทำให้การ์ฟเจ็บ ทำไมมิวต้องเจอพวกเขาด้วย”
มิมิวเล่าให้ฟัง น้ำเสียงเด็กสาวเริ่มเครือเมื่อพูดถึงคนในหัวข้อสนทนานั้น ตอนแรกที่เชนเข้าหาเธอ เธอก็นึกไปว่าเขาคือเพื่อนของการ์ฟ เพราะเชนดูจะรู้เรื่องการ์ฟเป็นอย่างดี เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจเธอจึงได้เอามันไปปรึกษาเชนบ้าง เขาก็ปลอบใจเธอเป็นอย่างดี ไม่คิดว่าที่จริงแล้วเชนไม่ใช่เพื่อนการ์ฟ แต่เป็นศัตรูของการ์ฟ และที่เข้ามาตีสนิทด้วยไม่ใช่เพราะอยากเป็นเพื่อนกับเธอ แต่เพราะกำลังใช้เธอเป็นเครื่องมือทำร้ายการ์ฟต่างหาก พอรู้แบบนี้แล้วเธอเสียใจ เสียความรู้สึก ทุกๆความรู้สึกดีๆที่ให้เชนไปมันหมดลงเพราะเขาหลอกเธอ ได้แต่โทษตัวเองที่หัวอ่อนจนโดนเขาหลอกใช้ได้ แย่จังมิมิว
เด็กสาวอยู่คุยกับอาร์ดิวจนรู้สึกสบายใจขึ้นถึงได้ยอมกลับบ้านตนเองไป อาร์ดิวออกไปยืนส่งเพื่อนที่หน้าบ้านพร้อมกะปอมน้อย เด็กหนุ่มถอนใจเมื่อรถของมิมิวเคลื่อนห่างไปแล้ว เรื่องมันชักจะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว ถ้ามิมิวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับการ์ฟ เพื่อนของเขาต้องเสียใจมากแน่ๆ ทำอย่างไรดีนะอาร์ดิว
ปอมปอมมองพี่ชายที่มีท่าทีกังวลใจให้เห็นแล้วก็พลอยไม่สบายใจตามไปด้วย อาร์ดิวยังดูง่ายเหมือนเดิม รู้สึกอย่างไรก็ออกทางสีหน้าหมด ปอมปอมอยากจะหาทางช่วยแต่เพราะไม่รู้ว่าปัญหาระหว่างคนสามคน หรือ สี่คนนี้มันอยู่ที่ตรงไหน เด็กอย่างเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่หรอก แบบนี้คงต้องพึ่งกูรูอย่างป๋าวาแล้วล่ะมั้งนะปอมว่า
++++++++++++++
“ป๋า ป๋ามารับปอมหน่อย~”
เสียงแง๊วๆของลูกลิงชอบปีนป่ายดังมาทำให้ชีวาต้องวางมือจากการบ้านที่ทำอยู่แล้วลุกไปเปิดประตูรับลูกลิงข้ามมาฝั่งห้องของตนเอง พออุ้มตัวผอมบางข้ามมาแล้วก็อดบ่นไม่ได้
“ทำไมไม่เข้ามาทางหน้าบ้าน?”
“ปอมขี้เกียจเดิน” ลูกลิงตอบหน้าตาเฉย
“แล้วปีนมาแบบนี้ถ้าตกลงไป…”
“คอหักตายทำไง?”
ชีวามองหน้าเด็กน้อยที่ลอยหน้าพูดอย่างไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
“ก็รู้ แล้วยังต้องให้พี่พูดทุกวัน”
คนเป็นพี่บ่น ปอมปอมย่นจมูกไม่สนใจ ก่อนชะเง้อชะแง้แลดูในห้องพี่
“ป๋าอยู่กับใครอ่ะ?”
“คนเดียว”
“จริงเหรอ?” ทำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อเท่าไหร่
“เออ อะไรของเราเนี่ย?” ชีวาเขม้นมองอย่างจับผิด
“ก็เปล่า นึกว่าอยู่กับ...
ใคร ...เสียอีก”
หนุ่มน้อยเอ่ยตอบเสียงอุบๆอิบๆ ชีวายิ้มมุมปากกับท่าทางนั้นก่อนว่า
“ก็อยากอยู่นะ แต่เดี๋ยวมีลูกลิงมาแอบดูอีก”
“งั้นปอมจะมาทุกวันเลยป๋าจะได้อยู่คนเดียวทุกวัน”
หนุ่มน้อยแลบลิ้นให้พี่ ก่อนเดินเข้าห้องไปโดยไม่รอเจ้าของห้องสักนิด ชีวาส่ายหน้ายิ้มๆก่อนเดินตามน้องเข้าไปด้านใน
“คราวหน้าถ้าเราปีนข้ามมาอีกพี่จะตัดขาเราโยนให้หมากิน จะได้เลิกปีนสักที”
“โหดร้ายอ่า~”
ปอมปอมหันมาต่อว่าพี่เสียงเง้างอด ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งบนเตียงเสร็จสรรพ
“เลิกเล่นๆ ปอมมีเรื่องอยากปรึกษาอ่ะ”
“อะไร ไปแอบชอบใครที่โรงเรียนหรือไง?” ชีวานั่งลงข้างๆน้อง เท้าแขนไปด้านหลังในท่าสบาย
“ใช่ที่ไหนเล่า! ไม่หน่อมแน้มปานนั้นหรอกน่า”
ปอมปอมทำปากยื่น ชีวาหมั่นไส้จะหยิกปากน้องเลยโดนน้องตีมือ ก่อนสายตาเขียวปั๊ดจะตวัดมามอง เด็กหนุ่มหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีก่อนเอ่ยถามเข้าเรื่อง
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ?”
“เรื่องดิวกับพี่คนนั้นอ่ะ”
“ใคร?” คิ้วเด็กหนุ่มขมวดเมื่อปอมปอมเอ่ยถึงชื่ออาร์ดิวกับใครบางคน
“พี่การ์ฟ” หนุ่มน้อยเฉลย
“มันทำอะไรอาร์ดิว!”
น้ำเสียงห้วนจัดกับท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนนั้นทำให้ปอมปอมเงียบ ถ้าจะตะคอกแบบนี้ด่าเขาเลยดีไหม?
“ป๋าทำไมต้องทำหน้าโหด?”
“ก็มันมายุ่งอะไรกับอาร์ดิวล่ะ?”
ชีวาที่ยังไม่รู้ตัวว่าท่าทางน้องเปลี่ยนไปก็ยังคงใส่อารมณ์กับเรื่องที่พูดอยู่ จนกระทั่งน้องพูดขึ้นมา
“ถามจริง…”
“อะไร?”
“ป๋าชอบดิวใช่ไหม?”
“เฮ้ย!!”
สีหน้าคนถามดูจริงจังมาก ยิ่งประโยคคำถามยิ่งน่าตกใจ ชีวาร้องเฮ้ยแล้วอึ้งไปชั่วขณะ ไม่ได้ตอบกลับน้องในทันที ท่าทางก็ดูอึกอักมีพิรุธให้เห็น ปอมปอมถอนใจยาวก่อนลุกขึ้นแล้วเดินไปทางประตูบานเลื่อนตรงระเบียงห้อง
“อ้าว ไหนว่ามีเรื่องจะปรึกษาไง?”
ชีวารีบท้วงเมื่อตั้งสติได้ เห็นน้องเดินไปที่ประตูจึงลุกตาม ปอมปอมหยุดอยู่หน้าประตูก่อนหันมายิ้มแล้วตอบพี่
“ช่างมันเถอะ ถือว่าปอมไม่ได้พูดนะ กลับละ”
น้ำเสียงแปลกๆของน้องทำให้ชีวาคว้าดึงแขนเรียวเล็กเอาไว้ก่อนที่น้องจะทันได้ก้าวไปไหน
“เดี๋ยว!! เป็นอะไร?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเสียงเครียด
“เป็นลิงไง จะปีนกลับไปอยู่เนี่ย”
“ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องกลับ”
ชีวาบอกเสียงเข้มเมื่อคนเป็นน้องตอบกลับแล้วหัวเราะแห้งๆ แถมไม่หันมามองเขาแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกแปลกๆกับท่าทีของน้อง มือยังจับแขนเรียวเล็กไว้มั่น ปอมปอมหันมาหาพี่ เงยหน้ามองสบตา ดวงตาเรียวมีแววหวั่นไหวปรากฏให้เห็น ก่อนริมฝีปากจิ้มลิ้มนั่นจะขยับพูด
“ป๋า ปอมน่ะ... ปอมน่ะนะ…”
“ฟังอยู่”
ปอมปอมทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา ดูลังเลใจแล้วก้มหน้าเงียบไปจนชีวาต้องกระตุ้นให้พูด ปอมปอมกัดปาก เป็นนิสัยเมื่อเกิดอาการไม่มั่นใจ หนุ่มน้อยเงยขึ้นมามองพี่อีกครั้งแล้วจึงบอก
“ปอมง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ”
เพราะมัวแต่ลุ้นว่าน้องจะบอกอะไรทำให้ชีวาคลายมือที่จับแขนน้อง ปอมปอมเลยสะบัดแขนให้หลุดแล้ววิ่งปรู๊ดออกมาทางประตูหน้าห้องของชีวาแทน
“อ้าว? อะไรของมันเนี่ย?”
เด็กหนุ่มอุทานงงๆ ก่อนหมุนตัวเดินไปที่ระเบียงอีกที ชะโงกลงไปมองข้างล่างเพื่อดูว่าน้องออกจากบ้านไปหรือยัง เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆนั้นเดินกึ่งวิ่งออกจากบ้านเขาไปริมฝีปากก็เปิดยิ้มขึ้นมาอัตโนมัติ ชีวามองตามก่อนจะขมวดคิ้วเมื่ออยู่ๆน้องก็หยุดเดินก่อนถึงประตูบ้านของน้อง ดูท่าทางแล้วเหมือนจะร้องไห้... ร้องไห้หรือ?
ใจชีวากระตุกทั้งที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าน้องร้องจริงไหม เด็กหนุ่มวิ่งลงไปชั้นล่าง แล้วเลยไปบ้านของสองพี่น้องปอปลา ปอมปอมเข้าบ้านปิดประตูรั้วไปแล้ว ชีวาถลามาจับประตูรั้วเขย่าแล้วเรียกน้องที่กำลังจะเดินเข้าบ้านไป
“ปอมปอม!!”
เสียงเรียกนั้นทำให้ปอมปอมหันกลับมาอย่างตกใจ มือเรียวรีบปาดน้ำตายกใหญ่เพราะกลัวพี่เห็น
“ร้องไห้ทำไม?”
ชีวาเอ่ยถามอย่างร้อนใจ กะปอมน้อยที่ร่าเริงอยู่เสมอ เขาไม่เคยเห็นน้องร้องไห้ มีแต่ทำหน้าเป็นให้เขาหมั่นเขี้ยวอยู่เรื่อยๆ แล้วตอนนี้มันอะไร อยู่ๆน้องก็ร้องไห้แบบนี้เขารู้สึกใจไม่ดี
“เปล่า ปอมง่วง ปอมไปนอนนะ”
ปอมปอมบอกปัดก่อนเดินเข้าบ้าน ชีวามองตามหลังน้องอย่างเป็นกังวล ทำไมถึงร้องไห้ เพราะอะไร ...เพราะเขาหรือ?
TBCอ๊ากก กะปอมร้องแล้วอ่ะ ชีวา นายทำลูกฉันร้องไห้
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า บวกๆ
วันใหม่ค่ะ
ปอลิง มีใครช่วยใหม่ได้บ้างงง ไม่รู้ใหม่ไปกดตรงไหน กำลังลงเรื่องนี้อยู่ดีๆ หน้าจอมันก็ถูกบีบให้เล็กลง เหลือพื้นที่ว่างด้านข้างๆทั้งสองข้างเอาไว้ตั้งเยอะอ่ะ หน้าเว็บเล้ามารวมกันอยู่ตรงกลาง ใหม่จะทำยังไงดี ต้องแก้ตรงไหนอ่ะคะ ช่วยด้วยยย