ร่างอ้วนป้อมเดินจากบ้านไปยังสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้าน ตอนเย็นทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชราต่างพากันมาออกกำลังกาย ตั้งแต่เมษเข้ามหาวิทยาลัยนั่นแหละก็ไม่ได้พาปุ้มปุ้ยมาเดินเล่นเลย น้ำหนักของเขาและเจ้าตูบเลยพุ่งขึ้นสวนทางกับเกรดที่ต่ำลง
เหงื่อชุ่มแผ่นหลังจนน้องเมษรู้สึกหงุดหงิด บางครั้งก็คิดว่า..ควรจะยกเลิกภารกิจนี้เสีย ทว่าเมื่อนึกถึงใบหน้าของพี่เหยี่ยวแล้วน้องเมษก็กัดฟันวิ่งต่อไปจนได้
ใครจะรู้ว่าความหลับใต้รองเท้าคือรูปพี่เหยี่ยวที่เมษแอบเอามากจากเฟซบุ๊ค!
เมษานั่งกินข้าวในโรงอาหารคณะ ช่วงนี้นายเก่งกินเยอะมากส่วนเมษาบอกกับตัวเองจะไม่กินตามนายเก่งอีกแล้ว
“เมษช่วงนี้เป็นอะไรวะไม่กินข้าวเป็นเพื่อนกูเลย”
เก่งตัดพ้อเพื่อน เมื่อก่อนชวนเมษาไปกินร้านไหนก็ไปแถมกินเยอะพอๆกันด้วย แต่เดี๋ยวนี้ดูสิ..นอกจากเจ้าตัวจะผอมลงแล้วยังกินน้อยลงกว่าเดิมด้วย จากที่เคยสองจานตอนนี้เหลือจานเดียวแล้ว ส่วนนายเก่งดูจะเพิ่มปริมาณตามอายุขึ้นเรื่อยๆ
“เปล่านี่”
“เปล่าอะไรวะ”
เมษาจะบอกเพื่อนว่าอย่างไรที่ทำแบบนี้เพราะอยากให้พี่เหยี่ยวสำนึกผิด และคิดเสียดายว่าคนหล่อๆอย่างน้องเมษไม่ควรมาทำเมินใส่แบบนี้
เอาเข้าจริง..เพราะอกหักเลยอยากปรับปรุงตัวเองหรอก..
“ไม่ต้องถามเลย..นายควรจะลดน้ำหนักบ้างนะเก่ง เผื่อมีสาวอื่นมาจีบบ้าง”
“หืม..แบบนี้น้องเมษาของพี่เก่งจะไปจีบใครเหรอ” เก่งพูดติดตลก เรื่องลดน้ำหนักน่ะเคยคิดอยู่ แต่มันนานมาแล้ว เพราะอย่างไรเสีย..เขาก็ยังกินเหมือนเดิม แถมดูจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“บ้า ไม่มีสักหน่อย”
ดวงตากลมใสของเมษาเบิกกว้างเมื่อสายตาหันไปปะทะกับดวงตาดุจเหยี่ยวของใครบางคน นั่นทำให้บทสนทนาระหว่างเพื่อนหยุดลงกะทันหัน
บอกตรงๆนะ..น้องเมษหมดอารมณ์..
“เก่ง เราอยากกลับบ้านแล้ว”
เก่งเบิกตากว้าง เขาบอกป้าราดอาหารมาตั้งสามสี่อย่าง ยังไม่ทันได้หยิบช้อนส้อม เพื่อนตัวดีก็เอ่ยปากอยากกลับบ้านแล้ว แต่เรื่องอะไรเก่งจะยอมทำตามล่ะ หนุ่มตัวอ้วนนั่งติดแหงกไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ไม้ เอาสิ..จะใจร้ายปล่อยให้เขานั่งกินคนเดียวเชียวหรือ
“กูยังไม่ทันแตะเลยนะ!”
“เดี๋ยวไปขอกล่องป้าให้” เมษาลุกขึ้น โชคร้ายที่เจ้าตัวนั่งตรงข้ามกับพี่เหยี่ยว เงยหน้าสบตากันพอดิบพอดีทำเอาคนอย่างน้องเมษทำตัวไม่ถูก ทั้งที่คิดหลายตลบแล้วว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรด้วยซ้ำ
ทว่าบางที..เมษายังคงชอบพี่เหยี่ยวอยู่..
เพื่อนตัวเล็กลุกขึ้น ก่อนจะเดินออกไปนายเก่งก็ดึงแขนไว้ “เฮ่ย! ไม่กินก็ได้ๆ” นายเก่งบอกอย่างอารมณ์เสีย ตอนบ่ายเขาหิวไส้กิ่วแต่อาจารย์ปล่อยช้า เจอเมษาทำอย่างนี้ใส่เขาเลยตัดสินใจกลับไปกินข้าวฝีมือม๊าดีกว่า
น้องเมษบอกขอโทษเก่งซ้ำๆแถมยังเดินมาส่งเจ้าตัวถึงป้ายรถเมล์ ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าพาเพื่อนไปกินที่โรงอาหารอีกแล้ว จริงๆนะ..เมษกลัวสายตาพี่เหยี่ยวมาก ทำไมต้องมองเมษแบบไม่พอใจด้วย
“ขอโทษ ไว้จะเลี้ยงเค้กนะ”
เก่งเมินเพื่อน พอได้ยินคำว่าเลี้ยงเท่านั้นแหละเขาก็แทบพยักหน้าตอบรับไม่ทัน แต่สาบานได้ว่ายังโกรธไอ้เมษาอยู่
เมื่อส่งนายเก่งขึ้นรถเมล์เสร็จ เมษาก็ไม่รีรอเช่นกัน ร่างเล็กกอดกระเป๋าแนบตัวก่อนเดินดุ่มๆเตรียมจะขึ้นรถกลับบ้าน ทว่าร่างสูงใหญ่ที่คอยกันท่าเขาไว้ทำเอาเมษาอ้าปากหวอ
“หวา!..”
พี่เหยี่ยวหรี่ตามองพลางดึงเมษาไปอีกทาง ร่างเล็กกว่าขัดขืนแต่แรงที่มากกว่าก็ทำให้เขาเดินตามอีกคนได้สบายๆ “ปะ..ไปไหนน่ะ ผมจะกลับบ้าน”
เหยี่ยวกระตุกมือน้อง เร่งเร้าให้คนข้างล่างก้าวขาเร็วขึ้น ความโกรธและไม่เข้าใจสุมในอกเขาตั้งแต่ไม่เห็นเมษา เด็กคนนี้ชักแปลกขึ้นทุกวัน ไม่ได้เรียกว่าไม่เห็นหน้ากันแต่เรียกว่า ‘พยายามหลบหน้า’ มากกว่า เวลาถามอาการมันฟ้องว่าเจ้าตัวมีเรื่องปิดบัง
สายตาหลายคู่มองมาอย่างสนอกสนใจ เพื่อนพี่เหยี่ยวก็เหมือนกัน..เห็นเขาแล้วทำไมไม่ช่วยปรามไอ้พี่เหยี่ยวบ้าพลังนี่ล่ะ!
“หุบปาก!” เหยี่ยวตวาดใส่น้องก่อนลากเจ้าตัวขึ้นบันไดไปยังห้องเรียนที่เขากับเพื่อนใช้สิงสู่บ่อยๆ
“ขอยืมห้องแปบ”
เพื่อนพี่เหยี่ยวพยักหน้าพลางทำหน้าปริบๆก่อนก้มลงทำงานที่อยู่ในมือต่อ ราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องแสนธรรมดาสำหรับทุกคนในห้อง ทว่าไม่ใช่กับเด็กเมษาแน่นอน
“พี่ลากคนอื่นมาแบบนี้ไม่ได้นะ คอยดูเถอะผมจะฟ้องทุกคน ประกาศให้โลกรู้ว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก!” เมษาอ้าปากพูดฉอดๆราวกับไม่ได้พูดมานาน เขาสะบัดมือหนีแต่ไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายรั้งเมษมาใกล้จะสัมผัสลมหายใจได้
“เวลาพูดกับคนอื่นพูดยังไง”
“ก็พูดแบบนี้แหละ!” เมษแหวเข้าให้ ทั้งกัดทั้งสะบัดแถมยังดึงตัวเองออกมาแล้ว ยังไม่รอดพ้นฝ่ามือพี่เหยี่ยวเลย
เมษกลับบ้านไปเมษจะไปเล่นกล้าม!..
“ไม่ใช่แบบนี้”
ใบหน้าหล่อคมโน้มใกล้ ริมฝีปากคลอเคลียแก้มเมษไม่ห่างจนเขาขนลุกซู่ “ปล่อยผมนะ” เมษร้องเสียงสั่น ร่างกายต่อต้านโดยอัตโนมัติ แน่นอนล่ะ..เขาไม่เคยเจอแบบนี้นี่นา ถึงไม่ใช่ครั้งแรกแต่ไม่เคยคิดว่าจะมีครั้งที่สองเสียหน่อย
“เอาใหม่”
“ปล่อยเมษนะ!!” ดวงตากลมตวัดมองอีกคนอย่างหงุดหงิดก่อนจะสะบัดมือเร่าๆหนีฝ่ามือแข็งแรง คราวนี้เมษาโกรธจริงๆแล้ว..ความรู้สึกของเขาไม่ใช่ของเล่น แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเมษจะกลายเป็นอากาศ เมื่อเหยี่ยวบีบข้อมือเขาหนักกว่าเดิม
“ลดน้ำหนักเหรอ จะอ่อยผู้ชายที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มหรี่ตามองเด็กตรงหน้า ตอนเข้ามาครั้งแรกเจ้าตัวอวบอ้วนน่าหยิกเหมือนลูกหมู ผิวขาวใส อีกทั้งแก้มกลมน่าหอม ทำเอาเหยี่ยวใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่สเป็คเขาหรอก..เรียกว่าถูกใจมากกว่า
น่าแปลกใจไม่น้อย..ที่ผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างเขามาชอบเด็กอ้วนแบบนี้..
“พูดอะไร..อย่ามาใส่ความคนอื่น!” เมษาแยกเขี้ยวใส่พลางสะบัดตัวหนี ใครจะยอมให้ผู้ชายปากมากคนนี้มาใส่ร้ายง่ายๆล่ะ
“แล้วทำทำไม ชอบใครที่ไหนเหรอ” เหยี่ยวดึงร่างเด็กหนุ่มมาใกล้ เขากักกันเจ้าตัวทุกวิถีทาง พลางโอบรัดเอวเล็กแนบกาย
“สิทธิ์ของเมษ พี่เหยี่ยวไม่เกี่ยว”
“งั้นผมจะทำให้คุณอยู่ในสิทธิ์ของผม”
ร่างเล็กเบิกตากว้างทันทีที่อีกคนยกตัวเขาพาดบ่า นี่มันในคณะนะ..ทำไมกล้าทำอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้
“ปล่อยเมษลงเดี๋ยวนี้นะไอ้พี่เหยี่ยว!” เมษาแหกปากลั่น ทว่าเหยี่ยวกลับฟาดก้นเขาอย่างแรง ทำไมนะ..คนตั้งมากมายไม่ยอมช่วยเมษเลย
“ไอ้เหยี่ยวเบาๆกับน้องหน่อยเดี๋ยวพังหมด”
เมษาเม้มปากพลางถลึงตามองเพื่อนพี่เหยี่ยว “ไม่ช่วยก็หุบปากไปเลย!” ตอนนี้เขาคงกลายเป็นเด็กก้าวร้าวไปแล้วแน่ๆ ก็ดูแต่ละคนสิบางคนนั่งขำ บางคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นี่น้องเมษกำลังจะโดนทำร้ายอยู่แล้วไม่เห็นหรือไง คอยดูเถอะ..เขาจะฟ้องอาจารย์ให้หมด!
มีที่ไหนรุ่นพี่รังแกรุ่นน้อง..
“อืม..ไม่ทำอะไรหรอก แค่สั่งสอนเด็กปากดีเฉยๆ” เหยี่ยวปรายตามองร่างบนบ่าที่ดิ้นเร่าๆ สาบานเถอะ..ถ้าไม่ห่วงเขาจะปล่อยให้เจ้าตัวหล่นลงพื้นซีเมนต์แทนพื้นเตียงเลยล่ะ “กูกลับล่ะ ไว้พรุ่งนี้มาทำต่อ”
“ครับๆขับรถดีๆนะครับไอ้คุณพี่เหยี่ยว”
เหยี่ยวเดินเดินออกทางข้างหลัง ขืนออกไปทั้งที่เมษายังโวยวายแบบนี้คนคงสงสัยเขาตาย
สุดท้ายแล้วน้องเมษก็ถูกจับเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่เหยี่ยวจนได้ ชายหนุ่มยัดร่างเล็กข้างเบาะคนขับก่อนขู่สำทับ “นั่งดีๆนะ อย่าคิดวิ่งออกมา”
น้องเมษเม้มปาก จะให้หนีได้อย่างไรก็เล่นปิดประตูรถใส่หน้าเขาแบบนี้ หนุ่มตัวเล็กได้แต่นั่งนิ่งๆปล่อยให้พี่เหยี่ยวคนเอาแต่ใจขับรถออกไปอย่างอารมณ์ดี
แบบนี้เรียกว่าลักพาตัวหรือเปล่า..
“จะพาเมษไปไหน”
“หาที่เงียบๆคุยกัน”
“ในรถก็เงียบ คุยมาสิ ตอนเย็นเมษมีนัดแล้วด้วย” ร่างเล็กโกหก นัดอะไรนั่นไม่มีหรอกนอกจากจูงเจ้าหมาอ้วนที่บ้านไปวิ่งออกกำลังกาย
ชายหนุ่มเลิกคิ้วพลางมองเด็กที่ ‘เคยอ้วน’ ตรงหน้า ถ้าเมื่อก่อนเขาอาจจะแปลกใจ ทว่าตอนนี้ไม่เลย..ไม่เลยสักนิด “กับใคร”
“ยุ่ง!”
เหยี่ยวหันไปดีดปากคนช่างพูด น้องเมษลูบปากป้อยๆพลางเบ้ปากใส่คนข้างๆ ทว่าเมื่อดวงตาคมดุหันมองมาอย่างตำหนิ เด็กหนุ่มเลยทำได้เพียงนั่งหุบปากฉับ..ขืนพูดอะไรออกไปตอนนี้ เมษาคงโดนทุบหัวแน่
รถยนต์สีขาวแล่นออกจากกรุงเทพไปจนเกือบทุกหัวหิน น้องเมษก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพี่เหยี่ยวต้องขับรถมาไกลขนาดนี้ ร่างเล็กมุ่นคิ้ว จะอ้าปากถามก็ไม่กล้าเมื่อเห็นอีกคนทำหน้าเครียด
น้องเมษไม่น่าชอบคนหน้าดุแบบนี้เลย..
ร่างเล็กของเด็กหนุ่มกระแทกหลังใส่เบาะก่อนเหลือบไปเห็นกระดาษโฟโต้ในซองสีน้ำตาล ความอยากรู้อยากเห็นของน้องเมษทำให้เจ้าตัวรีบหยิบมาดูแก้อารมณ์เสีย
ในซองเป็นภาพของน้องเมษในอิริยาบถต่างๆทั้งตลกทั้งน่าเกลียด ไม่เห็นมีรูปไหนดูดีสักรูป
“ดูอะไร” รถจอดติดไฟแดงอยู่ เหยี่ยวหันมองคนข้างๆที่กำลังมองรูปตัวเองไปขมวดคิ้วไป
“รูปเมษ..พี่เหยี่ยวเอารูปของเมษมาทำคุณไสยเหรอ”
ดวงตากลมใสแจ๋วหันมองด้วยความสงสัยทำเอาเหยี่ยวถอนหายใจทันที เจ้าเด็กบ้านี่โง่หรือซื่อบื้อกันแน่ ชายหนุ่มมุ่นคิ้วพลางมองเมษาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ถ้ารู้สึกนิดคงไม่ถามแบบนี้..
“เปล่า” เขาตอบสั้นๆ ไม่มีอะไรเพิ่มเติมไปกว่านั้น
ทว่าเด็กคิดมากยังนั่งพิจารณาเรื่องที่ผ่านมา พี่เหยี่ยวเอารูปเขาไปทำอะไร..เอาไปหัวเราะเล่นเหรอที่เมษาอ้วนตุตะอย่างนั้น หรือเพราะว่าเขาชอบทำตัวเปิ่นๆให้คนอื่นขำ..แต่ความจริงมันไม่ตลกเลยสักนิด
ไม่เลย..
น้องเมษขมวดคิ้วแพ้กัน เขาเหลือบมองคนข้างๆที่ไม่มีท่าทีจะสนใจกันสักนิด “ทำไมแบบนี้แฟนไม่ว่าเหรอไง!” เขากระแทกเสียง เล่นจับลูกชายคนอื่นมาแบบนี้ไม่กลัวแฟนสาวของตัวเองว่าหรือยังไง ความจริงน้องเมษก็รู้สึกผิดนะ..ที่แอบรักแฟนของคนอื่นน่ะ
“แฟนที่ไหน”
“ก็แฟนพี่ไง อย่าคิดว่าคนอื่นเขาโง่นะ”
“ก็โง่ไม่ใช่เหรอไง” เหยี่ยวจงใจพูดเหน็บร่างเล็ก เจ้าเด็กนี่ทั้งโง่ทั้งซื่อบื้อแถมยัง..ขโมยหัวใจเขาไม่รู้ตัวอีก
เมษาได้ยินดังนั้นจึงตวัดตามองคนข้างกาย ขุ่นเคืองใจเป็นที่สุด เมษรู้ว่าเมษไม่ได้เรียนเก่งแบบคนอื่นๆ แต่เมษก็อดทนและขยันไม่แพ้คนอื่นแน่นอน แม้ผลการเรียนจะไม่ได้ดีเลิศ..แต่มันก็ผ่านทุกวิชานี่นา
“เมษไม่ได้โง่ซะหน่อย แค่ฉลาดไม่เท่าคนอื่นเอง”
ร่างสูงเลี้ยงรถจอดข้างฟุตบาทกะทันหัน เสียงเบรกดังเอียด ทิ้งรอยยางรถสีดำไว้ตามพื้นถนน เขาหันมองคนข้างกายแต่ยังไม่พูดอะไร กระทั่งริมฝีปากคู่นั้นเผยอขึ้น
“พี่..อ้ะ!” ฝ่ามืออุ่นประคองแก้มใสก่อนแนบริมฝีปากลงทาบทับ ปลายลิ้นสอดกระหวัดเข้าโพรงปากอุ่นของเมษา ให้ตายเถอะ..เจ้าเด็กนี่มันโง่จริงๆหรือแกล้งไม่รู้อะไรกันแน่ เหยี่ยวปรับเบาะเอนลงให้พ้นรัศมีของสายตาภายนอก ก่อนขบเม้มปากนิ่มเบาๆเป็นการส่งท้าย
“คุณน่ะโง่จริงๆด้วย”
เมษาน้ำตาร่วง จูบคนอื่นแล้วยังมาว่าเมษโง่อีก “พี่เหยี่ยวว่าเมษโง่แล้วมาทำอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าแฟนพี่รู้จะทำยังไง ไม่เคยคิดถึงใจคนอื่นเลย”
“แน่เหรอ..ใครกันแน่ไม่คิดถึงใจคนอื่น”
“พูดอะไร เมษก็อยู่ของเมษ มีแต่พี่เหยี่ยวแหละมาทำให้โลกของคนอื่นสั่นคลอน” จริงๆนะ..เมษาเหมือนคนที่โดนเหวี่ยงซ้ำไปซ้ำมาโดยมือของผู้ชายคนนี้
“ใครบอก” เหยี่ยวผละจากน้องก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้โลกของเมษาถล่มลงมา “คุณต่างหากที่ทำให้โลกของผมสั่นคลอน”
เมษากลับบ้านตอนสองทุ่มเพราะรถติด ตอนแรกพี่เหยี่ยวบ้านั่นจะมาส่งเมษแต่เขาปฏิเสธเพราะไม่อาจทนความกดดันในรถได้ เอาเข้าใจ..พอโดนสารภาพแบบนี้เมษก็เขินตัวแทบแตกเหมือนกัน
“เมษาทานข้าวเย็นก่อนไหม วันนี้พี่ตุลย์กับพี่เสือมาเยี่ยมนะ”
เขาส่ายหน้าก่อนลากเจ้าหมาอ้วนขึ้นไปนอนบนห้องด้วยกัน ปกติแล้วถ้าพี่เสือมาเมษาต้องกระตือรือร้นมากกว่านี้ ทว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจของเขาอยู่
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่วินาที เจ้าของก็กุลกุจอรีบกดรับแทบไม่ทัน
“ฮัลโหล” มือไม้ของเมษสั่นไปหมด เขาพยายามทำเสียงปกติเวลาคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ทว่าเสียงที่ดังขึ้นมาทำเอาใจเมษาสั่นตุบๆแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
‘ถึงบ้านหรือยัง’
“ถึงแล้ว ถึงนานแล้ว”
ร่างเล็กกำโทรศัพท์แน่นจนชื้นไปด้วยเหงื่อ เอาจริงนะ..เมษไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เพราะกลัวทำตัวเปิ่นๆใส่พี่เหยี่ยวเข้า
‘อืม..พรุ่งนี้เจอกัน’รู้สึกอารมณ์ไม่ดีมากๆเวลาได้แต่งนิยาย สงสัยตันจริงๆ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ >//////<
แต่ว่ารวมเล่ม แง่มยังมีตอนพิเศษน้อยอยู่เลยค่ะ
ขอเวลาไปแต่งเพิ่มเนอะะะ
Facebook:
https://www.facebook.com/AUTHOR.ELLETTE