/8
วิรัลยืนมองคนที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างรู้สึกเสียใจ ก่อนจะเอ่ยพึมพำเสียงสั่นเครือ
“ขอโทษครับ...คุณธาม ...อย่าโกรธผมเลยนะครับ”
ธามถอนหายใจแรง ๆ แล้วจึงหันมามองคนตรงหน้า ก่อนจะรวบร่างของวิรัลมากอดแน่นอย่างรักใคร่และหวงแหน
“ฉันรักเธอ...ยิ่งเห็นว่าเธอมีคนอื่นที่เพียบพร้อมอยู่เคียงข้าง ฉันก็ยิ่งหวงและหึง...ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่า ยังไงเธอก็ต้องเลือกคนนั้นมากกว่าฉันอยู่แล้วแท้ ๆ”
“คุณธาม...”
วิรัลกอดรัดร่างสูงใหญ่ตอบแน่นเช่นกัน แล้วจึงเอ่ยบอกกับอีกฝ่ายตามมา
“แต่ถึงยังไง คนที่ผมรักที่สุด และจะรักตลอดไป ก็มีเพียงแค่คุณนะครับ...แค่คุณคนเดียวเท่านั้น”
ธามเม้มปากน้อย ๆ แล้วจึงดันร่างของอีกฝ่ายออกห่าง ท่ามกลางความงุนงงของอีกฝ่าย
“ไปอยู่กับฉันไหมวิรัล ...ฉันสัญญาว่าจะปกป้องเธอไม่ให้วกะตนอื่นเข้าใกล้ได้”
วิรัลชะงัก แวบแรกเขาเตรียมจะตอบตกลงไปแล้ว ทว่าเมื่อหวนคิดถึงเรื่องของม่านฟ้า และพิชญ์ รวมถึงมโคตนอื่น ๆ ในเผ่า เขาก็ต้องเงียบงันอยู่นาน แล้วบอกกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ไม่ได้หรอกครับ ...ผมทิ้งเผ่าไม่ได้ ก็คงเหมือนกับคุณธาม ที่ทิ้งเผ่าตัวเองมาไม่ได้เช่นเดียวกัน ...พวกเราไม่ควรพบกันแต่แรกแล้ว ...ไม่น่าพบกันเลยแท้ ๆ”
พอบอกออกไปน้ำใส ๆ ที่พยายามบังคับอยู่ ก็ไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม ธามหลับตาสักพัก แล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาของเด็กหนุ่ม
“ใช่...เราไม่ควรมาพบกัน ...แต่เมื่อพบกันแล้ว ฉันก็ตัดใจจากเธอไม่ได้อยู่ดี ...ขอแค่ช่วงเวลานี้ ที่เรายังเจอกันได้ ...ฉันจะขอมาหาเธอแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงวันที่เราจากกัน...ได้ไหม”
วิรัลสะอื้นแล้วโผเข้ากอดร่างสูงแน่น ทำให้พิชญ์ที่เตรียมมาตามนายน้อยของเขา และเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นเข้า ต้องหลบซ่อนอยู่เงียบ ๆ หลังต้นไม้ เขาบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจ ที่ธามเลือกแบบนั้น... แต่หากธามยอมทิ้งเผ่า แล้วมาหาวิรัล เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพร้อมยอมรับให้ธามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิรัล และเลือกปฏิเสธม่านฟ้าแทนได้ไหม
จากนั้นสักครู่ใหญ่ทั้งสองคนก็แยกจากกัน ธามช่วยเช็ดน้ำตาให้วิรัล แล้วหอมแก้มปลอบโยน จนวิรัลยิ้มออก และแล้วทั้งคู่จึงเดินจูงมือชมนกชมไม้ พูดคุยยิ้มแย้มกันไปเรื่อย ๆ คล้ายดังจะกอบโกยช่วงเวลาแห่งความสุขที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“นายไม่คิดจะไปขัดขวางพวกเขาหรอกหรือ...”
เสียงทักที่ดังขึ้นทำให้พิชญ์ชะงัก แล้วหันขวับไปมองคนที่เอ่ยทักด้วยแววตาวาววับ เพราะเขายืนอยู่เหนือลม จึงทำให้ไม่ทันได้กลิ่นของชาครที่ยืนอยู่ห่างออกไป
“...ท่านธามมีความจำเป็นที่ต้องขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของเผ่าให้ได้ ไม่ใช่เพราะกระหายอำนาจ แต่เพราะท่านเคยสัญญากับศพแม่ของท่านเอาไว้... ท่านแม่ของท่านธามเป็นมนุษย์ในหมู่วกะ และเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดีมากที่สุดยิ่งกว่าใครที่ฉันเคยได้รู้จักมา”
พิชญ์นิ่งเงียบรับฟัง โดยไม่คิดขัดออกไป เพราะเขาเชื่อว่าที่ชาครยอมเล่าเรื่องในอดีตของธาม ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องเล่า ก็คงเพราะอยากให้เขารู้เรื่องอะไรบางอย่างแน่นอน
“แม่ของท่านธามถูกสังหาร...โดยหาฆาตกรไม่พบ แต่พวกฉันมั่นใจว่า มันต้องเป็นวกะตนใดตนหนึ่งแน่ เพราะสภาพศพที่เห็น มันไม่น่าจะเป็นอย่างอื่น...แต่เพราะว่าท่านธามเป็นเพียงแค่ลูกครึ่งมนุษย์วกะ และไม่มีขั้วอำนาจใดหนุนหลัง นอกจากความเอ็นดูของท่านประมุขในฐานะบิดา จึงทำให้คดีถูกปิดลงโดยไม่คิดตามหาตัวฆาตกร ...ทั้งที่มันก็หาได้ไม่ยากเลยสักนิด แต่ทุกคนในเผ่า แม้แต่ท่านประมุขเองก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยว เพราะตัวฆาตกรนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในสายเลือดของท่านประมุขอีกคนก็เป็นได้... ตั้งแต่นั้นมา ท่านธามก็เลิกเชื่อใจใครในเผ่านอกจากฉัน และพยายามทำทุกอย่างให้ก้าวขึ้นมาโดดเด่นเหนือวกะตนใด ...จนตัวท่านธามเองก็มีสิทธิ์และได้รับการยอมรับว่าเหมาะสม ที่จะเข้าร่วมชิงตำแหน่งประมุขคนใหม่ของวกะ เช่นเดียวกับทายาทคนอื่นด้วยเช่นกัน”
ชาครเล่าจบก็นิ่งเงียบไปสักพัก แล้วจึงหันไปสบตากับพิชญ์นิ่ง แล้วเอ่ยขึ้นตามมา
“ถ้าไม่มีเรื่องของนายหญิง...ท่านธามก็คงยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมฤคมาศได้ ...ท่านธามรักเขาจริง ๆ ...รักจนยอมเลิกล้มที่จะคิดกินหัวใจของมฤคมาศ เพื่อพลังและอำนาจที่เคยปรารถนามาตลอด ...รักจนอยากจะทิ้งทุกอย่างไปเสียเดี๋ยวนี้ ...แต่ท่านก็ไม่อาจจะลืมความแค้นในอดีตได้...”
“นายมาบอกเรื่องนี้กับฉันเพื่ออะไรกัน”
พิชญ์เอ่ยถามหลังจากที่เห็นชาครเงียบไปอีกครั้ง
“หึ...ฉันก็แค่อยากให้นายรู้ว่า ที่ท่านธามเลือกเผ่าแทน ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้รักมฤคมาศ แต่เขาทิ้งหน้าที่ที่จะต้องทำไม่ได้ ...ก็เหมือนกับที่เจ้านายของนายทิ้งเผ่ามโคมาไม่ได้เหมือนกันนั่นล่ะ”
จากนั้นชาครก็เบือนหน้าหันไปมองคนสองคนที่เดินเคียงคู่กัน ด้วยสายตาสงสารเวทนา
“ความรัก กับ ความแค้น ... มันคงต้องเดินสวนทางกันไปเช่นนี้ ...แต่บางที ถ้าหากท่านธามบรรลุเป้าหมายของเขาแล้ว ตอนนั้นเขาอาจจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างมาหามฤคมาศก็เป็นได้...”
ชาครเบือนหน้ากลับมาผสานสายตากับพิชญ์ นัยน์ตาคมกริบอ่อนแสงลง แล้วเอ่ยร้องขออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“...ช่วยรอหน่อยได้ไหม อย่าเพิ่งให้พวกเขาแยกจากกันเร็วนักเลย...ตำแหน่งประมุขคนใหม่ของวกะ จะเปิดให้เลือกผู้เหมาะสม ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว ถ้าท่านธามล้างแค้นสำเร็จเมื่อไหร่...”
“แล้วถ้าเขาทำไม่สำเร็จล่ะ ...ถ้าเขาไม่ได้รับตำแหน่งประมุข ...เขาก็จะสู้ต่อ โดยทิ้งให้ท่านวิรัลรออยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ความหวังอย่างนั้นรึ!”
พิชญ์แย้งกลับไป เขายอมรับว่าหากเป็นอย่างที่ชาครบอก ก็เท่ากับวิรัลนั้นก็จะได้มีความสุขกับรักแท้ของตน แต่ถ้าไม่...วิรัลก็ต้องทุกข์ทนกับการรอคอยธามอยู่แบบนั้นไปเรื่อย ๆ และยิ่งเจ็บมากขึ้น หากทั้งสองครองคู่กันไม่ได้จริง ๆ ขึ้นมา
ชาครเองก็ชะงักไปกับคำถามนั้น ...เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยตอบด้วยแววตาจริงจัง
“ถ้าถึงตอนนั้น ฉันจะถามท่านธามอีกที ...แล้วถ้าหากคำตอบที่ได้ คือการที่ทำให้ฝ่ายนายต้องรอต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ...ฉันจะมาขอขมาพวกนายด้วยตัวเอง อยากได้อะไรจากฉันก็เอาไป จะตา แขน ขา ก็แล้วแต่… ขอแค่ชีวิตที่ต้องคงไว้ เพราะฉันจะใช้มันเป็นโล่ให้กับเจ้านายของฉัน หากวันหนึ่งที่เขาต้องพบกับอันตรายมาถึง”
พิชญ์เม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะสบถเบา ๆ กับตัวเอง แล้วจึงสะบัดหน้าหนี ทำเหมือนจะเดินจากไป จนชาครต้องเอ่ยทัก
“คำตอบล่ะ!”
“นายมันเป็นวกะที่แหกคอกจากเผ่าจริง ๆ ...ให้ตายเถอะ ฉันเจอพวกที่เจรจากันด้วยกำลังยังจะสบายใจเสียกว่า!”
พิชญ์หันมาโพล่งใส่อย่างหงุดหงิด ก่อนจะนิ่งไปชั่วครู่ แล้วเปรยบอกโดยเบือนหน้าหนีไปมองอีกทาง
“จะรอแค่ไม่เกินหกเดือนเท่านั้น จะให้งานหมั้นคอยเลื่อนฤกษ์หนีไปเรื่อย ๆ มันทำไม่ได้นานนักหรอกนะ...มันไม่ดีกับทางฝ่ายหญิงเขาด้วย”
ชาครถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเอ่ยตามมา
“ฉันเข้าใจ...บางทีถ้าเรื่องจบลงด้วยดี ก็อาจจะดีกับฝ่ายเธอคนนั้นด้วยก็ได้นะ”
พิชญ์หันมามองคนพูดอย่างแปลกใจ เขาขมวดคิ้วยุ่ง จนชาครนึกอยากจะแกล้งแหย่อีกฝ่ายขึ้นมาบ้าง
“ลองคุยกันดูเองสิ ...คนที่ฝืนใจหมั้น อาจจะไม่ใช่ทางฝั่งเจ้านายของนายคนเดียวก็ได้”
จากนั้นชาครจึงเดินตรงไปอีกทาง ซึ่งไม่ห่างจากที่พวกวิรัลกับธามอยู่มากนัก ทิ้งให้พิชญ์เม้มปากน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังคิดชมในความซื่อสัตย์ภักดีของอีกฝ่ายอยู่เลยแท้ ๆ
พิชญ์อยู่ในอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย ที่ธามกับชาครนั้นถูกเชิญจากม่านฟ้าให้มาร่วมมื้อกลางวันด้วยกัน ส่วนอำมฤตนั่งนิ่ง ๆ คล้ายกระอักกระอ่วน ทว่าวิรัลกลับดูสดชื่น แม้จะค่อนข้างเกรงใจม่านฟ้าอยู่บ้าง แต่พอเห็นเด็กสาวยังคงดูร่าเริงแจ่มใส เด็กหนุ่มก็เริ่มคลายความกังวล และสนทนากับทุกคนอย่างเป็นกันเองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
‘ตั้งใจจะให้หมอนั่นรู้ซึ้งว่า ท่านวิรัลมีท่านม่านฟ้าที่เพียบพร้อมอยู่เคียงข้างแท้ ๆ ไหงมันกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้ไปได้นะ’ พิชญ์คิดในใจอย่างหงุดหงิด สาเหตุหลักก็ต้องโทษตัวเขาที่เผลอใจอ่อนรับคำตกลงกับชาครไปแบบนั้น ทั้งที่เอาจริง ๆ แล้ว ถ้าดำเนินแผนการเดิมต่อไปเรื่อย ๆ ธามก็คงหมดความอดทน และเกิดหึงหวง ทะเลาะกับวิรัล จนนำไปสู่การเลิกรากันเร็ววันนี้ก็เป็นได้แท้ ๆ
ภาพคนที่ลอบถอนหายใจตรงหน้า ทำให้ชาครที่มองอยู่ลอบยิ้ม ทั้งที่เคยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกจริงจังกับเผ่าและยึดหน้าที่เหนืออื่นใด แต่จริง ๆ แล้วพิชญ์เป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยนอยู่ไม่น้อย แม้ปากจะต่อว่า แต่ก็ยังยอมให้ความร่วมมือที่เขาขอร้อง ทั้งที่เจ้าตัวนั้นแสดงออกให้เห็นชัด ๆ ว่า รังเกียจเผ่าวกะของเขาเพียงใดแท้ ๆ
“ถ้าทานเสร็จแล้ว ดิฉันแนะนำให้ไปพายเรือเล่น ย่อยอาหารกันดีกว่านะคะ เพราะวันนี้อากาศดีมากทีเดียว ไม่มีแดดแรง แถมยังมีลมพัดเย็นสบายตลอดอีกด้วย”
วิรัลรับฟังอย่างสนใจ ก่อนจะนิ่วหน้านิด ๆ คล้ายนึกบางอย่างขึ้นได้
“แต่ผมพายเรือไม่เป็น...ไม่สิ ผมว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ”
ม่านฟ้าหันมายิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ยังไม่ทันได้พูดอะไรธามก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันสอนให้เองก็ได้ ฉันเคยพายเรือเล่นกับแม่ตอนเด็ก ๆ ตอนนี้ก็ยังพอจำได้อยู่”
วิรัลหันมายิ้มให้กับชายหนุ่ม ส่วนม่านฟ้าก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงหันไปทางอำมฤต
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ...ดิฉันว่า พวกเรามาจับคู่กันพายเรือแข่งกันดีกว่านะคะ คงจะสนุกกว่าพายเฉย ๆ”
ขาดคำของม่านฟ้า คนอื่น ๆ ก็พากันชะงัก แล้วคอยดูว่าเด็กสาวนั้นจะจับแบ่งทีมกันยังไงต่อไป
“สำหรับท่านวิรัล คุณธามอาสาสอนวิธีพายเรือแล้ว ดิฉันเองก็คิดว่ายุติธรรมดี เพราะทั้งสองคน คนหนึ่งพายเป็นอีกคนพายไม่เป็น ...ส่วนที่เหลือ...”
ม่านฟ้าเหลือบมองอำมฤตแวบหนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตามาที่ชาครแทน
“พวกเราจับคู่กันดีไหมคะ”
ชาครสะดุ้งโหยง เช่นเดียวกับคนอื่นที่เหลือ อำมฤตขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ที่นายสาวของเขาคิดจะไปสานสัมพันธ์กับชายต่างเผ่าเช่นนี้
“คงไม่เหมาะกระมังครับ”
อำมฤตกระแอมเบา ๆ ทำให้ม่านฟ้าซ่อนยิ้มแล้วเอียงคอมองอีกฝ่าย
“งั้นคุณอำมฤตจะมาคู่กับดิฉันแทนไหมล่ะคะ ...ที่เหลือก็ให้คุณพิชญ์กับคุณชาครคู่กันไป หรือว่าไงคะทั้งสองคน”
ชาครฟังจากที่อีกฝ่ายบอก ก็พอจะนึกออกว่าคนที่ม่านฟ้าแอบหลงรักคือใคร เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงพยักหน้ารับรู้ตามมา
“เอางั้นก็ได้ครับ ...แต่ถ้าคุณอำมฤตไม่ยินดี ผมจับคู่กับคุณม่านฟ้าเหมือนเดิมก็ได้”
ธามเหลือบมองลูกน้องของเขาอย่างแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นชาครแสดงความสนใจผู้หญิงมาก่อน และเท่าที่สังเกตก็ไม่เห็นเหมือนลูกน้องเขาจะรักชอบม่านฟ้าแบบชู้สาว แต่ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังมีแผนการอะไรบางอย่างแฝงมากับคำพูดนั้นด้วย
“ผมคู่กับท่านม่านฟ้าเองดีกว่าครับ...เอ่อ คุณพิชญ์ครับ...”
พิชญ์มองอำมฤตอย่างพอจะรู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการขอร้อง เขาฝืนยิ้มรับคำ พร้อมกับพยักหน้า
“ผมคู่กับเขาก็ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
“อุ๊ย! ดีจังเลยนะคะ ในเมื่อได้คู่ครบแล้ว พวกเราไปเตรียมตัวกันดีกว่าค่ะ ...ระหว่างนี้ดิฉันจะคิดรางวัลสำหรับผู้ชนะไปพลาง ๆ ว่าจะให้อะไรดี ...คนอื่น ๆ ก็ช่วยกันคิดด้วยนะคะ”
ม่านฟ้ายิ้มหวานสรุป ทำเอาแต่ละคนมองหน้าเด็กสาวตาปริบ ๆ และมีบางคนพอจะรับรู้นิสัยแท้จริงของอีกฝ่ายได้บ้างว่า แม้จะเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมเพียงใด แต่ม่านฟ้าก็ยังมีส่วนที่ซุกซนเหมือนเด็ก ๆ ทั่วไปซุกซ่อนไว้ใต้บุคลิกสง่างามนั้นอยู่ดี
ทะเลสาบของรีสอร์ตสวยงามมาก แม้จะเป็นทะเลสาบที่ถูกขุดขึ้นก็ตาม พวกเขาบางคนมองเรือพายที่นั่งกันได้สองคนต่อลำตาปริบ ๆ เพราะลำมันไม่ใหญ่มาก ชนิดถ้าหากใครนั่งไม่ดี หรือขยับกายไม่เข้าที่เข้าทางก็อาจจะทำให้มันพลิกคว่ำได้เลยทีเดียว
“เอาคนละสีนะคะ ...พวกเราเอาลำสีฟ้านั่นดีกว่านะคะ”
ม่านฟ้ารีบจองเรือก่อนใคร ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ถือสา ชาครเลือกเรือลำสีเขียวสดใส ส่วนวิรัลก็เลือกลำสีขาวแทน
“ถ้าอย่างนั้นก่อนจะแข่งดิฉันจะตั้งกติกาก่อนนะคะ ใครที่สามารถพายไปถึงท่าน้ำฝั่งโน้น และขึ้นฝั่งพร้อมกันทั้งคู่ได้สำเร็จก่อน ก็ถือให้เป็นผู้ชนะ ...และผู้ชนะมีสิทธิ์สั่งผู้แพ้ที่เข้าเส้นชัยเป็นคู่สุดท้าย ให้ทำอะไรให้ตนก็ได้ 1 อย่าง ในขอบเขตที่ผู้แพ้สามารถทำได้ ตกลงไหมคะ”
กติกาของม่านฟ้า ทำให้ธาม กับ พิชญ์ชะงักแทบพร้อมกัน ทั้งสองหันมาสบตากันด้วยสายตาหวาดระแวงต่ออีกฝ่าย ก่อนจะหันมาทางม่านฟ้า แล้วพยักหน้ารับรู้ พลางมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ชนะให้ได้ทั้งสองฝ่าย จนม่านฟ้านึกขำ
“งั้นก็แยกย้ายนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเป็นคนให้สัญญาณเอง รับรองไม่มีการโกงแน่นอนค่ะ”
จากนั้นแต่ละคู่ก็แยกย้ายกันลงเรือ โดยคู่ของธามนั้น ธามรับอาสาเป็นคนพาย ส่วนคู่ของม่านฟ้า เด็กสาวบังคับอำมฤตให้เป็นแค่ผู้ช่วย แล้วเธอจะเป็นคนลงมือพายเอง ทว่าคู่ที่มีปัญหาตอนนี้กลับเป็นคู่ของพิชญ์กับชาครที่ยังคงตกลงกันไม่ได้
“ไม่ได้! ฉันจะพายเอง ขืนให้นายพาย มีหวังโกงเข้าข้างเจ้านายของนายพอดี!”
ชาครหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงเปรยตอบขำ ๆ
“ฉันไม่โกงกับแค่เรื่องแข่งพายเรือแบบนี้หรอกน่า ...แต่ถ้านายไม่ไว้ใจก็เป่ายิงฉุบตัดสินสิ ...รู้จักสินะเป่ายิงฉุบน่ะ”
“เหอะ! คิดว่าฉันไม่รู้จักการละเล่นบ้าน ๆ ของพวกมนุษย์อย่างนั้นหรอกหรือ ... อีกอย่างคิดจะเป่ายิงฉุบกับฉัน เตรียมตัวแพ้เอาไว้ได้เลย”
คนที่มั่นใจในพลังสายตาของตนท้าทาย ทว่าพอเริ่มต้นตัดสินกันจริง ๆ พิชญ์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่าย แม้จะลองขอแก้มืออีกรอบ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ซ้ำ จนชายหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วก็กระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิด
“เออ! งั้นนายก็พายไป แต่ถ้ารู้ว่าโกงช่วยหมอนั่นเมื่อไหร่ ฉันจะจับนายทุ่มลงน้ำแทนแน่!”
“หึ ๆ ได้สิ...งั้นก็ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นเขาจะรอนาน”
ชาครบอกยิ้ม ๆ เรียกความหมั่นไส้ให้กับพิชญ์ยิ่งนัก และเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ม่านฟ้าก็ให้สัญญาณ การแข่งขันพายเรือจึงเริ่มขึ้นเดี๋ยวนั้นนั่นเอง...
... TBC ...
-----------------------------------------------------
มาแล้วค่า ตอนใหม่ หวังว่าตอนนี้คงถูกใจนักอ่านนะคะ เริ่มเห็นความหวังอันสดใสกันแล้วเนอะ ^^
-----------------------------------------------------