/3
พิชญ์ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาใบหน้าของธาม ได้ลองสืบเสาะค้นหาข้อมูลก็ทำให้เขารับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นบุตรชายคนเล็กของประมุขเผ่าวกะ และยังมีมารดาเป็นมนุษย์อีกด้วยจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกน้องของเขาจึงไม่รับรู้ถึงกลิ่นสาบของอมนุษย์ในตัวของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้เพราะชายหนุ่มนั้นมีกลิ่นอายความเป็นมนุษย์แรงกว่าหมาป่านั่นเอง
แต่ถึงแม้ว่าพิชญ์จะไม่ไว้ใจและหวาดระแวงในตัวของธามสักเท่าใดทว่าแววตาและความอาลัยอาวรณ์ที่เขาสัมผัสได้จากหมาป่าหนุ่มเฉกเช่นเดียวกับที่สัมผัสได้จากนายน้อยของเขามันก็ทำให้เขาต้องกลัดกลุ้มและคิดหนักในเรื่องนี้
“เอายังไงดีครับ คุณพิชญ์ จะรายงานนายหญิงดีไหมครับ”
พิชานลูกน้องคนสนิทที่เห็นสีหน้าของเจ้านายเอ่ยทักพิชญ์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันมาตอบคำถามอีกฝ่าย
“อย่าเพิ่งแจ้งจะดีกว่าเดี๋ยวทางนั้นจะเป็นกังวลเสียเปล่า ๆ อีกอย่างถึงทางนี้จะมีอันตรายแต่ทางนั้นก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนัก เจ้าพวกครุโฬเองก็ชักเริ่มประกาศความเป็นศัตรูออกนอกหน้าขึ้นทุกที”
“เจ้าพวกนกปีศาจนั่น!”
พิชานกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินชื่อของอมนุษย์เผ่านั้น แม้ว่าวกะจะโหดเหี้ยมสักเพียงใดแต่เผ่าครุโฬเองก็ใช่ว่าจะยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แถมพวกนี้ยังเจ้าเล่ห์ เพทุบายและไร้ความเป็นมิตรแก่ทุกเผ่า พวกมันไม่เพียงแค่ต้องการหัวใจของมฤคมาศ แต่ยังต้องการกวาดล้างเผ่าพันธุ์อื่นนอกจากพวกตนให้หมดสิ้นไปอีกด้วย
“วกะกับมโคอย่างนั้นหรือ...ชะตากรรมช่างเล่นตลกเสียจริงๆ”
พิชญ์พึมพำเมื่อหวนกลับมาคิดถึงปัญหาเฉพาะหน้าอีกครั้ง เขาพอจะรับรู้จากความรู้สึกได้อยู่หรอกว่าทั้งธามและวิรัลคงกำลังตกหลุมรักซึ่งกันและกัน แต่เขาก็ไม่อาจตามใจนายน้อยของเขาได้ในเรื่องนี้เพราะถึงแม้ธามจะไม่ลงมือกับวิรัลทว่าวกะตนอื่นก็ล้วนแต่จ้องจะกินหัวใจของมฤคมาศอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น การอยู่ใกล้ธามก็ยิ่งเท่ากับส่งวิรัลให้เข้าใกล้ความตายมากขึ้นนั่นเอง
“พิชานเดี๋ยวจัดเวรยามให้เข้มงวดขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวด้วย และถ้าฉันไม่อยู่ห้ามให้ท่านวิรัลออกจากคฤหาสน์นี่เด็ดขาด เข้าใจนะ”
พิชญ์ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดซึ่งพิชานก็โค้งรับและรีบนำคำนั้นไปบอกกับลูกน้องคนอื่น ๆ อีกทอดหนึ่งทันที
“ขอโทษนะครับ ท่านวิรัล ...ถึงเขาอาจจะเป็น ‘คู่แท้’ ของท่านก็ตามแต่ผมไม่อยากให้ท่านต้องเสี่ยงอันตรายไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
พิชญ์พึมพำกับตัวเองเมื่อทั้งห้องเหลือเพียงแต่เขาลำพัง จากนั้นสักพักจึงมีโทรศัพท์สำคัญจากใครบางคนโทรเข้ามาทำให้ชายหนุ่มจำต้องออกไปพบใครผู้นั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่าก็ยังคงกำชับให้ลูกน้องดูแลวิรัลให้ดีและอย่าปล่อยให้มีคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้โดยเด็ดขาด
อีกด้านหนึ่งนั้นธามเองก็กำลังนั่งเหม่ออยู่ในห้องทำงานที่คลับของเขา โดยมีชาครทำหน้าที่เป็นเลขาตามปกติ
“นี่ชาคร...”
เสียงทุ้มเปรยทักขึ้นเนือย ๆทำให้คนที่กำลังนั่งสังเกตอาการของผู้เป็นนายสะดุ้งโหยง และรีบรับคำทันที
“ครับ ท่านธาม มีอะไรหรือครับ!”
ธามมองลูกน้องคนสนิทของเขา แล้วจึงแย้มยิ้มน้อย ๆก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“ชาคร...ถ้าฉันเกิดคิดเลิกที่จะกินหัวใจมฤคมาศขึ้นมาแล้วล่ะ...นายจะว่ายังไงจะเลิกรับใช้ฉัน แล้วไปหานายใหม่แทนหรือเปล่า”
ชาครชะงักกับสิ่งที่ได้ยินเขาเองก็พอมองออกว่านายของตนกับเด็กหนุ่มมฤคมาศคนนั้นมีความรู้สึกพิเศษต่อกันอยู่แต่เขาไม่คิดว่ามันจะมากมายเสียจนทำให้ธามนั้นยอมละทิ้งพลังอำนาจที่เคยปรารถนามาตลอดเช่นนี้
“...ผมรับใช้ท่านเพราะท่านธามและท่านแม่ของท่านมีบุญคุณเคยช่วยชีวิตผมเอาไว้สมัยเด็ก ...นายของผมมีเพียงท่านธามเท่านั้นไม่ว่าท่านจะตัดสินใจอย่างไร ผมก็ยินดีพร้อมอยู่เคียงข้างท่านเสมอครับ”
ชาครบอกด้วยถ้อยคำที่กลั่นออกจากใจของเขาทำให้คนฟังแย้มยิ้มอ่อนโยนตอบรับ
“ขอบใจ... แต่ว่านะชาครถึงฉันจะเลิกคิดกินหัวใจของมฤคมาศแล้ว แต่ฉันก็ไม่คิดวางมือจากความฝันของฉันง่าย ๆนักหรอก ...แม้ว่าจะไร้พลัง แต่ฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบแน่...และเพื่อการนั้น ฉันก็ต้องคว้าตำแหน่งสูงสุดของเผ่าวกะมาครองให้จงได้อยู่ดี!”
ชาครมองนายเหนือหัวของตนอย่างชื่นชมแล้วจึงโค้งให้ด้วยความเคารพจากหัวใจ
“ผมพร้อมจะเป็นพลังให้ท่าน เพื่อการนั้นเสมอครับ”
ธามพยักหน้าตอบรับลูกน้องคนสนิทก่อนจะกลับคืนสู่ภวังค์ของตนต่อ ภาพใบหน้างดงามสะกดสายตาของวิรัล ยังคงติดตราตรึงในความทรงจำของเขาอยู่ตลอดเวลาและแม้จะรู้ดีว่าการที่ย้อนกลับไปเพื่อพบอีกฝ่ายจะหมายถึงการต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตก็ตามแต่เขาก็ไม่อาจจะตัดใจจากเด็กหนุ่มไปง่าย ๆ ได้เช่นกัน
พิชญ์เดินทางไปพบกับชายวัยกลางคนท่าทางสง่างามผู้หนึ่งบนห้องรับแขก ณ คอนโดหรูส่วนตัวของอีกฝ่ายคนตรงหน้าแย้มยิ้มเป็นกันเองยามเมื่อได้เห็นหน้าชายหนุ่ม
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะพิชญ์ เธอสบายดีสินะ”
“ขอบคุณครับท่านตรัณ ผมสบายดีครับ”
“หึ ๆ ไม่ต้องพูดสุภาพกับฉันนักก็ได้ เก็บไว้พูดกับพวกตระกูลวงศ์หริโณแทนดีกว่านะ”
คนพูดแม้จะเอ่ยคล้ายประชดแต่ก็มีใบหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดีดังเดิม ทำให้พิชญ์ต้องถอนหายใจเบา ๆ
“ถึงยังไงก็สมควรแล้วล่ะครับท่านเองก็เป็นถึงเชื้อสายของประมุขรุ่นก่อน ๆ นะครับ”
“แต่ฉันก็ไม่ใช่มฤคมาศอยู่ดีล่ะนะ ...อืม พูดถึงมฤคมาศเด็กคนนั้นสบายดีหรือเปล่าล่ะ”
พิชญ์ชะงัก ก่อนจะปรับเปลี่ยนอาการเป็นปกติทว่าก็ยังคงไม่พ้นสายตาคมกริบของผู้มีประสบการณ์ชีวิตมายาวนานตรงหน้า
“มีอะไรติดขัดหรือพิชญ์”
“คือ...” พิชญ์มีทีท่าลังเลไม่กล้าพูด จนชายวัยกลางคนต้องถอนหายใจเบา ๆ
“ถึงพวกเราจะอยู่คนละตระกูล แต่ก็ล้วนเป็นมโคเหมือนกันหากมีอะไรเกิดขึ้นกับว่าที่ประมุขของพวกเรา ฉันก็คิดว่าตัวเองน่าจะมีสิทธิ์สมควรได้รับรู้บ้างไม่ใช่หรือ”
คำพูดนั้นทำให้พิชญ์ต้องยอมสารภาพความจริงให้อีกฝ่ายฟังและนั่นทำให้ตรัณถึงกับชะงัก และนิ่งเงียบไปอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเปรยขึ้นเบา ๆ
“เฮ้อ...ช่วยไม่ได้นี่นะ เรื่องความรักความชอบมันเป็นเรื่องของหัวใจ ...แต่ว่าเรื่องภาระหน้าที่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี”
“ผมเกรงว่าจะเป็นการอยุติธรรมกับฝั่งของท่านน่ะสิครับ...ผมเองดูแลท่านวิรัลมาตั้งแต่เล็ก รู้นิสัยใจคอของท่านเป็นอย่างดีหากท่านปักใจต่อสิ่งใดแล้ว ยากนักที่จะทำให้ท่านหักใจได้ แล้วอย่างนี้...”
ยังไม่ทันที่พิชญ์จะเอ่ยจบ อีกฝ่ายก็ยกมือปรามแล้วจึงเอ่ยขัดขึ้น
“เธอไม่ต้องห่วงเรื่องทางฉันหรอกนะ...เรื่องของม่านฟ้าเองก็ด้วย ลูกสาวของฉันรู้หน้าที่ของตัวเองดี และถูกปลูกฝังให้สำนึกในหน้าที่ของตนตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดมาแล้ว”
พิชญ์นิ่งเงียบเมื่อได้รับฟังก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“ผมจะพยายามเกลี้ยกล่อมท่านวิรัลให้ได้ครับ”
ตรัณอมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยบางอย่างที่ทำให้พิชญ์สะดุ้ง
“ฉันอยากให้เธอเป็นมฤคมาศแทนจริง ๆ เลยนะพิชญ์...แต่ถึงไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าเธอสนใจล่ะก็ ฉันจะยกม่านฟ้าให้เธอแทนก็ได้นะ ...ก็แค่ทนยอมโดนทางนายหญิงของเธอบ่นเอาหน่อยก็เท่านั้น”
“อย่าพูดเล่นแบบนั้นสิครับ ใครได้ยินเข้าจะไม่เหมาะ”
พิชญ์รีบแย้ง แต่คนฟังหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างถูกใจ
“ฉันพูดจริงต่างหาก สำหรับคนเป็นพ่อแล้วก็อยากให้ลูกสาวได้คู่กับผู้ชายดี ๆ และมีอนาคตมั่นคงทั้งนั้นล่ะ ...แน่นอนตำแหน่งนายหญิงของประมุขตัวจริงก็น่าสนแต่ให้เป็นเจ้าสาวของประมุขเงามันก็ไม่เลวนักล่ะนะ”
เสียงทอดถอนหายใจของพิชญ์ทำให้ตรัณหัวเราะได้อีกครั้งจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยนัดแนะ เรื่องที่จะให้วิรัลและม่านฟ้าได้พบเจอกันสักครั้งก่อนที่งานหมั้นของทั้งคู่จะเกิดขึ้น
พิชญ์ถอดเสื้อสูทของตนออกโดยที่พิชานผู้เป็นลูกน้องก็รีบไปรับมาแขวนเก็บอย่างรู้งานจากนั้นจึงรอให้เจ้านายของตนนั่งพัก และนำน้ำเย็นไปเสิร์ฟอีกฝ่ายถึงที่นั่ง
“ขอบใจ...แล้วท่านวิรัลล่ะ”
“ทานอาหารเย็นเสร็จก็ขึ้นห้องนอนแล้วครับ”
พิชานรายงานตามตรง ทำให้พิชญ์ถอนหายใจเบา ๆแล้วพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ
“เอ่อ...แล้วทางนั้นล่ะครับ”
พิชานถามอ้อมแอ้ม ด้วยเกรงจะถูกตำหนิว่าเขายุ่งจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นเจ้านายมากเกินไปทว่าพิชญ์นั้นกลับไม่ได้ว่าอะไรแล้วบอกไปตามตรง
“ก็ตกลงกันเหมือนเดิมนั่นล่ะ ...ขนาดฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมดท่านตรัณเองก็ยังไม่ว่าอะไรสักคำ แถมยังยืนยันจะให้ทางท่านม่านฟ้า กับท่านวิรัลหมั้นกันตามกำหนดการเดิมด้วย”
พิชานยิ้มเจื่อน ๆ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจกับวิรัลดีเพราะเขาเองก็รับรู้ถึงความรู้สึกของเด็กหนุ่มได้พอ ๆ กับพิชญ์เช่นเดียวกันทว่าเรื่องหมั้นก็สำคัญและยกเลิกลำบาก เนื่องจากม่านฟ้านั้นเป็น มฤคเศวตกวางเผือกที่หายากพอ ๆ กับมฤคมาศเลยทีเดียว
และไม่ใช่เพียงมฤคเศวตจะเป็นมโคที่หายากอย่างเดียวมฤคเศวตเพศเมียเอง ก็ยังมีคุณสมบัติพิเศษอันน่าทึ่งอีกด้วย กล่าวคือ หากมฤคเศวตเพศเมียตั้งครรภ์บุตรนั้นเมื่อคลอดออกมาแล้ว ก็จะได้บุตรหรือธิดา ไม่เป็นมฤคเศวต ก็จะเป็น มฤคมาศ นั่นเอง
“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถึงจะสงสารขนาดไหน หน้าที่ก็คือหน้าที่ ...ท่านวิรัลหากได้รับรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ ฉันว่าท่านก็คงจะยอมรับมันได้นั่นล่ะ”
พิชญ์สรุป จากนั้นเขาจึงหลับตาลงช้า ๆ เพื่อพักสายตาเห็นดังนั้นพิชานจึงโค้งนิด ๆ ให้ และออกไปจากห้อง ปล่อยให้ชายหนุ่มได้พักผ่อนเงียบ ๆ ไปตามลำพัง
ตกดึกคืนนั้นเอง วิรัลที่ยังคงนอนเหม่อลอยไม่ได้หลับ ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกรอกแกรกผิดปกติที่หน้าระเบียงห้องนอนของเขา
“...ใครน่ะ”
เด็กหนุ่มที่หันไปมองพึมพำเสียงแผ่วแทบไม่พ้นลำคอเมื่อเห็นเงาของหมาป่าตัวใหญ่อยู่ด้านนอก ใจของเขาเต้นระทึกอย่างคาดหวังมากเสียยิ่งกว่าความหวาดกลัวที่ควรเกิดขึ้น
เงาของร่างหมาป่า ค่อย ๆกลับคืนสู่ร่างมนุษย์อย่างน่าอัศจรรย์ จากเงาเปล่าเปลือยนั้น เผยให้เห็นเรือนร่างกำยำได้สัดส่วนเหมือนอย่างในฝันของวิรัลไม่มีผิดเพี้ยน
วิรัลจำไม่ได้ว่าตัวเองเผลอลุกเดินขึ้นไปเปิดบานประตูกระจกให้อีกฝ่ายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ทว่าเมื่อร่างทั้งสองใกล้ชิดกัน ต่างฝ่ายก็ต่างโผเข้าหาและกอดรัดร่างของฝั่งตรงข้ามอย่างโหยหา
“เป็นคุณจริง ๆ สินะ...ไม่ใช่ความฝันของผมอีกใช่ไหม”
วิรัลพึมพำถามเสียงครางกระเส่าเมื่อมือไม้ของร่างสูงใหญ่ลูบไล้ไปทั่วร่างโปร่งของตน
“อา...เธอเองก็ฝันถึงฉันเหมือนกันอย่างนั้นหรือ...แต่ฉันคนนี้ไม่ใช่ความฝันหรอกนะ”
“ตะ...แต่ว่า ถ้าไม่ใช่ความฝัน แล้วคุณมาที่ห้องผมได้ยังไงกัน”
วิรัลเอ่ยแย้งแล้วก็ต้องชะงักเมื่อธามใช้มือข้างหนึ่งจับมือของเด็กหนุ่มให้มาสัมผัสที่บริเวณอกข้างซ้ายของเขา
“ได้ยินเสียงหัวใจของฉันเต้นไหมล่ะ...ยังคิดว่าเป็นความฝันอีกหรือเปล่า”
วิรัลฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นแรงไม่แพ้ของเขาเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นช้อนตามองอย่างยินดี ภาพนั้นทำให้ธามอดใจไม่ไหวแล้วจึงโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตริมฝีปากเรียวบางนั่นแผ่วเบาในทีแรก ก่อนจะค่อย ๆกระชับริมฝีปากระหว่างกันให้ดูดดื่มมากยิ่งขึ้น
“เธอหวานเหลือเกิน...หวานเสียยิ่งกว่าในความฝันของฉันเสียอีก”
ธามกระซิบพึมพำข้างใบหูของอีกฝ่ายหลังจากถอนริมฝีปากออกมาวิรัลหน้าแดงวาบ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอันใดปล่อยให้ชายหนุ่มหากำไรทั่วใบหน้าและลำคอของเขาจนหนำใจ จากนั้นสักพักธามจึงประคองเขาไปนั่งที่โซฟาริมหน้าต่างห้องแถวนั้นแทน
“คุณมาหาผมถึงที่นี่ได้ยังไงครับ...แล้วไม่ถูกใครพบเลยอย่างนั้นหรือ”
วิรัลที่ถูกอีกฝ่ายจับอุ้มขึ้นนั่งตักแล้วกอดเอาไว้หลวมๆ เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ซึ่งธามพอได้ยินก็ยกยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยตอบ
“คงเพราะว่าฉันเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับวกะล่ะมั้ง ถึงได้รอดพ้นมาได้...ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีพลังเท่าวกะสายเลือดแท้ แต่เรื่องความว่องไวและกลิ่นของมนุษย์ที่มากกว่าหมาป่า มันก็มีส่วนช่วยทำให้ฉันเล็ดลอดสายตาและจมูกของพวกมโคมากมายจนตามมาเจอเธอได้...และอีกอย่างก็ต้องชมสังหรณ์ของฉันด้วยนะที่พามันมาหาเธอได้ถึงที่นี่ถูก”
วิรัลพอได้ฟังก็ต้องตกตะลึงตาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ตั้งแต่ที่ได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งมนุษย์แล้ว
“อ้าว...ไม่รู้หรอกหรือพี่เลี้ยงเธอไม่ได้บอกเรื่องของฉันให้เธอรู้เลยสินะ ฉันว่าระดับเขาก็น่าจะหาข้อมูลของฉันได้ง่ายดายอยู่หรอก”
ธามบอกอย่างนึกขำ เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของคนบนตักเขา
“มิน่า ...ผมถึงเห็นคุณแปลงเป็นร่างหมาป่าไม่ใช่มนุษย์หมาป่าอย่างที่วกะทั่วไปเป็น”
วิรัลพึมพำ แล้วจึงชะงักเมื่อหวนคิดถึงอะไรบางอย่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่เขานั่งตักอย่างลังเลและแฝงความหวาดหวั่นให้สัมผัสได้
“เพราะอย่างนั้นคุณถึงต้องการหัวใจของผมสินะ...”
ธามนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆแล้วพยักหน้ายอมรับตามมา
“ใช่...ฉันเคยคิดแบบนั้น ....แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม”
วิรัลสะดุ้ง แล้วมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตัดพ้อและผิดหวังเสียยิ่งกว่าความหวาดหวั่นที่น่าจะเป็นเสียอีก
“อย่ามองฉันแบบนั้นสิ...ฉันต้องการหัวใจของเธอก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าหัวใจจริง ๆ เหมือนก่อนหน้านั้นสักหน่อย”
ธามเอ่ยขึ้นพร้อมกับโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ขมับของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“ที่ฉันต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักของเธอต่างหาก...จะมอบมันให้ฉันได้ไหม ถ้าเธอมอบให้ได้ฉันเองก็จะมอบหัวใจรักของฉันให้กับเธอเช่นเดียวกัน”
วิรัลนิ่งอึ้งไปอีกรอบ ทว่าเมื่อแววตาคมกริบพร้อมใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ชิดใบหน้าของเขาขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มก็ต้องหน้าร้อนวูบวาบ แล้วพึมพำเสียงแผ่วตอบรับไปอย่างลืมตัว
“ครับ...ผมจะมอบมันให้คุณ”
ธามแย้มยิ้มอ่อนโยนแล้วจึงกระชับจุมพิตอันดูดดื่มกับร่างโปร่งขึ้นอีกครั้งเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เสียงกรอกแกรกจากด้านนอกประตูห้องนอนของวิรัลก็ดังขึ้นธามซึ่งหูไวพอ ๆ กับวิรัล รีบหันขวับไปมองที่ประตู ก่อนที่เด็กหนุ่มจะรีบกระซิบบอกอีกฝ่าย
“คุณรีบไปเถอะครับ ...เดี๋ยวใครจะมาพบเข้า”
“แล้วฉันจะมาหาเธอแบบคืนนี้ อีกได้ไหม”
ธามยังคงต่อรองวิรัลมองไปที่ประตูซึ่งมีเสียงฝีเท้าใกล้มาทุกขณะอย่างกังวลแล้วจึงตัดสินใจหันมาบอกอีกฝ่าย
“ได้ครับ ...คุณรีบหนีไปเถอะครับ”
“...ขอบใจ แล้วฉันจะมาหาเธออีกนะ”
ธามชะโงกหน้ามาหอมแก้มเนียนของเด็กหนุ่ม ก่อนจะลุกขึ้นกระโดดถอยหลังออกไปหน้าระเบียงแล้วกลับกลายร่างเป็นหมาป่าสีเงินแสนสง่างามจากนั้นจึงกระโจนโดดจากระเบียงไปอย่างรวดเร็วอันเป็นเวลาเดียวกับที่ประตูถูกเคาะพอดี
“ท่านวิรัล ...หลับหรือยังครับ”
พิชญ์นั่นเอง ชายหนุ่มนั้นกำลังนั่งทำงานอยู่ห้องทำงานชั้นล่างแต่แล้วระหว่างที่คลายสมาธิละสายตาจากงาน เขาก็เกิดคลับคล้ายคลับคลาเหมือนได้ยินเสียงกรอกแกรกแว่วๆ ดังมาจากชั้นสอง ทั้งที่เวลานี้วิรัลน่าจะนอนหลับแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจขึ้นมาสำรวจดูห้องพักของนายน้อยของเขาสักหน่อย
“อือ...พิชญ์เหรอ ...ฉันยังไม่หลับหรอก ไม่ง่วง...แต่สักพักจะนอนแล้วล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
วิรัลที่ยืนอยู่แสร้งบอกออกไปแบบนั้นเพราะถ้าทำเป็นหลับ บางทีพิชญ์อาจจะยิ่งสงสัยมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
“ผมขอเข้าไปในห้องได้ไหมครับ”
วิรัลสะดุ้งเฮือกรีบสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าตนเองทันทีโชคดีที่ธามนั้นแค่เพียงเล้าโลมภายนอกของเขา ไม่ได้จับเขาถอดเสื้อผ้าออกไม่อย่างนั้นคงแต่งตัวกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว
“ได้...เข้ามาสิ”
วิรัลทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาระหว่างที่พิชญ์เปิดประตูเข้ามาชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจที่เห็นผ้าม่านและประตูบานกระจกเปิดออกและนายน้อยของเขาก็ไปนั่งเล่นอยู่โซฟาใกล้บริเวณนั้น
“นอนไม่หลับหรือครับ...”
พิชญ์ถามพร้อมกับเพ่งสังเกตพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายโชคดีที่ไฟในห้องนอนมีเพียงแสงสลัวแถวหัวเตียงจึงทำให้ชายหนุ่มสังเกตใบหน้าของวิรัลไม่ชัดนัก
“ก็...มัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
วิรัลบอกแล้วเมินไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย แต่นั่นทำให้พิชญ์ตีความว่าเด็กหนุ่มอาจจะกำลังคิดถึงธามอยู่ก็ได้
“อย่าเอาแต่คิดมากอยู่เลยครับ...กับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนั้น”
วิรัลสะดุ้งโหยง มั่นใจว่าพิชญ์ต้องพูดถึงธามแน่และเริ่มกังวลว่า หากพิชญ์เข้ามาใกล้เขามากไปกว่านี้ อาจจะทำให้ชายหนุ่มได้กลิ่นมนุษย์และสาบสัตว์เบาบางที่ติดกายเขาอยู่ตอนนี้ก็ได้
ทว่าอาการตัวสั่นคล้ายหวาดหวั่นบางอย่างของวิรัลกลับทำให้พิชญ์เข้าใจผิดไปว่า เด็กหนุ่มคงกำลังเสียใจเรื่องธามจึงทำให้พิชญ์ไม่คิดจะรบกวนอีกฝ่ายต่อ และทำได้เพียงแค่ปลอบโยนเบา ๆ ก่อนจาก
“ผมเชื่อว่าท่านจะผ่านความรู้สึกเหล่านี้ไปได้สักวันแน่นอน...ยังไงก็พักผ่อนเสียเถอะครับ พรุ่งนี้จะได้ไม่รู้สึกเพลีย”
พิชญ์บอกแล้วก็เตรียมจะเดินออกไปทำให้วิรัลรู้สึกผิดที่ปิดบังอีกฝ่าย จนทำให้เด็กหนุ่มต้องเรียกรั้งพี่เลี้ยงคนสนิทเอาไว้อย่างลืมตัว
“พิชญ์!”
“...มีอะไรหรือครับ ท่านวิรัล”
พิชญ์หันมาถามอย่างแปลกใจวิรัลนิ่งอึ้งและรีบหาเรื่องแก้ตัวตามมาทันที
“เอ่อ...คือฉันอยากจะบอกว่าขอบคุณนะที่เป็นห่วง...ยังไงฉันก็จะพยายามผ่านมันให้ได้อย่างแน่นอน”
วิรัลอ้อมแอ้มบอกแล้วก้มหน้าหลบตา แต่นั่นกลับทำให้พิชญ์แย้มยิ้มน้อยๆ แล้วโค้งให้
“ครับ ...ผมจะเอาใจช่วยนะครับ”
จากนั้นพี่เลี้ยงหนุ่มจึงออกจากห้องไปทิ้งให้คนที่อยู่ในห้องทอดถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษนะพิชญ์... แต่บอกเรื่องนี้กับนายไม่ได้จริง ๆ...บอกใครในหมู่พวกเรามโคไม่ได้ทั้งนั้น...”
วิรัลพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงจัดแจงปิดประตูกระจกและผ้าม่านก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงใหญ่ กลิ่นกายมนุษย์และสาบสัตว์บางเบาของธามยังติดตรึงบางเบาที่ผิวกายของเขามันไม่ใช่กลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนและน่ากลัว แต่เป็นกลิ่นที่ชวนให้วาบหวิวและรู้สึกดีผิดคาด
และภายในคืนนั้นวิรัลก็อาศัยกลิ่นกายของธาม ที่ติดเสื้อผ้าของตนช่วยบำบัดอารมณ์ใคร่ที่เกิดขึ้นไม่แตกต่างจากเจ้าของกลิ่นที่ยามนี้ก็กำลังอาศัยภาพใบหน้าหวาน ๆ ในความทรงจำ ช่วยระบายความเก็บกดที่เกิดขึ้นกับร่างกายให้คลายสิ้นไปเสียภายในคืนนี้ด้วยเช่นกัน
...TBC...
เห็นหลายคนบ่นกลัวดราม่า เรื่องนี้ไม่ดราม่านะจ๊ะ อาจจะมีฉากบีบคั้นอารมณ์บ้างแต่ก็นั่นล่ะ ไม่ดราม่าหรอกค่ะ ตอนปัดคิดพล็อตปัดยังคิดเลยว่า แฮปปี้แบบนี้มันจะดูง่ายไปไหมฉัน -*- แต่เอาเถอะ เพราะคนเขียนอยู่สายแฮปปี้เอ็นดิ้งค่ะ เน้นหวานเป็นหลัก ขมไปห่าง ๆ (หุ ๆ) ชอบทรมานกลั่นแกล้งตัวละครเป็นพัก ๆ (แอบโรคจิต) แต่ยังไงก็รักตัวละครทุกตัว ยกเว้นตัวโกง (อิ ๆ ก็รักบ้าง แต่ชอบกลั่นแกล้งมากกว่า)
* ส่วนคำศัพท์ สำหรับบทนี้ มฤคเศวต (มันไม่มีศัพท์นี้จริง ๆ หรอกค่ะ ปัดผสมเอาเอง - -”)
มฤค-กวาง เศวต-ขาว รวมกันเป็น กวางขาว หรือ กวางเผือกนั่นเอง แหะ ๆ คำอื่นที่แปลว่าขาวมันก็เยอะ แต่มันมารวมกันแล้วรูปคำไม่เพราะอะค่ะ ปัดเลยเลือกคำนี้แทน ติดขัดตายังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ
ด้านล่างนี่แอบสปอยส์ ถึงตัวละครใหม่นิด ๆ ใครไม่กลัวเสียอรรถรสในการอ่าน ก็ลากแถบดำอ่านเอาเองนะคะ ^^” สำหรับตัวละครใหม่ที่กำลังจะปรากฏ ซึ่งก็คือคุณหนูม่านฟ้า คู่หมั้นของวิรัล จะเป็นคนแบบไหน ยังไง เชิญติดตามรออ่านกันได้ค่ะ แต่ถ้าใครที่ตามอ่านนิยายของปัดมาแต่ละเรื่องแล้วล่ะก็ คงจะจำได้นะคะ ว่าสาว ๆ แต่ละคนนี่น่ารักน่าหยิกกันขนาดไหน ไอ้เรื่องจะมากรี๊ด ๆ แย่งผู้ชายนี่ แทบจะไม่ปรากฏในตัวละครหญิงตัวหลักของปัดอยู่แล้วจ้ะ เพราะงั้น แอบสบายใจได้นิดนึงเนาะ ^^ มีอะไรท้วงติง ติชม เชิญตามสบายค่ะ ส่วนปมต่าง ๆ จะค่อย ๆ ทยอยแทรกไประหว่างการดำเนินเรื่องในแต่ละบทจ้ะ ^^ ในเรื่องนี้ ตั้งใจว่า จะให้มีตัวประหลาดโผล่มาให้เห็นอีกสองสามเผ่าล่ะนะคะ ^^