เป็นได้แค่ตัวแทน
บทสรุป
ผมนั่งมองมือที่กุมกันไว้บนตักเพราะไม่อยากสบตากับคนที่นั่งตรงข้าม... แต่สักครู่ก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย "พี่เหมคบกับฟ่างเพราะอะไร... พี่เหมชอบฟ่าง... หรือว่าเห็นเป็นแค่ตัวแทนของ...พี่มิว"
พี่เหมนั่งเงียบ... เงียบจนผมคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ตอบ แต่พอเงยหน้าไปมอง กลับเห็นแววตาเสียใจมองสบมา "ในตอนแรก พี่ยอมรับว่าใช้ฟ่างเป็นตัวแทนของมิว..." พูดถึงตรงนี้พี่เหมก็เงียบไป ยื่นมือมาตรงหน้าผม แล้วใช้นิ้วโป้งแข็งๆ เช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้ "พี่ขอโทษ..."
ถามเอง เจ็บเอง ผมรีบยกหลังมือป้ายน้ำตาที่ไม่รู้ไหลมาตอนไหนออกลวกๆ แล้วยิ้มฝืนๆ ให้อีกฝ่าย...
"แต่ฟ่างไม่ใช่มิว... ฟ่างไม่เหมือนมิว" พี่เหมหยุดพูด ดึงมือผมไปกุมไว้ แล้วพูดเหมือนพึมพำกับตัวเอง "ฟ่างมีค่ามากกว่า..."
"ตอนนี้..." กลืนน้ำลายลงคอแล้วผมก็พูดต่อเสียงเครือ "พี่ยังรักพี่มิวอยู่ไหม" รอฟังคำตอบด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ก่อนจะค่อยๆ เต้นในจังหวะปกติเมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธ
"ไม่..." พี่เหมตอบทันที ก่อนจะพยักหน้าเหมือนแน่ใจในสิ่งที่พูดแล้ว "พี่ไม่ได้รักมิวแล้ว"
ผมเงยหน้าขึ้นมองสบตาของอีกฝ่าย และแม้มันจะน่าอาย แต่ผมก็ตัดสินใจถามออกไป "พี่เหมรักฟ่างไหม"
"รักครับ... พี่รักฟ่าง"
ผมยิ้มปากสั่นๆ ก่อนจะบอกในสิ่งที่อีกฝ่ายน่าจะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว "ฟ่างก็รักพี่..."
"พี่รู้" บอกแล้วพี่เหมยกมือผมขึ้นจุมพิตเบาๆ "พี่รู้ว่าฟ่างรักพี่... พี่ขอโทษที่ไม่เคยบอกรักฟ่าง... ขอโทษที่ทำให้ฟ่างต้องถามออกมาเอง..."
พวกเรานั่งกุมมือกันอยู่เงียบๆ สักครู่ ผมก็ตัดสินใจถามสิ่งที่ค้างคาใจออกไป "ตอนที่พี่มิวกลับมา... พี่อยากคืนดีกับเขาไหม"
พี่เหมไม่ตอบ แต่เห็นแววตา แล้วผมก็รู้คำตอบได้ทันที...
ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นคนเจ้าน้ำตาแบบนี้... แม้จะร้องไปแล้วมากมายเพียงใด แต่เหมือนต่อมน้ำตามันจะไม่ยอมหยุดทำงานสักที
"พี่ขอโทษ..." พี่เหมกระซิบบอก เอื้อมมาจะเช็ดน้ำตาให้อีกครั้ง แต่ผมจับมือข้างนั้นไว้ แล้วส่ายหน้า... หยดน้ำตาตกต้องมือของเราทั้งสอง เสียงพี่เหมดังขึ้นอีกครั้ง "ตอนนั้น... พี่ไม่รู้เหมือนกันว่ายังรักมิวอยู่หรือเปล่า..."
"......"
"ฟ่างอาจจะมองว่าพี่เลว..." พี่เหมบอก แล้วยกนิ้วขึ้นปิดปากผมที่กำลังอ้าปฏิเสธ ให้ยังไง ผมก็ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายเลวสักที "ฟังพี่ให้จบก่อน..." บอกแล้วก็รอจนผมพยักหน้าจึงพูดต่อ "ก่อนที่มิวจะไปนอก เราทะเลาะกันบ่อยมาก... ถ้าพูดตามตรง สาเหตุมันเกิดมาจากความหึงหวงของพี่เกือบทุกครั้ง" พี่เหมหยุดถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ "มิวเป็นคนมีเสน่ห์ ร่าเริง และเข้ากับคนง่าย ผิดกับพี่ที่ค่อนข้างจะไร้มนุษยสัมพันธ์..."
ไม่เห็นจะจริงเลย พี่เหมใจดีจะตาย กับเด็กๆ อย่างเพื่อนผมพี่เหมยังไม่ถือตัวเลย...
พี่เหมอมยิ้ม คงอ่านสีหน้าออกว่าผมกำลังคิดอะไร "พี่เข้ากับคนยาก หากไม่สนิทก็แทบจะไม่คุยด้วยเลย และไม่ชอบออกสังคม ซึ่งตรงข้ามกับมิวทุกอย่าง..." พี่เหมยักไหล่ "พี่ให้มิวออกจากงานเพราะหึงที่อีกฝ่ายสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงาน..." พี่เหมหยุดพูด เหมือนมันมีอะไรมากกว่า แต่ไม่ได้พูดออกมา แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร รอให้อีกฝ่ายเล่าเอง "หลังจากนั้นไม่นาน มิวก็บอกกับพี่ว่าได้ทุนไปปารีส... พี่ห้ามไม่ให้เขาไป ถ้าไปก็ต้องเลิกกัน... แต่เขาก็ไป"
"......."
"ตอนนั้นพี่เหมือนตัวคนเดียว เพื่อนๆ มองว่าพี่ไม่มีเหตุผล..."
ไม่รู้ทำไม น้ำตามันถึงเอ่อออกมาอีกครั้ง ผมรู้สึกถึงความโดดเด่นของพี่เหม
เสียใจแต่ไม่รู้จะระบายให้ใครฟัง...
เสียใจแต่ไม่มีใครรับฟัง ...
"แล้วคนที่บ้าน?"
นิ้วแข็งๆ ปาดน้ำตาออกจากแก้มให้ พี่เหมยิ้มฝืนๆ แล้วส่ายหน้า แต่ไม่พูดอะไร เล่าเรื่องพี่มิวต่อ "พี่บอกตัวเองว่าลืมมิวแล้ว แต่พอได้เห็นหน้าอีกครั้ง... มิวเหมือนกับของเล่นชิ้นโปรดที่หายไป..."
"......."
"ตอนแรกพี่คิดว่ายังรักเขาอยู่... แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย"
ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย... รู้ว่าพี่เหมไม่เคยโกหก แต่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"พี่สะใจที่เห็นเขาทุรนทุรายอยากได้พี่คืน... สะใจเวลาที่เห็นความเจ็บปวดในแววตาเขา..."
"......."
"แต่ความสะใจมีได้ไม่นานพี่ก็เริ่มไม่สนุก... เริ่มคิดว่าทำไมจะต้องเสียเวลากับคนๆ นี้ด้วย... ความเสียใจหรือความเจ็บปวดของมิวไม่มีผลกับพี่อีกต่อไป" พี่เหมยักไหล่ "พี่นัดเขาออกมาเพื่อคืนแหวน..."
"วันนั้น?"
พี่เหมพยักหน้า "พี่ขอโทษที่ไม่ยอมอธิบาย..."
ผมส่ายหน้า น้ำตาเอ่อคลอหน่วยตาอีกครั้ง "ฟ่างผิดเองที่ไม่ถาม"
พี่เหมส่ายหน้า "เปล่าเลย พี่ต่างหากที่ผิดเอง... พี่รู้ว่าฟ่างอาจจะระแวง แต่เพราะมั่นใจมากเกินไป ทำให้ไม่ยอมบอก ไม่ยอมอธิบาย จนเรื่องมันเลยเถิดไปไกล... พี่จะไม่ขอให้ฟ่างยกโทษให้ เพราะสิ่งที่พี่ทำลงไป แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ทำให้ฟ่างต้องเสียใจ..." พี่เหมบอก ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น "แต่ขอโอกาสให้พี่อีกสักครั้ง... ได้ไหม"
คนที่หยิ่งทนงในศักดิ์ศรี... ไม่เคยอ้อนวอนผู้ใด
แต่วันนี้เขากลับลงทุนคุกเข่าขอร้องผม ให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง
ทำถึงขนาดนี้... แล้วจะให้ผมใจร้ายปฏิเสธลงได้อย่างไร
แม้พี่เหมจะบอกว่าตัวเองผิด... ที่ทำอะไรไม่เคยบอก ไม่เคยอธิบายให้เข้าใจ
แต่ผมก็ผิด... ที่คิดเองเออเองไม่เคยถามไถ่
มนุษย์เกิดมาไม่มีใครไม่ทำผิด... ทุกคนต้องเคยทำผิดด้วยกันทั้งนั้น
หากยอมรับและคิดจะปรับปรุงตัว... เขาก็ควรได้รับโอกาสสักครั้ง
แล้วเราสองคนหละ... ควรจะได้รับโอกาสอีกสักครั้งไหม
"พี่เหมยังรักฟ่างอยู่ไหม"
พี่เหมพยักหน้า "รัก... รักมาก"
"ฟ่างก็รักพี่" ผมตอบ แล้วยิ้มทั้งน้ำตา
พี่เหมบีบมือผมเบาๆ แล้วบอกเสียงหนักแน่น "พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ฟ่างต้องเสียใจอีก" ก่อนจะยกมือข้างขวาแล้ววางลงที่อกข้างซ้าย "หากพี่ผิดสัญญา ขอให้..."
ผมยกมือขึ้นปิดปากพี่เหมไว้ แล้วมองจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ "ไม่ต้องสัญญา... แต่ฟ่างอยากให้พี่เหมรู้ไว้ หากต้องเสียใจอีกครั้ง ฟ่างคงทนมีชีวิตต่อไปไม่ได้"
พี่เหมไม่สัญญาอะไรอีก ทำเพียงพยักหน้า แล้วรั้งผมเข้าไปกอด...
อวสานเย้ๆๆๆๆ จบแล้วโว๊ย!!!!
