เสียงเพลงจากมือถือที่ดังขึ้นๆ เรื่อยๆ ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น... ควานมือไปยังที่มาของเสียงแล้วกดรับ โดยไม่ได้มองชื่อที่หน้าจอ...
"ครับ?"
[ทำไมรับช้า] เสียงหงุดหงิดดังมาตามสาย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใคร ผมกรอกเสียงแหบๆ ตอบไป "เพิ่งตื่นครับ"
พี่เหมเงียบไปนิด ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่เจือความห่วงใยแทน [ทำไมเพิ่งตื่น ไม่สบายหรือเปล่า]
"ครับ เป็นหวัด"
[ไปหาหมอหรือยัง นอนอยู่ที่ไหน มีใครดูแลมั้ย] คำถามที่ยิงมาเป็นชุด ทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ นึกถึงตอนที่อยู่ด้วยกัน หากผมไม่สบาย อีกฝ่ายก็จะหยุดงานหรือไม่ก็นำงานกลับมาทำที่บ้าน เพื่ออยู่ดูแลผมด้วยตัวเอง
แม้จะเป็นได้แค่ตัวแทน... แต่อย่างน้อย ก็มีช่วงเวลาหนึ่งที่ผมคิดว่าพี่เหมห่วงใยผมด้วยใจจริง
"พี่โจ้ซื้อยามาให้แล้วครับ" ผมบอก แล้วลุกขึ้นเอนพิงหัวเตียง เพราะนอนคุยไม่ถนัด
[อืม... แล้วอาการเป็นไงบ้าง ปวดหัวหรือเปล่า]
หายปวดหัวแล้ว แต่ยังคัดจมูกอยู่ และรู้สึกร้อนและเหนียวตัวหน่อยๆ ผิดกับทุกครั้งที่ตื่นมาแล้วจะรู้สึกหนาว "ใกล้หายแล้วครับ เหงื่อออกแล้ว"
[อย่าเพิ่งอาบน้ำนะ เช็ดตัวไปก่อน เดี๋ยวไข้กลับ]
"ครับ" ผมรับปาก... เหลือบตามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังเหนือตู้เสื้อผ้า บ่ายสามโมงแล้ว "พี่เหมอยู่ไหนครับ ที่ทำงาน?"
[วันนี้วันอาทิตย์] พี่เหมพูดไปคนละเรื่อง แต่สื่อความหมายได้เหมือนกัน วันอาทิตย์เป็นวันหยุด พี่เหมอาจจะอยู่บ้านกับพี่มิว หรือไม่ก็ออกมาสังสรรค์กับเพื่อนๆ
เพื่อนๆ ที่เห็นผมเป็นก้างขวางความรักระหว่างพี่เหมและพี่มิว
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน บ้านหรือข้างนอก แต่ก็ไม่เหมาะที่ผมจะคุยต่อ...
"งั้น... ฟ่างไม่รบกวนแล้วดีกว่า... สะ"
[ใครบอกรบกวน พี่อยู่บ้าน ไม่ได้ทำงาน]
"ก็... นึกว่าเพื่อนมาหา"
[พี่ไม่เคยพาเพื่อนมาบ้าน ฟ่างน่าจะรู้] ก็ใครจะรู้ นึกว่าพี่เหมไม่พร้อมที่จะเปิดตัวผมกับเพื่อนๆ จึงไม่ชวนใครมาบ้าน...
"แล้ว...." ผมพยายามนึกหาคำพูดที่อีกฝ่ายฟังแล้วจะไม่รู้สึกว่าผมละลาบละล้วงเกินไป แต่ก็นึกไม่ออก จึงถามตรงๆ "พี่เหมอยู่....คนเดียวหรือเปล่าครับ"
[คิดว่าพี่อยู่กลับใครหละ]
พี่มิว... ผมตอบในใจ แต่ไม่ทันจะพูด อีกฝ่ายก็ถามต่อด้วยน้ำเสียงประชดประชัน [ฟ่างไม่อยู่ แล้วพี่จะอยู่กับใคร]
แปลกนะ แทนที่ถูกประชดประชันแล้วผมจะฉุน แต่กลายเป็นสุขใจจนเผลอยิ้มออกมา "พี่เหมทานอะไรหรือยังครับ"
[อืม...] งึมงำอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง
"อืม นี่คือ ทานหรือยังไม่ทานครับ" เผลอคาดคั้นไปแล้ว ก็เพิ่งจะนึกได้ว่าผมไม่มีสิทธิ์อะไรอีกต่อไป เมื่ออีกฝ่ายตอบมาว่า [ยัง...] ผมจึงทำเพียงถามเบาๆ "แล้วหิวมั้ยครับ ถ้าหิว ฟ่างวางสายก่อนก็ได้"
[อืม... วางเถอะ จะได้พักผ่อน]
"ครับ บายครับ"
[บาย]
ผมเอนตัวลงนอนแล้วนำมือถือมาแนบไว้กับหู ฟังเสียงก๊อกแก๊กๆ จากปลายสาย เพราะพี่เหมยังไม่กดวาง... สักครู่เสียงคนคุยกันก็ดังขึ้นมาเบาๆ
รู้สึกจุกที่อก... ขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว
ไหนบอกอยู่คนเดียว คนโกหก...
แต่ให้เจ็บยังไง ผมก็ยังไม่ยอมกดวาง... ไหนๆ ก็เจ็บแล้ว ก็ขอให้เจ็บสุดๆ ไปเลยดีกว่า... เผื่อบางทีจะตัดใจได้
'หนึ่ง... สอง... เริ่ม'
'สวัสดีครับ ผม นายปัณฑ์ธร ปักษ์ตระกูล นักเรียนชั้นปีที่ 6/1'
'ไม่ใช่เว้ย ต้องบอก นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1'
'อ้าวเหรอ เออ โทษๆ'
'เอาใหม่... หนึ่ง... สอง... เริ่ม'
'สวัสดีครับ ผม นะ นายปัณฑ์ธร ปักษ์ตระกูล นะ'
'เสียงสั่นอะ แล้วก็มองกล้องด้วย ก้มหาเหรียญรึไงวะ เอาใหม่ๆ'
'ก็มันตื่นเต้นอะ'ร้อนวูบวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่รู้ว่าไข้กลับหรืออะไรกันแน่... พลิกตัวนอนคว่ำ เอาหน้ากดลงไปกับหมอน แล้วผมก็ตะโกนออกมาดังๆ "อื้อๆๆๆๆๆ..." แต่พอเริ่มจะหายใจไม่ออกก็ต้องยกหน้าออกมา...
นายปัณฑ์ธร ปักษ์ตระกูล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1... หน้าสิวเขรอะ ฟันก็ยังไม่ได้ถอดเหล็กออก
ผมเอาหน้ากดลงไปกับหมอนอีกครั้ง... พี่เหมไปเอามาจากไหน
แม่... ต้องเป็นแม่แน่ๆ
แม่นะแม่... ทำกันได้
=justasubstitute=
"ครับ?"
[ทำไรอยู่]
"ขุดดินครับ"
เดาได้เลยว่าพี่เหมคงกำลังทำหน้านิ่ว [ขุดทำไม]
"จะปลูกผักครับ" ผมตอบ แล้วสาธยายให้ฟังว่ามีผักอะไรบ้างที่กำลังจะนำมาลง ก่อนจะถามกลับ "พี่เหมทำไรอยู่ครับ"
[คุยกับฟ่าง]ผมหัวเราะเบาๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่เหมก็พูดเล่นเป็นด้วย ปกติเห็นพูดเป็นงานเป็นการตลอด [ทานข้าวกลางวันยัง]
"ทานแล้วครับ แล้วพี่เหมหละ"
[กำลังจะไป เพิ่งประชุมเสร็จ]
"อ้าว งั้นฟ่างวางก่อนดีกว่า พี่เหมจะได้ไปทานข้าว"
[ไม่เป็นไร คุยได้ พี่ไม่ได้ขับรถ]
"อ๋อ..." ผมพึมพำ แล้วเงียบไป เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี ทั้งๆ ที่ก่อนนี้ ผมเป็นคนที่พูดเยอะมาก... เยอะจนบางทีพี่เหมก็ถามหลังจากที่ผมหยุดพักหายใจ 'ดื่มน้ำหน่อยมั้ย เดี๋ยวคอแห้ง' 555+
แต่ตอนนี้ผมกลับไม่รู้จะพูดอะไรดี ทั้งๆ ที่มีเรื่องเยอะแยะที่ผมอยากรู้ และอยากถาม
เหมือนคนที่กำลังเดินอยู่ในสนามที่มีกับระเบิด... ระมัดระวังคำพูด กลัวว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายระคายใจ และบรรยากาศดีๆ ที่มีมาตลอดสองสัปดาห์จะพังทลายลง
แต่ให้ระมัดระวังอย่างไร ก็ไม่อาจห้ามความอยากรู้ไปได้... รู้ทั้งรู้ว่ามันต้องเจ็บแต่ก็อยากจะฟัง
ผมคงเป็นหนึ่งในคนที่ชอบความเจ็บปวด... พวกมาโซคิสม์
แต่... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว หากเป็นจริงอย่างที่คิดก็จะได้ตอกหมุดฝังเข็มมันไปเลย "ทานกับใครครับ"
แต่คำตอบที่ได้กลับไม่เป็นตามที่คิด [เวนเดอร์]
ผมอ๋ออีกครั้ง "คนไทยหรือต่างชาติครับ"
[แขก...อินเดีย] พี่เหมตอบ แล้วก็เงียบไป
และผมก็เงียบไปเช่นกัน เพราะไม่รู้เกี่ยวกับงานของอีกฝ่าย แต่ก็พอเดาได้ว่าแขกพวกนี้คงมาลงระบบใหม่ให้กับบริษัท เพราะพี่เหมเคยเล่าให้ฟังเรื่องความเก่งกาจด้านเทคโนโลยีของคนอินเดีย...
[ฟ่าง?]
"ครับ?"
[ทำไมเงียบไป]
"ก็... ไม่รู้จะพูดอะไร" ผมว่า ก่อนจะถามเพราะได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันจ๊อกแจ๊กจอแจ น่าจะถึงร้านอาหารแล้ว "ถึงร้านแล้วเหรอครับ"
[อืม...]
"งั้น ผมไม่กวนละ ทานอาหารให้อร่อยนะครับ"
[อืม...] พี่เหมรับคำงึมงำ เหมือนคนมีอะไรในใจ แต่พอผมบอกลา พี่เหมก็รีบเรียกไว้ [ฟ่าง...]
"ครับ?"
[กลับบ้านเราเถอะ]
http://www.youtube.com/v/dRJn317jyvk?version=3&hl=en_US&rel=0" type==justasubstitute=
คนเขียนเพลียมากกกก แต่สงสารคนรอ... เอาไปแค่นี้ก่อนนะ
